พิมพ์หน้านี้ - รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Angel_K ที่ 09-05-2010 23:00:29

หัวข้อ: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 09-05-2010 23:00:29
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 1 แรกพบ

ติ๊ด ๆ ๆ ...>>

“อื้อ” เสียงนาฬิกาปลุกให้ผมตื่น ก่อนเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง แล้วลุกออกจากเตียงในห้องนอนไปหยุดที่ประตูกระจกบานใหญ่ที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ผมเลื่อนประตูกระจกบานใหญ่และก้าวออกไปยืนที่ระเบียง ผมมักจะออกมาสูดอากาศยามเช้าและมองดูชีวิตผู้คนจากจากมุมสูงอยู่เสมอ ซึ่งนั่นถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ผมตัดสินใจเลือกมาใช้ชีวิตบนชั้น 32 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของคอนโดฯ แห่งนี้

ผมออกมาอยู่ที่นี่โดยยกเหตุผลไปอ้างกับที่บ้านว่าอยู่นี่มันใกล้กับที่ทำงาน เพื่อที่ผมจะได้ออกมาอยู่คนเดียว มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ดี หรือเป็นเพียงข้ออ้างที่ผมใช้ แต่สุดท้ายมันก็สำเร็จ แต่เหตุผลจริงๆ สำหรับผม “กันตภัทร” ผู้ชายที่หลายคนมองว่าเพียบพร้อมไปทุกด้าน ทั้งรูปร่าง หน้าตา การศึกษา ฐานะ และอะไรอีกหลายอย่างที่หลายๆ คนมองด้วยความชื่นชมและอิจฉา มันมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งแม้แต่ตัวผมเองยังหาคำตอบไม่ได้และไม่เคยมั่นใจว่าอะไรคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมกำลังมองหาอะไร และทำไมผมจึงต้องเลือกออกมาใช้ชีวิตตามลำพัง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีครอบครัวที่อบอุ่น และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมสับสนกับตัวเองอยู่พอสมควร

ชีวิตของผมไม่เคยขาดอะไร ยิ่งผมเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดี ออกจะตามใจเสียด้วยซ้ำ และผมก็ไม่เคยทำอะไรให้ท่านทั้งสองเสียใจเลยสักครั้ง เงินทองผมมีใช้ไม่ขาดมือ เพื่อนฝูงผมก็มี เรื่องผู้หญิงก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่เคยขาด คนอย่างผมไม่เคยขาดอะไรเลย แล้วทำไมผมยังต้องคิดอะไรมากมาย

ความจริงผมก็ไม่ใช่คนที่คิดมากอะไรหรอก และจะไม่เคยคิดเลย หากไม่ได้ยินคำพูดของเพื่อนผมคนหนึ่งที่พูดในงานแต่งงานของมันเอง มันแค่พูดว่า

“ผมยินดีและพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่ผมรักมีความสุข ผมสัญญาว่าจะดูแลเธอตลอดไป”

แค่ประโยคสั้นเพียงแค่นั้นมันทำให้ผมหันกลับมามองตัวเองและคิดว่าผมจะมีวันที่จะพูดประโยคนั้นรึเปล่า ในเมื่อผมยังไม่เคยรักใคร คนที่เข้ามาในชีวิตผม ก็ไม่เคยมีใครที่ผมรักเลยสักคน

เวลาผ่านไปพอสมควรแล้วที่ผมยืนคิดอะไรเงียบๆ มาได้สักพัก และเห็นว่ามีเมฆฝนเริ่มตั้งเค้าแล้ว ผมควรจะเตรียมตัวและออกไปทำงานเสียที ท่าทางเช้านี้ฝนคงจะตก ผมคงต้องออกก่อนเวลาปกติสักครึ่งชั่วโมง ผมไม่อยากติดอยู่บนถนนที่รถติดนานนัก เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงรีบกลับเข้าห้องเพื่อทำธุระส่วนตัว จริงๆ แล้วถึงผมจะเข้างานสายมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ต้องมากังวลอะไรมากมาย ในเมื่อผมเป็นเจ้าของบริษัทฯ นี้ ใครจะมาว่าอะไรได้ เพียงแต่ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะเข้มงวดกับตัวเองอยู่พอสมควรและอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงานคนอื่น ผมจึงเลือกที่จะไปทำงานตามเวลาเสมอ ถ้าไม่มีธุระด่วนหรือต้องออกไปพบลูกค้าในช่วงเช้า

.............................................................
...............................................
...........................


“เฮ้ย!! เอี๊ยดดดดด...” เสียงสบถของผมและเสียงเบรกรถยนต์ที่ผมเบรกได้ทันก่อนที่รถจะชนเข้ากับชายคนหนึ่ง ที่อยู่ดีๆ ก็กระโดดลงมาจากฟุตบาททั้งๆ ที่ฝนกำลังตกหนักและมาหยุดอยู่หน้ารถของผม แล้วก้มลงเหมือนจะจับหรืออุ้มอะไรสักอย่างไว้ โชคยังดีที่ฝนตกหนักรถจึงวิ่งได้ไม่เร็วนัก คนๆ นั่นเลยไม่ถูกรถชนเข้าแล้วเขาก็โชคดีที่ไม่มีรถคันหลังวิ่งตามมา ดูท่าทางการแต่งกายแล้วคงจะเป็นนักศึกษามากกว่าคนทำงาน  ผมจึงจอดรถหลบเข้าข้างทางและลงจากรถโดยไม่ลืมคว้าร่มที่เบาะหลังลงไปด้วย

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมตะโกนแข่งกับสายฝนเพื่อถามคนตรงหน้า พร้อมกับยื่นร่มไปกันฝนให้ คนๆ นั้นยังคงนั่งก้มหน้าและทำท่าทางเหมือนกำลังอุ้มอะไรสักอย่างในอ้อมกกอด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ” คนที่นั่งอยู่ตะโกนตอบ ก่อนขยับตัวลุกขึ้นพลางยื่นเจ้าลูกหมาตัวเปียกๆ หน้าตามอมแมมในมือเขาให้ผมดู ผมว่าผมสูงแล้วนะ คนที่อยู่ตรงหน้ายังสูงกว่าอีก

“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมเห็นเจ้านี่มันวิ่งมาจากไหนไม่รู้ แล้วอยู่ดีๆ มันก็กระโดดลงไปที่ถนน ผมเลย...” ผมไม่รอให้คนตรงหน้าพูดจบ แต่เอื้อมมือไปดึงแขนของอีกคน ให้เดินตามเขาขึ้นไปบนยืนฟุตบาทก่อนที่รถคันหลังจะบีบแตรไล่เราทั้งคู่

“คราวนี้ถือว่าเป็นโชคดีของนายกับเจ้าตัวเล็กนั่น แต่คราวหน้า...” ผมกลืนคำว่า “นายอาจไม่รอด” ให้หายลงคอไป ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพูดประโยคอื่นไปแทน

“ระวังหน่อยแล้วกัน แล้วอย่าเที่ยวไปกระโดดตัดหน้ารถใครเขาแบบนี้อีกล่ะ” เป็นคำที่ผมเลือกจะพูดออกไปแทนประโยคที่คิดเมื่อครู่

“ครับ”

“แล้วจะไปที่ไหนต่อ” ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าเพราะเห็นว่าเปียกไปทั้งตัว คงไปเรียนในสภาพนี้ไม่ได้แล้วแน่ๆ

“จะไปมหาวิทยาลัยครับ แต่ตอนนี้คงต้องกลับบ้านก่อน” เด็กคนนั้นตอบก่อนจะก้มมองชุดของตัวเอง ที่เปียกเลอะเทอะไปหมด

“บ้านอยู่แถวไหน” ผมถามออกไป จากตอนแรกที่คิดโกรธเจ้าเด็กตรงหน้าที่กระโดดลงมาตัดหน้ารถ แต่พอเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ก็เลยพาลโกรธไม่ลง

“เอ่อ... ไม่ไกลเท่าไหร่ครับ ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งครับ” เด็กคนนั้นตั้งท่าจะหันกลับไปแล้วโบกแท็กซี่ ผมเลยรีบตะโกนเรียกเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวไปส่ง ตามมาสิ” ผมพูด

“แต่ผมจะพาเจ้านี่ไปด้วย แล้วผมเปียกทั้งตัว รถพี่จะเลอะนะครับ ผมกลับเองดีกว่า” เด็กนั่นตอบปฏิเสธอย่างเกรงใจ เมื่อมองไปทางรถของผม

“ไม่เป็นไร มาเถอะ คิดว่าแท็กซี่คันไหนอยากจะรับคนในสภาพนี้กัน” ผมพูด แล้วเดินนำกลับมาที่รถ โดยมีเด็กนั่นกับลูกหมาตามมาด้วย พอขึ้นรถผมก็เอื้อมมือไปที่เบาะหลังเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวในกระเป๋าที่เตรียมไว้เวลาไปฟิตเนสส่งให้คนข้างๆ ที่ตัวเริ่มสั่นเพราะความหนาว

“ขอบคุณครับพี่ เอ่อ... ผมชื่อ กร นะครับ” เด็กนั่นบอก ก่อนจะเริ่มใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าเช็ดตาและผมที่เปียกของตัวเอง
 
“กันต์” ผมบอกชื่อของผมออกไป ก่อนจะขับรถพากรไปส่งที่บ้าน

.............................................................
...............................................
...........................

วันนี้จากที่ตั้งใจว่าจะถึงที่ทำงานเช้ากลายเป็นว่าผมมาถึงบริษัทฯ ตอนสิบโมงครึ่ง ปกติผมคงจะหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ตามที่คิด แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่วันนี้ผมกลับยิ้มกับตัวเองและรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่เจอกร แล้วผมก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่า ทำไมผมถึงยิ้มและสบายใจได้ แค่ผมเจอเด็กนั่น แล้วยังเป็นเด็กผู้ชายซะอีก สงสัยผมจะยิ้มเพราะเห็นว่าเด็กนั่นมีจิตใจดีล่ะมั้ง มันค่อนข้างจะหายากในสมัยนี้ อืม...ถ้าได้เจอกันอีกก็คงดี

--------------------------------------------



หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 09-05-2010 23:05:50
กรใจดีจัง ช่วยลูกหมาด้วย  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 09-05-2010 23:09:05
เปิดด้วยความประทับใจของทั้งสองฝ่าย กรใจดีจังเป็นเราน่ะเหรอ ปล่อยให้มันถูกรถชนตายไปนั่นละ (เกลียดสุนัขขึ้นสมองกลัวด้วยนะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nichdia ที่ 09-05-2010 23:15:01
ฝนตกๆ ท่ามกลางสายฝน ชอบจัง  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 10-05-2010 07:01:37
พี่กันต์เจออะไรที่เฝ้ารอแล้วไง ไม่ลูกหมาก็กรแหละ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ping2226 ที่ 10-05-2010 10:53:53
เริ่มต้นได้ดีจังครับ ชอบอ่ะ

รออ่านตอนต่อไปนะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 10-05-2010 20:35:21

มาต้อนรับเรื่องใหม่ด้วยคนนะ
เพิ่งเข้ามาอ่านวันแรกเหมือนกัน

ขอประเดิมรีพลายแรกให้เรื่องนี้เลย

 :L2:

จะรออ่านตอนต่อไปนะ

ปล. มากับฝนเลยน้าเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 10-05-2010 20:43:23
เรื่องใหม่ :mc4:
เหตุเกิดเพราะสายฝน




 :L2:
+1เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 10-05-2010 21:12:58
ต้อนรับเรื่องใหม่ด้วยคนค่า... :mc4:

รอติดตามๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 10-05-2010 22:46:58
มาตามด้วยคนเน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 10-05-2010 22:47:49
ขอบคุณสำหรับทุกๆ รีพลายนะคะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ เลย  :กอด1:
สำหรับเรื่องนี้นี่ก็เป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่งค่ะ (ขับรถแล้วฝนตกลงมาเลยคิดขึ้นมาได้ซะอย่างนั้น)
ถ้ามีอะไรติชมหรืออยากแนะนำ เชิญได้เลยนะคะ ยินดีรับทุกความเห็นค่ะ
จะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น


เดี๋ยวจะมาลงตอนใหม่ให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 10-05-2010 23:20:45
 :z13:
มาติดตามด้วยคนจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: originalprincessaae ที่ 11-05-2010 12:06:22
มาจิ้ม



แทงข้างหลังทะลุถึงหัวจายย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-05-2010 12:08:18
อ่านเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ลืมเม้นท์  :m23: วันนี้เลยกลับมาเม้นท์ให้และ + เป็นการขออภัย
รอตอนต่อไปนะ น่าสนใจดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 11-05-2010 19:51:12
ท่าทางจะมาแนวโรแมนติคดราม่า รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:


ปล. ประโยคนี้แปลกๆ “คราวนี้ถือว่าเป็นนายยังโชคดีของนายกับเจ้าตัวเล็กนั่น แต่คราวหน้า... ยังไงก็ระวังด้วยแล้วกัน” เข้าใจว่า "คราวนี้ถือว่านายกับเจ้าตัวเล็กนั่นยังโชคดี แต่คราวหน้า....ยังไงก็ระวังด้วยแล้วกัน"
น่าจะเข้าใจง่ายกว่านะคะ ^o^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 11-05-2010 21:23:06
มาเจิม ช้าไปนิด อิอิแต่มาแล้วน้าา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 1 (09-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-05-2010 23:42:02
ตอนที่ 2 น่ามอง

ตอนนี้ผมก็กำลังขับรถไปเรียนครับ วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่าย ปกติเวลาไปเรียนผมก็ขับรถไปนะครับ แต่เมื่อวานมันถึงกำหนดที่จะต้องเอารถเข้าศูนย์ แม่ผมเลยเอาไปเข้าให้ พอไม่ได้ขับรถไปเอง เลยได้เจอเหตุการณ์อะไรนิดหน่อย ตอนผมยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพื่อจะต่อรถอีกสายไปมหาวิทยาลัย สายตาก็ดันไปเห็นลูกหมาตัวหนึ่งเดินลงไปบนถนน แล้วจังหวะนั้นก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมา ท่าทางคนขับก็คงไม่เห็นมันด้วยเพราะฝนตกหนักเอาการ เลยไม่ได้ชะลอหรือหยุดรถ ผมเลยกระโดดเข้าไปเพื่อจะช่วยมัน คราวนี้คนตัวโตๆ ทั้งคน รถคันนั้นคงจะเห็นแล้วล่ะครับ เลยหยุดรถครับ โชคดีที่รถคันนั้นมาไม่เร็วมาก ไม่อย่างนั้นทั้งผมทั้งเจ้าลูกหมาคงแย่

แล้วเจ้าของรถคันนั้นก็จอดรถเข้าข้างทาง ก่อนจะเดินลงมาหาผม ในใจผมคิดว่าเขาคงมาเอาเรื่องผมแน่ๆ ที่กระโดดไปตัดหน้ารถเขา แต่ผิดคาดครับ... อันที่จริงๆ ตอนแรกพี่เขาเหมือนจะดูโกรธๆ ผมนั่นล่ะครับ แต่พอเห็นลูกหมาในมือที่ผมยื่นออกไปให้พี่เขาดู เท่านั้นแหละเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย แถมยังช่วยพาผมกับเจ้าลูกหมานั่นไปส่งบ้านอีก สรุปว่าเมื่อวานนี้ผมก็ไม่ได้เข้าเรียน ส่วนเจ้าลูกหมานั่นผมก็เลี้ยงไว้แหละครับ ตั้งชื่อให้แล้วว่า “เรน” เพราะมันมากับฝนไงครับ แล้วเป็นตัวผู้จะให้ชื่อ ฝน ก็คงไม่เหมาะ

แล้วก็มาถึงคณะของผมครับ และทันทีที่ผมมาถึง

.............................................................
...............................................
...........................

“เฮ้ย!! ไอ้กรทำไมเมื่อวานไม่มาเรียนวะ กูโทรไปก็ไม่ติด” ธีขึ้นถามทันทีเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาที่โต๊ะที่มีเขาและเพื่อนอีกสามคน ติ๊ด เดย์และนายนั่งอยู่ก่อนแล้ว
   
“เจออุบัติเหตุนิดหน่อยว่ะ มือถือกูก็พังไปด้วย เดี๋ยววันนี้เลิกเรียนก็ว่าจะไปซื้อเครื่องใหม่” ผมตอบ แล้วนั่งลงตรงที่ว่างข้างธี
   
“อุบัติเหตุรักรึเปล่าวะ” ไอ้ติ๊ดอดที่จะแซวผมไม่ได้ ตามนิสัยกวนๆ ของมัน

“แทนที่จะถามว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า มึงก็ดันไปแซวมัน” ไอ้ธีครับ มันหันไปว่าไอ้ติ๊ดที่ยืนพิงอยู่ที่หัวโต๊ะแทนผม

“เออๆ ตกลงเรื่องมันเป็นไงวะกร แล้วมึงเป็นอะไรรึเปล่า” ไอ้ติ๊ดถามผมอีกครั้ง ทั้งที่สายตามันนู่น...มองไปนู่นแล้วครับ มองตามรุ่นน้องผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านโต๊ะพวกผมไป ตกลงไอ้นี่มันห่วงผมจริงรึเปล่าเนี่ย

“ก็แค่กระโดดตัดหน้ารถไปช่วยลูกหมา แต่ไม่เป็นไร ไม่โดนชน” ผมตอบแบบสบายๆ ก็มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะ ผมคิดว่านะ ผิดกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะนายที่มองหน้าผมแล้วส่ายหน้าอย่างระอา

“ทำแบบนี้อีกแล้วนะมึง ถ้าเป็นไรขึ้นมาจะทำไง แล้วเจ้าของรถคันที่มึงไปตัดหน้ารถเขาล่ะเป็นอะไรรึเปล่า” ไอ้นายบ่นผม แต่ก็รู้ว่ามันบ่นเพราะเป็นห่วงครับ

“เอ่อน่า ก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วไง” ผมตอบมันด้วยท่าทีสบายๆ

“ส่วนพี่กันต์... คนที่กูไปตัดหน้ารถเขา…” ผมคิดถึงเจ้าของรถคันที่ผมไปตัดหน้าเขาเพื่อจะตอบคำถามของนายเมื่อกี้ แล้วภาพของพี่กันต์ก็ลอยเข้ามาในหัวผมทันที อืม...

ท่าทางเหมือนจะเจ้าอารมณ์ไม่ใช่เล่น พอรู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่า ผมอดที่จะแอบมองพี่กันต์บ่อยๆ ไม่ได้ตอนที่ขับรถไปส่งผมที่บ้าน ซึ่งพี่เขาก็ได้แต่ขับรถเงียบๆ ไปจนถึงบ้านของผมโดยไม่ได้คุยอะไรกัน ดูเงียบๆ นิ่งๆ ไปหน่อย แต่ยังไงผมว่าพี่เขาก็เป็นคนที่น่ามองอยู่ดี เฮ้ย!! เมื่อกี้ผมคิดอะไรนะ

“น่ามอง” อย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นผู้ชายนะมึง สงสัยเมื่อวานผมคงโดนฝนมากไปจนเพี้ยน ก่อนที่ผมจะสะบัดหัวไปมาเพื่อหวังว่าความคิดแปลกๆ มันจะหายไป

“ไอ้กรมันเป็นอะไรของมันวะ อยู่ดีๆ มันก็เงียบ จะตอบก็ไม่ตอบ... แล้วดูมันทำท่าทำทางอะไรแปลกๆ” เดย์หันไปถามนายที่นั่งอยู่ข้างๆ

“แล้วใครวะพี่กันต์ เจ้าของรถที่มึงไปตัดหน้าเขาหรอ สงสัยจะเป็นผู้หญิงแล้วคงน่ารักด้วยสิมึง เห็นทำหน้าเคลิ้มซะ แล้วยังทำท่าทำทางแปลกๆ อย่างที่ไอ้เดย์มันว่า” ติ๊ดถามอย่างอดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ก็ดูกรมันสิ ทำหน้าทำตาเคลิ้มซะขนาดนั้นตอนที่นายถามถึงเจ้าของรถ

“เออ... พี่กันต์เป็นเจ้าของรถ แต่พี่เขาเป็นผู้ชายว่ะ” ผมตอบ

“อ้าว กูก็นึกว่า... ” ไอ้ติ๊ดพูดได้แค่นั้น แล้วมองหน้าผมแบบอึ้งๆ

“เฮ้ย!! พี่เขาเป็นผู้ชายนะมึง กูไม่ได้คิดอะไร” ผมพูดขึ้นมาทันทีที่เห็นท่าทางของเพื่อนๆ เมื่อกี้ผมทำหน้าแบบไหนออกไปล่ะเนี่ย ไอ้พวกนั้นถึงมีท่าทางแปลกๆ แบบนี้

“กูจะไปรู้กับมึงหรอ” ไอ้เดย์พูดขึ้นมาบ้าง

“พอได้แล้วพวกมึง ทำยังกับไม่รู้จักไอ้กรว่ามันเป็นคนยังไง เคยสนใจใครจริงจังที่ไหน กูว่าเดี๋ยวมันก็ลืม คนมองมันเยอะแยะไม่เห็นมันจะสนใจใคร กูว่าคราวนี้มันติดใจพี่เขา เพราะว่าพี่เขาไม่สนใจจะมองมันเหมือนคนอื่นมากกว่าว่ะ” ไอ้ธีพูดออกมาบ้าง

“ปล่อยมันไปก็ได้วะ เออ มีอีกเรื่องพี่กูจะปิดร้านใหม่ต้นเดือนหน้า ให้มาชวนพวกมึงไปด้วย เดี๋ยววันไหนกูมาบอกอีกที แต่คงเป็นวันศุกร์มั้ง เห็นพี่กูดูไว้ ตกลงยังไงเดี๋ยวกูมาบอกอีกที” เดย์พูด

“เออๆ ขอให้บอก ยังไงพวกกูก็ไปอยู่แล้ว” เรื่องเที่ยวนายติ๊ดไม่มีพลาดครับ

“เฮ้ย!! พวกมึงขึ้นเรียนเหอะ เดี๋ยวเข้าช้า อาจารย์ธนาที่เคารพก็ได้เล่นงานอีกหรอก” ธีเรียกพวกผมหลัง จากเห็นว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว

 “อืม..” ผมตอบรับ ก่อนที่จะพากันขึ้นเรียน

--------------------------------------------

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 2 (11-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 11-05-2010 23:54:36
เป็นกำลังใจให้คราบบบบบบบบบบ :seng2ped:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 2 (11-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 12-05-2010 00:42:04
ตามมาอ่านตอนที่สองแล้วนะ




แล้วน่ามองนี่ มองเพราะอะไรกันแน่น้า -*-
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 2 (11-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-05-2010 01:01:40
กร จิตใจดี มีคุณธรรม  :a1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 2 (11-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-05-2010 02:43:11
 :mc4: +1 เป็นกำลังใจรับเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 2 (11-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 12-05-2010 03:20:34
รอตอนต่อไปค๊า...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 2 (11-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 13-05-2010 00:38:03
มาต่อแล้วนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจและคำแนะนำด้วยนะคะ
 :กอด1:

-----------------------------------------

ตอนที่ 3 สุดสัปดาห์

หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้นก็ผ่านไปกว่าสองอาทิตย์แล้ว ผมเองก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติ ทำงาน ประชุม ออกไปพบลูกค้า สังสรรค์กับเพื่อนหรืองานสังคมบ้างตามโอกาส เว้นแต่ความรู้สึกบางอย่างที่มันแปลกไป และนั่นคงเป็นเพราะหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อีกแล้วว่า

“ทำไมผมถึงยิ้มและรู้สึกสบายใจตอนที่นึกถึงหน้าของกร”

มาถึงตอนนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากเจอเขาอีกครั้ง

...............................................
...........................

“ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป…” เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของผมดังขึ้น ช่วยให้ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง ก่อนที่ผมจะมองที่หน้าจอโทรศัพท์ และเห็นว่าเป็นภพ เพื่อนสนิทของผมที่โทรเข้ามา

“เออ... ว่าไง คืนวันศุกร์แบบนี้จะโทรมาชวนกูไปไหนอีกล่ะ” ผมถาม สำหรับไอ้ภพเวลามันโทรเข้ามา ก็มีไม่กี่เรื่องหรอกครับและหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องเที่ยว
   
“รู้ดีเชียวนะมึง” เสียงปลายสายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“แล้วจะไปที่ไหนวะ”

“ก็ร้านของไอ้อาร์ไง มันบอกมึงแล้วไม่ใช่หรอวะว่ามันเปิดร้านวันนี้ ชวนกูกับพวกมึงไปด้วย มัวแต่ทำงานจนลืมอีกสิมึง” ฟังไอ้ภพมันตอบและด่าผมจนจบ เลยนึกได้ครับว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอาร์มันชวนพวกผมไปผับของมันที่จะเปิดใหม่วันนี้ อาร์มันเป็นน้องรหัสของภพสมัยเรียนครับ แล้วก็สนิทกับพวกผมทุกคน

“เออๆ กูนึกออกละ แล้วไอ้ยุกับไอ้ตรีมันจะไปด้วยรึเปล่า” ผมถามถึงเพื่อนอีกสองคน

“ไป นี่กูนัดกับไอ้พวกมันไว้ตอนทุ่มครึ่ง ไปกินข้าวที่ร้านพี่กูก่อน แล้วค่อยไปที่ร้านไอ้อาร์ โอเคนะมึง เดี๋ยวกูมีประชุม ต้องไปละ แล้วคืนนี้เจอกัน”

“เออ เดี๋ยวตอนบ่ายกูก็ออกไปพบลูกค้า แล้งยังไงคืนนี้เจอกัน” ผมตอบกลับปลายสายก่อนจะกดวางสาย จากนั้นก็กดเบอร์ภายในถึงคุณฟ้า เลขาฯ ของผม ให้นำเอกสารที่ผมจะต้องใช้ในช่วงบ่ายมาให้ดูอีกครั้ง
  
.............................................................
...............................................
...........................

หลังจากที่ผมไปพบลูกค้าในช่วงบ่ายจนถึงตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ผมจึงขับรถตรงไปที่ร้านของพี่ภาเลย ด้วยความที่ผมกับไอ้ภพเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ผมกับพี่ภาเลยพลอยสนิทกันไปด้วย เวลามีปัญหาอะไรก็ได้พี่ภาเป็นคนคอยให้คำปรึกษา แต่ช่วงนี้งานของผมค่อนข้างจะหนักเอาการ เลยไม่ค่อยมีเวลาแวะเข้าไปที่ร้านบ่อยๆ เหมือนก่อน อย่างมากก็โทรถามสารทุกข์สุขดิบกัน ไอ้ภพเองก็มาบอกผมครับว่าพี่ภาถามถึงผมบ่อยเหมือนกัน ไม่ได้เจอกันมาเป็นเดือนแล้ว วันนี้เลยตั้งใจเข้าไปนั่งคุยกับพี่ภาก่อนที่จะถึงเวลานัดกับเพื่อน
.............................................................

“สวัสดีครับพี่ภา” ผมเอ่ยทักพี่ภาที่กำลังตรวจบัญชีอยู่ในออฟฟิสที่อยู่ด้านหลังเคานท์เตอร์ของร้าน ร้านอาหารของพี่ภาเป็นร้านอาหารไทยกับอิตาเลี่ยนครับ

“อ้าว!! กันต์ทำไมมาเร็วนักล่ะ ไหนเจ้าภพบอกพี่ว่านัดเราไว้ตอนทุ่มครึ่ง” พี่ภาทักตอบ ส่วนผมตอนนี้ก็เดินไปนั่งพิงโซฟาที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องแล้วครับ

“ก็คิดถึงพี่สาวคนสวยไงครับเลยรีบมา”

“ไม่ต้องมาอ้อนพี่เลยเรา ไว้ไปอ้อนสาวๆ ของเราเถอะ นี่นะถ้าสาวๆ พวกนั้นมาเห็นเราอ้อนพี่แบบนี้ ได้เข้ามาฉีกอกพี่กันพอดี” พี่ภาพูดพลางส่ายหน้าให้กับผม แต่ก็อมยิ้มไปด้วยนะครับ

“โธ่... พี่ภา กันต์ไม่เคยไปอ้อนใครที่ไหนนะครับ ว่าแต่พี่ภากับพี่ต้นสบายดีนะครับ” ผมถามถึงพี่ต้นสามีของพี่ภาครับ พี่ต้นเป็นนักบินนานๆ จะได้เจอกันที


แล้วผมก็นั่งคุยกับพี่ภาจนเกือบทุ่มครึ่งนั่นล่ะครับ ตอนนี้พวกเพื่อนผมก็มากันแล้ว เลยออกไปนั่งกินมื้อเย็นกันก่อนจะออกไปที่ร้านของไอ้อาร์กันต่อ

.............................................................

“ดีครับ พี่” อาร์เดินเข้ามา พร้อมตะโกนทักทันที่ที่เห็นพวกผมเดินเข้าไปในร้าน

“อืม ร้านมึงบรรยากาศดีเลยว่ะ” ตรีพูด

“ขอบคุณครับ ไปพี่ ไปที่โต๊ะกัน” แล้วอาร์ก็เดินนำพวกผมไปที่โต๊ะ

.
.
.

“เฮ้ย!! เดย์ นี่ พี่ภพ พี่กร พี่ยุ แล้วก็พี่ตรี เป็นรุ่นพี่ของพี่สมัยเรียน... ส่วนนี่ เดย์ น้องชายผมกับเพื่อนมันที่คณะ” พอพวกผมมานั่งที่โต๊ะแล้ว อาร์มันก็แนะนำน้องชายกับพวกเพื่อนๆ ของน้องมันอีกสามคนที่นั่งอยู่โต๊ะติดกันให้รู้จักกับพวกผม

“ดีครับพี่” พวกน้องๆ มันก็ทักทายพวกผม


และจังหวะนั้นสายตาของผมก็ไปหยุดอยู่ที่คนๆ หนึ่งที่กำลังเดินตรงมาทางโต๊ะที่ผมนั่ง

-----------------------------------------


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 3 (12-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 13-05-2010 00:56:33
 :a5:

ค้างง่ะค่ะ...มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 3 (12-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-05-2010 16:28:03
ค้างงงงงง   :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 3 (12-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: originalprincessaae ที่ 13-05-2010 18:52:24
ค้างเวอร์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 3 (12-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 14-05-2010 22:18:21
มันค้างจริงๆ นะนิ  :seng2ped:


จะเจอกรยังอ่ะ พี่กันต์ได้หาคำตอบให้ตัวเองซะที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 3 (12-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 14-05-2010 22:21:27
ค้างง

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 3 (12-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-05-2010 23:03:07
เจอกันอีกครั้งแล้วใช่มั้ยเนี่ย รอตอนต่อไปนะ อยากรู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 3 (12-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 15-05-2010 20:35:13
ูู^
^
:a5:

ค้างง่ะค่ะ...มาต่อเร็วๆนะคะ

ค้างงงงงง   :serius2:


ค้างเวอร์


ไม่ได้แกล้งให้มันค้างน้า พอดีไปธุระเลยมาต่อช้าไปหน่อย
ขอโทษค้าบ  :monkeysad:
จะพยายามไม่ให้ค้างนะ แต่จะทำได้แีค่ไหนไม่รู้ อิอิ


แต่วันนี้มาต่อแล้วน้า

--------------------------------------------------------

ตอนที่ 4 เริ่มต้น

สายตาของผมกำลังหยุดนิ่งอยู่คนๆ นั้น คนที่ทำให้ผมยิ้มและรู้สึกสบายใจหลังจากพบกันครั้งแรก คนที่ทำให้ผมตั้งคำถามอะไรมากมายกับตัวเอง จนถึงตอนนี้ผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองอีกแล้วครับ “นี่กูจะเป็นเกย์รึเปล่าวะ???” ก็คนที่ผมมองอยู่ตอนนี้มันเป็นผู้ชาย ผู้ชายเหมือนกับผม

เอาล่ะครับ ผมว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะเริ่มต้นหาคำตอบให้กับตัวเองเสียที

เพราะตอนนี้คนๆ นั้นกำลังเดินมาทางผม แล้วในที่สุด... เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าผม

.............................................................

“ดีครับ พี่กันต์ จำผมได้รึเปล่า”

“กร” ผมพูดได้แค่นั้น

“อ้าว!! นี่พี่กับกรรู้จักกันแล้วหรอ” ไอ้อาร์ที่นั่งอยู่ข้างผมถามขึ้น

“อืม ได้เจอกันเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ”

“เออ กร ส่วนนี่ก็พี่ยุ พี่ตรี พี่ภพ แล้วนี่กรเพื่อนของไอ้เดย์มันน่ะพี่”

“ดีครับพี่”

“ไหนๆ ก็รู้จักกันหมดแล้ว พี่ว่าเราเลื่อนโต๊ะมาติดกันเลยดีกว่า” ไอ้ภพพูดขึ้นมาครับ พวกน้องๆ เลยช่วยกันย้ายโต๊ะมาติดกันกับโต๊ะผม พอจัดโต๊ะเสร็จ เพื่อนไอ้อาร์มันก็ตามมาสมทบอีกสามสี่คน ส่วนกรนั่งลงข้างไอ้ภพที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับผม แล้วก็เห็นเพื่อนมันที่ชื่อติ๊ดหันมาถามอะไรสักอย่าง ไม่ได้ยินที่มันคุยกันหรอกครับ อยู่ในผับเสียงเพลงดังขนาดนี้ ถ้าไม่ตะโกนคุยกันใกล้ๆ ก็คงไม่รู้เรื่อง แต่ผมพอจะรู้สึกได้นะครับว่าสองคนนั้นมองมาที่ผมระหว่างที่คุยกัน “มันจะมองอะไรกูนักวะ” ผมก็ได้แต่คิดในใจโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป แล้วก็เลิกสนใจครับ เริ่มดื่มบ้างดีกว่า

.............................................................

“เฮ้ย มึงรู้จักพี่เขาด้วยหรอวะ” ติ๊ดหันไปถามกร

“ก็คนนี้ไง ที่กูไปตัดหน้ารถเขา” ผมตอบมัน ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากลุกออกไปเข้าห้องน้ำ ผมก็เห็นพี่กันต์นั่งอยู่ที่โต๊ะติดกันกับพวกผม พี่เขาเองคงจะเห็นผมเหมือนกันเพราะเห็นพี่เขามองมา ก็เลยเดินเข้าไปทัก แล้วก็มารู้ว่าพี่เขาเป็นรุ่นพี่ของพี่อาร์ ไปๆ มาๆ พวกเราเลยมานั่งโต๊ะเดียวกัน ผมก็เลือกที่จะไปนั่งฝั่งตรงข้ามพี่กันต์ล่ะครับ เพราะผมอยากมองเห็นหน้าพี่เขา มันก็ไม่ได้แปลว่าผมชอบพี่เขานะ แค่อยากมองมากกว่า “เออ... เอาแล้วไงกูแทนที่จะไปมองสาวๆ สวยๆ ดันไปติดใจอะไรพี่เขาวะ”

“แล้วมึงจะมองพี่เขาไปถึงไหนวะ กูเห็นมึงมองเขาตั้งแต่กลับมาแล้ว นี่มึงชอบเขารึไงวะ กูไม่เห็นเคยรู้ว่ามึงชอบแบบนั้น”

“ไอ้เชี่ย กูยังไม่ได้ชอบพี่เขา... แต่กูก็ตอบไม่ได้เหมือนกันวะว่ามองทำไม กูแค่อยากมอง” ผมตอบมันไปตามที่คิด ตอนนี้ไอ้เพื่อนผมอีกสามคนมันเริ่มมองผมกับไอ้ติ๊ดแล้วครับ พวกมันคงสงสัยว่าพวกผมคุยอะไรกัน

“กูไม่รู้จะพูดอะไรกับมึงต่อเลยว่ะ จะว่าชอบก็ไม่ใช่ ถ้าจะบอกว่ารักก็นะ... คนอย่างมึงก็คงไม่รู้จักว่าคืออะไร” ไอ้ติ๊ดมันพูด ยิ่งประโยคสุดท้ายมันพูดนิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ผมพอได้ยินที่มันพูดแล้วสมองพาลจะหยุดทำงาน เรื่องความรักกับผมมัน... เหอๆ ลืมมันไปดีกว่า ตอนนี้ไอ้สามคนนั่นมันเริ่มมองผมกับไอ้ติ๊ดแล้วครับว่าคุยอะไรกัน

“กูชวนพวกมึงมาเที่ยวนะโว้ย มึงจะคุยอะไรกันนักกันหนาวะ ไอ้แก้วที่อยู่ตรงหน้ามึงอ่ะ จัดการมันได้แล้ว” ไอ้เดย์มันเริ่มโวยแล้วครับ เพราะเห็นพวกผมเอาแต่คุยกัน

“เออๆ ชนๆ” แล้วผมก็ต้องหยุดคิดเรื่องอื่นไปก่อนครับ  

.............................................................

“เฮ้ย พวกเรามาชนแก้วฉลองร้านใหม่ของไอ้อาร์มันหน่อย” เสียงของภพพูดขึ้นมาพร้อมกับยืนขึ้นโดยมีแก้วเหล้าอยู่ในมือ
ทุกคนในโต๊ะเลยลุกขึ้น โดยไม่ลืมยกแก้วขึ้นมาถือไว้ในมือกัน

“พี่ขอให้ร้านนี้ประสบความสำเร็จนะ” ผมหันไปพูดกับอาร์

“แล้วถ้าจะให้ดี มึงอย่าลืมมีส่วนลดให้พวกกู” เสียงไอ้ยุตะโกนมาเลยครับ

“ได้เลยพี่”

“เอ้า...ชน...”
หลังจากนั้นก็นั่งดื่ม นั่งคุยกันไป ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วครับ ตอนนี้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า แก้วเหล้าครับ แก้วเหล้า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาออกมาเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนวันนี้ขอเต็มที่วันนึง ส่วนขากลับถ้าขับรถกลับเองไม่ไหวก็จอดรถทิ้งไว้ที่ร้านนี่แหละ นั่งแท็กซี่กลับแล้วเช้าค่อยให้คนมาเอายังได้ ผมทำแบบนี้ประจำอยู่แล้ว แต่ต้องเป็นร้านของคนรู้จัก ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้าทิ้งรถไว้

--------------------------------------------------------


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (15-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 16-05-2010 01:15:42
สั้นไปนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (15-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 16-05-2010 16:32:48
ต่อตอนที่ 4 (จบตอน)

.............................................................

ตอนนี้ก็ตีหนึ่งกว่าแล้วครับได้เวลากลับกันซะที แล้วก็มาหยุดล่ำลากันอยู่ที่ลานจอดรถก่อน  ส่วนผมตอนนี้เริ่มยืนไม่อยู่แล้วครับ ต้องยืนพิงรถของตัวเองไว้ โดยมีไอ้ตรีช่วยจับไว้ด้วย มันคงกลัวผมทรุดลงไปกองที่พื้น วันนี้ปล่อยเต็มที่มากไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างยังไม่ถึงขนาดพูดไม่รู้เรื่อง

“ไอ้กันต์กูว่ามึงทิ้งรถไว้นี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยให้คนมาเอา แล้ววันนี้มึงจะกลับคอนโดฯหรือกลับบ้านพวกกูได้ไปส่งมึงถูก”

“คอนโดฯ ไม่ต้องไปส่งพวกมึงอยู่คนละทางกับกู เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่กลับเอง”

“เออๆ สภาพแบบนี้ไม่กลับบ้านก็ดี เดี๋ยวแม่มึงเห็นจะเป็นห่วง”

“เฮ้ยกร แล้วนี่มึงกลับไง ไม่ได้เอารถมานิ” เดย์หันไปถามเพื่อน

“เดี๋ยวกูคงกลับแท็กซี่ว่ะ” ปกติเวลาผมออกมาเที่ยวกับเพื่อนจะไม่ขับรถมา คือไม่รู้ว่าตัวเองจะเมาหรือไม่เมาขนาดไหน เรียกแท็กซี่กลับง่ายกว่าไม่ต้องไปห่วงรถด้วย  

“คอนโดฯ พี่กันต์กับบ้านไอ้กรมันอยู่ใกล้ๆ กันนิ ก็ให้มันขับรถของพี่ไปส่งแล้วกัน แล้วกรค่อยไปเรียกแท็กซี่เอาแถวนั้นอีกที” ไอ้อาร์มันบอกผมกับกร

“เออกูว่าแบบนั้นก็ดีว่ะ กูได้ไม่ต้องห่วงมึงด้วย” เสียงไอ้ยุครับ

“เอาแบบนั้นก็ได้ เอองั้นกูไปแล้วว่ะ” ผมตอบ โดยไม่รอให้อีกคนตอบอะไร แล้วส่งกุญแจให้กร น้องมันก็รับ แล้วผมก็เดินนำไปที่รถ มันก็ตามผมไป

.............................................................

“คอนโดฯ พี่อยู่ตรงไหนครับ” ผมหันไปถามพี่กันต์ที่พอขึ้นรถได้ก็ตั้งท่าจะหลับอย่างเดียวไม่สนใจอะไรเลยครับ ก็เห็นดื่มซะขนาดนั้น ทำยังกะไม่เคยดื่ม ยกเอายกเอาสภาพเลยเป็นอย่างที่เห็นตอนนี้ ดีนะไม่ยังไม่มีอาการว่าจะคายของเก่าออกมา ทำท่าแต่จะหลับอย่างเดียว หน้าแดงตัวแดงไปหมด ยิ่งตัวขาวๆ มันก็ยิ่งเห็นชัด

“สุขุมวิท 39 คอนโดฯ แรก ทางซ้ายมือ” เสียงของพี่กันต์ตอบแบบงัวเงียเต็มที

“ครับๆ” แล้วผมก็ขับรถออกจากร้าน ยังไม่ถึงห้านาทีคนข้างๆ ผมก็หลับไปแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสแอบมองพี่เขาไปเรื่อยๆ ระหว่างขับรถยิ่งช่วงรถติดไฟแดง ผมก็มองแต่พี่เขานั่นล่ะ ดีนะที่วันนี้ผมดื่มไปไม่เยอะ แทบจะไม่ได้ดื่มเลยมากกว่าครับเพราะมีอะไรที่น่าสนใจกว่าอยู่ตรงหน้าไงเลยไม่ค่อยได้สนใจอย่างอื่น อืม... พี่กันต์ ผมว่าผู้ชายอย่างพี่เขาคงจะมีคนสนใจอยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน พี่เขาดูเป็นคุณหนูหน่อย หน้าได้รูป ขนตายาว จมูกโด่งสวย รูปร่างก็สมส่วนคาดว่าคงจะออกกำลังกายอยู่บ้าง ความสูงน่าจะสักร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ได้ เพราะเทียบกับผมแล้วดูเตี้ยกว่าเล็กน้อย ผิวขาว ผิวพี่เขาดีนะขนาดเป็นผู้ชายผิวยังขาวอมชมพู น่าสัมผัสดีจัง “เอาแล้วไงกูแค่มองยังไม่เท่าไร คิดจะไปจับเขาอีก” ผมคงมองพี่เขามากจนเพี้ยนไปแล้ว

แล้วก็หันมาสนใจกับการขับรถต่อ ผมขับแบบไม่รีบร้อนอะไร พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสุดท้ายผมก็นึกถึงคำพูดของไอ้ติ๊ดที่มันพูดขึ้นมาตอนคุยเรื่องพี่กันต์

“ถ้าจะบอกว่ารักก็นะ... คนอย่างมึงก็คงไม่รู้จักว่าคืออะไร”

ก็จริงอย่างที่มันว่านั่นแหละ “ความรัก” คนอย่างผมไม่รู้จักหรอกว่า มันคืออะไร

--------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (มาต่อให้จบตอน) (16-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 17-05-2010 01:13:39
 :a5:

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (มาต่อให้จบตอน) (16-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 17-05-2010 04:31:33
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (มาต่อให้จบตอน) (16-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-05-2010 13:07:28
เริ่มใกล้ชิดเข้าไปอีกนิดแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (มาต่อให้จบตอน) (16-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 17-05-2010 20:58:32
อาร์ช่วยเปิดทางสุดฤทธิ์อ่ะ

 o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (มาต่อให้จบตอน) (16-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-05-2010 21:47:56
+1 จัดไปเลยจ้า
สนุกดีเข้าใจสร้างบรรยากาศทั้งการเจอกันแบบนั้นความบังเอิญ
ชอบอ่านแบบแมนๆมาเจอกันท่าทางจะสนุกใช่เลย ไว้จะมารออ่านต่อนะ
ขอร้องอย่างเดียวลงเรื่อยอย่าหายขาด 555+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 4 เริ่มต้น (มาต่อให้จบตอน) (16-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 17-05-2010 23:23:38
ตอนที่ 5  ใจเต้น

แล้วผมก็ขับรถเข้ามาจอดในอาคารจอดรถที่เชื่อมอยู่ด้านหลังคอนโดฯ ของพี่เขา คอนโดฯ นี้ผมเองก็เคยมองอยู่บ่อยๆ เหมือนกันเวลาขับรถกลับบ้าน ก็สูงแล้วยังหรูซะขนาดนี้ก็มันเลยสังเกตเห็นได้ไม่ยาก

แต่ตอนนี้ผมคงต้องจัดการปลุกคนข้างๆ ที่ไม่มีที่ท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเองเสียก่อน
.
.
.
“พี่ พี่... พี่กันต์ถึงแล้วพี่” ผมหันไปเรียกคนข้างๆ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น 

“อือ” เสียงพี่เขางึมงัมๆ อยู่ในคอ ก่อนจะพลิกตัวหนี นี่ถ้าลองเป็นไอ้พวกเพื่อนผมล่ะก็คงได้ตบหัวหรือถีบมันไปสักทีแล้ว ไม่มานั่งเรียกดีๆ แบบนี้หรอก

“พี่กันต์ถึงคอนโดฯ แล้วพี่ เดี๋ยวค่อยขึ้นไปนอนต่อ” ผมเรียกอีกครั้งพร้อมกับยื่นมือไปจับแขนพี่กันต์เขย่าเบาๆ

“เอาเขาไปๆ” ผมบ่นออกมาเบาๆ ดูเขาสิไม่ตื่นไม่พอยังจะสะบัดแขนผมออก แล้วซุกแขนซุกขาขดตัวหนีผมอีก 

“เอาไงดีวะกู” ผมบ่นกับตัวเองอีกครั้งพลางยกมือเกาหัวตัวเองไปสองสามที ก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถและเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง จากนั้นก็ก้มลงไปจับแขนพี่เขาเขย่าและเรียกอีกครั้ง

“พี่กันต์ตื่นได้แล้ว พี่”

“อื้อออ...จะนอน”

“เฮ้อ!! อะไรกันวะเนี่ย... ไม่ตื่นก็ไม่ตื่น” ถอนหายใจแล้วครับ จะขี้เซาอะไรขนาดนั้น ผมเลยก้มลงไปยกขาพี่เขาออกมานอกรถ แล้วค่อยยกแขนขึ้นมาพาดไว้บนบ่าของผม ก่อนที่จะรั้งตัวพี่เขาขึ้นมา ส่วนคนที่หลับอยู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แถมยังทิ้งน้ำหนักมาที่ผมทั้งตัว ผมปิดประตู ล็อครถ แล้วก็พาพี่เขาเดินเข้าไปในคอนโดฯ โดยมียามที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าคอยเปิดประตูให้

“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ” เสียงยามคนนั้นถามขึ้นมา คงจะเห็นผมทั้งประคองทั้งลากพี่กันต์นั่นแหละ ก็เจ้าตัวเขาเล่นไม่รู้สึกตัวเลยตอนนี้

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”
.
.
.
ผมพาพี่เขาเดินมายืนอยู่หน้าลิฟท์แล้ว ตอนนี้ยังไงต้องเรียกให้ตื่นเพราะไม่รู้ว่าพี่เขาอยู่ชั้นไหนห้องไหน พอลิฟท์เปิดก็เดินเข้าไป แล้วจับพี่เข้ายืนพิงผนังลิฟท์ไว้ มือข้างนึงก็จับแขนพี่เขาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น ส่วนอีกมือก็ยื่นไปจับไหล่แล้วเขย่าเบาๆ 

“พี่กันต์ ๆ พี่อยู่ชั้นไหน ห้องไหน” คราวนี้เหมือนพี่เขาจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วครับ

“ชั้น 32 ห้อง B”

 แล้วผมก็กดลิฟท์ตามที่พี่เขาบอก

.............................................................
...............................................
...........................

<< ติ๊งงง... >>

พอประตูลิฟท์เปิดออก ผมก็มองเห็นโถงรับแขกของคอนโดฯ ที่จัดไว้อย่างดีอยู่ทั้งสองฝั่งของทางเดิน  ส่วนของทางเดินถูกปูด้วยพรมสีน้ำเงินเข้มตั้งแต่หน้าประตูลิฟท์ยาวตลอดทางเดิน เท่าที่ผมเห็นทั้งชั้นมีเพียงแค่สี่ห้อง ผมค่อยๆ ประคองพี่กันต์ที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกตัวแล้ว เดินออกจากลิฟท์  แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ที่ห้องทางซ้ายมือด้านใน ประตูห้องเป็นแบบบานคู่ทำจากไม้เนื้อดีสีน้ำตาลเข้ม มีตัวอักษร B สีทองติดอยู่ที่ขอบประตูด้านบน พี่กันต์เอื้อมมือไปสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อค ก่อนจะเปิดประตู แล้วผมก็พาพี่เขาเข้าไปข้างใน

เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นว่าไฟที่ระเบียงถูกเปิดทิ้งไว้เลยทำให้ห้องไม่มืดมาก ผมพาพี่กันต์ไปที่โซฟาตัวยาวสีน้ำตาลเข้มที่อยู่ทางซ้ายมือ พอวางลงปุ๊บพี่เขาก็เอนตัวลงแล้วหลับต่อ

“เออ... ให้มันได้อย่างนี้สิพี่ ใครมาลากไปไหนจะรู้ตัวไหมล่ะ” ผมได้แต่คิดในใจ

พอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็บอกเวลาเกือบตีสามแล้ว ผมเองก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน คงได้เวลากลับบ้านเสียที แต่พอก้มลงไปมองคนที่นอนอยู่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ เห็นพี่เขาพลิกตัวไปมาคงเพราะไม่ค่อยสบายตัว มือก็เริ่มดึงทึ้งเสื้อตัวเองพยายามจะปลดกระดุมเสื้อออก คงจะร้อนล่ะมั้ง เล่นดื่มไปขนาดนั้น พอเห็นแบบนั้นจะให้ทิ้งไปเลยก็ยังไงอยู่ เลยว่าจะพาพี่เขาเข้าไปนอนในห้องก่อนแล้วค่อยกลับ ก็เดินหาห้องนอนของพี่เขา พอเจอก็เข้าไปเปิดไฟ เปิดแอร์ไว้ก่อน แล้วค่อยออกมาพาตัวพี่เขาเข้าไปในห้อง

“พี่กันต์เข้าไปนอนในห้องดีกว่า จะได้นอนสบายๆ” ผมเรียกพร้อมกับเอื้อมมือลงไปรั้งตัวพี่เขาขึ้นมาแล้วก็พาเข้าไปนอนในห้อง พอวางคนหลับลงบนเตียงเรียบร้อย ก็ถือวิสาสะเดินไปเปิดตู้เสื้อกะว่าจะหาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้

พอเตรียมผ้าชุบน้ำเรียบร้อยก็มายืนอยู่ข้างเตียง เตรียมลงมือเช็ดหน้าให้ แต่พอมองสภาพของพี่เขาตอนนี้ที่กระดุมเสื้อถูกเจ้าตัวดึงจนแทบจะหลุดออกไปหมดแล้ว มันก็บอกไม่ถูกนะ ยิ่งมองหน้าพี่เขาที่หน้าแดง ตัวก็แดงไปหมด

“โอ้ย กูจะบ้า เป็นไรของกูวะเนี่ย ที่นอนอยู่นั่นมันผู้ชายเหมือนมึงนะโว้ย” ผมบอกตัวเอง สุดท้ายก็ต้องรีบเช็ดหน้าเช็ดตัวพี่เขาแบบผ่านๆ ไป

“อื้อ...อืม...”
.
.
.
“แล้วพี่จะครางทำไมล่ะนั่น” ผมยังคงบ่นอยู่ในใจ คือพี่เขาคงสบายตัวขึ้นล่ะ ผมว่านะ แต่ไอ้ผมนี่สิพอได้ยินเสียงแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ใจมันเต้นแปลก ๆ ดูท่าจะอยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าตัวเองชักจะเพี้ยนหนัก ถึงเวลาต้องกลับบ้านจริงๆ สักที ขอกลับไปสงบจิตสงบใจ คิดทบทวนอะไรหน่อย แต่ก่อนออกไปก็ไม่ลืมที่จะเขียนโน้ตวางไว้ให้พี่เขาว่าจอดรถไว้ชั้นไหน กลัวพี่เขาจะหารถไม่เจอ เดี๋ยวจะได้เดินหามันทุกชั้น   
 
--------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 5 ใจเต้น (17-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 18-05-2010 00:07:10
ลุ้นต่อปายยย..
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 5 ใจเต้น (17-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-05-2010 14:02:04
โห จะกลับบ้านทำไมละ นอนห้องพี่กันต์นั่นแหละดีแล้ว เปิดแอร์ตัวเดียว ลดภาวะโลกร้อน  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 5 ใจเต้น (17-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 18-05-2010 15:06:28
น่ารักดีอ่ะ.....5555 อ่านไปยิ้มไป...มาต่อไวๆๆน๊า o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 5 ใจเต้น (17-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 19-05-2010 23:47:41
ตอนที่ 6 พิสูจน์

แสงแดดยามเช้าส่องผ่านช่องว่างของม่านสีเข้มที่ถูกปิดไว้อย่างไม่สนิทนัก แสงที่ลอดเข้ามาแม้เพียงน้อยนิดหากแต่มันกระทบลงใบหน้าของคนที่กำลังนอนหลับ จนทำให้รู้สึกตัวขึ้นมา ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วขยับตัวขึ้นมาพิงกับหัวเตียง จากนั้นก็หันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มตัวเตี้ยที่ตั้งอยู่ข้างหัวเตียง

“อืม... เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเองหรอเนี้ย” กันต์บ่นพึมพำออกมา ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เพื่อจะเดินออกไปสูดอากาศที่ระเบียงอย่างที่ทำเป็นปกติทุกวันหลังจากตื่นขึ้นมา


“<<ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป…>>” เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ทำให้เขาที่กำลังเปิดประตูห้องนอนต้องเดินย้อนกลับมาที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง ก่อนจะกดรับสาย
.
.
.
“ครับแม่”

“วันนี้พ่อกับแม่จะไปหัวหินคงกลับถึงบ้านพรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆ กันต์ไม่ต้องกลับมานอนที่บ้านก็ได้นะลูก” แม่โทรมาบอกเพราะปกติเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดผมจะกลับไปนอนที่บ้าน

“ครับ ถ้าอย่างนั้นกันต์กลับอาทิตย์หน้าแล้วกัน”  

“ก็แล้วแต่กันต์สิลูก อย่าลืมดูแลสุขภาพให้ดีนะลูก แม่ไปก่อนนะ”

“ครับแม่ เดินทางปลอดภัยนะครับ”

หลังจากวางโทรศัพท์จากแม่แล้วก็ยังไม่ได้ออกไปที่ระเบียงอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก เพราะคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เลยนั่งลงบนเตียง แล้วกดโทรศัพท์ไปหาอีกคนหนึ่งแทน ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะตื่นหรือยัง
.
.
.

“ตื๊ด... ตื๊ด.... ตื๊ด...” รออยู่สักพักปลายสายก็กดรับ

“เอ่อ... ดีครับ พี่กันต์ มีอะไรถึงโทรมาแต่เช้าเลยพี่” เสียงไอ้อาร์ยังงัวเงียอยู่เลย ท่าทางผมคงโทรไปปลุกมัน

“มึงมีเบอร์กรรึเปล่า พี่จะโทรถามมันหน่อยว่าเมื่อคืนจอดรถไว้ชั้นไหน ขี้เกียจเดินหาว่ะ”

“ไม่มีอ่ะพี่ แต่พี่รอแป๊บ เดี๋ยวไปถามเดย์มันให้”

“เออๆ” ผมตอบแล้วก็ถือสายรอไอ้อาร์มันสักพัก ท่าทางมันคงต้องไปปลุกน้องมันเหมือนกัน

“เบอร์กรนะพี่ 08-0090-xxxx”

“เออๆ ขอบใจ”

“ครับ” อาร์มันตอบแค่นั้นแล้วก็วางไป มันคงกลับไปนอนต่อแหละ

อันที่จริงเรื่องที่จอดรถมันก็เป็นแค่ข้ออ้าง เพราะเมื่อเช้าตอนที่ผมหันไปดูนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก็เห็นแล้วว่ามีกระดาษโน้ตที่เขียนชั้นกับโซนที่จอดรถ โดยมีกุญแจรถวางทับไว้อีกที แล้วก็เพราะไอ้กระดาษโน๊ตแผ่นนี้แหละที่ทำให้ผมนึกข้ออ้างที่ผมเพิ่งใช้ไปเมื่อกี้ขึ้นมาได้

.............................................................

แล้วผมก็ได้ออกมายืนที่ระเบียงสักที ตอนนี้ก็เกือบแปดโมงแล้ว ฟ้าเริ่มครึ้มๆ ทั้งที่เมื่อกี้ยังมีแดดอยู่ แต่ถึงฟ้าจะครึ้มอากาศกลับไม่อบอ้าว มีลมพัดมาเบาๆ เลยทำให้ผมยืนคิดอะไรไปได้เรื่อยๆ จนคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน

เมื่อคืนตอนที่ผมเห็นหน้ากร ผมบอกได้เลยว่า ผมดีใจที่ได้เจอเขาอีก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมคิดแล้วล่ะว่าคงไม่มีทางเจอได้เขาอีก และในเมื่อผมมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้ง ผมก็ต้องใช้โอกาสนั้นให้คุ้มที่สุด โอกาสที่จะทำให้ผมได้เจอเขาไปจนกว่าผมจะตอบคำถามของตัวเองได้

แต่ก่อนที่ผมจะหาคำตอบว่า “ทำไมผมถึงยิ้มและรู้สึกสบายใจตอนที่นึกถึงหน้าของกร”

ผมขอพิสูจน์อะไรเสียก่อน

เรื่องของเรื่องคือผมเห็นกรมองมาที่ผมอยู่บ่อยๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก เจอกันสองครั้งเขาก็มองผมแบบนั้นทั้งสองครั้ง แล้วสายตาที่เขาใช้มองผม ทำไมคนอย่างผมจะมองไม่ออกว่ามันเป็นสายตาแบบไหน แต่จะให้ด่วนสรุปก็คงไม่ใช่คนอย่างผม มันเลยต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดมันถูก

ผมแค่แกล้งทำเป็นว่าเมามากจนขับรถกลับเองไม่ไหว ทั้งที่ปกติแล้วปริมาณที่ผมดื่มเข้าไปเมื่อวานมันไม่มีทางทำให้ผมเมาได้เลย แล้วเรื่องมันก็ง่ายขึ้นเพราะไอ้อาร์ เลยทำให้ผมไม่ต้องคิดแผนอะไรขึ้นมามากมายเพื่อให้กรไปส่งผมที่คอนโดฯ
.
.
.
แล้วผมก็รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดมันถูก “กรชอบผม” ไอ้อาการกับท่าทางแบบนั้นมันดูไม่ยากเลย

แต่ผมเองล่ะ ผมรู้สึกยังไงกับกรกันแน่




แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้

“กูกำลังคิดถึงผู้ชาย!!”

.............................................................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 20-05-2010 12:42:59
เหมือนใจจะตรงกัน
ลุ้น ลุ้น ต่อไป
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 20-05-2010 18:14:55
รีบๆพิสูจน์เข้านะ คนอ่านก็ลุ้นจริงๆ หุหุ o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-05-2010 18:41:48
ง่ะ สั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 20-05-2010 18:55:17
ติดตาม ติดตาม

น่าสนใจ น่าสนใจ

กูกำลังคิดถึงผู้ชาย ใช่ที่ชื่อกรปะเนี่ยะ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 20-05-2010 19:23:29
ช่วงนี้แต่ละตอนอาจจะสั้นไปนิดนึง
 
แต่หลังจากตอนใหม่ที่จะมาลงให้คืนนี้
รับรองว่าแต่ละตอนจะยาวกว่านี้แน่ๆ


รอกันนิดนึงน้าาา...


 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-05-2010 19:30:12
รอค่ะ ชอบตัวเอกเรื่องนี้ทั้งสองคนเลยอ้ะ
แบบว่าจิตใจดี มีคุณธรรม แถมไม่โง่ด้วย ปลื้มมมมมมมมมม :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-05-2010 20:01:11
พิสูจน์ แล้ว 555 อีป้าแก่ๆ รอสรุปค่ะ 555 มาต่อเร็วๆนะคะ +1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-05-2010 20:24:48
กันต์คิดถึงป้อจาย อิอิ :-[
พิสูจน์อะไรยัง รออ่านตอนต่อไปค่ะ
+1 ขอบคุณเน่อ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 20-05-2010 22:02:05
แย่ละ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 20-05-2010 22:28:59
รออ่านคืนนี้ๆ 

 
จะมาเมื่อไหร่น้าาาาาา..


 :impress2:


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-05-2010 22:34:11
ขั้นต่อไปของคำว่า คิดถึง คือ รัก ใช่ปะ แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 20-05-2010 22:40:16
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 6 พิสูจน์ (19-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 20-05-2010 23:56:29
ตอนที่ 7 ทบทวน

เมื่อคืนหลังจากไปส่งพี่กันต์แล้วกว่าจะกลับถึงบ้านปาเข้าไปเกือบตีสี่ พอถึงห้องนอนก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว เดินลงมาข้างล่างก็ไม่เจอใครเพราะพ่อกับแม่บินไปฮ่องกงกันตั้งแต่เมื่อวาน จนเดินเข้าไปในครัวถึงเจอกับพี่สาที่กำลังทำกับข้าวอยู่ พี่สาเป็นแม่บ้านที่บ้านผมมาสิบกว่าปีแล้ว

“พี่สาทำอะไรอ่ะ หอมจัง” ผมถามขึ้นขณะที่กำลังหานมในตู้เย็นออกมาดื่ม

“หมูทอดกระเทียมค่ะ แล้วก็มีผัดผักรวม น้องกรจะให้พี่ตั้งโต๊ะ เลยรึเปล่าคะ”

“ไม่ต้องก็ได้พี่สา เดี่ยวตักราดข้าวไปนั่งกินหน้าทีวีดีกว่า”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นน้องกรไปนั่งดูทีวีก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่ตักไปให้”

“ครับ”
.
.
.
ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ถ้าผมไม่ออกไปไหนก็จะหาหนังมาดู หรือไม่ก็ออนเอ็มคุยกับเพื่อนบ้าง เมื่อสองวันก่อนยืมหนังจากไอ้นายมาหลายเรื่องเลยเอามาเปิดดู

“<<รักที่ฉันพร่ำเพ้อมีจริงอยู่ไหม เพราะว่าเพียงไม่นานก็ผ่านพ้นไป รู้ดีมันเจ็บ แต่พร้อมจะยอมเจ็บ เพื่อรักที่ตามหา…>>” เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น


“เป็นไงวะมึง ไปส่งพี่กัน” ไอ้ธีมันถามผมทันทีที่ผมรับสายมัน

“ก็ไม่ไง ไปส่งที่คอนโดฯ แล้วก็กลับ”

“แค่นั้น???” เสียงมันเหมือนไม่เชื่อที่ผมบอก

“เออ แค่นั้น แล้วมึงคิดว่ากูจะทำไร” ผมตอบ แต่ในใจเริ่มคิดแล้ว “นี่กูไปทำอะไรให้มันสงสัยอีกละเนี่ย”  ไอ้นี่มันยิ่งจมูกไวอยู่ด้วย

“ก็ถามดู อย่าคิดว่ากูไม่เห็น มึงเล่นมองเขาซะขนาดนั้น”

“ช่างสังเกตกูจริงนะมึง” อดกัดมันไม่ได้เพราะแทบจะไม่มีเรื่องไหนเลยที่ผมปิดมันได้

“กูไม่ได้ตาบอด มึงมองพี่เขาซะขนาดนั้น กูถามจริง มึงชอบพี่เขารึเปล่า” ฟังที่มันพูดแล้วก็นะ “ตรงได้อีกเพื่อนกู”

“กูคิดว่ากูชอบเขา แต่กูก็ไม่แน่ใจวะ มึงน่าจะรู้ว่ากูเป็นไง”

“ก็เพราะกูรู้ กูถึงถาม แต่จะมีเรื่องนึงที่กูไม่รู้ ก็เรื่องที่มึงสนใจผู้ชายด้วยกันนี่แหละว่ะ”

“เออ... กูบอกไม่ถูกว่ะ รู้ตัวอีกทีกูก็มองแต่พี่เขาแล้วว่ะ” ผมก็ไม่รู้จะอธิบายให้มันเข้าใจได้ยังไง ในเมื่อผมยังไม่ค่อยจะรู้ตัวเองเลย เหมือนมันควบคุมตัวเองยากเหลือเกินเวลาที่เจอพี่กันต์

“เอาให้แน่นะมึง พี่กันต์ก็ผู้ชาย มึงก็ผู้ชาย มึงแน่ใจแล้วหรอวะ แล้วอีกอย่างถ้ามึงไม่คิดจะไปให้สุดทาง มึงอย่าเริ่ม มันไม่ดีทั้งกับตัวมึงแล้วก็พี่เขา กูว่ามึงกลับไปถามใจตัวเองให้ดีก่อนเถอะว่ะ” ฟังเสียงไอ้ธีตอนนี้ผมก็รับรู้ได้นะว่ามันเป็นห่วงผมจริงๆ    

“กูว่ากูคิดดีแล้วว่ะ แล้วเรื่องบางเรื่องมันอาจมีอะไรมากกว่าที่มึงคิด แต่ก็ช่างมันเถอะว่ะ” ผมตอบได้แค่นั้น สำหรับไอ้ธี คนที่รู้จักผมดีและรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผม จะมีเพียงเรื่องเดียวที่มันไม่รู้ และผมเองก็ไม่อยากให้มันรู้เพราะผมเองก็รู้จักมันดีว่ามันเป็นคนยังไง มันคงจะดีกว่าถ้ามันไม่รู้ ปล่อยให้มันเข้าใจในแบบของมันไป

“แล้วนี่มึงจะไม่ตกใจหรือว่าอะไรกูเลยหรอ ที่กูเพิ่งบอกมึงไปว่า กูชอบผู้ชาย”

“ในเมื่อมึงตัดสินใจดีแล้ว กูก็ยอมรับการตัดสินใจของมึง มึงจะชอบใครแล้วมันสำคัญตรงไหนวะ ยังไงมึงก็ยังเป็นเพื่อนกูอยู่วันยันค่ำ มึงทำอะไรแล้วมีความสุขมึงก็ทำไป” ฟังที่ไอ้ธีมันตอบแล้วโคตรจะซึ้งเลย

“อืม... กูว่ากูโคตรโชคดีเลยว่ะที่มีเพื่อนอย่างมึง” รวมถึงไอ้สามคนนั่นด้วย  

“เออๆ แล้วยังไงมึงก็กลับไปคิดเรื่องพี่เขาให้ดีๆ อีกทีแล้วกัน ไว้คุยกัน ตอนนี้กูไปก่อนละ จะออกไปข้างนอกกับไอ้ธารมัน”

“เออๆ” แล้วผมก็วางสายจากมัน
.
.
.
หลังจากนั้นผมก็ถามตัวเองซ้ำๆ อีกครั้งว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่กันต์ ผมคิดว่าผมแน่ใจแล้วว่าชอบพี่เขาจริงๆ แต่ผมก็ยังกลัว กลัวที่จะต้องรักใครสักคน และความกลัวนั้นมันก็มีมานาน นานพอที่จะทำให้ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าผมเคยรู้จักกับความรัก

นั่นเป็นเพราะว่าครั้งหนึ่งผมเคยเจ็บ เจ็บจนผมไม่กล้าจะรักใคร เรื่องของผมกับแพรมันทำให้ผมเปลี่ยนไป แพรเป็นผู้หญิงที่ผมเคยรักมากที่สุด ผมสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า ช่วงเวลาที่ผมคบกับแพร มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผมช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เป็นแพรที่ทำให้ผมเจ็บที่สุด  แพรทิ้งเพียงคำพูดสั้นๆ ไว้ ในวันที่เธอเดินจากผมไป

“ฉันชนะแล้ว” แพรบอกผมแค่นั้น

ในวันที่ผมเลือกที่จะบอกว่ารักแพรมากที่สุด แต่ประโยคที่แพรตอบกลับมาคือ “ฉันชนะแล้ว” ผมไม่รู้ว่าแพรหมายถึงอะไรแต่หลังจากวันนั้นแพรก็หายไปจากชีวิตของผม มันทำให้ผมแทบเป็นบ้า และลืมไปว่าครั้งหนึ่งผมเคยรู้จักกับความรัก แพรเห็นความรักเป็นแค่เกม???

ส่วนผมเองก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผมไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนเย็นชา ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนที่เอาใครก็ได้ไม่เลือก ผมกลับทำสิ่งที่มันเลวร้ายกว่านั้น ผมทำแบบเดียวกันกับที่แพรเคยทำไว้กับผม แต่ผมไม่ได้เห็นมันเป็นเกม ผมไม่ได้ใจร้ายได้อย่างแพร ผมยังอยากรู้จักกับความรักอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่ผมเริ่มต้นกับใคร ความกลัวมันก็ทำให้ผมเลือกที่จะหยุดความสัมพันธ์และเดินหนีไปจากคนๆ นั้น และถึงแม้ว่าผมเลือกทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้แปลว่าผมไม่เจ็บ ผมก็ยังคงเจ็บ แต่มันคงจะดีกว่าถ้าผมจะต้องเจ็บตอนที่รักใครจนหมดใจ

ส่วนเหตุผลที่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าเรื่องราวของผมกับแพรมันจบเพราะอะไร และปล่อยให้มันเข้าใจผมผิดๆ แบบนั้น นั่นเป็นเพราะว่าผมไม่อยากเห็นเพื่อนทำร้ายใคร แม้ว่าคนๆ นั้นจะไม่ใช่คนที่ดีนัก ถึงจะรู้ดีว่ามันคงไม่ไปทำร้ายร่างกายอะไรแพร เพราะมันเป็นสุภาพบุรุษพอ แต่มันคงทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาคืน ผมไม่อยากให้เพื่อนผมไปยุ่งกับคนแบบนั้น
.
.
.
เอาล่ะ หลังจากที่ผมนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองมานานพอดู หนังเปิดไว้ก็ไม่ได้ดู ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ผมคงต้องจัดการมันก่ิอน ส่วนหนังเดี๋ยวย้อนไปดูใหม่



แต่ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่ามันคงถึงเวลาสักทีที่ผมจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน และคนๆ นั้นก็คือ พี่

“พี่กันต์”

.............................................................


“น้องกร น้องกรคะ” เสียงพี่สาเรียกผม

“อื้อออ... ”

“ตื่นเถอะค่ะ เย็นแล้ว นอนตอนนี้ไม่ดีนะคะ เดี๋ยวจะปวดหัว”

“อืม... นี่กี่โมงแล้วครับพี่สา”

“เกือบหกโมงแล้วค่ะ น้องกรจะทานข้าวเย็นเลยรึเปล่าคะ”

“ครับ ถ้างั้นกรขอไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวลงมากิน”
.
.
.
หลังจากกินข้าวเย็นเรียบร้อย ก็พาเจ้าเรนออกไปเดินเล่น ตอนนี้มันตัวโตขึ้นเยอะดูท่าทางจะเป็นหมาพันธุ์ใหญ่ แล้วมันก็ กำลังซนเอาเรื่อง  ผมชอบพามันออกไปเดินเล่นที่สวนช่วงหัวค่ำ ในหมู่บ้านที่ผมอยู่มีสวนสาธารณะกลางหมู่บ้านซึ่งมีเนื้อที่ค่อนข้างมากทีเดียว ช่วงเย็นๆ จะคนมาออกกำลังกาย หรือว่ามีเด็กๆ มาวิ่งเล่นค่อนข้างเยอะ ผมเลยไม่พาเจ้าเรนออกไป ไม่ใช่เพราะเที่ยวไปกวนใครเขาหรอก แต่ไม่อยากจูงมันมากกว่า เลยออกไปช่วงหัวค่ำหรือดึกหน่อย พอไม่มีคนแล้วจะได้ปล่อยให้มันวิ่งเล่นของมันไป แล้วอีกอย่างผมเองก็ชอบช่วงเวลาแบบนี้ แดดไม่ร้อน มีลมพัดมากำลังสบาย เอาไอพอดมาเปิดฟังเพลง แล้วก็เดินคิดอะไรของผมไป

ตอนนี้ก็เริ่มคิดหาวิธีแล้วล่ะว่าจะเข้าไปจีบพี่กันต์เขายังไง จะให้เนียนเข้าไปแบบเป็นเพื่อนของน้องชายของรุ่นน้องของพี่เขา มันดูจะซับซ้อนไปไหมล่ะนั้น แล้วจะให้เข้าไปจีบแบบเดียวกับที่จีบผู้หญิงดีไม่ดีจะถูกพี่เขาต่อยกลับมา


ตั้งแต่เกิดมาเคยแต่จีบผู้หญิง แล้วจะจีบผู้ชายมันต้องทำกันยังไง คิดไม่ออกว่าจะเริ่มยังไงดี ทำไมมันไม่มีหนังสือแบบที่พวกผู้หญิงเขาชอบอ่านกันบ้าง เคยเห็นตามชั้นในร้านหนังสือพวก “พิชิตใจชาย” อะไรแบบนั้น ทำไมไม่มีใครเขียนหนังสือ “(ชาย) พิชิตใจชาย” ออกมาวางขายสักเล่ม จะได้ไม่ต้องคิดเอง





“มันคิดไม่ออกเฟ้ย จะเริ่มยังไงดีวะกู”

-----------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-05-2010 00:07:54
เห็นด้วยเรื่องหนังสือ
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-05-2010 00:08:35
555 หนังสือชายพิชิตใจชาย มีก้ดีสิเนอะ หุหุ

จะคิดมากทำไมอ่ะ เดินเข้าจีบเลย ตรงๆนี่แหละ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 21-05-2010 01:48:28
แค่พูดกับอีกฝ่ายตรงๆไปเลยค่ะ :m4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 21-05-2010 09:17:14
ชายที่เป็นชาย มาชอบกันเพราะอุบัติเหต์แห่งรัก บุพเพชัดๆๆๆ
งานนี้มีเรื่องให้ลุ้นอีกมากมาย ของสมัคเป็นแฟนคลับน้องกรนะ เอาใจช่วยในการจีบพี่กันต์นะ แต่งานนี้พี่ว่าไมยากนะน้อง
เพราะไอ้คุฯพี่กันต์ก็มีใจให้ งานนี้ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยฃ
แต่ต้องชิงชัยก่อนว่าใครจะเขาวินเริ่มก่อน(เริ่มก่อนได้รุก) เอาเป็นว่าการจีบก็เหมือนทั้งหญิงชาย คือก็ต้องเปิดปากพูดกับเขาก่อน
ไอ้มานั่งเงียบก็ชวดละน่า
อิเจ๊เป็นกำลังใจให้สองคนนี้นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-05-2010 09:36:13
กรน่ารัก ที่แท้ก็มีความหลังมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อนนี่เอง
"ฉันชนะแล้ว" ต้องเป็นคนใจหินแบบไหนกันถึงพูดออกมาได้ น่ากลัวๆๆๆๆ

รอให้กรเริ่มนะคะ ไม่งั้นถูกพี่กันต์จัดการไม่รู้ด้วยนะเออ ^o^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-05-2010 09:42:12
กรรมวางแผนจีบผู้ชาย แต่หารู้ไม่ เขากำลังจะจีบตัวเองตะหาก 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 21-05-2010 11:13:06
สองคนนี้ใจตรงกัน แต่มีหวัง จีบพร้อมๆกันได้เขินกันเอง งงกันเอง แหงๆๆ คิกคิก

ว่าแต่ ไอ่หนังสืิ ชาย พิชิตใจชายเนี่ย น่าสนใจนะ ....คึคึ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 21-05-2010 18:56:20
รอลุ้นล่ะว่าจะพิชิตใจชายได้มั๊ยแล้วต้องทำงัยมั่ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 22-05-2010 21:03:20
เดินเข้าไปบอกเลย

"พี่ครับเป็นแฟนผมนะ"

 :z6:

^
^
พี่กันต์เข้าไม่ทำไรหรอก มั้ง???

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 7 ทบทวน (21-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 23-05-2010 13:01:22
ตอนที่ 8 เข้าทาง

เช้าของวันทำงานกับการจราจรที่ติดขัดแบบนี้เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่เคยออก และมันก็เป็นเรื่องปกติที่คนในเมืองอย่างผมจะต้องเจอ โดยเฉพาะวันแรกของสัปดาห์แบบนี้รถยิ่งติดมากกว่าวันอื่นๆ ถึงออฟฟิศจะอยู่ไม่ไกลจากคอนโดฯ แต่ก็ยังใช้เวลาในการขับรถไม่ต่ำกว่าสี่สิบนาที แต่ช่วงเวลาที่อยู่บนรถติดๆ แบบนี้ มักจะเป็นเวลาที่ทำให้ผมคิดอะไรใหม่ๆ ได้เสมอไม่แพ้เวลาที่ผมยืนอยู่ที่ระเบียง  เพราะมันเป็นเวลาที่ผมได้สังเกต และมองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัว

แล้วตอนนี้ผมก็ได้ไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาแล้ว เดี๋ยวตอนเช้าเข้าไปหาข้อมูลอะไรอีกนิดหน่อย น่าจะสรุปได้ทันเอาเข้าที่ประชุมช่วงบ่ายของวันนี้

ปกติช่วงวันจันทร์ถึงวันพุธในสัปดาห์แรกของเดือนผมจะมีประชุมเพื่อฟังการสรุปงานของส่วนต่างๆ โดยวันจันทร์ผมจะประชุมกับทีมงานในส่วนที่ดูแลนิตยสารที่ออฟฟิศที่ผมกำลังจะไป ส่วนวันอังคารและวันพุธผมจะเข้าไปประชุมกับส่วนของโรงพิมพ์และสำนักพิมพ์ที่โรงพิมพ์แถวบางนา

กิจการของครอบครัวผมเริ่มมาตั้งแต่สมัยของคุณปู่ตอนนั้นมีเฉพาะโรงพิมพ์ รับพิมพ์งานทั่วไป ต่อมารุ่นคุณพ่อก็เพิ่มในส่วนของสำนักพิมพ์ และจนปัจจุบันมาถึงผมที่รับช่วงต่อก็เพิ่มในส่วนของนิตยสาร โดยผมคิดรูปแบบขึ้นมาใหม่ทั้งหมดไม่ได้ซื้อหัวหนังสือจากต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ยังมีเพียงหัวเดียวคือ “INDEED” ที่เปิดตัวและวางแผนไปเมื่อตอนต้นปี และก็ได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดไว้มากทีเดียว

.............................................................

ตอนนี้ผมมาถึงออฟฟิศแล้ว และกำลังเริ่มต้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่ผมเพิ่งคิดขึ้นมาได้เพื่อที่จะสรุปให้ทันเอาเข้าที่ประชุมในช่วงบ่าย
.
.
.
หลังจากฟังสรุปยอดขาย และผลตอบรับโดยรวมของนิตยสารตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา ก็มาถึงช่วงที่ผมจะพูดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งคิดไว้เมื่อเช้า

“ตอนนี้ผมมีแผนว่าจะเพิ่มคอลัมน์อีกหนึ่งคอลัมน์”  

“แล้วคอลัมน์ที่จะเพิ่มเข้ามาจะนำเสนอเกี่ยวกับอะไรคะ” เสียงของแอมที่เป็นบรรณาธิการ

“ผมตั้งใจว่าจะนำเสนอเรื่องของงานดีไซน์ที่มีลักษณะเฉพาะหรือแสดงถึงบุคลิกของคนออกแบบ ที่กำลังได้รับความสนใจ ซึ่งในคอลัมน์นี้เราก็จะแบ่งการนำเสนอออกเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกเป็นชิ้นงานที่ออกแบบโดยนักออกแบบที่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว และส่วนที่สองผมอยากเปิดโอกาสให้นักออกแบบหน้าใหม่นำเสนอผลงาน โดยเราจะเป็นผู้เลือกชิ้นงานที่น่าสนใจมาลง แล้วผมก็คิดเอาไว้ว่าจะให้เจ้าของผลงานเป็นคนวางรูปแบบการนำเสนอเองเพราะฉะนั้นแต่ละเดือนก็จะมีแนวทางที่แตกต่างกันไป”

“แล้วเน้นงานดีไซน์หรืองานออกแบบทางด้านไหนที่เฉพาะเจาะจงหรือเปล่าครับ” เสียงของต้นหัวหน้าทีมที่ดูแลเรื่องข้อมูลที่นำมาลงในแต่ละคอลัมน์  

“ผมจะไม่จำกัดว่าเป็นชิ้นงานแบบไหน จะเป็นของใช้ เสื้อผ้า งานกราฟฟิคดีไซน์รูปแบบใหม่ๆ หรืออะไรก็ได้ แม้แต่ของเล่นก็ยังได้ แต่ดูแล้วเป็นงานที่ดูแล้วมีเอกลักษณ์ มันอาจจะฟังแล้วเข้าใจยากในตอนนี้ แต่เดี๋ยวผมจะหาตัวอย่างมาให้ดูกันก่อน”

“แล้วทีมไหนจะรับผิดชอบคอลัมน์นี้คะ” แอมถามขึ้น

“ให้ทีมของพีทแล้วกัน แค่หาผลงานที่จะมาลงแล้วก็ติดต่อเจ้าของ ส่วนการจัดวางรูปแบบคอลัมน์ผมตั้งใจให้เจ้าของผลงานเป็นผู้ดูแลเองถ้าเป็นไปได้ คล้ายๆ กับเราจ้างฟรีแลนซ์มาทำเป็นงานๆ ไปนั่นแหละ ให้เขากำหนดรูปแบบเอง เพื่อจะได้รูปแบบที่เฉพาะตัวจริงๆ ผมขอให้คุณบีดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย”

“แล้วจะลงคอลัมน์นี้เมื่อไหร่คะ”

“เดือนหน้านี้เลย ส่วนผลงานที่จะเอามาลงผมก็คิดเอาไว้แล้ว เรื่องของความคืบหน้า ผมจะนัดประชุมกันอีกครั้งในวันจันทร์หน้า ไม่ทราบว่าใครมีข้อสงสัยอะไรหรือเปล่า” หลังจากนั้นก็คุยเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใจตรงกันจริงๆ  
.
.
.
“............”

“ถ้าพอเข้าใจกันแล้ว ผมขอปิดการประชุมไว้เท่านี้ ขอบคุณทุกคนมากนะครับ”  

.............................................................

นี่แหละครับเรื่องที่ผมคิดได้เมื่อเช้า พอดีจังหวะที่รถติดหันไปเจอป้ายโปสเตอร์โปรโมทอัลบั้มของนักร้องคนนึงที่แปะอยู่หน้าร้านขายซีดี ผมว่าคนออกแบบเขาออกมาทำได้น่าสนใจดี เลยคิดเรื่องคอลัมน์ใหม่ขึ้นมาได้

ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่า ผมคิดเรื่องผลงานที่จะเอามาลงไว้แล้ว อันที่จริงก็ยังไม่ได้คิดเป็นเรื่องเป็นราวหรอก แค่คิดไว้ว่าจะเป็นผลงานของใครมากกว่าแล้วงานนี้ผมคงต้องพึ่งไอ้อาร์มันหน่อยล่ะ ว่าแล้วก็โทรไปหามันเลย
.
.
.
“ตื๊ด... ตื๊ด...”

“ดีครับพี่”

“ช่วงนี้พอมีเวลาบ้างหรือเปล่า พอดีพี่มีอะไรจะให้อาร์ช่วยหน่อย”

“ได้เลยพี่ ว่ามาได้เลยจะให้ผมช่วยอะไร”

“พี่จะทำคอลัมน์ใหม่ลงหนังสือ เป็นคอลัมน์ที่นำเสนอเรื่องงานออกแบบ พี่เลยตั้งใจว่าจะเปิดคอลัมน์ด้วยงานออกแบบสถานที่ กะว่าจะเอาร้านของมึงมาลงด้วย เดี๋ยวรายละเอียดพี่จะเข้าไปคุยด้วยอีกที” ผมเล่าเรื่องให้อาร์มันฟังคร่าวๆ ก่อน ร้านนี้ไอ้อาร์มันออกแบบเองถือเป็นผลงานของมันจริงๆ แล้วมันก็ทำออกมาดีทีเดียว ไม่เสียแรงที่จบสถาปัตย์กันมา ส่วนผมเองก็ไม่ได้ทิ้งที่เรียนมาไปซะทีเดียว ผมว่ามันก็ได้เอามาประยุกต์ใช้อยู่บ่อยๆ กับหนังสือของผมนี่ล่ะ

“จะเอาจริงหรอพี่” มันถามแบบไม่ค่อยแน่ใจ

“ก็เออสิวะ เดี๋ยวเย็นนี้พี่จะเข้าไปคุยด้วยที่ร้าน”

“ครับ แล้วเจอกันพี่”    
 
.............................................................
………………………………
……………….

ผมออกจากออฟฟิสก่อนเวลาเลิกงานประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อจะได้ไปดูร้านของไอ้อาร์มันตอนที่ยังพอมีแดดอยู่ พอไปถึงก็เดินดูรอบๆ ร้าน แล้วผมก็คิดว่าผมตัดสินใจเลือกไม่ผิด หลังจากนั้นก็เข้าไปนั่งคุยกันถึงรายละเอียดตามที่ผมอยากได้ ว่าอยากให้คอลัมน์นี้ออกมาเป็นแบบไหน จุดของการนำเสนอคืออะไร ส่วนผลงานของนักออกแบบที่มีชื่ออยู่แล้วจะเป็นใคร ซึ่งผมก็มีอยู่แล้วในใจเหมือนกัน และสุดท้ายก็ในส่วนของไอ้อาร์ว่ามันต้องทำอะไรบ้าง
.
.
.
“ถ้าเป็นเรื่องร้านไม่มีปัญหาเลยพี่ ส่วนเรื่องวางรูปแบบการนำเสนอผมว่า เดี๋ยวผมขอให้ไอ้เดย์กับเพื่อนมาช่วยดีกว่า พวกมันเรียนกราฟฟิคดีไซน์ น่าจะทำออกมาได้น่าสนใจ แต่แนวทางหลักๆ ผมคงคิดเอง”

“ก็แล้วแต่มึง เออ งานนี่พี่มีค่าเหนื่อยให้ด้วย”

“ไม่ต้องก็ได้พี่ จริงๆ แล้วมันเหมือนพี่ช่วยโปรโมทร้านไปด้วย ผมต้องขอบคุณพี่มากกว่า”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร มันก็เหมือนมึงมาทำงานให้พี่”

“เออ... ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมรีบคุยกับไอ้เดย์แล้วก็เพื่อนมันเลยให้เลยดีกว่าพี่ โดยเฉพาะกร รายนั้นไอเดียกับฝีมือดีเลยพี่ ผมเคยเห็นงานที่มันทำมาบ้าง”

“ถ้างานมันออกมาดีจริง ครั้งต่อไปพี่จะได้เอามาลงในคอลัมน์” พอผมได้ยินชื่อของกร ก็รู้สึกเหมือนว่าอะไรๆ มันจะเข้าทางผมนะเนี่ย

“แล้วพี่อยากเข้ามาคุยกับพวกมันเองด้วยหรือเปล่า ผมได้บอกพวกมัน”

“ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นมึงก็ไปตกลงกับพวกน้องมันก่อน ได้เรื่องยังไงก็โทรไปบอกพี่อีกที แล้วค่อยนัดคุยกัน”

“ครับพี่ เดี๋ยวผมรีบจัดการให้”

“ขอบใจมึงมากว่ะ เดี๋ยวพี่กลับเลยแล้วกัน”

“ไม่ดื่มอะไรหน่อยหรอพี่”

“ไม่ดีกว่าว่ะ พรุ่งนี้ประชุม”

“ครับๆ”

ออกจากร้านของไอ้อาร์มันแล้วก็ตรงกลับคอนโดฯ เลย เผื่อถึงเร็วจะได้ไปว่ายน้ำออกกำลังกายเสียหน่อย   ช่วงที่ขับรถไปก็ยังคงคิดเรื่องงานอยู่บ้าง เพราะไม่มั่นใจว่ามันจะออกมาอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า ผมเองก็ยอมรับเหมือนกันว่าตัดสินใจและลงมือทำค่อนข้างเร็ว คิดแล้วลงมือทำเลยแบบนี้ มันก็ทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ตอนนี้ผมเริ่มมองเห็นแล้วว่ามันมีข้อดีมากกว่า

ผมคิดแล้วว่าจะลองเปิดโอกาสให้อีกคน มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะผมว่า ถึงเขาจะเป็นผู้ชายเหมือนผมก็เถอะ แต่บางครั้งคนเรามันก็เลือกไม่ได้หรอกว่า ในชีวิตจะได้พบเจอกับอะไรหรือใครบ้าง แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้สิ่งนั้นหรือคนนั้นเข้ามาในชีวิตเราได้หรือไม่ ส่วนเข้ามาแล้วจะอยู่ในชีวิตของเราไปได้นานแค่ไหนมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผมเองก็ไม่เคยคิดนะว่าจะมีวันหนึ่งที่ผมเกิดความรู้สึกดีๆ กับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่ผมได้พบเขาครั้งแรก เขาถึงว่ากันว่า ชีวิตคนเรามักจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอยู่เสมอ แล้วผมก็เป็นคนที่ไม่ชอบปิดโอกาสทั้งของตัวเองและของคนอื่น เพราะฉะนั้นมันคงไม่แปลกอะไรที่ครั้งนี้ผมจะเปิดรับอีกคนเข้ามา


บางทีผมอาจะเจอคำตอบก็ได้ว่า “อะไรคือสิ่งที่ผมกำลังตามหา”


แล้วในเมื่อผมเลือกที่จะเปิดโอกาสนั้นให้กับตัวเองและอีกคนแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะรออยู่เฉยๆ แล้วให้อีกฝ่ายเข้ามาหาหรอกนะ มันไม่ใช่ผมแน่นอน ผมชอบที่จะคว้าโอกาสที่มองเห็นและใช้มันให้เป็นประโยชน์เสมอ ยิ่งรู้ว่าเขาเองก็ชอบผมอยู่แล้วมันคงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะได้รู้จักกันมากกว่านี้

ถ้าผมรอให้เขาเข้ามา ผมว่าผมคงต้องรออีกนาน ป่านนี้อาจจะกำลังคิดอยู่ล่ะมั้งว่าจะเข้ามาหาผมด้วยวิธีไหน หึหึ รู้เขารู้เราแบบนี้ รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง


แล้วเริ่มก่อนมันมักจะได้เปรียบเสมอ


-----------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-05-2010 13:11:42
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เข้าทางจริงๆด้วย พี่กันต์มาเหนือเมฆสุดๆ ฉลาดอย่างนี้น้องกรจะตามทันม้ายยยยยยยย :m3:

ขอบคุณไรท์เตอร์มากนะคะ ^o^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 23-05-2010 15:28:25
ไม่เฉพาะโอกาสและโชคที่ผลักดันแต่ความต้องชะตาและความชอบก็ดึงเข้าหากัน แบบนี้ยิ่งต้องลุ้นกันล่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 23-05-2010 15:34:16
หุหุ...ไม่ค่อยเลยอ่ะ แบบว่าพี่แกมั่นใจเต็มร้อยว่าน้องกรก็กะรุกจีบพี่แกเหมือนกันแน่ๆๆ ...อยากรู้แล้วสิว่าทางน้องกรจะเป็นยังไง เพราะทางนี้ดูมันเข้าที่เข้าทางแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 23-05-2010 19:58:40
เข้าทางจริงๆด้วย o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-05-2010 21:29:06
อือหึ พี่กันต์สุดยอดชอบนายเอกฉลาดๆ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 24-05-2010 20:14:20
กรไม่ต้องคิดเยอะแล้ว ตอนนี้อะไรๆ ก็เข้าทางพี่กันต์



ระวังนะ พี่เขายิ่งถือว่าเริ่มก่อนมันได้เปรียบอ่ะ

มัวแต่ช้าเสียเปรียบไม่รู้นะเออ อิอิ

 :o8:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 24-05-2010 20:21:44
อีป้าแก่ๆว่า สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ กำลังถูกขยายผลแล้วสินะค่ะ รอลุ้นต่อไปได้อีกค่ะ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 8 เข้าทาง (23-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 26-05-2010 00:37:11
ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ

เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาเช้ากว่าทุกวัน ผมตื่นขึ้นมาพร้อมฝันร้าย ฝันที่ตามติดอยู่กับผมแม้เวลาจะผ่านเลยไปเกือบสองปีแล้ว แต่เวลาสองปีนั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ภาพและเสียงในความฝันนั้นมีทีท่าว่าจะจางหายไป ผมพยายามที่จะลืมมันให้ได้ แต่มันก็เหมือนกับว่ายิ่งผมพยายามมากเท่าไร มันยิ่งกลับทำให้ผมจำมันได้มากขึ้นเท่านั้น


ผมคงได้แต่หวังว่าสักวันผมคงจะลืมมันไปได้


............................................................



วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมีเรียนเฉพาะตอนบ่าย อยู่ปีสุดท้ายแล้ววิชาที่เรียนเลยไม่เยอะหนักไปทางทำโปรเจคมากกว่า แต่วันนี้คงออกจากบ้านเร็วกว่าปกติเพราะนัดกับไอ้เดย์ไว้ตอนสิบเอ็ดโมง ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลาที่ผมนัดกับไอ้เดย์ เลยกะว่าจะหาหนังดูสักเรื่อง จะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว ส่วนที่นัดเจอกับไอ้เดย์เพราะเมื่อคืนมันโทรมาหาผมบอกว่าพี่อาร์มีงานมาให้ผมกับมันทำ ส่วนเรื่องรายละเอียดเดี๋ยวมันจะมาบอกอีกที เลยนัดไปกินข้าวกลางวันแล้วก็คุยกันที่ร้าน(ป้า)ไข่ ร้านนี้อยู่ข้างมหาวิทยาลัยถือเป็นร้านประจำของพวกผมอีกร้านหนึ่ง เมนูของร้านนี้ก็ตามชื่อร้านเลย แทบจะเรียกได้ว่ามีทุกเมนูไข่ ก็เหมาะกับพวกผมล่ะ เน้นโปรตีน ไม่เน้นผัก
.
.
.
ขับรถออกมาจากบ้านก็เจอฝนตกระหว่างทาง ร้อนๆ แบบนี้ฝนตกบ้างก็ดีเหมือนกันช่วยคลายร้อนไปได้เยอะ แต่จะไม่ดีก็ตรงที่มันทำให้รถติด ฝนไม่ตกมันก็ติดอยู่แล้ว พอฝนตกมันก็ยิ่งติดหนักเข้าไปอีก  ผมใช้เวลาขับรถมากกว่าปกติไปเกือบครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่ร้าน พอเข้ามาในร้านก็ยังไม่เห็นไอ้เดย์ท่าทางคงจะเจอรถติดเหมือนกัน เลยนั่งรอมันก่อน เดี๋ยวมันมาค่อยสั่งข้าวมากินพร้อมกัน นั่งรอสักสิบนาทีมันก็มา

“เฮ้ย!! มึงมาถึงนานยัง” ไอ้เดย์ทักผมก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“สิบนาที”

“มึงสั่งอะไรไปยัง”

“ยังว่ะ รอมึงมาแล้วก็จะสั่งนี่ล่ะ”

“เออๆ แล้วมึงจะกินอะไร” มันถาม พร้อมกับหยิบกระดาษและดินสอที่ใส่กล่องวางไว้บนโต๊ะมาเตรียมจด

“ข้าวผัดแกงเขียวหวานห่อไข่” มันก็จดตามที่ผมสั่ง แล้วก็ต่อด้วยของมัน

“แล้วเรื่องงานที่มึงบอกว่าจะมาคุยกับกูนี่ตกลงว่างานอะไร แล้วต้องทำอะไรมั่งวะ” ผมถาม จากนั้นมันก็เล่ารายละเอียดให้ผมฟังคร่าวๆ ก็พอเข้าใจแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง มันบอกว่าเดี๋ยวยังไงค่อยเข้าไปคุยกับพี่อาร์แล้วก็พี่ที่เป็นเจ้าของหนังสืออีกทีวันศุกร์ นั่งคุยกันไปสักพักข้าวที่สั่งก็มา เลยหยุดคุยแล้วจัดการกับอาหารตรงหน้ากันก่อน อิ่มแล้วค่อยคุยกันต่อ  
.
.
.
“แล้วตกลงว่างานนี้มันของหนังสือเล่มไหนว่ะ ตกลงมึงจะบอกกูได้หรือยัง ลีลานักนะมึง หรือต้องให้กูลุกขึ้นไปถีบมึงก่อนมึงถึงจะตอบกูได้” ผมเริ่มหงุดหงิดกับลีลาของมันแล้ว ก็รู้แล้วว่าทำคอลัมน์ลงหนังสือ แต่พอถามว่าลงเล่มไหนมันก็ลีลาอยู่นั่น เดี๋ยวไอ้นี่มันคงโดนผมถีบเข้าจนได้  

“หนังสือที่มึงอ่านประจำ” มันพูดแค่นั้นแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พร้อมกับยักคิ้วข้างนึงและส่งสายตาแบบกวนๆ มาให้ผมชักอยากจะลุกขึ้นไปถีบมันจริงๆ แล้วตอนนี้ มันจะลีลาอะไรของมันนักวะ

แต่เมื่อกี้มันบอกอะไรนะ “หนังสือที่ผมอ่านประจำ” งั้นหรอ??
 


“…INDEED…เฮ้ย!! จริงหรอวะ” ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไร กำลังอึ่งๆ อยู่ เพราะหนังสือเล่มนี้ผมก็อ่านประจำอย่างที่ไอ้เดย์มันบอกนั่นแหละ อ่านมาตั้งแต่เล่มแรก ตอนผ่านร้านหนังสือเห็นปกมันอาร์ทๆ แนวๆ ดี เลยลองซื้อมาอ่าน หลังจากนั้นก็ตามอ่านมาเรื่อยๆ ที่จริงก็อ่านกันทั้งกลุ่ม พอผมซื้อมาแล้วมันก็เอาไปอ่าน มันบอกไหนๆ ผมก็ซื้อมาแล้ว อ่านกันหลายๆ คนจะได้คุ้ม

“แล้วเขาจะให้กูกับมึงทำจริงหรอวะ” ผมถามไม่มั่นใจเท่าไร เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของเขาคิดยังไงถึงมาให้มือใหม่อย่างพวกผมทำงานนี้ แถมเป็นครั้งแรกที่เปิดคอลัมน์นี้ด้วย ถึงไอ้เดย์มันจะบอกว่าพี่อาร์เป็นคนแนะนำพวกผมเองก็เถอะ  

“มึงนี่จะอะไรนักวะ กูจะโกหกมึงเผื่อ เดี๋ยวศุกร์นี้มึงก็ไปถามพี่เขาเองแล้วกัน พี่เขาคงหลอกมึงเล่นว่ะ”
 
“แล้ว...”

“มึงไม่ต้องถามอะไรกูแล้ว พี่กูก็ยังไม่ได้เล่าอะไรมาก มันบอกรอมึงมาคุยพร้อมกันทีเดียว แต่กูว่าตอนนี้มึงกับกูไปเรียนก่อนเหอะว่ะ”

“เออๆ ก็ได้ว่ะ”

.............................................................
………………………………
……………….

ช่วงบ่ายของวันศุกร์ผมก็เข้าไปคุยเรื่องงานที่ร้านของพี่อาร์ เข้าไปถึงร้านก็นั่งคุยกับพี่อาร์แล้วก็ไอ้เดย์มันก่อน ส่วนพี่อีกคนยังไม่มา พี่อาร์ก็เล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้งแล้วก็บอกว่าพี่เขาอยากให้งานประมาณไหน ระหว่างที่นั่งคุยกัน พี่อาร์ก็เอ่ยทักคนที่เดินมาจากทางด้านหลังของผม ส่วนไอ้เดย์มันก็ยกมือไหว้

“ดีพี่ นั่งก่อนๆ”

ตอนนี้ผมก็หันไปมองคนที่มาใหม่ “พี่กันต์” ผมพูดชื่อพี่เขาออกไป พี่เขาก็พยักหน้าให้ แล้วก็นั่งลงข้างผม ตกลงว่าเจ้าของหนังสือเล่มนี้คือ พี่กันต์


หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องงาน แล้วก็พากันเดินดูรอบๆ ร้านเพื่อเลือกว่าจะถ่ายรูปมุมไหนไปลงในคอลัมน์บ้าง ตกลงกันเรียบร้อยก็พากันเดินออกมาที่ลานจอดรถ พอคุยเสร็จแล้วจะได้แยกย้ายกันกลับเลย ระหว่างที่เดินดูไปรอบๆ ร้าน สายตาของผมก็ไม่ได้มองไปตามที่พี่เขาพูดเขาบอกแล้วว่ามุมไหนอะไรยังไง ได้แต่มองอยู่ที่คนพูด จนมาสรุปว่าพี่กันต์จะให้ทีมงานมาถ่ายรูปให้วันจันทร์ แล้วจะส่งรูปให้พวกผมวันพุธ พวกผมก็จะมีเวลาทำงานอีกประมาณสามถึงสี่วันก่อนที่พี่เขาจะนัดส่งงาน  


“ส่วนเดย์กับกรถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม อย่างพวกโปรแกรมก็บอกพี่ได้ไม่ต้องเกรงใจ หรือจะลองเข้าไปทำที่ออฟฟิสพี่ก็ยังได้”
พี่เขาเสนอมาขนาดนี้ ผมก็ควรจะรับไว้ใช่ไหมแบบนี้

“ขอบคุณครับพี่ แล้วเดี๋ยวยังไงผมจะรีบทำมาให้ดูก่อน เผื่อพวกพี่จะให้เพิ่มเติมหรือแก้ตรงจุดไหน” จริงๆ ก็เริ่มเนียนแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอใช้เรื่องงานมาเจอพี่เขาบ่อยๆ แล้วกัน

“อืม... ถ้าเสร็จแล้วก็โทรบอกพี่ก็ได้ แล้วนี่กรจะกลับบ้านเลยรึเปล่า” พี่กันต์หันมาถามผม

“ครับพี่”

“พี่จะขอติดรถไปลงแถวนั้นด้วย”

“ถ้าพี่จะกลับคอนโดฯ เดี๋ยวผมเข้าไปส่งก็ได้ครับ” ยินดีให้บริการล่ะงานนี้ เอาวะเข้าใกล้มันไปทีละนิดแบบนี้แล้วกัน

“อืม... พี่กลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมา” พี่เขาพยักหน้าตกลง แล้วก็หันไปพูดกับพี่อาร์แล้วก็เดย์

.............................................................


ออกมาจากร้านก็เกือบหกโมงเย็น ฝนก็ทำท่าว่าจะตกอีกแล้ว ฟ้าครึ้มแบบนี้คงตกหนัก ส่วนคนข้างๆ ผมก็ได้แต่นั่งเงียบแล้วก็หันหน้ามองออกไปนอกกระจกทางด้านข้าง ผมก็อยากชวนพี่เขาคุยนะ แต่พอเห็นพี่เขาแบบนี้แล้วก็ไม่ค่อยกล้าเท่าไร พี่เขาดูต่างจากเวลาที่อยู่กับคนเยอะๆ จนเหมือนคนละคน สุดท้ายก็ได้แต่ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป จนเกือบถึงคอนโดฯ ของพี่เขา ตอนนี้ฝนก็เริ่มลงเม็ดแล้ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนข้างๆ ที่นั่งเงียบมาตลอดทาง


“มองอะไร”


“พี่ว่าอะไรนะครับ” เหมือนพี่เขาจะพูดอะไรขึ้นมาแต่ผมไม่ทันได้ฟัง พี่เขาพูดแต่ไม่ได้หันหน้ากลับมา  
 
“ถามว่ามองอะไร” ผมเองก็ตอบไม่ถูก จะให้ตอบออกไปยังไงล่ะ แล้วก็ไม่รู้ว่าพี่เขาถามด้วยอารมณ์แบบไหน หรือจะตอบไปตรงๆ ดี ว่ามองเพราะชอบ ถ้าตอบไม่ถูกใจจะโดนต่อยรึเปล่าวะกู ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่จอดรถเข้าข้างทางแทน จอดข้างกำแพงคอนโดฯ นั่นแหละ แล้วก็หันไปมองพี่เขา


“เอ่อ...” พี่เขาก็หันกลับมามองที่ผมแล้วเหมือนกัน ซึ่งมันทำให้ระยะห่างระหว่างผมกับพี่เขาอาจจะใกล้พอที่เขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผมที่มันเต้นดังอยู่ในตอนนี้



“..................” แล้วผมก็ไม่ทันได้ตอบอะไร เมื่อคนตรงหน้ายื่นมือมารั้งท้ายทอยของผมให้เข้าไปใกล้กว่าเดิม แล้วค่อยๆ กดริมฝีปากของเขาลงมาบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา มันเป็นจูบที่นุ่มนวลที่สุดสำหรับผม มันบางเบาจนเหมือนกับขนนก แต่กลับทำให้ผมอยากเรียกร้องความรู้สึกนั้นกลับมากอีกครั้งอย่างคนไม่รู้จักพอ ริมฝีปากนั้นถูกถอนออกไปแล้ว มีเพียงหน้าผากของเราทั้งคู่ที่แนบไว้ด้วยกัน เราต่างนิ่งและมองตากันอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่าเราต่างกำลังมองหาอะไรสักอย่าง...


และเพียงเวลาไม่นานคนตรงหน้าก็เป็นฝ่ายที่เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา แม้เสียงที่ออกมาจะเบาจนเหมือนเสียงกระซิบ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังสั่งผม





“ไปหาคำตอบมาซะ”





ผมได้ยินเพียงแค่นั้น ก่อนที่คนพูดจะปล่อยมือออกจากท้ายทอยของผม แล้วเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นก็เดินออกไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา

----------------------------------------------------------


แอบมาแก้ไขเล็กน้อยนะคะ  

...................

กวางขอขอบคุณทุกๆ คอมเม้นและทุกๆ กำลังใจเลยค่ะ

ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ


:pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 26-05-2010 00:56:01
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ปลื้มพี่กันต์ ปลื้มมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

คนเขียนคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 26-05-2010 01:17:45
ต่างคนต่างหาจังหวะในการจีบ จะรู้ไหมนั้น
เนียนกันจริงๆ แล้วมี touch kiss กันด้วยแฮะ
ต่างคนต่างก็มีใจ สุดท้ายคือเรารักกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-05-2010 12:31:19
โห พี่กันต์ เจ๋งไปเลย  :m4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-05-2010 18:52:05
กรี๊ด................ จุ๊บกันแล้ว อีป้าแก่ๆ จะรอคำตอบคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 27-05-2010 04:29:49
ไม่ต้องหาแล้วคำต่งคำตอบ ชัดเจนซะขนาดนี้  :o8: น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 27-05-2010 05:55:32
การบ้านแบบนี้คำตอบง่ายๆหวังว่าคงหาได้นะคำตอบอ่ะ ใกล้จะสำเร็จแล้วหาเรื่องใกล้กันจนได้สิน่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 27-05-2010 05:56:18
พี่กันต์รุกเร็วดี
สุดยอด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 27-05-2010 21:45:43
แหมๆ พี่กันต์ รุกเร็วได้ใจจริงๆ เดี๋ยวน้องจะตามไม่ทันเอาน้า



เผลอแป๊บเดียวก็ไปจุ๊บเขาซะแล้ว


 :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 9 คำถามที่ไม่มีคำตอบ (26-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 29-05-2010 00:17:57
ตอนที่ 10 คำตอบ

ผมนั่งนิ่งอยู่ในรถ มีเพียงสายตาที่คอยมองตามหลังของอีกคนที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลับสายตา ถึงแม้ว่าพี่กันต์จะลับสายตาของผมไปแล้ว ผมก็ยังคงนั่งเงียบๆ อยู่เช่นนั้นสักพัก ก่อนจะขับรถกลับบ้าน


.....................................................................

หลังจากใช้เวลาอาบน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆ ผมก็กลับมานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่อยู่มุมหนึ่งของห้องนอน ตอนอยู่ที่ร้านผมกับไอ้เดย์ตกลงกันแล้วว่าจะเริ่มงานกันคืนนี้เพราะอาทิตย์หน้าพวกผมก็มีนัดส่งงานกับอาจารย์เดี๋ยวจะทำกันไม่ทัน ส่วนไอ้เดย์มันกลับไปเอาโน้ตบุ๊คกับอุปกรณ์ของมันที่บ้านแล้วจะมาค้างที่บ้านของผม ช่วงที่ผมรอไอ้เดย์มันมา ผมก็ใช้เวลาย้อนคิดไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น

ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วยกขาพาดกับเบาะนวมตัวเตี้ยที่วางอยู่แถวนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นแตะและลูบริมฝีปากของตัวเองไปมา


“หึหึ…” ผมยิ้มและหัวเราะกับตัวเองเบาๆ


“ยังไม่ทันจะเริ่มจีบเลย เจอแบบนั้นเข้าไป หมดท่าเลยกู... เฮ้อ!!”


ผมคิดแล้วก็ขำกับตัวเอง กว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะเริ่มจีบพี่เขา แต่ยังไม่ทันจะเริ่มก็เจอพี่เขารุกเข้ามาก่อนแบบนี้ จะให้ไปยังไงต่อวะกู สงสัยงานนี้คงไม่ต้องเนียนมันแล้วมั้ง ปกติผมเองก็เจอคนเข้ามาหาก่อนเป็นประจำแต่ผมเองก็มักจะรู้ตัว เพิ่งมีคนนี้นี่ล่ะ ใครมันจะไปคิดว่าท่าทางนิ่งๆ เงียบๆ แบบนั้น แต่พอจะทำอะไรขึ้นมาก็เล่นเอาผมตามไม่ทัน
 

แล้วคำพูดของพี่กันต์ก็ดังขึ้นมาในความคิด
.
.
.
“มองอะไร”



“ไปหาคำตอบมาซะ”


สำหรับคำถามนั้นผมคงไม่ต้องไปหาคำตอบที่ไหนหรอก ผมมีคำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ผมไม่มั่นใจที่จะตอบมันออกไปในตอนนั้น เพราะบางครั้งเรื่องแย่ๆ ที่เราเคยเจอมันก็เป็นเหมือนแผลเป็นที่ติดอยู่กับตัวเราไปตลอด แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นรอยแผลนั้นแล้ว แต่เมื่อเราคิดถึงมัน ก็เหมือนว่าความรู้สึกเจ็บในตอนนั้นมันจะกลับมาอีกครั้ง


แต่เมื่อคนที่ต้องการคำตอบทำให้ผมมั่นใจได้ว่า เขาต้องการคำตอบของผมจริงๆ ผมก็ยินดีที่จะให้คำตอบ
.
.
.
“ไว้เราเจอกันครั้งหน้านะครับพี่กันต์ พี่จะได้คำตอบนั้นจากผม”

……………………………………………..


>> แกร้ก...... <<


“เฮ้ย!! นั่งคิดอะไรอยู่วะมึง” ผมหันไปตามเสียงของไอ้เดย์ ตอนนี้มันขนข้าวขนของเข้ามาในห้องผมแล้ว มีพี่สาช่วยถือของตามขึ้นมาด้วย

“มึงจะเอาอะไรของมึงมาเยอะแยะวะ” มันเล่นขนมายังกับจะย้ายบ้าน

“ก็กูชินของกูนี่หว่า เดี๋ยวใช้ของมึงแล้วมันไม่ถนัด”

“เออๆ เรื่องเยอะได้อีกนะมึง แล้วนี่มึงกินอะไรมายัง ถ้ายังเดี๋ยวลงไปกินข้าวพร้อมกูก่อนแล้วค่อยขึ้นมาทำ” ผมถาม ส่วนมันก็กำลังจัดของของมันไป ก็เอาวางไว้ข้างๆ ของของผมนั่นล่ะ โต๊ะทำงานของผมทำเป็น Build in ยาวไปเกือบครึ่งหนึ่งของผนังห้องนอน มันเลยมีที่พอที่พวกผมจะนั่งทำงานกันได้อย่างสบายๆ

“ยังว่ะ เดี๋ยวกูขออาบน้ำก่อนแล้วกัน” มันจัดของเสร็จแล้วก็เดินไปเอาผ้าเช็ดที่อยู่ในกระเป๋าของมัน ส่วนเสื้อกับกางเกงนอนมันก็หยิบเอาจากตู้เสื้อผ้าของผม ไอ้เดย์มันมาทำงานห้องผมบ่อยจนเหมือนเป็นห้องของตัวเองไปแล้ว จนหลังๆ พวกเสื้อผ้าใส่นอนมันยังไม่ยอมเอามา เอามาก็แต่ชุดนักศึกษา

พอไอ้เดย์มันออกมาจากห้องน้ำก็ลงไปกินข้าว แล้วขึ้นมาลุยงานกัน นั่งทำกันอยู่เกือบตีสามก็เสร็จ เหลือแต่เอารูปมาลงแล้วปรับอะไรนิดหน่อยให้เรียบร้อย ตอนนี้ก็ใช้รูปที่เพิ่งถ่ายกันมาเองลงไปก่อน ส่วนรูปที่จะใช้จริงต้องรอทีมงานทางนั้นไปถ่ายแล้วส่งมาให้อีกที เดี๋ยวพรุ่งนี้ไอ้เดย์มันจะเอางานกลับไปให้พี่อาร์ดูว่าตรงตามที่พี่เขาคิดไว้รึเปล่า ถ้าพี่อาร์โอเคหลังจากได้รูปแล้ว ผมคงนัดส่งงานกับพี่กันต์เอง

………………………………………
…………………………
………………

แล้วก็ถึงเวลาที่ผมนัดส่งงานกับพี่กันต์ หลังจากได้รูปที่พี่ทีมงานส่งมาให้งานก็เสร็จเรียบร้อย ไอ้เดย์มันเอาไปให้พี่อาร์ดูก็บอกว่าพี่เขาโอเคกับงานแล้ว ผมเลยโทรไปนัดกับพี่กันต์ว่าจะเอางานไปส่ง มันคงถึงเวลาที่ผมจะต้องตอบคำถามนั้นแล้ว


เรื่องผมกับพี่กันต์ผมก็เล่าให้ไอ้เดย์มันฟัง มันเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนกันที่ผมเลือกแบบนี้ เพียงแต่ถามว่าผมมั่นใจหรือเปล่ากับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ซึ่งผมก็ตอบมันไปว่าผมมั่นใจแล้ว และก็บอกมันไปตามตรงเลยว่าจะขอไปคุยเรื่องงานกับพี่เขาเอง แล้วก็มีเรื่องอื่นด้วย มันก็ไม่ได้ว่าอะไร

.....................................................

วันนี้ตอนบ่ายสองพี่กันต์นัดผมไว้ที่ออฟฟิศซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดฯ ของพี่เขา ตอนที่ผมเข้าไปก็เห็นพี่กันต์นั่งดื่มกาแฟและคุยอยู่กับพี่อีกคนหนึ่งอยู่ที่โต๊ะในสวนเล็กด้านหน้า ออฟฟิศของพี่เขาเป็นโฮมออฟฟิสสีขาวสามชั้นที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี  มีสนามหญ้าโดยรอบและมีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่ด้านหน้า บรรยากาศดีมากทีเดียว

พอพี่เขาเห็นผมก็พูดอะไรสักอย่างกับพี่คนนั้น แล้วลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปหาพี่เขา

“สวัสดีครับ”

“อืม... เดี๋ยวเข้าไปคุยกันข้างใน” แล้วพี่กันต์ก็เดินนำผมขึ้นไปที่ห้องทำงานของพี่เขาที่อยู่บนชั้นสอง

“นั่งรอพี่ที่โต๊ะก่อน” พอเข้ามาในห้องพี่กันต์ก็ให้ผมไปนั่งที่โต๊ะกลมที่อยู่ทางด้านซ้ายของห้อง คงเป็นโต๊ะที่พี่เขาใช้คุยเรื่องงานหรือประชุมย่อย ใกล้ๆ กันมีชุดโซฟาสีขาววางอยู่ ส่วนพี่เขาเดินไปหยิบโน้ตบุ้คที่อยู่บนโต๊ะทำงาน

“คุยเรื่องงานก่อนแล้วกัน”

“ครับ”

จากนั้นผมก็เปิดงานให้พี่เขาดู พี่เขาก็พอใจกับผลงาน แต่มีจุดที่อยากให้ปรับแก้อีกนิดหน่อย ผมก็ค่อยๆ ปรับระหว่างที่คุยกับพี่เขาไปด้วย ประมาณชั่วโมงกว่างานก็เสร็จเรียบร้อย พี่กันต์ยกโน้ตบุ๊คกลับไปวางที่โต๊ะทำงานอย่างเดิม ส่วนผมลุกไปนั่งที่โซฟาที่มีขนมกับน้ำที่เลขาฯของพี่เขายกเข้ามาให้
.
.
.
แล้วก็เป็นผมที่พูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาก่อน เมื่อพี่กันต์เดินกลับมานั่งที่โซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ กัน

“พี่ยังต้องการคำตอบอยู่รึเปล่า”

“คิดให้ดีๆ ก่อนแล้วค่อยตอบ” พี่กันต์ไม่ได้มองหน้าผมระหว่างที่พูด พี่เขาเอนหลังพิงโซฟา ยกมือขึ้นกอดอก แล้วหลับตา จังหวะลมหายใจเข้าออกช้าๆ เหมือนคนกำลังใช้ความคิดไปด้วย

“ถ้าผมบอกว่า ผมชอบพี่ล่ะ” พี่กันต์ลืมตาขึ้นมาแล้วหันกลับมามองผม แต่ยังคงเอนหลังพิงโซฟาแล้วกอดอกไว้เช่นเดิม

“แน่ใจแล้วหรอ...” พี่เขาพูดขึ้นมา แต่ผมก็ไม่รอจนพี่เขาพูดจบ

“ถ้าพี่จะถามว่าแน่ใจแล้วหรอที่ผมบอกว่าชอบพี่ ผมจะบอกพี่ว่าถ้าผมไม่แน่ใจวันนี้ผมคงไม่มาหาพี่ด้วยตัวเอง แต่ก่อนที่พี่จะพูดอะไรต่อไป ผมขอถามพี่ก่อนได้ไหม ว่าพี่ทำแบบนั้นทำไม”

“.......” พี่เขาหันหน้ามองออกไปทางอื่น แต่ยังไม่ตอบคำถามของผม ผมก็ได้แต่มองพี่เขาอยู่อย่างนั้น

พี่เขาเงียบไปสักพักก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูกระจกที่เปิดออกไปที่ระเบียง แล้วหันหลังพิงประตูกระจกบานนั้นไว้ และมองมาที่ผม ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า



“มันคงเป็นเหตุผลเดียวกับที่กรมองพี่”


“แต่อย่าถามอะไรมากกว่านั้น”



แล้วพี่กันต์ก็หันกลับไปเปิดประตูประจกบานนั้นแล้วก้าวออกไปที่ระเบียงที่จัดสวนหย่อมเล็กๆ เอาไว้

---------------------------------------------------------


อาจจะค้างไปสักหน่อยแต่จะรีบมาต่อให้นะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครึ่งแรกll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 29-05-2010 00:53:42
ก็ต้องรอต่อไป ใช่ไหมคะ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครึ่งแรกll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 29-05-2010 01:54:33
 :a5:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครึ่งแรกll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 29-05-2010 03:12:29
ตามมาอ่านค่าาา



แล้วก็

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครึ่งแรกll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 29-05-2010 03:15:33

ผมก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตามอีกคนออกไปที่ระเบียง ผมเดินไปยืนอยู่ข้างๆ พี่กันต์ พี่เขาหันมามองผมก่อนจะหันหน้ากลับไป ตอนนี้ฟ้าครึ้มไปหมดและฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ อีกครั้งหลังจากตกหนักไปแล้วในช่วงเช้า

“พี่ยังไม่รู้เลยว่าผมจะถามอะไร บางทีพี่อาจจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ได้” ผมพูดก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ แล้วยิ้มให้ เมื่อพี่เขาหันกลับมา

“พี่จะไม่ให้โอกาสผมถามเลยหรอครับ ทีพี่ยังทิ้งคำถามไว้ให้ผมได้เลย” พี่เขาจะหาว่าผมกวนรึเปล่าเนี่ย

“แล้วจะถามอะไร”

ผมยังไม่ถามคำถามนั้น แต่ผมเอือมมือไปจับต้นแขนของพี่เขาทั้งสองข้างแล้วค่อยๆ ดึงตัวให้หันมาหาผม ก่อนจะดึงพี่เขาเข้ามาทางด้านในเล็กน้อย เรายืนอยู่แค่ระเบียงชั้นสองมันคงจะไม่ดีนักถ้ามีใครมองขึ้นมาเห็น แต่พอขยับเข้ามาแบบนี้มุมมันก็น่าจะอับพอที่จะไม่มีใครเห็นอะไร แล้วมันก็เหมือนมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น ค่อยๆ ดึงผมให้ก้มลงไปที่ข้างหูของพี่กันต์อย่างช้าๆ  ก่อนที่ผมจะกระซิบถามคนตรงหน้าออกไป

“ผมแค่อยากถามพี่ว่า แล้วพี่จะคบกับผมได้หรือเปล่าครับ”

“อืม...” แค่เสียงตอบรับเบาในคอเท่านั้นกลับเป็นเหมือนสิ่งที่เพิ่มแรงดึงดูดให้ผมเลื่อนริมฝีปากของตัวเองลงไปใกล้ริมฝีปากของอีกฝ่าย จากนั้นผมก็ทำแค่เพียงแตะมันลงไปเบาๆ แล้วถอนออกอย่างช้าๆ ก่อนที่ผมจะเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นมาประคองใบหน้าของอีกฝ่ายไว้และกดจูบลงไปอีกครั้ง ผมไล่งับริมฝีปากล่างของอีกคนเบาๆ เหมือนเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายตอบสนอง และมันก็เป็นไปตามที่ผมตั้งใจเมื่ออีกฝ่ายเริ่มรุกไล้กลับมาบ้างอย่างไม่ยอมแพ้มือข้างหนึ่งสอดเข้ามารั้งท้ายทอยของผมไว้ ส่วนอีกข้างวางยึดอยู่ที่บ่าเพื่อประคองตัวเอง จากจูบที่หยอกเย้าในคราวแรก กลายเป็นจูบที่แทบจะหลอมลมหายใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มันแทบจะไม่มีช่องวางให้เราได้หายใจ แต่ก็ยังไม่ยอมถอนปากออกจากกัน จนคล้ายกับว่าเราคือคนที่ห่างหายจากกันไปแสนนานและตามหากันจนเจออีกครั้ง

----------------------------------


เอาครึ่งหลังมาต่อแล้วน้า

จริงๆ ต้องเรียกว่าเอาอีกเสี้ยวนึงมาแปะมากกว่าเนอะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 29-05-2010 03:59:29
ก็ยังค้างอยูดีแหละ ให้ค้างๆนิดๆหน่อยๆก็เอาน้อคนเรา ขอบคุณที่เอามาต่อให้เสี้ยวนึงครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 29-05-2010 04:07:09
เอ่อม ก็ค้าง คบกันเป็นแฟน แล้วไงต่อ รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 29-05-2010 07:09:31
พี่กันตืจะมาอึกอักอะไรเนี่ย....หึหึ  ตอบสั้นชะมัด...

มารอลุ้นหลังจากเค้าคบกันดีกว่ามันต้องมีเรื่องอะไรอีกเยอะแน่เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-05-2010 08:44:24
คิสๆกัน  :-[
กรเหมือนมีอดีตอะไรเลยเนอะ แต่ว่ากับพี่กันต์...แอร๊ยๆ :o8:
ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปน้าา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-05-2010 10:15:15
มาต่ออีกเน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-05-2010 10:44:18
ชอบสองคนนี้มากมาย ตรงไปตรงมา ชัดเจนดีไม่มีกั๊ก
ขอบคุณคุณกวางมากนะคะ ^o^


แอบเจอคำผิดหลายที่ คาดว่าตอนนี้รีบพิมพ์เลยไม่ได้ตรวจ
เช่นตรงนี้ค่ะ เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่มั่นใจที่จะตอบมันออกไปใน (ในไหนคะ ในทันทีรึเปล่า?)
......คำว่า "สวนหย่อม" (ห หีบ หายหมดเลย)
......หลอมลมหายใจ (ย่อหน้าล่างสุดน่ะค่ะ)

มีอีก แต่เป็นเล็กๆน้อยๆค่ะ คุณกวางว่างๆเข้ามาตรวจนิดนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 29-05-2010 10:52:37
ชอบสองคนนี้มากมาย ตรงไปตรงมา ชัดเจนดีไม่มีกั๊ก
ขอบคุณคุณกวางมากนะคะ ^o^


แอบเจอคำผิดหลายที่ คาดว่าตอนนี้รีบพิมพ์เลยไม่ได้ตรวจ
เช่นตรงนี้ค่ะ เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่มั่นใจที่จะตอบมันออกไปใน (ในไหนคะ ในทันทีรึเปล่า?)
......คำว่า "สวนหย่อม" (ห หีบ หายหมดเลย)
......หลอมลมหายใจ (ย่อหน้าล่างสุดน่ะค่ะ)

มีอีก แต่เป็นเล็กๆน้อยๆค่ะ คุณกวางว่างๆเข้ามาตรวจนิดนะคะ

แก้ไขแล้วนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ


 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 29-05-2010 20:56:56
ทำไมเหมือนมันยังค้างๆ คาๆ อยู่น้า



 :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 29-05-2010 22:13:46
ทำไมเหมือนมันยังค้างๆ คาๆ อยู่น้า



 :serius2:

ูู^
เช่นกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 30-05-2010 00:03:54
ขอบคุณที่มาต่ออีกเสี้ยวให้ค่า o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 30-05-2010 01:16:34
 o13 +1 จัดไปสำหรับเรื่องนี้ ชอบอะเขียนดีทีเดียว
อ่านแล้วแอบลุ้นว่าใครจะรุกใครจะรับบอกไม่ถูกเลย 555+
แต่เดาว่า ด้วยส่วนสูง นายกรน่าจะรุก ////
สุดท้าย เรื่องคำผิดขอนิดนึงจริงๆ คือคำว่า "ออฟฟิส" ยังผิดอยู่น๊า ต้องแก้เป็น "ออฟฟิศ"
แล้วจะรออ่านต่อไปน๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 10 คำตอบ llครบแล้วนะll (29-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 30-05-2010 20:31:14
ตอนที่ 11 ยิ้ม

ผมกับกรยืนจูบกันอยู่แบบนั้นจนไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไร แล้วก็เป็นผมที่เป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมาก่อน ก่อนจะละมือที่รั้งท้ายทอยของอีกฝ่ายออกแล้วเลื่อนลงมาผลักที่อกเบาๆ ให้เขาถอยห่างออกไปเล็กน้อย จากนั้นผมก็เดินกลับเข้าไปในห้องและตรงไปที่โต๊ะทำงาน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกอีกฝ่ายที่เดินตามเข้ามาแบบงงๆ เพราะผมไม่พูดไม่จาอะไรได้แต่ผละออกมาเลย


“เก็บของแล้วออกไปกินข้าวกัน หิวแล้ว” ผมหิวจริงๆ เพราะเมื่อกลางวันไม่ได้กินข้าวมัวแต่ทำงานจนลืมเวลา ดื่มกาแฟไปแค่ถ้วยเดียวก่อนที่กรจะมา

“อะ...เอ่อ ครับ” เสียงของกรที่ตอบกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ยังคงดูงงๆ อยู่

“จะงงอะไรนักหนา ก็หิวเลยชวนไปกินข้าว” ผมบอกอีกครั้งพร้อมกับเก็บของที่อยู่บนโต๊ะไปด้วย ตั้งใจว่าจะเอาพวกเอกสารที่ยังดูค้างไว้กลับไปดูต่อที่คอนโดฯ
 
หลังจากเก็บของกันเรียบร้อย ผมก็บอกเขาว่าจะไปกินข้าวกันที่ไหน ซึ่งร้านที่จะไปก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไรเป็นร้านที่อยู่ในอเวนิวแห่งหนึ่งบนถนนสุขุมวิท   ต่างคนต่างขับรถของตัวเองไปแล้วไปเจอกันที่ร้าน
 
.................................................................
................................................
.............................

พอขึ้นรถผมก็กลับมาอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ผมตอบตกลงกับคำถามของเขาและนับจากวินาทีแรกที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่สัมผัสกัน มันเป็นวินาทีแรกที่ทำให้ผมหยุดที่จะคิดคำถามหรือหาคำตอบอะไรอีก ในช่วงเวลานั้นผมไม่มีอะไรอยู่ในหัวอีกแล้ว มีเพียงความรู้สึกที่มันพุ่งทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ จากที่เนิบนาบ อ้อยอิ่ง ค่อยๆ หยอกเย้าให้ปั่นป่วน และเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ความรู้สึกมันต่างจากครั้งแรกที่ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน จูบครั้งนั้นมันเป็นเหมือนตัวเร่งให้อีกฝ่ายเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าต้องการอะไรและแสดงมันออกมา ถ้าสิ่งที่ผมคิดและมั่นใจมันถูกมาตั้งแต่แรก “ว่าเขาเองก็ชอบผม” และเมื่อมันถูกจริงๆ ตามที่ผมคิด

จูบของเราครั้งนี้จึงเป็นจูบที่เกิดขึ้นเมื่อเราทั้งคู่รู้แล้วว่าเราต้องการอะไร

....................................................................



ขับรถไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงที่ที่นัดไว้ วันนี้ออกมาก่อนเวลาเลิกงานเลยหาที่จอดรถด้านหน้าได้ไม่ยากนัก ส่วนกรเองก็ขับตามมาจอดอยู่ใกล้ๆ กัน จากนั้นก็พากันเดินไปที่ร้าน

หลังจากสั่งอาหารกันแล้ว คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มัวแต่นั่งมองผม จะมองอะไรขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะสงสัยอะไรบ้างหรือยังไง ที่มานั่งมองหน้าผู้ชายอีกคนอยู่แบบนี้ มองได้มองดี หน้าผมมันมีอะไรให้มองขนาดนั้น ตอนแรกๆ ที่เจอกันยังแค่แอบๆ มอง มาตอนนี้มันไม่มีแอบแล้ว


“เฮ้ย!! มองอะไร เลิกมองได้แล้ว” ผมอดที่จะถามออกไปไม่ได้ ไอ้ตอนแรกมันก็รู้ล่ะ เพราะว่าชอบถึงมอง แต่ตอนนี้ช่วยเลิกมองก่อนเถอะ

“ก็มองหน้าพี่ไงครับ ผมมองไม่ได้หรอ” เออ... เอาไงดีวะกู สุดท้ายผมเลยหันหน้าหนีแล้วมองออกไปทางกระจกที่อยู่ด้านข้างแทน

“ไม่กลัวคนสงสัยบ้างหรือไง มานั่งมองผู้ชายอยู่แบบนี้” ผมพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย

“ผมแค่มองเพราะอยากมั่นใจว่าผมไม่ได้ฝันอยู่ก็แค่นั้นเอง”

“นายนี่ท่าจะบ้า ทำไปขนาดนั้นยังคิดว่าฝันอยู่รึไง” มาจนขนาดนี้มันยังถามมาได้ว่าฝันไปหรือเปล่า ผมหันกลับมามองหน้าเขาแล้ว

“พี่ไม่คิดว่ามันตลกหรอ ที่อยู่ดีๆ พี่กับผมก็มาคบกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง พี่เองก็แทบจะไม่รู้จักผมเลยด้วยซ้ำ” กรถามผมพร้อมกับทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง นี่ผมไปบังคับให้เขามาขอคบกับผมหรือยังไง

“แล้วยังไง ชอบก็คบ ไม่รู้จักแล้วไง คบไปเดี๋ยวก็รู้จักกันเอง”

“ง่ายขนาดนั้นเชียว”

“เฮ้ย!! มาจนขนาดนี้แล้วยังคิดอะไรเยอะนักวะ” ได้แต่ตอบอยู่ในใจเหมือนเคย ส่วนที่ตอบไปจริงๆ ก็...

“แล้วจะคิดให้มันยากทำไม ในชีวิตเรายังมีเรื่องให้คิดไม่พอหรือไง ถ้าอยากให้รู้จักก็บอกมาสิว่ามีอะไรที่พี่ควรต้องรู้”

“อืม... คบกันไปเดี๋ยวก็คงรู้จักกันมากขึ้นเองอย่างที่พี่ว่า พี่รู้ชื่อจริงผมก็พอจะได้บอกคนอื่นถูกว่าพี่มีแฟนแล้ว
ชื่อนาย กวินท์กร ธรรมวรรธน์”

พอจะเข้าใจอะไรก็เข้าใจได้ง่ายๆ เสียเหลือเกิน เฮ้อ!! ดูมันๆ ยังจะมีหน้ามาทำหน้าทำตาทะเล้นใส่ผมอีก “คบเด็กสร้างบ้านจริงๆ เลยกู” แต่ก็เพราะไอ้เด็กสร้างบ้านนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ หึหึ แล้วผมก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้

“หัวเราะอะไร” ยังจะถามออกมาได้ แล้วจะต้องทำคิ้วขมวดติดกันขนาดนั้นทำไม

“เปล่า” หึหึ ก็เพลินดีเหมือนกันมาเจออะไรแบบนี้บ้าง เจอผู้หญิงมาเกือบทุกแนวทั้งเรียบร้อย ขะขา จ๊ะจ๋า เอาใจเก่งหรือเปรี้ยวๆ ก็เจอมาหมดแล้ว ได้มาเจอคนกวนๆ แบบนี้ก็ดูมีสีสันดีไปอีกแบบ และที่สำคัญผมเริ่มรู้สึกได้ว่าผมชอบแบบนี้มากกว่า  

“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ“ บทสนทนาถูกหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงของพนักงาน แล้วซีซ่าร์สลัด สปาเก็ตตี้เบคอน เฟตตูชินี่กับพาร์มาแฮม ยำไก่อบโรสแมรี่ ก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้าของพวกผม ขอเวลากินก่อนแล้วกัน หิวจนตาลายแล้วตอนนี้
.
.
.
“พี่ ไปดูหนังกัน” กรพูดขึ้นมาหลังจากเราจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้าจนหมดไปแล้ว

“ตอนนี้?”

“ตอนนี้แหละ ไปกันเถอะ อยู่ด้วยกันนานๆ จะได้รู้จักกันเร็วขึ้นไงครับ”

“เออ...ไปก็ไป” ผมเองก็ไม่ได้เข้าโรงหนังมานานแล้ว ถือโอกาสไปสักทีก็ดีเหมือนกัน เลยเรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้วก็ลุกออกจากร้าน

........................................................

แล้วพวกผมก็ขับรถกลับมาที่ห้างฯ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับซอยที่คอนโดฯ ของผมตั้งอยู่ ตอนนี้ผมสองคนก็มายืนดูโปรแกรมหนังกัน

“ชวนมานี่อยากจะดูเรื่องอะไร”

“ดูเรื่องนี้ไหมพี่”

“อืม”

“ให้กรเลี้ยงนะเมื่อกี้พี่เลี้ยงข้าวไปแล้ว” ผมพยักหน้าให้ แล้วเขาก็เดินไปซื้อตั๋ว ส่วนผมก็ยืนรออยู่แถวนั้น มองไปรอบๆ ก็เห็นหลายคู่ที่มาด้วยกัน อืม... แล้วผมก็ยิ้มบางๆ ให้กับตัวเองเพราะวันนี้ผมก็มีคนมาด้วยเหมือนกัน

เราเลือกดูหนังสงครามกัน และตลอดสองชั่วโมงกว่าที่นั่งดูอยู่ข้างกัน เราต่างก็นั่งดูกันไปเงียบๆ ยิ่งคนข้างๆ ดูจะตั้งใจดูหนังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ท่าทางคงจะอยากมาดูอยู่แล้วด้วย จะมีบ้างที่หันมามองหน้าผม ส่วนผมเองก็นั่งดูไปเรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้น ผมมีความสุขกับการดูหนังเรื่องนี้มากกว่าเรื่องไหนๆ ที่เคยผ่านมา และนั่นคงเป็นเพราะคนที่อยู่ข้างๆ ผมตอนนี้
.
.
.
“กรโทรหาพี่บ้างได้หรือเปล่า” กรถามขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่ลานจอดรถ

“ก็ตามใจสิ” ผมตอบแล้วก็หันไปมองคนข้างๆ ที่ส่งยิ้มกลับมาให้

“ถ้าอย่างนั้นกลับถึงบ้านแล้วกรจะโทรไปหานะครับ” ผมก็พยักหน้าให้แค่นั้นก่อนที่เราจะแยกย้ายกันขับรถกลับบ้าน
.
.
.
ผมกลับมาถึงคอนโดฯ และอย่างแรกที่ผมทำคือใช้เวลาแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ ผมใช้เวลานอนแช่อยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ได้คิดอะไรอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง แค่ใช้เวลาอยู่เงียบๆ เพื่อจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ก่อนจะลุกขึ้นจากน้ำ แต่งตัวแล้วเดินออกไปนอนเล่นอยู่ที่ระเบียง ถึงคืนนี้ฟ้าโปร่งแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มองเห็นดาวได้มากนักเพราะความสว่างไสวของแสงไฟในเมือง แต่ผมก็ยังชอบที่จะมองดูฟ้ายามค่ำคืนในเมืองแบบนี้อยู่ดี


“<<ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป…>>” เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ตัวดังขึ้น ทำให้ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามากดรับสาย

“ครับ”

“พรุ่งนี้เย็นพี่เลิกงานแล้วจะไปไหนหรือเปล่า”

“ว่าจะไปซื้อของสดกับของใช้เข้าห้อง”

ก่อนจะออกมาที่ระเบียงผมเดินไปเปิดตู้เย็นดูเห็นของสดใกล้จะหมดแล้ว เลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้เย็นจะแวะซื้อ เพราะปกติถ้าตอนเย็นผมไม่มีนัดที่ไหน ก็มักจะทำกับข้าวง่ายๆ กินเอง

“พี่ทำกับข้าวด้วยหรอ”

“อืม”

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เย็นกรไปซื้อของกับพี่ แล้วขอเข้าไปกินข้าวเย็นด้วยได้ไหม”

“ว่างก็มาสิ”

“ครับ พรุ่งนี้กรไปรับพี่ที่คอนโดฯ นะ แล้วออกไปด้วยกัน คืนนี้ฝันดีนะครับ”

“ครับ” ผมตอบรับและยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้ง

........................................................


แล้ววันของผมก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน หนึ่งวันที่ผ่านไปพร้อมๆ กับการที่มีใครคนหนึ่งก้าวเขามาในชีวิต หนึ่งวันที่ผมยิ้มให้กับตัวเองได้หลายๆ ครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และหนึ่งวันที่ผมหยุดตั้งคำถามให้กับตัวเอง



ผมได้แต่หวังว่านับจากนี้ไปในทุกๆ วันผมจะมีรอยยิ้มให้กับตัวเอง




มันอาจจะถึงเวลาแล้วที่ผมจะได้รู้จักกับความรักจริงๆ เสียที

---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-05-2010 20:47:27
อ่านแล้วยิ้มด้วยอ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-05-2010 21:04:12
^_______________________^
ยิ้มด้วยคน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-05-2010 21:10:00
ปลื้มมากมาย พี่กรกับน้องกันต์
ขอบคุณคุณกวางมากค่ะ มันละมุนละไม คบกันไปทำความรู้จักกันไปนะคะ :m1:

(แอบเจอค่ะ "และเร้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ" เร่าร้อน รึเปล่าคะ?)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-05-2010 21:15:43
อ่านแล้วยิ้มเหมือนกัน
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-05-2010 21:23:08
อ่านแล้วสบายใจเหมือนชื่อเรื่องรักคือ...รัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 30-05-2010 21:23:45
อ่านเเล้วยิ้มไปด้วย o18


+1ให้ค๊าบบบ...รอตอนต่อไปเน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-05-2010 21:26:48
ตอนนี้น่ารักดีอะ อ่านไปยิ้มไปเหมือนชื่อตอนเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 30-05-2010 21:28:06
กร&กันต์ = K&K น่ารัก แค่นี้ก็ทำให้อีป้าแก่ๆ เมื่อยแก้มมากๆ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 30-05-2010 21:40:14
ความรักนี่มันนำพาอะไรหลายๆอย่างจริงๆ คิดเองพูดเอง ยิ้มคนเดียว ฝันถึงคนที่มีใจด้วย มันคือความสุขใจ รักที่ไม่ได้หวือหวา ค่อยๆก้าวไปทีละขั้นแบบมีสติ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 30-05-2010 21:43:06
ดีจัง..เค้าหวานกันแบบเงียบๆเนอะ..แต่รู้สึกวว่าน้องกรรุกเต็มที่นะเนี่ย... พี่กัณฑ์ดูเงียบๆอ่ะ...ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ก็รุกบ้างก็ได้พี่...

อ่านแล้วชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 30-05-2010 21:44:47
อ่านแล้ว ^^ ชอบจังเลยความรู้สึกมันแบบสบายๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 30-05-2010 22:36:16
อ่านเรื่องนี้แล้วแบบ สบายใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 31-05-2010 03:23:43
พี่นุ่นบอกให้มาอ่านเรื่องนี้ค่ะ ^^
พี่กันต์ดูเป็นคนคิดเร็วตัดสินใจเร็วดีอะค่ะ
น้องกรน่ารักดี  :o8:
คู่นี้เค้าดูคบกันก่อนแล้วค่อยพัฒนาความสนิทสนมนะคะ อิอิ
ยังคงรู้สึกค้างบ้างนิดหน่อย (จริงๆคือติดลม อยากอ่านต่อ 555)
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kiwqkill ที่ 31-05-2010 09:08:56
อ่านแล้วโคตรยิ้ม ^__^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 31-05-2010 20:04:57
 :-[

 น่ารักอ่ะ อ่านแล้วยิ้มจริงๆ

^____^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 11 ยิ้ม (^_^) (30-05-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 01-06-2010 20:21:38
ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข

หลังจากการเรียนในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว พวกผมก็พากันออกไปกินข้าวกลางวันกันที่ร้านประจำ ก็ร้าน(ป้า)ไข่นั่นล่ะ ตอนเลิกเรียนไอ้นายมันก็โทรไปสั่งข้าวไว้แล้ว พอไปถึงที่ร้านจะได้ไม่ต้องรอ ตอนไปก็เอารถของไอ้เดย์มันออกไปคันเดียว
.
.
.
“เฮ้ย!! ตกลงเย็นนี้ว่าไง” เสียงติ๊ดดังขึ้นมาจากเบาะทางด้านหลัง เมื่อเช้าระหว่างที่นั่งรออาจารย์เข้าสอนติ๊ดมันมาชวนพวกผมไปดูหนังกันตอนเย็น แต่ยังไม่ทันได้ตกลงอะไรกันอาจารย์ก็เข้ามาก่อนเลยต้องหยุดคุย คุยไม่ได้เลยคลาสนี้อาจารย์แกโหดได้อีก ขืนคุยกันป๋าแกได้ตะเพิดออกนอกห้อง ส่วนหนังที่ติ๊ดมันชวนก็เรื่องที่ผมไปดูกับพี่กันต์นั่นล่ะ

“เออๆ ไปดิ” เดย์ตอบ แล้วก็ตามด้วยเสียงของธีกับนาย

“แล้วมึงว่าไง” ไอ้ติ๊ดมันชะโงกหน้าผ่านช่องว่าตรงกลางระหว่างเบาะด้านหน้ามาถามผม

“กูคงไปด้วยไม่ได้ว่ะ เย็นนี้กูมีนัด” ผมตอบมันไป

“นัดกับใครวะ หรือว่า...” มันถามผมต่อโดยไม่ได้เอ่ยชื่อคนที่มันคิดไว้ออกมา แต่ผมก็รู้ว่ามันจะเอ่ยถึงใคร

“เออ”

“เฮ้ย!! มึงเอาจริงหรอวะ” ไอ้ติ๊ดมันยังถามไม่เลิก และดูเหมือนว่าทุกคนจะตั้งใจฟังที่ผมคุยกับมัน

“ตกลงกับพี่กันต์นี่มึงแน่ใจแล้วหรอวะ” ไอ้นายที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังทางขวาถามขึ้นมาบ้าง  

“อืม กูแน่ใจแล้วว่ะ” ผมหันไปมองมันแล้วตอบ

“เฮ้อ!! ...” นายมันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกกระจกรถ เห็นแบบนั้นผมเองก็เริ่มใจเสียเพราะผมเองยังไม่แน่ใจว่ามันจะรับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า ถึงมันพอจะรู้มาบ้างว่าผมชอบพี่กันต์ แต่ผมก็ยังไม่ได้บอกพวกมันว่าผมกำลังคบกับพี่เขา

“เป็นไรวะมึง” เสียงติ๊ดที่หันไปพูดกับนายก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไรออกไป

“เปล่าว่ะ กูแค่เสียดายพี่กันต์ คนดีๆ อย่างพี่เขาไม่น่าหลงมาคบกับคนอย่างมันเลย ฮาๆๆ” นายมันพูดแล้วก็หันมาหัวเราะ ส่วนผมนี่แทบอยากกระโจนไปตบหัวมันสักทีสองที เล่นซะผมใจหายหมดนึกว่ามันรับไม่ได้

“เชี่ยนาย ทำกูเครียดนะมึง แล้วคนอย่างกูมันไม่ดีตรงไหน ออกจะหล่อ นิสัยดี เพอร์เฟคซะขนาดนี้” ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ

“แม่งหลงตัวเองว่ะมึง” เสียงธีที่นั่งเงียบฟังพวกผมอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง


แล้วพวกผมก็มาถึงร้านกัน พอเดินเข้าไปในร้านก็เห็นอาหารที่พวกผมสั่งไว้วางอยู่บนโต๊ะประจำของพวกเรียบร้อยแล้ว พวกผมมากินร้านนี้กันตั้งแต่ปีหนึ่งมาทีไรถ้าเลือกได้ก็จะนั่งกันโต๊ะนี้จนกลายเป็นโต๊ะประจำไป เวลาที่พวกผมโทรมาสั่งอาหารไว้ก่อนแล้วถ้าโต๊ะนี้ว่างป้าแกก็จะเอาอาหารที่สั่งมาวางไว้ที่โต๊ะนี้ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกรีบลงมือกินกันอย่างเดียว เพราะต้องรีบกลับไปให้ทันเข้าเรียนตอนบ่าย

............................................................


ตอนนี้ชั่วโมงเรียนในภาคบ่ายของผมก็ผ่านไปแล้ว มันเป็นชั่วโมงที่เรียกได้ว่าหนักเอาการเลย แต่พอนึกถึงหน้าคนที่กำลังจะไปเจอก็ยิ้มออกแล้ว เมื่อช่วงบ่ายก่อนที่ผมจะเข้าเรียนโทรไปถามพี่กันต์ว่าจะให้เข้าไปรับตอนกี่โมง พี่เขาก็บอกมาว่าคงจะถึงคอนโดฯ ประมาณห้าโมงครึ่ง แต่ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็นเลยว่าจะกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยออกไปรับพี่กันต์ที่คอนโดฯ

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยก็ขับรถออกไปรับพี่กันต์ที่คอนโดฯ  ก่อนออกจากบ้านก็บอกพี่สาไว้ว่าไม่ต้องเตรียมมื้อเย็นเพราะผมจะออกไปข้างนอก ส่วนพ่อกับแม่ไปดูงานที่ฮ่องกงกว่าจะกลับก็กลางเดือนตุลาคม ขับรถไปฟังเพลงไปแล้วก็ร้องตามไปตามเรื่องตามราว พอขับรถไปถึงคอนโดฯ ผมจอดรถรับพี่กันต์ที่ด้านหน้าตึก จากนั้นก็ตรงไปห้างฯ ที่อยู่ใกล้คอนโดฯ นี่ล่ะ
.
.
.
พอเข้ามาในซุปเปอร์ฯ ผมก็เข็นรถเข็นเดินตามพี่กันต์ไปเรื่อยๆ พี่เขาก็เลือกหยิบของใช้ส่วนตัวไปตามลิสท์ที่เขาจดมา

“อืม... มีระเบียบดีจัง แฟนใครวะ” แต่สงสัยว่าผมจะเผลอคิดแล้วหัวเราะออกมาดังไปหน่อย

“หัวเราะอะไร” พี่เขาหันมามองแล้วถามผม โห... พี่จะทำหน้านิ่งไปไหน นี่มันคนเดียวกับที่ดึงผมไปจูบในรถครั้งนั้นจริงหรือเปล่าเนี่ย ยิ้มเยอะๆ น่ารักกว่าอีก  

“เปล่าคร้าบบบบ...” ผมตอบปฏิเสธออกไปแล้วก็ยิ้มให้พี่เขา เห็นนะว่าพี่เขาแอบยิ้มถึงจะรีบหันหน้ากลับไปก็เถอะ พอได้ของใช้ครบก็พากันเดินต่อไปที่แผนกของสด

“กรกินเนื้อวัวรึเปล่า” พี่เขาหันกลับมาถาม ตอนที่กำลังเดินเลือกซื้อพวกของสด

“กินครับ” พอผมตอบ พี่เขาก็เลือกหยิบเนื้อวัวมาใส่รถเข็น แล้วก็เดินไปเลือกซื้อพวกหมู ไก่ แล้วก็ไส้กรอกอีกนิดหน่อย จากนั้นก็เดินไปเลือกซื้อพวกผักสด

“พี่จะทำอะไรให้กรกินอ่ะ”

“เนื้อย่างซีอื้ว กับซุปสาหร่าย กินได้หรือเปล่า”

“กรกินได้หมดอ่ะ กรเลี้ยงง่ายจะตาย พี่เลี้ยงได้ไม่ยากหรอก”

“ตกลงจะมาเป็นลูกหรือมาเป็นแฟนถึงมาให้เลี้ยง แล้วบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะเลี้ยง” ต้องชวนคุยเยอะๆ จะได้เลิกทำหน้านิ่งๆ สักที

“โห... พี่อ่ะ ก็เป็นแฟนสิ แต่พี่ทำงานแล้วส่วนกรยังเรียนอยู่ ตอนนี้พี่ก็เลี้ยงกรไปก่อน เดี๋ยวกรทำงานเมื่อไหร่ กรจะมาเลี้ยงพี่ โอเค?” ผมหันไปพูด พี่เขาก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วก็ส่ายหน้าเหมือนระอาผมนิดๆ โธ่!! ผมรู้หรอกน่าว่าพี่อยากเลี้ยงผม ฮาๆ ขอคิดเข้าข้างตัวเองสักนิดแล้วกัน

............................................................


พอกลับมาถึงคอนโดฯ พี่กันต์ก็ขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะกลับออกมาในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนแบบสบายๆ พอพี่เขาอยู่ในชุดแบบนี้แล้ว ดูต่างจากตอนใส่ชุดทำงาน เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงสแล๊คเลย ดูสบายๆ เหมือนกับว่าความเงียบๆ ขรึมๆ ของพี่เขาจะถูกถอดออกไปพร้อมกับชุดนั้น  

แล้วพี่เขาก็บอกให้ผมนั่งดูทีวีหรือหาอะไรทำในห้องนั่งเล่นไปก่อนหรือเดินดูอะไรรอบๆ ก็ได้ เดี๋ยวพี่เขาทำกับข้าวเสร็จแล้วจะมาตาม แต่ใครมันจะไปยอมล่ะ ผมก็ตื้อๆ จนสุดท้ายผมก็ได้มายืนเป็นลูกมือให้พี่เขาอยู่ในครัว

“พี่ทำกับข้าวกินเองบ่อยหรอ”

”ไม่หรอก นานๆ ที ถ้าไม่ออกไปไหนก็ทำ” พี่เขาตอบพลางเก็บของที่ซื้อมาเข้าตู้เย็นไป

“ที่ถามนี่จะมากินด้วยหรือไง” พี่เขาถาม ก่อนจะหันกลับมาเตรียมของที่จะใช้ทำอาหาร แล้วก็ส่งต้นหอมมาให้ผมเอาไปล้าง

“รู้ทันอ่ะ” ผมหันไปพูดกับคนข้างๆ คนอะไรรู้ทันไปเสียทุกเรื่อง

“หึหึ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นไม่น่ารักขึ้นมาหรอก น่าเตะมากกว่า” พี่เขาพูดไปก็หั่นเนื้อที่ซื้อมาไปด้วย

“แฟนใครวะ ใจร้ายชะมัด” ผมแกล้งบ่น

“ไม่รู้ดิ ยังไม่มีแฟน มีเพื่อนสวยๆ น่ารัก ๆ บ้างหรือเปล่าล่ะ ช่วยแนะนำให้สักคนสิ”

“สวยๆ น่ารักๆ ไม่มีอ่ะพี่ มีแต่หล่อๆ แบบนี้พอได้หรือเปล่า พี่ๆ เป็นแฟนผมนะ” แล้วพี่เขาก็หันกลับมามองหน้าผมก่อนจะตอบว่า...



“อืม... ปัญญาอ่อนว่ะ ฮาๆๆ” พี่เขาตอบผมแล้วก็หัวเราะ ผมก็ได้แต่หัวเราะตามพี่เขาไปด้วย พี่กันต์ยิ้มแล้วน่ารักจะตาย แบบนี้ต้องทำให้ยิ้มบ่อยๆ  

“กว่าจะรู้ก็สายไปแล้วพี่ ว่ามีแฟนปัญญาอ่อนอ่ะ”

ผมก็ไม่คิดเหมือนกันนะว่าผมจะมายืนคุยเล่นกับพี่เขาแบบนี้ได้ ผมว่าระหว่างผมกับพี่เขาคงมีอะไรให้ได้ทำความรู้จัก ให้ได้ค้นหากันอีกเยอะ แต่ผมก็ยินดีนะ ก็ในเมื่อผมมีความสุขที่จะทำมัน

“ผักน่ะล้างไปถึงไหนแล้ว วันนี้จะได้กินข้าวไหม ล้างเสร็จแล้วก็เอาไปหั่นด้วย” กลับมาทำหน้าดุใส่เสียอย่างนั้น แฟนใครวะ โหดได้โหดดี เออ... แฟนกูเองนี่หว่า

“คร้าบบบบบ... คุณชาย”
.
.
.
แล้วการทำอาหารมื้อแรกของเราก็ผ่านไปได้ด้วยดี ที่จริงต้องบอกว่าฝีมือพี่กันต์มากกว่า เพราะฝีมือของผมมีแค่หั่น ต้นหอมโรยหน้าซุป ผมเองก็พอจะทำกับข้าวเป็นนะ เคยตามพี่สาเข้าครัวไปเป็นลูกมืออยู่บ่อยๆ หัดทำอะไรง่ายๆ ไว้บ้างเวลาไม่มีใครอยู่บ้านจะได้ทำกินเอง เพราะผมไม่ค่อยชอบพวกอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแช่แข็งสักเท่าไร

ตอนนี้ผมกำลังยกกับข้าวออกมาตั้งบนโต๊ะที่อยู่ตรงระเบียง ผมเห็นลมข้างนอกเย็นๆ ดี เลยชวนพี่กันต์ออกมานั่งกินข้าวข้างนอก ส่วนพี่กันต์ก็เดินตามออกมาพร้อมกับข้าวสองจานในมือ ก่อนวางจานข้าวลงบนโต๊ะและนั่งลงตรงข้ามกับผม
.
.
.
“กรรับรองว่ามื้อนี้ของพี่อร่อยกว่ามื้ออื่นแน่นอน”

“อย่ามาบอกว่าเพราะกรใส่ใจลงไปในกับข้าว หรือเพราะว่ามีกรมานั่งกินข้าวกับพี่ มุขพวกนี้เล่นกับพี่ไม่ได้แล้วมันเด็กๆ ไม่หลงหรอก” พี่กรตอบ แล้วก็มองหน้าผมก่อนจะยิ้มให้นิดๆ เหมือนคนเหนือกว่า จากนั้นก็เริ่มตักกับข้าว

“เซ็งพี่ว่ะ คนอุตส่าห์จะโรแมนติก” ก็บ่นไปแบบขำๆ เพราะจริงๆ อยากกวนพี่เขามากกว่า พอทำไปแล้วเห็นพี่เขายิ้ม ผมเองก็มีความสุขนะ

..........................................................


ความสุขแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้ มันห่างหายจากผมไปนานเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมกำลังจะได้มันกลับมาแล้ว

ความสุขจากการได้อยู่ใกล้ๆ กันกับคนๆ หนึ่ง ความสุขที่ได้คิดถึง ได้เจอ ได้มองตา ได้พูดคุย ได้ทำอะไรร่วมกัน



และผมเพิ่งจะได้รู้ว่าการที่ทำให้คนที่เราชอบมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ มันทำให้ผมมีความสุขมากแค่ไหน

---------------------------------------------------------




ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเนอะ

 :กอด1:

กอดคนอ่าน คนละที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-06-2010 20:38:10
มีความสุขขขขขขขขขขขขขขขข
ปลื้มกับความค่อยเป็นค่อยไปไม่แพ้การรู้ใจตัวเองอย่างรวดเร็วค่ะ

กอดคุณกวางด้วยนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-06-2010 21:09:12
พี่กันต์ เล่นดักคอทุกช็อตเลยอะ แบบนี้นายกรต้องทำโทษนะ  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 01-06-2010 21:59:42
พี่กันต์ เล่นดักคอทุกช็อตเลยอะ แบบนี้นายกรต้องทำโทษนะ  :z1:


เห็นด้วยๆ พี่กันต์อ่ะ แกล้งไม่่รู้บ้างก็ได้ม้าย  :m16:

เดี๋ยวให้น้องกรทำโทษนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-06-2010 23:04:30
ไม่อยากเชื่อเหมือนน้องกรเลยว่านี่คือคนเดียวกับที่ดึงน้องเข้าไปจูบ  ทำไมเป็นแฟนแล้วพี่กัณฑ์แอบนิ่งนะเนี่ย

แต่น้องกรก็กวนได้น่ารักจัง ^_____________________________^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 01-06-2010 23:54:28
สวัสดีค่ะ
เพิ่งเริ่มเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบมากค่ะ  :pig4: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 01-06-2010 23:58:19
ค่อยเป็นค่อยไปเเบบน่าร้ากกกกกก :impress2:


ปล.ขอบคุณไรเตอร์ที่มาต่อให้ค่า และก็กอดคืนทีนึง :กอด1:  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 02-06-2010 01:24:54
เรื่องนี้น่ารักมุ้งมิ้งทั้งพระเอก-นายเอกเลยอ่ะ
แบบนี้คนอ่านชอบ อ่านไปอมยิ้ม ๆไปด้วย  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 02-06-2010 04:04:11
ตอนนี้ก้อเหมือนกัน
อ่านไปยิ้มไป
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 02-06-2010 11:42:01
อ๊างงงงง
เรื่องนี้น่ารักจังง ค่อยเป็นค่อยไป
อ่านไปยิ้มไป ชอบพี่กันต์ค่ะ
คืนนี้น้องกรจะอ้อนนอนด้วยมั้ยนะ หุหุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 02-06-2010 18:44:46
ความสุขจากการได้อยู่ใกล้ๆ กันกับคนๆ หนึ่ง ความสุขที่ได้คิดถึง ได้เจอ ได้มองตา ได้พูดคุย ได้ทำอะไรร่วมกัน



""""ผมว่าทุกคนแสวงหาและถวิลหา ความสุขแบบนี้นะ เพียงแต่จะประคับประครองไว้ได้นานแค่ไหนเท่านั้นเอง""""
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-06-2010 21:23:28
วันนี้มามั้ยเอ่ย  :m17:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 03-06-2010 00:13:20
วันนี้มามั้ยเอ่ย  :m17:

พรุ่งนี้เจอกันแน่นอนค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 03-06-2010 16:26:10
เข้ามานอนรอพี่กันต์

 :impress2:
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 03-06-2010 16:38:03
ด้วยอ้ะ รอน้องกรกะพี่กันต์ รวบสองเลย คริคริ :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 12 บทเริ่มต้นของความสุข (01-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 03-06-2010 22:31:24
ตอนที่ 13 ความรู้สึก

แล้วเราก็นั่งกินข้าวไปคุยกันไป ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนังสือแล้วก็งานของพี่เขาที่ผมเข้าไปช่วยทำ พอเราอิ่มกันแล้ว ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่กันต์ที่ดังออกมาจากในห้อง พี่เขาเลยลุกออกไปรับโทรศัพท์ พอกลับมาก็ดูเครียดๆ ผมเองก็ได้แต่มองๆ พี่เขา ไม่กล้าถามอะไร แต่ตอนที่พี่เขาเข้าไปคุยโทรศัพท์ ผมเองก็ได้ยินเสียงที่พี่เขาคุยดังออกมาจากในห้องบ้าง เลยพอจับใจความได้ว่าเป็นพ่อของพี่เขาที่โทรมาเรื่องงาน และดูเหมือนว่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง

เราก็นั่งเงียบกันอยู่สักพัก จนพี่เขาเล่าออกมาว่ามีปัญหาเรื่องงานทางฝั่งของโรงพิมพ์ เพราะพี่เขาเองก็เพิ่งมารับช่วงต่อได้แค่เพียงปีกว่าๆ หลังจากไปเรียนปริญญาโทกลับมา มันเลยยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ลงตัว ส่วนผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรอีก จากนั้นก็อาสาเก็บจานเข้ามาล้างเอง แล้วปล่อยให้พี่กันต์นั่งเล่นรับลมอยู่ที่ระเบียง เผื่อว่าพี่เขาอยากจะอยู่เงียบๆ คิดอะไร


..........................................................


พอผมกลับออกมาจากครัวแล้วมายืนอยู่หน้าประตูกระจกที่เปิดทิ้งไว้ ก็เห็นพี่เขายืนเกาะราวระเบียงเอาไว้ แล้วมองออกไปข้างหน้า คงกำลังคิดอะไรอยู่ ผมเลยได้แต่ยืนมองพี่เขาจากด้านหลังโดยไม่กล้าที่จะก้าวออกไป แต่เหมือนว่าพี่เขาจะรู้ตัวว่าผมมายืนมองอยู่ เลยพูดขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังหันหน้าออกไปด้านนอกอยู่แบบนั้น


“ออกมาสิ” เสียงพี่กันต์พูดออกมาเบาๆ ผมเลยก้าวออกไปที่ระเบียง แล้วไปยืนอยู่ข้างๆ พี่เขา

“เครียดเรื่องงานอีกหรอพี่” ผมถามขณะที่กำลังมองหน้าพี่เขาจากด้านข้าง พี่เขายังคงมองตรงออกไปเช่นเดิม

“เปล่า เลิกคิดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปว่ากันใหม่” พี่กันต์พูดพร้อมกับหันตัวกลับมาแล้วยืนพิงราวระเบียงเอาไว้แทน ก่อนจะหันหน้ามามองผม

“ถ้าอย่างนั้นก็คิดเรื่องของเรา” ผมถามออกไปแบบยิ้มๆ

“อืม... ก็ไม่เชิง“พี่เขาตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไป

“คิดอะไรอยู่ บอกได้หรือเปล่า” ผมหันไปถามคนข้างๆ ที่ยังดูเงียบๆ เหมือนเดิม

“แค่คิดว่า...” พี่เขาพูดแล้วก็ก้มหน้าลงมองพื้น ก่อนจะเงียบไป ส่วนผมเองก็ได้แต่มองพี่เขาแบบไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี จนผมเริ่มเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่ชอบตกอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ เหมือนว่าตัวผมมันจะหนักอึ่งไปหมด มันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรหรือขยับไปทางไหน



แล้วอยู่ดีๆ พี่เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะหัวเราะออกมา ผมก็มองหน้าพี่เขาไปด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไร แล้วหน้าเครียดๆ เมื่อกี้มันหายไปไหน ทำไมมันถึงกลายเป็นหน้าเจ้าเล่ห์แบบนี้ขึ้นมาแทน ตอนนี้ความคิดที่อยู่ในหัวของผมมันกำลังวุ่นวายสับสนไปหมด

“พี่กันต์ พี่คิดอะไรอยู่” ผมถามออกไปเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่มันบรรยายไม่ถูก  

“เปล่า แค่อยากเอาคืนคนกวนประสาท ก็แค่นั้น...” พี่เขาพูดกับผม แล้วก็เงียบไป แล้วนิ่งมองหน้าผม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหน ขณะที่กำลังมองพี่เขาอยู่ตอนนี้ ผมรู้แค่ว่าผมได้แต่มองพี่เขากลับไปนิ่งๆ เพียงแค่นั้น

“กร กร... เป็นอะไร” พี่เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจอยู่ไม่น้อยจนผมเริ่มรู้สึกตัว เมื่อความวุ่นวายสับสนที่อยู่ในหัวเมื่อกี้มันหายไป

“พี่อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ อย่าทำแบบเมื่อกี้นี้อีก” ผมพูดพร้อมกับมองตาของอีกฝ่าย ผมอยากบอกให้เขารู้จริงๆ ว่าอย่าทำแบบนั้นอีก

“กร กรเป็นอะไร...พี่ขอโทษนะครับ” พี่กันต์พูด ในขณะที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับประคองใบหน้าของผมเอาไว้

“พี่ขอโทษ...”

“ขอกอดหน่อยได้ไหม” ผมถามออกไป

“อืม..” พี่เขาพยักหน้าตอบผม แล้วละมือทั้งสองข้างออกจากใบหน้าของผมแล้วค่อยๆ ทิ้งลงข้างตัว ก่อนจะก้าวเข้ามายืนชิดกับผมมากขึ้น ผมยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบหลังของพี่เขา ส่วนอีกข้างก็เลื่อนขึ้นไปรั้งท้ายทอยให้ใบหน้าของพี่เขามาซบอยู่ที่ไหล่ของผม ก่อนที่แขนทั้งสองข้างของพี่เขาจะถูกยกขึ้นมาโอบรอบตัวของผมไว้เช่นกัน ผมค่อยๆ เลื่อนมือจากท้ายทอยขึ้นไปลูบผมของพี่เขาเบาๆ อยู่สองสามที แล้วเพิ่มแรงกอดให้มากขึ้นจนรู้สึกได้ว่าตัวของพี่เขาแทบจะแนบติดอยู่กับตัวผมเกือบทุกส่วน จากนั้นผมก็หลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่อรับความรู้สึกนั้น


ความรู้สึกที่ว่าคนๆ นี้ยังอยู่กับผม เขาไม่ได้หายไปไหน
.
.
.
พี่กันต์ยังอยู่กับผมในตอนนี้

“กร...กร...” เสียงของพี่กันต์ที่เรียกผมขึ้นมาอย่างเบาๆ ทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

“ครับ” ผมตอบ ก่อนจะเลื่อนมือมาจับที่ต้นแขนของพี่เขาทั้งสองข้างแล้วดันออกจากตัวเล็กน้อย เพื่อที่ผมจะได้มองเห็นใบหน้าของพี่เขาได้

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” พี่เขาถามด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยแน่ใจกับอาการของผม

“ไม่ครับ พี่ยิ้มให้กรหน่อยสิ” ผมพูดแล้วก็ยิ้มให้พี่เขา ก่อนที่พี่เขาจะยิ้มตอบกลับมา

“ยิ้มบ่อยๆ นะ พี่ยิ้มแล้วน่ารักรู้ไหม”

“ใครเขาให้ชมผู้ชายว่าน่ารัก อย่างพี่เนี่ยเขาเรียกว่าหล่อ” หล่อก็หล่อคร้าบบ... หึหึ พี่เขาก็หล่อจริงๆ นั่นล่ะเวลาทำหน้านิ่งๆ แต่เวลายิ้มแล้วดูน่ารักมากกว่า

“คร้าบๆ”  

“จะกลับเลยไหม เออ แล้วพรุ่งนี้กรจะออกไปไหนหรือเปล่า”

“โห... ไล่อ่ะ เรื่องเมื่อกี้ยังไม่ได้คิดบัญชีเลย ส่วนพรุ่งนี้ไม่ได้ออกไปไหน” ผมพูดก่อนที่จะเดินตามอีกคนเข้ามาในห้อง

“ไม่ได้ไล่ แต่อยากให้กลับไปนอนเมื่อคืนก็นอนดึก วันนี้ก็เรียนมาทั้งวันไม่เหนื่อยหรือไง”

“ครับ” ผมไม่รู้ว่าหน้าของผมตอนนี้มันยิ้มไปมากขนาดไหนแล้ว นี่พี่เขากำลังเป็นห่วงผมอยู่ใช่หรือเปล่า แล้วผมก็พยักหน้าตอบอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำไปที่ประตู

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนแปดโมงพี่จะไปรับที่บ้าน” พี่กันต์บอกผมตอนที่มายืนส่งผมอยู่ที่หน้าประตู

“พี่จะไปไหนหรอ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ แล้วอย่าสาย”

“ครับผม คืนนี้ฝันดีนะครับ แล้วอย่าลืมฝันถึงกรด้วยนะ” ผมพูดก่อนจะเปิดประตูออกไปยืนนอกห้อง  

“น้ำเน่าว่ะ ไม่ต้องพูดมากกลับไปได้แล้ว ขับรถดีๆ นะ แล้วพรุ่งนี้เช้าเจอกัน ฝันดีนะครับ…” พี่เขาพูดแล้วก็ยิ้มให้
 
“เน่าเหมือนกันว่ะพี่ ฮาๆ” ผมพูดกับพี่เขา แล้วจากนั้นเราสองคนก็หัวเราะไปด้วยกันก่อนที่ผมจะเดินออกมา


..........................................................


ผมกลับออกมาจากห้องของพี่เขาพร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลาย แต่สุดท้ายความรู้สึกเดียวที่ผมเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ในตอนนี้คือ ความรู้สึกที่ผมมีพี่เขาอยู่

ถึงการลืมอดีตจะเป็นสิ่งที่ผมยังทำไม่ได้ในตอนนี้ แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมจะทำมันได้คือ การเลือกอยู่กับปัจจุบัน

ปัจจุบันที่เมื่อผมลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าพี่เขา ปัจจุบันที่ผมเห็นคนๆ นี้ยืนอยู่ข้างๆ

---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 03-06-2010 22:55:54
:กอด1: ให้น้องกรนะคะ
เด็กมันมีscarในใจอยู่นะพี่กันต์ เรียนรู้กันไปเรื่อยๆนะคะ สุ้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 03-06-2010 22:57:33
น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ :impress2:
ไรท์์เตอร์สู้ๆๆค่ะ :pig4:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 03-06-2010 23:02:24
 o13

+1 ให้ค่า....รอติดตามตอนต่อไปน๊า


ปล.ชอบน้องกรๆ :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 03-06-2010 23:03:19
เริ่มรัก ก็ต้องเริ่มรู้จักแชร์ทุกๆอย่างให้กันและกัน

ยอมรับและให้ความสำคัญ ทั้งสองฝ่าย

อย่าลืมให้เกียรติกันด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-06-2010 23:29:34
นายกรมีความหลังอะไรรึป่าวเอ่ย :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 03-06-2010 23:44:13
พี่กันต์กับน้องกรมีเรื่องต้องศึกษา
ทำความเข้าใจกันอีกเยอะนะเนี่ย
ต้องค่อยๆประคับประคองกันไป :)
คิดว่าน้องกรจะค้างซะอีก ><
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-06-2010 23:58:18
ไอ่พี่กันต์ก้อทำคนอ่านเครียดตามน้องกรไปเลย...หุหุ

ค่อยๆศึกษาไปนะ เพิ่งคบกันเอง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 04-06-2010 00:16:03
เพิ่งเริ่มคบกันเองเนอะ ไม่ต้องรีบร้อน
ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ค่อยๆ เข้าใจ
จะได้รักกันนานๆ

 :n1:
รอตอนเขารักกัน  สู้ๆ นะคะ

ปล. ตอนนี้อ่านไปก็แอบนิ่งตามพี่กันต์น้องกรไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 04-06-2010 05:26:09
อดีตเป็นเพียงบทเรียน บทเรียนสอนใจ ปัจจุบันสิสำคัญกว่า ให้ความสำคัญกับคนปัจจุบันเพื่อกอดคอกันสู่อนาคต
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-06-2010 06:14:27
ไว้ใจความรู้สึกซึ่งกันและกันดีที่สุด :n1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-06-2010 14:02:35
แบบนี้ท่าทางพี่กันต์ต้องดูแลดีๆ แล้วมั้ง ดูท่าเด็กมันมีปมในใจนะนั่น  :z1:
ผิดมั้ยถ้าบอกว่า อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 04-06-2010 15:45:35
จะพากันไปหนายน๊า
อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 04-06-2010 22:58:52
แบบนี้ท่าทางพี่กันต์ต้องดูแลดีๆ แล้วมั้ง ดูท่าเด็กมันมีปมในใจนะนั่น  :z1:
ผิดมั้ยถ้าบอกว่า อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะ  :z3:

ไม่ผิดค่ะ ใจเย็นๆ ก่อนนะ กลัวว่าจะเจ็บ อิอิ

จะพากันไปหนายน๊า
อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง

อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ เหมือนกันค่ะ  :impress2:

เจอกันพรุ่งนี้นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 05-06-2010 03:03:49
อยู่กับปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 13 ความรู้สึก (03-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 05-06-2010 20:11:03
ตอนที่ 14 ... In Love [1/2]

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่หกโมง แล้วก็เหมือนเดิมคือ ออกไปที่ระเบียง แต่วันนี้ผมไม่ได้มองลงไปด้านล่างเพื่อดูความเป็นไปของผู้คนเช่นเคย แต่ผมเลือกที่จะเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ยาวแล้วหนุนแขนของตัวเองไว้ต่างหมอน และมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ผมไม่รู้ว่าที่กรเป็นแบบนั้นเพราะเขาเคยเจอกับอะไรมา ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับเขา แต่มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะถาม ผมคิดว่าคนเราต่างก็ต้องมีอดีตของตัวเองกันทั้งนั้น แต่วิธีการที่แต่ละคนเลือกที่จะจัดการกับอดีตของตัวเองต่างหากที่มันต่างกัน แล้ววิธีที่ผมคิดว่ากรเลือกคือ การอยู่กับปัจจุบัน

ในเมื่อผมคิดว่าเขาเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบัน เพราะฉะนั้นมันก็จะมีแค่เรื่องระหว่างเขากับผม ผมแค่ปล่อยให้ทุกอย่างให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ให้มันค่อยเป็นค่อยไป ผมคงไม่ไปเร่งรัดอะไรกับเขาอีก เพื่อให้ทั้งเขาและผมมีเวลาที่จะปรับตัว
 
............................................................


ส่วนวันนี้ที่ผมบอกว่าจะไปรับเขาตอนแปดโมงเช้า ผมตั้งใจจะรับเขาออกไปที่ๆ หนึ่งกับผม ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกที่บ้านของผมเอง  เพียงแต่ไม่ใช่บ้านที่กรุงเทพฯ เมื่อสองเดือนก่อนพ่อกับแม่คิดกันขึ้นมาว่าจะตกแต่งบ้านหลังนั้นใหม่และต่อเติมบางส่วน โดยมีผมเป็นคนออกแบบในส่วนที่จะต่อเติมเอง และเริ่มให้ช่างเข้าไปทำเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพ่อกับแม่ก็เพิ่งจะลงไปดูความคืบหน้ามา จริงๆ อาทิตย์นี้ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะลงไปดู แต่พอดีคนที่คุมงานเขาโทรมาบอกเมื่อสองสามวันก่อนว่าติดปัญหาเรื่องแบบกันนิดหน่อย ผมจึงต้องลงไปดูเอง เลยถือโอกาสนี้ชวนอีกคนให้ไปด้วยกัน

เมื่อคืนหลังจากกรกลับไปแล้ว ผมก็กลับมานั่งดูแบบบ้านส่วนที่จะต่อเติม พอดูแล้วก็คิดว่าไปวันเดียวอาจจะคุยกันไม่เรียบร้อย เลยต้องโทรไปบอกให้กรเตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อด้วย
.
.
.
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่ระเบียงมาสักพัก ผมก็กลับเข้ามาในห้องเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว พอเสร็จเรียบร้อยก็คว้ากระเป๋าเสื้อผ้า กระเป๋าใส่แบบ แล้วก็กุญแจรถ ก่อนจะออกจากห้องไปรับอีกคน

............................................................


“เตรียมกล้องมานี่รู้แล้วหรอว่าจะพาไปไหน” ผมถามขึ้นมา เมื่อกรขึ้นมานั่งในรถแล้วหลังจากเอากระเป๋าเสื้อผ้ากับกระเป๋าใส่กล้องถ่ายรูปไปวางไว้ที่เบาะด้านหลัง

“เอาไปเผื่อไว้ก่อน เผื่อเจออะไรน่าสนใจ จะได้ไม่บ่นเสียดายที่ไม่ได้เอากล้องมาไง” กรตอบ ส่วนผมก็ขับรถออกจากบ้านเขา

“ชอบถ่ายรูปหรอ”

“ก็ชอบ แต่ส่วนใหญ่จะเอาไว้ดูตอนคิดงานไม่ออกมากกว่า เผื่อจะเจออะไรน่าสนใจ”

“เมื่อกี้กรเห็นกระเป๋าใส่แบบด้วย ที่พี่ไปนี่จะไปทำงานหรอ”

“อืม จะไปดูงานนิดหน่อย แล้วก็ถือโอกาสเที่ยวด้วย พี่เองก็ไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว”
.
.
.
แล้วผมกับกรก็คุยกันไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องสมัยเด็ก แล้วก็เรื่องทั่วๆ ไป ขับรถไปได้สักชั่วโมงกรก็เริ่มจะพอเดาออกแล้วล่ะ ว่าผมจะพาเขาไปไหน จากนั้นก็ขับต่อไปอีกเกือบๆ สองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย

“บ้านพี่หรอ สวยดี” กรหันมาถามเมื่อผมเลี้ยวรถผ่านประตูรั้วเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้พ่อสร้างเป็นของขวัญให้แม่ในวันครบรอบแต่งงานปีที่สิบห้า แม่ผมชอบทะเล พ่อเลยมาหาซื้อที่ริมทะเลหัวหินแล้วปลูกบ้านให้ไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ มาถึงตอนนี้บ้านหลังนี้ก็อายุเกือบสามสิบปีแล้วแต่ก็ยังดูดีอยู่เพราะมีคนคอยดูแล แต่ก็มีบางส่วนที่แม่อยากต่อเติมและตกแต่งใหม่

“อืม” ผมตอบก่อนที่เราจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูด้านหลังเพื่อขนของกัน

“คุณกันต์... สบายดีหรือเปล่าคะ ไม่ได้มาให้ป้าเห็นหน้าเสียนานเลย นึกว่าลืมคนแก่ๆ อย่างป้าไปแล้ว” เสียงของป้านิ่มทักขึ้นมา ก่อนจะมาโทรมาบอกแกไว้ก่อน สงสัยคงจะออกมานั่งรอผมแน่ๆ พอเห็นรถเข้ามาจอดแกก็รีบเดินมาหา แล้วก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด ผมเองก็กอดแกตอบก่อนป้านิ่มจะดึงตัวผมออกแล้วมาจับแขนผมไว้แทน ป้านิ่มเป็นคนเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งผมก็นับถือเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง พอแกอายุมากๆ เข้า แม่ก็อยากให้แกหยุดทำงานแล้วให้อยู่บ้านกับพวกเราเฉยๆ เพราะทั้งสองคนไม่มีลูกจะกลับไปอยู่บ้านเกิดแม่ก็กลัวไม่มีคนดูแล แต่แกเองก็ไม่ยอมไม่อยากจะอยู่เฉยๆ สุดท้ายเลยยื่นข้อเสนอให้มาอยู่ดูแลบ้านหลังนี้แทน แม่ก็ปลูกบ้านหลังเล็กให้แกอยู่กับลุงนานสามีของแกบนที่ใกล้ๆ กัน เวลาที่พวกผมมาพักที่บ้านหลังนี้แกก็จะคอยมาดูแลมาทำกับข้าวให้ ส่วนเรื่องทำความสะอาดก็จ้างคนมาทำต่างหาก

“ผมจะลืมป้านิ่มของผมได้ยังไงล่ะครับ กันต์ก็คิดถึงป้านิ่มนะครับ แต่ช่วงนี้งานกันต์ยุ่งมากเลย เลยไม่มีเวลามาหา”

“ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่รู้ว่ามัวแต่ไปติดแฟนอยู่ที่ไหนหรือเปล่า โกหกคนแก่ไม่ดีนะคะ แล้วนั่นคุณกันต์มากับใครคะ” ป้านิ่มถามเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมไม่ได้มาคนเดียว

“นี่กรครับ เป็นน้องที่มาช่วยงานกันต์” ผมตอบป้านิ่ม แล้วหันไปมองหน้ากร เขาก็ส่งยิ้มกลับมาให้ พร้อมกับยกมือไหว้ป้านิ่ม จริงๆ ก็อยากจะบอกแกอยู่เหมือนกันว่าไม่ได้ไปติดแฟนอยู่ที่ไหนหรอกครับป้า เพราะว่าพามานี่ด้วยแล้ว แต่ก็ได้แค่คิดในใจ ขืนบอกไปเดี๋ยวแกได้เป็นลมกันพอดี

“ไหว้พระเถอะลูก ไปเข้าบ้านกัน ป้าเตรียมกับข้าวไว้ให้แล้ว”

หลังจากขนของเข้าไปไว้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมากินข้าวกลางวันฝีมือป้านิ่มกัน เดี๋ยวกินเสร็จผมต้องออกไปคุยกับช่างที่มาทำงานให้ต่อ ส่วนกรก็บอกว่าจะไปกับผมด้วย


............................................................


หลังจากคุยงานกันเสร็จเรียบร้อย ผมสองคนก็พากันออกไปเลือกซื้อของบางส่วนที่จะใช้ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้ช่างเข้ามาทำต่อได้ในวันจันทร์ กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็สองทุ่มแล้ว แต่ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อยได้ภายในวันเดียว หลังจากนี้พวกผมสองคนก็จะได้มีเวลาพักผ่อนกัน

แล้วมื้อเย็นป้านิ่มก็เป็นคนเตรียมไว้ให้เหมือนเดิม ก็เป็นพวกอาหารทะเล แต่ครั้งนี้ยกออกมากินกันที่โต๊ะในสนาม ที่บ้านหลังนี้จะมีสนามหญ้าที่มีพื้นที่อยู่พอสมควรก่อนที่จะเป็นทางลงไปที่ชายหาด ออกมานั่งกินข้าวไปรับลมเย็นๆ ไป

แล้วที่ดีไปกว่านั้นคือ การที่มีอีกคนมานั่งอยู่ด้วย
.
.
.
“พี่ออกไปเดินเล่นกันไหม” กรเอ่ยชวนหลังจากเราจัดการกับมื้อเย็นไปเป็นที่เรียบร้อย

“อืม...” แล้วเราสองคนก็ถอดรองเท้าทิ้งไว้บนสนาม ก่อนจะพากันเดินเท้าเปล่าลงไปที่ชายหาด ตอนนี้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว บรรยากาศรอบๆ ตัวผมจึงดูเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งและความมืดมิดที่เข้ามาปกคลุม แต่ก็ยังมีแสงจากพระจันทร์ให้พอมองเห็นกันอยู่บ้าง และคืนนี้ก็เป็นอีกคนที่ผมได้เห็นดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้า หลังจากที่ผมไม่ได้เห็นมันมานาน
 
เราสองคนพากันเดินเลาะริมชายหาดกันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงคลื่นเท่านั้นที่เราได้ยิน แล้วกรก็สอดมือของเขามาจับมือของผมไว้ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่หันไปยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะบีบมือตอบเขาไปเบาๆ แล้วผมก็ได้รับรอยยิ้มบางๆ กลับคืนมา จากนั้นเราก็เดินจับมือกันไปเรื่อย ก่อนจะชวนกันกลับเพราะว่าเดินออกมาไกลพอสมควรแล้ว


............................................................




ตอนนี้ค่อนข้างยาวเลยขอแบ่งมาลงก่อน
ส่วนที่เหลือจะตามมาช่วงดึกๆ นะคะ
 :pig4:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 05-06-2010 20:53:40
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลมกับสองเรา ><
ฝันมานานว่าอยากมีบ้านอย่างนี้บ้างจังเลยค่ะ
รออีกครึ่งนึงน้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-06-2010 20:57:05
อบอุ่น และ อ่อนหวาน

ชอบคุณนะคะคุณกวาง :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 05-06-2010 21:23:58
น่ารักจิงเลยเรื่องนี้  กริ๊ดๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 05-06-2010 21:46:43
อบอุ่น โรแมนติก แบบว่าโลกนี้มีแค่สองเรา...แถมบรรยากาศดีอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 05-06-2010 22:05:43
คนสองคนที่น่ารักมาก ไม่ต้องมีคำพูดมากมายเป็นล้านคำ แค่จับมือสัมผัสก็บอกความนัยได้มากมาย สุขจริงสองเรากับเกลียวคลื่น
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 05-06-2010 22:28:27
น่ารักจังเลยค่ะ ดูอบอุ่น สีชมพูๆๆๆ :-[


ปล.รออีกครึ่งอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-06-2010 23:10:40
ค่อยเรียนรู้กันไปเนอะ
ว่าแล้วก็รออีกครึ่งหนึ่ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 ... In Love [1/2] (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 05-06-2010 23:56:58
ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2]

เราสองคนพากันเดินเลาะริมชายหาดกันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงคลื่นเท่านั้นที่เราได้ยิน แล้วกรก็สอดมือของเขามาจับมือของผมไว้ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่หันไปยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะบีบมือตอบเขาไปเบาๆ แล้วผมก็ได้รับรอยยิ้มบางๆ กลับคืนมา จากนั้นเราก็เดินจับมือกันไปเรื่อย ก่อนจะชวนกันกลับเพราะว่าเดินออกมาไกลพอสมควรแล้ว


“พี่ ขากลับเรามาวิ่งแข่งกันดีกว่า” กรหันมาท้า

“เล่นเป็นเด็กๆ”

“กลัวอ่ะดิ”

“ใครกลัว มาเลยดีกว่า” ผมพูดยังไม่ทันจบก็พาตัวเองวิ่งนำออกมาก่อน แล้วก็ได้ยินเสียงกรตะโกนตามหลังมา

“เฮ้ย!! โกงกันนี่”
 .
.
.
“เฮ้อ!! เหนื่อยเป็นบ้า” ผมพูดไปหอบไปตอนที่กลับมายืนอยู่บนสนามหญ้าอีกครั้ง ก่อนที่อีกคนจะตามมาหยุดอยู่ใกล้ๆ กัน ปกติผมก็ออกกำลังกายประจำ แต่มาช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมีเวลาไป แล้วอยู่ดีๆ มาวิ่งไกลๆ แบบนี้มันก็เหนื่อยเป็นธรรมดา

“แล้วใคร มาบอกว่าเล่นเป็นเด็ก แล้วผู้ใหญ่ที่ไหนเขาโกงกันแบบนี้ แต่บ่นเหนื่อยนี่แสดงว่าแก่แล้วนะเนี่ย” กรพูดขณะที่เราสองคนกำลังเดินกลับขึ้นไปบนสนาม แล้วผมก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นหญ้า โดยมีอีกคนล้มตัวลงมานอนข้างๆ กัน

“เมื่อกี้ว่าใครแก่” หลังจากนอนสักพักจนหายเหนื่อย ก็หันกลับไปเอาเรื่องคนข้างๆ

“ฮาๆ ก็พี่นั่นแหละ วิ่งแค่นี้มาบ่นเหนื่อย”
 
“เพิ่งจะ 26 เอง แก่ที่ไหน”

“ฮาๆ นั่นแหละแก่แล้ว แต่พี่หน้าเด็กจะตายดูไม่แก่หรอก” ตกลงจะชมหรือจะว่าผมกันแน่  



แล้วเสียงของกรก็เงียบหายไป  ก่อนจะก็ยื่นมือออกมาจับมือของผม แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือลูบหลังมือผมเล่นไปมาเบาๆ

“มือพี่นิ่มจัง” ผมก็ได้แต่มองไปที่มือของเราสองคน มือของกรที่กำลังจับอยู่ที่มือของผม

“พี่...” กรเรียกผม แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ละสายตาจากมือของเราแล้วไปมองหน้าของเขาแทน ใบหน้าของกรในตอนนี้ดูจริงจังเหมือนกำลังตั้งใจที่จะบอกอะไรสักอย่างกับผม

“พี่กันต์...กรขอโทษนะ เรื่องเมื่อวาน”

“ขอโทษ...” เขาพูดก่อนจะดึงมือของผมให้ขึ้นไปแนบอยู่ที่แก้มของเขา

“อืม... ช่างมันเถอะ ยังไงตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้วไง” ผมตอบไปเพียงแค่นั้น เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปมากกว่านั้นเหมือนกัน

“ครับ...”

“เข้าบ้านเถอะดึกแล้ว” หลังจากใช้เวลาอยู่ข้างนอกกันมานานพอสมควร จนตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมเองก็เริ่มง่วงขึ้นมาแล้วคงเพราะช่วงบ่ายลุยงานกันตลอด ไหนจะเจอแดดแรงๆ อีก ทำเอาเพลียไปเหมือนกัน

“ครับ” กรตอบรับก่อนจะลุกขึ้น แล้วดึงตัวผมให้ขึ้นมาด้วยกัน ก่อนจะจูงมือกันกลับเข้าไปในบ้าน ดึกแล้วคงไม่มีใครออกมาเห็นเลยกล้าทำแบบนี้ ส่วนเวลาปกติที่มีคนอื่นหรืออยู่ในที่สาธารณะก็คงต้องระวังตัวกันบ้าง

............................................................


พอกลับเข้ามาในบ้าน ก็พากันขึ้นห้องเตรียมตัวนอนกันเลย เพราะกรตั้งใจจะตื่นขึ้นมาถ่ายรูปช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้น พอเข้ามาในห้องก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ผมให้กรอาบในห้อง ส่วนผมออกไปอาบในห้องน้ำของอีกห้องที่อยู่ติดกัน ที่จริงผมก็กะว่าจะนอนกันคนละห้อง แต่พอมาถึงบ้านปรากฏว่าห้องนี้เพิ่งทาสีใหม่ แล้วยังไม่แห้งดี เลยต้องมานอนด้วยกันที่ห้องของผม  

ถ้าจะให้บอกกันตามตรงว่าที่ตั้งใจจะนอนกันคนละห้อง คงเพราะผมยังรู้สึกแปลกๆ ล่ะมั้ง คือความรู้สึกของผมกับกร มันไม่เหมือนเวลาที่ผมเที่ยวไปนอนกับผู้หญิงคนไหน กับคนอื่นแค่นอนแล้วก็จบกันไป มันไม่เคยมีเรื่องของความรู้สึกอะไรเข้ามา แต่กับกรมันไม่ใช่ ถึงจะเคยจูบกันมาแบบลึกซึ้งไปแล้วก็เถอะ แต่ให้มากกว่านั้น เอ่อ... มัน... มันคงแปลกๆ
.
.
.
พอกลับเข้ามาในห้องนอน ก็เห็นกรนั่งพิงหัวเตียงแล้วดูรูปที่อยู่ในกล้องถ่ายรูป ช่วงบ่ายที่ผมคุยเรื่องแบบบ้านกับช่างก็เห็นกรถ่ายรูปบ้านไปด้วย เห็นเดินถ่ายอยู่หลายมุม คงได้รูปกลับมาเยอะ

“พี่อาบน้ำนานจัง ปกติอาบนานแบบนี้ตลอดเลยหรอ” กรเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นผมเดินเข้ามานั่งที่ปลายเตียง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อน เดี๋ยวก็ไม่สบาย มากรเช็ดให้” กรพูดแล้วก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่ผมพาดไว้บนไหล่ขึ้นมาเช็ดผมให้ ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่นั่งนิ่งๆ ให้อีกคนเช็ดผมให้ ปกติเวลาสระผมเสร็จ ผมก็เช็ดๆ อยู่สองสามทีแล้วก็ทิ้งไว้ให้มันแห้งเอง ไม่เคยเช็ดจนมันแห้งสักที แต่ตอนนี้พอมีอีกคนมาดูแล มาทำให้แบบนี้มันก็รู้สึกอบอุ่นดีเหมือนกัน

“อ่ะ แห้งแล้วครับ นอนได้แล้ว” กรพูดแล้วก็เดินถือผ้าเช็ดตัวไปแขวนไว้ที่ราวตากผ้าเช็ดตัวหน้าห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานั่งลงบนเตียงอีกฝั่ง พอผมเห็นว่ากรกลับมาที่เตียงแล้ว เลยลุกขึ้นมาเปิดโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างหัวเตียง จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทซ์ของไฟกลางห้องให้ดับลง ก่อนจะกลับมาที่เตียงอีกครั้ง แล้วล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหน้าออกนอกเตียง แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าอีกคนขยับตัวเข้ามาใกล้ตัวๆ ผม และก้มลงมาช้าๆ ก่อนจะกดริมฝีปากลงที่ขมับขวาของผมอย่างเบาๆ

“ฝันดีนะครับ” เสียงกระซิบของกรดังขึ้นที่ข้างหูของผม ก่อนที่จะรับรู้ได้ว่าอีกคนค่อยๆ ล้มตัวลงนอนอยู่ไม่ห่างกัน จากนั้นผมก็ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ
.
.
.
หลังจากที่ผมหลับตาลงไปสักพักแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ ยังไม่หลับ  เพราะรู้สึกว่าเขาพลิกตัวขยับไปมา ผมเลยพลิกตัวหันไปหาเขา

“นอนไม่หลับหรอ” ผมถามก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วหันกลับไปเปิดโคมไฟ พอหันกลับมาก็เห็นกรมองผมอยู่แล้ว

“มันแปลกที่มั้ง เลยนอนไม่หลับ แล้วทุกทีก็นอนดึกกว่านี้”

“เอานมอุ่นๆ สักแก้วไหม เผื่อจะช่วยให้นอนหลับ”

“ไม่ดีกว่า ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม” แล้วทำไมต้องทำหน้าทำตากรุ่มกริ่มแบบนั้น จะขออะไร เอ่อ... แล้วนี่ผมกำลังคิดอะไรไปถึงไหนแล้ว

“ขอ... นอนกอดพี่แทนได้หรือเปล่า นะ นะครับ” เฮ้อ!! นึกว่าอะไร ผมตอบอยู่ในใจ

“แล้วพี่ถอนหายใจทำไม คิดว่ากรจะขออะไร” เปล่า ไม่ได้คิดอะไรเลย แล้วจะมองหน้ากันอีกนานไหม แล้วทำไมผมรู้สึกว่าหน้าของตัวเองมันร้อนๆ

“เงียบไปเลย ตกลงว่าจะนอนหรือเปล่า”

“หึหึ นอนครับ นอน แล้วจะให้กอดหรือเปล่า”

“อืม...”

แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีแขนของอีกคนสอดเข้ามาให้ผมหนุนต่างหมอน ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือข้ามตัวผมไปปิดโคมไฟที่อยู่ข้างเตียงลงอีกครั้ง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนแล้วรั้งตัวผมให้ชิดกับตัวเขามากขึ้น จนหน้าของผมแนบอยู่กับแผ่นอกของเขา จนได้ยินเสียงของหัวใจที่มันกำลังเต้นดังอยู่ข้างใน และดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะกลายเป็นเสียงกล่อมให้ผมค่อยๆ หลับลงไปอีกครั้ง
 

---------------------------------------------------------



เอามาส่งแล้วน้า  :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 06-06-2010 00:11:54
 :-[


ขอบคุณไรเตอร์ค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 06-06-2010 00:23:07
นอนกอดกัน สงสัยจะฝันดีทั้งคู่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 06-06-2010 00:36:46
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ ไม่รีบไม่ร้อน ดูมั่นคงดี ชอบจัง  :o8:

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-06-2010 00:48:30
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น่ารัก อบอุ่น ละมุนละไม
มีความสุขจังเลยค่ะคุณกวาง  :o8:

........นิดนึงค่ะ ตรงนี้จนตอนนี้ก็เกือบเที่ยวคืนแล้ว (เที่ยงคืน)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 06-06-2010 00:53:47
หวานละมุนละไมมาก :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 06-06-2010 00:58:07
+1 จัดไปเลยสำหรับตอนนี้ชอบอะ อ่านแล้วรู้สึกว่าอยาเจอคนแบบ กร 555+
แล้วจะรออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 06-06-2010 01:02:30
น่ารักอะค่ะ >< สามตอนรวดเลย
ชอบจังค่ะ ดูเป็นความรักแบบค่อยเป็นค่อยไป
กรยังมีปมในใจ...แต่สักวันพี่กันต์คงจะลบมันไปได้เนอะ
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ ช้อบชอบ...เป็นกำลังใจให้นะคะ
+1 ค่ะๆๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 06-06-2010 01:24:25
อ่านแล้วอมยิ้มเลยอ่ะ...อบอุ่น+น่ารักเล็กๆๆ ชอบๆๆ :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 06-06-2010 01:29:23
ชอบบบบ
อบอุ่น น่ารักมากค่ะ ><
ส่วนตัวชอบรุกเด็กกว่าด้วย
เลยกรี๊ดเรื่องนี้มากเลยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: TEe RuKk ที่ 06-06-2010 01:56:07
ขอจิ้นพี่กันเป็นคนนั้นได้มั้ยยยเพราะลักษณะนิสัยเหมือนได้อีก  ส่วนน้องกร อยุ่ในช่วงพิจรณาว่าจะจิ้นเป็นใคร


ปล เสียงเรียกเข้าอ่ะ  ได้อีก



จาก คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 06-06-2010 14:44:09
น่ารักกันทั้งคู่เลย

มีเพียงหาดทราย สายลม และสองเรา อิอิ
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 06-06-2010 16:01:18
น่ารักทั้งคู่เลย :กอด1:
มาต่ออีกนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 06-06-2010 16:50:49
อิจฉาจังมีคนกอด ฝันดีตลอดคืนแน่เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: TEe RuKk ที่ 07-06-2010 00:44:58
แล้วไงต่ออ่ะคนแต่ง อย่ามัวเมาท์ชาวบ้านนน  มาต่อได้แล้วคิดถึงพี่กันและน้องกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 07-06-2010 23:43:04
วิ่งมาอ่านก่อนเข้า  นอน

ฝันดีแน่คืนนี้   :m7: :oni1: :a12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 08-06-2010 21:52:34
ตอนที่ 15 Sweet

เช้าวันนี้ของผมเริ่มต้นขึ้นมาพร้อมกับการที่มีคนๆ หนึ่งนอนหลับอยู่ในอ้อมแขน ผมขยับตัวขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของพี่เขา ก่อนจะดึงหมอนที่ตัวเองหนุนอยู่ขึ้นมาวางพิงหัวเตียง แล้วค่อยๆ เอนตัวตามลงไป ส่วนแขนของผมที่ถูกใช้ต่างหมอนมาตั้งแต่เมื่อคืนก็ยังทำหน้าที่ของมันอยู่เช่นเดิม เพราะคนที่นอนหนุนอยู่ขยับตัวตามขึ้นมาด้วย แม้จะขยับตัวบ้างแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นขึ้นมา มีเพียงเสียงงึมงัมในลำคอเล็กน้อยคล้ายจะบ่นที่แขนของผมที่เจ้าใช้ตัวหนุนอยู่ถูกขยับ และไม่รู้ว่าเพราะกลัวหมอนใบนี้จะขยับอีกหรือเปล่า จากแขนที่เคยซุกไว้อยู่แนบอกเลยถูกยกขึ้นมาพาดอยู่บนหน้าท้องของผมแทน ก่อนจะขยับตัวมาซุกอยู่กับตัวผมมากขึ้น


ผมเองก็ได้แต่มองและอมยิ้มกับการกระทำของพี่กันต์ แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะจับมือข้างที่พาดอยู่บนหน้าท้องของผมขึ้นมา และลูบไปมาอย่างเบามือ   ช่วงเวลานี้ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการมองและพิจารณาคนในอ้อมแขนเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อ ตั้งแต่ผมเส้นเล็กสีดำสนิทที่นุ่มลื่นมือ ซึ่งผมยังจำความรู้สึกในครั้งแรกที่สัมผัสได้ดี คิ้วไม่หนาไม่บางจนเกินไป น่าจะว่ากำลังได้รูป เปลือกตาบางที่มีขนตาหนาเป็นแพประดับอยู่ เรื่อยมาจนถึงจมูกที่โด่งเป็นสัน ตลอดลงมาจนริมฝีปากแดงระเรื่ออย่างคนมีสุขภาพดี และพวงแก้มขาวใส โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อ และน่ารักได้ในคนๆ เดียวกัน ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้าตัว


แสงแดดอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ในยามเช้า เริ่มส่องผ่านม่านของประตูประจกผืนบางสีฟ้าอ่อนที่เมื่อเปิดออกจะเจอกับระเบียงสีขาวของห้องนอนทีละน้อย แล้วมากระทบลงบนใบหน้าของคนที่กำลังหลับใหล ทำให้เจ้าของค่อยๆ รู้สึกตัว  เปลือกตาบางเริ่มขยับเล็กน้อย ก่อนที่เปลือกตาคู่นั้นจะถูกเปิดออกอย่างช้าๆ จนเห็นดวงตาโตสีเข้มคู่หนึ่งขึ้นมาแทน ดวงตาคู่สวยที่ไม่ใช่ดวงตากลมโตสวยหวานแบบผู้หญิง แต่เป็นดวงตากลมโต คมเข้ม เจ้าของดวงตาคู่นั้นกระพริบตาอยู่สองสามที เพื่อให้คุ้นกับแสงสว่าง แล้วช้อนสายตาขึ้นมาสบกับสายตาของผมที่คอยมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ผมจะผมส่งยิ้มบางๆ กลับไปให้




“ตื่นนานหรือยัง นี่กี่โมงแล้ว ทำไมไม่ปลุก จะออกไปถ่ายรูปไม่ใช่หรอ” แล้วคำถามก็ถูกส่งมาจากปากของอีกคนเป็นชุดจนผมอดยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ พี่เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าทำตาน่ารักแค่ไหน หน้าตาดูยุ่งนิดๆ บวกงัวเงียหน่อยๆ นี่พี่เขาจะทำให้ผมหลงไปถึงไหนกัน แค่เวลาปกติผมก็หลงจะแย่อยู่แล้ว

จากตอนแรกที่ผมเคยรู้สึกแปลกๆ เวลาที่ได้ยินคนอื่นชมว่าผู้ชายคนนั้น คนนี้น่ารัก แต่มาตอนนี้คงไม่มีคำไหนที่จะมาบรรยายลักษณะของคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของผมตอนนี้ได้ดีไปกว่าคำๆ นี้

“ไปครับ นี่เพิ่งเจ็ดโมงนิดๆ เอง ก็เห็นพี่กำลังหลับสบายเลยว่าจะปล่อยให้นอนอีกสักพักค่อยปลุก” ตอนนี้พี่เขาเริ่มขยับตัวขึ้นมานอนพิงอยู่กับอกของผม ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาโอบพี่เขาไว้แล้วจับมือของพี่เขาเล่นไปมา ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มเนียนเบาๆ พี่เขาก็เอียงคอหนี แต่ยิ่งหนีมันก็ยิ่งเหมือนเปิดทางให้ผมมากกว่า



แต่ผมก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เมื่อคนที่นอนพิงอกผมอยู่เมื่อกี้เป็นฝ่ายจับแขนของผมที่โอบตัวของเขาเอาไว้ออก แล้วหันหน้ากลับมาหาผม ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นมาจับไว้ที่บ่าทั้งสองข้างของผม  แล้วรั้งตัวเองขึ้นมานั่งคร่อมตัวของผมเอาไว้ ผมได้แต่มองหน้าอีกคนอย่างอึ่งๆ ชอบทำอะไรที่ผมคาดไม่ถึงจริงๆ ผมมองหน้าพี่เขาก็เห็นริมฝีปากที่ยกยิ้มที่มุมปากเล็กๆ ก่อนจะก้มลงมากัดลงเบาๆ ที่ซอกคอของผม แล้วขยับซุกไซ้จากลำคอ จากลำคอขึ้นมาจนถึงติ่งหูก่อนที่จะขบเม้มลงไปเบาๆ  

“อืม…” ผมอดไม่ได้ที่จะครางออกมา

มือของผมข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดสีขาวของคนที่นั่งคร่อมผมไว้ แล้วลูบไปมาตามแนวแผ่นหลัง  ส่วนอีกข้างยกขึ้นมาวางลงบนสะโพกแล้วรั้งให้ตัวขยับเข้ามาแนบชิดกันมากขึ้น จากมือทั้งสองข้างที่วางอยู่บนบ่าของผมถูกเปลี่ยนมาโอบรอบคอไว้แทน ริมฝีปากร้อนค่อยๆ เลื่อนจากติ่งหูอย่างช้าๆ จนมาถึงข้างแก้ม ก่อนที่พี่กันต์จะถอนใบหน้าออกมา แล้วมองตาของผม ผมเองก็มองกลับไปเช่นกัน

ผมปล่อยมือที่ยึดสะโพกของพี่เขาไว้ ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปรั้งท้ายทอยลงมา ให้ริมฝีปากของเราทั้งคู่เคลื่อนเข้ามาหากันอย่างช้าๆ และแตะกันเพียงเบาๆ เราเริ่มจากจูบที่นุ่มนวล แผ่วเบา ละเลียดเหมือนชิมขนมหวาน ค่อยๆ แนบแน่น รุนแรงและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนไม่มีใครยอมใคร  มือของผมที่ลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลังเนียน ถูกย้ายมาที่ผิวหน้าท้องและขยับสูงขึ้นไปอย่างช้าๆ จนถึงแผ่นอก จนเจ้าของแผ่นอกนั้นเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วผมก็ได้ยินเสียงครางดังออกมาเบาๆ แต่ก่อนที่อะไรๆ มันจะดำเนินไปไกลกว่านั้น
  
มือที่โอบรอบคอของผมถูกคลายออกอย่างช้าๆ แล้วลดลงมาทาบอยู่ที่แผ่นอกของผม ก่อนจะขยับตัวเองออกห่างจากผมเล็กน้อย แต่ยังคงนั่งคร่อมผมเอาไว้เช่นเดิม



“ไปอาบน้ำเถอะ จะออกไปถ่ายรูปไม่ใช่หรอ” พี่กันต์พูด แล้วก้มลงมาหอมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะลุกจากเตียง เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว และเดินออกจากห้องไป

“อ้าว เฮ้ย!! พี่กันต์...” จะมานึกเรื่องถ่ายรูปอะไรกันตอนนี้ แต่จะเรียกกลับมาก็ไม่ทันแล้ว แถมอะไรๆ ในตัวมันจะถูกปลุกขึ้นมาซะขนาดนี้แล้ว คงต้องขอตัวไปจัดการให้สงบลงไปก่อน สุดท้ายเลยทำได้แค่ลุกจากเตียงแล้วเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำบ้าง ส่วนคนมาดนิ่ง แต่แสบเอาเรื่องนี่ขอฝากไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยตามไปคิดบัญชีทบต้นทบดอกกันคราวหน้า


………………………………………………


หลังจากผมอาบน้ำแต่ตัวเสร็จเรียบร้อย ก็เปิดม่านและประตูกระจกเพื่อก้าวออกมายืนที่ระเบียง และสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่ข้างหน้าตอนนี้คือ ทะเลที่เงียบสงบ หากแต่ระยิบระยับด้วยแสงแดดที่ตกลงมากระทบ มันสวยจนผมอดไม่ได้ที่จะเดินกลับไปหยิบกล้องจากในห้องออกมาถ่ายรูปเก็บไว้

ช่วงที่ผมเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งก็ตรงกับช่วงเวลาที่พี่กันต์เปิดประตูกลับเข้ามาในห้องพอดี ทั้งเนื้อทั้งตัวของพี่เขามีผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ จนเห็นหน้าท้องแบนราบ เลื่อนขึ้นมาก็เป็นกล้ามเนื้อลอนสวยที่ดูไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ขยับขึ้นไปถึงช่วงไหล่ที่ยังคงมีน้ำเกาะอยู่เล็กน้อย ถึงจะสัมผัสไปแล้วแต่ก็เพิ่งมีโอกาสได้เห็นแบบเต็มตา แล้วผมก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอจ้องคนตรงหน้าอยู่นานแค่ไหน จนได้ยินเสียงของเจ้าของร่างนั้นเรียกสติให้กลับคืนมา

“นี่จะมองอะไร ของตัวเองไม่มีให้ดูหรือไง” อืม... นะ ดุได้อีกไหม

“หึหึ มองของตัวเอง มันจะไปเหมือนมองของพี่ได้ไง” ผมพูดทั้งๆ ที่มองพี่เขาอยู่แบบนั้น ก่อนจะส่งยิ้มอย่างที่คนอื่นมองแล้วบอกว่ามันดูเจ้าเล่ห์กลับไปให้พี่เขา

“เออ มองได้ก็มองไป” แล้วพี่เขาก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนจะคว้าเสื้อที่แขวนอยู่มาใส่อยู่ตรงนั้น แบบนี้เขาเรียกกันว่ายั่วหรือเปล่าเนี่ย

“.........” แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรต่อไปจากเมื่อเช้า เพราะเห็นอีกคนที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กันใส่กระจกเพื่อส่งผ่านมาถึงผม อืม... ปล่อยไปก่อนๆ แล้วผมก็เดินไปเปิดกระเป๋าใส่กล้องที่อยู่บนโต๊ะตรงมุมห้อง เปิดแล้วหยิบกล้องออกมาคล้องสายกล้องเข้าที่คอ ก่อนจะเดินกลับออกไปที่ระเบียง

พอผมเดินกลับออกมาที่ระเบียงแล้วก็ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะ “หึหึ” เบาๆ ของคนในห้องลอยตามออกมา เออๆ อย่าให้ถึงคราวผมบ้างแล้วกัน ไม่รู้หรือไงว่าสภาพของตัวเองเมื่อกี้มันเป็นยังไง คนอุตส่าห์ห้ามใจไว้ไม่ทำอะไรแล้วนะ ทั้งที่ใจอยากจะขอกลับไปต่อจากเมื่อกี้แทบตาย ว่าแล้วก็พยายามดึงความสนใจของตัวเองให้หันกลับไปที่ทะเล และเริ่มต้นถ่ายรูป



“จะลงไปข้างล่างหรือยัง” เสียงพี่กันต์ดังขึ้นมาจากหน้าประตูระเบียง ทำให้ผมต้องหันกลับไปตามเสียง

“ครับ” ผมตอบแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าขาวๆ นั่น แล้วก็ได้แต่แอบคิดว่า ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ  


………………………………………………


แล้วเราก็พากันเดินลงไปข้างล่าง และทันทีที่ลงไปถึง ก็ได้ยินเสียงของป้านิ่มที่เดินออกมาจากห้องครัวทักขึ้นมา

“หิวกันหรือยังคะ จะให้ป้าตั้งโต๊ะเลยไหม”

“เราจะออกไปถ่ายรูปกันก่อนครับป้า เดี๋ยวค่อยกลับมากินนะครับ” พี่กันต์ตอบ

“ค่ะ”
  


เราเดินออกไปที่สนามโดยที่พี่กันต์เป็นฝ่ายเดินนำออกไปก่อน ผมเดินตามออกไปช้าๆ มองด้านหลังของพี่เขาไปเรื่อยๆ จนพี่เขาไปหยุดที่ปลายสุดของสนาม แล้วมองตรงออกไปยังท้องทะเลเหมือนกำลังเก็บภาพบรรยากาศเอาไว้ ส่วนผมเองก็เริ่มลงมือถ่ายรูป และรูปที่ผมเริ่มถ่ายก็เป็นรูปของคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ ภาพด้านหลังของคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ถูกถ่ายไว้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ผมค่อยๆ กดชัทเตอร์เก็บภาพของพี่เขาไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น




“โฮ่ง ๆ โฮ่ง” เสียงของเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่เห่าเรียกขณะที่วิ่งมาจากชายหาด แล้วขึ้นบันไดตรงมาหาพี่กันต์

“ซูชิ เบาๆ เฮ้ย!! ใจเย็น” เสียงพี่กันต์ตะโกนเมื่อถูกเจ้าตัวโตนั่นกระโจนใส่ ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ ก่อนจะปล่อยกล้องที่คล้องไว้ลง แล้วเดินไปหาพี่เขา

“หมาที่ไหนอ่ะพี่” ผมถามพี่กันต์ ขณะที่พี่เขากำลังยืนลูบหัวเจ้าตัวโตที่ชื่อ ซูชิ ที่ตอนนี้นั่งลงแล้วกระดิกหางไปมา

“หมาของพี่นี่แหละ ให้ป้านิ่มกับลุงนานแกเลี้ยงไว้ที่บ้านของแก เวลาพี่มาก็พามาหาที่บ้านนี้ แต่เมื่อวานไม่ได้พามาเพราะกลัวไปกวนช่างเขาทำงาน เช้านี้พี่เลยให้พามาหา”

 “ไปซูชิ ตามมาเร็ว” พี่กันต์เรียกเจ้าซูชิให้วิ่งตามลงไปที่ชายหาด ก่อนที่พี่เขาจะเดินไปหยิบลูกบอลสีส้ม ที่คาดว่าเจ้าซูชิคงจะคาบมาแล้ววางทิ้งไว้บนหาด แล้วปาออกไป เจ้าซูชิก็วิ่งตามไปคาบลูกบอลแล้วเอากลับมาให้พี่กันต์ ผมก็มองพี่กันต์เล่นกับเจ้าซูชิ แล้วก็ยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพไว้

หลังจากถ่ายรูปไปเป็นที่พอใจแล้ว ผมก็เดินเอากล้องถ่ายรูปไปวางไว้บนโต๊ะในสนาม ก่อนจะเดินตามพี่กันต์ลงไปที่หาด แล้วก็เห็นเจ้าซูชิที่นอนหอบแฮ่ก อยู่ข้างพี่กันต์ที่นั่งชันเข่าขึ้นมา แล้วพาดแขนทั้งสองข้างไว้บนเข่า ท่าดูจะเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ ก็เล่นพากันวิ่งไปวิ่งมาซะขนาดนั้น


แต่ผมยังไม่เหนื่อย


“พี่กันต์ไปเล่นน้ำกัน”

“ไม่เอาเหนื่อยแล้ว”

“มาทะเลไม่ลงน้ำได้ไง”

“ได้ ก็นี่ไง มาทะเลแล้ว” อืม... ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าแบบนี้เขาเรียกว่ากวนหรือเปล่า พอไม่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงสแล๊คก็ดูเหมือนว่านิสัยพี่เขาจะเปลี่ยนไปจริงๆ

“เมื่อกี้ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยที่อยู่ดีๆ ก็ลุกหนีไปแบบนั้น”

“อ้าว ก็บอกว่าอยากถ่ายรูปตอนเช้าไง กลัวสายเดี๋ยวแดดร้อน” แน่ะ มีการยักคิ้วให้อีก มันน่านักเชียว ผมไม่พูดอะไรแล้ว แต่ยื่นมือออกไปกะจะคว้าข้อมือที่พาดอยู่บนเข่าคนที่นั่งอยู่ขึ้นมา แต่เหมือนผมจะช้าไปอีกแล้ว เพราะพี่เขาเอี้ยวตัวหลบแล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปก่อน เจ้าซูชิพอเห็นพี่กันต์วิ่งออกไปมันก็ลุกขึ้นมาเห่าเรียก แต่ก็ไม่ได้วิ่งตามออกไป เออ! หมาดีรออยู่นี่แหละ ขอไปจัดการเจ้านายแกก่อน

“จะหนีไปไหนมานี่เลย” ผมตะโกนบอก ก่อนจะวิ่งตามออกไป แล้วมีหรอที่คนอย่างผมจะวิ่งตามไม่ทัน รู้จักกรน้อยไปแล้วพี่ พอผมวิ่งไปใกล้ในระยะที่สามารถคว้าข้อมือของพี่เขาได้ ผมก็ยื่นมือออกไปดึงข้อมือของพี่เขาแล้วดึงตัวพี่เขาให้หันมาปะทะกับอกผม ก็จุกนิดๆ เพราะตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ กัน พี่เขาก็ยังไม่ละความพยายามที่จะหนี จนผมต้องรวบตัวเขามากอดไว้ทั้งตัว

“เฮ้ย!! ปล่อยๆ เดี๋ยวใครมาเห็น”

“ไม่มีใครหรอก ดูแล้ว พี่นั่นแหละดื้อ ลงไปเล่นด้วยกันดีๆ ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว” ผมบอกคนที่ถูกผมกอดเอาไว้ เพราะผมเองก็มองซ้ายมองขวาก่อนแล้ว พอเห็นว่าไม่มีใครถึงได้ทำแบบนี้

“เออๆ ไม่หนีแล้ว ไหนว่าจะไปเล่น ก็ไปดิ แล้วก็ปล่อยได้แล้ว” พี่กันต์บอก แล้วก็ขยับขลุกขลักพยายามจะออกจากอ้อมแขนของผม  

“สายไปแล้วแหละ”

“เฮ้ย!!! ไม่เอา ไม่เล่น” เสียงโวยวายของพี่เขา เมื่อผมคล้ายอ้อมกอดแต่เปลี่ยนเป็นย่อตัวลงไปยกอีกคนขึ้นพาดบ่า แล้วเดินลงน้ำไปแทน



ตู้มมมม...



พรวดดด... เสียงคนที่ถูกโยนลงน้ำไปเมื่อกี้ ดันตัวเองกลับขึ้นมายืน



“แค่กๆ ๆ ไอ้บ้า”

“ฮาๆ ๆ” ผมหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของอีกคน ที่ตอนนี้มองยังไงก็ไม่น่ากลัว

“…………..”

“โอ้ๆ อย่าโกรธเลยน่า ดีกันนะ มาทะเลทั้งที ยิ้มหน่อยสิ” ผมบอกคนที่กำลังมองหน้าผมอยู่พร้อมกับยื่นนิ้วก้อยไปให้พี่เขา

“ปัญญาอ่อน”

“แล้วหายโกรธหรือยังล่ะ”

“เออ”

“จุ๊บ” ผมก้มลงไปหอมแก้มพี่เขา

“โว้ย!!... ไอ้บ้ากร” นั่นๆ มีการยกหมัดขึ้นมาจะต่อยผมด้วย ผมเห็นเสียก่อนเลยยกมือขึ้นไปรับไว้ทัน แต่พี่เขาก็ไม่ได้จะต่อยจริงจังหรอก คงหงุดหงิดที่ผมกวนเขามากกว่า

“หิวข้าวหรือยังครับ” ผมถาม พร้อมกับเปลี่ยนมือที่กุมหมัดที่พี่เขาส่งมาเมื่อกี้มาจับกันไว้แทน ตอนนี้แดดเริ่มแรงแล้วด้วย เลยชวนพี่เขากลับเข้าบ้านไปกินข้าวกันดีกว่า สายแล้วเดี๋ยวป้านิ่มจะรอนานด้วย

“อืม หิว” พูดแล้วก็เดินกลับขึ้นบ้านกัน สรุปก็ไม่ได้เล่นน้ำอะไรกันหรอก แต่แบบนี้มันก็ดีกว่านะ ฮาๆ ๆ ส่วนเจ้าซูชิพอเห็นผมสองคนเดินกลับมามันก็ลุกขึ้น แล้วเดินตามกลับเข้าบ้าน


.........................................................


พวกผมก็กลับเข้าบ้านแล้วแยกย้ายกันไปอาบน้ำ กว่าจะลงมากินมื้อเช้าฝีมือของป้านิ่มก็เกือบสิบโมงไปแล้ว พอจัดการมื้อเช้ากันเรียบร้อยก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพกัน พี่เขาบอกว่าอยากรีบกลับไปดูงานต่ออีกนิด เพราะมีประชุมพรุ่งนี้ ตอนขากลับ ผมก็ขอทำหน้าที่เป็นพลขับบ้าง เอาใจกันนิดนึง วันนี้กวนมาเยอะแล้ว



---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 14 (Hua-Hin)... In Love [2/2] มาต่อแล้วนะ (05-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 08-06-2010 22:01:59
ฝากไว้นานระวงดอกจะทบต้นนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 08-06-2010 22:42:52

ได้อีกจริงๆ นะ พี่กันต์เนี่ย
เหมือนจะหวาน แต่แอบฮาอ่ะ แล้วก็...


สงสารกรมั้ย?? มันค้าง
 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 08-06-2010 22:53:17
หวานได้อีกคู่นี้ >//<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 08-06-2010 23:46:35
น่ารักดีค่ะ ชอบตอนกรแอบคิดคาดโทษพี่กันต์ไว้ในใจ 555+

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 08-06-2010 23:54:53
 :impress2: หวานจริงจริ๊งคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 09-06-2010 00:07:16
เหมือนจะหวาน
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: TEe RuKk ที่ 09-06-2010 00:45:54
มาจองที่ไว้ก่อนน่ะ เดี่ยวเข้ามาอ่านนน  :m22: :m22: :m22:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 09-06-2010 10:54:36
อ่านตั้งแต่เมื่อคืน แต่ไร้สติจะเมนท์ค่ะ ตามันจะปิด โฮะๆๆๆ

sweetจริงอะไรจริง ซูชิก็น่าร้ากกกกกกกกกมากมาย อยากวิ่งเล่นกับซูชิบ้าง ^o^
พี่กันต์แกล้งน้องได้น่าคาดโทษ 55555

ค่อยเป็นค่อยไปและเก็บความอบอุ่นละมุนละไมได้ตามเคยค่ะคุณกวาง ปลื้มคู่นี้จริงๆ
.....................

แอบเจอตรงนี้ค่ะ  “เราจะออกไปถ่ายรูปกันก่อนครับป้า เดี๋ยวค่อยกลับมากินนะครับ” พี่กรตอบ
(ต้องเป็นพี่กันต์ตอบสินะคะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-06-2010 13:02:40
อย่าฝากไว้นานนะ เพราะเดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยมันถูกกกกกกกกก  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-06-2010 17:29:09
น้ำทะเลกลายเป็นน้ำเชื่อมแล้ว   :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-06-2010 21:00:07
น่ารักจัง
+ ให้นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-06-2010 21:02:31
เริ่มหวานเข้ามาอีกนิดแล้วสิ...รอตอนกรถอนดอกเบี้ยกับพี่กันต์ 55555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 09-06-2010 22:12:08
เริ่มจะไปละ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 09-06-2010 22:26:03
สวีทททททท
ชอบพี่กันต์จัง ช่างยั่วอ่ะคนเรา
วันไหนน้องกรจับกดจะเป็นไงน้า  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 09-06-2010 23:42:51
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบอ่ะ น่ารักดีจังเลย

 :L2:


ปล. เพิ่งเข้ามาอ่านเอง ยังไงก็จะคอยติดตามตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Cn-Nt ที่ 10-06-2010 19:19:06
 :m24:   มาให้กำลังใจน้องสาว :3123:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 15 Sweet (มั้ง??) (08-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-06-2010 19:38:07
ตอนที่ 16 เอาคืน [1/2]

ในช่วงต้นของสัปดาห์นี้ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่วุ่นวายสำหรับผมอยู่พอสมควร เพราะมีเรื่องงานที่ค้างคามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว วันจันทร์ผมมีประชุมเรื่องความคืบหน้าของคอลัมน์ใหม่ที่จะลงในเดือนหน้า ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จะมาหนักๆ และค่อนข้างปวดหัวอยู่เอาการก็เมื่อวานนี้ ที่ประชุมกับส่วนของโรงพิมพ์ อันที่จริงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งประชุมกันไป แต่เนื่องจากมีปัญหาที่แก้ไขและตกลงกันยังไม่ลงตัว เลยต้องกลับมาประชุมกันอีกครั้ง

เรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้อาจเป็นด้วยว่ามีผู้ถือหุ้นคนอื่นด้วย แม้ครอบครัวของผมจะถือหุ้นอยู่ในมือเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วส่วนที่เหลือเป็นของญาติพี่น้องคนอื่น แต่เรื่องของการบริหาร หรือการตัดสินใจ แล้วทำให้พวกผู้ใหญ่ยอมรับทั้งหมดมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะผมก็ยังดูเป็นเด็กในสายตาพวกเขา ยิ่งการมาเปลี่ยนระบบเดิมๆ หรือทำอะไรใหม่ๆ ที่ต่างออกไปจากที่เคยทำกันมาก็ยิ่งถือเป็นเรื่องยาก คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ผลงานเพื่อให้พวกเขายอมรับกันอีกสักพัก



แต่ในช่วงเวลาเครียดๆ แบบนี้แล้วมีคนคอยอยู่เป็นกำลังใจให้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้เยอะเหมือนกัน

ช่วงสองวันที่ผ่านมา ผมกับกรไม่ได้เจอกันเลย ถึงจะไม่ได้เจอ ก็จะมีเขาที่คอยโทรมาหา คอยส่งข้อความมา ซึ่งผมเองก็รับสายหรือตอบกลับได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ที่เขาโทรมาก็จะถามแค่ว่า เหนื่อยไหม กินข้าวหรือยัง ได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า บางทีแค่ข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาช่วงดึกว่า “เหนื่อยนักก็พักซะ” มันไม่ใช่คำหวานอะไรเลย แต่มันทำให้ผมรู้ว่ามีอีกคนที่คอยอยู่ข้างผม คอยเป็นห่วงผมอยู่ มันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้  

เวลาทำงานผมก็มักจะลืมเรื่องเวลาไปเป็นประจำ ยิ่งช่วงไหนที่งานยุ่งๆ แบบนี้กว่าจะกลับถึงคอนโดฯ ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมกับกรจะเจอกัน มันก็แทบเป็นไปไม่ได้ มาวันนี้การทำงานของผมก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติบ้างแล้ว ถึงช่วงเวลาทำงานจะดูยุ่งๆ หรือเครียดอยู่บ้าง แต่เย็นนี้ผมคงต้องยกเวลาให้กับตัวเองและอีกคนบ้าง หลังจากยกให้กับเรื่องงานไปพอสมควรแล้ว



“<<ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป…>>” ว่าแล้วคนที่ผมตั้งใจจะคืนเวลาให้ หลังจากยกให้งานไปเยอะแล้วก็โทรเข้ามา ซึ่งผมเองก็กำลังจะโทรหาเขาเหมือนกัน

“ครับ” ผมรับสาย

“กรโทรมากวนพี่หรือเปล่า”

“เปล่า พี่กำลังจะออกจากออฟฟิศแล้ว ว่าจะโทรหาอยู่เหมือนกัน”
  
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้พี่ก็ว่างแล้ว กรเข้าไปหาพี่ที่คอนโดฯ ได้ไหม”

“อืม แล้วจะมากี่โมง พี่กะว่าจะกลับไปว่ายน้ำด้วย จะไปด้วยกันหรือเปล่า” ไหนๆ มีเวลาแล้ว ก็ขอไปออกกำลังกายบ้าง

“ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกรออกจากบ้านเลยแล้วกัน น่าจะถึงพร้อมๆ กับพี่พอดี” พูดจบแล้วก็วางสายกันไป ผมเองก็ขับรถออกจากออฟฟิศแล้วตรงกลับคอนโดฯ เลย




.........................................................


ผมขับรถมากำลังจะเลี้ยวเข้าซอย พอมองขึ้นไปที่กระจกมองหลังก็เห็นรถคุ้นตาขับตามมาพอดี แล้วขับตามกันเข้ามาในอาคารจอดรถ ก่อนจะมาจอดอยู่ข้างๆ กัน พอจอดรถเรียบร้อย กรก็เป็นฝ่ายที่เดินลงจากรถมาก่อน พร้อมกับเป้สีดำที่สะพายไว้บนไหล่ข้างซ้าย ส่วนผมก็หันไปคว้ากระเป๋าใส่โน้ตบุ้คกับเอกสาร แล้วเปิดประตูลงจากรถไป

“เป็นยังไงบ้างครับวันนี้” กรเป็นฝ่ายที่ถามขึ้นมาก่อน เมื่อผมเดินลงจากรถมาหาเขา แล้วพากันเดินไปเข้าไปในคอนโดฯ  

“ยุ่งๆ นิดหน่อย แล้วโปรเจคไปถึงไหนแล้ว” ผมถามเขากลับไปบ้าง เพราะเห็นว่าช่วงนี้ก็ยุ่งๆ กับโปรเจคอยู่เหมือนกัน

“เกือบจะเสร็จแล้ว กรว่าจะเข้าไปหาอาจารย์อาทิตย์หน้า”

“อืม” แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงห้อง





พอผมเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง ก็ถูกคนที่ทำหน้าที่ปิดประตูตามหลังมา ยื่นแขนมารั้งเอวผมจนแผ่นหลังของผมไปปะทะกับแผ่นอกของเขา ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันได้วางของที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะยื่นคางมาเกยไว้ที่หัวไหล่ของผมแล้วกระซิบมาเบาๆ

“คิดถึงจัง” พูดแล้วก็หอมแก้มผมไปอีกที มันจะเลี่ยนไปไหน แต่จะว่าไปผมก็รู้สึกดีนะ

“อืม เหมือนกัน” ยังเลี่ยนกันไม่พอ ต้องขออีกสักหน่อย แล้วผมก็พาตัวเองออกมาจากอ้อมแขนนั้น เพื่อเดินเอาของไปวางไว้บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น  

“ตกลงว่าจะไปว่ายน้ำด้วยกันหรือเปล่า” ผมหันกลับมาถามกรที่พาตัวเองมานั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีแล้ว เขาพยักหน้าตอบ ผมเลยเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เตรียมผ้าเช็ดตัวไปด้วย ส่วนของกร เจ้าตัวเขาบอกว่าอยู่ในเป้เรียบร้อยแล้ว




.........................................................


พอขึ้นมาถึงสระว่ายน้ำ พวกผมสองคนก็เข้าไปเปลี่ยนชุดมาใส่กางเกงว่ายน้ำในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ทางด้านหนึ่งของสระ แล้วเดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบเอว ก่อนจะปลดออกแล้ววางพาดไว้กับเก้าอี้ยาวริมสระ วันนี้คนก็ไม่เยอะ มองๆ ไปนอกจากพวกผมแล้วก็มีอีกแค่สามสี่คน ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมากันแล้ว บอกตามตรงว่าผมเองก็อดไม่ได้ที่จะมองรูปร่างของอีกคน รูปร่างสูง เพรียว มีกล้ามท้องให้เห็นกำลังดี พอมองแล้วก็นึกไปถึงว่าตัวเองทำอะไรเอาไว้บ้างตอนไปหัวหิน จะว่าตื่นขึ้นมาแล้วยังงงๆ งัวเงียอยู่ก็คงไม่ใช่ มันก็ทำเพราะอยากทำ อารมณ์จะอายมันก็ไม่มีหรอกตอนนั้น แต่ไม่รู้ทำไมพอกลับมานึกถึง มันรู้สึกว่าหน้าของตัวเองมันร้อนวูบๆ ยังไงก็ไม่รู้


“พี่กันต์เป็นอะไร หน้าแดงเชียว” ใครหน้าแดง ผมหรอ ???

“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร ไป... ลงไปว่ายน้ำกัน” ว่าแล้วผมก็ขยับตัวยืดเส้นยืดสายอยู่สองสามที ก่อนจะเป็นฝ่ายกระโดดลงสระแล้วว่ายออกไปก่อน จากนั้นก็ตามด้วยอีกคนที่กระโดดลงสระแล้วว่ายตามผมมา



แล้วเราสองคนก็พากันว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่เกือบสิบรอบ พอขึ้นจากน้ำก็มาคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางพาดไว้บนเก้าอี้ริมสระ และในระหว่างที่ยืนเช็ดตัวผมก็รู้สึกเหมือนว่าท้องของผมเริ่มจะร้องขึ้นมาแล้ว

“หิวหรือยัง” ผมถามกรที่ยืนเช็ดตัวอยู่ข้างๆ

“หิว” กรตอบพร้อมกับพยักหน้า

“แล้วอยากกินอะไร”

“สั่งพิซซ่ามากินกันไหม”

“อืม เอาสิ” หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยว่ามื้อเย็นเราจะกินอะไร ก็เข้าไปอาบน้ำ ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จะมีห้องอาบน้ำ แล้วมีพวกสบู่เหลวกับแชมพูไว้ให้ด้วย




.........................................................


พอกลับมาถึงห้อง กรก็เป็นฝ่ายโทรไปสั่งพิซซ่า ส่วนผมก็เอาผ้าที่เปียกไปจัดการ ก่อนจะเดินกลับมาหยิบดีวีดีที่อยู่บนชั้นติดกับผนังข้างทีวี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังกับพวกซี่รี่ฝรั่ง ซึ่งอย่างหลังก็จะเยอะหน่อย เพราะมีที่ชอบดูอยู่หลายเรื่อง แต่จะให้ตามดูตอนที่เขาเอามาฉาย ก็ตามดูได้ไม่ครบทุกตอน เลยต้องไปหาซื้อแผ่นมาดู

“พี่ดูหมดยัง” กรถามขึ้น หลังจากที่วางโทรศัพท์แล้ว

“ยัง ยุมันเพิ่งเอา Bones ซีซั่นใหม่มาให้ ยังไม่ได้ดูเลย”

“สนุกหรอ เรื่องเกี่ยวกับอะไรอ่ะ”

“อืม สนุก มันก็แนวสืบสวนคดีฆาตกรรม คล้ายๆ กับพวก CSI หรือ Criminal Minds แต่พี่ชอบเรื่องนี้มากกว่า” ผมบอก แล้วก็เดินไปเปิดทีวี เปิดเครื่องเล่นเอาแผ่นใส่ แล้วกลับมานั่งที่โซฟา โดยมีอีกคนตามมานั่งข้างๆ นั่งดูหนังกันไปได้ไม่นาน พิซซ่าที่สั่งไว้ก็มาส่ง แต่คนที่มาส่งเป็นพนักงานของคอนโดฯ ที่นี่เวลาใครสั่งอาหารพวกเดลิเวอรี่ จะมีพนักงานของคอนโดฯ ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายๆ กับรูมเซอร์วิสของโรงแรมขึ้นมาส่ง และเก็บเงินให้แทน แม้แต่เเงินทอนยังมีมาพร้อม

พอรับของเรียบร้อยก็เอามานั่งกินหน้าทีวีนั่นล่ะ นั่งดูไปกินไป กินกันแทบไม่พูดไม่จา เพราะต่างคนก็ต่างหิว มือข้างหนึ่งก็คอยส่งพิซซ่าเข้าปาก ส่วนตาก็แทบจะไม่ยอมละจากหน้าจอทีวี พออิ่มแล้วเรื่องก็จบไปตอนหนึ่งพอดี เราเลยลุกเอาพวกกล่องกระดาษไปทิ้งลงถังขยะที่อยู่ในครัว พอเดินกลับออกมานั่งที่โซฟาแล้ว ขณะที่กำลังจะหยิบรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะมากดเล่นตอนต่อไป ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาจับข้อมือของผมเอาไว้ก่อน ผมเลยหันไปมองหน้าเขา

“ไม่เอาแล้ว ไม่ให้ดู พอดูหนังพี่ก็ไม่สนใจอะไรเลย คุยก็ไม่คุย” อ้าว มีแบบนี้ด้วย ก็หนังมันสนุกแล้วผมเองก็ชอบเรื่องนี้มากเลยตั้งใจดูเป็นธรรมดา ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยอมเพราะกำลังดูมันๆ แต่พอเห็นหน้าอีกคนก็ต้องยอมเขาล่ะ ไหนๆ ก็ตั้งใจว่าจะคืนเวลาให้เขาแล้ว

“อืม ไม่ดูก็ได้” พอผมตอบไปแบบนั้น กรก็คว้ารีโมทไปกดปิดทีวี ก่อนจะล้มตัวลงแล้วเอาหัวมาหนุนอยู่ที่ตักผม

“อย่าเพิ่งนอน เพิ่งจะกินไปอิ่มๆ ลุกขึ้นมาก่อน” ผมว่าคนที่กำลังนอนอยู่ แต่นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังคว้ามือผมไปจับเล่น พลิกไปพลิกมาบ้าง ลูบเล่นบ้างเสียอีก ชอบจังกับมือผมเนี่ย ถึงจะบอกว่านิ่ม มันก็คงไม่ได้นิ่มเท่ากับมือของผู้หญิงหรอก แต่จะว่าไปแล้วมันก็เพลินๆ ดีเหมือนกัน

“พี่ไม่ให้นอน แล้วเราจะให้ทำอะไรดีล่ะ”

“ก็คุยไง บอกว่าไม่ยอมคุยด้วยไม่ใช่หรอ ตอนนี้ให้คุยแล้วไง” ผมตอบ แล้วอย่าคิดว่าผมจะไม่รู้นะว่า มาแบบนี้คิดจะทำอะไร ถึงจะเนียนๆ มาแล้วก็เถอะ

“ไม่คุยแล้ว ทำอย่างอื่นดีกว่า”




“เอ้ย!!” ผมสะดุ้งและร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะอยู่ดีๆ คนที่นอนหนุนตักก็หันหน้าเข้ามาซุกอยู่กับหน้าท้องผม แล้วกัดผ่านเนื้อผ้ายืดสีขาวลงไป ถึงจะกัดลงไปไม่แรงมากนัก แต่มันก็ทำให้รู้สึกเจ็บ


“ปล่อยก่อน เดี๋ยว...ไม่เอา” ผมร้องบอก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมฟังเสียงของผม มีเพียงเสียงหัวเราะ หึหึ ในลำคอเท่านั้น แล้วยิ่งเห็นว่าผมเริ่มยกมือทั้งสองข้างมาจับที่บ่าทั้งสองข้างของเขาเพื่อจะดันตัวออก แทนที่เขาจะยอมหยุดสิ่งที่กำลังทำ กลับขยับตัวแล้วยกแขนมาโอบรอบเอวของผมไว้ ไม่ให้ขยับหนีไปไหน ก่อนจะฝังใบหน้าลงไปซุกไซ้กับหน้าท้องของผมอีกครั้ง


“อื้อออ... พอแล้ว หยุดก่อน” ผมยังร้องห้าม แต่รู้สึกได้ว่าเสียงร้องห้ามของตัวเองมันเริ่มฟังดูแปลกๆ ขณะที่สองมือของผมยังพยายามดันอีกคนออกจากตัว






แล้วอารมณ์ของผมก็ถูกอีกคนพาชักพาออกไปไกลจนเริ่มจะหยุดไว้ไม่ได้แล้ว




“อื้มมม... อะ” ผมส่งเสียงออกมาได้เพียงเท่านั้นหลังจากอีกคน ปล่อยแขนที่โอบรอบเอวของผมออก ก่อนจะละใบหน้าที่ซุกไซ้อยู่ที่หน้าท้องของผมเมื่อกี้ ขยับตัวขึ้นมานั่ง แล้วยกมือทั้งสองข้างมาแนบอยู่กับแก้มของผม จากนั้นก็บดจูบลงมาริมฝีปากของผม แล้วค่อยๆ ถอนออก





ในเวลานี้ผมเห็นดวงตาของคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน สายตาที่ถูกส่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น สายตาที่กำลังบอกอะไรมากมายกับผม

สายตาที่เจ้าของพยายามบอกออกมาว่าต้องการผมมากแค่ไหน โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ

สายตาที่ดูเว้าวอน และปรารถนาจะให้สิ่งที่เรากำลังจะทำดำเนินไปถึงจุดสิ้นสุด

สายตาที่ต้องการจะบอกให้ผมเชื่อกับความรู้สึกอะไรบางอย่าง

และสายตาที่ต้องการยืนยันให้มั่นใจว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ไม่ใช้เพื่อการตอบสนองความใคร่เพียงเท่านั้น  






“จะหยุดหรือเปล่าครับ” คำถามถูกส่งมาถึงผมด้วยเสียงกระซิบเพียงเบาๆ ข้างหู









“ไม่”


ผมไม่ตอบแต่ลุกขึ้นยืนหันหน้าเข้าหาเขา วางมือทั้งสองลงบนบ่า แล้วก้มลงไปประกบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของคนที่เหมือนจะรอรับอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาวางที่เอวของผม แล้วดึงตัวเองลุกขึ้นยืน ผมเลื่อนแขนจากบ่าของเขาขึ้นไปโอบรอบคอ จากนั้นก็เริ่มก้าวถอยหลังโดยมีอีกคนก้าวตามมา


“อืม... อ่า...”


“อ่ะ... อื้อ...”


เรายังคงแลกจูบกันอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ว่าหลังของผมกระแทกเขากับประตูห้องนอน แล้วก็เป็นเขาที่ละมือข้างหนึ่งออกจากเอวของผมเพื่อเอื้อมไปบิดลูกบิดประตู  






แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะผมขาดอากาศหายใจนานจนเกินไปหรือเปล่า ถึงได้ไม่รู้ตัวว่าถูกดันให้ลงมานอนบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร เพิ่งจะมารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่คนที่กำลังคุกเข่าคร่อมตัวผมไว้ค่อยๆ ก้มลงมาซุกไซ้ที่ลำคอ  แล้วลากไล้ริมฝีปากเพื่อฝังรอยรักเอาไว้จนมาถึงกลางแผ่นอกที่มีเนื้อผ้าขาวกั้นไว้ ไล่งับเบาๆ ผ่านเนื้อผ้านั้นลงมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องแบนราบ ผมได้แต่เกร็งตัวรับความรู้สึกวาบหวามและปั่นป่วนที่เกิดขึ้น

สองมือร้อนถูกสอดเข้ามาภายใต้เสื้อยืดสีขาวเนื้อบาง แล้วค่อยๆ ยกสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนผ่านออกไปจากตัวของผม สายตาของอีกคนข้างบนที่จับจ้องลงมาที่ในเวลานี้ บวกอารมณ์ ความรู้สึกของผม มันทำให้ผมไม่กล้าที่จะสบสายตากับเขาอีก



“ช่วยกรหน่อยนะครับ คนดี”


สองมือของผมถูกยกไปจับไว้ที่ชายเสื้อยืดของอีกคน ทั้งๆ ที่ผมยังคงหันหน้าหนีอยู่แบบนั้น ก่อนที่อีกคนจะช่วยจับมือของผมให้ดึงเสื้อของเขาออกจากตัวไป พอเสื้อหลุดไปแล้วมือของผมก็ถูกย้ายมาวางไว้บนบ่าของเขา

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ริมฝีปากของอีกคน ลงมาโลมเลียไปตามผิวเนื้อร้อนของผม ลากไล้มาตั้งแต่ไหปลาร้า แผ่นอก หน้าท้อง ทุกสัมผัสนั้นค่อยๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า


“อื้อ...” ผมแอ่นตัวขึ้นมารับกับความรู้สึกที่มันทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องจิกเล็บลงไปบนบ่าของคนที่กำลังกระตุ้นความรู้สึกของผม


ริมฝีปากที่ซุกไซ้อยู่ตรงหน้าท้อง ถูกเลื่อนต่ำลงมาและส่งสัมผัสเบาๆ มากระตุ้นส่วนที่กำลังแสดงความต้องการออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนภายใต้เนื้อผ้าที่ยังคงปกปิดลำตัวส่วนล่างไว้ แล้วเพียงไม่นานเนื้อผ้าที่กั้นอยู่นั้นก็ถูกกำจัดออกไป เหลือเพียงเนื้อผ้าที่บางกว่าที่ปิดบังความต้องการของผมไว้ไม่ได้แม้แต่น้อย

และก็ดูเหมือนว่าคนด้านบนจะรู้สึกถึงความปั่นป่วนในอารมณ์ไม่ต่างไปจากผม เมื่อเขาแนบลำตัวลงมาชิดกับผมมากขึ้น มันมากพอจนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อัดอั้นอยู่ใต้เนื้อผ้าที่ปกปิดไว้ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมถูกขอร้องให้ช่วยกำจัดสิ่งที่ขวางกั้นความอัดอั้นนั้นออกไป จนตอนนี้เราทั้งคู่ไม่มีเนื้อผ้าผืนใดมาขวางกั้นหรือปกปิดความต้องการไว้อีกแล้ว

ส่วนที่กำลังแสดงความต้องการของผมถูกอุ้งมือร้อนมากอบกุมไว้ ทำให้ความต้องการจากส่วนลึกยิ่งทะยานสูงขึ้นจากแรงฉุดดึงที่ตั้งใจทำให้ผมไปจนเกือบถึงจุดสิ้นสุด หากแต่สัมผัสนั้นถูกหยุดลงในทันทีทันใด จนผมไม่สามารถตัวเองให้กลั้นเสียงประท้วงให้อยู่ภายในลำคอได้


“อื้อ... ไม่... อย่าหยุด... จะ จะไปแล้ว”




“ใจเย็นๆ นะครับ” มือข้างหนึ่งของคนที่มากระซิบอยู่ข้างหูถูกยกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมของผมอย่าเบามือ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาแล้วฝังจมูกกับริมฝีปากลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของผม ในขณะที่มืออีกข้างสอดไปใต้เข่าของผมแล้วยกชันขั้นมา โดยมีร่างของเขาแทรกมาอยู่ตรงกลาง มันยิ่งทำให้ร่างกายบางส่วนแนบชิดกันได้มากขึ้น



“รอไปพร้อมกันนะครับ” เสียงกระซิบถูกส่งมาข้างใบหู



“อื้อ”

.....................................................................  






ต้องตัดเพราะมันยาวเดี๋ยวรีบต่อให้น้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [1/2] (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 11-06-2010 20:52:34
อย่าหยุด มาต่อไวๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [1/2] (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 11-06-2010 22:06:39
 พลอยวาบหวามและไหวหวั่นไปด้วย ว้าลุ้นซะค้างเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [1/2] (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-06-2010 22:19:07
ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2]


ผมผละตัวออกมาจากการทาบทับอีกคน แล้วลุกออกไปคว้าของที่อยู่ในกระเป๋า ก่อนจะกลับมาหาร่างนั้นอีกครั้ง สายตาของผมเริ่มไล่มองเรือนร่างที่ถูกผมคร่อมไว้อีกครั้ง ภายใต้แสงไฟสีส้มนวลที่ไม่สว่างมากนักจากโคมไฟที่ถูกตั้งไว้ข้างหัวเตียง ช่วยส่องให้เห็นผมนิ่มสีดำสนิท ใบหน้าที่แดงระเรื่อ ริมฝีบางที่แดงช้ำน้อยๆ จากแรงบดจูบ ไล่มาจนถึงลำคอ แผ่นอกเนียนราบ หน้าท้องที่ถูกประดับไว้ด้วยร่องรอยสีชมพูจางๆ


ผมเปิดฝาหลอดของสิ่งที่ลุกไปหยิบออกมาจากเป้ ก่อนที่เนื้อเจลใสจะถูกบีบลงที่ปลายนิ้ว คนที่มองเห็นทุกการกระทำของผม รีบหันหน้าหนีแล้วซุกลงกับหมอนทันทีที่ผมวางหลอดที่อยู่ในมือลงข้างตัว แต่ผมก็ยังพอมองเห็นได้ว่าข้างแก้มของเขานั้นมันแดงระเรื่อมากแค่ไหน

ผมสอดมือไปใต้เข่าของร่างข้างใต้ข้างหนึ่งแล้วยกให้ชันขึ้นมา แล้วส่งปลายนิ้วที่มีเจลใสเคลือบอยู่ไปสัมผัสกับส่วนที่ผมต้องการจะเข้าไปค้นหาความอุ่นร้อนภายใน ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับภายนอก แล้วลากไล้ไปมาอย่างช้าๆ ก็ทำให้เจ้าของความอุ่นร้อนที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นเกร็งตัวขึ้นมา  

มือทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนและดึงรั้งผ้าปูจนยับย่นอยู่ใต้ฝ่ามือคู่นั้น ก่อนจะพยายามถดหนีจากสัมผัสที่ผมส่งไปให้ จนผมต้องใช้มือข้างที่ยังว่างอยู่มารั้งสะโพกของเขาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ก่อนจะส่งนิ้วเรียวเข้าไปช้าๆ



“อ๊ะ ...อื้อ...."



“เจ็บหรือเปล่าครับ” ผมโน้มตัวลงไปกระซิบถาม เมื่อรู้สึกถึงแรงตอบรับจากอีกฝ่าย  





“มันแปลกๆ” เสียงดังอู้อี้ของอีกคนตอบกลับมา ทั้งที่ยังคงฝังใบหน้าลงกับหมอน แล้วผมก็เริ่มขยับนิ้วเข้าออกอย่างช้าๆ
ก่อนจะถอนออก แล้วส่งเพิ่มเข้าไปอีกนิ้ว




“อ๊ะ...จะ เจ็บ” มือที่เคยจิกและดึงรั้งผ้าปูที่นอนไว้ ถูกยกขึ้นมาคว้าและจับยึดข้อมือของผมไว้ไม่ให้ขยับ ส่วนมืออีกข้างก็ถูกยกมาดันอยู่ที่หน้าอกของผมเพื่อดันตัวให้ออกห่าง


“กอดกรไว้นะครับ คนดี...อย่าเกร็งนะ” พี่กันต์พยักหน้าตอบ ก่อนจะยกแขนขึ้นมาโอบรอบคอของผมเอาไว้ ใบหน้าที่ยามปกติเคยมองดูนิ่ง ดูดุ หรือเคยมองดูแล้วเจ้าเล่ห์ในบางครั้ง มาตอนนี้กลับถูกลบหายไปเหลือเพียงใบหน้าที่กำลังแสดงความเขินอายกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ในตอนนี้ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าอยากจะทะนุถนอมคนๆ นี้เอาไว้ไม้ให้บุบสลาย อยากจะครอบครองร่างนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว


ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากคนๆ นี้




เมื่อปลายนิ้วของผมรับรู้ได้ว่าความอุ่นร้อนที่อยู่ภายในนั้นพร้อมที่จะให้ผมนำพาความต้องการของผมเข้าไปปลดปล่อยแล้ว จึงถอนนิ้วออกมาอย่างช้าๆ แล้วโน้มตัวลงไปแลกจูบกับร่างข้างใต้อีกครั้ง ก่อนจะละออกมาคว้าหลอดที่วางอยู่ข้างตัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง เปิดมันออกและบีบเจลใสลงบนฝ่ามือ แล้วนำไปลูบไล้กับส่วนที่มีความต้องการของผมอัดแน่นอยู่ภายใน


“มองหน้ากรนะครับ... นะครับ” ผมเอ่ยเรียกพี่กันต์ที่ยังคงหันหน้าหนี ให้กลับมาสบตากับผม


พออีกฝ่ายยอมหันหน้า แล้วกลับมาสบตากับผม ผมก็เริ่มพาความต้องการของตัวเองเข้าไปหาความอุ่นร้อนที่อยู่ในตัวของอีกคนอย่างช้าๆ






“โอ้ย... เจ็บ เจ็บ... อื้อ” ร่างข้างใต้ส่งเสียงร้องออกมา พร้อมกับโผตัวขึ้นมาโอบกระชับรอบคอของผมให้แน่นมากขึ้น จนหลังลอยขึ้นมาจากเตียง ผมสอดมือเข้าไปใต้แผ่นหลังนั้น ลูบขึ้นลงเบา ก่อนจะประคองให้นอนราบลงไปกับเตียงอีกครั้ง โดยที่ยังค้างคาส่วนล่างเอาไว้แบบนั้น โดยไม่ดึงดันเข้าไปจนสร้างความเจ็บปวดให้กับอีกฝ่ายไปมากกว่านั้น ทั้งๆ ที่ความต้องการของตัวเองมันกำลังจะทะลักทะลายออกมา

ขาสองข้างของร่างข้างใต้ถูกยกขึ้นมาเกี่ยวกระวัดรัดอยู่รอบเอวของผมเพื่อไม่ให้ขยับตัวแทรกเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม จนผมต้องส่งเสียงเพื่อปลอบประโลม


“ใจเย็นๆ นะครับ อย่าเกร็งนะ” ผมเลื่อนมือไปจับที่หัวเข่าทั้งสองข้างของอีกคน แล้วลูบไล้เรื่อยลงไปจนถึงต้นขา สะโพก และเอว ก่อนจะวนกลับมาที่หัวเข่าอีกครั้ง แล้วจับดันออกให้กว้างกว่าเดิมอย่างช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ แทรกกายเข้าไปให้ลึกมากกว่าเดิมจนสุด



“อื้อ...อ้า...” เสียงครางที่ถูกส่ง พร้อมหยดน้ำตาที่คลออยู่ที่หางตา ผมก้มลงไปจูบซับหยดน้ำตานั้น


ผมปล่อยให้ตัวเองค้างนิ่งอยู่แบบนั้น ให้อีกฝ่ายปรับตัว



จนอีกฝ่ายเริ่มขยับสะโพกเบาๆ เป็นการบอกว่าพร้อมแล้วที่จะให้ผมขยับ ผมจึงเอ่ยถามอีกครั้งเป็นเชิงขอ


“กรขยับนะครับ”

“อืมม...” เสียงตอบรับเบาๆ ของอีกคน เป็นตัวเปิดทางให้ผมเริ่มขยับตัวออกมาช้าๆ ความอุ่นร้อนนั้น ก่อนจะพาความต้องการของตัวเองกลับเข้าไปใหม่ คนข้างล่างยังคงใช้แขนทั้งสองโอบรอบคอผมไว้ ส่วนแผ่นหลังถูกยกแอ่นขึ้นมาเหมือนตอบรับความต้องการของผมที่ส่งไป


จากช้าๆ เนิบนาบ ในคราวแรกค่อยๆ ถูกเพิ่มเติมความปรารถนาของเราทั้งคู่เข้าไปอย่างช้าๆ จนกลายเป็นหนักหน่วง ร้อนแรง ผมเอื้อมมือมาช่วยชักพาความต้องการที่เคยถูกทำให้ค้างคาให้กลับมาอีกครั้ง และในไม่ช้าความต้องการของคนข้างล่างก็กลับมาเปี่ยมล้นไม่แพ้กับผมตอนนี้

เสียงกระทบของผิวเนื้อ ผสมกับเสียงครางถูกส่งออกมาดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ที่กำลังโหมกระหน่ำ ยิ่งเรียกความต้องการที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในให้ถูกส่งออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบ

แต่ผมยังไม่อยากให้มันจบลงเร็วนัก จากจังหวะที่เร่าร้อน หนักหน่วง ถูกฉุดดึงให้กลับลงมาจนกลายเป็นความวาบหวาม อ่อนโยน และเชื่องช้าอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะยกขาแล้วจัดท่าให้อีกคนนอนตะแคงโดยที่ส่วนนั้นยังไม่หลุดออกจากกัน

“อ๊ะ...” เสียงร้องที่ถูกส่งออกมาเมื่อผมขยับตัวพลิกเปลี่ยนท่า จากนั้นผมก็จับมือของอีกคนให้มากอบกุม รูดรั้ง ส่วนนั้นเพื่อปลดปล่อยความต้องการให้ตัวเอง ในขณะที่แขนของผมข้างหนึ่งสอดไปใต้เข่าของอีกคนเพื่อยกขึ้น แล้วเริ่มต้นขยับกายอีกครั้ง


“อึก อื้อออ...” เสียงครางของคนข้างหน้าที่ดังออกมาเมื่อผมขยับตัว


ผมขยับตัวเข้าออกท่านั้น จนรู้สึกได้ถึงแรงตอดรับทางด้านหลังของอีกคนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คนข้างหน้าผมกำลังพาตัวเองให้ไปถึงจุดหมาย เสียงครางกระเส่า ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องปนกับเสียงเนื้อที่กระทบกันดังขึ้น ๆ



“ซี๊ด.....อ๊ะ..... อ่า...." เสียงสุดท้ายที่ส่งออกมา พร้อมกับน้ำสีขาวขุ่นในมือ ทำให้ผมรู้ว่าคนข้างหน้าพาตัวเองไปถึงจุดหมายเรียบร้อยแล้ว



และเป็นอีกครั้งที่ผมจับร่างของคนตรงหน้าที่เริ่มอ่อนแรงให้เปลี่ยนท่ามานอนคว่ำซบหน้าลงกับหมอน แล้วรั้งสะโพกให้ลอยขึ้น ก่อนจะส่งความต้องการของตัวเองเข้าไปภายในช่องทางอุ่นร้อนนั้น ที่ยังคงมีแรงตอดรับ อย่างรวดเร็ว หนักหน่วง และรุนแรง  


จนท้ายที่สุดผมก็พาตัวเองทะยานขึ้นไปจนถึงจุดหมายเช่นกัน

อารมณ์และความปรารถนาที่มีถูกปลดปล่อยเข้าไปในร่างที่อยู่ข้างใต้

ผมซบลงไปกับแผ่นหลัง และทิ้งน้ำหนักทาบทับลงไปจนร่างนั้นนอนราบไปกับเตียงนุ่ม ก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มเนียน และเปลือกตาที่เริ่มปรือปรอยเต็มที่ แล้วกระซิบเบาๆ ข้างใบหู



“รักนะครับ”


สุดท้ายเปลือกตาคู่นั้นก็ปิดลง พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ก่อนพาตัวเองเข้าสู่นิทรา



.........................................................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 11-06-2010 22:49:16
แอบหวานและหวิวใจไปกับอารมย์รักที่ทั้งคู่ปรนเปรอให้กัน น่ารักน่าอิจฉาคู่รักที่ทำรักได้หวานไม่มีที่ติ ใครไม่อินก็เกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-06-2010 22:56:49
หวาน  หวาม  หวิว  หยิว

"รักนะครับ"  อื๋อออ  มดท่วมเตียง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 11-06-2010 23:02:25
+1 ก่อนเลย
อ๊างงงงงงงงง หวาบหวามและอบอุ่น
คู่นี้น่ารักมากกกก
บอกคิดถึง บอกรักทีทำเราละลายไปด้วยเลย  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 11-06-2010 23:17:55
เป็นอะไรที่น่ารักแล้วก็หวานกันมากๆเลยค่ะ  :m1:
ปลื้มคู่นี้จังเลย ~~

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 11-06-2010 23:34:46
อ่านไปก้อเขินไป

น้องกรกะพี่กันย์  อ๊ายยยยยยยยยยยยยย  :-[

ไม่มีอะไรจะพูด  ก้มหน้าแดงๆเดินออกจากห้องนี้ก่อน เขินอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 11-06-2010 23:56:01
โอ๊ยยยไม่ไหวแล้วว

หวานเกิน  >//<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-06-2010 00:09:38
 :jul1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 12-06-2010 00:24:37
 o13 +1ให้เลยค่ะ


บอกได้คำเดียวเลย...เต็มไปด้วยความรักจริงๆค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 12-06-2010 00:44:32
และแล้วก็ได้กัน อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-06-2010 01:14:10
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
"รักนะครับ"

 :-[

(คุณกวาง นุ่นเจอคำผิดตั้งแต่ครึ่งแรกสองสามที่ ครึ่งหลังอีกหนึ่งหรือสองที่ค่ะ แต่ไม่ไหว ไร้สติไปกับตอนนี้แล้ว เขินนนนนนนนน)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 12-06-2010 01:24:34
เห็นมีอยู่7หน้า เลยลองแว้บมาอ่าน

อ่านจบแล้ว .. ฝากตัวเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยอีกเรื่องค่ะ

น่ารักดี อ่านไปยิ้มไป

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-06-2010 01:35:01
+1  :m25: :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 12-06-2010 07:59:08
เขินจัง "รักนะครับ" :o8:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 12-06-2010 08:07:17
เป็นการแสดงออกทางภาษากายได้หวานมากค่ะ ไม่รู้เป็นไงอ่านไปก็รู้สึกดีๆด้วยกับคนสองคนนี้จริงๆ

แต่ว่า เป็นการเอาคืนที่ไม่มีใครเสียเปรียบนะค่ะ สนุนและเป็นสุขกันทั้ง 2 คน 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: TEe RuKk ที่ 12-06-2010 10:53:17
เอ่อ กวาง นี่ที่เรียกร้องให้มา นี่ฆ่าเพื่อนเลยดีกว่าาา :jul1: :jul1: :jul1: 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-06-2010 18:02:02
พี่กันต์ไม่เคยมาก่อนเลยเหรอ  :a5: แต่กรดูเชียวอยู่นะ  :m25:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 12-06-2010 18:19:47
อ่านแล้วเขินมากเลยค่ะ :o8:
บรรยายได้ดีมากค่ะ ขอบคุณค่ะ :pig4: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] มาต่อแล้วนะ (11-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 12-06-2010 19:14:20
ตอนที่ 16 part พิเศษ การกระทำและความคิด

หลังจากที่พี่กันต์หลับไปแล้วผมก็ลุกออกจากเตียง คว้ากางเกงที่ตกอยู่ข้างๆ ขึ้นมาใส่ จากนั้นก็ถือวิสาสะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของพี่เขา เพื่อหยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก เสื้อยืด และกางเกงสำหรับใส่นอนออกมาจากในตู้ แล้วเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง วางเสื้อและกางเกงไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะเดินถือผ้าขนหนูเข้าไปชุบน้ำอุ่นในห้องน้ำ แล้วนำกลับมาเช็ดตัวให้พี่เขาที่หลับไปทั้งที่ตัวยังเปื้อนอยู่แบบนั้น

ผมไล่เช็ดมาตั้งแต่แผ่นหลังที่มีรอยสีชมพูจางๆ ประปรายอยู่ทั่ว ก่อนจะค่อยๆ จับร่างของอีกคนพลิกกลับมานอนหงาย คนนอนหลับส่งเสียงประท้วงอยู่ในลำคอเล็กน้อย แต่ก็ยอมพลิกตัวกลับมาโดยดี ผมไล่สายตามองร่างที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่ถูกปอยผมชื้นเหงื่อตกลงมาปิดเล็กน้อย เปลือกตาปิดสนิท แก้มและริมฝีปากยังคงแดงระเรื่อ หน้าอกแบนราบที่ถูกประดับไว้ด้วยร่องรอยสีหวานจางๆ ยกขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่าร่างนี้กำลังอยู่ในห้วงนิทรา





“ฝันถึงกรบ้างนะครับ”


ผมก้มลงไปกระซิบบอกเบาๆ แล้วยืดตัวขึ้นมามองร่างตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือขึ้นไปปัดปอยผมที่ปิดบังใบหน้าของพี่เขาออก ก่อนจะยกผ้าขึ้นเช็ดตั้งแต่หน้าผาก สองข้างแก้มที่เลือดฝาดเริ่มจางหายไปทีละน้อยเปลี่ยนเป็นแก้มขาวเนียน ไล่ลงมาจนถึงคาง ลำคอ แผ่นอก แล้วค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาจนถึงหน้าท้อง ส่วนกลางลำตัว ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยร่องรอยของความต้องการที่ถูกปลดปล่อยออกมา ไล่มาจนถึงซอกขาด้านใน ผมจับขาของคนที่กำลังหลับชันขึ้นเพื่อที่จะเช็ดทำความสะอาดในส่วนที่ผมเป็นคนทำมันเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่ถูกปะปนด้วยสีแดงจางๆ



“เจ็บหรือเปล่าครับ คนดี”





ผมพูดกับคนที่ยังคงหลับใหลอย่างไม่รู้สึกตัว ก่อนจะวางผ้าลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง แล้วยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ อารมณ์และความต้องการของผมก่อนหน้านั้นมันถูกดับไปในตัวของอีกคนเรียบร้อยแล้ว มาถึงตอนนี้ยามที่มองเรือนร่างนี้ แม้จะไม่ใช่ร่างบอบบางอย่างหญิงสาว แต่เป็นร่างของผู้ชายที่มีรูปร่างสมส่วน มีกล้ามเนื้อพอให้เห็นความแข็งแรงที่ซ่อนอยู่ไม่ต่างจากผม ถึงอย่างนั้นร่างนี้ก็เป็นร่างที่ผมอยากปกป้อง อยากทะนุถนอมเอาไว้

และแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับใคร แต่มันเป็นครั้งแรกที่มามีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าความต้องการ ถ้าไม่ใช่คนนี้ คนที่นอนหลับอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ ผมก็คงไม่ทำตอนแรกผมยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าบทบาทระหว่างเรามันจะดำเนินไปทางไหน แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหาข้อมูลกับตัวช่วยเผื่อไว้บ้าง เพราะยังไงเสียเรื่องแบบนั้นมันก็คงเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

แล้วกับตัวพี่กันต์เองก็คงเหมือนกับผมจากท่าทางแต่ละครั้งที่เขาเคยแสดงออก มันก็พอจะมองออกว่าก็คงผ่านอะไรมาบ้าง แต่ในแบบที่เราทำไปก็คงเป็นครั้งแรกของอีกคนเช่นกัน แล้วกับการที่เขายอมให้ผมเป็นฝ่ายกอดเขา มันก็กลายเป็นว่า ผมทำให้อีกคนรู้สึกเขินอายกับการถูกกระทำ

ผมมองร่างนั้นด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่รู้ว่าผมทำให้เขาเจ็บมากแค่ไหน จากเสียงที่ร้องดังออกมาพร้อมกับหยดน้ำตา เมื่อผมแทรกตัวเข้าไปบอกให้ผมรู้ได้ว่าเขาเจ็บมากขนาดไหน และถึงแม้ว่าจะเจ็บ แต่กลับโอบกระชับแขนให้ตัวแนบชิดกับผมมากขึ้น เหมือนต้องการยึดเอาไว้เป็นที่พึ่งแทนที่จะผลักไส มันยิ่งทำให้ผมอยากโอบกอดเขาไว้และไม่ปล่อยให้ไปไหนเช่นกัน



……………………………………………..


หลังจากเช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าให้พี่เขาเสร็จเรียบร้อยโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตื่นขึ้นมา ผมก็ลุกออกจากเตียงอีกครั้งเพื่อเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำชำระร่างกายบ้าง แต่งตัวเสร็จก็กลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง ขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่หลับอยู่ แล้วสอดแขนเข้าไปใต้ท้ายท้อยอย่างช้าๆ แล้วดึงหมอนที่เขานอนหนุนอยู่ให้มาหนุนที่แขนของผมแทน พอเข้าที่เข้าทางแล้วก็ดึงผ้าห่มที่ร่นลงไปอยู่ที่สะโพกให้กลับขึ้นมาปิดไว้จนถึงกลางอก ก่อนจะหันไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง


แต่ผมยังไม่หลับอาจเป็นเพราะสายน้ำมันช่วยทำให้ผมตาสว่างขึ้นมา ผมเลยยังคงลืมตาอยู่ในความมืด พลางครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปก่อนหน้านี้


ผมเพิ่งจะเอ่ยคำว่า “รัก” กับคนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของผมในตอนนี้


คำว่า “รัก” ที่ผมไม่แน่ใจว่าคนที่กำลังจะปิดเปลือกตาลงได้ยินมันหรือไม่ แต่ผมคิดว่าเขาได้ยิน เพราะผมเห็นรอยยิ้มจางๆ ของเขา หลังจากที่ผมพูดคำๆ นั้น


คำว่า “รัก” ที่ผมมีโอกาสได้พูดออกมาเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกที่ผมพูดคำนี้กับคนๆ หนึ่ง สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือ ความเจ็บปวด รวดร้าว อย่างแสนสาหัส


แต่ครั้งนี้สิ่งที่ผมได้กลับมาคือ รอยยิ้มบางๆ คล้ายจะดีใจที่ได้ฟังคำๆ นั้น แค่เพียงเท่านั้น มันก็ช่วยเติมความรู้สึกดีให้กับผม หากยังไม่นับรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านั้น เพราะถ้ารวมกันแล้ว ผมคงบอกกับตัวเองได้ว่า ความรู้สึกของผมทุกอย่างที่เคยถูกคนๆ หนึ่งทำลายมันไป บัดนี้มันถูกคนอีกคนเรียกกลับมาได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ และต่อจากนี้คงเป็นหน้าที่ของผมบ้างที่จะดูแลคนๆ นี้


คนที่ทำให้ผมได้ความรู้สึกดีๆ กับความรักกลับมาอีกครั้ง



แล้วผมก็ถามตัวเองว่า มันเร็วไปไหมกับความรู้สึกและสิ่งที่เกิดขึ้น และผมก็ตอบตัวเองได้ในทันทีว่า “ไม่” แต่เหตุผล ผมคงตอบไม่ได้ในตอนนี้ เพราะความง่วงมันเริ่มทำให้ความคิดต่างๆ ของผมเริ่มช้าลง ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ แล้วหลับตามคนในอ้อมกอดไป


---------------------------------------------------------


มาแบบสั้นๆ และตามใจตัวเอง
ไม่รู้ว่าจะชอบกันหรือเปล่า
แต่ก็นะตามใจคนแต่งนิดนึง อิอิ


:pig4:
  
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ ความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-06-2010 19:22:07
ตามใจคนแต่งก็ชอบค่ะ อิอิ

น้องกร โถ......ทิ้งความหลังนั้นไปเสียให้หมดนะคะ มีคนที่ต้องการความรักของเราอยู่ในอ้อมแขนทั้งคนนิ

............................
บัดนี้มันถูกคนอีกคนเรียกกับมา (เรียกกลับมา) ตรงนี้นะคะคุณกวาง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 12-06-2010 19:42:24
 :o8:

เขินอ่ะ

เข้ามาอ่าน 3 part รวดเลย
อ่านไปเขินไป จะหวานกันไปไหน

แต่ก็ชอบนะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 12-06-2010 19:57:50
ปลื้มมมม
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-06-2010 20:20:07
มาสั้นๆแต่ยิ่งทำให้หลงรัก กร มากขึ้นไปอีกค่ะ

รอตอนหลักนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 12-06-2010 20:47:36
เชื่อว่า คำว่ารักที่กรบอกไป พี่กันต์รับรู้แน่ๆ แต่หมดแรงตอบแล้ว...คึคึ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-06-2010 20:55:45
 :-[  เขินอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 12-06-2010 22:28:29
รอตอนแบบนี้มานาน ได้แบบจุใจเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 12-06-2010 22:56:20
ชอบมากค่ะ :pig4: :o8:
 :pig4: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 12-06-2010 23:18:00
มาแบบตามใจคนแต่งก็ชอบค่าๆๆ o13


ยังคงความน่ารักเหมือนเดิม...หลงรักน้องกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 12-06-2010 23:34:17
หวานซะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-06-2010 23:39:41
ปลดปล่อยตัวเองได้ซะที นายกร
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 13-06-2010 02:14:30
ชอบสิคะ น้องกรหวานและน่ารักขนาดนี้
ลุกมาเช็ดตัว หาเสื้อผ้าให้ใส่ น่ารักไปแล้ววว
น้องกรลืมผู้หญิงคนนั้นไปซะ
วันนี้มีพี่กันย์อยู่ในอ้อมกอดแล้ว จะคิดอะไรมากทำไม
คิดซะว่า ถ้าเธอไม่ถึง ก็คงไม่เจอพี่กันย์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-06-2010 18:37:25
วุ้ยๆๆ เด็กมันน่ารักเว้ย  :-[  พี่กันต์คงสัมผัสได้ถึงความรักที่ กร พยายามจะสื่อส่งไปให้ถึงนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 16 เอาคืน [2/2] + part พิเศษ การกระทำและความคิด (12-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 15-06-2010 00:15:46
ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2]

>>ติ๊ด ๆ ๆ ...<< เสียงนาฬิกาปลุกที่โต๊ะข้างเตียงดังขึ้นเรียกให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือไปปิดเสียงนั้น และตอนนี้คนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนผมก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเช่นกัน คงเพราะเวลานี้เป็นเวลาปกติที่พี่เขาต้องตื่นเพื่อออกไปทำงาน แต่ดูเหมือนว่าพี่เขาจะไม่อยากลุกสักเท่าไร เพียงแค่ขยับตัวหยุกหยิก แล้วส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเล็กน้อยคล้ายกับอึดอัด ไม่สบายตัว ก่อนจะซุกเข้ากับตัวผมแล้วนิ่งเงียบไปอีกครั้ง

ผมค่อยๆ ขยับแขนที่ให้พี่เขาหนุนอยู่ออกอย่างช้าๆ แล้วสอดหมอนที่วางพิงหัวเตียงไว้เข้าไปแทน ก่อนจะลุกออกจากเตียงเพื่อเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงส่องผ่านเข้ามาในห้อง แต่ก็ไม่ได้เปิดจนแสงเข้ามารบกวนคนที่กำลังหลับมากนัก แค่เพียงให้พอมองเห็นเท่านั้น

ผมกลับมายืนข้างเตียงฝั่งที่พี่เขานอนอยู่เพื่อที่จะเรียกให้พี่เขาตื่นขึ้นมา แต่พอผมโน้มตัวลงไปใกล้ๆ พี่เขาที่นอนหันหลังให้ผม พร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อที่จะจับตัวเรียกพี่เขา ผมก็ต้องหยุดชะงักมือเอาไว้เพราะสังเกตเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อและมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาให้เห็นเล็กน้อย ทั้งๆ ที่อุณหภูมิในห้องนี้ก็ต่ำพอสมควร

จากมือที่จะยื่นไปจับตัวเพื่อปลุกตื่นจึงถูกเปลี่ยนไปลูบปอยผมชื้นเหงื่อของพี่เขาแทน ก่อนที่จะใช้มืออังหน้าผากเพราะสงสัยว่าพี่เขาจะมีไข้ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่แค่ตัวรุมๆ ไม่ถึงกับร้อนจัด


“อื้อ... เย็น” พี่กันต์พึมพำออกมา แล้วจับมือผมที่วางอยู่ที่หน้าผากมาแนบที่แก้มแทน

“ปวดหัวหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่เขา พี่เขาก็ส่ายหน้าตอบกลับมา

“แล้วมียาลดไข้บ้างหรือเปล่า เดี๋ยวกรไปหยิบมาให้”

“อยู่บนชั้นข้างตู้เย็น” พี่กันต์ตอบเสียงแห้ง



แล้วผมก็ออกไปหยิบยาตามที่พี่เขาบอก พร้อมกับน้ำอีกหนึ่งแก้ว พอกลับเข้ามาในห้องก็เห็นพี่เขากำลังพยายามยันตัวเพื่อลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากเต็มที ผมเลยรีบเดินไปข้างเตียง วางยาและแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปช่วยพี่เขา

“จะลุกไปไหนครับ”

“ห้องน้ำ”

“กินยาก่อนนะ เดี๋ยวกรพาไป” ผมพูด แล้วเอื้อมมือไปหยิบยากับแก้วน้ำมาส่งให้ พี่เขาก็รับไป ก่อนจะส่งยาเข้าปากและตามด้วยน้ำจนเกือบหมดแก้ว

“วันนี้มีเรียนหรือเปล่า” พี่เขาถาม แล้วส่งแก้วน้ำคืนมาให้ผมที่รอรับไว้

“มีตอนเช้า แต่พี่ไม่สบายกรคงไม่ไปอ่ะ” ผมตอบ

“แค่เป็นไข้นิดเดียว กินยาแล้วนอนสักพักคงดีขึ้น กรไม่ต้องหยุดหรอก พี่กะว่าถ้าช่วงสายๆ ดีขึ้นก็จะเข้าออฟฟิศ” พี่กันต์ตอบ ก่อนจะยื่นมือมาจับแขนผมไว้



“โอ้ย...” เสียงพี่กันต์ร้องขึ้นมา เมื่อพี่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน ก่อนจะเซถลามาข้างหน้า แต่ผมยื่นแขนไปรับตัวพี่เขาไว้ได้ทัน

“พี่กันต์...” ผมได้แต่เรียกชื่อพี่เขาด้วยความตกใจ

“เดี๋ยวๆ อยู่เฉยๆ ก่อน” พี่เขาบอกผม แล้วออกแรงจับแขนของผมแน่นขึ้น เพื่อพยุงตัวเอง

“พี่จะไปทำงานอีกหรอ” ผมถามพี่เขาอีกครั้ง เพราะขนาดจะยืนยังยืนแทบไม่อยู่ แถมมีไข้อีก

“อืม ช่วงนี้หยุดไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องไป”  

“ดื้อ” ผมพูด แต่ที่พูดไปก็เพราะว่าเป็นห่วง แล้วก็ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ตอนที่เห็นสายตาของพี่เขาที่มองกลับมาที่ผม สายตานั้นเหมือนจะถามว่า “แล้วมันเป็นเพราะใคร”  



“เฮ้ยยยย...!! จะอุ้มทำไมเดินได้” เสียงอุทานอย่างตกใจของพี่กันต์เมื่อผมจัดการช้อนตัวพี่เขาขึ้นมาอุ้ม ถึงจะโวยวายแต่ก็ยกแขนขึ้นมาเกี่ยวรอบคอผมไว้คงเพราะกลัวตก พอผมพาเข้าไปส่งในห้องน้ำแล้ว ก็ยังโดนโวยใส่มาอีกนิดหน่อย ส่วนคนโวยก็โวยไปหน้าแดงไป จนผมอดขำไม่ได้ สุดท้ายเลยโดนหมัดของพี่เขาเข้าที่ต้นแขนไปที โทษฐานที่ไปหัวเราะเขา ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากนักหรอก เพราะคนต่อยไม่ค่อยมีแรง จากนั้นก็โดนไล่ออกมา ส่วนเรื่องไปทำงานไปเรียนรอพี่เขาออกมาแล้วค่อยว่ากันอีกที

ช่วงที่รอพี่กันต์เข้าห้องน้ำก็หันมาสำรวจเตียงนอน ก็เห็นหลักฐานที่มันฟ้องอยู่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรบ้าง เลยจัดการรื้อผ้าปูที่นอนออกเปลี่ยนใหม่ แล้วเอาผืนเก่าไปใส่เครื่องซักผ้าไว้ แค่ใส่ไว้เฉยๆ ไม่ได้ซักเพราะผมเองก็ทำไม่เป็น ถึงพี่กันต์จะเคยเล่าให้ฟังว่าปกติจะมีแม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้อยู่แล้ว แต่เรื่องแบบนี้ขอจัดการเองดีกว่า แบบว่าเกรงใจเขา

จากนั้นก็เดินมาสำรวจในครัวว่าพอจะมีอะไรมาเป็นมื้อเช้าของพี่กันต์กับผมได้บ้าง แล้วก็เจอข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปที่อยู่ในตู้เก็บของกับกุ้งที่อยู่ในตู้เย็น สรุปว่ามื้อเช้าของผมสองคนก็คงจะเป็นข้าวต้มกุ้งนี่ละ เหมาะกับคนป่วยด้วย หลังจากใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีข้าวต้มกุ้งก็ส่งควันและกลิ่นหอมๆ อยู่ในหม้อ เดี๋ยวรอพี่เขาออกมาค่อยตักใส่ชาม

หลังจากทำมื้อเช้าง่ายๆ ไปเป็นที่เรียบร้อย ก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง เป็นเวลาเดียวกับที่พี่กันต์เปิดประตูออกจากห้องน้ำพอดี เลยเดินเข้าไปประคองพี่เขาออกมา พี่กันต์ออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันปิดลำตัวส่วนล่างไว้เท่านั้น ช่วงที่เข้าไปใกล้ๆ เลยสังเกตเห็นว่าตามตัวพี่เขามีรอยที่ผมฝากไว้อยู่มากขนาดไหน แต่สงสัยผมจะหยุดมองมากไปหน่อย

“จะมองอีกนานไหม มันหนาวจะรีบไปแต่งตัว” พี่กันต์บอก พร้อมกับทำหน้ายุ่งๆ ส่งมาให้ผม ผมก็เลยต้องช่วยประคองพี่เขามาหยุดหน้าตู้เสื้อผ้า แล้วก็ส่งสายตามาไล่ผมให้ออกไปได้แล้ว ให้ตายสิแฟนผมตาดุชะมัด ผมก็เลยเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวบ้าง พอออกมาก็เจอพี่เขานั่งหลับตา เอนหลังพิงหัวเตียงเอาไว้  

“ไปกินข้าวกัน กรทำข้าวต้มกุ้งไว้” ผมเดินมาเรียกพี่กร จริงๆ ก็อยากปล่อยให้พี่หลับ แต่เมื่อกี้เพิ่งกินยาไป เลยน่าจะกินอะไรรองท้องไว้บ้าง

“อืม” พี่กันต์ตอบ ตอนนี้สีหน้าพี่เขาก็เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว สงสัยยาจะเริ่มออกฤทธิ์


ผมก็ช่วยประคองพี่เขาออกมานั่งที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะตักข้าวต้มมาสองชามสำหรับผมกับพี่กันต์

“ทำเป็นด้วยหรอ” พี่กันต์ถาม ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาคนข้าวต้มในชาม แล้วค่อยๆ ตักเข้าปาก

“ถ้าอะไรที่ไม่ยากมากก็พอทำได้” ผมตอบ ก่อนจะยกช้อนตักข้าวต้มในชามของตัวเองบ้าง

“กร มีเรียนแค่ตอนเช้าใช่ไหม”

“ครับ”
 
“ถ้าอย่างนั้นกรก็ไปเรียน พอเลิกแล้วกลับมารับพี่ไปออฟฟิศหน่อย ขอเข้าไปแค่ช่วงบ่ายก็ยังดี” พี่กันต์พูดแล้วมองหน้าผมไปด้วย

“ครับ เดี๋ยวกรไปเรียน แล้วเที่ยงกรจะกลับมารับ ส่วนช่วงเช้าพี่ต้องนอนเยอะๆ นะ” สุดท้ายก็ต้องยอมพี่เขาล่ะ เพราะผมเองก็พอจะรู้ว่าพี่เขาก็ยอมลงให้ผมแล้วเหมือนกัน อย่างพี่กันต์ถ้าเขาจะไปจริงๆ เขาก็ต้องไปจนได้ โดยเฉพาะกับเรื่องงานเพราะดูจากสองสามวันที่ผ่านมาพี่เขาก็ทำแต่งาน แต่ตอนนี้มารอให้ผมไปส่ง ยอมเลื่อนจากจะไปทำงานตอนสายเป็นบ่ายเท่านี้มันก็ดีมากๆ แล้ว

“อืม ไปได้แล้วไป ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”

“คร้าบๆ” ผมรับคำพี่เขา พอกินข้าวต้มจนหมด ผมกำลังจะยกไปเก็บพี่เขาก็บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวให้แม่บ้านมาจัดการเอง ผมก็เลยลุกไปหอมแก้มพี่เขา ไว้เป็นกำลังใจตอนไปเรียนเสียหน่อย แล้วก็ต้องรีบวิ่งหนีออกมา เพราะกลัวว่าคนป่วยจะต้องเสียแรงมาออกหมัดใส่ผมอีก



................................................................


หลังจากเลิกเรียนผมก็รีบออกมาเพื่อกลับไปรับพี่กันต์ที่คอนโดฯ ก่อนจะออกมาก็โดนไอ้สี่คนนั้นมันแซวว่า มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อน จริงๆ ก็ไม่ได้ขนาดนั้นเสียหน่อย แค่อยากอยู่ด้วยกันตลอดมากกว่า มันเลยพากันโห่เลยทีนี้ แต่มันก็บอกว่าเห็นผมดูมีความสุขขึ้น ว่าแล้วก็ขับรถกลับไปรับพี่เขาดีกว่า

พอกลับไปถึงคอนโดฯ พี่เขาก็แต่งตัวรออยู่แล้ว อะไรจะขยันทำงานขนาดนั้น แต่เท่าที่ดูอาการพี่เขาก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว แค่ยังดูเพลียๆ อยู่บ้าง แล้วก็บ่นว่าเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ผมบอกให้พักต่ออีกหน่อยพรุ่งนี้ค่อยไป พี่เขาก็ไม่ยอมแล้วบอกว่างานเยอะ ยังไงก็ต้องไป ช่วงเช้าก็นอนไปแล้ว ถ้าผมยังพูดไม่เลิกก็จะให้คนขับรถมารับ เอากับเขาสิ จนแล้วจนรอดผมก็ต้องพาพี่เขาไปถึงออฟฟิศจนได้

ส่งพี่กันต์แล้วผมก็ขับรถกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ไม่อยากปล่อยให้พี่เขาอยู่คนเดียวเวลาไม่สบาย พี่เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามว่าพ่อกับแม่ผมจะไม่ว่าอะไรหรอที่ไม่กลับบ้าน ผมก็บอกพี่เขาไปว่าช่วงนี้พ่อกับแม่ผมไม่อยู่บ้าน พี่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

ออกมาจากบ้านก็แวะซื้อของสดก่อนจะไปรับพี่เขา เพราะเมื่อเช้าตอนที่เปิดตู้เย็นของสดก็เกือบหมดแล้ว เลยแวะซื้อ จะรอให้พี่เขาออกมาเองคงไม่ไหว เลยทำตัวเป็นพ่อบ้านเสียเอง กว่าจะซื้อของเสร็จก็สี่โมงกว่า จากนั้นก็ออกไปรับพี่กันต์



................................................................

“กูไม่รู้ว่ะ กู...”

“มึงลองคิดดูให้ดีๆ แล้วกัน กูไปล่ะ”



ตอนที่ผมเอื้อมมือไปเคาะประตูห้องทำงานของพี่กันต์ ซึ่งประตูบานเลื่อนถูกเลื่อนปิดไว้ไม่สนิท ก็ได้ยินเสียงลอดออกมาจากในห้องเลยชะงักมือไว้ อาจจะเป็นเพราะชั้นนี้ไม่คนอยู่เลยค่อนข้างเงียบ แค่เสียงพูดธรรมดาเลยได้ยินอย่างชัดเจน และเหมือนว่าคนในห้องกำลังจะเดินออกมา ผมจึงเดินหลบไปอีกทาง ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะหลบทำไม แต่รู้ตัวอีกทีก็เดินหลบออกมาแล้ว และก็เห็นหลังไวๆ ของใครสักคนเดินลงบันไดไป ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นพี่ยุ เพื่อนของพี่กันต์  

พอเห็นว่าพี่เขาเดินลงไปจนพ้นแล้ว ผมเลยเดินกลับไปหาพี่เขาที่ห้องอีกครั้ง พอเคาะประตูกลับไม่มีเสียงตอบรับจากตนในห้อง เลยเปิดประตูเข้าไป แล้วก็เห็นพี่กันต์นอนหลับตาอยู่บนโซฟา อาการก็ดูเหมือนว่าจะแย่ลงกว่าเมื่อเช้า พอเอื้อมมือไปจับตัวพี่เขาแล้วก็ต้องตกใจ เพราะตอนนี้ตัวของพี่เขาร้อนจัด  

“พี่กันต์... พี่กันต์ กลับบ้านนะ” ผมพูด ขณะที่โน้มตัวลงไป แล้วยื่นมือไปลูบหน้าลูบตาพี่เขาเบาๆ เพื่อเรียกให้พี่เขารู้สึกตัว

ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาสงสัยอะไรแล้วว่าพี่เขาจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า รู้แค่อย่างเดียวว่าตอนนี้ผมคงต้องพาพี่เขากลับไปก่อน

---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 15-06-2010 00:28:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-06-2010 00:38:38
ทำไมอ่ะ  มีอะไรเหรอ
อย่านะ  กำลังหวาน ๆ เชียว  อย่ามาดราม่าแถวนี้นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 15-06-2010 01:41:11
หวานๆดีแล้วนะคะ..อย่าเพิ่งดราม่า

ปล.รออีกครึ่งค่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-06-2010 01:45:45
มาต่อเร็ว อยากรู้
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 15-06-2010 05:21:32
คนป่วยต้องการกำลังใจนะเนี่ย ขยันเกินแทนที่จะดีขึ้นอาการทรุดเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 15-06-2010 10:00:44
อยากรู้ด้วยอ้ะค่ะ คุณกวางงงงงงงงงงงงง มันค้างคานะคะ หงิงๆๆๆๆๆ
แต่......น้องกรกับพี่กันต์ น่ารักที่สุดเลย :m1:

........................
ตรงนี้นะคะ เลยสังเกตเห็นว่าตามตัวพี่เขามีรอยที่ผมไว้อยู่มากขนาด (รอยที่ผมฝากไว้/รอยที่ผมทำไว้/รอยที่ผมทิ้งไว้ รึเปล่าคะ?)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 15-06-2010 10:34:23
พี่ยุ มายุแยงอะไรพี่กันต์ป่ะเนี่ย....

กำลังหวานๆได้ที่แท้ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-06-2010 14:02:58
คำทิ้งท้ายของพี่กันต์ น่าสงสัยอะ พี่แกไม่แน่ใจอะไรอยู่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 15-06-2010 16:41:47
จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมั้ยนะ งื้อออ
หลานกันอยู่ดีๆแล้วตอนท้ายนั่นพี่กันย์ไม่รู้อะไรคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 15-06-2010 21:35:50
 :z3:

ไม่รู้อะไร อยากรู้อ่ะ

รีบกลับมาหวานกันต่อเถอะนะๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 15-06-2010 23:00:09
กำลังน่ารักกันเลย อย่าเพิ่งมีเรื่องเลยน๊าาา  :m13:

รอที่เหลือนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 15-06-2010 23:08:09
กำลังน่ารัก

อย่าพึ่งเศร้าเลยน้าๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 15-06-2010 23:19:32
สาทุ อย่าให้มีเรื่องผิดใจกันเลยนะ :m16:
 :pig4: :call: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-06-2010 23:40:54
ตามอ่านทันแล้วคะ

เรื่องนี้น่ารักดีคะค่อยเป็นค่อยไป

ถึงจะคบกันไวก็เหอะ แต่อย่างว่าเรื่องแบบนี้รู้ใจตัวเองไวก็ดี

เพราะมันอาจจะสายเกินไป


แล้วก็ดาม่าอย่าพึ่งรีบมาขอยิ้มแก้มบานอีกหน่อยได้ไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [1/2] (14-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 16-06-2010 22:18:23
ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2]

ตอนที่พาพี่กันต์ออกมาจากห้องทำงาน ผมก็ต้องช่วยประคองพี่เขา เพราะสภาพพี่เขาแค่จะลุกขึ้นมานั่งยังแทบจะไม่ไหว ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นพี่เขาทนอยู่ได้ยังไง พอขึ้นรถได้ผมก็จัดการเอนเบาะให้พี่เขานอนลง จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ แล้วสตาร์ทรถ แต่ยังไม่ทันออกรถก็ได้ยินเสียงพี่กันต์เรียกเอาไว้เสียก่อน

“กร กลับคอนโดฯ เลยนะ” พี่กันต์หันหน้ามาพูดกับผมเบาๆ

“ให้กรพาพี่ไปหาหมอก่อนนะครับ” ผมหันไปตอบพี่เขา

“ไม่เอา อยากกลับคอนโดฯ กลับเลยนะ” ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าตอนนี้พี่เขาดูอ้อนๆ แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ หรือเป็นเพราะพี่เขาไม่สบาย

“พี่กันต์ไม่สบายไปหาหมอก่อนนะ พอหาหมอแล้วเราค่อยรีบกลับกันนะ นะครับ” ผมเอื้อมมือไปจับมือพี่กันต์ไว้ แล้วพูดเป็นเชิงขอร้อง

“อืม” พี่กันต์ส่งเสียงตอบกลับมาเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้นพี่หลับไปก่อนนะ ถึงโรงพยาบาลแล้วกรจะปลุก” หลังจากที่ผมพูดจบ พี่เขาก็หลับตาลง ผมเลยปล่อยมือจากพี่เขา จากนั้นก็ออกรถ


ช่วงที่ขับรถผมเองก็คอยหันไปมองคนข้างๆ บ้างเป็นครั้งคราว และก็เห็นว่าพี่เขาเพลียจนหลับไปแล้วจริงๆ ผมบอกตามตรงเลยว่า ตอนแรกที่เข้าไปเห็นพี่กันต์นอนอยู่ในห้องทำงานด้วยสภาพที่อาการแย่ลงแบบนั้น ในใจผมทั้งโกรธทั้งโมโห แล้วก็เป็นห่วงพี่เขา แล้วที่โกรธก็ไม่ใช่ว่าเพราะอะไร แต่โกรธที่พี่เขาฝืนตัวเองจนเป็นมากขนาดนี้ แต่มาถึงตอนนี้ความรู้สึกของผมเหลือแค่เพียงอย่างเดียวคือ ผมเป็นห่วงพี่เขามากๆ



................................................................

หลังจากใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนัก ผมก็พาคนป่วยกลับคอนโดฯ พอขึ้นไปถึงก็พาพี่กันต์เข้าไปนอนในห้องนอน ก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนของพี่เขาออกมาจากในตู้ และนำผ้าขนหนูไปชุบน้ำอุ่น เพื่อเตรียมจะเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่เขา

“กรเช็ดตัวให้นะ พี่จะได้นอนสบายๆ เดี๋ยวเสร็จแล้วกรจะต้มข้าวต้มมาให้” ผมบอกพี่กันต์ก่อนจะช่วยพยุงพี่เขาขึ้นมาเอนหลังพิงหัวเตียงไว้ แล้วเลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของพี่เขา แต่ก็ถูกพี่เขายกมือขึ้นมาคว้าข้อมือของผมไว้ก่อน

“เอ่อ เดี๋ยวทำเอง จะทำข้าวต้มให้ไม่ใช่หรอ ไปทำสิ” พี่กันต์พูดทั้งที่ก้มหน้าไว้

“พี่นั่งเฉยๆ แล้วให้กรเช็ดตัวให้ก่อนนะครับ” ผมบอกพี่เขาก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นไปจับมือของพี่กันต์ที่จับข้อมือของผมไว้ออกแล้ววางลงข้างตัว พี่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไรเพียงแต่นั่งก้มหน้างุดอยู่แบบนั้น แล้วผมก็สังเกตเห็นว่าข้างแก้มกับใบหูของพี่เขาเริ่มแดงขึ้นมา

ผมยกมือขึ้นไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของพี่เขาอีกครั้ง ก่อนจะถอดออกจากตัว พี่เขาก็นั่งนิ่งๆ ให้ผมจัดการกับตัวเขาไป จากตอนแรกที่เห็นผิวแดงๆ เฉพาะที่ใบหน้า ตอนนี้ผิวของพี่เขาเป็นสีแดงไปทั่วทั้งตัวแล้ว จากนั้นผมก็ลงมือเช็ดตัวให้พี่เขา แต่ก็เช็ดให้แค่ส่วนบนนั่นล่ะ ส่วนท่อนล่างคนป่วยเริ่มไม่ยอมแล้ว ผมเองก็ไม่อยากไปแกล้งขัดใจเขาแล้วเลยออกไปต้มข้าวต้มให้พี่เขาแทน




พอต้มข้าวต้มเสร็จแล้วก็ตักใส่ชาม ก่อนจะยกเข้าไปให้คนป่วยในห้อง เปิดประตูเข้าไปเห็นว่านอนหลับไปอีกแล้ว เลยต้องปลุกขึ้นมาให้กินข้าวก่อน จะได้กินยา

“พี่กันต์ตื่นก่อนนะ กินข้าว กินยาแล้วค่อยหลับต่อนะ” ผมพูด ขณะที่นั่งลงข้างตัวพี่เขาแล้ว สอดแขนเขาไปช่วยยกตัวขึ้นมาพิงหัวเตียงไว้
  
“กรป้อนนะ”

“......” พี่กันต์ไม่ตอบแต่พยักหน้าให้แทน ผมเลยหันไปหยิบช้อน แล้วตักข้าวต้มขึ้นมาป้อนพี่เขา




“อิ่มแล้ว” พี่กันต์บอกหลังจากให้ผมป้อนไปได้ไม่กี่คำ

“เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง กินอีกนิดนะ” ผมพูดเพราะอยากให้พี่เขากินอีกสักนิด กินไปแค่นั้นจะให้ไปเอาแรงมาจากที่ไหน

“ไม่เอา กินไม่ไหวแล้ว อิ่ม” พี่กันต์พูดอีกครั้ง

“ครับๆ ถ้าอย่างนั้นกรเอาชามไปเก็บก่อนนะ”

“แล้วกรกินข้าวหรือยัง”

“เดี๋ยวกรก็กินข้าวต้มนี่แหละ ทำเผื่อไว้แล้ว”

“อื้อ”


แล้วผมก็ยกชามออกมาเก็บ ก่อนจะตักข้าวต้มมากินบ้าง หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก็เห็นพี่เขานั่งเอนหลังพิงหัวเตียงอยู่เงียบๆ


“ทำไมยังไม่นอนล่ะครับ”

“......”

“รอกรหรอ”

“อื้อ” พี่กันต์ตอบรับ ผมว่าพี่เขาดูแปลกไปจริงๆ แหละ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นนิสัยปกติของพี่เขาหรือเปล่าเวลาที่ไม่สบาย หรือเป็นเพราะพี่เขามีเรื่องอะไร จากนั้นผมก็เดินมายืนอยู่ข้างเตียงฝั่งที่พี่เขานอน พี่เขาเลยขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอียงหน้ามาซบอยู่ที่ท้องของผม ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาโอบรอบเอวของผมไว้ ผมเองก็ยกแขนขึ้นมาโอบและลูบหลังพี่เขาเบาๆ ไปด้วย


“เป็นอะไรครับคนดี ทำไมอ้อนจัง”

“......” พี่กันต์ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่กอดผมไว้และปล่อยให้ผมลูบหลังไปเรื่อยๆ

“กรเป็นห่วงพี่นะ” ผมก็ได้แต่บอกให้อีกพี่เขารับรู้ว่าผมเป็นห่วงพี่เขา พี่เขาก็พยักหน้าตอบทั้งๆ ที่ยังซบอยู่กับหน้าท้องของผม


“เดี๋ยวกรไปอาบน้ำก่อนแล้วจะรีบออกมานะครับ” ผมบอกพี่เขา หลังจากที่เราใช้เวลาอยู่แบบนั้นมาสักพัก ก่อนที่ผมจะเลื่อนมือสองข้างขึ้นมาจับประคองใบหน้าพี่เขาเอาไว้ แล้วก้มลงไปจูบเบาๆ ที่หน้าผากของพี่เขา จากนั้นก็ผละตัวเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป



ผมใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็ออกมาจากห้องน้ำ พอออกมาพี่เขายังคงนอนพิงหัวเตียงอยู่แบบนั้น ผมก็หยิบเสื้อผ้าออกมาใส่ ก่อนจะเดินไปปิดไฟให้เหลือแต่แสงไฟจากโคมไฟ และกลับมานั่งเอนหลังพิงหัวเตียงอยู่ใกล้ๆ กับพี่เขา พี่เขาก็เอียงหัวมาซบไหล่ของผมไว้ ส่วนผมก็ยกแขนไปโอบไหล่พี่เขาไว้

“พี่กันต์เป็นอะไร บอกกรได้ไหม” ผมถามพี่เขาอีกครั้ง

“ถ้าตอนนี้พี่บอกว่าไม่มีอะไรแล้ว กรจะเชื่อไหม” พี่กันต์ตอบและถามผมกลับมา ทั้งๆ ที่ตัวผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีเรื่องอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นกับพี่เขา แต่ผมก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่พี่เขาบอก

“ถ้าพี่บอกว่าไม่มีอะไรแล้ว กรก็จะเชื่อตามที่พี่บอก” ผมตอบ

“ทำไมถึงเชื่ออะไรง่ายๆ แบบนั้น” พี่กันต์ถามขึ้นมาอีก ระหว่างที่คุยผมก็สังเกตอาการของพี่เขาไปด้วย และรู้สึกได้ว่าอาการของพี่เขาเริ่มทุเลาลงบ้างแล้ว ตัวไม่ได้ร้อนจัดเหมือนช่วงตอนเย็น แต่ก็ยังมีไข้อยู่

“พี่ไม่คิดหรอว่า ที่เรามานั่งอยู่ด้วยกันตอนนี้ได้ ก็เพราะเราทำตามความรู้สึกของตัวเอง เหมือนวันแรกที่เราคบกัน พี่เองเป็นคนบอกกับกรว่า แล้วยังไง ชอบก็คบ ไม่รู้จักแล้วไง คบไปเดี๋ยวก็รู้จักกันเอง จะคิดให้มันยากทำไม ในชีวิตเรายังมีเรื่องให้คิดไม่พอหรือไง พี่เองที่เป็นคนบอกกรแบบนั้น มาวันนี้ถ้ากรเลือกที่จะเชื่อพี่ มันคงไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่า กรเชื่อเพราะกรอยากเชื่อ” ผมตอบออกไปตามที่คิด

“อืม ขอบคุณนะ”

“ครับ”

“ฝันดีนะ” พี่กันต์บอก ก่อนจะเลื่อนตัวลงนอน โดยมีผมช่วยเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวพี่เขาไว้ จากนั้นผมก็เอื้อมมือไปปิดโคมไฟก่อนจะเลื่อนตัวลงมานอนเช่นกัน จากนั้นพี่กันต์ก็เป็นฝ่ายที่ขยับตัวเขามานอนหนุนแขนและกอดผมไว้เอง แล้วค่อยๆ หลับไป ส่วนผมก็ปล่อยความคิดของตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วก็หลับตามพี่เขาไป


...................................................................

ผมคิดว่าบางครั้งคำถามที่เราตั้งขึ้นมาเอง เรายังหาคำตอบให้มันไม่ได้ จนบางครั้งเราก็เลือกที่จะปล่อยให้คำถามนั้นมันผ่านไป และบางครั้งสิ่งที่เราทำ เราก็ทำโดยที่ไม่มีเหตุผล แต่เราก็เลือกที่จะทำ เพราะใจเราอยากที่จะทำ มันก็มีเพียงแค่นั้น

ผมไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเกิดอะไร หรือไม่เกิดอะไร แค่คนๆ นี้บอกให้ผมเชื่อ ผมก็พร้อมที่จะเชื่อ เชื่อโดยไม่มีเหตุผล เชื่อเพราะใจของผมมันบอกให้เชื่อ และผมก็มั่นใจว่า ผมคิดไม่ผิด

----------------------------------------------------------


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-06-2010 22:48:55
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 16-06-2010 22:58:38
การเชื่อใจเป็นสิ่งที่ดีนะ:jul1:
 :a5:
 :pig4: :bye2:
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 16-06-2010 23:00:39
เรียบง่าย แต่ประทับใจ  :impress2:
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-06-2010 23:12:59
อยากรู้ว่าเรื่องอะไร
แต่เบนเชื่อใจ กัน เพราะกันบอกไม่มีอะไร

ฮ่าๆๆ

+1 นะคะ

สู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 17-06-2010 00:35:30
 :a5:

เชื่อในกันและกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Cn-Nt ที่ 17-06-2010 00:37:32
ชอบนะน้องสาว    :3123:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 17-06-2010 00:50:27
อ่านเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกดีจังเลยค่ะ
เค้ารักกันแนบแน่นแล้วด้วยอ้ะ  :-[

ชอบความคิดของกรจังเลยค่ะ
บางทีคนเราก็ทำอะไรเพราะใจอยากจะทำเนอะ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ

พี่กันต์ก็น่ารักจังเลยค่ะ เวลาไม่สบายเนี่ย ^^
อยากให้อ้อนบ่อยๆจังเลย...

ขอบคุณมากนะคะ มีความสุขที่ได้อ่านค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-06-2010 00:56:18
โอ้  มันคือความรักในอุดมคติ  อบอุ่น  เป็นแบบผู้ใหญ่  หวาน  ห่วงใยและเชื่อใจกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-06-2010 01:15:23
หลงรักน้องกรของพี่กันต์เข้าแล้ว
คิดเหมือนกันเลย.....แค่เชื่อ เท่านั้นก็พอแล้วเนอะ :กอด1:

.........................
“เดี๋ยวกรก็กินข้าวต้มนี่แหละ ทำเพื่อไว้แล้ว” (ทำเผื่อ)
ผมก็หยิบใส่เสื้อผ้าออกมาใส่ (ใส่เกินมาค่ะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 17-06-2010 05:49:48
"ผมไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเกิดอะไร หรือไม่เกิดอะไร แค่คนๆ นี้บอกให้ผมเชื่อ ผมก็พร้อมที่จะเชื่อ เชื่อโดยไม่มีเหตุผล เชื่อเพราะใจของผมมันบอกให้เชื่อ และผมก็มั่นใจว่า ผมคิดไม่ผิด"


การยอมให้ปัญหาผ่านไปบ้างก็ดี ลดความหวาดระแวงไม่นำทุกปัญหามาขบคิด ชิวิตก็สุข เลือกคิดเลือกรับรู้แต่สิ่งที่จำเป็น จะสบายใจกว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 17-06-2010 07:44:39
แต่ก็อยากรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าไอ่เรื่องที่ให้กรเชื่ออะมันเรื่องอะไรหว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-06-2010 10:39:51
ชอบคำตอบของกร เรียบง่ายแต่ดูมั่นคงจริงใจดี และหวังว่าสิ่งที่กรตอบคงทำให้พี่กันต์มั่นใจมากขึ้นนะ เอาใจช่วยคู่นี้สุดๆๆ  :a2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 17-06-2010 19:28:22
 o13

จะคอยเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้คู่นี้ต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 17-06-2010 23:02:22
กรคิดดีมากๆๆเลย
คิดอย่างนี้ชีวิตรักจะได้มีความสุข  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 17-06-2010 23:13:47
อืมมม..  น้องกรเชื่อใจพี่กันต์ พี่กันย์ก็อย่าลืมเปิดใจกับน้องกรด้วยนะ
 :กอด1: ทั้งคู่

เป็นกำลังใจให้ค่ะ


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 18-06-2010 18:41:41
ชอบคู่นี้จัง

ค่อยๆ ก่อร่างสร้างรักให้มั่นคงต่อไปนะ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 18-06-2010 19:59:27
เป็นห่วงจังเลยกันต์ไม่สบายแบบเนี้ยให้หายไวๆน่ะ แต่ตอนนี้น่าจะหายไวอยู่หรอกเพราะมียาดีใช่ม่ะ                                                                                                     
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 18-06-2010 21:13:19
อ่านแล้วแอบกังวลใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: TEe RuKk ที่ 19-06-2010 10:31:58
มันคืออะไรอ่ะ ไอ้ทีกรได้ยิน  อยากรู้มั่ง    :m31: :m31:

ขอให้พี่กันหายไวๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-06-2010 19:21:42
ก่อนที่จะไปต่อตอนที่11 ขอเม้นท์ก่อนเถอะ
อยากบอกว่าทำไม่น้องกรพี่กันต์ช่างโชคดีเสียนี่กระไร
มันเหมือเป็นบุพเพสันนิวาสเนาะ  เค้าทำบุญด้วยอะไร ทำแบบไหน
ถึงได้มีเรื่องราวเหตุการณ์ ให้ต้องผูกสานสัมพันธ์กันต่อน่ะ ว่าไปก็แอบอิจฉานิดๆแระ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-06-2010 20:54:38
อยากบอกว่าความสัมพันธ์ของนคู่นี้ เรียบๆเรื่อยๆ แต่ดูจริงใจดี
เหมือนกับเราหยดน้ำลงบนกระถางต้นไม้
โดยค่อยๆหยดเป็นจังหวะช้าๆสม่ำเสมอ
ทำให้ดินในกระถางนั้นนั้นมีความชุ่มฉ่ำพอดีๆ
ต้นไม้ในกระถางจึงดูสดชื่นอยู่ตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 17 คนป่วย [2/2] (16-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 20-06-2010 20:40:56
ตอนที่ 18 แปรปรวน

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว และมองคนที่กำลังทำมื้อเช้าอยู่ในครัวไปด้วย ที่จริงน่าจะเรียกว่ามื้อสายมากกว่า เพราะกว่าที่เราจะตื่นขึ้นมาก็สิบโมงกว่าแล้ว และผมเองก็ไม่ได้ตื่นสายแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นก็ตื่นขึ้นมาแล้วรอบหนึ่งเพราะเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกเอาไว้ พอผมจะลุกออกจากเตียงก็ถูกอีกคนรั้งเอวเอาไว้ได้ก่อน และบอกผมเป็นเชิงบังคับว่าให้หยุดงานพักผ่อนบ้าง หลังจากเมื่อวานผมฝืนไปทำงานจนอาการทรุดหนักกว่าเดิม แล้วขู่สำทับผมอีกว่า ถ้ายังดื้อไม่ยอมหยุดงานวันนี้ จะทำให้ลุกไปทำงานไม่ไหวเอง

แล้วคิดหรอว่าคนอย่างนายกันตภัทรจะกลัว ไม่เลยครับ ไม่กลัว คนอย่างผมไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นคนขี้เกรงใจและรักตัวเองมากพอสมควร เพราะฉะนั้นพักผ่อนอยู่กับบ้านบ้างก็เป็นความคิดที่ดี

หลังจากตกลงกันได้แล้วว่าวันนี้ผมจะหยุดงานหนึ่งวัน เขาก็ยังไม่ยอมให้ผมลุกไปไหน จนผมบอกว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ถึงยอมปล่อย ส่วนเขาก็ลุกขึ้นมานั่งรอผม พอผมกลับมาก็บังคับให้ผมนอนลงอีกครั้ง แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้ จนผมก็ผล็อยหลับไปอีกรอบ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็สิบโมงกว่าแล้ว แต่ครั้งนี้พอผมมองไปข้างตัวก็ไม่เห็นอีกคนแล้ว เลยเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วเดินออกจากห้องนอน



พอผมเดินออกมาจากห้องนอนก็ได้ยินเสียงดังกุกกักแว่วออกมาจากห้องครัวเลยเดินไปดู แล้วก็เห็นแผ่นหลังของคนที่หายออกมากำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเช้า และก็เหมือนว่าเขาเองจะไม่รู้สึกตัวว่าผมเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว และมองเขาอยู่ จนเขาหันมาหยิบจานที่วางอยู่บนโต๊ะกลางห้องครัว ถึงมองเห็นผม เขาก็เลยเดินออกมาหาผม

“ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กรไม่ได้ยินเสียงเลย แล้วยังมีไข้อยู่หรือเปล่า” กรถาม พร้อมกับยกหลังมือขึ้นมาแตะลงบนหน้าผากของผมเพื่อวัดไข้  

“เพิ่งออกมาเมื่อกี้เอง” ผมตอบ

“อืม ตัวไม่ร้อนเท่าเมื่อวานแล้ว”

“อื้อ”

“แล้วพี่หิวหรือยัง” กรถามผมอีก แล้วก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่น่าจะเรียกได้ว่าอ่อนโยนมาที่ผม

“นิดหน่อย” ผมตอบ เพราะเริ่มหิวขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากที่เมื่อวานกินแต่ข้าวต้มทั้งวัน

“รอแป๊บนะครับ ใกล้จะเสร็จแล้ว”

“อื้อ” พอผมตอบออกไปแล้ว กรก็เดินกลับไปในครัวอีกครั้ง ผมก็มองดูเขาไปเรื่อยๆ ตอนช่วงที่เขาหันมาผมก็ส่งยิ้มไปให้บ้าง




แล้วผมก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ หลังจากเมื่อวานรู้สึกว่าหัวมันตื้อๆ มึนๆ คิดอะไรไม่ค่อยออก ตอนช่วงบ่ายของเมื่อวานหลังจากที่กรไปส่งผมที่ออฟฟิศแล้ว ยุมันก็โทรเข้ามาหาผม แล้วบอกว่าจะแวะเอาของมาให้ผมตอนสี่โมง คือน้องสาวของยุไปเที่ยวต่างประเทศ ผมเลยฝากซื้อน้ำหอมกลับมาด้วย พอน้องสาวมันกลับมาแล้ว มันก็เลยเอาของมาให้ผม

ตอนที่มันมาถึงก็นั่งคุยกันตามปกติ แต่ระหว่างนั้นมันก็ดันไปสังเกตเห็นรอยแดงๆ ที่ต้นคอผม  เมื่อช่วงสายๆ ที่ผมแต่งตัวก็เห็นอยู่เหมือนกัน จนอดนึกที่จะเคืองคนทำอยู่เล็กๆ ไม่ได้ที่มาทิ้งรอยไว้บนตัวผมมากมายขนาดนี้ แต่คิดว่าใส่เสื้อมีปกคงช่วยปิดไปได้บ้าง ถึงอย่างนั้นยุมันก็ยังมาเห็นเข้าอยู่ดี มันก็เลยถามผมว่าไปเจอแม่เสือสาวที่ไหนทำมาแบบนี้ คือสำหรับพวกผมการคุยถึงเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติ ก็ตามประสาผู้ชาย เพียงแต่ครั้งนี้มันต่างไปจากเดิม และมันต่างออกไปจนผมเองไม่รู้ว่าจะตอบมันไปยังไง

แล้วผมก็เงียบจนยุมันถามเหมือนแซวขึ้นมามากกว่าว่า “หรือคนทำจะไม่ใช่ผู้หญิง” แล้วก็เริ่มนั่งจ้องหน้าผม ผมเลยย้อนถามมันไปว่า “แล้วถ้าผมตอบว่ามันไม่ใช่ล่ะ มันจะว่ายังไง” มันเองก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา เพียงแต่บอกกับผมว่า


“กูไม่สนหรอกนะ ว่ามึงจะคบกับใคร แล้วกูก็รู้ว่า ไม่ว่ากูหรือใครจะคิดกับเรื่องนี้ยังไง มึงก็คงทำตามใจตัวเองอยู่ดี แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของมึงคนเดียว มึงยังมีคนอีกเยอะแยะที่เขาอยู่รอบตัวมึง กูแค่อยากให้มึงคิดดูดีๆ ว่ามึงทำตามใจ ตามความรู้สึกตัวเองมากไปหรือเปล่า กูไม่ได้จะห้าม แต่กูอยากให้มึงคิดดีๆ ว่ามึงมั่นใจหรือเปล่าที่จะเลือกแบบนี้”



ในตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงตอบออกไปว่า ผมไม่รู้ ทั้งๆ ที่ตัวผมเองก็ตัดสินใจลงไปแล้ว พอมาถึงเย็นวานนี้ผมก็รู้สึกตัวนะว่าแสดงอาการหรือทำตัวแปลกไปจนอีกคนรู้สึกได้ จนเขาเป็นห่วงผมและบอกให้ผมรับรู้ว่าเขาเป็นห่วงผมจริงๆ แล้วด้วยคำพูดและการกระทำที่เขาแสดงออกหลายๆ ต่อหลายครั้งว่าเขาเป็นห่วงผมมากแค่ไหน มันก็ยิ่งทำให้ผมย้อนถามตัวเองว่า ทำไมผมถึงตอบคำถามของยุไม่ได้

แต่เมื่อผมได้ยินเขาคนนั้นบอกกับผมว่า เขาเชื่อในตัวผม และเชื่อโดยไม่มีเหตุผล เขาเชื่อเพราะอยากจะเชื่อ มันก็ทำให้ผมย้อนถามตัวเองว่า แล้วผมล่ะผมเชื่อในการตัดสินใจของตัวเองมากพอหรือยัง และเชื่อในตัวของอีกคนมากเท่ากับที่เขาเชื่อในตัวผมหรือเปล่า มันเป็นคำถามที่สำคัญกับผมมากกว่าคำถามของเพื่อนผมเสียอีก


และมาถึงตอนนี้ผมคงตอบได้แล้วเช่นกันว่าผมเชื่อ และมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือก

รวมถึงเชื่อในตัวของอีกคนเหมือนที่เขาเชื่อผม


ส่วนเรื่องคนรอบข้างผม ผมคงจะจัดการให้ทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อถึงเวลาของมัน



“นั่งคิดอะไรอยู่ครับ ยังคิดเรื่องเมื่อวานอยู่หรือเปล่า” กรถาม เมื่อเขายกจานใบใหญ่สองใบที่มีแซนวิช ไข่ดาว ไส้กรอก แล้วก็ผักสลัดอีกนิดหน่อยมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดนมออกมา เทนมใส่แก้วสองใบ แล้วถือแก้วนมกลับมาวางลงตรงหน้าผมและตรงที่ของเขา

“นิดหน่อย แต่มันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ” ผมตอบกร แล้วก็มองหน้าเขาระหว่างที่ตอบเพี่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง

“ครับ” เขาตอบรับ

“แล้วโกรธหรือเปล่าที่พี่ไม่ยอมบอกอะไรกร” ผมถามเพราะไม่แน่ใจว่าจะทำให้อีกคนคิดมากหรือเปล่าที่ผมไม่ยอมเล่าอะไรให้เขาฟัง ที่ผมไม่เล่าเพราะคิดว่าในเมื่อผมตัดสินใจดีแล้ว ก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปให้อีกคนคิดมากด้วย

“ไม่โกรธหรอก ถึงกรจะไม่รู้ว่าพี่คิดมากเรื่องอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องของเรา มันคงมีอะไรให้คิดอีกเยอะ แต่กรเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้นะครับ” พอฟังคำตอบของกรจบแล้ว ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมโต๊ะไปอีกฝั่ง เพื่อไปยืนข้างหลังเขา โดยมีเขาคอยมองตาม แล้วผมก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไปโอบรอบคอของเขาไว้ แล้วก้มลงไปหอมเบาๆ ที่ขมับด้านขวา

“ขอบคุณนะ” ผมกระซิบบอกกร ส่วนเขาก็ยกมือขึ้นแล้วอ้อมมาข้างหลังเพื่อรั้งท้ายทอยของผมลงไป ให้ใบหน้าของเราอยู่ข้างกัน ก่อนที่จะหอมแก้มผมคืน เออ... ผมว่าเราจะหวานกันเกินไปหรือเปล่า สงสัยจะเป็นเพราะผมยังป่วยอยู่ล่ะมั้ง

“แต่กรจะโกรธพี่นะ ถ้าพี่กินมื้อเช้าที่กรทำให้ไม่หมด กินเสร็จแล้วจะได้กินยานะครับคนป่วย”

“อื้อ” พอผมรับคำแล้ว ผมก็ปล่อยแขนที่โอบรอบคอเขาออกและเดินกลับมานั่งที่ของผม จากนั้นก็ลงมือกินมื้อเช้าฝีมือของคนตรงหน้า




กว่ามื้อเช้าจะผ่านไปก็เกือบสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว หลังจากนั้นผมก็ถูกจอมเผด็จการบังคับให้มานั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนเจ้าตัวก็เอางานของเขามานั่งทำอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง ผมว่าอาการของผมตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้วนะ ไข้หรืออาการปวดหัวอย่างเมื่อวานก็น้อยลงไปบ้างแล้ว เลยคิดว่าจะเอางานมานั่งดูเสียหน่อย ช่วงนี้งานมันเร่งจริงๆ จะว่าผมบ้างานก็ได้ แต่ชีวิตผมมันก็มีเรื่องสำคัญอยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องงาน เรื่องครอบครัว แล้วที่เพิ่มเข้ามาตอนนี้ก็คงเป็นคนที่กำลังนั่งหันหลังให้ผมอยู่

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจะไปหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานมาดู แต่ก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน สุดท้ายก็ต้องกลับมานั่งที่เดิม จะอะไรของเขานะ แค่เอกสารไม่กี่แผ่นมันคงไม่ทำให้ผมไข้ขึ้นได้เหมือนเมื่อวานหรอกน่า แล้วอะไรนิดอะไรหน่อยก็เอาเรื่องนั้นมาขู่ มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้บ้าเอ้ย!! ก็ได้แต่คิดในใจนั่นแหละ เพราะอีกคนเล่นส่งสายตาแบบว่า เอ่อ!! อย่าไปสนใจเลยดีกว่า ผมยังไม่อยากหาเรื่องเจ็บตัวตอนนี้  


“คิดอะไรอยู่ แล้วทำไมมองกรแบบนั้นล่ะ” กรหันมาพูดกับผม เหมือนเขาจะรู้สึกได้ล่ะมั้งว่าผมมองอยู่

“มองแบบไหน” ทันทีที่ตอบออกไปผมก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองมันฟังแล้วห้วนมากๆ

“เหมือนโกรธอะไรกร” เขาก็ยังคงพูดเสียงอ่อนกับผม มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองมันแปรปรวนมากขนาดไหน จะว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็ได้ แต่มันก็บอกไม่ถูกนะครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ จะว่าไปคงเพราะโดนขัดใจนี่แหละ

“เปล่า” ผมตอบ แต่ก็ยังคิดอยู่ในใจว่ามันไม่รู้ตัวหรือไง

“หรอออออ...” แล้วจะต้องลากเสียงขนาดนั้นทำไม

“เปล่าโว้ย” เอาแล้วสิผม เริ่มโวยวายแล้ว เหมือนจะรู้ตัวมันก็ไม่เชิง แต่มันโวยไปแล้ว

“เอ้า... โวยวายซะแล้ว เป็นอะไรครับคนดี มานี่มา” แล้วคนพูดก็ลุกจากพื้นขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ กับผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาโอบไหล่แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด จะมากอดทำไม ไม่ใช้เด็กเล็กๆ ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ไม่รู้ทำไมผมดันเอนหัวลงไปซบกับไหล่เขา ไม่เขาใจตัวเองเลยให้ตายสิ อื้อ... จะว่าไปก็สบายดีแฮะ

“ว่ายังไงครับ เป็นอะไร มีไข้อีกหรือเปล่า ไหนมาให้กรวัดไข้หน่อยสิ” พอพูดจบกรก็หันหน้าแล้วก้มเอาหน้าผากของเขามาแนบกับหน้าผากของผม

“นั่นไง ยังมีไข้อยู่เลย มีใครบอกหรือเปล่าว่าเวลาพี่ไม่สบายอ่ะ ทั้งดื้อทั้งขี้อ้อนเลย หึหึ” คนพูดๆ แล้วก็อมยิ้มไปด้วย น่าหมั่นไส้ชะมัด ขอเตะสักทีจะได้ไหม ว่าแล้วผมก็พยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ก็โดนอีกคนรั้งตัวเอาไว้

“ไม่เอาน่ากรไม่ได้ว่าอะไรพี่สักหน่อย แล้วพี่ง่วงหรือเปล่า นอนต่อไหม เดี๋ยวตอนบ่ายๆ กรจะทำกับข้าวให้ พี่อยากกินอะไร”
 
“สปาเก็ตตี้” ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะถูกอีกคนดันตัวให้ลงนอน เฮ้อ!! เอาวะนอนก็นอน



แล้ววันทั้งวันของผมก็หมดไปกับการกินและนอนตามที่อีกคนอยากให้เป็น  




............................................................................


หลังจากที่เมื่อวานถูกบังคับให้นอนพักอยู่หนึ่งวันเต็มๆ วันนี้ก็ได้ฤกษ์กลับมาเคลียร์งานที่ค้างเอาไว้ให้เสร็จ แต่ก็ยังโดนคุมเรื่องเวลาอยู่ เพราะเลิกงานแล้วกรจะเป็นคนมารับผม เมื่อเช้าก็แวะมาส่งก่อนที่เจ้าตัวจะเลยไปมหาวิทยาลัย เขาบอกว่าขอให้ผมหายสนิทก่อน ต่อจากนั้นจะทำงานดึกเหมือนเดิมก็ไม่ว่า ซึ่งมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับเขา คือผมคิดว่ายังไงเสียถึงจะบอกว่า คบกัน เป็นแฟนกัน เรื่องเป็นห่วงกันมันถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่การที่เราเคารพ มีช่องว่างระหว่างกันบ้าง ไม่ก้าวก่ายเรื่องบางเรื่องกันจนมากเกินไป มันก็ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องของพฤติกรรมหรืออารมณ์แปลกๆ ที่ผมเป็นในช่วงสองวันที่ผ่านมาก็ปล่อยมันผ่านไปแล้วกันนะครับ

------------------------------------------------------------------



หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-06-2010 20:51:32
ดูแลกันดีจริงๆ
อิจฉามากคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 20-06-2010 21:21:31
5555 จะปล่อยไปได้ไงทำตัวน่าหยิกขนาดนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 20-06-2010 21:36:22
พี่กันต์มุมนี้ก็น่ารักดีอ่ะ อ้อนๆๆ ดื้อๆๆ แต่กรยังไงก็รับมือไหวอยู่แล้ว...น่ารักจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 20-06-2010 21:49:25
โอ๊ยยยยย

เบาหวานจะแตก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-06-2010 21:56:40
คริคริ ดูแลกันดีมากมาย น้องกรน่ารัก พี่กันต์ก็อ๊อนนนนนอ้อน :m1:
อยากมีความรักแบบนี้ แต่ว่าไม่ต้องหวานเท่านี้นะคะ กลัวเขินตาย กร้ากกกกกกกกส์

.........ที่ผิดค่ะคุณกวาง
สงสัยผมจะเป็นเพราะผมยังป่วยอยู่ล่ะมั้ง (คงจะเป็นเพราะ//ผมจะเป็นอย่างนี้เพราะผม//สงสัยจะเป็นเพราะ)
เอางานของเขามานั่งทำอยู่หน้าอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง (อยู่หน้าหรืออยู่ที่ หรือ อยู่ที่หน้า?)
แล้วพี่เพิ่มเข้ามา (แล้วที่เพิ่ม)
น่าหมันไส้ชะมัด (หมั่นไส้)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-06-2010 22:10:45
เอกันต์เป็นไรน้า ทำไมถึงอารมณ์แปรปรวน รึว่าเมนส์จะมา คริ คริ อ่ะล้อเล่ง
อืมมมม...น้องกรนี่ดูแลเอาใจใส่พี่กันต์ดีจริงๆ
เอ่อ..แต่ว่าพี่กันต์ตอนป่วยนี่ดูเหมือนเด็กๆเลย อ้อนๆ แต่ก็น่ารัก จริงป่ะน้องกร
จารอตอนต่อไปนะคะไรเตอร์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 20-06-2010 22:17:08
ขอคนดูเเลแบบน้องกรมั่งๆๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-06-2010 22:19:48
น้องกรน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 20-06-2010 22:20:55
พี่กันต์ดื้อแต่ก็น่ารักจังเลย น้องกรก็อ่อนโยนจริง  :m1:
อ่านแล้วก็รู้สึกว่า คู่นี้เค้าเริ่มต้นกันดีเนอะ ไม่หวือหวาแต่น่ารักมากกกกก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 20-06-2010 23:02:46
 :impress2:

พี่กันต์น่ารักอ่ะตอนนี้ สงสัยจะมีคนอยากให้ป่วยบ่อยๆ อิอิ

แล้วก็อิจฉาพี่กันต์ด้วย มีคนดูแลดีมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 20-06-2010 23:24:14
"มีใครบอกหรือเปล่าว่าเวลาพี่ไม่สบายอ่ะ ทั้งดื้อทั้งขี้อ้อนเลย" น่ารักมากเลยคุณกันต์ น้องกรก้อชั่งเอาอกเอาใจเก่งจังเลยนิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-06-2010 23:37:40
 :-[ หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 20-06-2010 23:39:55
หวานมากค่ะ :-[ :กอด1:
 :pig4: :L1: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 20-06-2010 23:54:04
ชักจะเริ่มสงสารกรแล้วสิ ที่ต้องรับมือคนอารมย์เสียเพราะโดนขัดใจ  คนมั่นใจในตัวเองสูงและโสดก็งี้แหละ เพลาๆลงบ้างเดี๋ยวดีเอง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 21-06-2010 02:24:30
สงสัยอาจเพราะกำลังป่วยหรือเปล่าหนอ?
(เวลาเราป่วยก็หงุดหงิดง่าย แถมชอบให้คนมาเอาใจอีกตะหาก << ง่ายๆคือเรียกร้องความสนใจเป็นพิเศษอะค่ะ 5555)

ดูๆไปพี่กันต์นี่ลึกๆแล้วคงแอบเอาแต่ใจอยู่นะคะเนี่ย ^^
น้องกรก็อย่าเพิ่งเบื่อน๊าา...
สิ่งที่ดีที่สุดคือความเข้าใจ ยังไงก็ค่อยๆปรับตัวเข้าหากันนะคะ
+1 เป็นกำลังใจนะคะ มาบ่อยๆน๊า ชอบมากๆเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-06-2010 02:28:14
เหมือนจะดื้อมากกว่าอ้อนนะ
นายกรใจเย็นมากเลย
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-06-2010 12:32:03
พี่กันต์ต้องเชื่อในตัวกรนะ แล้วก็เชื่อในตัวเองด้วยเนอะ รักกันๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-06-2010 14:47:20
เข้ามาตามอ่าน พอทันแล้ว ก็เลยเมมให้ +1 เป็นกำลังใจให้ครับ
ค่อย ๆ เติม ค่อย ๆ เรียนรู้ กันไป อีกหน่อยก็รู้เขารู้เราเองแหละครับ
คู่นี้ไม่หวือหวา ค่อยเป็นค่อยไป อ่านสบาย ๆ ครับ  :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 21-06-2010 19:48:30
พี่กันต์โหมดนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ

น่ารัก น่าหยิกมากๆ เลย

ส่วนน้องกรก็เป็นคนใจเย็นดีจัง


 :กอด1:



หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 21-06-2010 21:28:33
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด:1: ชอบจัง น่ารักทั้งคู่เลย แล้วก็ไม่เลี่ยนจนเกินไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 22-06-2010 12:17:44
ชอบกรกับกันต์จังเลย :กอด1:
กรดูแลเอาใจใส่กันต์ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 18 แปรปรวน [Page 9] (20-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 22-06-2010 23:39:20
ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2]

เช้าวันนี้ผมมีเรียนตอนเช้าเลยได้โอกาสแวะส่งพี่กันต์ที่ออฟฟิศ ก่อนจะเลยไปมหาวิทยาลัย ผมขอเขาแค่วันนี้ที่ผมจะไปรับไปส่ง เพราะอยากให้เขาหายดีเสียก่อน เวลาที่ผมมารับมาส่งแบบนี้มันก็เหมือนการบังคับทางอ้อมให้เขากลับบ้านพักผ่อนตามเวลา ไม่ใช่ทำงานจนหามรุ่งหามค่ำแล้วป่วยขึ้นมาอีก และที่ต้องทำแบบนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามีสิทธิ์ที่จะโกรธหรือไม่พอใจขึ้นมาก็ได้ นั่นก็เพราะผมเป็นห่วงเขา ซึ่งมันเป็นเหตุผลง่ายๆ ข้อเดียวที่ผมคิดขึ้นมาได้ แล้วเราก็เจอกันคนละครึ่งทาง ถ้าเขาหายดี แข็งแรงเหมือนเดิมเมื่อไหร่ จะกลับทำงานหนักเท่าไหร่ผมคงไปห้ามอะไรไม่ได้อีก

ช่วงที่พี่เขาไม่สบายผมเองก็อยากดูแลเขาเท่าที่จะทำได้ ส่วนคนป่วยเองให้ความร่วมมือกับผมบ้าง ไม่ให้บ้าง ดื้อบ้าง อ้อนบ้าง หลายอารมณ์จริงๆ กับคนป่วยคนนี้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้จักกับตัวตนของเขามากขึ้น แล้วนิสัยหนึ่งที่ผมได้รู้จักดีเลยก็คงเป็นเรื่องเอาแต่ใจของเขานี่ล่ะ    



...........................................................................


หลังจากเลิกเรียนในช่วงเช้าแล้ว ผมกับเพื่อนก็ออกไปกินข้าวกลางวันกันข้างมหาวิทยาลัย ช่วงที่ออกมาจากร้านไปเจอกับพวกรุ่นน้องที่สนิทกันที่เดินออกมาจากร้านข้างๆ มันเลยมาชวนพวกผมไปเล่นบาสฯ ที่โรงยิมกันตอนบ่าย ซึ่งผมเองก็พอมีเวลาว่างอยู่เลยตกลงไปเล่นกับพวกมัน  ไหนๆ ก็ไม่ได้มาเล่นนานแล้ว วันนี้ขอออกกำลังยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย


แล้วผมก็ออกจากโรงยิมมาตอนสี่โมงเย็น จากนั้นก็แวะไปอาบน้ำจัดการตัวเองเรียบร้อยที่ห้องของติ๊ดมัน จะออกไปรับพี่กันต์เลยก็ไม่ไหว เหงื่อท่วมเสียขนาดนี้  ส่วนหอที่ติ๊ดมันอยู่ก็อยู่ข้างมหาวิทยาลัยนี่เอง มันมาอยู่หอเพราะบ้านมันอยู่ไกลพอสมควร มันขี้เกียจขับรถไปกลับ จะว่าไปห้องมันก็แทบจะเหมือนห้องของพวกผมไปด้วยอยู่แล้ว บางทีเลิกเรียน รอเรียนต่อ หรือว่างๆ ก็มาสุมหัวกันอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นมาแบบนี้ตั้งแต่พวกผมเรียนปีหนึ่งแล้ว



ผมขับรถจากห้องของติ๊ดมาถึงออฟฟิศพี่กันต์ก็พอดีกับเวลาเลิกงาน ผมจอดรถรออยู่ข้างนอกแล้วส่งข้อความไปบอกพี่เขาว่ามาถึงแล้ว หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีเขาก็เดินออกมาขึ้นรถ

“วันนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน” พี่กันต์พูดขึ้นมาทันทีที่เข้ามานั่งในรถ

“ครับ แล้วพี่อยากกินอะไร” ผมตอบ แล้วถามเขากลับ พร้อมกับขับรถออกมาจากหน้าออฟฟิศ

“กรชอบกินอาหารญี่ปุ่นหรือเปล่า”

“ก็ชอบนะ กรแค่ไม่ชอบอาหารที่รสจัด หรือใส่เครื่องเทศเยอะๆ” ผมตอบ

“อืม งั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน”


แล้วเราก็พากันไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านในห้างฯ ใกล้ๆ กับคอนโดฯ และช่วงนี้เป็นช่วงที่ทางห้างฯ กำลังจัดมิดไนท์เซลอยู่พอดี หลังจากกินข้าวแล้ว เราเลยถือโอกาสเดินซื้อของกันอีกนิดหน่อย  แล้วผมก็ได้รู้เพิ่มมาอีกอย่างว่าเวลาแฟนผมช็อปปิ้ง น่ากลัวขนาดไหน แต่เจ้าตัวเขาบอกว่ายังไงก็เป็นของที่เขาต้องใช้ อย่างพวกเสื้อเชิ้ต กางเกงสำหรับใส่ทำงาน แล้วซื้อช่วงนี้มันถูกกว่าปกติตั้งเยอะ ผมก็ได้แต่เออๆ ออๆ ตามเขาไป

ส่วนผมเองได้ติดมือมาบ้างแต่ไม่เยอะเท่ากับของเขา และก็ได้เสื้อที่เขาซื้อให้ผมตัวหนึ่งเป็นเสื้อโปโลสีฟ้าเข้มออกเทา สกรีนลายกราฟฟิคตรงช่วงบ่าด้านหลัง เป็นของแบรนด์ที่มีสัญลักษณ์เป็นกระต่าย ผมเองก็ซื้อกลับไปให้เขาตัวหนึ่งเหมือนกันแต่เป็นสีดำ มีลายสกรีนเป็นรูปปีกนกเล็กๆ อยู่ต่ำกว่าปกด้านหลังลงมา เดินซื้อของกันไปซื้อของกันมา ยกนาฬิกาขึ้นมาดูอีกที ก็บอกเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เลยชวนกันกลับคอนโดฯ  



………………………………………………………


“พรุ่งนี้พี่จะกลับไปนอนที่บ้านนะ” คนที่กำลังนั่งดูหนังอยู่ข้างๆ ผมหันมาบอก ตอนที่เรากำลังนั่งดูหนังซี่รี่ที่ดูค้างเอาไว้ ผมเองก็ดูจนเริ่มติดไปด้วยอีกคน

“ครับ แล้วพี่จะกลับมาวันไหน” ผมถามบ้าง

“วันอาทิตย์ช่วงเย็น แล้วกรจะเข้ามาหรือเปล่า”

“แล้วอยากให้กรมาหรือเปล่าล่ะ” ผมถามกลับ แล้วก็เห็นคนทำคิ้วขมวดชนกันขึ้นมาจนได้ ก็รู้นะว่าเขาจะต้องแสดงอาการแบบนี้ แต่ก็นั่นล่ะ มันยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งอยากแหย่เขา

“กลับมาถึงแล้วจะโทรบอกแล้วกัน ถ้าอยากเข้ามาก็มา” นั่นแหละครับ คำตอบของพี่กันต์

“โห จะบอกว่าอยากสักนิดก็ไม่มี” ผมทำเสียงประท้วงอย่างไม่จริงจังนัก

“ก็จะโทรบอกแล้วนี่ไง” ยั่วขึ้นดีจริงๆ เลยแฟนผม เฮอๆ

“คร้าบๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาถึงแล้ว กรจะเข้ามาแล้วกัน” ผมเองก็เริ่มรู้ลิมิตอยู่แล้วว่าเล่นได้แค่ไหน ถ้ามากกว่านี้อีกนิดเขาจะเริ่มโกรธจริงๆ แล้ว ผมต้องรีบหยุดก่อน จะว่าเขาเป็นโกรธง่ายหรือยั่วให้โมโหได้ง่าย มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว แต่เขาเป็นคนที่ชอบอะไรตรงๆ แล้วก็เป็นคนมีเหตุผลกับทุกอย่างมากกว่า พอเจอใครยียวนใส่เลยออกอาการ แบบว่าคนเขามีสาระตลอดเวลา ไม่เป็นไรอยู่กับผมเดี๋ยวเขาจะยิ้มจะเล่นได้มากขึ้นเอง ผมว่านะ

“อืม” ตอบสั้นๆ ง่ายๆ แบบนี้ล่ะเขา

เราก็นั่งดูหนังกันไปเรื่อยๆ จนเที่ยงคืนกว่า จากนั้นก็พากันเข้านอน พอลงนอนผมก็คว้าตัวอีกคนเข้ามากอดไว้ เขาเองก็กอดผมตอบ ก่อนที่เราจะนอนหลับยาวกันไปถึงเช้า



.....................................................................


หลังจากกินมื้อเช้าที่พี่กันต์เป็นคนลงมือทำแล้ว เราก็ออกจากห้องและลงลิฟท์มาด้วยกัน แต่ผมจอดรถไว้ที่ชั้นสูงกว่าของพี่กันต์ขึ้นมาสองชั้นเลยออกจากลิฟท์มาก่อน แต่ก่อนที่ผมจะเปิดประตูก้าวขึ้นรถ เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมาก่อน พอหยิบโทรศัพท์ก็เห็นที่หน้าจอว่าเป็นแม่ของผมที่โทรเข้ามา เลยยืนคุยอยู่เกือบๆ ห้านาทีก่อนจะขับรถออกมา


แล้วช่วงจังหวะที่ผมขับรถผ่านมาถึงชั้นที่พี่กันต์จอดรถเอาไว้ ผมกลับเห็นเขากำลังเดินกลับเข้าไปในคอนโดฯ แต่เขาไม่ได้กลับเข้าไปคนเดียว แขนข้างหนึ่งของเขาถูกคล้องไว้ด้วยแขนของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำ เธอสวยนะครับ สวยมาก สวยและดูมีเสน่ห์ อย่างที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าคงทำให้ใครหลายๆ คนที่เห็นมองตามเธอได้ไม่ยากนัก


หลังจากนั้นผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกหรือคิดอะไรยังไงกับภาพที่เห็น จะเรียกว่ายังไง มันเหมือนว่าผมกำลังเบลอ  ความคิดในหัวตีกันยุ่งไปหมด ผมรู้สึกตัวอีกทีก็หยุดรถ และมองดูเขาเดินหายเข้าไปในคอนโดฯ ด้วยกัน  


“ภาพที่ผมเห็นมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ผมพยายามบอกตัวเองว่ามันคงไม่มีอะไร  
 

“แต่ภาพเมื่อกี้ มองแล้วเหมือนคู่รักที่น่าอิจฉามากกว่า” แล้วมันก็มีความคิดอื่นผุดขึ้นมาด้วยเช่นกัน


“พี่กำลังปิดบังอะไรผมอยู่หรือเปล่า”


“ไม่หรอก ผมอาจจะคิดมากไปเอง”


ผมใช้ความคิดอยู่แบบนั้น ในขณะที่ร่างกายมันเหมือนว่าจะไร้เรี่ยวแรงไปเสียเฉยๆ แล้วก็เหมือนว่าร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของผมมันก็ยังไปเร็วกว่าความคิดของผมในตอนนี้ ผมเลื่อนรถมาจอดเข้าที่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนเบาะข้างๆ ขึ้นมาแล้วกดโทรหาคนที่เพิ่งลับตาผมเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว


>>ตื๊ดดด... ตื๊ดดด... ตื๊ดดด...<<

ครั้งแรกที่ผมโทรเข้าไปไม่มีคนรับสาย แต่ผมก็อยากที่จะโทรอีกครั้ง และครั้งนี้เขารับสายของผม


“ครับ” เสียงจากปลายสาย ทำให้ผมค่อยๆ กลืนก้อนอะไรสักอย่างที่มันจุกอยู่ที่คอลงไปก่อนจะตอบเขา

“พี่... อยู่ที่ไหน” ผมถามออกไป โดยพยายามทำเสียงให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้

“กำลังกลับบ้าน” เขาตอบผม กำลังกลับบ้านอย่างนั้นหรอ แล้วที่ผมเห็นเมื่อกี้มันคืออะไร แบบนี้เขาเรียกกันว่า โกหกใช่ไหม

“เอ่อ กรแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพี่โทรหา”  

“ตื้ดๆ ๆ ๆ” แล้วเขาก็วางสายไปโดยที่ผมยังไม่ทันพูดอะไรออกไป


ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก ผมควรจะขับรถออกไปจากที่นี่ หรือเดินลงจากรถ กลับเข้าไปหาเขาแล้วถามว่า เรื่องทั้งหมดที่ผมเห็น ที่ผมได้ยินมันคืออะไร หรือสุดท้ายแล้วผมควรจะนั่งรออยู่แบบนี้ ผมควรจะเลือกทำแบบไหน




ผมเลือกที่จะทำตามตัวเลือกสุดท้ายก่อน ผมปล่อยตัวเองให้นั่งรออยู่แบบนั้นนานเท่าไรก็ไม่รู้ แล้วผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้น เดินออกมา ทันทีที่ผมเห็นผมเลือกที่จะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น จนผมแน่ใจว่าเธอจะหายไปจากสายตาของผมแล้ว ผมถึงเลื่อนสายตาของตัวเองกลับไปมองที่ประตูทางเข้าอีกครั้ง และก็ไม่มีวี่แววว่าคนที่ผมกำลังอยากได้คำอธิบายจากเขาจะตามออกมา

แล้วผมก็เลือกที่จะทำตามตัวเลือกที่สองเป็นลำดับต่อไป ผมลงจากรถ เดินกลับเข้าไปข้างใน กดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุด ทำไมผมถึงรู้สึกว่าระยะเวลาที่ผมใช้ในการกลับมายืนอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่สีน้ำตาลเข้มนี้ มันถึงสั้นกว่าปกติ มันสั้นจนผมคิดว่าผมยังมีเวลาเตรียมใจรับกับสิ่งใดก็ตามที่ผมจะได้เจอไม่เพียงพอ

ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปกดกริ่งที่อยู่ข้างประตู และยืนรออยู่แบบนั้น เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีของผมในตอนนี้มันมีแต่ความสับสน ภาพทุกภาพ ถ้อยคำทุกๆ ถ้อยคำที่อีกคนเคยพูดกับผม มันกำลังวนเวียนกันอยู่แบบนั้น

และคำสุดท้ายที่ก้องอยู่ในหัวของผมคือ


“กรจะเชื่อไหม”


…………………………………………………





>>แกร้ก<<

เสียงลูกบิดประตูตรงหน้าผมถูกดึงให้เปิดออก ก่อนที่เสียงของคนที่อยู่ตรงหน้าผมจะถูกส่งออกมา

“กร” เสียงของคนตรงหน้าเรียกชื่อผม


“.......” ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปได้ แต่ผมรู้สึกตัวได้ว่ากำลังก้าวถอยหลังจากคนที่ยืนตรงหน้าผมออกมาทีละก้าวอย่างช้าๆ คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ มีผ้าขนหนูสีขาวปิดบังท่อนล่างของตัวเองไว้อย่างหมิ่นเหม่ เพียงเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ที่ผมเห็น


“กร เดี๋ยว...”
  
……………………………………………………….
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 22-06-2010 23:56:21
:sad4: ไม่น๊าาาา ~
ขอให้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเถอะ...
แต่ทำไมพี่กันต์ต้องโกหกด้วยง่าาา...น้องกรยิ่งมีปมในใจอยู่ด้วย
ยังไงรีบๆเคลียร์กันนะคะ โฮวว มาต่อเร็วๆนะคะ ทิ้งไว้อย่างนี้มันปวดใจอ่าา :o12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 23-06-2010 00:16:21
ทำไมพี่กันต์เป็นคนแบบนี้ไปได้ 
ไม่รู้ตั้งใจจะโกหกตั้งแต่ตอนแรกรึเปล่า
พาแฟนเก่ามานอน แล้วโกหกกรว่ากลับบ้าน
กรหน้าสงสารมากนะ  ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้อีกแล้ว
เจ็บอีกแล้วซิกร  แบบนี้จะกลัวความรักมากขึ้นไปอีก...
คนโกหก เชื่อใจไม่ได้อีกแล้วเกลียดพี่กันต์ เกลียดคนโกหก:fire:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 23-06-2010 00:45:00
เม้นท์ตอนล่าสุดก่อนละกัน
หวังว่าจะไม่มีอะไรนะ  ดูแล้วกันไม่น่าเป็นคนเสแสร้งหรือโกหกนะ
กรก็ใจเย็นๆก่อนละกัน พี่แกอาจจะกำลังไปอาบน้ำก็ได้นะ


ตอน17-18 ชอบมากกกกกกกก 
อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความใส่ใจของคนที่รักกัน :-[
ชอบกร ดูมีวุฒิภาวะและความคิดด้านความรักมากกว่าวัย


 :L2: ให้กำลังใจไร้ท์เตอร์ รอครึ่งหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 23-06-2010 00:52:59
เหมือนจะไม่มีเหตุผลน่าเชื่อ คำอธิบายก็ไม่น่าฟังเพราะคุณอาบน้ำอีกรอบนี่แหละ เฮ้อโกหก :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 23-06-2010 00:55:04
มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ

เพราะพี่กันต์ไม่น่าเป็นคนอย่างนี้น่ะ  -.-
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-06-2010 01:47:25
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-06-2010 09:01:59
คุยกันเท่านั้นจะช่วยได้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 23-06-2010 09:11:01
น้องกรคงอึนไปพักนึงเลยอ่ะ...

ต้องรอฟังเหตุผลของพี่กันต์ก่อนว่าคืออะไร..แต่จะทำให้กรเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนนั้นก็ต้องดูต่อไปเพราะอะไรหลายๆอย่างมันประจวบเหมาะพอดี ตั้งแต่ บอกว่าจะกลับบ้าน มาเจอตอนผู้หญิงคล้องแขนขึ้นคอนโด โทรไปก็โกหก และยังไปเห็นในสภาพนั้นอีก...อืม....จะทำให้เชื่อว่าทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริงคงยากทีเดียว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 23-06-2010 09:55:15
เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย  :o
รีบมาต่อเลยนะอยากรู้อ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-06-2010 10:46:07
พี่กันต์  :a5: รออีกครึ่งก่อนดีกว่า จะได้ช็อคตาค้างรอบเดียวพอ
อีกครึ่งอยู่ไหนอะ อยากอ่านแล้วววววววววว มันค้างมาก ขอย้ำว่า มากค่ะ  :a5:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 23-06-2010 10:56:51
เกิดอะไรขึ้น กันต์มีอะไรปิดบังกรเหรอ
กรใจเย็นๆเน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 23-06-2010 12:00:12
เกิดอะไรขึ้นเนี้ยะ :beat:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 23-06-2010 17:33:28
อ้าวววววววว.. พี่กันต์
ใจแป้วไปนิด.. แต่ยังไหวอยู่
รอเหตุผลดีๆของพี่กันต์ละกันนะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 23-06-2010 19:08:45
เออ คือว่าคือ เออ...

:m17: เค้าคือใครรรรรร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 23-06-2010 20:20:10
มันเกิดอะไรขึ้น

 :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-06-2010 23:39:51
กรใจร่มๆ นะ  อาจจะไม่เป็นอย่างคิดก็ได้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 23-06-2010 23:57:29
คุณพี่กันต์ คุณมีไหรที่ปืดบังกรหรือเปล่าเนี้ย ไม่อยากให้กรคิดมากเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 24-06-2010 00:13:27
อย่าดราม่ามากน๊า...เค้าทำใจไม่ทัน :sad4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-06-2010 12:53:11
วันนี้มามั้ยอะ  :m17:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 24-06-2010 12:58:06
ถ้าเป็นอีป้าแก่ๆ ไม่รอนานขนาดนี้หรอก ลุยตั้งแต่เห็นก่อนค่อยถามทีหลัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 24-06-2010 13:49:47
 :angry2:

เป็นแบบนี้ไปได้ไงอ่ะ


อยากอ่านต่อแล้ว มาต่อเร็วๆ นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 24-06-2010 13:51:47
ถ้าเป็นอีป้าแก่ๆ ไม่รอนานขนาดนี้หรอก ลุยตั้งแต่เห็นก่อนค่อยถามทีหลัง
ู^
ตรงใจซะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [1/2] Page 10 (22-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 24-06-2010 15:04:53
ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2]

“ฟังก่อนได้ไหม” ผมได้แต่เรียกคนที่กำลังถอยห่างจากผมไปเรื่อยๆ ไม่ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ แล้วเขาก็หยุด แต่เหมือนหยุดเพื่อตัดสินใจที่จะพูดอะไรบางอย่าง

“พี่ยังมีอะไรจะโกหกกรอีก” เขาถามผมกลับมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เย็นชา มันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาเป็นแบบนี้
และคำพูดของเขามันก็ยิ่งตอกย้ำความผิดของผม

“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ผมตอบออกไป
  
“แล้วมันเป็นเรื่องแบบไหนหรอ บอกกรหน่อยสิ ว่าที่กรเห็น ที่กรได้ยินมันคืออะไร หรือจะโกหกอะไรอีกก็ว่ามา” เขาพูดแล้วก้าวเข้ามาหาผมเรื่อยๆ จนผมต้องเป็นฝ่ายเดินถอยหลังกลับเข้ามาในห้อง เขายังคงมองมาที่ผมด้วยท่าทีที่เฉยชาจนผมเองรู้สึกกลัวกับสายตาแบบนั้น

“บอกมาสิว่าเมื่อกี้พี่กำลังทำอะไรกับใคร บอกมา กรบอกให้พี่บอกมาไง” พอเขาก้าวเข้ามาในห้องก็ปิดประตูเสียงดังก่อนจะหันมาตะคอกใส่หน้าผม ก่อนจะยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นมาคว้าหัวไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แล้วเขย่า จากที่ผมพยายามจะอธิบายสิ่งที่มันเกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างใจเย็น มันเลยทำให้ความพยายามของผมค่อยๆ ลดลงไป  

“ปล่อย บอกให้ปล่อย ปล่อย” ผมตะโกนบอกให้เขาปล่อย เพราะเขาเพิ่มแรงลงมามากขึ้นจนผมเริ่มเจ็บ แต่แทนที่เขาจะปล่อยกลับยิ่งเพิ่มแรงที่บีบลงมาที่ไหล่ทั้งสองข้างของผมมากขึ้นอีก แล้วความอดทนของผมก็หมดลง จนเป็นฝ่ายที่ยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาผลักที่หน้าอกของคนตรงหน้าอย่างแรงจนเขาเซไปปะทะกับประตูไม้ด้านหลัง

>>ปึ้ก<<


>>อึก<<

ด้วยมือของเขาที่ยึดกับไหล่ของผมอยู่ก่อนหน้าที่ผมจะผลักเขา มันเลยทำให้ตัวของผมตามติดไปกระแทกกับตัวเขา แล้วผมก็พยายามจะดึงตัวเองออกมาอีกครั้ง แต่มันยากขึ้นเมื่อถูกมือของเขายกขึ้นมาจับที่ไหล่ทั้งสองอีกครั้งและจับผมพลิกตัวจนหลังของผมไปกระแทกกับบานประตู แล้วยกมือขึ้นมายันกับประตูเอาไว้ไม่ให้ผมขยับหนีไปไหนได้อีก

“เป็นบ้าหรือไง” ผมตะโกนใส่หน้า เมื่อความอดทนของผมมันเริ่มเหลือน้อยเต็มที

“เออ ถ้ามันจะบ้าก็เพราะพี่นั่นแหละ พี่จะเอายังไงกันแน่ บอกมาสิ แค่บอกมา แต่อย่ามาทำแบบนี้” เขาตะโกนใส่หน้าผม แต่แล้วเสียงของเขาก็เริ่มอ่อนลงในช่วงท้ายของประโยค


“ผิงเป็นแฟนเก่าพี่” ผมบอกออกไป และทันทีที่บอก เขาก็ค่อยๆ ลดมือที่ยันประตูไว้ ทิ้งลงข้างตัว แล้วก้มหน้าฟังสิ่งที่ผมพูด

“แต่พี่ก็ไม่ได้นัดเขามา เขาเองที่เป็นฝ่ายกลับมาหาพี่ พี่จะไม่ปฏิเสธว่า พี่เองก็เคยหวังว่าพี่กับเขาจะกลับมาคบกันอีกครั้ง” คำพูดเริ่มพรั่งพรูออกมาจากปากผมไปเรื่อยๆ โดยที่คนตรงหน้า ยังคงก้มหน้าและรับฟังอยู่เช่นเดิม แต่ผมก็เห็นว่าเขากำลังกำหมัดจนแน่นเหมือนพยายามข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้

“แล้วพี่กับเขาก็เกือบจะมีอะไรกัน แต่มันก็แค่เกือบ” ผมบอกเขาไปตามความจริง ที่ผมทำลงไปมันอาจเป็นด้วยวูบหนึ่งของอารมณ์ ด้วยความคุ้นเคย หรือผมแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่างก็ตาม แต่สุดท้ายผมก็ทำมันไม่ได้

“สภาพของพี่ตอนนี้มันยังเรียกว่าเกือบอีกหรอ” เขาถามผมด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน


“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขา แล้วรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงหยุด เพราะมันทำไม่ได้ไง มันทำไม่ได้ ทำไม่ได้เข้าใจไหม”

ผมตะโกนบอกคนตรงหน้า ในขณะที่ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปกระชากคอเสื้อของเขา แล้วขยุ้มไว้ในมือจนแน่น จากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าน้ำตาของผมมันไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหน และมันไหลออกมามากมายแค่ไหน ผมรู้แต่ว่าภาพที่ผมมองเห็นอยู่ตอนนี้มันกำลังพร่ามัวไปหมด ผมคลายมือที่ขยุ้มคอเสื้อของคนตรงหน้า แล้วปล่อยให้ตัวเองทรุดลงไปกับพื้นอย่างคนไร้กำลัง ส่วนกรก็ยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน ได้แต่ปล่อยให้ผมนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น



.........................................................................


ช่วงก่อนหน้านี้ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปที่รถของตัวเองเพื่อที่จะขับรถกลับบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงที่ผมยังจำได้ดี เรียกขึ้นมาเสียก่อน พอผมหันไปตามเสียงนั้นผมก็เห็นเธอกำลังเดินตรงมาหาผม “ผิง” ผมเรียกชื่อของเธอเมื่อเธอมายืนอยู่ตรงหน้าผม

ผมกับผิงเราเคยคบกันช่วงที่ผมไปเรียนต่อ ผมได้เจอกับเธอที่นั่น ผิงเคยเป็นคนที่ผมคิดว่าจะรัก ใช่ครับ คิดว่าจะรัก คิดที่จะรักด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ที่สรุปแล้วว่าเธอกับผมควรจะเป็นคู่กัน เราเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันในทุกด้าน แล้วตัวผิงเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะคบกับผม และถึงแม้ว่าผมกับผิงและมาคบกันด้วยเรื่องของเหตุผลที่ผมเห็นว่ามันดี มันเหมาะสม พอคบกันไปผมเองกลับรู้สึกดีกับผิงอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความที่เราเหมือนกันจนมากเกินไป สุดท้ายเราก็ไปด้วยกันไม่ได้
  
แล้วผิงก็เป็นฝ่ายกลับมาหาผมอีกครั้ง ลึกๆ ในใจผมตอนที่เห็นหน้าผิง ผมบอกได้เลยว่าผมรู้สึกดีใจที่ได้เห็นผิงกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้ง และมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่ความรู้สึกอะไรๆ ที่เคยผ่านมาระหว่างผมกับผิง มันจะถูกพัดพากลับมาด้วย

แต่สุดท้ายหลังจากที่เราคุยกัน ทั้งผมและผิงต่างก็รู้ดีว่า เราคงกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว และเรื่องนี้มันน่าจะจบลงด้วยดี

หากผมกับเธอไม่เลือกที่จะจากกันด้วยเซ็กส์ ซึ่งผมเองก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ

ถ้าเป็นตัวผมก่อนหน้าที่จะมารู้จักกับกร ผมก็คงจะพูดว่า ก็คนมันเคยๆ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไร

แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ผมแค่อยากรู้ อยากลองกลับไปทำในสิ่งที่ผมเคยเป็น เคยทำ และสำหรับผมมันก็เป็นแค่เซ็กส์ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น ไม่มีแม้พันธะ ไม่มีความผูกพัน



 
จนมาถึงตอนที่ผมเกือบจะมีอะไรกับผิง ในขณะที่ผมกำลังจะทำอะไรกับผู้หญิงอีกคน ภาพและเสียงของผมขณะกำลังร่วมรักกับอีกคน มันก็ถูกฉายขึ้นมาในความคิดของผม

ภาพของผมที่ถูกเขาโอบกอดบนเตียงๆ นี้

ภาพที่ผมโผตัวขึ้นไปกอดเขาไว้ และมีเขาคอยปลอบประโลมยามที่ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด

และสุดท้ายเสียงกระซิบเบาๆ ที่เขาบอกกับผมว่า เขารักผม

และเมื่อตัดกลับมาที่ภาพของผิงที่อยู่ใต้ร่างผม มันก็ทำให้ผมเลือกที่จะหยุดทุกอย่างเอาไว้

ผมทำมันต่อไปไม่ได้



พอผิงกลับไปแล้วผมก็พาตัวเองเข้าไปนอนแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ ผมแค่อยากลบสัมผัสและกลิ่นที่ผมไม่คุ้นเคยมานานให้หายไปจากตัว และหวังว่าน้ำจะช่วยปลดปล่อยความคิดของผมที่มันกำลังเต็มไปด้วยความสับสนให้หายไปได้

ผมถามตัวเองว่าอะไรที่ทำให้ผมทำอะไรลงไปได้มากขนาดนี้ ผมโกหกกร และเกือบจะทำอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา

ถ้าเป็นเรื่องของผิง มันก็จบลงไปแล้ว และไม่มีทางจะรื้อฟื้นมันกลับขึ้นมาได้อีก

และมันไม่ใช่เพราะผมถูกโอบกอดโดยผู้ชาย เพราะผมเต็มใจที่จะทำ มันเกิดขึ้นและเป็นไปตามความรู้สึก



ผมเองเป็นคนอยากให้กรเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของผม เขามาทำให้อะไรหลายๆ อย่างในชีวิตของผมเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนผมรู้สึกได้ และผมก็ยินดีและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้น

แต่ถ้าวันหนึ่งที่ผมไม่มีเขา ผมจะเป็นยังไง

มันทำให้ผมกลัวที่จะไม่มีเขา ทั้งๆ ที่ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ความรู้สึกที่ผมมีให้เขา มันจะเรียกว่า “รัก” ได้หรือยัง



.......................................................................


“พี่...” คนตรงหน้าผมเรียก ก่อนจะย่อตัวลงมาหาผม และทันทีที่ผมเห็นหน้าเขา ผมก็โผตัวไปกอดเขาไว้ แล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม จนผมได้ยินเพียงเสียงสะอื้นของตัวเอง ผมกอดกรไว้จนแน่น แต่เขาไม่ได้กอดผมกลับมา มันยิ่งทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า

“พี่ทำผิดมากใช่ไหม ใช่ไหม พี่ขอโทษ ฮึกๆ” ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมเป็นได้ถึงเพียงนี้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็รู้สึกว่าผมเสียคนๆ นี้ไปไม่ได้

กรไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่เขาดึงตัวผมออก ก่อนที่จะยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่มันเปื้อนอยู่เต็มสองข้างแก้มของผม และมองสบตากับผม

“พี่รักกรบ้างหรือเปล่า กรจะถามพี่แค่นี้ พี่ตอบกรมาได้ไหม”

“พี่ไม่รู้ แต่พี่รู้สึกดีเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน” ผมก้มหน้า ก้มตาแล้วตอบคนตรงหน้า

“แล้วก็อยากคุยด้วย”

“อยากเห็นหน้า”

“อยากให้กอด”

“อยากให้อยู่ข้างๆ กันไปแบบนี้” ผมตอบเขาได้แค่นี้ แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแต่ดึงตัวของผมเข้าไปกอดไว้ มันเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นมากสำหรับผม แล้วเขาก็ดันตัวผมออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดกับผม

“กรจะไม่ถามอะไรพี่แล้ว ถ้าพี่บอกว่าไม่ได้ทำ กรก็จะเชื่อว่าพี่ไม่ได้ทำ แต่ขอได้ไหมให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่จะทำแบบนี้ พี่รู้ไหมว่ากรรู้สึกยังไง เวลาที่เห็นพี่อยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่กร หรือแค่คิดว่าพี่กำลังทำอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่กร มันก็ทำให้กรเจ็บตรงนี้จนแทบจะทนไม่ไหว” กรพูด จนเมื่อประโยคสุดท้ายเขาก็จับมือของผมขึ้นไปทาบอยู่ที่อกข้างซ้ายของเขา

“อืม”

“แต่เรื่องที่พี่โกหกกร กรยังไม่หายโกรธหรอกนะ”


---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 24-06-2010 15:11:47
 :z13: :z13:ไรเตอร์

เข้ามาขออ่านด้วยคนน้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 24-06-2010 15:19:09
:เฮ้อ: ถอนหายใจด้วยความโล่ง....



ไม่รู้จะเม้นไรอ่าค่ะ...แต่ดีใจมากมายที่ไม่มีอะไรเกินเลย
สงสารกร >.<

ขอบคุณมากๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 24-06-2010 15:29:24
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:โล่งไปตามๆกัน

รักกัน รักกัน 

อ่านสองตอนี้แล้วปวดใจดีแท้ :m15:

ดีนะที่กันไม่มีไรกับแฟนเก่าอ่ะ ไม่งั้นนะ ไม่แค่ปวดใจอ่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 24-06-2010 15:42:07
อีป้าแก่ๆ อ่านไปน้ำตาคลอหน่วยตา

แต่ตอนนี้มันเริ่มหยาดหยดลงมา

เพราะการกระพริบตาไปซะแล้ว


จริงสินะ

เราจะต้องถามหาเหตุและผลกันทำไม

ก็เพราะว่า

รักคือ....รัก ยังไงละค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 24-06-2010 16:03:06
เฮ้อ..........ดีนะที่ตัดสินใจรอจนครบตอนแล้วค่อยเข้ามาอ่าน
ไม่งั้นเขียนเรื่องตัวเองไม่ออกแน่ๆ :กอด1:

แค่รักกันมันไม่พอจริงๆด้วยสินะคะ T____T เกือบไปแล้วมั้ยล่ะพี่กันต์ ความสัมพันธ์ของคนสองคนมันเปราะบางเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-06-2010 20:04:21
เฮ้อ  แล้วจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร
มีอะไรกันครั้งสุดท้าย  ใครวะที่เป็นคนแรกที่คิดได้แบบนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 24-06-2010 20:38:11
ขอบใจที่ย้องกรใจกว้างมากพอที่จะเชื่อและไว้ใจพี่กันต์...
ขอบคุณพี่กันต์ที่หยุดทุกอย่างได้ทันเวลา......ก่อนที่จะเสียรักแท้ไป..

รักคือ...รัก...ชอบคำนี้จัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 24-06-2010 20:40:20
กรอย่างนี้ต้องลงโทษให้หนักเลยน่ะ ไม่งั้นไม่ยอมด้วย
เอ้..จะลงโทษแบบไหนดีหน่า :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 24-06-2010 21:52:28
เกิดเรื่องน่าหวาดเสียวจริงๆด้วย สงสารน้องกรเลย
แต่ก็เอาเหอะ...
ว่าแล้วก็ลุ้นวิธีลงโทษคนทำผิดดีกว่า  :z1:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 24-06-2010 22:02:01
ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่แหละ  กรคิดอะไรอยู่น้า
พี่กันต์ คงยินยอมที่จะถูกลงโทษ :z1:
+1 เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 24-06-2010 22:34:44
โอ่ยยยย
หัวใจจะวายตอนพี่กันต์บอกเกือบมีอะไรกับผิง  :serius2:
เคลียร์กันได้ก็ดีแล้ว แต่กรไม่ยอมแล้วจะทำอะไรนะ  :oo1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 24-06-2010 22:51:20
 :a5:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 24-06-2010 23:05:04
เรามาดีกันนะนะ :n1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 25-06-2010 06:46:28
สงสัยจะโดนคิดดอกเบี้ยค่าโกหกทบต้นทบดอกแน่ นี่แหละทุกอย่างมันมีทุน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 25-06-2010 07:35:48
สุดยอด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-06-2010 11:52:13
ขวัญเอ๋ยขวัญมา เฮ้อออออออออออออออออออออ โล่งอกหน่อย พี่กันต์ก็ทำซะหายใจไ่ม่ทั่วท้องปวดตับกันเลย
ลุ้นกันต่อไป  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 25-06-2010 19:46:23
สะดุดค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 25-06-2010 20:40:01
อ่านทันแล้ว  :a2:
เรื่องนี้น่ารักมากเลยอ่ะ หว๊าน หวาน
ชอบตอนที่พี่กันต์ป่วยจัง ขี้อ้อนดี
ว่าแต่ตอนล่าสุดนี้แอบใจแป่วเลยอ่ะ
ดีจังที่กรเข้าใจ ถึงจะยังไม่หายโกรธก็เถอะ
รออ่านตอนที่พี่กันต์ง้อน้องกรน๊า
ปล. +1 ให้ไรทเตอร์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 25-06-2010 21:51:02
ทำเอาลุ้นแทบแย่

 :เฮ้อ:

ตอนทะเลาะกันนี่ก็เหมือนจะรุนแรงอยู่นิดนึงนะ เจ็บกันมั้ยหล่ะนั้น

เดี๋ยวตามลุ้นตอนหน้าดีกว่า จะกลับมาหวานกันรึยังนะ อิอิ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 26-06-2010 08:19:10
"เพราะมันทำไมได้ มันทำไมได้"

แอบสงสารพี่กันต์อยู่นิดๆ เหมือนกันนะ
พี่แกคงกำลังสับสนอ่ะ

งานนี้ต้องขอบคุณกรที่ยังเชื่อพี่กันต์ >_<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-06-2010 09:46:36
ต้องตามอ่านตั้งแต่ตอนที่ 11 :a5:
ตอนแรกเสียเลือด ต่อมาก็เสียน้ำตา แล้วเดี๋ยวกำลังจะเสียเลือดอีกรอบใช่ป่ะคะ :haun4:
รักกันๆนะ พี่กันต์กับน้องกร :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-06-2010 14:28:22
 :z13: เบียร์เอาให้พรุนอีกรอบ 555

คนเขียนขา อีป้าแก่ๆ อยากอ่านอีกตอนแล้วค่ะ  :z2: :z2: :z2: ยั่วยวนชวนให้มาลงต่อ  :m20:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 26-06-2010 15:29:04
กลับมาอ่านอีกรอบรอคุณกวาง เลยเจอนี่ค่ะ

.................
ก่อนจะหยิบที่วางไว้บนเบาะข้างๆ ขึ้นมา (หยิบ อะไรคะ? มือถือ โทรศัพท์ แบบว่าน่าจะมีคำนามมาเติมนิดนึง)
.................ข้างล่างนี่จากส่วนของพี่กันต์นะคะ
ผมก็พาตัวเองเขาไปนอนแช่น้ำ (เข้า)
ไม่มีทางจะรื้อฝืนมันกลับ (รื้อฟื้น)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 26-06-2010 18:24:10
กลับมาอ่านอีกรอบรอคุณกวาง เลยเจอนี่ค่ะ
.................


ขอบคุณนะคะพี่นุ่น


คนเขียนขา อีป้าแก่ๆ อยากอ่านอีกตอนแล้วค่ะ  ยั่วยวนชวนให้มาลงต่อ  :m20:


อดใจรออีกนึงน้า นิดนึงจริงๆ

ต้องตามอ่านตั้งแต่ตอนที่ 11 :a5:
ตอนแรกเสียเลือด ต่อมาก็เสียน้ำตา แล้วเดี๋ยวกำลังจะเสียเลือดอีกรอบใช่ป่ะคะ :haun4:
รักกันๆนะ พี่กันต์กับน้องกร :o8:

รักกันแน่ๆ แต่เสียเลือดไหม รออ่านแล้วกันเนอะ อิอิ


ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะที่ตามอ่านกันมา ตอบบ้างไม่ตอบบ้างก็อย่าว่ากันน้า


ปล. เดี๋ยวคืนนี้เจอกันค่ะ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 26-06-2010 18:41:08
โล่งใจที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น  :เฮ้อ:

แล้วคืนนี้จะรอดูว่าน้องกรจะทำโทษพี่กันต์วิธีไหน 55+


 :L2: ให้กำลังใจไรท์เตอร์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-06-2010 20:30:19
//// กร นายจะทำไรพี่เค้าอย่านะ ////
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 26-06-2010 22:45:50
ตอนที่ 20 ของใคร

“พี่กันต์” ผมเรียกชื่อของคนที่กำลังหลับตา แล้วกระชับอ้อมแขนที่ถูกส่งขึ้นมาโอบรั้งรอบคอของผมไว้จนแน่น เพื่อหวังจะใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ริมฝีปากที่บวมเจ่อและเจือไว้ด้วยสีแดงระเรื่อจากการถูกบดจูบอยู่เนิ่นนานก่อนหน้านี้ถูกเปิดออก และส่งคมเขี้ยวลงมาฝังบนไหล่หนาเพื่อระบายความอัดอั้น ในขณะที่ลำตัวถูกปล่อยให้โยกไหวไปตามแรงที่ถูกส่งไปให้รองรับไว้ ส่วนสตินั้นกำลังถูกทำให้พร่าเลือน และลอยล่องไปตามการชักพาให้เข้าสู่ห้วงอารมณ์แห่งความรักและปรารถนา


“อื้อ... อึก…”


เสียงที่ถูกส่งมามีเพียงแต่เสียงครางฮือของร่างข้างใต้ ซึ่งเป็นเสียงที่เรียกความพึงพอใจให้กับผมได้ไม่น้อย


แต่ผมยังต้องการมากกว่านั้น



ผมชักพาความต้องการของตัวเองออกมาอีกครั้ง ก่อนจะนำพาให้ดำดิ่งเข้าไปหาความอุ่นร้อนในกายนั้น อย่างเชื่องช้าแต่หนักหน่วงและเน้นหนักในทุกสัมผัส จนผิวเนื้อที่รุ่มร้อนและพร่างพราวไปด้วยเหงื่อของเราทั้งสองคนแนบชิดสนิทกัน จนไร้ซึ่งช่องว่างใด และเมื่อนั้นผมก็หยุดขยับโยกร่างกาย ทำให้ร่างข้างใต้ต้องระบายความอัดอั้นที่มีอยู่เปี่ยมล้นออกมาเป็นเสียงครางยาว จากนั้นจึงค่อยๆ คลายคมเขี้ยว และขยับใบหน้าที่ฝังอยู่ที่ลาดไหล่ของผมออกมาช้าๆ   แล้วปรือตาขึ้นมามองผม ที่ตอนนี้ยันลำตัวช่วงบนให้สูงขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองร่างข้างใต้ให้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้นเช่นกัน ดวงตาคมดูหวานเยิ้มกว่าครั้งไหน กำลังคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใสที่ถูกเก็บกักเอาไว้จนเต็มหน่วย หากกระพริบเบาๆ แม้เพียงครั้ง หยาดน้ำสีใสนั้นคงร่วงหล่นลงมา


“พี่กันต์” ผมเรียกชื่อนั้นอีกครั้ง


“อื้อ” คนตอบรับได้แต่ส่งเสียงอยู่ในลำคอไม่เป็นภาษา


“พี่เป็นของใครครับ” ผมถามออกไป ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น



“กะ... กร” เสียงจากร่างข้างใต้ถูกส่งออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น


“ขอฟังอีกที่ได้ไหมว่า พี่เป็นของใครครับ” ผมถาม ก่อนจะถอนความต้องการออกมาจนเกือบสุด แล้วส่งกลับเข้าไปใหม่อย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว จนร่างข้างใต้ส่งเสียงหวีดร้องออกมา


“อึก...           อะ อื้อออออ...”


ใบหน้าใสที่บัดนี้ถูกย้อมจนแดงระเรื่อไปด้วยเลือดฝาด ขยับส่ายไปมาอยู่บนหมอนนุ่ม หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมา โดยมีปอยผมที่เปียกลู่ตกลงมาปิดบังไว้บางส่วน


“ตอบกรหน่อยนะครับ คนดี” ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปลูบปอยผมเปียกที่ลู่ลงมาบังหน้าผากของร่างข้างใต้ออก และเลื่อนลงมาจับประคองใบหน้าไว้ ก่อนจะก้มลงไปประทับจูบบนหน้าผากเนียนที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ


“กะ   กวินท์  กร”

เจ้าของใบหน้าแดงระเรื่อค่อยๆ ส่งเสียงตอบออกมาอย่างแผ่วเบา


“กรก็เป็นของพี่นะครับ แล้วอย่าไปทำแบบนี้กับใครที่ไหนอีกนะครับ รู้ไหม”

“อื้ออ...”


จากนั้นผมก็ไม่รู้ว่า ผมถ่ายเทความรักและความปรารถนาจากตัวผมไปให้อีกคนรับรู้อยู่เนิ่นนานเท่าไร

และไม่รู้ว่าวังวนแห่งความรัก และความปรารถนานั้นถูกชักนำให้หมุนวนไปอยู่กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

กว่าที่วังวนนั้นจะถูกทำให้หยุดลง แสงอาทิตย์ที่เคยสาดส่องก็เริ่มถอยลับดับแสงไป

พร้อมกับเสียงครางยาวครั้งสุดท้าย


“มะ ไม่ไหวแล้ว อ้าาาา......”



“อื้ออออ.... กรรักพี่นะครับ” ผมเองขยับตัวครั้งสุดท้ายและปลดปล่อยออกมาพร้อมกับอีกคน ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูของร่างที่อ่อนระโหยโรยแรง และดูเหมือนว่าเจ้าของร่างนั้นพยายามจะเปล่งเสียงอะไรกลับมา


“อืม... ระ รัก” คำสุดท้ายถูกส่งออกมาเพียงเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบ ก่อนที่คนพูดจะสลบไสล แล้วพาตัวเองจมดิ่งลงสู่ห่วงนิทรา จากนั้นผมจะถอนกายออกมา และตามด้วยหยาดรักที่ไหลรินออกจากกายของคนที่เข้าสู่ภวังค์ไปแล้ว




……………………………………………..


ผมลุกขึ้นมา ก่อนจะหาผ้ามาชุบน้ำอุ่น แล้วนำไปเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้กับร่างที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ ก่อนจะหันมาจัดการกับตัวเอง และพาตัวเองกลับมานอนลงบนเตียงนุ่มอีกครั้ง โดยไม่ลืมที่จะรั้งร่างที่นอนอยู่ข้างกันให้มาอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นก็ปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่ภวังค์ไปเช่นเดียวกัน


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 19 รับฟัง [2/2] Page 11 (24-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 26-06-2010 22:46:30


“<<ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป…>>” เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเรียกให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก่อนที่ผมจะค่อยๆ เอี้ยวตัวเพื่อหันกลับไปมองที่โต๊ะ และเห็นว่าเสียงนั้นดังออกมาจากโทรศัพท์ของคนที่ยังคงนอนหลับและไม่มีที่ท่าว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนนี้

แล้วผมก็ขยับตัวเพื่อเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์นั้นให้เข้ามาอยู่ในมือของผม พอมองไปที่หน้าจอก็เห็นว่าเป็นแม่ของพี่กันต์ที่โทรเข้ามา จากนั้นเสียงก็เงียบไป ก่อนจะดังขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง จนผมตัดสินใจที่จะเรียกเจ้าของโทรศัพท์ให้ตื่นขึ้นมารับสาย

“พี่กันต์ แม่พี่โทรเข้ามา ตื่นขึ้นมารับหน่อยนะครับ” ผมเรียก พร้อมกับยกมือขึ้นไปตีที่ต้นแขนของเขาเบาๆ เพื่อให้รู้สึกตัว

“อื้อ...” คนที่นอนหลับอยู่เมื่อครู่ครางรับ แล้วขยับยกใบหน้าของตัวขึ้นมาถูไถอยู่กับต้นแขนผม ก่อนจะยื่นมาออกมารับโทรศัพท์ไปจากมือผมแบบงัวเงียเต็มทีและกดรับสาย


“ครับ”  

“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วครับ หายดีแล้ว” พี่เขาคุยโทรศัพท์ ในขณะที่ยังคงซุกตัวอยู่ข้างผม

“เอ่อ... ครับ ก็เรียบร้อยดีครับ กันต์ว่าอีกสักสองอาทิตย์จะลงไปดู”

“คิดถึงสิครับ ไว้อาทิตย์หน้ากันต์จะกลับไปหานะครับ”

“ครับ แม่ก็เหมือนกันนะครับ บายครับ”
 
พอกดวางสายแล้วพี่กันต์ก็ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนมาให้ผมรับไว้ ผมก็รับแล้วเอี้ยวตัวเอาโทรศัพท์กลับไปวางไว้ที่เดิม ก่อนจะหันกลับมาหาอีกคนที่ตั้งท่าจะลุกขึ้น

“กี่โมงแล้ว” พี่กันต์ถาม ขณะยันตัวลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็ต้องทำหน้าเบ้ออกมาให้เห็น

“เพิ่งจะสองทุ่มเอง แล้วพี่... เอ่อ... เจ็บมากหรือเปล่า” ผมถามออกไปทั้งที่ตัวเองก็พอจะรู้คำตอบ

“ลองดูไหมล่ะ”

“หึหึ แล้วใครให้ไปทำอะไรแบบนั้นล่ะครับ” ผมก็ทำได้แค่หัวเราะเบาๆ แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไปมาก ปล่อยให้เขาอยู่ดีๆ แบบนี้ของเขาน่าจะดีกว่า แต่สงสัยว่าจะไม่ทันแล้ว ถึงร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยให้ทำอะไรได้มาก ก็ยังไม่วายส่งสายมามองผมแบบไม่พอใจ
 
“จะรื้อฟื้นทำไมเล่า รู้แล้วว่าผิด ก็จะไม่ทำแล้ว” เอ้า!! โวยวายเหมือนผมเป็นคนผิดเสียอย่างนั้น

“ครับๆ พี่จะนอนต่อไหม” ผมถาม แล้วก็เห็นเขาส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ

“อยากอาบน้ำมากกว่า ช่วยพาไปห้องน้ำที มันลุกไม่ไหว” พี่กันต์หันมาบอกผมเสียงเบา พร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสี แล้วก็ขยับตัวเตรียมจะลุกออกจากเตียง

“เดี๋ยวแช่น้ำอุ่นดีกว่าไหม พี่รอก่อนนะ กรไปเปิดน้ำก่อน”

“อื้อ”

แล้วผมก็ลุกออกจากเตียงเข้าไปเปิดน้ำอุ่นลงอ่าง พร้อมกับเทครีมอาบน้ำลงไปด้วย ก่อนจะเดินกลับออกมารับคนที่นั่งรออยู่บนเตียง

“ไม่ต้องอุ้ม ช่วยประคองเฉยๆ ก็พอ” พี่กันต์พูดดักขึ้นมาก่อน เหมือนจะรู้ว่าผมจะทำอะไร

“ไหวแน่นะ” ผมถาม

“อืม” แล้วผมก็ประคองพี่เขาให้ลุกขึ้นมาจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งน้ำที่เปิดทิ้งไว้ก็ได้ระดับกำลังดี

ผมค่อยๆ ประคองตัวพี่เขาให้ก้าวลงไปนั่งในอ่างอาบน้ำ จากนั้นผมก็ตามลงไปนั่งซ้อนหลังพี่เขาเอาไว้ ให้ตัวพี่เขาก็อยู่ที่หว่างขาของผม พอผมนั่งลงแล้วพี่เขาก็เอนหลังลงมาพิงไว้กับหน้าอกของผม

“กร” คนข้างหน้าเรียกชื่อผม ในขณะที่คว้ามือของผมข้างหนึ่งขึ้นมาไว้ในมือแล้วบีบเบา

“ครับ” ผมตอบรับ แล้วบีบมือของพี่เขากลับไปเช่นกัน

“เจ็บมากไหม” พี่เขาถามผมออกมาเสียงเบา  

“เจ็บที่ใจนะหรอ เจ็บสิ ทั้งเจ็บทั้งกลัวเลยรู้ไหม” ผมพูดออกไปตามความรู้สึกที่ผมเป็นก่อนหน้านี้

“แล้วทำไมถึงยังเชื่อ พี่อาจจะโกหกกรอีกก็ได้” พี่เขาถามออกมา พลางเอามือมาจับที่แขนข้างหนึ่งที่วางพาดไว้กับขอบอ่าง และอีกข้างที่อยู่ในมือเขา ให้มาโอบรอบเอวของเขาไว้

“แต่พี่รู้อะไรหรือเปล่าว่าสายตาพี่มันไม่เคยเก็บความรู้สึกอะไรไว้ได้เลย ถ้าตอนที่พี่พูดโดยที่กรไม่เห็นสายตาของพี่ กรก็คงไม่รู้ว่าพี่กำลังคิดอะไร” ผมพูด แล้วค่อยๆ เลือนมือที่โอบเอวพี่เข้าไว้ ขึ้นมาจับที่ไหล่ จากนั้นก็ดันตัวพี่เขาที่พิงอยู่กับอกผมให้ห่างออกไป ก่อนจะหมุนตัวพี่เขาเล็กน้อยให้หันหน้ามาสบตากับผม แล้วยกสองมือขึ้นไปประคองใบหน้านั้นไว้

“พี่รู้ไหมว่าสายตาของพี่มันบอกทุกอย่างกับกร ถ้าพี่อยากได้อะไรสายตาของพี่มันก็บอกว่า พี่กำลังอยากได้ในสิ่งที่กำลังมองอยู่ ถ้าพี่โกรธ พี่ไม่พอใจ พี่ก็แสดงออกมาให้รู้ว่าพี่กำลังไม่พอใจ แล้วเวลาที่พี่บอกว่าพี่ไม่ได้โกหก สายตาของพี่มันก็บอกว่า พี่ไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ” ผมบอกกับคนตรงหน้า ครับ พี่กันต์เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงจะดูเป็นคนที่เก็บอารมณ์ไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้าที่ดูเรียบเฉยนั้นได้ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่พี่เขาจะเก็บมันไว้ให้แสดงออกมาทางสายตา โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าผม

“หรอ” แล้วพี่เขาก็ยกมือขึ้นมาจับมือของผมที่แนบอยู่กับสองข้างแก้มของพี่เขาไว้ออก ก่อนจะหันหน้ากลับไปทางเดิม และเอนหลังพิงผมไว้ ส่วนผมก็หยิบฟองน้ำที่วางไว้ขึ้นมาลูบไปตามแขนของพี่เขาทีละข้าง

“แล้วรู้ไหม ว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น” แล้วพี่เขาก็ถามผมขึ้นมาอีกครั้ง

“..........” ผมได้แต่เงียบ และอาบน้ำให้พี่เขาไปเรื่อยๆ แต่ในใจของผม มันกำลังรอฟังคำพูดของอีกคนนั้น

“กรรู้ไหม การที่พี่จะตัดสินใจทำตามใจตัวเองจนมาคบกับกร และมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบนี้มันทำให้พี่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองตามหา แต่รู้ไหมว่าในขณะเดียวกันพี่เองก็กลัว กลัวว่าวันนึง ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มันจะเป็นยังไง กลัวว่าวันนึงถ้าเราไม่มีกันแล้ว และพี่เองก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นไม่ได้ พี่จะทำยังไง” ผมได้แต่นิ่งรับฟังคนตรงหน้า มือที่เคยขยับเคลื่อนไหวก็ถูกหยุดเอาไว้ ในมือทั้งสองข้างของเขา

“ขึ้นจากน้ำก่อนดีกว่า แช่นานแล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย” ผมยังไม่ตอบคำถามของพี่เขา แต่เลือกที่จะพาพี่เขากลับขึ้นมาจากน้ำก่อน

“อืม”

จากนั้นผมก็พาพี่เขาไปล่างตัว แล้วพาออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนที่เราจะพากันกลับมาอยู่บนเตียงอีกครั้ง

“พี่หิวไหม” ผมถาม เพราะหลังจากมื้อเช้าผ่านไปแล้วเราก็ไม่ได้กินอะไรกันอีก พี่เขาก็ได้แต่ส่ายหน้ากลับมา

“พี่กันต์ กรเองก็ไม่รู้หรอว่าเราจะคบกันไปนานแค่ไหน แต่วันนี้เรายังมีกันอยู่ไม่ใช่หรอ ถ้าวันนี้เราหลับไปพร้อมกัน พรุ่งนี้ตื่นมาก็คงมีกันอยู่ ถ้าเราทำวันนี้ให้ดี พรุ่งนี้มันก็น่าจะดีไม่ใช่หรอ กรก็ไม่รู้หรอกว่าที่กรคิดมันถูกไหม แต่กรก็คิดได้แค่นี้” ผมพูดออกไปตามที่ใจคิด โดยไม่รู้ว่ามันเป็นคำพูดที่ดีหรือเปล่า แต่ผมก็เลือกที่จะพูดมันออกไป

“นั่นสินะ เฮ้อ!!” พี่เขาหันมาพูดกับผม

“เป็นไรอ่ะ”

“พี่แค่คิดว่า พี่จะต้องคิดไปไกลทำไม ก็เท่านั้นเอง”

“หึหึ พี่เนี่ยน้า พอจะคิดก็คิดมากซะ”

“ไม่คุยแล้วจะนอน เหนื่อย”

“อ้าว !!” ก็นี่แหละครับ พี่กันต์ อยากจะทำอะไรก็ทำ ตามใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แล้วก็คิดเยอะเป็นที่หนึ่งไม่แพ้กัน

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ คนมันรักไปแล้ว


---------------------------------------------------------


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-06-2010 22:49:16
รอไม่นานมาก +1 เป็นกำนัลค่ะ


แต่ว่า จะไปบ้านแม่ แต่โดนลงโทษแบบวาบหวานแต่ว่าร้อนแรงในที เล่นเอาสลบเลยเหรอค่ะ หุๆๆ

คุณน้องพาคุณพี่ไปส่งบ้านแม่ แล้วก็เปิดตัวสามีคุณพี่ไปเลยดีไหมค่ะ 5555


แต่............. แม่จะเป็นลมชักตาตั้งไหก่อนหรือเปล่านะคะ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 26-06-2010 23:19:57
เรื่องยุ่งๆก็ผ่านพ้นไปเพราะอีกคนรู้ใจตัวเองและอีกคนมีสติจะรับฟังเหตูผลอีกฝ่าย อิจฉากับตอนที่หวานล้ำฉ่ำรักตอนนี้จัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 26-06-2010 23:23:04
+1 ให้งามงาม มาเร็วทันใจ

หวานได้อีกนะกร  พี่กันต์เอาแต่ใจตัวอ่ะ กรจัดให้หนักเลย :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-06-2010 23:31:11
ใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้มีความสุขที่สุดดีกว่าคับ
อย่าคิดมากเกินไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 26-06-2010 23:39:04
 :m1:เข้าใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 26-06-2010 23:40:51
เคลียร์กันบนเตียงนี่มันคุยกันง่ายขึ้นเนอะ... :-[แบบว่ารู้กันไปเลยว่าเป็นของใคร คิกคิก...
พี่กันต์บทจะอ้อนก็อ้อนซะ บทจะเอาแต่ใจก็ที่หนึ่งเชียว หุหุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 27-06-2010 00:01:50
 o13

เรื่องนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง...เยี่ยมทู้กกตอนเลยค๊าบบบ :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 27-06-2010 00:08:37
น่ารักจังค่ะ ^^
สองคนนี้ดูรักกันแบบผู้ใหญ่ดีอะ ไม่มาทะเลาะโวยวายแบบเด็กๆ
อ่านแล้วรู้สึกดีมากมาย ขอบคุณมากนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 27-06-2010 02:53:44
คู่รักเวลามีปัญหา นอนคุยกันรู้เรื่องสุดล่ะ
มาถึงก็เรียกเลือดกันไป  :m25:
+1 ให้ความน่ารักของพี่กันต์ ขี้อ้อนได้อีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-06-2010 03:10:51
ลงโทษกันจนเหนื่อยเลย   :z1:
คราวนี้พี่กันต์จำได้ขึ้นใจแน่ๆ ว่าใครเป็นของใคร อิอิ

น่ารักอยู่เรื่อยเลยคู่นี้เนี่ย  :กอด1:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-06-2010 13:20:43
ชักจะสงสารกรขึ้นมาตะหงิดๆๆๆ พี่กันต์แกอารมณ์เปลี่ยนเป็นปรอทเลยอะ แต่รักไปแล้ว กร คงรับไว้  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 27-06-2010 15:45:21
 :o8: :o8:ชอบจังเลย"ทำงัยได้ก้อคนมรักไปแล้ว"ชอบจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-06-2010 17:50:00
รักกันเข้าใจกัน มีกิจกรรมร่วมกัน >///////<
เป็นของกันและกันด้วย หงิงๆ :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 27-06-2010 19:38:27
พี่กันต์นี่น่าฟัดนะนิ  :z1:

 
ยิ่งนิสัยแบบเนี้ยต้องจับฟัดซะให้เข็ด หุหุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 27-06-2010 21:39:15
ใจหายแว้บ นึกว่าจะโกรธกันแล้ว ต่อมาโล่งอก เฮ้อ เข้าใจกันแล้ว
ชีวิตคู่มันต้องมีการคุยกัน รับฟังกันแบบนี้แหละจ้ะ  น้องกรหึงน่ากลัวเหมือนกันนะนี่

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 27-06-2010 21:57:28
ช่ายๆๆๆ

ต้องคุยกัน  อย่าคิดเอาเอง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 27-06-2010 21:58:52
น่ารักจริงพี่กันต์เนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 27-06-2010 22:44:38
นั่นสิ  อย่าเพิ่งไปนึกถึงอนาคตที่ยังมองไม่เห็นดีกว่าเนอะ

ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด  รักษาความรักตอนนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้วล่ะ  

เป็นกำลังใจให้คู่กรกับกันย์น่ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 28-06-2010 00:56:08
ตอนพิเศษ ขาว-แดง

หลังจากจัดการกับอาหารมื้อเย็น และอาบน้ำกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี่เราสองคนก็มานั่งคู่กันอยู่โซฟาที่หน้าทีวีจอยักษ์ในห้องนั่งเล่นเพื่อรอดูฟุตบอลโลกรอบสิบหกทีมสุดท้าย แต่เราสองคนไม่ได้เชียร์ทีมเดียวกันนะครับ ดูจากเสื้อที่ใส่ก็บอกได้แล้วครับ ผมเลือกใส่เสื้อสียืดสีขาวธรรมดาเอาแค่พอได้แสดงออกว่าเชียร์ทีมไหน ไม่ได้มาเต็มยศแบบอีกคน เพราะลืมหยิบมาจากที่บ้านด้วย ส่วนพี่กันต์อย่างที่บอกครับว่าเต็มยศ พี่เขาอยู่ในเสื้อสีแดงของทีมชาติอังกฤษ เรื่องอื่นพอจะยอมกันได้นะครับ แต่เรื่องบอลขอเว้นไว้สักเรื่อง
.
.
.
ช่วงสิบนาทีแรกก็ยังนั่งติดกันอยู่ แต่พอเกมในสนามเริ่มเข้มข้นมากขึ้น อีกคนก็เริ่มขยับตัวห่างออกไปแล้ว ส่วนเรื่องเสียงไม่ต้องพูดถึง ส่งเสียงดังกันตลอดทั้งผมทั้งเขา ก็เป็นปกติของการเชียร์บอล จะเชียร์กันเงียบๆ มันก็ไม่ได้อารมณ์ แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะอาการหนักกว่า เพราะมีเสียงโวยวายด้วยเวลาที่อะไรไม่ได้ดั่งใจเขา นี่ขนาดว่าทีมที่เขาเชียร์ทำประตูไม่ได้ยังเป็นได้ขนาดนี้ แล้วถ้าอีกฝั่งยิงเข้าไปล่ะจะเป็นยังไง


“เฮ้ย!! ไม่ ๆ ๆ ๆ ... อะไรวะ” พี่เขาลุกขึ้นมาตะโกนแล้วครับ ตอนที่ทีมของผมเลี้ยงลูกมาอยู่ที่น่าประตู และกำลังจะยิงในระยะที่น่าหวาดเสียว 

“เฮ้ยๆ ยิง เยสสสสส...” คราวนี้เป็นเสียงตะโกนดีใจของผมบ้าง แต่ยังไม่ถึงขนาดลุกขึ้นมายืนเหมือนอีกคน ส่วนเรื่องอารมณ์ของเราสองคนแน่นอนอยู่แล้วว่า ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง

“โธ่เว้ย!!!” เสียงสบถของคนที่ยืนอยู่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างแรง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงนี้

“โอ้ยยย...!! บ้าชะมัด” พี่กันต์ร้องออกมา แล้วส่งสายตามามองผมอย่างคาดโทษ

“เป็นอะไรครับ” ผมถามออกไป แต่ก็พอจะรู้อยู่นะว่าตัวเองทำอะไรไว้ เฮอๆ

“เจ็บนะสิถามมาได้ ฮึ่ย” ว่าแล้วก็สะบัดหน้า หันกลับไปให้ความสนใจกับหน้าจอทีวีอย่างเดิม

ส่วนผมก็ได้แต่แอบมองเขาจากทางด้านข้าง แล้วก็แอบอมยิ้มไปด้วยกับท่าทางของพี่เขา ทั้งที่ในใจนี่อยากจะหัวเราะออกมาเลยมากกว่า ก็ตอนนี้พี่เขาเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ที่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ส่วนคิ้วก็ขมวดมุ่นจนติดกันแบบไม่พอใจ ถ้าเป็นคนอื่นผมเห็นก็คงเฉยๆ นะ แต่กับคนนี้ทำอะไรก็น่ารักครับ แล้วก็ต้องแอบคิดในใจนะ อย่าได้เผลอพูดออกไปเชียว ถ้าเขาได้ยิน ผมโดนโวยแน่นอนครับ


“มองอะไร จะดูบอลก็ดูไป” ว่าแล้วก็โดนจนได้ครับ

“เอ้ย!! ม่ายยยยยยย…” เสียงของพี่เขาตะโกนออกมาแล้วก็ยกสองมือขึ้นมากุมหน้าผากไปด้วย เมื่อหันกลับไปที่หน้าจอแล้วเห็นว่า ทีมของผมก็ทำประตูไปได้อีกหนึ่ง ส่วนผมก็ยิ้มดีใจไปตามระเบียบ แต่ไม่กล้าแสดงออกมากแล้ว แบบว่าเกรงใจอีกคน ฮาๆๆ


ถึงตอนนี้ยิ่งดูยิ่งมัน เกมในสนามกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มจะนั่งไม่ติดที่แล้ว มือก็ถือหมอนอิงขึ้นมาขยำบ้าง เดี๋ยวก็เหวี่ยงกลับมาบนโซฟาบ้าง คือคนเขากำลังลุ้นหนักครับ ส่วนผมนี่เริ่มสบายใจนิดๆ นัดนี้ทีมผมไม่น่าพลาดที่จะเก็บชัยชนะไว้ได้อย่างแน่นอนแล้ว

“เฮ้ย ๆ ๆ ๆ” เสียงผมที่ตามลุ้นเมื่อเห็นว่าอีกทีมกำลังเป็นฝ่ายได้โอกาสทำประตู

“เย้!!!“ เสียงเฮจากคนที่ลุกขึ้นมายืน เมื่อทีมของเขายิงประตูเพื่อตามตีตื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่เป็นอะไรยังไงซะทีมผมก็ยังนำอยู่


แล้วหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที

“เว้ยยยย... อะไรวะ มันเข้าไปแล้ว ไม่เห็นหรือไง แม่ง” เอาแล้วไงล่ะ พี่เขาโวยวายสุดตัวเมื่อทีมที่พี่เขาเชียร์ยิงเขาไป แล้วแต่ลูกมันเด้งออกมา กรรมการเองก็ไม่ได้ให้เป็นประตู ลูกมันเร็วคงมองไม่ทัน พอมาดูภาพช้า ก็เห็นนะว่าเข้าไปแล้วจริงๆ ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของทีมนั้นไป เลยยิ่งทำให้พี่เขานี่หงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย


หลังจากหมดครึ่งแรกไปผมก็หันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อที่จะถามว่า เขาจะเอาอะไรหรือเปล่า เพราะผมจะเดินเข้าไปหาน้ำดื่มในครัว ส่วนพวกขนมเราสองคนไม่กินกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นในห้องนี้ก็เลยไม่มีขนมอยู่เลย เปิดตู้เย็นไปก็เจอแต่นมที่ขาดกันไม่ได้ทั้งคู่ แต่มีรสเดียวนะครับ รสจืด 

“พี่กันต์เอาอะไรไหม กรจะเข้าไปในครัว” ผมถาม แล้วก็ได้คำตอบมาเป็นการส่ายหน้า


พอเข้าครึ่งหลังก็ยิ่งมันกว่าเดิม เพราะต่างฝ่ายต่างก็บุกเพื่อทำประตู คนเชียร์ก็เชียร์สนุกไปด้วย แต่ความจริงจังของอีกคนนี่ก็ดูเหมือนว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน แล้วทีมผมก็ทำประตูนำไปอีก แต่คราวนี้คนข้างๆ เงียบไปแล้วครับ ไม่ส่งเสียงโวยวายอะไรแล้ว ได้แต่ทิ้งตัวพิงโซฟาแล้วทำหน้าแบบเซ็งๆ

แล้วก็โดนไปอีกลูกจนได้ครับ แต่หนนี้พี่เขาลุกพรวด แล้วเดินเข้าห้องนอนไปเลย ผมจะเรียกจะพูดอะไร ก็ไม่ทัน เลยลุกขึ้นไปปิดทีวี ปิดไฟรอบห้อง ก่อนจะเดินตามพี่เขาเข้าไปในห้อง ถึงตอนนี้ไม่ต้องดูให้จบก็ได้ เพราะยังไงผลมันก็แน่นอนอยู่แล้ว


พอเข้ามาในห้องนอนก็ไม่เห็นพี่เขา เห็นแต่เสื้อที่ใส่เมื้อกี้ถูกถอดแล้ววางพาดไว้บนเตียง สงสัยจะอยู่ในห้องน้ำ

>>แกร้ก<< เสียงลูกบิดประตูห้องน้ำ จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก แล้วก็เห็นพี่เขาเดินเปลือยท่อนบนออกมา

“จะนอนแล้วหรอ” ผมถามแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่กำลังล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกนอกเตียง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวไว้ เสื้อที่ถูกถอดวางไว้ ก็ยังถูกปล่อยไว้เช่นเดิม ผมเลยหยิบไปใส่ตะกร้าที่วางอยู่หน้าห้องน้ำ หึหึ พอเข้าใจอยู่ครับว่า พี่เขาคงไม่พอใจกับผลบอลที่ออกมาเท่าไร ส่วนผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปบ้าง

พอกลับออกมาก็เห็นพี่เขานอนหลับตาแล้ว แต่ท่าทางคงยังไม่ได้หลับเพราะเห็นขยับตัวยุกยิกเหมือนนอนไม่เข้าที่ จะว่าไปวันนี้กว่าจะตื่นก็สายมากแล้ว และมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ห้าทุ่มเลยซึ่งถือว่าเป็นเวลาเข้านอนที่เร็วกว่าปกติสำหรับเราทั้งคู่ พี่เขาเลยนอนไม่หลับ

จากนั้นผมก็เดินไปปิดไฟ จนเหลือแต่แสงจากโคมไฟที่อยู่ข้างหัวเตียง ก่อนจะกลับขึ้นมาบนเตียง แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ พี่เขา และก้มลงไป

“นอนไม่หลับหรอ” ผมถามพี่เขาเบาๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเช่นเคย

“ไม่เอาน่า มานี่มาเร็ว” ผมพูดแล้วก็ยกมือขึ้นไปจับต้นแขนของพี่เขา เพื่อจะให้พลิกตัวกลับมาทางผม พี่เขาก็ยอมให้ผมจับตัวเขาพลิกกลับมาไม่ได้ขัดขืนอะไร จากนั้นผมก็หันไปปิดโคมไฟ ก่อนจะหันกลับมาทางพี่กันต์อีกครั้ง ค่อยๆ สอดมือเข้าไปประคองใต้ท้ายทอย แล้วใช้มืออีกข้างดึงหมอนออก พี่กันต์เองก็ขยับยกหัวขึ้นก่อนจะหนุนลงมาอีกครั้งที่แขนของผมแทนหมอนที่ถูกดึงออกไป

“ฝันดีนะครับ” ผมพูดก่อนจะยกตัวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก้มลงไปหอมที่กลุ่มผมนุ่มเบาๆ 

“อืม” พี่เขาก็ส่งเสียงในลำคอเป็นการตอบรับ จากนั้นผมก็ล้มตัวลงนอน โดยไม่ลืมที่จะยกแขนอีกข้างขึ้นไปกอดพี่เขาไว้ ซึ่งพี่เขาเองก็ยกแขนขึ้นมากอดผมไว้เช่นเดียวกัน

“ฝันดีนะ” แล้วผมก็ได้ยินเสียงพี่เขาพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่เราสองคนจะนอนหลับไปด้วยกัน


-------------------------------------------------------


มาแบบตามใจคนแต่งอีกแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร Page 11 (26-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 28-06-2010 01:01:52
อั๊ยยั้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น่าร้ากกกกกกกกกกกก เชียร์บอลๆๆๆ


เราสีเดียวกะน้องกรเลย เอริ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 28-06-2010 01:06:35
:z13:
จิ้มคุณคนแต่งไม่ทัน พาร์จิ้มพี่นุ่นก็ได้ (พี่นุ่นร่าเริ่งเชียวนะคะ 555555)
ทันเหตุการณ์สุดๆค่ะ ฮ่าๆ บอลจบอารมณ์ไม่จบใช่ม่าาา คิคิ




ฮ่าๆ พี่กันต์อารมณ์เดียวกะใครหลายๆคนมากๆอะค่ะ ขอบคุณนะคะ (แต่คู่นี้เค้าก็น่ารักกันอยู่ดีเนอะ อิอิ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-06-2010 01:36:14
กรน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 28-06-2010 01:57:56
เริงร่า เยอรมันชนะ (เกี่ยวกับเนื้อเรื่องมั้ยเนี่ย) 55+
พี่กันต์กับกรน่ารัก  :-[

ว่าแต่ บทลงโทษ ดูไม่รุนแรงแต่แอบหนักหน่วงอยู่นะนั่น  :laugh:


 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 28-06-2010 06:23:14
นึกว่า น้องกร จะยิง ประตูเพิ่มให้เยอรมัน ซะอีก  :m20:
+1 เป็นกำลังใจในการทำประตู :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-06-2010 10:35:29
เราเข้าใจหัวอกพี่กันต์ เพราะลูกรักร่วงไปตั้งแต่รอบแรกแล้วอะ  :o12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-06-2010 11:40:07
กรเด็กกว่าก็จริง  แต่ดู ๆ ไปจะเป็นผู้ใหญ่กว่ากันต์อีก
กรน่ารักดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-06-2010 15:47:19
กันต์น่ารักดี นิสัยเห็นเด็กเอาแต่ใจเลย
แล้วตกลงคู่นี้ ใครพี่ใครน้องล่ะเนี่ย :laugh:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 28-06-2010 17:00:05
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะกรเกือบจะโดนพี่กันต์โกธรแบบไม่มีเหตุผลแล้วมั้ยล่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 28-06-2010 18:42:24
 :o12:

เข้าใจพี่กันต์เลยอ่ะ แบบว่าอารมณ์เดียวกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-06-2010 18:51:38
น่ารักอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 28-06-2010 18:59:39
นิสัยกันต์เหมือนเด็กเลยเอาแต่ใจ แต่น่ารักดี :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 28-06-2010 21:57:38
 o18

พี่กันต์นี่บางทีก็ดูเป็นผู้ใหญ่นะ แต่พอถึงเวลาจะเอาแต่ใจนี่ก็สุดๆ เลยอ่ะ

แต่ก็ชอบนะ น่ารักดี แบบว่าเป็นตัวของตัวเอง 555+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 28-06-2010 22:33:23
พี่กันต์อินกับผลบอลมากมายอ่ะ...แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ นึง คริคริ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-06-2010 23:21:21
ตลกและตาหลกจริงๆพี่กันต์นี่ ขนาดแค่เชียร์บอลนะยังเป็นไปด้าย นิสัยเด็กมากๆเลยดีนะมีคนเข้าใจไม่งั้นแย่เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 30-06-2010 12:58:48
คิดถึงพี่กันต์กะน้องกรแล้วอ่ะ

เมื่อไหร่จะมานะ
:กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 30-06-2010 13:51:15
พี่กันต์เซ็งเลยดิ  :laugh:

ตอนพิเศษน่ารักดีค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 20 ของใคร [P11] + ตอนพิเศษ ขาว-แดง [P12] (28-06-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 01-07-2010 20:18:50
ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2]

แล้วก็วนมาถึงสัปดาห์แรกของเดือนอีกครั้ง สัปดาห์ที่ผมจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการประชุม โดยเริ่มต้นวันแรกด้วยการประชุมกับทีมงานของนิตยสาร Indeed ที่ออฟฟิศ สำหรับการประชุมในส่วนนี้ก็ยังคงผ่านไปได้ด้วยดีเหมือนอย่างเคย จะมีเรื่องที่เน้นหนักๆ และให้คิดกันอยู่ไม่กี่เรื่อง โดยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของการรักษาสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้คงอยู่และต้องไม่ละเลยที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นไปกว่าเดิม การสร้างและปรับแนวทางของนิตยสารในบางจุด ให้มีความสมดุลระหว่างคนทำ คนอ่าน และโฆษณา รวมถึงการวิเคราะห์และมองความเป็นไปได้ทางการตลาดในการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ เพื่อขยายกลุ่มผู้อ่าน แต่ทั้งหมดนั้นต้องเป็นไปตามจุดยืนของนิตยสารที่เรากำหนดไว้



แต่การทำงานของผมมันยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะทั้งเมื่อวานและวันนี้ผมก็ต้องไปเผชิญกับสิ่งที่มันน่าจะเรียกได้ว่า เป็นการทำงานอย่างแท้จริง เป็นบทบาทที่ผมจะต้องรับ และทำมันให้ดีที่สุด ในฐานะประธานบริษัทฯ ผมต้องเตรียมตัวรับมือกับการขยายตัวของบริษัทฯ ที่มันกำลังจะโตขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการสร้างตัวเองให้เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเดียวที่ยากและหนักสำหรับผมในตอนนี้ แต่ผมก็เชื่อมั่นว่าผมจะทำมันสำเร็จในไม่ช้า
.
.
.

หลังจากการประชุมในช่วงเช้าของวันนี้ผ่านไป ผมก็มานั่งดูเอกสารและประเมินเนื้อหาการประชุมที่เพิ่งผ่านพ้นไปอยู่ในห้องทำงาน สำหรับการวางแผนงานที่จะทำต่อไป ซึ่งคงใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงก่อนจะออกจากที่นี่ และแวะกลับเข้าไปที่ออฟฟิศอีกครั้งเพื่อตรวจดูงานที่อาจจะค้างอยู่หลังจากที่ผมไม่ได้เข้าไปเมื่อวาน รวมถึงช่วงเช้าของวันนี้

“<<ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป หน้าที่ของฉัน แค่เพียงรักเธอวันนี้ทั้งหัวใจ …>>” แล้วเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น ทำให้ผมต้องละมือจากแฟ้มที่กำลังเปิดอยู่ ไปเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาเพื่อกดรับสาย



“ครับ”

“พี่กันต์ ประชุมเรียบร้อยดีไหมครับ แล้วเหนื่อยหรือเปล่า” เสียงจากปลายสายถามเข้ามา และมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้หลังจากผ่านเรื่องเครียดๆ จากการทำงานมา

“ก็เรียบร้อยดี มีเหนื่อยบ้าง แล้วกรล่ะ” ผมตอบ แล้วก็ถามเขากลับไปบ้าง ซึ่งการถามความเป็นไปของอีกฝ่ายนั้น ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นนิสัยหรือความเคยชินของเราสองคนไปแล้วเวลาที่โทรคุยกันหรือเจอหน้ากันเมื่อกลับถึงบ้าน

“คุยมาแล้ว ก็เรียบร้อยดี” เขาตอบ

“อื้อ พี่กันต์ วันนี้กรกับเพื่อนจะพาน้องรหัสไปเลี้ยงที่ร้านพี่อาร์ คงกลับดึกๆ นะ” เสียงจากปลายสายบอกผม

“อืม แล้วจะขับรถไปหรือเปล่า” ผมถาม เพราะเท่าที่เห็นเขาจะไม่ค่อยเอารถไปเองเวลาออกไปเที่ยว ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะได้ออกไปรับ

“คงไม่ล่ะ เดี๋ยวกรเอารถกลับมาเก็บที่คอนโดฯ ก่อน แล้วนั่งแทกซี่ไปกลับเอา ทำตามนโยบายเมาไม่ขับไง” เขาบอกผม และก็เป็นตามที่ผมคิดเอาไว้

“อืม จะกลับตอนไหนก็โทรหาแล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปรับ ว่าจะแวะเอาหนังสือไปให้อาร์มันด้วย วันนี้ที่โรงพิมพ์เอาตัวอย่างที่พิมพ์เสร็จแล้วมาให้ ว่าจะเอาไปให้มันก่อนวางแผง”

“แล้วของกรล่ะ พี่เอามาให้ด้วยเปล่า” เสียงของกรที่รีบทวงถามขึ้นมา เมื่อฟังสิ่งที่ผมพูดจนจบแล้ว

“เปล่า” ผมแกล้งตอบไป ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ตั้งใจเก็บไว้ให้เขาแล้วเหมือนกัน

“โห อะไรอ่ะ” แล้วเสียงประท้วงก็ตามมาทันที

“เออ เก็บไว้แล้วน่า” ผมบอกก่อนที่เขาจะพูดบ่นผมออกมาเสียยืดยาว

“ก็พูดไปงั้น ยังไงก็รู้อยู่แล้วแหละ ว่าแฟนกรอ่ะ เป็นคนดีที่สุด รักแฟนที่สุด เพราะฉะนั้นไม่มีทางไม่มีทางลืมกรได้อยู่แล้ว” เออนะ ไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยผม

“หรอ เดี๋ยวยังไงแค่นี้ก่อนนะ พี่จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ คืนนี้เจอกัน”  

“ครับ แล้วเจอกัน”




....................................................................


ผมกลับมาถึงออฟฟิศ และเริ่มเคลียร์งานตอนสี่โมงครึ่ง กว่าที่ผมจะเคลียร์งานจนเสร็จและได้ขับรถกลับคอนโดฯ ก็ตอนเกือบๆ สามทุ่ม ที่ผมกลับไปก็เพื่อที่จะกลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น ก่อนจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง

และในเวลาไม่นานนักผมก็อยู่ในเชิ้ตสีดำขนาดพอดีตัว พับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำสนิท คาดทับด้วยเข็มขัดแบรนด์ดังที่ได้มาตอนไปซื้อเสื้อผ้าพร้อมกับอีกคนเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา และสุดท้ายเครื่องประดับที่ขาดไม่ได้เลยไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนนั่นก็คือ นาฬิกาข้อมือ และเรือนนี้ก็เป็นเรือนโปรดที่ผมมักจะหยิบขึ้นมาใส่ประจำเมื่อสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม แล้วผมก็คว้าโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์และกุญแจรถที่วางอยู่ด้วยกันก่อนจะออกจากห้องไป

ผมขับรถมาถึงที่ร้านประมาณสี่ทุ่มครึ่ง พอมาถึงผมก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อไปหาไอ้อาร์ ซึ่งชั้นสองนี้นอกจากส่วนที่เป็นพื้นที่สำหรับนักเที่ยว นักดื่ม หรือผู้คนที่มาสังสรรค์พบปะกันแล้ว ก็จะมีส่วนหนึ่งที่ถูกกั้นเป็นห้องทำงานและห้องควบคุมเรื่องระบบต่างๆ ภายในร้าน รวมถึงโทรทัศน์ที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเพื่อดูความเป็นไปภายในร้านและเพื่อรักษาความปลอดภัยด้วย

ผมก็เข้ามานั่งคุยกับไอ้อาร์มันไปเรื่อยๆ เรื่องหนังสือบ้าง เรื่องที่ร้านมันบ้าง และผมก็บอกมันแค่ว่า ผมแวะเอาหนังสือมาให้มันก่อนที่หนังสือจะวางแผงเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าผมมาทำอะไรนอกเหนือจากนั้น จนเวลาผ่านไปถึงห้าทุ่มกว่าๆ เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมก็ดังขึ้น



“ครับ”

“อื้ม ๆ” ผมรับสายและตอบรับคนปลายสายเพียงสั้นๆ เมื่อเขาโทรมาเพื่อบอกผมว่าเขาอยู่ที่ไหน เพื่อที่จะให้ผมตามไปเจอ ก่อนที่เราจะกลับคอนโดฯ ซึ่งเขาเองก็ยังอยู่ที่โต๊ะกับเพื่อน และที่ผมต้องไปหาเขาที่โต๊ะ ก็เพราะฟังจากเสียงของเขาแล้วคงกำลังเมาได้ที่ แล้วยังเสียงที่ดังอยู่รอบตัว แค่บอกว่าอยู่ตรงไหนได้ก็ดีแล้ว แต่จะให้คุยอะไรกันมากกว่านี้คงไม่รู้เรื่อง    

พอวางสายแล้วผมก็บอกกับอาร์ว่าจะกลับแล้ว และก็เดินลงมาข้างล่างเพื่อไปหาอีกคนที่โต๊ะ
.
.
.


“กร” ผมเรียกคนที่นั่งอยู่ปลายสุดของโต๊ะ เมื่อเดินมาอยู่ข้างเขาแล้ว พอพวกเพื่อนมันเห็นผมก็ยังคงยกมือไหว้ทักทายกันตามปกติ จะมีพวกน้องรหัสที่พวกมันพามาเลี้ยงที่มองผมอย่างไม่แน่ใจว่าเป็นใคร และก็มีที่บางคนยกมือไหว้ตาม

สำหรับเพื่อนของกร เขาเองก็กลับมาเล่าให้ผมฟังว่า พวกนั้นรู้กันแล้วว่าเขากับผมกำลังคบกันแบบไหน และแต่ละคนก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรที่แสดงออกว่าไม่เห็นด้วย เพราะมันถือว่าเป็นการตัดสินใจของเขา แต่ผมก็บอกเขาไปว่าอย่าให้เรื่องของเรามีคนรับรู้มากนัก ซึ่งผมเองก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่กับเพื่อนที่สนิท จะมีก็แต่ไอ้ยุที่มันรู้เข้าโดยบังเอิญ มันไม่ใช่ว่าผมอายที่จะคบกับเขา แต่ด้วยหน้าตาทางสังคม และอะไรอีกหลายๆอย่าง ที่มันไม่ใช่ลำพังแค่ตัวผม แต่มันอาจจะไปถึงพ่อแม่ของผม และเป็นไปได้ที่จะมีผลกระทบด้านอื่นตามมา มันคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าถ้าเรื่องนี้จะมีคนรู้ให้น้อยที่สุด

และตอนนี้คนที่ผมมายืนเรียกเขาก็ยกแขนขึ้นมาคว้าเอวผมและรั้งให้เข้าไปยืนจนเกือบจะชิดกับเขา จนผมต้องยกมือขึ้นมาแกะแขนของเขาออก คือมันคงดูไม่ดีเท่าไหร่นัก ถ้าผมจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้ ซึ่งการกระทำมันคงไม่เป็นปัญหาหากเป็นเวลาที่เขากับผมอยู่กันตามลำพัง


“กร จะกลับเลยหรือเปล่า” ผมก้มลงไปและตะโกนถามเขา

“อื้อ” เขาพยักหน้าตอบ และพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ก็โงนเงนเสียหลักจนต้องกลับลงไปนั่งอีกครั้ง แล้วส่งมือมาคว้าเอวผมไปด้วย จนผมไปยืนแทรกอยู่ระหว่างขาของเขาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ผมเองก็พยายามจะดึงตัวเองออกอีกครั้ง

จริงๆ มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงผมจะมายืนอยู่ในท่าล่อแหลมแบบนี้ เพราะตอนนี้คนที่อยู่รอบข้างตัวผม ก็เบียดเสียดเสียจนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ยิ่งอยู่ภายใต้แสงสลัวแบบนี้ มันก็คงไม่เป็นที่สังเกตเท่าไรนัก แม้แต่พวกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันตอนนี้ ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจอะไรกับพวกผมสองคน เพราะต่างคนก็ต่างสนุกสนานไปกับเสียงเพลงและให้ความสนใจกับเครื่องดื่มที่อยู่ในมือ

แล้วก็สมกับที่เขาเรียกกันว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย เพราะตอนนี้มันได้เปลี่ยนคนที่อยู่ตรงหน้าผมให้กลายเป็นคนที่มีสายตาเจ้าชู้ กรุ้มกริ่มไปโดยที่เขาเองก็คงไม่รู้ตัว และนอกจากสายตาที่ดูเปลี่ยนไปแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่ามือของเขามันจะไวเกินไปแล้ว เดี๋ยวก็คว้าเอวผมเข้ามาชิดกับตัวเอง เดี๋ยวก็เอามือผมไปเล่น จะโวยวายหรือผลักไสอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะมันจะกลายเป็นที่สังเกต เลยได้แต่พยายามแกะมือปลาหมึกนั่นออก และฉุดประคองตัวเขาให้ลุกขึ้น เพื่อที่เราจะได้กลับกันเสียที ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย เดย์มาบอกผมว่าเดี๋ยวมันค่อยไปเคลียร์กันเองทีหลังให้ผมพากรกลับไปได้เลย

และในจังหวะที่ผมประคองกรและหมุนตัวกลับหลังเพื่อที่จะเดินออกไป ผมก็พบกับใครคนหนึ่ง


“พี่กาวน์” ผมเรียกชื่อของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับมองเขาด้วยความตกใจปนประหลาดใจเพราะไม่คาดคิดว่าจะมาเจอเขาอยู่ที่นี่ตอนนี้ แต่เขาเองกลับทำเพียงแค่มองกลับมา และมองอยู่แบบนั้นก่อนจะพูดออกมา

“จะกลับเลยหรือเปล่า” พี่กาวน์ถาม ผมเองก็พยักหน้าตอบกลับไป จากนั้นพี่เขาก็เดินไปยืนอีกฝั่งของกร และช่วยผมประคองกรเดินออกไปนอกร้าน

พี่กาวน์เป็นลูกชายของอาพิม น้องสาวคนเดียวของพ่อผม เราสองคนต่างก็เป็นลูกคนเดียวของบ้าน ตอนเด็กๆ ก็ถูกเลี้ยงให้โตมาด้วยกัน เลยทำให้เราสนิทกันจนเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา จนมาถึงช่วงที่พี่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เขาเลือกที่จะไปเรียนในต่างประเทศ ตอนแรกผมเองก็คิดว่าจะตามไป แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ แล้วผมก็ได้ไปเจอกับพี่กาวน์อีกทีตอนไปเรียนโท ซึ่งผมก็ไปอยู่กับพี่กาวน์ซึ่งเลือกทำงานอยู่ที่นั่น แทนที่จะกลับมาทำที่บริษัทฯ ของตัวเอง


พอมาถึงรถผม ผมก็เปิดประตูฝั่งข้างคนขับ แล้วให้กรเข้าไปนั่งรอผมอยู่ในรถ โดยเปิดประตูรถทิ้งไว้ กรเองก็เมามากพอสมควร เขาเองก็เลยได้แต่มองผมกับพี่กาวน์โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นผมจะหันกลับมาที่พี่กาวน์ที่ยังคงยืนอยู่ทางด้านหลัง



“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่มีใครบอกกันต์” ผมถาม เพราะปกติเวลาที่พี่เขากลับมาเมืองไทย ก็จะบอกผมก่อนทุกครั้งหรือไม่อย่างนั้นอาพิมก็จะเป็นฝ่ายโทรมาบอก

“เพิ่งกลับมาเมื่อคืน แล้วที่มาก็บริษัทฯ พามาก็เลยมา” พี่กาวน์ตอบ

“แล้วพี่จะกลับมาอยู่ที่นี่เลยหรือเปล่า”

“เปล่า พี่กลับมาดูงานที่นี่ อีกสามอาทิตย์ก็จะกลับ”

“แล้วเราล่ะมากับใคร” หลังจากที่ผมถามเรื่องเขาไปแล้ว ก็ถึงคราวที่เขาย้อนกลับมาถามเรื่องของผมบ้าง

“กร เป็นน้องที่มาช่วยงาน” ผมมักจะตอบออกไปแบบนี้เวลาที่มีใครถามคำถามนี้กับผม

“เราอย่าคิดว่าทำอะไรแล้วไม่มีคนเห็น ทีหลังก็หัดระวังตัวให้มันมากกว่านี้” พี่กาวน์พูดประโยคนี้ออกมา และมันก็ทำให้ผมอึ้งไปพอสมควร

“พี่กาวน์...” ผมได้แต่เอ่ยชื่อพี่เขาออกไป

“เดี๋ยวเรากับพี่คงมีเรื่องที่จะต้องคุยกัน วันนี้กลับไปนอนซะ พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงาน” แล้วพี่กาวน์ก็พูดออกมาคล้ายจะสั่งผมอยู่ในที

“ครับ”

แล้วพี่กาวน์ก็ยืนอยู่ตรงนั้นรอจนผมออกรถไป และเมื่อมองกระจกหลังถึงเห็นว่าพี่กาวน์เดินกลับเข้าไปในร้านตอนผมขับรถออกมาแล้ว
.
.
.

พอขับรถออกมาได้สักพัก ผมก็หันไปมองคนที่อยู่ข้างผมซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว ผมยื่นมือข้างหนึ่งไปคว้ามือของเขาที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมากุมเอาไว้และบีบเบาๆ ผมกุมมือเขาไว้แบบนั้นตลอดทางที่ผมขับรถกลับคอนโดฯ ไปอย่างไม่รีบร้อน



และผมก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการที่ปล่อยให้ตัวเองรับรู้เพียงว่า ผมกำลังกุมมือของเขาไว้

...................................................................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-07-2010 20:31:01
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 01-07-2010 21:38:04
 :a5:

จะดราม่าอีกแล้วใช่มั๊ยยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-07-2010 21:51:42
สู้ ๆ ค่ะ  หวังว่าพี่กาวน์คงจะใจกว้างพอสมกับที่ไปอยู่เมืองนอกมานานนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 01-07-2010 21:53:19
มาช่วยหรือมากดดันนะพี่ชายคนนี้ ลุ้นลุ้น :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 01-07-2010 22:50:57
จะเป็นพี่ชายแบบไหนกันน้า พี่กาวน์

ดูเหมือนจะมีอะไรให้ลุ้นอีกแล้ว

 :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 01-07-2010 22:57:06
:กอด1:
อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟันน้าาา ^^
ถ้าผ่านไปได้ ทุกอย่างก็ราบรื่น~
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-07-2010 23:08:19
ทำไงได้ ก็คนมันเมา  :laugh:
แต่.. พี่กันต์ไหวอยู่แล้วเนอะ  :a2:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 01-07-2010 23:44:09
มาม่าชามโต รอคุณๆ ทั้ง หลายอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 02-07-2010 03:23:15
ลุ้นอีกแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 02-07-2010 06:40:27
กำลังหวานฉ่ำอยู่ดี ๆ  พี่กาวน์จะเป็นตัวขวาง หรือ ตัวดันกันแน่ มาลุ้นกัน
+1 เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-07-2010 09:58:33
เวลาที่เรามีเรื่องที่ไม่อยากบอกใคร จะต้องมีแขกไม่ได้รับเชิญร่วมแจมทุกทีสิน่า หรืออย่างที่เขาบอกกันว่า ความลับไม่มีในโลกนี้ มันคงจริง  o22
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 02-07-2010 10:12:08
เอาแล้วๆ ดราม่ามาแล้ว ลุ้นๆ สนุกมากเลยอ่ะ ชอบๆๆ  o13

ไรเตอร์เก่งมากๆเลยจ้า สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 02-07-2010 20:20:02
สู้ สู้นะเป็นกำลังใจให้ไม่ให้ขาดเลยนิ ต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหน่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 02-07-2010 20:54:02
เอาใจช่วยทั้งคู่กันต่อไป

 :กอด1:



หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 02-07-2010 21:10:20
งานจะเข้าพี่กันต์ป่าวเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [1/2] P.13 (01-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 02-07-2010 23:30:45
ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2]

“กร ถึงแล้ว” ผมเอื้อมมือไปเขย่าตัวเพื่อปลุกเขา หลังจากผมขับรถเข้ามาจอดที่คอนโดฯ แล้ว

“อื้อ” เสียงครางงึมงำดังขึ้นตอบรับเสียงเรียกของผม จากนั้นเราทั้งคู่ก็เปิดประตูลงจากรถ โดยที่ผมลงจากรถมาก่อนและรีบเดินไปที่ประตูอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อช่วยประคองคนที่มีสติเหลืออยู่น้อยเต็มที สำหรับผมแล้วเรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องที่น่ารำคาญหรือชวนหงุดหงิดอะไร เพราะผมเองก็มีบ้างที่กินที่เที่ยวจนมีสภาพไม่ต่างจากอีกคนในตอนนี้
.
.
.
แล้วผมก็ประคองเขามาถึงห้องจนได้ แต่กว่าจะมาถึงก็ทำเอาเสียแรงไปเยอะเหมือนกัน หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลาไม่นานนัก เพื่อจัดการกับคนที่นอนหมดสภาพให้มาอยู่ในเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นสำหรับใส่นอนของเจ้าตัว ที่เขาบอกผมว่าใส่สบายนักหนาจะไม่สบายได้ยังไง ก็มันเปื่อยเสียขนาดนี้ หลังจากจัดการกับอีกคนไปแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะไปอาบน้ำ แล้วเข้านอนบ้าง    



และวันของผมก็หมดไปอีกหนึ่งวัน วันที่ผมยังได้กุมมือเขา ได้กอด และนอนหลับไปพร้อมกับเขา และวันพรุ่งนี้ผมจะตื่นขึ้นมาเจอกับเขา



…………………………………………………………


แล้วเช้าวันใหม่ของผมก็ตื่นขึ้นมา พร้อมกับคนข้างกายที่ตื่นขึ้นมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แต่ผมเป็นฝ่ายที่ลุกจากเตียงออกมาก่อน จากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว แต่ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัว พอผมออกมาจากห้องน้ำ ก็ยังเห็นเขานั่งอยู่บนเตียง ท่าทางคงจะมึนๆ หัวอยู่ ผมเลยเดินออกจากห้องและตรงไปที่ครัว หยิบถ้วยมาสองใบเพื่อชงกาแฟสำหรับเราสองคน อาการเมาค้างแบบนั้น ได้กาแฟดำสักถ้วยคงจะช่วยให้ดีขึ้น

พอผมชงกาแฟเสร็จก็พอดีกับกรที่เดินเข้ามาในครัวพอดี ผมเลยยื่นถ้วยกาแฟไปให้เขารับเอาไว้ ก่อนที่เราจะเดินออกไปที่ระเบียงด้วยกัน


“ปวดหัวหรือเปล่า” ผมหันไปถามกรที่ตอนนี้ยืนจิบกาแฟอยู่ข้างผม แล้วเขาก็ส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ

“คนที่เจอเมื่อวานเป็นเพื่อนพี่หรอ กรไม่เคยเห็นมาก่อน” กรถามผมขึ้นมาบ้าง

“พี่ชาย”

“พี่มีพี่ชายด้วยหรอ” เขาถามพร้อมกับทำหน้าสงสัย เพราะเขารู้ว่าผมเป็นลูกคนเดียว

“เป็นลูกพี่ลูกน้อง เขาอยู่ต่างประเทศ นี่ก็กลับมาดูงาน” ผมตอบ

“อื้อ”

“พี่ไปแต่งตัวแล้วนะ” ผมบอกแล้วก็เดินกลับเขาห้อง แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้เลยหันไปบอกเขา

“เอ่อ กร พี่เทน้ำส้มใส่แก้วเอาไว้ให้อยู่ในตู้เย็น อย่าลืมกินนะ”

“ครับ ขอบคุณครับ” เขารับคำแล้วก็ยิ้มให้ผม ผมเองก็ยิ้มบางๆ ตอบกลับไปให้เขา
.
.
.
พอผมอาบน้ำแต่งตัว อยู่ในชุดที่พร้อมจะออกไปทำงาน ก็ออกจากห้องนอน และเดินไปหาอีกคนที่นั่งดูข่าวภาคเช้าอยู่ที่โซฟา แล้วผมก็เห็นแก้วน้ำส้มที่ถูกดื่มไปจนหมดแล้ววางอยู่บนโต๊ะ

“เย็นนี้อยากกินอะไรจะได้แวะซื้อของเข้ามาทำ” ผมถามเมื่อมายืนอยู่ข้างๆ เขา

“อืม...” แล้วเขาก็ทำหน้าทำตาครุ่นคิดกับคำถามของผม

“กินอะไรดีอ่ะ” เขาถามผมกลับ ขณะที่ตัวเองก็ยังทำท่าคิดต่อไป

“กินพี่แทนได้ป่ะ” เขาก็ตอบพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วยื่นแขนสองข้างออกมาหวังจะคว้าตัวผม แต่ผมก็เร็วกว่าถอยหลบออกมาได้ก่อน ผมก็เลยได้เห็นคนนั่งทำหน้ามุ่ย

“หึหึ ตกลงจะกินอะไร” ผมถามอีกครั้ง

“ปลาทอด แล้วก็... หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง”

“อืม พี่ไปแล้วนะ” ผมรับคำ แล้วกำลังจะเดินออกไป แต่ก็ถูกเรียกเอาไว้ก่อน
.
.
.
“พี่กันต์ กรฝากซื้ออะไรหน่อยสิ” เขาเรียกผมไว้แล้วกวักมือเรียกให้เขาไปหา ผมเลยเดินกลับไปใหม่

“อะไร” ผมถาม ส่วนเขาก็ลุกขึ้นมายืน แล้วโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม

“......”

“ไปซื้อเองสิ” ผมบอก แล้วเตรียมจะหมุนตัวกลับเพื่อเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง ให้ซื้ออะไรไม่ซื้อ แถมบอกไซส์ บอกแบบมาเสียดิบดี ของแบบนั้นไปซื้อเอาเองเถอะ

“ก็วันนี้กรไม่ได้ออกไปไหนนี่ แล้วมันก็หมดแล้ว เดี๋ยวทำเลอะที่นอนพี่ก็บ่นอีกอ่ะ” เขาบอกแล้วก็ทำเสียงกระเง้ากระงอดค่อนขอดผม

“ไม่มีก็ไม่ต้องทำ” ผมตอบกลับไปบ้าง แล้วผมก็รู้สึกว่าเลือดมันกำลังขึ้นไปเลี้ยงที่หน้าผมมากจนรู้สึกได้ ไอ้บ้าเอ้ย!! ถ้าเมื่อก่อนผมเดินไปซื้อของแบบนั้นมันก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ตอนนี้มันเหมือนกันซะที่ไหน

“พี่หน้าแดงอ่ะ เป็นอะไรหรอ ไม่สบายหรือเปล่า” นี่มันถามเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าผมรู้สึกยังไงหรือตั้งใจจะแหย่ผมกันแน่

“เปล่า ไปล่ะเดี๋ยวสาย” ผมตอบแล้วก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ก็มิวายได้ยินสียงหัวเราะเบาๆ แว่วตามหลังมา

“ฮาๆๆ ขับรถดีๆ นะครับ เย็นนี้จะรอกินปลาทอดน้า” มันน่า... นักเชียว ฮึ่ย!!  



....................................................................
 

แล้วช่วงเช้าของการทำงานวันนี้คงเป็นการคุยกันเพื่อวางรูปแบบและธีมของหนังสือฉบับเดือนหน้า ว่าจะนำเสนอออกมาในรูปแบบไหน รวมถึงการหานายแบบหรือนางแบบมาลงปก พอวางแนวทางกันคร่าวๆ ได้แล้วค่อยแยกย้ายกันไปทำในแต่ละส่วนที่แต่ละคนรับผิดชอบ

ส่วนผมก็กลับมาดูงานของตัวเองที่กองอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งงานฝั่งนี้แล้วก็ฝั่งโรงพิมพ์  จนใกล้เที่ยงเสียงโทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น


“ครับแม่” ผมรับสาย

“อาทิยต์นี้กลับมาบ้านนะลูก วันเสาร์อาพิมเขาจะมากินข้าวที่บ้านเรา พี่กาวน์ก็มานะ”

“ครับ เมื่อคืนกันต์ก็เจอพี่เขา” ผมบอก ได้เจอแบบไม่ทันตั้งตัวเสียด้วย แถมมาเจอในจังหวะที่ไม่ควรจะเจอเสียอีก คิดแล้วก็ต้องแอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ  

“อ้าว เจอพี่เขาแล้วหรอ” แม่ผมถาม

“ครับ เจอกันเมื่อคืน”

“จ้ะ ถ้ายังไงเจอกันวันเสาร์นะลูก”

“ครับแม่” แล้วผมก็วางสายจากแม่


จากนั้นผมก็อดคิดถึงตอนที่จะต้องเจอกับพี่กาวน์ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ไม่ได้ จนสุดท้ายผมก็ได้แต่หวังว่าพี่กาวน์จะยังเป็นพี่กาวน์คนเดิม คนที่ผมไว้ใจและเข้าใจผมที่สุด

.
.
.

“พี่กาวน์ ๆ” เสียงของผมในวัยห้าขวบที่เดินเรียกหาพี่ชายคนเดียวไปรอบบ้านหลังใหญ่หลังจากตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวันแล้วไม่เจอใคร และผมในวัยนั้นก็รู้สึกว่าบ้านของตัวเองมันใหญ่เกินไป เพราะผมต้องเดินตามหาพี่ชายจนเหนื่อย แล้วตามเท่าไหร่ก็ไม่เจอเสียที ตอนเด็กๆ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์พี่กาวน์จะมาหาคุณย่าที่บ้าน แล้วก็มาเป็นเพื่อนเล่นกับผม จนมีอยู่หนึ่งอาทิตย์ที่พี่กาวน์ไม่สบายเลยไม่ได้มาที่บ้าน ผมก็ร้องไห้โยเยเสียจนสุดท้ายพ่อต้องพาผมไปหาพี่กาวน์ที่บ้าน แล้วผมก็พาลไม่สบายตามไปด้วยอีกคน

“ป้านิ่มคับ พี่กาวน์อยู่ไหน กันต์หาพี่ไม่เจอ” ผมถาม เมื่อเดินมาเจอกับป้านิ่มที่อยู่ในครัวกำลังเตรียมขนมไว้ให้ผม

“พี่กาวน์ให้ลุงนานพาไปร้านหนังสือค่ะ คงใกล้จะกลับมาแล้ว” ป้านิ่มตอบผม ผมจำได้ว่าผมไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่เดินออกมาจากห้องครัว แล้วกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง



>>แอ้ดดด...<<

แล้วเสียงเปิดประตูก็ทำให้ผม ซึ่งกำลังนอนคว่ำซบหน้ากับหมอนร้องไห้อยู่บนเตียง หันกลับไปมองตามเสียง

“พี่กลับมาแล้ว” คนที่อายุมากกว่าผมสามปีพูดแล้วเดินเข้ามาหาผม ส่วนผมแค่หันไปมองแล้วก็หันกลับมาซบหน้ากับหมอนเหมือนเดิม

“ฮึกๆ ๆ พี่กาวน์ทิ้งกันต์ พี่กาวน์ใจร้าย ฮึกๆ” เสียงพูดตัดพ้อปนเสียงสะอื้นถูกส่งไปยังคนตัวโตกว่าที่ขึ้นมาบนเตียงและมานั่งอยู่ข้างผม  

“พี่ขอโทษครับ แต่พี่มีอะไรมาให้ด้วยนะ” พี่กาวน์พูด ทำให้ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วพี่กาวน์ก็เอาถุงที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมา แล้วก็เปิดถุงหยิบเอาของที่อยู่ข้างในออกมา

“นี่ไง!! สมุดระบายสีที่กันต์อยากได้ไง พี่ขอคุณย่าให้ลุงนานพาไปซื้อมาตอนที่กันต์หลับอยู่ ตื่นมาแล้วจะได้ระบายสีไง”

“มาระบายสีกันไม่ร้องนะ” แล้วพี่กาวน์ก็ยื่นสมุดระบายสีที่หน้าปกเป็นรูปตัวการ์ตูนอุลตร้าแมนมาให้ผม ผมก็ลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังสะอื้นอยู่แล้วรับของจากมือพี่กาวน์

“นี่!! พี่มีสีกล่องใหม่ด้วย” พี่กาวน์พูดแล้วก็หยิบสีกล่องใหม่ที่อยู่ในถุงยื่นมาให้ผม

“พี่อย่าทิ้งกันต์ไปไหนอีกนะ” เมื่อผมหยุดสะอื้นแล้วก็พูดขึ้นมาบ้าง

“ถ้าพี่กาวน์จะไปไหนต้องให้กันต์ไปด้วย” ผมพูดคล้ายกับจะสั่งคนตรงหน้า

“ครับ”

“สัญญา” ผมพูด พร้อมกับยื่นนิ้วก้อยเล็กๆ ไปตรงหน้าพี่กาวน์

“สัญญาครับ” พี่กันต์พูดแล้วก็ยื่นนิ้วก้อยเล็กๆ ของตัวเองมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผม แล้วยกแขนขึ้นลงเบาๆ เป็นการให้สัญญา


ผมนึกภาพของตัวเองในวัยเด็ก ก่อนที่ผมจะเก็บความทรงจำนั้นไว้ และลุกออกจากโต๊ะเพื่อจะลงไปกินข้าวกลางวันที่ให้แม่บ้านจัดไว้ให้

---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 02-07-2010 23:37:34
^
^
จิ้มๆค่ะ >.<

ตายละน้องกรขา...ฝากอะไรไม่ฝากเนาะ คิคิ
พี่กาวน์นี่ยังไม่รู้จุดประสงค์เนอะคะ ไม่รู้มาดีมั้ย...ถ้าเป็นพี่ชายที่เข้าใจน้องก็น่าจะยอมรับการตัดสินใจของน้องน้าา..
แต่ถ้าไอ้คำสัญญาที่ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แล้วมันดันมีเหตุผลที่ทำให้ไม่อยากทิ้งเพิ่มมาอีกนี่ก็...

รอคอยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่าาา  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-07-2010 23:49:32
กรหื่นนะ  แหม ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 02-07-2010 23:52:57
ตอนนี้ก็ลุ้นพี่กาวน์อย่างเดียวเลย ว่าจะยังไง
ว่าแต่น้องกร ขนาดเมายังเมมดีอีกนะ ถามถึงพี่กาวน์ได้อีก หึหึ

เป็นกำลังใจให้นะคะ รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 03-07-2010 00:02:42
พี่กาวน์..


จะมีอะไรมากกว่านั้นมั้ยนะ?

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 03-07-2010 00:19:22
มาให้กำลังใจนายกันต์
วันเสาร์ เฮ้อ!
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 03-07-2010 03:13:07
พี่กาวน์ดูเป็นคนดีออกนะ ต้องเข้าใจกันต์สิ
แต่พี่กาวน์คนนี้คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้เนาะ
ยิ่งเคยสัญญาอะไรกันไว้อีก
แอบหวั่นวาจะได้กินมาม่าชามโต~
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 03-07-2010 06:18:03
ขี้เหงา แต่เด็ก แล้วไอ้สัญญานั้น จะทำไง เกิดพี่กาวน์ มาทวงสัญญาละ
เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว
+1 เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 03-07-2010 11:23:59
อืมมม จิงด้วย ถ้าพี่กาวน์มาทวงสัญญาทำไงเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 03-07-2010 11:42:24
พี่กาวน์ของน้องกันต์ แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่มันดูแหม่งๆยังไงอยู่นา หวังว่าคงไม่ใช่ปัญหาอุปสรรคนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-07-2010 12:14:42
เฮ้อ....มันจะยุ่งยากอีกมั้ยเนี่ย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพี่กันต์ยิ่งเป็นประเภทคิดมากอยู่ด้วย...หวังว่าพี่กันต์จะสู้และเข้มแข็งจนถึงที่สุด

พี่กาว์นกลับๆไปเหอะ หุหุ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 03-07-2010 17:43:17
พี่กันต์ตอนเด็กก็ขี้เหงา ขี้ใจน้อยเหมือนกันนะ

ถึงตอนนี้จะโตแล้วก็ต้องดูแลดีๆ นะน้องกร

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 03-07-2010 17:43:55
ทำมัยน้องกรไม่บอกพี่กันต์ล่ะว่าไม่ซื้อก้อไม่เป็นไรงั้นต่อไปนี้ไม่ต้องใช้ :haun4: ฮิ ฮิ ฮิ
คิดลึกน่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-07-2010 00:19:23
หวังว่า พี่กาวน์น่าจะเข้าใจและให้กำลังใจน้องคนนี้นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-07-2010 00:35:13
อ่า.........ตัวละครคีย์ของเรื่องโผล่ออกมาแล้วสินี่
พี่กาวน์คะ พี่กาวน์รักพี่กันต์แบบน้องชายเจ๋ยๆชิมิคร้า????
แล้ว.....แล้วจะเข้าอกเข้าใจ ไม่ขัดขวางน้องด้วยงั้นใช่ม้ายยยยย?

.........................
ของฝากน้องกวางค่ะ จุ๊บๆกอดๆ
และตอนนี้คนที่ผมมายืนเรียกเขาก็ยกเขียนขึ้นมาคว้าเอวผม (ยกแขนค่ะ)
กรุ่มกริ่มไปโดยที่เขาเอง (กรุ้มกริ่ม)
...................................ครึ่งหลังค่ะ
แล้วผมก็ประคองเขามาถึงจนห้องได้ (ถึงห้องจนได้เนอะ?)
ขณะที่ตัวเองกยังทำท่าคิดต่อไป (ก็?)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 04-07-2010 18:09:44
อ่านะ  :เฮ้อ:

งานจะเข้าพี่กันต์หรือจะเป็นแนวร่วมมาช่วยอ่ะ

พี่กาวน์เป็นพี่ชายที่แสนดีใช่ม้ายยย... 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 21 มือที่กุมไว้ [2/2] P.13 (02-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 06-07-2010 22:30:32
ตอนที่ 22 ทางเลือก

ตอนนี้ผมกับพี่กาวน์กำลังช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวอยู่ข้างสระว่ายน้ำ ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูเด็ดของพี่กาวน์ที่ผมเป็นคนเรียกร้องว่าอยากกิน ส่วนพ่อกับแม่ของผม อาพิม และอานนท์สามีของอาพิมนั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งห่างออกไปจากจุดที่ผมยืนอยู่เล็กน้อย  

ในขณะที่ผมกับพี่กาวน์ยืนปิ้งบาร์บีคิวอยู่ เราสองคนก็คุยกันไป เรื่องส่วนใหญ่ที่คุยกันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องงาน เพราะพี่กาวน์กำลังจะเปิดบริษัทฯ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่นู่น ส่วนผมก็คุยเรื่องงานทางนี้ให้ฟังว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่บ้าง แล้วก็ชวนกันคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปตามประสาผู้ชาย และคงหนีไม่พ้นเรื่องรถยนต์ที่เราสองพี่น้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากพอๆ กัน

แต่บอกตามตรงว่าจนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังอดที่จะกังวลไม่ได้กับเรื่องที่ผมไปเจอกับพี่กาวน์โดยบังเอิญในคืนที่ผมไปรับกร เพราะผมรู้ว่าพี่กาวน์คงไม่ปล่อยให้เรื่องนั้นผ่านไป เพียงแต่เมื่อไหร่จะถึงเวลาที่เขาจะพูดออกมาเท่านั้น
.
.
.
“พี่กาวน์ว่ากันต์จะซื้อดีไหม กันต์ไปลองขับมาแล้ว” ผมพูดถึงรถที่กำลังอยากได้ในตอนนี้ เลยลองถามความคิดเห็นของพี่กาวน์ดูบ้าง เพราะเรามักจะคิดอะไรตรงกัน

“อืม พี่ก็ชอบ เพิ่งไปลองเทสก่อนบินมานี่เหมือนกัน” พี่กาวน์ตอบ

"โอเค กันต์จะซื้อ” ผมบอก ผมว่าหลายๆ คนก็อาจจะเป็นแบบเดียวกันกับผม ที่บางครั้งเราเองก็เลือกแล้ว ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอะไรบางอย่าง แต่มันเหมือนกับว่ามีความไม่แน่ใจติดอยู่ พอมีใครสักคนบอกว่าเห็นด้วยกับเรา มันก็จะทำให้มั่นใจกับการตัดสินใจของตัวเองมากขึ้น

“เรานี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ คิดไว้หมดแล้ว ก็ยังอุตส่าห์ถาม” พี่กาวน์พูด พลางส่ายหน้าแบบระอาผมเสียเต็มที

“ก็เผื่อว่ามีอะไรพลาดขึ้นมา จะได้ไม่โทษตัวเองคนเดียวไง” ผมพูดกลับไปบ้าง

“เอาเหอะ” พี่เขาพูด แล้วก็ขยับมือพลิกกลับด้านบาร์บีคิวที่อยู่บนเตาไปด้วย

“เรื่องรถเราเลือกแล้วยังเอามาถามพี่ แล้วเรื่องอื่นล่ะ” พอพลิกกลับบาร์บีคิวบนเตาแล้ว พี่กาวน์ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมต่อ พูดมาแค่นี้ผมก็พอจะรู้แล้วว่าพี่กันต์กำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร แต่ผมก็ยังไม่พูดอะไรออกไป

“กันต์มีอะไรจะบอกพี่หรือเปล่า” พี่กาวน์ถาม แล้วหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะ เหมือนทิ้งช่วงให้ผมคิดคำตอบ ก่อนจะเดินกลับมาหาผมที่เดินห่างออกมาจากโต๊ะที่พ่อกับแม่นั่งอยู่พร้อมกับเบียร์สองกระป๋องที่อยู่ในมือ พี่กาวน์ส่งเบียร์กระป๋องหนึ่งมาให้ผม ผมเองก็รับมาถือไว้ในมือ ส่วนบาร์บีคิวก็ให้คนอื่นเข้ามาจัดการแทน  

“กันต์” พี่กาวน์เรียกผม เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอะไร เพียงแต่เดินออกมาเรื่อยๆ แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำ

“ถ้าพี่จะถามเรื่องนั้น กันต์ตัดสินใจไปแล้ว” ผมตอบพี่กาวน์ที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างกัน

“แล้วคิดว่าที่ตัวเองทำมันถูกหรือเปล่า” พี่กาวน์พูด พร้อมยกของที่อยู่ในมือขึ้นจิบ  

“กันต์ตอบพี่ไม่ได้หรอกว่ามันถูกหรือเปล่า แต่กันต์ตอบได้ว่ามันไม่ผิด” ผมตอบคำถามของพี่กาวน์และทำอย่างเดียวกัน สำหรับผม ผมสามารถตอบออกไปด้วยความมั่นใจว่า “มันไม่ผิด” ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องผิดกับการที่ผมจะรักใครสักคน และคนนั้นก็คือ กร แต่ผมเองก็ไม่กล้าพอที่จะพูดออกมาอย่างเต็มปากว่า มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

“หยุดได้ไหมกันต์” พี่กาวน์พูดโดยที่ไม่มองหน้าผม

“ถ้าพี่เป็นกันต์ล่ะ พี่จะทำได้ไหม”

“กันต์เองก็น่าจะรู้คำตอบนะ” ผมถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบนั้นอยู่แล้ว คนอย่างพี่กาวน์ไม่เคยทำอะไรผิดสักครั้งเท่าที่ผมจำความได้ ถ้าอะไรที่เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เขาก็ไม่เคยจะทำมันเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่ลงมือทำแค่คิดจะทำคนอย่างพี่กาวน์ก็คงไม่เคยคิดเสียด้วยซ้ำ ยกเว้นแต่ว่าเรื่องอะไรที่มันเกี่ยวกับผม เขาเป็นคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อผม

“แต่กันต์คงทำไม่ได้” ผมตอบและหันไปมองหน้าพี่กันต์ ที่มองมาที่ผมอยู่แล้ว และผมก็รู้ดีว่าเรื่องของผมนับจากนี้ไปมันจะเป็นอย่างไร

“จบเรื่องนี้ซะ กันต์” พี่กาวน์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง จนเหมือนเป็นการออกคำสั่งกับผมเสียมากกว่า จริงอยู่ที่ผมบอกว่าพี่กาวน์เป็นพี่ชายที่ดี และเข้าใจผมทุกเรื่อง แต่นั่นมันสำหรับน้องชายคนที่ทำทุกอย่างได้ถูกต้องในสายตาของเขา ซึ่งในวินาทีนี้ผมคงไม่ใช่น้องชายคนนั้นอีกแล้ว แม้ลึกๆ แล้วผมเองไม่ได้อยากให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้

“พี่กาวน์...” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และหันหน้าไปหาพี่กันต์ แล้วก็ทำได้แค่เรียกชื่อคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมออกมา

“พี่มีทางเลือกให้แค่สองทาง จะจบมันเองหรือให้พี่เป็นคนทำ” พี่กาวน์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าครั้งไหน

“พี่ไม่มีสิทธิ์...” ทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นออกไป เขาก็ลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับผม

“ไม่มีสิทธิ์ตรงไหนกันต์ เราเป็นน้องพี่ และพี่จะไม่ยอมให้เราทำตามใจตัวเองแบบนี้” พี่กาวน์พูดเสียงดังขึ้นจนเหมือนจะเป็นการตะคอกผม

“แต่มันเป็นชีวิตกันต์” ผมเองก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่แพ้กัน

“อย่าพูดแบบนั้นให้พี่ได้ยินอีก กันต์เองก็น่าจะรู้ว่าพี่ทำอะไรได้บ้าง” พี่กาวน์เริ่มพูดเสียงที่ดัง แต่ครั้งนี้คงไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยิน เพราะทุกคนกลับเข้าบ้านไปหมดแล้ว

.
.
.

ช่วงที่ผมเรียนอยู่มัธยมปลาย ทุกครั้งที่ปิดเทอมผมจะบินไปอยู่กับพี่กาวน์ และมีครั้งหนึ่งที่ผมถูกกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นชาวเอเชียด้วยกันดักทำร้ายจนต้องเข้าไปนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เกือบสัปดาห์ โดยพี่กาวน์ไม่ได้บอกพ่อกับแม่หรือใครให้รับรู้

หลังจากที่ผมสลบไปหนึ่งวันเต็มๆ พอฟื้นขึ้นมาผมกลับไม่เห็นพี่กาวน์อยู่เฝ้าผม เห็นเพียงแต่พี่แอนนาแฟนของพี่กาวน์กับพี่ปอเพื่อนของพี่กาวน์ที่บินมาเรียนต่อด้วยกันอยู่เฝ้าผมแค่สองคน เมื่อผมถามเขาทั้งสองคนกลับไม่มีใครบอกผมว่าพี่กาวน์ไปไหน เพียงแต่บอกผมว่าพี่เขามีธุระด่วน ทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหาผมให้เร็วที่สุด


ผมนอนอยู่ที่โรงพยาบาลจนผ่านไปถึงวันที่สาม พี่กาวน์ถึงมาเยี่ยมและเป็นคนดูแลผมต่อจากพี่แอนนาและพี่ปอ และเมื่อผมถามพี่เขาว่าหายไปไหน ผมเองก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมาเช่นเดิม แต่ในท้ายที่สุดผมก็รู้จากเพื่อนของเขาจนได้ว่าพี่กาวน์ออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมคนกลุ่มหนึ่งที่พี่กาวน์เป็นคนโทรศัพท์ไปตามให้มารับ และยังรู้อีกว่ากลุ่มคนที่ทำร้ายผมถูกส่งเข้ามารักษาตัวด้วยอาการสาหัสปางตาย


และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่า พี่กันต์ทำอะไรได้มากแค่ไหน ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผม เขาเป็นพี่ชายที่พร้อมจะปกป้อง และดูแลผมเสมอมา เขาเป็นคนที่พาผมให้เดินไปตามเส้นทางที่ถูกที่ควร แล้วก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมจะเดินออกนอกลู่นอกทางไปจากทางที่เขาวางให้ผมเดิน เพราะผมรู้ว่าเขาหวังดีกับผม



แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน

.
.
.

“จะไปไหน กันต์” พี่กาวน์เรียก เมื่อผมเดินออกมาจากจุดที่เราคุยกัน

“กันต์” พี่กันต์เรียกผมอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามมาคว้าต้นแขนผมไว้ แต่ผมก็ยังไม่ยอมหยุด พยายามจะดึงมือของพี่กาวน์ออกแล้วเดินต่อไป



>>ตู้ม<<
.
.
.
เสียงของร่างผมที่ตกลงมากระทบกับผิวน้ำ เมื่อพี่กาวน์เหวี่ยงตัวผมให้ตกลงมาในสระว่ายน้ำ จากนั้นก็กระโดดตามลงมา พร้อมกับส่งมือมากระชากคอเสื้อเชิ้ตของผม และดึงตัวผมเข้าไปใกล้กับตัวเขา


“ยังไงซะ เราก็ต้องเลือก” เจ้าของมือที่ขยุ้มจับคอเสื้อของผมไว้ด้วยมือข้างหนึ่งพูดขึ้น ก่อนที่ผมจะยกมือของตัวเองขึ้นไปจับข้อมือของเขา และดันออกเพื่อให้มือของพี่กาวน์หลุดออกจากคอเสื้อ

“ไม่” ผมตะโกนบอกไปอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางทำตามแบบที่เขาต้องการ



>>ปึ้ก<<
.
.
.
เสียงหมัดของพี่กาวน์ที่ส่งมากระทบกับข้างแก้มของผมทำให้ใบหน้าสะบัดไปตามแรงนั้น ก่อนที่ผมจะได้กลิ่นคาวจากเลือดที่ไหลออกมาทางมุมปาก และผมก็ทำแค่เพียงยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลออกมาเท่านั้น

“พี่รู้ไหมว่า กันต์หวังว่าพี่จะเป็นคนที่เข้าใจกันต์ และยอมรับในสิ่งที่กันต์เลือกมากที่สุด แต่มันก็ไม่ใช่” ผมตะโกนใส่หน้าเขา

“แล้วจะให้พี่เข้าใจว่ายังไง จะให้พี่เข้าใจว่าน้องตัวเองกำลังเป็นพวกผิดเพศอย่างนั้นหรอ จะให้พี่รับมันได้ยังไงฮะ!! กันต์ ตอบมาว่าจะให้พี่รับมันได้ยังไง ในเมื่อเราเป็นน้องชายคนเดียวของพี่” พี่กาวน์ตะโกนตอบกลับมาด้วยอารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่น ก่อนจะลดเสียงลงในท้ายประโยค

“แต่กันต์ไม่ได้เป็นแบบนั้น กันต์ไม่ได้มองว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย กันต์แค่มองในสิ่งที่เขาเป็น กันต์แค่...” ผมพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกพี่กาวน์พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“แล้วมันเป็นแบบไหน จะให้พี่เข้าใจแบบไหน”




“หึหึ สุดท้ายไม่ว่าพี่จะว่ายังไง กันต์ก็คงทำตามใจตัวเองอยู่ดีใช่ไหม”

“ทำไมพี่ไม่หัดเข้าใจอะไรบ้าง”

“ถ้ากันต์มีทางของกันต์ พี่ก็มีทางของพี่” แต่พี่กาวน์พูดแค่นั้น ก่อนจะหันหลังกลับ เพื่อปีนขึ้นจากสระ แล้วเดินออกไป

“พี่กาวน์... โธ่เว้ย!! ทำไมเป็นแบบนี้วะ” ผมได้แต่สบถด้วยอารมณ์ที่บรรยายออกมาไม่ถูก ว่ากำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่ มันทั้งหงุดหงิด โมโห และท้ายที่สุดคงเป็นความผิดหวัง ผมปีนบันไดเพื่อขึ้นจากสระ และเดินกลับเข้าบ้านไป โดยมีน้ำหยดจากเสื้อผ้าไปตลอดทางจนถึงห้องนอน พอถึงห้องผมก็ไปคว้ากุญแจรถ โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ที่กองไว้ด้วยกันที่โต๊ะข้างเตียง และเดินกลับไปที่รถของตัวเองที่อยู่ในโรงจอดรถ โดยที่ไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มให้เสียเวลา





.......................................................................


ผมขับรถมาจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง บ้านหลังที่ผมเคยมาส่งใครคนหนึ่งในวันแรกที่เราได้พบกันด้วยอุบัติเหตุเล็กๆ ทันทีที่ผมจอดรถก็เห็น เจ้าเรนซึ่งตอนนี้กลายเป็นหมาสีน้ำตาลตัวใหญ่ วิ่งมาที่ประตูรั้ว และส่งเสียงเห่า แต่พอมันเห็นว่าเป็นผมที่เดินลงมาจากรถ มันจึงหยุดเห่าและเปลี่ยนเป็นกระดิกหางรับแทน

จากนั้นผมก็โน้มตัวเข้าไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเบาะข้างคนขับ เพื่อกดหาเจ้าของบ้าน ตอนนี้ก็ดึกพอสมควรแล้ว ผมจึงไม่อยากกดกริ่งเพื่อเป็นการรบกวนคนในบ้านจนเกินไปนัก



>>>ตื้ด... ตื้ด... ตื้ด...<<<

“ว่ายังไงครับ ยังไม่นอนอีกหรอ” เสียงจากปลายสายถามขึ้นทันทีที่รับสาย

“ลงมาเปิดประตูให้หน่อย” ผมบอกเจ้าของบ้าน

“หา พี่อยู่หน้าบ้านกรหรอ” เสียงปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

“อืม” ผมตอบ ก่อนจะได้ยินเสียงตึงตังเหมือนเขากำลังรีบออกจากบ้านมา ผมจึงกดวางสายโทรศัพท์





แล้วในเวลาเพียงไม่กี่นาที ผมก็เห็นกรมายืนอยู่ตรงหน้าผม

“พี่กันต์” เขาเรียกผม และมองดูผมด้วยความไม่เข้าใจที่ผมมาหาเขาในสภาพแบบนี้ สภาพที่เปียกชื้นไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า อาจจะมีบ้างบางส่วนที่เริ่มแห้งไปบ้างแล้วอย่างเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ เพราะถูกแอร์เป่ามาตลอดทางที่ขับรถ ที่มุมปากตอนนี้น่าจะมีรอยสีม่วงช้ำที่พี่กาวน์เป็นคนฝากไว้ปรากฏขึ้นมาให้เห็น
 

แล้วกรก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมต่อ เพียงแต่ยื่นมือมาจับที่ข้อมือผม แล้วดึงให้ผมเดินตามไปทางประตูรถอีกฝั่ง ก่อนจะเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง ส่วนตัวเขาเองก็เดินไปเปิดประตูใหญ่ แล้วกลับมาขับรถของผมเข้าไปจอดในบ้าน ก่อนที่เขาจะลงจากรถไปปิดประตูรั้ว และเดินกลับมาหาผมที่ลงมายืนอยู่ข้างรถ จากนั้นเขาก็คว้าข้อมือผมไว้อีกครั้งและออกแรงดึงเบาๆ ให้ผมเดินตามเข้าบ้าน จนเดินขึ้นไปถึงห้องนอนเขา แล้วเขาก็ทิ้งให้ผมยืนอยู่กลางห้องก่อนที่เขาจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้เพื่อหยิบของที่อยู่ข้างใน


“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” เขาพูดพร้อมกับส่งผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ผม ผมก็รับไว้ จากนั้นเขาก็เอามือมาโอบเอวผมไว้เบาๆ แล้วพาผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมใช้เวลาเวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นานนักก็กลับออกมาในเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาเตรียมมาให้ พอออกมาก็พบกับเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียง ผมจึงเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา


“เจ็บไหม” กรลุกขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะถามผม ผมเองก็พยักหน้าตอบไป แล้วก็ต้องร้องซี้ดออกมา เมื่อกรยกมือขึ้นมาลูบตรงแผลที่มุมปากของผมเบาๆ จากนั้นกรก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่ผมพาดไว้ที่ไหล่ขึ้นมา แล้วยื่นมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม ก่อนจะกดให้ผมนั่งลงกับเตียง แล้วลงมือเช็ดผมให้

“แล้วไปเล่นน้ำที่ไหนมาถึงตัวเปียกแบบนี้” กรพูดขึ้น ในขณะที่มือเขาก็ถือผ้าแล้วค่อยๆ เช็ดผมของผมอย่างเบามือ

“ที่บ้าน” ผมตอบสั้นๆ แล้วกรก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ยืนเช็ดผมให้ผมไปเรื่อยๆ จนเริ่มแห้ง

พอเขาเช็ดผมให้ผมแล้วก็เดินเอาผ้าเช็ดตัวที่เปียกไปผึ่งไว้ที่ราวหน้าห้องน้ำ จากนั้นก็เดินไปเปิดลิ้นชักเก็บของแล้วหยิบเอาแปรงสีฟันมาส่งให้ผม ก่อนที่เราจะเดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันพร้อมกัน แล้วผมก็กลับขึ้นมานอนลงบนเตียง โดยที่กรเป็นคนจับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ผม จากนั้นเขาก็เดินไปปิดไฟ และกลับขึ้นมานอนบนเตียงอยู่ข้างผม

เมื่อผมเห็นว่าเขานอนลงแล้ว จึงขยับตัวเองเข้าไปนอนในอ้อมแขนของอีกคนที่ดูเหมือนกับว่ากำลังรอผมให้เข้าไปหา ผมยกแขนขึ้นไปกอดเขาไว้ แล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาของตัวเองลงอย่างช้าๆ พร้อมกับรู้สึกถึงสัมผัสของมือหนาที่ลูบกลุ่มเส้นผมนุ่มของผมเบาๆ คล้ายจะช่วยกล่อมผมให้หลับไปอีกทาง


--------------------------------------------------------  
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-07-2010 22:47:13
 :impress3:

ไม่นะ แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่กาวน์บ้า ทำไมไม่เปิดตามองโลกให้กว้าง เปิดใจให้กับด้านอื่นๆของชีวิตบ้าง
แล้วคราวนี้เล่นงานกันต์ ต่อไปคงเล่นงานกรด้วยสินะ โฮววววววววววว

...............น้องกวางคะ กอดดดดดดดดดดดดด

รถยนต์ ไม่ใช่ ตร์ นะคะ
“กันต์” พี่กันต์เรียกผมอีกครั้ง (พี่กาวน์)
อารมณ์ที่กำลังครุกรุ่น (คุกรุ่น)
เมื่อกรยกมือขึ้นมาลูกตรงแผล (ลูบ)

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 06-07-2010 22:52:12
:monkeysad: พี่กาวน์จะทำอะไรพี่กันต์กะน้องกรคะ?
ชีวิตใคร ใครก็ต้องมีสิทธิ์เลือกสิ...แล้วการจะรักใครสักคนมันเป็นเรื่องผิดตรงไหน?
หรือแค่ไม่ได้อยู่ในกรอบที่สังคมวาดไว้อะเหรอ? เฮ้ออออ......
เป็นกำลังใจให้พี่กันต์กะน้องกรนะคะ >.<

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 06-07-2010 22:52:49
อะไรของพี่กาวน์เนี่ย ชิส์

พี่กันต์น่ารักนะ  มีปัญหาก็รีบมาหากรเลย  
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 06-07-2010 23:00:59
เราว่าพี่กาวน์ไม่ยอมง่ายๆแน่เลย
กันต์กับกรต้องแข้มแข็งไว้นะ รักแท้มันยอมมีอุปสรรค์เป็นธรรมดา สู้ สู้ สู้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 06-07-2010 23:05:23
 :เฮ้อ:

อุปสรรคมาเเระ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-07-2010 23:09:48
เวรกรรม  นึกว่าพี่กาวน์จะใจกว้าง  ยอมรับได้  ที่ไหนได้  เหี้ยมซะ
แล้วงี้กรก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วสิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 06-07-2010 23:40:13
ขอให้ไอ้พี่กาวน์หลงรักผู้ชายจนถอนตัวไม่ขึ้นด้วยเถอะ ส๊าาาาาธุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 07-07-2010 00:13:59
ไอ้พี่กาวน์จวยร้ายมาก.......
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 07-07-2010 03:51:10
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-07-2010 04:53:43
ร้ายอะไรขนาดนั้น
มาให้กำลังใจน้องกร พี่กันต์
 :L2: :L2:
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 07-07-2010 06:20:40
ทุกปัญหา มีทางแก้ แต่จะแก้ยังไงวุ้ย......
พี่กาวน์คงไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ น้องกร เตรียมรับมือกับปัญหานี้ดี ๆ แล้วกัน
ปกป้องคนรัก คือหน้าที่ เป็นกำลังใจให้น้องกรกับพี่กันต์
+1 อย่าได้ใจร้ายนักนะครับ เอาพอหอมปากหอมคอนะครับ คนดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 07-07-2010 12:04:46
เซ็งพี่กาว์นว่ะ.....อยู่เมืองนอกมาแท้ๆแต่ไม่เปิดใจเรื่องแบบนี้...มันห้ามกันได้ที่ไหนเล่า....เซ็งเลย..

หวังว่าคงไม่เกิดอะไรกับกรนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 07-07-2010 13:16:39
พี่ชายกลายมาเป็นก้างชิ้นใหญ่ ปัญหาจะคลี่คลายยังงัยน๊า เข้มแข็งนะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 07-07-2010 13:54:25
หวังว่าพี่กาวน์คงจะเข้าใจในไม่ช้า

รักน้องก็ต้องให้น้องไปมีความสุขดิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-07-2010 16:16:00
ถ้ารักกันจริง ก็ต้องช่วยกันประคับประคองไปให้ถึงที่สุดนะ เอาใจช่วยคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 07-07-2010 17:32:04
เหมือนจะโล่งใจ ตัดประเด็นพี่แอบคิดไม่ซื่อกับน้องตัวเองออกไปได้
แต่..

คุณพี่กาวน์ ทำไมคุณพี่เผด็จการเยี่ยงนี้ล่ะคะนั่น?
ผู้ชายรักผู้ชายด้วยกัน มันเป็นความผิดขั้นร้ายแรงหรือไง?
คิดแคบๆ
 :angry2:




 :กอด1: ให้กำลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 07-07-2010 19:42:53
น้องนะ ไม่ใช่ลูก พี่ท่านจะคิดอะไรแคบๆไปล่ะ
เคืองอ่ะ มันเป็นเรื่องของคน 2 คนนะนั้น
 :angry2: ไม่ช่วยแล้วยังจะขัดอีก
เอาใจช่วยให้กันต์กับกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 07-07-2010 21:56:51
 :fire:

พี่กาวน์ทำงี้ได้ไง มันจะรุนแรงไปแล้วนะ

เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกนะ ชริๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 07-07-2010 22:26:03
อุปสรรคชิ้นโตๆๆ  มาแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 08-07-2010 18:58:56
พี่กาวน์จะอยู่ไม่นานใช่มั้ย

ต้องรีบกลับไปทำงานทำการเนอะ

ปล่อยๆ น้องบ้างเหอะ อย่าโหดนักเลย

นะนะ

 :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 08-07-2010 20:23:47
พี่กาวน์ใจร้าย :sad4:
จะแยกกันต์จากกรไม่ยอมนะ :m16:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 10-07-2010 20:34:10
พี่กาวน์อย่ามาโหดได้ป่ะ !!! กลับมาแล้วเป็นงี้รีบกลับไปเลย ชิส์!!
น้องกรพี่กันต์สู้ๆน๊า  :กอด1: เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่

เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-07-2010 20:59:00
พี่กาวน์ ไม่หัวนอกเลยเนอ กันต์กับกรเจองานหินแน่คราวนี้
เอาสำนวนรุ่นพ่อแม่มาปลอบล่ะกัน "รักแท้ย่อมมีอุปสรรค" คริ คริ คริ สำนวนโบร้านโบราณนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนที่ 22 ทางเลือก P.14 (06-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-07-2010 03:29:57
ตอนที่ 23 ช่วยเพื่อน

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะแรงขยับตัวจากคนที่นอนอยู่ข้างๆ ที่ดูเหมือนว่านอนหลับไม่สนิท พอรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วก็ยื่นมือไปคลำที่โต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อจะหาโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลา

“ตีสี่ สี่สิบ” ผมกดโทรศัพท์ดูเวลาก่อนจะเอามันกลับไปวางไว้ที่เดิม

ผมขยับตัวมานอนตะแคงเพื่อที่จะมองพี่กันต์ได้ถนัดขึ้น ถึงจะพอมองเห็นได้เพียงลางๆ  แต่ผมก็เพิ่งเคยเห็นพี่เขานอนหลับในท่าแบบนี้ ปกติเขาจะเป็นฝ่ายที่ตื่นก่อนผมเสมอ จะมีเพียงไม่กี่ครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาก่อน แต่ทุกครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาก่อน ผมจะเห็นเขานอนตะแคง และยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมากอดผมไว้เพียงแค่นั้น แต่ในเวลานี้เขากลับนอนขดตัว และซุกเข้ามาหาผมมากกว่าที่เคย ยิ่งผมพลิกตัวมานอนตะแคงแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาเขยิบตัวเข้ามาชิดกับผมได้มากขึ้น มองๆ ไปก็คล้ายกับเด็กที่กำลังซุกหาความอบอุ่นหรือที่ปลอดภัยอย่างไรอย่างนั้น

และแม้ว่าเขาจะขยับตัวซุกเข้ามาจนชิดติดกับตัวผม จนผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากตัวของเขาได้แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะนอนหลับให้สนิทไม่ได้อยู่ดี และยังคงขยับตัวยุกยิก ทำให้ผมต้องยกมือขึ้นไปลูบเส้นผมของเขาเบาๆ


“ชู่ววว...” ผมทำเสียงเหมือนเวลาที่ประโลมปลอบเด็กเล็กๆ ในระหว่างที่ยกมือขึ้นลูบผมของเขาไปด้วย เพื่อหวังจะให้เขาหลับสนิทลงไปอีกครั้ง


“หลับต่อนะครับ คนดี หลับนะ” ผมกระซิบที่ข้างหู และขยับมือลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนจะหยุดและค้างมือไว้แบบนั้น และในเวลาไม่นานหลังจากนั้น ผมก็รู้สึกถึงลมหายใจของพี่กันต์ที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงว่าเขาหลับสนิทแล้ว


ผมไม่รู้ว่า เมื่อถึงเวลาที่เขาตื่นขึ้นมาเขาต้องลุกขึ้นมาเผชิญกับปัญหาอะไร หรือมีเรื่องแบบไหนที่กำลังรอเขาอยู่ แต่ในช่วงเวลานี้ เวลาที่เขากำลังหลับอยู่แบบนี้ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ที่เขาจะได้หยุดพักจากเรื่องต่างๆ  และผมเองก็อยากให้เขาใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า และเต็มอิ่มกับมันมากที่สุด



..............................................................................


“อื้อออ...” เสียงครางในลำคอของคนที่นอนขดตัวซุกอยู่กับอกของผมดังขึ้น และเรียกให้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้ง และครั้งนี้ก็มีแสงสว่างลอดเข้ามาภายในห้อง พอให้มองเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้นแล้ว

“ซึ้ด...” พี่กันต์ส่งเสียงออกมาเบาๆ ก่อนยกมือขึ้นแตะแผลที่มุมปากของตัวเอง

“ให้กรดูหน่อยนะ” ผมพูดพร้อมกับจับมือของเขาออก แล้วผมก็ขยับตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนยกมือขึ้นไปประคองใบหน้าของเขาข้างที่มีรอยเขียวช้ำ จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือไล้เบาๆ ใกล้รอยนั้น

“ช้ำหมดเลย ไปเกเรที่ไหนมา ถึงได้แผลกลับมาแบบนี้” ผมถามเขาเหมือนเห็นเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ทั้งที่จริงๆ แล้วผมเป็นห่วงเขา เป็นห่วงมาก อยากจะรู้ว่าใครมาทำเขาให้เจ็บแบบนี้ สำหรับผมการที่เห็นเขาเจ็บ ผมเองก็เจ็บไม่แพ้กัน ผมอยากจะถามให้รู้เรื่องเสียตั้งแต่เมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็คิดว่าเขาคงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรออกมาในตอนนั้น



“......” แล้วพี่กันต์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานก่อนที่เขาจะมาหาผมที่บ้านให้ฟัง
.
.
.

“แล้วพี่จะทำยังไงต่อ” ผมถาม แม้เราสองคนจะเคยคุยกันอยู่บ้างว่า เรื่องที่เราคบกันแบบนี้ หากมีวันใดวันหนึ่งพ่อแม่ หรือคนในครอบครัวของเรารับรู้ หรือระแคะระคายอะไรขึ้นมามันจะเป็นยังไง แต่เราก็ไม่เคยคิดว่าวันนั้นมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เพราะเราสองคนก็คิดไว้แค่ว่าจะคบกันไปเรื่อยๆ แบบนี้โดยไม่คิดจะบอกอะไรกับที่บ้าน

“เดี๋ยวพี่คงคุยกับพี่กาวน์อีกที เพราะพี่เองก็พูดไม่ดีกับเขาเหมือนกัน แต่ช่วงนี้ถ้าเลิกเรียนแล้วไม่มีธุระที่ไหนก็รีบกลับบ้านนะ”

“กลัวพี่เขาจะมาทำอะไรกรหรอ”

“ก็ไม่แน่ใจหรอก แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี”  

“โหดอ่ะบ้านนี้ แล้วน้องโหดเหมือนพี่หรือเปล่าเนี่ย” ผมถามแบบยิ้มๆ

“ลองดูไหม” พี่กันต์เองก็ถามกลับมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เช่นกัน

“ไม่ดีกว่าครับ ดูท่าแล้วน้องคงจะโหดกว่าพี่”

“กร กลับบ้านกันไหม” พี่กันต์ถามผม ใช่ กลับบ้านหรือก็คือ คอนโดฯ ของพี่เขานั่นแหละ แต่ช่วงหลังๆ เราก็เรียกกันว่า “บ้าน” ซึ่งผมคิดว่ามันก็ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นได้มากขึ้นนะ

“ไปสิ กลับไปทำอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า กรได้หนังใหม่มาอีกเรื่องด้วย เดี๋ยวกลับไปดูกัน”

“อื้ม...”




...................................................................


“เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้” พี่กันต์พูดกับผมเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของผมที่วางไว้บนโต๊ะหน้าทีวี ขณะที่ผมเองกำลังสาละวนอยู่กับการล้างจาน หลังจากกินมื้อเย็นกันไปเมื่อสักชั่วโมงก่อนหน้านี้

“มีไรวะมึง” ผมพูดหลังจากยื่นมือไปรับโทรศัพท์ที่พี่เขาส่งมาให้ แล้วกดรับสาย ส่วนพี่กันต์พอเห็นผมรับโทรศัพท์เลยเข้ามาล้างจานที่ค้างไว้ต่อจากผม  

“มึงมารับกูหน่อย” เสียงธีมันพูดเข้ามา

“มึงอยู่ที่ไหน แล้วมีอะไรวะถึงให้กูไปรับ”
.
.
.
“เออๆ เดี๋ยวกูไป อีกครึ่งชั่วโมงคงถึง” ผมพูด สรุปว่ามันไปนั่งกินข้าวกับพวกเพื่อนๆ มันสมัยมอปลาย แล้วบังเอิญไปเจอกับน้องหญิงแฟนเก่าของมัน จริงๆ ก็ยังเรียกไม่ได้ว่าแฟนเก่า เพราะขอเลิกแล้วน้องเขาไม่ยอม ที่มันจะเลิกมันก็ให้เหตุผลว่าเพราะมันทนไม่ได้ที่น้องเขาคอยเกาะติดมันแจ แถมยังคอยตามจิกตลอดทั้งวันอีก  สุดท้ายมันเองก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องคอยหลบหน้าน้องเขา แต่ก็ดันไปเจอกันจนได้ พอเจอน้องเขาก็ไม่ยอมปล่อยมันไปไหน ถึงขนาดว่าจะตามมันกลับหอด้วย นอกจากนั้นแล้วผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรของมันมากนัก เพื่อนขอให้ช่วยก็ช่วยแค่นั้น

“พี่กันต์ ธีมันโทรมาให้กรช่วยไปรับมันกลับหอ เดี๋ยวกรไปรับมันแล้วจะรีบกลับนะ” ผมหันไปบอกพี่กันต์ที่ล้างจานเสร็จพอดี

“จะให้ไปเป็นเพื่อนไหม” พี่เขาถามผมกลับมา ผมเลยพยักหน้าตอบตกลง ก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถ แล้วเราสองคนก็ออกจากห้องไป




.................................................................



พอมาถึงร้านตามที่ธีมันบอก ผมก็โทรไปหามันเพื่อจะบอกว่ามาถึงแล้ว

“กูอยู่หน้าร้านแล้ว” ผมบอกปลายสาย

“มึงเข้ามาหากูในร้านหน่อย น้องหญิงไม่ยอมปล่อยกูเลยวะ” เสียงธีมันกระซิบผ่านสายโทรศัพท์บอกผม

“เออๆ เรื่องเยอะได้อีกนะมึง” ผมบ่นมัน แต่ก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ เพราะสุดท้ายผมก็ลงไปหามัน
.
.
.
“กร ทางนี้” เสียงธีมันเรียกผม เมื่อผมเดินเข้าไปในร้านตามที่มันบอก ผมเดินเข้าไปหามันที่โต๊ะแล้วก็เห็นน้องหญิงนั่งเกาะแขนมันอยู่ด้วย

“เพื่อนกูมารับแล้ว กูกลับก่อนนะ” มันหันไปพูดกับเพื่อนมัน จากนั้นก็ลุกเดินนำผมออกมา ส่วนน้องหญิงก็ยังเกาะแขนมันไม่ยอมปล่อย อะไรมันจะขนาดนั้นวะ

“เออ หญิงพี่จะกลับแล้ว ยังไงพี่ขอตัวก่อนนะ” ธีมันพูดกับน้องหญิง เมื่อเดินออกมาจากโต๊ะ มาอยู่ในสวนที่เชื่อมระหว่างลานจอดรถกับตัวร้าน  

“หญิงจะกลับกับพี่ธี” น้องหญิงพูดกับธี แล้วก็มองมาที่ผม

“หญิง พี่ว่าเราน่าจะพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ” ธีมันพูดบ้าง พอเห็นว่ามันยังตกลงกันไม่ได้ ผมเลยเดินห่างออกมากะว่าจะเดินกลับไปหาพี่กันต์ที่ออกมายืนรออยู่ข้างรถ

“พี่ธีจะไปไหน” น้องหญิงเริ่มโวยวาย แล้วผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนวิ่งตามมา แล้วไอ้ธีมันก็เอามือมันมาจับมือผมแล้วลากผมกลับไปหาน้องหญิง

“จะทำอะไรวะ” ผมถามมัน ตอนที่มันลากผมเดินไปหาน้องหญิง

“เออ มึงอยู่เฉยๆ ก็พอ” ธีมันบอก นี่มันจะทำอะไรของมัน ช่วยปรึกษากันก่อนได้ไหมมึง ผมก็ได้แต่คิดในใจ

“ก็อย่างที่บอกพี่คงคบกับหญิงต่อไม่ได้จริงๆ” มันพูดกับน้องหญิง ส่วนน้องหญิงก็มองหน้ามันกับผมสลับกันไปมา ก่อนจะลดระดับสายตาลงมาที่มือของมันกับผมที่ยังคงจับกันไว้ ผมเลยรู้สึกตัว แต่พอจะขยับมือออกก็ถูกไอ้ธีมันออกแรงบีบเอาไว้ ผมเลยปล่อยเลยตามเลย แต่ก็แอบชำเลืองมองไปทางพี่กันต์

“ทำไมคะ หรือว่าพี่มีคนใหม่”

“ใช่” ธีมันตอบ ผมเองก็ได้แต่ยืนฟังที่เขาสองคนพูดกัน ว่าแต่ไอ้ธีมันไปมีแฟนใหม่ตั้งแต่เมื่อไหรวะ ไม่เห็นมันมาเล่าอะไรให้ฟัง

“ใครคะ หญิงไม่เห็นว่าพี่จะมีใคร” น้องหญิงก็ไม่ยอมแพ้

“นี่ไง” มันตอบ แล้วไหนของมันวะ ผมไม่เห็นว่าจะมีใคร นอกจากน้องหญิง มัน แล้วก็ผม อย่าบอกนะว่า... เล่นกูแล้วไงไอ้ธี มึงจะหาข้ออ้างอะไรให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง มึงไปดูละครช่องไหนมาวะ

“ไม่จริงหรอก ก็พี่กรเป็นเพื่อนกับพี่ธี แล้วจะมาเป็นแฟนกันได้ยังไง หรือพี่จะบอกหญิงว่าพี่เป็นเกย์” มันตอบ คราวนี้น้องหญิงจ้องมาที่ผมเขม็งเลย ผมเองก็ได้แต่หันไปมองไอ้ธีว่ามันจะทำยังไงของมันต่อ

“ใช่” มันตอบเสียงเรียบ

“ยังไงหญิงก็ไม่เชื่อพี่อย่ามาโกหกหญิงดีกว่าค่ะ”



“เฮ้ย...”

“ไม่ ไม่จริง ๆ”

แล้วเสียงของผมก็ดังออกมาเพียงเบาๆ แต่มันมาพร้อมกับเสียงน้องหญิงที่ดังกว่า ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ก็ไอ้เพื่อนเวรของผมนี่สิ อยู่ดีๆ มันก็ยกมือสองข้างขึ้นมาจับหน้าผมไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบผม แต่ไม่ได้จูบจริงๆ นะ มันเอามือมันบังไว้ แล้วไฟในสวนก็ไม่สว่างเท่าไหร่น้องหญิงคงไม่ทันเห็นว่าผมกับมันทำอะไรจริงหรือไม่จริง เอาแค่เห็นแบบนั้นก็ร้องกรี๊ดออกมาแล้ว

“พี่ขอโทษนะ แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ ถ้ายังไงพี่ไปก่อนนะ” มันพูดกับน้องหญิงแล้วก็ลากผมออกมาเลย
.
.
.

“แม่ง!! ทำไปได้นะมึง ใช้อะไรคิดวะ เดี๋ยวพี่กันต์เข้าใจกูผิดกันพอดี” ผมหันไปโวยใส่มัน แต่ก็ไม่จริงจังอะไรนักตอนที่เดินกลับไปที่รถ แล้วก็เห็นพี่กันต์ยืนคุยอยู่กับใครก็ไม่รู้ ส่วนไอ้ธีตอนนี้มันคงขับรถมันกลับได้แล้วมั้ง เพราะน้องหญิงก็กลับไปแล้ว

“เออน่า ถ้าพี่เขาเห็น แล้วเข้าใจผิดกูจะบอกพี่เขาเอง ว่าแต่พี่เขายืนคุยกับใครวะ” มันพูดแล้วก็เดินไปที่รถพร้อมผม ผมเห็นว่ารถมันจอดก็อยู่ไม่ไกลจากผม

“กูก็ไม่รู้วะ”


แต่พอผมเดินไปใกล้ๆ จนเริ่มได้ยินเสียงที่พี่กันต์คุยกับคนๆ นั้นถึงรู้ว่า คนที่พี่กันต์กำลังคุยด้วยคือ พี่กาวน์

------------------------------------------------------  

  
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-07-2010 03:55:24
เฮ้อ!
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 11-07-2010 04:09:37
:เฮ้อ:  ไม่รู้จะว่าไง...ช่วยเพื่อนแต่ซวยตัว...
ลางๆว่าอาจได้อ่านดราม่าหรือเปล่าเอ่ย...แอบเครียดและค้าง TT
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 11-07-2010 04:10:02
โอ้ย......ค้างค่ะ
แต่ก็ขอบคุณ :L2: :L2:
 :call: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 11-07-2010 04:49:56
คือแอบกลัวว่าเรื่องจะดราม่าเหมือนกันนะเนี่ย...
เฮ้อ..แล้วคุณพี่กาวน์มาบังเอิญเจอกันอะไรขนาดนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-07-2010 08:31:47
งานเข้าอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 11-07-2010 08:47:27
กำล่ะ  อย่าบอกน่ะว่าีพี่กาวน์เห็น

เข้าใจผิด  ตายๆๆๆๆ   

กรเอ้ย ได้ข้อหามีชู้แน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 11-07-2010 08:48:33
อ้าวตามกันทุกฝีก้าวเลยพี่ชายคนนี้ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 11-07-2010 10:05:14
งานจะเข้าหรือเปล่าเนี้ยน้องกร แล้วพี่กันต์คุยกับพี่กาวน์เรื่องไรง่ะแล้วทำไมมาเจอพี่กาวน์ได้ล่ะหรือพี่กาวน์ค่อยตามตลอดเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 11-07-2010 11:29:22
แม่เจ้า เต็มๆสองลูกตาพี่กาวน์เลยนะนั่น
เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 11-07-2010 11:57:44
อย่าบอกนะว่าพี่กาวน์เห็นอ่ะ
จะบังเอิญไปไหมเนี่ย
งานเข้าซะแล้วกรเอ้ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-07-2010 13:44:18
เฮ้อ..ดูเหมือนทางรักของกันต์กับกร จะเป็นเส้นทางวิบากแล้วล่ะตอนนี้
เพราะมันช่างมีเรื่องอะไรๆ เข้ามาพัวพันให้เห็นเค้าของความขรุขระยุ่งเหยิงซะแล้ว
สู้ๆนะ น้องกันต์น้องกร 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 11-07-2010 17:20:36
แหงะ......กลิ่นมาม่าหมูสับโชยมาแล้ว
ไม่นะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ช่วยหาวิธีบอกเลิกผู้หญิงให้ไม่กระทบเพื่อนไม่ได้เหรอ?
แบบว่าพูดไปตรงๆเลยว่า ขอโทษครับ พอดีว่าผมเลิกรักคุณแล้ว เห็นหน้าคุณแล้วผมไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากรำคาญ อะไรแบบเนี้ย....ฮึ่ยยยยยยยยยย

(อินจัดเลยข้าพเจ้า กึ๋ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 11-07-2010 21:09:34

เหมือนไม่ได้จ่าย (ค้าง)... :laugh:มุกแป๊กได้อีก เล่นไปได้เนอะคนเรา555
จะเข้าใจไรผิดอีกป่าวเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 11-07-2010 23:01:48
อ่านะ คุณเพื่อนธี ทำไปได้ ก็อย่างที่กรว่า ไม่รู้คิดได้ไง
สงสัยว่างานนี้เพื่อนได้พาเรื่องมาให้แน่ๆ อ่ะ

 :z6:

อ่านแล้วก็นะแอบเครียดเล็กๆ แต่ก็มีให้ฮากับมุข (ยังยืนยันตามกรว่า คิดได้ไง) แล้วยังมีให้ลุ้นด้วย
คุณพี่กาวน์ก็อีกคนแค่บังเอิญหรือคอยตามน้องล่ะเนี้ย ถ้าตามนี่ก็สุดๆ ไปเลยอ่ะ
เป็นกำลังใจให้เสมอน้า

 :L2:
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 11-07-2010 23:09:11
อยากจะบอกว่า งานงอก  ตัวโตๆเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 12-07-2010 00:00:26
พี่กาวน์มาอีกแล้ว  :เฮ้อ:


ตอนนี้ดูเหมือนความวุ่นวายจะมาเยือนเนอะ


ชอบเวลาที่กันต์กับกรอยู่ด้วยกัน น่ารักดี  :-[




 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-07-2010 00:02:46
เริ่มระแวงแล้วเรา ช่วยเพื่อนงานนี้จะพาปัญหามาหาตัวเองหรือเปล่า กร  :เฮ้อ:
แล้วอีก 1 ปัญหาใหญ่ก็ตามมาติดๆๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-07-2010 00:35:56
ช่วยเพื่อนแล้ว ก็ถึงคราวที่จะต้องช่วยให้ตัวเองรอดมั่งนะ
อ่านแล้วก็ลุ้นตามเลยนะคะเนี่ย  

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 12-07-2010 20:05:54
โอ้ย!!! จะมีเรื่องอะไรอีกมั้ยเนี้ย
เรื่องคงจะวุ่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วม้ายยยย...

ลุ้นๆๆ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 13-07-2010 01:24:40
K♥K

คู่นี้น่ารักกกกกก

ไม่ยอมอ่าพี่กันต์อย่าไปยอมพี่กาวน์นะ

ไม่เข้าใจเรยไงคนรักกันนะ

สงสารกรไม่รู้จะเจอไรมั่ง

แต่รักคู่นี้น่ารักกกกก :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 13-07-2010 08:46:37
กันต์คุยกับพี่กาวน์แล้วพี่กาวน์จะยอมง่ายๆเหรอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 13-07-2010 18:28:22
ก็ให้พี่กาวน์คู่กับธีซะสิ
หมดเรื่อง
พี่กาวน์จะได้รับรู้ความรู้สึกของพี่กันต์
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยเพื่อน P.15 (up 11-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 14-07-2010 21:05:14
ตอนที่ 24 เป็นเรื่อง

ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกับธีเข้ามาขัดจังหวะคนสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ เพราะเมื่อเขาสองคนรู้ว่าผมสองคนเดินเข้ามา บทสนทนาก็หยุดลงทันที ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ผมก็ไม่เห็นว่าทั้งสองคนจะละสายตาจากการจ้องหน้ากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ จนผมรู้สึกว่าตัวเองมายืนอยู่ผิดที่ผิดเวลา

แต่การที่พี่กาวน์มายืนอยู่ที่นี่ตอนนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นครั้งที่สองหรอกมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ขอให้มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจะดีกว่า

“ใครวะมึง” ธีหันมากระซิบถามผม

“พี่ชายของพี่กันต์” ผมตอบหันไปตอบมัน แต่มันก็ยังทำหน้าเหมือนยังสงสัยอะไรอยู่ แล้วทำท่าจะถามอะไรต่อ แต่ก็ต้องหยุดไว้
.
.
.
“กันต์ว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง พี่กลับไปก่อนดีกว่า” เสียงพี่กันต์ที่พูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหยุดไปตอนที่ผมสองคนเข้ามา ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังโกรธคนที่กำลังคุยด้วยมากแค่ไหน และกำลังข่มความรู้สึกนั้นไว้ สังเกตได้จากเส้นเลือดที่หลังมือที่ปูดโปนขึ้นมาจากการเกร็งหมัดไว้จนแน่น

“มันคงจะรู้เรื่องหรอกนะถ้ากันต์เป็นแบบนี้ ให้พี่กลับแล้วยังไง จะได้กลับไปมั่วกันต่อหรือไง” คำพูดที่ออกจากปากของพี่กาวน์ที่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเย้ยหยันเต็มที่ทำเอาผมถึงกับสะอึก เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาสองคนคุยอะไรกันยังไง เรื่องมันถึงออกมาเป็นอย่างในตอนนี้ แล้วพี่กาวน์ก็มองมาที่ผมกับธีด้วยสายตาเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“พี่กาวน์” เสียงพี่กันต์ตะโกนเรียกชื่อผู้ชายรูปร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดูๆ ไปแล้วน่าจะสูงกว่าผมเสียอีก  

“หึหึ ทำไมรับความจริงไม่ได้ มันก็เห็นๆ กันอยู่” พี่กาวน์ยังไม่หยุดพูดจาทำนองนั้นกับพี่กันต์ และผมก็เริ่มทนไม่ได้กับคำเหล่านั้น

“นี่พี่อย่าหาว่าผมยุ่งเลยนะ ถ้าพี่ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า แล้วพี่กันต์เขาเป็นน้องชายพี่ไม่ใช่หรอ พี่ก็น่าจะรู้จักเขาดีกว่าใครว่าเขาเป็นคนยังไง พี่ไม่ไว้ใจแม้กระทั่งน้องชายตัวเองหรือไง” คราวนี้ไม่ใช่เสียงพี่กันต์แล้ว แต่เป็นเสียงของไอ้ธีที่พูดขึ้นมาแทน มันคงจะทนฟังเฉยๆไม่ได้ ไอ้นี่บทมันจะใจร้อน มันก็ไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน

“ถ้าเห็นแบบนี้คงจะไว้ใจได้อยู่หรอกนะ” พี่กาวน์พูดในขณะที่หันมาจ้องหน้าผม

“แล้วนายเองก็อย่าทำมาเป็นพูดดีนักเลย เป็นพวกเดียวกัน เรื่องแบบนี้มันคงเป็นเรื่องปกติที่รับกันได้ง่ายๆ” แล้วเขาก็หันไปพูดกับธี




>>ปึ้ก<<


แล้วก็เป็นไอ้ธีที่ทนไม่ได้ พุ่งเข้าไปต่อยพี่กาวน์ก่อน  

“คุณมันก็แค่คนใจแคบ ไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูดพล่อยๆ” ตอนนี้อารมณ์ของธีมันคงฉุดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว จึงพูดออกไปแบบนั้น มิหนำซ้ำมันยังจะเดินเข้าไปหาเรื่องเขาต่ออีก ในขณะที่ตัวผมเองก็ไม่ได้คิดจะห้ามอะไรมันเหมือนกัน คงเพราะผมเองแค่พยายามระงับสติของตัวเองไว้ไม่ให้ทำอะไรลงไปมันก็เป็นเรื่องยากแล้ว เพราะไม่ว่าใครจะทำอะไร สุดท้ายคนที่ลำบากใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นพี่กันต์

“แล้วคนอย่างนายคิดว่าตัวเองรู้อะไรบ้างละฮะ!! บอกมาสิ คิดว่ารู้อะไรบ้าง” หนนี้พี่กาวน์เป็นฝ่ายเดินเข้ามากระชากคอเสื้อไอ้ธีแล้วถามมัน

“เฮ้ย!! ธีพอแล้ว หยุด” แล้วผมก็ต้องห้ามมันไว้เมื่อเรื่องมันเริ่มจะไปไกลกว่าที่คิด ส่วนพี่กันต์เองก็เข้าไปดึงตัวพี่กาวน์เอาไว้

“พี่กาวน์!! หยุด” แล้วก็เป็นเสียงพี่กันต์ตะโกนขึ้นมาบ้าง

“กันต์บอกให้หยุดไง!!!”

“หยุดสิโว้ย!!! หยุดมันทั้งคู่นั่นแหละ” พี่กันต์ตะโกน แต่พี่กาวน์ก็ยังไม่ยอมหยุด ออกแรงจะสบัดตัวออกจากมือพี่กันต์ที่รั้งแขนเอาไว้ จนพี่กันต์ร่วงลงไปนั่งกับพื้นซีเมนเพราะแรงของพี่กาวน์

“กันต์!!” พี่กาวน์เรียกพี่กันต์อย่างตกใจที่เห็นพี่กันต์ลงไปนั่งอยู่กับพื้น ส่วนผมก็รีบปล่อยตัวธี แล้วเข้ามาดูพี่กันต์แทน
พี่กาวน์ยื่นมือไปหาพี่กันต์เพื่อจะดึงตัวพี่กันต์ขึ้นมา แต่พี่กันต์กลับไม่สนใจ แล้วเลือกที่จะยื่นมือมาเกาะแขนผมแทน พร้อมกับดึงตัวเองขึ้นมายืน ก่อนจะยกมือข้างขวาขึ้นมาจับที่ศอกข้างซ้ายแล้วใช้มือรองข้อศอกไว้ สงสัยว่าแขนจะซ้นตอนล้มลงไป เพราะพี่เขาเอาแขนยันตัวไว้ก่อนกระแทกลงพื้น มันจะอะไรนักหนาวะ ผมหันไปมองหน้าคนที่สูงกว่าอย่างเอาเรื่อง แต่เหมือนว่าพี่กันต์จะรู้ว่าผมคิดอะไร เลยปล่อยมือจากข้อศอกตัวเองแล้วดึงต้นแขนผมเอาไว้แทน

“กันต์บอกว่า พี่ไม่เข้าใจกันต์”

“แล้วกันต์ล่ะ เคยคิดจะเข้าใจสิ่งที่พี่ทำบ้างหรือเปล่า” พี่กาวน์พูดกับพี่กันต์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนไม่รู้ว่าคนพูดอยู่ในอารมณ์แบบไหน ก่อนจะเดินออกไป ส่วนผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาอีก เพราะเป็นห่วงคนที่ดึงแขนผมเอาไว้มากกว่า
.
.
.
“พี่กันต์ ธีขอโทษนะ ที่ทำแบบนี้ ส่วนเรื่องธีกับไอ้กร ธีไม่รู้ว่าพี่เห็นอะไรหรือเปล่า แต่เรื่องนั้นพวกผมอธิบายได้ เดี๋ยวให้ไอ้กรมันเล่าให้พี่ฟังแล้วกัน” ธีมันพูดกับพี่กันต์

“ธีขอโทษอีกครั้งนะพี่ ที่ทำให้พี่เดือดร้อน”

“ไม่เป็นไรหรอกถึงไม่มีเรื่องนี้ มันก็มีเรื่องอื่นอยู่ดี” พี่กันต์พูดอย่างคนไม่ติดใจอะไร

“กรกูกลับก่อนนะ กูขอบใจ แล้วก็ขอโทษมึงด้วย” ธีบอกก่อนที่มันจะเดินออกไปเช่นกัน แล้วตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับพี่กันต์สองคน

“เออๆ มึงเองก็ขับรถดีๆ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน” ผมบอก แล้วยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลา มันเองก็ทำเช่นเดียวกันกลับมา




...................................................................


ระหว่างทางกลับบ้านผมก็เล่าเรื่องผมกับธีให้พี่กันต์ฟัง เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ยังหัวเราะอยู่ในลำคอเบาๆ จะเหมือนว่ากำลังแค่นเสียงหัวเราะ เพราะหน้าของเขายังดูนิ่งและเศร้าขึ้นมาจนผมสังเกตได้ แต่เขาก็ถามออกมาว่าคิดกันได้ยังไงวิธีอื่นมีเยอะแยะ ไม่คิดว่าถ้าเขาเห็นแล้วจะโกรธบ้างหรือไง ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังปิดบังความรู้สึกของตัวเองเพื่อไม่ให้ผมเป็นห่วง

แต่เขาคงไม่รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้ ผมก็ยิ่งรับรู้และเป็นห่วงเขามากขึ้น จนผมต้องละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยแล้วไปคว้ามือของเขาที่วางอยู่บนตักมาจับไว้และบีบเบาๆ
.
.
.

หลังจากนั้นเราก็เงียบกันไปสักพัก จนพี่กันต์เป็นฝ่ายพูดออกมาอีกครั้งว่า เขาเห็นผมกับธีตอนพี่กาวน์บอกให้ดู แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีอะไร มีแต่พี่กาวน์ที่ถือโอกาสทำให้มันเป็นเรื่องเสียใหญ่โต แต่พี่กันต์ก็ไม่ได้บอกผมนะว่าพี่กาวน์มาเจอผมกับพี่เขาได้ยังไง ผมเองก็ไม่ได้ถามเหมือนกัน

ตอนคุยเรื่องนี้กันเกือบจบแล้ว พี่กันต์ก็เหมือนจะเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว จนแซวผมได้ว่า ระวังเถอะ ถ้าน้องหญิงอะไรนั่น เอาเรื่องผมกับธีไปป่าวประกาศจะขำกันไม่ออก ผมเองแค่คิดตามที่เขาพูดก็พาลเสียวสันหลังวาบ ถ้าเป็นจริงขึ้นมาไม่รู้จะตามแก้ข่าวกันยังไงเลย ยิ่งข่าวในมหาวิทยาลัยมันไปไวอย่างกับอะไร สงสัยต้องชวนพี่กันต์ไปทำบุญบ้างแล้ว ช่วงนี้เรื่องเยอะเหลือเกิน แล้วอีกอย่างวันพุธหน้าก็วันเกิดผมด้วย

“พี่กันต์อาทิตย์หน้าไปทำบุญกันไหม” ผมถามเขาหลังจากเราคุยเรื่องผม ธี แล้วก็พี่กาวน์จบไปแล้ว ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วรถยังติดอยู่เลย ผมเลยมีเวลาคุยกับเขาไปเรื่อยกว่าจะถึงบ้านคงอีกสักครึ่งชั่วโมงได้ล่ะมั้ง

“ไปสิ แล้วจะไปวันไหน”

“วันพุธช่วงเช้าได้ไหม พี่เข้าออฟฟิศสายหน่อยได้หรือเปล่า”  

“ได้ แล้วทำไมต้องวันพุธล่ะ” พี่กันต์ถามผมกลับมา

“วันเกิดกร” ผมบอก เขาก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นการรับรู้ ปกติวันเกิดผม ผมก็จะไปทำบุญกับที่บ้านอยู่แล้ว แต่ปีนี้ที่บ้านผมไม่มีใครอยู่ ก็เลยได้โอกาสไปกันสองคน
.
.
.

พอกลับมาถึงบ้านแล้ว เราสองคนก็ไม่ได้คุยเรื่องนั้นกันอีก ผมเองก็กะว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมานั่งทำงานต่อ ส่วนพี่กันต์คงเข้านอนเลยเพราะพรุ่งนี้ต้องออกไปทำงาน

“กรจะนอนเลยหรือเปล่า” พี่กันต์ถามผมตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนผมก็ลุกจากเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงมุมห้อง แล้วเดินไปหาพี่กันต์ที่เดินมานั่งลงที่เตียงแล้ว

“เดี๋ยวกรว่าจะทำงานต่ออีกหน่อย พี่นอนก่อนเถอะ” ผมพูด แล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวพี่กันต์ ที่ขยับตัวมานอนพิงหัวเตียงไว้ ก่อนที่ผมจะนั่งลงบนเตียง

“กร ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกนะ” พี่กันต์พูดกับผม ผมเองก็พยักหน้าตอบ

“พี่เองก็เหมือนกัน พี่มีอะไรพี่พูดกับกรนะครับ กรเป็นห่วงพี่นะ แล้วกรก็...”

“รักพี่นะ”

“ฝันดีครับ” ผมพูด ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบเขาเบาๆ ที่หน้าผาก พอผมยืดตัวขึ้นมาแล้วก็ทำแก้มป่อง แล้วก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มตัวเอง

“อะไร” พี่กันต์ถาม แต่จริงๆ เขาก็รู้ว่า ผมขอให้เขาทำอะไร

“ก็ทำเหมือนที่กรทำไง ปลอบใจกันนิดนึง วันนี้เจอพี่กาวน์เข้าไปขวัญเสียหมดแล้วเนี้ย” พอผมพูดจบก็ได้ยินเสียงเขาหัวเราะออกมา ผมเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย ก่อนที่พี่กันต์จะขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมารั้งท้ายทอยผมให้เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของเขา ผมจ้องตาของคนตรงหน้าไว้เมื่อเขาค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากของเขาเข้าหาริมฝีปากของผมอย่างช้าๆ ยิ่งช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผมรับรู้ถึงทุกสัมผัส ทุกการเคลื่อนไหวของเขาได้มากขึ้นเท่านั้น แล้วในที่สุดผมก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นนุ่มที่ประทับลงมาบนริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา แล้วถูกย้ำให้แนบสนิท ก่อนจะถูกถอนออกไปอย่างอ้อยอิ่ง

“ไปทำงานได้แล้ว” พี่กันต์พูด

“ครับ” ผมรับคำ จากนั้นพี่กันต์ก็ขยับตัวลงนอน ส่วนผมก็ลุกขึ้นเดินไปปิดไฟ และเดินเข้าห้องน้ำไป


..............................................................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-07-2010 21:29:29
ว่าแล้ววววว  ธีก็นะ  วิธีไล่ผู้หญิงมีร้อยแปด  เซ็งแทนเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 14-07-2010 21:31:08
:เฮ้อ: :serius2:
บรรยากาศแอบเครียดยังไงบอกไม่ถูก...
มีความรู้สึกว่าพี่กาวน์แปลก...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-07-2010 21:31:16
เฮ้อ.......ท่าทางจะมีเพื่อนธีเข้ามาเป็นตัวแปรเรื่องพี่กาวน์แล้วล่ะมั้ง
ร้ายๆแบบนั้น โดนต่อยไปเต็มๆแล้วยังไม่ได้เอาคืน ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไง
รักกันคุยกัน แล้วก็เข้าใจเชื่อใจกันนะคะพี่กันต์น้องกร


น้องกวางคะ เท่าที่เห็นมีที่เดียวนะคะ
และเศ้ราขึ้นมาจนผม.......(ไม้โทผิดที่ค่ะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 14-07-2010 21:52:15
ดูเหมือนอะไร ๆ มันจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่.....
ก่อนพายุจะมา ลมจะสงบไม่ใช่หรือ
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 14-07-2010 22:02:54
ขอให้เรื่องร้าย ๆ ผ่านพ้นไปด้วยดีเถอะนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 14-07-2010 22:04:04
ไปกันใหญ่แล้ว เรื่องนั้นยังไม่จบ
เรื่องใหม่ก็ตามมา ทุกคนมีเหตุผลกันทั้งนั้น
แต่ไม่มีใครยอมฟังเหตุผลอีกคนเลย
เหอ เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 14-07-2010 22:10:04
อุปสรรคความรักของคู่นี้เยอะจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 14-07-2010 22:12:57
ตอนนี้ดูอึมครึมแปลกๆอ่ะ
แอบเซงพี่กาวน์ อยากให้คนอื่นเค้าเข้าใจ
ทำไมไม่ทำความเข้าใจในสิ่งที่คนๆนั้นเป็นก่อนล่ะ
ตัวเองยังไม่เข้าใจเค้าเลย จะมาเรียกร้องให้เค้าเข้าใจตัวเองได้ไง
แอบสะใจ ธี o13 น่าจะแถมอีกซักหมัด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 15-07-2010 01:05:25
เซ็งพี่กาวน์จังคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 15-07-2010 05:52:02
พี่กาว์นยังไม่เลิกอีก..นิสัย :m16:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 15-07-2010 06:58:30
ดีนะครับมีแฟนๆเป็นหน่วยพิสูจน์อักษรให้  ผมว่าธีคนนี้น่าคบนะรักเพื่อนดี ยอมไม่ได้ที่เพื่อนถูกดูแคลนด้วยคำพูด ถึงจะใจร้อนไปหน่อย และคิดอะไรห่ามๆก็เหอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-07-2010 12:52:47
งานจะเข้ามั๊ยเนี่ย
เหมือนจะมีแต่คนใจร้อน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 15-07-2010 14:34:00
คุณพี่กาวน์ ตกลงไม่อยากให้น้องเป็นเกย์หรือเพราะรู้สึกกับกันต์มากกว่าน้องกันแน่?!

คนอ่านชักมึน


แต่เท่าที่เห็น..
ท่าทางงานจะเข้า แล้วต้นเหตุ (ส่วนหนึ่ง) ก็อาจจะเป็นพี่กาวน์ เป็นแน่
 :angry2:





 :L2: ให้กำลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-07-2010 21:44:46
อ่านตอนนี้แล้วหวั่นใจ ต้องเชื่อใจกันนะ จับมือกันไว้อย่าปล่อยทิ้งไปง่ายๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 16-07-2010 01:21:03
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: teen001 ที่ 16-07-2010 02:17:55
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 16-07-2010 16:23:00
 :เฮ้อ:

เจอหน้าเป็นมีเรื่อง พี่กาวน์นี่ยังไงกันนะ
แล้วใครจะไปเข้าใจว่าพี่คิดอะไรอยู่
 
แถมยังทำน้องเจ็บตัวทุกครั้งที่เจออีก
ช้ำไปหมดแล้วพี่กันต์อ่ะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 16-07-2010 20:15:10
 :z1:
ธี
จับพี่กาวน์กดเลย
เอ๊ย
หรือพี่กาวน์จะจับธีกดกันแน่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 17-07-2010 11:16:49
พี่กาวน์เป็นไรมากป่ะเนี้ย หาเรื่องตลอด
น้องเป็นแบบนี้มันผิด หรือห่วงน้อง อะไร ยังไงไม่แน่ใจ

 :m31:

จะเป็นยังไงต่อหว่า 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เป็นเรื่อง P.15 (up 14-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 18-07-2010 21:38:29
ตอนที่ 25 แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม

>>แกร้ก... แอ้ดดด...<<

ผมละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปที่ประตูห้องเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก โดยที่ไม่มีเสียงเคาะประตูบอกล่วงหน้า และคนที่จะทำแบบนี้ก็มีเพียงคนเดียว “พี่กาวน์”

เขาจะถามคนข้างนอกมาก่อนว่ามีใครอยู่ในห้องผมหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็จะเข้ามาเลย เวลามาก็ไม่เคยบอกล่วงหน้า แต่จะใช้วิธีโทรถามคุณฟ้าว่าผมอยู่ที่ออฟฟิศหรือเปล่า

พอผมเห็นว่าเป็นคนที่เข้ามาเป็นคนที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ ผมก็ทำเฉย และหันกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดงานค้างไว้ดังเดิม โดยไม่ได้เอ่ยทักคนที่เข้ามาใหม่แต่อย่างใด ผมยังคงเงียบอยู่แบบนั้น และทำเพียงแค่เหลือบมองว่าพี่กาวน์จะทำอะไร

แล้วผมก็ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวที่อยู่อีกด้านของห้อง แล้วหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่าน

ส่วนผมเองก็ไม่มีสมาธิที่จะจดจ่ออยู่กับงานสักเท่าไร คงเพราะความอึดอัดที่มีอยู่ตอนนี้ หลังจากอะไรหลายๆ อย่างที่มันเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนี้ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า บรรยากาศระหว่างผมกับพี่กาวน์ที่มันกลายเป็นแบบนี้ มันเป็นความผิดของผม พี่กาวน์ไม่ได้ผิดอะไรเลย จะโทษเขามันก็คงไม่ถูกที่ไม่เข้าใจผม แต่มันเป็นเพราะผมเองต่างหากที่เลือกทำในสิ่งที่มันผิดในสายตาของเขา
.
.
.

จากเวลาที่พี่กาวน์มาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง และก็ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานของพนักงานทั่วไป ส่วนผมคงนั่งทำงานต่อไปตามปกติอย่างเช่นที่เคยทำ ปกติกว่าผมจะออกจากออฟฟิศก็เลยเวลาเลิกงานไปแล้ว ถ้าเลิกเร็วผมจะออกจากออฟฟิศประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมงหลังเวลาเลิกงาน ถ้าทำงานเพลินๆ ก็เลยไปสามถึงสี่ชั่วโมงหรืออาจจะมากกว่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ผมมักจะออกจากออฟฟิศเร็วขึ้น เพราะรู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังรอผมอยู่ ถึงเขาจะไม่เคยบ่นเรื่องที่ผมกลับดึกอย่างที่ผมทำในช่วงแรกๆ จะบ่นบ้างก็แค่ไม่อยากให้ผมเครียดเกินไปหรือโหมงานจนไม่สบายแค่นั้น


“กันต์” เสียงจากคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาเรียกผม ผมเลยเหลือบตาไปมองทางเขา ที่หันมามองผมอยู่ก่อนแล้ว

“ครับ” ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงปกติ ในตอนนี้ผมกำลังทำในสิ่งที่มันเคยเป็นมาก่อนหน้าที่เราจะมีเรื่องทะเลาะกัน ผมกำลังทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เป็นอย่างที่ผมกับพี่กาวน์เคยเป็น

“เย็นนี้กินอะไร” พี่กาวน์ถามผม ก่อนจะปิดหนังสือในมือแล้ววางลงบนโต๊ะเช่นเดิม

“ไปกินร้านเดิมไหม ตั้งแต่กลับมาพี่ไปร้านนั้นมาหรือยัง” ผมเสนอ แล้วถามเขากลับ พี่กาวน์จะมีร้านโปรดอยู่ร้านหนึ่ง เป็นร้านอาหารไทยแท้ เรียกว่าตำรับชาววังเลยล่ะ เขาเคยบอกผมว่า นานๆ กลับมาก็อยากกินอาหารไทยแท้ๆ บ้าง เพราะอยู่นู่นหากินยาก จะให้ทำเองมันก็ยุ่งยากเกินไป

“อืม ไปร้านนั้นก็ได้ แล้วทำงานเสร็จหรือยัง”

“ไปเลยก็ได้” ผมตอบ แล้วลงมือปิดคอมพิวเตอร์ เก็บเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบมือถือมาส่งข้อความบอกกรว่า ผมจะออกไปกินข้าวกับพี่กาวน์ จะโทรหาเขาผมก็ไม่อยากให้พี่กาวน์ได้ยิน จนเกิดเป็นเรื่องให้ทะเลาะกันขึ้นมาอีก พอผมกดส่งข้อความไปแล้ว ยังไม่ทันที่จะเก็บเอกสารบนโต๊ะเรียบร้อย กรก็ส่งข้อความตอบกลับมาว่า ให้ผมดูแลตัวเองด้วย นี่เขาคิดว่าผมจะเดินเข้าสนามรบหรือไงกัน แล้วผมก็อดยิ้มไม่ได้เพราะตัวการ์ตูนที่เขาส่งต่อท้ายข้อความ หึหึ ผมเผลอหัวเราะออกมา แล้วก็รีบหยุดไว้ เพราะกลัวคนที่นั่งอยู่ในห้องด้วยจะสงสัย

พอผมเก็บของแล้วก็เดินไปปิดไฟในห้อง และเดินออกจากห้องไป โดยมีพี่กาวน์เดินตามออกมา



………………………………………………….


“ไปรถพี่แล้วกัน” พี่กาวน์พูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินมาถึงที่จอดรถ

“เดี๋ยวกันต์เอารถไปเองดีกว่า ขากลับพี่จะได้กลับบ้านเลย ไม่ต้องแวะมาส่งกันต์” ผมบอกพี่กันต์

“ไม่เป็นไรพี่พักอยู่แถวนี้” พี่กาวน์พูด พร้อมกับกดรีโมทรถของตัวเอง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ พอเห็นแบบนั้นผมเลยเดินอ้อมไปอีกฝั่ง แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ

“นึกว่าพี่กลับไปนอนบ้านเสียอีก” ผมพูดเมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้ว

“เปล่า ที่บริษัทฯ เปิดโรงแรมไว้ให้” พี่กาวน์พูดก่อนจะออกรถ


แล้วเราสองคนก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงร้านอาหาร ซึ่งใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะไปถึงที่ร้าน หลังจากไปถึงที่ร้านเราก็ใช้เวลาอยู่เกือบๆ สองชั่วโมง เพราะมัวแต่คุยและดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัว ร้านนี้อยู่ติดกับแม่น้ำระหว่างที่นั่งอยู่ ก็มีลมโชยมาเบาๆ ตลอดเวลา และด้วยบรรยากาศแบบนี้ เลยไม่มีใครคิดจะเริ่มเรื่องที่มันจะทำลายบรรยากาศขึ้นมา


“กลับเลยไหม” พี่กาวน์ถามขึ้นมา หลังจากพนักงานเอาเงินทอนกลับมาให้แล้ว

“อื้ม” ผมตอบเพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มง่วงเต็มที... ง่วงอย่างที่ไม่คิดว่าจะเป็น สงสัยหลายวันมานี้ผมคงนอนหลับไม่เต็มอิ่ม


>>กึ้ก...<<

เสียงมือของผมที่ยันลงกับโต๊ะ หลังจากที่ยืนขึ้นแล้วพบว่าตัวเองเหมือนจะยืนไม่อยู่ จนต้องส่งมือลงไปยันกับโต๊ะเอาไว้เพื่อประคองตัว

“เป็นอะไร” เสียงพี่กาวน์ถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของผม

“เปล่าๆ กันต์แค่รู้สึกเพลียๆ นิดหน่อย” ผมบอก ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความง่วงของตัวเอง

“งั้นรีบกลับไปนอนแล้วกัน เดี๋ยวพี่เลยไปส่ง” พี่กาวน์พูด ผมก็ได้แต่พยักหน้างึกงักตอบกลับไป จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาจับต้นแขนของผม ก่อนพาเดินออกจากร้านไป






......................................................................

 

“อื้อ…” ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรขยับไปมาอยู่แถวๆ ซอกคอ และพยายามที่จะยกมือขึ้นเพื่อดันสิ่งนั้นออกไป แต่ผมไม่มีแรงพอที่จะขยับ หรือหันหน้านี้จากสิ่งที่นั้น แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น เพื่อมองว่าใครกำลังทำอะไร ผมก็ยังทำไม่ได้ ผมรู้สึกว่าเปลือกตาของผมในตอนนี้มันหนักเหลือเกิน

“อึก... อื้อออ... อื้อ...” ผมรู้สึกถึงริมฝีปากที่ส่งมาประกบกับริมฝีปากของผม มันจะเป็นจูบที่อ่อนหวานนุ่มนวล ไม่ได้จาบจ้วงรุนแรง

แต่... ไม่ใช่ มันไม่ใช่ กลิ่นน้ำหอมแบบนี้ รสสัมผัสแบบนี้

ไม่ มันไม่ใช่ เขาไม่ใช่ “กร”

ในหัวของผมตอนนี้บอกให้ตัวเองทำอะไรสักอย่างเพื่อต่อต้าน เมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่สัมผัสที่คุ้นเคย แต่ผมก็ทำมันไม่ได้



แล้วความพยายามของผมก็เป็นไปได้มากที่สุด แค่การลืมตาขึ้นมามองว่าคนที่อยู่เหนือตัวผมตอนนี้เป็นใคร ทั้งที่เขายังไม่ละริมฝีปากที่กำลังบดเบียดอยู่กับริมฝีปากของผมออกไป


“พี่กาวน์” มันยิ่งทำให้ผมคิดอะไรไม่ออก เมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร

“ทำไมต้องเป็นเขา”

ผมพยายามจะเบือนหน้านี้ จากภาพที่เห็น แต่ใบหน้าที่ถูกประคองเอาไว้ในสองมือของคนที่ผมเรียกเขามาตลอดชีวิตว่า “พี่” มันทำให้ผมไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด  

จนเมื่อเขาถอนใบหน้าห่างออกไป ทำให้ผมกับเขาสบตากัน และทันทีที่เป็นแบบนั้น ผมก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่กำลังไหลออกมาคลอที่ดวงตาทั้งสองข้าง แล้วตกลงไปตามหางตา น้ำตาของผมกำลังไหล

และมันกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผมขยับตัวไปไหนไม่ได้ สิ่งที่จะทำเพื่อระบายทุกอย่างออกมา คงมีแค่การปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา โดยไร้เสียงสะอื้น

“ผมไม่เข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้”

และแทนที่คนๆ นั้นจะหยุด อย่างที่ผมภาวนาให้เขาหยุด และอธิบายอะไรให้ผมฟัง เหมือนที่เขาทำตอนเด็กๆ เวลาที่เห็นผมร้องไห้

เขากลับทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นต่อไป เขาก้มลงไปจูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆ ของผม ก่อนจะกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“กลับไปอยู่กับพี่นะครับ เด็กดี” เสียงที่เคยทำให้ผมอบอุ่นและปลอดภัย กำลังจะกลายเป็นเสียงของคนที่กำลังจะลงมือทำร้ายผม

ตอนนี้ผมรู้สึกถึงอุณหภูมิที่เย็นเฉียบที่มากระทบกับผิวกายเมื่อเสื้อเชิ้ตของผมถูกถอดออกไป มันยิ่งทำให้ผมเริ่มหายใจไม่ออก เมื่อคิดว่าเรื่องนี้มันจะดำเนินต่อไปทางไหน


“กร... กร...อยู่ไหน ช่วย... ช่วยด้วย ช่วยพี่... ด้วย ฮึกๆ” ผมร้องออกมา แต่มันกลับไม่มีเสียงใดรอดออกมา ผมไม่เหลือแม้แต่เสียงที่จะร้องตะโกนออกมา และมันก็เริ่มเลวร้ายมากขึ้น เมื่อผิวกายของผมเริ่มถูกรุกรานจากคนด้านบนมากขึ้นเรื่อยๆ จากซอกคอ แผ่นอก จนถึงหน้าท้อง เจ็บมันเจ็บ เจ็บทุกครั้งที่สัมผัสนั้นถูกลากผ่านลงไป

มือของผมเริ่มเกร็งแน่นอย่างอยากลำบาก ด้วยเรี่ยวแรงที่มันมีเหลือเพียงน้อยนิด แต่ผมก็อยากทำทุกอย่าง เท่าที่ผมจะระบายความรู้สึกที่มันอัดแน่นอยู่ภายในให้ออกมา

“ปะ ปล่อย... มะ ไม่ ไม่เอา อย่า ทำ” ผมเริ่มร้องขอคนที่กำลังฝากร่องรอยไว้กับร่างกายของผม ในทุกๆ ที่เท่าที่เขาจะทำได้ และทำโดยที่ไม่สนใจว่าผมกำลังรู้สึกทรมานขนาดไหน กับสิ่งที่เขาทำ

เขาได้ยิน... เสียงของผม และเงยหน้าขึ้นมาดู แต่ก็เพียงแค่นั้น เขาไม่คิดที่จะฟังคำพูดนั้นของผม เพราะมือของเขากำลังจับอยู่ที่ตะขอกางเกงของผม และลงมือปลดตะขอกางเกงของผมออก


“<<ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป…>>” เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมดังขึ้น

ทำให้ร่างด้านบนละมือจากสิ่งที่กำลังทำ และเปลี่ยนมาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผม หยิบโทรศัพท์ออกมากดปิดเครื่อง แล้ววางลงข้างตัว ก่อนเลื่อนตัวขึ้นมา แล้วก้มหน้าลงมาข้างหูผม

“ลืมมันซะ เด็กดีของพี่”

“กร” ผมพึมพำชื่อนั้นออกมา เมื่อได้ยินคำพูดนั้น มันทำให้ผมรู้ว่าเป็นใคร และในตอนนั้นผมก็รู้ว่ากางเกงของผมมันหลุดออกไปจากตัวแล้ว

“ฮึก ๆ ๆ” มันยิ่งทำให้ความอ่อนแอของผมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำไมผมถึงทำอะไรไม่ได้ ให้เขาใช้กำลังเสียยังดีกว่าให้มันเป็นแบบนี้ อย่างน้อยผมก็ยังได้สู้ ไม่ใช่นอนให้เขาทำแบบนี้


สุดท้ายผมก็ได้แต่หลับตาลง และปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป โดยทำได้แค่หวังว่าเรื่องนี้มันจะจบลงในเวลาเพียงไม่นาน







“กร…พี่กำลังฝันร้าย”


“ใช่ไหม… แค่ฝันร้าย”



“บอกพี่ทีว่ามันเป็นแค่...ฝันร้าย พรุ่งนี้เราก็ตื่นมาเจอกันเหมือนเดิม... ใช่ไหม”
  
 
-----------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 18-07-2010 21:49:21
 :angry2:

กูว่าแล้ว..

ไอ้พี่กาวน์!


 :m31:







 :กอด1:คนแต่ง ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-07-2010 21:53:52
อย่างที่คิดไว้เลย  พี่กาวน์นี่มัน ...  ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยามสิ  พับผ่า
แล้วทำมาด่า  ว่ารับไม่ได้  ด่าตัีวเองเหรองัยฟระ  บักห่านี่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 18-07-2010 22:15:13
มันเกิดอะไรขึ้นช่วยบอกที่

แล้วกรหล่ะจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 18-07-2010 22:18:52
ง่ะ  ขอให้เป็นแค่ "ฝันร้าย" จิงเหอะ

ทำไมพี่กาวน์ ถึงทำแบบนี้ได้ 

หรือไม่ได้คิดกับกันย์  "แค่น้อง"
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 18-07-2010 22:20:40
:o12:

ไม่กล้าอ่านทั้งตอนง่าาา...ได้แต่สคิปข้ามๆอะค่ะ อ๊ากกก   :serius2:






ไอ้พี่กาวน์นี่มัน...ฮึกๆ
ยังมีหน้ามาบอกให้กลับไปอยู่ด้วยกันอีกเหรอ...............





รักคุณคนแต่งนะคะ ขอให้ความสุขบังเกิด  :L2:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 18-07-2010 22:21:19
ฝันร้ายของจริง อ่านแล้วน้ำตาจะไหล :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 18-07-2010 22:35:40
โอ๊ยยย

ฝันร้ายของจิ  กร อยู่ไหนเนี่ยยยย  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 18-07-2010 22:55:45
ไม่นะ ไม่ เราไม่ยอมจริงๆด้วยไรเตอร์เป็นแค่ความฝันนะถ้าเป็นจริงเราไม่ยอมด้วย ฮือ ฮือ ฮือ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-07-2010 00:10:07
หักมุมชวนปวดตับกันชะงั้น เฮ้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 19-07-2010 00:10:54
ม่ายๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-07-2010 00:11:53
ทำไงดี เปิดผ่านแล้วไม่กล้าอ่าน.......
แง้ๆๆๆๆๆๆๆ น้องกวาง อยากอ่านแต่ไม่กล้าอ่าน

อ่านได้แค่ผ่านๆแล้วเลื่อนๆข้ามอ้ะค่ะ กลัววววววววว โฮววววววววววววว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 19-07-2010 00:12:06
พี่กาว์น.....เลวว่ะ
เซ็งๆๆๆๆ :m16:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 19-07-2010 01:19:00
 :a5: มันเป็นแค่ฝันร้ายใช่ไหม
แค่ฝันร้าย ฝันร้าย :m15:
ฮืออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 19-07-2010 05:00:29
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 19-07-2010 06:14:02
ว่าแล้ว หวงน้องผิดปกติ โดนวางยาแน่ ๆ คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะได้ น้องคืนมาเหรอ
จัดไป  :z6: แทน กร เดี๋ยวให้ตัวจริงมาจัดการต่อ
+1 ให้เป็นกำลังใจ มาลุ้นกันแค่ให้ฝัน....ร้ายนะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 19-07-2010 06:30:47
 :monkeysad:
กรูว่าแล้วเชียว หึหึ
ไอ้เลว
กรูก็หลงคิดว่ามึงเป็นคนดี
ที่ไหนได้
ไอ้เวรเอ้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 19-07-2010 10:42:38
  :o12:

ไม่จริงอ่ะ ฝันแน่ๆ เลย

พี่กันต์ตื่นสิ ฮือๆ ไม่เอาแบบนี้น้าาาา...


ไอ้พี่กาวน์บ้า ไปไหนก็ไปเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 19-07-2010 12:22:54
กันต์เองก็ใจอ่อนด้วยหล่ะ ทำไมไม่ตอบโต้บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้สึกตัว
ยังมีหน้ามาบอกอีกว่า ถ้าพี่กาวน์ทำร้ายเขาอาจจะต่อสู้บาง
พอเขาไม่ทำร้ายก็เลยอ่อนแอ หรือว่าใจอ่อนกันแน่
ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงกรบ้าง  กรผิดอะไร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-07-2010 12:38:21
ไอ้พี่กาวน์มันเห็นแก่ตัวชะมัดเลย ฉวยโอกาสบนความรักนับถือไว้เนื้อเชื่อใจว่าเป็นพี่ชาย ไอ้บ้าเอ้ยมาทำกับกันต์ได้
ตอนต่อไปขอให้กรได้เอาคืนไอ้พี่กาวน์ให้หนักๆได้ป่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 19-07-2010 14:50:59
นั่นแน่ๆ แหม่งๆว่าอะไรจะหวงขนาดนี้อ่ะ ลุ้นๆ

สงสัยกันต์จะฝันระดับสองนะ อิอิอิ ดูยัง inception สนุกดีนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-07-2010 15:51:32
พี่กันต์โดนยาเปล่าเนี่ย ถึงไม่ขัดขืนอะไรเลย แต่จริงๆๆ คือ พี่กันต์ แค่ฝันไปใช่ปะ จริงยังนอนกอดอยู่กับ กร ใช่ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :serius2:

อิพี่กาวน์ แก ...... มาทางไหนไปทางนั้นเลยนะ  o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 19-07-2010 15:55:49
พี่กาวน์เลวว่ะ

วางยาน้องอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-07-2010 16:38:33
กันต์เองก็ใจอ่อนด้วยหล่ะ ทำไมไม่ตอบโต้บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้สึกตัว
ยังมีหน้ามาบอกอีกว่า ถ้าพี่กาวน์ทำร้ายเขาอาจจะต่อสู้บาง
พอเขาไม่ทำร้ายก็เลยอ่อนแอ หรือว่าใจอ่อนกันแน่
ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงกรบ้าง  กรผิดอะไร
อ่านดี ๆ จะรู้ว่าพี่กันต์โดนวางยาค่ะ
ไม่ใช่ว่าไม่ขัดขืน  แต่ไม่สามารถขัดขืนได้  แค่จะลืมตาหรือพูดยังลำบาก
พี่กันต์เองถึงบอกกับตัวเองว่าอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสภาวะที่ตัวเองเป็นปกติ
ที่อย่างน้อยจะได้ขัดขืนเพื่อปกป้องตัวเอง  เพื่อแสดงให้อีกคนรู้ว่าไม่เต็มใจ
และได้ต่อสู้เพื่อคนที่ตัวเองรักค่ะ
...  ไม่น่าจะเป็นแค่ฝันนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 19-07-2010 20:09:44
พี่เลวเลว ช่างกล้านะ ว่าเขาแต่กลับทำซะเอง โครตเลวเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 19-07-2010 22:14:21
ไรเตอร์!!

อย่าปล่อยให้ค้างนานเซ่!!!

เด๋วนอนไม่หลับ  แงงงๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 19-07-2010 22:26:22
แค่ฝันร้าย มันเป็นเพียงแค่ฝัน
อย่าเสียใจ อย่าร้องไห้
ตื่นมาทุกอย่างจะเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: TEe RuKk ที่ 20-07-2010 02:48:10
ขอทำใจก่อนได้ป่ะค่อยอ่าน  ไม่ได้แวะเข้ามานานนน  เห็นคอมเม้นแล้ววไม่กล้าอ่าน :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:




คิดถึงคนแต่งน่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 20-07-2010 17:22:21
จะมีใครมาช่วยกันต์ไหมเนี่ย
กาวน์เลวจริงๆ :angry2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 20-07-2010 18:47:42
เพี๊ยง ขอให้กรมาช่วยทันทีเถอะ นะไรเตอร์นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 21-07-2010 19:00:11
 :serius2:

มันเป็นอย่างนี้ได้ไงอ่ะ ไม่ยอมอ่ะ ฮือๆๆ
สงสารพี่กันต์อ่ะ โอ้ย!! จะเป็นไงต่อหล่ะนิ

อยากรู้แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> แค่ฝันร้าย... ใช่ไหม P.16 (up 18-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-07-2010 22:15:47
ตอนที่ 26 หนี

“เตรียมตั๋วเครื่องบินกลับอังกฤษให้ผมสองใบ”

“อืม ส่วนอีกใบเป็นชื่อ นาย กันตภัทร พิทักษ์โยธิน” เขาหมายถึงผมอย่างนั้นหรอ

“ผมอยากได้ภายในอาทิตย์หน้า หลังจากผมเสร็จงานที่นี่แล้ว ผมจะกลับทันที” อาทิตย์หน้า ผมทวนคำที่ได้ยินอยู่ในหัวระหว่างที่ฟังเขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคน

“เรื่องเอกสารเดี๋ยวผมส่งไปให้”

“ไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณมาก”
.
.
.
หลังจากวางสายแรกไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ครับแม่” แม่ของเขา... ถ้าอย่างนั้นคนในสายคงเป็นอาพิม

“เดี๋ยวเย็นนี้กาวน์จะเข้าไปคุยกับป้าดาวเอง” ป้าดาว... เขาหมายถึงแม่ของผมใช้ไหม แล้วเขาจะเข้าไปคุยอะไรกับแม่

“แค่เดือนเดียวครับ”

“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ จัดการจากทางนั้นได้อยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร แล้วค่อยคุยกันนะครับ กาวน์มีประชุมตอนเช้า"

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา และทันได้ยินว่าเขากำลังสั่งคนให้จองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งมีชื่อของผมด้วย จากนั้นเขาก็คุยกับอาพิมเท่าที่ฟังคงมีผมเข้าไปเกี่ยวด้วย ตอนนี้ผมยังคงคิดอะไรไม่ออกกับสิ่งที่ได้ฟังว่าอะไรเป็นอะไร ได้แต่ปล่อยตัวเองให้มองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ผมเห็นเงาสะท้อนของเขาจากกระจกบานสูงของตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ขณะที่กำลังผูกเนคไทสีเทาเข้มสลับดำให้กับตัวเอง และจัดให้มันเข้าที่


ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมจะต้องเริ่มต้นคิดอะไร

และเริ่มจากตรงไหน


ผมพยายามจะยันตัวขึ้น แต่เหมือนหัวมันหนักจนยกไม่ขึ้น ปวดหัว มึนหัว เวียนหัว หรืออาการอะไรก็ตามแต่มันที่มันแล่นเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็วเมื่อผมขยับตัวจะลุกขึ้น มันทำให้ผมได้แต่ล้มตัวลงนอน และหลับตาลง ผมหวังว่าเมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอาการทั้งหมดมันจะหายไป

“ผมอยู่ที่ไหน”

ผมเริ่มต้นอีกครั้งกับตั้งคำถามทีละข้อกับตัวเอง และมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพื่อหาคำตอบ ทั้งๆ ที่อาการมึนหัวยังคงอยู่ไม่ได้จางลงแม้แต่น้อย แล้วผมก็รู้แล้วว่าที่ๆ ผมอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ห้องของผม และคนที่ผมเห็นก็ไม่ใช่กร แต่ผมกำลังใช้ความพยายามเพื่อจะเรียบเรียงความคิดของตัวเองเพื่อจะตอบให้ได้ว่า

“ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ตอนนี้”

“อื้ออ...” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ และเริ่มขยุ้มเส้นผมของตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าอาการของผมกำลังแย่ลง

“กันต์” เสียงเรียกจากใครสักคน ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าที่นอนข้างผมมันยวบลงไป เพราะน้ำหนักของคนๆ นั้น
 
“เป็นอะไร ยังเป็นไมเกรนอยู่หรอ” คนๆ นั้นพูด พร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้ และพยายามจะแกะมือของผมที่ขยุ้มเส้นผมของตัวเองไว้ออก แต่ผมคงไม่ยอม จนรู้สึกว่าเขาเริ่มลูบที่หลังมือของผมเบาๆ ทั้งสองข้าง แล้วเหมือนว่าผมจะคลายมือที่เกร็งไว้ออกแล้ว เขาเลยแกะมือของผมออกมาได้ และจับมันไว้

“ปล่อย” ผมพูดเมื่อมองเห็นเต็มตาว่าคนๆ นั้นเป็นใคร

“กูบอกให้ปล่อย” ผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอีกครั้ง และดึงมือของตัวเองออกจากอุ้งมือของเขา ก่อนพยายามขยับตัวลุกขึ้นอีกครั้ง หลังจากผมพูดไปแล้วเขาก็ไม่มาแตะตัวผมอีก จนผมลุกออกจากเตียงมาได้เอง ตอนนี้อาการปวดหัวมันเริ่มจะหายไปแล้ว ทั้งที่เมื่อกี้มันปวดจนแทบทนไม่ได้ นานแล้วสินะที่อาการแบบนี้ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนผม แต่ตอนนี้มันกลับมาแล้ว ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ครั้งนี้ผมคงต้องขอบคุณมันสินะ ที่มันรีบหายไป ซึ่งมันช่วยให้ผมไม่ต้องรู้สึกแย่กับตัวเองไปมากกว่านี้

ผมมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของผมตอนนี้มันไม่มีอะไรปกปิดอยู่เลย แล้วผมก็หามันเจอ เสื้อผ้าของผมถูกวางพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงนัก ผมเดินไปหยิบและใส่มันตรงนั้น ก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง ผมไม่คิดแม้แต่จะเข้าห้องน้ำ หรือจัดการอะไรสักอย่างกับสารรูปของตัวเอง ทั้งที่เมื่อกี้ผมเห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ในกระจกตอนที่เดินผ่านมันมา

มันเป็นภาพที่ชวนให้ผมนึกสมเพศตัวเองขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แค่เพียงเสี้ยวนาทีที่เดินผ่านมันมาอย่างช้าๆ ผมกลับเห็นผิวกายของตัวเองที่มีแต่รอยแดงเป็นจ้ำ มันน่าทุเรศสิ้นดี เมื่อคิดไปถึงว่าคนที่ทำให้เกิดรอยพวกนี้เป็นใคร หึหึ นี่หรอวิธีของเขา

“แล้วเขาคิดว่าจะได้อะไรจากผม”

 
“จะไปไหน” เขาพูดเมื่อผมกำลังเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู เพื่อจะเปิดออกไปจากห้อง

“รออยู่นี่ เดี๋ยวตอนเย็นพี่จะพากลับบ้าน” เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผมไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด และเปิดประตู ก่อนจะก้าวออกจากห้อง แต่ก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้



>>หมับ<<

ผมหันกลับไปพร้อมกับหมัดที่ถูกส่งไปหาเขา แต่ก็ถูกเขารับเอาไว้ได้ และออกแรงบีบให้หมัดของผมยังอยู่ในมือเขา

“พี่ว่าเราทำตัวให้มันดีๆ ดีกว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้ ก็อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลับบ้าน” เขาพูดแล้วเปิดประตูออกอีกครั้ง และครั้งนี้ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าในห้องรับแขกมีผู้ชายอีกสองคนยืนอยู่

“แล้วไม่ต้องคิดจะทำอะไร พี่จะให้คนเฝ้าเราไว้ ส่วนในห้องไม่มีโทรศัพท์ไม่ต้องมองหา มือถือเราก็อยู่กับพี่” พอพูดจบเขาก็เดินออกไป ส่วนผมก็แค่เดินตามไปล็อคประตูห้อง ก่อนจะหันกลับมามองในห้อง



“ตอนนี้ผมกลายเป็นอะไรไปแล้ว”

 


............................................................


ผมไม่คิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น นอกจากพาตัวเองออกไปนั่งอยู่ที่ระเบียง ผมนั่งอยู่แบบนั้น โดยไม่สนใจจะทำอะไรกับตัวเอง
สภาพของผมยังคงเหมือนเดิม ผมปล่อยตัวเองให้นั่งอยู่แบบนั้น จากเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าเรื่อยมาจนถึงเวลาที่มันกำลังจาลาลับจากขอบฟ้าไป ท้องฟ้าถูกเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ จากสีฟ้าสว่างจนกลายเป็นสีเข้มในช่วงหัวค่ำ

ใครมันจะไปมีอารมณ์ทำอะไร ข้าวปลาคงไม่ต้องพูดถึง ถึงแม้คนที่อยู่นอกห้องจะมีกุญแจไขเข้ามาเพื่อเอาข้าวเอาน้ำมาให้ผม แต่ผมก็เลือกที่จะทิ้งมันไว้อย่างนั้น ถึงมันจะดูโง่ที่ทรมานตัวเอง แต่ถ้ากินมันลงไปได้ ผมคงไม่ใช่คนปกติแล้วล่ะ ต่อให้เป็นคนเข้มแข็งมากแค่ไหน แต่ถ้ามาเจอเรื่องเลวๆ แบบนี้มันคงทำตัวเก่งกล้าได้ไม่ง่ายนัก




แต่อย่าคิดว่าผมจะยอมง่ายๆ กับเรื่องแค่นี้ ใช่ เรื่องแค่นี้ มันไม่ถึงตายหรอก มันมีเรื่องอีกหลายอย่างที่ผมจะต้องทำ

ผมจะไม่มีวันหายจากกรไปเฉยๆ แล้วปล่อยให้เขาคิดว่าผมไม่เห็นค่าของความรักที่เขาให้

ผมจะไม่มีวันยอมให้เขาเจ็บ... ผมจะไม่หนีไปจากเขา แต่ผมต้องหนีจากอีกคนต่างหาก

ผมไม่รู้ว่าผมเห็นแก่ตัวหรือเปล่า ทั้งที่ผมเป็นแบบนี้ ยังจะพาตัวเองกลับไปหาเขา แต่ถ้าให้ผมคิดกลับกันว่า ถ้าเขาเป็นผม แล้วผมเป็นเขาในตอนนี้

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะรักเขา”

“มันคงไม่ผิดใช่ไหม ที่ผมคิดแบบนี้กับตัวเอง ผมแค่ไม่อยากดูถูกความรักที่ได้รับมาเท่านั้นเอง”
.
.
.

ถ้าเย็นนี้ผมได้กลับบ้านตามที่เขาบอกผม มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะหาทางออกไปจากบ้านของตัวเอง เขาคนนั้นคงประเมินผมผิดไป ผมไม่ใช่เด็กชายตัวเล็กๆ ที่คอยแต่เดินตามเขาอีกแล้ว

มันคงถึงเวลาที่ผมจะทำให้เขารู้จักผมมากกว่านี้



............................................................



“จะไปแบบนั้นหรือไง” เขาหันมาถามผมขณะที่กำลังเดินตามเขาออกจากห้องไปในสภาพที่ไม่ต่างไปจากเมื่อเช้า แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แม้แต่สายตาคนอื่นที่มองมาที่ผม ตั้งแต่ผมลงลิฟท์ไปจนถึงชั้นล่างที่เป็นบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมที่ผมเองก็รู้จักดี มันยังไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาเลย ทั้งที่รู้ดีว่าคงมีเจ้าของสายตาหลายคู่ที่รู้จักผม

ผมนั่งรถมากับเขาแค่สองคน โดยมีเขาเป็นคนขับ ส่วนอีกสองคนที่เฝ้าผมมาทั้งวัน ไม่ได้ตามมาด้วย
.
.
.

“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก” แม่ลุกจากโซฟาในห้องรับแขกและเดินเข้ามาหาผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในบ้าน ถึงแม้ว่าผมจะไม่อยากให้แม่เห็นตัวเองในสภาพแบบนี้สักเท่าไร แต่ก็คิดว่าดีเหมือนกันเผื่อผมจะใช้โอกาสนี้ทำให้สิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไปได้ง่ายขึ้น

“ทำไมมานั่งอยู่นี่ล่ะครับ แล้วพ่อล่ะ” ผมยังไม่ตอบคำถามของแม่ แต่ถามกลับไปแทนเพราะปกติแล้วเวลานี้แม่จะนั่งดูละครหรืออ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นบนมากกว่า

“พ่อเขาไปออกรอบกับเพื่อน เห็นว่าที่สนามประจำที่พ่อเขาไปเพิ่งเปิดไนท์กอล์ฟ พ่อเขาอยากไปลองตี แล้วเราล่ะไปทำอะไรมา ยังไม่ตอบแม่เลย กาวน์ไปพาน้องมาจากที่ไหนลูก” แม่ตอบผม ก่อนจะถามคำถามเดิมที่ถามผมไปก่อนหน้านี้อีกครั้ง แล้วหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมด้วย

“มีคนมาหาเรื่องนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นอะไร” ผมตอบ

“อะไรกันลูก แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า” แม่ถามออกมา พร้อมกับมีท่าทางตกใจเล็กน้อยกับคำตอบของผม ก่อนจะจับแขนจับตัวผมเหมือนจะหาดูว่าเป็นอะไรตรงไหนหรือเปล่า

“กันต์ไม่เป็นอะไรครับแม่ เดี๋ยวกันต์ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ” พอพูดจบผมก็เดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนสองคนที่อยู่ข้างล่างจะคุยอะไรกัน ที่ผมไม่สนใจ หรือกังวลอะไร นั่นเป็นเพราะผมแน่ใจว่าเขาจะไม่มีวันบอกอะไรกับแม่ของผมว่าเขาทำอะไรลงไป มันก็เหมือนกับเขาที่พาผมกลับมาที่บ้าน เพราะเขามั่นใจว่าผมจะไม่มีทางเอ่ยเรื่องนั้นกับใครเช่นกัน และคงจะกลับไปอังกฤษกับเขาง่ายๆ


แต่ผมจะไม่ทำอย่างที่เขาคิด
.
.
.

พอขึ้นมาที่ห้องได้ผมก็ยกหูโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา และกดเบอร์โทรศัพท์ที่ผมจำมันได้ขึ้นใจ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้ยินจากอาร์ เมื่อครั้งที่ผมหาข้ออ้างโทรไปขอเบอร์กรจากมัน

“ครับ” เสียงที่ดังขึ้นหลังจากผมรอสายเพียงไม่นาน

“.........” พอได้ยินเสียงของคนที่ผมตั้งใจโทรไปหาเขาแล้ว มันกลับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ถือสายค้างไว้

“พี่กันต์” แล้วก็เป็นเขาที่พูดชื่อผมออกมา ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเบอร์ที่ผมโทรไปเป็นเบอร์ของใคร

“อื้ม” ผมส่งเสียงตอบรับไปเพียงสั้นๆ

“กรโทรหาพี่ตั้งแต่เมื่อคืน แต่โทรไม่ติด พี่เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วเมื่อคืนพี่กลับไปนอนที่บ้านหรอ คืนนี้จะกลับมาที่คอนโดฯ ไหม” คำพูดมากมายถูกส่งมาจากปลายสาย และน้ำเสียงที่ผมได้ยินก็ยังเจือไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในตัวผมเสมอไม่เคยเปลี่ยน

“กร ไปหัวหินกัน เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้าน” ผมบอกเขา

“เอ่อ ครับ แล้วพี่เป็นอะไรหรือเปล่า”

“อืม เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” ผมบอกเขาและกดวางสาย ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมใช้เวลาไม่นานนักในการจัดการกับตัวเองให้ดูดีขึ้น ถึงจะดูโทรมไปบ้าง แต่มันก็ดูดีกว่าทั้งวันที่ผ่านมา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง และกดลงไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องครัว ผมหวังว่าจะมีใครสักคนอยู่ในนั้น แล้วรับสายของผม

“ทิพย์ค่ะ” 

“ทิพย์เดินไปดูที่ห้องรับแขกให้หน่อยว่าคุณแม่ยังคุยอยู่หรือเปล่า แล้วไม่ต้องวางสายนะ”

“ค่ะ คุณกันต์”
.
.
.
“ยังคุยอยู่ค่ะ คุณกันต์” เสียงของทิพย์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อบอกในสิ่งที่ผมอยากรู้

“อืม ขอบใจมาก”

ผมวางหูโทรศัพท์กลับเข้าที่ ก่อนจะเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ กุญแจของรถอีกคัน และกระเป๋าหนังสำหรับใส่บัตรใบเล็กๆ ออกมา ผมออกจากห้องนอน ลงบันได และรีบเดินไปในครัวเพื่อจะออกไปทางหลังบ้าน แล้วหลังจากนั้นมันก็เป็นเรื่องง่ายที่ผมจะขับรถออกไปจากบ้าน และตรงไปที่บ้านของกร

--------------------------------------------------     
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 21-07-2010 22:27:11
^
^
^ จิ้ม  :z13: :z13:
ทำเรานอนไม่หลับเลยนะ
สะเทือนใจกับตอนที่แล้วไม่หาย  :m15:
นายกาวน์ร้ายมาก  :z6: :z6:
ทำร้ายไม่พอยังจะลักพาตัวอีก นิสัย!!!!!!
กันต์หนีออกมาให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-07-2010 22:28:04
ไม่น่าจะหนีไปได้ง่าย ๆ หรอกนะ  พี่กาวน์คงต้องให้คนจับตามองอยู่แล้วล่ะ
อยากให้พี่ันต์บอกกับกรไว้นิด ๆ ก็ดี  อย่างน้อยเพื่อความปลอดภัยของกรเองด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-07-2010 22:32:52
 :z13: อิ อิ อิ
เอาใจช่วยกันต์หนีให้พ้นจากไอ้พี่กาวน์
ชักจะได้กลิ่นทะแม่งๆ ว่าพี่กาวน์คงไม่คิดชั่วแต่กับกันต์เท่านั้น สงสัยจะทำอะไรๆกับธุรกิจที่ทำร่วมกันด้วยอ๊ะเปล่า
อืมมม...ดูน่ากลัวว่ะไอ้พี่กาวน์เนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 21-07-2010 22:33:20
อ่าว แค่เนี้ยหรอ ขอให้กันต์หนีรอดปลอดภัย

แล้วกรก็เข้าใจเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 21-07-2010 22:36:39
หวังว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น ดีจังที่กันต์เข้มแข็ง
ไม่มีไรต้องกังวลกรไม่มีทางเลิกรักพี่กันต์หรอก
 :fire: ไอ้พี่กาวน์ :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 21-07-2010 22:39:53
เครียดจังเลยค่ะ...เรากลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่กันต์คิด...
แต่ก็ดีใจที่กันต์ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
สู้ๆนะคะ คิดถึงน้องกร อยากเผาไอ้พี่กาวน์  :fire:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-07-2010 22:54:46
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่
เลวจริงๆ นายกาวน์
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 21-07-2010 23:42:48
พี่กันต์เข้มแข็งไว้นะ เอาใจช่วยทั้งคู่เลย
 :เฮ้อ: หมดศรัทธากับพี่กาวน์จริงๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-07-2010 00:23:53
หนีๆๆ พี่กาวน์ ขอให้กรรมตามสนอง
ขอให้ได้ไปหาน้องกรอย่างปลอดภัยนะคะพี่กันต์

(สารภาพว่าร้องไห้จริงอะไรจริง ตอนที่แล้วไม่ค่อยกล้าอ่านเลยไม่ร้อง แต่ตอนนี้อ่านไปอ่านไปร้องซะงั้น T______T)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 22-07-2010 01:02:05
 :angry2: ไอ้(พี่)กาวน์ แม่ง สารเลว..
พี่กันต์เข้มแข็งไว้นะ เอาใจช่วยทั้งคู่เลย
 :เฮ้อ: หมดศรัทธากับพี่กาวน์จริงๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

อืม จริง..หมดศรัทธาจริงๆ ไม่ต้องไปนับถือแม่งแล้ว สู้กับมันตรงๆไปเลยกันต์!

ถึงจะเป็นเรื่องที่ทำใจลำบากที่จะเล่าแต่..
กันต์อย่าปิดกรก็พอ เราเชื่อว่ากรต้องเข้าใจ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 22-07-2010 03:19:16
ตามมาอ่านด้วยคนค่ะ.......ลุ้นจะเเย่อยู่เเล้ว.... :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 22-07-2010 03:26:35
 :beat: :beat: :beat:เกียจไอ้พี่กาวน์
กันต์สู้้ :3125: :3125:
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 22-07-2010 03:53:58
ใจคนยากแท้หยั่งถึงจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 22-07-2010 06:57:21
ตอนแรกทำเป็นบอกว่าการที่กันต์คบกับกรมันผิด
แต่สิ่งที่กาวน์ทำกับกันต์มันเรียกว่าอะไรละ :angry2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 22-07-2010 07:16:13
เป็นเราหน่อยไม่ได้จะหาทางเอาคืนให้สาสม ไปหัวหินเดี๋ยวก็ตามเจอ หาที่มันไกลและคนไม่พลุกพล่านหน่อยดิหนีทั้งที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-07-2010 10:12:42
พี่กันต์ พากรไปไกลๆๆก่อน...เอาไปแต่การ์ด ไอ่พี่กาว์นมันต้องตามเจอแน่เลย...

เฮ้ออออออ.......เชื่อว่ากร อ่ะ ไม่โกรธหรือรังเกียจพี่กันต์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 22-07-2010 17:33:57
หนีไปเลยกันต์ เราเอาใจช่วยนะไอ้กาว์นนี้มันเลวมากๆเลยนิอย่างนี้ต้องทำให้มันได้รับบทเรียนให้สาสมเลยไอ้นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 22-07-2010 19:17:20
 :monkeysad:

สงสารอ่ะ พี่กันต์คงจะบอกกรใช่ไหม บอกไปแล้วจะเป็นไง

มั่นใจว่ากรจะรักพี่กันต์เหมือนเดิมแน่ๆ แต่ก็อดสงสารทั้งคู่ไม่ได้อ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-07-2010 21:34:12
อ่าน 2 ตอนหลังนี่ ทำให้ต้องมองชื่อเรื่องตลอดเลย พยายามคิดว่า เรื่องคงไม่เศร้ารันทดใจมากนักนะคะ

ก็ รัก คือ ..... รัก นี่น่า ถึงไม่หวานมากมาย แต่ก็คงไม่ขมปี๋ใช่ปะค่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-07-2010 21:48:10
คงคิดว่า กันต์ ยังเป็นเด็ก บอกให้ไป ก็ไป บอกให้หยุด ก็หยุด คิดผิดแล้วไอ้กาวน์ :m16:
สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้ากรรู้ จะรู้สึกอย่างไร ยังไงก็ต้องให้กำลังใจทั้งสอง ให้ผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้
+1 เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 22-07-2010 22:33:41
อ่า
สงสารพี่กันต์มาก
พี่ชายแม่งโคตรเลวอ่ะ
 :fire: :angry2:
เฮ้อ..
ถ้ากรรู้จะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 22-07-2010 23:24:16
เจอกันคุยกัน ไม่ว่ายังไงก็เชื่อว่ากรรักพี่กันต์ไม่เปลี่ยนแน่ๆ

ส่วนอีกคนขอสักทีเหอะ  :z6:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หนี P.17 (up 21-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 25-07-2010 03:05:00
ตอนที่ 26 ความจริง [1/2]

“พี่นอนก่อนก็ได้นะ ถึงแล้วกรจะเรียก” ผมหันไปพูดกับคนที่นั่งทำตาปรอยอยู่ที่เบาะด้านข้างผม หลังจากผมขับรถมาได้สักพัก ตั้งแต่เขามาถึงบ้านผมจนตอนนี้ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลย ได้แต่นั่งเหม่อมองออกไปทางกระจกด้านข้างรถ พอผมชวนเขาคุย เขาก็จะหันมายิ้มบางๆ กับผม และคุยตอบผม แต่ไม่นานเขาก็จะเงียบลงไปเหมือนเดิม

“หึ นั่งเป็นเพื่อนกันดีกว่า” เขาส่งเสียงในลำคอเพื่อปฏิเสธ แล้วพูดขึ้น ก่อนจะเอนเบาะที่เขานั่งอยู่ลง แล้วเอนตัวตามลงไป โดยพลิกตัวและหันหน้ามาทางผม

“พรุ่งนี้เช้าไปทำบุญกันนะ คราวที่แล้วกรเห็นมีวัดอยู่ใกล้ๆ บ้านพี่ด้วย”

“อืม” เขาตอบ แล้วผมก็เหลือบไปเห็นว่าเขากำลังจับหรือลูบอะไรสักอย่างที่อยู่ในมือเขา ผมเองก็มองไม่ถนัดนักเพราะความมืด อีกทั้งต้องคอยมองทางข้างหน้าไปด้วย

ผมขับรถต่อไปเรื่อยๆ พอหันไปอีกครั้งก็เห็นว่าคนที่บอกว่าจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนผมตอนขับรถ ได้หลับไปแล้ว
.
.
.

“พี่กันต์ถึงแล้วครับ” ผมเปิดไฟภายในรถ ก่อนจะส่งเสียงเรียกคนข้างๆ หลังจากขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วสีขาว พอมองเข้าไปในบ้านก็เห็นว่ามีแต่ดวงไฟตามต้นเสาสีดำที่มีความสูงไม่มากนัก คอยทำหน้าที่ให้แสงสว่างรอบตัวบ้าน ส่วนภายในบ้านนั้นมืดสนิท

“อืม กุญแจบ้านคล้องอยู่กับกุญแจรถ ปลดออกมาหน่อย เดี๋ยวพี่ไปไขรั้วให้” พี่กันต์ขยับตัวลุกขึ้นมา และบอกกับผม ผมจึงมองไปที่กุญแจรถ แล้วก็เห็นกุญแจอีกสองดอกที่ถูกห้อยไว้โดยสายโซ่เล็กๆ ก่อนจะปลดโซ่แยกกุญแจสองดอกนั้นออกมาแล้วส่งให้พี่กันต์
.
.
.
เมื่อประตูรั้วถูกเปิดออก ผมก็ขับรถเข้ามาจอดที่โรงจอดรถ พอผมก้าวลงมาจากรถพี่กันต์ก็เดินมาคว้าข้อมือของผมไว้ ก่อนจะดึงให้เดินตามเขาไป

เราสองคนเดินมาตามทางเดินของสนามที่ล้อมรอบตัวบ้าน จนผ่านมาอยู่อีกฝั่งของตัวบ้าน ด้านที่ติดกับชายหาด ส่วนมือของพี่กันต์ที่จับข้อมือของผมมาในตอนแรก ตอนนี้เปลี่ยนมาจับมือผมไว้แทน และจูงให้ผมเดินตามเขาลงบันไดไปจนเราทั้งคู่มายืนอยู่บนชายหาด

พอลงมาที่ชายหาดแล้ว คนข้างกายก็ทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดกับผม เขาหันหน้ามาทางผม ผมเองก็หันไปทางเขาเช่นกัน ก่อนที่เขาจะปล่อยมือของผมออก แล้วยกแขนขึ้นไปกอดตัวเองไว้แทน ตอนนี้ใบหน้าของพี่กันต์ที่ผมมองเห็นภายใต้แสงไฟที่ส่องมาจากในสนามนั้นดูเศร้าจนผมเริ่มเป็นกังวล


“กร...”

“ครับ”

“เมื่อวันก่อน... ที่พี่บอกว่า... ออกไปกินข้าว” ผมฟัง และนึกตามที่คนตรงหน้าพูดออกมาอย่างช้าๆ อืม วันก่อนเขาบอกผมว่าออกไปกินข้าวกับพี่กาวน์ นี่เขาไปมีเรื่องอะไรกันมาอีกหรือเปล่า

“คือ...“ คนตรงหน้าผมก้มหน้าลง และพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับผม แต่เหมือนว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพูดออกมา เขากระชับอ้อมแขนที่กอดตัวเองไว้ให้แน่นขึ้น ผมสังเกตเห็นว่ามือของเขาบีบที่ต้นแขนของตัวเองจนแน่น คล้ายกับว่าจะให้มันช่วยหยุดอาการสั่นน้อยๆ ที่เจ้าตัวกำลังเป็นอยู่

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแต่ยกมือขึ้นไปหมายจะจับมือของเขาที่เกาะกุมอยู่ที่ต้นแขนของตัวเองจนแน่นนั้นให้คลายออก แต่... เขากลับสะดุ้งเล็กน้อยและเกร็งตัวขึ้นมา แล้วทำท่าเหมือนจะขยับตัวถอยห่างจากผม แต่ยังไม่ทันได้ขยับ เพราะเจ้าตัวเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ คือ ผม

“พี่กันต์ เป็นอะไร” ผมถามออกไปอย่างคนที่เริ่มใจคอไม่ดี เมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า

“พี่กับเขา...” พี่กันต์พูดออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันยิ่งทำให้ตัวของเขาเริ่มสั่นมากขึ้น

“ไม่ต้องพูดแล้วนะ” ผมพยายามพูดออกมาดวยน้ำเสียงที่เป็นปกติ ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันเหมือนว่ามีก้อนอะไรสักอย่างมันกำลังจุกอยู่ในลำคอ จนแทบจะทำให้ผมพูดออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นร่างกายของคนตรงหน้าสั่นมากขึ้น ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาช่วงที่เขาไม่ได้อยู่กับผม แต่อาการของคนตรงหน้ามันทำให้ผมเป็นกังวลและอดกลัวไม่ได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามันจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินกว่าที่ผมจะคาดคิด ถึงแม้บุคคลที่สามที่เรากำลังเอ่ยถึงกันอยู่ตอนนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายขอคนที่อยู่ตรงหน้าผม แต่อาการของพี่กันต์ล่ะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เมื่อผมสัมผัสเขา แต่ตอนนี้เขากลับทำท่าตกใจและเกร็งตัวขึ้นมาเพียงแค่ผมจะจับมือเขา คล้ายกับว่าเขากำลังกลัว

ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดขึ้นมาได้ตอนนี้มันจะใช่หรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรให้มากไปกว่านั้น ผมก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปที่สาบเสื้อด้านบนของคนตรงหน้า พอเห็นผมทำแบบนั้น เจ้าของเสื้อก็คว้าข้อมือของผมเอาไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” ผมบอกคนตรงหน้าเบาๆ จนเขาคลายมือออก แล้วกลับไปกอดตัวเองไว้เช่นเดิม จากนั้นผมก็ปลดกระดุมเสื้อเม็ดที่สองของเขาออก ก่อนจะจับสาบเสื้อทั้งสองข้างให้แยกออกจากกันช้าๆ และมองหาอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ผมไม่อยากหามันเจอ บางทีผมอาจจะคิดอะไรในทางลบมากจนเกินไป มันอาจจะไม่มีอะไร หรือบางทีถึงผมจะเจอสิ่งที่กำลังจะหา มันก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ความคิดของผมตีกันอยู่ในหัว แล้วได้แต่คิดว่า “ไม่มีอะไร ๆ กูมันบ้าไปเอง บ้าที่คิดอะไรบ้าๆ” 


ผมเห็นรอยพวกนั้นอยู่ที่ซอกคอของเขาตั้งแต่ตอนที่ผมหันไปปลุกเขาที่เอนหัวพิงกระจกเอาไว้ แสงไฟในรถบวกกับแสงไฟจากดวงไฟที่ต้นเสาของรั้วหน้าบ้านมันสว่างพอที่จะทำให้ผมมองเห็นร่องรอยบางอย่าง เมื่อผมมองหาร่องรอยที่ไม่อยากให้มันมีมากไปกว่าที่เห็นในตอนแรก ผมกลับเจอมัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ยังหวังให้มันไม่มีเรื่องอะไร มันคงไม่มีอะไร ไม่อยากให้มี แต่อาการของคนตรงหน้าที่แสดงออกมาตอนนี้ กลับกำลังปฏิเสธสิ่งที่ผมคิดว่า มันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ผมไม่รู้ว่าผมกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน มันทั้งเสียใจ ทั้งโกรธกับสิ่งที่ผมเห็น ผมไม่ได้โกรธคนตรงหน้า แต่ผมโกรธคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ และโกรธตัวเองที่ดูแลเขาไม่ได้


ผมปล่อยมือที่จับสาบเสื้อของเขาไว้ แล้วเปลี่ยนมารวบตัวของเขามากอดไว้ทั้งตัว ผมรู้สึกถึงอาการสั่นของคนในอ้อมกอดมากขึ้น และตามมาด้วยแรงสะอื้น เขาเริ่มสะอื้นจะตัวโยนอย่างคนที่กำลังปลดปล่อยทุกอย่างที่ตัวเองได้อัดอั้นเอาไว้ออกมา จนผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดี

ผมได้แต่กอดคนที่กำลังสะอื้นไห้เอาไว้ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดคำไหนออกไปก่อน เพื่อให้เขาหยุดร้องไห้ ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่หน้าอกของผมที่มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะน้ำตาจากคนที่ซบหน้าอยู่ที่อกผม  แล้วภาพของคนในอ้อมแขนผมตอนนี้มันเริ่มพร่ามัว จนกลายเป็นเพียงแค่เงาลางๆ คงเป็นเพราะน้ำใสๆ ที่มันเอ่อคลอขึ้นมาจนเต็มสองตาของผม และมันกำลังจะไหลลงมา


“กรรักพี่นะครับ”

“พี่ได้ยินไหม กรรักพี่นะ”


ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดคำไหนออกไปในเวลานี้ แต่ถ้าเป็นเขา เท่าที่ผมนึกได้ มันคงมีแค่คำๆ นั้น

คำว่า “รัก” ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ผมก็อยากจะพูดคำๆ นี้ ให้เข้าได้ยิน



แม้แต่ผมตัวเองยังรู้สึกเจ็บได้มากขนาดนี้ แล้วคนที่กำลังสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดผมนี่ล่ะ เขาเจ็บมากแค่ไหน ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบผมของเขาเบาๆ ในขณะที่น้ำตาของผมมันก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ แม้ผมจะพยายามสั่งตัวเองให้หยุด หรือกลั้นมันไว้แค่ไหน มันก็ไม่สามารถเป็นอย่างที่ใจคิด


“กรรักพี่นะ เราจะอยู่ด้วยกันนะ กรจะอยู่กับพี่... ไม่ไปไหน... นะครับ”

“พี่เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ฮึก... พี่เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า” เสียงพูดปนสะอื้นของคนที่ยังคงซบอยู่กับอกผมพูดขึ้นมา

“พี่เห็นแก่ตัวหรือเปล่าที่พาตัวเองกลับมา”

“ทั้งๆ ที่ เป็นแบบนี้” คนในอ้อมกอดผมพูด และสะอื้นไปในเวลาเดียวกัน

“ไม่ ไม่เลย พี่รู้ไหมว่าพี่จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ถ้าพี่ทิ้งกรไป”

“กรรู้ว่าพี่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ กรรู้” ผมพูดออกไป

ถึงจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่เราสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่บางครั้งเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับความรักเสมอไป ผมรักคนๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพียงแค่เขายังให้โอกาสผม ให้โอกาสที่จะได้รักเขา ผมก็จะรัก 

“ขอบ คุณ” พี่กันต์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม ในขณะที่น้ำตายังคงรินไหลลงมาเปรอะสองข้างแก้ม ผมทำแค่เพียงพยักหน้าตอบเบาๆ และคลายอ้อมแขนออกจากตัวของเขา ก่อนยกมือขึ้นไปประคองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาไว้แทน แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือช่วยเกลี่ยน้ำตาของเขาออกอย่างเบามือ และพี่กันต์ก็ทำแบบนั้นกับผมเช่นเดียวกัน

“ไม่ร้องแล้วนะครับ” ผมพูด แล้วพี่กันต์ก็พยักหน้าตอบผมกลับมาเป็นการตกลง


“กี่โมงแล้ว” ประโยคคำถามถูกส่งมาจากคนตรงหน้าทำให้ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาเพื่อที่จะหาคำตอบ

“อีกห้านาที จะเที่ยงคืน” ผมตอบเขา แล้วผมก็เห็นเขาถอดแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างขวาออกมาก่อนจะขยับให้แหวนที่ผมเห็นในมือเขาแยกออกจากกัน มันเป็นแหวนทองคำขาวที่ซ้อนทับกันอยู่สองวงอย่างแนบเนียนจนดูไม่ออก พี่กันต์สวมแหวนวงด้านในที่เล็กกว่ากลับเข้าไปที่นิ้วดังเดิม จากนั้นก็คว้ามือของผมขึ้นมา แล้ววางแหวนที่วงใหญ่กว่าลงในมือผม และจับมือผมให้กำแหวนลงนั้นไว้ ก่อนจะผละมือของตัวเองออกไป

“สุขสันต์วันเกิดนะ” คนตรงหน้าก้มหน้าก้มตาพูดกับผม

“จะไม่ใส่ให้กรหรอ” ผมพูดกับคนตรงหน้า ในขณะที่ผมมองดูแหวนที่อยู่ในมือ และเห็นว่าด้านในถูกสลักพยัญชนะตัวแรกของชื่อเราสองคนที่เหมือนกันไว้คู่กัน 

“......................” พี่กันต์ยังคงก้มหน้าและไม่ตอบอะไรผม ผมกำลังคิดว่าถ้ามันเป็นเวลาปกติที่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมคงไม่ต้องเอ่ยคำถามเมื่อกี้กับเขา

“ใส่ให้กรนะครับ” ผมยื่นมือที่มีแหวนที่ได้รับมาวางอยู่ออกไปข้างหน้า เพื่อจะให้พี่กันต์รับไป แล้วเขาก็ยื่นมือรับไป ก่อนจะส่งมันกลับมาให้ผมที่นิ้วนางข้างขวา นิ้วเดียวกันกับที่มีแหวนอีกวงอยู่กับเขา

“ขอบคุณครับ”


..........................................................................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 25-07-2010 03:17:42
กรคงต้องช่วงเยียวยาพี่กันต์แล้วล่ะในตอนนี้และหวังว่าอิพี่กาว์นชั่วมันจะไม่ตามมาขัดขวางหรอกนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-07-2010 03:29:55
สงสารพี่กันต์จัง
หัวข้อ: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 25-07-2010 04:21:12
แม้จะเศร้า...แต่ยังยิ้มได้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 25-07-2010 06:31:36
สงสารทั้งคู่นะ มันบีบอารมย์มากเลยตอนนี้ แค่เสียใจไม่พอนะต้องจำด้วยสิ กลัวอย่างเดียวมารตามมาผจญ เพราะเขาคงรู้จักบ้านพักหัวหินเหมือนกัน เหมือนจะหนีไม่พ้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-07-2010 08:12:46
เศร้ามากมายน้ำตาคลอเตรียมจะหยด แต่มันกลับหายแห้งเหือดไปเพราะ

ขอบคุณครับ

................................................................................................


แบบนี้แหละ เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-07-2010 09:43:57
 :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 25-07-2010 09:44:14
พี่กร
ดูแลพี่กันต์ให้ดีๆนะ
อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
ไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บและเสียน้ำตาอีก
 :m15:
สุขสันต์วันเกิดพี่กรด้วย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 25-07-2010 12:07:43
สงสารทั้งคู่เลย
ใครก้อได้ช่วยจัดการไอ้พี่ชายเลวๆ หน่อย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 25-07-2010 15:10:37
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-07-2010 15:25:13
อ่านแล้วปลื้มกับตัวละคร 2 ตัวนี้จัง คนหนึ่งกล้าที่จะพูดเรื่องจริง อีกคนก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งไปในเวลาที่ทุกข์  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 25-07-2010 18:56:50
รักคือรัก = รักคือรัก

กันต์  มีค่ามากเท่ากับกร

  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 25-07-2010 19:43:42
กันต์ อย่าได้ท้อน่ะยังงัยกรก้อรักกันต์ไม่เปลี่ยนแปลง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 25-07-2010 20:01:34
กรน่ารักมากเลย ที่เข้าใจ ซึ้งจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 25-07-2010 20:04:48
ขอให้ทั้งคู่ผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ ด้วยดี ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 25-07-2010 21:04:43
พระเอกตัวจริง  o13
งานนี้เอาคะแนนเต็มไปเลยกร
พี่กาวน์จะตามมารังควานอีกป่ะเนี่ย
เซงอิตาคนนี้เต็มทนล่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 25-07-2010 21:09:10
ซึ้งอ่ะตอนนี้  :monkeysad:

ชอบพี่กันต์นะไม่หนีปัญหา
เป็นคนเข็มแข็งมากๆ
แล้วที่สำคัญมั่นใจในความรักของกรด้วย

 
คราวนี้ก็เหลือแต่เรื่องไอ้พี่กาวน์อ่ะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-07-2010 21:23:37
อ่านแล้วน้ำตาจะไหลเลย   :monkeysad:
คนเค้ารักกันน่ะ เห็นมั้ย... พี่กาวน์นะพี่กาวน์ ทำไปได้!!!

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 25-07-2010 23:04:24
กรพระเอกตัวจริง o13

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 26-07-2010 13:59:22
ปลื้มคู่นี้สุดๆ เอาใจช่วยเต็มที่เลย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 27-07-2010 02:14:40
 :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 28-07-2010 04:26:06
 :m15: :m15:
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [1/2] P.18 (up 25-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 30-07-2010 21:46:49
ตอนที่ 27 ความจริง [1/2]

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณ ขอบคุณที่พี่มายืนอยู่หน้ากรตอนนี้ ขอบคุณ” ผมไม่รู้ว่าผมได้ฟังคำขอบคุณจากคนๆ นี้ไปกี่ครั้ง หรือแม้กระทั่งถูกดึงตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอยู่กี่หนกันแล้ว คำขอบคุณที่ผมควรจะพูดกับเขา กลายเป็นว่าเขากลับพูดคำนั้นกับผมซ้ำไปซ้ำ

ผมบอกไปแล้ว เขารู้แล้ว และเรายังอยู่ด้วยกัน
 .
.
.

“ไหนดูสิ ตาบวมหมดแล้ว เรากลับเข้าบ้านไปนอนดีกว่านะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” กรเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา ก่อนจะยื่นมือมาจับมือผม



>> ติ้ง ๆ <<

เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ของกร เมื่อเรากำลังหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าบ้าน คนที่จูงมือผมอยู่จึงใช้มือข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาอ่านข้อความ

จากนั้นผมก็รู้สึกถึงแรงบีบกระชับเข้าที่มือข้างที่เราจับกันไว้ ส่วนผมก็ได้แต่หันไปมองคนข้างๆ ที่เอาแต่ยืนจ้องหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง


“มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามเมื่อรู้สึกว่าเขาจ้องข้อความที่ถูกส่งมานานผิดปกติ จนผมเริ่มรู้สึกไม่ดี

“นี่มันหมายถึงผมกับพี่หรือเปล่า” กรถามผม หลังจากเงียบไปนาน


ผมก้มลงมองที่หน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาให้และอ่านข้อความนั้น แล้วผมก็รู้ว่าทำไมคนที่ได้รับมันถึงจ้องข้อความนั้นอยู่นาน เพราะผมเองก็กำลังทำแบบเดียวกัน ผมอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา สลับกับการเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม ก่อนจะกดหาเบอร์ของคนที่ส่งข้อความนี้มาให้ด้วยมือที่สั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

แล้วเลขสิบหลักที่ผมมองเห็น มันก็ทำให้ผมรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา และมันทำให้ผมต้องนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างช้าๆ อีกครั้ง ว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่

ผมกลับมาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง ในขณะที่ยังคงยืนมองผมอยู่อย่างเงียบๆ ผมรู้ว่าตัวเองกำลังสับสน แต่คนตรงหน้าผมล่ะ กำลังคิดอะไร และกำลังรู้สึกแบบไหน


“ถ้าเขายังอยู่กับนาย ดูแลเขาให้ดี เพราะเขาเป็นของนาย... คนเดียว”


“มันหมายความว่ายังไง” ผมได้แต่พึมพำถามกับตัวเอง ผมไม่ได้หมายถึงเนื้อหาในข้อความ เพราะมันบอกอะไรได้ดีอยู่แล้ว แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ เขาทำแบบนั้นไปทำไม แล้วถึงเวลานี้ผมยังจะเชื่ออะไรได้บ้าง

แล้วผมก็กดโทรศัพท์เพื่อโทรกลับไปหาเจ้าของหมายเลขนั้น แม้มันจะมีความกลัวอยู่บ้าง แต่มันก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าสิ่งที่มันผ่านไปก่อนหน้านี้อีกแล้ว ผมรอสายอยู่นาน แต่ก็ไม่มีคนรับ จนสายโทรศัพท์ถูกตัดไป และเมื่อกำลังจะกดโทรศัพท์อีกครั้ง กลับถูกอีกคนเรียกเอาไว้ก่อน

“พี่กันต์ เข้าบ้านก่อนไหม เข้าบ้านเถอะนะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” ตอนนี้เจ้าของเสียงเรียกมายืนอยู่ตรงหน้าผม แล้วหันหลังให้ ก่อนจะย่อตัวลง

“มานี่เร็ว” เสียงเรียกจากคนที่อยู่ข้างหน้าผมดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไปโอบรอบคอเข้าไว้ โดยในมือข้างหนึ่งยังกำโทรศัพท์ของเขาไว้ในมือ จากนั้นกรก็ส่งแขนของตัวเองมาช้อนขาของผมไว้ ก่อนจะยืดตัวขึ้น แล้วเดินออกไปจากจุดที่เรายืนอยู่เมื่อครู่นี่




.................................................................


“ฝันดีนะครับ” เสียงของคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงโน้มตัวลงมากระซิบบอกผม

“กรปิดไฟนะ” ผมพยักหน้าตอบ จากนั้นเขาก็ลุกไปปิดไฟ ก่อนจะกลับมาที่เตียง และล้มตัวลงนอนข้างๆ ผม ผมค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหา แล้วยกแขนขึ้นไปพาดไว้ที่ลำตัวเขาอย่างเคย ส่วนเขาก็ยกมือขึ้นมาจับที่แขนผมเอาไว้ มืออุ่นๆ ของเขาช่วยย้ำให้ผมรู้ว่าผมยังมีเขา   
.
.
.

ในความมืดมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างช้าๆ มันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่ผมได้แต่ลืมตาอยู่ในความมืดมิด เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอของใครอีกคน


“ผมนอนไม่หลับ”


แม้ตอนนี้ร่างกายของผมมันทั้งเหนื่อยและล้า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีคำถามที่อยากจะหาคำตอบอะไรให้กับตัวเอง ผมไม่รู้ว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกับผม” ทุกอย่างที่มันผ่านเข้ามาในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน มันมีทั้งเรื่องที่ทำจิตใจของผมได้สัมผัสกับความทรมานจนถึงที่สุด ก่อนจะถูกฉุดดึงจากใครอีกคน ให้กลับมายังโลกใบเดิมอีกครั้ง

แต่แล้วเพียงเวลาไม่นาน ก็มีคนมาเฉลยอะไรบางอย่างว่า ผมแค่คิดไปเอง เข้าใจไปเอง คิดไปตามที่เขาอยากให้ผมคิด อยากให้ผมเข้าใจ


สรุปแล้วผมมันก็แค่คนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง

สิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้จากช่วงเวลานั้น คือเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ก่อนจะถูกตัดสายทิ้งไป พร้อมกับคำพูดที่สั่งให้ผมลืมคนที่โทรเข้ามา ผมจะได้แค่นั้น ก่อนจะไม่รับรู้อะไรอีก เท่าที่ผมจำได้แค่นั้นจริงๆ

ผมควรคิดทบทวนทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง อย่างคนที่กำลังพยายามหาเหตุผลกับเรื่องที่มันเกิดขึ้น หรือบางทีผมควรจะหยุดคิด หยุดจะหาเหตุผล แล้วเข้าใจง่ายๆ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่บททดสอบหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม

และถึงเวลานี้ผมควรจะดีใจและมีความสุขที่ผ่านมันมาได้ พร้อมกับการที่ผมยังมีคนๆ หนึ่งอยู่เคียงข้าง เพียงแค่นั้นใช่ไหม

ทั้งหมดมันเป็นความคิดง่ายๆ แต่มันกลับทำได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงแม้จะรู้แบบนั้น ผมก็ต้องทำ มันไม่ใช่เพื่อตัวผมเองกับการปล่อยวางจากเรื่องนี้ แต่มันหมายถึงใครอีกคน เขาไม่ควรจะเจ็บ จะทุกข์ ที่เห็นผมในสภาพแบบนี้อีกแล้ว   


ท้ายที่สุดผมก็วางทุกอย่างไว้เพราะฝืนต่อไปไม่ไหว ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ 



..................................................................


ในเวลาก่อนหน้านี้ขณะที่คนสองคนกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังสับสนกับการเผชิญเรื่องราวอีกหนึ่งเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ก็ยังมีคนอีกคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในความรู้สึกแบบเดียวกัน เขากำลังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจทำลงไป ทั้งๆ ที่ผลของการกระทำนั้นมันเพิ่งถูกรายงานมายังเขาเพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

ที่ระเบียงกว้างของห้องพักในโรงแรมชั้นเลิศที่อยู่สูงจนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา หากแต่คนที่ยืนอยู่ที่ริมระเบียงเวลานี้กลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อยกับความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า สายตาของชายหนุ่มเวลานี้กลับมองเหม่อออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย และเหมือนว่าเขาคนนี้กำลังคิดถึงใครสักคน ใครคนนั้นที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด แต่เวลานี้เขาคนนั้นไม่มีโอกาสกลับมายืนข้างเขาได้อีกแล้ว ในเวลานี้แม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่กำลังดังอยู่ในห้องพัก ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเจ้าของมันได้เลย

“ปอ มึงว่าที่กูทำมันถูกหรือเปล่าวะ” เสียงที่ได้แต่ดังอยู่ในความคิดของเขา เพราะตอนนี้คนที่เคยรับฟังเขา ไม่ได้อยู่ฟังอีกแล้ว

“กูเคยกลัวว่าน้องกูจะเจอกับสิ่งที่มึงเคยเจอ”


“แต่ตอนนี้กูคงไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะน้องกูมันโชคดีกว่ามึง”

“แต่มันคงเกลียดกู เพราะสิ่งที่กูทำกับมันแล้วว่ะ”

“เอาวะอย่างน้อยกูก็ไม่ต้องห่วงมันแล้วจริงไหมวะ” เขาพูดประโยคสุดท้ายออกมา แต่ก็ไม่มีเสียงใดสะท้อนกลับมา ถึงจะเป็นแบบนั้น อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาได้ระบายมันออกมาบ้าง

---------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 30-07-2010 21:55:13
อ่านถึงตอนนี้ พอจะเข้าใจสิ่งที่พี่กาวน์ต้องการแล้วครับ

^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 30-07-2010 22:02:06
อ้าววววว พี่กาวน์.. ตกลงทำเพื่อทดสอบกรใช่มั้ย
เค้าขอโทษนะ  :m5:
แอบด่าไปซะเยอะเลย  :laugh: (หัวเราะกลบเกลื่อน)

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 30-07-2010 22:07:14
อ้าว

พี่กาวทำเพื่อน้องหรอกเหรอเนี่ย

คนเค้าเข้าใจผิดกานหมดแว้วว :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 30-07-2010 22:16:29
อ้าว..ไหงเป็นงี้ล่ะ :confuse:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-07-2010 22:18:36
กันต์คือคนที่น่าสงสารที่สุด
ผู้ร้า่ยกลายเป็นพระเอก!!
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 30-07-2010 22:26:01
พี่กาว  ไม่น่าเลยยย

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 30-07-2010 23:28:03
กลายเป็นว่าทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง
แต่บางครั้งวิธีการแสดงออกมันก็สร้างความเจ็บปวดให้กับอีกคนมากกว่าที่คิดนะ
ดีนะที่พี่กันต์เข็มแข็ง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็น่าสงสารอ่ะ
อยู่ดีๆ ก็ถูกดึงเข้าไปเจอเรื่องอะไรไม่รู้เพราะความกลัวของพี่กาวน์
(ท่าทางจะมีความหลังกะเค้าเหมือนกัน)
ไหนจะกรอีก สุดท้ายน่าสงสารหมดเลยใช่มั้ยเนี้ย

แต่ก็นะเรื่องร้ายๆ ผ่านไปแล้ว ต่อไปก็จะกลับมายิ้มกันได้แล้วใช่มั้ยอ่ะ
นะ นะ กลับมายิ้มกันได้แล้วนะ  :impress2:


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 30-07-2010 23:31:54
เรื่องมันอย่างนี้นี่เอง ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเองล่ะนะ
แต่พี่กาวน์เล่นลองใจแบบนี้ก็แย่สิ
ใจหายใจคว่ำกันหมดแล้ว โดนประนามซะอย่างมากมาย
เค้าเองก็ด่าไปซะเยอะเลย แฮะๆ :m23:
ดูท่าจะมีความหลังเนาะพี่กาวน์เนี่ย  เรื่องอะไรน๊าอยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-07-2010 23:38:49
อ้าวววพี่กาวน์ แต่อยากรู้ว่าช่วงเวลาที่พี่กรจำไม่ได้มันเกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 30-07-2010 23:54:10
อาาา...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ความทุกข์ของผู้รับบนความหวังดีของผู้กระทำ...

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 31-07-2010 02:17:16
แล้วมันก็ผ่านไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 31-07-2010 07:03:18
เรื่องมันอย่างนี้นี่เอง ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเองล่ะนะ
แต่พี่กาวน์เล่นลองใจแบบนี้ก็แย่สิ
ใจหายใจคว่ำกันหมดแล้ว โดนประนามซะอย่างมากมาย
เค้าเองก็ด่าไปซะเยอะเลย แฮะๆ :m23:
ดูท่าจะมีความหลังเนาะพี่กาวน์เนี่ย  เรื่องอะไรน๊าอยากรู้จัง



ก็นะโดนไปไม่น้อยนะนั่น ช่วยกันสหบาทาไปหลายยก เจอแรงๆไปหลายดอก ก็เล่นบททดสอบเกินจะรับได้นี่นา :m23: :m23: :m23:
ขออภัย  :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-07-2010 08:28:12
สรุปคือคุณต้องการทดสอบความจริงใจของกร   ด้วยการข่มขืนน้องตัวเองงั้นเหรอ
แล้วถ้ากรทิ้งกันต์ล่ะ  คุณจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
หรือว่าเหยียบย่ำซ้ำเติมให้จมดินไปเลย
แล้วที่เรียนเมืองนอกเมืองนาไม่ได้ช่วยให้คุณคิดเลยใช่มั๊ยว่า....
วิธีการพิสูจน์ความรักของคน  มันต้องทำยังงัยบ้าง
หรือชั้นโง่  ตามไม่มันยุคสมัยกันแน่   
...  แต่ก็เอาเถอะ  มันผ่านไปแล้ว  ก็ได้แต่หวังว่าทั้งกรและกันต์จะดูแลกันและกันตลอดไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 31-07-2010 11:48:52
ทั้งหมดคือการ พิสูจน์กรชิมะ

เล่นเอาเราสงสาร กันต์ กับ กร แล้วด่าพี่กาวร์ไปตั้งเยอะ เอิ้กกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-07-2010 12:32:18
รักน้องกรกับพี่กันต์มากขึ้นทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณน้องกวางมากนะคะ กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

......ทำเป็นไม่สนใจความจริงจากพี่กาวน์
จะทำไปเพื่อพิสูจน์หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ถ้าพี่กันต์กับน้องกรยังอยู่ด้วยกันและจับมือกันไว้ ต่อให้หนักหนาแค่ไหน..ยังไง รักก็คือรัก


(ที่ครึ่งแรกมีคำว่า "ของ" ตัวหนึ่ง ง งู หายไปค่ะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 31-07-2010 21:56:29
ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ นอกจากพี่กาวน์สินะ
คิดอะไร ทำอะไร เพื่ออะไร ก็รู้อยู่คนเดียว เฮ้อ!!


แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วคิดไปมันก็เจ็บเปล่าๆ ตอนนี้รักกันก็พอแล้วเนอะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 31-07-2010 22:30:01
ถึงจะเป็นการทดสอบ ความจริงใจของกร แต่การกระทำอย่างนี้ มันก็สมควรที่จะถูกประนามอยู่ดี
เล่นกับชีวิตคนนะเนี่ย
ส่วนคู่รักคู่นี้ ยังคงหนักแน่ดั่งหินผา โดยเฉพาะกร ถึงจะเจ็บปวดในครั้งแรกที่เห็น แต่ก็ไม่แสดงออก
ถึงความเจ็บปวด อีกทั้งยังพร้อมเป็นกำลังใจให้กับคนเสียขวัญ 
นี่แหละหนา สมชื่อนิยาย " รักคือ ..... รัก "
+ ๑ ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 31-07-2010 23:47:13
โห่
ไอ้เ้รารึก็ด่าว่าพี่แกไปซะหมดตูด
อิอิ
แต่ว่า
ทดสอบแบบนี้มันก็ไม่ดีนะเว่ย
น้องมันเจ็บ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-08-2010 22:07:47
แล้วตกลงว่า อิตาพี่กาวน์ทำจริง หรือแค่จัดฉาก แต่ถึงจะทำหรือไม่ทำ วิธีการมันก็ทำร้ายความรู้สึกกันดีๆนี่เอง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 02-08-2010 00:32:59
ขอโทษคุณพี่กาวน์
ที่เข้าใจคุณพี่กาวน์ผิดไปเต็มๆเลย
 :m5:

แต่.. วิธีทดสอบแบบอื่นที่ไม่ทำร้ายจิตใจน้องของตัวเองก็มี
ทำไมคุณพี่ไม่เอามาใช้คะ?
:angry2:




 :L2: ให้กำลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 02-08-2010 16:22:55
บางอย่างมันไม่ต้องทดสอบขนาดนี้ก็ได้ม้าง...

หวังว่าพี่กันต์ กร จะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 02-08-2010 23:51:25
พอจะเข้าใจเหตุผลของพี่กาวน์แล้ว
แต่ก็ยังไม่ให้อภัยอยู่ดีค่ะ :m31: :angry2: :fire: :beat: :z6:
ไม่รู้ดิมีวิธีอื่นตั้งมากมายไม่เห็นต้องใช้วิธีนี้
พอคนเลวๆทำดี เราเห็นแล้วเหมือนเขาทำดีมาก ทั้งๆที่ความจริงมันก็ไม่มีอะไร
คนเราไม่ว่าจะเป็นห่วงใครแค่ไหน ก็ไม่ควรแสดงความเป็นห่วงออกมาในรูปแบบที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด
การกระทำของพี่กาวน์ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่มันก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
คุณไม่ควรยกข้ออ้างให้การทำร้ายคนอื่นว่าทำเพราะเป็นห่วงอีกฝ่าย
เพราะสุดท้า่ยแล้วคนที่ทำร้ายตัวเขาก็คือตัวของคุณเอง

ไรท์แต่งเก่งมากเลยค่ะ แบบแสดงสัญชาติญาณดิบ(เขียนถูกปะเนี่ย)ของคนออกมาได้ดีมากเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-08-2010 20:48:48
มารอๆๆๆๆๆๆๆ  :m13:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-08-2010 20:59:13
สรุปคือคุณต้องการทดสอบความจริงใจของกร   ด้วยการข่มขืนน้องตัวเองงั้นเหรอ
แล้วถ้ากรทิ้งกันต์ล่ะ  คุณจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
หรือว่าเหยียบย่ำซ้ำเติมให้จมดินไปเลย
แล้วที่เรียนเมืองนอกเมืองนาไม่ได้ช่วยให้คุณคิดเลยใช่มั๊ยว่า....
วิธีการพิสูจน์ความรักของคน  มันต้องทำยังงัยบ้าง
หรือชั้นโง่  ตามไม่มันยุคสมัยกันแน่   
...  แต่ก็เอาเถอะ  มันผ่านไปแล้ว  ก็ได้แต่หวังว่าทั้งกรและกันต์จะดูแลกันและกันตลอดไป


อยากบอกว่า อ่านรีของคุณแล้วโดนใจมากๆเลยค่ะ  ไม่เข้าใจความคิดของกาวน์เค้าเหมือนกัน
แล้วน้องกันต์เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด อยู่ๆก็มีคนที่รักและไว้ใจที่สุดคนหนึ่งมาย่ำยี ฝากรอยแผลลึกเอาไว้ให้

 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ความจริง [2/2] P.19 (up 30-07-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 05-08-2010 23:39:30
ตอนที่ 28 เผชิญหน้า [1/2]

“พี่กันต์ พี่กันต์” ผมส่งเสียงเรียกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง หลังจากผมอาบน้ำแต่งตัว ลงไปข้างล่างทำนู่นทำนี้มาได้สักพัก และเมื่อเห็นว่าได้เวลาพอสมควรแล้ว ถึงได้เดินกลับขึ้นมาปลุกเขา

“แปดโมงแล้ว ตื่นเถอะ” ผมส่งเสียงเรียกอีกครั้ง แต่คนขี้เซาไม่มีทีท่าว่าจะสนใจกับเสียงเรียก กลับควานมือไปข้างตัวเพื่อหวังจะคว้าหมอนอีกขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองไว้ พอเห็นแบบนั้นผมเลยโน้มตัวลงไปจับข้อมือทั้งสองข้างของเข้าไว้ แล้วค่อยๆ ดึงให้ลุกขึ้นมาแทน

“หึๆ” แล้วผมก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ก็คนที่ผมดึงให้ลุกขึ้นมานั่งยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลยจนกระทั่งตอนนี้ ได้แต่นั่งคอพับคออ่อนตามที่ผมดึงให้ลุกขึ้นมาเพียงเท่านั้นจริงๆ โดยเปลือกตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท

ผมเลยนั่งลงตรงหน้าเขา แล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะรั้งตัวพี่เขาให้โน้มลงมาข้างหน้า จนหน้าผากของเขามาซบอยู่กับไหล่ของผม

“ง่วงอยู่หรอ” ผมถาม ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาเป็นการผงกหัวงึกๆ ของคนที่ซบอยู่กับไหล่ของผม

 “ไปวัดกัน เดี๋ยวค่อยกลับมานอนต่อนะ ป้านิ่มรออยู่ด้วย” ผมกระซิบบอกเขา

“หือ ป้านิ่มหรอ” เสียงพูดอู้อี้ดังขึ้นจากคนที่กำลังนั่งงัวเงียอยู่

“ป้านิ่มมาที่บ้านตั้งแต่เช้าแล้ว พอกรบอกว่าเราจะไปทำบุญกัน แกเลยออกไปซื้อของแล้วก็ทำกับข้าวให้ด้วย นี่กรก็ชวนป้านิ่มไปกับเราด้วยนะ”

“อื้ม” เสียงงึมงำตอบรับคำพูดของผมดังขึ้นในลำคอของคนที่ซบผมอยู่ ก่อนจะขยับตัวและลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
.
.
.

ผมมองตามแผ่นหลังของคนที่ลุกเดินออกไป ก่อนจะหายเข้าไปหลังประตูไม้สีขาว พอเขาพ้นสายตาของผมไปแล้ว ผมก็เอนหลังทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน ในเวลานี้สิ่งที่ผมมองเห็นมีเพียงฝ้าเพดานสีขาวสะอาดตา ผมได้แต่มองมันอยู่แบบนั้น ก่อนจะยกแขนสองข้างขึ้นมาก่ายไว้ที่หน้าผาก หลับตาลง แล้วสูดลมหายใจเข้าให้ลึกๆ จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจนั้นออกมาอย่างช้าๆ ผมทำแบบนั้นอยู่สองสามรอบ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ภาพตรงหน้าที่ผมเห็นยังคงเป็นภาพของฝ้าเพดานสีขาวเช่นเดิม นั่นล่ะสิ่งที่ผมอยากเห็นอีกครั้งเมื่อลืมตาขึ้นมา ภาพที่ผมเห็นเป็นภาพในปัจจุบัน


เรื่องทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว


ตอนนี้ผมมีเพียงแค่ปัจจุบัน และผมจะทำมันให้ดีที่สุด  
  




………………………………...............………..


หลังจากที่เราทำบุญและถวายสังฆทานกันเรียบร้อยแล้ว ผมกับพี่กันต์เลยถือโอกาสเดินเล่นไปรอบๆ วัด เพราะป้านิ่มแกขอเวลาไปซื้อกับข้าวที่ตลาดฝั่งตรงข้ามกับวัด ไว้ทำมื้อกลางวันกับมื้อเย็นให้พวกผมสองคน ยิ่งแกมารู้ที่หลังว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม แกเลยบอกว่าจะทำของอร่อยๆ ให้เอง ไม่ต้องออกไปกินกันนอกบ้าน

ในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินไปรอบๆ บริเวณของวัด จนมาถึงหน้าโบสถ์สีขาวหลังใหญ่ ก็มีผู้ชายที่ดูแล้วน่าจะรุ่นเดียวกันกับผมเดินตรงเข้ามาทักพี่กันต์


“พี่กันต์ หวัดดีครับ พี่กาวน์ไม่เห็นบอกป่านเลยว่า พี่กันต์จะมาด้วย” คนที่เข้ามาเอ่ยทักพี่กันต์ ก่อนจะหันมาทางผมแล้วก้มหน้าให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย ผมเองก็ทำเช่นเดียวกัน ส่วนพี่กันต์พอได้ยินชื่อพี่กาวน์ก็ขยับมายืนใกล้กับผมมากขึ้น

“พี่กาวน์มาด้วยหรอ” พี่กันต์ถามคนที่เข้ามาทัก

“ครับ นี่พี่กับพี่กาวน์ไม่ได้นัดกันไว้หรอ ป่านก็คิดว่าพี่กาวน์ชวนพี่มาด้วยกัน” คนที่ชื่อป่านพูด

“ครบรอบแล้วใช่ไหม” พี่กันต์ถาม

“ครับ พี่กาวน์เลยพาป่านกับแม่มาทำบุญให้พี่ปอที่นี่ เดี๋ยวก็คงตามลงมา” พอป่านพูดจบพี่กันต์เลยหันหน้ามามองผม อย่างคนไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ

“อ้าว กันต์” แต่ยังไม่ทันที่ผมกับพี่กันต์จะทำอะไรต่อ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อพี่กันต์ ก่อนจะเดินเข้ามาทางจุดที่เรายืนอยู่ พร้อมกับผู้ชายอีกคนที่เดินตามหลังมาด้วย    

“สวัสดีครับ น้านาถ” พี่กันต์ยกมือไหว้ผู้หญิงที่เดินเข้ามาหา ผมเลยยกมือขึ้นไหว้ตาม ในขณะที่สายตาก็ไปอยู่ที่ผู้ชายอีกคนที่เดินมาด้วยกัน พอมองไปที่พี่กันต์ก็ยิ่งเห็นว่าเขากำลังเก็บอาการบางอย่างไว้

“มายังไงกันลูก มากับเพื่อนหรอ ไม่เห็นกาวน์บอกน้าว่ากันต์จะมาด้วย” ผู้หญิงคนนั้นพูดกับพี่กันต์

“ครับ กันต์มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้านาถจะมา พอดีกันต์แวะมาทำบุญ แล้วป่านเข้ามาทัก”

“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อ ไปทานข้าวกลางวันกับน้านะลูก น้าไม่ได้เจอหน้าเราตั้งนาน” คำชวนของหญิงวัยกลางคนทำให้พี่กันต์ต้องหันหน้ามามองผมอีกครั้ง

“คือ กันต์มากับกร แล้วป้านิ่มก็แวะไปซื้อกับข้าวอยู่ คงไม่สะดวกนะครับน้านาถ เอาไว้โอกาสหน้ากันต์ไปหาที่บ้านแล้วกันนะครับ” พี่กันต์พยายามปฏิเสธคำชวนนั้น

“เอาอย่างนี้กันต์ก็ชวนน้านาถไปที่บ้าน แล้วแวะซื้ออะไรไปกินด้วยกันก็ได้ จะได้คุยกันด้วย” คราวนี้เป็นเสียงจากคนที่ผมกำลังมองหน้าเขาอยู่ เขาพูดและมองไปที่พี่กันต์ ส่วนผมก็พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ไปมีเรื่องกับเขา ในสถานการณ์แบบนี้มันคงทำให้พี่กันต์ลำบากใจมากขึ้นกว่าเดิมถ้าผมบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป “แล้วมันไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง ถึงตีสีหน้านิ่งได้ขนาดนั้น”

“เอาไว้เราไปเจอกันที่กรุงเทพฯ ก็ได้ลูก”

“เอ่อ ถ้ายังไงน้านาถไปทานข้าวกลางวันที่บ้านกับกันต์แล้วกันนะครับ น้านาถล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวกันต์ตามป้านิ่มไปซื้อของเพิ่มอีกหน่อย แล้วจะรีบตามไปนะครับ” พี่กันต์บอกออกไป

“เอาอย่างนั้นหรอลูก”

“ครับ เดี๋ยวกันต์ไปซื้อของก่อนนะครับ” พี่กันต์พูดอีกครั้ง ก่อนจะหันมาทางผม แล้วพยักหน้าบอกให้ผมเดินตามเขาออกมา พอเดินพ้นออกมาแล้ว ผมก็ยกมือขึ้นไปบีบไหล่พี่เขาเบาๆ แล้วยิ้มให้น้อยๆ เมื่อพี่เขาหันมาทางผม
.
.
.

“ไม่เป็นไรนะ” ผมถามเขา การที่ผมเลือกที่จะพูดอะไรมากนัก เพราะคิดว่าพี่กันต์คงคิดดีแล้วถึงทำแบบนี้ และมันก็คงดีกว่าถ้าพี่กันต์สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้  

“ไม่เป็นไรหรอก พี่คงหนีเขาตลอดไปไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเจอกันอยู่ดี เราไปหาป้านิ่มกันเถอะ” พี่กันต์พูดด้วยสีหน้าที่ยังไม่สู้ดีนัก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาป้านิ่ม และเดินตามไปที่ตลาด สุดท้ายเราก็ตามป้านิ่มไปซื้ออาหารทะเลเพิ่มมาอีกสามสี่อย่าง สำหรับมื้อกลางวันและเย็น ก่อนจะตรงกลับไปที่บ้าน

………………………………………………………….
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 05-08-2010 23:54:07
พี่กันต์...เข้มแข็งเยอะๆนะ มีกรอยู่ด้วยข้างๆเป็นกำลังใจ... :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-08-2010 23:58:15
อึดอัด  ไม่มีอะไรจะกล่าว  ขอรอตอนต่อไปก่อน
จะดูซิว่าพี่กาวน์จะทำอะไร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-08-2010 00:02:14
พี่กันต์น้องกร ก้าวไปด้วยกันแล้วก็จับมือกันไว้ แค่นี้ก็พอแล้วเนอะ
เดาว่าอุปสรรคยังจะตามมาอีกหลายระลอกแหงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 06-08-2010 01:29:06
แค่มีกรอยู่ด้วยก็พอ ดีใจที่กันต์เลือกที่จะเผชิญหน้า
จัดการเรื่องนี้ให้จบๆไปเลยดีกว่าเนาะ
กำลังใจดีขนาดนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 06-08-2010 04:29:07
ก็ว่าแล้วหนีทั้งทีไปให้มันหาตัวยากหน่อย บ้านพักตากอากาศของครอบครัวคงหนีใครได้หรอก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 06-08-2010 06:12:14
เง้อ
สงสารน้องกรที่สุด
ไม่รู้อะไรกันนักกันหนาแล้ว
 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 06-08-2010 06:24:55
การเผชญหน้ากันครั้งนี้ คงได้ปรับความเข้าใจกันบ้าง
เพราะการกระทำที่มีความหวังดีประสงค์ร้าย  มันเป็นความเจ็บอยู่ลึก ๆ
ส่วนหนึ่งคงมาจาก ปอ ที่คงเคยโดยใครกระทำให้เจ็บช้ำ จนจากลาโลกนี้ไป
เป็นกำลังใจให้ครับ +1 ด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 06-08-2010 16:03:28
เหมือนพี่กันต์เลือกไปบ้านที่หัวหินเพราะอยากไปตั้งหลักมากกว่าหนีจริงจังนะ
อย่าที่พี่เค้าบอกอ่ะ "คงหนีเขาตลอดไปไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเจอกันอยู่ดี"

ตอนนี้กำลังใจมาแล้ว สู้ๆ นะ
  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 06-08-2010 17:13:01
มาลุ้นเปนกำลังใจต่อครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 06-08-2010 18:30:38
ว่างั้นแหละกันต์บางทีการที่เราได้เผชิญหน้ากัน มันอาจดีขึ้นก้อได้มันอาอจไม่ร้ายอย่างที่เราคิดก้อได้น่ะ สู้ สู้ สู้น่ะกันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 06-08-2010 19:17:03
ไม่ได้เร่งรัดไรท์เตอร์นะ แต่คนอ่านมึนๆ(จากภาระของตัวเอง)
แล้วก็อึมครึมกับเรื่องที่พี่กาวน์ทำไว้ด้วย
เลยอยากจะรู้ว่าเรื่องที่เกิดกับปอ คืออะไร


เป็นกำลังใจให้ค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 07-08-2010 03:43:55
 :z2: :z2:รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 07-08-2010 08:56:12
มีกรเป็นกำลังใจแบบนี้ พี่กันต์ต้องสู้ๆ เผชิญหน้ากับไอ่พี่กาว์นแบบไม่ต้องหวั่นเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-08-2010 14:33:41
พี่กันต์ไม่ต้องกลัว มีกำลังใจแบบกรอยู่ข้างๆ แล้ว เคลียร์กันให้รู้เรื่องไปเลยก็ดีเหมือนกันนะ
แอบสงสัยเรื่องปออะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-08-2010 15:25:33
น้องกรอยู่เคียงข้างพี่กันต์นะ แล้วกันต์อ่ะ เข้มแข็งไว้นะครับ ดีแล้วที่ไม่หลบไม่หนีน่ะ เผชิญหน้าไปเลย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 07-08-2010 21:02:31
ถึงจะยังรับไม่ได้กับการกระทำของไอ้พี่กาวน์
แต่ก็อยากรู้เหตุผลอยู่นะ

ส่วนพี่กันต์กับน้องกรตอนนี้ห่วงน้อยลงนิดนึงแล้ว
คู่นี้มีความรักที่เข็มแข็งและหนักแน่นจนน่าอิจฉาเลยล่ะ
เป็นกำลังใจให้นะ รักกัน ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [1/2] P.19 (up 05-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 12-08-2010 01:06:23
ตอนที่ 28 เผชิญหน้า [2/2]

พอกลับมาถึงบ้านกรก็ขอแยกตัวไปช่วยป้านิ่มในครัวแทนที่จะอยู่กับผม ในเวลานี้ผมเองก็พอจะเข้าใจว่าเขาเองก็คงลำบากใจอยู่ไม่น้อยที่จะต้องมาเผชิญหน้ากับอีกคนตรงๆ ถึงจะมีคนอื่นอยู่ด้วยก็ตาม จริงๆ น่าจะบอกว่าที่ลำบากใจเพราะมีคนอื่นอยู่ด้วยมากกว่า จะทำอะไรก็ต้องคอยระวังตัว จะทำอะไรมากก็ไม่ได้ แล้วผมก็ยังไม่พร้อมจะให้ใครรับรู้เรื่องระหว่างผมกับกรไปมากกว่านี้
.
.
.

“แล้วเพื่อนเราล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันหรอ” น้านาถถามตอนที่ผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ที่พอมองออกไปจากมุมนี้ก็จะมองผ่านสนามออกไปจนเห็นท้องทะเลได้อย่างชัดเจน เพราะพื้นในห้องนี้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นมา เพื่อให้มองเห็นวิวได้ดีขึ้น

“ช่วยป้านิ่มอยู่ในครัวครับ” ผมตอบ

“อ้าว ลำบากเพื่อนเราหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวน้าไปช่วยป้านิ่มเองดีกว่า เพื่อนเราจะได้ออกมานั่งคุยด้วย” น้านาถตอบพร้อมทำท่าจะลุกออกไป

“ไม่เป็นไรครับ กรเขาชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างรายนั้นเขาลูกรักป้านิ่มคงคุยกันเพลินไปแล้ว” ผมตอบ ก็ตามที่ผมพูดแหละครับ ตอนนี้กรกลายเป็นลูกรักของป้านิ่มไปแล้ว เจอกันแค่สองครั้งไม่รู้ยังไง ป้านิ่มถึงรักขนาดนั้น ซื้อของนี่ถามแต่กรล่ะครับ กินนั้นไหมลูก กินนี่ไหมลูก เดี๋ยวป้าทำให้ จนลืมผมไปเลย  

“พี่กันต์บริษัทฯ พี่รับเด็กฝึกงานหรือเปล่า” เสียงของป่านที่นั่งขัดสมาธิ เอนหลัง กอดหมอนอิงอย่างสบายอยู่บนโซฟาข้างผมหันมาถาม

“เพิ่งจะรับปีนี้ ถามนี่จะมาขอฝึกงานหรอ” ผมตอบ ส่วนเด็กฝึกงานที่ผมตอบรับไปแล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็กร ธี แล้วก็เดย์เพื่อนเขานั่นละ จะว่าไปน่าจะเรียกว่ารับมาช่วยงานมากกว่ามาฝึกงานด้วยซ้ำ เพราะเคยมาช่วยงานผมอยู่สองสามครั้งแล้ว

“ครับ ตุลาฯ นี้ป่านต้องฝึกงาน ที่จริงอาจารย์ก็หาที่ฝึกไว้ให้แล้ว แต่ป่านอยากลองหาเองด้วย เผื่อจะได้ไปทำงานที่สนใจจริงๆ” ป่านตอบ ผมเองก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าป่านสนใจงานเกี่ยวกับหนังสือ แล้วก็พวกนิตยสารอยู่แล้ว เพราะเคยเปรยๆ กับผมตั้งแต่เขาจะเตรียมตัวเอนทรานซ์ คิดๆ แล้วก็เร็วอยู่เหมือนกันเพราะตอนนี้ป่านก็อยู่ปีสี่แล้ว เหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน  

“ก็มาสิ นี่กรกับเพื่อนเขาก็มาฝึกงานด้วยเหมือนกัน” ผมตอบ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมกับป่านคุยกันอยู่สองคน ส่วนน้านาถกับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็กำลังคุยกันเรื่องที่ดินที่เขาจะซื้อมาสร้างคอนโดฯ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี

“อ้าว กรเขารุ่นเดียวกับผมหรอ” ป่านถามเพราะตอนที่เจอกันผมก็ไม่ทันได้แนะนำอะไร

“อื้ม” ผมตอบสั้นๆ

“เดี๋ยวกลับไปแล้ว ป่านทำเรื่องไปที่บริษัทฯ พี่เลยนะ”

“อืม แล้วมีเพื่อนมาด้วยหรือเปล่า”

“คงไม่อ่ะพี่ พวกมันไปที่ที่อาจารย์หาไว้ให้หมดแล้ว เหลือแต่ป่านนี่แหละ ว่าจะโทรหาพี่ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ก็ไม่ได้โทร เพราะติดช่วงสอบ แล้วก็ปั่นงานส่งอาจารย์จนลืมไปเลย เลยตั้งใจว่าจะโทรพรุ่งนี้ ก็มาเจอพี่ที่นี่ก่อน”

“แล้วคืนนี้กาวน์จะนอนที่นี่หรือไปนอนกับน้าที่รีสอร์ทล่ะลูก” เสียงน้านาถถามพี่กาวน์

“กาวน์ไปนอนที่รีสอร์ทดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมา” เขาตอบ รีสอร์ทที่พูดถึงก็เป็นรีสอร์ทของน้องสาวน้านาถอยู่ริมหาดที่ปราณบุรี ผมเองก็เคยไปพักอยู่สองครั้งตอนที่เปิดใหม่ช่วงต้นปีที่แล้ว

“น้านาถนอนที่นี่ไหมครับ คืนนี้ได้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันอีก ป้านิ่มซื้อกับข้าวมาเยอะเลย” ผมรีบพูดขึ้นมา โดยที่กำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ในใจ

“ว่าไงลูก” น้านาถหันมาถามป่าน

“นอนที่นี่ก็ได้ ป่านได้คุยกับพี่กันต์ต่อด้วย” ป่านตอบ




................................................................



แล้วมื้อกลางวันของผมก็ผ่านไป พอช่วงบ่ายพี่กาวน์ก็ออกไปดูที่ดินในตัวเมืองที่เขาติดต่อไว้ โดยชวนน้านาถไปช่วยดูด้วย ส่วนกรกับป่านพอรู้ว่ารุ่นเดียวกัน แล้วยังเรียนเหมือนกัน ด้วยนิสัยก็แนวๆ เดียวกันเลยคุยกันถูกคอ ตอนนี้เลยสองคนนั้นเลยชวนกันออกไปขับเจ็ตสกีเล่น ผมเองด้วยความที่ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเท่าไร เลยเลือกหยิบหนังสือมาอ่านเล่นอยู่ในเปลที่ผูกเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสนาม สลับกับมองไปทางสองคนนั้นบ้างเป็นครั้งคราว


แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้อ่านหนังสือ เพราะมัวแต่คิดไปถึงคืนนี้ คืนนี้ผมต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง

แล้วก็มีแว้บหนึ่งที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า วันเกิดของกรปีนี้ เป็นวันที่เขามีความสุขหรือเปล่า




………………………………………….


“กรอยู่ตรงนี้นะ” กรบอกผมหลังจากที่ผมบอกว่าจะไปคุยกับอีกคน ตอนนี้เราต่างก็แยกย้ายกันกลับห้องนอนของตัวเอง หลังผ่านมื้อค่ำไปแล้ว ด้วยบรรยากาศที่ราบรื่นดี คงเพราะกรเองก็มีเพื่อนที่คุยกันได้ มันเลยช่วยกลบบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีระหว่างผมกับอีกคนไป พอขึ้นมาที่ห้องนอนแล้วผมก็บอกกับกรว่าจะไปคุยเขา กรเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าประโยคที่เขาเอ่ยออกมาเมื่อกี้

.
.
.

>>ก๊อก ๆ<<

ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้สีขาว ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง และรอ


“ขอคุยด้วย ได้ไหม” ผมบอกกับคนที่เปิดประตูออกมา

“อย่าดีกว่า” เขาตอบ ก่อนจะดึงประตูปิด แต่ผมจับบานประตูและดึงมันเอาไว้ก่อนที่ประตูจะถูกปิด

“แล้วพี่จะให้กันต์เข้าใจแบบนี้ไปตลอดใช่ไหม”
.
.
.

เขาไม่ได้ตอบผม แต่เดินออกมานอกห้อง แล้วเดินลงบันไดลงไปข้างล่าง ผมก็ได้แต่เดินตามเขาไป จนตอนนี้เราสองคนออกมานั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวนอกชานบ้านที่อยู่ติดกับสวน


มันน่าแปลกที่ในเวลานี้ แทนที่ผมจะรู้สึกทั้งโกรธทั้งเกลียดคนที่นั่งอยู่ข้างผม แต่ผมกลับไม่รู้สึกแบบนั้นมากอย่างที่ควรจะเป็น ผมไม่ได้เกลียด แต่ผมแค่โกรธเขาเท่านั้น  อาจเพราะตอนนี้ผมมีสติมากพอที่จะรู้แล้วว่าอะไรมันเกิดขึ้นบ้าง มันเหลือเพียงแค่คำตอบหรือคำอธิบายจากเขาเท่านั้นที่ผมยังต้องการ โดยไม่คิดจะปล่อยให้มันผ่านไป

มันไม่ใช่ว่าผมจะยอมรับเรื่องที่เขาทำได้ง่ายๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แต่ถ้าลองขึ้นชื่อว่าคนในครอบครัวต่อให้เลวแค่ไหน ผมก็ยังพร้อมที่จะฟังเสมอ หรือลึกๆ แล้วผมกำลังพยายามบอกตัวเองอยู่ตลอดก็เป็นได้ว่า มันแค่เรื่องโกหกที่เขาสร้างขึ้นมา คล้ายกับว่าผมปลอบใจตัวเองอยู่ แต่สิ่งที่ผมสัมผัสอยู่ในเวลานี้มันก็ทำให้ผมเชื่อนะ ว่าผมไม่ได้พยายามหลอกตัวเอง ยิ่งเรามานั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้ ผมกลับรู้สึกได้ว่า เขาก็ยังเป็นคนๆ เดิม เป็นพี่ของผม ถึงจะมีที่ผมรู้สึกกลัวๆ เขาอยู่บ้างอย่างห้ามไม่ได้ เพราะยังไงซะเรื่องนั้นมันก็ฝังใจผมไปแล้ว


“ทำแบบนั้นไปทำไม” ผมถามโดยไม่มองหน้าเขา

“..............” คนที่นั่งข้างผม ยังคงเงียบ เมื่อเห็นเขาเงียบไป ผมเลยเหลือบมองไปทางเขา ก็เห็นเขานั่งประสานมือเข้าไว้ด้วยกัน โน้มตัวลงไปข้างหน้า โดยเท้าศอกไว้กับหน้าขาของตัวเอง และมองตรงไปเหมือนกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง  

“คงไม่คิดจะตอบสินะ” ผมพูดขึ้นมา ลองเขาเป็นแบบนี้ ผมคงไม่มีวันรู้อะไร

“ถ้าอย่างนั้น กันต์จะถามแค่ว่า คิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะได้อะไร”

“กลับไปอยู่กับพี่” เขาตอบผมสั้นๆ โดยไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ ออกมา

“ต้องทำขนาดนั้นเลยหรอ ไม่คิดหรอว่าผลมันจะไม่ออกมาอย่างที่พี่คิด แล้วเคยคิดบ้างไหมว่ามันจะทำให้กันต์รู้สึกแบบไหน” ตอนนี้เขาหันกลับมามองหน้าผมบ้างแล้ว

“มันโคตรเจ็บเลยว่ะ ทำแบบนั้นไปได้ยังไง มึงทำได้ยังไง” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้ตะโกน ไม่ได้เสียงดัง จนผมที่อธิบายไม่ได้ว่ามันออกไปด้วยความรู้สึกแบบไหน



-----------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 12-08-2010 01:15:22
^
^  :z13:
จิ้มไรทเตอร์
เออ มันโคตรเจ็บเลยว่ะ << ชอบประโยคนี้
มันโดน ทำอะไรคิดถึงคนอื่นบ้างอะไรบ้าง
กันต์ จัดให้หนักๆเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-08-2010 01:34:12
ค้างงงง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 12-08-2010 01:39:11
 :m16:
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-08-2010 01:47:08
กรครับ  อยู่ข้าง ๆ พี่กันต์ตลอดไปนะครับ
เริ่มระแวงนั่น  นี่  นู่น  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 12-08-2010 01:49:58
กอดคุณกวาง (เรียกตามพี่นุ่น อิอิ) พี่กันต์ น้องกร ด้วยความคิดถึงค่ะ :กอด1:

“มันโคตรเจ็บเลยว่ะ ทำแบบนั้นไปได้ยังไง มึงทำได้ยังไง” << สุดๆค่ะ...ไม่ใช่แค่ทำพี่กันต์เจ็บคนเดียว แต่ทั้งน้องกร ทั้งคนอ่าน เจ็บไปตามๆกัน
ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเคลียร์อะ รออ่านตอนหน้าอีกนะคะ

อ่อ! สุขสันต์วันแม่ค่ะ  :L2:


ปล. มีซักที่ที่น่าจะต้องเป็น พี่กาวน์ แต่เห็นพิมพ์ว่า พี่กันต์ อะค่ะ เราอ่านแล้วเจอแต่ลืมดูให้ว่ามันอยู่ตรงไหน แหะๆ ><
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 12-08-2010 02:01:46
กอดคุณกวาง (เรียกตามพี่นุ่น อิอิ) พี่กันต์ น้องกร ด้วยความคิดถึงค่ะ


เรียกกวาง เฉยๆ ก็ได้ค่ะ

ช่วงนี้หายไปนาน มาต่อได้แค่อาทิตย์ละตอนเอง 
แต่หลังจากนี้จะมาให้บ่อยขึ้นนะ (จะได้ไม่ค้าง) >_<

ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามนะคะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-08-2010 03:46:15
พี่กาวน์จะยังไงก้อให้มันชัดเจน ไม่ได้เจ็บเป็นคนเดียว
คนอ่านอ่านแล้วก้อเจ็บด้วยนะ  :m16:
ยิ่งอ่านยิ่งรักกร  :กอด1:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 12-08-2010 03:55:03
 :a5: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 12-08-2010 04:21:17
รักของคนเราไม่เหมือนกัน วิธีแสดงความรักก็เลยต่างกัน
แล้วรักแบบไหนถึงจะพอดีกันนะ รึแค่รักกันมันไม่พอ :m28:
เรียกคุณกวางตามรีบนนู้น ดีใจถ้าจะมาอัพบ่อยขึ้น เพราะมันค้างจริงๆ
HBD Motherdays hup ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 12-08-2010 06:30:22
ยังจะมาวางฟอร์มอีก แล้วจะให้เข้าใจกันผิดตลอดไปใช่หรือเปล่า พี่กาวน์
จะรอดูว่า การนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ แล้วจะได้อะไรดี ๆ กลับมาหรือเปล่า
+1 ให้กวาง ( เรียกตามรีบนด้วย ) ผม วัน นะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 12-08-2010 08:46:04
 :z3:
เง้อ
กูอยากจะฆ่ามึงจัง
ไอ้พี่กาวน์
มีอะไรก็บอกๆไปสิว่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 12-08-2010 09:47:36
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 12-08-2010 12:17:14
คุณพี่กาวน์ อุตส่าห์เข้าใจแล้วนะว่าทำไมถึงทำ (ถึงจะเกลียดวิธีการที่กาวน์ใช้ก็เถอะ)
แต่..
อย่ายึกยักได้มั้ยฟระ :angry2:
เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว!


มันโคตรเจ็บเลยว่ะ ทำแบบนั้นไปได้ยังไง มึงทำได้ยังไง
นั่นสินะ ทำได้ยังไง?
ยิ่งกว่าสร้างตราบาปแปะไว้ให้กันต์ทั้งชีวิตอีกนะ
วิธีอื่นมีเยอะแยะไม่เลือกใช้ แม่ง
ขอบ่นส่งท้ายอีกรอบ


 :กอด1: ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 12-08-2010 12:25:35
เรื่องร้ายๆมันต้องผ่านพ้นไปได้แน่ กันต์อย่าท้อนะน้องกรอยู่เคียงข้างนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 12-08-2010 12:37:02
ชิส์ ไม่คิดจะอธิบายใช่ไม๊ ไอ้พี่บ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 12-08-2010 13:07:36
 :เฮ้อ: อดีตมีไว้เรียนรู้ และประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้ซ้ำรอยเสมอไปนะคะพี่กาวน์

คนเป็นพี่ชายแบบพี่น่าจะคอยมองอยู่ห่างๆแล้วก็ให้กำลังใจกับคำปรึกษาดีดี

ไม่ใช่กีดกันแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ

ถ้าไม่พูดออกไปจะมีใครเข้าใจสิ่งที่พี่คิดไหมคะ

มัวแต่ปิดปากเงียบอย่างนี้ กลัวดอกพิกุลร่วงหรือคะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 13-08-2010 00:53:31
คนเค้าไม่เกลียดจนมองหน้ากันไม่ได้ก็ดีแล้วนะ
ช่วยอธิบายให้เค้าเข้าใจซะทีเหอะพี่
สงสารน้องตัวเองบ้าง

 :angry2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 13-08-2010 11:16:31
ความสัมพันธ์พี่น้องคู่นี้จะจบลงแบบไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 13-08-2010 21:23:49
 :m16:
ไอ้คุณพี่กาวน์มีไรก็พูดๆ ไปเหอะน่า อย่าเก็บไว้ดิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เผชิญหน้า [2/2] P.20 (up 12-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 16-08-2010 00:18:26
ตอนที่ 29 พยายาม... เข้าใจ
  
“มันโคตรเจ็บเลยว่ะ ทำแบบนั้นไปได้ยังไง มึงทำได้ยังไง” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้ตะโกน ไม่ได้เสียงดัง จนผมที่อธิบายไม่ได้ว่ามันออกไปด้วยความรู้สึกแบบไหน ผมเพียงแค่อยากบอกให้เขารู้ในสิ่งที่ผมรู้สึกก็เท่านั้น

เขาหันมามองผม ด้วยสายตาที่ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการแสดงอะไรออกมาให้ผมเห็น ผิดหวัง เจ็บปวด หรือสำนึกผิด ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่ “มันจะยากเย็นอะไรนักวะ ไม่พูดแล้วกูจะรู้ไหม” ผมก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ แล้วก็ตลกตัวเองที่ต้องเป็นฝ่ายมานั่งหาคำอธิบาย “ยังกับคนบ้าเลยวะ” ตอนแรกก็ว่าจะหนีไปให้พ้นๆ พอเอาเข้าจริง ผมก็หลบมาใกล้ๆ แค่นี้ เพราะคิดแล้วว่าหนีไปก็ใช่เรื่อง ไว้วันสองวันว่าจะกลับไปคุยกันให้มันรู้เรื่อง แต่มาเจอกันแล้วก็คุยมันเลย ผมยังคงบ่นบ้าบออยู่กับตัวเอง ก็คนข้างๆ ผมมันเล่นไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แล้วมานั่งอยู่ตรงนี้ผมก็ใช่ว่าจะสบายใจ    

“...แล้วมันคงไม่เจ็บขนาดนี้ ถ้าคนนั้นไม่ใช่...” ผมพูดต่อ เอาวะพูดมันคนเดียวก็ได้ ก็อย่างที่พูด ผมคงไม่มานั่งเป็นบ้าเป็นบออยู่แบบนี้ ถ้าไม่ใช้เพราะว่าเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างผมตอนนี้ เป็นคนอื่นผมคงจัดการมันไปตั้งแต่ผมรู้สึกตัวขึ้นมา หรือไม่ผมก็คงให้ใครมาจัดการมันแล้ว มันคงไม่มีโอกาสมานั่งอยู่แบบนี้แน่ๆ แต่เป็นเขาผมเลยทำไม่ได้ ถึงจะคิดได้แบบนั้นแต่เอาเข้าจริงเวลานี้ผมก็ยังรู้สึกหวาดๆ อยู่ไม่น้อย

“มีอะไรก็พูด เงียบแล้วมันได้อะไรขึ้นมา แค่พูดมันจะยากกว่าไอ้ที่ทำลงไปหรือไง” ตกลงว่าเรื่องนี้ผมหรือเขากันแน่ที่เป็นคนผิดหรือเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา

“มันก็ดีกว่าพี่ปล่อยกันต์ไปกับคนอื่น แล้วพี่ตามไปไม่ได้” เขาพูดออกมาแต่ยังไม่ยอมมองหน้าผม ส่วนผมก็ได้แต่มองเขา แล้วผมก็พอจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“ยังโทษตัวเองเรื่องนั้นอยู่ใช่ไหม” ผมถาม คนข้างๆ ก็พยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับสิ่งที่ผมถามออกไป

“คิดว่าทำแบบนั้นแล้วกันต์จะอยู่กับพี่...??” ผมเปลี่ยนสรรพนามมาเรียกเขาว่าพี่เหมือนเดิมด้วยความเคยชิน แต่ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าถึงตอนนี้เขาใช่คนเดิมที่ผมรู้จักแน่หรือเปล่า เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เรื่องที่เขาทำมันเกินกว่าที่ผมจะคิดไปถึงมากเหลือเกิน

“พี่ก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น แต่ถ้ากันต์กับเขาเข้าใจกันดี พี่ก็คงปล่อยไป”

“หึหึ ลองใจกันหรือไง แล้วคิดเผื่อบ้างรึเปล่าว่า ถ้าอะไรมันนอกเหนือที่พี่คิดไว้มันจะเป็นยังไง สมมุติว่ากันต์เกิดบ้าขึ้นมาแล้วกระโดดตึกลงไปตั้งแต่วันนั้น พี่จะทำยังไง” ผมหัวเราะกับคำตอบของเขา ก่อนจะพูด มาถึงตอนนี้ผมก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่มันเริ่มเอ่อขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสองข้างอย่างไม่มีเหตุผล ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้มแข็งและอ่อนแอในเวลาเดียวกัน

“มันไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่......ไม่อยาก.....”

“......ไม่อยากอะไร.....”

“พี่ไม่อยากเสียกันต์ไปเหมือน...”

“พี่ปอ... กันต์ไม่ใช่เขา” เขากลัวว่าผมจะเป็นแบบนั้น แล้วแบบนี้ล่ะ ผมไม่ได้กลัวเลยใช่ไหม เขาไม่อยากกลัว เลยโยนความรู้สึกนั้นมาให้ผมแทนอย่างนั้นสินะ

“พี่...ขอโทษ...”

“...................” ผมไม่รู้ว่าผมควรจะยกโทษให้เขาดีไหม ในสายตาผมตอนนี้ผมมองเห็นแต่คนที่ขี้ขลาด เห็นแก่ตัว คนที่คิดแต่ความรู้สึกของตัวเอง เขาเห็นแก่ตัวเกินไป

“กันต์... เป็นอะไร... ร้องไห้...” ผมได้ยินเขาพูดกับผม แต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง ได้ยินแค่เพียงไม่กี่คำ หัวผมมันเหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่ภายในและกำลังจะระเบิดออกมา เขาว่าอะไร ร้องไห้ ผมร้องไห้หรอ ผมเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงจะได้อ่อนไหวอะไรกันมากมาย แล้วผมก็โตแล้ว จะมานั่งร้องไห้อะไรกัน ร้องไปทำไม แต่เมื่อผมลองยกมือขึ้นมาแตะข้างแก้มของตัวเองกลับสัมผัสได้ของความชื้นแฉะ แล้วมันก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่ผมร้องไห้อีกแล้ว สองวันมานี่ผมร้องไห้มากเกินไปแล้ว

เขาเอื้อมมือมาจะจับตัวผม แต่ผมยกมือขึ้นปัดแขนเขาออก ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสะดุดขากางเกงของตัวเอง ทำให้ล้มลงไปกองกับพื้น ผมบังคับตัวเองไม่ได้ พอผมเห็นเขาลุกเดินมาทางผม ผมก็พยายามถดตัวถอยหนีทั้งๆ ที่ยังนั่งอยู่กับพื้น  

“อย่าเข้ามา...” อย่ามาแตะตัวผม อย่าเข้ามา ผมได้แต่คิดวนเวียนอยู่แค่นั้น ผมพยายามแล้ว พยายามที่จะไม่กลัวอะไรแล้ว แต่ทำไมผมยังเป็นแบบนี้ วันนี้ทั้งวันผมยังผ่านมาแล้ว ผมมองหน้าเขาได้ คุยกับเขาได้ ทำไมผมจะทนอีกหน่อยไม่ได้ ทำอีกสิ อีกนิดเดียว เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปแล้ว จะมาเป็นอะไรตอนนี้วะ สมองกับร่างกายผมตอนนี้มันไม่สัมพันธ์กันเลยสักนิด

“กันต์” เขาย่อตัวลงมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม แต่รักษาระยะห่างเอาไว้ ไม่กล้าเข้ามาใกล้ รู้แล้วใช่ไหมว่าผมกลัว เห็นแล้วใช่ไหม

“พี่ขอโทษ... ขอโทษ...”

“มันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ... พี่ขอโทษ” ผมได้ยินคำขอโทษจากปากเขาซ้ำไปซ้ำมา แล้วถ้าตอนนี้ตาผมมันไม่ได้พร่าจนเกินไปนัก ผมเห็นน้ำตาของเขา เขากำลังร้องไห้เหมือนผม

คนตรงหน้าผมลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือข้างหนึ่งออกมาหาผม ผมมองมือนั้นอยู่สักพักในความเงียบ “มันไม่มีอะไรแล้ว ๆ” ผมบอกกับตัวเอง ก่อนจะยื่นมือของตัวเองออกไปให้เขาฉุดผมลุกขึ้นยืน และนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง
.
.
.

“บางครั้งเราก็พูดทุกเรื่องออกมาไม่ได้หรอกนะ” เขาหันมาพูดกับผมอีกครั้ง

“คนทุกคนก็ไม่เหมือนกัน เอาชีวิตของอีกคนมาตัดสินชีวิตคนอื่นไม่ได้” เราต่างคนต่างพูดสิ่งที่ตัวเองคิด โดยไม่สนใจว่ามันจะปะติดปะต่อกันหรือเปล่า

“ครั้งแรกพี่คิดว่าจะไม่สนใจ จะคอยมองอยู่ห่างๆ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้”

“พี่รู้ไหมว่าน้องพี่เข็มแข็งกว่าที่พี่คิดนะ รู้ไหมว่าทำไม เพราะว่ากันต์รู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกันต์จะมีพ่อ มีแม่ มีพี่ที่คอยอยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเจออะไร กันต์รู้ว่าจะยังมีคนคอยอยู่ กันต์เคยทำให้พี่เสียใจหรอ”

“แต่เป็นพี่ที่ทำให้กันต์เสียใจสินะ”

“อื้ม... ช่างเถอะ พี่คงแค่กลัวและห่วงกันต์มากเกินไปถึงอยากยึดกันต์ไว้ แต่มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม” ผมตอบและถามเพื่อความแน่ใจของตัวเอง แล้วคนข้างผมก็ส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจนักว่ามันถึงขนาดที่เขาต้องทำกับผมแบบนั้นเลยหรอ แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรอีก

“ระหว่างกันต์กับพี่มันจะเหมือนเดิม แต่ขอเวลากันต์สักพัก” ผมพูดต่อ เขายิ้มให้ผมบางๆ เป็นการตอบรับ

“ไปนอนเถอะ”

“พี่จะกลับมาอยู่ที่นี่เมื่อไหร่” ผมลุกขึ้น ก่อนจะถาม

“อีกสองสามเดือน รอเคลียร์งานทางนู้นให้เรียบร้อยก่อน”

ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนจะเดินออกมา แล้วกลับขึ้นห้องไป
.
.
.

พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นกรที่ยืนอยู่ตรงประตูกระจกที่เปิดออกไปที่ระเบียงหันมามองผมอยู่แล้ว ผมเลยเดินเข้าไปหา แล้วยกแขนขึ้นไปโอบรอบคอเขา จากนั้นก็ดึงตัวเขาเข้ามากอดจนแน่น กรก็ยกแขนขึ้นมารวบตัวผมไว้เช่นเดียวกัน เรากอดกันอยู่แบบนั้น อ้อมกอดนี้ยังคงอบอุ่นและปลอดภัยสำหรับผมเสมอ เรากอดกันอยู่สักพัก จนกรเป็นฝ่ายคลายอ้อมแขนออกก่อน แล้วผมก็ทำตามเขา


“สบายใจขึ้นหรือยัง”

“ดีขึ้น”

“แล้วกรล่ะ” ผมตั้งใจจะถามว่าเขามีความสุขกับวันนี้บ้างหรือเปล่า

“พี่ยิ้มได้ กรก็ยิ้มได้” พอเขาพูดแบบนั้นผมเลยยิ้มส่งไปให้เขา เพื่อหวังจะเห็นรอยยิ้มของเขาตอบกลับผมมา และผมก็ได้รับรอยยิ้มนั้น

“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้กรมีเรียนบ่าย ต้องออกจากที่นี่แต่เช้า” ผมพูด


.........................................................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-08-2010 00:46:27
เรื่องร้ายๆจบไปหนึ่งเรื่องหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 16-08-2010 00:50:56
เฮ้ออออออออออออออ

ใครเอาพี่กาวน์ไปเก็บให้ไกลๆตาที แบบว่าถึงจะเพราะรัก หรือห่วง หรืออะไรก็ตาม
ไม่รู้สิ......มันไม่ใช่วิธีที่ควรจะใช้กับคนที่ไว้ใจตัวเองขนาดนั้นได้
พี่กาวน์มันบ้าแท้.......

กอดน้องกรกับพี่กันต์ แถมเผื่อไปถึงน้องกวางแน่นๆค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 16-08-2010 01:35:44
ยิ้มให้พี่กันต์กับน้องกรด้วยคนค่ะ....
หลังจากอึมครึมมาซะหลายตอน ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 16-08-2010 06:14:41
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 16-08-2010 06:35:11
การได้พูด ได้ปรับความเข้าใจ สุดท้ายก็ให้อภัย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในเหตุผลที่กระทำลงไปก็ตาม
อย่างน้อย กันต์ ก็มี กร อยู่ข้าง ๆ ในแม้ในอารมณ์และเหตุการณ์อันเลวร้าย
สุดท้ายมันก็ผ่านไป  :กอด1:
เป็นกำลังใจให้ พร้อมกับ +1 ครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 16-08-2010 06:45:55
ขอให้เป็นการปรับความเข้าใจจริงๆซะทีนะ...
สงสารเวลาพี่กันต์เครียด กรก็เครียด คนอ่านก็เครียดดดดด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 16-08-2010 09:26:32
เริ่ดสุด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 16-08-2010 11:46:41
ไอ้เรื่องที่ลองใจกันต์ด้วยวิธีผิดๆน่ะ พอเข้าใจได้ ถึงจะผิดวิธีก็เถอะนะ
แต่..
ไอ้คุณพี่กาวน์ มันยังไม่ชัด กลับมาก่อนดิ๊
อย่ารู้เรื่องกันเองได้มั้ย
:angry2:
อยากรู้ด้วย เกิดอะไรขึ้นกับคนชื่อปอแล้วมีความสัมพันธ์ยังไงกับพี่กาวน์

กันต์กับกร รักกันนานๆนะ เรื่องที่ไอ้คุณพี่กาวน์ทำไว้ นับเป็นบททดสอบใหญ่บทหนึ่งเลยล่ะ
ต่อไปกันต์กับกรจะเข้มแข็งขึ้น รักกันมากขึ้นกว่าเดิม มองอะไรกว้างขึ้นด้วย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 16-08-2010 13:17:04
โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ทุกอย่างมันคลี่คลาย
ตอนหน้ามีแบบซีนปลอบใจกันแบบหวานๆมั้ยน้าส์
 :z13:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 16-08-2010 14:20:03
ผ่านไปได้อีกด่านนึงครับ จะมีหนักกว่านี้ป่าวน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 16-08-2010 17:45:59
เป็นกำลังใจให้พี่กันต์กะกรนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 16-08-2010 18:35:40
 :เฮ้อ:
ค่อยหายใจโล่งขึ้นมาหน่อย
ถึงมันจะยังดูค้างๆ คาๆ กับเรื่องพี่กาวน์นิดนึง

แต่ไม่เป็นไรสุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเนอะ
ยิ้ม ๆ ๆ >___<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-08-2010 18:50:03
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 16-08-2010 19:25:02
ขอให้ทั้งงกรและกันต์รักกัน เข้าใจกัน และหนักแน่นเข้าไว้ จะไม่มีใครมาแทรกได้
ส่วนไอ้พี่กาวน์ ขอถามคำเดียว เสียสติรึเปล่าที่คิดแบบนี้ แล้วทำแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 16-08-2010 20:34:14
แต่ถึงยังไงก็นะ
ก็ยังตะหงิดใจกับพี่กาวน์อยู่ดีนั่นแหละ
เฮ้อ
เอาพี่กาวน์ไปเก็บไกลๆเถอะ
ไม่ต้องให้เจอหน้ากันอีกเลยจะดีกว่า
 o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 16-08-2010 23:24:09
แน่ใจเรอะว่าเข้าใจกัน เคลียร์กันเรียบร้อย
มันแปลกๆ
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 17-08-2010 06:33:12
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 17-08-2010 20:41:49
ไม่รู้จะโมโหอิตาพี่กาวน์ต่อดีรึเปล่า  :m16:

คิดไปคิดมาก็เคืองอยู่ดีอ่ะ
เรื่องอะไรเอาความทุกข์ของตัวเองมาโยนให้คนอื่นแบบนี้อ่ะ
ใจร้าย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-08-2010 22:49:57
อ้างถึง
“พี่ยิ้มได้ กรก็ยิ้มได้”
โห อ่านเจอประโยคนี้ ได้ใจไปเต็มๆๆ เลย
ส่วนพี่กาวน์เนี่ย จับโจมลงทะเลแถวนั้นๆ เลยดีมั้ย  :m16:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-08-2010 22:13:41
ตอนที่ 30 ยามคลื่นลมสงบ

เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมตื่นเช้าขึ้นมาบนเตียงไม้เนื้อดีหลังนี้ บรรยากาศโดยรอบของห้องนอนห้องนี้ บ้านหลังนี้ยังคงอบอวลไปด้วยความอบอุ่นเช่นเคย ความรู้สึกเช่นนี้ผมสามารถสัมผัสมันได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือนบ้านหลังนี้ แม้การมาครั้งนี้จะแตกต่างไปจากครั้งที่แล้วโดยสิ้นเชิง แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย คงเป็นเพราะบ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความรัก และถูกทะนุบำรุงด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากเจ้าของบ้าน ถึงทำให้บ้านหลังนี้เหมาะเป็นที่พักกาย พักใจของคนที่เข้ามาอาศัยในบ้านหลังนี้
.
.
.
แล้วก็เป็นหนึ่งในอีกหลายๆ ครั้งที่ผมมีโอกาสได้เฝ้ามองคนที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ มันเป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับผมอยู่เหมือนกันในเรื่องการตื่นนอนของพี่กันต์ หากเป็นเสียงของนาฬิกาปลุก มันเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะทำให้เขาลุกตื่นขึ้นมาในเช้าของวันทำงาน หรือในวันที่ต้องการออกนอกบ้านตอนเช้า หากแต่ในวันหยุดที่เงียบสงบ ปราศจากเสียงนาฬิกาปลุกหรือเสียงจากโทรศัพท์มือถืออย่างเช่นในวันนี้ แทบจะไม่มีครั้งไหนเลยที่เสียงเรียก หรือเสียงปลุกของผมที่ส่งเสียงแทนนาฬิกาปลุกจะทำให้เขารู้สึกตัว และยอมตื่นขึ้นมาโดยง่าย แบบนี้จะให้เรียกว่าขี้เซาก็คงไม่ใช่ ก็ในเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกยังทำหน้าที่ของมันได้ดีเสมอ


“พี่กันต์ พี่กันต์ครับ” ผมส่งเสียงเรียกคนที่นอนหลับ หลังจากผมนอนมองเขามาสักพักแล้ว แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด ตอนนี้คนที่หลับตาพริ้มไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย


“พี่กันต์ หกโมงครึ่งแล้วนะ ตื่นเถอะ” ผมเรียกเป็นครั้งที่สอง แทนที่เขาจะตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกของผม กลายเป็นว่าผมถูกแขนของพี่กันต์ที่พาดอยู่ที่ลำตัวช่วงบนของผม โอบกระชับเข้ามามากขึ้น รวมถึงหัวทุยสวยของคนที่นอนหลับก็ถูกยกย้ายขึ้นมาแนบอยู่บนแผ่นอกของผม และการกระทำนั้นก็เรียกรอยยิ้มให้มาปรากฏอยู่บนใบหน้าของผมได้อีกครั้ง ผมขยับตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วโน้มใบหน้าลง เพื่อเอาจมูกไปสัมผัสกับกลุ่มผมนุ่ม และรับเอากลิ่นแชมพูอ่อนๆ กลับไป จากนั้นผมก็ย้ายลงมาที่แก้มเนียนของคนที่ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจกับเสียงเรียกของผม

“ตั้งแต่มานี่ยังไม่ได้เล่นกับซูชิเลยไม่ใช่หรอ ป่านนี้มันมารอพี่แล้วมั้ง ไปเล่นกับมันหน่อย เดี๋ยวมันงอนเอานะ” ผมพูด เพราะเมื่อกี้ได้ยินเสียงเห่าของเจ้าซูชิ หมาตัวโตที่พี่กันต์เลี้ยงไว้ เรียกเองเห็นทีจะไม่ได้ผล จนต้องยกเอาหมามาอ้าง แล้วท่าทางจะได้ผลเสียด้วย เพราะพี่กันต์ยอมขยับตัวแล้ว “แพ้หมาซะแล้วกู” ผมบ่นในใจแบบขำๆ

“อืม... ไปๆ” เสียงพึมพำเบาๆ ออกจากปากของคนที่ลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว “น่ารักชะมัด” ว่าแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะลุกตามขึ้นมา แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อหอมแก้มเนียนของพี่กันต์อีกสักที

“มองอะไร ไปยัง” เขาส่งเสียงออกมาเร่งผม ผมเลยหันไปมองพี่เขาที่ตอนนี้ลุกไปยืนข้างเตียงแล้ว “เออนะ ทีแบบนี้ทำมาเร่ง เมื่อกี้เรียกตั้งหลายทีกว่าจะตื่น” ผมคิดอยู่ในใจ ใครจะกล้าพูดออกไป ก็ดูสิแค่มองเขาหน่อย แล้วก็ลุกช้านิดนึง เล่นทำคิ้วขมวดใส่ผมแล้ว เหวี่ยงเก่งเป็นบ้า

“มองอยู่ได้ ลุกเร็ว บ่ายไปเรียนอีก เดี๋ยวไปไม่ทัน” เขาพูด สรุปว่างานนี้ผมผิด

“ก็มองแฟนอ่ะ แฟนน่ารักขอมองหน่อยก็ไม่ได้” ผมแกล้งบ่นอิดออดไปตามเรื่อง แล้วรับประกันได้เลยว่า เขาต้องพูดตอบผมมาว่า “น่ารักที่ไหน แบบนี้เขาเรียกว่าหล่อ”

“น่ารักที่ไหน แบบนี้เขาเรียกว่าหล่อ” นั่นไง ตรงเปะทุกคำ แถมยังยักคิ้วลิ่วตาส่งมาให้อีกต่างหาก ที่รู้แบบนี้เพราะผมสองคนเล่นมุกนี้กันบ่อย แต่มันอดชมไม่ได้จริงๆ นิ ถึงไม่ได้น่ารักแบบผู้หญิง แต่สำหรับผม ผมว่าเขาน่ารักแค่นั้นก็พอแล้ว บางทีที่ผมบอกเขา ว่าเขาน่ารัก เขาก็ไม่ได้ตอบผมมาแบบนี้ทุกครั้งหรอก แต่เขาจะพูดว่า “น่ารัก ก็รักให้นานๆ แล้วกัน” เขาไม่ได้บอกผมให้รักเขามากๆ แต่บอกให้รักนานๆ แทน ผมเองก็อยากจะตอบนะว่า “ขอรักไปตลอดชีวิตเลย” แต่ผมก็ไม่เคยพูดออกไป จะพูดอย่างมากก็แค่ “กรรักพี่นะ” เท่านั้น ไม่ใช่ว่ากลัวว่าพูดไปแล้วจะทำไม่ได้ หรือกลัวผิดสัญญา แต่เป็นเพราะว่าผมตั้งใจจะทำให้เขาเห็นเองต่างหาก  

“ครับๆ สุดหล่อ” ผมพูดก่อนที่เราสองคนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันพร้อมกัน กะว่าเดินเล่นแล้วค่อยกลับมาอาบน้ำ



…………………………………………………….


พอเดินผ่านครัวก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมา สงสัยเช้านี้ป้านิ่มจะทำข้าวต้ม ว่าแล้วเราสองคนก็แวะเข้าไปทักทายป้านิ่มในครัวเสียหน่อย

“หอมจัง” พี่กันต์พูด เมื่อเดินไปใกล้ของที่กำลังส่งกลิ่นหอมลอยออกมาจากหม้อบนเตา โดยมีป้านิ่มถือทัพพียืนอยู่ข้างเตา

“เช้านี้มีข้าวต้มปลากระพงนะคะ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว จะทานกันเลยไหม” ป้านิ่มถาม

“กันต์จะออกไปเล่นกับซูชิมันก่อน แล้วค่อยกลับมาทานนะครับ” พี่กันต์พูด
.
.
.

จากนั้นผมสองคนก็เดินออกมาที่สนาม พอเจ้าซูชิเห็นพี่กันต์ออกมาเท่านั้นแหละ ก็ทิ้งของเล่นที่คาบอยู่แล้ววิ่งกระดิกหางมาหาเลย พอมาถึงตัวพี่กันต์ มันก็ยิ่งกระดิกหางรับเข้าไปอีก เมื่อพี่เขาเอามือลูบหัวมันไปมาอยู่สามสี่ที คงดีใจน่าดูนานๆ เจ้านายจะมาสักที

“ไป ๆ เดินเล่นกัน” พี่กันต์พูดกับมัน มันก็ทำท่าเหมือนจะฟังรู้เรื่อง เพราะเมื่อผมสองคนออกเดินไปที่ชายหาด มันก็เดินตามผมสองคนมาด้วย

“เฮ้อ!!!” พี่กันต์ยืดแขนทั้งสองขึ้นไปจนสุด ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ ตอนนี้เราสองคนยืนหันหน้าออกไปทางทะเล โดยมีพระอาทิตย์ส่องแสงอ่อนๆ อยู่ตรงหน้า อ๋อ ลืมไปมีเจ้าซูชิตัวป่วนแทรกอยู่ตรงกลางด้วยอีกตัว


ถึงตอนนี้เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้แล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า มันยังมีอะไรที่ติดค้างในใจ หรือในความรู้สึกของเราอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ผมก็หวังว่าสักวันมันจะถูกลบออกไปได้จนหมดในเวลาที่ไม่นานจนเกินไปนัก

เรายืนมองพระอาทิตย์ยามเช้ากันอยู่สักพัก ก่อนจะออกเดินไปพร้อมกันอีกครั้ง ผมหันไปหาคนข้างๆ เขาเองก็มองผมกลับมาเช่นกัน เราเดินไปเรื่อยๆ จนพ้นเขตบ้านของพี่เขาไปแล้ว พี่กันต์ก็เอื้อมมือออกมาจับมือผมไว้




....................................................................



หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พยายาม... เข้าใจ P.21 (up 16-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-08-2010 22:17:31
“กูนึกว่าวันนี้มึงจะไม่มาเรียนแล้ว วันเกิดดันหนีไปหัวหินไม่มีบอกเพื่อนฝูง มาเลี้ยงพวกกูย้อนหลังเลย” ทันทีที่ผมเดินไปถึงโต๊ะที่พวกเพื่อนผมมันนั่งกันอยู่ เสียงไอ้ติ๊ดก็ดังทักผมขึ้นมาก่อนใคร เมื่อวานพวกมันโทรไปอวยพรวันเกิดให้ผม มันเลยรู้ว่าผมอยู่หัวหิน

“วันเกิดมัน มันก็ต้องอยากอยู่กับพี่เขาดิวะ” ธีพูดขึ้นมาบ้าง แล้วผมก็หย่อนตัวลงนั่งตรงที่ที่พอจะว่างอยู่

“ใช่เส่!! มีแฟนแล้วลืมเพื่อนลืมฝูง กูมันแค่เพื่อน” ติ๊ดมันพูดพร้อมทำท่าทำทางแบบที่เรียกได้ว่าน่าถีบสักที ทำเศร้าได้ทุเรศลูกตามาก แล้วเหมือนจะมีคนรู้ความคิดผม เพราะนายมันจัดการให้แล้ว แต่ไม่ได้ถีบ แค่ยกมือไปตบหัวมันเฉยๆ

“เจ็บนะโว้ย ตบมาได้ กูเรียนไม่รู้เรื่องจะมาด่ามึง” ติ๊ดมันโวย แล้วยกมือขึ้นลูบหัว คงเจ็บเหมือนกันนะ นายมันเล่นไม่ยั้งมือ แล้วก็ไม่วายบ่นต่อ จนนายมันง้างมือขึ้นเตรียมจัดให้อีกสักที ติ๊ดมันเลยเงียบ

“กูยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ มึงสองคนก็พูดกันไป” ผมพูดขึ้นมาบ้าง

“แล้วไงวะ ไปไม่บอกล่วงหน้าเลยนะมึง” เดย์ ที่นั่งอยู่ข้างผมถามขึ้นมาบ้าง

“กะทันหันวะ กูก็ไม่รู้ล่วงหน้า” ผมตอบ

“เซอร์ไพรซ์สิมึง วันนั้นกูโคตรกลัวว่าพี่เขาจะเข้าใจมึงผิด แต่รู้แบบนี้แล้วกูค่อยโล่งหน่อย” ธีพูดขึ้นมาบ้าง แล้วมันก็ถามเอง ตอบเองเสร็จสรรพ

“มีเรื่องอะไรกันวะ” ติ๊ดมันถามพร้อมกับยื่นหน้ายื่นตา ข้ามหน้าเดย์มามองผมกับธีที่นั่งตรงข้ามกัน ธีมันเลยเล่าเรื่องของผมกับมันที่ร้านอาหารให้พวกที่เหลือฟัง เพราะผมกับธีไม่ได้เล่าให้พวกมันฟังก่อนหน้านี้ ธีมันก็เล่าแค่เรื่องที่มันจูบผมแบบหลอกๆ เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะเลิกกับแฟนมันแค่นั้น ไม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้น

“พวกมึงก็คิดกันได้ นี่กูไม่รู้จะด่ามึงหรือด่าน้องหญิงดี มึงก็คิดได้นะวิธีนี้ แล้วนั่นก็ดันเชื่ออีก ดีนะมึง พี่กันต์เขาไม่มาเตะมึง หาว่ามึงไปเป็นกิ๊กก๊กกัน” นายมันพูด และแซวแบบขำๆ มากกว่าคิดจริงจัง

“ขึ้นเรียนเหอะวะ เหลืออีกสิบนาที” เดย์มันบอก พวกผมเลยเก็บสัมภาระแล้วพากันขึ้นเรียน ระหว่างที่เดินขึ้นห้องเรียน ซึ่งอยู่ชั้นสาม ธีมันก็หันมาคุยกับผม เมื่อเห็นว่าพวกนั้นมันเดินนำไปก่อน โดยมีผมสองคนรั้งท้ายตามไป


“พี่กันต์เคลียร์กับพี่เขาแล้วหรอวะ” ธีมันถามผม

“อืม” ผมตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก

“เออ” ธีมันตอบรับ ก่อนที่ผมสองคนจะเดินเข้าห้องเรียน และเดินตามอีกสามคนที่เดินเข้ามาก่อน ไปยังที่นั่งที่ว่างอยู่



.........................................................


ตอนเย็นหลังเลิกเรียนคาบสุดท้ายแล้ว ผมขับรถตรงกลับบ้านเลย เพราะพี่กันต์โทรมาบอกให้รีบกลับ แต่ไม่ได้บอกว่าจะออกไปไหนหรือเปล่า แล้วถึงไม่บอกผมก็กลับบ้านเลยเป็นปกติอยู่แล้ว นานๆ ทีถึงจะออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนบ้าง กลับไปถึงก็เดินเข้าห้องนอน เพื่อที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าล้างตา พอเดินเข้าห้องมาแล้วก็เห็นเสื้อผ้าของผมแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เป็นเสื้อเชิ้ตพื้นขาว ลายทางสีฟ้าอ่อน กับกางเกงยีนส์หนึ่งในสองตัวที่ผมใส่ประจำ หากใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว พี่กันต์คงเตรียมไว้ให้ก่อนออกไป

พี่กันต์ไม่ได้จัดเสื้อผ้าให้ผมแบบนี้ทุกครั้ง แต่ก็ถือว่าบ่อยอยู่เหมือนกัน ผมเองก็ทำให้บ้าง สำหรับเสื้อผ้าใส่ไปข้างนอกนี่นานๆ ทีจะเตรียมให้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกชุดนอนมากกว่า ถ้าใครอาบน้ำก่อนอีกคนก็จะเอาชุดนอนออกมาวางไว้ให้บนที่นอนให้บ้าง ผมว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็ทำให้รู้ถึงความใส่ใจที่เรามีให้อีกฝ่าย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัว กับจัดการผมเผ้าของตัวเองให้เข้าที่อีกนิดหน่อย ก็ออกมาหาหนังดูระหว่างรอพี่กันต์กลับมา ถ้าให้ผมแต่งตัวแบบนี้ แสดงว่าวันนี้เราจะออกไปข้างนอกกัน ผมเลยไม่ทำกับข้าว ว่าถึงเรื่องกับข้าว ผมเองก็ไม่ได้ทำทุกวัน แล้วแต่พี่กันต์มากกว่า วันไหนเขาจะกลับมาทำเอง เขาก็จะโทรมาบอกผมก่อน หรือบางทีใครอยากกินอะไร อยากให้ทำอะไรให้กินก็บอก ผมเลยชอบอ้อนให้พี่เขาทำนู่นทำนี่ให้กินบ่อยๆ ไม่ได้เข้าข้างกันเองนะ แต่พี่เขาทำกับข้าวอร่อย แล้วยังทำได้หลายอย่างด้วย

ผมนั่งดูหนังไปได้สักครึ่งชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู วันนี้พี่เขากลับมาเร็วกว่าปกติ ผมหันไปมองนาฬิกาแล้ว เพิ่งจะห้าโมง ปกติแล้วพี่เขาจะกลับมาถึงประมาณหกโมงครึ่งถึงทุ่มนึง พอเห็นพี่เขาเก็บรองเท้าเข้าชั้นเรียบร้อยแล้ว พี่เขาก็เดินมาหาผม แล้วผมก็ทำเหมือนอย่างที่ทำทุกครั้งคือ ยืนแขนทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า พอเขาเดินมาใกล้พอแล้วผมก็เอามือรั้งสะโพกเข้าให้มายืนอยู่ตรงหน้าผม แล้วเขาก็โน้มตัวลงมากอดผมเบาๆ ผมเองก็กอดเขาเช่นกัน ก่อนเขาจะยืดตัวขึ้น โดยที่ผมยังไม่ได้ปล่อยมือออกจะสะโพกเขา

“เหนื่อยไหม” ผมถาม

“ไม่เท่าไหร่”

“พี่ไปอาบน้ำแป๊บนึงเดี๋ยวไปกินข้าวที่บ้านพี่กัน”

“บ้านพี่ ??” ผมพูดทวน เหมือนเป็นการถามคนตรงหน้าอีกครั้ง

“อืม” พี่เขารับคำ ก่อนจะจับเอามือของผมออก แล้วเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้ผมนั่งอึ้งอยู่คนเดียว

------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 21-08-2010 23:18:09
อุ้ย!! พี่กันต์จะพาแฟนเข้าบ้านแล้วหรอ >_<

ส่วนกรจะน่ารักไปไหน แค่นี้ก็หลงรักจะแย่แล้ว

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-08-2010 23:22:29
ไม่มีอะไรใช่ป่ะ  แค่ไปกินข้าวเนาะ  รู้สึกระแวงพิกล
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-08-2010 23:29:33
คลื่นลมสงบ ขอให้สงบไปนานๆ พลีสสสสสสสสสสสส
หงิงๆๆๆ

ปล.อยากกอดซูชิ

น้องกวางคะ ตรงนี้ “วันเกิดมัน มันก็ต้องยากอยู่กับพี่เขาดิวะ” (อยาก อ อ่างหายค่ะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 21-08-2010 23:36:28
^
^
^
เห็นด้วยค่ะ รู้สึกตะหงิดๆชอบกล
คลื่นลมสงบก่อนพายุจะเข้าหรือป่าว
เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-08-2010 23:38:18
ไม่เข้ากับชื่อตอนนะ
ลมสงบ..ก่อนพายุจะเข้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 22-08-2010 00:37:59
น่ารักมากค่ะ แต่ชื่อตอนไม่น่าไว้วางใจ  :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 22-08-2010 00:53:34
อุ้ย พาไปเปิดตัว :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 22-08-2010 07:41:11
เง้อ
ไม่อยากจะคิดในแง่ลบกับชื่อตอน
แต่ก็อยากให้มันสงบจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 22-08-2010 08:15:35
ใจเย็นๆพาเข้าบ้านแสดงว่าข่าวดีแน่ๆ ขอ
แสดงความยินดีล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 22-08-2010 08:24:35
พาแฟนไปแนะนำตัวอ่ะดิ น่าีรักทั้งคู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 22-08-2010 13:03:49
แล้วกันต์จะบอกกับครอบครัวว่ายังงัยล่ะว่ากรอยู่ในฐานะไรหรือว่าจะบอกว่าน้องที่ฝึกงาน
คงไม่มั้ง ดูมันห่างเหินน้อแบบนั้นนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 22-08-2010 13:08:13
เกรงว่าคลื่นลมมันจะสงบก่อนพายุน้องๆเฮอริเคนมันจะเข้าอ่ะดิ
 :เฮ้อ:
กำลังกลัว ที่บ้านกันต์จะรับไม่ได้
:serius2:




 :L2: ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-08-2010 15:32:12
สู้ๆๆ เชื่อว่าบ้านพี่กันต์ต้องชอบกรแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 22-08-2010 18:51:53
คิดบวกๆ พาน้องกรไปเปิดตัว  ถ้าคิดลบแล้วมันกังวลอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 23-08-2010 21:52:15
คิดในแง่ดีน้องกรแสนดีขนาดนี้ ใครเห็นใครก็ต้องรัก >_<

ตอนหน้าคงไม่เศร้าหรอกเนอะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-08-2010 22:18:24
เพิ่งหมดเรื่องพี่กาวน์มา หวังว่า คงไม่เจอเรื่องบ้านพี่กันต์เข้าไปอีกนะ ทำบุญดีมั้ย กร ดูซวยๆ ไงไม่รู้  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ยามคลื่นลมสงบ p.21 (up 21-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 26-08-2010 22:11:50
ตอนที่ 31 เข้าบ้าน

“พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่า” ผมเปิดประตูออกมาถามคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น หลังจากผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

“เปล่า” กรละสายตาจากจอโทรทัศน์ แล้วตอบ พอเขาตอบ ผมก็หันกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เพื่อหยิบกระเป๋าสะพายสีดำใบไม่ใหญ่มากที่อยู่ในตู้ชั้นบนสุดลงมา

“เก็บเสื้อผ้าไปไหนอ่ะ” กรเดินเข้ามานั่งลงที่ปลายเตียง ก่อนจะถามผม

“ค้างที่บ้าน” ผมตอบ พร้อมกับหยิบเสื้อผ้าของกรออกมาจากในตู้ ก็มีแค่เสื้อกับกางเกงที่เขาจะใส่พรุ่งนี้ ส่วนชุดนอนกับของใช้ เดี๋ยวเอาของผมที่บ้าน   

“ต้องค้างด้วยหรอ” เขาถาม แล้วพับเสื้อของเขาที่ผมส่งให้ไปด้วย ส่วนผมก็พับกางเกงแล้วใส่ลงในกระเป๋า ก่อนจะหันไปเปิดลิ้นชักหยิบบ๊อกเซอร์บริฟส์สีขาวของคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงออกมา และใส่ลงกระเป๋าไป ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมดูแลเรื่องพวกนี้ให้กร จากทำให้บ้างนานๆ ที จนตอนนี้ชักบ่อย ก็ทำแค่เตรียมให้ ถ้าเรื่องซักรีดมีแม่บ้านมาทำให้ พูดตรงๆ ผมไม่มีปัญญาทำเอง

“ก็กว่าจะไปกว่าจะกลับ” ผมตอบ โดยไม่ถามความเห็นของกรว่ารู้สึกอะไรยังไง พูดง่ายๆ งานนี้เขาถูกมัดมือชก

“เฮ้ย!! อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ ไม่มีอะไร ไปกินข้าวเฉยๆ” ผมพูดเมื่อเห็นเขาดูเงียบๆ ไป

“มาเร็ว” ผมยื่นแขนสองข้างออกไปข้างหน้าเหมือนที่เขาชอบทำบ่อยๆ เวลาอยากให้ผมเข้าไปหา แล้วเรียกให้อีกคนลุกขึ้นมา พอเขาลุกขึ้นมาผมก็รวบแขนกอดเขาไว้เบาๆ แล้วปล่อยตัวเขาออก ก่อนจะคว้ากระเป๋ามาสะพายแล้วพากันออกจากห้อง




……………………………………………….



“พ่อแม่ สวัสดีครับ” ผมพูดกับพ่อแม่ พร้อมยกมือไหว้ เมื่อเดินเข้ามาหาทั้งคู่ที่นั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนกระเป๋าก็ส่งให้คนเอาไปเก็บตั้งแต่ก้าวเข้าบ้านมาแล้ว

“สวัสดีครับ” กรที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ทำเช่นเดียวกันกับผม แม่ผมที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวยิ้มให้แล้วยกมือรับไหว้ ส่วนพ่อที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวที่ติดกันก็ทำเช่นเดียวกัน ผมเดินไปนั่งข้างแม่ และทำท่าบอกให้กรนั่งลงบนโซฟาด้านข้างผมที่ว่างอยู่

“พ่อแม่ นี่กร” ผมจงใจแนะนำแค่ชื่อ โดยไม่มีคำต่อท้าย

“จ้ะ แล้วนี่ยังไงเราคราวที่แล้วเป็นอะไร มาถึงบ้านไม่ทันไรก็กลับ” พอผมนั่งลงปุ๊บ แม่ก็ยิงคำถามใส่ผมทันที เพราะตั้งแต่วันที่ผมไปหัวหินก็ยังไม่ได้คุยกับแม่ พอมาเจอหน้าก็โดนซักเลย

“มีธุระด่วนนิดหน่อย กันต์เลยต้องรีบออกไป ไม่ได้บอก” ผมตอบ แล้วหันไปมองหน้ากรแว๊บนึง 

“หิวข้าวกันหรือยังลูก นี่ก็จะทุ่มนึงแล้วแม่ว่าไปกินเลยดีกว่า” แม่มองไปทางกรแล้วถาม ก่อนจะตอบเองเสร็จสรรพ
.
.
.

“อาทิตย์หน้าประชุมโรงงาน พ่อจะเข้าไปหรือเปล่า” ผมหันไปคุยกับพ่อ ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานแทนพ่อก็ให้อำนาจการตัดสินใจกับผมเต็มที่ นอกจากอะไรที่ผมไม่แน่ใจก็จะมาคุยกันอีกที และนานๆ ทีพ่อผมจะเข้าไปฟังประชุมด้วย พอเจอหน้าเลยถามดู

“ไม่เข้า กันต์ก็ดูเอาแล้วกัน ถ้าติดอะไรตรงไหนค่อยมาถามพ่อ แล้วอาทิตย์หน้าพ่อกับแม่จะขึ้นไปหาปู่กับย่า” พ่อผมพูด ส่วนปู่กับย่าผมย้ายไปอยู่เชียงใหม่ได้สักสี่ห้าปีแล้ว พ่อแม่ และผมเองก็ขึ้นไปหาอยู่เรื่อยๆ

“กรเป็นยังไงบ้างลูกกับข้าวถูกปากหรือเปล่า” แม่ชวนกรคุย ระหว่างที่ผมคุยกับพ่อ

“อร่อยมากเลยครับ” พอตอบแบบนี้แม่ผมเลยยิ้มซะหน้าบาน

“ถ้าแม่ถามแบบนี้แสดงว่าทำกับข้าวเอง ดีนะชมว่าอร่อย ไม่งั้นมีงอน” ผมพูด ถ้าพ่อกับแม่อยู่กันสองคนส่วนใหญ่จะให้แม่ครัวทำให้ นอกจากเวลาที่ผมกลับมาบ้านแม่จะเป็นคนทำกับข้าวเอง ก็กินกันง่ายๆ ไม่ได้ทำอะไรยุ่งยากมากมาย อย่างวันนี้ก็มี แกงเลียงกุ้งสด ผัดผักรวม ทอดมันกุ้ง แล้วก็น้ำพริกปลาทูของโปรดผม

“นี่ขนาดทำมั่วๆ นะ” แม่ผมพูด กรก็ยิ้มๆ ให้ ไม่ค่อยจะคุยเลยแม่ผม มีเชิ่ดใส่ผมอีก แม่ผมก็เป็นแบบนี้แหละ เหมือนจะดูนิ่งๆ ดุๆ แต่เอาเข้าจริงเฮฮามาก จนผมเคยออกปากแซวขำๆ ว่ามีแม่ติ๊งต๊อง แต่แม่ก็ไม่ได้อะไรนะ เพราะคุยเล่นกันเฉยๆ         

“อร่อยก็กินเยอะๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจ กรจะเติมข้าวอีกไหม” แม่ยังพูดต่อ

“พอแล้วครับ” กรตอบ

“เดี๋ยวแม่มีผลไม้อีก แม่ปลอกส้มเช้งไว้ให้”
.
.
.
พอกินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็ย้ายกลับมานั่งในห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม แต่คราวนี้ผมย้ายลงมานั่งกับพื้นหน้าโซฟาตัวเดิมที่นั่งตอนแรก ส่วนพ่อ แม่ แล้วก็กรนั่งลงที่เดิม สักพักก็มีคนยกจานใส่ส้มเช้งแช่เย็นมาให้

“กินเลยลูก กินเยอะๆ นะ” แม่ผมพูด ผมก็หันไปมองหน้ากร เหมือนชวนให้กินได้แล้ว

“อืม หวานดี” ผมพูด หลังจากกลืนส้มลงไปแล้ว

“นี่ เจ้ากันต์นะ กินผลไม้อยู่ไม่กี่อย่างหรอก ไอ้นู่นก็กินไม่เป็น ไอ้นี่ก็ไม่ชอบ บางอย่างก็ว่าเปรี้ยวไป ถ้าเป็นมะละกอ น้อยหน่าก็บอกว่าเละ แม้แต่น้ำมะพร้าวยังไม่กินเลย จะกินก็แต่ส้ม” แม่เริ่มบ่นเรื่องที่ผมไม่ค่อยชอบกินผลไม้ให้อีกคนฟัง

“ไม่กินน้ำมะพร้าวด้วยหรอ” กรถาม แล้วไม่กินน้ำมะพร้าวนี่มันแปลกตรงไหน

“มันเหมือนมีรสเปรี้ยว ๆ แปลก ๆ บอกไม่ถูก ก็เลยไม่กิน” ผมตอบ

“ไม่น่าล่ะ” กรพูดแล้วก็ทำหน้ายิ้ม ๆ

“ไม่น่าอะไร” ผมถาม

“ไม่น่า ไม่เคยเห็นซื้อผลไม้มากิน” กรก้มลงมามองหน้าผมที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้น แล้วพูด 

“นั่นแหละ รายนี้ยิ่งโตยิ่งกินยาก เล็ก ๆ กันต์ไม่เลือกกินขนาดนี้นะ” แม่ผมพูด ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมโดนแม่บ่นบ่อยมาก

“ไม่ต้องมองหน้าแม่เลยแม่พูดเรื่องจริง”

“หึหึ” กรหัวเราะเบา ๆ ผมเลยหันหน้าไปมองเขา แล้วทำหน้าดุใส่นิดหน่อย เขาเลยหยุดหัวเราะ รายนี้ก็เหมือนกันชอบซื้อผลไม้เข้าบ้าน ก็บอกแล้วว่าไม่กินๆ

ผมว่านี่ก็เป็นข้อดีของที่บ้านผมนะคือ จะไม่เคยถามอะไรซอกแซกเวลาผมพาใครมาที่บ้าน อย่างพวกเพื่อน ๆ ผมสามคนก็เหมือนกัน  แม่ก็จะไม่เคยถามว่าแต่ละคนทำอะไรที่ไหน ลูกเต้าเหล่าใคร นอกจากนานๆ เข้าแล้วสนิทกันมากขึ้น ก็รู้จักกันมากขึ้นไปเอง เวลาที่ผมพาใครมาบ้านพ่อกับแม่ก็จะสรุปเลยว่าเป็นเพื่อนผม ไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก แล้วให้ความเป็นกันเองเหมือนกันหมด จะเรียกว่าเขาเคารพการตัดสินใจของผมก็ได้ คงเชื่อว่าผมเลือกคบคนได้ดีในระดับหนึ่ง เลยทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้นที่จะพากรมาที่บ้าน

“กันต์แล้วบ้านไปถึงไหนแล้ว พ่อว่าจะถามก็ลืม” พ่อผมพูดขึ้นมาบ้างหลังจากนั่งเงียบ ดูหนังสือกอล์ฟอยู่นาน พ่อผมนี่ถ้าสนใจกับอะไรอยู่ละก็จะเงียบหายไปแบบนี้ ยิ่งเรื่องกอล์ฟด้วยแล้ว บางทีแม่เรียกแล้วไม่ได้ยิน จนถูกงอนเข้าให้ก็มี

“ข้างนอกเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่ทาสีในบ้าน แล้วก็ซื้อของเข้าไป” ผมหันไปตอบพ่อ แล้วหยิบส้อมจิ้มส้มในจานตรงหน้าเข้าปาก

“พ่อกับแม่อยากได้โซฟาแบบไหน หรือจะไปเลือกเอง” ผมถาม เผื่อว่างๆ ผมจะได้ไปเดินดู

“กันต์ก็เลือกเอาเลย แม่ตามใจ อยากได้แบบไหนก็ทำไปเลย” แม่ตอบ ก่อนจะหันไปเรียกพ่อให้ขึ้นบ้าน

“แล้วกรต้องขับรถกลับอีกหรือเปล่าลูก” แม่หันไปถามกร

“เดี๋ยวค้างที่นี่แหละแม่” ผมตอบแทน

“ดีแล้วลูก ขับรถดึก ๆ อันตราย เดี๋ยวแม่ขึ้นบ้านก่อนนะ กรก็ตามสบายนะลูก”

“ครับ ขอบคุณครับ” กรพูด



“บอกแล้วว่าไม่มีอะไร” ผมพูด เมื่อพ่อกับแม่เดินออกไปแล้ว

“ใครจะไปรู้ล่ะ เล่นพามาไม่บอกล่วงหน้าแบบนี้อ่ะ อยู่ดี ๆ จะมาก็มา ว่าแต่นึกท่าไหนถึงพากรมาบ้าน” เขาถามผม ส่วนผมก็ขยับตัว ลุกขึ้นจากพื้นมานั่งเอนหลังพิงโซฟาแทน ก่อนจะหันไปตอบเขา

“ก็อยากพามาให้รู้จักไว้บ้าง ดีกว่ารอให้มีคนมาพูดหรือถามแม่พี่ว่า เห็นพี่ไปเดินหรือไปไหนมาไหนกับใครบ่อยๆ แล้วถ้าแม่มาถามพี่ พี่ก็ไม่อยากอธิบายอะไรมาก พามาให้รู้จักซะ จะได้พูดไปเลยว่า ก็ไปกับกร กรก็น่าจะรู้ว่าสังคมเราสมัยนี้มันเป็นยังไง” ผมพูดให้เขาฟัง

“กร อึดอัดหรือเปล่า” ผมถามเขา เขาเองก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ป่ะ ขึ้นบ้านกันดีกว่า” ผมเรียกเขาขึ้นบ้าน

“อืม”
.
.
.

“พี่ออกแบบห้องนี้เองหรือเปล่า” กรถามเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว

“อืม ทำใหม่ตอนที่เรียนจบ”

“แล้วจะอาบน้ำอีกไหม” ผมถาม แล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืด และกางเกงใส่นอนออกมาอย่างละสองตัว

“อาบดีกว่า แต่อาบด้วยกันนะ” เขาตอบ แล้วเดินมาซ้อนหลังผมไว้ ผมมองสายตาเขาผ่านกระจกบานใหญ่ของตู้เสื้อผ้าถึงเห็นว่าคนด้านหลังกำลังทำตาวิบวับขนาดไหน “เหอะๆ รู้หรอกว่าจะทำอะไร” ผมคิดในใจ

ถ้ารู้แบบนี้แล้วผมจะยอมไหมนะหรอ ตอบเลยว่า “ก็ยอม”



“อืม ป่ะ” ผมตอบ

---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-08-2010 22:21:55
ก็ยอม...  ก็ยอมหมดแล้วทั้งใจนี่นะ  จะเล่นตัวไปไย  อิ อิ อิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 26-08-2010 22:22:19
:o8: ยอมให้อาบน้ำให้ด้วยอะ อิอิ

พี่กันต์พาน้องกรเข้าบ้านแล้ววว....
คุณพ่อคุณแม่ก็ใจดี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าเนอะ แอบระแวงอยู่เลย >.<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 26-08-2010 22:24:11
น่ารัก สองคนนี้น่ารักตลอด ปลื้มมมมมมมมมมมมมมมมม


ก็รักนี่นา รักมากขนาดนี้ แล้วมีหรือคำตอบจะเป็น...... "ไม่ยอม" :m1:

มีความสุขมากเลยค่ะน้องกวาง ขอบคุณนะคะ ^o^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 26-08-2010 22:56:14
น่ารัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 27-08-2010 00:47:30
กันต์กับกร น่ารักตลอด  :-[

พ่อแม่กันต์ดูใจดีเนาะ
แต่เหมือนยังไม่ได้บอกพ่อแม่นี่นะ ว่า กรเป็นแฟนกันต์
หวังว่าจะไม่มีเอฟเฟกต์อะไรมาให้คนอ่านปวดตับไตนะคะ  :m13:



 :กอด1: ให้กำลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 27-08-2010 00:49:54
สวีททททท อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 27-08-2010 00:56:48
ครอบครัวดูอบอุนดีจัง กรมีแอบเกร็งๆด้วย
อิอิ น่ารักจัง แต่ทำไมอะไรๆก็ดูจังดีไปซะหมด
อ๊ากกกกกกก แอบระแวง :a5:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 27-08-2010 02:49:53
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 27-08-2010 06:56:47
เมื่ออะไร ๆ มันผ่านไปได้ระดับหนึ่ง
การเปิดตัว ว่าที่ ลูกเขย ของบ้านอย่างไม่เป็นทางการก็เริ่มขึ้น
ไม่รู้ว่าทั้งคู่ จะเจอกับมรสุมอะไรอีกบ้าง มาลุ้นกันต่อครับ
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 27-08-2010 07:21:46
พี่กันต์เนี่ย
ใจง่ายจังนะ
แต่อย่าไปใจง่ายกับใครที่ไหนล่ะ
เข้าใจไหม  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 27-08-2010 07:24:16
มารายงานตัวกับพ่อตาแม่ยายแล้ว  หวังว่าทางเดินต่อไปคงราบรื่นซะที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 27-08-2010 09:35:22
ช่ายยยย จะเล่นตัวไปทำไมเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 27-08-2010 10:32:15
น่ารักอ่ะ...อิอิ แค่มองตาเราก็เข้าใจ.... :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 27-08-2010 10:45:33
ดีจังเลย คุณพ่อกับคุณแม่ของกันต์เข้าใจลูกน้อ :กอด1: ชอบมากเลยที่เข้าใจลูก อบอุ่นง่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 27-08-2010 16:27:46
ขอให้หนทางราบรื่นๆตลอดๆไป และถ้ารู้เรื่องแล้วก็ขอให้คุณพ่อคุณแม่เข้าจ้ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 27-08-2010 17:56:45
อย่างไงพี่กันต์ก็ยอมอยู่แล้ววว
คิคิคิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 27-08-2010 19:00:29
อิอิ....น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 27-08-2010 20:15:22
นั่นๆๆๆๆๆ

แอบมีวิบวับอะไรก๊านนนน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 27-08-2010 22:36:31
ยอมเพราะรัก ชิมิล่ะ พี่กันต์  หุหุหุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 28-08-2010 14:47:09
ตามอ่านทีเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลย
เรื่องนี้ดูเรื่อยๆดีนะคะ แบบว่าอุปสรรคมันจะมาเมื่อถึงเวลา
แล้วความรักก็ดูพัฒนาไปเรื่อยๆของมันดีอ่ะ
กันต์กับกรเหมือนเป็นคนเติมเต็มกันและกันเลย
น่ารักดี......
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-08-2010 16:16:55
พาได้แนะนำกับพ่อตาแม่ยายแล้ว
ก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้นแล้วเนาะ
น่ารักจริงๆคู่นี้ กันต์เป็นศรีภรรยาที่ดีได้เลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-08-2010 17:32:53
พี่กันต์ฉลาดดีแฮะ แถมยังรู้ใจกรด้วยนะนั่น  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 28-08-2010 18:59:55
เพราะ "รัก" จึง "ยอม" ใช่ไหมคะ  :m12:
พี่กันต์เป็นแม่บ้านแม่เรือนขึ้นมาแล้วสิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 29-08-2010 00:58:06
เค้าจะน่ารักกันไปไหนเนี่ย

ตอนนี้หลงรักพี่กันต์มากมาย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: aim ที่ 29-08-2010 13:58:06
ตามทันแล้ว เรื่องนี้น่ารักมาก ๆ เลยนะ
เหมือนกับว่าทั้งคู่ตามหาปีกแห่งความรักอีกข้างของตัวเองเจอเนอะ
ยังไงก็รักกันมาก ๆ ให้ความเข้าใจกันมาก ๆ อย่าให้อารมณ์เสียมาอยู่เหนือความรัก

รักกันมาก ๆ นะพี่กันต์ กับน้องกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 29-08-2010 20:40:27
 :impress2:

แหม พี่กันต์ก็... แค่มองตาก็รู้ใจแล้วเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 30-08-2010 21:40:29
น่ารักอ่ะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้าบ้าน p.22 (up 26-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 30-08-2010 22:59:47
ตอนที่ 32 บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2]

“หันหลังมาก่อน” ผมส่งเสียงดุคนที่นั่งซ้อนหลังผมอยู่ในอ่างอาบน้ำ แล้วก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตานัวเนียอยู่กับตัวผม จนไม่เป็นอันได้อาบน้ำ ว่าจะขัดหลังให้ก็ทำไม่ได้ รู้ว่าจะทำอะไร แต่อาบน้ำให้มันเสร็จก่อนไม่ได้หรือไง

“ไม่เอา เสร็จแล้วค่อยอาบ จะได้ไม่ต้องอาบหลายรอบไง” ฟังเขาพูดเข้า ไอ้หื่น !!!

“อื้อ” ผมครางออกมา เมื่อถูกคนที่พูดอะไรไม่เคยจะฟังขบเม้มติ่งหูเล่น ก่อนที่ผมจะพยายามเบี่ยงหลบ
  
“เสร็จแล้ว ก็อาบให้ไม่ไหว” ผมหันหน้าไปพูดกับเขา บอกกันตรงๆ นั่นแหละ เพราะมันเรื่องจริง ถ้าไม่มีอะไรกันนานๆ ทีไร พอมีทีผมก็เป็นอันหมดแรง แทบจะสลบ บางทีหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไปรู้ตัวอีกทีก็เช้า แม้แต่จะทำความสะอาดตัวเองยังไม่ไหว ยังดีที่ได้เขาคอยทำให้

“ไม่ต้องก็ได้ ให้กรทำให้ทีหลังดีกว่านะ” เขาพูด แล้วแย่งฟองน้ำที่ผมถือไว้ในมือมาสักพักแล้ว ขึ้นไปวางไว้ขอบอ่าง “เออ จะเอาให้ได้ตอนนี้ว่างั้น” ผมคิดในใจ แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย





“อื้อ...... อืม......” ผมปล่อยเสียงครางให้หลุดรอดออกมา เมื่อถูกคนข้างหลังใช้มือข้างหนึ่งจับประคองใบหน้าของผมให้หันไปรับริมฝีปากนุ่มของเจ้าตัวที่กดลงมาเบาๆ บนริมฝีปากของผม ก่อนจะถอนออกแล้วประกบลงมาอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ ละเลียดเล็มไปตามริมฝีปากของผม แล้วขบเม้มลงเบาๆ ที่ริมฝีปากล่าง จนผมได้แต่ครางฮือกับการยั่วหยอกของเขา

แต่มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่า ทำอะไรกันในอ่างอาบน้ำเนี่ยมันลำบากใช่เล่น พื้นอ่างมันลื่นจนตัวผมแทบจะไถลลงไปกับพื้นอ่าง เลยต้องเอามือคอยเกาะบ่าของอีกคนเพื่อพยุงตัวไว้ แล้วก็ได้แขนข้างที่ว่างอยู่ของเจ้าของบ่าที่ผมกำลังเกาะไว้ มารวบตัวเพื่อช่วยประคองผมไว้ด้วยเช่นกัน

“กร เดี๋ยว... ยะ... หยุดก่อน” ผมส่งเสียงประท้วงเมื่อความรู้สึกบางอย่างมันแล่นเข้ามา ก่อนที่ผมจะเบือนหน้าหนีจากริมฝีปากนุ่มที่กำลังไล่ต้อนผม สองมือที่จับอยู่บนบ่าของคนตรงหน้าถูกคลายออก แล้วเปลี่ยนมาผลักออกไปด้วยแรงที่ไม่มากนัก แต่มันก็ทำให้มีช่องว่างระหว่างเราสองคน ผมหอบหายใจแรงกว่าปกติ และผมไม่กล้าคิดถึงเหตุผลเลยว่าทำไมผมถึงพูด และทำอะไรแบบนั้นออกไป รู้ตัวอีกทีผมก็ทำลงไปแล้ว

“เป็นอะไรไป หืม...” กรยกมือขึ้นมาลูบแก้มข้างหนึ่งของผมเบาๆ จนผมเริ่มหายใจเป็นปกติอีกครั้ง ผมจึงหันหน้ากลับไปทางเดิม และเอนหลังไปพิงกับแผ่นอกของคนด้านหลัง ก่อนจะคว้าแขนของคนที่ผมพิงไว้ให้มาโอบรอบตัวผม

“เปล่า ๆ” ผมตอบ และใช้เวลาอยู่นิ่งๆ สักพัก แล้วค่อยพลิกตัวหันไปหาคนด้านหลังที่คอยมองผมอยู่แล้ว ผมขยับตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักของเขา แล้วยกมือขึ้นไปลูบแก้มของเขาบ้างเหมือนที่เขาทำกับผมเมื่อกี้ เจ้าของใบหน้าได้แต่ปล่อยให้ผมทำตามใจตัวเองกับการลูบเบาๆ บนใบหน้าของเขา แล้วเปลี่ยนเป็นการไล่นิ้วชี้ขยับลากเรื่อยลงมาจากสันจมูกจนถึงปลาย และมาหยุดที่ริมฝีปากที่จูบผมเมื่อกี้ เมื่อผมหยุดมือค้างไว้ เขาถึงยกมือขึ้นมาจับมือผมแล้วเอากลับไปนาบไว้ที่ข้างแก้มของเขาอย่างเดิม และใช้มือของเขาที่ใหญ่กว่ามือของผมมาทาบทับมือผมไว้อีกที

“บอกรักหน่อยสิ” ผมขอให้คนตรงหน้าบอกรักผม ในขณะที่สายตาของผมกำลังจับจ้องไปที่เขา ผมอยากสบตาเขา อยากเห็นสายตา อยากเห็นสีหน้า และแววตา ขณะที่เขากำลังเอื้อนเอ่ยคำที่ผมอยากฟังที่สุดในเวลานี้



“กรรักกันต์นะ รัก... รักที่สุด”



“รักนะ รู้ไหม... รักมาก...”
ผมบอกเขาไปเช่นกัน  



“ครับ” เขาตอบ


“มากรอาบน้ำให้ แล้วจะได้เข้านอนนะ” เขาพูดแล้วยกมือขึ้นเพื่อจะหยิบฟองน้ำที่อยู่บนขอบอ่าง ที่เขาเป็นคนเอาออกจากมือผมไปตอนแรก แต่ผมคว้ามือเขาไว้ได้ก่อน แล้วจับมือนั้นให้มาโอบหลังผมไว้แทน



“ต่อจากเมื่อกี้เถอะ” ผมพูด

“ไม่เป็น ระ ...อืม...” แล้วก็เป็นผมที่ใช้ริมฝีปากของตัวเองปิดปากเขาไว้ ก่อนที่เขาจะทันได้พูดออกมาจนจบประโยค “แค่รู้ว่ามีคนที่รักผมอยู่ตรงนี้ ก็คงไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัวอีก”






มาถึงตอนนี้ แม้จะผ่านรอบแรกไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าอีกคนจะยอมให้อุณหภูมิในร่างกายของผมที่พุ่งขึ้น ลดต่ำลงได้โดยง่าย แม้แต่อาการหอบหายใจเพื่อพยายามนำอากาศเข้าปอดของผม เขาก็ยังไม่ยอมให้มันกลับคืนสู่ภาวะปกติ ผิวกายที่ถูกแช่อยู่ในน้ำนานสองนานไม่ได้ถูกทำให้เย็นไปตามอุณหภูมิของน้ำที่ลดต่ำลงเลย

ร่างเปลือยเปล่าของผมที่ถูกเช็ดให้แห้งอย่างลวกๆ เพื่อกันไม่ให้ที่นอนเปียกชื้นจนไม่สามารถนอนได้ในคืนนี้ ร่างที่ทอดอยู่บนที่นอนกำลังถูกปลุกเร้าอีกครั้งหลังจากการพักในช่วงสั้น ๆ เพียงไม่กี่นาที  เมื่อลิ้นร้อนของอีกคนกำลังลากไล้ผ่านจากสะดือ ลงมาถึงท้องน้อย ก่อนจะถูกขบกัดเบาๆ จนผมอยากจะถดตัวหนีจากฟันคมนั้น แต่ก็ถูกอุ้งมือใหญ่มาคว้าสะโพก และจับยึดไว้ได้ก่อน ผมเลยหมดโอกาสที่จะถอยหนีจากการรุกรานนั้น


“อื้อ...... อา.......” เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้น เมื่อส่วนสำคัญถูกโอบล้อมเอาไว้ด้วยโพรงปากอุ่นของคนด้านบน สองมือของผมได้แต่จิก และดึงรั้งผ้าปูที่นอนเอาไว้เพื่อช่วยระบายความเสียวซ่านจากสัมผัสที่ถูกมอบให้ด้วยความเต็มใจ

“พอ... พอ แล้ว... มะ ไม่ ไหว แล้ว” ผมส่งเสียงออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น เพื่อจะบอกเจ้าของสัมผัสที่กำลังมอบให้ผมอยู่รับรู้ว่าผมกำลังจะถึงที่สุดแล้ว และกำลังจะกลั้นมันไว้ไม่ไหว แต่คนที่มอบความเสียวซ่านให้ไม่ยอมหยุดการกระทำของเขา กลับยิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีก และในที่สุดผมก็ไปถึงฝั่ง


“อะ อึก...... อา......” ผมปล่อยเสียงครางยาวออกมาเมื่อถูกชักพาไปถึงฝั่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคืนนี้สำหรับผมจะยังอีกยาวไกลนัก



“ฮือ... เบา ๆ” ผมส่งเสียงประท้วงเมื่ออีกคนพาตัวเองเข้ามาหาสัมผัสอุ่นร้อนภายในกายของผมบ้าง เพื่อจะพาตัวเองไปยังจุดหมายเดียวกันกับที่เขาเพิ่งพาผมไปถึงเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้

“เจ็บหรอ” คำถามถูกส่งกลับมา พร้อมกับที่ร่างกายของคนด้านบนหยุดการเคลื่อนไหว

“ไม่มาก แต่เบา ๆ ก่อน” ผมตอบ มันเจ็บ แต่ไม่มาก คงเพราะอยู่ในน้ำเมื่อกี้เลยโดนเสียดสีมากกว่าปกติ

“ไม่เป็นไร ทำต่อเถอะ” ผมพูดอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมขยับตัว ทั้งๆ ที่เขาเองก็กำลังทรมานกับความต้องการของตัวเอง และผมเองก็รับรู้ จนผมต้องเป็นฝ่ายยกมือขึ้นไปรั้งท้ายทอยให้เขาก้มลงมาประกบจูบกับผม แล้วผมก็เป็นฝ่ายแอ่นสะโพกเข้าหาอีกคนแทนเป็นการปลุกเร้าให้อีกคนทำสิ่งที่ค้างเอาไว้ต่อ  


“อ้า... อื้อ... อึก” เสียงครางของเราสองคนดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับการเคลื่อนไหวที่กำลังดำเนินต่อไปอีกครั้ง สัมผัสที่เชื่องช้า เนิบนาบ แต่ในขณะเดียวกันมันก็หนักแน่น เหมือนเป็นการย้ำให้เรารู้ตัวว่า กำลังอยู่ด้วยกันตอนนี้

.
.
.

และก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่รู้ตัวว่า ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่





......................................................................

 
  
“พี่กันต์” เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างๆ หูผม จากนั้นผมก็รู้สึกว่าถูกช้อนตัวให้ไปอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เรียกผมเมื่อกี้

“กี่โมงแล้ว” ผมถามทั้งที่ยังหลับตา แต่ก็ขยับตัวขึ้นมา เพื่อเอนหลังพิงคนที่กอดผมไว้หลวมๆ ให้สบายมากขึ้น

“แปดโมงครึ่งแล้ว” เขาตอบ ผมลืมตา และกระพริบอยู่สองสามครั้ง แล้วหันไปมองหน้าเขา

“อื้อ วันนี้อยากไปไหนหรือเปล่า” ผมถาม
 
“ไม่รู้สิ แล้วพี่อยากไปไหน”

“ไม่ต้องทำคิ้วขมวดขนาดนั้นก็ได้” เขาพูด จริงๆ ผมไม่ได้คิ้วขมวด เพราะคิดไม่ออกว่าจะไปไหนหรอก แต่เพราะเรื่องอื่นมากกว่า

“เมื่อวานไม่ได้เรียกพี่แบบนี้” ผมพูด แล้วนึกไปถึงตอนที่ผมขอให้เขาพูดว่ารักผม

“หืม...” คนที่นั่งซ้อนหลังผมอยู่ทำหน้าสงสัย

“เรียกชื่อ” ผมพูดสั้น ๆ

“กันต์” เขาเรียกชื่อผม ผมว่า ผมชอบให้เขาเรียกแบบนี้มากกว่า

“เรียกเวลาอยู่กันสองคน” ผมพูด

“ครับ แล้วตกลงว่าอยากไปไหน”

“กลับบ้าน”

“ครับ กลับบ้าน” เขารับคำ ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผม    
 

------------------------------------------------------------




เหมือนจะสั้นรึเปล่า แต่กลัวรอนาน เอามาลงก่อนแล้วกันเนอะ >_<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 30-08-2010 23:29:52
ถึงจะสั้นไปนีสสแต่ถ้ามาแบบนี้รักตายเลย :o8:
ฝันดีจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 30-08-2010 23:47:00
คิดเหมือนรีบนเลยค่ะ  :-[
รักคุณกวาง  :กอด1:
รักกรกับกันต์ด้วย (เค้าไม่เรียกพี่เรียกน้องกันแล้วนี่นา อิอิ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 30-08-2010 23:49:37
รักกรกับกันต์ด้วย น่ารักเนอะ  :m1:
ยิ่งอ่านยิ่งปลื้มค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 31-08-2010 00:06:45
น่ารักง่ะเรื่องร้ายมันผ่านไปแล้วนะ รักกัน รักกันต์รักกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 31-08-2010 00:22:23
เรื่องร้ายๆมันผ่านไปแล้ว

ความสงบสุขกลับคืนสู่ชาวเราอีกครั้ง  เย้่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 31-08-2010 00:25:23
หวานเฉียบ  :-[

สั้นนิดๆ แต่ให้อภัยได้ เขินสติแตกไปเรียบร้อยแล้ว น่ารักโคตร :-[



 :กอด1: รอครึ่งหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 31-08-2010 00:51:32
ได้เวลาหวานๆบ้างแล้วสิเนอะ... :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 31-08-2010 00:55:23
น่ารักอีกแล้ว ให้เรียกชื่อเฉยๆด้วย
กันต์บอกรักแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 31-08-2010 03:49:48
เฮ้อหวานจนน่าอิจฉา. :man1: :man1:
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 31-08-2010 06:45:23
พี่กันต์
มีกรอยู่ทั้งคน
อย่าไปคิดเรื่องอะไรที่ผ่านมาเลยนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 31-08-2010 09:32:10
รักเธอไม่มีวันหยุด  :m1:  :m1:  :m1:  :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-08-2010 10:18:44
กรน่ารักนะ  ดูแลและใส่ใจทุกความรู้สึก
ตอนนี้หวานดีจริง ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 31-08-2010 11:59:19
ชอบจัง หวานกันจริง ๆ เล้ย ปลื้ม ^_^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-08-2010 17:28:48
รู้สึกว่า บางครั้งพี่กันต์แกก็พูดจาสั้นๆ ห้วนๆ ไปหน่อยนะเนี่ย  :try2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-08-2010 17:42:18
บอกรัก บอกกันกี่ครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ
ยิ่งเวลาที่ต้องการความมั่นใจที่สุด คำว่ารักจากปากคนรักนี่แหละ มันชาร์จพลังดีนัก

หวานนนนนนน ค่อยมีความสุขหน่อยค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 31-08-2010 17:55:06
ขอให้รักกันหวานๆและมั่นคงแบบนี้ตลอดไปล่ะกันจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 31-08-2010 18:13:38
ว้ายยย
เขิลอ่า
เรียก กันต์ เฉยๆ กันด้วย
อ๋อยยย หวานซะ
ชอบมากเลยค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 31-08-2010 18:22:14
หวานแบบไม่ต้องพึ่งกลูโคส  :m3:
เขาบอกรักกันแล้ว อิอิ
รักเธอไม่มีวันหยุด  :m1:

ก็มันหยุดรักเธอไม่ไหว ไม่สนว่าเธอเป็นใครในเมื่อใจฉันรักเธอ~
น้องมาต่อเพลงสื่อความนัยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 31-08-2010 18:31:44
หวานกันจริงๆๆ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 31-08-2010 19:47:46
อ่านแล้ว อบอุ่นจัง ระหว่าง กันต์กับกร
ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 01-09-2010 00:07:01
โอ้ย!! มดกัดอ่ะ จะหวานกันไปไหนคะคู่นี้ <<แซวเล่นน้า

ชอบจัง น่ารัก และดูอบอุ่นแบบนี้  :m17:

ถึงจะมาสั้นๆ แต่ความหวานเต็มเปี่ยม
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 01-09-2010 01:53:40
 :L2: :L2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 01-09-2010 21:43:29
 :m25:

คู่นี้เค้ารักกันมากขึ้นทุกวันเลยน้า

อิจฉาจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [1/2] p.23 (up 30-08-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 02-09-2010 21:55:02
ตอนที่ 32 บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2]

“ลุกไหวหรือเปล่า” ผมถามคนที่ยังคงนอนพิงผมอยู่

“ไหว แต่มันง่วงขอนอนอีกแป๊บนึง” เขาตอบผม แล้วทำท่าจะหลับตาลงอีกครั้ง ผมก็รู้นะว่า จะไม่ให้ง่วงได้ยังไงไหว เพราะกว่าที่ผมจะปล่อยให้เข้าได้นอนก็เกือบๆ ฟ้าสางแล้ว

“ไหนว่าจะกลับบ้านไง เดี๋ยวค่อยกลับไปนอนต่อนะ” ผมพูด และพยายามดันตัวของคนที่กำลังจะหลับไปจริงๆ ให้ลุกขึ้นนั่ง ใช่ว่าผมจะแกล้งคนที่กำลังง่วงนอนนะ แต่นี่มันก็จะเก้าโมงแล้ว คือมันยังไงล่ะ ที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านผมเอง จะให้มาตื่นเอาเกือบเที่ยงเหมือนอยู่บ้านตัวเองคงดูไม่ดีมั้ง เลยต้องปลุกลูกชายเจ้าของบ้านให้ตื่นขึ้นมาอยู่ด้วยกันซะดี ๆ แล้วตอนนี้ลูกชายเจ้าของบ้านก็ยอมลุกขึ้นนั่งแล้ว แต่ยังไม่ยอมลงจากเตียง

“อืม... ช่วยหน่อย” คนที่นั่งอยู่ส่งเสียงบอก ผมเลยลุกออกจากเตียงแล้วลงมายืนข้างๆ แทน ก่อนจะยื่นมือลงไปคว้าต้นแขนของคนที่นั่งอยู่ขึ้นมา แล้วออกแรงดึงให้ลุกตามขึ้นมา ถ้าเขาบอกแบบนี้เมื่อไหร่นั่นแปลว่า แค่ช่วยพยุงเขาขึ้นมาแค่นั้น แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ เขาถึงจะขอให้ผมอุ้มไปส่งห้องน้ำเลย จริงๆ ให้อุ้มตลอดก็ได้นะ ไม่ว่าตอนไหน ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว แต่ถ้าให้อุ้มเพราะสาเหตุที่ผมทำให้เขาเจ็บตัวนี่ก็ไม่อยากให้มีบ่อย มันเหมือนกับว่าผมเป็นคนทำเขาเจ็บ เขาเองก็ไม่เคยออกปากว่าอะไรผมนะ แต่ผมเห็นเขาแล้วสงสารมากกว่า แต่ก็นะ เขานั่นแหละที่น่ารักเกินไป เลยมีบ้างที่ผมยั้งตัวเองไม่ค่อยอยู่  


................................................................

“ทิพย์ พ่อกับแม่ล่ะ” คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมเอ่ยถามพี่แม่บ้านที่กำลังยกจานข้าวผัดทะเลมาให้เราสองคน

“ไปออกรอบกันตั้งแต่หกโมงแล้วค่ะ”

“อ้าว หรอ”  

“ตอนเที่ยงคุณกันต์จะทานอะไรคะ” พี่ที่ชื่อทิพย์ถาม

“ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวสายๆ ก็กลับแล้ว”

“ค่ะ” พอรับคำแล้วพี่ทิพย์เดินออกไป เหลือแค่เราสองคน

“อยากกินสปาเก็ตตี้ กลับไปแล้วทำให้หน่อย” คนที่กำลังตักข้าวผัดในจานบอกผม ก่อนที่จะส่งข้าวที่อยู่ในช้อนเข้าปาก นี่แหละวิธีอ้อนของคนที่ทำกับข้าวเก่งกว่าผม เหมือนจะเอาแต่ใจ เหมือนจะสั่ง แต่จริงๆ ไม่ใช่ เพราะด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยมีหรอกที่จะพูดอะไรหวานๆ เลี่ยน แต่การกระทำมันบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไร ทำอะไร ขอให้ผมทำนู่นทำนี่ให้ก็จริง แต่ก็มายืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง เคยแอบเห็นด้วยว่ามองผมไปก็ยิ้ม เคยถามเหมือนกันว่ายิ้มอะไร เขาก็บอกมีคนตั้งใจทำอะไรให้แล้วมันรู้สึกดี เลยพอเข้าใจว่านี่แหละ อ้อนสุดแล้ว  เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้พูดว่า “รัก” ให้ผมได้ยินได้นี่ ผมก็ดีใจแทบตัวลอยแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น ออกจากบ้านแล้วเราแวะซื้อของกันก่อน ของในตู้เย็นเหมือนจะหมดแล้ว” ผมพูดแล้วตักข้าวเข้าปากไปด้วย พอเห็นข้าวผัดหอม ๆ มาอยู่ตรงหน้าแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้น้ำย่อยในกระเพาะมันทำงานดีเข้าไปใหญ่

“อื้ม” คนที่เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ งึมงำรับคำ

“เออ แล้วพ่อกับแม่จะกลับมาเมื่อไหร่” เขาถามผมต่อ หลังจากกลืนข้าวผัดลงไปแล้ว

“อาทิตย์ที่แล้วโทรมาบอกว่าจะกลับมากลางเดือน พ่อแม่กลับมาแล้วกรก็คงไป ๆ มา ๆ นะ แต่ไม่หายไปนานหรอก กลัวมีคนคิดถึง” ผมพูดก่อนที่อีกคนจะทันได้พูดอะไร

“คงไม่มีหรอก” ฟังที่เขาตอบผมสิ แล้วดูเขา พูดเสร็จแล้วยังทำไม่สนใจผมอีก ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อเฉยเลย

“คนไม่คิดถึงไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าเรนกับซูชิ มันคงคิดถึงพ่อมันบ้างแหละ” ผมพูดต่อ ส่วนเจ้าเรนกับซูชิที่ว่านี่ ก็ไม่ได้หมายถึงหมาตัวโตของผมกับเขานะ แต่หมายถึงเจ้าปลาทองตัวยักษ์ที่เราสองคนเพิ่งไปหามาเลี้ยงได้ไม่นานนี้ เราอยากหาอะไรมาเลี้ยงบ้าง แต่ถ้าจะให้เลี้ยงหมาคงไม่สะดวก แล้วก็ดูวุ่นวายไปหน่อย ถึงห้องที่อยู่จะใหญ่พอ ๆ กับบ้านหลังนึงเลยก็เถอะ สุดท้ายก็มาสรุปอยู่ที่ปลาทองตัวใหญ่กว่าฝ่ามือคู่หนึ่ง ก็เลี้ยงในอ่างแก้วใบใหญ่ จริง ๆ ต้องบอกว่าใบใหญ่มากต่างหาก ไม่ได้ใส่ตู้กระจกสี่เหลี่ยมเหมือนที่คนส่วนใหญ่เลี้ยงกัน พอเลี้ยงไปสักพักผมเลยเอาชื่อหมาของเราสองคนมาเรียกมันซะเลย

“กรไม่อยู่กลัวมันจะเฉาตายซะก่อน” ผมพูด ก็เอาปลามาอ้างไปอย่างนั้นแหละ อันที่จริงผมเองนี่แหละจะเฉาซะเอง ส่วนปลาไม่ต้องห่วงหรอก ถึงผมไม่อยู่มันก็มีอาหารกิน เพราะมีเครื่องให้อาหารอัตโนมัติที่ตั้งเวลาเอาไว้ พอถึงเวลาอาหารมันก็ออกมา แล้ววานให้แม่บ้านที่คอยมาทำความสะอาดช่วยดูให้ด้วย

“ก็พากลับบ้านไปด้วยเลยสิ” สุดที่รักผมพูด

“โห ใจคอ จะบอกว่าคิดถึงสักนิดให้พอชื่นใจบ้างก็ไม่มีอ่ะ โกหกก็ยังดี กรไม่อยู่อย่าให้รู้แล้วกันว่าแอบเหงาอ่ะ” ผมพูดขำๆ

“พอๆ พูดไปเรื่อย เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า”

“เป็นแบบนี้แล้วรักไหมล่ะ” ผมถาม

“กร...” นั่นๆ เสียงห้วนมาเลย

“แล้วตกลงว่ารักไหมครับ” ผมถามเสียงเบา พอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เออ รัก” บอกรักเสียงห้วนมาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ดีใจอยู่ดี ใครจะหาว่าผมเพี้ยนก็ตามสบาย ไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอกว่า ทำแบบนี้แล้วมีความสุขมากขนาดไหน  

“รักเหมือนกัน” ผมพูด




...............................................................


“เรียนจบแล้ว จะเข้าไปทำงานเลยหรือเปล่า หรือจะเรียนต่อ” คนที่ยืนหั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับใส่ในซอสสปาเก็ตตี้ถามผม ส่วนผมกำลังตั้งน้ำสำหรับต้มเส้นสปาเก็ตตี้อยู่ จากที่ตอนแรกจะทำเป็นมื้อเที่ยงก็เปลี่ยนมาเป็นมื้อเย็นแทน เพราะกว่าจะออกจากบ้านนู้นก็เกือบสิบเอ็ดโมง ไหนจะไปเดินซื้อของกันอีก กลับมาถึงนี่ก็บ่ายสองกว่า แล้วข้าวผัดจากตอนสายก็อยู่ท้องใช่เล่น ตอนบ่ายเราสองคนเลยกินแค่ขนมที่ซื้อมากัน ก่อนอีกคนจะบ่นว่าง่วง เพราะเมื่อคืนนอนไปได้นิดเดียว เลยขอนอนหลับต่อ ส่วนผมก็เอาโปรเจคมานั่งทำ จนห้าโมงนี่แหละถึงได้มาทำมื้อเย็นกัน

“คงเข้าไปดูงานที่บริษัทฯ ก่อนสักปีสองปี แล้วกรก็อยากลองรับงานข้างนอกด้วย เป็นฟรีแลนส์ที่รับเป็นงานๆ ไปเหมือนที่เคยให้ทำอ่ะ ส่วนเรื่องเรียนต่อยังไงก็คงต้องเรียนอยู่แล้ว” ผมตอบ ระหว่างที่กำลังหยิบเส้นสปาเก็ตตี้ใส่ลงในหม้อน้ำเดือด ที่บ้านผมทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ หลักๆ ก็จะส่งผ้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งในประเทศ แล้วก็ต่างประเทศ ซึ่งตรงนี้ผมต้องเข้าไปรับช่วงต่อ ส่วนงานฟรีแลนส์ที่อยากรับมาทำ ก็เพราะอยากลองทำอะไรหลายๆ อย่าง ตั้งใจเรียนมาทั้งทีขอเอามาใช้ให้คุ้มหน่อย  สุดท้ายเรื่องเรียนต่อ ก็ไม่น่าจะพ้นพวกบริหารละมั้ง

“หยิบจานให้กรหน่อย” ผมพูด แล้วปิดไฟที่เตาเมื่อต้มเส้นสปาเก็ตตี้จนได้เวลาแล้ว คนข้างๆ ก็เปิดลิ้นชักข้างตัวหยิบจานใบใหญ่สองใบออกมา แล้วส่งให้ผมทีละใบ พอผมคีบเส้นมาใส่ลงไปในจานเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งกลับไป

“แป๊บนึงนะ” ผมพูด เมื่อได้ยินเสียงจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่ที่โต๊ะกินข้าว

.
.
.

“ครับ แม่” ผมรับสาย พอมองเข้าไปในครัวก็เห็น อีกคนกำลังจัดการกับหม้อที่ใช้ต้มเส้นสปาเก็ตตี้เมื่อกี้

“ให้กรไปรับไหม”

“ครับ”

“คิดถึงเหมือนกันครับ”

“แล้วเจอกันครับ”

“บาย”

ผมใช้เวลาคุยกับแม่ไม่ถึงสามนาที ก็วางสายแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง แล้วหยิบกระทะที่เก็บอยู่ในลิ้นชักออกมาตั้งบนเตา

“แม่โทรมาบอกว่าจะกลับมาอาทิตย์หน้า” ผมพูด เมื่อกี้แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าจะเลื่อนกำหนดกลับเร็วขึ้น เพราะงานทางนู้นเรียบร้อยแล้ว

“อ้าว ไหนว่าอีกสองอาทิตย์”

“พอดีงานเสร็จแล้ว แล้วก็จะรีบกลับมาดูเรื่องจะขยายโรงงานใหม่ด้วย”

“สร้างที่ใหม่หรือว่าต่อเติมที่เดิม”

“สร้างใหม่เลย” ผมตอบ ระหว่างที่ทำซอสสปาเก็ตตี้ไปด้วย

ก็ทำไปคุยไปใช้เวลาไม่นานนักซอสสปาเก็ตตี้ก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมตักเสิร์ฟ
ให้ที่รักของผม

----------------------------------------------------------      

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 02-09-2010 22:15:13
หวานแหวว น่ารักจังคู่นี้ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 02-09-2010 22:23:08
มดกัดเต็มตัวเลยค่ะ :a5: :a5:
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-09-2010 22:37:32
 :กอด1: ชอบอ่าน part ของกร  น่ารักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 02-09-2010 22:49:48
ที่รักของผม กรน่ารักเนอะ ชอบคู่นี้ตรงที่พูดตรงดี และดูเข้าใจกันมากด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-09-2010 22:54:41
อยากจะกินสปาเก็ตตี้มั่งจังเลย 555 +1ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 03-09-2010 01:03:57
ชอบกร โรแมนติค ชัดเจนดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 03-09-2010 01:25:01
หวานมากกกกกกกกกกกกกก  :-[

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 03-09-2010 01:25:26
น่ารักตลอดอ่ะคู่นี้ :-[
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกดีอ่ะค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 03-09-2010 02:23:19
ดูเป็นคู่ที่ไม่หวือหวาแต่น่ารักชะมัด ^^
รู้สึกว่าแบบถึงจะไม่ค่อยแสดงออกมามากมาย แต่ก็รู้ว่ารักกันอะค่ะ ชอบจัง  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 03-09-2010 07:59:35
เลียนแบบน้องพาร์ก่อน
"ไม่หวือหวา แต่น่ารักชะมัด" มันใช่เลยค่ะสำหรับคู่นี้


คุณแม่กลับมา หวังว่าจะไม่พามาม่าชามโตกลับมาด้วยนะคะ หงิงๆ
(อ่านเรื่องนี้แล้วมักกังวลล่วงหน้าวุ้ย)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 03-09-2010 10:18:41
อนาคตจะไหวมั้ยเนี้ย ดูงานยุ่งทั้งคู่เลยอ่ะ
เอาใจช่วยเน้อส์  :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 03-09-2010 11:09:46
แหมพี่กันต์อ่ะ จะหวานมั่งก็ไม่ได้นิ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-09-2010 18:15:39
 :-[ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-09-2010 23:39:59
คู่นี้น่ารักได้เรื่อยๆตลอดเวลาสิน่า  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 04-09-2010 06:33:45
กร
น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย
ผู้ชายอะไร เพรียบพร้อมจริงๆเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 04-09-2010 14:39:44
น่ารักสม่ำเสมอที่สุด
กรเอาใจใส่กันต์สุด
อ่านแล้วยิ้มได้ตลอดเรื่องนี้
หวังว่าคุณแม่กลับมาเนี่ย จะไม่หอบเอาพายุมาด้วยนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 04-09-2010 17:47:38
คู่นี้นี่ลงตัวกันพอดีเลยเนอะ
กันต์พูดไม่เก่ง แต่ใช้วิธีแสดงออกแทน
ส่วนกร ช่างพูด ช่างคุย มองเห็น และเข้าใจสิ่งที่กันต์ทำให้เสมอ
เอาใจใส่กันดีจังเลย
:impress2:
ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก
เขาน่ารักกันจังเลยเนอะ อ่านแล้วก็ยิ้ม ^_^

อีกไม่นานคงมีเรื่องให้ลุ้นกันอีกใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกว่ารัก (อีกสักครั้ง) [2/2] p.24 (up 2-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 05-09-2010 21:46:53
ตอนที่ 33 ขอบคุณครับ

ผมออกมาจากคอนโดฯ หลังจากส่งอีกคนไปทำงานได้สักพักแล้ว และแวะกลับเข้าบ้านเพื่อไปเปลี่ยนเอารถอีกคันออกมาแทน แต่เห็นว่ายังพอมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลาที่เครื่องลง เลยเอางานออกมานั่งทำ และกินข้าวกลางวัน ก่อนจะขับไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบิน ที่ต้องเปลี่ยนรถเพราะกลัวว่าจะขนกระเป๋าเดินทางกับสัมภาระของพ่อกับแม่ไม่หมด ไปกันนานขนาดนั้นของคงเยอะเอาเรื่อง

จากบ้านผมไปถึงสนามบินก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง มาถึงก็เกือบจะได้เวลาพอดี ดีที่ผมเผื่อเวลาไว้ค่อนข้างเยอะไม่อย่างนั้นได้ปล่อยให้พ่อกับแม่รอกันบ้าง แล้วก็เห็นพ่อกับแม่เดินออกมา แม่ผมนี่เดินตัวปลิวมาเลย มีแค่กระเป๋าถือสีดำคล้องแขนอยู่ใบเดียว ส่วนพ่อมาพร้อมกับรถเข็นที่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบกับใบเล็กอีกสอง ก่อนจะถูกแม่เดินทิ้งห่างออกมาพอสมควร แม่ไม่ได้ทิ้งพ่อนะ แค่เห็นผมเลยรีบเดินมาหา ตอนแรกเขาก็เดินคู่กันมานั่นล่ะ

“สวัสครับแม่” ผมพูด และยกมือไหว้แม่ ก่อนจะกางแขนออกเพื่อกอดตอบแม่ที่เข้ามาสวมกอดผม บ้านผมกอดกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ น่าจะเป็นมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าของผมเลยมั้ง กับตายายจะไม่ค่อยนะ แต่กับย่านี่จะกอดพ่อแม่ กอดผม ทุกครั้งที่เจอกัน ตั้งแต่ผมยังเด็กจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ยิ่งกับผมย่าจะทั้งกอดทั้งหอม หอมแก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก คาง เรียกว่าครบทั้งหน้า แล้วย่าผมก็ตัวเล็กนิดเดียว จะหอมผมแต่ละที ผมก็ต้องย่อตัวแบบสุดๆ แล้วย่าก็จะเอามือมาจับหน้าหันซ้ายหันขวา ก้มเงย จนหอมทั่วหน้านั่นละ หอมแล้วก็กอดกันอีกที  

“ไหนให้แม่ดูหน้าสิ เอ๊ะ!! แม่ไม่อยู่นี่ทำไมหน้าใสเชียว โปรเจคเสร็จแล้วหรอ” แม่ผมทัก เพราะก่อนหน้าที่แม่จะไปผมดูโทรมๆ ไปหน่อย ช่วงนั้นมีงานต้องส่งหลายชิ้นเลยนอนน้อย แล้วก็ไม่ได้ดูแลตัวเอง แต่ตอนนี้ได้คนดูแลดี หน้าเลยใสกิ๊ก ฮาๆ ก็คนดูแลผมเขาเป็นคนรักสุขภาพ และด้วยความที่เขาต้องพบเจอคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อยๆ ต่อให้งานเยอะก็ไม่เคยปล่อยตัวเองโทรม ผมก็พลอยได้อานิสงค์ไปด้วย แล้วไม่ใช่ว่าแม่ผมดูแลไม่ดีนะ ดีมาก แต่ผมไม่ค่อยสนใจตัวเองเท่าตอนนี้มากกว่า  

“สวัสดีครับ พ่อ” ผมพูด แล้วยกมือไหว้พ่อ

“แล้วตกลงว่าเป็นยังไงบ้างเรื่องโปรเจค ทำไปถึงไหนแล้ว” พ่อถามผมซ้ำ พอถามจบก็ยกมือขึ้นมายีหัวผมเบาๆ ซะหนึ่งที ก่อนที่ผมจะเดินไปเข็นรถเข็นแทน

“ใกล้แล้ว เหลือแก้นิดหน่อย แล้วก็นัดพรีเซ็นกับอาจารย์หลังฝึกงานเสร็จ ก็จบแล้ว” ผมตอบ จากนั้นก็พากันเดินไปที่รถ พอเดินมาถึงรถ ผมก็จัดการเปิดท้าย แล้วยกกระเป๋าขึ้นใส่ท้ายรถ ก่อนขึ้นไปประจำที่คนขับแล้วออกรถ

“นี่กลับมานอนบ้านหรือยัง” แม่ผมถาม เพราะก่อนหน้านี้ผมบอกว่าไปนอนบ้านเพื่อน

“ก็กลับวันนี้พร้อมแม่” ผมตอบ ส่วนเรื่องที่ผมคบอยู่กับกันต์ ผมก็คิดไว้แล้วว่าจะบอกกับแม่        

“ถ้าแม่ไม่กลับมานี่ กะจะไม่กลับบ้านหรือไง ไปอยู่ตั้งนานช่วยเพื่อนจ่ายค่าน้ำค่าไฟหรือเปล่า แล้วพ่อแม่เขาไม่ว่าเอาหรอ” แม่ผมร่ายยาวเป็นชุด  

“ก็ช่วย” ผมตอบสั้นๆ เดี๋ยวไว้ผมคุยกับแม่เรื่องกันต์เมื่อไหร่ ค่อยอธิบายยาวๆ ทีเดียว กับที่ผมตอบแม่ไปผมก็ทำตามนั้นจริงๆ ค่าน้ำค่าไฟ แม้แต่ของใช้ผมก็ขอจ่ายเองหมด ตอนแรกก็มีเถียงกันกับเขาเหมือนกัน เขาว่าผมยังไม่ได้ทำงานจะมาจ่ายอะไรยังไง แล้วผมไปอยู่อีกคนก็ใช่ว่าค่าใช้จ่ายมันจะเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ ผมเลยต้องบอกเขาว่าผมรู้สึกไม่ดี เขาถึงยอม อีกอย่างเรื่องค่าใช้จ่ายผมก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นถึงจะต้องมาจ่ายตรงนี้ด้วย เพราะผมก็เอาจากที่เหลือจากที่พ่อแม่ให้ไว้สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายที่บ้านนั่นแหละมาจ่าย  

“ได้ที่ฝึกงานที่ไหน” พ่อถามต่อ

“INDEED” ผมตอบ ง่ายไหมละผม จะต้องไปฝึกที่ไหนไกลล่ะ

“ที่อ่านอยู่นะหรอ” พ่อถามต่อ คงจะเห็นจากชั้นหนังสือที่บ้าน

“นั่นละครับ” ผมตอบ

“แล้วฝึกกี่เดือน” แม่ผมถามบ้าง

“3 เดือน” ผมตอบแม่ แล้วหลังจากนั้นก็ถามตอบกันอีกหลายคำถามกว่าจะถึงบ้าน รวมถึงคุยเรื่องงานที่บริษัทฯ ด้วย


...............................................................

“ถึงบ้านหรือยัง” ผมโทรไปหากันต์ หลังจากกินข้าวเย็น และกลับขึ้นมาบนห้องนอนแล้ว ส่วนพ่อแม่ผมกำลังรื้อกระเป๋ากันอยู่เลยยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อ ระหว่างคุยโทรศัพท์ผมเองก็แกะของฝากในถุงที่พ่อกับแม่ซื้อมาให้ไปด้วย

“ถึงแล้วตั้งแต่หกโมงครึ่งแล้ว กำลังหาอะไรกินอยู่” เสียงเขาตอบกลับมา

“ทำอะไรกิน” ผมถาม แล้วเปิดฝากล่องรองเท้าที่อยู่ตรงหน้า สุดยอด!! กำลังอยากได้รุ่นนี้อยู่พอดี จะว่าไปรองเท้าของผมเกือบครึ่งที่มีอยู่เป็นของที่พ่อซื้อมาให้ แล้วก็ถูกใจผมทุกคู่

“กะเพรากุ้งกับไข่เจียว” เสียงตอบผ่านสายโทรศัพท์ และตามมาด้วยเสียงเหมือนเสียงส้อมกระทบกับชามกระเบื้อง คงกำลังเจียวไข่

“น่ากินเชียว” ผมพูด แล้วเริ่มต้นรื้อถุงต่อไป
“น่ากิน ก็กลับมา” เขาตอบผม ก็ช่างตอบซะเหลือเกินนะ พอไม่อยู่ด้วยแบบนี้

“โห พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็กลับตอนนี้ซะเลย” ผมพูด แล้วก็หยิบเสื้อที่อยู่ในถุงออกมากางดูทีละตัว ได้เสื้อโปโลมาอีกสามตัว สีขาวสองตัว อีกตัวเป็นสีน้ำเงินเข้ม ดูเสร็จก็ลุกเอาไปใส่ตะกร้ารอซักพรุ่งนี้

“หึหึ” เสียงเขาหัวเราะ

“เดี๋ยวเข้าไปหาวันพุธนะ” ผมบอก วันพรุ่งนี้คงต้องอยู่ที่บ้านอีกวันก่อน
“อื้อ”

“กันต์” ผมเรียกชื่อเขา
“ครับ”  

“คิดถึงนะ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี ก็เลยพูดไปแค่นั้น ถึงปกติช่วงวันหยุดเขากับผมจะกลับไปนอนที่บ้านตัวเองกัน แต่ผมรู้สึกว่านี่มันไม่เหมือนกัน เฮ้อ!!
“ครับ”

“แค่นี้ก่อนนะ ขอกินข้าวก่อน” เขาบอกผม
“ครับ บาย”

“บาย” แล้วเขาก็วางสายไป ผมเลยเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ แล้วออกมานั่งเล่นคอมฯ ออนเอ็มคุยกับเพื่อน จนเกือบเที่ยงคืนถึงส่งข้อความไปหาคนที่ผมโทรหาเมื่อตอนหัวค่ำเพื่อเตือนให้เขาเข้านอน เขาเองก็ส่งกลับมาเหมือนกันว่าให้ผมเข้านอนได้แล้วเพราะมีเรียนตอนเช้า


....................................................................

ผมเดินมานั่งที่โซฟา แล้วเอนตัวลงนอนหนุนตักแม่ หลังจากกินข้าวเย็นกันสองคนแม่ลูก เพราะพ่อยังกลับมาไม่ถึง เพิ่งกลับมา งานทางนี้ก็คงจะเยอะเอาเรื่อง เลยโทรมาบอกให้ผมกับแม่กินกันไปก่อน

“อยากได้อะไรหรือเปล่า มาอ้อนแม่แบบนี้” แม่ถามแล้วก็ลูบหัวผม ก็ปกติเวลาผมมานัวเนียแบบนี้แปลว่ามีอะไรที่ผมอยากได้ แม่เลยรู้ทัน

“แม่ แม่เคยคิดไหม ว่าอยากให้อนาคตลูกแม่เป็นยังไง” ผมถาม

“เป็นอะไร อยู่ดีๆ มาถาม”
“ก็ลองถามดู”

“แม่ก็คงอยากเห็นเราเรียนจบ ออกมาทำงาน ยืนได้ด้วยตัวเอง แล้วแม่ก็อยากเห็นกรมีความสุข” แม่ตอบ

“แค่นั้น??” ผมถามต่อ
“แค่นั้นแหละ” แม่ตอบ

“แล้วไม่คิดว่ากรต้องแต่งงาน มีหลานอะไรอย่างนั้นหรอ” ผมถาม เพราะคิดว่าแม่น่าจะตอบว่าอยากเห็นผมมีครอบครัวอะไรแบบนั้นด้วย

“ไม่แต่งก็ไม่เห็นเป็นอะไร ดีซะอีกจะได้อยู่กับแม่แบบนี้ไง” แม่ผมตอบแล้วก็ยิ้ม อันนี้นี่ออกแนวหวงลูกชายแล้วนิ แม่ผม

“อืม... ถ้ากรมีแฟน แต่แฟนกรไม่เหมือนอย่างที่แม่คิดล่ะ” ผมลองเลียบๆ เคียงๆ ถาม ส่วนในใจนี่ก็บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกแบบไหน เรื่องกลัวนี่มันแน่นอนอยู่แล้ว กลัวที่จะทำให้แม่เสียใจ แต่อีกใจหนึ่งผมกลับมั่นใจว่า แม่จะรับในสิ่งที่ผมกำลังจะบอกแม่ได้ ผมมั่นใจว่าจะเป็นอย่างนั้น

และถึงตอนนี้ตอนที่ผมกำลังจะบอกกับแม่ว่าแฟนผมเป็นผู้ชาย แต่รู้อะไรไหม ผมกลับรู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องยอมรับกับตัวเองว่าผมเป็นเกย์ กับเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผมที่รู้สึก แม้แต่กันต์ก็ยังรู้สึกแบบนี้ เราสองคนเคยคุยกันเรื่องนี้จริงๆ จังๆ กันอยู่ครั้งหนึ่งว่าตกลงผมกับเขาเป็นเกย์กันจริงๆ แล้วใช่ไหม ปรากฏว่าเราสองคนกลับรู้สึกแปลกๆ กับการที่ถูกเรียก หรือจำกัดความการที่เรามีแฟนเป็นผู้ชายด้วยคำๆ นั้น ก็ในเมื่อถ้าไม่ใช่เขา ผมก็คงไม่คบกับผู้ชายคนไหนอีก และเขาเองก็เช่นเดียวกัน

แล้วอย่าเพิ่งมองว่าอนาคตผมกับเขาอาจจะไปคบกับใครอีกก็ได้ ให้มองแค่ตอนนี้ ตอนที่เราสองคนกำลังคบกันอยู่

“แล้วเขาเป็นยังไง ถึงบอกว่าไม่เหมือนอย่างที่แม่คิด รู้หรอว่าแม่คิดอะไร” แม่พูด และถามกลับมา ในขณะที่มือก็ยังคงลูบหัวผมไปเรื่อยๆ

“ถ้ากรบอกว่าแฟนกรเป็นผู้ชายล่ะ” ผมพูดออกไปแล้ว และผมก็รู้สึกได้ว่ามือของแม่ที่อยู่บนหัวผมนั้นหยุดนิ่งไป ผมเลยขยับตัวจะลุกขึ้น แต่แม่ผมก็ขยับมือลูบหัวผมต่อ ผมเลยนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิม

“แม่... เสียใจหรือเปล่า กรขอโทษ” ผมพูดออกมา ก่อนจะคว้ามือแม่มากุมไว้ที่หน้าอก

“กรรักเขามากไหม” แม่ไม่ตอบ แต่ถามผมต่อ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าแม่ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะโล่งใจไหม ที่ผมก็ไม่เห็นน้ำตาอยู่บนหน้าของแม่

“รักสิ” ผมพูด

“แล้วเขารักกรไหม กรมีความสุขไหมลูก”
“รัก แล้วกรก็มีความสุขนะแม่”
“อื้ม” แม่ผมตอบรับ

“ใช่คนที่กรไปอยู่กับเขาหรือเปล่า”
“ครับ”

“แล้วพ่อแม่เขาละรู้ไหม” แม่ผมยังคงถามต่อไปเรื่อยๆ จนผมอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า

“แม่ แม่จะไม่ถามอย่างอื่นหรอว่าทำไมกรถึงเป็นแบบนี้ แม่ไม่ว่าอะไรกรหรอ” ผมถาม ด้วยความสงสัย ถึงผมจะมั่นใจว่าแม่จะรับได้ แต่ไม่คิดว่าจะได้มากขนาดนี้

“จะถาม จะว่าทำไมล่ะ กรมาบอกแม่ ก็กลัวแม่เสียใจอยู่แล้วใช่ไหม” แม่พูดและถามกลับ ผมก็พยักหน้าตอบ

“แม่จะว่ากรทำไม แม่ไม่อยากให้กรเสียใจเหมือนกัน แม่บอกแล้วไงว่า แม่แค่อยากเห็นเรามีความสุข” แม่พูด กลายเป็นว่าผมเองที่น้ำตาร่วงลงมาแทนแม่  

“ร้องทำไม แม่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไหนเมื่อกี้แม่ถามอะไรยังไม่ได้บอกแม่เลย” แม่ผมทวงคำตอบ
“ยังไม่รู้ แต่กรก็เคยไปบ้านเขานะ”

“เขาชื่ออะไร เรียนที่เดียวกันหรอ”
“กันต์ เขาเรียนจบแล้ว จบโทแล้วด้วย ตอนนี้ทำงานแล้ว แม่จำที่ที่กรบอกจะไปฝึกงานได้ไหม” ผมพูด แม่พยักหน้าตอบ
“นั่นแหละของเขา”

“จะไปอยู่กับเขาเหมือนเดิมหรือเปล่า” แม่ถามอีก ส่วนตอนนี้ผมก็รู้สึกโล่งขึ้นมาจริงๆ แล้ว

“ถ้ากรไปอยู่กับเขาแม่จะว่าอะไรไหม”
“เขาอยู่ที่ไหนละ”
“อยู่คอนโดฯ ซอย 39”
“ใกล้แค่นี้เอง ของเขาหรอ”
“ครับ”
“ก็ตามใจ แต่ก็กลับมาบ้านบ้างแล้วกัน แล้วก็ตั้งใจเรียนนะ” แม่พูด ผมเลยยิ้ม แล้วดึงมือแม่มาหอมทีนึง

“แล้วพ่อละ” ผมถาม ถึงแม่จะเข้าใจ แต่พ่อละ
“ก็ไปบอกพ่อเขาเหมือนที่บอกแม่นี่แหละ แม่กับพ่อรักกรนะ”

“ขอบคุณครับ” ผมขยับตัวลุกขึ้นแล้วหันไปกอดแม่เอาไว้แน่นๆ

“กรก็รักแม่นะครับ”

--------------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณคับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 05-09-2010 22:04:20
อิ่มใจ  :กอด1: แม่น่ารักเนอะ
ถ้าได้ครอบครัวดีๆแบบนี้ทุกคนก็คงดีซิ
ชอบอ่ะ "น่ากินก็กลับมา" :o8:
ฟังดูเหมือนการอ้อนเล็กๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณคับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 05-09-2010 22:05:47
เอ่อ...คุณแม่ครับ
ทำไมมันง่ายอย่างงี้หล่ะครับ
ช่างแนวจริงๆเลยครับคุณแม่ o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณคับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 05-09-2010 22:23:22
ครอบครัวนี้มองอะไรที่เป็นจริงและปัจจุบันดีอ่ะ ชอบนะแบบนี้
แม่แบบนิ่งได้อีก แม่เจ๋งมากๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณคับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 05-09-2010 22:48:50
คุณแม่ใจดีมากๆๆๆเลยอ่ะ.......

แบบนี้ค่อยโล่งหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณคับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 05-09-2010 22:57:54
สุดยอดครอบครัวนี้
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณคับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 05-09-2010 23:07:36
ทำไมได้เกิดมากับแม่ที่ประเสริฐพร้อมและรักลูกขนาดนั้น เพียงแค่อยากให้ลูกมีความสุขไม่ปริปากทำลายน้ำใจสักนิด บุญจริงๆเลยกร  :กอด1:   :L1:   :กอด1:   :L1:   :กอด1:   :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 05-09-2010 23:26:01
ปลาบปลื้ม คุณแม่เยี่ยมสุดๆ
กรโชคดีที่แม่เข้าใจ ซึ้งเลยอ่ะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 05-09-2010 23:42:42
 :m15:

ตอนนี้อ่านแล้วน้ำตาคลอเลย
รู้เลยว่าทำไมกรถึงจิตใจดีขนาดนี้ มีครอบครัวน่ารักแบบนี้นี่เอง

คนเป็นแม่ จริงๆ แล้วก็คงมีที่เสียใจอยู่แล้วอ่ะ
แต่ก็ไม่พูดหรือแสดงอะไรออกมาว่าตัวเองก็เสียใจ
ให้ลูกเห็นแล้วใจเสีย

สุดยอดไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-09-2010 23:47:11
โอ้ดีจัง  พากันต์เข้ามาแนะนำตัวด้วยนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 05-09-2010 23:53:06
ครอบครัวกรน่ารักมากๆอะค่ะ :]
อ่านแล้วยิ้ม ดีจังที่คุณแม่เข้าใจ...
เราก็คิดแบบแม่กรเลย...ถ้าวันนึงเรามีลูก (ไม่ต้องค้างอยู่บนที่สูงแบบนี้ 555)
แล้วลูกเรารักอะไร ทำอะไรแล้วมีความสุข เราก็ขอมีความสุขไปกะเค้าแค่นั้นแหละ  
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 06-09-2010 00:59:32
คุณแม่ของกรน่ารักที่สุด
อ่านแล้วอึ้งไปแปบนึง แล้วก็ยิ้มได้(กว้างมากด้วย) ดีใจแทนกรกับกันต์ มากจริงๆ
ครอบครัวกรไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่แอบระแวงครอบครัวกันต์

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 06-09-2010 12:16:44
แม่กรน่ารักอ่ะ ขอรักด้วยคนนะ ^_^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 06-09-2010 12:49:26
โฮ โฮสุดยอดเลยง่ะ o13พ่อ แม่เข้าใจลูกแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ดีใจด้วย กร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-09-2010 13:23:36
ขอ :กอด1:คุณแม่น้องกร
คุณแม่ขา คุณแม่ช่างเป็นผู้ที่รู้เท่าทันและเข้าใจโลกจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-09-2010 14:41:24
จะมีมากน้อยแค่ไหน ที่ลูกสามารถพูดคุยเรื่องแบบนี้กับพ่อแม่ได้อย่างเปิดอก
กร เป็นอีกหนึ่งคนที่โชคดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 06-09-2010 17:59:34
 :กอด1: คุณแม่กรค่ะ คิดว่าคุณพ่อก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน
กรนี่โชคดีจังเลยมีครอบครัวที่เข้าใจแบบนี้
อย่าลืมพาพี่กันต์มาดูตัวด้วยนะกร
แล้วที่บ้านพี่กันต์อ่ะ น้องหวังว่าครอบครัวพีี่่กันต์ก็น่าจะเข้าใจนะ
แค่คนที่เรารักเข้าใจเราก็เหมือนเป็นพลังให้เราสู้กะสิ่งต่างๆในสังคมแล้ว
สู้สู้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 06-09-2010 21:12:08
แม่ปลื้มค่ะคุณลูกกร
 o13

พาพี่กันต์มากพบพ่อกับแม่ด้วยเน้อ
 :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 06-09-2010 21:23:42
กรโชคดีมากเลยอะ ที่แม่เข้าใจ ไม่ต้องปกปิดอะไร

สุดยอดคุณแม่เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-09-2010 21:33:45
แค่ทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นก็ลำบากพออยู่แล้ว
ยังต้องกังวลกับการยอมรับของคนในครอบครัวอีก
แต่ถ้าทุกอย่างผ่านพ้นมาได้
ก็คงมีความสุขสุดๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 06-09-2010 21:35:57
กราบสวัสดีคุณแม่น้องกรค่าาาา
คุณแม่เริ่ดมาก เริ่ดที่สุด ฮ่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 06-09-2010 21:42:02
ครอบครัวกรน่ารักอ่ะ  

อยากให้อีกหลายๆครอบครัวเข้าใจลูกแบบนี้บ้างจังเลย  เนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 07-09-2010 19:05:56
ยกนิ้วให้คุณแม่เลย  o13 เจ๋งมากอ่ะ
 
สั้นๆ ง่ายๆ เพราะ "รัก" คำเดียวเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ขอบคุณครับ p.24 (up 5-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 09-09-2010 19:52:27
ตอนที่ 34 Missions complete

“เข้านอนหรือยัง” ผมถามปลายสาย เพราะตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว

“กำลังจะนอน” เขาตอบกลับมา

“ถ้าอย่างนั้นก็ฝันดีนะ” ผมพูด

“ยังไม่ง่วง คุยก่อนก็ได้ แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง” เขาถามผม อย่างที่เคยถามประจำ

“ก็เหมือนเดิม ไปเรียน เลิกเรียนก็กลับบ้าน แล้วเป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปประชุมมาไม่ใช่หรอ”  

“ยุ่งๆ นิดหน่อย เรื่องเยอะด้วย เพราะมีแผนจะขยายงานออกไปอีก นี่ก็ตั้งใจว่าจะลงไปดูลูกค้าเองด้วย” เขาตอบผม ฟังเสียงแล้วดูล้าๆ อยู่พอสมควร แล้วเขาก็เล่าให้ผมฟังอีกนิดหน่อยว่ามีแผนจะทำอะไรบ้าง และวันพรุ่งนี้ต้องไปไหน ทำอะไรบ้าง ผมฟังแล้วก็เหนื่อยแทน

“กรบอกพ่อกับแม่ เรื่องกันต์ไปแล้วนะ เพิ่งบอกพ่อก่อนจะโทรมาหากันต์นี่เอง” ผมบอกเขา หลังจากฟังเขาพูดจบแล้ว


“ห๊ะ...!!"



"แล้ว...” เจ้าของชื่อที่ผมเอ่ยถึงทำเสียงตกใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำออกมาเหมือนจะถาม แต่ก็ไม่กล้าถาม



“แล้ว... เป็นยังไงบ้างอ่ะ พ่อกับแม่ว่าอะไรหรือเปล่า แล้ว...” เขาถามผมแบบไม่เต็มเสียงนัก แต่ก็เหมือนจะมีอีกหลายคำถามตามมา ผมเลยตัดบทเสียก่อน

“พ่อกับแม่ไม่ได้ว่าอะไร กรรักพ่อกับแม่มากเลยนะกันต์ รักมากๆ” ผมพูด

“อื้ม...”


หลังจากคุยกับแม่ไปแล้ว ผมก็ตัดสินใจที่จะบอกพ่อวันเดียวกันเลย ในเมื่อตัดสินใจบอกแม่แล้ว มันคงจะดีกว่าถ้าบอกพ่อให้รู้ด้วย จริงๆ ก็ไม่ในใจนักว่าจะดีกว่าหรือเปล่า หลังจากบอกแม่ไปแล้วผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า แม่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อเลยไหม หรือจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้จนถึงเวลาที่ผมพร้อมจะบอกเรื่องนี้กับพ่อเอง แต่เมื่อคิดดูแล้ว แม่จะรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้หรือเปล่าถ้าต้องเก็บเอาไว้ มันก็คงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับแม่  และในเมื่อผมเลือกที่จะทำอะไรแล้ว ผมควรจะยอมรับมันให้ได้

และกับเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมจะหมายความว่า ผมยอมรับได้มากกว่ากันต์ ถึงพูดเรื่องนี้กับคนในครอบครัวได้ หรือเป็นเพราะผมมั่นใจมากกว่าเขาว่า พ่อแม่ของผมจะยอมรับในการตัดสินใจของผม ได้ดีว่าพ่อแม่ของเขา มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะระหว่างผมกับกันต์ เราสองคนยังยืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน

ผมก็แค่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในสภาวะที่ยังมีแรงกดดัน ความคาดหวัง หรือการจับตามองจากคนรอบข้างน้อยกว่าเขา มันเลยง่ายกับการที่จะพูดจะทำอะไร ทั้งการงาน หน้าตาทางสังคม รวมทั้งภาระที่ต้องแบกรับ ผมมีน้อยกว่าเขามาก หากวันหนึ่งในอนาคต ผมไปยืนอยู่ที่จุดเดียวกับเขาในตอนนี้ มันก็คงเป็นเรื่องยากมากกว่านี้เหมือนกันสำหรับผม

หรือสุดท้ายแล้วทั้งหมดที่ผมคิด มันอาจจะสรุปได้ง่ายกว่าถ้าผมจะบอกแค่ว่า ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้

แต่สำหรับกันต์สิ่งที่เขาทำให้ผมตอนนี้ มันก็มากพอแล้ว ส่วนพ่อกับแม่ ผมบอกทั้งคู่เอาไว้แล้วว่า จะชดเชยให้ในเรื่องอื่นที่ผมสามารถทำได้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงานที่จะต้องรับผิดชอบ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำมันได้


“แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาไหม” เขาถามผม เฮ้อ !! เจ้าตัวเขาจะรู้ไหมเนี่ยว่าแต่ละประโยคที่เขาพูดกับผมทางโทรศัพท์ ช่วงสองวันที่ไม่เจอกันเนี่ย มันน่ารักมากแค่ไหน ให้ตายสิ คิดถึงชะมัด ยิ่งเสียงตอนเริ่มง่วง งัวเงียๆ นี่มันเหมือนคนกำลังอ้อนเลย

“กลับสิ กลับไปอยู่ด้วยเหมือนเดิม คราวนี้ถึงบอกไม่ให้อยู่ก็คงไม่ทันแล้ว” ผมบอกเขา แล้วยิ้มกับตัวเองไปด้วย

“อื้อ งั้นนอนแล้วนะ พรุ่งนี้มีประชุมอีก”

“ครับ ฝันดีนะ”

“อื้อ”





.............................................................................


“เฮ้ย! อย่ามาชนดิ” เสียงโวยวายจากคนที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างผม ผมกลับมาคอนโดฯ แล้ว และตอนนี้เราสองคนกำลังเล่นเกมแข่งรถกันอยู่ คนข้างๆ ผมนี่จริงจังกับทุกเรื่องจริงๆ ให้ตายสิ หลังจากกินข้าว อาบน้ำแล้ว ก็ตั้งต้นเล่นกันตั้งแต่สองทุ่มจนตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ แต่ส่วนใหญ่ผมชนะ เลยมีผู้ใหญ่ดื้อไม่ยอมเลิกเล่น ท่าทางจะเล่นจนกว่าจะเอาชนะผมได้นั่นแหละ แล้วอย่ามาถามว่าทำไมผมไม่ยอมแพ้ไปซะก็แล้ว แต่ก็นะยอมไม่ได้เหมือนกัน ฮาๆ

“จะแพ้แล้วอย่ามาพาลเหอะ” ผมพูดแหย่ แล้วแอบชำเลืองมองเขานิดๆ

“คอยดูเหอะ” คนทำหน้าจริงจังพูดตอบ ส่วนมือนี่ก็กดปุ่มนั้นปุ่มนี้ยิกๆ

“หรอ...” ผมทำเสียงกวนประสาท กะจะให้เขาหันมาสนใจ แต่ก็ไม่เลย คนข้างๆ ผมเขาสนใจแต่ภาพที่อยู่ในจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า

“ตาสุดท้าย แพ้ก็ต้องเลิก” ผมพูด เล่นนานแล้ว พอเช้ามาก็ชอบมาบ่นว่าปวดหัวบ้าง ปวดปวดตาบ้าง แล้วทำไมผมไม่ยอมเลิกเล่นก่อน ก็ลองถามคนข้างๆ ผมดูสิ ยอมซะที่ไหน

“............” เงียบ... ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ท่านคุยด้วยในขณะนี้

“ถ้าเอาชนะได้อยากได้อะไรบอกมา แต่ถ้าแพ้ วันนี้ทำเองนะ” ผมพูด แล้วเขาเองก็ดูท่าจะเข้าใจ เพราะหยุดเกมแล้วหันมามองหน้าผมทันทีที่ผมพูดจบเลย

“ไม่ เรื่องดิ นี่คิดอยู่เรื่องเดียวหรือไง” เขาพูด แล้วขยับตัวออกห่างจากผม เขานึกว่าจะหนีพ้นหรือไงกัน

“ป๊อดนี่หว่า” เสียงผมที่ยังคงยั่วเขาไม่เลิก แต่งานนี้ดูเหมือนจะยั่วโมโหซะมากกว่า แต่แบบนี้ล่ะ เข้าทางผม ฮาๆ

“งั้นเริ่มใหม่ ไม่เอาตานี้”

“ตานี้แหละเหลืออีกตั้งหลายรอบ”

“ไม่”

“ก็ได้ๆ ให้เลือกด่านเองด้วยอ่ะ” ผมพูด แล้วแอบยิ้มนิดๆ ตอนเขาหันกลับไปสนใจเกมต่อ


แล้วเกมตาใหม่ของเราสองคนก็เริ่มขึ้น โดยที่เราสองคนนั่งเล่นกันแบบเงียบสนิททั้งคู่ มีแต่เสียงจากโทรทัศน์แค่นั้น งานนี้เดิมพันมันสูงต้องตั้งใจหน่อย


เงียบ......



5 นาที ผ่านไป......




ยังคงเงียบ......





10 นาทีผ่านไป.......





“เยสสส...” เสียงผมคล้ายจะตะโกน แต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรมาก เดี๋ยวคนข้างผมเขาจะหมันไส้เอา แบบนี้แล้วก็น่าจะรู้ว่าใครชนะ


“มีงานค้างอยู่ พรุ่งนี้ต้องใช้ด้วย เอาไว้ก่อนแล้วกัน” คนข้างๆ ผมรีบพูด แล้วขยับตัวเตรียมลุกไปจากโซฟาที่นั่งกันอยู่ แต่มีหรอที่คนอย่างผมจะปล่อยไป รีบยื่นมือไปคว้าข้อมือของคนที่กำลังเดินออกไปไว้ทัน จากนั้นดึงให้มานั่งอยู่บนตักผม ก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างรัดเอาไว้ไม่ให้ไปไหน อย่ามาเนียนซะให้ยากเลย

“มานี่เลย ไม่ต้องเอางานมาอ้าง คิดจะเบี้ยวกันหรอ” ผมพูดเบาๆ ที่ข้างหูของเขาอย่างคนรู้ทัน ทำอย่างกับผมไม่รู้นิสัย ถ้ามีงานต้องรีบทำจริงๆ พอกินข้าวเสร็จคงไม่สนอะไรแล้ว ตั้งหลักทำงานเลย บางทีผมเรียกยังไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ

“เปล่านิ” เขาปฏิเสธเสียงอ่อย โอ้ย! ไม่เจอกันสองวัน ทำไมรู้สึกว่าน่ารักขึ้นขนาดนี้ล่ะ  

“หรอ...” ผมทำเสียงล้อ แล้วก้มลงไปหอมแก้มเขาดังฟอด

“หอมจัง” ผมบอก
.
.
.
แล้วก็เป็นที่แน่นอนว่า งานนี้ผมรับของเดิมพันไปซะเกินคุ้ม





...........................................



“แล้วเมื่อกี้ถ้าชนะอยากได้อะไร หื้ม...” ผมถาม ส่วนมือก็ลูบหัวลูบหลังของคนที่ยังไม่ใส่เสื้อหลังจากอาบน้ำเสร็จ ใส่แต่กางเกงผ้ายืดขายาวตัวเดียว แถมมานอนเกยทับอยู่บนตัวผมเกือบทั้งตัว

“หึ ไม่มีอ่ะ” เขาพูดเสียงอู้อี้ เพราะซบหน้าอยู่กับอกผม

“อื้อ สอบเสร็จวันไหน” เขาถาม หลังจากยกหัวขึ้นมาจากอกผมนิดนึง เพื่อมองหน้าผม

“วันที่ 22” ผมตอบ ส่วนมือก็ยังลูบหลังเขาไปเรื่อยๆ มันเพลินดี แผ่นหลังมีกล้ามเนื้อนิดหน่อย ไม่ใช่คนตัวนิ่มอะไรมาก ผมชอบนะ ผิวเนียนลูบแล้วลื่นมือ แถมตัวก็หอม ผมก็หอม

“ไปเชียงใหม่กันไหม จะไปหาปู่กับย่าด้วย ไม่ได้ไปตั้งหลายเดือนแล้ว” เขาพูด แล้วซบหน้าลงกับอกผมเหมือนเดิม

“ไปสิ จะไปกี่วัน” ผมตอบ

“อยากไปอาทิตย์นึง ไปอยู่กับย่าสักสองคืน แล้วไปเที่ยวกันต่อ” เสียงพูดของคนที่นอนเกยผมอยู่เริ่มเบาลง

“อื้ม”

“อยากไปไหนบ้าง จะได้จองโรงแรมถูก” กันต์ก็ยังพูดได้เรื่อยๆ แม้ว่าตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว


“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยต่อ ตอนนี้นอนได้แล้ว” พอผมพูดจบ คนที่ตั้งท่าจะหลับอยู่แล้วก็ขยับตัวให้เขาที่ ลงมานอนข้างผมแล้วซุกหน้าไว้กับอก ก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งมาพาดตัวผมไว้ ผมเองก็รั้งตัวเขามาให้ชิดกับตัวมากขึ้น แล้วค่อยตวัดผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวให้มาคลุมตัวผมสองคนไว้ จากนั้นก็สอดมือไปใต้ผ้าห่มแล้วลูบหลังของคนที่กอดผมไว้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วไม่นานผมก็หลับตามเขาไป

-------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 09-09-2010 20:08:42
สำเร็จ
เสร็จอีกแล้ว
 :pighaun:

กรน่ารักที่สุดเลย
รักกรตลอดไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 09-09-2010 20:20:18
น่ารักมากเลยง่ะ กันต์ กร ชอบมากเลย กรแบบนี้มันต้องเล่นเกมส์บ่อยๆแล้วน่ะกันต์น่ารักง่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-09-2010 20:26:54
น่ารักจังคู่เนี่ยะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 09-09-2010 20:32:17
น่ารักจริงๆๆๆๆ เลย คู่นี้
ชอบๆๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 09-09-2010 20:38:04
ทีตอนแข่งเกมส์อ่ะบรรยาย ทำมั้ยทำไมตอนรับรางวัล
ไม่ยักกะบรรยายให้ดู :seng2ped:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 09-09-2010 20:45:23
คู่นี้น่ารักได้ตลอดอ่ะ ชอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 09-09-2010 20:47:05
น่ารักไปอีกแบบสไตลส์ผู้ใหญ่   :L1:   :L1:   :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 09-09-2010 20:59:05
น่ารักมากกกกกกกกกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 09-09-2010 21:03:12
 :o8: :o8: :o8:
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 09-09-2010 21:23:35
ชอบอ่ะ กัตน์น่ารักอ่ะ กรก็ด้วย ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 09-09-2010 21:49:51
555 เค้าเดิมพันกันสูงมากเลยเน้อ 555

เรีคยกว่าทุ่มสุดกายสุดใจกันไปเลย 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-09-2010 23:59:15
มีครอบครัวที่ดีมากเลย "ครอบครัวอุดมคติ"
ยังคงน่ารัก  อบอุ่นเหมือนเดิม
 

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 10-09-2010 00:26:03
กันต์น่ารักกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 10-09-2010 00:35:40
น่ารักมากอ่ะคู่นี้
อ่านไปก็เขินไป :-[
รักแบบไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่ต้องเถียงงุ้งงิ้งง้องแง้ง แต่เข้าใจกันแล้วก็หวานสุด   :m1:


 :กอด1:คุณไรท์เตอร์ซักที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 10-09-2010 00:45:38
สองคนนี้ นับวันยิ่งอบอุ่นเนอะ....น่ารักชะมัดเลย :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-09-2010 00:54:38
น่ารักที่สุดเลยสองคนนี้น่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 10-09-2010 11:09:02
กันต์กับกรเนี่ย น่ารักขึ้นเรื่อยๆเนาะ
อ่านไปยิ้มไป  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-09-2010 11:33:28
น้ำตาลขึ้นจอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 10-09-2010 12:53:43
น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดด :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 10-09-2010 21:52:19
:m13:

ความน่ารักนี่ไม่มีตกเลยนะคู่นี้ มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 10-09-2010 22:06:02
หลงรักกรอ่ะ กันต์จะว่าไรมั้ย??

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 11-09-2010 15:36:11
จะน่ารักกันไปไหน สองคนนี้ ขอกอดคนละทีนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-09-2010 15:20:07
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยเรื่องนี้น่ารักมายมาก จะค่อยติดตามและเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ ขอบคุณมากมายที่เขียนเรื่องดีๆให้ได้อ่าน


ปล. อยากเห็นกรถูกกดบ้างจัง 555555555555555+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 12-09-2010 15:42:33
มาเสพความหวาน
ให้ชีวิตมันสดชื่นน

รักสองคนนี้จัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 12-09-2010 15:44:52
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมาก
ไม่หวือหวา ไม่ต้องตื่นเต้นมากมาย
แต่ทำให้เราอิ่มใจได้ สุดๆจริงๆ
กรกับกันต์ น่ารักมากเลย
อยากอ่านตอนไปเชียงใหม่แล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Missions Complete p.25 (up 9-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 12-09-2010 23:36:24
ตอนที่ 35 Six days In Chiang mai [1/3]

“มีอะไรที่จะให้ผมเซ็นอีกหรือเปล่า” ผมถามคุณฟ้าที่เอาใบสั่งซื้อมาให้ผมเซ็นอนุมัติ เพราะผมจะไม่เข้าออฟฟิศหลายวัน เข้ามาทำงานอีกทีก็วันอังคารหน้าเลย  
“ไม่มีแล้วค่ะ”

“ช่วงที่ผมไม่อยู่ถ้ามีอะไรก็โทรเข้ามือถือผมได้เลยนะ” ผมบอก
“ค่ะ”  

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมกลับละ” ผมบอก เลขาฯ ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมเลยจัดการเก็บข้าวเก็บของแล้วเดินออกจากห้องทำงาน

“อย่าลืมของฝากนะคะ นะครับ คุณกันต์ พี่กันต์” เสียงของพี่แอม หัวหน้ากองบรรณาธิการ กับน้อย อาร์ตไดเรคเตอร์ สองคู่หูประสานเสียงกันขึ้นมาเมื่อเห็นผมเดินลงมาที่ชั้นล่าง

ผมบอกล่วงหน้าไว้ทั้งออฟฟิศว่าผมจะหยุดยาว ถ้ามีงานอะไรจะได้มาถามมาคุยกันล่วงหน้า แต่กลายเป็นว่าผมเปิดโอกาสให้ทวงของฝากกันเสียมากกว่า ก็อย่างที่ผมเคยบอกว่าที่นี่อยู่กันแบบพี่น้อง บรรยากาศที่ออฟฟิศกับที่โรงพิมพ์เลยต่างกันลิบลับ แล้วก็คิดถึงปีหน้าพ่อจะให้ผมไปนั่งทำงานอยู่ที่โรงพิมพ์ด้วย อาทิตย์ละสองวัน จะอิดออดก็ไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นงานของผมเหมือนกัน ยังไงก็ต้องไปดู แต่นับว่ายังดีที่ให้ไปแค่สองวัน

“ซื้อได้ แต่ถ้างานไม่ดี จะมาคิดเงินตามหลัง” ผมพูดแบบยิ้มๆ

“โห...” เสียงบ่นอุบอิบของน้อย

“ไปละ” ผมพูด แล้วเดินไปขึ้นรถ แต่ก่อนจะเข้าบ้านก็แวะซื้อกับข้าวสำเร็จกลับไปด้วย เพราะอาทิตย์นี้ไม่ได้ซื้อของสดใส่ตู้เย็นไว้



.......................................................................

“เอากระเป๋าใบไหน” คนที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าล็อคถัดจากผม แหงนมองกระเป๋าเดินทางที่วางเรียงรายอยู่ที่ชั้นบนสุดของตู้ ก่อนจะหันมาถามผมที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ที่ล็อคข้างๆ ผมเลยก้าวถอยหลังออกมาเล็กน้อยให้พ้นประตูตู้ที่เปิดเอาไว้เพื่อให้มองเห็นกระเป๋า แล้วตอบเขา

“เอาสองใบสีเทากับสีดำที่อยู่ติดกัน” ผมตอบ กรเลยหยิบกระเป๋าใบที่ผมบอกลงมา ตอนแรกคิดว่าจะเอาใบใหญ่ไปใบเดียว แต่คิดไปคิดมาเอาใบไม่ใหญ่มากสองใบน่าจะดีกว่า ก็ใส่เสื้อผ้ารวมกันนั่นละ ใบหนึ่งเอาลงตอนค้างบ้านย่า อีกใบเอาลงตอนไปนอนโรงแรม

“แล้วจองโรงแรมไว้ที่ไหนบ้าง” กรถาม ก่อนจะเดินมานั่งลงที่ปลายเตียง แล้วลงมือพับเสื้อผ้าที่ผมเอาออกจากตู้มาวางไว้

“จองที่แม่ริมไว้สามคืนเลย” ผมตอบ ตอนแรกว่าจะคุยกันว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง แล้วจะนอนที่ไหน แต่เอาเข้าจริงก็ยุ่งกันทั้งคู่ กรก็เตรียมตัวสอบ ผมเองก็งานเยอะ เลยสรุปกันไม่ได้เสียที สุดท้ายแล้วผมเลยจัดการเองทุกอย่าง คือ ผมเองก็อยากจะทำอะไรให้เข้าบ้างอยู่แล้ว เลยถือโอกาสนี้ละ ตอนนี้เขาก็เลยยังไม่รู้ว่าผมจองโรงแรมไหนไว้ ตอนหาที่พักก็มีอยู่สองที่ที่ผมเล็งไว้ กว่าจะตัดสินใจได้ก็สามวันก่อนจะไปนี่เอง ถือว่ายังโชคดีที่มีห้องว่างวันที่ผมจะไปพอดี แค่คิดถึงห้องที่จองไว้ก็อยากไปให้ถึงเสียวันนี้เลย แต่ไม่รู้ว่าอีกคนเห็นแล้วจะเป็นยังไงบ้าง ก็ผมเล่นทำอะไรตามใจตัวเองอีกแล้ว

“อ้าวหรอ ไหนตอนแรกบอกจะจองสองที่”

“เห็นแล้วชอบเลยจองไปสามคืนเลย ไม่ต้องย้ายไปย้ายมาให้เหนื่อยเก็บของด้วย” ผมตอบ

“อื้อ สี่ทุ่มแล้วกันต์ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวกรเก็บให้” เขาบอกผม ผมก็เลยวางมือ แล้วเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเลย ว่าง่ายไหมละผม



..............................................................


จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว เราสองคนก็มาถึงเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อย อากาศดีเชียว ฝนคงเพิ่งตกไปก่อนหน้าที่ผมจะมาถึงไม่นาน อากาศเลยเย็นกำลังดี และตอนนี้ก็มานั่งอยู่บนรถที่ย่าผมสั่งให้คนขับมารับผมไปที่บ้าน

รถขับผ่านรั้วเข้ามาผมก็เห็นย่ากับปู่ลุกขึ้นมาจากม้านั่งยาวที่ตั้งไว้ที่ชานหน้าบ้านที่มีไม้กระถางต้นไม้ตั้งอยู่เต็ม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไม้ใบ มองแล้วเขียวไปหมด ดูสดชื่นสบายตา ปู่กับย่าลุกขึ้นและเดินมาหาผมทันทีที่เห็นผมลงมาจากรถ

“สวัสดีครับปู่ สวัสดีครับย่า” ผมพูด แล้วเดินเข้าไปสวมกอดย่าไว้เบาๆ ก่อนจะผละออกมา

“สวัสดีครับ สวัสดีครับ” กรที่ยืนอยู่ข้างผม ยกมือสวัสดีปู่กับย่า

"สวัสดีลูก" ย่าผมพูด แล้วยิ้มให้ตามแบบฉบับคนแก่ใจดี

“ปู่กับย่าครับ นี่กร” ผมแนะนำ กรให้ปู่กับย่ารู้จัก ก่อนจะมาผมก็โทรมาบอกย่าแล้วว่าจะมาวันไหน แล้วก็บอกว่าจะมากันสองคน

“ไปขึ้นบ้าน ไปกินข้าวกันก่อน ย่าให้เขาตั้งโต๊ะเอาไว้แล้ว” พอย่าพูดจบ ปู่กับย่าก็เดินนำผมกับกรเข้าบ้าน มาถึงโต๊ะกินข้าวก็เห็นแต่ของโปรดผมทั้งนั้น ห่อหมกปลาช่อน แกงจืดผักกาดดอง น้ำพริกกะปิ แล้วอย่างสุดท้าย ไข่ตุ๋นทรงเครื่องใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน ผมไม่กินน้ำมะพร้าวก็จริง แต่กินเนื้อมะพร้าวได้

“ถ้ากันต์มาอยู่กับย่าสักอาทิตย์ กันต์คงลงพุงแน่เลย” ผมพูด เมื่อเดินกลับมานั่งที่โต๊ะและลงมือกินข้าว หลังจากเดินเลยเข้าไปในครัวกับกรเพื่อล้างมือ

แล้วเสียงก็เงียบหายไปสักพัก ก็คนมันหิวนิครับ
.
.
.
“ยังมีกล้วยบวชชีอีกนะ ย่าทำเอาไว้ให้” ย่าพูดแล้วก็ยิ้ม ตอนที่ผมกำลังตักข้าวเพิ่ม กรเองก็เหมือนกัน

“เอาไว้กันต์กลับมากินตอนบ่ายนะครับ” ผมพูด แค่กินข้าวจานนี้หมดคงอิ่มจนลุกแทบไม่ขึ้นแล้ว

“มาค้างกี่คืนกันล่ะ” ปู่ผมถามขึ้นมาบ้าง
“สองคืนครับ แล้วกันต์จะไปค้างที่แม่ริมกันอีกสามคืน”

“จะไปไหนก็ขับรถระวังๆ นะ” ปู่พูดเตือน
“ครับ”

“ทำงานเป็นยังไงบ้างลูก งานหนักไหม”
“ก็หนัก เพราะพ่อให้กันต์ทำหมดแล้ว” ผมพูด แล้วทำเสียงอ่อยๆ อ้อนย่าเหมือนตอนเด็กๆ

“คราวที่แล้วพ่อกับแม่เขามา พ่อเขาบอกว่ายกให้เราดูหมดแล้ว” ปู่ผมพูดบ้าง
“พ่อเขาบอกว่าเราทำแทนเขาได้หมดแล้ว เขาจะได้พักบ้าง” อันนี้ย่าผมพูด
“ครับ”

“แล้วเมื่อไหร่เราจะพาแฟนมาให้ปู่กับย่าเห็นบ้าง” ย่าถาม แล้วก็มาถึงคำถามที่ผมไม่อยากตอบที่สุด มันคงถึงเวลาที่ผมต้องเจอคำถามแบบนี้แล้วใช่ไหม ก็เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ตอนนี้ก็คงเหลือเรื่องให้ถามอีกไม่กี่เรื่อง

“งานกันต์เยอะแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาล่ะครับ ใครเขาจะมาคบกับกันต์” ผมก็ยกเรื่องงานมาบังหน้าไปตามเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าผมจะโกหก งานมันเยอะจริงๆ กับกรเองถ้าเราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบตอนนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะหาเวลาที่ไหนไปเจอเขา

“พอกับกาวน์ นั่นก็อีกคน พอถามก็ตอบมาเหมือนกันเชียว สองคนพี่น้องนัดกันมาหรือยังไง” ปู่ผมพูด แล้วพี่กาวน์มาหาปู่กับย่าตั้งแต่เมื่อไหร่

“พี่กาวน์ มาหานานแล้วหรือยังครับ” ผมถาม

“สักสองอาทิตย์ ก่อนจะกลับอังกฤษ เขามากับใครนะ น้องชายของปอ” ย่าพูด
“ป่าน” ปู่ช่วยพูดต่อให้

“พี่กาวน์เขามาบอกย่าว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว ตอนแรกเขาว่าจะเปิดบริษัทฯ ที่นู่น แต่อาพิมเขาไม่เห็นด้วย เพราะอยู่ที่นู่นญาติพี่น้องก็ไม่มี กาวน์เขาเลยจะมาทำคอนโดฯ ที่หัวหินแทน” ย่าผมตอบ ตอนนี้ผมอิ่มข้าวแล้วครับ หมดไปสองจานแล้ว กรเองก็ด้วย
“ครับ”

“แล้วกรมาเชียงใหม่บ่อยไหมลูก” ย่าผมเปลี่ยนเป้าหมายไปที่กรแทนแล้ว

“ขึ้นมาทุกปีครับ แม่กรเขาชอบ เลยพามาทุกปีตั้งแต่เด็ก” คนข้างๆ ผมตอบ

“แล้ววันนี้จะไปไหนกันบ้างละ” ย่าผมถาม

“เดี๋ยวขึ้นดอยสุเทพฯ ไปไหว้พระกันก่อนครับ” ผมตอบ ถึงจะไปบ่อยแล้ว แต่ยังไม่เคยขึ้นไปพร้อมกับคนที่นั่งข้างๆ นี่ครับ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันได้แล้ว จะได้กลับไม่เย็นมาก เดี๋ยวย่าทำกับข้าวไว้ให้” ย่าผมพูด ผมสองคนเลยพากันลุกจากโต๊ะ แล้วเดินขึ้นไปบนห้องก่อน เพื่อไปเอากล้องถ่ายรูป  


........................................................

ผมขับรถไปตามถนนห้วยแก้ว และแวะที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ก่อนจะขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เพื่อไปดอยสุเทพฯ ช่วงนี้ยังไม่เข้าหน้าท่องเที่ยวคนเลยค่อนข้างบางตา อยากหยุด อยากแวะตรงไหนก็แวะได้ตามใจ บรรยากาศดูสบายๆ ไม่ต้องไปแย่งอะไรกับใครด้วย

“พรุ่งนี้จะไปไหนกันดี” คนที่นั่งอยู่คู่กับผมหันมาถาม
“แล้วกรอยากไปที่ไหนล่ะ” ผมถามกลับ

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เที่ยวในเมืองกันวันนึงแล้วกัน วันศุกร์ค่อยออกไปไกลหน่อย ใจจริงกรอยากมาพักแบบสบายมากกว่า ขอมาเที่ยวแบบไม่ต้องเหนื่อยมาก แล้วกันต์อยากไปที่ไหนหรือเปล่า ถ้าอยากไปไหนก็ไปได้นะ” เขาตอบ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมคิดไว้เหมือนกัน มาหนนี้เหมือนแค่อยากมาพัก มาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องทำอะไรมากมาย จะว่าไปก็คล้ายมาเปลี่ยนที่นอนกันเสียมากกว่า

“คิดอยู่เหมือนกัน แค่อยากมาพัก มาเปลี่ยนบรรยากาศ” ผมพูด อาจจะดูเหมือนเราสองคนจะมาเที่ยวกันแบบไม่คุ้ม แต่จริงๆ ผมว่ามันคุ้มแล้วนะ แค่เรารู้สึกว่าเราได้ผ่อนคลาย ได้พักแบบเต็มที่ อยากกินเมื่อไหร่ก็กิน อยากนอนเมื่อไหร่ก็นอน ไม่ต้องกังวลกับเวลา แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว

ใช้เวลาไม่นานผมก็ขับรถขึ้นมาถึงดอยสุเทพฯ มาถึงก็ขึ้นไปไหว้พระกันก่อน แล้วค่อยออกมาเดินรอบๆ เพื่อถ่ายรูปกัน ผมก็ปล่อยให้อีกคนถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ไปเรื่อย บางทีเขาก็มาถ่ายผมบ้าง ทั้งที่ผมรู้ตัว และไม่รู้ตัว สักพักผมเองก็เอากล้องมาถ่ายรูปเขาบ้าง ก็ใช้เวลาอยู่ที่ดอยสุเทพฯ กันเกือบชั่วโมงถึงจะขับรถกลับลงมากัน

---------------------------------------------------    




ตอนนี้มาแบบเรื่อยๆ ยังไม่หวานกันมากมายนะ กลัวจะเป็นเบาหวานกันไปซะก่อน >_<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 12-09-2010 23:59:22
จิ้มไปสักทีเลยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 13-09-2010 00:00:08
อิอิ...มารอความหวานต่อ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-09-2010 00:06:36
เพิ่งตามมาสามตอนรวดค่ะน้องกวาง ดีใจอ้ะ อบอุ่นอ่อนหวาน มีความสุขไปด้วย
ยิ่งตอนกันต์งัวเงียๆอ้อนกรนะ มันน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก

ของฝากจากตอนล่าสุดนะคะ
“ถ้ากันต์มาอยู่กับย่าสักอาทิตย์ กันต์คงลงพุ่งแน่เลย” (ลงพุง ไม้เอกเกินมาค่ะ)
ช่วงนี้ยังไม่เข้าน่าท่องเที่ยว (หน้าท่องเที่ยว...มันคือความหมายของฤดูท่องเที่ยวเนอะ ^o^)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 13-09-2010 00:13:12
เชียงใหมสีชมพู เลิฟๆๆๆ :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 13-09-2010 00:13:48

ของฝากจากตอนล่าสุดนะคะ


ขอบคุณค่า พี่นุ่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 13-09-2010 00:45:38
รอที่เหลือจ้าาา อยากไปเที่ยวบ้างจัง ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 13-09-2010 00:54:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 13-09-2010 01:27:38
อยากรู่เรื่องของพี่ กาวน์ พี่ปอ น้องป่านจัง ว่าทำไมพี่ปอถึงตายแล้วทำไมพี่กาวน์ต้องรู้สึกผิด   และน้องป่านจะมาเป็นคนใหม่ของพี่กาวน์หรือป่าวน๊า   แอลคิดนอกเรื่องไปจากคู่พระนายเสียแล้วเรา อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 13-09-2010 03:54:00
ปู่กับย่าดูใจดีอ่ะน่ารักดี
กรกับกันต์เป็นความลงตัว เราก็ชอบ
ถึงจะดูเรื่อยๆแต่ก็แอบน่ารักนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-09-2010 06:11:47
คุณปู่ คุณย่าน่ารักมาก
อ่านแล้วก้อมีความสุข
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 13-09-2010 10:33:50
อยากไปเที่ยวเชียงใหม่อ่ะ บรรยาศคงน่าเที่ยวนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-09-2010 10:46:33
อ่านแล้วสบายใจดีค่ะ  ชอบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-09-2010 11:04:00
เปลี่ยนจากกินของหวานๆ มากินแบบรสชาติเบาๆ ธรรมดาๆบ้าง ก็ดีไปอีกแบบเนอะ
แต่ยังไงๆ อ่านเรื่องราวของกันต์กับกรกี่ทีๆ ก็รู้สึกดี มีความสุขตามไปด้วยทุกครั้งจ้ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 13-09-2010 14:30:27
น่ารักเสมอเลยคู่นี้
อยู่ด้วยกัน ออร่าความสุขเปล่งประกายมาถึงคนอ่านเลยน๊า
รอตอนสวีทเปลี่ยนบรรยากาศ หึหึ
เด่วจิไปแอบดูใต้เตียงดีม้ายยย เนี้ยะ
กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 13-09-2010 16:23:17
คอยติดตามอีกห้าวันที่เหลือนะ
ตอนนี้ถึงจะมาแบบเรื่อยๆ ไม่หวานมากมาย
แต่อ่านแล้วก็ยังยิ้มได้เสมอเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 13-09-2010 17:55:24
ตอนนี้อยากรู้ฟีดแบ็คจากครอบครัวกันต์ว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ?
แต่ถ้าเดาเอาเอง คิดว่าไม่น่ามีปัญหา (เพราะคิดว่าที่บ้านกันต์ต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นของพี่กาวน์และปอ)
และไม่อยากให้มีปัญหาด้วยแหละ
สงสัยประเด็นพี่กาวน์กับปอ และป่าน..
นั่นสิ อ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ยังงงเรื่องพี่กาวน์กับปอ ทำไมปอตาย เพราะอะไร?
และพี่กาวน์ก็รักผู้ชาย ใช่มั้ย?

กันต์กับกรน่ารักเสมอ  :-[


 :กอด1:คนแต่งให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days In Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 13-09-2010 17:58:37
 :-[
เที่ยวเชียงใหม่ๆ
ไปบ้างสิ

อย่าทำอะไรเสียงดังให้ปู่กับย่าได้ยินนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-09-2010 22:20:38
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 13-09-2010 22:46:10
โฮะโฮะ....เข้ามาอ่านตั้งแต่ต้นรวดเดียว

หวานนักรักนี้....ขอบคุณนะจ๊ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 14-09-2010 00:54:21
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 14-09-2010 19:27:40
 :o11: อ่านแล้วก็อยากไปเที่ยวกับเขาบ้างจัง

รออ่านตอนต่อไปนะ
จะรออ่านว่าไปเปลี่ยนบรรยากาศกันแบบไหนบ้าง 55+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: loverread ที่ 14-09-2010 23:43:34
สนุกมากมาย ชอบกรกับกันต์ ทำให้รู้สึกว่ารักแท้มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม ผู้ชายแบบกรหาได้ที่ไหน แม้ตอนที่เข้าใจว่ากันต์โดนอะไรมา ก็ยังพร้อมที่จะให้อภัย อิจฉากันต์จริง ๆ ไรเตอร์เก่งมาก ๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [1/3] p.26 (up 12-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 15-09-2010 01:21:35
ตอนที่ 35 Six days in Chiang mai [2/3]

เราสองคนลงจากดอยสุเทพ และกลับถึงบ้านย่าประมาณสี่โมงเย็น กลับมาก็เริ่มหิวนิดๆ แล้วก็ได้กล้วยบวชชีที่ย่าทำไว้ให้มารองท้องก่อนจะถึงมื้อเย็น โดยย่าให้คนตักมาให้เราสองคนนั่งกินกันที่ศาลาทรงปั้นหยาที่อยู่ในสวนหลังบ้าน ในศาลามีเบาะรองนั่ง หมอนสามเหลี่ยม และหมอนอิงอีกสองสามใบวางไว้สำหรับมานั่งเล่น หรือนอนเอนหลัง ด้านหลังศาลาเป็นบ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่พอสมควร บ่อปลานี้พ่อให้คนมาทำเมื่อกลางปีที่แล้ว พอทำแล้วก็ช่วยให้บรรยากาศดูเย็นสบายมากขึ้นไปอีก ต้นไม้ในสวนหลังบ้านส่วนใหญ่จะเป็นต้นไม้ใหญ่ และเป็นต้นไม้ไทย ๆ อย่างพวก ปีบ โมก การะเกด กนกลายไทย แล้วก็มีพวกจันผา ขิงแดงปลูกบังมุมของบ้าน ดูแล้วก็เข้ากันดีกับบ้านสไตล์ล้านนา แต่ถ้าเลยออกจากมุมที่ผมนั่งอยู่ออกไปก็จะมีพวกไม้ผลอยู่บ้าง อย่างมะม่วง กล้วย แล้วก็มีไม้ผลเมืองเหนืออย่าง ลิ้นจี่ ลำไย ไม่ได้ปลูกอะไรเยอะมากมายปลูกไว้แค่อย่างละต้นพอให้เห็นลูกเวลาถึงหน้าของมัน

“กรขึ้นไปเอาโน้ตบุ๊กนะ เดี๋ยวมา” กรบอกผม
“อื้อ” ผมรับคำ ก่อนที่กรจะลุกออกไป แล้วไม่ถึงห้านาทีเขาก็กลับมาพร้อมกับโน้ตบุ๊ก และกล้องถ่ายรูป
 
พออีกคนวางของลงเรียบร้อย และจัดการเอารูปที่ถ่ายมาลงโน้ตบุ๊กของเจ้าตัวแล้ว ผมก็เริ่มล้มตัวลงนอนคว่ำ ก่อนจะหยิบเอาหมอนที่อยู่ข้างตัวมารองข้อศอกไว้ แล้วเอื้อมมือไปหันหน้าจอให้มาอยู่ตรงหน้าของตัวเองแทน เพื่อที่จะดูรูปได้ถนัดๆ ส่วนกรก็ขยับตัวตามมา

“รูปสวยดี” ผมพูดชมรูปที่เขาถ่ายมา แล้วก็เปิดรูปไล่ดูไปเรื่อยๆ คนถ่ายก็มองภาพที่ตัวเองถ่ายมาไปพร้อมกับผม พอดูรูปที่ถ่ายมาวันนี้หมดแล้ว ก็ว่าจะเปิดดูรูปที่ถ่ายมาก่อนหน้านี้ดูอีก อย่างพวกรูปที่ถ่ายตอนไปหัวหิน แต่ก็มาสะดุดกับรูปในโฟลเดอร์หนึ่ง มันมีรูปตัวอย่างขึ้นอยู่หน้าโฟลเดอร์ แล้วอะไรที่มันสะดุดตาผมนะหรอ ก็รูปที่ผมเห็นมันเหมือนภาพผม แต่เปลือยท่อนบน แล้วก็ไม่ต้องเก็บความสงสัยไว้นาน ผมเปิดเข้าไปดูทันที กรทำท่าเหมือนจะคว้ามือผมไว้แต่ไม่ทันแล้ว

“ถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามเสียงเย็น แต่ตายังมองอยู่ที่รูปตัวเองบนหน้าจอ

“อาทิตย์ที่แล้ว” คนที่นั่งอยู่ตอบแบบไม่ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร

“เฮ้ย!! ไอ้บ้า แล้วจะถ่ายทำไม” ผมเริ่มโวยวาย เมื่อเปิดดูรูปอื่นต่อ แต่ก็มีรูปไม่เยอะมีแค่สี่รูป แต่ไอ้สี่รูปที่ว่ามันเป็นรูปตอนที่ผมหลับอยู่ แล้วเท่าที่เห็น ถึงผมจะมั่นใจว่าตัวเองใส่กางเกงอยู่ก็เถอะ แต่พอมีผ้าห่มมาปิดท่อนล่างไว้ แล้วท่อนบนเปลือยแบบนั้น มันก็ดูเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลย นอนตะแคงข้างซบหน้ากับหมอน แล้วหลับสนิท จะว่าถ่ายสวย ก็สวยอยู่หรอก แสงเข้ามากำลังดีเชียว แต่มันดูติดเรทเกินไปนะผมว่า แล้วเรื่องอะไรมาถ่ายไว้แบบนี้เล่า

“อยากน่ารักทำไมล่ะ เลยลองถ่ายดูเล่นๆ” เขาตอบแล้วก็ขำผม  

“น่ารักบ้าอะไรล่ะ คนกำลังนอนก็มาถ่าย ลบเลย” ว่าแล้วผมก็กดลบ
“หึหึ ลบก็ได้ แล้วทำไมต้องหน้าแดง” คนที่ถ่ายรูปที่ผมเพิ่งลบไปหัวเราะเบาๆ นี่ผมหน้าแดงด้วยหรอ ไม่น่ารู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆ แล้วมันน่าอายไหมล่ะ  

“แล้วในกล้องมีอีกหรือเปล่า” ผมถามเพื่อความแน่ใจ แล้วพยายามทำเสียงให้นิ่งไว้
“ไม่มีแล้วลบไปหมดแล้ว” เขาตอบ หน้าก็ยังยิ้มเหมือนเดิม

“ลบหมดแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่ได้เอาไปทำอะไรหรอกน่า ถ่ายไว้ดูเล่นเฉยๆ เดี๋ยวก็ว่าจะลบแล้ว” เขาตอบผม แล้วดึงโน้ตบุ๊คไปตรงหน้าเขาแทน ก่อนจะเปิดรีไซเคิลบินแล้วลบรูปที่ผมเอามาทิ้งไว้เมื่อกี้อีกที

“ก็ตัวจริงอยู่ตรงนี้ ดูดีกว่าในรูปตั้งเยอะ” เขาก้มลงมาพูด แต่ผมพลิกตัวหลบออกมาก่อน แล้วลุกขึ้นนั่ง

“แน่นอน” ผมพูด เรื่องแค่นี้ผมเองก็ไม่ได้โกรธ หรือจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้เอาไปทำอะไรหรอก คงแค่ถ่ายเล่นๆ เหมือนทุกที แต่ผมนั่นแหละที่เห็นแล้วมันดันเขินๆ ยังไงไม่รู้ เลยให้ลบๆ ไป
  

หลังจากนั่งเล่นกันอยู่สักพักก็เห็นปู่ถือบัวรดน้ำ เตรียมมารดน้ำต้นไม้ในกระถางที่เพาะเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นไม้ประดับต้นเล็กๆ แล้วก็มีพวกกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ ปกติเรื่องรดน้ำต้นไม้ในสวนจะมีคนทำอยู่แล้ว แต่ปู่ก็ออกมาทำเองบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นการออกกำลังกายไปด้วย ผมเลยชวนกรเดินไปหาปู่ แล้วปู่ผมเขาเป็นคนคุยเก่ง พอเจอคนชวนคุยก็เพลินเขาละ แล้วก็อย่างที่รู้กรเขาคุยเก่งกว่าผมเยอะ ผมเลยทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีฟังเขาสองคนคุยกัน พอรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้ว ก็พากันเข้าบ้านไปกินข้าวเย็น


และสำหรับคืนแรกที่เชียงใหม่ เราสองคนพากันเข้านอนเร็ว เพราะตกลงกันไว้ว่าจะไปใส่บาตรตอนเช้า



......................................................................

“เดี๋ยวตอนบ่ายจะไปไหนกันต่อละลูก” ย่าถาม หลังจากผมกลับเข้ามาถึงบ้านแล้ว เมื่อเช้าผมกับกรตื่นออกไปใส่บาตรกัน ขากลับก็แวะไปกาดหลวง หรือที่คนกรุงเทพฯ รู้จักในชื่อตลาดวโรรส เพื่อซื้อพวกหมูทอด ไส้อั่ว น้ำพริก และแคปหมู กลับมากินกัน

“กันต์ว่าบ่ายๆ จะไปเดินแถวนิมมานฯ”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตอนสายๆ ย่าจะทำกล้วยปิ้งให้กิน ยังมีกล้วยน้ำว้าเหลืออยู่อีกสองหวี” ย่าผมพูด
“ครับ” พอพูดจบ ย่าก็ให้คนมาเอาของที่ผมซื้อมาไปใส่จาน และให้ไปจัดไว้ที่ศาลาหลังบ้าน ปู่กับย่าก็ออกไปนั่งกับผมสองคนด้วย


พอสายหน่อย ย่าก็เข้าไปทำน้ำเชื่อมสำหรับราดกล้วยปิ้งให้ ปู่ก็แยกตัวไปอยู่กับต้นไม้ แล้วก็หมา แมวที่เลี้ยงไว้ ส่วนผมกับกรรับหน้าที่จุดเตา แล้วเอากล้วยออกมาปิ้ง กล้วยที่เอามาก็เป็นกล้วยที่ปลูกไว้เอง ทำกล้วยบวชชีแล้วก็ยังอยู่อีกสองหวี เลยเอามาปิ้งหมดทั้งสองหวี ให้คนในบ้านกินด้วย

“เอาเปรียบกันนิ” เสียงคนที่นั่งอยู่หน้าเตาหันมาบ่นกับผมที่นั่งมองเขาจากบนศาลา

“เดี๋ยวปิ้งกล้วยให้ไง” ผมตอบ เอาเปรียบที่ไหน ก็แบ่งกันทำ แล้วกล้วยปิ้งจะให้ปิ้งด้วยเตาไฟฟ้ามันก็ไม่หอม ไม่อร่อยเหมือนใช้เตาถ่าน ลำบากหน่อยแต่ได้กินของอร่อย ก็ถือว่าคุ้ม
.
.
.
“ถึงไหนแล้วลูก” ย่าเดินมาถาม พร้อมกับมีคนถือจานกับถ้วยใส่น้ำเชื่อมตามหลังมา

“นั่นละ ได้แล้ว” ย่าผมพูด หลังจากก้มลงมามองกล้วยที่อยู่บนเตา ผมกับกรเลยช่วยกับคีบขึ้นมาใส่จานสองจาน ย่าก็มารับไปจากผมจานหนึ่งแล้วส่งให้กับคนที่เดินถือจานมาเมื่อกี้ ส่วนอีกจานก็เอาไว้กินเอง

“อร่อยไหมลูก” ย่าผมถามกร
“อร่อยครับ” กรตอบ ย่าผมก็ยิ้ม

“ชอบก็กินเยอะๆ แล้วตอนกลางวันจะกินข้าวที่บ้านหรือเปล่า” ย่าถาม
“เดี๋ยวกันต์ว่าจะออกไปกินกันข้างนอก ย่าไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะ แต่ตอนเย็นกันต์จะกลับมากินด้วย”

“แล้วอยากกินอะไร ย่าได้ทำให้”
“อะไรก็ได้ ย่าทำก็อร่อยทุกอย่าง” ผมพูด ไม่ได้พูดเอาใจนะครับ แต่ย่าผมทำกับข้าวอร่อยจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นย่าเข้าบ้านก่อนละ” ย่าผมพูด แล้วก็ลุกขึ้น ผมก็ช่วยพยุงนิดหน่อย จริงๆ ย่าผมก็ยังแข็งแรงอยู่แต่ช่วยระวังไว้คงจะดีกว่า

พอย่าเดินไปผมสองคนก็เริ่มเลื้อยแล้วครับ กินอิ่มๆ มันเลยพาลอยากจะนอนอีกรอบ ว่าแล้วผมกับกรก็พากันนอนหลับไปตรงนั้นทั้งคู่ กรหลับไปก่อนผมอีกต่างหาก


“กันต์... กันต์” เสียงเรียก ทำให้ผมงัวเงียลุกขึ้นมา พอดูนาฬิกาข้อมือก็เกือบจะเที่ยงแล้ว

“ไปอาบน้ำก่อนไหม” กรถาม หลังจากผมลุกขึ้นนั่งแล้ว ผมก็พยักหน้าตอบ ไม่อาบคงไม่ไหว เพราะจุดเตาเมื่อเช้ากลิ่นควันมันเลยติดตัว

.
.
.
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว เราสองคนก็ออกจากบ้าน ใช้เวลาจากบ้านย่าแค่สิบห้านาทีก็ถึงถนนนิมมานฯ ผมจอดรถไว้แถวๆ ต้นซอย เพราะจะเริ่มเดินไปตั้งแต่ซอยหนึ่ง แล้วไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ ร้านค้าที่อยู่ซอย 1 ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ขายพวกของแต่งบ้าน งานศิลปะ เราสองคนมาเดินกันตอนกลางวันก็จริง แต่วันนี้อากาศถือว่าดีทีเดียว แดดไม่แรงมาก และมีลมเบาๆ พัดมาตลอด

ปกติเราสองคนก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปเดินเล่นอะไรกันเรื่อยเปื่อยแบบนี้สักเท่าไหร่ มักจะไปแบบมีจุดหมายมากกว่าอย่างไปซื้อของก็จะไปต่อเมื่อต้องซื้อ หรือมีของที่อยากได้ แต่คราวนี้มาเที่ยวก็เลยลองใช้เวลาแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินเล่นดูร้านนั้นร้านนี้ไปเรื่อยๆ อะไรน่าสนใจก็ลองเข้าไปดูเผื่อเอาไปเป็นไอเดียเวลาทำงานบ้าง

แล้วด้วยความที่ช่วงเช้าเจออาหารมื้อหนักเข้าไปเลยอยู่ท้องกันมาถึงตอนนี้ เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะเข้าไปหากาแฟกับขนมกินกันแทนในช่วงบ่าย จากซอย  1 ก็เดินมาจนถึงซอย 9 ซอยนี้และโดยรอบจะเต็มไปด้วยร้านกาแฟชื่อดังทั้งในท้องถิ่น ในประเทศ และต่างประเทศ เรียกได้ว่าเป็นถนนสายกาแฟ ผมเลือกที่จะเข้าร้านกาแฟของคนท้องถิ่นแทนการเข้าร้านของต่างประเทศอย่างปกติที่เคยเข้าเวลาอยู่กรุงเทพฯ ก็มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีจะเข้าร้านเดียวกันกับที่บ้านทำไมกัน แล้วที่เลือกร้านนี้คงเพราะเคยมาแล้วชอบบรรยากาศสบายๆ ของร้านที่ดัดแปลงมาจากบ้านเรือนทรงล้านนาเก่าๆ กับโต๊ะที่จัดไว้ด้านหลังร้านใต้เงาของต้นไม้ใหญ่ที่ไม่น่าจะมีอยู่ด้านหลังของบ้านไม้ที่หลังไม่ใหญ่มากแบบนี้  


“สวัสดีครับ” เสียงจากพนักงานที่อยู่ด้านหลังเคานท์เตอร์เอ่ยทักทาย เมื่อเราสองคนก้าวเข้าไปในร้าน
“รับอะไรดีครับ” พนักงานเอ่ยถามเมื่อผมเดินเข้าไปเพื่อจะสั่งกาแฟ

“กันต์เอาอะไร” กรหันมาถามผม
“กาแฟเย็น” ผมเลือกที่จะสั่งกาแฟเย็นธรรมดา

“เอากาแฟเย็นกับไอซ์บูมไวท์ม็อคค่า” กรสั่ง แล้วเราก็เลือกขนมกันมาอีกคนละชิ้น หลังจากสั่งกาแฟแล้ว ช่วงที่ผมกำลังจะเดินออกจากเคานท์เตอร์ เพื่อออกไปที่โต๊ะด้านหลังร้าน ก็เจอกับโต๊ะทางด้านข้างที่มีคนนั่งอยู่สามคน เป็นผู้ชายสอง ผู้หญิงหนึ่ง แล้วผู้ชายหนึ่งในสองคนนั้นก็ยิ้มให้ผม ผมเองก็เลยยิ้มกลับไป ก่อนจะเดินออกไปหลังร้าน

“รู้จักกันหรอ” กรถามผม เมื่อนั่งลงแล้ว

“เปล่า” ผมตอบ ก็มีคนยิ้มให้ แล้วผมกำลังอารมณ์ดีเลยยิ้มตอบแค่นั้นเอง จะว่าไปเหมือนผมจะเคยเห็นหน้าคนนั้น แต่ก็นึกไม่ออก

“อารมณ์ดีจริง” กรพูดกับผม
“ได้มาเที่ยว เลยอารมณ์ดีเป็นธรรมดา” ผมตอบแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ไม่นานนักกาแฟกับขนมที่สั่งก็ถูกนำมาวางลงบนโต๊ะ เราสองคนก็จิบกาแฟ กินขนม และนั่งคุยเพื่อวางแผนคร่าวๆ ว่าจะเที่ยวไหนกันบ้างกับวันที่เหลือ

“ไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา” ผมพูด หลังจากนั่งคุยกันไปได้สักพัก
.
.
.

“สวัสดีครับ” เสียงทักดังมาจากด้านหลัง ตอนที่ผมกลับไปที่เคานท์เตอร์เพื่อจะสั่งขนมเพิ่มอีกชิ้น ตอนแรกยังไม่กล้าสั่งเยอะเพราะกลัวกินไม่หมด แต่นั่งไปนั่งมาชักเพลินเลยกลับมาหาขนมไปนั่งกินต่อ ขนมก็เป็นอีกอย่างที่ปกติผมจะไม่ค่อยกิน นานๆ จะอยากกินสักที

“เอ่อ ครับ” ผมพูด เมื่อหันไปด้านหลังแล้วเห็นว่าคนที่เข้ามาทักเป็นคนเดียวกันกับที่ยิ้มให้ผมตอนแรก

“ใช่ พี่กันต์หรือเปล่าครับ” เขาถาม เหมือนเขาจะรู้จักผมจริงๆ แต่ผมยังจำเขาไม่ได้อยู่ดี
“ครับ” ผมตอบ

“ผมนัทครับ ลูกพี่ลูกน้องพี่ตรี” เขาแนะนำตัวเอง ผมเลยนึกออก ที่แท้ก็ญาติไอ้ตรี คงเจอกันตอนงานทำบุญบ้านมันเมื่อต้นปีที่แล้ว ไอ้ตรีมันพามาให้รู้จักพวกผม แล้วยังบอกว่าน้องมันเรียนสถาปัตย์อยู่ที่นี่ พอนึกออกผมก็พยักหน้ารับ

“มาเที่ยวหรอครับ” เขาถามผม ก่อนจะหันไปสั่งขนมกับพนักงาน
“อื้ม ขอโทษทีพี่จำไม่ได้” ผมตอบ แล้วพูดขอโทษเขา  

“ไม่เป็นไรครับพี่ พอดีเห็นพี่เข้ามา ผมเลยลองมาทัก ผมไม่กวนแล้ว เที่ยวให้สนุกนะครับ” เขาพูด แล้วกลับไปนั่งกับเพื่อนที่โต๊ะ ผมเลยเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองบ้าง แล้วก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่แล้ว กำลังมองผมอยู่ ผมก็นั่งลงแล้วทำเป็นไม่บอกอะไร หาอะไรสนุกๆ เล่นดีกว่า ฮาๆ




“ไม่กินหรอ” ผมถาม เพราะเค้กที่ผมสั่งมาใหม่ถูกเอามาวางไว้ตั้งแต่ผมยังมาไม่ถึงโต๊ะ แล้วคนที่นั่งอยู่ก็ยังไม่ได้กินมันเลย

“เป็นอะไร” ผมถาม เมื่อเขาเริ่มหยิบส้อมมาเขี่ยๆ ขนม แต่ยังไม่กิน

“ใครอ่ะ ไหนบอกไม่รู้จัก” คนที่นั่งเอาส้อมเขี่ยเค้กถามผม ผมก็พยายามปั้นหน้าไม่ยิ้ม เมื่อได้ยินเขาถาม
“รู้จักแล้ว ชื่อนัท” ผมตอบ แล้วกลั้นยิ้มแบบสุดๆ

“...........” เงียบเลยครับทีนี้

“เฮ้ย!! เป็นไร หึงอ่ะดิ” ผมแซวเขา แล้วยิ้มออกมา ที่กล้าพูดเพราะโซนที่ผมนั่งอยู่ไม่มีคน ส่วนใหญ่จะอยู่กันด้านในร้านที่ติดแอร์
“มากอ่ะ” เขาตอบ ผมหัวเราะแล้วครับทีนี้ ในใจก็ยิ้มร่าแล้วครับ

“นั่นอ่ะ ลูกพี่ลูกน้องไอ้ตรีมัน เคยเจอกัน ตอนแรกก็จำไม่ได้ น้องมันมาทักเลยนึกออก” ผมเฉลย

“หึงซะเมื่อไหร่ จะถามว่าใครต่างหาก หน้าตาดี จะเข้าไปขอเบอร์ไว้” คนที่นั่งตรงข้ามผมพูด แล้วยักคิ้วให้แบบกวนๆ ก่อนจะตักเค้กเข้าปาก

“ช้าไปแล้วละ ขอมาแล้ว ว่าจะเข้าไปจีบ เผื่อโดนคนแถวนี้ทิ้ง” ผมพูดบ้าง คราวนี้เลยพากันหัวเราะทั้งคู่



“ว่าแต่ขอมาจริงหรือเปล่า แต่ถึงจะขอมาจริง ก็คงไม่ได้โทรหรอก เพราะไม่มีทางทิ้งอยู่แล้ว”

“อื้อ”

----------------------------------------------------------------    
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 15-09-2010 01:34:11
คู่นี้หวานกว่าเค้กแล้วมั้งเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-09-2010 01:57:43
แค่กๆๆๆ
เค้กติดคอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 15-09-2010 03:11:52
ทริปเชียงใหม่ครั้งนี้จะหยอดๆ หวานๆแบบนี้ตลอดเลยป่ะคะเนี่ย
น่ารักอ่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 15-09-2010 05:12:23
รักดอกจึงเพียรหยอกเจ้าเล่น หวานๆไม่ถึงกับหวานจนเลี่ยน ทริปนี้สงสัยกลับมากลมทั้งคู่   :L2:   :L2:   :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 15-09-2010 06:39:19
หวานจัง :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 15-09-2010 07:53:35
ตายๆๆๆๆ

กันต์น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หาอะไรเล่นสนุกๆ แหม่ๆๆๆ :m1:
เขินเฟร้ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-09-2010 11:15:53
เค้กรัยฟระ  หวานชิ๊บ  ว่าแต่ทำอะไรกันก็เกรงใจคนอ่านบ้างดิ่
น้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ด  ไม่พอยังตาร้อนผ่าวอีกนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 15-09-2010 11:33:19
ระวังมดกัดนะ เล่นมาทำน้ำตาลหกกันไว้แบบนี้

พี่กันต์นี่ชักจะน่ารักใหญ่แล้วนะ
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 15-09-2010 11:33:29
อิอิ เค้กจืดไปเลยอ่ะดิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wisa ที่ 15-09-2010 12:47:25
รายงานตัวครับ
ตามทันถึงตอนล่าสุดแล้ว สนุกดีครับ
ตอนล่าตอนน่าจะมี 6 ตอนย่อยนะครับอยู่ตั้ง 6 วัน
แค่สองวัน ก็ ปาเข้าไป 2 ตอนแล้ว อีกตอนที่เหลือ กับอีก 4 วัน ไม่พอครับ


 o13

 :L2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-09-2010 13:20:15
แค้ก แค้ก แค้ก อะแฮ่ม ..แม้ แสบคอไปหมดแล้ว
อ่ะขอจิบน้ำกลั้วคอหน่อย อึก หวานอ่ะ หวานจนแสบคอแล้วค่ะ น้องกร น้องกันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 15-09-2010 19:34:49
พี่กันต์ช่างสรรหาอะไรสนุกๆ เล่นซะเหลือเกิน

:m12:
ระวังกรจะหาเรื่องสนุกมาเอาคืนบ้างนะ ฮาๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: annis204 ที่ 15-09-2010 19:52:32
หนมเค้มร้านนี้หวานเกินไปป่าว ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 15-09-2010 20:25:36
นานๆ จะมาตอบกลับกันสักทีเนอะ
โฮะโฮะ....เข้ามาอ่านตั้งแต่ต้นรวดเดียว หวานนักรักนี้....ขอบคุณนะจ๊ะ
ขอบคุณเช่นกันค่ะ
สนุกมากมาย ชอบกรกับกันต์ ทำให้รู้สึกว่ารักแท้มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม ผู้ชายแบบกรหาได้ที่ไหน แม้ตอนที่เข้าใจว่ากันต์โดนอะไรมา ก็ยังพร้อมที่จะให้อภัย อิจฉากันต์จริง ๆ ไรเตอร์เก่งมาก ๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ปล. เพราะคนแต่งก็เชื่อมั่นในรักแท้ค่ะ ไม่ว่าเพศไหน ^_^
คู่นี้หวานกว่าเค้กแล้วมั้งเนี่ย 5555
หวานแล้วชอบไหมค้าาาาา... ^_^
แค่กๆๆๆ เค้กติดคอ
รับน้ำสักแก้วไหม เดี๋ยวเป็นอะไรไป อดอ่านตอนหน้านะเออ
ทริปเชียงใหม่ครั้งนี้จะหยอดๆ หวานๆแบบนี้ตลอดเลยป่ะคะเนี่ย น่ารักอ่ะ ชอบๆ
ตอนนี้ไม่มีขมแน่นอน เตรียมเป็นเบาหวานได้เลย
รักดอกจึงเพียรหยอกเจ้าเล่น หวานๆไม่ถึงกับหวานจนเลี่ยน ทริปนี้สงสัยกลับมากลมทั้งคู่
เพราะรักคำเดียวจริงๆ ค่ะ งานนี้
ตายๆๆๆๆ กันต์น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก หาอะไรเล่นสนุกๆ แหม่ๆๆๆ เขินเฟร้ยยยยยยยยยย
ใจเย็นค่ะพี่นุ่น เดี๋ยวได้เขินมากกว่านี้ 55+
เค้กรัยฟระ  หวานชิ๊บ  ว่าแต่ทำอะไรกันก็เกรงใจคนอ่านบ้างดิ่ น้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ด  ไม่พอยังตาร้อนผ่าวอีกนะเนี่ยะ
รับน้ำไปดับไฟก่อนไหมมมม... ให้เอาไว้เผื่อตอนหน้าด้วยนะ
ระวังมดกัดนะ เล่นมาทำน้ำตาลหกกันไว้แบบนี้ พี่กันต์นี่ชักจะน่ารักใหญ่แล้วนะ
ให้พี่กันต์น่ารักกับเขาบ้าง ชมกรกันบ่อยแล้วเนอะ >_<
อิอิ เค้กจืดไปเลยอ่ะดิ
เค้กร้านไหนก็หวานไม่เท่าละงานนี้ อิอิ
รายงานตัวครับ ตามทันถึงตอนล่าสุดแล้ว สนุกดีครับ ตอนล่าตอนน่าจะมี 6ตอนย่อยนะครับอยู่ตั้ง 6 วัน แค่สองวันก็ปาเข้าไป 2 ตอนแล้ว อีกตอนที่เหลือกับอีก 4 วัน ไม่พอครับ
สงสัยจะต้องเพิ่มจริงๆ แล้วละคะ ยิ่งแต่ง ยิ่งเพลิน
แค้ก แค้ก แค้ก อะแฮ่ม ..แม้ แสบคอไปหมดแล้ว อ่ะขอจิบน้ำกลั้วคอหน่อย อึก หวานอ่ะ หวานจนแสบคอแล้วค่ะ น้องกร น้องกันต์
ยังหวานได้อีกนะ ยังจะรับได้อยู่ไหมเอ่ย
พี่กันต์ช่างสรรหาอะไรสนุกๆ เล่นซะเหลือเกิน ระวังกรจะหาเรื่องสนุกมาเอาคืนบ้างนะ ฮาๆ
นั่นสิเนอะ น่าคิดๆ ...
หนมเค้มร้านนี้หวานเกินไปป่าว ^^
ถามเหมือนเดิมค่ะ "หวานแล้วชอบกันหรือเปล่าเอ่ย??"

และอีกหลายคนที่ไม่ได้ตอบ warin padigree knightofbabilon rellachulla Little Devil Samsoon@doll didi para'setamol lasom bbyuqin atom_big milky way Akamei kungyung Jasmin yunjaejoong bbc52 DE SaiKuNee PEENAT1972 pattybluet jeeayboy dahlia *4_m3* aim ;etc. อาจจะไม่ได้ตอบครบทุกคน ตกหล่นไปบ้าง หรือไม่ได้เอ่ยถึง แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะที่อ่านกันมาจนถึงตอนนี้ จะตั้งใจทำให้เรื่องนี้น่าอ่านขึ้นเรื่อยๆ นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-09-2010 21:59:01
เค้กจืด หวานสู้ไม่ได้
ชอบบรรยากาศมากเลย
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-09-2010 22:04:02
โห พี่กันต์อะ จะรีบลบรูปไปไหนละยังไม่ได้ดูเลย อยากดูอะ  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 15-09-2010 22:20:51
หวานทะลุเป้ากันเลยที่เดียวว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: loverread ที่ 16-09-2010 00:02:44
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 16-09-2010 01:22:31
อ่านเรื่องนี้แล้ว  :-[ ตลอดอ่ะ



ถนนสายกาแฟ ที่เชียงใหม่เหรอ  :interest:
น่าสนใจมากกกกกกกกกกกก..
คนอ่านติดกาแฟ..พอๆกับติดเกมส์ และนิยาย 55
แต่ประเด็นคือไม่เคยไปเชียงใหม่..



 :กอด1:ให้กำลังใจคุณไรท์เตอร์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 16-09-2010 13:01:32
กันต์ กร อย่าหวานให้มากนักระวังไว้หน่อยน่ะเี๋ดี๋ยวจะเป็นเบาหวานเอาง่ายๆนะ5555 อิจฉาง่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 16-09-2010 13:05:30
มาเลยค่ะไรเตอร์ มาเลย หวานมาทุกตอน รับได้ทุกตอน โดยมิกลัวว่าน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มเลยจ้า
 :กอด1:ไรเตอร์จ้ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 16-09-2010 14:49:06
เค้ารักสองคนเน้ ไม่ไหวแล้ว
น่ารักเป็นบ้า
โมเม้นที่อยู่กันสองคน มันเจิดมากกก
โลกนี้เปล่งประกายสดใส
คนอ่านเลยสดใสไปด้วย
ขอบคุณไรท์เตอร์มากเลยค่า
+1 จ้่ะตัวเอง :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-09-2010 15:23:17
น่ารัก จังเลย หวังว่าต่อไปๆจะไม่มีมาม่ามานะ 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 16-09-2010 16:44:44
แค่คำพูดสั้นๆ ไม่ได้หวาน โรแมนติกมากมาย แต่ทำไมมันกินใจเนอะ...แค่ว่ายังก็ไม่ทิ้งอยู่แล้ว แค่นี้เองอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-09-2010 18:48:07
โอ๊ย  หวานมากๆ  มดขึ้นเต็มจอเลยจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 17-09-2010 13:50:57
อยากบอกว่าน่ารักทั้งคู่เลยค่ะ


มันเรื่อยๆ แต่หวานจนน้ำตาลเรียกทวดแล้วมั๊งค่ะเนี๊ย   :-[








หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-09-2010 23:43:13
อยากกินเค้กมั่งจังเลย 555

ท่าทางจะอร่อยถูกปากนะนั่น 555

ว่าแล้วไปหาในตู้เย็นกินดีกว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [2/3] p.27 (up 15-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 19-09-2010 01:54:07
ตอนที่ 35 Six days in Chiang mai [3/3]

“จะออกไปกินหรือสั่งมาที่ห้อง” ผมถามคนที่บ่นหิว แต่กลับนอนหนุนตักผมอยู่บนชิงช้าตัวใหญ่นอกชานหน้าห้องนอนไม่ยอมลุกไปไหนตั้งแต่มาถึงรีสอร์ท ส่วนชิงช้าที่นั่งๆ นอนๆ กันอยู่ จะเรียกชิงช้าก็ไม่เชิง เพราะผมว่ามันเหมือนเอาโซฟาหรือเตียงขนาดย่อมมาแขวนไว้มากกว่า แล้วก็มีอยู่สองที่ทั้งในห้องนอนและตรงที่ผมนั่งอยู่

“สั่งมาที่ห้องนะ ตอนนี้ไม่อยากออกไปไหนแล้ว” คนที่นอนอยู่พูด แล้วก็จับมือผมเล่นตามเคย

“อื้อ ลุกก่อนเดี๋ยวไปสั่งให้ แล้วจะกินอะไร” ผมถาม แล้วดันตัวคนที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่ง

“อยากกินพวกอาหารเหนืออ่ะ มานี่เพิ่งกินแค่ไส้อั่วกับน้ำพริกหนุ่มเอง” พอเขาพูดจบผมก็ลุกไปโทรศัพท์สั่งอาหาร ก็ให้เขาจัดเป็นชุดขันโตกมาเลย

.
.
.
หลังจากไปเที่ยวกันช่วงเช้าเราสองคนก็มาถึงรีสอร์ทกันเกือบๆ ห้าโมงเย็น สำหรับรีสอร์ทที่ผมเลือกมาพักเป็นรีสอร์ทที่อยู่ในอำเภอแม่ริม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ถ้าขับรถเข้าเมืองก็ไม่เกินครึ่งชั่วโมง จุดเด่นของที่นี่คือจะมีแปลงปลูกข้าวอยู่กลางรีสอร์ท ซึ่งเน้นความเป็นธรรมชาติมากๆ

ส่วนห้องพักที่ผมเลือกเป็นแบบ Pool Villa ที่พอเปิดประตูที่อยู่ในห้องนอนออกมาก็จะเจอชานนั่งเล่นที่มีชิงช้าตัวที่ผมกับกรออกมานั่งเล่น ด้านหน้าเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว ด้านขวามีศาลาสำหรับพักผ่อนคล้ายๆ กับที่บ้านย่า ด้านหลังศาลาก็จะมีส่วนสำหรับล้างตัว เป็นชาวเวอร์กลางแจ้ง ส่วนด้านขวาของสระก็มีเตียงสำหรับนอนเล่นริมสระอยู่สองตัว และถ้ามองเลยสระว่ายน้ำไปก็ไม่ได้เห็นเป็นกำแพงนะครับ แต่เป็นป่าและทิวเขา

นอกจากสระว่ายน้ำที่เป็นจุดเด่นของห้องแล้วก็ยังมีอีกอย่างคือ อ่างอาบน้ำกลางแจ้ง ตอนเดินเข้าห้องน้ำไปก็ชอบแล้ว แต่จะว่าไปผมก็ชอบทั้งห้องนั่นแหละ แต่ห้องน้ำนี่พิเศษหน่อย เพราะเข้ามาเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเดินไปดูอ่างอาบน้ำเท่านั้นละครับ รีบมองซ้ายมองขวาสำรวจ ก็เล่นอยู่ซะกลางแจ้ง ถึงจะบอกว่าที่นี่ความเป็นส่วนตัวสูงแต่มันก็อดมองรอบข้างอย่างระแวงๆ ไม่ได้ เน้นให้สัมผัสธรรมชาติกันเหลือเกิน

.
.
.

แล้วก็ย้อนมาถึงสถานที่ที่เราสองคนไปเที่ยวกันมาวันนี้ เราไปสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกันมา ก็ออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้าเพื่อจะขับรถขึ้นดอยอ่างขาง ปู่กับย่าก็ออกมาส่งเราด้วย แต่ยังไม่ได้ล่ำลากันเสียทีเดียว เพราะวันสุดท้ายเราจะแวะมากินข้าวที่บ้านย่ากันก่อนกลับกรุงเทพฯ และสำหรับเช้าวันนี้ย่าก็ให้พี่แม่ครัวเตรียมแซนวิชใส่กล่องมาให้ด้วย แล้วยังมีนมกับน้ำผลไม้อีก ย่าบอกว่าจะได้ไม่ต้องไปแวะซื้อกินระหว่างทาง แล้วสุดท้ายก็ไม่ลืมที่จะให้พรเราสองคนให้เดินทางปลอดภัย

ระยะทางจากบ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ถึงดอยอ่างขางประมาณร้อยกว่ากิโลฯ ใช้เวลาขับรถสองชั่วโมงกว่าก็มาถึง โดยผมเป็นคนขับรถขึ้นมา ระหว่างทางมีฝนลงเม็ดบ้าง แต่พอขึ้นมาถึงสถานีเกษตรหลวงอ่างขางฝนก็หยุดพอดี เราสองคนก็ไล่ดูไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สวนแปดสิบ ที่เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ แล้วต่อด้วยสวนคำดอยที่อยู่ตรงข้ามกัน สวนนี้อยู่จะเน้นพันธุ์ไม้จากต่างประเทศ หลังฝนตกแบบนี้ผมว่ามันทำให้บรรยากาศดูสดชื่นมากเลยทีเดียว จากนั้นก็ตามด้วยสวนบอนไซ แปลงผลไม้ จนมาถึงเรือนดอกไม้ ที่ภายในจะมีจุดจำหน่ายผลผลิตของสถานี และผลิตภัณฑ์แปรรูป พร้อมมีมุมนั่งพักจิบกาแฟ ซึ่งเราสองคนก็แวะกันอีกตามเคย

พอช่วงบ่ายเราก็กลับกันลงมา ถึงจะบอกว่าอยากมาพักแบบสบายมากกว่ามาเที่ยวกันแบบลุยๆ แต่มาถึงเชียงใหม่ทั้งที ถ้าจะไม่มาสัมผัสธรรมชาติบ้างเลยมันก็เหมือนมาไม่ถึง เลยชวนกันขับรถขึ้นมาเที่ยวดอยอ่างขาง เดินไปก็ขำๆ กันไปสองคน ก็ผู้ชายสองคนพากันมาเดินอยู่ตามแปลงดอกไม้ แล้วด้วยความที่ยังไม่ใช่ช่วงวันหยุดคนเลยไม่เยอะ เลยทำให้เราสองคนเที่ยวกันแบบสบายๆ บางช่วงที่ไม่มีคน กรก็มาคว้ามือผมไปจูงบ้าง ผมจูงมือเขาบ้าง อย่างที่ทำไม่ได้เวลาอยู่กรุงเทพฯ




……………………………………………..


“เฮ้อ!! สบายจัง” เสียงกรที่นอนเอกเขนกกางแขนกางขาอยู่ข้างผมพูดขึ้นมา ตอนนี้สองทุ่มแล้ว เราสองคนกินข้าว อาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกมานั่งๆ นอนๆ อยู่ในศาลาริมสระ อากาศกำลังเย็นสบาย  

“มาอยู่ที่นี่แล้วกรไม่อยากออกไปไหนเลยรู้ไหม” กรพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางผม ที่นั่งเอนตัวพิงหมอนอยู่ข้างเขา

“เอ้ย!!” ผมอุทานเมื่อคนที่นอนอยู่เมื่อกี้ อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมา คร่อมตัวผมแล้วดันให้ผมนอนลงไปกับพื้นพรม

“พามาที่แบบนี้แล้วใครจะอยากออกไปไหนกัน หื้ม...” เขาก้มลงมาจนจมูกเขามาชนกับจมูกผมแล้วพูด

“อะ ไอ้บ้า ซาดิสต์” ผมยังไม่ทันจะตอบอะไร ก็ต้องพูดว่าเขาไปก่อน กรเขาแกล้งผมอีกแล้ว เขาเลื่อนลงไปงับซอกคอผม แต่ไม่ได้แรงอะไร แค่งับเบาๆ ไอ้บ้านี่ชอบกัด บางทีนั่งกันอยู่ก็คว้าแขน คว้ามือผมไปงับ ยิ่งมีอะไรทีผมโดนไปทั้งตัว เขาบอกว่าเห็นผมแล้วน่ามันเขี้ยวอยากกัด พอผมว่าไปก็เอาแต่หัวเราะ หึหึ แล้วก็ทำต่อ เพราะรู้ว่าผมไม่ได้ว่าเขาจริงจัง

“ไม่เอาตรงนี้” ผมพูด แล้วคว้ามือคนที่กำลังจะจับชายเสื้อผมเลิกขึ้น เขาเลยทำหน้าเหมือนจะถามว่าทำไม

“เข้าไปข้างในก่อน อื้อออ...” ผมบอก แต่เหมือนเขาจะไม่ได้ฟังผม เพราะเขายังทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ ถึงจะบอกว่าที่นี่ความเป็นส่วนตัวสูงก็เถอะ แต่ยังไงผมก็รู้สึกว่าตรงนี้มันคือกลางแจ้งอยู่ดี เมื่อกี้ที่อ่างอาบน้ำเขาก็ขอ แต่ผมก็หาข้ออ้างเอาตัวรอดมาได้ เพราะบอกเขาว่าเพิ่งกินข้าวมาอิ่มๆ อย่าเพิ่งทำอะไร  

“ตรงนี้แหละ ไม่มีใครหรอก” เขาบอกผม พอผมทำท่าจะพูดก็โดนเขาหยุดไว้

“พอแล้วไม่ให้พูดแล้ว” เขาว่าแล้วเลื่อนริมฝีปากขึ้นมาประกบปิดปากผม ส่วนมือเขาไม่ต้องพูดถึง ไวอย่างกับอะไร แค่เวลาไม่นานผมกับเขาก็ไม่มีผ้าสักชิ้นติดตัว ผมได้แต่เสตาไปมองด้านข้าง แล้วทำตาปริบๆ มองเสื้อผ้าที่ถูกสลัดทิ้งไว้ข้างตัว ก่อนจะละสายตากลับมามองหน้าคนด้านบนอีกครั้ง

“อึก อื้ออ...” ผมพยายามจะกลั้นเสียงตัวเองให้ดังออกมาน้อยและเบาที่สุด ก็มันอยู่นอกห้องใครจะกล้าส่งเสียงอะไรมาก แต่กรกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือกับผมเลย ยิ่งรู้ว่าผมพยายามกลั้นเสียง เขาก็ยิ่งแกล้ง พอผมยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ ก็ถูกจับออกแล้วตรึงไว้กับพื้นทั้งสองข้าง

จากหน้าผาก จมูก แก้ม ริมฝีปาก คาง ติ่งหู ซอกคอ บ่า ไหปลาร้า ไล่ลงไปจนถึงแผ่นอก เอว หน้าท้อง ทุกๆ ส่วนบนร่างกายผมแทบจะไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกสัมผัส จากด้านบนไล่ลงไปเรื่อยๆ แต่ละส่วนนั้นไป ส่วนที่แรงอารมณ์ของผมกำลังก่อตัวอยู่ เขาปล่อยมือที่ตรึงมือผมไว้ แล้วเปลี่ยนไปช้อนขาผมขึ้นมาแทน เขาไล่งับเบาๆ ที่ต้นขา ซอกขาด้านใน แล้ววนกลับขึ้นมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง “เขาจงใจแกล้งผมชัดๆ” แล้วคิดว่าผมจะยอมให้เขาแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวหรอ ไม่มีทาง ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ว่าแล้วผมก็หาจังหวะพลิกตัวกลับไปคร่อมเขาไว้แทน

“แกล้งกันนักหรอ หา...” ผมโน้มตัวลงไปพูดใกล้ๆ หูเขา แล้วก็ทำแบบเดียวกันกับที่เขาทำกับผม แต่แค่ไล่ลงมาถึงกลางลำตัว กรก็เหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว เพราะมือซนของเขาอ้อมไปอยู่ด้านหลังผมแล้ว


“อื้อ... เจ็บ” ผมร้องบอกเขา เพราะวันนี้มันไม่มีตัวช่วยอะไรเพิ่มเติม นอกจากสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติล้วนๆ

“ไหวหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกรมา” กรพูดแล้วถอนนิ้วออกไป ก่อนทำท่าเหมือนจะลุกขึ้น

“อ้ะ... ไม่ต้องไป แค่ช้าๆ พอ” ผมพูด แล้วซบตัวลงกับอกของคนที่อยู่ด้านล่าง โดยที่สองมือก็ยึดบ่าเขาไว้ ไม่มีแรงจะแกล้งใครแล้วตอนนี้ แค่ลำพังตัวเองก็จะไม่ไหวแล้ว

.
.
.
“ขยับได้ไหม ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ” เขาถามผม ที่นั่งอยู่บนตัวเขา ผมเองพยักหน้าตอบ มันก็เจ็บอยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกันมันก็มีอารมณ์อื่นที่มากกว่านั้น

“อื้อ...“ ผมตอบตกลง พอเขาเห็นว่าผมตกลง มือทั้งสองข้างของเขาที่ประคองอยู่ที่เอวผม ก็จับตัวผมขยับขึ้นลงจากช้าๆ ในตอนแรก แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่เอามือยันหน้าท้องของเขาประคองตัวเองไว้ไม่ให้ฟุบลงไป และปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง    

“อะ อะ...” เสียงที่ดังออกมาไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร เพราะตอนนี้ผมเริ่มจะไม่รู้อะไรแล้ว ได้แต่เคลื่อนไหวไปตามแรงที่ถูกส่งมาจากด้านล่างแค่นั้น  
 
“เร็วกว่านี้อีก จะไปแล้ว อ้ะ...” พอผมพูด เพื่อให้คนที่กำลังช่วยปลดปล่อยอารมณ์ให้ผมเร่งขยับมือของเขาเร็วขึ้น แต่ที่ตามมามันไม่ใช่แค่มือ เพราะตัวผมก็ถูกเร่งให้ขยับเร็วขึ้นตามไปด้วย

“อื้อ... อื้อออ...” เสียงครางยาวถูกปล่อยออกมา พร้อมกับอารมณ์ของผมที่ถูกปลดปล่อยในเวลาเดียวกัน ก่อนที่ผมจะยันตัวเองไว้ไม่ไหว ฟุบลงไปกับอกของคนที่ช่วยปลดปล่อย แต่คนที่ช่วยผมเขายังไม่ได้ถูกปลดปล่อยเช่นเดียวกันกับผม พอผมหมดแรงฟุบลงไปแล้ว เขาก็จัดการพลิกตัวผมให้ลงไปอยู่ด้านล่าง ก่อนจะขยับตัวต่อไปอีกสักพักถึงได้ตามมาอยู่ที่จุดเดียวกันกับที่ผมเพิ่งผ่านมาเมื่อกี้

“อ้า........” เสียงสุดท้ายที่แสดงให้รู้ว่าคนด้านบนก็ได้ปลดปล่อยออกมาแล้วเช่นกัน จากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงมาทับผมไว้ แต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งหมด เพราะเอาแขนยันพื้นไว้ แล้วหลังจากนั้นก็มีแต่เสียงหอบหายใจของเราสองคนที่ดังอยู่
.
.
.
“ต่อเลยได้ไหม” คนที่เพิ่งจะไปถึงฝั่งเมื่อกี้ถามผม แต่เขาก็ไม่รอให้ผมตอบอีกตามเคย เพราะเขาเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

“อ้ะ...”

“แล้วจะถามทำไมกัน” ผมได้แต่คิดในใจ เพราะเสียงที่รอดออกมาตอนนี้ มันกลายเป็นเสียงอื่นไปเสียแล้ว

“อื้มมม...”

.
.
.

นั่นแหละครับคืนแรกของผมที่รีสอร์ท และก็ดูเหมือนว่าคนที่มาด้วยกันกับผม เขาจะทำตามที่เขาพูดนะว่า มาที่นี่แล้วไม่อยากออกไปไหน เพราะวันรุ่งขึ้นผมกับเขาก็ไม่ได้ออกไปไหนจริงๆ กว่าจะตื่นมาก็เที่ยงแล้ว ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะลุกไปไหนเหมือนกัน เลยสั่งอาหารเข้ามากินที่ห้องอีกครั้ง ส่วนตอนเย็นถึงได้ออกไปกินมื้อเย็นที่ห้องอาหารที่อยู่ริมสระว่ายน้ำหลักของรีสอร์ท ซึ่งมื้อเย็นเราก็เปลี่ยนมากินอาหารอิตาเลี่ยนกันบ้าง อาหารอร่อย บรรยากาศดี ส่วนได้พักเต็มที่หรือเปล่าอันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองจะเหนื่อยมากกว่าปกติ

แล้วหลังจากกลับมาจากกินอาหารมื้อเย็น เราก็ได้ใช้สระว่ายน้ำในห้องกันครั้งแรก ไม่ได้ว่ายอะไรจริงจัง เพราะสระก็ไม่ได้ใหญ่อะไร แค่ลงไปลอยตัวเล่นกันมากกว่า ระหว่างที่อยู่ในสระก็เปิดเพลงฟังไปด้วยเพลินๆ แต่เรื่องจะทำอะไรกันในสระนี่ไม่มีนะ ขอกลับไปอยู่บนเตียงแบบปกติ แล้วผมก็ต้องขอให้เขาลดๆ อะไรลงบ้าง ไม่อย่างนั้นวันรุ่งขึ้น เราคงไม่ได้ออกไปไหนกันอีกแน่ๆ



………………………………………………

ผมว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากๆ เพราะพรุ่งนี้ก็ถึงวันที่เราต้องกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว วันนี้เราสองคนมีแผนจะไปทำบุญไหว้พระกันก่อนกลับบ้าน ส่วนตอนเย็นจะเข้าเมืองเพื่อไปเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินท่าแพ

วัดที่เราไปกันในช่วงเช้าคือ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ซึ่งอยู่ในอำเภอแม่ริม ระหว่างทางขึ้นวัดค่อนข้างคดเคี้ยว เมื่อผ่านหมู่บ้านและทุ่งนาไป ก็จะมีแต่เขาและลำธารคู่กับถนนไปเรื่อยๆ  ถ้าลองสังเกตดีๆ ช่วงนี้จะเห็นต้นพลับตามข้างทาง ออกลูกเต็มต้น

หลังจากไหว้พระก็กลับมากินมื้อเที่ยงกันที่รีสอร์ท ส่วนช่วงบ่ายที่ไม่มีแผนว่าจะไปที่ไหน ผมเลยชวนกรไปลองทำสปา ออกมาก็สบายตัวดีเหมือนกัน พอตกเย็นก็ขับรถเข้าเมืองกัน เพื่อไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินท่าแพ ที่มานี่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรส่วนตัว มีแต่ของฝากคนอื่นทั้งนั้น แล้วใช้เวลาไม่นานผมก็ได้กระเป๋าผ้ากับพวงกุญแจหน้าตาตลกๆ กลับไปเป็นของฝากคนที่ออฟฟิศ ส่วนพรุ่งนี้เช้าก็คงแวะไปกาดหลวงเพื่อซื้อพวกแคปหมูกับน้ำพริกหนุ่ม


.
.
.
แล้วคืนนี้ก็ถือเป็นคืนสุดท้ายของเราที่เชียงใหม่ แล้วก็ตามที่ผมตั้งใจไว้คือ ผมอยากจะทำอะไรบางอย่างให้กร เรื่องของเรื่องคือ ผมรู้สึกว่าเมื่อวันเกิดเขาที่ผ่านมา ผมไม่ได้ให้เวลาหรืออะไรหลายๆ อย่าง ตามที่ผมตั้งใจจะทำให้เขา ผมเลยถือโอกาสช่วงที่ผมกับเขาเข้าไปทำสปา ซึ่งเราสองคนอยู่คนละห้อง ติดต่อกับพนักงานของรีสอร์ทเพื่อให้เตรียมตามสิ่งที่ผมต้องการ


“อ้าว ทำไมมืดแบบนี้ละ” กรถามผมเมื่อเรากลับเข้ามาถึงห้องพักกันประมาณสองทุ่มครึ่ง ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไร แต่คว้ามือของเขาให้เดินตามผมมา ผมพาเขาเดินมาจนเห็นแสงสว่างจากเทียนสามเล่มในเชิงเทียนที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะกินข้าว ซึ่งมีอาหารจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าอาหารนั้นยังร้อนอยู่ ผมจับบ่าทั้งสองข้างของเขา และดันตัวเขาให้มาอยู่ตรงเก้าอี้ เป็นสัญญาณบอกให้เขานั่งลง พอเขานั่งลงแล้วผมก็เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา โต๊ะที่ผมให้คนมาจัดไว้อยู่นอกชานของห้องนอนริมสระว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้เหนือผิวน้ำเต็มไปด้วยดอกบัวที่มีเทียนเล่มเล็กที่ถูกจุดปักอยู่ตรงกลาง

“ตอนวันเกิดกร ตั้งใจว่าจะทำให้แบบนี้” ผมพูดกับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“แต่ไม่ได้ทำ เลยมาทำให้ตอนนี้แทน” ผมพูดกับคนที่กำลังมองหน้าผมอยู่ ก่อนที่เขาจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาผม ผมเองก็ลุกขึ้นตามเขา กรเข้ามากอดผมไว้ ผมเองก็ยกแขนขึ้นกอดเขาตอบ

“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่อยู่กับกรจนถึงวันนี้ ขอบคุณ รักกันต์นะ” คนที่กอดผมไว้ พูดอยู่ข้างหูผม

“ขอบคุณและรักเหมือนกัน” ผมพูดกับเขาเช่นเดียวกัน

และอาหารมื้อค่ำของวันนี้ก็จบลงด้วยเค้กช็อคโกแลตปอนด์เล็ก ที่ผมสั่งมาให้เขา  


--------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 19-09-2010 02:12:40
หวานๆๆๆๆๆๆๆๆ :impress2: :impress2: :impress2:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-09-2010 02:24:53
ส่วนได้พักเต็มที่หรือเปล่าอันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองจะเหนื่อยมากกว่าปกติ
ขำกันต์.....แอบฮานะคะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โอย สวีททททททททททททท โซซซซซ สวีททททททททททททททททททท

>//////////////<
กันต์ น่ารักมาก หวานมาก หวานอ้ะ เป็นตอนที่หวานแบบไร้รสอื่นเจือปน
ตอนทำแบบนั้นกันก็ว้านนนนนนนนนหวาน ตายๆๆๆ ขอตายดีกว่า อยากกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ได้ ดึกแล้วไม่ควรโหยหวน

ของฝากน้องกวางค่ะ
ถึงจะบอกว่าที่นี่ความเป็นตัวสูงแต่มันก็อดมองรอบข้างอย่างระแวงๆ ไม่ได้ (ความเป็นส่วนตัวสูง)
ระหว่างทางขึ้นวัดค่อนช้างคดเคี้ยว (ค่อนข้าง)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 19-09-2010 02:27:17
น่ารักมากกกกกก
หวานมากกกกกกกก
อิจฉามากกกกกกกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-09-2010 02:33:26
หวานไม่เกรงใจใครนะคู่นี้
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 19-09-2010 02:55:47
ท่าทางกันต์จะไม่ค่อยได้พักนะ เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wisa ที่ 19-09-2010 03:22:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 19-09-2010 06:51:07
คู่รักที่น่าอิจฉา ใช้เวลาพักผ่อนไม่คุ้มเลยอ่ะ เห็นกันต์บ่นเหนื่อยกว่าเดิม   :m20:   :m20:   :m20:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 19-09-2010 07:42:56
อ่าน กันต์ กับ กร แล้วมดกัดเลยยย

เพราะหวานกันมาก ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-09-2010 07:46:58
กลับมาน่าจะเหนื่อยกว่าเก่า 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 19-09-2010 08:37:00
ว้าวววว ปลื้มอ่ะ กันต์ก็ทำอะไรหวานๆให้กรเป็นด้วยนิ ^ ^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 19-09-2010 10:06:09
เหอะๆๆๆๆ ไม่ได้ออกจากห้องกันเลยทีเดียววว

ก็บรรยากาศมันเป็นใจ :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-09-2010 10:23:41
เป็นคู่ที่น่าอิจฉามาก ๆ หวานแบบพอดี ๆ ไม่เลี่ยนจนเกินไป
ชอบคู่นี้มาก ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 19-09-2010 12:28:45
รับความหวานก่อนจะมีมาม่าหม้อใหญ่หรือป่าวอะคะเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 19-09-2010 12:50:12
 :m20: ฮาๆๆ พี่กันต์ ครั้งหน้าขอแนะนำให้ไปพักที่ธรรมดาๆ
ไม่อย่างนั้นบรรยากาศดีๆ จะทำให้พี่ไม่ได้พักนะ

ไปพักผ่อนแต่กลับเหนื่อยกว่าเก่า อิอิ

เห็นมุมน่ารักๆ ของพี่กันต์เยอะเลยนะ ไปเชียงใหม่ทริปนี้

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 19-09-2010 13:03:14
น่ารักง่ะ หวานกันจังเลยอิจฉา อิจฉา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 19-09-2010 14:06:30
หวานตลอดเวลาเลยคู่นี้
ชอบมากมาย
และเป็นสุขใจที่ได้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 19-09-2010 19:51:19
สองคนนี้หวานมากมายอ้ะ..
ยิ่งตอนที่พี่กันต์เตรียมเซอร์ไพรส์ให้กรเนี่ยโรแมนติกสุดๆเลย  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 19-09-2010 20:25:05
หวานนนนนนนนน จัง
ชอบมากเลยค่า
เหนื่อยๆ งี้ มาอ่านเรื่องนี้ หายเหนื่อยเลย เหอๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 19-09-2010 21:09:39
ชอบคำนี้จัง"รักกัน(ต์)นะ"
                 :m3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 19-09-2010 22:08:09
 :o8: แหม หวานกันได้ หวานกันดีนะคู่นี้

อ่านไปยิ้มไปทุกทีสิน่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 19-09-2010 22:39:44
ตอนนี้มีเรื่องใหม่อีกเรื่องแล้วนะคะ

"กว่าจะถึงวันที่รู้จัก... รัก"

สำหรับคนชอบหวานเรื่องนั้นคงสู้เรื่องนี้ไม่ได้ ยังไงก็ลองอ่านกันดูน้า
แอบมาส่งข่าวนิดนึง เผื่อมีใครอยากอ่านเรื่องของพี่กาวน์บ้าง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 19-09-2010 22:44:02
ทำอะไร ๆ ที่จดจำกันไว้ได้นาน ๆ เป็นสิ่งที่งดงามและมีความหมาย
ทั้งคู่เติมเต็มความรัก ให้กันและกัน ในขณะที่อยู่กรุงเทพ ฯ ไม่ค่อยมีโอกาส
+1 พร้อมเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-09-2010 22:46:08
รับทราบครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 20-09-2010 22:29:41
เพิ่งตามมาอ่านจนจบตอนนี่อะคับ
หว๊านหวานมาก
ตอนเเรกคิดว่าเปนรักใสๆของวัยรุ่น
ตอนนี่รู้เเล้วว่า รักโรเเมนติกเปนไง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 21-09-2010 01:15:19
ตามไปอ่านเรื่องใหม่มาแล้วจ้า  :L2:

จะคอยติดตามทั้งสองเรื่องนะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 21-09-2010 01:40:25
มารายงานตัวอีกคนครับ เพิ่งเข้ามาแล้วเห็นมีคนแนะนำเรื่องนี้ไว้เลยลองมาอ่านดู
แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ อ่านสบายๆ ไม่เครียดมาก ชอบครับแนวนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BP109 ที่ 21-09-2010 09:46:36
หวานไปม๊ายยยยยยย  หุหุ

ตามคนแนะนำมาเหมือนกันค่ะ  ขอบคุณที่แนะนำเรื่องนี้  หวานๆนุ่มๆ  เหมือนซอฟเค้ก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-09-2010 14:41:40
 :o8: :-[ :impress2:ช่วยด้วยๆๆๆ ข้าพเจ้าตกบ่อน้ำผึ้ง สำลักความหวาน เกือบจะไม่รอดอยู่แล้วจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 21-09-2010 18:08:47
เรื่องนี้อ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ และแอบหวาน
อ่านแล้วรู้สึกดีอ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Six days in Chiang mai [3/3] p.28 (up 19-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-09-2010 20:37:12
ตอนที่ 36 มื้อแรก

ตอนนี้กันต์เขาหลับไปแล้ว ส่วนผมยัง จริงๆ ผมเริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน แต่ยังอยากมองหน้าคนที่นอนหลับไปแล้วอีกสักพัก  หลังจากมื้อค่ำที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นมื้อที่โรแมนติกที่สุดสำหรับเราสองคนไป และกับเรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่ทำให้ผมทั้งประหลาดใจ และรู้สึกขอบคุณเขามากๆ ที่ทำให้ผมมากขนาดนี้ เพราะสำหรับผม กันต์เขาเป็นคนที่ไม่เก่งเรื่องของแสดงออก แล้วการที่เขามาทำอะไรให้ผมแบบนี้นับว่าเกินความคาดหมายของผมไปเยอะ

จากอาหารหลักมื้อค่ำ ก็ตบท้ายด้วยของหวานที่กันต์เขาเตรียมมาให้ผม เอ่อ... มาเที่ยวหนนี้น้ำหนักคงพากันขึ้นทั้งคู่ และถ้าจะให้มื้อนี้สมบูรณ์แบบจริงๆ ก็ต้องปิดท้ายด้วยของหวานกว่าส่งท้ายทริปนี้กันนิดนึง เพราะแบบนั้นถึงตอนนี้เลยเหลือผมที่ยังตื่นอยู่ ส่วนของหวานปิดทริปของผมหลับปุ๋ยไปนานแล้ว   
.
.
.
แล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของเราสองคนที่เชียงใหม่ ผมตื่นขึ้นมาก่อน อาบน้ำเรียบร้อยแล้วถึงออกมาปลุกกันต์ ก็ปลุกยากตามเคย ยิ่งมานอนสบายๆ แบบนี้ไม่ต้องห่วงเลย กว่าจะลุกจากเตียงได้ใช้เวลาเป็นสิบนาที อิดออดขอนอนต่อเรื่อย แล้วก็เอาผ้าห่มมาพันๆ ตัวเป็นหนอนเลย อยากให้มีใครสักคนที่ทำงานเขามาเห็นเสียเหลือเกินว่า เจ้านายมาดเนี้ยบของเขานี่ กว่าจะตื่นขึ้นมาได้แต่ละทียากเย็นขนาดไหน เหมือนรู้ว่าตื่นมาแล้วไม่ต้องไปทำงาน ต่อให้เสียงโทรศัพท์ดังปลุกอย่างเคยก็ไม่สนใจแล้ว

ถึงเวลาก็เก็บกระเป๋า ก่อนจะออกไปกินข้าวเช้า แล้วเรื่องเก็บกระเป๋า เรื่องนี้คนที่ผมเพิ่งว่าเขาว่านอนขี้เซา เป็นคนที่ทยอยเก็บของทุกวันอยู่แล้ว รายนี้เขาเนี้ยบทุกเรื่องเขาบอกจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายเอาวันสุดท้ายวันเดียว เป็นเรื่องถนัดเขาเพราะเขาเดินทางบ่อย ออกจากห้องก็แวะไปกินมื้อเช้าที่ห้องอาหารของรีสอร์ท ก่อนจะขับรถกลับเข้าเมืองกัน โดยแวะที่กาดหลวงเพื่อซื้อของฝาก ซื้อพวกแคปหมู น้ำพริกหนุ่ม แล้วก็ไส้อั่วนั่นแหละ ซื้อกันแค่พอขนขึ้นเครื่องได้ไม่ลำบาก จากนั้นก็แวะไปที่บ้านคุณย่าครับ แวะไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนจะล่ำลากันจริงๆ คุณปู่คุณย่าของกันต์น่ารัก และใจดีมากทั้งคู่เลยครับ


 
.......................................................................

เมื่อวานพอกลับมาถึงบ้านกันต์เขาก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้น รีบตรงไปดูเรนกับซูชิ ปลาทองยักษ์สองตัวที่เลี้ยงไว้ก่อนเลย ตอนอยู่เชียงใหม่เขาก็โทรถามแม่บ้านที่มาทำความสะอาดให้ว่ามันยังอยู่ดีหรือเปล่า กันต์เขาเป็นห่วงกลัวมันตาย พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติถึงเริ่มทำอย่างอื่น ก็เอาของที่ซื้อมาเก็บใส่ตู้เย็น แล้วพรุ่งนี้กันต์ค่อยเอาไปฝากที่ทำงาน ที่บ้านเขาเดี๋ยวให้คนเอาไปส่งให้ ส่วนผมพรุ่งนี้จะกลับไปหาแม่ที่บ้านเหมือนกัน

มาถึงช่วงสายของวันนี้ผมขับรถกลับบ้านเพื่อเอาของไปฝากแม่ที่บ้าน ส่วนกันต์ก็ไปทำงานตามปกติ ผมเองปิดเทอมแล้ว และจะเริ่มฝึกงานวันจันทร์หน้า ช่วงที่ว่างอยู่เลยถือโอกาสกลับบ้านไปหาแม่บ้าง แม่ผมเป็นแม่บ้านอยู่บ้านตลอดอยู่แล้ว แม่บอกก่อนจะมีผม แม่ก็ไปช่วยงานพ่อบ้าง แต่พอมีผมแล้ว พ่อก็ให้แม่เลิกทำงานเลย เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับผม

พอถึงบ้านแม่ก็ชวนออกไปหาอะไรกิน แล้วก็เดินซื้อของต่อ ผมเลยถือโอกาสซื้อของกลับคอนโดฯ ด้วย เพราะกลับมาถึงกันเมื่อวาน เลยยังไม่ได้ออกไปซื้อของเข้าตู้เย็น ตอนแรกกะว่าวันนี้จะออกไปซื้อด้วยกันตอนเย็น แต่ไหนๆ ผมออกมาข้างนอกแล้วซื้อกลับไปเลยดีกว่า ขี้เกียจออกมาเจอตอนเย็นรถติดด้วย หลังจากซื้อของกันเรียบร้อยกลับมาถึงบ้านบ่ายสามกว่าๆ ผมเลยจับเจ้าเรนมันมาอาบน้ำ โดยที่แม่ออกมานั่งดูอยู่ที่โต๊ะในสนามด้วย

“เฮ้ย!! อย่าเพิ่งสะบัด” ผมตะโกน เพราะทันทีที่ผมฉีดน้ำลงตัวเรน มันก็เริ่มสะบัดตัวจนน้ำกระเซ็นใส่ผม แล้วก็ไล่งับน้ำที่ออกจากสายยาง ยิ่งผมเอาหลบมัน มันก็ยิ่งพยายามจะเอาให้ได้ คงนึกว่าผมเล่นกับมัน เรนมันเป็นหมาที่ชอบเล่นน้ำ แต่เวลาจะอาบทีก็ลำบากเอาเรื่อง เพราะมันห่วงแต่จะเล่น ไม่เคยยอมยืนเฉยๆ ให้ผมอาบน้ำให้มันดีๆ สักที

“กร วันไหนว่างๆ ก็ชวนกันต์เขามากินข้าวที่บ้านสิ” แม่ผมพูดขึ้นมา ผมที่กำลังเอาแชมพูละเลงลงบนตัวเรนมัน เลยเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าแม่

“เอ่อ... ครับ” ผมพูด แล้วเกาตัวให้เรนไปด้วย

“เอ๊ะ!! แม่ว่ากรโทรไปชวนให้กันต์แวะมาเย็นนี้เลยก็ได้นิ ที่ทำงานเขาอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่หรอ”
“ครับ”

“กรก็อยู่นี่แล้ว ลองชวนเขามาเลยสิ” แม่ผมพูดต่อ 

“ถ้าอย่างนั้นกรอาบน้ำให้เรนมันเสร็จ แล้วจะโทรบอกกันต์” ผมพูด

“อย่าลืมละ แม่จะได้บอกพี่สาให้ทำกับข้าว แล้วได้โทรบอกพ่อด้วย” แม่ผมสั่ง 

“ครับ” ผมรับคำ แล้วรีบอาบน้ำให้เรนมันให้เสร็จ พออาบน้ำเช็ดตัวให้เรนมันเสร็จ ผมก็เดินเข้าบ้านพร้อมแม่ แล้วหยิบโทรศัพท์มากดหากันต์ระหว่างเดินขึ้นบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะโดนเรนมันสะบัดน้ำใส่จนเปียกไปเกือบทั้งตัว
.
.
.
“ยุ่งอยู่หรือเปล่า” ผมถามเมื่อกันต์รับสาย
“เปล่า คุยได้” เสียงจากปลายสายตอบกลับมา

“แม่ชวนมากินข้าวที่บ้านเย็นนี้ กันต์ติดงานตอนเย็นหรือเปล่า” ผมถามต่อ ระหว่างที่ถอดเสื้อผ้าไปด้วย

“พูดจริง พูดเล่น” เขาถามเหมือนไม่แน่ใจ
“จริง จะหลอกทำไม แม่ให้โทรมาชวนเนี่ย ตอนแรกแม่บอกว่างๆ ให้ชวนกันต์มากินข้าวที่บ้านบ้าง แต่พูดไปพูดมาก็ให้กรโทรชวนกันต์เข้ามาเย็นนี้เลย” ผมตอบ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมเข้าห้องน้ำ

“ต้องเข้าไปหรอ กลัวอ่ะ” กันต์พูดกับผมสั้นๆ เสียงนี้อ่อยเลย ทำเสียงดูหน้าสงสารเชียว ทำเอาผมอยากเห็นหน้าเขาเลยตอนนี้ ดูท่าแล้วจะคุยยาวผมเลยเดินกลับมานั่งที่ปลายเตียง

“แม่กับพ่อก็รู้แล้วจะกลัวอะไร ทีกรยังไปบ้านกันต์ได้เลย” ผมพูด แถมตอนที่ผมไปไม่รู้ล่วงหน้าอีกต่างหาก

“เหมือนกันที่ไหน ถ้าไม่รู้ก็ว่าไปอย่าง... เพราะรู้นั่นแหละถึงไม่กล้าไป” เขาพูด เออ... นั่นสิ ถ้าเป็นผมก็คงคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำตัวแบบไหน ลองเป็นผมเดินเข้าบ้านกันต์ตอนที่พ่อแม่เขารู้แล้ว แบบเอ่อ... ผมเป็นลูกเขยแม่ครับ เออวะ จะทำหน้าไงวะ ผมเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“ไม่มีอะไรหรอกเชื่อสิ แม่เขาอยากให้มากินข้าวด้วยกันแค่นั้นเอง” ผมพูด

“ตกลงว่ามานะครับ” ผมรีบรวบรัดตัดความ
“อื้ม เดี๋ยวเข้าไป”

“เออกร ตอนนี้มีนักศึกษามาฝึกงานอีกคน” เขาบอกผม
“หรอ อื้อ แล้วเรียนไหนอ่ะ” ผมถาม
“ที่เดียวกับเรานั่นแหละ” กันต์บอกผม

“อะฮะ เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยคุยกัน กรไปอาบน้ำก่อน เมื่อกี้อาบน้ำให้เรนมัน เลยเปียกไปทั้งตัว”
“อื้อ” แล้วกันต์ก็วางสายไป


....................................................................

“เอาจริงดิ” คนที่ตอนนี้มายืนอยู่หน้าบ้านผมแล้วเอ่ยถาม

“มาขนาดนี้แล้วไม่จริงมั้ง ป่ะเข้าบ้านกัน ไปเหอะน่า” ผมบอกกันต์ แล้วเดินนำเข้าบ้าน ส่วนพ่อยังกลับมาไม่ถึง แม่โทรไปเมื่อกี้บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึง

“สวัสดีครับ” กันต์พูดแล้วยกมือไหว้แม่ เมื่อผมพาเข้าไปหา

“สวัสดีลูก มานั่งนี่ก่อนมา” แม่ผมลุกจากโซฟาแล้วรับไหว้ ก่อนเรียกกันต์ให้ไปนั่งที่โซฟาข้างแม่ ส่วนผมก็นั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ใกล้กัน

“รถติดมากไหมลูก ขับรถมานี่” แม่ผมชวนคุย
“นิดหน่อยครับ จากออฟฟิศมาก็เกือบครึ่งชั่วโมง”

“กรเขามาเล่าเรื่องกันต์ให้แม่ฟัง” แม่ผมพูด
“ครับ” พี่กันต์ตอบเสียงเบา

“แม่เองก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่กรไปอยู่กับกันต์แบบนี้ กรทำอะไรให้กันต์ลำบากใจ หรืออึดอัดบ้างหรือเปล่า แม่ไม่อยากให้กรไปเอาเปรียบกันต์นะลูก” แม่ผมพูด แล้วถามกันต์ เขาเองก็ตั้งใจฟังที่แม่ผมพูด ผมเองก็คอยฟังไปด้วย

“ถ้ามีอะไรก็บอกกรเขานะลูก” แม่ผมพูด ตอนนี้ผมเองก็เริ่มงงนิดๆ แล้วครับ ว่าแม่ผมอยู่ในอารมณ์ไหน กันต์เองก็เหมือนกัน พอฟังแม่พูดแล้วก็หันมามองหน้าผม
“ครับ” แล้วกันต์ก็ตอบรับที่แม่ผมพูด   

“เอ่อ... แม่ครับ” เสียงกันต์เรียกแม่ผมครับ แล้วอยู่ๆ เขาก็ขยับจากโซฟาลงไปนั่งที่พื้น
“กันต์ขอโทษนะครับ” กันต์เขาพูด แล้วก็ก้มลงไปกราบแม่ผมที่ตัก ผมเองก็ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ แต่ก็รีบลงไปนั่งอยู่ข้างเขา

“ขอโทษนะครับ” เสียงพี่กันต์ที่ผมได้ยินตอนนี้เหมือนจะเริ่มสั่นนิดๆ จนผมต้องยกมือขึ้นไปวางที่หลังเขา แล้วก็มองหน้าแม่สลับกับมองกันต์ไปด้วย คือผมก็ไม่รู้จะทำยังไง หรือทำอะไรเหมือนกันตอนนี้ แล้วแม่ผมเองก็เอามือข้างหนึ่งไปจับมือกันต์ไว้ ส่วนอีกข้างก็ลูบหัวกันต์แล้วลูบเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปจับที่ไหล่ทั้งสองข้างแล้วดึงขึ้นมา กันต์เขาก็ขยับตัวขึ้นตาม แล้วเปลี่ยนมาเป็นคุกเข่าอยู่หน้าแม่ผมแทน

“ไม่เป็นไรลูก ๆ” แม่ผมพูดแล้วก็รวบตัวกันต์เข้าไปกอดไว้

“แม่ไม่ได้ว่าอะไรเลย” แม่ผมพูดกับกันต์เหมือนตอนที่พูดกับผมเลย แล้วแม่ก็ดันตัวกันต์ออกมา กันต์เขาน้ำตาไหลแล้วตอนนี้ แม่ก็เลยพยักเพยิดไปทางโต๊ะด้านหลังผมเพื่อให้หยิบกระดาษทิชชูมาให้ ผมก็หันไปหยิบแล้วส่งให้แม่   

“แม่เห็นลูกแม่ทำอะไร หรืออยู่กับใครแล้วแม่ความสุข แม่เองก็มีความสุขไปด้วย กรเขาบอกว่าอยู่กับกันต์ แล้วเขามีความสุข แล้วแบบนี้กันต์จะมาขอโทษแม่ทำไม ไม่ต้องขอโทษแม่หรอก” แม่ผมพูดครับ

“ที่แม่ให้กรพากันต์มาหาแม่ แม่จะได้รู้จักว่ากรไปอยู่กับใคร อยู่ยังไงแค่นั้นเอง แม่จะได้ไม่ต้องห่วงเขา” แม่พูดแล้วก็ดึงตัวคนขี้แยที่ยกมือเช็ดหน้าเช็ดตาให้ยืนขึ้น 

“พ่อมาแล้วมั้ง แม่ได้ยินเสียงรถ กรพากันต์ไปล้างหน้าล้างตาซะก่อนไป แล้วค่อยมากินข้าวกัน เดี๋ยวพ่อเขามาเห็นจะหาว่าแม่เป็นนางยักษ์นางมารไปทำอะไรกันต์เขา” แม่ผมพูดติดตลก แต่ก่อนผมจะพากันต์ไป ผมก็เข้าไปกอดแล้วก็หอมแก้มแม่อีกที
.
.
.
แล้วมื้อแรกของกันต์ที่บ้านผมก็ผ่านได้ด้วยดี แล้วคุยไปคุยมากลายเป็นว่าพ่อผมเองก็รู้จักกับพ่อกันต์เขาครับ เพราะเคยเจอกันตามงาน ตอนกินข้าวพ่อผมกับกันต์เขาก็คุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมีถามเรื่องงานกันนิดหน่อย สำหรับผมมันถือว่าดีมากๆ แล้ว ส่วนที่บ้านกันต์เราคงไม่บอกอะไรมากกว่านี้แล้ว ก็คงคบกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ 



----------------------------------------------------------------


มาแบบเรื่อยๆ อีกแล้วตอนนี้ อะไรจะชิลได้ขนาดนี้นะ นิยายเรื่องนี้ ขาดสีสันไปหรือเปล่า  :m28: 55+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-09-2010 20:54:32
ใครว่าเรื่อยๆค่ะ
มันมีอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่ในนิยายเรื่องนี้นะคะ
มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-09-2010 21:00:26
ไม่ ๆ ๆ ๆ  นิยายเรื่องนี้ไม่ขาดสีสันอะไรแล้ว  นี่เป็นเรื่องพักใจสำหรับเราเลยทีเดียว
ในเล้ามีแต่นิยายที่อุดมไปด้วยสีสันและมาม่ามากมายแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุข  สบายใจด้วย
ถ้าจะมีสีสันอะไรเพิ่มเติมมาล่ะก็  แบบ ... เค้าขอแบบกำลังดีเน้อ
จัดจ้าน  จี๊ดจ๊าด  แล้วมันปวดใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-09-2010 21:15:25
เข้าไปกินข้าว กับพ่อ แม่ สามี
อีกหน่อย กันต์ คงต้องจัดเวรมานอนที่บ้านนี้มั่งล่ะมั้ง
+1 ให้เป็นกำลังใจ ไม่ขาดหรอกครับ สีสันนะ อ่านแบบสบาย ๆ ดี :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 21-09-2010 21:18:19
เพิ่งตามอ่านเรื่องนี้ได้ไม่นาน แต่อยากบอกว่าชอบมากเลยนะคะ ไม่เรื่อยๆๆหรอก อ่านแล้วมีความสุขมากเลย สบายใจ ไม่มาม่า ไม่หนักมาก ไม่เครียด อบอุ่นดีอ่ะ ชอบ เป็นกำลังใจให้น๊า ><
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 21-09-2010 21:25:00
ชิลๆๆๆ บ้างก็ได้ค่ะ

อุปสรรค์เยอะเกินไป คนอ่านก็เครียดน่ะเนี่ย

ชอบอ่านประมาณนี้อ่ะ ไม่ต้องเครียดเยอะ  อ่านแล้วอมยิ้มตามไปด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-09-2010 21:27:58
เรื่อย ๆ แต่ ก็ซึ้ง กินใจดี ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 21-09-2010 21:32:22
คนที่มาฝึกงานอีกคนคือใครกันนะ?
คงไม่ใช่แฟนเก่ากรใช่ป่ะคะ?
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-09-2010 21:40:07
ดีใจอ้ะ ไม่ต้องลงสีจัดนักหรอกค่ะ เรื่อยๆแบบนี้แหละ ข้าพเจ้าปลื้มที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 21-09-2010 21:51:56
แม่ของกรน่ารักที่สุดในสามโลก
เราว่ากันต์ลงไปขอโทษอ่ะดีแล้วนะ
มันทำให้ผู้ใหญ่ก็มองเราดีขึ้นด้วยมั้ง
ชอบอ่ะที่กันต์ทำแบบนี้ น่ารักๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 21-09-2010 22:00:50
รัก ซึ้งดีครับ
อ่านแล้วรู้สึกถึงความรักของกรและกันต์กับครอบครัว
อุปสรรคไม่อยากเจอน้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 21-09-2010 22:04:31
ชิวน่ะดีแล้วค่ะ ^^
เครียดๆกันมา อ่านแล้วก็จะได้ยิ้มออกน้าา
ดีใจที่กันต์เข้ากับบ้านกรได้ มีความสุขๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 21-09-2010 22:05:23
เป็นแบบนี้ดีแล้วนะ เรื่อยๆ ชิลชิล
ดูเป็นชีวิตจริงดี ^^
อ่านแล้วมีความสุข
แต่พอเจอคำว่า สีสัน เข้าไป
คนอ่านก็จะเริ่มเครียดแล้วค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 21-09-2010 22:26:32
ถือเป็นเรื่องดีรู้จักกันทั้งสองครอบครัว ไปทานข้าวสองบ้านจะได้ไม่ห่างเหิน ครอบครัวนี้น่านักเสมอๆเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 21-09-2010 23:26:52
อย่ามาทำให้ใจเสียล่วงหน้าแบบนี้สิ ไม่ดีๆ น่ารัก ชิลๆ แบบนี้ก็ดีแล้วจ้า
หาอ่านยากน้า นิยายที่อ่านแล้วยิ้มได้เกือบทุกตอนแบบนี้  :impress2:

ตอนนี้กันต์ก็น่ารักอีกแล้ว ปลื้มทั้งคุณแม่ ปลื้มทั้งพี่กันต์เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-09-2010 23:40:48
ไม่ ๆ ๆ ๆ  นิยายเรื่องนี้ไม่ขาดสีสันอะไรแล้ว  นี่เป็นเรื่องพักใจสำหรับเราเลยทีเดียว
ในเล้ามีแต่นิยายที่อุดมไปด้วยสีสันและมาม่ามากมายแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุข  สบายใจด้วย
ถ้าจะมีสีสันอะไรเพิ่มเติมมาล่ะก็  แบบ ... เค้าขอแบบกำลังดีเน้อ
จัดจ้าน  จี๊ดจ๊าด  แล้วมันปวดใจ
ู^
ถูกใจ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
...
บ้านนี้ก้อน่ารัก
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 22-09-2010 05:50:58
อืมๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ารักใสๆ
ไม่เครียดดี
ไม่ต้องกินมาม่าให้หัวล้านอยู่
 :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-09-2010 11:53:34
แม่ของกรน่ารักจังเลยอ่ะ..แบบนี้พี่กันต์จะได้ไม่กังวล ยิ่งคิดมากอยู่ด้วย อิอิ

สองคนนี้น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 22-09-2010 23:05:38
ถ้าจะบอกว่าเรื่อยๆ คงต้องเสริมให้แล้วละว่า
น่ารักกันเรื่อยๆ เลย

สุขใจที่ได้อ่าน อ่านแล้วสุขใจ  o13


รอลุ้นตอนต่อไปแล้วนะเนี่ย

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 23-09-2010 00:39:11
รู้สึกว่าอ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุข ...ได้อารมณ์ประมาณว่าเรื่องเล่าที่ไม่รีบร้อนและไปได้เรื่อยๆ มีปัญหาเข้ามาบ้างแต่ก็ใช้ความเข้าใจคุยกัน

ไม่หวานจนเว่อร์ แต่ก็น่ารักแบบพอดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 23-09-2010 00:43:47
นักศึกษาฝึกงานเข้ามาใหม่ หรือ ? ใครกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 23-09-2010 01:16:09
กรขี้แกล้งอ่ะ  :-[

รู้สึกว่าอ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุข ...ได้อารมณ์ประมาณว่าเรื่องเล่าที่ไม่รีบร้อนและไปได้เรื่อยๆ มีปัญหาเข้ามาบ้างแต่ก็ใช้ความเข้าใจคุยกัน

ไม่หวานจนเว่อร์ แต่ก็น่ารักแบบพอดี


อันนี้เห็นด้วยที่สุด แต่สำหรับเรา เราว่ามันหวานมากกกกกกกกกกก..
อ่านไปก็เขินไป  :laugh:
อะไรจะสวีทได้อีก! ชอบจริงอะไรจริงเรื่องนี้
ทุกอย่างมันชิลด์ อ่านแล้วไม่เครียดดี
เนื่องด้วยคนอ่านมีความดิบในตัวอยู่ประมาณหนึ่ง
เลยต้องมาหาความหวานเอาจากนิยาย คอยถ่วงดุลความคิดตัวเองบ้าง 555+


 :กอด1:ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 23-09-2010 02:21:30
น่ารักทั้งบ้านเลยอ่ะคับ
ชอบๆๆๆ
หวานสวีท
คุณพ่อ คุณเเม่น่ารักเหลือเกิน
ปล ไม่ขาดสีสันหรอกคับ ผมว่ามันเยี่ยมมาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-09-2010 10:39:47
ฮาตอนพี่กันต์ บอกว่า ต้องเข้าไปด้วยเหรอ กลัวอะ   :laugh:
ขอหวานๆน่ารักๆ ไปเรื่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 23-09-2010 21:28:47
บ้านกรเป็นบ้านที่น่ารักและดูอบอุ่นมากเลยนะครับ

กันต์เองก็รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ แบบนี้แม่กรคงหมดกังวลไปได้เยอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 24-09-2010 01:50:40
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 24-09-2010 05:39:16
สองคนนี้หวานมาก    :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 24-09-2010 23:19:07
รู้สึกว่าอ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุข ...ได้อารมณ์ประมาณว่าเรื่องเล่าที่ไม่รีบร้อนและไปได้เรื่อยๆ มีปัญหาเข้ามาบ้างแต่ก็ใช้ความเข้าใจคุยกัน

ไม่หวานจนเว่อร์ แต่ก็น่ารักแบบพอดี





 o13 o13 o13


เห็นด้วยเป็นที่สุด    แต่เราคิดว่าสองคนนี้หวานมากกกกกกกก มากกว่านะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 24-09-2010 23:38:51
เห็นชื่อเรื่องเลยแวะเข้ามาอ่าน เพราะคิดว่าน่าจะเป็นนิยายรักหวานๆ หน่อย
แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ กันต์กับกรน่ารักมากกกกกกก
อ่านแล้วสบายใจจังเลยเรื่องนี้

 :กอด1: 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อแรก p.29 (up 21-9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 25-09-2010 00:04:47

ตอนที่ 37 ฝึกงาน + หนังผี

“หกอาทิตย์แรกพี่จะให้เราเวียนไปแต่ละฝ่าย ฝ่ายละสองอาทิตย์ พอเวียนครบแล้วพี่จะให้เลือกว่าอยากไปฝึกต่อที่ฝ่ายไหน พี่จะให้ไปอยู่ฝ่ายนั้นอีกสองอาทิตย์”

“แล้วเดือนสุดท้ายพี่จะให้เราทำโปรเจค ซึ่งโปรเจคที่ทำก็จะเอาไปลงในฉบับเดือนธันวาปีนี้และฉบับเดือนมกราปีหน้า” พี่แอมพูดอธิบายโปรแกรมฝึกงานให้พวกผมสี่คนฟังในห้องประชุมย่อยที่อยู่ชั้นสามของออฟฟิศมาได้สักพักแล้ว

ตอนแรกก็เริ่มจากการแนะนำให้รู้จักกับหัวหน้างานแต่ละฝ่าย ต่อมาก็ให้พวกผมแนะนำตัว แล้วบอกถึงความสนใจของพวกผมแต่ละคนว่าสนใจอะไร หรือด้านไหนเป็นพิเศษ  จนมาถึงตอนนี้พี่แอมกำลัง สรุปให้ฟังว่า ตลอดเวลาที่พวกผมมาฝึกงานสามเดือนจะต้องทำอะไร ไปอยู่ฝ่ายไหนบ้าง และที่นั่งอยู่ในห้องตอนนี้นี้ก็มีพวกผมสี่คน พี่แอม พี่ต้น พี่น้อย สุดท้ายก็พี่กันต์ มีคนอื่นอยู่ด้วยเลยต้องเรียกพี่เหมือนเดิม

“เดี๋ยวพี่จะแบ่งเราเป็นสองกลุ่มนะ กรอยู่กับป่าน ส่วนธีอยู่กับเอิง สองอาทิตย์แรกกรกับป่านจะไปอยู่กับต้น ส่วนธีกับเอิงไปอยู่กับน้อยก่อนนะ” พี่แอมบอก

ส่วนเอิงก็คือ คนที่กันต์บอกว่าจะมาฝึกงานกับผมด้วย ตอนเช้าระหว่างที่รอเพื่อจะเข้ามาในห้องประชุม พวกผมสี่คนเลยนั่งคุยกัน ผมกับไอ้ธีเลยบอกเอิงมันว่า คุ้นๆ หน้าอยู่ คงจะเคยเห็นหน้ากันมาบ้างที่มหาวิทยาลัย เพราะคณะของผมกับมันอยู่ติดกัน เอิงมันก็พูดแบบเดียวกันกับผม แล้วก็รู้อีกว่าเอิงมันเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่น้อย มันเลยขอมาฝึกงานที่นี่ด้วย สรุปพวกผมสี่คนนี่เหมือนเด็กเส้น เพราะมีแต่คนรู้จักกันทั้งนั้น แต่ผมคงเส้นใหญ่กว่าเพื่อน น่าจะเรียกว่าเส้นกวยจั๊บเลยมากกว่า ก็เจ้าของที่นี่เขาเป็นแฟนผมนี่ครับ ฮาๆ

“แล้วช่วงเช้าของทุกวันศุกร์เราจะมาคุยเพื่อสรุปกันว่าอาทิตย์นั้นทำอะไรไปบ้าง หรือได้อะไรบ้าง” พี่แอมพูด ผมว่าคงใกล้จะคุยกันเสร็จแล้ว

“มีใครสงสัยอะไรไหม... ถ้าไม่มีเดี๋ยวคุณกันต์เขาจะพูดถึงเรื่องที่มาที่ไปกับคอนเซ็ปของ INDEED ให้ฟัง หลังจากนั้นค่อยแยกกันไปหาต้นกับน้อยนะ” พี่แอมพูด พอพูดจบแล้ว พี่แอม พี่ต้น และพี่น้อย ก็ลุกและเดินออกจากห้องประชุมไป

พอพี่แอม พี่ต้น และพี่น้อยออกจากห้องไปแล้ว กันต์เขาก็เริ่มต้นเล่าให้พวกผมฟัง ว่านิตยสารของเขามีแนวคิดมาจากไหน แล้วทำไมถึงออกมาเป็น INDEED เล่าไปก็มีสไลด์ประกอบด้วย ตอนอธิบายพวกคอนเซ็ป แล้วก็เนื้อหาหลักของแต่ละคอลัมน์แบบคร่าวๆ เขาก็ชี้ที่สไลด์ให้พวกผมดูตามไปด้วย

แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองสนใจสิ่งที่เขากำลังพูด หรือที่ตัวคนพูดมากกว่ากัน พอเห็นกันต์ในเวลางาน เวลาจริงจังก็ดูแปลกไปอีกแบบ ก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่ดูนิ่งๆ เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นเขาอยู่ในเวลางานแบบนี้สักที ถึงจะเอางานกลับไปทำที่บ้านบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในมาดแบบนี้

เห็นแล้วรู้สึกยังไงหรอครับ ก็ปลื้มในตัวเขามากๆ เขาเป็นคนเก่ง อายุแค่นี้แต่มีอะไรให้ต้องรับผิดชอบมากมายขนาดนี้ แล้วเขาก็จัดการได้ แล้วยังจัดการได้ดีมากเสียด้วย แบบนี้จะเรียกว่าทั้งรักทั้งหลงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นเขาทำอะไรก็ดีไปหมดละครับ ส่วนผมคงอีกไม่นานนี้เหมือนกันที่จะต้องไปรับผิดชอบงานของตัวเองบ้าง แต่จะเป็นยังไงตอนนี้ยังนึกภาพไม่ออก 





................................................................



แล้ววันแรกของการฝึกงานก็ผ่านไป วันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรมาก พี่ต้นแค่อธิบายให้ฟังว่า งานที่เขาทำมีอะไรบ้าง แล้วพรุ่งนี้ถึงจะส่งผมไปลุยงานจริงๆ อยู่ฝ่ายนี้ ได้ออกไปหาข้อมูลกันข้างนอกด้วยครับ

ส่วนเย็นวันนี้ผมชวนกันต์ไปดูหนัง พอดีวันนี้คุยโทรศัพท์กับไอ้เดย์มันตอนกลางวัน แล้วมันพูดถึงหนังที่มันเพิ่งไปดูมา ผมก็เลยจะลองไปดูตามมัน ทั้งที่ปกติผมไม่เคยดูหนังประเภทนั้น จะว่าไปแล้วผมกับกันต์ก็ไม่ได้ดูหนังมานานแล้วเหมือนกัน ล่าสุดน่าจะเป็นเมื่อเดือนหรือสองเดือนที่แล้ว พอตอนเย็นเลิกงานต่างคนก็ต่างขับรถกลับบ้าน แล้วเดี๋ยวค่อยเอารถออกมาคันเดียว สำหรับเหตุผลที่ต้องแยกกันไปก็มีอยู่อย่างเดียว คือไม่อยากให้ใครมาถามอะไร
.
.
.

ไปถึงก็ขึ้นไปซื้อตั๋ว แล้วค่อยกลับลงมาหาอะไรกิน วันนี้เข้าร้านอาหารไทย เพราะกันต์เขาบ่นว่าอยากกินต้มยำกุ้ง แต่ให้ทำเองมันก็ไม่ได้อย่างที่ร้านสักที พอกินข้าวเสร็จก็ไปเดินเล่นกันอีกสักพัก อีกสักสิบนาทีจะถึงเวลาค่อยขึ้นไปข้างบน


“นั่นป่านนิ” เสียงกันต์ที่นั่งอยู่ข้างผมเรียกให้หันไปมองทางเดียวกับเขา ก็เห็นป่านมันยืนอยู่แถวช่องขายตั๋ว ท่าทางคงกำลังรอใครอยู่ หน้าตานี่ดูแล้วเหมือนคนไม่ค่อยสบอารมณ์กับอะไรสักเท่าไร

“พี่กาวน์” เสียงกันต์พูดชื่อคนที่เดินเข้าไปหาป่าน เขามาดูหนังหรือมาทำอะไรวะ ผมคิดในใจตอนที่มองหน้าสองคนนั่น อีกคนก็หน้าตาไม่รับแขก อีกคนก็ทำหน้าดุ พี่น้องบ้านนี้เวลาไม่ยิ้มหน้าดุทั้งคู่ ยิ่งคนพี่นี่แล้วใหญ่ เพราะหน้าตาดูเข้มกว่า ก็ตามแบบผู้ชายไทย แต่ผิวไม่ได้คล้ำอะไร ดูแล้วก็ขาวพอๆ กับผมนั่นละ เพียงแต่กันต์เขาจะขาวกว่า แล้วหน้าตาก็น่ารักขึ้นมาหน่อย ถ้าทำหน้านิ่งๆ ก็ดูดุอยู่เหมือนกัน แต่ดูไม่ดุเท่าคนพี่

“กรเห็นพี่กาวน์ไปรับป่าน คงรับมานี่มั้ง” ผมพูด เพราะตอนขับรถออกมาจากออฟฟิศ เห็นรถคุ้นๆ ตาจอดอยู่ริมกำแพงหน้าออฟฟิศ แล้วก็เห็นป่านมันเดินไปขึ้นรถ รถคันนั้นเห็นครั้งเดียวผมก็จำได้ เพราะมีให้เห็นกันไม่บ่อย แล้วทะเบียนเลขตัวเดียวแบบนั้นเห็นครั้งเดียวก็จำได้

“งั้นหรอ”

“อื้ม ไปเหอะหนังจะเข้าแล้ว อยากเข้าไปดูตัวอย่างหนังเรื่องอื่นด้วย” ผมพูด แล้วเราสองคนก็ลุกออกไปจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่

.
.
.

“แล้วนี่ดูเรื่องอะไร” คนที่เดินอยู่ข้างผมถาม คือผมไม่ได้บอกเขาก่อนว่าจะดูเรื่องอะไร ตอนที่มาถึงผมก็เข้าไปซื้อตั๋วเลย พอได้ตั๋วกันต์เขาก็บ่นแต่ว่าหิว ไม่ได้สนใจจะถามเลยว่าผมชวนมาดูเรื่องอะไร เอาแต่เดินตรงดิ่งไปร้านอาหารอย่างเดียว พอมานั่งรอเวลาเข้าโรงก็มัวแต่มองไอ้ป่าน กันต์เขาเลยเพิ่งนึกขึ้นได้มั้งว่า เขายังไม่รู้เลยว่าผมชวนเขามาดูหนังเรื่องอะไร แล้วพอผมบอกชื่อเรื่องเขาไปเท่านั้นละครับ ไอ้ที่เดินๆ กันอยู่ก็หยุดกึกกลางบันไดเลย ผมหยุดตามแทบไม่ทัน

“หนังผี ??” เขาหันมาพูดเหมือนไม่แน่ใจ

“อื้อ” ผมส่งเสียงในคอรับคำว่าที่เขาพูดนะถูกแล้ว 

“ทำไมไม่บอกก่อน คิดยังไงมาดูเรื่องนี้ อยากดูหรอ ดูทำไมหนังผี ดูไปก็ไม่เห็นจะมีความสุข” คนข้างตัวผมพูดซะยืดยาว แล้วไม่ยอมเดินต่อ

“ก็ลองมาดูเฉยๆ เห็นไอ้เดย์มันพูดถึง” ผมตอบ แล้วก็งงกับปฏิกิริยาของกันต์เขานิดหน่อย ก่อนจะเอามือไปดันหลังให้เขาเดินขึ้นบันไดต่อ กันต์เขาก็เดินต่อ แต่เขาเงียบเลย แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกจนเข้าไปนั่งที่

“ไม่ชอบหรอ” ผมหันไปถาม เพราะเห็นเขาเอาแต่เงียบ

“อื้อ” เขาหันมาตอบผม

“เรื่องนี้เรื่องเดียวนะ” ผมพูด เพราะผมเองก็ใช่ว่าจะชอบ มาเพราะอยากลองดูว่ามันจะเป็นยังไงแค่นั้นเอง คนเขาถึงได้พูดถึงกัน กันต์เขาก็พยักหน้าให้
.
.
.


นั่งดูไปได้ไม่นานผมก็รู้สึกว่ากันต์เขาขยับตัวยุกยิก พอผมหันไปมองว่าเขาทำอะไร เลยเห็นว่าไอ้ที่ขยับตัวเมื่อกี้ คือเขาตะแคงตัวหันหน้ามาทางผมไม่ได้ดูหนังที่ฉายอยู่แล้ว แถมยังมานั่งมองผมตาแป๋วอีก

“มีอะไรหรือเปล่า ไม่ดูหรอ” ผมก้มหน้าลงไปนิดนึง แล้วถาม และด้วยความที่ที่นั่งมันเป็นโซฟาแถวหลังสุด ก็เลยไม่ค่อยเป็นห่วงว่าใครจะมาเห็นเท่าไร

“นอนนะ ใกล้จบแล้วเรียกด้วย” กันต์ไม่ได้ตอบแต่พูดแค่นั้น แล้วก็ไม่ได้รอฟังผมว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะเขาคว้าหมอนขึ้นมากอด เอนหัวพิงพนักโซฟานิ่มๆ แล้วหลับตาลงเลย หลับทั้งๆ ที่หันมาหาผมนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยให้เขากอดหมอนอย่างเดียวเพราะผมเอื้อมมือไปแกะแขนข้างหนึ่งของเขาที่กอดหมอนอยู่ออก แล้วเอามือมาจับไว้แทน อีกข้างก็ปล่อยให้กอดหมอนนอนไป ส่วนหนังผมก็ดูต่อคนเดียว กันต์เขาคงไม่ชอบ ถ้าจะมาบังคับ เซ้าซี้ให้ดูก็ใช่เรื่อง จนผมเห็นว่าหนังใกล้จบผมถึงเขย่ามือเขาที่ผมจับไว้เรียกให้เขารู้สึกตัว

กันต์เขาก็งัวเงียตื่นขึ้นมามองหน้าผมนิดนึง แล้วก็หันไปทางจอหนัง แต่มันดันเป็นจังหวะที่ผีผู้หญิงในเรื่องโผล่พรวดออกมาพอดี คนที่เพิ่งตื่นมาแล้วหันไปเจอช็อตนี้เข้าพอดี เลยกระตุกมือผมเขาไปหาตัวเองซะแรง แถมจับเสียแน่น แล้วก็ไม่หันกลับไปมองจออีกเลยจนหนังจบ ก็เลยกลายเป็นว่าวันนี้ผมซื้อตั๋วให้เขามานอนหลับนอกสถานที่


ตลอดทั้งวันนี้ผมเลยได้เห็นมุมที่ผมไม่เคยเห็นของกันต์เพิ่มมาอีกมุม คือช่วงเวลาที่เขาทำงาน และได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้เพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่องคือ เขาไม่ชอบดูหนังผี และไม่ชอบมากขนาดที่ไม่ยอมดูเลย แต่จะให้ถามว่าเขากลัวผีหรือเปล่านี่คงไม่ถาม เดี๋ยวจะหาว่าผมหาเรื่องล้อเขา เอาเป็นว่า ผมรู้ว่าเขาไม่ชอบหนังผีพอแล้ว 


.................................................................



เห็นมีคนแอบระแวงว่าจะมีมาม่าอีกหรือเปล่า เพราะถามไว้แบบนั้น ก็แค่อยากรู้เฉยๆ เอง
(แล้วแทนที่จะถามตรงๆ ก็ไม่ถาม ทำคนเค้าจิตตก)  :laugh:
สุดท้ายแล้วคนแต่งก็ตามใจตัวเองต่อไป ฮาๆ 

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 25-09-2010 00:15:04
นานๆจะได้จิ้มไรท์เตอร์เรื่องนี้ ขอซักที
:z13:
ฉึกฉึก


******************

กันต์อาจไม่กลัวผีหรอก แค่เกรงใจ ชนิดต่างคนต่างอยู่  :laugh:
น่ารักตลอดคู่นี้ ชอบจริง

ถามคุณไรท์เตอร์นิดนึง ด้วยความเบลอสุดของเราเอง
จำได้ว่าป่าน เป็นน้องปอ .. แต่ เป็นผู้ชาย ใช่มั้ยคะ?
มาแบบนี้มีให้ลุ้นว่าพี่กาวน์จะคู่น้องปอ?  :-[
แล้วเอิงนี่? ผู้หญิง ใช่มั้ย?
(คนอ่านสงสัยอะไรไม่รู้ ไม่ใช่ประเด็นแต่ก็อยากจะรู้ 55)

 :L2: ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 25-09-2010 00:22:59
กันต์ น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ขอเดาว่าสี่แพร่งไม่ก็ชัตเตอร์
หนังผีกระแสแรงๆมีคนพูดถึง แล้วท้ายๆเรื่องมีผีผู้หญิงโผล่มางิ

หุหุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 25-09-2010 01:23:27
วันนี้ได้เจอกันต์ทั้งโหมดผู้ใหญ่และโหมดเด็กน้อยกลัวผีเลย
แต่โหมดไหนก็น่ารักเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-09-2010 01:43:35
พี่กันย์น่ารักอีกแล้ว  :o8:
อ่านคู่นี้ทีไร ได้ยิ้มทุกที ชอบมากเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 25-09-2010 02:00:11
    น่ารักอีกแล้ว   คู่นี้    :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 25-09-2010 02:05:57
กันต์น่ารักเนอะ
คู่นี้ดูเรื่อยดี
แต่ก็มีอะไรให้เรียนรู้กันอยู่ตลอด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 25-09-2010 02:09:11
ระวังผีตามกลับบ้านนะพี่กันต์ แต่ดูท่าอาจกลายเป็นผี(หื่น)แทน :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 25-09-2010 02:14:19
กันต์น่ารักนะ
เเอบอ้อนเบาๆ 55
ชอบ กด Like คู่นีได้ไหม๊ ??
หวานซะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 25-09-2010 02:23:08
น่ารักท้ังคู่เลย :man1: :man1: :man1:
ส่วน ป่านกับกาวน์ :z3: :z3: :z3:มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า?
 :pig4: :pig4: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 25-09-2010 02:26:57
อ่านบทกันแล้ว...เรานึกถึงใครบางคน ที่ไกลแสนไกล...เฮ่อมาฟิวเดียวกันคือไม่ชอบหนังผี  :sad11:
แต่ก็น่ารักค่ะ...คาดว่าป่าน กับพี่กาวคู่กันป้ะ? มันก็น่าคิดนะ55+

ยังยิ้มได้เสมอกับสองคนนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 25-09-2010 02:49:39
อ่านแล้วยิ้มทุกรอบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 25-09-2010 03:15:36
น่ารัก ><


ถ้าจะมาม่า ก็เอาเบาๆๆพอนะไรเตอร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 25-09-2010 07:03:39
แปลกใจที่ผู้ชายกลัวผี ขนาดไปกะแฟนนะนี่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-09-2010 08:06:40
เป็นอีป้าแก่ ๆ ก็คงกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด แล้วโผกายเข้าซุกอกกว้าง ๆ ไปแล้วมั้งะ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 25-09-2010 08:52:44
อิอิ....พี่กันต์กลัวผี..แต่ผีผ้าห่ม..สู้เว้ยย :m20:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 25-09-2010 09:02:32
พี่กาวน์มากับใครฟร่ะ
ป่านคือใครอ่ะ
เราอ่านข้ามตอนไหนไปป่าวเนี่ย
รู้สึกงงๆแล้ว
 :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-09-2010 09:38:50
เรื่อยๆ มาเรียงๆ 
อ่านแล้วสบายใจดี 
เหอๆ พี่กันต์กลัวผี อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BP109 ที่ 25-09-2010 10:34:44
เข้ามาอมยิ้ม....

พี่กันต์แค่ไม่ชอบหนังผีเท่านั้นเอ๊ง  ไม่ได้กลัวผีเล๊ยยยย จริงๆนะ

ว่าแต่...วันหลังเอาแบบสยองขวัญ  ผีดุๆหน่อยก็ดีนะกร  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-09-2010 11:09:43
สรุปพี่กันต์กลัวผี  ไม่ใช่แค่ไม่ชอบหรอกแบบนี้น่ะ
ฮี่ ฮี่ ฮี่  อย่างนี้ต้องสร้างบรรยากาศเพิ่มเติมนะ
จะได้นอนกอดคนกลัวผีให้แน่น ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 25-09-2010 12:37:58
อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงเพื่อนคนนึงขึ้นมาเลย
ไม่รู้ว่ากลัวหรือเปล่าแต่ไม่ยอมดูเลย

แต่ที่แน่ๆ คงไม่น่ารักเท่าพี่กันต์  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 25-09-2010 12:40:07
เหอ ๆกันต์กลัวผีอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-09-2010 13:43:22
มุมน่ารักๆๆของพี่กันต์คนเก่ง  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 25-09-2010 18:04:11
 :o11: ไม่ได้กลัว แต่ไม่ชอบเฉยๆ ใช่ไหมคะพี่กันต์ 

แม้แต่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังน่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wisa ที่ 26-09-2010 09:53:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 26-09-2010 15:09:52
ไปอ่านเรื่องนู้น แล้วก็กลับมาอ่านเรื่องนี้
มีความสุขจริงเลยวันนี้  :impress2:

สำหรับคู่นี้น่ารักสม่ำเสมอจริง ๆ แล้วยังมีอะไรให้เรียนรู้กันได้ตลอด
มีคนมาคอยใส่ใจแบบนี้ น่าดีใจมากๆ เลยเนอะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ฝึกงาน + หนังผี p.30 (up 25-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 27-09-2010 13:40:31
มีมุมที่ทำให้ยิ้มกันได้ตลอดเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 27-09-2010 22:22:40
เ็ห็นชื่อตอนแล้วขอเข้ามารอเลย  :m18:

ไม่รู้ใครที่จะเป็นลูกลิงขี้เมา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 27-09-2010 22:31:32
เข้ามารอด้วยคน วันนี้กันต์กับกรจะมาแบบไหนอีกไม่รู้
แต่แอบหวังไว้ว่าจะน่ารักเหมือนชื่อตอน

 :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 27-09-2010 22:48:52
มารอลูกลิงขี้เมาด้วยคน เหอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 27-09-2010 23:02:49
มาหรือยังเอ่ย ถ้ายังไม่มาเร็วๆนี้ พรุ่งนี้จะมาอ่านนะคะ
เพราะอาจจะอยู่รอไม่ได้  :o12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 27-09-2010 23:04:23
มานอนรอด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 27-09-2010 23:12:27
ตอนที่ 38 ลูกลิงขี้เมา


“เออกร พรุ่งนี้กันต์มีงานต้องไปคงกลับดึกๆ ไม่ต้องรอกินข้าวนะ” กันต์บอกผมตอนเรากำลังนั่งดูโทรทัศน์กัน

“เดี๋ยวกรแวะเข้าไปกินข้าวเย็นที่บ้านดีกว่า แล้วค่อยกลับมาเจอกัน” ผมบอกเขา พรุ่งนี้ออกจากออฟฟิศแล้วแวะเข้าบ้านไปหาพ่อกับแม่เลยดีกว่า เพราะวันเสาร์ตั้งใจว่าจะออกไปเดินเล่นที่สวนฯ

“วันเสาร์กรไปเดินสวนกับพวกนั้นนะ” ผมบอกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนไอ้พวกนั้นที่ผมพูดถึง ก็พวกเพื่อนผมนั่นละครับ

“ซื้ออาหารปลามาด้วย เมื่อกี้ไปดูใกล้จะหมดแล้ว เออ ซื้อกรวดมาใหม่ด้วย จะได้เปลี่ยนของเก่าออก สีมันไม่ขาวแล้ว”  

“อือ เดี๋ยวซื้อมาให้ แล้วงานมีที่ไหน” ผมถาม แค่รู้ไว้บ้าง ว่าใกล้ไกลแค่ไหนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก เพราะส่วนใหญ่เขาจะโทรมาหาผมก่อนจะขับรถออกมาจากงานแล้วจะไม่โทรอีก ส่วนผมเหมือนกันจะไม่โทรหาเขาเวลาขับรถ แต่ใช้กะเวลาเอาว่าจะกลับมาถึงประมาณกี่โมง ถ้าเห็นว่านานผิดปกติถึงจะโทรถามว่า ถึงไหนแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

“จัดในเรือล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา งานเลิกตอนห้าทุ่ม” กันต์บอกผม ปกติเวลาเขาไปงานไหนจะไม่อยู่นานมากแค่ไปพอเป็นพิธีแล้วก็กลับ นอกจากสถานที่หรือโปรแกรมในงานมันบังคับถึงจะอยู่จนงานเลิก    



..............................................................


“ครับ” ผมรับสายของกันต์ที่โทรเข้ามา ตอนเย็นผมไปกินข้าวกับพ่อแม่ที่บ้าน และขับรถมาถึงหน้าคอนโดฯ ตอนที่กันต์โทรเข้ามาพอดี

“กรมารับหน่อย” เสียงปลายสายพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้อยู่พอสมควร ผมมองนาฬิกาในรถตอนนี้ก็สี่ทุ่มนิดๆ แล้ว

“ดื่มเข้าไปเยอะใช่ไหม เสียงถึงเป็นแบบนั้น” ผมถาม ในใจก็เริ่มกรุ่นๆ ขึ้นมาแล้ว รู้ว่าปกติเขาคอแข็ง แต่ไปงานคนเดียวแล้วเมาแบบนี้มันก็ใช่เรื่อง และปกติเขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมเลยขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถด้านข้างคอนโดฯ แทนที่จะขับขึ้นไปที่อาคารจอดรถ เพื่อคุยกับปลายสายให้รู้เรื่อง

“นิดดด...หน่อยยย...” กันต์ตอบ เออ... ยังบอกว่านิดหน่อย เสียงยานขนาดนั้น

“รถจอดอยู่ที่ร้านใช่ไหม” ผมถาม เพราะงานนี้เขาจัดกันในเรือ คนที่ไปจะจอดรถทิ้งไว้ที่ร้านแล้วลงเรือกันไป และตอนนี้ผมชักจะพาลหงุดหงิดกับเจ้าของงานด้วยอีกคน ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากนักวะ

“อื้ออออ... มารับ...ด้วย เดี๋ยว... อึก ก็ถึงแล้ว อึก...” เสียงปลายพูดแทบไม่เป็นภาษา กินอะไรเข้าไปขนาดนั้นวะ ผมบ่นอยู่ในใจ

“ครับ ๆ” ผมตอบแล้วเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินไปหารปภ. ให้พี่เขาช่วยเรียกแท็กซี่ให้ ขากลับจะได้ขับรถกันต์กลับมา
 
“ไหวหรือเปล่าครับ คนดี” ไม่ใช่เสียงกันต์ ไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นเสียงคนอื่นที่แทรกเข้ามา ไอ้ประโยคแรกไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้คำลงท้ายนี่มัน...

ตอนนี้ผมขึ้นแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว และชักจะเริ่มหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ใช่คนที่หึงหรือระแวงไม่ดูตามาตาเรือนะครับ เพราะถ้าจะให้ผมระแวงกับผู้ชายที่มาใกล้เขาทุกคนมันคงไม่ใช่เรื่อง ผมกับกันต์เราใช้ชีวิตกันตามปกติ คบเพื่อนฝูง ออกไปข้างนอกบ้างตามเรื่องตามราว แล้วไอ้เรื่องมองผู้ชายคนอื่นแล้วจะนึกชอบขึ้นมา มันก็ไม่มีและไม่คิดจะมี แต่ไอ้ที่ได้ยินเมื่อกี้มันคงไม่เข้ามาแบบธรรมดาแล้วมั้งครับ เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้ผมไม่พอใจเท่าไร

“กันต์ ทำอะไร อยู่ที่ไหน” ผมถาม ก่อนจะได้ยินเสียงโอ้กอ้ากตามมา ถ้าแบบนี้คงอยู่ในห้องน้ำ

“ห้อง... น้ำ”

“อยู่กับใคร… ติ๊ด ๆ ๆ ๆ” ผมถาม แต่ยังไม่ทันได้คำตอบสายก็หลุดไปก่อน ผมเลยโทรกลับไปหาเข้า แล้วก็ยังดีที่โทรติดแล้วเขารับสาย ไม่อย่างนั้นผมคงห่วงเขายิ่งกว่านี้

“กันต์อยู่กับใคร” ผมถามอีกครั้ง ต้องถามสั้นๆ เพราะถามยาวไปไม่รู้เขาจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า

“ลูกค้า” ผมแน่ใจว่ากันต์เขาพูดความจริง แต่ไอ้ลูกค้าที่เขาว่าท่าทางมันคงไม่ได้อยากเป็นแค่นั้น

“เฮ้ย!! ปล่อยดิวะ” เสียงกันต์โวยวาย

“กันต์มีอะไร” ผมเผลอถามกันต์เสียงดังจนพี่ที่ขับแท็กซี่เหลือบมองผมผ่านกระจกหลัง

“ไม่มีอะไรๆ ใจเย็นน่า” ไม่ใช่เสียงกันต์ แต่เป็นเสียงจากคนที่กำลังทำให้ผมแทบคลั่งดังลอดเข้ามาในสายอีกครั้ง

“จะออกกกก.... ปล่อย สิวะ” คราวนี้เป็นเสียงกันต์ แล้วตามมาด้วยเสียงเปิดประตู

“ดื่มน้ำก่อนนะครับ” เสียงบุคคลที่สามดังเข้ามา นี่ผมควรจะดีใจใช่ไหม ที่ไอ้คนที่อยู่กับกันต์ยังทำตัวเป็นคนดีอยู่ ผมหวังให้มันดีได้ตลอด      

ติ๊ด ๆ ๆ ๆ แล้วคราวนี้สายก็หลุดไปจริงๆ พอผมโทรไปก็กลายเป็นว่าติดต่อกันต์ไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ผมใกล้จะถึงร้านที่กันต์เขามาแล้ว

.
.
.
ผมเดินเข้าไปในร้าน และเดินไปที่ท่าจอดเรือซึ่งทันเวลากับที่เรือเข้ามาเทียบท่าพอดี ตอนนี้คนในเรือก็เริ่มทยอยลงมากันแล้ว บางคนก็เดินลงมากันดีๆ แต่บางคนก็แทบจะแบกหรือลากกันลงมา ผมว่างานนี้แต่ละคนเหมือนจะมากินมาดื่มมากกว่ามาสนใจกับงานจริงจัง หรือไม่เจ้าของงานก็ตั้งใจจะให้มันออกมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก

แล้วผมก็เห็นคนที่ให้ผมมารับถูกประคองลงมา ผมเลยเดินเข้าไปหา ท่าทางกันต์จะไม่เห็นผม แขนข้างหนึ่งของกันต์ถูกยกพาดไหล่ของคนที่พาลงมา ส่วนเอวก็ถูกโอบเอาไว้ ถ้าผมไม่คิดมากไปผมว่ามันจงใจจะจับจนเกินเหตุ ส่วนกันต์ก็เหมือนพยายามจะเอามือแกะมือของไอ้คนนั้นออกเหมือนกัน แล้วถ้าให้ผมเดามันคือเจ้าของเสียงที่ดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์ระหว่างที่ผมคุยกันกันต์


“กันต์” ผมเดินเข้าไปจนถึงตัวของสองคนนั่น แล้วเรียกชื่อคนที่ผมมารับ พอกันต์เขาเห็นผม ก็ยื่นมือออกมาหา เหมือนจะให้ผมรับตัวเขาไว้ ผมเลยเข้าไปรับตัวเขา แต่ไอ้นั่นมันยังไม่ยอมปล่อย แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไร

“ปล่อยเด้” เสียงกันต์โวยวายเพราะถูกรั้งตัวไว้ ผมควรจะดีใจไหมครับตอนนี้ ...แล้วมือมึงอ่ะเอาออกจากเอวแฟนกูสักทีสิวะ ผมไม่ได้พูดแต่มองหน้ามันแทน ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่รอให้มันปล่อยเอง เพราะเข้าไปดึงตัวกันต์ออกมาเลย แล้วกันต์เขาจะออกมาหาผมตั้งแต่แรกอยู่แล้วเลยดึงตัวออกมาง่าย

กันต์เขาก็เขามาหาผมแล้วนะครับ แต่ไอ้นั่นมันก็ยังไม่ยอมเดินไปไหน แล้วมันก็พูดออกมา

“มีเจ้าของแล้วก็ไม่บอก ขอโทษนะครับ”

“ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก ผมแค่ไม่ชอบแย่งของใคร"

“โชคดีครับ” พอเขาพูดจบก็เดินออกไปเลย เปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาเลยผม เหมือนเขาจะเป็นคนดีกว่าที่คิดนะครับ แล้วถ้าเรื่องนี้จะเอาเรื่องใครเอาเรื่องคนที่ผมมารับดีกว่า

แล้วคิดว่าตอนนี้ผมจะทำหน้าแบบไหนหรอครับ ในเมื่อสถานการณ์มันออกมาเป็นแบบนี้ จากที่กำลังโมโหเลยหายไปเยอะ แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง แล้วก็มาคิดได้ครับว่า ผมกับกันต์ดูออกขนาดนั้นเลย ว่าเป็นอะไรกัน

แต่แล้วก็เหมือนเดิมผมไม่ต้องรอคำตอบกับสิ่งที่ตัวเองสงสัยนาน แค่ก้มลงมานิดเดียวก็เห็นคำตอบแล้วครับ

ก็ไอ้คนเมาที่เรียกให้ผมมารับ กำลังยืนเกาะผมเป็นลูกลิงเลยครับ ยกแขนมาเกี่ยวคอผมไว้แล้วยืนซบ ...มาอยู่ท่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดีนะที่เขาลงมาคนท้ายๆ คนเลยทยอยออกจากร้านกันไปเยอะแล้ว ส่วนไอ้คนที่ยืนเกาะผมอยู่นี่ถ้าเป็นเวลาอื่นคงดูน่ารักมากเลยนะครับ แต่ตอนนี้คดีติดตัวมันลดความน่ารักลงไปได้พอสมควร แล้วถ้าลองเขาสร่างขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วผมลองเล่าให้เขาฟังว่าทำอะไรไว้บ้างมันจะเป็นยังไง แต่อย่างหนึ่งที่ผมคิดได้คือ ผมคงโดนว่าก่อนอย่างแรก ที่ปล่อยให้เขาทำแบบนี้

“ไปกลับบ้าน” ผมดึงตัวเขาออก แล้วช่วยพยุงให้ยืนดีๆ

“รถจอดอยู่ที่ไหน” ผมถาม เขาก็ยกมือมาชี้ๆ ไปทางลานจอดรถ

“กุญแจ” ผมเรียกหากุญแจรถจากเขา เขาก็ตบๆ กระเป๋ากางเกงตัวเอง ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบกุญแจรถมาส่งให้ผม
 
ขึ้นรถก็หลับเลยครับ ลูกลิงของผม เฮ้อ!! มันน่าปล่อยมาคนเดียวอีกไหมละเนี่ย

“พรุ่งนี้เรามีเรื่องที่ต้องคิดบัญชีกันนะครับที่รัก” ผมหันไปพูดกับเขาก่อนออกรถ


..............................................................

“เป็นอะไร” ลูกลิงสร่างเมาลุกขึ้นมานั่งพร้อมทำหน้าหงุดหงิดเล็ก ๆ

“แล้วทำอะไรไว้ละ” ผมลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแล้วหันไปถามเขากลับ ส่วนสาเหตุที่เขาลุกขึ้นมานั่งทำหน้าหงิกใส่ผม นั่นเป็นเพราะว่าตอนที่เขาตื่นมาแล้วขยับตัวเข้ามาจะกอดผม ผมกลับไม่กอดตอบ ยกแขนผมให้ไปกอดตัวเขาเองก็แล้ว ผมยังยกออกอีก จริงๆ เมื่อคืนหลังจากเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แล้ว ผมก็นอนกอดเขาเหมือนทุกวัน แต่พอตอนเช้าผมก็ขยับตัวออก แล้วนอนต่อตั้งใจให้เขาตื่นมาเห็นแบบนั้น

“ใครทำอะไร” ฟังตอบเข้า รู้ตัวบ้างไหมละว่าทำผมหัวปั่นขนาดไหน แล้วถ้าเมื่อคืนไม่ใช่คนๆ นั้นล่ะ  

“แล้วเมื่อคืนทำไมถึงเมาขนาดนั้น”

“เจอคนเยอะ เลยเพลินไปหน่อย” โห ตอบซะผมปลื้มเลยครับ เพลินไปหน่อย ไม่หน่อยแล้วแบบนั้น

“ขอโทษ” เขาพูดเสียงอ่อย

“ไม่ได้โกรธ แต่เป็นห่วง แล้วเมื่อวานรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรไว้บ้าง” ผมถาม ตอนนี้ผมไม่ได้โกรธอะไรแล้ว เขาส่ายหน้าตอบผม ผมเลยเล่าให้ฟังตั้งแต่เขาโทรมาหาผม จนสุดท้ายลงจากเรือแล้วก็มายืนเกาะผมเป็นลูกลิง

แล้วเหมือนจะมีเรื่องหนึ่งที่ผมคิดผิดไปคือ เรื่องที่ผมคิดว่า เขาจะว่าผมที่ปล่อยให้เขามายืนเกาะผมเป็นลูกลิงนอก
สถานที่ เขาไม่ได้ว่าผมสักคำ แต่ส่งกำปั้นมาที่อกผมจนดังอั้ก

แล้วคิดว่าวันนี้ที่ผมบอกว่าจะไปเดินสวนกับเพื่อน ผมจะได้ไปไหมครับ
.
.
.

“ไอ้กร มึงอยู่ไหน”

“ขอโทษ กูไปไม่ได้แล้ววะ”

“เฮ้ย อะไรวะ... ตื๊ด ๆ ๆ”


“อื้อ...”

-----------------------------------------------

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 27-09-2010 23:13:30
แอร๊ยยยย มาพอดี  :z13: ไรท์เตอร์เลย
ถ้าช้ากว่านี้อีกไม่เกิน10นาที จะออกแล้ว
กันต์เมาน่ารักอ่ะ เกาะเป็นลูกลิง นึกสภาพออกเลย
ว่าแต่คุณลูกค้าท่านนั้น เหอะๆ ยังดีที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่แย่งของใคร

มีอีกมั้ยคะ หรือมีแค่นี้ ไม่แน่ใจ แหะๆ เห็น --------------------- เอาไว้
 :กอด1:ให้กำลังใจ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-09-2010 23:20:11
555 งดเที่ยวไปโดยปริยาย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10) รอเดี๋ยวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-09-2010 23:20:35
ซะงั้น  ปลาทองเจ้าเอ๋ยย   รอไปก่อนนะทั้งอาหารทั้งหินประดับบ้านของพวกเจ้า
เพราะคนที่จะไปซื้อกำลังทำโทษลูกลิงขี้เมาอยู่
กันต์นี่เวลาเมาก็น่ารักดีเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 27-09-2010 23:22:45
พี่กันต์ก็เมาทีนี้มาดหายเลยนะค่ะ


แต่ว่าน่ารักอ่าาาาาาาาาาาาา   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 27-09-2010 23:26:02
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 27-09-2010 23:30:16
อ้ายยยยยย... น่ารักอีกแล้ว

ลูกลิงจะได้ออกไปงานไหนอีกหรือเปล่านะ หลังงานนี้

 :m17:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 27-09-2010 23:32:18
ฮ่าๆ โดนทำโทษใช่มั้ยเนี่ย
แต่ยืนเกาะเป็นลูกลิงฟังดูน่ารักเนอะ
ดูขี้อ้อนกว่าปกติ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-09-2010 23:33:58
 :o8: :-[

บ้าๆๆๆ หนูหิวนะ ป๊ากะพ่อ ไม่ยอมไปซื้ออาหารมาเพิ่ม เดี๋ยวหมดสต๊อกแล้วหนูจะกินอะไร (สิงร่างไอ้ตัวในโหลอยู่)
.....................

ของฝากน้องกวางค่ะ
ผมเดินเช้าไปในร้าน (เข้า)
“ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก ผมแค่ไม่ชอบแย่งของใคร (อัญประกาศปิดประโยคหายค่ะ)
ผมลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแล้วหันไปถามเขาถาม (หืม? ถามตัวหลัง? ตั้งใจจะบอกว่าหันไปถามเขากลับ รึเปล่าคะ?)
รู้ตัวบ้างไหมละว่าทำผมหัวปั่นขนาดไหน แล้วถ้าเมื่อคืนไม่ใช่คนๆ นั้นละ   (ตรงนี้ถ้าเป็น “ล่ะ” ทั้งสองที่จะรื่นกว่าค่ะ เสนอเจ๋ยๆนิ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 27-09-2010 23:44:47
รอบนี้ สั้นจัง
เหมือนยังค้างคาอ่ะ
มันต้องตบท้ายด้วยNC อีกนิดนึง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 27-09-2010 23:47:54
โอ้ย ยย ย ย  ค้าง งง มากมา ยย ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 27-09-2010 23:57:15
โอ๊ะ โอว อย่าลงโทษลูกลิงแรงนะจ๊ะ เดี๋ยวช้ำหมด 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 28-09-2010 00:25:57
555 เว้นไว้ให้คนอ่านเดาเอาเองว่าใครจะโดนอะไร...อิอิ...

พี่กันต์ก็เมาซะเกือบเป็นเรื่องเลย..
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 28-09-2010 01:10:20
กำลังลงโทษลูกลิงอยู่ล่ะสิ เลยไม่ว่างไปเที่ยวแล้วอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-09-2010 03:40:40
รอดไป เจอคนดี
สมควรโดนลงโทษ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 28-09-2010 04:22:06
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 28-09-2010 06:45:25
เกือบไป ดีที่ยังมีคนดีมีศิลธรรมเหลืออยู่ในสังคม
บทลงโทษนี้ คงยาว ก็เล่นยกเลิกการไปสวนซะงั้น
+1 ให้ ไรเตอร์ สงสารลูกลิงจัง  :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 28-09-2010 07:38:20
น่ารักจังงงเลยย

แต่สงสารปลาน้อยน้า ที่จะไม่มีอาหารเพราะ กร มัวแต่ หุหุหุ

จตุจักรเลยเป็นหมันเลยยยย

ชอบอ่านเรื่องนี้มากเลยย ชอบ กันต์กับกรมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 28-09-2010 08:32:18
อื้อ สุดท้ายนี้มันอะไรค่ะ??

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ค้าง ค้าง อ่ะ

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wisa ที่ 28-09-2010 10:26:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 28-09-2010 11:08:13
หุหุ ไปมะด้ายเพราะต้องลงโทษลูกลิงอ่ะจิ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 28-09-2010 13:55:28
อิอิ ลิงดื้อ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 28-09-2010 16:19:58
 :pig4:  สนุกมากๆ เลย จะติดตามไปเรื่อยๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-09-2010 18:02:17
ลูงลิงขี้เมาโดนหวานใจลงโทษซะแล้ว

ยิ่งอ่านยิ่งน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 28-09-2010 18:12:29
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-09-2010 18:23:57
ผู้ชายคนนั้นเขามั่นมาก ว่าเขามีดีพอไม่ชอบที่มีเจ้าของหาได้ไม่ง่ายหรอกนะ โชคดีที่เจอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 28-09-2010 18:26:43
เอ้ยย
ทำโทษกันยาวเลยมั้ง
เเล้วลูกลิงเปนไงมั้งละ ??ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 28-09-2010 18:48:07
น่ารักขึ้นทุกวันเลยนะลูกลิง เอ้ย! พี่กันต์
:m1:

นับว่าโชคดีนะที่เจอคนไม่ชอบแย่งของใคร
ไม่อย่างนั้นละไม่อยากจะคิด
สมควรต้องโดนลงโทษกันบ้างนะพี่กันต์ ฮ่าๆ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 28-09-2010 22:29:39
แล้วปลาทองจะได้อาหารไหมล่ะ เจ้าของไม่ยอมออกไปซื้อมาให้แบบนี้
มัวแต่ทำอะไรกับลูกลิงอยู่ก็ไม่รู้
 :a9:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-09-2010 23:57:28
ลงโทษหนักๆเลยค่ะ 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: YongaMO ที่ 29-09-2010 00:20:28
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ ^^
อ่านถึงตอนนี้ก็หลงรักพี่กรไปซะเยอะเลย อิ ๆ  :man1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-09-2010 10:53:48
ไม่ไหวๆๆ ลูกลิงดื้อจัง แบบนี้ต้องลงโทษ (หนักๆๆ) นะ   :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 29-09-2010 12:33:52
โชคดีนะที่กันต์ไปเจอคนแบบนั้น แบบนี้คงต้องคอยตามประกบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 29-09-2010 12:54:11
พี่กันต์โดนทำโทษหนักแน่งานนี้ ในฐานะน่ารักเกินเหตุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 29-09-2010 18:53:07
แง่ๆ
เอาฉากนั้นมานะ
 :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 30-09-2010 01:02:40
มาแอบดู
กรสำเร็จโทษกันต์
กร๊ากกกกกกกกกกกก
แอบอยู่ใต้เตียงนะไรท์เตอร์ จัดหนักมาซะเด่วนี้ แฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 30-09-2010 11:21:44
ลูุกลิงเมาแล้วน่ารัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 30-09-2010 23:46:49
 :o8:ตอนที่ 38/2 คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ (ต่อจาก ลูกลิงขี้เมา)

“กร พอแล้ว” เสียงพูดอู้อี้ของคนที่นอนคว่ำซุกหน้าอยู่กับหมอน โดยที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าห่มพาดผ่านเพื่อปกปิดร่างเปลือยเปล่าตั้งแต่ช่วงสะโพกลงไปได้อย่างหมิ่นเหม่ ปล่อยให้ขายาวข้างหนึ่งอยู่นอกผืนผ้าตั้งแต่ช่วงต้นขาลงมา ส่วนท่อนบนที่โผล่พ้นผ้านั้นมีส่วนที่กำลังถูกให้ความสนใจคือ แผ่นหลังเนียนแน่น ซึ่งเจ้าของปล่อยให้ผมได้ไล้มือไปมาอย่างไม่รู้จักเบื่อ แต่ผมเริ่มอยากจะทำอะไรมากกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้แล้ว และเจ้าของแผ่นหลังเนียนนี้คงจะรู้ทันในสิ่งที่ผมกำลังคิด ถึงได้พูดออกมา

“ปล่อยก่อน” เสียงพูดอู้อี้ดังขึ้นจากร่างที่อยู่ข้างกายผมอีกครั้ง พร้อมกับความพยายามในการขยับตัวหนีออกจากแรงกกกอดของผมที่มากขึ้น เพื่อรั้งตัวเขาไม่ให้ลุกไปไหน ก่อนที่ผมคลายแรงลง แล้วหยัดตัวขึ้นเพื่อคร่อมร่างนั้นไว้ พร้อมกับก้มหน้าลงไปพูดที่ข้างหูของร่างข้างใต้

“ขอได้ไหม” ผมพูด

“ไม่เอาแล้ว หิว จะออกไปหาอะไรกิน” เสียงอู้อี้ตอบกลับมาของร่างที่ไม่มีทีท่าว่าจะคล้อยตามผม

“ไม่ได้หรอ” ผมพูดเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอของกันต์เบาๆ ถึงปากจะบอกปฏิเสธแต่กลับเอียงคอเปิดทางรับการรุกรานของผม

“ไม่ทำ ไม่ได้หรอ”

“ยังเจ็บอยู่”

น้ำเสียงที่ฟังดูอ้อนกว่าปกติของกันต์ในแบบที่ผมได้ยินไม่บ่อยนัก ทำให้ผมไม่สามารถปล่อยคำพูดของเขาให้ลอยผ่านไปได้ ผมจึงหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ แล้วค่อยๆ จับร่างที่คว่ำอยู่ให้พลิกตัวกลับมาด้วยแรงที่คิดว่าจะไม่ทำให้ร่างนั้นถูกกระทบกระเทือนมากจนเกินไป

“เจ็บมากเลยหรอ” ผมถามกันต์ที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมามองผมตาแป๋ว ...ทำไมน่ารักขนาดนี้วะ ผมคิดในใจเมื่อมองคนที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขามีสีหน้าแบบนี้ เห็นแบบนี้แล้วต่อให้อยากทำอะไรมากแค่ไหน ผมก็คงฝืนใจเขาไม่ลง

“..........” กันต์ตอบผมกลับมาโดยการพยักหน้า ผมเลยขยับตัวออกจากเขา แล้วเดินลงจากเตียง ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งเขา เพื่อจะพาไปอาบน้ำ


แต่......









“เฮ้ย!!!” ผมพูดออกมาได้แค่นั้น เมื่อเห็นคนที่ทำเสียงอ่อนเมื่อกี้ลุกพรวดออกจากเตียงตัวเปล่า ก่อนจะวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่เมื่อคืนผมวางพาดไว้บนพนักเก้าอี้ที่อยู่ใกล้เตียงมาพันตัวลวกๆ แล้ววิ่งออกไปจากห้องนอน โดยมีผมที่เพิ่งรู้ตัวว่าโดนคนเจ้าเล่ห์หลอกเข้าให้แล้ว วิ่งตามออกไป


จากลูกลิงขี้เมาเมื่อคืน เที่ยงนี้กลายเป็นลูกลิงเจ้าเล่ห์ไปแล้ว






“มานี่เลย” ผมพูดเมื่อตามไปคว้าเอวคนที่วิ่งออกมาก่อนไว้ได้ และดึงให้หลังเขามาชนอยู่กับตัวผมที่มีเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว กว่าจะจับได้เล่นให้วิ่งไล่กันจนรอบห้อง

“เจ้าเล่ห์ นักนะ” ผมพูดกับกันต์ที่กำลังหายใจหอบน้อยๆ ก่อนที่ผมจะก้มลงไปหอมแก้มที่กลายเป็นสีแดงระเรื่อของเขาเบาๆ จากนั้นก็พาเขาเดินมาที่โซฟา จับเขานั่งลงตรงที่ว่างระหว่างขา แล้วเอาคางไปวางเกยบนไหล่เขา  

“แล้วลุกพรวดพราดออกมาทำไมเนี่ย” ผมถามกันต์ แล้วกดจมูกลงบนแก้มเขาอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะยกมือไปปาดเหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผมของเขาเพื่อไม่ให้ไหลลงมาเข้าตา

“ไม่ลุกออกมาก็เสร็จดิ” กันต์ตอบ น้ำเสียงแบบเดิมกลับมาแล้วครับตอนนี้

“แล้วคิดว่ามานี่จะรอดหรอ” ผมถาม กับคนที่ผมกอดอยู่นี่ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่ผมอยู่กับเขาแล้วจะเบื่อ

...อยู่ด้วยมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้ตัวว่าขาดไม่ได้ ได้มาแล้ว ยิ่งอยากได้มากขึ้นอย่างคนไม่รู้จักพอ


“ก็ไม่ แต่ตอนนี้มันหิว” พอกันต์พูดจบก็เอนตัวลงมาพิงอกผม

“แล้วอยากกินอะไร” ผมถาม

“แฮมเบอร์เกอร์ โทรสั่งให้หน่อย เอาดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์ กับเฟรนซ์ฟรายด์ใหญ่ เอาพายข้าวโพดด้วยอยากกิน” คนที่นั่งพิงผมอยู่สั่งมาเป็นชุด

“งั้นลุกก่อน เดี๋ยวโทรสั่งให้” ผมบอกให้เขาลุกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบโทรศัพท์มาโทรสั่งอาหารตามรายการที่ลูกลิงเจ้าเล่ห์ของผมสั่ง แล้วก็สั่งเพิ่มอีกชุดให้ตัวผมเองด้วย

“สั่งให้แล้วนะ” ผมพูดแล้วเดินกลับไปนั่งข้างกันต์ ก่อนจะดึงตัวเขาให้ขึ้นมานั่งอยู่บนตักผม แล้วกอดเอวเขาไว้

“แล้ววิ่งออกมาแบบนี้ได้ แสดงว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ผมก้มลงไปถามข้างหูของคนที่นั่งบนตัก



“อื้ออออ...” คราวนี้ผมไม่รอให้เขาตอบแต่พลิกตัวเขาลงนอนกับโซฟา แล้วลงไปประกบจูบแรงๆ ก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นไล่งับริมฝีปากล่างเบาๆ แทน ให้หายมันเขี้ยวลูกลิงเจ้าเล่ห์

“ไม่ เอา... เดี๋ยว อื้อ... ของมา ส่ง” กันต์พยายามหันหน้าหนีผมที่ไล่จูบเขาไม่เลิก แล้วพูด

“ตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะมา” ผมบอก แล้วไม่ยอมให้เขาพูดอะไรอีก
.
.
.



“กอดคอกรไว้แน่นๆ นะ” ผมบอกกันต์ที่กำลังคร่อมทับอยู่บนตัวผม ให้ใช้แขนโอบกระชับรอบคอผมให้แน่นขึ้น ก่อนที่ผมจะจับขาเขาให้มาเกี่ยวรัดเอวผมไว้

“กรไม่เอา มะ... ไม่เอานะ อ้ะ อื้อ...” กันต์เริ่มส่งเสียงประท้วงเมื่อรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไรต่อไป  

“ฮะ อื้ออออ... ไม่เอา.... แบบนี้” เสียงประท้วงยังคงดังออกมาเรื่อยๆ ตอนที่ผมยกแขนโอบประคองตัวเขาไว้ แล้วหยัดตัวเพื่อที่จะยืนขึ้น

“อ๊ะ!! อื้อออออ...” คนที่ผมอุ้มไว้หวีดร้องออกมาเมื่อผมหยัดตัวลุกขึ้นจากโซฟามายืนเต็มความสูง พออยู่แบบนี้อะไรๆ มันก็ยิ่งแนบชิดกันมากขึ้นไปอีก จนคนที่ผมอุ้มอยู่โอบกระชับรอบคอผมแน่นขึ้น ส่วนหน้าก็ซุกอยู่กับซอกคอผม แล้วครางเบาๆ ไม่หยุด


“ฮือ มะ ไม่ไหว... อะ อื้อออ... แบบนี้” กันต์ยังคงปล่อยเสียงออกมาไม่ขาดระหว่างทางที่ผมพาเขาเดินกลับไปที่เตียง

“จูบหน่อย” เสียงเรียกร้องดังขึ้นเมื่อแผ่นหลังของร่างที่ผมอุ้มมาสัมผัสกับที่นอนนุ่ม แต่ผมยังไม่ทำตามที่เขาเรียกร้องทันที หากแต่เริ่มจูบจากกลางหน้าผากชื้นเหงื่อ แล้วค่อยๆ ไล่ลงมาจูบซับที่ปลายหางตาที่มีหยาดน้ำตาไหลลงมาเล็กน้อยด้วยแรงอารมณ์ จากนั้นจึงไล่มาจนถึงริมฝีปากแดงที่อ้าเผยอน้อยๆ เหมือนกำลังรอรับจูบที่เป็นคนเรียกร้องอยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่ส่วนล่างนั้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างเป็นจังหวะ คล้ายจะเนิบนาบ อ่อนหวาน แต่กลับหนักหน่วงในทุกสัมผัสที่ต้องการถ่ายทอดไปถึงผู้รับ

“ดีไหม” ผมถามเจ้าของดวงตาฉ่ำหวานที่กำลังมองผมอยู่ในตอนนี้

“อื้ออออ...” คนที่ผมถามครางรับ พร้อมกับเด้งเอวสวนขึ้นมา ยิ่งผมเลื่อนมือลงไปสัมผัสส่วนที่มีอารมณ์ปรารถนาของเขาอัดแน่นอยู่ ยิ่งทำให้ผมได้ยินเสียงครางหวานที่แสดงถึงความพึงใจตอบกลับมามากขึ้นเรื่อย ๆ


“กรเร็วอีก จะ ไปแล้ว เร็วๆ อึก...” เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากแดงระเรื่อ ทำให้ผมขยับเร่งจังหวะของทุกการกระทำให้เร็วขึ้น

“พร้อมกันนะ” ผมก้มลงไปกระซิบบอกเขา

“อ้า...... อื้ม อื้ออออออ......” แล้วเสียงครางยาวครั้งสุดท้ายก็ดังขึ้น พร้อมกับแรงอารมณ์ของเราทั้งคู่ที่ถูกพัดพาไปจนถึงฝั่งในเวลาเดียวกัน    


“รักนะครับ”  

..........................................................................



“กินช้าๆ เดี๋ยวติดคอกันพอดี” ผมหันไปบอกคนข้างๆ ที่เอาแต่งับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตในมือเข้าปาก จนเหมือนจะไม่ได้เคี้ยว เผลอแป๊บเดียวเกินครึ่งชิ้นไปแล้ว ผมเพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำ ตอนนี้อาบน้ำสบายตัวกันทั้งคู่ แล้วก็พากันมานั่งดูหนังพร้อมกับกินมื้อบ่ายไปด้วย ต้องบอกว่ามื้อบ่ายเพราะว่าเลยเที่ยงมาเยอะแล้วครับตอนนี้

“ก็มันหิว”

“รู้แล้วว่าหิว แต่ช้าๆ ก็ได้”

“แล้วเพราะใครล่ะ” กันต์หันมามองหน้าผมแล้วพูด ก่อนจะหยิบเฟรนซ์ฟรายด์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาส่งเข้าปาก

“ครับๆ กรผิดคนเดียวเลยครับ กันต์ไม่ผิดเลยครับ” ผมพูด แล้วก็ต้องรีบหยุดเพราะเจอสายตาดุๆ ของคนข้างๆ

  
--------------------------------------------------------------  

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 30-09-2010 23:54:02
:o8: กรกับกันต์เปลี่ยนไปอ้ะ อ๊ายยยยยเขิน ><
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ลูกลิงขี้เมา p.31 (up 27-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-09-2010 23:54:16
อรั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น้องกวางทำอะไรแบบนี้คะ
พี่นุ่นเขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน >////////<

ตายๆๆๆๆๆๆๆ ตายดีกว่า น่ารักไปมั้ย เจ้าเล่ห์นัก กันต์ เป็นไงล่ะ กึ๋ยๆๆๆๆๆๆ

..........................
ตรงนี้นะคะ
“ดีไหม” ผมถามเจ้าของดวงตาช่ำหวาน (เขินนนนนนน ฉ่ำหวาน บ้าๆๆๆมีหน้ามาถามอีกกรนี่)
จนเหมือนจะไม่ได้เขี้ยว  (เคี้ยว คริคริ เหนื่อยจัดนิกันต์)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-09-2010 23:58:10
หืมมมม  คิงคองคึกคักจริง ๆ จัง ๆ เลยนะ
แหม ๆ ๆ ๆ คู่นี้ชอบทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ดอยู่เรื่อย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 01-10-2010 00:00:15
จะน่ารักไปไหนคู่นี้
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 01-10-2010 00:07:02
อย่าปล่อยให้เมานักนะกร กันต์ชักจะเนื้อหอมใหญ่แล้วนะพักเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-10-2010 00:07:27
เป็นลูกลิงที่น่ารักจังเลยน๊าาาา กรกันต์ กันต์กร เค้าล่ะปลื้มมม :o8:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 01-10-2010 00:10:26
อุ๊ย...มดขึ้นเต็มหน้าจอเลย 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 01-10-2010 00:11:08
รู้สึกพี่กันต์๋ชักจะน่ารักขึ้นทุกทีเลย  อยู่กับกรกลายเป็นลูกลิงไปซะแล้ว

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 01-10-2010 00:23:31
ระวังกันต์จะเป็นโรคกระเพาะนะกร
ปล่อยให้กินข้าวผิดเวลาได้ไง
เห็นไหมว่ากันต์เขาหิวอ่ะ อิอิ

น่ารักเกินไปแล้วนะคู่นี้  :m3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 01-10-2010 00:23:48
+1 เบาๆค่ะ น่ารักสุดๆช่วยพักใจจากหลายๆเรื่องที่กำลังมาม่าได้ดีทีเดียว

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยอิจฉาตาร้อนเสียจริงๆ   :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 01-10-2010 00:48:22
สวีทเกินไปแล้ว แอร๊ยยยยยยยยยยยยย น่ารักเกินนนนน
ยิ้มจนปวดแก้มแล้วไรท์เตอร์
 :-[


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 01-10-2010 00:49:11
หื่นแบบหวานๆ >.<
กันต์อ้อนได้น่ารักมากเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 01-10-2010 01:07:57
:-[จัดหนักกว่าทุกทีนะรอบเนี้ย หมั่นเขี้ยวลูกลิงหรือไง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 01-10-2010 01:20:13
อ๊ายยยยยยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 01-10-2010 01:21:37
 :haun4: :haun4: :oo1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 01-10-2010 03:04:13
ลูกลิงน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก
ว่านอนสอนง่าย
เเอบเจ้าเล่ห์
นึกถึงตอนลูกลิง เปนชายสวาทไม่เป็นเลย
555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 01-10-2010 03:41:21
คู่นี้น่ารักอ่ะ เรื่อยๆ เหมือนอ่านชีวิตวิตประจำวันแบบน่ารักๆของคู่รักเลย
ชอบกรอ่ะดูใส่ใจดี กันต์น่ารักตรงที่การกระทำนี่แหละ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 01-10-2010 06:26:55
อิจฉาเวลาอยู่ด้วยกันของคู่นี้จัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 01-10-2010 06:33:02
น่ารักได้อีิกนะคู่นี้ อิอิ อิจฉาจริงๆๆๆๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 01-10-2010 08:07:39
เจ้าเล่ห์จิงๆๆๆเลย กันต์เนี่ยยยย

น่ารักมากกกกกกกกกก ชอบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 01-10-2010 09:07:24
นี่ไม่ใช่ลิงอุ้มแตงนะ คิงคองอุ้มลิงอีกที :haun4:

+1 กำลังใจขอบคุณค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 01-10-2010 09:14:24
ตอนนี้น่ารักมากเลยอ่ะ  คล้ายๆ พี่กันต์จะเปลี่ยนไป ดูน่ารักมากขึ้น อบอุ่นมากขึ้น

+1 ให้สำหรับตอนน่ารักๆ นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 01-10-2010 09:29:15
อ่อย ย  ยย ย

เขินกะฉากรัก ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 01-10-2010 09:58:04
บรรยากาศดูอบอวลไปด้วยความสุข จนน่าอิจฉานะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-10-2010 10:15:07
ลูกลิงจอมยั่วล่ะสิไม่ว่า...อิอิ...หวานๆๆกันไป น่ารักอ่ะ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 01-10-2010 10:22:54
โอ๊ย ลูกลิงน่ารัก ><
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 01-10-2010 10:41:30
 :m1: :m3: อยากมีคนที่จะอ้อนได้บ้างจังเลย......หวานนักนะรักนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-10-2010 10:48:13
เรื่องนี้น่ารักมากกก
อ่านเรื่องนี้แล้วสบายใจ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 01-10-2010 12:53:46
555 ได้ใจป้าไปเต็ม ๆ อคิ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 01-10-2010 13:30:56
 :m1: :m1:


น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุข  ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-10-2010 17:05:47
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 01-10-2010 21:41:49
หวานเจี๊ยบบบบบบบบบบบบบ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 02-10-2010 18:55:14
 :m13:

อร้ายยยยยย... อ่านแล้วเขินอ่ะ
กันต์ชักจะน่ารักใหญแล้วนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 03-10-2010 10:30:26
หวานที่สุด น่ารักที่สุด :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 04-10-2010 09:06:02
คู่นี้เค้าจะน่ารักไปไหนคับ

หุบยิ้มไม่ลงแล้วเนี่ย  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-10-2010 10:09:14
หุ หุ หุ คู่นี้  :haun4:  :m25:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 06-10-2010 03:08:36
ต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 06-10-2010 05:43:00
 ก็ผ่านไปอีกรอบ ทั้ง ๆ ที่บอกว่า " ไม่เอา "  :haun4:
+1 ให้เป็นกำลังใจ จัดมาอีก อย่าให้ช้า  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิงคองคึก(คัก) VS ลูกลิงเจ้าเล่ห์ p.32 (up 30-09-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 06-10-2010 21:43:42
ตอนที่ 39 คำตอบจากสายตา

ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้า เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จึงหันหลังไปเรียกคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาให้ตื่นขึ้นมารับสาย เพราะดูเหมือนเจ้าของโทรศัพท์จะไม่ได้สนใจเสียงที่กำลังดังอยู่ตอนนี้เลย

“กันต์ แม่โทรมา” ผมเรียกกันต์ พร้อมกับเขย่าตัวเขาเบาๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงในมือเขา

“ครับ แม่” กันต์รับสาย

“อยู่ที่ห้อง”

“ไม่ได้ทำอะไร ก็นอน แล้วก็ตื่นตอนแม่โทรมา”

“วันศุกร์กันต์ไปงานของคุณอรรถมา เขาเปิดตัวสินค้าใหม่” กันต์ก็คุยกับแม่เขาไป ส่วนผมก็นั่งดูหนังต่อ แต่ลดเสียงให้เบาลง

“กันต์ไปคนเดียว”

“ก็ดีครับ” กันต์เขาก็พูดไป ส่วนมือข้างที่ว่างอยู่ก็เอื้อมมากอดคอผมที่นั่งอยู่กับพื้นและเอนหลังพิงโซฟาไว้

“นิดหน่อยเอง ไม่ได้ขับครับ”

“ครับ กรไปรับ” พอผมได้ยินเขาพูดชื่อผม ผมเลยหันไปมองหน้าเขา แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเลยหันกลับมาดูหนังต่อ

“แม่...” กันต์พูดเบาๆ แต่น้ำเสียงคล้ายกับคนกำลังตกใจ

“ครับ อยู่ครับ”

“ครับ เดี๋ยวกันต์เข้าไป” เหมือนเสียงกันต์เขาจะฟังดูแปลกไป ผมเลยหันหน้ากลับไปมองเขาอีกครั้ง แล้วก็เห็นเขาลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับทำหน้านิ่ง ก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักโซฟา


“มีอะไรหรือเปล่า” ผมปิดโทรทัศน์ ก่อนจะหันไปถามกันต์ แล้วขยับตัวลุกขึ้นไปนั่งข้างเขาบนโซฟา

“แม่ให้เราเข้าไปหาที่บ้านเย็นนี้” กันต์พูด แล้วเอียงตัวมาพิงผมไว้ ก่อนวางหัวซบลงกับไหล่ พอเห็นเขาทำแบบนั้นก็รู้แล้วว่าเขากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ผมเลยคว้ามือของเขาที่วางอยู่บนตักมาจับไว้ และบีบเบาๆ โดยให้มือของเขาวางอยู่บนมือของผม

“เมื่อกี้แม่ถามถึงกร เหมือนกับว่าไปรู้อะไรมา” กันต์พูด พร้อมกับมองไปที่มือของผมกับเขาที่จับกันอยู่

“อาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ผมตอบ เพราะเท่าที่ผมกับกันต์คบกันอยู่ตอนนี้ เราก็วางตัวเองเป็นแค่พี่ แค่น้อง หรือเพื่อนกันธรรมดาเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เพราะไม่อยากให้ใครเอาไปพูดอะไรไม่ดี เรื่องนี้แม่ผมเองก็เคยเตือนไว้เหมือนกัน ว่าถึงที่บ้านจะไม่ได้ว่าอะไร ก็ใช่ว่าเราจะคิดเอาแค่ว่าคนที่บ้านเข้าใจแค่นั้น แล้วไม่สนใจคนอื่น เพราะผมกับกันต์ก็ยังมีหน้าที่การงานที่ต้องดูแลกันต่อ แต่ถ้าแม่กันต์จะรู้เรื่องที่ผมกับกันต์คบกันอยู่ จะไปรู้มาจากไหนยังไง อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้จริงๆ

“อื้ม” กันต์รับคำ ก่อนจะนั่งเงียบไปสักพัก แล้วค่อยพูดขึ้นมา
  
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะสี่โมงแล้ว กว่าจะถึง” กันต์พูด แล้วขยับตัวออกจากผม ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วส่งมือมาให้ผมจับไว้ แล้วฉุดตัวผมขึ้นจากโซฟา แล้วเดินตามเขาไป





.................................................................


 
“สวัสดีครับ” ผมพูดและยกมือไหว้พ่อกับแม่ของกันต์ที่เหมือนจะนั่งรอผมสองคนอยู่ก่อนแล้ว ภาพในเวลานี้ดูไม่ต่างจากครั้งที่แล้วที่ผมมาที่นี่ แม่กันต์นั่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับรับไหว้และยิ้มให้ผม พ่อกันต์เองก็รับไหว้ผมเช่นเดียวกัน แม้ทุกอย่างจะดูเหมือนเดิมแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันอย่างบอกไม่ถูก กันต์เองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม เพราะตั้งแต่เข้าบ้านมาผมยังไม่เห็นเขายิ้มเลย ดูเครียดๆ เสียด้วยซ้ำ

“มานั่งก่อน กันต์มานั่งกับแม่” เสียงจากแม่ของกันต์ที่ดูยิ้มแย้มเมื่อกี้ แต่มาตอนนี้กลับมีสีหน้านิ่งขึ้น เรียกให้ผมและกันต์ไปนั่งที่โซฟา ผมเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวด้านข้าง ส่วนกันต์เดินไปนั่งลงข้างแม่เขาบนโซฟาตัวเดียวกัน และตอนนี้ผมก็อดที่จะรู้สึกเกรงๆ ขึ้นมาไม่ได้

“กันต์มีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่หรือเปล่า” แม่กันต์ส่งคำถามมาให้กันต์ทันทีที่นั่งลง ส่วนผมทันทีที่ได้ยินก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก กันต์เองก็เหมือนกัน เขาหันหน้าไปมองหน้าแม่ของตัวเอง ก่อนจะหันมามองผม แต่ยังคงเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไป

“กันต์” แม่กันต์ส่งเสียงเรียกคนที่ยังนั่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร

“ครับ” กันต์ส่งเสียงตอบรับ

“บอกแม่ได้ไหมว่าเราสองคนคบกันแบบไหน” แม่กันต์ยังคงตั้งคำถามต่อไป ยิ่งไม่ได้รับคำตอบ คำถามก็ยิ่งถูกส่งไปหากันต์เร็วขึ้น และจากที่ฟังคำถามผมแน่ใจแล้วครับว่า แม่คงจะรับรู้เรื่องของเราสองคนแล้ว ...รู้ แต่รู้ได้ยังไง

“แม่...” กันต์ส่งเสียงเรียกแม่ออกมาเบาๆ เหมือนคนกำลังตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอคำถามแบบนี้เร็วนัก ส่วนพ่อกันต์ตอนนี้มีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ได้มีท่าทีหรือแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลย

“ไม่ใช่แค่เพื่อนกัน ใช่ไหม” แม่กันต์ถามเสียงเบา

“ครับ” คราวนี้กันต์ก็ตอบรับ แม่เลยหันมามองทางผมบ้าง แล้วพ่อกันต์ก็ลุกออกจากโซฟาไปหลังจากกันต์ตอบ ยิ่งทำให้กันต์หน้าเสียมากขึ้น ส่วนผมก็ได้แต่นั่งเงียบ แล้วก็อดรู้สึกสงสารกันต์ในตอนนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะตอบคำถาม และยอมรับกับเรื่องทั้งหมด แต่ในเวลานี้ผมคิดว่า มันควรจะเป็นการตัดสินใจของกันต์ที่จะพูด หรือไม่พูดอะไรออกไป

“ที่บ้านกรรู้เรื่องนี้หรือยัง” แม่ถามผมขึ้นมาบ้าง

“ครับ ทราบแล้วครับ” ผมตอบ  
 
“พ่อกับแม่ว่ายังไงบ้าง แล้วเคยพากันต์ไปที่่บ้านหรือเปล่า” แม่กันต์ถามผมต่อ ในขณะที่กันต์ก็หันมามองผมอยู่เช่นกัน

“เคยพาไปแล้วครับ พ่อกับแม่กรไม่ได้ว่าอะไร” ผมตอบ แล้วช่วงหลังๆ มานี่เวลาผมไปหาแม่ที่บ้านหรือโทรคุยกัน แม่ผมก็จะคอยถามถึงกันต์อยู่ตลอด

“กรบอกกับพ่อแม่เขาได้ กันต์เองก็ไปบ้านกรเขาได้ แต่ทำไมกันต์ไม่คิดจะบอกอะไรแม่บ้าง”

“กันต์คิดจะปิดแม่ไปถึงเมื่อไหร่” แม่กันต์พูดขึ้นมา และจากน้ำเสียงที่พูดทำให้ผมรู้สึกได้ว่าแม่กำลังน้อยใจ โดยไม่ได้แสดงถึงความโกรธ หรือความไม่พอใจออกมาเลย ผมกับกันต์เราก็ได้แต่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

“ทำไมมีอะไรกันต์ไม่มาบอกแม่บ้าง กันต์คิดว่าพ่อกับแม่จะใจร้ายกับกันต์หรอ ถึงปิดแม่แบบนี้” น้ำเสียงที่แม่พูดตอนนี้ผมรู้ครับ ว่าแม่กำลังน้อยใจมากๆ

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะแม่ กันต์แค่... ไม่อยากเห็นแม่เสียใจ ไม่อยากเห็นแม่ผิดหวัง” กันต์พูด พร้อมกับขยับตัวหันไปทางแม่ ในเวลานี้ผมเลยเห็นแต่ด้านหลังของกันต์

“หรือกลัวว่าแม่จะรับไม่ได้ เลยคิดจะปิดแม่ไปเรื่อยๆ” แม่พูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่น ผมไม่รู้ว่าครั้งที่กันต์ไปบ้านผม เขาจะรู้สึกแบบเดียวกันกับที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า มันเป็นสถานการณ์ที่ผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง จะหันซ้ายหันขวาก็ดูเหมือนจะต้องใช้ความคิดไปเสียหมด

“กันต์รู้ไหมที่แม่ผิดหวังตอนนี้ แม่ไม่ได้ผิดหวังเพราะเราสองคนคบกัน แต่แม่ผิดหวังที่กันต์ไม่มั่นใจว่า พ่อกับแม่จะรักกันต์มากพอ” แม่พูด พร้อมกับยกมือขึ้นไปปิดปากของตัวเองเหมือนจะปิดกั้นเสียงสะอื้น แม่กันต์กำลังร้องไห้ จากนั้นแม่ก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทำท่าจะเดินออกไป พอกันต์เห็นแบบนั้นเลยรีบลุกขึ้นแล้ว วิ่งไปดักหน้าแม่ตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอด ส่วนผมก็ลุกขึ้นยืน โดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อจากนี้

“แม่... กันต์ขอโทษ” กันต์พูดกับแม่พร้อมกับยกมือขึ้นมากราบแนบอก และกำลังจะย่อตัวลงไปกราบที่เท้าแม่อีกครั้ง แต่ถูกแม่ฉุดแขนไว้ก่อน แล้วดึงตัวกันต์เข้าไปกอด

“กันต์แค่ไม่รู้ว่าจะบอกกับแม่ยังไง” กันต์พูด โดยมีแม่กอดไว้ พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบผมของกันต์ไปด้วย ผมเองจากที่แค่ยืนมองเลยเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ กันต์

“กันต์ขอโทษ”กันต์พูดขอโทษแม่อีกครั้ง ก่อนที่แม่จะผละตัวกันต์ออก แล้วมองมาที่ผมแทน ส่วนผมก็ทำแบบเดียวกันกับที่กันต์ทำกับแม่ผมที่บ้าน ผมพนมมือพร้อมกับย่อตัวลง เพื่อจะก้มลงกราบขอโทษแม่กันต์ แต่ยังไม่ทันที่จะกราบลงไป แม่ก็ยื่นมือมาข้างหนึ่งมารวบมือผมไว้ก่อนแล้วดึงมือขึ้น ผมเลยยืดตัวตามขึ้นมา จากนั้นผมก็ก้มลงกราบกับมือแม่แทน

“ขอโทษครับ” ผมพูดคำเดียวกันกับที่กันต์พูดกับแม่ผม และจนถึงเวลานี้แม่กันต์ก็ไม่ได้พูด หรือแสดงอะไรออกมาที่จะให้ผมเข้าใจได้ว่า แม่ไม่พอใจ หรือโกรธกับเรื่องนี้อย่างที่ผมกับกันต์เคยกังวลกันมาก่อนหน้านี้ แต่กลายเป็นว่าแม่กันต์แสดงออกมากกว่าว่าน้อยใจที่ผมสองคนมีเรื่องปิดบังแม่อยู่มากกว่า

“ไปบอกพ่อเขาด้วยนะลูก” แม่ของกันต์พูด พร้อมกับปล่อยมือผม ...แม่กันต์พูดเท่านั้นเองครับ

“ไปหาพ่อเขา แล้วตามเข้ามากินข้าวด้วย” แม่หันไปพูดกับกันต์อีกครั้ง



..........................................................................


“แล้วจะอยู่ที่คอนโดฯ แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” พ่อของกันต์ถามขึ้นมาตอนที่เราสี่คนกำลังนั่งกินข้าว ตอนที่ผมกับกันต์เดินไปหาพ่อ พอเดินเข้าไปผมกับกันต์ยังไม่ทันได้พูดอะไร พ่อกันต์ก็ถามเราขึ้นมาก่อนครับว่า ขอโทษแม่เขาหรือยัง พอกันต์เขาตอบรับว่าขอโทษแล้ว พ่อก็พยักหน้าแล้วเดินนำผมสองคนเข้าบ้านเลย โดยที่ผมสองคนไม่ได้พูดอะไรอีก

“ครับ” กันต์ขานรับพ่อ ก่อนจะหันหน้ามามองผมที่นั่งอยู่ข้างกันเหมือนไม่รู้จะตอบยังไง คือเราทั้งคู่ยังไม่เข้าใจคำถามที่พ่อถาม

“ถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันจริงๆ ลองหาบ้านสักหลังจะดีกว่า อยู่คอนโดฯ แบบนั้นมันวุ่นวาย” พ่อกันต์พูดต่อ ตอนนี้เข้าใจแล้วครับว่าพ่อต้องการจะบอกเรื่องอะไร

“กรคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ” ผมพูด พอผมตอบแบบนี้กันต์เลยหันมามองหน้าผม เหมือนจะงงๆ ด้วย กับเรื่องบ้านพ่อแม่ผมเองก็เคยพูดอยู่เหมือนกันครับ ผมเลยเริ่มคิดไว้บ้าง แต่ผมยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับกันต์

.
.
.
หลังจากนั้นก็คุยกันต่ออีกเยอะเลยครับ จากที่มาคราวที่แล้วพ่อแม่กันต์ไม่ได้ถามอะไรผมมาก แต่มาหนนี้ยาวเลยครับ และผมก็รู้แล้วว่าแม่กันต์เขารู้เรื่องผมกับกันต์ได้ยังไง คือกันต์เขามีคนตามดูเขาอยู่ครับ แต่ไม่ได้ถึงกับตามทุกที แม่กันต์เขาเลยรู้เรื่องที่เราอยู่ด้วยกัน แล้วก็รู้ว่าไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง

ตอนที่ได้ยินแม่กันต์พูดแบบนั้น ผมก็พูดอะไรไม่ออกไปเลย มันบอกความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ ครับ เพราะคิดไม่ถึงเรื่องนี้เลย แต่กับกันต์เขาคงจะตกใจมากกว่าผมเยอะ และเหมือนเขาจะไม่พอใจเรื่องนี้พอสมควร แต่แม่กันต์ก็อธิบายให้ฟังว่า ไม่ได้ทำเพื่อจะคอยจับผิด หรือไม่ไว้ใจที่กันต์เขาออกไปอยู่คนเดียว แต่แม่กันต์เขาเป็นห่วงครับ เพราะเมื่อก่อนกันต์เขาเป็นคนชอบเที่ยว และเที่ยวหนักมาก เลยต้องให้คนคอยดูอยู่ห่างๆ แค่รู้ว่าเขากลับถึงห้องปลอดภัยแม่จะได้สบายใจ
 
มาถึงเรื่องผมกับกันต์ แม่กันต์ก็บอกว่ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผมไปอยู่ด้วยกันกับกันต์เขา แม่ยังบอกอีกว่าหลังจากที่ผมไปอยู่ด้วย กันต์เขาก็ไม่มีเรื่องเที่ยว หรือเรื่องผู้หญิงอีก เลยให้คนคอยดูกันต์เขาน้อยลง แล้วกลายเป็นว่าทุกครั้งที่รู้ว่ากันต์ไปไหนมาไหน ก็จะมีผมไปด้วยตลอด  แต่ทั้งหมดที่แม่กันต์พูดมาก็ไม่มีตอนไหนที่จะทำให้ผมกับกันต์อึ้งได้เท่ากับตอนสุดท้ายครับ

แม่บอกว่า ที่แม่คิดว่าผมกับกันต์คงไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทกันธรรมดา ไม่ได้มาจากคนที่แม่คอยให้ดูกันต์มาพูดให้ฟังเลย เพราะคนนั้นก็พูดแค่ว่ากันต์ไปไหนมาไหนกับผมเหมือนเพื่อนกันตามปกติ  แต่ที่แม่รู้เป็นเพราะอย่างอื่นครับ แม่บอกว่าแม่เห็นสายตากันต์กับผมเวลาที่มองกันครับ กับผมแม่อาจจะไม่แน่ใจนัก แต่กับกันต์แม่มั่นใจว่ามองไม่ผิดครับ และแม่ก็เห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่กันต์พาผมมาหาแม่ ซึ่งแม่ก็เริ่มคิดเรื่องผมกับกันต์ตั้งแต่ตอนนั้น และแม่ก็รอให้กันต์มาบอกเอง แต่กันต์เขาไม่ยอมมาบอกอะไรเลย จนวันนี้พอโทรศัพท์คุยกับกันต์ กันต์เขาก็พูดถึงผมขึ้นมาอีก แม่เลยตัดสินใจเรียกกันต์กับผมให้เข้ามาหาครับ แล้วก็คุยกันจนรู้เรื่องทั้งหมดนี่แหละครับ


กว่าที่เราสองคนจะกลับออกมาจากบ้านก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ส่วนตอนนี้ผมกับกันต์รู้สึกยังไง ก็คงสบายใจกันทั้งคู่ครับ เพราะเรื่องที่เราสองคนกังวลมาตลอดก็มีแค่เรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่ผมกับกันต์จะต้องคุยกันต่อ ก็คงไม่พ้นเรื่องบ้านที่พ่อกันต์เขาพูดถึงขึ้นมาครับ เรื่องนี้ผมสองคนยังไม่เคยพูดถึงกันมาก่อนเลย คราวนี้คงถึงเวลาแล้วล่ะครับ

------------------------------------------------------    
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 06-10-2010 21:52:29
ขอจิ้มที 1 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 06-10-2010 21:55:03
สบายใจได้แล้วสิ
ดีใจอ่ะ ที่คุณพ่อคุณแม่รับได้ ^^
คุณแม่รับรู้ได้จากสายตา ก็ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจนี่เนาะ
^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-10-2010 21:56:23
เฮ้อ................อ่านถึงตอนที่แม่รู้เรื่องก็กะแล้วว่าคงรู้จากสายตาของลูกตัวเองนั่นแหละ
โล่งใจตามกรกับกันต์ไปติดๆค่ะน้องกวาง  :กอด1:
เดี๋ยวก็จะสร้างครอบครัวอยู่ด้วยกันแล้วเนอะ จะมีบ้านของเราแล้วเนอะ ดีจังเล้ยยยยยยยยย

..........................

“เคยพาไปแล้วครับ พ่อกับแม่กรไมได้ว่าอะไร (ตกไม้เอกค่ะ)
แต่แม่ผิดหวังที่กรไม่มั่นใจว่า พ่อกับแม่จะรักกันต์มากพอ” (กรตัวแรกน่าจะเป็นกันต์ใช่มั้ยคะ?)
มันบอกไม่ความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ ครับ (ไม่ตัวแรกไม่ต้องมีดีกว่ามั้ยคะ?)
ส่วนเรื่องที่ผมกับกันต์จะต้องคุยกันต์ต่อ (กันต์ ตัวหลังน่าจะเป็น “กัน” นะคะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BP109 ที่ 06-10-2010 22:03:57
น้องกรกับพี่กันต์โชคดีที่มีพ่อแม่น่ารักแบบนี้นะ

น้อยคนหรอกที่จะโชคดีแบบนี้ ส่วนใหญ่พ่อแม่คงยอมรับไม่ได้

ยิ่งถ้าลูกเคยคบแต่ผู้หญิงมาตลอดแล้วจู่ๆมาคบชายแบบนี้ ยิ่งเป็นเรื่องยาก

ในเมื่อเรื่องที่ควรจะเป็นปัญหาหนักที่สุดในชีวิตผ่านพ้นไปแล้ว

ก็เหลือแต่คนสองคนล่ะ  ว่าจะปรับตัวเข้าหากันได้แค่ไหน

เอาใจช่วยทั้งน้องกรและพี่กันต์นะค๊าบบบบบบบบบบ :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-10-2010 22:07:47
ดีใจไปกับกันต์และกรด้วยเน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 06-10-2010 22:13:30
แม่กันต์เหมือนแม่เราเลย แบบ เลี้ยงลูกมากับมือ
ลูกมีอะไรแปลกไปนิดเดียว แม่ก็รู้แล้ว รู้เป็นคนแรกด้วย 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 06-10-2010 22:27:42
คุณพ่อคุณแม่เข้าใจง่ายกว่าที่คิดนะ
นึกว่าจะมีเรื่องกันซะอีก

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 06-10-2010 22:31:28
ยังไงก็ปิดผู้ใหญ่ไม่มิดเนอะ
สายตาที่มองกันแปลว่ามันสื่อออกมาตรงๆเลย
ดีที่พ่อแม่เข้าใจและไม่โกรธ แต่เรียกเข้ามาคุย
เราว่าแบบนี้ก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 06-10-2010 22:36:05
:m4: คุณพ่อคุณแม่น่ารัก
กรกับกันต์โชคดีที่ครอบครัวเข้าใจ ^^
รักกันเยอะๆนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-10-2010 22:40:05
อยากให้ความรักของคนทุกคู่เป็นได้แบบนี้จัง  
ร่วมทุกข์ ร่วมสุข  ร่วมฝ่าฟัน  มีอนาคตร่วมกัน  มีกันและกันตลอดไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 06-10-2010 22:58:58
ลึ้นแทบแย่ยิ่งตอนที่พ่อลุกออกไปเลย เนี่ย..สงสารกันต์กับกรมากมาย

แต่ตอนนี้ก็รับรู้ทั้งสองฝ่ายแล้วน๊าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 06-10-2010 23:09:17
 :เฮ้อ:พ่อกะแม่เข้าใจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ


น่ารักทั้งคู่เลยยยยยยยยยยยยอะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ :impress2: o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 06-10-2010 23:11:05
 :เฮ้อ: โล่งอกจังเลย
อย่างนี้ต้องฉลอง  :mc4:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 06-10-2010 23:21:14
ลุ้นซะแทบแย่เลย แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
แบบนี้ก็ถือว่าก้าวไปอีกขั้นแล้วสิเนอะ

:กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 06-10-2010 23:28:39
มีความสุขอีกแล้วที่ได้เข้ามาอ่าน
ลุ้นบ้าง แอบดูบ้าง กร๊ากกก
มาลุ้นตอนฉลอง (มีหรือป่าวหว่า 555+)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 07-10-2010 00:22:25
จะว่าไงดีหล่ะ  แบบโล่งอ่ะ   

ที่นี้ก็หวานกันต่อได้แล้ววววววว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 07-10-2010 00:34:38
ตอนแรกรู้สึกว่าบรรยากาศในบ้านกันต์ดูจะกดดันมากทีเดียวนะ
อ่านไปก็ลุ้นไป สงสารกันต์ด้วย

แต่สุดท้ายก็ยิ้มออก
บ้านนี้ก็น่ารักไม่แพ้บ้านกรเลย

ต่อไปก็คงต้องวางแผนอนาคตกันจริงจังแล้วสิ
กำัลังจะมีบ้านด้วยนี่





หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 07-10-2010 00:48:45
โล่งอกแทนเน่อเจ้าคะ 555 +1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 07-10-2010 01:13:01
 :เฮ้อ:  โล่ง ใจไป นึกว่า งานจะเข้ากันต์ ซะแล้ว   :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 07-10-2010 02:05:24
ผ่านฉลุย หวังว่าเรื่องนี้จะไม่จัดมาม่าให้ผู้อ่านนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 07-10-2010 06:19:46
ครอบครัวสองฝ่ายเข้าใจอะไรก็คงง่ายขึ้น ที่เหลือก็อยู่ที่สองคนแล้วจะกอดคอกันสู้ให้ถึงฝั่งหรือปล่าว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 07-10-2010 06:46:39
ต่อแต่นี้ ความกังวลทั้งหลายก็หมดไป รับรู้ทั้งสองฝ่าย
งั้นก็ จัดงานแต่งเลย  :z2:
+1 พร้อมรอการ์ดแต่งงานของ กันต์  :n1: กร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 07-10-2010 08:08:31
 :เฮ้อ:   โล่งใจหล่ะ รู้เรื่องทั้งสองฝ่ายแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 07-10-2010 08:54:10
หมดอุปสรรคไปอีกเรื่อง

ดีใจกับพี่กันย์และน้องกรจริงๆ

คราวนี้ถึงเวลาหาห้องหอเรือนรักแล้วดิ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 07-10-2010 11:24:54
พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้แล้ว เรือนหอก็กำลังดูอยู่ที่นี้ก็เหลือแต่พิธีแต่งงาน อร้ายยยยยยยยยยยยยย :m3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 07-10-2010 11:58:48
แค่มองตากัน คนอื่นก็เข้าใจว่ารักกัน โหยยย น่าอิจฉามากมาย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 07-10-2010 12:24:54
อีกไม่นานก็จะได้ใช้คำว่า "บ้านของเรา" แล้ว
 :m1:
มีความสุขกับเรื่องนี้มากมายอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-10-2010 12:30:37
อย่างที่เขาบอกกันว่า หลอกใครก็หลอกได้ ยกเว้นพ่อกับแม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะพูดหรือไม่พูดก็เท่านั้นแหละ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 07-10-2010 12:57:37
ปลอดโปร่งโล่งสบาย ลัลล้า เริงร่า .. อะไรอีกดีล่ะ

 :laugh:

คิดไว้ว่าพ่อแม่กันต์คงไม่ว่าอะไรหรอก ส่วนหนึ่งที่ทำให้คิดแบบนั้น เพราะเรื่องของกาวน์กับปอ..
(ยังคงปักใจเชื่อแบบนั้น)
แต่.. คุณไรท์เตอร์เขียนดีมากเลยนะ ชื่นชม
ขนาดว่าพ่อแม่ไม่กีดดัน แต่อ่านไปก็กดดันไป ยิ่งตอนคุณพ่อคุณแม่ของกันต์มีทีท่านิ่งๆ
ยิ่งโคตรกดดัน ยังกะแฝงตัวอยู่ในห้องนั้นด้วยเลยล่ะ

 :กอด1:ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 07-10-2010 13:10:20
เฮ้อ
ไม่มีอุปสรรคอะไรอีกแล้วนะ
ขอบคุณพระเจ้า
ที่ให้เค้าได้เกิดมาคู่กัน
 :m15:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 07-10-2010 17:48:21
โล่งอกโล่งใจ ไปด้วยเลยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 08-10-2010 07:54:12
 :mc4: เรียบร้อยไปอีกหนึ่งเรื่อง

กลัวเรื่องเด็กฝึกงานอีกคนเนี่ยแหละ

กังวลแทนกันต์อ่ะ

....จะเกี่ยวกันป่าวก็ไม่รู้  กลัวไว้ก่อนได้ป่าวอ่ะ....
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: annis204 ที่ 08-10-2010 10:08:21
คนเป็นแม่ก้องี้แหละ เลี้ยงลูกมากะมือ
มองตาลูกปุ๊บก้อรู้ปั๊บว่ามันต้องมีอะไรกะไอ้คนนี้แน่ๆ
ก้ออย่างว่าอ่ะนะ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
รักใครสายตามันบอกหมดแหละ เค้าก้อเป็น  :teach:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 09-10-2010 08:46:32
รักคือ... รัก ไม่ได้มีแต่ความรักของคู่รักเท่านั้นที่น่ารักจนน่าอิจฉา
แม้แต่ความรักของคนในครอบครัวก็น่ารักไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 09-10-2010 09:57:07
รักคือ....รัก เป็นอะไรที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ไม่ได้หวือหวา หากแต่เป็นความรักที่อิ่มในความรู้สึกที่คนอ่านสามารถรับรู้ได้
พอได้อ่านจึงไม่ยากเลยที่จะหลงรักกันต์กับกรอย่างหมดหัวใจ

สเน่ห์อีกอย่างของเรื่องนี้ คือ สไตล์การเขียนที่เป็นธรรมชาติ
คุณAngel Kเขียนให้เหมือนได้นั่งฟังกร หรือ กันต์ กำลังคุยให้ฟังจริงๆ
ถูกใจมากๆเลยค่ะ

 :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คำตอบจากสายตา p.33 (up 6-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 10-10-2010 02:30:45
อ๊ากก
ตอนเเรกคิดว่าจะดราม่า
สุดท้ายก้จบลงด้วยดี
อิอิ

เเต่ถ้าเปนผม
ผมอยู่คอนโดดีก่า
ดูเปนคนรุ่นใหม่ดี 55
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต (up 20.00 : 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 11-10-2010 20:01:14
แอบเห็นว่าจะลงสองทุ่ม มายังอ่ะ มายัง
รอ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต (up 20.00 : 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 11-10-2010 20:05:12
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต (up 20.00 : 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-10-2010 20:08:08
มารอจร้า......................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต (up 20.00 : 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 11-10-2010 20:10:21
20.09 น.
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต (up 20.00 : 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-10-2010 20:11:39
ตอนที่ 40 อนาคต

“คิดเรื่องบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามกร ตอนที่เราสองคนยกกับข้าว พร้อมข้าวเปล่าสองจานมาวางที่โต๊ะกินข้าว ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ และนั่งลงตรงข้ามกัน เรื่องบ้านที่พูดถึงมันก็ค้างมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่เมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงก็ดึกเลยไม่ได้คุยอะไรกันต่อ แล้วระหว่างทางที่กลับมา ผมก็ไม่รู้ว่าไปเพลียมาจากไหนหลับสนิทตลอดทาง ให้กรเขาขับรถอยู่คนเดียว

“แม่กรพูดขึ้นมาตอนกลับไปบ้านคราวที่แล้ว แม่อยากให้ออกมาอยู่บ้านกันมากกว่า เขาบอกว่าอยู่คอนโดฯ มันไม่เป็นส่วนตัวเหมือนบ้าน ก็อย่างที่พ่อกันต์ว่าล่ะมั้ง เขาคิดว่ามันวุ่นวาย” กรตอบผม สำหรับผมเองถ้าให้เลือก ผมก็ชอบอยู่บ้านมากกว่า เพราะมันมีพื้นที่ให้ทำอะไรได้เยอะ อย่างปลูกต้นไม้ เลี้ยงหมา คิดแล้วก็อยากเอาซูชิมันมาอยู่ด้วย แต่ตอนที่ผมออกมาอยู่คนเดียวแรกๆ ผมรู้สึกว่าการอยู่บ้านคนเดียวมันดูเหงาเกินไป เลยเลือกมาอยู่คอนโดฯ อีกอย่างมันก็สะดวกเพราะอยู่ใกล้ที่ทำงาน

“แล้วกันต์คิดว่าไง เรื่องบ้าน” กรถามผม

“อืม......” ผมพูดได้แค่นั้น เพราะยังไม่มีความคิดอะไรเลยตอนนี้ แต่ถ้าเปลี่ยนไปถามผมว่า ผมอยากอยู่กับกรไหม ผมคงไม่ตอบอย่างอื่น มันมีคำตอบเดียวอยู่แล้ว



ผมอยากอยู่กับเขาเหมือนที่เป็นอย่างทุกวันนี้ และอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปในทุกๆ วัน


“มีอะไรหรือเปล่า” กรถามผมต่อ แต่ผมก็ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ

“ไม่อยากย้ายหรอ กรแค่คิดเฉยๆ กรตามใจกันต์นะ” กรถามผมอีก ก่อนจะทำหน้าเหมือนกับไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง... ผมคงไม่ได้ทำให้เขาคิดมากใช่ไหม

“เปล่าๆ แค่คิดไม่ถึงมากกว่า” ผมรีบตอบ เพราะกลัวกรไม่สบายใจ แล้วก็อย่างที่ผมพูดนั่นแหละ ผมแค่คิดไม่ถึงมากกว่าว่าเราสองคนจะคบกันมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่ได้หมายถึงระยะเวลา เพราะเราสองคนคบกันมาไม่นานเลย แต่ผมหมายถึงหลายๆ เรื่องที่เราสองคนผ่านกันมา ซึ่งมันมากพอแล้วที่ผมจะมั่นใจในสิ่งที่ผมเลือก และมันก็คงถึงเวลาแล้วที่ผมกับกรต้องคิดเรื่องของเราสองคนแบบจริงจังมากกว่าที่จะอยู่กันไปแบบนี้

“แล้วกันต์คิดว่ายังไง” กรถามผมซ้ำ แล้วมองหน้าผมอย่างคนตั้งใจที่จะรอฟังคำตอบ

“อยากได้ที่ดินเปล่า แล้วสร้างบ้านเอง” ผมพูด ถ้าจะมีบ้านสักหลัง ผมก็อยากมีส่วนร่วมกับบ้านของตัวเองให้มากที่สุด

“เรื่องที่กรมีอยู่แล้ว แม่กรยกให้ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง จะได้ไปมาสะดวกเหมือนเดิม” กรพูด ถ้าผมไม่ได้รู้สึกไปเองเหมือนเขาจะคิดไว้เยอะแล้วนะ

“เอาอย่างนั้นหรอ” ผมถาม ตอนนี้กลายเป็นว่าผมเริ่มไม่แน่ใจกับอะไรเท่าไหร่ ไม่ใช่ไม่มั่นใจนะครับ แต่พอคิดว่า



ต่อจากนี้จะมีคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้อยู่ด้วยทุกวัน ...จะได้อยู่ด้วยกันกับคนๆ นี้


ก็ไม่คิดนะครับว่าบ้านหลังเดียวจะทำให้ผมรู้สึกงงๆ กับตัวเองขึ้นมา ผมไม่ได้รู้สึกเครียดอะไรกับเรื่องนี้นะ อาจจะต้องบอกว่าผมกำลังขำกับตัวเองมากกว่าด้วยซ้ำ คู่อื่นเวลาที่เขาคิดจะแต่งงานกัน เขาจะรู้สึกเหมือนผมตอนนี้ไหมครับ จริงอยู่ที่ว่าผมกับกรไม่ได้กำลังจะแต่งงานกัน แต่ผมว่าความรู้สึกที่เราตัดสินใจแล้วว่า จะใช้ชีวิตร่วมกับคนๆ หนึ่ง มีอนาคตร่วมกับคนๆ หนึ่ง ความรู้สึกนี้มันคงไม่ต่างกันใช่ไหมครับ  

“อืม กรตามใจกันต์นะ จะดูที่อื่นก็ได้” กรตอบผม ตอนนี้กรเริ่มยิ้มนิดๆ แล้ว

“อื้อ เดี๋ยวไปดูที่กรก็ได้ แม่ยกให้แล้วนิ เอาเงินไปทำบ้านดีกว่า” ผมพูด ตอนแรกก็คิดจะเกรงใจแม่กรอยู่เหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา ถ้ากรบอกว่าแม่ยกให้แล้ว แปลว่าแม่คงตั้งใจจะให้กรอยู่ตรงนั้นด้วย ผมเลยตอบตกลงไปง่ายๆ ผมสองคนก็เริ่มคบกันมาง่ายๆ ตามใจตัวเองกันทั้งคู่แบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันเลยไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วมั้งครับ แค่ทำทุกวันให้ดีอย่างที่กรเคยพูดกับผม มันก็พอแล้ว

.
.
.
หลังจากกินข้าวเสร็จ กรให้ผมเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขากลับมาถึงก่อนผมเลยอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว พอผมกลับออกมาจากห้อง ก็ออกมานอนหนุนตักเขา ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา

“อยากออกแบบเองหรือเปล่า” กรถามผมขึ้นมา ตอนผมนอนลงแล้ว

“อื้ม ต้องทำเองสิ” ผมตอบ มันเป็นความตั้งใจของผมเลยล่ะ

“นอนเลยไหม เดี๋ยวกรไปส่ง” กรถามผม

“จบรายการนี้ก่อนก็ได้ ค่อยนอนพร้อมกัน” ผมตอบทั้งที่ตาเริ่มปรือ

วันนี้งานผมยุ่งทั้งวัน กว่าจะได้ออกจากออฟฟิศก็สองทุ่มครึ่ง กลับมาถึงนี่ก็เลยสามทุ่มไปแล้ว กินข้าว อาบน้ำเสร็จ ถึงตอนนี้ก็เกือบห้าทุ่ม ผมเลยเริ่มง่วง แต่อยากอยู่คุยกับกรต่อ สงสารเขาครับ กว่าจะรอผมกลับมากินข้าว โทรบอกให้เขากินก่อนเขาก็บอกว่าจะรอ แล้วถ้าผมไม่มีเวลาอยู่กับเขาอีก ผมเองก็รู้สึกไม่ดี ถึงช่วงนี้กรจะไปฝึกงานอยู่ที่บริษัทฯ ผม ก็ใช่ว่าจะเจอกัน ตอนเช้าออกไปพร้อมกันก็จริง แต่ต่างคนต่างไป แล้วก็ไม่ได้เจอกันเลย เพราะผมทำงานอยู่ในห้องอย่างเดียว แล้วช่วงท้ายปีแบบนี้งานผมก็ยุ่งอีก กว่าจะกลับมาก็ดึก เพราะฉะนั้นช่วงเวลานี้เป็นช่วงเดียวที่ผมกับเขาจะได้คุยกัน



....................................................................


หลังจากวันที่เริ่มคุยกันเรื่องบ้าน เราสองคนก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ พ่อแม่เราสองคนก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว ก็รู้หลังจากวันที่คุยกันประมาณอาทิตย์หนึ่ง ว่าเราสองคนตกลงจะสร้างบ้านด้วยกัน พ่อกับแม่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกว่าดีแล้วเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ก็ไปดูมาหลังจากนั้นอีกอาทิตย์ ที่ก็กว้างอยู่พอสมควรครับ แต่แม่กรบอกว่าไม่ต้องแบ่ง เพราะถ้าเหลือก็ไม่ได้เอาไปใช้อะไร กับที่ประมาณสองร้อยตารางวา เพื่อสร้างบ้านสำหรับคนสองคนผมว่ามันค่อนข้างเยอะทีเดียว และตอนนี้โต๊ะเขียนแบบของผมก็ถูกย้ายออกมาจากมุมห้องหลังจากที่ไม่ได้ใช้งานมานาน ก็แค่ขยับออกมานิดหน่อยให้ทำงานได้แค่นั้น

“ข้างบนจะมีกี่ห้อง” ผมถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหลัง ส่วนผมนั่งอยู่กับพื้นตรงหว่างขาเขา พร้อมด้วยสมุดบันทึกกับดินสอในมือ

“ห้องนอนสองห้องก็พอมั้ง เผื่อใครมาห้องหนึ่ง แล้วก็ทำห้องทำงาน ใช้เก็บหนังสือของกันต์ด้วย” กรพูด ผมเงยหน้าไปมองเขา ระหว่างที่พูดกรก็มองรอบๆ ห้องด้วย ก่อนจะหยุดที่ชั้นหนังสือของผมที่มีหนังสืออยู่เยอะมาก น่าจะหลายร้อยเล่มอยู่เหมือนกัน

“อื้อ ห้องน้ำสามห้องแล้วกัน ข้างบนสอง ข้างล่างหนึ่ง” ผมพูดต่อ แล้วก็จดรายละเอียดที่คุยกันลงสมุดไปด้วย

“ห้องรับแขกกับห้องนั่งเล่น แยกกันหรอเปล่า” กรถามผม พร้อมกับโน้มตัวลงมา เอาคางมาเกยอยู่บนหัวผม เหมือนจะดูว่าผมเขียนอะไรบ้าง

“แยกกันก็ได้ ที่พออยู่แล้ว แล้วก็ห้องกินข้าว ครัว แค่นี้พอมั้ง” ผมพูด เอาแค่หลักๆ ก่อน เดี๋ยวรายละเอียดค่อยว่ากันอีกที ว่าจะย่อยไปเป็นห้องไหนอีก

เราสองคนก็คุยกันไปเรื่อยๆ ครับ กรก็เดินไปหยิบหนังสือบ้านที่ผมเก็บไว้ในชั้นมาดูบ้าง เท่าที่คุยดูจะตกลงกันไม่อยากเท่าไหร่ครับ เพราะเราสองคนชอบอะไรคล้ายๆ กันอยู่แล้ว แต่จะได้แบบออกมาเร็วแค่ไหน ผมยังไม่แน่ใจ เพราะอย่างที่บอกว่าช่วงนี้งานผมเองก็เยอะ จะมีเวลามาดูตรงนี้ก็แค่ช่วงดึกวันละไม่กี่ชั่วโมง


....................................................................



[ตอนเย็นจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนฝึกงานนะ แล้วจะรีบกลับครับ]

[เย็นนี้จะแวะไปซื้อของ เอาอะไรหรือเปล่า]

ผมส่งข้อความกลับไปหากร หลังจากได้รับข้อความจากเขา ตอนนี้กรน่าจะกำลังกินข้าวอยู่กับเพื่อนข้างล่าง ส่วนผมก็กำลังกินเหมือนกัน แต่อยู่ในห้องทำงาน ที่ออฟฟิศผมจะมีแม่บ้านคอยรับออเดอร์สำหรับมื้อกลางวันของพนักงานตั้งแต่ตอนเช้ารวมถึงผมด้วย แล้วปั่นจักรยานไปส่งที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศ พอใกล้เที่ยงที่ร้านก็จะให้คนเอามาส่ง แต่ถ้าวันไหนเบื่อๆ ผมจะเดินออกไปหาอะไรกินเอง เพราะแถวนี้ก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะ ข้างออฟฟิศก็มีอยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งผมก็เคยพากรเขาเข้าไปกินตอนตกลงคบกันวันแรก

[ไม่อ่ะ อยากกินแค่กุ้งนึ่งนมสด พรุ่งนี้ทำให้นะครับ]

แล้วกรก็ส่งข้อความกลับมาหาผม ตั้งแต่กรมาฝึกงานที่นี่การส่งข้อความเลยกลายเป็นวิธีประจำที่เราสองคนใช้คุยกัน เวลาอยู่ในออฟฟิศด้วยกันทั้งคู่ แล้วมีเรื่องอะไรที่ต้องบอกกัน

[อื้ม]  

ผมพิมพ์ตอบรับกลับไปสั้นๆ

[ขอบคุณครับ]

กรส่งกลับมา แต่ผมก็ไม่ได้ส่งอะไรกลับไปอีก พออ่านข้อความจบก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วลงมือกินข้าวต่อ

.
.
.
[ขอบคุณที่ไปส่ง เอิง] ผมอ่านข้อความที่เข้ามาในโทรศัพท์ของกร แล้วนึกถึงหน้าคนส่งไปด้วย

ระหว่างทางที่ผมถือโทรศัพท์ของกรที่วางทิ้งไว้บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เข้าไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก็มีข้อความเข้ามาพอดี แล้วโทรศัพท์ที่เราสองคนใช้ เมื่อมีข้อความเข้ามามันจะแสดงให้เห็นที่หน้าจอทันทีอยู่แล้ว ผมเลยเห็นข้อความที่ส่งเข้ามา จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ไปวางลงบนโต๊ะ แล้วไม่ได้สนใจอะไรอีก

“มีข้อความมา” ผมบอกกรตอนที่เขาเปิดประตู และเดินออกมาจากห้องน้ำ

“อ๋อ เอิงนะ ส่งมาขอบคุณที่กรไปส่ง” กรบอกผม เมื่อเดินมาเปิดดูข้อความ หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว  

“เย็นนี้อยู่คนเดียวทำอะไรกิน” กรถาม แล้วเดินไปปิดไฟ ก่อนจะกลับขึ้นมานอนบนเตียง พร้อมกับดึงตัวผมเข้าไปใกล้ๆ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเราสองคนไว้

“ไม่ได้ทำ ไปซื้อของแล้วเห็นบะหมี่เป็ดย่างเลยซื้อเข้ามากิน” ผมพูด แล้วเราสองคนก็คุยกันอีกไม่กี่ประโยคก่อนที่ผมจะปิดเปลือกตาลง

-------------------------------------------------------


กว่าจะลงได้  o7 ทำไมวันนี้ยากแท้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-10-2010 20:23:38
เอ่อ  ข้อความล่าสุดที่กรได้รับ  ทำเราวูบไปนิดตามประสาคนคิดมาก
ใครฟระ  เอิง  หวังว่าคงไม่มีอะไรนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-10-2010 20:32:55
จะมีมาม่าไหมหละเนี้ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 11-10-2010 20:36:41
 :monkeysad:จะเศร้าไหมอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 11-10-2010 20:36:58
ดูอึมครึมชอบกลนะตอนนี้ :a5:
ว่าจะลงหลักสร้างบ้าน  แต่ทำไมให้ความรู้สึกเหมือนมีมารผจญยังไงก็ไม่รู้

รู้สึกว่าช่วงนี้บอร์ดจาเน่าไปหน่อยหรือเปล่า  กว่าเราจะโพสติด ต้องกดเกือบ 4-5 รอบ  กดแล้วก้อไม่ติด   :m15:บางทียังต้องทำใจลาจากเลยไม่ได้โพส
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 11-10-2010 20:37:29
ดูอึมครึมชอบกลนะตอนนี้ :a5:
ว่าจะลงหลักสร้างบ้าน  แต่ทำไมให้ความรู้สึกเหมือนมีมารผจญยังไงก็ไม่รู้

รู้สึกว่าช่วงนี้บอร์ดจาเน่าไปหน่อยหรือเปล่า  กว่าเราจะโพสติด ต้องกดเกือบ 4-5 รอบ  กดแล้วก้อไม่ติด   :m15:บางทียังต้องทำใจลาจากเลยไม่ได้โพส
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 11-10-2010 20:40:39
อนาคต อา........มีความสุข
คู่นี้เค้ามั่นคงพอที่จะเผชิญกับทุกสิ่งแล้วค่ะ

ถึงคุณเอิงคนนั้นจะหวังอะไรอยู่ มันก็จะเป็นได้แค่หวัง ^o^

..........ของฝากน้องกวางค่ะ
หลังจากได้รับข้อความจากเขา ตอนนี้กันต์น่าจะกำลังกินข้าวอยู่กับเพื่อนข้างล่าง  (ตรงนี้จาก "กันต์" น่าจะเป็น "กร"เนอะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 11-10-2010 20:53:57
อย่ามาม่าเลยน้อออ อยากอ่านแบบหวานๆต่อไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-10-2010 21:28:01
ไม่ชอบกินมาม่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 11-10-2010 21:35:46
อ่านไปก็ยิ้มไป
"คู่อื่นเวลาที่เขาคิดจะแต่งงานกัน เขาจะรู้สึกเหมือนผมตอนนี้ไหมครับ จริงอยู่ที่ว่าผมกับกรไม่ได้กำลังจะแต่งงานกัน
แต่ผมว่าความรู้สึกที่เราตัดสินใจแล้วว่า จะใช้ชีวิตร่วมกับคนๆ หนึ่ง มีอนาคตร่วมกับคนๆ หนึ่ง ความรู้สึกนี้มันคงไม่ต่างกันใช่ไหมครับ "
เหมือนจะตื่นเต้นมิใช่น้อยเลยใช้ม้าาา... พี่กันต์ รู้สึกว่าความสุขมันกำลังอบอวลอยู่รอบตัวเลย  :m1:

รักกันขนาดนี้ ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีกแล้วล่ะ แค่มั่นคงไว้ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดีเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 11-10-2010 21:41:57
คาดว่า ช่วงนี้เซิฟเวอร์ของบอร์ด น่าจะมีปัญหาน่ะค่ะ โพสต์ยาก เปิดอ่านก็ยาก F5ทีเป็น10รอบ  :laugh:
(อย่าไปเครียด)



นั่นสิ ทำไมเหมือนงานจะเข้าเลยล่ะ
แล้วคนชื่อเอิง ใช่คนเดียวกับที่ไปเจอที่เชียงใหม่หรือเปล่า
จำไม่ได้ แต่ มันรู้สึกเหมือนเอิงนี่แหละ จะเป็นคนทำให้งานเข้า


 :กอด1:ไรท์เตอร์ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 11-10-2010 21:42:31
ไม่ชอบกินมาม่า
o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 11-10-2010 22:20:25
ลุ้นๆๆๆๆรอดูแบบบ้าน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 11-10-2010 22:56:03
หวังว่าเราจะแอบระแวงไปเอง ไม่มีอะไรใช่ไหม ??

ยิ่งอ่านยิ่งรักคู่นี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 11-10-2010 22:58:56
เรือนหอ :m4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 11-10-2010 23:14:58
หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะค่ะ :z2: :z2:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 12-10-2010 00:54:03
มาม่าไม่อร่อยหรอก อืดๆ
เอาแบบชิลๆเนี่ยแหละดีแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-10-2010 01:14:47
อ่านตอนนี้แล้วแอบตื่นเต้นเล็กๆเหมือนกันค่ะ แบบเหมือนคนจะแต่งงานกันเลย หุหุ
รักกัน เข้าใจกันขนาดนี้ คงไม่แคล้วคลาดกันแล้วเนอะ (เหมือนแอบปลอบใจตัวเอง ฮ่าๆๆ)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 12-10-2010 01:17:58
ตัวละครแปลกๆเริ่มโผล่ออกมา
ก็หวังว่าจะโผล่มาแค่นี้ แล้วไม่ต้องกลับมาอีกแล้วนะ
แต่ดูท่าจะยากแฮะ เฮ้อออออออ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 12-10-2010 04:52:24
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 12-10-2010 06:10:46
จากคำพูดและการบรรยาย รู้สึกว่าอึมครึม ๆ ยังไงไม่รู้
แต่ไม่ใช่มาจากคนทั้งสอง อาจเป็นด้วยเวลา การสื่อสารที่ทั้งสองมีให้กัน ...
มือที่สาม... คงเป็นบททดสอบความมั่นคงของคนทั้งสอง  :n1:
+1 ให้น้องกวาง เป็นอะไร ๆ ที่รู้สึกได้นะว่า มรสุมกำลังจะเกิด 
ปล. สงสัยได้กินมาม่า ชามเล็กรสจัดจ้าน... :sad11:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 12-10-2010 06:25:16
หวังว่ายัยเอิงอะไรนั่นจะไม่มาป่วนกะสองคนนี้นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 12-10-2010 07:00:13
ขอให้อย่ามีอะไรเล๊ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 12-10-2010 08:16:50
ดูเหมือนรักกัน ไม่มีอุปสรรค
ชักระแวงแล้วสิ เอิงใครอ่ะ ม่ะเอามาม่าน้าาาาา  :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 12-10-2010 08:39:04
หวังว่าตอนหน้าคงไม่ได้เสพมาม่านะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-10-2010 11:21:22
สงสัยกันต์คงไม่ได้เตรียมใจเรื่องนี้ัมั้ง เลยดูอึกๆ อักๆ แต่คงไม่มีไรใช่ปะคนแต่ง  o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 12-10-2010 20:28:41
ต้องค่อยๆ ปรับตัวกันไป ชีวิตคู่ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากนัก

เอาใจช่วยทั้งคู่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 12-10-2010 21:23:56
ไม่อยากกินมาม่าเหมือนกันนะตัวเธอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 12-10-2010 21:55:52
ทำไมต้องดราม่าด้วยครับ  สงสารกันต์จังถ้าต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ทั้ง ๆที่ตัดสินใจแล้วแท้ ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 13-10-2010 00:30:53
แปลนบ้านยังไม่ได้ร่างเป็นชิ้นเป็นอัน
เกาะขาคุณ Angel_K อย่าเพิ่งเอามาม่ามาลงเสาเอก
พลีสสสสสสส :sad4:

ปล,แต่ลึกๆมั่นใจในตัวกรนะ *ฮึบๆ*
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 13-10-2010 18:42:33
กลิ่นมาม่ากำลังโชยมารึเปล่าเนี่ย
แต่ก็แค่กลิ่นใช่ป่ะ ไม่ต้องยกออกมาเสิร์ฟนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 13-10-2010 20:28:58
หง่ะ
ตัวละครใหม่เข้ามา
งานจะเข้ิาชิมิ เข้าจิได้ทำจายยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อนาคต p. 35 (up 11-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 15-10-2010 00:37:46
ตอนที่ 41 บอกตัวเอง

[วันนี้กลับดึกหรือเปล่า]

กรส่งข้อความมาถามผมตอนบ่ายแก่ๆ ช่วงนี้ผมกลับดึกทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นกรยังส่งข้อความมาถามผมทุกวัน  

[เหมือนเดิม คงออกประมาณสองทุ่ม]

ผมส่งข้อความตอบกลับไป ใกล้สิ้นเดือนแบบนี้งานผมก็ยุ่งอีกตามเคย เพราะต้องรีบปิดเล่ม แล้วใกล้ท้ายปีเหมือนงานจะหนักขึ้น เพราะต้องเตรียมเนื้อหาแต่ละคอลัมน์ให้รับกับเทศกาลต่างๆ ที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า และต้องดูยาวไปถึงต้นปีอีก เลยเป็นเหมือนงานชิ้นใหญ่ที่ต้องดูต่อเนื่องกันไป บางคอลัมน์ที่ทำแล้ว ผมให้กลับไปแก้ใหม่ก็มี

[กรไปกินข้าวกับเพื่อนนะ กลับไม่เกินสามทุ่ม อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้]

กรส่งข้อความกลับมา แล้วก็เหมือนเดิมครับ ถ้าผมตอบว่ากลับดึก เขาเองก็จะออกไปกินข้าวกับเพื่อน จนถึงวันนี้เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาเกือบสองอาทิตย์แล้วมั้งครับ ไม่รวมเสาร์ อาทิตย์ แต่กรเขาก็จะเตรียมมื้อเย็นไว้ให้ผมทุกวัน ส่วนใหญ่จะซื้อมาจากร้านที่เขาไปกิน  กับเรื่องนี้ผมเคยขอโทษกรเขาเหมือนกัน ขอโทษที่ผมไม่มีเวลาให้เขาอย่างเคย เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถึงเราจะไม่ได้กินข้าวด้วยกัน แต่เราจะใช้เวลาด้วยกันอีกช่วงคือ ตอนที่ออกแบบบ้าน เวลานี้เราจะอยู่ด้วยกันตลอด แล้วก็อาศัยคุยกันผ่านข้อความแบบนี้ระหว่างวันด้วย

[กินอะไรก็ซื้อมาเผื่อด้วยแล้วกัน]

ผมส่งข้อความกลับไปเหมือนอย่างทุกวัน ตอนนี้ยังคิดไม่ออกครับว่ามื้อเย็นจะกินอะไร มันยังอิ่มมาจากมื้อเที่ยง เขาไปกินอะไรก็ให้ซื้อมาเผื่อแค่นั้นง่ายๆ ไม่ต้องแวะหาตามที่ผมสั่งให้วุ่นวาย กรเองก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบกินอะไร แค่ไม่มีของที่ผมไม่ชอบที่เหลือก็กินได้หมด

[แล้วอย่าทำงานจนลืมเวลานะ เจอกันที่บ้านครับ]

แล้วกรก็ส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง

[ครับ]

ผมส่งกลับไปสั้นๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วลงมือทำงานต่อ




…………………………………………………………….



พอกลับมาถึงคอนโดฯ ผมก็เข้าไปอาบน้ำ แล้วเดินมานั่งหลังโต๊ะเขียนแบบเพื่อเริ่มทำงานต่อทันที ช่วงนี้ถึงผมจะบอกว่างานที่บริษัทฯ ยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผมก็เลิกเอากลับมาทำต่อที่บ้านมาได้สักพักแล้ว ตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจจะสร้างบ้าน เวลาทั้งหมดหลังจากกลับมาถึงคอนโดฯ ของผมเลยถูกใช้หมดไปกับการออกแบบบ้านเพียงแค่นั้น

สำหรับความคืบหน้าของแบบน่าจะราวๆ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้วมั้งครับ  ที่ไปได้เร็วขนาดนี้ คงเพราะเราทั้งคู่อยากเห็นมันออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้เร็วที่สุด ถึงจะเร็วก็เร็วแบบตั้งใจกับทุกส่วนนะครับ ไม่ได้คิดๆ วาดๆ ให้มันเสร็จ ในเมื่อเราต้องอยู่กับบ้านหลังนี้ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปในแบบที่เราอยากให้เป็นจริงๆ แล้วกับแบบพอได้ลงมือทำเอง อยากปรับอยากแก้ตรงไหนมันก็ทำได้ทันที ไม่เหมือนจ้างคนอื่น ระหว่างที่ทำไปก็ช่วยกันดูช่วยกันคิดตลอด ถ้าไม่พอใจตรงไหนก็แก้ไป  เอาให้พอใจ และเห็นด้วยเหมือนกันทั้งสองคน

ตอนนี้ได้แบบบ้านออกมาแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนลงรายละเอียดของวัสดุต่างๆ ที่ใช้ เช่น วัสดุที่ใช้ปูพื้นชั้นบน ชั้นล่าง รายละเอียดประตูหน้าต่าง สุขภัณฑ์ อะไรพวกนั้น พอเสร็จจากนี้จะเหลือก็แค่ตรวจสอบผังบริเวณบ้าน ถ้าวางถูกตำแหน่งแน่นอนแล้ว ก็ส่งแบบให้บริษัทฯ รับสร้างบ้านได้

แล้วความคืบหน้าอีกอย่างคงเป็นเรื่องบริษัทฯ ที่จะมารับสร้างบ้านให้เรา อันนี้ผมเองติดต่อไปเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้บริษัทฯ ของไอ้ยุ เพื่อนผม ใช้บริการคนกันเองนี่แหละครับ เรื่องงบประมาณ หรือค่าใช้จ่ายก็คุยกันไปแล้ว ซึ่งผมเองประเมินไปด้วยระหว่างที่ออกแบบอยู่แล้วด้วย คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แค่รอแบบเสร็จ ก็ลงมือสร้างได้แล้ว

.
.
.

นั่งขีดๆ เขียนๆ ไปได้สักพักใหญ่ กรก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมถุงหูหิ้วในมือ ผมหันไปดูนาฬิกา สามทุ่มสิบห้าแล้วตอนนี้

“กินเลยไหม เดี๋ยวกรใส่จานมาให้” กรถาม พร้อมยกมือข้างที่ว่างอยู่มาวางลงบนไหล่ของผม แล้วยืนมองแบบบ้านที่ผมกางไว้บนโต๊ะ

“อืม” ผมรับคำ จากนั้นกรก็เดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมจานข้าวผัดกุ้ง และน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว

“ขอบคุณ” ผมบอกกร พร้อมรับจานข้าวมาไว้ในมือ ส่วนแก้วน้ำกรเอามาวางไว้ให้ที่โต๊ะกลมที่อยู่ด้านซ้ายมือของผม ก่อนจะกลับมานั่งลง ทางขวามือของผม ที่ตรงนี้เป็นเวลาที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุดในช่วงนี้ หากตัดเวลานอนออกไป

หลังโต๊ะเขียนแบบจะมีเก้าอี้สองตัววางอยู่คู่กันเสมอ

“ชั้นล่างทำพื้นแบบไหนดี” ผมถามกรที่นั่งอยู่ข้างๆ หลังจากกลืนข้าวคำแรกลงไปแล้ว อืม อร่อยดีแฮะ

“เอาเป็นคอนกรีตแกะสลักไหม” กรพูด ซึ่งผมเห็นด้วยทันที เพราะคิดไว้ในใจแล้วเหมือนกัน

“คิดไว้เหมือนกัน งั้นเอาแบบนั้นเลยแล้วกัน เรื่องแบบเดี๋ยวลองหาดูอีกที” ผมพูด แล้วลงมือกินข้าวต่อ

“แล้วข้างบนล่ะ” กรถามผมบ้าง

“ไปอาบน้ำก่อนไหม” ผมหันไปบอกกร

“งั้นกรไปอาบน้ำแป๊บนึง เดี๋ยวกลับมานะ” กรตอบแล้วลุกออกไป





>>ติ้ง ๆ<<

ผมได้ยินเสียงข้อความเข้าดังจากโทรศัพท์ แต่ไม่ใช่เสียงจากโทรศัพท์ผม แล้วมันดังมาจากในครัว กรคงวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ ผมเลยเดินไปดู


[ถึงไหนแล้ว]
ผมอ่านข้อความ จากคนเดิมที่ส่งมาหากรบ่อยๆ ช่วงนี้ แล้วผมก็นึกถึงหน้าของเขา เอิง... นักศึกษาที่มาฝึกงานพร้อมกันกับกร ถึงจะเรียนรุ่นเดียวกัน แต่เอิงดูเด็กกว่าเพื่อน หน้าตา ทรงผมก็ประมาณพวกนักร้องเกาหลีสมัยนี้มั้งครับ เป็นผู้ชายที่หน้าตาดูหวานๆ หน่อย แล้วผมก็กดอ่านข้อความซ้ำอีกครั้ง ...แต่ไม่ได้เปิดดูข้อความอื่น ก่อนจะถือโทรศัพท์กลับมาวางที่โต๊ะกลม ที่กรวางแก้วน้ำไว้ให้ผม
.
.
.

[ถึงไหนแล้ว]

[ได้แล้ว พรุ่งนี้คุยกัน]

[มีร้านใหม่ พรุ่งนี้พาไป]

[ชอบหรือเปล่า]

ผมนึกถึงข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ในแต่ละวัน

กรเป็นคนที่พอเข้าบ้านแล้ว จะเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง แล้ววางทิ้งไว้ ผมเลยมีโอกาสที่จะเห็นข้อความที่ถูกส่งมาบ้าง ข้อความพวกนี้เป็นข้อความสั้นๆ ที่ดูแล้วไม่มีอะไร แต่ที่มันทำให้ผมเริ่มคิดมาก เพราะมันมักจะถูกส่งมาทุกๆ วัน แต่ผมจะได้อ่านมัน ก็ต่อเมื่อข้อความถูกส่งมา แล้วกรไม่ได้อยู่กับผม อาจจะไปอาบน้ำบ้าง อยู่ในครัวบ้างเท่านั้น ถ้ากรอยู่ใกล้โทรศัพท์เขาก็จะดู แล้วส่งข้อความกลับไปทั้งที่อยู่ข้างๆ ผม เหมือนเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่เคยรู้ว่าเขาตอบกลับไปว่าอะไร

ต่อให้ผมอยากจะถามอะไรเขามากแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าถาม เพราะคิดกลัวคำตอบไปก่อนแล้ว

บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรอย่างที่ผมคิดกลัวไปเองก็ได้ ผมได้แต่คิดกับตัวเอง
.
.
.
ผมไม่เคยคิดนะครับ ว่าจะมีวันหนึ่งที่ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมากับการที่กรไปสนิทกับ... เอ่อ... ผู้ชายคนอื่น ที่ไม่ใช่ผม ผมเชื่อใจกรนะครับ เชื่อว่ามันคงไม่มีอะไร แต่บางครั้งผมก็ห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้ กับการที่จะรู้สึกไม่พอใจเขา และบางครั้งผมก็อดที่จะกลัวไม่ได้ กลัวจนผมเหมือนจะหมดแรงไปเสียเฉยๆ  

พอผมเริ่มคิดมากๆ เข้า ผมก็จะหันกลับมามองเวลาที่เราอยู่ด้วยกันว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า นอกเหนือไปจากการที่เราไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเท่าก่อนหน้านี้ และคำตอบที่ได้คือ “ไม่”

กรยังเหมือนเดิม ผมยังเหมือนเดิม มันเหมือนเดิมทุกอย่างเวลาเราอยู่ด้วยกัน




..............................................................................


“เข้านอนเถอะ ดึกแล้ว” กรพูดขึ้น เมื่อเราสองคนนั่งคุยเรื่องบ้านกันต่อกันได้เกือบชั่วโมง หลังจากกรอาบน้ำออกมาแล้ว

“อื้ม” ผมรับคำสั้นๆ ก่อนจะวางดินสอในมือลง เราลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าห้องนอนไปพร้อมกัน

ผมทำทุกอย่างไปตามปกติอย่างที่เคยทำในทุกๆ คืน

ยกเว้นตอนที่ผมกำลังจะเข้านอนในคืนนี้


คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมล้มตัวลงนอน แล้วหันหลังให้กร

ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงทำแบบนี้ แต่ผมก็ทำ

กรเดินไปปิดไฟเหมือนอย่างที่ทำทุกคืน ก่อนจะกลับขึ้นมาบนเตียง แล้วผมก็รู้สึกได้ว่า  กรยังไม่ได้ล้มตัวลงนอน แต่จากการยุบของที่นอนทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังขยับตัวมาใกล้ๆ ผม

“เป็นอะไร” กรยกมือขึ้นมาจับที่ต้นแขนผม แล้วก้มหน้าลงมาถาม ในความมืดมันทำให้เราเห็นหน้ากันแค่เพียงลางๆ เท่านั้น แต่จากน้ำเสียงของเขา มันก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผม

“...........” ผมเงียบ แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ แล้วผมก็ถูกกรจับพลิกตัวให้หันหน้าไปหาเขาเหมือนอย่างทุกวัน จากนั้นก็ค่อยๆ สอดมือเข้ามาใต้ท้ายทอยผม แล้วรั้งท้ายทอยผมขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะสอดแขนอีกข้างเข้ามาให้ผมหนุนแทนหมอน

ผมกลับมานอนในอ้อมกอดเขาเหมือนทุกคืน

กรยกมือข้างที่ว่างมาลูบผมของผมเบาๆ

“เครียดอะไรหรือเปล่า” กรถามผมอีกครั้ง

“………” ผมส่ายหน้าที่แนบอยู่กับอกเขาเป็นคำตอบ ก่อนที่ผมจะยกแขนขึ้นไปกอดเขาไว้
.
.
.

ผมบอกตัวเองอีกครั้งให้เชื่อใจเขา แล้วค่อยๆ หลับตาลง


--------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-10-2010 01:03:35
กลัวมือที่สามจะมาพิสูจน์ความรักจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 15-10-2010 01:08:00
เรื่องบางเรื่อง ต่อให้อยากถาม แต่มันก็พูดไม่ออกอยู่ดีสินะคะ...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 15-10-2010 01:09:47
:เฮ้อ: จริงๆอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ .. อยากให้พูดให้ถามไปตรงๆมากกว่าอะค่ะ
ยิ่งคิดไปเองมันยิ่งฟุ้งซ่าน สุดท้ายก็บานปลายใหญ่โต ทั้งที่สิ่งที่เราคิดมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงน่ะ  :เฮ้อ: (อีกที)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 15-10-2010 01:14:15
โอะโอ..........อย่าเก็บเอาไว้  รักกันมีอะไรสงสัยต้องบอก

ขอแค่มาม่าชามเล็กนะจ๊ะ  โอเค. o18





55555.......ย้อเย่น :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 15-10-2010 01:21:17
กรก็คงจะไม่ได้อะไรหรอกนะ
กันต์มาเห็นแบบนี้ก็ต้องคิดมากเป็นธรรมดา
แต่ก็อย่าเก็บไปคิดให้เครียดอยู่คนเดียวเลยกันต์
ถามกรให้เคลียร์ไปเลยดีกว่านะจ๊ะ
กันต์สู้ๆ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 15-10-2010 01:26:28
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 15-10-2010 01:38:16
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 15-10-2010 01:56:10
เรื่องแบบนี้อย่าคิดไปเองฝ่ายเดียวเลย
ถามๆไปซะ เดี๋ยวก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 15-10-2010 02:01:19
 :angry2:กรเคลียร์ด่วนนนนนนนนนนนนน


ทำไห้กันต์เสียใจโกดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 15-10-2010 02:57:21
รักมากก็หวงมากเป็นธรรมดา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 15-10-2010 03:03:29
อึดอัดน้ำตาจะไหลยังไงไม่รู้่ค่ะไรท์เตอร์
บอกไม่ถูก
ข้อความที่ส่งมามันดูแปลกๆ
กลัวเหลือเกินค่ะ
เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 15-10-2010 07:23:45
กรอย่าไปหลงผิดนะ สงสารกันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 15-10-2010 07:45:59
กลัวใจกรจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 15-10-2010 07:51:26
มั่นใจว่าไม่มีอะไรหรอก
คืออย่างน้อยกรน่ะไม่มีอะไร แต่น้องคนนั้นไม่รู้งิ

กันต์จ๋า คุยกันนะคะ พูดกันมากขึ้น จะได้เข้าใจกันมากขึ้นไง :กอด1:

...............ของงฝากน้องกวางค่ะ
“เป็นอะไร” กรยกมือขึ้นมาขับที่ต้นแขนผม  (มาจับ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 15-10-2010 08:07:42
เชื่อใจกร แต่ไม่ไว้ใจเอิง!
และแอบหวังว่าร้านที่เอิงพากรไปดูจะเป็นร้านที่กรอยากจะพากันต์ไป
แล้วให้เอิงช่วยหาอะไรประมาณนั้น...

รักกรกันต์ค่ะ :man1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 15-10-2010 08:08:23
เข้าใจความรู้สึกกันต์นะ

ไว้ใจกร แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 15-10-2010 08:33:54
รัก คือความเชื่อใจ  แต่ถ้าไม่พูดไม่ถาม

ความเชื่อใจนั้นซักวันมันก็จะหมดไป    :o12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 15-10-2010 09:02:33
เครียด  :a5: :a5: หวังว่าจะไม่มีมือที่สาม  :m16: :m16:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 15-10-2010 11:19:43
บางทีคำตอบอาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-10-2010 11:34:14
คุยกัน อย่าคิดเอง อย่าเก็บ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 15-10-2010 11:55:44
ไม่เอามาม่าได้ไหมมมมมมม   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-10-2010 12:06:14
กันต์ หนักแน่นๆ เชื่อใจกันนะ คงไม่มีไรหรอก คิดมากไม เครียดเปล่าๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 15-10-2010 13:09:00
 :z2:

ตามอ่านอยู่นะ

เพิ่งจะเริ่ม

 :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 15-10-2010 13:22:51
คุณนายแก้วค่ะ

คำว่าหนักแน่นคาดว่าคงไม่พอค่ะ

ตราบใดที่ไม่ยอมพูดกันไปตรง ๆ

หันหน้าคุยกันดีที่สุด

คิดเองเออเอง

จะกลายเป็นทำร้ายจิตใจกันไปในที่สุด

มีอะไรอยากบอกอยากเล่าก็ขอให้พูดมันออกมาบ้าง

การกระทำบางทีใช้ได้กับบางเรื่อง แต่คำพูดก็ถือได้เป็นสิ่งสำคัญค่ะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 15-10-2010 15:13:48
ขอให้ไม่มีอะไรด้วยเท้อะ               :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-10-2010 16:57:26
คุยกันดีที่สุด  แต่ต้องพูดความจริงและขอจุดที่ยอมรับได้ในการวางตัวกับคนอื่นด้วยนะ
การคุยกันจะล้มเหลวสุด ๆ ถ้าอีกฝ่ายเลือกที่จะปิดบัง  บิดเบือน  หรือเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงทั้งหมด
พูดยากว่าควรต้องคุยกันมั๊ย  ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้กรยังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า
หรือว่าบางส่วนในใจถูกใครแทนที่ไปบ้างแล้ว  เฮ้อ เหนื่อยใจแทน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-10-2010 18:10:37
คุยกันหน่อยดีกว่านะ พี่กันต์อย่าเพิ่งหวั่นไหว ม่ายยยยยยยยนะ กร คงไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก  :sad4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 15-10-2010 19:05:12
รักและเชื่อใจ ไม่ได้หมายความว่าต้องอดทนเก็บไว้ทุกอย่างนะ
ลองถาม ลองคุยกันดีกว่าไหม
 :n1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 15-10-2010 20:50:19
ผ่านอะไรๆด้วยกันมาตั้งเยอะ กรเองก็รักพี่กันต์ออกคงไม่เปลี่ยนใจง่ายหรอกนะ
ถามให้เคลียร์ไปเลยค่ะพี่กันต์ เก็บไว้บั่นทอนจิตใจป่าวๆ ลุยโลดดดด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 15-10-2010 21:10:47
การใช้ชีวิตคู่ การพูดคุยกันคือการกระชับพื้นที่ (ภาษาคุ้น ๆ ) ความห่างให้ไม่มีอะไรมาขวางกั้น
อย่าคิดเอง เออเองนะครับ คุย ๆ กัน เดี๋ยวอะไร ๆ มันก็ดีเองอ่ะ
ส่วนมือที่สาม จะรู้หรือเปล่าว่ากรมีคู่อยู่แล้ว ถ้าไม่รู้ก็พอให้อภัย แต่ถ้ารู้ ก็สมควร  :z6:
+1 เป็นกำลังใจให้น้องกวาง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 15-10-2010 21:42:22
อย่าหวั่นไหว จะปล่อยให้ผ่านแบบไม่สนใจ คิดสักนิด แล้วค่อยถามเจ้าตัวดีกว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 16-10-2010 08:15:39
หันหน้าเข้าหากันพูดกันดีๆน๊าาาา

จะได้ไม่ต้องมาระแวง สงสัยกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 16-10-2010 09:54:07
เชื่อใจกันหน่ะดีแล้ว แต่อย่าทำให้ตัวเองต้องอึดอัด หรือรู้สึกไม่ดี
เพราะถ้าสะสมไว้มากๆ แล้วระเบิดออกมาทีเดียวคงไม่ดีหรอกเนอะ
คุยกันซะตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่ยังเชื่อใจกันอยู่น่าจะดีกว่านะ

กอดพี่กันต์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 16-10-2010 20:16:13
อย่าเก็บไว้คนเดียวนะพี่กันต์ มีอะไรก็คุยกัน
 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> บอกตัวเอง p. 36 (up 15-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 17-10-2010 21:02:51
ตอนที่ 42 หึง


จากวันที่ผมเฝ้าแต่บอกตัวเองว่า “ผมเชื่อใจกร”

ผมก็ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้นทุกวัน

จากวันละครั้ง เป็นวันละสองครั้ง

และมากขึ้นจนเหมือนเป็นยาที่ผมต้องกินทุกมื้อหลังอาหาร


จนผ่านไปอีกอาทิตย์หนึ่งมันกลายเป็นว่า ผมต้องบอกกับตัวเองตลอดเวลา แล้วมันยิ่งเป็นอะไรที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะเจอกรกับอีกคนอยู่ด้วยกันในที่ของผม โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้
.
.
.



แล้วคืนนี้ก็เป็นคืนที่ความอดทนของผมมันสิ้นสุดลง



“ใคร ??” ผมถามสั้นๆ หลังจากได้ยินเสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ของกร ผมถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าข้อความที่ส่งมานั้นน่าจะมาจากใคร ตอนนี้เรายังนั่งอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมอย่างทุกวันที่ผ่านมา พร้อมกับข้อความเดิมๆ ที่ถูกส่งมาทุกวันในช่วงนี้เช่นเดียวกัน

“เพื่อนน่ะ” กรตอบกลับมาเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ

“ทำไมต้องส่งมาทุกวัน” ผมหันไปถามกรที่กำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับไป จนผมอดไม่ได้ที่จะส่งมือไปดึงโทรศัพท์ของกรออกจากมือเขา ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะทำแบบนี้ ผมได้แต่กำโทรศัพท์ในมือจนแน่น แล้วไม่พูดอะไรออกไปอีก

“เป็นอะไร ฮืม” กรถาม เขาไม่ได้แสดงอาการว่าโกรธ หรือไม่พอใจกับสิ่งที่ผมทำ แต่กลับถามด้วยน้ำเสียงของคนที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไร กรยังเป็นคนใจเย็น ซึ่งผิดกับผมในเวลานี้โดยสิ้นเชิง

“ทำไมต้องส่งมาทุกวัน” ผมมองหน้ากร และถามซ้ำคำถามเดิม โดยที่มือยังกำโทรศัพท์เอาไว้จนแน่น ถ้าให้มันแหลกคามือผมไปได้ตอนนี้ก็คงจะดี

“ไม่มีอะไร แค่เรื่องงานเฉยๆ” กรบอกผม ก่อนจะส่งมือมาแกะโทรศัพท์ของเขาที่อยู่ในมือผมออกไป แต่ผมไม่ยอมปล่อย

“กันต์ปล่อยก่อนนะ เดี๋ยวกรให้ดู”
 
“กันต์ โกรธกรหรอ” กรพูด แล้วถามผมกลับมา ตอนนี้ผมยอมคลายมือให้กรหยิบเอาโทรศัพท์ของเขาออกไปจากมือผมแล้ว

“นี่ พรุ่งนี้วันอะไร” กรหันมาถามผม ส่วนที่กำลังหงุดหงิด และรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากขึ้นกว่าเดิม จนผมจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินหนี แทนที่เขาจะตอบผม กลับมาย้อนถามเรื่องอะไรไม่รู้กับผม

“อย่าเพิ่งโกรธ ตอบกรหน่อยพรุ่งนี้วันอะไร” กรถามผมอย่างใจเย็น จนผมต้องยอมหยุด แล้วคิดในสิ่งที่กรเพิ่งถามผมเมื่อกี้ พรุ่งนี้งั้นหรอ ผมยังนึกไม่ออก เลยหันไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเอง ขึ้นมาเปิดดูปฏิทิน พร้อมกับหาดูว่าผมลงบันทึกอะไรไว้บ้างหรือเปล่า ...วันเกิด เป็นข้อความที่ผมบันทึกเอาไว้สั้นๆ ในโทรศัพท์ ผมลืมวันเกิดของตัวเองไปเสียสนิท

“ตกลงว่าวันอะไรครับ” กรถาม แล้ววางโทรศัพท์ของตัวเอง รวมทั้งของผมที่เขามาหยิบเอาไปจากมือผมไปวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะขยับตัวหมุนเก้าอี้ของเขาที่นั่งอยู่ให้หันมาหาผม และจับเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ให้หันไปทางเขาเช่นเดียวกัน กรเอามือทั้งสองข้างมาช้อนมือผมที่กำแน่นอยู่บนตักของตัวเองให้ไปอยู่ในมือเขา ตอนแรกผมจะดึงมือออก แต่กรเขายึดมือผมไว้ แล้วเขาก็ค่อยๆ จับมือผมที่กำไว้ให้คลายออก ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือไล้เบาๆ ที่หลังมือผมเหมือนกันทั้งสองข้าง คล้ายจะช่วยทำให้ผมใจเย็น หรือคลายอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้ลง ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเอง

“วันเกิด” ผมเงยหน้าขึ้นมา แล้วตอบเขาไป ในใจผมตอนนี้อยากจะถามต่อแล้วว่า แล้วมันเกี่ยวกันยังไง หรือมันจะเกี่ยว ผมคิดโวยวายกับตัวเองคนเดียว แต่สีหน้ากับท่าทางกรตอนนี้เหมือนจะบอกผมได้ว่า เขาไม่มีอะไรจริงๆ

“วันเกิดใครครับ” กรถามผมต่อ พร้อมกับยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ ถึงตอนนี้ผมเลยเริ่มเอะใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจ

“.......” เงียบครับ ผมเงียบ ตอนนี้อารมณ์เย็นลงนิดนึงแล้ว แต่ยังไม่หายไปซะทีเดียว เพราะเรื่องที่ผมอยากรู้มันยังไม่ได้คำตอบ ยังไงก็ต้องเก็กขรึมไว้ก่อน เรื่องนี้ใครผิดผมไม่สน แต่ทำให้ผมกลุ้มใจมาเกือบเดือน จะหายกันง่ายๆ ก็แปลก

“ทำไมไม่ตอบอ่ะ” กรถามแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนผมต้องเอนตัวหนีจนหลังติดพนักเก้าอี้

“ตอบมาก่อน ว่าส่งข้อความคุยอะไรกันทุกวัน” ผมกลับไปถามเรื่องที่อยากรู้ก่อน

“หึงหรอ” กรถามขึ้นมา ผมเลยเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเข้าแว้บหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าหนีไปมองทางอื่น

“ลองมีคนส่งข้อความมาให้กันต์แบบนี้ทุกวันบ้างไหมล่ะ ถึงไหนแล้ว ชอบไหม พรุ่งนี้ไปกินร้านนั้นกัน พรุ่งนี้คุยกัน เจอกันทั้งวันไม่พอหรือไง” ผมหลุดปากพูดไปเป็นชุดเลยครับ สงสัยจะเก็บไว้นาน พอผมหันกลับมามองคนตรงหน้าผม ว่าตอนนี้ทำหน้าแบบไหนอยู่ ก็เห็นเขายิ้มจนหน้าบาน แล้วหัวเราะผมอีกต่างหาก จนผมต้องหันหน้าหนีอีกรอบ

“ยิ้มอะไร แล้วใครว่าหึง แค่ไม่ชอบ” ผมพูด ตาก็มองอย่างอื่นไปเรื่อง ขืนปล่อยให้เขามองตาผม เขาก็จับได้กันพอดีว่าผมรู้สึกยังไง

“บอกว่าหึงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย กรยังไม่ชอบเลยเวลามีคนมาใกล้กันต์มากๆ รู้ตัวไหม อย่างคราวที่แล้วที่ไปเมาอยู่กับใครไม่รู้ รู้ไหมว่ากรเป็นห่วงแค่ไหน ไม่พอใจแค่ไหน ถึงกรจะเชื่อใจกันต์มากแค่ไหน แต่จะรู้ได้ไงว่าไอ้คนนั้นมันเป็นยังไง” กรพูด แล้วทำไมตอนนี้เหมือนมันจะกลับกัน กลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายมานั่งฟังที่เขาพูดแทน ถึงไอ้ที่กรพูดมามันจะถูกทุกอย่าง แต่เรื่องอะไรมาเปลี่ยนเรื่องที่ผมกำลังจะถาม

“ดีใจนะเนี่ย กันต์หึงกรด้วย” กรพูดแล้วก็ยิ้ม ไอ้ผมก็ทำหน้าไม่ถูกสิครับ เดี๋ยวก็ก้มหน้า เดี๋ยวก็มองไปทางอื่น ไม่กล้ามองหน้ากรเขาเลยครับตอนนี้

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง” ผมพูดขึ้นมาบ้าง ถึงผมจะพูดห้วนๆ แต่เสียงก็ไม่ได้แข็งอย่างในตอนแรกแล้ว

“ไม่ได้เปลี่ยน แต่พูดให้ฟังเฉยๆ แล้วก็จะอธิบายให้ฟังนี่ไงครับ แล้วตกลงว่าหึงจริงป่ะ” กรพูด แล้วก็ยังไม่วายวกกลับมาเรื่องที่ผมหึงหรือไม่หึงเขา

“เออ” ผมรับคำเขาไป หึงก็หึงวะ ผมคงหึงจริงๆ อย่างที่กรว่านั่นแหละ

“รู้ไหมถ้าคนไม่รักกัน เขาไม่หึงกันหรอก” กรพูดออกมา แล้วก็ยกมือขึ้นมาจับแก้มผมลูบเบาๆ แต่ผมหันหน้าหลบ ก็มันเขินนี่ครับตอนนี้ 

“ดีใจนะเนี่ย รู้ไหม” กรพูดต่อ ก่อนจะยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมา   

“แล้ววันนี้จะรู้เรื่องไหม” ผมถามกร ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องแก้เขินครับ ผมถามแล้วผมก็หาวออกมา ง่วงไม่จำกัดสถานการณ์เลยผม ก็ทำไงได้คนมันจะง่วง ก็คือง่วงครับ แล้วก็นึกขึ้นมาได้อีกครั้งว่าพรุ่งนี้วันเกิดของตัวเอง ผมยังไม่มีแผนอะไรเลยครับ คงได้แค่ออกไปใส่บาตรตอนเช้าล่ะมั้ง

“ไปคุยกันในห้องนะ ง่วงแล้วใช่ไหม” กรถามผม แต่ผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วจะได้รู้เรื่องกันไหมวันนี้

“นะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง สัญญาว่าจะเล่าให้ฟังทุกอย่างเลยคร้าบบบบ...” กรพูด ผมเลยยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ให้กรเขาจูงมือเข้าไปนอน รู้สึกว่าตัวเองทำตัวงอแงมากเลยครับวันนี้ ง้องแง้งไปหรือเปล่าวะ ผมบ่นกับตัวเอง แต่ก็ช่างมันเหอะ
.
.
.


“มานี่ มา” กรเขาขยับตัวมาใกล้ๆ ผม แล้วก็เรียกผม พร้อมกับช่วยดึงตัวผมให้มานั่งพิงอกเขา ที่เอนตัวพิงหัวเตียงไว้

“ดูนี่นะ” กรพูด ระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดให้ผมดู กรเขาสอดแขนสองข้างเข้ามาไว้ใต้แขนผมที่กอดอกไว้ เขาโอบตัวผมไว้นั่นแหละครับตอนนี้ ส่วนโทรศัพท์เขาก็ยกให้อยู่ในระดับที่ผมจะมองเห็นได้พอดี แล้วกรก็เปิดข้อความระหว่างเขากับเอิงให้ผมดูตั้งแต่ต้น ว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง พอดูแล้วก็ไม่มีอะไรอย่างที่กรว่า มันมีแต่เรื่องงานทั้งนั้น

“คิดมากเรื่องนี้ใช่ไหม” กรถามผม

“อื้ม” ผมตอบรับ

“ขอโทษนะครับ” กรพูดขอโทษผม ผมก็พยักหน้าตอบกลับไป ความรู้สึกตอนนี้ของผมคือมันโล่งมากเลยครับ คำที่เขาว่ายกภูเขาออกจากอก น่าจะเอามาใช้บรรยายความรู้สึกของผมในเวลานี้ได้ดี

“วันหลังมีอะไร สงสัยอะไร ถามกรนะ อย่าคิดคนเดียวแบบนี้”

“บางเรื่องกรก็ไม่รู้ว่ากันต์คิดอะไร” กรพูด ก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกไปวางไว้ที่โต๊ะข้างตัว แล้วจัดที่จัดทางให้ผมนอนเข้าที่

“ถ้ามีอะไรเราคุยกันนะ” กรพูดต่อ พอฟังเขาพูดเลยรู้สึกว่าตัวเองเด็กกว่ากรไปแล้วครับตอนนี้ แต่จะว่าไปอาจเป็นเพราะผมใช้แต่อารมณ์ด้วยมั้งครับ แล้วก็คิดทุกอย่างเองคนเดียว จนลืมไปว่าถึงจะรักกัน เชื่อใจกันแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะรู้ความคิดของกันและกันไปทุกอย่าง

“อื้ม แล้วทำอะไรกันอยู่” ผมได้แต่ตอบรับสั้นๆ แล้วก็ถามสิ่งที่ตัวเองยังสงสัยอยู่ ทั้งที่ตากำลังจะปิด

“พรุ่งนี้ตื่นมาแล้วจะบอกนะ แล้วพรุ่งนี้กรโทรไปขอแม่กันต์แล้วว่าให้กันต์หยุดงานวันนึง” เสียงกรบอกผม ผมก็พยักหน้างึกๆ ตอบกลับไป

“ฝันดีครับ” กรพูด แล้วกดจูบลงมาที่หน้าผากผม แล้วแช่ค้างไว้สักพักก่อนจะถอนออกไป ส่วนผมก็คงจะเป็นคืนที่หลับสนิทได้อีกครั้ง
.
.
.
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ” เสียงกระซิบสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะไม่รับรู้อะไรอีก


-----------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 17-10-2010 21:12:56
 :เฮ้อ:  ลุ้นจนเหนื่อย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 17-10-2010 21:24:47
น่ารักจิงๆๆๆเลยคู่นี้

อยากรู้จังว่า กรจะเซอร์ไพร์อะรายกันต์อะเปล่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 17-10-2010 21:31:23
โล่งอกไปที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-10-2010 21:40:44
ค่อยยังชั่วหน่อย
 :เฮ้อ:
นึกว่าจะต้องจิตตกซะแล้ว
แต่ตอนนี้สั้นจังอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 17-10-2010 21:41:29
น่ารักกันอีกแล้วนะ
มารอลุ้นตอนหน้าดีกว่า
วันเกิด ๆ อิอิ  :impress2:
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 17-10-2010 22:01:07
กรี๊ดดดดดด ดีใจแทนกรรรรรรรรร
กันต์หึงอ่ะ กันต์หึง!!!
 :m3:
ว่าแต่พรุ่งนี้กรจะพากันต์ไปเซอร์ไพรส์ที่ไหนอ่า
เค้าขอไปด้วยได้ไหม??????
 :z6: <<<โดนกันต์ถีบ
5555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-10-2010 22:12:26
เฮ้อออ  โล่งอกไปที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 17-10-2010 22:21:14
ลุ้นซะเกร็งไปหมด..อิอิ...ดีใจ เค้าดีกันแล้ว..

อยากบอกว่าชอบกรอารมณ์แบบนี้จัง ดูเป็นผู้ใหญ่อบอุ่น
ส่วนกันต์เวลางอแงก็น่ารักดีออก..อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-10-2010 23:58:05
กร :m1:

จะสะไพรซ์กันต์ล่ะซี้ เขารู้ทันกันทั้งนอกเรื่องในเรื่องแล้ว แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 18-10-2010 00:03:14
ดีจังคนรักแบบนี้ คนที่เข้าใจกัน มีปัญหาคาใจก็รีบเคลีย
มันทำให้ชีวิตคู่ อยู่กันแบบไม่มีปัญหา น่ารักมากๆเลยกร  :man1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 18-10-2010 00:13:56
โฮ่ๆๆๆๆ

รวบยอดสองตอนเลยนะคะ
อ่านตอนที่แล้วในใจคิดว่าไม่มีอะไรหรอกแต่ก็มีแอบปาดเหงื่อนะ
กรน่ะคิดว่าไม่มีอะไรหรอกแต่เอิงน่ะเราไม่มีข้อมูลเลยไม่รู้ว่าจะมาทางไหน

อ่านตอนนี้แล้ว แอร๊ยยยยยยย
ยิ้มปากกว้างอีกแล้ววววววววว
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 18-10-2010 00:21:01
กรดูเป็นผู้ใหญ่กว่ากันต์อีก 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 18-10-2010 00:32:21
โห น่ารักอ่ะ

ไม่ไหวแล้วว กรใจเย็นมากกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 18-10-2010 00:34:37
หายเครียดได้แล้วเนาะกันต์ ^^
รอยิ้มรับกับเซอร์ไพรส์พรุ่งนี้ดีกว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 18-10-2010 00:54:03
พี่กันต์หึง!!!! น่ารักชะมัด :m3:
รอลุ้นวันเกิด จะประทับใจขนาดไหนน้าาา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 18-10-2010 00:59:08
เฮ้อ! สั้นมาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 18-10-2010 00:59:48
หวานได้ตลอดเลยคู่นี้ อิจฉา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 18-10-2010 01:10:31
หวานๆ ใสๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 18-10-2010 01:25:36
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


ดีจังที่ไม่ต้องมีมาม่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 18-10-2010 07:58:56
หึงแบบนี้ดีไม่มีพิษมีภัย  แต่นานไปไม่ดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 18-10-2010 09:43:27
 :z2:

ดีใจจังสุดท้าย

ไม่มีอไรในก่อไผ่

 :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 18-10-2010 09:58:27
 :m3: น่ารักจังเลย

 :a13: สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ...กันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 18-10-2010 09:59:27
หันหน้ามาคุยกันนะดีที่สุดแล้ว และที่สำคัญคือการไม่โกหก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 18-10-2010 10:35:57
แปะไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 18-10-2010 11:05:23
กรน่ารักเนอะ
คู่นี้เหมือนน้ำกับไฟ
คนนึงใจร้อน อีกคนก็ใจเย็นซะ
แต่คิดว่าน่าจะเป็นไปตามสถานการณ์มากกว่า
ดีแล้วๆ ใจร่มๆชีวิตเป็นสุข
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 18-10-2010 11:58:54
นึกว่าจะทะเลาะกันซะแล้ว
ดีที่เข้าใจกันได้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 18-10-2010 12:06:12
กันต์หึงที เป็นเด็กไปเลย 555+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 18-10-2010 12:12:54
มีมุมเหวี่ยงๆๆกับเค้าเหมือนกันน่ารักดีเเฮะ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 18-10-2010 12:37:39
ดีออกน้าา ให้กันต์งอแงบ้างอะไรบ้างดูกระชากวัย 555
สงสัยจะมีเซอร์ไพรส์จากกรแฮะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 18-10-2010 13:27:17
กรชื่นใจใช่ม๊าาาา
 :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 18-10-2010 13:48:18
เฮ้อ...โล่งอกไปทีเนอะกันต์เนอะ
กรจะมีเซอร์ไพรส์อะไรอีกอ่ะนี่ น่ารักจริงๆเลยนะกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 18-10-2010 15:21:40
เฮ้อออออ
แบบนี้บ่อยๆ ไม่ไหวนะกร
ลุ้นเหงื่อแตกก กลัวจะทะเลาะกัน
กลัวจะเสียน้ำตา ซิก ซิก
สุขสันต์วันเกิดกันต์ ^ ^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 18-10-2010 16:59:36
เนื้อเรื่องช่าง ตรงกับ ชื่อเรื่อง แป๊ะ 

รักคือ รัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-10-2010 17:03:13
:เฮ้อ:  ลุ้นจนเหนื่อย
เห็นด้วยนะเนี่ย อ่านไปลุ้นไป กว่าจะหายใจได้ทั่วท้อง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 18-10-2010 19:14:53
้เจอพี่กันต์เกริ่นมาตอนต้นถึงกับอึ้ง นึกว่าจะเจอมาม่าชามโต
เล่นเอาลุ้นซะ แต่ลงท้ายแล้วก็

น่าร้ากกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 18-10-2010 20:10:54
น้องกรดีใจจนหน้าบาน.......พี่กันต์หึง

ถึงจะเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่ก็มีเรื่องให้อมยิ้มได้ตลอด

รักกันนานๆ นะจ๊ะ

 o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 18-10-2010 21:46:51
ลูกลิง หึงงะ 55
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 18-10-2010 22:16:00
น่ารักจัง
บรรยากาศอบอุ่น  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 19-10-2010 13:41:37
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

กรี๊ดดดดดดดดดดดด ไอ้หมวยตามทันแล้ว ฮ่าๆๆ


โอยยยยยยยยยย

อ่านรวดเดียว

บอกได้คำเดียวว่า "น่ารัก"

คนแต่ง ขยันสุดๆ  ขยันจนน่าตกใจ

อย่างนี้ เอารางวัลนักเขียนสุดขยันแห่งปีไปเลย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 19-10-2010 15:36:44
ลุ้นจน.... :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 19-10-2010 22:11:36
ลุ้นซะเหนื่อยยยยยย  :try2:
ยังดีนะแค่ปาดเหงื่อ ไม่ถึงขั้นต้องปาดน้ำตา

แล้วก็รอวันเกิดลูกลิง(ขี้หึง)ว่าจะมีอะไรบ้างน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 22-10-2010 17:59:30
จะคบกันยังไงก็ขึ้นอยู่กับการสื่อสารกัน เก็บไว้นานๆก็บั่นทอนจิตใจกันเสียเปล่าๆ

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ขอบคุณนะคะเรื่องน่ารักอบอุ่นมากเลย แล้วมาต่ออีกนะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 24-10-2010 23:43:07
รอ  ร้อ  รอ  มา อ่ะยัง เนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 25-10-2010 17:03:23
คืนนี้เจอกัน(ต์) แน่นอน
ไม่เกินเที่ยงคืนนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 25-10-2010 17:07:33
กำลังจะแวะมาดูพอดีเลย ทั้งเรื่องกันต์และพี่กาวน์
เอิ๊กกกกๆๆ



คืนนี้มาอีกรอบค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 25-10-2010 18:04:28
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หึง p. 37 (up 17-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 26-10-2010 00:10:22
ตอนที่ 43 วันเกิด(ลูกลิง)... ที่รัก

เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเรียกจากนาฬิกาปลุกตอนตีสี่สี่สิบ พอรู้สึกตัวแล้วก็ต้องรีบพลิกตัวไปทางโต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อคลำหานาฬิกาปลุกในความมืด และกดปิดเสียงเรียกที่ดังอยู่ ที่ต้องรีบปิดเพราะยังไม่อยากให้กันต์เขาตื่นขึ้นมาด้วย เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ค่อยออกมาปลุกให้เขาตื่นอีกที ตอนนี้ปล่อยให้เขานอนไปก่อน

พอลุกจากเตียงขึ้นมา แล้วหันกลับไปมองอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้จะมองเห็นร่างที่นอนหลับอยู่เพียงลางๆ แต่พอเห็นเขาแล้ว ก็อดนึกถึงเมื่อคืนไม่ได้ มันเป็นครั้งแรกที่กันต์แสดงออกให้ผมเห็นชัดเจนว่าเขารู้สึกอะไร คิดอะไร จนตอนนี้ผมยังยิ้มกับตัวเองอยู่เลยครับ แต่มันทั้งดีใจและรู้สึกผิดอยู่ในเวลาเดียวกันนะ ดีใจที่เขาเองก็รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึก

ก็อย่างที่ผมบอกเขาเมื่อคืน

“คนไม่รักกัน เขาไม่หึงกันหรอก”

ตีความเข้าข้างตัวเองไปเรียบร้อยเลยผม แต่มันจริงนะครับ

“ถ้าไม่รักก็คงไม่หวง”  


ส่วนที่รู้สึกผิดคือ ผมไม่รู้เลยว่า ผมทำให้เขาคิดมาก และเป็นกังวลมากขนาดนี้

.
.
.

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แบบนี้ เป็นเพราะผมนัดกับแม่กันต์ไว้ตอนหกโมงครึ่ง จะพากันต์เขากลับไปใส่บาตรกับพ่อแม่ที่บ้าน แล้วก็อยู่กินข้าวด้วยกัน วันเกิดลูกชายเขา ต้องพาเขากลับไปหาพ่อกับแม่สิครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมโทรไปหาแม่กันต์ ก็โทรไปเลียบๆ เคียงๆ ถามดูก่อนว่าปกติวันเกิดกันต์ เขาทำอะไรบ้าง แม่กันต์ก็บอกมาว่า ถ้าวันทำงานกันต์จะไปตักบาตรตอนเช้า แล้วไปทำงานตามปกติ ตอนเย็นถึงจะกลับมากินข้าวเย็นกับพ่อแม่ที่บ้าน พอรู้แบบนี้ผมเลยจะขอเปลี่ยนแผนของกันต์เขานิดหน่อย จากที่เขาเคยไปตักบาตรคนเดียว มาปีนี้ผมจะพาเขาไปตักบาตรตอนเช้าพร้อมกันกับพ่อแม่ที่บ้าน  และอยู่ที่บ้านเขาจนถึงมื้อกลางวัน หลังจากนั้นคงเป็นเวลาสำหรับผมกับกันต์บ้าง
.
.
.

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็เดินมาเปิดไฟในห้อง แล้วเดินไปเรียกกันต์ พอเขาตื่นมาเข้าห้องน้ำแล้วผมค่อยไปแต่งตัว จะได้ไม่เสียเวลา

“กันต์ ตื่นได้แล้ว” ผมเรียกคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

“กี่โมง” กันต์งัวเงียถาม แต่ไม่ยอมลุก แถมยังพลิกตัวนอนคว่ำเอาหน้าซุกไว้กับหมอน เพื่อหลบแสงไฟในห้องที่ผมเพิ่งเปิด

“ตีห้า” ผมตอบแบบกะเวลาเอา จากตอนที่ผมตื่นจนอาบน้ำเสร็จมาเรียกเขา ก็น่าจะตีห้าแล้ว

“จะไปไหนแต่เช้า” เสียงกันต์ดังอู้อี้ถามผม

“ไปบ้านกันต์ กรนัดกับแม่ไว้หกโมงครึ่ง เดี๋ยวสาย” ผมบอกเขา พอได้ยินผมพูดแบบนี้เขาเลยขยับพลิกตัวกลับมาทางที่ผมยืนอยู่

“หืม” กันต์ส่งเสียงเหมือนจะถามผมซ้ำให้แน่ใจ

“กรนัดแม่กันต์ไว้ ป่ะ เดี๋ยวแม่รอ” ผมพูด แล้วยื่นมือไปจับ มือกันต์ที่ชูขึ้นมาเพื่อให้ผมดึงตัวเขาขึ้นจากที่นอน

“สุขสันต์วันเกิดครับ” ผมพูดกับเขาเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะถูกเจ้าขอวันเกิดที่นั่งอยู่บนที่นอน ดึงตัวลงไปกอด ผมเลยถือโอกาสหอมแก้มเขาไปซะเต็มรัก อื้ม ...ชื่นใจครับ

“อื้อ เย็น” เสียงกันต์พูดเบาๆ ตอนที่ผมกอดเขา ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอออกมาโดนแอร์ตัวเลยเย็น แล้วผมยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีผ้าเช็ดตัวพันไว้แค่นั้น ตอนนี้ผมลงมานั่งบนที่นอนแล้ว ก่อนจะกระชับแขนกอดเจ้าของวันเกิดไว้ให้แน่นขึ้น และจับเขาโยกตัวไปมาเหมือนเด็ก จะว่าไปแล้วก็เหมือนลูกลิงมากกว่า เพราะกันต์เขายกแขนมาคล้องคอผมไว้ ก่อนจะกระชับแขนกอดคอผมไว้จนแน่น อย่างกับกลัวว่าผมจะหายไปไหน จากนั้นก็ซุกหน้าลงมาที่ซอกคอผม ...จะเป็นเด็ก เป็นลิงก็รักทั้งนั้นล่ะ เรากอดกันอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนที่ลูกลิงของผมจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ส่วนผมก็ลุกขึ้นไปแต่งตัว
.
.
.


เราออกจากคอนโดฯ ตอนตีห้าครึ่ง ไปถึงบ้านกันต์ก่อนถึงเวลาที่นัดกับแม่กันต์ไว้นิดหน่อย พอไปถึงพ่อกับแม่กำลังเดินออกมาจากบ้านพอดี ส่วนหน้าบ้านก็ตั้งโต๊ะวางของสำหรับใส่บาตรไว้แล้ว ตอนที่โทรคุยกับแม่กันต์ แม่บอกไว้ครับว่าจะเตรียมของและทำกับข้าวให้เอง ถ้าให้ผมเตรียมมากลัวจะมาไม่ทัน หลังจากนั้นก็ถึงเวลาใส่บาตรกันครับ

ตอนตักบาตรเท่าที่ผมสังเกตเหมือนกันต์เขาจะดูเกร็งๆ ในตอนแรกเหมือนกันนะครับ เห็นเขามองเลยไปทางพ่อที่อยู่ข้างผม แล้วก็มองหน้าผม ส่วนแม่ยืนอยู่ข้างกันต์คอยช่วยกำกับครับ ว่าให้ทำอะไรบ้าง จนตักบาตรพระผ่านไปสักสองรูปนั่นแหละ กันต์ถึงดูผ่อนคลายมากขึ้น แล้วก็ดูสบายๆ  
 
หลังจากตักบาตรไปแล้ว รู้สึกสบายใจดีนะครับ กันต์เองก็คงเหมือนกัน ตอนนี้ผมกับกันต์ก็ช่วยกันยกโต๊ะที่เอาออกมาวางของกลับเข้าบ้านกันครับ ตอนแรกแม่บอกทิ้งไว้ให้คนมายกไป แต่กันต์บอกว่าแค่นี้ยกกันเองก็ได้ เราสองคนเลยช่วยกัน พอเก็บโต๊ะเข้าที่แล้ว แม่ก็ตามให้ไปกินข้าวเช้ากันครับ มื้อนี้เป็นข้าวต้มปลาของชอบกันต์เขาล่ะครับ

ผ่านมื้อเช้าไปก็นั่งคุยกันต่อ นั่งคุยเรื่องบ้านของเราสองคนนั่นล่ะ พ่อกับแม่ก็ถามว่าไปถึงไหนแล้ว สำหรับเรื่องที่ปลูกบ้านพ่อกับแม่ก็ทราบตั้งแต่แรก แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ เพราะถือเป็นการตัดสินใจของพวกผมสองคน แต่จะคอยถามมากกว่าว่าไปถึงไหนแล้ว แม่กันต์เขาอยากเห็นแบบบ้านด้วยครับ ซึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเช้ารีบๆ เลยลืมหยิบติดมือมา ผมเลยบอกแม่ไว้ว่าคราวหน้าจะเอามาให้ดู

พอสายๆ พ่อกับแม่กันต์เขามีธุระต้องออกไปข้างนอกกันทั้งคู่ครับ แต่บอกไว้ว่ากลางวันจะรีบกลับมากินข้าวด้วย ส่วนผมกับกันต์ว่างๆ อยู่เลยชวนกันลงสระว่ายน้ำ ออกกำลังกายกันบ้างครับ ช่วงหลังมานี่ไม่มีเวลาออกกำลังกายด้วยกันทั้งคู่ ว่ายน้ำกันไปถึงสิบโมงกว่า ก็พากันขึ้น อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็พากันหลับไปคนละงีบ ตอนแรกกันต์เขาหลับไปก่อน ส่วนผมนั่งดูหนัง ดูไปดูมาก็หลับตามเขาไป จนเที่ยงแม่กันต์เขาก็ให้คนขึ้นมาตาม
.
.
.

จบจากมื้อกลางวันก็ออกจากบ้านกันต์ประมาณบ่ายสอง แล้วจากนี้ก็เป็นเวลาสำหรับเราสองคนจริงๆ แล้วครับ ผมขับรถพากันต์กลับมาที่คอนโดฯ พอกลับมาถึงก็ยังไม่ได้ทำอะไรครับ นั่งๆ นอนๆ คุยเล่นกันมากกว่า

“กรให้” ผมพูด พร้อมยื่นกล่องกระดาษสีเงินขนาดพอประมาณให้กันต์ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างเขา แล้วยื่นแขนไปโอบเอวของเขาไว้

“ขอบคุณนะ ให้เปิดเลยไหม” กันต์ยิ้ม แล้วหันมาถามผม

“อื้ม” ผมตอบ กันต์เลยยกฝากล่องกระดาษที่ผมให้เข้าออก แล้วข้างในก็เป็นนิตยสารเล่มหนึ่งครับ แต่เป็นนิตยสารที่มีเล่มเดียว และไม่มีขายที่ไหน เพราะผมทำขึ้นมาเอง ใช่ครับ ของที่ผมให้เขาคือ นิตยสารทำมือ กันต์หยิบหนังสือที่ผมให้ไปออกมาจากกล่อง ก่อนจะเอากล่องกระดาษไปวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า กันต์ก้มลงมองหน้าปกของหนังสือที่อยู่ในมือ แล้วหันมามองหน้าผม

“K&K” กันต์พูดออกมา มันเป็นหัวของนิตยสารที่ผมทำขึ้นมาให้เขาครับ ส่วนหน้าปกก็เป็นรูปของผมสองคน เป็นรูปที่ถ่ายมาตอนเราไปเชียงใหม่กัน กันต์หันมามองหน้าผมนิดนึง ก่อนจะเริ่มเปิดหน้าแรก แล้วค่อยๆ ไล่ไปทีละหน้าอย่างตั้งใจ ผมก็ปล่อยให้เขาดูไปเงียบๆ

แล้วก็เพราะนิตยสารทำมือเล่มนี้แหละครับ ที่เป็นที่มาของเรื่องเมื่อคืน เรื่องมันมาจากว่าตอนที่ผมฝึกงานกันอยู่ เอิงเพื่อนที่มาฝึกงานด้วยกัน พูดถึงหนังสือทำมือขึ้นมาครับ ผมก็เลยได้ไอเดียว่าจะทำขึ้นมาสักเล่ม แล้วก็ได้เอิงนี่แหละครับ คอยช่วย จนงานนี้สำเร็จ ที่ผมคุยกันบ่อยก็มีแต่เรื่องนี้ทั้งนั้น แต่มันก็ไม่รู้นะครับว่าผมทำให้กันต์ มันรู้แต่ว่าผมจะทำให้แฟนผมแค่นั้นเอง

“เงียบเชียว” ผมพูดกับกันต์ที่ยังคงดูหนังสืออย่างตั้งใจ

“เฮ้ย!! ไหนว่าลบไปแล้วไง” เสียงกันต์โวยวาย พร้อมกับหันหน้ามาหาผม ตอนนี้เขาเปิดมาเจอรูปเขาตอนนอน ก็รูปเดียวกับที่เขาเห็นในโน้ตบุ๊คผม ตอนที่ไปเชียงใหม่กันนั่นแหละครับ ส่วนรูปนี้ผมเอามาลงแล้วตั้งหัวคอลัมน์ว่าอะไร ขอไม่บอกแล้วกัน ฮาๆ

สำหรับของขวัญที่ผมทำให้เข้าชิ้นนี้ ต้องบอกว่าชิ้นนี้ เพราะเดี๋ยวจะมีอีก ดูเผินๆ ก็เหมือนนิตยสารทั่วไปแหละครับ อย่างเรื่องท่องเที่ยว เรื่องแฟชั่น แล้วก็อีกหลายๆ คอลัมน์ รวมๆ แล้วก็เกือบร้อยหน้านะครับ แต่รูปกับเนื้อหาจะเกี่ยวกับเราสองคนทั้งนั้น ไปไหนทำอะไร แต่งตัวกันยังไง ผมจับมาลงได้หมด

อย่างเรื่องเที่ยวก็เอาตอนที่เราไปเชียงใหม่ด้วยกันมา มาเรียบเรียงเป็นเรื่องเป็นราว จัดเลย์เอาท์ หรือจัดหน้าให้เหมือนนิตยสารจริงๆ ก็นะทำนิตยสารให้เขา มันก็ต้องออกมาเป็นนิตยสารสิครับ อย่างแฟชั่นก็ไม่ยากครับ จับเอาเสื้อผ้าในตู้นั่นแหละ มาถ่ายรูปลงไป เครื่องประดับ เข็มขัด น้ำหอม เนคไท ผมจับมาลงทุกอย่างครับ สรุปคือ นิตยสารเล่มนี้มีทุกอย่างที่เป็นกันต์ในมุมที่ผมรู้จัก แล้วที่สำคัญ ต้องมีเราครับ

เหมือนจะง่าย แต่ถ้าไม่ใส่ใจ ทำไม่ได้นะครับ

กลับมาที่กันต์พูดค้างไว้ดีกว่า

“ก็ลบวันนั้น แต่ไรท์เก็บไว้ก่อนหน้าแล้ว” ผมตอบ พอตอบแบบนี้ เลยโดนเขามองตาเขียวเลยครับ งานนี้ยิ้มสู้อย่างเดียว

“เห็นกันสองคนเอง ไม่มีใครเห็นหรอก จะให้ใครเห็นได้ยังไง กรก็หวงของกรนะ” ผมบอกเขา ก็ตามที่ผมบอกนั่นแหละ หวงครับ หวง แล้วก็ปล่อยเขาดูต่อไปครับ
.
.
.

“ไปด้วยกันไหมครับ” ผมถามกันต์เมื่อมาถึง คอลัมน์เกือบสุดท้ายในเล่มที่ผมเขียนแนะนำร้านอาหารครับ แต่เป็นร้านที่เรายังไม่เคยไป ผมก็หารูปร้านจากอินเตอร์เน็ตมาแปะไว้ก่อน พร้อมกับการ์ดที่เขียนชวนให้เขาไปกับผม

“......” กันต์ไม่ตอบแต่พยักหน้าตอบตกลงครับ เราสองคนเลยพากันไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ก่อนจะออกมาในชุดที่ค่อนข้างจะเป็นทางการพอสมควร ก็ใส่สูทกันทั้งคู่ครับ


……………………………………………………


“ชอบหรือเปล่า” ตอนนี้เรามานั่งในร้านอาหารกันแล้วครับ เป็นร้านอาหารที่อยู่บนยอดตึกสูง ที่เลือกร้านนี้เพราะกันต์เขาชอบมองอะไรจากมุมสูง บางครั้งยืนมองจากระเบียงของคอนโดฯ ได้เป็นชั่วโมงเลย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการตัดสินใจสร้างบ้านนะครับ เพราะมันก็มีสิ่งอื่นที่เข้ามาทดแทนกัน

“อื้ม” กันต์ตอบ พร้อมกับละสายตาจากภาพที่กำลังมองอยู่ แล้วหันกลับมายิ้มให้ผม



เราไม่ได้พูด ไม่ได้คุยอะไรกันมากหรอกครับ แค่มองเห็นเขายิ้ม เขามีความสุข ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ผมก็รู้สึกดี และมีความสุขไปกับภาพที่ผมมองเห็นแล้ว


จากอาหารมื้อหลัก ก็ต่อด้วยของหวานครับ

ผมสั่งเค้กช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆ ที่มาพร้อมกับป้ายเล็กๆ ที่ทำจากช็อคโกแลต และมีข้อความ Happy Birthday สีทองอยู่บนนั้น เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วครับ เมื่อเค้กถูกยกมาเสิร์ฟ ตรงหน้ากันต์แล้ว กล่องสีขาวที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าด้านในของสูทที่ผมสวมอยู่ ก็ถูกนำออกมาวางข้างๆ กันกับเค้กชิ้นเล็กในจาน

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันนะ”

“ยังมีอีกหรอ” กันต์ถามผมครับ

“เปิดดูสิ” ผมบอกกันต์ที่เอาแต่มองหน้าผม สลับกับก้มมองของสองอย่างที่วางอยู่ตรงหน้า

“ขอบคุณนะ”

“ให้ใส่เลยไหม” กันต์พูดออกมา เมื่อเห็นของที่ผมให้แล้ว และตอนนี้เขากำลังถือมันอยู่ในมือ ผมให้นาฬิกาเขาครับ ที่เลือกนาฬิกาเพราะ กันต์เขาไม่ค่อยใส่เครื่องประดับอย่างอื่น แล้วอีกอย่างนาฬิกามันก็มีความหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว ในเรื่องของเวลา

“อืม ต่อจากนี้ให้กรได้ใช้เวลาไปกับกันต์นะครับ เราจะใช้เวลาไปด้วยกันนะ” คำพูดเลี่ยนๆ ถูกส่งออกไปจากผม ถึงคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ตอนนี้กันต์ยังไม่ได้ใส่นาฬิกาที่ผมให้ไป เพราะเขาหยุดทุกอย่างเพื่อฟังในสิ่งที่ผมพูด

“นะครับ” ผมย้ำ และรอฟังคำตอบ

“อื้อ” กันต์ส่งเสียงตอบในลำคอ ถ้าผมดูไม่ผิด ผมเห็นน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมาที่ขอบตาของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม

“เลี่ยนว่ะ กล้าพูด” เสียงกันต์พูดขึ้นมาพร้อมกับหันหน้าหลบไปอีกทาง แล้วมองออกไกลออกไป ผมก็ได้แต่ยิ้มแหละครับ
ตอนนี้นาฬิกาของผม ถูกนำไปแทนที่นาฬิกาเรือนที่กันต์ใส่อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนนาฬิกาเรือนเดิมก็ถูกถอดออกมาใส่กล่องแทน

“ไม่กินเค้กหรอ น่าอร่อยนะ” ผมพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“กิน ห้ามแย่ง จะกินเอง”

แล้วมื้อนี้ก็จบด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มของเราสองคนครับ

“เราสองคน”
 

  


…………………………………………………………

“อื้ม.....” ผมส่งเสียงเบาๆ ในลำคอ เมื่อถูกริมฝีปากนุ่มเข้ามาประกบกับริมฝีปากของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่ผมปิดประตูตามหลังเจ้าของริมฝีปากนุ่มนั้นเข้ามาในห้อง กันต์ไม่ได้โน้มคอผมลงไปหาเขา แต่ใช้วิธียืดตัวขึ้นแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้ เพื่อให้ใบหน้าของเราสองคนอยู่เสมอกันพอดี ส่วนผมก็ยกสองมือขึ้นมาจับอยู่ที่สะโพกเพื่อช่วยพยุงตัวเขาไว้อีกทาง

“อ๊ะ อื้อ...” คราวนี้เป็นเสียงของกันต์ที่ปล่อยออกมา เมื่อถูกผมไล่งับเบาๆ ที่ริมฝีปากล่าง ก่อนจะถูกมือผมรั้งท้ายทอยให้เข้ามารับสัมผัสจากผมได้มากขึ้น และดันตัวเขาให้ก้าวถอยหลังไปจนชิดกับผนังห้อง

“อ้า...” เสียงหอบหายใจของคนที่ยืนพิงกับผนังห้อง เมื่อผมถอนริมฝีปากของตัวเองออกมา สองข้างแก้มของคนตรงหน้าผมถูกแต้มด้วยสีแดงระเรื่อแทนที่ผิวขาวเนียนในยามปกติ มือผมเริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อสูทของคนตรงหน้าที่ขยับตัวก้าวห่างจากผนังออกมาเล็กน้อย เพื่อให้ผมสัมผัสเข้าได้ถนัดขึ้น ชายเสื้อเชิ้ตถูกผมเลิกขึ้นทางด้านหลังจนพ้นขอบกางเกง จนมือผมสามารถสัมผัสได้กับแผ่นหลังอุ่นๆ ของคนตรงหน้าที่ให้ความร่วมมือกับผมเป็นอย่างดี

“อื้ม...” เสียงครางดังขึ้นอีกเมื่อผมก้มลงไปประกบริมฝีปากของคนเบื้องหน้าจนแนบสนิท แล้วยกมือขึ้นมาจับแขนของกันต์ที่โอบอยู่รอบคอผมให้กระชับเข้าหากันแน่นขึ้น ก่อนที่ผมจะย่อตัวลงอย่างช้าๆ เพื่อให้ริมฝีปากของเราไม่ห่างจากกัน ผมใช้มือจับที่ต้นขาด้านหลังของกันต์ แล้วออกแรงยกตัวเขาขึ้นมา กันต์เองก็เกี่ยวรัดขาทั้งสองข้างกับรอบเอวผมไว้ โดยที่ผมช้อนสะโพกของเขาอยู่ และพาเขาเดินไปทางห้องนอน

ตลอดทางที่เดินไป ริมฝีปากของเรายังคงคลอเคลียกันไปเรื่อยๆ แต่คนที่ถูกผมอุ้มอยู่ในตอนนี้ ชอบที่จะก้มลงมาสัมผัสริมฝีปากผมเพียงเบาๆ แล้วถอนออก เขาทำแบบนั้นซ้ำๆ คล้ายกับต้องการจะแกล้ง แต่สำหรับผม ผมมองว่าเขากำลังยั่วผมอยู่นะ

“ยั่วกันหรอครับ” ผมถามอย่างต้องการจะหยอกล้อกับเจ้าของแก้มแดงที่ข้างใบหู พร้อมกับกดจมูกลงไปหนักๆ บนแก้มสีแดงนั่น

“หึ” เจ้าของแก้มแดงตอบปฏิเสธในลำคอ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาเหมือนเป็นการยืนยันคำตอบของตัวเอง ในขณะที่ริมฝีปากที่แดงระเรื่อไม่แพ้สองข้างแก้มถูกยกให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ดูใสซื่อกว่าที่เคยเห็น แต่ดวงตากลับมีประกายของคนเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน

“จริงหรอครับ” ผมถามอีกครั้ง และเปาลมเบาๆ เข้าที่ข้างหู ก่อนจะขบเม้มลงไปที่ติ่งหูของกันต์ จนเขาต้องย่นคอหนี ตอนนี้ผมปล่อยตัวเขาลงมายืนกับพื้นแล้ว แต่แขนของกันต์ยังคล้องคอผมไว้เช่นเดิม

“.......” คราวนี้ไม่มีเสียงตอบ แต่กันต์ก้าวมาข้างหน้าเรื่อยๆ จนดันตัวผมมาทรุดนั่งลงที่ปลายเตียง
.
.
.
“อา... อื้ม...” เสียงผมครางรับการกระทำของคนที่ก้าวมานั่งคร่อมอยู่บนตักผม ตอนนี้สูทและเสื้อเชิ้ตสีขาวของผมถูกถอดออกไปจนหมดแล้ว จากฝีมือของคนที่กำลังใช้ริมฝีปากไล่สัมผัสไปตามลำคอ และแผ่นออกของผม จากการขบเม้มที่ไม่เบานักน่าจะพอทำให้เกิดรอยแดงขึ้นมาได้ และเมื่อผมก้มลงไปมองก็เป็นไปดั่งที่คาดไว้ ร่องรอยสีแดงจางๆ กระจายอยู่ทั่วแผ่นอกของผม

ผมละมือออกจากสะโพกและแผ่นหลังของคนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการสร้างร่องรอยบนตัวผม แล้วเริ่มลงมือถอดสูทชั้นนอกของเขาออก ให้เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดพอดีตัวที่ถูกผมปลดกระดุมด้านหน้าไปจนหมดแล้วก่อนหน้านี้ ผมจับแขนของเขาที่คล้องคอผมออก จากนั้นก็ดันตัวเขาให้ลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม

จากเข็มขัดหนังลายตารางสีอ่อน ตะขอกางเกงแสล็คสีเข้ม ตามด้วยเสียงรูดซิบลงอย่างช้าๆ ก่อนที่กางเกงตัวนั้นจะเลื่อนผ่านสะโพก ต้นขา หัวเขา จนลงไปกองอยู่กับพื้น โดยที่เจ้าของไม่ได้สนใจใยดี เพราะกางเกงตัวนั้นถูกผลักไส ให้ไกลตัวเจ้าของออกไปอีก และตามติดมาด้วยบรีฟสีดำสนิทที่ถูกเกี่ยวจากนิ้วมือของผมให้รูดลงมาอย่างอ้อยอิ่ง และพ้นตัวเจ้าของมันในที่สุด

ผมขยับตัวถอยขึ้นมาอยู่บนเตียง โดยมีคนที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวและปลดกระดุมให้เห็นแผ่นอกกับหน้าท้องที่พอมีกล้ามเนื้อ คลานตามขึ้นมาอย่างช้าๆ นาทีนี้เหมือนผมกำลังถูกสะกดให้มองไปที่คนที่กำลังเคลื่อนกายเข้ามาหาเพียงเท่านั้น ผมไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เลย

และคราวนี้ก็มาถึงคิวที่เข็มขัดหนังสีดำสนิท กางเกงแสล๊คและบรีฟสีขาวของผม จะถูกปลดออกจากตัวไปบ้าง โดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร ได้แต่มองอีกคนจัดการไปอย่างที่เขาต้องการ และทันทีที่ผมเหลือเพียงแต่ร่างเปลือยเปล่า ก็ถูกคนที่ยังมีเสื้อติดตัวอยู่ขึ้นมานั่งคร่อมอยู่ช่วงกลางลำตัว ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาให้ริมฝีปากเราสัมผัสกันได้อีกครั้ง ทุกการกระทำผ่านไปอย่างเชื่องช้าทำให้ผมได้ซึมซาบกับทุกสัมผัสที่เราต่างกำลังมอบให้กันและกัน

เมื่อถึงจุดที่ความต้องการเริ่มทวีมากขึ้น สองมือของผมก็เริ่มออกแรงบีบเคล้นลงบนสะโพกของคนด้านบนมากขึ้น เพื่อให้ส่วนล่างที่กำลังตื่นตัวได้สัมผัสกันมากขึ้น และดูเหมือนว่ากันต์เองก็รับรู้ในความรู้สึกนั้น เขาออกแรงโยกสะโพกให้บดเบียดกับส่วนล่างของผมอย่างจงใจ จนผมอดที่จะปล่อยเสียงแห่งความพึงพอใจออกมาไม่ได้

“อ่ะ...อื้ม...” เมื่อได้ยินเสียงผม คนด้านบนก็เหมือนจะพอใจและจงใจมอบสัมผัสนั้นให้หนักขึ้น จนผมต้องคว้าตัวเขาให้เข้ามาใกล้พอที่ผมจะประกบริมฝีปากกับเขาได้ เพื่อระบายอารมณ์บางส่วนของตัวเอง โดยที่ร่างด้านบนช่วยตอบสนองผมได้เป็นอย่างดี

จนถึงจุดหนึ่งที่เขาเหมือนจะพึงพอใจ จึงค่อยๆ ถอยตัวลงไป แล้วยกฝ่ามืออุ่นเข้ามาแตะสัมผัส กับส่วนที่กำลังอัดแน่นไปด้วยความต้องการของผมอย่างช้าๆ ก่อนจะกอบกุมมันเข้าไปอยู่ในอุ้งมือร้อน ตามมาด้วยริมฝีปากนุ่มที่เคลื่อนลงมารับส่วนนั้นของผมเข้าไป มันเป็นครั้งแรกที่เขาทำให้ผม จากสัมผัสที่เหมือนการหยอกเย้า เปลี่ยนเป็นการสัมผัสที่ล้ำลึก และหนักหน่วงขึ้น จนผมใกล้จะถึงจุดที่ทนไม่ไหว


“กันต์... กันต์ พอก่อน” ผมส่งเสียงเรียกเขา พร้อมกับยกตัวขึ้นมา เพื่อดึงตัวกันต์เข้ามาหาผม ผมขยับตัวไปเปิดลิ้นชักข้างเตียงเพื่อหยิบเอาของบางอย่างติดมือออกมา

“เดี๋ยวกรทำให้ก่อน จะได้ไม่เจ็บ” เมื่อผมพูดจบ กันต์ก็โน้มตัวลงมาหาผม และซบหน้าลงกับอก โดยที่มือก็ยึดไว้กับบ่าทั้งสองข้างของผม ผมเริ่มบีบเจลใสจากหลอดลงสู่ปลายนิ้ว ก่อนจะส่งมืออ้อมไปทางด้านหลังของคนที่ซบตัวกับอกผมอยู่

“อื้อ...” เสียงครางเบาดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มไว้ของคนด้านบน พร้อมกับนิ้วมือที่จิกเกร็งอยู่กับบ่าของผม เพื่อช่วยระบายความอึดอัดที่ได้รับจากนิ้วมือของผม

“อ๊ะ... อื้อ ...” เสียงครางเบายังคงถูกส่งผ่านริมฝีปากแดงที่พยายามขบเม้มไว้เพื่อกลั้นเสียงอย่างต่อเนื่อง เมื่อผมเร่งสัมผัสให้ถี่ขึ้น จนคิดว่าเขาน่าจะพร้อมแล้วถึงได้หยุดมือ และถอนสัมผัสออกมา จากนั้นดันตัวคนที่นอนซบอยู่ให้ขึ้นมานั่ง กันต์วางมือทั้งสองลงกับหน้าท้องผมเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้ ตอนนี้ปอยผมบางส่วนของกันต์ก็เริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมอยู่ตามหน้าผาก จนผมต้องยกมือขึ้นไปปัดปอยผมที่ปิดหน้าผากบางส่วนออกไป    


“อ๊ะ”

“อื้อ...”

เสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมถูกปล่อยออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ของร่างด้านบนที่กำลังทิ้งน้ำหนักตัวลงมาหาผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ตามติดมาด้วยความคับแน่นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่น้ำหนักตัวทั้งหมดจะถูกทิ้งลงมาในคราวเดียว

“อาห์...” เสียงครางอย่างวาบหวามถูกปล่อยออกมา เมื่อร่างด้านบนรับส่วนที่แสดงความต้องการของผมไว้จนหมด

“อ๊ะ...ยะ อย่าเพิ่งขยับ” เสียงที่แหบพร่าเล็กน้อยผ่านออกมาจากริมฝีปากที่แดงช้ำบวกกับแรงกดที่หน้าท้องจากฝ่ามือขาว ทำให้ผมต้องฝืนตัวเองไว้ เพื่อทำตามความต้องการของผู้ร้องขอ แม้มันจะยากเพียงใดก็ตามในเวลานี้

ร่างด้านบนใช้เวลาในการปรับตัวไม่นานนัก เพราะคงรู้ว่าหากนานกว่านี้ ผมเองก็คงจะทนไม่ไหว
.
.
.
“อาห์...” เสียงครางกระเส่าถูกปล่อยออกมาเป็นระลอก เหมือนคลื่นที่กำลังสาดกระทบฝั่งในยามที่สายลมเอื่อย ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงครางที่สอดประสานกัน ยามที่จังหวะการเคลื่อนไว้ของร่างกายนั้น รวดเร็ว และหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น

"อื้อ.....อื้ม..." เสียงครางที่ยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับเสียงเนื้อที่กระทบกัน ดังก้องอยู่ในทุกโสตประสาท อุ้งมือร้อนของผมถูกส่งไปมอบสัมผัสให้ให้กับร่างที่โยกคลอนอยู่ด้านบน ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานออกมามากเท่าไหร่ สัมผัสที่ถูกส่งไปก็เหมือนจะมากขึ้นตามไปด้วย เพื่อช่วยส่งให้เราเดินทางไปถึงจุดหมายพร้อมกัน

"อ๊ะ...อาห์......อาห์...."   เสียงร้องครางยาว ก่อนที่ร่างด้านบนจะกระตุกพร้อมกับปลดปล่อยออกมา เมื่อผมเร่งจังหวะจนพาอารมณ์ของเขาไปจนถึงขีดสุด

"อ๊ะ... อาห์ อาห์...อื้ม” เสียงหวีดร้องอย่าลืมตัวของคนด้านบนดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของผม เมื่อผมออกแรงกระแทกขึ้นไปในช่วงจังหวะสุดท้าย มันเข้าไป ลึกและแรง กว่าทุกครั้ง... พร้อมกับการปลดปล่อยอารมณ์ที่ผมกักเก็บไว้ออกมา

ร่างด้านบนทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมาบนตัวผม

ผมปล่อยให้เขาพักอยู่ไม่นานนัก



ก่อนที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ มันจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง

และอีกครั้ง...

---------------------------------------------



ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลย เดี๋ยวจะมาแก้ให้นะ
ไม่ได้มาต่อซะนาน เอาไปยาวๆ เลยเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 26-10-2010 00:20:59
แอร๊ยยยย อ่านก่อนเม้นทีหลัง  :จุ๊บๆ:

*****************************

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :m25:

กันต์น่ารักเว่อร์อ่ะ โอ๊ยยยยยยยยย
ปวดแก้มมมมมมมมม
จิกทึ้งหัว
โว้ยยยยยยย น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก...
คงเป็นวันเกิดที่ดีที่สุดเลยนะ
คนอ่านปลาบปลื้มกรกับกันต์มากอ่ะ น่ารักที่สุด  :-[




ปล. เห็นตั้งแต่ตอนอัพ จะอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไรท์เตอร์ แต่ฟ้าแม่งผ่าเอาๆ  :m31:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 26-10-2010 00:32:16
หูย กันต์กับกรอ่ะ ทำเอาป้าเคลิ้มเลยเด้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 26-10-2010 00:43:58
กำลังจะคลานขึ้นเตียง เหลือบเห็นกรกันต์ก็ตะกายเก้าอี้ขึ้นมานั่งใหม่ด้วยความคิดถึง :m3:
ชอบไอเดียนิตยสารทำมือมาก
มันอย่างที่กรบอกว่าเหมือนจะง่ายแต่ถ้าไม่ใส่ใจมันก็ทำไม่ได้
เพราะหนังสือแต่ละเล่มไม่ใช่แค่จับวางแล้วเย็บเล่ม
หากแต่ๆละหน้าที่ตีพิมพ์ลงไปต้องสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้จริงๆ
และต้องดำรงไว้ซึ่งคอนเซ็ปเดียวกันทั้งเล่ม...

กรโรแมนติกที่สุด
แต่ก็คุ้มเนอะ...กับสิ่งที่ทำไป
 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 26-10-2010 00:53:46
แอ๊กกกกกกก ไม่ไหวแล้ววว
จะเป็นลมค่ะพี่น้องง
นอกจากหวานกันแสบไส้แล้ว
ฉากมหัศจรรย์ยัง โอ้ววววว อุ๊บบบบบ :impress2:
ฉากเสื้อตัวเดียวนี่มันช่าง............เขินอ่ะตัวเอ้งงงง

ขอเลือดดดวายยยย เพิ่มด้วยค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 26-10-2010 00:58:09
ถ้ากรไม่รักไม่เอาใจใส่กันต์จริงๆ นิตยสารเล่มนั้นกรคงทำไม่ได้แน่ๆ...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 26-10-2010 00:58:44
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 26-10-2010 01:08:16
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: icanicanicanican ที่ 26-10-2010 01:12:48
ที่สุดของที่สุด อิอิ ชอบๆ ๆ  
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 26-10-2010 01:26:43
:-[
เขินนนนน =////////=
อยากมีคนมาเอาใจใส่+ทำอะไรแบบนี้ให้ในวันเกิดบ้างจัง ><"
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 26-10-2010 01:59:43
ขอกรี๊ดดังๆให้กับตอนนี้
อะไรๆดูลงตัว ไม่มีมาม่า แต่มีแต่ความหวานเจี๊ยบ
กรดูเป็นผู้ชายที่มีความใส่ใจต่อคนรักมากเลย
กันต์ดูปรับตัวและเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับกรได้ดีมาก
สรุปคู่นี้แบบเติมเต็มกันดีเนอะ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 26-10-2010 02:15:45
สม กับที่รอคอย  เลิศมากเรยค่ะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 26-10-2010 06:55:24
น่ารักมากมายอ่า.... :m3:

หวานที่สุดเลยอ่า...ทั้งความใส่ใจของกรต่อพี่กันต์จากนิตยสารทำมือ ไหนจะความร้อนแรงของพี่กันต์ที่ให้กร...แอร๊ย...ไม่ไหวๆๆ ทำมัยน่ารักได้ขนาดเน้ๆๆๆๆ :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 26-10-2010 08:11:08
ตกลง 3 รอบ  หุหุ เพราะมีอีกครั้ง และอีกครั้ง 5555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 26-10-2010 08:13:14
มีแฟนเป็นผู้ชายอบอุ่นมันก็ดีแบบนี้เอง :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 26-10-2010 08:38:42
ว้าว นานๆมาทีแต่ก็สะใจไปเลยนิ  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 26-10-2010 08:44:54
โอย สำลักซีนหวานของคู่นี้มากเลยค่า

อยากให้มีวันเกิดลูกลิงทุกวัน กร๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 26-10-2010 08:50:47
 :impress2:กรน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


กันต์น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-10-2010 08:54:39
ชอบประโยคสุดท้ายนี้แหละ ... อีกครั้งและอีกครั้ง
แหมะ  เรานี่ก็หื่นเอาเรื่อง
ชอบกรมาก ๆ โรแมนติกและใส่ใจกับความรู้สึกของกันต์สุด ๆ
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 26-10-2010 09:31:23
ชอบตอนนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มันแบบ เป็นฉากรักที่ไม่ทำให้รู้สึกหยะแหยงหรืออะไรทั้งสิ้น
มันให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนหวาน แล้วค่อยๆร้อนขึ้นๆตามอุณหภูมิอารมณ์ของทั้งคู่
พอเหมาะพอดีและเต็มไปด้วยรักและเสน่หา  :-[

..........และ..ของฝากเลยแอบหลายที่นิดค่ะเพราะทั้งตอนนี้ ไม่อยากให้มีตำหนิเลยแม้แต่ที่เดียว
สำหรับของขวัญที่ผมทำให้เข้าชิ้นนี้ (ทำให้เขา)
“ให้ใส่เลยไหม” กรพูดออกมา เมื่อเห็นของที่ผมให้แล้ว (กันต์พูดออกมา)
เพราะกางเกงตัวนั้นถูกผลักใส (ผลักไส)
ได้ซึมซาบกับทุกสัมผัสที่เราต่างกำลังมองให้กันและกัน (กำลังมอบให้)
จนผมต้องคว้าตัวเข้าให้เข้ามาใกล้พอ (คว้าตัวเขาให้เข้า)
แต่ตามคิดมาด้วยความ (ตามติด)
ยามที่จังหวะการเคลื่อนไว้ของร่างกายนั้น (การเคลื่อนไหว)
อุ้งมือร้อนของผมถูกส่งไปมอบสัมผัสให้ให้กับ (มีให้ซ้ำค่ะ)

ปล. ขอบคุณน้องกวางนะคะ มีความสุขแบบเต็มจนล้นทั้งตอนเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-10-2010 10:09:45
กร น่ารักแบบนี้ ลูกลิง รักตายเลย  ผู้ชายอะไรทั้งอบอุ่นทั้งน่ารัก แอร๊ยยย อยากได้แบบนี้  :-[

ขอบคุณคนแต่งนะคะ ที่ตอนนี้มาแบบยาว ไม่ตัดให้่ค้างเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 26-10-2010 18:48:45
เป็นวันเกิดที่ฉลองได้ครบถ้วนน่าอิจฉามาก หวานไม่ลดน้อยถอยลงไปเลยคู่รักคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 26-10-2010 20:20:46
งื๊อออ  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 26-10-2010 20:29:08
+1 แทนคำขอบคุณ เป็นอีกเรื่องที่หวานได้ใจ nc แบบสุภาพอ่อนโยน
อ่านแล้วเป็นธรรมชาติมาก เพิ่งเข้ามาติดตามอ่าน แต่เหมือนเข้ามาติดกับ
เลิกอ่านไม่ได้เลย คิดถึงกร+กันต์ทุกวันต้องเข้ามาตามหา ตอนแรกจำได้ว่า
ที่อ่านไปกันต์อายุมากกว่ากร แต่พออยู่ด้วยกันไปกันต์กลายเป็นเด็กแถมอ้อน
ซะกรไปไหนไม่รอดเลย กรมีความเป็นผู้ใหญ่มีความคิดสุขุมใจเย็นมากกว่า
อายุเสียอีก แถมเป็นคู่ที่โชคดีที่มีคุณพ่อ+คุณแม่ต่างเข้าใจลูกชายทั้งคู่เลย
น่าอิจฉาจริง ๆ แต่ดูเหมือนเรื่องแทบจะไม่มีอุปสรรคใด ๆ เข้ามาเลย ทำให้
กลัวว่าถ้าเกิดอุปสรรคอะไรขึ้นมานิดหน่อยแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
แต่ก็เอาใจช่วยทั้งคู่ให้อยู่กันแบบราบรื่นและยืนยาวค่ะ รักคนแต่ง+กันต์+กร
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 26-10-2010 20:31:34
หวานกันตลอดๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 26-10-2010 21:42:12
มายก๊อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คุ้มค่าการรอคอย
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-10-2010 21:45:52
มันเป็นความรักที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย
นุ่มนวล บอกไม่ถูกอ่ะ
ขอบคุณไรท์เตอร์นะ หายไปหลายวัน
แต่ก็มาชดเชยได้ถูกใจจัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 26-10-2010 21:50:56
วุ๊ย
น่าอิจฉา
เมื่อไหร่เราจะมีกับเค้าบ้างหนา  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 26-10-2010 22:20:42
น่ารักเกิน  :m25:
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 26-10-2010 22:43:02
หายไปหลายวัน แต่กลับมาทีคุ้มเลย เต็มอิ่มมากๆ
ทำให้อิจฉาได้ตลอดสิน่า  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 27-10-2010 15:55:56
ไม่รู้จะบอกว่าอะไร นอกจาก
น่าอิจฉา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jjuboy ที่ 27-10-2010 17:46:50
 :-[ :-[ :-[
หวาน..........มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 27-10-2010 17:55:59
 :z1: :z1: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมหวาน ที่ 27-10-2010 20:27:04
ชอบมากคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
น่ารักตลอด ๆ เลยกร
ลิงน้อยก็น่ารักค้าบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 28-10-2010 12:44:48
เป็นปลื้มกับคู่นี้จังเลย เป็นคู่ที่ดูลงตัวมากๆ
หวานกว่านี้มีอีกมั้ย

พี่กันต์ หุหุ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 28-10-2010 18:16:35
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 31-10-2010 14:23:31
 +1ให้ค่ะ
ตามอ่านจนทัน
หวานมากมายสำหรับคู่นี้
ชอบค่ะ มาต่อตอนต่อไปเร็วๆ นะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 01-11-2010 18:55:55
ของขวัญเก๋ดีจังเลย ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Aon ที่ 02-11-2010 14:10:44
หนาวแล้วอย่าลืมห่มผ้านะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> วันเกิด(ลูกลิง) ...ที่รัก p. 38 (up 26-10-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 04-11-2010 00:50:16
ตอนที่ 44  รัก คือ ... [1/2]


>>ก๊อกๆ<<


“เชิญครับ” ผมตอบรับเสียงเคาะประตูห้องทำงานตอนใกล้เที่ยง

“อ้าวป่าน เป็นไงวันนี้” ผมถามป่านที่เดินมาเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานผม

“ดี ครับพี่กันต์ รูปออกมาสวย” ป่านตอบ วันนี้ป่านกับกรออกไปกับทีมงานเพื่อไปถ่ายรูปนอกสถานที่กันตั้งแต่เช้า นัดกันเจ็ดโมงที่ออฟฟิศ กรเขาก็ตื่นและออกมาให้ทันเวลานัดกับทีมงาน ส่วนผมวันนี้เข้าสาย กว่าจะตื่นขึ้นมาก็เก้าโมงกว่า เรื่องของเรื่องคือมันเพลีย เลยพาลไม่อยากตื่น เหตุผลมีแค่นั้นเลยครับ แล้วก็อย่าถามนะครับว่าไปทำอะไรมา  

“เป็นอะไรเรา แล้วไม่ออกไปกินข้าวหรือไง” ผมถามคนที่ตอนนี้นอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานผม ส่วนกรคงออกไปกินข้าวแล้ว

“ยังไม่ค่อยหิวเลย เดี๋ยวเที่ยงนี้ป่านว่าจะหลบไปนอนสักงีบ พี่กันต์คืนนี้ป่านขอไปค้างที่คอนโดฯ พี่กันต์ได้ไหม” ป่านลุกขึ้นมานั่ง แล้วพูดกับผม

“อืม ไปสิ แล้วกินข้าวกับพี่ที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่สั่งให้ กินเสร็จนอนอยู่ห้องนี้ก่อนก็ได้ บ่ายโมงค่อยออกไป แล้วจะกินอะไร” ผมบอกและถามป่านมัน ผมว่ามันคงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ

“หมูทอดกระเทียม ไข่ดาว” ป่านตอบผม ส่วนผมก็ยกหูโทรศัพท์ไปสั่งแม่บ้าน

”เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามป่านหลังจากสั่งข้าวให้มันเสร็จแล้ว ผมว่าพักหลังมันดูซึมๆ ไป ผมเองก็ห่วงมันนะ

ตอนเด็กๆ ผมอยากมีน้องมาก แต่แม่ก็มีผมแค่คนเดียว พอน้านาถแม่ของป่านมีป่านออกมา แล้วผมได้ไปเห็นน้องตัวเล็กๆ แก้มแดงๆ  เลยไปอ้อนกับน้านาถ ขอป่านมาเป็นน้องชายผม ตามประสาของคนที่อยากมีน้อง น้านาถเขาก็ยกให้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กแหละครับ จำได้เลยว่าตอนนั้นผมเห่อมันมากเลยครับ เที่ยวบอกใครต่อใครไปทั่วว่ามีน้องแล้ว พอช่วงปิดเทอมผมกับป่านจะติดสอยห้อยตามกันไปตลอด จะว่าไปผมก็เหมือนมีสี่คนพี่น้อง พี่กาวน์ พี่ปอ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของป่าน แล้วก็เป็นเพื่อนรักของพี่กาวน์ ตัวผม แล้วก็ป่าน แล้วป่านเวลามันมีเรื่องอะไร ทำไมผมจะดูไม่ออก แต่ก็ไม่อยากไปเซ้าซี้กับมันมาก อาจเป็นเพราะโตๆ กันแล้วด้วย ถ้ามันอยากเล่าให้ผมฟัง มันคงเล่าเอง

“ไปกินข้าวก่อนดีกว่าพี่กันต์” ป่านพูด เมื่อแม่บ้านถือถาดที่มีมื้อกลางวันของผมกับป่านเข้ามาในห้อง ส่วนผมก็ปิดแฟ้มเอกสาร ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วชวนป่านเดินไปนั่งบนโซฟาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง จากนั้นก็ลงมือกินข้าวกัน กินเสร็จก็ปล่อยให้ป่านมันนอนไป ส่วนผมกลับไปนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อยู่หลังโต๊ะทำงาน แล้วหยิบโทรศัพท์มากดพิมพ์ข้อความ ส่งไปหากรว่าคืนนี้ป่านจะไปค้างที่คอนโดฯ ด้วย


แต่จะว่าไป ผมเองก็ยังไม่เคยบอกให้ป่านรู้ว่า ผมกับกรคบกันแบบไหน ผมควรจะบอกมันก่อน หรือให้มันไปรู้เองตอนไปถึงคอนโดฯ ผมเลยทีเดียว

แบบไหนมันน่าจะดีกว่ากัน


ก็ เอาตามที่มันเห็นแล้วกัน ถ้ามันสงสัยเดี๋ยวมันคงถามผมเอง ถึงเวลานั้นผมค่อยตอบ แล้วกับป่าน ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนแบบพี่กาวน์ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะผมว่า ถึงจะไม่ได้กังวลกับมันเท่ากับตอนที่พ่อแม่ผมรู้เรื่อง หรือตอนที่พี่กาวน์รู้เรื่อง แต่ผมก็เป็นห่วงความรู้สึกมันอยู่เหมือนกัน




......................................................


ผมกับป่านกลับมาถึงคอนโดฯ ก่อนครับ ผมให้ป่านจอดรถทิ้งไว้ที่ออฟฟิศ ส่วนกรแวะไปซื้อกับข้าว อีกสักพักน่าจะมาถึง

“พี่กันต์จะสร้างบ้านใหม่หรอ” ป่านถามขึ้นมาตอนเดินไปที่โต๊ะเขียนแบบของผม ที่มีแบบร่างเก่าๆ วางอยู่ ส่วนแบบที่สำเร็จถูกส่งให้ไอ้ยุไปแล้ว

“อื้ม ป่านนอนห้องเดิมได้เลยนะ เดี๋ยวพี่มา” ผมตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อล้างหน้าล้างตา ตอนที่ป่านบอกว่าจะมาฝึกงานที่บริษัทฯ ผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะชวนมาอยู่ด้วยกันเพราะบ้านป่านมันอยู่ไกล ก็ใกล้กับบ้านพ่อแม่ผมนั่นแหละ แต่มันมาบอกผมก่อนว่าจะไปอยู่กับพี่กาวน์ เพราะพี่กาวน์ก็เพิ่งซื้อคอนโดฯ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ แล้วช่วงที่ซื้อใหม่ๆ พี่กาวน์กลับไปอังกฤษ มันเลยไปอยู่ดูคนขนของเข้าคอนโดฯ แทน

ผมขอเล่าย้อนไปอีกนิดนึงว่าบ้านผมกับบ้านป่านสนิทกันมายังไง คือ แม่ของป่านเขาเป็นเพื่อนสนิทกับอาพิมหรือแม่ของพี่กาวน์ แล้วก็มาแต่งงานกับพ่อของป่านซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อผม หรือว่ากันง่ายๆ เพื่อนสนิทของพ่อกับอาผมเขามาแต่งงานกันครับ เรื่องพ่อสื่อ แม่สื่อก็ไม่ต้องสงสัยครับ พ่อกับอาผมนั่นแหละ  เพราะแบบนี้เราสามครอบครัวเลยสนิทกัน
.
.
.

“อ้าว กร มาได้ไง” ผมได้ยินเสียงป่าน ตอนที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น กรคงกลับมาแล้ว พอผมเดินไปถึงก็เห็นป่านมองกรที่เดินถือถุงใส่ของที่ไปซื้อมาแบบงงๆ แล้วกรก็ไม่ได้ตอบอะไรครับ แต่หันมามองผม เหมือนจะบอกป่านว่า ให้มาเอาคำตอบจากผม ป่านมันเลยหันมามองผมตามกร จากนั้นกรก็เดินเอาของเข้าไปเก็บในครัว ส่วนผมก็ยังไม่ตอบครับ แต่เดินตามกรเข้าไปในครัว

“อยากกินอะไร” ผมถามป่าน ที่ยังนั่งมองผมกับกรอยู่ ปล่อยไปก่อนครับ ให้มันงงๆ ไปก่อน เดี๋ยวค่อยบอก กับกรผมก็บอกไว้แล้วครับว่าไม่ต้องบอกอะไรป่านมัน แล้วอีกอย่างให้มันสนใจอยู่กับเรื่องของผมก็ดีครับ มันจะได้ไม่ต้องเอาเวลาไปคิดเรื่องของมัน ผมสังเกตมันอยู่นะครับ พอผมไม่ชวนมันคุย ปล่อยให้มันอยู่เงียบๆ สักพัก มันก็จะทำหน้าหงอยๆ

“พี่กันต์มีกุ้งป่ะ อยากกินไข่เจียวกุ้งสับ” ป่านบอก เมื่อเดินตามผมกับกร เข้ามาในครัว

“เออ พี่กันต์ป่านไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” ป่านพูด ตอนที่มายืนเกาะเคานท์เตอร์มองผมกับกร ที่เริ่มลงมือทำกับข้าว ผมก็พยักหน้าให้ ก่อนที่มันจะเดินไปเอาเป้ที่วางอยู่บนโซฟาแล้วเดินเข้าห้องนอนอีกห้องไป
 
“ยังไม่ได้บอกป่านหรอ” กรถาม พร้อมถือกล่องใส่กุ้งที่เอาออกมาจากช่องแช่แข็งในตู้เย็น ออกมาวางในอ่างล้างจาน แล้วเปิดฝากล่องออก

“ยัง อยากรู้เดี๋ยวมันก็ถามเอง” ผมตอบ ผมรู้ครับว่าป่านมันนิสัยยังไง มันอดทนเก็บความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัยของมันไว้ได้ไม่นานหรอก

“ไม่กลัวมันตกใจหรือไง” กรถามผม ก่อนจะหันไปหยิบผักกาดขาวที่ผมแช่น้ำไว้ขึ้นมาหั่นเตรียมไว้ใส่แกงจืดเต้าหู้

“อาจจะพอรู้บ้างแหละมั้ง ไม่ก็สงสัยอยู่ แล้วป่านไม่เคยถามหรอว่าเรารู้จักกันได้ยังไง” ผมถาม พร้อมกับหยิบเต้าหู้ที่อยู่ในตู้เย็นออกมาส่งให้กรให้กรรับไปหั่น

“เคยถามตอนที่เจอกันครั้งแรก แต่ตอนนั้นกรบอกว่ามาช่วยงานกันต์เลยรู้จักกัน” กรตอบ พร้อมหยิบหม้อใบเล็กที่เก็บอยู่ในชั้นใส่ของออกมา เปิดน้ำใส่ แล้วเอาไปตั้งไฟ

“อื้ม” ผมตอบรับ แล้วเอากุ้งที่น้ำแข็งเริ่มละลายมาแกะเปลือก

“แล้วคิดจะทำอะไรเนี่ย จะบอกมันก็ไม่บอก” กรถามผม ก่อนจะหยิบเอากุ้งที่ผมแกะแล้วไปสับ

“แกล้งมัน” ผมตอบกร ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเรื่องของผมกับกรจะทำให้น้องชายผมมีท่าทีแบบไหน แต่หน้าตามันตอนที่เห็นกรเดินเข้ามาในห้อง กับตอนที่มันหันมามองหน้าผมแบบจะขอคำตอบ มันก็ดูตลกๆ ดีครับ

“พี่กันต์โตแล้วเหอะ เล่นเป็นเด็ก ไม่กลัวมันรับไม่ได้ขึ้นมาหรอ” กรพูดกับผมแบบขำๆ ในประโยคแรก แล้วกลับมาเรียกผมว่าพี่เหมือนจะย้ำว่าผมนะโตแล้ว แต่ประโยคหลังที่ถามว่ากลัวป่านมันรับไม่ได้บ้างหรือเปล่า อันนี้ก็…

“ไม่นะ ไม่รู้สิบอกไม่ถูก” ผมตอบตามความรู้สึก

“มาเดี๋ยวเจียวไข่เอง” ผมบอกกร แล้วหยิบเอากระทะออกมาตั้งบนเตา ส่วนกรก็เจียวไข่ ใส่กุ้งสับ แล้วก็ปรุงรสเตรียมไว้ให้ ส่วนผมแค่ลงมือทอด ส่วนกับข้าวอย่างที่สามก็ดอกกุยช่ายผัดกับตับ ช่วงที่กรผัดผักอยู่ผมก็เห็นป่านเดินออกมาจากห้องพอดี ออกมาแล้วก็เดินมานั่งที่หน้าเคาทน์เตอร์มองผมกับกรทำกับข้าวเงียบๆ

พอเห็นกรผัดผักใกล้จะเสร็จแล้ว ผมก็หยิบจานข้าวออกมา แล้วตักข้าวใส่จานมาวางตรงเคานท์เตอร์ ป่านมันก็หยิบเอาจานข้าวที่ผมวางไว้ เดินเอาไปวางที่โต๊ะกินข้าว แล้วผมก็ยกกับข้าวตามออกไป
.
.
.

“กร มึงคบพี่กูอยู่หรือเปล่าวะ” อ้าวไอ้นี่ พี่มันนั่งหัวโด่อยู่แทนที่จะถาม หันไปถามเพื่อนเสียอย่างนั้น พอจะถามขึ้นมาก็เข้าประเด็นไม่มีอ้อม และตอนนี้พวกผมสามคนมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแล้ว

“แล้วคิดว่ายังไง” ผมถามกลับ แล้วเริ่มตักกับข้าวใส่จาน เริ่มจากผัดผักที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างแรก ตอนนี้ป่านมันยังดูนิ่งๆ ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันคิดอะไรอยู่

“มึงเลิกมองพี่กูบ้างก็ได้ พี่กูสึกหมด” ป่านพูดกับกร ที่นั่งอยู่เยื้องกัน

“ไม่ให้กูมองพี่มึงแล้วจะให้กูมองใคร มองมึงหรือไง” กรพูดแล้วยักคิ้วให้ป่านกวนๆ คู่นี้เขาสนิทกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันที่หัวหินแล้วครับ ส่วนเรื่องป่านจะรับได้ รับไม่ได้คงไม่ต้องสนใจแล้วมั้งครับ มันเล่นพูดมาซะขนาดนี้ สงสัยผมจะมองมันผิดไปหน่อย

“มีอะไรไม่เคยบอกน้องบอกนุ่ง ถ้าป่านไม่มาจะรู้ไหมว่าพี่กันต์คบกับมันอยู่ เจอข้างนอกก็ธรรมดาหรอก แต่อยู่บ้านโคตรหวาน ไม่น่ามาเลย เห็นแล้วอิจฉาว่ะ” คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมพูด ก่อนจะตักไข่เจียวเข้าปาก

“มึงรับได้” กรถาม

“ไม่ได้มั้ง แล้วทำอย่างกับว่าถ้ากูรับไม่ได้พี่กันต์กับมึงจะเลิกกัน กูว่าตัดพี่ตัดน้องกับกูง่ายกว่า” ป่านพูดแล้วทำท่าน้อยใจ แม่งน้องกู ปัญญาอ่อนได้โล่ ผมรู้ครับว่ามันแกล้งทำไปอย่างนั้น

“ไม่รับโทรศัพท์” ผมถามเพราะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์มือถือมันดังอยู่หลายรอบ

“ช่างเหอะพี่กันต์ กินข้าวก่อน เดี๋ยวโทรกลับที่หลังได้” ป่านมันตอบแบบไม่ใส่ใจ แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ

.
.
.

“พี่กันต์ไปคบกับกรได้ไง” ป่านที่ยืนช่วยผมล้างจาน ถามขึ้นมา ส่วนกรเข้าไปอาบน้ำ

“ก็ไม่ยังไง อยู่ด้วยแล้วสบายใจก็แค่นั้น” ผมตอบ อย่างคนที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง จะรักแรกเจอมันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เหมือนเจอแล้วถูกชะตา พออยู่ใกล้แล้วสบายใจ เหมือนความรู้สึกดีๆ มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกัน อยากใช่ชีวิตด้วยกัน ก็คงประมาณนั้นมั้งครับ

“รักมากไหม” นี่มันจะสัมภาษณ์ผมเพื่อเอาไปออกพ้อคเก็ตบุ๊คให้หรือไง

“ไม่รักจะอยู่ด้วยกันได้หรือไง ถามแปลกๆ” ผมตอบมัน

“ตอบไม่ตรงคำถาม” มันกวนผม

“บอกว่ารัก ก็คือ รัก” ผมตอบ

“เฮ้อ!!” ป่านมันถอนหายใจ

“เป็นไรวะ” ผมถามมัน

“ไม่มีไรพี่กันต์ ป่านแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”

“แล้วไอ้ที่บอกว่าโคตรหวานนี่มันยังไง ดูออกขนาดนั้นเลย” ผมถาม นี่ผมกับกรแสดงออกกันชัดขนาดนั้นเลย ชักสงสัยแล้วครับ เรื่องบางเรื่องเราทำอะไรไปมักจะรู้สึก หรือคิดไม่ตรงกับคนที่มองมาหรอกครับ ว่าแล้วก็ลองถามมันดู

“ก็ไม่หรอก แต่พี่ดูมีความสุข พี่กันต์รู้หรือเปล่าว่าพี่เปลี่ยนไปมากขนาดไหน” ป่านมันตอบผมกลับมา แต่แทนที่ผมจะได้คำตอบที่ทำให้ความสงสัยของผมมันกระจ่าง มันกลับทำให้ผมไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกครับ



----------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-11-2010 00:57:39
หงะ มาเป็นครึ่ง

ซ้าาาาาาาาาาาาาตุ๊ หวังว่าได้มาเห็นพี่กันต์กับกรแบบนี้จะช่วยให้น้องป่านหาทางออกของความสัมพันธ์กับไอ้พี่กาวน์ได้นะคะ
 :กอด1:น้องป่านแนบแน่น โอ๋ๆๆๆ
แล้วส่งยิ้มน้อยๆให้กับความรักของกันต์กับกรค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-11-2010 01:05:38
แง่ว  แง่ว แง่ว มาครึ่งเดียวเสียได้ อิอิ ว่าแต่น้องป่านกับพี่การ์วคู่กันปะคะ อีกเรื่องมะได้อ่านอ่ะ ทำใจไมได้ กลัวมาม่า ชื่อเรื่องเศร้าเวอร์ รอให้จบก่อนค่อยอ่านจากตอนจบไปต้นเรื่อง อิอิ เป้นพวกประหลาด

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:คนเขียน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 04-11-2010 01:29:27
ง่ะ จะเอาครึ่งหลังงงง ดิ้นๆๆๆ 55555

ไรเตอร์สู้ๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-11-2010 02:11:38
ถ้าน้องป่านหนักใจเรื่องความรัก น้องมาถูกที่แล้ว หุหุ
มาเพียงครึ่งให้ค้างคา แง่มๆๆๆ
รออีกครึ่งนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ปล.ขอสารภาพว่ายังไม่ได้อ่านเรื่องป่านกับพี่กาวน์เลยค่ะ แบบ.. เค้ากลัวเศร้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 04-11-2010 10:29:39
มันมีออร่าสีชมพู วิ้งๆๆ อยู่รอบตัว อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-11-2010 10:37:31
 o9  แง๊ จะเอาครึ่งหลัง 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 04-11-2010 10:45:53
บรรยากาศหวานแหวว อบอุ่นดี ชอบๆ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 04-11-2010 11:45:36
คนอยู่กับแฟนเค้าก็ต้องมีความสุขซิน้องป่าน อิจฉาอ่ะเด้ :m12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 04-11-2010 11:58:24
ค้างงงง อะ

มาต่อไว ๆๆ น้าาา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 04-11-2010 12:04:08
ค้าง ขั้น รุน แรง  TT_TT
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 04-11-2010 12:05:05
รัก ก็คือ รัก สุดยอดดด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 04-11-2010 12:16:15
ก็พอจะเข้าใจที่ป่านพูด เพราะดูแล้วเป็นธรรมชาติไหลลื่น  กลมกลืนแฝงออร่าร๊าก...รัก

ดั่งดวงตะวันคู่จันทรา  ดั่งทิวาคู่ราตรี  ดั่งรักนี้ของสองเรา........ฮิ้วววว!!! :a1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-11-2010 12:30:05
รอครึ่งหลังอยู่น้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 04-11-2010 12:36:04
มาต่อเร็วๆ ค่ะ
อยากฟังความเห็นของป่าน
ต่อความหวานของกันต์-กร
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-11-2010 16:58:41
รอบๆ ตัวพี่กันต์ คงมีแต่ออร่าสีชมพูเปล่งประกายแน่ๆๆ เลย  :laugh:
อย่างว่าละนะ มีคนรักน่ารักแบบกร เป็นใครก็ต้องมีความสุข
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 04-11-2010 17:39:49
รอตอนต่อ หลังจากนี้จะมีอะไรให้ใจสั่นอีกมั๊ยน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 04-11-2010 21:29:05
มาครึ่งเดียวก็ขอบคุณค่ะ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-11-2010 21:41:16
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา
อ่านแล้วจะรู้สึกอบอุ่น
อ่านแล้วจะรู้สึกอยากมีความรัก
อ่านแล้วอยากเป็นคนที่ถูกรัก
อ่านแล้วอยากจะรักใครซักคน
อ่านแล้วค้างอ่ะ
มาต่อได้แล้วจ้ะ :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-11-2010 21:50:11
รอครึ่งหลังเหมือนคุณนายแก้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 04-11-2010 23:09:16
เรื่อยๆ แต่อบอวลด้วยความรัก  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 04-11-2010 23:16:34
คู่นี้ในมุมมองของคนอื่นจะเป็นยังไงบ้างน้า


หนาวแล้ว รักษาสุขภาพด้วยนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 04-11-2010 23:17:35
ป่านแอบซึม เพราะไอ้คุณพี่กาวน์ที่เคารพแน่เลย :angry2:
คนอ่านโบ้ยให้พี่กาวน์อีกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ

ส่วนคู่นี้เค้าหวานทะลักทลายอยู่แล้ว น่ารัก  :-[

 :กอด1: พร้อมรอครึ่งหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 04-11-2010 23:21:31
อืม รักคือ...รัก
ไม่ต้องรู้หรอกว่ามากแค่ไหน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 05-11-2010 02:27:47
สงสารป่าน
พอเหน กันต์ กับ กร
เเล้วคงนึกถึงคู่ของตัวเองบ้างเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 05-11-2010 09:04:06
 :impress2:คู่นี้หวานตลอดดดดดดดดดดดดดดด


อยากรู้เรื่องของป่านอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


มาเร็วๆน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 05-11-2010 14:44:28
ป่านหนีพี่กาวน์มารึเปล่าเนี่ย??

กันต์กับกรหวานตลอดแบบนี้ใครก็อิจฉาอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 05-11-2010 20:00:57
ก็คนเค้ารักกัน เค้าก็ต้องหวานแบบนี้แหละน้องป่าน ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 06-11-2010 15:45:34
กันต์+กร หวานสุด ๆ ไปหนึ่งคู่แล้ว รอคู่หวาน ป่าน+กาวน์ ตามมาอีกคู่ได้ปะ
อ่านเรื่องนี้แล้วจะละลาย ทำไมความรักของกันต์+กร ดูเรื่อย ๆ ไม่หวือหวา
แต่หวานได้สุดใจเลยอ่ะ น่าอิจฉาจริง ๆ ชอบมาก  :pig4: คนแต่งที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 06-11-2010 21:53:36
คู่กันต์ กร เขารักลงตัวกันไปแล้ว เหลือแค่การประคองรักนี้ให้เนิ่นนาน
ส่วนกาวน์ ป่าน ขอให้มาอยู่ที่จุดเดียวกับกันต์ กร ไวไวนะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naneku ที่ 06-11-2010 22:03:14
เรื่องนี้สนุกจัง ชอบอะ><

완전좋아는데 ^^
진짜좋아

부럽다 !
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 07-11-2010 13:27:39
อยู่เงียบๆ มองตากันเฉยๆ ก็หวานได้อีก  คู่นี้  :o8: รักกันดีๆ อย่ามีเรื่องเลยเน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 07-11-2010 16:22:19
เม้นทิ้งไว้ก่อนคับ ละเดี๋ยวจะมาอ่าน
เรื่องนี้หนุกดีคับ หวาน+น่ารักมากๆ
ชอบบบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 07-11-2010 18:56:47
ป่านกำลังมีปัญหาหัวใจแน่ๆ
เอาใจช่วยป่านกันดีกว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 08-11-2010 19:55:53
เอาใจช่วยป่านด้วยอีกคน
รอครึ่งหลังของเรื่องนี้

และรอตอนใหม่ของเรื่องป่านเองด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-11-2010 20:28:16
มาต่อเร็วๆเน้อ
อยากอ่านใจจะขาด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 13-11-2010 23:02:06
ตะเองงง
คิดถึงกร+คุณกันต์ มากๆ เลย

แวะมาต่อบ้างเน้อ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [1/2] p. 40 (up 3-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 14-11-2010 15:59:48
 ตอนที่ 44 รัก คือ ... [2/2]

“แล้วไอ้ที่บอกว่าโคตรหวานนี่มันยังไง ดูออกขนาดนั้นเลย” ผมถาม นี่ผมกับกรแสดงออกกันชัดขนาดนั้นเลย ชักสงสัยแล้วครับ เรื่องบางเรื่อง เราทำอะไรไปมักจะรู้สึกหรือคิดไม่ตรงกับคนที่มองมาหรอกครับ ว่าแล้วก็ลองถามมันดู

“ก็ไม่หรอก แต่พี่ดูมีความสุข พี่กันต์รู้หรือเปล่าว่าพี่เปลี่ยนไปมากขนาดไหน” ป่านมันตอบผมกลับมา แต่แทนที่ผมจะได้คำตอบที่ทำให้ความสงสัยของผมมันกระจ่าง มันกลับทำให้ผมไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม

“เมื่อก่อนพี่กันต์เอาแต่ทำงาน พอเลิกงานก็เที่ยว ป่านเห็นมีอยู่สองอย่างแค่นั้น” ป่านพูด แล้วรับจานที่ผมส่งให้ไปเก็บในที่คว่ำจาน ที่ป่านพูดมันก็จริง เมื่อก่อนชีวิตผมมันก็มีแค่สองอย่าง กลางวันทำงาน ตกกลางคืนก็อยู่กับเพื่อน ออกเที่ยวกันเกือบทุกคืน หรือไม่ก็อยู่กับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย

“อยู่ตัวคนเดียว จะให้ทำอะไรวะ” ผมตอบ อยู่ตัวคนเดียว เลิกงานกลับมามันก็ไม่มีใคร ไม่มีใครจะให้ดูแล หรือใช้เวลาด้วย หมายถึงคนอื่นนอกเหนือจากพ่อแม่นะครับ ในส่วนนั้นผมว่าผมทำหน้าที่ของลูกได้ดีในระดับที่ผมพอใจแล้ว แต่ใครที่จะให้ผมดูแล หรือใครที่ผมต้องการจะใช้เวลาด้วยนอกเหนือจากนั้นแล้ว “ไม่มีครับ”

“เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วว่างั้น กรมันจะมาขอเมื่อไหร่อ่ะ จะได้เรียกสินสอดแพงๆ สักสิบล้านน้อยไปไหม หรือเอามากกว่านั้นดี” ป่านมันพูดกับผม ตอนนี้มันกำลังก้มๆ เงยๆ มองหาของกินในตู้เย็น แล้วก็ได้องุ่นที่ผมล้างใส่จานก่อนแช่ไว้ในตู้เย็นออกมา พอมันพูดจบก็เด็ดเอาองุ่นจากจานที่ถืออยู่ในมือเข้าปาก

“ไม่คิดว่าพี่ต้องเป็นฝ่ายไปขอบ้างหรือไง” ถามมันไปก็แอบระแวงตัวเองไป นี่กูไปทำตัวนุ่มนิ่มหรือไงวะ ตอนนี้รู้สึกได้ว่าคิ้วตัวเองผูกกันเป็นปมแล้วครับ

“ไม่อ่ะ” มันพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะเด็ดองุ่นเข้าปากไปอีกลูก แล้วเดินนำผมออกจากครัว ไปนั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
แล้วผมเป็นยังไงบ้างหรอครับตอนนี้ บอกตามตรงว่า เสียความมั่นใจไปเยอะครับ

”เป็นไรพี่ทำหน้าเครียด” ป่านถามเมื่อผมเดินตามมานั่งลงที่โซฟาอีกตัว

“เฮ้ย!! ป่านไม่ได้ว่าพี่ดูเป็นสาวนะ แต่ดูตากรมันมองพี่ดิ โคตรหวง โคตรรักอ่ะ สายตาพี่ก็ด้วย” ป่านมันนิ่งคิดไปไม่นาน ก่อนจะรีบแก้ในสิ่งที่คิดว่าผมกำลังเข้าใจผิด

ส่วนเรื่องของสายตาเจ้าปัญหานี่ เดี๋ยวผมค่อยไปดูครับว่ามันเป็นยังไง แล้วป่านก็ไม่ใช่คนแรกครับที่พูดแบบนี้ อย่างแม่ผมก็รู้เรื่องผมกับกรเพราะสายตาเจ้าปัญหานี่เหมือนกัน ผมเองก็ไม่เคยไปสังเกตดูจริงจังสักที สงสัยวันนี้ต้องไปดูเสียที

“แต่จะว่าไป พี่กันต์น่ารักขึ้นนะ ฮาๆๆ” มันพูด แล้วหัวเราะ ผมเลยหยิบหมอนอิงที่อยู่บนโซฟาปาใส่หน้ามัน มันเลยหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม พูดออกมาได้ว่า “น่ารัก” น่าดีใจเหลือเกินล่ะ

    
“แล้วทำไมวันนี้ถึงอยากมาค้างที่นี่ มีอะไรอยากคุยกับพี่หรือเปล่า” ผมถามมัน คราวนี้มันเลยเป็นฝ่ายเงียบบ้าง แล้วจังหวะนั้นผมเห็นกรเปิดประตูห้องนอนออกมา แต่พอเห็นผมกับป่านคุยกันอยู่ เขาเลยพูดแบบไม่มีเสียงให้ผมอ่านปากเอา แล้วทำมือบอกประมาณว่า “เขาอยู่ในห้องนะ ไม่ออกมาข้างนอกแล้ว” ผมก็พยักหน้าตอบเขาไป  

“เมื่อก่อนมาออกบ่อยไม่เห็นถาม เดี๋ยวนี้มาต้องถามด้วย” มันพูดเลี่ยงเฉไฉไปทางอื่นไม่ยอมตอบคำถามผม

“บอกพี่กาวน์หรือเปล่าว่ามาค้างกับพี่” ผมถาม

“ปะ บอก บอกแล้ว” มันตอบ ตกลงมันบอกหรือไม่บอกวะ ที่ถามเพราะผมรู้ครับว่าพี่กาวน์ก็ห่วงมันไม่น้อยกว่าที่ผมห่วง

“ทำไมไม่รับ แล้วคุยกันให้รู้เรื่อง” ผมหมายถึงโทรศัพท์มันที่สั่นอยู่บนโต๊ะด้านหน้า มันสั่นอยู่ไม่รู้กี่สิบรอบแล้วตั้งแต่มันเอาออกมาวางไว้ ยังไม่รวมที่ดังก่อนหน้าที่มันจะปิดเสียงอีก แต่มันก็ไม่ยอมรับ จนมันสั่นสั้นๆ ขึ้นมาอีกที คงเป็นข้อความ จนครั้งนี้มันถึงได้หยิบโทรศัพท์มาดู



พอมันอ่านข้อความแล้ว มันก็ลุกออกไปที่ระเบียง ผมเห็นมันคุยโทรศัพท์อยู่ไม่นานก็กลับมา แล้วใครโทรมาวะ ถึงทำน้องกูหน้าซีด ตาแดงเดินกลับมา  

 “เป็นอะไร” ผมถามมันตอนกลับมานั่งข้างผมเหมือนเดิมแล้ว

“เปล่าพี่กันต์ เออ บ้านนั่น บ้านพี่กันต์กับกรหรอ” มันมองเลยไปที่โต๊ะเขียนแบบ ก่อนจะถามขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“อื้ม แบบเสร็จแล้ว กำลังสร้าง” ผมบอกมัน

“จะเสร็จเมื่อไหร่”

“ไม่เกินหกเดือน กลางปีหน้าคงเข้าอยู่ได้”



“มันรักกันได้จริงหรอพี่กันต์” ป่านมันถามขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกมาจากโต๊ะเขียนแบบของผม ที่วางอยู่อีกด้านของห้อง น้ำเสียงมันเหมือนถามขึ้นมาลอยๆ แต่ผมจับความรู้สึกบางอย่างที่เจืออยู่ในน้ำเสียงนั้นได้ ผมรู้ว่ามันจริงจัง กับคำถามที่มันถามออกมา

“แล้วทำไมจะรักกันไม่ได้” ผมถามมันกลับ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายมันยังไงนะครับ เลยย้อนถามให้มันคิดตามผมแทน

“รักกันได้ หรือรักกันไม่ได้ สำหรับพี่มันไม่มีนะป่าน” ผมพูด แล้วหยุดเว้นวรรค ป่านมันเลยหันหน้ากลับมามองผม


“มันมีแค่รัก หรือไม่รัก” ผมพูด แล้วจะให้คนอย่างผมมาคุยเรื่องความรัก มันจะรอดไหมครับเนี่ย แล้วตอนที่ผมกับจะกรคบกัน ผมก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ว่าจะรักกันได้ หรือไม่ได้ ถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ครับ

อยากรัก... ก็รัก


ตอนนั้นคิดแค่ว่า ผมควรจะให้โอกาสตัวเอง ควรจะเชื่อความรู้สึกของตัวเอง มันอาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด แล้วอะไรๆ มันก็เกิดขึ้นและเป็นไปของมันเอง จนมาถึงวันนี้แหละครับ นึกย้อนไปแล้วยังงงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ใครเนียนกว่ากัน ระหว่างผมกับกร พอรู้ตัวอีกทีก็มีเขาเข้ามาในชีวิตแล้ว

มีคนอยู่ข้างๆ ยามหลับ เมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังมีเขาอยู่ข้างๆ
มีเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

อาจจะดูแล้วน้ำเน่าไป แต่สำหรับผม มันคือ ความสุขครับ


เอ่อ กลับไปเรื่องไอ้น้องชายผมต่อดีกว่า
“แต่...” มันทำท่าเหมือนจะค้านในสิ่งที่ผมพูด แต่เหมือนจะพูดไม่ออก เลยค้างไว้แค่นั้น

เอ่อ... เดี๋ยวนะแล้วมันจะมาสนใจอะไรกับเรื่องแบบนี้ ไอ้ป่าน... อย่าบอกนะว่า... คงไม่ใช่หรอก มันคงถามเพราะอยากรู้มากกว่า คงไม่ได้ถามเพราะเป็นเรื่องที่มันกำลังกลุ้มใจอยู่

“แล้วพ่อแม่พี่รู้เรื่องยัง”  

“รู้แล้ว” ผมตอบ

“แล้วพี่กาวน์” มันถามถึงพี่ชายผม

“ก็รู้” ผมตอบ รู้ เรียกได้ว่ารู้ดีเลยล่ะ

“ป่านรู้คนสุดท้าย” มันพูดแล้วทำหน้าประมาณว่าน้อยใจผมเสียเต็มประดา

“แล้วจะให้ทำไง ให้พี่โทรไปหาแล้วบอก ป่านจำกรได้ไหม ที่เคยเจอกันที่หัวหิน เขาเป็นแฟนพี่” ผมพูด ก็นะเรื่องแบบนี้ อย่างกับจะพูดกันได้ง่ายๆ

“อะฮะ” มันรับคำ แล้วพยักหน้าตอบประมาณว่า “ใช่เลยพี่ แบบนั้นแหละ”

“เออ เดี๋ยวรอเป็นป่านบ้างแล้วกัน อย่าให้มีอะไรแล้วพี่ไม่รู้” ผมพูดแซวมัน

“รอให้มีวันนั้นก่อนเหอะพี่” มันพูด

“จะห้าทุ่มแล้ว ไปนอนเหอะ” ผมบอก เพราะต้องตื่นเช้าไปทำงานกัน แล้วที่สำคัญผมยังมีเรื่องที่คาใจอยู่ และต้องการไปดูให้เห็นกับตา

“อื้อ ฝันดีพี่กันต์”

“อื้ม” ผมตอบรับมัน ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอนของตัวเอง
.
.
.

พอกลับเข้ามาในห้องนอนแล้ว เห็นกรนอนอ่านการ์ตูนอยู่ ข้างตัวยังมีอีกสองสามเล่มที่ยังไม่ได้แกะถุงพลาสติกออก ไฟดวงหลักในห้องถูกปิดไปแล้ว เหลือแต่โคมไฟตรงหัวเตียง แต่ก็สว่างพอที่จะอ่านหนังสือได้ เพราะผมเองก็ชอบทำแบบเดียวกัน

“เรื่องอะไร” ผมถาม ผมเองก็กลับมาอ่านการ์ตูนอีกครั้ง เพราะกรนี่แหละ หลังจากเรียนจบผมก็เลิกอ่านการ์ตูนไป เรื่องของเรื่องขี้เกียจไปตามซื้อ พอมีคนซื้อเลยได้กลับมาอ่านอีก

“หัตถ์เทวดา เทรุ” กรวางหนังสือในมือลง แล้วขยับตัวลุกขึ้นมาตอบผม ที่กำลังจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ

“อย่าเพิ่งหลับนะ เดี๋ยวออกมาคุยด้วย” ผมบอกกรไว้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป เขาก็พยักหน้าตอบ

ผมใช้เวลาไม่นานมากในการอาบน้ำ ก่อนจะออกมาแต่งตัว ก้าวขึ้นไปอยู่บนเตียง แล้วขยับตัวไปนั่งอยู่ข้างกร โดยหันหน้าไปหาเขา กรพอเห็นผมขยับตัวมานั่งอยู่ใกล้เขา เลยเก็บหนังสือที่วางอยู่บนที่นอนออก แล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะด้านข้างแทน และขยับตัวลุกขึ้นมามองผมตอบ

“มีอะไรครับ มามองหน้ากรทำไม” เขาถาม เมื่อผมไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งมองเขา

“มองกันต์หน่อย” ผมบอกให้เขามองมาที่ผม

“มีอะไรหรือเปล่า” เขาถาม พร้อมกับส่งรอยยิ้มแบบขำเล็กๆ มาที่ผม คงงงว่าผมจะทำอะไร

“อยากรู้ว่ากรมองกันต์ยังไง” ผมตอบ ส่วนตาก็ยังมองอยู่ที่ตาของกร

“อยากเห็นชัดๆ ไหมว่ามองยังไง” กรถามผม

“มันต้องมองแบบนี้” กรพูดก่อนที่ผมจะถูกพลิกตัวให้ไปอยู่ใต้ร่างเขาอย่างรวดเร็ว



“เฮ้ย!!”


ผมพลาดอีกแล้ว ไม่น่าหาเรื่องเลย ตอนนี้เห็นชัดแล้วครับ ว่าเขามองผมแบบไหน ก็มันใกล้กันเสียขนาดนี้  

มันชัดเจนทั้งสายตา ชัดเจนทั้งการกระทำ

.
.
.

ตอนนี้ผมจะวิ่งออกไปตอบป่านมันได้ไหมว่า มันไม่ต้องมานั่งคิดอะไรมากมายกับเรื่องความรักหรอก

เพราะทุกคำตอบที่อยากได้

มันจะมา... เมื่อเจอคนๆ นั้นแล้ว

--------------------------------------------------------------


หายไปนานเลย กลับมาแล้วนะค่ะ >_<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 14-11-2010 16:07:13
 :z13:ค่ะ ^^

*********************

อ่านแล้วคิดแว้บมาเลยว่า
น้องป่านกำลังรอคุณพี่กาวน์ที่เคารพมาสารภาพรักอยู่เป็นแน่แท้
(หรือป่านเองก็อาจกำลังสับสนตัวเองด้วยเหมือนกัน)
:-[


กรแอบเจ้าเล่ห์นะ คิกๆ
แต่คู่นี้น่ารักตลอด ชอบอ่ะ  :m1:


 :กอด1: คุณAngel_kให้กำลังใจ
ช้านิดหน่อยไม่เป็นไรค่ะ รู้ว่ายังไงก็ต้องมา^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 14-11-2010 16:26:12
กรี๊ดดดด  :-[


แอบเอาใจช่วยน้องป่านเน๊
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 14-11-2010 16:30:56
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 14-11-2010 16:33:03
"ความอยากรู้เป็นบ่อเกิดแห่งการเสียตัว"
คราวหน้ากันต์คงไม่กล้าสงสัยอะไรอีกแล้วล่ะ 5555
:m20:
น้องป่านพรุ่งนี้ก็รีบๆกลับคอนโดนะ ไม่งั้นพี่กาวน์ตกมันแล้วงานจะเข้า
เพราะแค่นี้ก็พ่นไฟแล้วววววว o22
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 14-11-2010 17:57:43
ขนาดสงสัยยังไม่วายจะหวาน ไม่เห็นใจคนอื่นบ้างเลยเหรอ
น้ำตาลท่วมกระทู้แล้ว ส่วนป่านหนีพี่กาวน์มาเดี๋ยวกลับไป
เจอศึกหนักแน่นอนเลย +1 ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-11-2010 18:12:03
.น่ารักกันจริงคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-11-2010 18:14:40
ไรท์เตอร์มาแล้ววววววววว :mc4:
กันต์กับกร ยังหวานได้อีกนะ
น้องป่านมาปรึกษาพี่กันต์
หวังว่าคงจะได้อะไรกลับไปบ้างนะเนี่ย o3
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 14-11-2010 18:42:47
กันต์ กลายเป็นศิราณีให้น้องป่านซะแล้ว

ว่าแต่ น้องป่านทะเลาะอะไรกับพี่กาวน์หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-11-2010 18:46:11
คิดว่าน้องป่านกำลังสับสน ไม่แน่ใจนะคะ
แต่ถ้าน้องป่านได้รู้ได้เห็นความรักความเอาใจใส่ ดูแลกัน
และความหวานที่ขยันเปล่งประกายออกมา ของคนคู่นี้
คิดว่าน้องป่านกับพี่กาวน์ก็ คงจะมาหวานให้คนอ่านได้ร่วมหวานในเร็วๆนี้ ใช่ปะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 14-11-2010 18:49:28
พี่กันต์น่ารักอีกแล้วอ่ะ ไปมองหน้ากรแบบนั้นก้อเข้าทางเลยดิ  :laugh:
ส่วนน้องป่าน คนโทรหาเค้าร้อนใจแย่แล้วมั้งน่ะ (น้องป่านทำต่อมอยากรู้กระฉูดอีกแล้ว ><)

รอตอนหน้าค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 14-11-2010 18:58:45
เพราะความอยากรู้ของพี่กันต์ เข้าทางกรเลยยย
 
5555555  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 14-11-2010 18:58:58
โฮะ ๆ สงสัยมีผู้ชายมาชอบป่านแน่เลย

เอ๊ะ หรือจะเป็นพี่กาวน์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 14-11-2010 19:03:36
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว รอซะนานเรย  ขอยาวๆ ซัก ตอน ซิค่ะ

 :impress2:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 14-11-2010 19:10:20
กันต์กับกรน่ารักจัง  :-[ :-[
น้องป่านกำลังมีความรักกับใครนะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-11-2010 19:40:38
อยากเห็นกันต์ตอนโครตหวง  โครตห่วงจัง
เคยมีอยู่ตอนนึงมั๊ง  แต่รู้สึกว่าแค่หวงกับห่วงน่ะ
แบบโครต ๆ น่ะ  ยังไม่ได้เห็นเลย  อิ อิ

+1  รักกันต์ ชอบกรเลยบวกให้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 14-11-2010 20:00:46
พี่กันต์
จะน่ารักไปถึงไหนเนี่ย
 :sad4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 14-11-2010 20:47:01
zoom zoom :m24:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 14-11-2010 21:06:31
ลุ้นป่านกันต่อไป
ผู้่ชายกลัวฝน
ฮ่าๆ งา่นนี้ท่าจะหนักหนาเอาการ
เป้นกำลังใจให้ป่าน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 14-11-2010 23:51:07
มองกันทะลุเนื้อเลย อิอิ

น้องป่านอยากได้ที่ปรึกษาส่วนตัวเรื่องรักแหงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 15-11-2010 01:26:51
พี่กันต์ไม่ได้พลาดหรอกคะ แต่อีกคนเขาหาโอกาสเก่งต่างหาก  :laugh:

ส่วนน้องป่าน ขอให้มีวันที่ได้หวานอย่างพี่กันต์กับกรเร็วๆ นะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 15-11-2010 01:38:49
แอบคิดว่าป่านชอบพี่กาวน์นะ แต่ก็ไม่รู้สิเดาเอา
เพราะดูป่านกลัวๆ เกรงๆ แปลกๆ (เพราะถ้าจะรัก ผญ คงไม่คิดมากขนาดนี้)
ถ้าจริงอย่าได้กลัวเลย ความรัก คิดจะรักก็ลุยก่อน
ปัญหามันมีไว้แก้....อาจจะดูห่ามไปสักหน่อย
แต่ทำตามใจตัวเองแล้วไม่เดือดร้อนใครก็น่าจะโอเคนะ
กันต์ กับ กร คู่นี้ลงตัวมาก น่ารักสุดๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ สมเหตุสมผล
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 15-11-2010 13:08:05
ป่านกับพี่กาวน์
อยากอ่านอ่ะ
แต่ก่อนอื่นขอรู้อดีตของพี่กาวน์กับพี่ของป่าน(จำชื่อไม่ได้อ่ะ)ปอนด์ป่ะ? :m28:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รั&
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 15-11-2010 13:14:40
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่านทันปัจจุบันแล้ววววววววว
บอกตรงๆ ตอนแรกไม่คิดจะอ่าน อาจเป็นเพราะชื่อเรื่องไม่ดึงดูดใจเราเท่าไหร่
แต่วันนั้น นึกยังไงไม่รู้กดเข้ามาอ่าน พออ่านแล้วรู้ว่าพระเอกอายุน้อยกว่า ก็เลยสนใจ ^^
อ่านมาเรื่อย พออ่านได้ครึงนึงก็ ไปเห็นอีกเรื่องนึง กาวน์ป่าน เฮ้ย ชื่อคุ้นๆ
ก็เลยย้อนกลับมาดูชื่อคนแต่ง ((อันนี้เป็นนิสัยเสียส่วนตัวที่ไม่ชอบจำชื่อคนแต่ง))
เราก็เลยไปอ่านเรื่องนู้นก่อนจนจบ แล้วก็ย้อนกลับมาอ่านเรื่องนี้จนทันปัจจุบัน

ชอบนะคะ ชอบภาษา ชอบสำนวน ลื่นไหลดีค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ ^^
ว่าแต่....ไรเตอร์มีแต่งไว้กี่เรื่องคะ เราจะได้ไปตามอ่านอีก ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 15-11-2010 13:34:42
 :serius2:อยากรุเรื่องน้องป่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-11-2010 14:32:28
น่ารักมาก
ความรักสัมผัสได้ด้วยใจ
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-11-2010 14:53:39
ป่าน คงกำลังสับสน ก็นะ อีกฝ่ายดันเป็นไอ้พี่กาวน์นี่น่า เข้าใจยากจะตายชักแถมยังประหลาดๆคนอีกตั้งหาก

ไม่เหมือน กร น่ารักกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 15-11-2010 16:17:03
คิดถึง กร กันต์ จังเลยค่ะ ชอบจังคู่นี้ รักไม่หวือหวา แค่มองตาก็รู้ว่ารัก
รอ น้องป่านเผยใจ พี่กาวน์จะเอายังไง วานเฉลยจ๊ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 15-11-2010 18:52:51
หวานตลอดเลยคู่นี้ ชอบชอบ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 15-11-2010 23:05:23
น่ารักจริง น่ารักจังนะกันต์กับกร
หาเรื่องหวานกันได้ตลอด
 :impress2:

ส่วนน้องป่านกับอิคุณพี่กาวน์คงต้องลุ้นหนัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 16-11-2010 00:03:01
เปนไงละ ฮาๆๆ
อยากรู้มองเค้ายังไง ฮ่าๆๆๆ
เอิ๊กๆๆ เเบบนี้เค้าเรียกว่า หาเรื่องใส่ตัวครับ ฮ่าๆๆ
ชอบเจงๆๆเลยเเบบนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 16-11-2010 01:13:40
พี่กาวชัวร์เลยคู่กรณีของป่านอ่ะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 16-11-2010 22:54:13
ไม่รู้ใครหาเรื่องทำหวานกันแน่น้า
ธรรมดาว่าหวานแล้ว
ถ้าตั้งใจหวานสุดๆ คงใจละลายกันไปข้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 17-11-2010 00:16:26
มองกันไปซะขนาดนั้นแล้ว
เจออะไรในสายตากรบ้างล่ะพี่กันต์ >.<
อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 18-11-2010 14:09:37
 :z3:

นิดเดียวเท่านั้นนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 18-11-2010 21:10:28
คู่พี่สบายไปแล้ว
น้องป่านกำลังมีปัญหาหัวใจ กับใครคนนั้น
 :mc4: ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ชมรมคนรักป่า  :z2:
+1 เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 19-11-2010 01:54:35
น้องป่านแอบปิดบังอะไรเอ่ย
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... [2/2] p. 41 (up 14-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-11-2010 11:28:52
ตอนที่ 45 เบื่อกันหรือยัง


“รู้หรือยังว่า กรมองกันต์แบบไหน” กรถามผมในขณะที่ผมกำลังนอนซบอยู่บนตัวเขา โดยที่น้ำหนักตัวของผมเกือบทั้งหมดถูกเขารับเอาไว้ แล้วก็ใช่ว่าเขาจะยอมนอนนิ่งให้ผมใช้เขาต่างหมอนต่างที่นอนได้โดยไม่หวังผล เพราะเขาสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งตอบแทนจากผมได้ไม่หยุดหย่อน และนั่นก็ไม่พ้นการที่เขาจะได้ลากไล้ จับ แตะ หรือสัมผัสไปบนร่างของผมอย่างที่ใจเขาต้องการ

เพียงชั่วเวลาไม่กี่นาทีที่ผมได้นอนนิ่งๆ อยู่แบบนี้ ปลายจมูกของเขาก็กดลงมาบนแก้มชื้นเหงื่อของผมไม่รู้กี่ครั้ง และไม่ให้เป็นการน้อยหน้ากัน ปลายจมูกนั้นก็ส่งแรงกดเบาๆ ลงที่ขมับด้วย เขาคงคิดกลัวไปว่า ร่างกายผมจะเกิดอาการน้อยใจกันหากเขาให้ความสำคัญกับไปที่ส่วนหนึ่งส่วนใดมากกว่า ส่วนมือของเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กับปลายจมูก เพราะผมรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่แผ่นหลัง และสัมผัสจากปลายนิ้วที่คอยเกลี่ยเส้นผมชื้นตลอดเวลา  

และจากการที่ผมซบหน้าแนบอยู่กับแผ่นอกของเขาแบบนี้ มันทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจของเขาดังก้อง คราแรกที่ได้ยินเสียงหัวใจนั้นเต้นเร็วระรัว ก่อนจะลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติ ผมฟังเสียงนั้นเป็นเหมือนเสียงดนตรีที่ขับกล่อมให้ผมเข้าสู่ภวังค์อย่างช้าๆ แต่เมื่อกำลังจะผล็อยหลับ กลับได้ยินคำถามๆ หนึ่งขึ้นมาเสียก่อน และผมก็ไม่อยากพลาดที่จะตอบคำถามนั้น  “รู้หรือยังว่า กรมองกันต์แบบไหน” รู้... ผมรู้แล้ว ผมคิดในใจแล้วระบายยิ้มจางๆ ให้กับตัวเอง ก่อนจะตอบเขา


“อื้ม” เสียงงึมงำในลำคอของผมถูกส่งออกไปแทนการตอบคำถามนั้น พร้อมกับยืนยันคำตอบที่ส่งออกไป โดยการเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพอให้ปลายจมูกของผมสามารถกดลงไปที่ปลายคางของเจ้าของคำถามนั้นได้ และการที่ผมเลือกตอบเพียงแค่นั้น เป็นเพราะผมรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองคงแหบพร่าเกินกว่าจะส่งเสียงตอบกลับไปเป็นประโยคยาวๆ ได้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะผมไม่มั่นใจนักว่า ผมมีแรงพอที่จะส่งเสียงตอบ

“เข้าใจว่ายังไงครับ” ถึงผมจะตอบออกไปแบบนั้นแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของคำถาม ยังไม่พอใจกับคำตอบที่ผมส่งกลับไปเท่าไรนัก คำถามที่เจาะจงมากขึ้นถึงได้ถูกส่งมาที่ผมอีกครั้ง ซึ่งผมก็ยินดีเสมอที่จะตอบ


“รัก”


คำตอบเพียงสั้นๆ เหมือนเคยถูกเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ การส่ายหน้าอย่างช้าๆ ที่แสดงถึงการปฏิเสธจากอีกคน จนผมที่เงยหน้าสบตากับเขาอยู่ต้องหยัดตัวขึ้นมา ทั้งที่รู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองนั้นหนักอึ่งเกินกว่าที่เคย ยังไม่นับรวมเสียงจากหัวใจที่กำลังเต้นระรัวอยู่ในอก หลังจากที่มันเพิ่งสงบลงไปได้ไม่นาน


“ไม่ใช่... แค่รัก”


“แต่เป็น... รักมาก”


“รักมากเลย... รู้ไหม”



“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้” ผมกำลังยิ้มและพูดตอบอยู่ในใจ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็ในเมื่อทุกอย่างที่เขาทำมันบอกผมอยู่แล้ว

จนบางครั้งผมยังคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครยอมทำให้ผมได้ขนาดนี้ อะไรที่เขารู้ว่าผมต้องชอบ ต้องดีใจ หรือยิ้มได้ เขาก็ทำให้ผมได้ ตอนแรกที่เริ่มคบกันผมยังไม่คิดนะว่า เขาจะกลายมาเป็นคนที่ดูแลผมได้ และยังทำได้ดีขนาดนี้ เพราะเราสองคนต่างก็เป็นลูกชายคนเดียวของบ้านกันทั้งคู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่า บ้านเขาเองก็คงดูแลลูกชายเขามาอย่างดีไม่แพ้ที่บ้านผมแน่ๆ จากคนที่เคยมีคนคอยดูแล คอยเอาใจ แล้วต้องมาเป็นคนดูแลผมแทน ยอมรับเลยครับว่าเขาคงเหนื่อยและต้องใช้ความอดทนอยู่เหมือนกัน ถึงเขาจะบอกว่าอยากทำแบบนั้นก็ตาม

เขาทนผมโวยวาย อารมณ์ไม่ดีใส่ ทำตัวไม่ดีใส่เขามาก็หลายเรื่อง หรือแม้กระทั่งทำให้เขาต้องเป็นกังวลกับผม ยอมรับเลยว่า ช่วงแรกผมคิดถึงตัวเองมากกว่าคิดถึงเขานะครับ อาจเรียกว่าช่วงลองของก็ได้มั้งครับ คือ รู้ว่ารัก ไม่ได้หมายถึงเขารักผมฝ่ายเดียวนะ ผมเองก็รู้ตัวแล้วว่ารัก แต่มันยังกลัวๆ ครับว่า จะคบกันไปได้นานแค่ไหน เขาจะทนกับผมได้หรือเปล่า เพราะแบบนั้นผมเลยอยากทำอะไรก็ทำ แล้วก็คิดแค่ว่าทนได้ก็ทน จะได้รู้กันไป

มันเลยมีแค่ครั้งเดียวที่ผมกับเขาทะเลาะกันแรงๆ ก็เรื่องแฟนเก่าผมนั่นแหละครับ ตอนนั้นผมยังไม่มั่นใจในตัวเขาเท่าไร แล้วยิ่งคิดว่าหลายๆ อย่างในชีวิตผมมันต้องเปลี่ยนไป มันเลยทำให้ผมลังเลอยู่ และครั้งนั้นผมตกใจจริงๆ นะครับ ที่เห็นกรทำสีหน้าแบบนั้น เขาแสดงออกมาหมดว่าโกรธ โมโห ผิดหวัง และเสียใจ ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมกลัวกรนะ เพราะเขาเสียงดังมาก แล้วยังทำผมเจ็บตัวอีก แต่พอมองตาเขาดีๆ มันไม่ใช่แค่โกรธครับ แต่มันแสดงออกถึงความผิดหวัง ความเสียใจ ผมเองก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปอยู่แล้ว มันยิ่งรู้สึกแย่เขาไปอีก แล้วก็กลายเป็นว่าตอนนั้นผมเองก็กลัวเหมือนกัน กลัวว่าจะต้องเสียเขาไป รู้ใจตัวเองเลยครับว่า ขาดเขาไม่ได้แล้ว

เพราะแบบนี้ผมเลยต้องขอบคุณเขามากๆ ที่ยอมอดทนกับคนอย่างผม


ผมจะหาใครได้ดีเท่านี้อีก คงไม่มีแล้วล่ะครับ เขาน่ะดีทุกอย่าง เป็นคนที่ดีมาก มากจนผมคิดได้ว่าผมเองก็ควรจะดีให้สมกับที่เขารัก อาจจะไม่ดีที่สุด แต่ก็อาศัยความตั้งใจล่ะครับ เพราะไม่อยากนั้นผมคงได้ถามตัวเองบ่อยๆ และตอบไม่ได้เสียทีว่า “เขารักผมที่ตรงไหน” ให้ผมหาคำตอบมาตอบตัวเองได้สักข้อก็ยังดีครับ




“ขอบคุณ”


ผมบอกเขา ก่อนหยัดตัวขึ้น แล้วก้มหน้าลงไปใกล้เขา และย้ำคำขอบคุณนั้น ด้วยการแตะริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของคนด้านล่างอย่างแผ่วเบา มันเป็นเพียงแค่การแตะสัมผัสลงไป แต่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลอย่างที่สุด ก่อนจะถอนออก มันเหมือนครั้งแรกที่ผมจูบเขาในรถ พร้อมกับการไล่ให้เขาไปหาคำตอบสำหรับตัวเขาเองว่า “เขามองผมแบบไหน”


ในแววตาที่ผมเคยค้นหาคำตอบ


จนถึงตอนนี้ผมหาคำตอบนั้นพบแล้ว และจะรักษาคำตอบนั้นไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้


และแน่นอนว่าสัมผัสแม้เพียงแผ่วเบา แต่มันกลับเรียกร้องความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาได้อีกครั้งอย่างคนไม่รู้จักพอ ตอนนี้มีเพียงหน้าผากของเราทั้งคู่ที่แนบไว้ด้วยกัน เราต่างนิ่งและมองตากันอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่าเราต่างกำลังมองหาอะไรสักอย่าง... ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นมา


“ทำแบบนี้จะไม่ได้นอนนะ รู้ไหม”


แล้วแบบนี้ ผมควรจะตอบเขาว่า “รู้” ดีไหม

“อื้อ...”



..................................................................



“เรียกป่านไปด้วยนะ” ผมงัวเงียขึ้นมาบอกกร ที่กำลังหยิบนาฬิกาบนโต๊ะวางของที่อยู่ในห้องแต่งตัวขึ้นมาใส่ พอได้ยินเสียงกรก็เดินเข้ามาหาผมที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง

“เมื่อวานป่านไม่ได้เอารถมา” ผมพูดต่อ กรพยักหน้ารับคำ ก่อนนั่งลงมาบนเตียงข้างผม

“จะไปทำงานกี่โมง” เขาถาม แล้วก้มลงมาหอมแก้มผม พอกรยันตัวขึ้นนั่งเหมือนเดิม ผมก็เอานิ้วไปเขี่ยๆ จิ้มๆ มือเขาเล่น แต่ไม่ทันไรมือของผมก็ถูกรวบไปอยู่ในมือเขาเสียก่อน

“เก้าโมงค่อยออกไป ขอนอนอีกชั่วโมง” ผมตอบ ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมง กะว่านอนต่อสักแปดโมงค่อยตื่นขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวแล้วออกไปทำงาน

“ไปสายนะเดี๋ยวนี้” กรว่าผมแบบไม่จริงจัง แล้วยื่นมือมาบีบปลายจมูกผมเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ผมนอนดีๆ

“แล้วก็กลับดึก” ฟังจากน้ำเสียงของกรคราวนี้เหมือนกับว่าเขากำลังบ่นหรือตัดพ้อผมอยู่

ปกติกรไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ หรือว่าเขาเก็บเรื่องนี้มานานแล้ว จะว่าไปผมเองก็ไม่เคยถามเขาเหมือนกันว่าเวลาผมกลับดึกๆ แล้วเขาต้องมานั่งรอ เขารู้สึกยังไง แล้วเขาเป็นคนที่จะรอกินข้าวพร้อมผม น้อยครั้งมากที่จะกินก่อนถ้าผมไม่กลับดึกจริงๆ ยกเว้นช่วงที่เขาแอบทำเซอร์ไพรซ์วันเกิดให้ผมนะครับ ช่วงนั้นกรกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อนเขาตลอด แล้วก็ซื้อกลับมาเผื่อผม แต่ปกติแล้วเขาจะทำกับข้าว หรือถ้าขี้เกียจจริงๆ ถึงจะซื้อเข้ามา แล้วรอผมกลับมากินพร้อมกัน ส่วนใหญ่ก็เลยสองทุ่มไปแล้ว

แล้วเดี๋ยวนี้กรเขาไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อน คงเพราะเป็นช่วงฝึกงานด้วย พอเลิกงานจากที่ออฟฟิศเขาก็กลับบ้านเลย อาจจะมีไปออกกำลังกายบ้าง แต่ก็เป็นที่ฟิตเนสกับสระว่ายน้ำที่คอนโดฯ แต่ยังไงเขาก็อยู่คนเดียว ผมไม่ได้ไปกับเข้าบ่อยเหมือนช่วงแรกที่มาอยู่ด้วยกัน ผมเลยไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเบื่อขึ้นมาบ้างหรือเปล่า บางที่ผมอาจจะคิดมากไป แต่ถ้าคิดถึงความรู้สึกของคนที่รอ มันก็น่าเห็นใจนะครับ แล้วผมก็ไม่อยากให้เรื่องนี้มันกลายมาเป็นเรื่องที่ทำให้ผมกับเขาไม่เข้าใจกันขึ้นมาในวันหนึ่ง และตอนนี้ผมก็รู้แล้วครับว่า ถ้ามีอะไรแล้วไม่พูดกันตรงๆ ผลมันจะเป็นยังไง เรื่องนี้ก็จากช่วงวันเกิดผมอีกนั่นแหละ เหมือนช่วงนั้นจะสอนอะไรผมเยอะครับ

“อยากให้กลับเร็วหรอ” ผมถาม

“อยากสิ แต่รู้ว่างานเยอะ หลังช่วงนี้ไปก็กลับตามปกติแล้วใช่ไหม” เขาพูดบอกผมตามจริง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีอีกข้อของเขาเลยครับ

“อื้ม” ผมตอบรับเขา หลังปีใหม่ไปงานผมก็น่าจะเบาลงไปเยอะล่ะครับ

“เบื่อหรือเปล่า” ผมถามเขา แต่เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะพูดออกมา

“ไม่ได้เบื่อหรอก ไม่ต้องคิดมากนะ แค่เป็นห่วงเฉยๆ กว่าจะกลับมากินข้าวก็ดึก ตอนเย็นไม่หิวหรอ มีอะไรกินรองท้องหรือเปล่า” เขาพูด ส่วนผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธคำถามของเขาก่อนจะพูดต่อ

“ที่กลับดึก เพราะกันต์ไม่อยากเอางานกลับมาทำที่บ้าน ถ้าเอางานกลับมาก็ทำแต่งาน ไม่อยากให้กรเห็นแล้วคิดว่ากันต์ไม่สนใจกร ก็เลยอยู่ทำจนเสร็จทีเดียวที่ออฟฟิศ กลับมาจะได้อยู่ด้วยกัน” ผมเล่าความคิดของตัวเองให้เขาฟัง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมเอางานกลับมาทำต่อที่บ้านตลอด แต่พอมีกรเข้ามาอยู่ด้วย ผมก็ไม่อยากเอางานกลับมาทำ เพราะเคยคิดว่าถ้าผมกลับมาแล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน มันก็เหมือนว่าผมไม่สนใจเขา สู้ทำงานกลับมาดึกหน่อย แต่กลับมาแล้วได้ใช่เวลาทั้งหมดกับเขาคนเดียวมันน่าจะดีกว่า แต่ผมก็ไม่เคยถามความเห็นเขาหรือบอกให้เขารู้

“วันนี้กลับดึกอีกไหม” กรถาม

“อื้ม แต่ไม่เกินสองทุ่ม” ผมตอบ กรก็พยักหน้ารับ

“ป่านเคยเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่าว่าไปชอบใครอยู่” ผมลองถามเรื่องป่านกับกรดู เพราะเห็นว่าเขาก็สนิทกันพอสมควรครับ อยากรู้แต่ยังไม่อยากไปถามป่านมันครับ ต้องมาสืบเอาเองแบบนี้

“คนใกล้ตัวมั้ง” กรตอบ แบบนิ่งๆ

“รู้หรอว่าใคร” ผมถามต่อ ลองตอบแบบนี้คงต้องรู้อะไรบ้างแน่ๆ

“กรไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวสาย” กรไม่ตอบผม แต่พูดตัดบท แล้วยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป และก่อนที่จะไปก็ไม่ลืมที่จะก้มลงมาหอมแก้มผม เขาจะชอบอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ แต่ผมก็รู้สึกดีนะครับ แล้วไม่นานผมก็หลับไปอีกรอบ ส่วนเรื่องที่อยากรู้เอาไว้ก่อนแล้วกันครับ  
 
...............................................................


ไม่ได้เขียนตอนยาวๆ กับเขาสักที เอาไว้ตอนหน้าจะมาแบบยาวๆ
ให้อ่านกันแบบจุใจนะ รอกันอีกนิดนึง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-11-2010 11:56:12
^
^
^
จิ้มๆน้องกวาง
ตอนหน้ามายาวๆจริงนะคะ
พี่นุ่นจะรอ

เฮ้อ.......กันต์กับกร คุยกันแบบนี้ดีจังเลยน้า
อยากจะมีความรักดีดีแบบนี้บ้าง หงิงๆ
กรนี่ก็ความรู้สึกไวเรื่องของป่านแฮะ คงเพราะตอนนั้นมองไปเห็นตั้งแต่ที่โรงหนังด้วยสิเนอะ
พอมาบวกกับข้อมูลโน่นนี่เลยยิ่งเหมือนจะรู้ กรน่ารัก เคารพความเป็นส่วนตัวและการตัดสินใจของเพื่อน
ปลื้มผู้ชายแบบนี้ที่สุดเลยค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 21-11-2010 11:57:29
ในที่สุด ด  ด ด ด  ก็ได้ อ่า น นน

แล้วจะรอ ตอนยาวๆๆ  นะค่ะ 

ตอนนี้ มา โหมด หวาน ปน ซึ้งๆๆ  ชอบจัง   :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-11-2010 12:00:45
มาต่อให้คนอ่านกระชุ่มกระชวย ก็ดีแล้วค่ะ o18
จะรอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 21-11-2010 13:23:25
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 21-11-2010 13:37:54
 เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุดเลย :o8:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 21-11-2010 13:46:20
น่ารักจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-11-2010 14:35:53
จัดประกวดคู่รักในฝัน  รับรองคู่นี้ต้องได้รางวัลแน่
ชีวิตเราจะต้องการอะไรมากไปกว่า  การมีคนรักที่จริงใจ ห่วงใย และดูแลเราได้แบบนี้ล่ะ จริงมั๊ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 21-11-2010 14:57:23
กันต์กับกรน่ารักจัง  :m1: :m1:
แอบตกใจกับชื่อตอนเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 21-11-2010 14:58:05
อบอุ่นตลอดคู่นี้ ปลาบปลื้ม :m1:
ไม่ใช่แค่รัก แต่เป็นรักมากกกกก เค้าด้วยๆๆๆ รักคู่นี้เหมือนกัน  :กอด1:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
บวกให้ความรักดีๆของคู่รักในดวงใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 21-11-2010 15:03:14
เฮียกันต์ เฮียกร

โอยยยยยยยยยย

น่ารัก

ไอ้หมวยปลื้มมมมมมม
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 21-11-2010 15:11:06
เบื่อกันหรือยัง

ไม่เบื่อหรอกจ๊ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-11-2010 15:38:37
น่ารักมาก
รออ่านตอนยาววววววว
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 21-11-2010 16:08:26
กร  รู้อะไรก็ช่วยรีบบอกกล่าว คนอ่านอยากรู้มากกกกกก..ก คิกๆ
o18



ทำไมกันต์กับกรน่ารักกันได้ขนาดนี้   :-[  อ่านไปก็ยิ้มไป
ชอบอ่ะ  เข้าใจกันดี ไม่งี่เง่า  โอ๊ยยยยยยย น่ารักเวอร์




 :กอด1:คุณAngel_K อารมณ์ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 21-11-2010 16:23:45
หวานจริง ๆ คู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-11-2010 16:32:23
รักกันๆๆ แบบนี้ตลอด ตลอดไปนะจ๊ะ กร-กันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 21-11-2010 16:37:52
  :-[ น่ารักอย่างจริงจังอ่ะคู่นี้ ปลื้มมากๆ
เขาอยากมีความรักแบบนี้บ้างจัง เฮ้อ!!

รออ่านตอนหน้าด้วยอีกคน >___<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 21-11-2010 18:01:56
อึ่ย กรตอบคำถามทีเล่นเอากันต์ลุกไม่ค่อยจะไหวเลยอ่า เขินแทน อิอิ :-[ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่ากรอ่ะนิสัยผู้ชายจริงๆเพราะผู้ชายส่วนมากเค้าจะไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวของเพื่อนตัวเองหรอก ไม่เหมือนผู้หญิงลองถ้าแฟนเรามาถามแบบนี้ขี้คร้านจะรีบเม้าท์ ดีไม่ดีพาไปชี้ตัวเลยว่าเป็นใคร :laugh:

ปล,ไปลอยกระทงกันค่ะ ^ ^
(http://glitter.kapook.com/files/glitter/photo/original/9/12876.gif)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 21-11-2010 18:25:46
ชอบกรที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ดีจัง ทำให้น่าเชื่อถือและเกิดความเชื่อมั่นได้มากเลย
กันต์อายุมากกว่าแต่งอแงเป็นเด็ก ก็น่ารักดีเหมือนกัน ขอแค่ความเข้าใจในกัน
และกันก็เพียงพอแล้วสำหรับคู่นี้ แค่มองตาก็รู้ใจ ...อิจฉา.... :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 21-11-2010 19:21:59
ชอบจังงงงง รอตอนต่อไปน๊าาา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 21-11-2010 19:37:20
รักๆๆๆๆ  :m1: โอ๊ย!! น้องอิจฉาอ่ะ
ว่าแต่กรไปรู้อะไรมาล่ะนี่

เป็นกำลังใจให้พี่กวางนะคะ :L2:
รอพี่กาวน์กะป่านน้าาา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 21-11-2010 20:02:27
หวานนิดหวานหน่อยก็เอาอ่ะคู่นี้ :o8:
(เรื่องนี้มีแต่ก.ไก่ รึงัยเนี้ย คนแต่งก.กวาง^^)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 21-11-2010 20:30:52
คู่นี้ดูเข้าใจกันดีจัง คนนึงก็คิดถึงอีกฝ่ายมากขึ้น
แบบนี้แหละถึงจะรักกันได้นานๆ ปรับตัวกันไปเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องป่าน สงสัยที่เราคิดไว้จะเป็นจริงหรือเปล่าน้อ
ชอบพี่กาวน์หรือเปล่าอ่ะ เฮ้อออ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 21-11-2010 20:38:26
รักมว๊ากกกกกกกกกกกก เหมือนกันค่ะ
รักสองคนนี้มากกกก

^ ^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 21-11-2010 20:40:38
เพิ่งตามมาอ่านจ้า รวดเดียวเลย
น่ารักไม่ไหวแล้วคู่นี้ แต่ว่าคู่ป่านนี่
ป่าน กับ กาวน์ รึเปล่าคะ ไม่แน่ใจ
แต่เหมือนเห็นไปไหนก็ไปด้วยกัน
เลยว่าน่าจะใช่ ยังไงมาต่อไวๆนะคะ
แบบว่า อยากรู้  :laugh:
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 21-11-2010 22:26:24
รักกันด้วยความเข้าใจมันดีแบบนี้นี่เอง  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 21-11-2010 23:06:13
น่ารักจริงๆเลย >.<
มีอะไรแล้วคุยกันแบบนี้ ก็จะได้เข้าใจกันมากขึ้นเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-11-2010 00:12:46
อ่านกี่ทีก็ยิ้มได้ทู๊กที....น่ารักจังเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 22-11-2010 12:50:53
ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน
ใช้ความเข้าใจ คิดถึงใจของอีกคน
อย่างนี้รักกันนานแน่นอนเลย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-11-2010 14:04:25
อยากบอกว่า ไม่เคยเบื่อเลย นะ คู่นี้ น่ารักกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 22-11-2010 16:52:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 22-11-2010 18:32:31
น่ารักอ่ะเจ้ชอบจิ้มไปหนึ่งทีเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 22-11-2010 22:47:40
เเลวนี้ถ้ารู้ว่เปนพี่ชายตัวเอง
กันต์ จะยังสนับสนุนหรือขัดขวางน๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 24-11-2010 12:02:24
ดีจังเลย หันหน้าคุยกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 24-11-2010 21:12:23
 :mc4: เย้ๆๆ อ่านทันแล้วววว
อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากกกกกกกก  ดำเนินเรื่องได้ง่ายๆ สบายๆ น่ารักๆ เหมือนไม่มีอะไรมาก แต่อ่านแล้วยิ้มได้ ประทับใจทุกตอน
ขอสมัครเป็นFC กันต์กะกร ด้วยคนนะ  คู่ที่สองน่าจะเป็นป่านกะพี่กาวน์แน่เลย ลุ้นๆๆๆ คู่นี้ด้วย :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 24-11-2010 21:40:45
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ในที่สุดก็ตามมาจนทัน
 :m1: :m1:

กันต์กะกรน่ารักมากมาย
ได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป
ใส่ใจในความรู้สึกของกันและกัน
แล้วก็ความรักที่แสนจะอบอุ่น
แอร๊ย...อ่านแล้วเขินมากๆๆๆๆ
 :-[

มอบเพลงนี้ให้เลยละกัน
หวานละมุนละไมอยู่ในทุกตอน
หวานทุกความรู้สึก ไม่มีวันจางหายไป
เลิฟกันไปแบบนี้ตลอดไปเลยนะกันต์กะกร
 :กอด1:

ส่วนน้องป่านคงหนีไม่พ้นพี่กาวน์แน่ๆ
ว่าแต่แอบอยากรู้ความหลังเรื่องพี่ปอด้วยอ่าคะ
เป็นปริศนามากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 24-11-2010 21:57:25
น่ารักมากค่ะะะะ   อิอิอิ
+1 ซะเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 27-11-2010 00:33:48
ดัน สุด ชีีวิต ต ตต ต

ตกมา หน้า สอง แล้ว นะ    :angry2:

คน แต่ง หาย

เด๋ว จะไปแจ้ง คนหายแล้ว นะ    :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PurpleWizard ที่ 01-12-2010 18:33:49
ยังไม่มาอีกหรอ  :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เบื่อกันหรือยัง p. 42 (up 21-11-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 01-12-2010 22:41:57
ไม่ได้อยากหายเลย อยากมาลงตอนใหม่จะแย่แล้ว
แต่มันลงไม่ได้เพราะช่วงนี้มาอยู่กับเพื่อน เนื่องจากเอารถเข้าศูนย์ส่งซ่อม
จากบ้านมาทำงานไกลเกินเลยต้องอาศัยเพื่อนอยู่ แล้วก็ไม่ได้เอาโน้ตบุ้คมา
แต่งตอนใหม่ไปได้ครึ่งนึงละ
 
พอวันนี้เลยตัดสินใจให้น้องชายส่งไฟล์มาให้ (ยอมเสี่ยงเลยนะ
กลัวน้องอ่านมากอ่ะ แต่น้องไม่ชอบ่อานนิยายคงไม่เป็นไรมั้ง
แต่ถ้าอ่านคงช็อคตาตั้งไปแล้ว พี่สาวแต่งนิยายอะไรอ่ะ เฮอๆ)
แต่งต่อได้ละทีนี้ อีกสองสามวันก็คงลงได้แล้ว
รอกันอีกนิดนะ ไม่อยากหายไปนานๆ จริงนะ
คิดถึงคนอ่านเหมือนกันนะจะบอกให้ อยากอ่านคอมเม้นจากทุกคนด้วย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-12-2010 23:07:41
จิ้ม...จึ้กๆๆ 

เค้ารออ่านนะ ตะเอง  :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 02-12-2010 00:29:09
 :กอด1: คนแต่งแน่นๆ
รอพี่กันต์กับกรนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-12-2010 00:57:24
รอน้องกวาง ไม่ต้องรีบค่ะ
คนอ่านรอได้ กอดดดดดดดดดดดดดดดดแน่นๆ
ขอบคุณที่พยายามเพื่อคนอ่านนะคะน้องกวาง ^o^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 02-12-2010 01:04:09
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 02-12-2010 06:24:30
ไม่เป็นไรจ้า
รอได้ๆ
 :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 03-12-2010 23:48:26
จะรอนะจ๊ะ ชอบเรื่องนี้มาก มันนุ่มนวลดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 04-12-2010 08:14:46
ตอนที่ 46 ปกปิด [1/2]

“สีน้ำตาลเข้มสวยกว่านะ” กันต์พูด แล้วชี้นิ้วลงบนหน้าแคตตาล็อคของแต่งบ้านที่มีรูปเตียงไม้หลังใหญ่สีน้ำตาลไหม้ ซึ่งเป็นสีที่เขาเลือก ส่วนที่ผมชอบก็อยู่ในหน้าที่คู่กันกับเขา มันเป็นเตียงแบบเดียวกัน แต่สีของไม้ที่ผมเลือกอ่อนกว่าของกันต์เขา เรื่องแบบตกลงกันง่ายครับ เพราะชอบเหมือนกัน มาติดแค่เรื่องสี

“สีนี้ก็สวยนะ” ผมพูดบ้าง ส่วนในใจก็คิดตามใจเขาอยู่แล้ว แต่มันอยากแกล้งมากกว่า เลยทำลีลาไม่ยอมง่ายๆ คนฟังเขาก็นั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด แต่ตาก็มองสลับไปมาระหว่างเตียงทั้งสองสี คิ้วนี่เกือบจะผูกกันเป็นปมอยู่แล้ว หน้าตาเขาจริงจังน่าดู


เรื่องบ้านตอนนี้ในส่วนของก่อสร้างก็ทำไปได้เยอะแล้ว กันต์เขาให้พี่ยุเร่งให้ เลยมีคนงานทำอยู่สองกะทั้งกลางวันกลางคืน ดีไม่ดีปลายเดือนมีนาฯปีหน้าน่าจะเริ่มเข้าไปตกแต่งได้แล้ว ส่วนผมสองคนจะเข้าไปดูกันอาทิตย์ละครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้าวันเสาร์ เรื่องตกแต่งเราสองคนวางแบบคร่าวๆ ไว้และตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีเปลี่ยนใจกันอยู่บ้างบางจุดเวลาไปเห็นบ้านจริง และถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้หลุดไปจากที่คุยกันไว้มากนัก จะมีที่เปลี่ยนใจกันบ่อย ก็เรื่องสีของเฟอร์นิเจอร์กับของแต่งบ้านนี่แหละครับ แล้วงานนี้ก็ไม่ต้องพึ่งมัณฑนากรครับ ใช้สถาปนึกอย่างผม กับสถาปนิกตัวจริงอย่างกันต์แค่นั้นพอ

ออ แล้วตอนนี้ก็มีสระว่ายน้ำเพิ่มเข้ามาด้วยครับ คุณชายกันต์เขาอยากได้ ผมเองก็ตามใจเขาสิครับ ก็อย่างที่เขาว่ากันว่า ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ แต่เป็นสระไม่ใหญ่มาก เชื่อมต่อจากห้องนั่งเล่นทางปีกด้านซ้ายของตัวบ้าน ขนาดก็พอใช้ว่ายออกกำลังกายได้ ตอนแรกเขาอยากสร้างศาลาในสวนไว้เป็นที่นั่งเล่นเหมือนกับบ้านคุณย่าที่เชียงใหม่ แต่ไปๆ มาๆ ก็เปลี่ยนใจอยากเพิ่มสระว่ายน้ำเข้ามาเสียอย่างนั้น เขาบอกว่าจะได้ไม่ต้องออกไปใช้ที่อื่น แต่ศาลาก็ยังอยู่นะครับเพียงแต่ขยับขึ้นไปอยู่เหนือสระว่ายน้ำ

มาถึงเรื่องซื้อของเราสองคนไม่ได้รอให้บ้านเสร็จแล้วค่อยซื้อของเข้าบ้าน แต่เลือกของไว้ก่อนเพราะบางอย่างก็ต้องสั่งล่วงหน้ากว่าจะได้ พอบ้านเสร็จก็นัดวันให้เข้ามาส่งของได้เลย แล้วอีกอย่างเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในบ้านก็สั่งทำแบบบิ้วอิน จะเหลือของที่ต้องเลือกซื้อเองก็พวกเตียง โต๊ะกินข้าว โซฟา โต๊ะวางของ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตอนแรกคิดว่าไม่กี่ชิ้นแต่ทำไปทำมาก็ดูเยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับ แล้วยังมีพวกของชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีก เราซื้อของใหม่ทั้งหมด ไม่ได้ย้ายของที่คอนโดฯ กันต์เขาไปด้วย ของที่คอนโดฯ กันต์เขาอยากเอาไว้อย่างเดิมครับ ที่จะขนไปก็มีแค่หนังสือ กับเสื้อผ้าแค่นั้น


“สีนั้นก็ได้ สวยดี” ฮืม!! งานนี้ผิดคาดครับ นึกว่าเขาจะต้องเอาสีที่เขาเลือกไว้แล้วให้ได้เสียอีก กลายเป็นว่าเขายอมเปลี่ยนมาเห็นด้วยกับผมแทน วันนี้เราสองคนกางแคตตาล็อคเลือกเฟอร์นิเจอร์กันที่คอนโดฯ ตั้งแต่ช่วงสิบโมงแล้วครับ จนตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว

“เอาสีที่กันต์เลือกนั่นแหละ กรชอบเหมือนกัน” ผมบอกเขา ตอนแรกที่เลือกผมก็ตัดสินใจอยู่ระหว่างสองสีนี้ เพราะฉะนั้นสีไหนก็ได้ครับ ชอบทั้งคู่อยู่แล้ว

“งั้นเอาสีนี้นะ” กันต์เงยหน้าจากหนังสือ แล้วหันมาพูดกับผม เห็นชัดเลยครับว่าอมยิ้มอยู่ ส่วนตานี่เป็นประกายเลย ก็เขาชอบเป็นเสียแบบนี้ จะไม่ให้ผมตามใจเขาได้ยังไง แล้วผมก็อดไม่ได้ต้องกดจมูกลงไปที่แก้มเขาแรงๆ เห็นแล้วน่ามันเขี้ยวครับ ถึงผมจะตามใจเขาก็จริง แล้วก็ใช่ว่ากันต์เขาจะเอาแต่ใจจนขัดใจไม่ได้เลยนะครับ แต่คุยกับเขาต้องใช่เหตุผลเท่านั้นเอง

“หยุดเลย พอๆ” เขาพูด พร้อมกับยกมือขึ้นมาดันหน้าผมไว้ เมื่อผมทำท่าจะหอมแก้มเขาอีกรอบ

“เอาโต๊ะข้างหัวเตียงด้วยไหม” เขารีบถามเปลี่ยนเรื่อง ผมก็พยักหน้าตอบ เขาเลยหันกลับไปเปิดหาแบบโต๊ะในแคตตาล็อคต่อ

“เป็นโต๊ะกลมหรือเหลี่ยมดี” กันต์ถาม แล้วชี้ให้ผมดูโต๊ะตัวเล็กสองสามแบบที่เนื้อไม้เป็นแบบเดียวกันกับเตียง

“โต๊ะกลมดีไหม โต๊ะเหลี่ยมกลัวจะเดินไปชนมุมอีก” ผมบอก เพราะเคยเห็นกันต์เขาเดินชนโต๊ะข้างเตียงที่คอนโดฯ ทำเอาหน้าแข้งเขียวมาสองสามครั้งแล้ว ไม่รู้ว่าเดินไปชนท่าไหน

“อื้ม แล้วในห้องแต่งตัวจะเอาโต๊ะวางของแบบที่นี่ด้วยหรือเปล่า” กันต์ตอบรับ แล้วถามผมต่อ บ้านใหม่นี่ห้องแต่งตัวมีพื้นที่พอสมควรเลยครับ เพราะเสื้อผ้ากันต์เขาเยอะมาก ตู้เสื้อผ้าเป็นแนวตลอดผนังทั้งสามด้าน โดยตู้ใส่เสื้อผ้าของผมกับเขาจะอยู่ตรงข้ามกัน ส่วนตรงกลางจะใช้เก็บของพวกกระเป๋าเดินทาง กับของบางส่วนที่ใช้ด้วยกัน แต่ดูท่าเสื้อผ้าเขาคงจะมาอยู่ที่ฝั่งผมด้วยแน่ๆ

“หาอะไรกินก่อนไหม จะเที่ยงแล้ว” ผมบอกเขา อันที่จริงท้องผมมันร้องบอกครับ พอหันไปมองนาฬิกาก็ใกล้เที่ยงพอดี

“กินราดหน้าแล้วกัน เดี๋ยวทำให้” กันต์บอก พร้อมวางปากกาในมือ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“อื้อ” ผมตอบรับ แล้วลุกขึ้น เดินตามเขาเข้าไปในครัว





และด้วยฝีมือของพ่อครัวกันต์ ภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที เส้นหมี่ราดหน้ากุ้งสองจานก็มาอยู่ในมือผมที่กำลังถือไปวางที่โต๊ะกินข้าว มันหอมน่ากินสุดๆ ครับ แบบนี้ยิ่งเรียกน้ำย่อยในกระเพาะได้ดีเข้าไปใหญ่ ส่วนกันต์กำลังเก็บของในครัวอยู่ครับ รายนี้ถ้าข้าวของยังวางไม่เข้าที่ไม่ยอมออกมากินอะไรง่ายๆ หรอก ต้องปล่อยให้เขาทำไป จะยุ่งก็ไม่ได้ เคยโดนหาว่าเกะกะมาแล้วด้วย แกล้งทำเป็นน้อยใจเขาไปด้วยตอนนั้น พอเขาเห็นผมเงียบก็รีบเข้ามาอธิบายและขอโทษผมใหญ่เลยครับว่า ไม่ได้ตั้งใจจะว่าแบบนั้น เขาแค่อยากจะบอกว่าทำคนเดียวมันเร็วกว่า แต่ตอนทำกับข้าวนี่ช่วยกันได้นะครับ


“ปีใหม่หยุดกี่วัน” ผมถาม เพื่อที่ผมจะได้วางแผนว่าเราจะไปไหนกันบ้าง ว่าจะถามเข้าตั้งนานแล้ว ก็มัวแต่สนใจเรื่องอื่นจนเกือบลืม

“สิบวัน หยุดตั้งแต่หลังคริสต์มาสถึงปีใหม่” กันต์มองหน้าผมแล้วตอบ ก่อนทำท่าเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง

“อืม วันที่ 25 มีงานเลี้ยงบริษัทฯ ไปด้วยกันนะ” กันต์พูด

“เอางั้นหรอ” ผมถาม ส่วนกันต์พอพูดชวนผมแล้วก็ลงมือกินราดหน้า เริ่มจากจิ้มกุ้งเข้าปากก่อนเลย เคี้ยวตุ้ยๆ แบบนี้แสดงว่าหิวอยู่เหมือนกันครับ ผมเองก็ลงมือกินเหมือนกันตอนนี้อุ่นกำลังพอดี ถ้าให้กินตอนร้อนคงไม่ไหว ผมไม่ค่อยชอบกินของร้อนครับ เอาแค่อุ่นๆ พอ กันต์เองก็นิสัยเดียวกันกับผม ส่วนผมตอนนี้เอาแต่นั่งมองหน้าเขา เหมือนรอให้เข้าตอบผม

“อื้อ” เขาพยักหน้าแล้วส่งเสียงอือออตอบ ก่อนจะกลืนของที่อยู่ในปากแล้วพูดต่อ

“เมื่อวันก่อนแม่โทรมาบอกให้ไปด้วยกัน” กันต์พูดต่อ แบบนี้ผมคงปฏิเสธไม่ได้แล้ว

“จัดที่ไหน” ผมถาม พอกันต์กำลังจะตอบ เสียงจากโทรศัพท์ของผมที่วางไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้นมาเสียก่อน กันต์เลยยังไม่ตอบ แต่หยุดรอให้ผมเดินไปรับโทรศัพท์ก่อน
.
.
.



“เป็นไงบ้างวะมึง กลับไป” ผมทักปลายสายเมื่อกดรับสายแล้ว

"ลงมารับกูหน่อย กูอยู่ข้างล่าง" ป่านมันพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเหมือนคนไม่สบาย ผมรู้ว่าช่วงนี้มันกำลังมีเรื่องไม่สบายใจหรือจะเรียกว่าหนักใจก็ได้ แล้วผมก็รู้ว่าเพราะอะไร แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องตัดสินใจเอาเอง ผมจะเข้าไปยุ่งมันก็ใช่เรื่อง แต่พักหลังมันดูแย่ลงเรื่อยๆ แล้วผมก็เริ่มไม่ชอบใจที่เห็นมันเป็นแบบนี้
 
"เออๆ เดี๋ยวกูลงไป" ผมรับปาก ก่อนกดวางสาย แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าวเพื่อบอกกันต์

“กรลงไปรับป่านข้างล่างนะเดี๋ยวมา” ผมพูด

“อื้อ” กันต์ตอบรับแบบงง เพราะป่านไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้า ผมว่ามันคงมีเรื่องอะไรมาอีก กันต์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่คงเห็นท่าทางรีบร้อนของผม เขาเลยหยุดไว้ก่อน จากนั้นผมก็รีบเดินออกจากห้อง แล้วลงลิฟท์ไปชั้นล่างทันที  





......................................................................




ผมลงมาถึงข้างล่างแล้ว และกำลังมองหาไอ้คนที่เรียกผมลงมารับ แต่ไม่เห็นมันยืนรออยู่ เลยลองเดินหาตามโซฟาที่จัดไว้รับรองแขก แล้วผมก็เจอมัน มันนั่งหันหลังให้ แล้วเอนตัวพิงโซฟานอนหลับเหมือนคนหมดแรง แว้บแรกที่เห็นหน้ามัน หน้ามันซีดจนผมตกใจ พอผมเดินเข้าไปเรียก มันก็ยังไม่รู้สึกตัว จนผมต้องจับไหล่มันเขย่าเบาๆ แต่พอจับตัวมันก็ต้องตกใจกว่าเดิม เพราะไอร้อนที่ผ่านเสื้อยืดบางๆ ของมันออกมา

“เฮ้ย! ขึ้นห้องก่อนแล้วค่อยนอน แล้วเป็นไรวะ ไม่สบายแล้วออกมาทำไม” ผมพูดกับมันตอนที่มันลืมตาขึ้นมาแล้ว แต่ดูท่ามันจะไม่ค่อยรับรู้ในสิ่งที่ผมพูด เพราะมันยังสะลึมสะลืออยู่ มันทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องนิ่วหน้าแล้วทิ้งตัวกลับลงไปนั่งอย่างเดิม ส่วนผมนี่เริ่มหงุดหงิดบวกโมโหแล้วครับ ไม่ได้โมโหมัน แต่โมโหคนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ต่างหาก สภาพแบบนี้ทำไมผมจะดูไม่ออกว่ามันเป็นอะไร


สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดนะครับ ที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อยๆ นับตั้งแต่เรื่องกันต์ผมก็ยังไม่ลืม ว่ามันทำอะไรไว้บ้าง จะตั้งใจ ไม่ตั้งใจ หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่การที่ทำให้คนที่ผมรัก หรือคนที่อยู่ใกล้ตัวผมต้องเจ็บ มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับหรือลืมกันได้ง่ายๆ แล้วกันต์เองก็ไม่รู้เรื่องป่าน ถ้ากันต์รู้เรื่องนี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไง และสำหรับเรื่องนี้มันผมไม่มีทางโทษหรือบอกว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตาแน่ๆ

“ไหวหรือเปล่า” ผมถามมัน ก็ถามมันไปอย่างนั้น เพราะเท่าที่ดูจากสภาพมันแล้ว ผมคงไม่ต้องรอคำตอบ แต่มันยังมีหน้ามาผงกหัวตอบผมได้อีกนะว่าไหว ทั้งที่แค่จะนั่งมันยังทรงตัวไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจก้มลง แล้วช้อนตัวมันขึ้นมาอุ้ม ไม่อายใครแล้วครับตอนนี้ จะให้มันขี่หลังผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะมีแรงเกาะผมไปจนถึงห้องหรือเปล่า ส่วนผมเองก็บอกไม่ถูกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เดี๋ยวพามันขึ้นไปกินยา นอนพักแล้วค่อยว่ากันอีกที

“เฮ้ย! ไม่ต้อง กูเดินได้” มันยังอวดเก่ง นั่งให้ไหวก่อนเหอะมึงแล้วค่อยพูด ผมคิดอยู่ในใจ แต่ไม่อยากพูดให้มันรู้สึกแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ จากนั้นผมก็อุ้มมันไปที่ลิฟท์

“เงียบไปเลยมึง แล้วเกาะกูไว้ดีๆ ไปถึงมึงก็นอนซะ ตื่นมาก็เตรียมคำตอบไว้ให้ที่รักกูดีๆ แล้วกัน” ผมพูด มันก็ยิ้มๆ กับคำพูดของผม แล้วยกแขนขึ้นมากอดคอผมไว้หลวมๆ

“เรียกพี่กู ที่รัก เต็มปากเต็มคำนะมึง” มันพูดเสียงกระท่อนกระแท่นอย่างคนไม่มีแรงแต่ยังอยากจะพูด ตอนนี้เข้ามาอยู่ในลิฟท์แล้วครับ เลยพูดเล่นกันได้

“เออ ก็แฟนกู พูดมากเดี๋ยวกูทิ้งลงพื้นนะมึง” ผมพูด แล้วแกล้งจะปล่อยตัวมัน

“เชี่ย! อย่านะมึง” มันด่าผม แล้วกระชับแขนที่เกาะผมอยู่ให้แน่นขึ้น

“ทะเลาะกันเรื่องที่มึงหนีมานี่หรอวะ” ผมถามมัน เมื่อคืนก่อนมันตามกันต์กลับมาด้วย ผมเลยไม่รู้ว่ามันจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า

“หลายเรื่องว่ะ ช่างมันเหอะ กูเหนื่อยอยากนอนว่ะ”พอมันพูดจบก็หลับตาลงทันที

“เออๆ เดี๋ยวค่อยนอน มึงเปิดประตูให้กูก่อน เดี๋ยวกูส่งถึงเตียงเลยมึง”

“ทำตัวสมเป็นน้องแฟนบังเกิดเกล้าจริงนะมึง” ผมพูด มันก็เอื้อมมือไปเปิดประตู ก่อนหันกลับมาถลึงตาใส่ผมที่ไปเรียกมันแบบนั้น ส่วนใหญ่ผมจะใช้เรียกมันเวลามันทำตัวง้องแง้งงี่เง่าครับ แล้วมันจะชอบอ้าง “กูอ่ะ น้องแฟนมึงนะ” สุดท้ายผมก็ต้องฟังมันทุกที
.
.
.



  
“อ้าว! แล้วนี่เป็นอะไร ไม่สบายหรอ” พอกันต์เห็นผมอุ้มไอ้ป่านเข้ามาในห้อง ก็ลุกจากโซฟา แล้วเดินตามผมที่กำลังเดินไปทางห้องที่ไอ้ป่านมันนอน

“มึงปล่อยกูลงก่อน” ไอ้ป่านมันขอลงพอเห็นหน้ากันต์ แต่ผมยังไม่ทำตามที่มันบอก แล้วไปวางมันลงเมื่อถึงที่นอน โดยมีกันต์เปิดประตูให้เข้ามาในห้อง

“เดี๋ยวกูไปเอายาให้” ผมพูดแล้วเดินออกมาจากห้อง

“ไม่สบายแล้วออกมาทำไม มายังไง” ได้ยินเสียงพี่มันดุใส่ทันทีเลยครับ แต่มันตอบว่าอะไรผมไม่ได้อยู่ฟังเพราะเดินออกมานอกห้องก่อน



พอได้ยาแก้ไข้กับน้ำมาแล้วผมก็เดินกลับเข้าไปในห้อง เข้าไปก็เจอไอ้ป่านนั่งก้มหน้างุด ส่วนกันต์เองก็นั่งมองน้องตัวเอง กันต์คงถามอะไรแล้วมันไม่ตอบแน่เลยครับแบบนี้

“ไปทำอะไรมา” กันต์ถามแล้วผุดลุกขึ้น ก่อนจะดึงแขนป่านมันขึ้นมา จนเกือบเรียกได้ว่ากระชาก ผมว่ากันต์เองก็คงรู้ว่าป่านเจออะไรมา แต่ถามเพราะอยากได้คำตอบจากปากมันมากกว่า

“ป่าน ใครทำ” เสียงกันต์เรียกไอ้ป่านมันเสียงดัง ผมรู้ครับว่าอารมณ์เขากำลังขึ้น แต่ไม่ใช่โมโหไอ้ป่านที่ไม่ยอมพูดหรอก แต่เพราะเป็นห่วงมันมากกว่า ส่วนป่านผมคิดว่ามันคงไม่พร้อมที่จะพูดอะไรตอนนี้  

“กันต์ใจเย็นๆ“ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ กันต์แล้วบอกเขา ก่อนจะยื่นยากับแก้วน้ำไปให้คนป่วยที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียง แล้วทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมล่อ

“กินยาแล้วนอนซะมึง ตื่นมาค่อยคุยกัน” ผมบอกมัน มันก็รับยากับแก้วน้ำจากมือผมไป

“ให้มันนอนไปเหอะ ตื่นมาค่อยคุย” ผมพูด แล้วดึงมือกันต์มากุมไว้ ก่อนจูงมือเขาออกจากห้อง

“เดี๋ยวๆ” กันต์เรียกไว้ผมเลยหยุด แล้วปล่อยมือเขา กันต์หันกลับไปห่มผ้าให้ป่านครับ ส่วนไอ้คนป่วยแค่ล้มตัวลงนอนก็หลับพริ้มไปแล้ว มันคงเพลียถึงหลับง่ายขนาดนั้น
.
.
.



“รู้ใช่ไหมว่าใครทำ” ซักน้องตัวเองไม่ได้ ก็มาซักเอากับผมเลยครับ สงสัยงานนี้ไม่ใครก็ใครคงโดนซักฟอกจนสะอาด แล้วดูจากท่าทางกันต์ตอนนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าจริงจัง ก็อย่างว่าไอ้ป่านมันน้องรักเขา กับผมเองแค่เพื่อนมันยังนึกโมโห กับกันต์คงไม่ต้องให้บอกว่าเขาจะรู้สึกยังไง แต่มันจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเขาไม่รู้ว่าทำไมป่านถึงมีสภาพอย่างที่เห็น

“รอให้มันบอกเองแล้วกัน กรขอไม่พูดได้ไหม” ผมบอกกันต์ บอกตามตรงเลยครับว่าผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ รอให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจดีกว่า

“อย่าโกรธนะ” ผมบอกคนตรงหน้า ที่เอาแต่ยืนนิ่ง จนผมไม่รู้จะทำยังไง


…………………………………………..
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> (แจ้งข่าว) p. 43 (1-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 04-12-2010 08:18:39
คิดถึงเหมือนกันค่ะ :กอด1:
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 04-12-2010 08:40:55
กรกันต์มาแว้ววว :oni2: จริงๆ Log out ออกไปแล้วแต่พอเห็นเรื่องนี้มาก็ลุกจากเก้าอี้ไม่ไหว 555 เห็นชื่อตอนแล้วอ่านไปช่วงแรกๆนึกว่าปกปิดนี้จะ หมายถึงคู่กรกันต์เอง แต่กลายเป็นป่านหนีร้อนมาพึ่งเย็น สงสารป่านนะ แต่เท่าที่ฟังสายด่วนมา บอกตรงๆว่าถ้าเป็นตัวเองก็อาจทำแบบนี้เหมือนกัน ถึงจะรู้ว่ามันโหดร้าย แต่จิตใต้สำนึกลึกๆ "ก็กูหวงของกูนี่"มันสลัดไม่หลุด และก็ห้ามอารมณ์ตัวเองยากจริงๆ  :serius2:  

ปล,แต่ มาตัดบท ตรงที่จัดงาน จะมีอะไรกับสถานที่นั้นหรือเปล่า *แอบระแวง*
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-12-2010 09:23:28
เครียดดดดดดดแทนกันต์กับกร
สงสารป่าน
หงุดหงิดกับไอ้พี่กาวน์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 04-12-2010 10:07:26
เฮ้อ ทำไมพี่กาวน์ทำนิสัยแบบนี้เนี้ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 04-12-2010 10:36:54
อาการจับไข้ แบบนี้ กรี๊ดดดดดดดดด พี่กาวน์ทำได้ลงเน๊อะ
เห็นชื่อตอนแล้วแอบนอยด์ นึกว่าเป็นคู่กร โล่งไปค่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 04-12-2010 10:39:31
เหอะ ๆ สุดท้ายงานเข้ากร ซะงั้น
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 04-12-2010 10:48:41
น่าสงสารน้ำท่วมปาก หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ  ทำได้อย่างเดียวตอนนี้ทำใจ แล้วค่อยคิดกันใหม่นอนเพิ่มพลังไปก่อนป่าน   :L1:   :L1:    :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 04-12-2010 11:19:03
เหตุการณ์คาบเกี่ยวกับเรื่องโน้นนี่

แอบหงุดหงิดไอ้คุณพี่กาวน์ เบาๆ
แต่ก็เข้าใจกาวน์ด้วยว่ารู้สึกยังไง แต่เข้าใจมั้ยว่า ยังไงก็ยังหงุดหงิด
 :angry2:


อย่ามัวแต่สับสน อึน มึน กับตัวเองสิพี่กาวน์
จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานมั้ย?

ทำแบบนี้ ป่านก็เสียใจ
กันต์กับกรก็ไม่สบายใจ

แล้วตัวกาวน์เองก็เหมือนกันน่ะแหละ มีควมสุขหรือเปล่า? ก็ไม่..

สงสารป่าน ตื่นมาโดนกันต์ซักฟอกแหงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-12-2010 11:43:51
 o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-12-2010 11:58:24
 :เฮ้อ: ป่านเอ้ยยย
พี่กันต์ใจเย็นๆน๊าาา

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 04-12-2010 12:24:59
เฮ้อ! สงสารป่าน
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-12-2010 12:28:55
เฮ้อออออออออออออออออออ
มาเรื่องนี้ก็ยังต้องมาสงสารน้องป่านต่ออีก

แง้ๆๆๆๆๆๆๆ ทรมานแทน T_T

..............................
น้องกวางคะ
ตรงนี้น่ะค่ะ "แล้วทำท่าจะร้องไห้อยู่มะรอมมะล่อ"
คำว่ามะรอมมะล่อ? มันไม่มีนะ เข้าใจว่าตั้งใจจะใช้คำว่า "รอมร่อ" รึเปล่า?
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 04-12-2010 14:31:00
สงสารป่าน

พี่กาวน์แม่ง
 :z6:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 04-12-2010 16:18:36
เง้อ เกิดเรื่องอีกแล้ว อีพี่กาวน์ตัวสร้างปัญหา :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-12-2010 16:34:41
อิพี่กาวน์ชิ อยากต่อยแกจัง
กันต์ใจเย็นๆนะ อย่าดุน้องมันเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 04-12-2010 16:41:56
อิพี่กาวน์มัยรุนแรงจังฟร่ะ
หึงโหดเอาถ้วยหรือไงเนี้ยะ
น้องช้ำหมด เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 04-12-2010 23:23:17
หวังว่างานจะไม่เข้ากรนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 04-12-2010 23:32:21
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 04-12-2010 23:34:59
แอบตกใจกับชื่อตอนเลย
นึกว่าคู่สุกหวานเค้าจะมีเรื่องดราม่า
แต่ที่ไหนได้คู่พี่กาวน์กะน้องป่านนิเอง

เฮ้อ...สงสารป่าน
พี่กาวน์ก็นะทำอะไรลงไปไม่คิด
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 04-12-2010 23:45:59
พี่กาวน์ใจร้ายหว่ะ สงสัยทำร้ายป่านมาแน่ๆ ถึงหนีมาแบบนี้น่ะ  :z6: :z6:
รีบมาเคลียร์เลยนะ ไม่งั้นมีโดน  :beat: :beat:
มาต่อไวๆนะค๊าาา  :L2: :L2:

รักกร กันต์เสมอ กะคนเขียน อิอิ น่ารักตลอดอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 05-12-2010 00:43:01
คู่นึงก็รักกันดีเข้าใจกันดีมากๆ
ส่วนอีกคู่จะว่าไงดีล่ะคลุมเครือไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง
พี่กาวน์เป็นเอสเอ็มป่ะเนี่ย ท่าทางอารมณ์รุนแรงอยู่ใช่น้อย
เฮ้อ เอาใจช่วย สงสัยป่านต้องให้กันต์กับกรช่วยซะแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 05-12-2010 09:37:22
 o22 o22 o22 o22


ชื่อตอนทำเอา  ใจหายยยยยยยยยยยย

แต่ไม่ใช้คู่เฮียกร

ฮ่าๆ


รักคนแต่งงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 05-12-2010 11:58:32
ท่าทางกรคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นะ เจอแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 05-12-2010 15:01:51
ตอนนี้คู่กันต์กรน้อยจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 05-12-2010 17:29:15
กันต์ใจเย็นๆ นะ แต่ถ้ารู้เรื่องคงทำใจเย็นลำบาก แค่นี้ก็ฉุนขาดแล้ว

ส่วนน้องป่าน น่าสงสารเสมอต้นเสมอปลายเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 05-12-2010 22:18:46
เห็นชื่อตอนแล้วแอบนอยด์เหมือนกัน
แต่กันต์คงเป็นห่วงป่านมากๆอ่ะ...ก็คงต้องรอป่านตื่นก่อน..ได้โดนพี่กันต์ซักฟอกจนตัวซีดแหงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 05-12-2010 23:58:21
สงสารป่านอะ พี่กราวน์รุนเเรงขนาดนั้นเลยหรออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 06-12-2010 16:11:29
จะมีเรื่องยุ่งเพราะพี่กาวน์หรือเปล่านิ
อีกคนก็พี่ อีกคนก็น้อง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 09-12-2010 22:39:43
สงสารน้องป่านนนนน
TT^TT
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-12-2010 23:45:26
ชื่อตอนทำจิตตกเลย นึกว่าคู่เอก ที่แท้ก็เป็นป่านกับอิพี่กาวน์จอมก่อเรื่องอีกแล้ว

อิพี่กาวน์ นี่ต้องโดนแบบจัดหนักๆๆ นะ  :beat:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [1/2] p. 44 (4-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 13-12-2010 23:28:51
ตอนที่ 46 ปกปิด [2/2]

“รอให้มันบอกเองแล้วกัน กรขอไม่พูดได้ไหม” ผมบอกกันต์ บอกตามตรงเลยครับว่าผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ รอให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจดีกว่า

“อย่าโกรธนะ” ผมบอกคนตรงหน้า ที่เอาแต่ยืนนิ่ง จนผมไม่รู้จะทำยังไง


“อย่าโกรธ”


“อย่าโกรธหรอกร” กันต์พูดทวนคำที่ผมพูดกับเขา ด้วยอารมณ์ที่ผมไม่อยากให้เกิด แต่มันคงเกินจะห้ามได้แล้วในตอนนี้

“แล้วกรจะให้กันต์ทำยังไง นั่นมันน้องกันต์นะ คิดบ้างหรือเปล่าว่ากันต์จะรู้สึกยังไง” กันต์ยืนกำหมัดแน่นอย่างคนที่พยายามจะสะกดอารมณ์ของตัวเองไว้ แต่ก็ทำได้แค่ไม่นาน

“ทำไมไม่ตอบล่ะ รู้ แล้วเอาแต่เงียบแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง” กันต์พูด พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาขยำเสื้อตรงหน้าอกผม และกำไว้ในมือจนแน่น ในขณะที่ดวงตาก็จดจ้องมาที่ผมอย่างคนที่ต้องการคาดคั้นเอาคำตอบ แต่ในชั่วขณะหนึ่งผมกลับเห็นประกายวูบไหวในดวงตาคู่นั้น ผมรู้ว่าเขายังฝังใจกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง

จริงอยู่ว่ากันต์รู้ความจริงในเรื่องนั้นแล้ว แต่มันไม่สามารถลบความรู้สึกที่เกิดในช่วงนั้นให้หมดไปได้เสียทีเดียว พอมาเจอเรื่องแบบนี้ ถึงจะไม่ใช่กับตัวเอง แต่มันก็กลายเป็นตัวกระตุ้นให้ความรู้สึกบางอย่างมันคืนกลับมาอีก


...แล้วผมควรทำยังไง
     

“กันต์ไม่ได้อยากถามป่านเลยสักนิด” กันต์ยังคงระบายความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่มือทั้งสองข้างยังกำเนื้อผ้าของเสื้อที่ผมใส่ไว้ในมือจนแน่น ผมไม่ได้แกะมือเขาออก แต่ยกมือขึ้นไปกุมมือซ้อนทับกับมือเขาไว้อีกที

“แต่จะให้ทำยังไง กันต์อยากรู้ว่าใครทำป่าน”


“ใคร?” กันต์ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าในตอนแรก


“รู้ไหมว่าเจอเรื่องแบบนั้น มันรู้สึกยังไง”

“มันรู้สึกยังไง รู้ไหม...” กันต์มองสบตากับผมแล้วพูด เขาจะรู้ไหมว่าคำพูดของเขาแต่ละคำ มันไม่ได้เป็นมีดที่ทิ่มแทงใจเขาให้เจ็บเพียงคนเดียว เพราะผมเองก็เจ็บไม่แพ้กัน

“มันแย่นะกร มันแย่มาก”

“ใครทำ ใครทำป่านแบบนี้” เขาพูดกับผมเสียงเครือ จนผมต้องรวบตัวเขามากอดไว้แน่นๆ และยกมือขึ้นไปลูบหลังเขาไปด้วย

“ใจเย็นๆ นะ ใจเย็นๆ” ผมพูด พร้อมกับลูบหลังกันต์ไปเรื่อยๆ พอได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นไว้ออกมาบ้าง กันต์ก็มีท่าทีที่อ่อนลงกว่าในตอนแรก
 
“ป่านมันก็เพื่อนกรนะ กรก็เป็นห่วงมันไม่น้อยกว่ากันต์หรอก เชื่อสิ” ผมพูดเพื่อให้คนในอ้อมกอดรับรู้ความรู้สึกของผมบ้าง ส่วนอีกใจตอนนี้อยากพุ่งออกไปหาต้นเหตุของเรื่องแล้วต่อยหน้ามันสักที 

“เชื่อใจกรไหม” ผมถามคนที่ยืนนิ่ง ปล่อยให้ผมกอด โดยที่เขาไม่ได้ยกแขนขึ้นมากอดผมตอบ 

กันต์ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ก่อนจะยกแขนขึ้นมากระชับแน่นรอบคอผม แล้วฝั่งหน้าลงไปกับบ่า

ผมรู้ว่านั่นเป็นคำตอบของเขา “เชื่อใจ”

“ที่กรไม่บอก ไม่เล่า ไม่ได้แปลว่ากรไม่ห่วงมัน หรือห่วงมันน้อยกว่ากันต์” ผมเริ่มพูดต่อ เมื่อคิดว่ากันต์พร้อมที่จะฟังผมแล้ว

“แล้วกันต์คิดว่ากรจะยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนตัวเองโดยไม่รู้สึกอะไรหรอ กรก็ไม่อยากเห็นมันเป็นแบบนี้ แต่เรื่องนี้ป่านมันต้องตัดสินใจด้วยตัวมันเอง”

“แต่ถ้ามันจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้กรก็ไม่ยอมเหมือนกัน”

ผมพูดออกไปทั้งที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจไอ้ป่านมันเลยสักนิดว่ามันจะทนอยู่แบบนี้ไปทำไม มันหนีมาหาผมกับกันต์ก็จริง แต่สุดท้ายมันก็จะกลับไป กลับไปไม่เท่าไหร่มันก็เจ็บกลับมาอีก จนบางครั้งผมก็อ่อนใจกับมันนะ แต่พูดกับมันไปก็แค่นั้น
แล้วที่ผมพูดแบบนี้เพราะรู้ว่าป่านมันเป็นแบบนี้เพราะใคร ลองเป็นคนอื่น คงไม่ต้องรอให้กันต์มาถามเอากับผมแบบนี้ ผมคงจัดการอะไรไปเรียบร้อยแล้ว


ว่าไปแล้วก็อยากถอนหายใจหนักๆ กับตัวเองสักที เพราะเริ่มโล่งใจเมื่อเห็นกันต์เขาสงบลงเยอะแล้ว ตอนแรกกลัวว่าอารมณ์เขาจะแรงกว่านี้ แต่เขายอมฟังผมแบบนี้ ก็เบาใจไปเยอะครับ พูดตามตรงว่าผมไม่อยากให้เรื่องของคนอื่นมาเป็นประเด็นให้เขากับผมทะเลาะกัน ถึงคนที่ว่านั่นจะเป็นน้องของเขา และเป็นเพื่อนของผมก็เถอะ ให้ผมกับกันต์คุยกันรู้เรื่องก่อน แล้วค่อยช่วยกันคิดว่าจะจัดการยังไงต่อกับเรื่องนี้ ห่วงทั้งแฟน ห่วงทั้งเพื่อนครับงานนี้

.
.
.

หลังจากกันต์อารมณ์เย็นลงได้ไม่ทันไร ตัวต้นเหตุก็โทรมาหากันต์ครับ คงโทรมาถามหาไอ้ป่าน ในใจผมก็คิดว่าถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ครั้งหน้าผมว่าจะพาไอ้ป่านหนีไปไกลๆ ให้ตามหาให้ตายกันไปข้าง ตอนนี้คิดแล้วก็หงุดหงิดครับ แต่ทำอะไรไม่ได้  หลังจากกันต์วางโทรศัพท์ก็มาบอกผมว่าพี่ชายเขาจะมารับป่านกลับ

พอคนที่โทรเข้ามาหากันต์มาถึง ผมก็เป็นคนไปเปิดประตูรับเขาเข้ามาในห้อง บอกตามตรงว่าถึงตอนนี้ผมก็ยังทำใจนับญาติด้วยไม่ได้ เลยแค่เปิดประตูให้เข้ามา แต่ก็เผลอจ้องหน้าไป ก่อนก้มหัวทักทายพอเป็นพิธี แล้วเดินเลี่ยงเข้าไปหาไอ้ป่านที่น่าจะยังนอนหลับอยู่ในห้อง ส่วนคนที่เข้ามาใหม่ก็เข้าไปคุยกับกันต์ครับ ห่วงกันต์ไหม มันก็ห่วง ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรแล้วทำให้กันต์คิดมากหรือเปล่า แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเอง และคิดว่าคนที่มาหาป่านมันคงไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่มอีก



แล้วบทสรุปก็ออกมาเหมือนเดิมครับ ป่านมันก็กลับไปกับเขา แต่คนที่ลงไปส่งสองคนนั่นสิครับ ทำไมกลับขึ้นมาพร้อมรอยแดงเป็นเทือกที่ข้อนิ้ว ผมเห็นตอนที่กันต์เขาเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาที่มีผมนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว พอเขาวางมือลงมาบนหน้าขาผม ผมก็เลยเห็น

กันต์เขาไม่ได้จงใจจะให้ผมเห็นหรอก แต่เป็นความเคยชินเขามากกว่า เวลานั่งอยู่ด้วยกันต์เขาจะเอามือมาวางบนหน้าขาผม รอให้ผมจับ เพราะผมชอบจับมือเขา พออยู่ด้วยกันผมก็เอามือเขามาจับตลอด เขาก็เลยชินไปด้วย หลังๆ เลยเอามือมาวางรอเลย   

“ไปโดนอะไรมา” ผมถาม แล้วช้อนมือกันต์ให้เข้ามาอยู่ในมือผม ก่อนใช้หัวแม่มือลูบรอยแดงนั้นเบาๆ

“ต่อยคน” พูดสั้นๆ แต่ได้ใจความครับ ท่าทางจะเหนี่ยวหมัดเสียเต็มที่ เล่นเอามือแดงขนาดนี้ ส่วนคนที่โดนหมัดไปน่าจะได้เลือดกันบ้างล่ะงานนี้ คิดแล้วก็ชักหนาวๆ แฮะ แฟนใครวะ โหดจริง

“ถ้าเขาตอบกลับมาจะทำยังไง” อันนี้ถามเพราะห่วงครับ ตอนนี้ไม่ค่อยมั่นใจว่าพี่น้องบ้านนี้เขารักกันยังไง เห็นต่อยกันมาสองครั้งแล้ว

“ก็ต่อยกลับ” ฟังคนข้างผมเขาตอบสิครับ เรื่องแบบนี้ไม่กลัวกับเขาบ้างเลย พอเขาตอบแล้วก็เอนหัวมาพิงซบที่ไหล่ผม ผมเลยไม่พูดอะไรต่อ

“ครับๆ เก่งครับ แต่กรเป็นห่วงนะ แล้วคุยกันรู้เรื่องหรือยัง” ผมถาม

“ยัง แต่ก็พอรู้” ตกลงรู้ หรือไม่รู้ล่ะครับแบบนี้

“อื้ม แล้วจะเอายังไงต่อ” ผมถาม เห็นเขานิ่งๆ เลยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ครับ

“ก็ดูไปเรื่อยๆ” กันต์บอกผม



“กันต์” ผมเรียกเขา ที่ยังเอนตัวพิงผมอยู่

“ฮือ” กันต์ตอบรับ แล้วเงยหน้ามามองผม

“หิวอ่ะ มีอะไรกินบ้าง” ไม่ได้อยากจะกวนเลยครับ ยิ่งเห็นเขาอยู่ในท่าสบายๆ แบบนี้ แต่ทำไงได้ท้องผมมันร้องนิครับ ก่อนป่านมันจะมาผมเพิ่งกินราดหน้าไปได้ไม่กี่คำเอง แล้วก็ไม่ได้กินต่อ จนตอนนี้จะบ่ายสามแล้ว มันก็หิวสิครับ

“ยังมีราดหน้าเหลืออยู่ เดี๋ยวไปอุ่นให้” กันต์บอกแล้วขยับตัวลุก โดยมีผมเดินตามเขาเข้าครัวไปอย่างเคย ตอนนี้อยู่กันสองคนแล้ว กลับไปคุยเรื่องของเราสองคนกันต่อดีกว่าครับ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าปีใหม่จะไปเที่ยวไหนกันดี แล้วยังเรื่องงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทฯ กันต์เขาอีก

.
.
.

แล้วตอนนี้ผมก็ได้ราดหน้าร้อนๆ ใส่จานใบใหญ่สีขาวตัดขอบด้วยสีน้ำเงินเข้มมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ส่วนคนที่ตักมาให้ก็หย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผม และมีถ้วยคัสตาร์ดที่ซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้เมื่อวานอยู่ในมือ

“งานเลี้ยงบริษัทฯ นี่ยังไง จะให้กรไปด้วยหรอ” ผมถามอีกครั้ง สำหรับผมเองก็ไม่ได้กังวลนะครับ ที่จะไปงานด้วยกันกับเขา อย่างมากก็เนียนๆ ไปว่าเป็นพี่เป็นน้องที่รู้จักกัน ไปด้วยกันคงไม่แปลก

“อื้ม แม่โทรมาบอกให้พากรไปด้วย” กันต์ถามผม พร้อมตักคัสตาร์ดในถ้วยส่งเข้าปาก

“จะมีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม พอถูกย้ำว่าแม่เขาบอกให้พาผมไปด้วยนี่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ ไม่ใช่ว่ากลัวจะมีเรื่องอะไรไม่ดีนะครับ เพราะแม่กันต์เขาน่ารักครับ ถ้าไม่อย่างนั้นจะยกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาให้ผมหรอ คิดเหมาไปแล้วครับว่ายกให้ ก็นะมาอยู่ด้วยกันจนจะสร้างบ้านใหม่ด้วยกันเสร็จแล้ว ไม่ยกให้ก็พาหนีอย่างเดียวแล้วล่ะครับงานนี้ แต่ที่คิดว่าแปลกนี่มันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันครับว่ายังไง

“ไม่รู้สิ” คนที่นั่งละเลียดกินของหวานพูดตอบ เจอขนมหวานๆ เย็นๆ เข้าไปไม่สนใจกันเลย

“ปีใหม่อยากไปไหน” ผมถามคนที่กำลังเพลินกับขนมหวานในมือ แล้วก็กลับมาคุยเรื่องที่ตั้งต้นจะคุยกันตั้งแต่แรกได้สักที ถูกขัดจังหวะมาหลายรอบแล้ว

“ไม่รู้อ่ะ แล้วกรอยากไปไหน” กันต์ตอบแล้วถามกลับมา จะว่าไปนี่เป็นปีใหม่แรกเลยครับ ที่ผมไม่มีแผนการอะไรอยู่ในหัว ถ้าเป็นปีที่ผ่านๆ มาส่วนใหญ่ผมจะบินไปสมทบกับพ่อแม่ที่ต่างประเทศ ซึ่งก็แล้วแต่ครับว่าปีนั้นพ่อแม่ผมดูงานอยู่ที่ไหน อย่างปีที่แล้วอยู่ฮ่องกง ปีก่อนนู้นอยู่เกาหลี ก็อยู่ในเอเชียนี่แหละครับ ไม่ได้ไปไกลอะไรมาก แต่มาปีนี้พ่อแม่กลับมาอยู่บ้านแล้ว ผมเลยไม่มีแผนบินไปไหน

แล้วอย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แค่มีกันต์อยู่ด้วยอยู่ที่ไหนก็ได้ครับ ได้อยู่ด้วยกันอยู่ที่ไหนก็ได้ ยิ่งช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่ ได้หยุดอยู่ด้วยกันยาวๆ บ้าง ก็อยากใช้ให้คุ้มครับ แล้วอีกอย่างผมก็กำลังจะเรียนจบแล้ว พ้นปีใหม่ไปอีกสองสามเดือน ก็คงต้องเริ่มเข้าไปทำงานแล้ว ยังไม่รู้เลยครับว่าถึงตอนนั้นจะเป็นยังไง เอาเป็นว่าใช้เวลาที่ยังพอมีว่างอยู่ตอนนี้ให้คุ้มที่สุดดีกว่า

“อยากขับรถเที่ยว แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี” อันนี้กันต์พูดขึ้นมาครับ เรื่องของเรื่องผมว่าอยากหาเรื่องไปใช้รถใหม่ของเขาให้เต็มที่มากกว่า ก็ไอ้เจ้ารถสปอร์ตแปะตราสี่ห่วงของกันต์น่ะ ตั้งแต่เจ้าตัวเขาถอยออกมาเกือบจะครึ่งปี ขับไปไกลสุดก็แค่หัวหิน ได้ออกมาขับสบายๆ ในกรุงเทพฯ กับเขาแบบไม่เจอรถติดก็นานๆ ที แล้วไอ้นานๆ ทีที่ว่านั่น ผมก็ต้องออกมานั่งรถไปกับเขาตอนเที่ยงคืนตีหนึ่งนั่นล่ะ

“อยากลองรถก็บอก รู้ทันเหอะ” ผมพูดแซวเขา พร้อมยักคิ้วส่งไปให้แบบกวนๆ

“ใครว่า ได้อยู่ในรถสองคนนานๆ ต่างหาก ไม่ดีหรอ นั่งเครื่องบินไปเที่ยวไกลๆ คนก็เยอะ ขับรถอ่ะ มีกันแค่สองคนเองนะ” กันต์ตอบ แล้วยิ้มให้แบบกวนๆ ไม่แพ้กัน

“ตอบแบบนี้หาเรื่องนะเนี่ย” ผมมองหน้าเขาแล้วพูด

“หาเรื่องตรงไหน” กันต์ถามกลับมา ก่อนตักขนมส่งเข้าปากต่อ แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้

“หาเรื่องเสียตัวอ่ะ” ผมตอบ ก่อนจะถูกคนตรงหน้าว่ากลับมาว่า

“ไอ้หื่น นิสัยเสียว่ะ”

“คิดเป็นอยู่เรื่องเดียว ไอ้บ้า” โดนมาเป็นชุดเลยผม แต่ก็ขำๆ ครับ พอพูดจบกันต์ก็รีบลุกหนีไปทิ้งตัวลงกระแทกกับโซฟานู่น แถมยังทิ้งถ้วยขนมไว้ให้ผมเก็บอีกต่างหาก ฮาๆ แล้วเจ็บไหมละนั่น ทิ้งตัวลงเสียแรง แอบถามอยู่ในใจนะครับ ขืนถามออกไปจริงๆ งานนี้ได้งอนกันจริง เพราะจะโดนหาว่าไปแซวเขา 

แล้วไอ้ที่เขาตอบมาแบบนี้มันหาเรื่องกันจริงไหมล่ะ ผมพูดผิดตรงไหน อยากน่ารักเองทำไม

.
.
.

พอกันต์ลุกไปแล้ว ผมก็เอาจานกับถ้วยขนมไปล้างเก็บ ก่อนจะเดินไปหากันต์ที่กำลังนั่งกดรีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์หารายการที่น่าสนใจดูอยู่บนโซฟา

“ขึ้นไปหาปู่กับย่าไหมล่ะ” ผมเสนอ ได้ขับรถทางไกลสมใจเขา แล้วยังได้ไปเยี่ยมปู่กับย่าท่านด้วย ส่วนเรื่องรถติดช่วงเทศกาลผมว่าไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่ เพราะหยุดก่อนบริษัทฯ อื่นหลายวันอยู่เหมือนกัน

“คราวนี้มีเวลาตั้งหลายวัน ไปเที่ยวที่อื่นด้วยก็ได้” ผมพูดต่อ กันต์ก็ฟังแล้วทำท่าเหมือนคิดตามผมไปด้วย 
       
“ไปหาย่าก็ดีเหมือนกัน คิดถึง” กันต์หันกลับมาพูดกับผม

“ออกสักตีสองตีสาม แล้วไปถึงนู่นสายๆ ก็ได้” พอเขาเห็นด้วยแผนเดินทางก็มาเลยครับ ส่วนเรื่องไปเที่ยวต่างประเทศเดี๋ยวคงมีกันแน่ๆ แต่ปีใหม่นี้คงไม่ทันแล้ว

“วันเสาร์มีงานบริษัทฯ แล้วจะออกคืนวันอาทิตย์เลยไหม” ผมถาม ถ้าจะให้ออกคืนวันเสาร์ที่ 25 เลยก็คงไม่ไหว คิดว่ากว่างานจะเลิกคงดึกเอาเรื่อง

“อื้อ เดี๋ยวได้โทรไปบอกย่าว่าจะไป” กันต์บอกผม ดูท่าแล้วงานนี้กลับมาคงได้น้ำหนักขึ้นกันอีกแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรครับ กินเยอะก็ต้องหาอะไรทำเพื่อเผาผลาญให้เยอะขึ้นไปด้วย ออกกำลังกายครับ ออกกำลังกาย

.
.
.

แล้วก็ไม่รู้ว่าวางแผนเที่ยวกันท่าไหน คนที่เริ่มแผนว่าอยากขับรถเที่ยวถึงได้เอนตัวพิงอกผมแล้วหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาแบบนี้ พอเห็นเขาหลับเลยต้องขยับตัวจัดท่าใหม่ให้เขานอนสบายกว่านี้ ไม่อย่างนั้นตื่นมาได้ปวดคอปวดหลังกันบ้าง ก็ให้เขานอนพิงตัวผมอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ผมคว้าหมอนมาซ้อนหลังตัวเองให้มันสบายขึ้นหน่อย จะได้นอนถนัดทั้งสองคน แล้วไม่นานผมก็ได้พักสายตายามบ่ายไปพร้อมอีกคน

------------------------------------------------------------- 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 13-12-2010 23:31:54
พี่กาวน์ทำกันต์หลอนฝังใจเลยอ่ะ แล้วป่านกลับไปด้วยคราวนี้อะไรมันจะดีขึ้นหรือเปล่า เฮ้อ ไม่เอาไม่คิดดีกว่า กาวน์ป่าน เครียดเกินไป กลับมาหวานหยดกับกรกันต์ดีกว่า :m1: ปีใหม่วางแผนจะไปเที่ยวกันอีกแล้ว คู่นี้เขาเข้าขากันดีจริงๆ แต่เรื่องงานเลี้ยง...ยังไม่อยากจิวางใจเลยอ่ะ หรือบางทีแม่จะประกาศเปิดตัวลูกเขย  :m11:
ขอบคุณค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 13-12-2010 23:46:58
เตรียมแผนสวีทกันแล้ว  :o8:
ไม่รู้ไปงานคราวนี้คุณแม่จะมีเซอร์ไพรส์รึป่าวน๊า..
รอลุ้นต่อไป เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 13-12-2010 23:49:42
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 13-12-2010 23:54:16
 :m17: กรอ่ะพาเข้าเรื่องนั้นได้ตลอดเลยนะ
เรื่องเที่ยวนะ อิอิ แหม เตรียมแผนไปสวีทกันอีกละ
ตอนนี้ยังไม่ยาวมาก จะเก็บเอาไว้ตอนหน้าใช่ไหมล่ะ
รู้นะ (เขาหวังอยู่ 55+)

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 13-12-2010 23:56:01
เริ่มมาแบบเครียดๆ
แต่สุดท้ายก็แพ้ความหวานของกันต์กรอยู่ดี
^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 14-12-2010 00:03:17
อ่านเรื่องนี้ทีไร

อยากจะบอกหวานกันมากเลยย แถมเข้าใจกันอีก ชอบๆสส

รออ่านตอนหวานๆ ไปสวีตกันนะ คนเขียน :)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 14-12-2010 00:06:02
ชอบบบบบบบบบ



ว่าแต่ แอบลุ้นว่าคุณแม่มีอะไรหรือเปล่าหว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 14-12-2010 00:11:10
ป่าน ทำไมต้องยอมอ่ะ ขัดใจอ่ะงิ เซ็ง  :z3: :z3:
กันต์ ก็นะ พยายามดีแล้วหล่ะควบคุมอารมณ์ไว้
หวานได้อีกอ่ะ กร อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-12-2010 00:13:42
เฮ่ออออออออนึกว่าจะมามีเรื่องกันเองเสียอีก ผ่านไปได้ด้วยดีเราหรือก็ลุ้นเสียเกร็ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 14-12-2010 00:19:14
หู้ยยย ฟังแผนล่ะอิจฉาคนมีคู่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 14-12-2010 01:13:33
อึดอัดแทน จะปิดทำไม
สงสารป่าน
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 14-12-2010 01:18:52
เรื่องของคนสองคนอ่ะก็ให้เค้าจัดการกันเองก็ดีแล้วเนอะ
เป็นเพื่อนกับเป็นพี่ก็แค่ดูอยู่ห่างๆ ถ้ามากไปก็ยื่นมือไปช่วยนิดๆหน่อยๆ
นอกนั้นให้เค้าตัดสินใจเองก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าก็โตๆกันแล้วด้วย
ส่วนกรกับกันต์คู่นี้น่ารักตลอดเหอะ อิจฉานะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 14-12-2010 01:28:16
หวานกันตลอดอ่ะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 14-12-2010 01:51:01
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 14-12-2010 08:49:40
น่ารักจัง บรรยากาศอบอุ่นสุดๆ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 14-12-2010 09:16:44
อูยยยยยยยยยย มดกัด....มดเยอะเนาะ  อิอิ  :-[

เห็นด้วย กะ Rockstar เรื่องแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจเอง

แต่ไม่ว่ายังไง กันต์กะกร  ก็หวานนนนนนนนนนนนนนนนนได้ใจอย่างเดิม :man1:

บรรยากาศหวานๆอุ่นๆแบบนี้  อยู่ไปนานๆนะค้าบ  อย่าเพิ่มมาม่าเร๊ย :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 14-12-2010 09:20:50
อยากอ่านพาร์ทของป่านบ้างจัง :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-12-2010 10:19:53
มีความสุขไปกับคู่รักตัว ก

และ..........รอตอนต่อไปในเรื่องนู้นอย่างจดจ่อค่ะน้องกวาง
อยากเห็นออร่าพระเอกจากพี่กาวน์ใจไม่ร้ายแต่การกระทำร้ายสักที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-12-2010 11:35:23
กันต์น่ารัก  กรก็น่ารัก  สองคนนี้ดูแลกันเป็นอย่างดีทั้งร่งกายและจิตใจเลยนะ  อิจฉามั่กๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-12-2010 11:36:20
อยากให้ถึงตอนป่านกับกาวน์ จะหวานแค่ไหน จะกินคู่กันต์กับกรลงไหม
อ่านไปก็ปลื้มไป ยิ้มไปกับคู่รัก กันต์-กร
555แผนเที่ยวปีใหม่ ของคู่รักคู่นี้ พร้อมวิธีลดน้ำหนัก
 "....ดูท่าแล้วงานนี้กลับมาคงได้น้ำหนักขึ้นกันอีกแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรครับ กินเยอะก็ต้องหาอะไรทำเพื่อเผาผลาญให้เยอะขึ้นไปด้วย ออกกำลังกายครับ ออกกำลังกาย...."

ใช่จ้ะออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาประเภทเตียงคู่ 555 (ชั้นเคยรู้จัก แค่กีฬาประเภทลู่กับประเภทลาน)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 14-12-2010 17:07:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-12-2010 17:30:45
สงสัยคุณแม่มีเซอร์ไพรซ์อะไรหรือเปล่าค่ะ  แต่ตอนนี้ อยากรู้ว่า กร กับ พี่กันต์ออกกำลังกายกันอย่างไงอะ ดูท่าเผาผลาญไขมันได้ดี  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 14-12-2010 17:37:53
ชอบเรื่องนี้ค่ะ กันต์กับกรน่ารัก เวลาอยู่ด้วยกันดูอบอุ่นยังงไงไม่รู้

แต่ว่าอยากอ่านตอนของป่านจังเลย

ติดตามตอนต่อไปค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 14-12-2010 19:00:29
เฮ้อออออออออ กับคู่ป่าน
แต่ยิ้มมหวานกับคู่ของกร กันต์
รัก คือ รัก จริงๆ ^ ^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-12-2010 20:46:06
ชีวิตสองคนนี้ดูชิลๆ
ชอบจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 14-12-2010 20:53:43
เฮ้อ..เกือบแล้วไหมละ
พี่กันต์กะกรเกือบทะเลาะกัน
เพราะเรื่องของพี่กาวน์อีกแล้ว
 :เฮ้อ:

แต่ชอบคู่นี้จังเลยอ่าคะ
ถึงจะมีอะไรขุ่นข้องใจ
แต่สุดท้ายก็คุยกัน เข้าใจกัน
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 14-12-2010 21:25:48
เรื่องของป่าน คงจบยาก เพราะไอ้คนต้นเรื่องนี่แหละ   :m16:
ส่วนเรื่องเที่ยวปีใหม่ " ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย "
+1 เป็นกำลังใจให้นะครับ " ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย "  :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 14-12-2010 21:29:03
 :เฮ้อ:
ขอให้สบายๆกันอย่างนี้ อย่าได้มีมาม่าอีกเล้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 14-12-2010 23:23:54
แอบใจเสียเล็กๆ ในตอนแรก แต่ก็มั่นใจว่าคู่นี้เขาคุยกันได้แน่ๆ
แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เป็นคู่ที่เข้าใจกันมากจริงๆ
นอกจากจะเข้าใจกันแล้ว ยังมีอะไรน่ารักๆ มาให้ยิ้มกันตลอด

เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ ขอยกให้เป็นที่พักใจเลยเรื่องนี้

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 15-12-2010 16:51:12
โธ่ น้องกรถูกพี่กันต์ว่าเป็นไอ้หื่นซะแล้ว
เครียดเรื่องน้องป่านก็จริง แต่ถ้าเป็นคู่ของตัวเองเนี่ย
น่ารักกันตลอดเลยนะ วางแผนไปเที่ยวปีใหม่กันแล้วด้วย
เดี๋ยวจะตามไปดูว่ากรกินเยอะแล้วจะมีวิธีเผาผลาญยังไง  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 15-12-2010 23:42:37
กันต์บางมุมบางอารมณ์เหมือนเด็กกว่ากร แต่น่ารัก ชอบจริงๆเลย :-[



ส่วนไอ้คุณพี่กาวน์ที่เคารพวะคะ เหตุผลทั้งหมดทั้งปวงคุณพี่ก็ยังไม่เคลียร์นะคะ
คนอ่านรอดูสาเหตุทั้งหมดอยู่  ตอนนี้จะด่าคุณพี่ก็ด่าได้ไม่สุด
เพราะบางทีเหตุผลที่ยังไม่เปิดเผย ณ จุดนี้ มันอาจมีน้ำหนัก หรือผิดคาด ..
กว่าข้าเจ้าจะได้อ่านฉากหวานคงได้ชี้หน้าด่าคุณพี่ไปอีกหลายรอบ

(เหมือนจะเม้นผิดเรื่องแต่ไม่ผิดหรอกค่ะ เหตุการณ์มันต่อเนื่องแล้วพี่ท่านยังดันมาโผล่ที่นี่อีก ฮ่าๆ)




รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 16-12-2010 01:43:51
ฮู้วว...ลุ้นะในที่สุดก็เคลียร์ กำลังจะเริ่มต้นเวลาแห่งการสวีทอีกแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 16-12-2010 21:09:14
พอจบปัญหา ก็พากันหวานเลย อิจฉานะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 28-12-2010 07:40:15
ปิดไว้นานแล้วนะ มาเปิดได้แล้วน้าา  :z10:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปกปิด [2/2] p. 45 (13-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 29-12-2010 01:32:21
ตอนที่ 47 Merry Christmas


“กร” ผมเรียก พร้อมถือสูทสีเทาเข้มกึ่งลำลองไปยืนอยู่ด้านหลังเจ้าของชื่อที่กำลังยืนเลือกนาฬิกาข้อมือที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะอย่างตั้งใจ พร้อมกับติดกระดุมที่ปลายแขนของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่ไปด้วย พอเขาได้ยินที่ผมเรียกก็หันมามอง ก่อนจะยิ้มให้ แล้วยกแขนมาทางด้านหลังเพื่อสอดเข้าไปสวมสูทที่ผมถือรอไว้แล้ว

งานเลี้ยงบริษัทฯ ผมไม่ได้จัดแบบเป็นทางการอะไรมากเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปีที่จัดให้พนักงานได้ร่วมสนุกกัน เราสองคนเลยเลือกสูทแบบลำลองดูสบายหน่อย แต่ก็พบปะผู้ใหญ่ได้ไม่น่าเกลียด ของกรเขาเลือกสีเทาเข้มเกือบดำ ของผมเองก็สีเทาแต่อ่อนกว่าเขาเล็กน้อย

“อ่ะ หันหลังมา” กรพูด หลังจากจัดเสื้อผ้าของตัวเองจนเข้าที่ แล้วเดินไปหยิบสูทของผมที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ามาถือรอให้ผมสวมเหมือนกับที่ผมทำให้เขา พอผมสวมเข้าไปเรียบร้อยแล้ว กรก็ให้ผมยืนอยู่เฉยๆ ก่อน เพราะเขากำลังดึงแขนเสื้อสูทของผมให้ขึ้นมาเกือบถึงข้อศอก จากนั้นก็พับแขนของเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในตามขึ้นมา เหมือนที่นิยมทำกันในตอนนี้ ผมก็ปล่อยให้เขาพับจนเข้าที่ทั้งสองข้าง

“อ่ะ หล่อแล้ว” กรพูด และยิ้มให้ผม หลังจากมองสำรวจผลงานของตัวเอง เมื่อพับแขนเสื้อให้ผมเสร็จแล้ว ส่วนผมลองทำตัวเป็นตุ๊กตาให้เขาแต่งตัวเล่นบ้างก็เพลินๆ ดี แล้วที่เขาทำให้ก็ไม่ได้ขัดใจอะไรผม ผมกลับชอบเสียอีก แต่ก็ขำๆ กับคำพูดเขาอยู่เหมือนกัน เขาทำอย่างกับแต่งตัวให้เด็กไปได้ที่ต้องมีคำชมต่อท้าย พอจัดการเสื้อผ้าผมเสร็จเขาก็หันไปหยิบนาฬิกาเรือนที่เขาซื้อให้ในวันเกิดผมมาสวมให้ ส่วนเขาเองก็หยิบนาฬิกาเรือนสีดำของเขาเองขึ้นมาสวม

“จะเอารถไปล้างก่อน ตามไปเจอกันที่ร้านนะ” ผมบอกกรให้ขับรถของตัวเองออกไปด้วย ส่วนผมจะขับรถไปทิ้งไว้ที่คาร์แคร์ใกล้ๆ คอนโดฯ เอาไปล้างก่อนขับขึ้นเชียงใหม่กันวันพรุ่งนี้ พอล้างเสร็จทางร้านจะขับมาส่งให้ที่คอนโดฯ ผมเลยบอกให้กรตามไปรับผมที่ร้าน แล้วค่อยไปที่โรงแรมด้วยกัน

“กันต์ออกไปเลยก็ได้ เดี๋ยวกรปิดห้องแล้วตามไป” กรบอกผม ผมเลยพยักหน้าให้ แล้วเดินออกจากห้องไป
.
.
.


“คนเยอะหรือเปล่า” กรถามผมตอนที่รับผมมาจากคาร์แคร์แล้ว และกำลังขับรถไปที่โรงแรมที่จัดงานเลี้ยงของบริษัทฯ ผม   

“สามร้อยกว่าคนได้” ผมบอก ปีที่แล้วมีแค่สองร้อยกว่า แต่เมื่อต้นปีขยายโรงพิมพ์เพิ่มอีกโรงคนเลยเพิ่มมาอีกเป็นร้อย

“อื้ม” กรตอบรับ

“แล้วที่บริษัทฯ มีงานหรือเปล่า” ผมถามถึงบริษัทฯ ของเขาบ้าง 

“มี จัดวันที่ 8 เดือนหน้า ไปด้วยกันนะ” กรบอกผม

“ไปสิ” ผมตอบ ก่อนจะเหความสนใจไปที่อื่น

“เค้กร้านนั้นน่ากินนะ แต่งสวยดี” ผมชี้ให้กรมองตามเข้าไปที่ตู้โชว์ในร้านเค้กขนาดกลางร้านหนึ่ง เมื่อรถมาจอดอยู่หน้าร้านพอดีตอนที่รถจอดติดไฟแดง ร้านไม่ใหญ่มากก็จริงแต่มองผ่านกระจกเข้าไปข้างในแล้วน่านั่งเชียวครับ แต่งร้านด้วยไฟสีส้มบรรยากาศดูอบอุ่นดี ส่วนเค้กที่โชว์อยู่ก็แต่งให้รับกับงานเทศกาล ผมเลยนึกอยากกินขึ้นมาทั้งที่ปกติไม่ค่อยกินของหวานอย่างพวกเค้กเท่าไหร่

“แวะไหม เลี้ยวไปจอดซอยข้างหน้าได้ ว่าไง จะไฟเขียวแล้วนะ” คนที่ขับรถอยู่หันมาถาม พร้อมกับเร่งเอาคำตอบ ไม่รู้ว่าถามแบบเอาจริงหรือเปล่า ส่วนผมมองนาฬิกาแล้วเห็นว่ายังเหลืออยู่ค่อนข้างเยอะกว่างานจะเริ่ม แล้วโรงแรมที่จะไปก็อยู่ข้างหน้านี่เอง ถัดไปอีกสองซอยก็ถึง เลยรีบตอบตกลง

“แวะๆ เดี๋ยวนั่งกินที่ร้านเลย” ผมรีบตอบ พอสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวกรก็เปิดไฟเลี้ยว แล้วเลี้ยวรถเข้าไปหาที่จอดในซอยข้างหน้า ซึ่งโชคดีที่มีที่ว่างเลยไม่ต้องเดินไกล

“เอาจริงแฮะ” กรพูด เขาคงไม่นึกว่าผมจะแวะจริงๆ ก่อนจะลงจากรถ แล้วเดินมาคู่กับผม

“ฉลองคริสต์มาส” ผมตอบแบบสบายๆ แล้วมองไปที่ถนนซึ่งรถเยอะพอสมควร ผมเห็นภายในรถหลายคันมีคนอยู่เป็นคู่ บ้างก็เป็นกลุ่มหรือเป็นครอบครัว พวกเขาคงพากันออกไปฉลองกับเทศกาลที่ไหนสักแห่ง ส่วนผมก็ถือโอกาสแวะมาฉลองกันแบบเล็กๆ ที่ร้านเค้กร้านนี้กันสองคนก่อนที่จะต้องเข้าไปเจอกับคนหมู่มาก

“ยินดีต้อนรับค่ะ” รอยยิ้มพร้อมเสียงทักทายจากพนักงานดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง ทันทีที่ผมเปิดประตูและก้าวเข้าไปในร้าน โดยมีกรเดินตามเข้ามา ผมเดินตรงเข้าไปที่ตู้โชว์เพื่อมองดูเค้กที่มองเห็นจากหน้าร้าน แทนที่จะเลือกดูจากเมนู เพราะอยากเห็นของจริงมากกว่า ผมเลือกสั่งเค้กไวท์ช็อคโกแลต แล้วหันไปมองกรที่ยืนอยู่ข้างๆ และกำลังมองดูสารพัดเค้กและของหวานหลากชนิดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ในตู้โชว์ กรสั่งมองบลังค์หนึ่งชิ้น ตามด้วยกาแฟร้อน และโกโก้เย็น โดยไม่ต้องหันมาถามผม

พอสั่งเสร็จผมก็มองหาโต๊ะที่จะนั่งเอง โดยเลือกโต๊ะสำหรับสองคนซึ่งอยู่ติดกับกระจกหน้าร้าน ทำให้มองเห็นสภาพความเป็นไปด้านนอกร้าน ซึ่งตอนนี้แสงอาทิตย์เริ่มโพล้เพล้เต็มทีอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ด้านนอกก็คงมืดและถูกแทนที่ด้วยแสงไฟที่ถูกประดับไว้ตามมุมต่างๆ ผมยังมีเวลาเหลือเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม

“สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ” เสียงพนักงานหน้าตายิ้มแย้มคนเดิมที่ทักทายผมสองคนตอนเข้ามาในร้านดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อยกเค้ก มองบลังค์ กาแฟร้อน และโกโก้ที่สั่งออกจากถาดมาวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ครับ” ผมตอบรับ ส่วนกรเองก็ส่งยิ้มเล็กๆ ให้เป็นการขอบคุณ ก่อนที่เธอจะเดินกลับไป

“แต่งมาสวยจนไม่กล้ากิน” เสียงกรพูดขึ้นมาเมื่อเหลือผมกับเขาอยู่สองคน ตอนนี้ในร้านมีคนนั่งอยู่แค่สามโต๊ะ รวมผมสองคน และนั่งกระจายกันอยู่ ผมสองคนเลยนั่งคุยกันได้อย่างสบาย แล้วที่กรพูดมาผมก็เห็นด้วย เพราะเขาแต่งจานมาได้สวยมาก เค้กสีขาวของผมถูกวางอยู่กลางจานวงกลมสีขาวตัดขอบด้วยสีน้ำเงินเข้ม รอบจานถูกโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง และวางต้นคริสต์มาสกับดาวดวงเล็กที่ทำจากน้ำตาลไว้ด้านข้างของเค้ก มองเค้กแล้วก็ชักเขินๆ ยังไงไม่รู้ครับ รู้สึกว่ามันน่าจะเข้ากับสาวน้อยหน้าตาน่ารักมากกว่าผมนะ 

“อื้อ อร่อยดี ลองชิมดู” ผมเลิกคิดถึงความน่ารักของเค้ก แล้วเปลี่ยนมาตักมันเข้าปากแทน อร่อยครับ ไม่แพ้หน้าตาของมันเลย ว่าแล้วก็เอ่ยปากชวนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามให้ลองชิม

“อื้อ อร่อย ลองชิมนี่ดู นี่ก็อร่อย” กรชิมเค้กของผม แล้วเลื่อนจากขนมของเขามาให้ผมลองชิมดูบ้าง ตอนนี้เลิกสนใจสิ่งรอบข้างไปแล้วครับ วันสบายๆ แบบนี้ จะมัวสนใจคนอื่นอยู่ทำไม

“เมอรี่คริสต์มาสครับ” เสียงกรพูดขึ้นมาก่อน

“อื้อ เมอรี่คริสต์มาส” ผมตอบกลับ ก่อนที่เราสองคนจะนั่งกินขนมและเครื่องดื่มที่สั่งมาจนหมด ในบรรยากาศสบายๆ สบายจนคิดว่าถ้าไม่ติดว่ามีงานต้องไป ก็อยากจะนั่งเล่นอยู่ที่นี่อีกสักพัก

“เป็นอะไรหรือเปล่า เงียบๆ” ผมถามกร ที่ดูเงียบกว่าปกติมาตั้งแต่ขับรถไปรับผมมา จนมานั่งอยู่ที่ร้าน ถึงจะคุยบ้างแต่ก็คุยกันแค่ประโยคสั้นๆ ปกติมีแต่เขาจะชวนผมคุยเสียยืดยาว เป็นผมเสียอีกที่มักจะเงียบเพราะคุยเก่งไม่เท่าเขา

“ไม่ได้เป็นอะไร คิดเรื่องจะไปเที่ยวพรุ่งนี้มากกว่า ตกลงพรุ่งนี้จะออกกี่โมง จะได้ตั้งปลุกไว้เลย” กรพูด แล้วขยับตัวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ไม่มีอะไรแน่นะ” ผมถามย้ำ เพราะกลัวเขาจะกังวลเรื่องงานที่กำลังจะไปกันคืนนี้

“ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่ต้องคิดมากน่า กินต่อเร็ว โกโก้จะละลายแล้วนั่น” กรพูด แล้วมองไปที่แก้วโกโก้เย็นที่เขาสั่งให้ผม ที่น้ำแข็งในแก้วเริ่มละลาย ผมเลยยกแก้ว และจับหลอดส่งเข้าปาก   

“พรุ่งนี้ออกสักตีสองแล้วกันเนอะ” กรพูดต่อ แล้วจัดการตั้งเวลาปลุกในโทรศัพท์ จากนั้นเราสองคนก็เปลี่ยนไปสนใจเรื่องที่เราจะไปเที่ยวกันพรุ่งนี้แล้วครับ พอเริ่มเรื่องเที่ยวก็คุยเพลินเลยครับ จนกรต้องบอกให้ผมหยุดกินขนมที่สั่งมาให้หมด กินหมดแล้วจะได้ออกจากร้านแล้วไปที่งานกันต่อ
.
.
.

“ไปกันเถอะ” เสียงกรชวนผมให้ลุกจากเก้าอี้ หลังจากรับเงินทอนจากพนักงานคนเดิมมาแล้ว

“ดูทำหน้าเข้า ยิ้มหน่อย” กรพูดกับผม คงรู้ครับว่าผมไม่ค่อยอยากจะลุกไปจากตรงนี้เท่าไหร่

“บ้า ไม่ใช่เด็กๆ ไม่ต้องมาทำท่าแบบนั้น อายคนบ้างเหอะ” ผมพูด เพราะกรเขาไม่พูดเปล่า แต่ยื่นมือมาสะบัดเบาๆ ตรงหน้าผมเหมือนเล่นกับเด็กอย่างนั้นล่ะครับ ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินนำเขาออกจากร้าน



……………………………………………


“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” เสียงกรเอ่ยทัก พร้อมยกมือขึ้นไหว้พ่อกับแม่ผมเมื่อเราเดินมาถึงโต๊ะทางด้านหน้าสุดของงาน พ่อกับแม่ผมก็รับไหว้ครับ ตอนนี้ที่โต๊ะมีแค่พ่อกับแม่ผมนั่งอยู่สองคนครับ แล้วก็มีคนแวะเวียนมาไหว้สวัสดีอยู่เกือบตลอด

“สวัสดีลูก มานั่งข้างแม่นี่” แม่เรียกให้ผมนั่งข้างๆ ส่วนกรก็นั่งลงข้างผม

“ยังไม่มีใครมาหรอครับ” ผมถามถึงคนอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนก็ครอบครัวของอาพิมอาสาวของผมกับครอบครัวของน้านาถนั่นแหละครับ

“อีกสักพักก็คงมากัน กันต์กับกรกินอะไรกันก่อนไหมลูก ลองเดินไปดูกันสิ ตอนนี้คนยังไม่เยอะได้เดินสบายๆ” แม่ผมพูด งานที่จัดเป็นแบบบุฟเฟ่ครับ มีซุ้มอาหารให้เลือกกันตามใจชอบ แต่ถ้าเป็นโต๊ะที่เรานั่งกับโต๊ะของแขกผู้ใหญ่จะสั่งอาหารเป็นชุดไว้ต่างหากครับ ส่วนตัวผมเองแล้วก็ชอบไปเดินดูเองตามซุ้มมากกว่าเผื่อเจออะไรน่าสนใจ

“พอคนมาเยอะๆ เดี๋ยวเราก็นั่งไม่ติดที่ พากันไปหาอะไรรองท้องก่อนไป” แม่ผมพูดพร้อมกับจับต้นแขนดึงตัวผมให้ลุก ผมเลยหันไปพยักหน้าให้กรแล้วพากันลุกออกจากโต๊ะ

.
.
.
พอเดินออกมาจากโต๊ะก็เจอกับคนที่ออฟฟิศครับ แล้วก็ถูกขอให้ถ่ายรูปด้วยกัน กรเองก็ด้วย ถ่ายรูปกันแล้วถึงได้เดินไปดูตามซุ้มครับ ก็ได้ของว่างมาคนละนิดละหน่อย มันยังไม่หิวเท่าไหร่ด้วยครับ เพราะเพิ่งแวะกินขนมกันมา ของที่ผมตักมากเลยมีแค่ กระทงทอง ข้าวตังหน้าตั้ง เป็นพวกของว่างไทยๆ ครับ ส่วนของกรรายนั้นเขาอินเตอร์กว่า ได้พวกชีสห่อแป้งทอด กับแซนวิชชิ้นเล็กๆ อีกสามสี่ชิ้น ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่พอใกล้จะถึงก็ต้องหันมามองหน้ากันครับ   

“ไม่เห็นบอกเลยว่าพ่อแม่กรมาด้วย” กรพูดกับผม ก่อนจะก้าวเท้าไปเร็วขึ้น ผมเองก็เร่งฝีเท้าตามไปติดๆ

“ไม่รู้เหมือนกัน” ผมตอบ

“มากันพอดี” แม่ผมพูดขึ้นตอนที่เราสองคนกลับมาถึงโต๊ะแล้ว

“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” ผมยกมือไหว้พ่อกรที่นั่งอยู่ข้างพ่อผม และแม่กรที่นั่งอยู่ข้างแม่ผม ทั้งสองก็รับไหว้ครับ

“แม่ไม่เห็นบอกกรเลยว่า พ่อกับแม่จะมาด้วย” กรหันไปถามแม่เขาที่นั่งติดกับผม

“ก็เราไม่ได้ถามแม่” เจอแม่ตอบแบบนี้ทำเอาไปกันไม่เป็นเลยครับ พอตอบแล้วแม่กรยิ้มให้ผม แล้วก็หันไปยิ้มกับแม่ผม แม่ผมเองก็ยิ้มตอบแบบขำๆ ครับ ส่วนพ่อของเราสองคนก็คุยกัน ไม่ได้สนใจอะไรกับพวกผมเลยครับ กรกับผมเลยมองหน้ากันแบบงงๆ อยู่สองคน ก็รู้อยู่นะครับว่า พ่อแม่ของเรารู้จักกันมาก่อนบ้างแล้ว แต่พอมาอยู่รวมกันแบบนี้เลยรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ครับ

แต่ยังไม่ทันที่ผมกับกรจะคุยอะไรกัน พี่กาวน์กับป่านก็เดินเข้ามาที่โต๊ะพอดี กรเลยลุกสลับที่ให้ผมนั่งติดกันกับป่านแทน ตามด้วยพี่กาวน์ มาวันนี้หน้าตาน้องผมมันดูดีขึ้นเยอะแล้วครับ ส่วนคนที่มาด้วยกันก็ยังเหมือนเดิม แล้วแม่ผมก็แนะนำป่านและพี่กาวน์ให้รู้จักกับพ่อแม่ของกรครับ พอแนะนำกันเสร็จ อาพิม อานนท์ และน้านาถ ก็มาถึงกันพอดี แต่แม่ผมก็ไม่ได้แนะนำใครต่อแล้วครับ เพราะเหมือนจะรู้จักกันมาก่อนแล้วทั้งนั้น เพียงแต่ผมกับกรไม่รู้มาก่อนเท่านั้นเอง

“เรียนจบแล้ว จะเข้าไปช่วยพ่อกับแม่เขาเลยหรือเปล่าลูก” น้านาถ แม่ของเจ้าป่านเอ่ยทักกรครับ แม่กรก็หันมองลูกชายตัวเองเหมือนรอฟังคำตอบอยู่เหมือนกันครับ

“ครับ อีกสองสามเดือนคงเข้าไปทำครับ” กรตอบ กับคำตอบนี้ก็เป็นอะไรที่ผมเองก็รู้มาก่อนหน้าแล้ว

“ดีแล้วลูก ไม่เหมือนเจ้าป่าน รายนั้นแม่ถามทีไร บ่ายเบี่ยงตลอด อ้างจะเรียนต่อบ้างล่ะ ขอพักก่อนบ้างล่ะ” น้านาถพูด แล้วหันไปมองลูกชายตัวเอง ผมก็หันไปมองบ้าง แล้วก็เห็นมันทำปากยื่นปากยาวทำท่าจะเถียงแต่ก็ไม่กล้าครับ เพราะนั่งกันอยู่เยอะ

“โธ่ เดี๋ยวป่านก็ทำ ป่านพูดไปอย่างนั้นเอง จะไม่ช่วยแม่ได้ยังไง” ป่านพูดครับ แล้วก็ชะโงกหน้าผ่านผมไปมองกร เหมือนจะต่อว่าเพื่อนตัวเองว่า “มึงตอบแบบนั้น กูเลยซวย เห็นไหม”

“ดีแล้วลูก” อันนี้แม่กรพูดกับป่านครับ

“ป่านกับกรสนใจจะช่วยงานพี่กันต์ต่อไหม แม่เราเขาเล่าว่าทำโปรเจคเสร็จทั้งคู่แล้วนิ” แม่ผมถามขึ้นมา อันนี้ผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยครับ แล้วปกติงานที่ออฟฟิศผมแม่ก็ไม่เคยเข้ามาดู ผมเลยงงเข้าไปใหญ่

“เอ่อ ครับ ถ้ามีเวลาก็อยากทำเหมือนกันครับ” กรตอบ ก่อนจะหันไปมองหน้าแม่ตัวเอง ส่วนป่านมันก็พยักหน้าครับ หลายหลังนี่ยิ่งชอบใจกับข้อเสนอของแม่ผม เพราะมันอยากมาทำอยู่แล้วครับ แต่ติดว่าต้องดูงานของที่บ้านด้วย แล้วที่บ้านก็เหลือมันที่จะรับช่วงต่อแค่คนเดียว ถ้ามันไม่ทำจะให้ใครทำ

“ว่างๆ ก็เข้าไปทำก็ได้ แม่ไม่ได้ว่าอะไร อีกหน่อยจบแล้วยังจะทำอยู่ก็ได้ กรก็แบ่งเวลาเอา” แม่กรพูดครับ ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ ว่าแม่ของผมสองคนกำลังจะสื่ออะไรกับพวกผม เลยได้แต่ฟังแล้วก็เออออตามน้ำไป       
   

พอเข้าช่วงที่งานเริ่มก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อแล้วครับ เพราะผม กร แล้วก็ป่าน พากันไปรวมกลุ่มกันกับพนักงานที่ออฟฟิศครับ และระหว่างที่อยู่ในงานผมกับกรก็ไม่ได้คุยกันต่อเรื่องที่แม่ผมบอก เพราะเราตกลงกันว่าจะเก็บไว้คุยที่หลัง คุยกันที่นี่คงไม่สะดวก

เราก็อยู่ในงานกันจนถึงสามทุ่มครับ พอเห็นแม่กลับเราก็พากันตามออกไปพร้อมๆ กัน เพราะผมกับกรยังเก็บกระเป๋ากันไม่เสร็จ ส่วนป่านมันเพิ่งรู้ว่าผมจะไปเชียงใหม่กัน พอรู้ก็โวยวายเลยครับว่าไม่ยอมชวนมันไปด้วย ใจหนึ่งก็อยากชวนแหละครับ แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะมีแผนไปไหนกับใครหรือยัง สุดท้ายเลยไม่ได้ชวน แต่ก็บอกมันไปว่าถ้าอยากไปก็ตามไป

-------------------------------------------------------- 


กลับมาแล้วหลังจากหายไปนาน ตอนนี้เอาแบบธรรมดาๆ ไปก่อนเนอะ
เดี๋ยวค่อยไปหวานกันที่เชียงใหม่ คราวนี้จะมาทันปีใหม่แน่ๆ
(มีวันหยุดเยอะแยะ จะแต่งมาลงไม่ทันก็ให้มันรู้ไป)  :angry2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 29-12-2010 02:02:37
คุณแม่ๆคิดจะทำอะไรกันน้า
แต่เห็นทั้งสองบ้านสนิทกัน เราก็ดีใจแทน อิอิ
ขอติดสอยห้อยตามไปเชียงใหม่ด้วยได้มั๊ยเนี่ย
^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-12-2010 02:03:49
ชอบทุกครั้งที่กรกับกันต์อยู่ด้วยกัน  แหง่ม ๆ รอหวาน ๆ ตอนหน้าเน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 29-12-2010 02:29:55
ความใส่ใจกันแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของคู่นี้ ทำให้เรื่องดูน่ารักได้ตลอดเลย

แล้วก็ ขอเขาไปเชียงใหม่ด้วยคนได้ไหมอ่ะ  :impress2:
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-12-2010 07:59:44
อบอุ่น อิ่มเอม กับคู่นี้จริงๆ
มันดูถ้อยทีถ้อยอาศัย บอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 29-12-2010 08:19:01
 :L1:กรกับกันต์นี่...รักนุ่มๆอุ่นๆหวานๆเบาๆ  แต่อิ่มใจเนาะ... :o8:
อ่านไปยิ้มไป มีความสุขได้ทุกตอน

รอความหวานรับปีใหม่นะค้าบ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 29-12-2010 09:59:09
คู่กันต์กับกรนี่บรรยาการศรอบๆตัวดูอบอุ่นมากๆ
มีความสุขที่ได้อ่าน

รอตอนต่อไปค่าาา :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 29-12-2010 10:44:17
พ่อกะแม่จะมีไรเซอร์ไพส์รึป่าวน้าสสสสส :m28:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 29-12-2010 10:50:34
รออ่านต่อจ้า.....
ไปหวานกันเบาๆ ที่เชียงใหม่ อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 29-12-2010 11:52:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 29-12-2010 12:07:35
รอหวานๆ กระชากตับไต ตอนหน้าค่า
อิอิ
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 29-12-2010 12:12:03
 :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 29-12-2010 12:25:12
คู่นี้อบอุ่นเช่นเคย
แต่สองบ้านคิดจะทำอะไร
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 29-12-2010 13:18:25
คู่นี้เชื่อมั่นในความหวาน เพราะอ่านกี่ทีๆก็ยิ้มได้ตลอด
แต่..น้องป่านกับคุณพี่กาวน์น่ะ เค้าจะหวานหรือจะมีทีท่าดีขึ้นให้คนอ่านยิ้มได้บ้างหรือยัง?
(ชี้หน้าด่าคุณพี่กาวน์ที่เคารพทุกรอบแอบเหนื่อย แต่พี่ท่านก็ทำตัวสมควรโดน มิใช่น้อย  :laugh:)


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 29-12-2010 14:25:54
รอตอนไปเชียงใหม่นะเจ้า อยากไปด้วยจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 29-12-2010 14:38:26
รอตอนหวานๆด้วยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-12-2010 14:46:12
แม่แม่ของสองบ้าน เค้าคงเตรียมอะไรๆไว้เขยและสะใภ้ละมั้ง
ว่าแล้วเราไปเตรียบเก็บของ แอบตามไปดูเค้าสวีทหวานกันที่เชียงใหม่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 29-12-2010 15:53:43
ว๊ากกกกกกกกกกกก
มาต่อแล้ว ขอบคุณมากนะคะ

เดี๋ยวเราไปเตรียมกระสอบมาโกยน้ำตาลจากตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 29-12-2010 16:16:17
เหมือนแม่ๆจะแอบมีอะไรเซอร์ไพรส์ลูกๆนะเนี้ย หรือจะจัดงานแต่งงานให้ทั้งคู่ อ๊ายยยย >//<
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่ากรเป็นปู้จายที่อบอุ่นมากขึ้นทุกวัน ชอบที่กรทำให้กันต์เป็นเด็กน้อยตลอดเวลา *กัดปากกรี๊ดๆ*
ส่วนป่าน...อะไรๆก็เหมือนจะดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ?
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 29-12-2010 20:14:37
ขอไปเตรียมตัวแพ็คกระเป๋าขึ้นดอยพร้อมสองหนุ่มด้วยอีกสักคนสิ
เขาจะตามไปแบบเงียบๆ จริงๆ นะ

เอ... ไม่รู้ว่าจะมีหนุ่มไหนติดสอยห้อยตามไปอีกหรือเปล่านะ  o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 29-12-2010 22:21:56
คุณแม่กำลังวางแผนอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้เนอะ
แต่ตอนนี้ยังไม่อยากรู้เท่าไหร่หรอก
อยากตามไปดูกรกับกันต์สวีทกันมากกว่า อิอิ  :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 29-12-2010 23:20:09
เหมือนคุณแม่ๆจะมีอะไรอยู่น้า
ส่วนกรกะเหมือนจะมีอะไรเหมือนกัน
หรือว่าจะพากันทำเซอไพร์กันต์หว่า

อยากจะร้องเพลงนี้ให้กรกะกันต์จังเลยคะ
"หวานละมุนละไมอยู่ในทุกตอน
หวานทุกความรู้สึกไม่มีวันจางหายไป
อยากให้หัวใจเก็บความหวานนี้ให้อยู่นานๆไว"
คู่นี้ให้อารมณ์แบบเพลงนี้เลยอ่าคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 30-12-2010 16:30:17
 :z2: :z2: :z2:
รออ่านตอนหวานอยู่นะ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 31-12-2010 12:48:03
เห็นผู้ใหญ่มาอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้แล้วคงไม่ต้องห่วงว่าจะมีปัญหาอะไร
รออ่านตอนต่อไปดีกว่า คราวที่แล้วไปเที่ยวกันก็หวานซะ
คิดว่าครั้งนี้ก็ไม่น่าจะแพ้ครั้งก่อน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Merry Christmas p. 46 (29-12-10)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 31-12-2010 22:39:16
ตอนที่ 48 ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3]


“อือ” ผมเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังอยู่ข้างหัวเตียงและปรือตาขึ้นมาดูหน้าจอ เมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามาเลยตอบรับด้วยเสียงอือสั้นๆ ในลำคอ

[ตื่นยัง] เสียงจากปลายสายถามผม

“ยัง” ผมตอบกลับไป

[เอาดีๆ ดิวะ มึงตื่นยัง] คนปลายสายยังกวนผมไม่เลิก หรือบางทีอาจเป็นผมที่กวนมันก่อน แล้วเช้าขนาดนี้ใครเขาจะรีบตื่นขึ้นมาแบบมึง

“ไอ้ป่าน มึงมีอะไรรีบพูดมา ถ้าไม่พูดกูจะวาง” ผมตอบกลับปลายสายด้วยเสียงไม่ดังนัก ก่อนจะใช้หัวไหล่ช่วยหนีบโทรศัพท์แนบไว้กับหู เพื่อให้มีมือวางมายกแขนที่พาดอยู่บนตัวผม รวมถึงหัวของคนที่กำลังนอนหนุนแขนผมอีกข้างหนึ่งอยู่ออก เสร็จแล้วก็เลื่อนผ้าห่มให้พ้นตัว เพื่อลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกไปนอกห้อง เพราะเกรงว่าเสียงผมจะทำให้คนที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมาด้วย

[มึงอ่ะ] แทนที่มันจะพูดเรื่องที่มันโทรมาหาผมตั้งแต่เช้ามืด แต่มันกลับทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ผมแทน ตอนนี้หน้าตากับเสียงมึงก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้ว่ะ

“มึงไม่ต้องมาทำเสียงอย่างนั้น กูไม่พิศวาสมึงขึ้นมาหรอก มีอะไรก็พูดมา” ผมพูด แล้วเดินมาหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟา ก่อนเอนหลังพิงพนัก ส่วนเปลือกตาก็พร้อมจะปิดอยู่ทุกเมื่อ เพราะเมื่อคืนกว่าจะเก็บกระเป๋ากันเสร็จก็ดึกแล้ว นี่ยังโดนปลุกขึ้นมาอีก ตอนนี้นั่งคุยไปก็หาวไป

[มึงไปเชียงใหม่วันไหน] มันถาม อย่าบอกนะว่ามันโทรมาหาผมด้วยเรื่องแค่นี้

“มึงโทรมาหากูตั้งแต่เช้ามืด เพื่อถามกูเรื่องนี้” ผมถามมันอย่างที่ใจคิด

[มึงก็ตอบกูมาก่อนสิวะ] มันเร่งจะเอาคำตอบจากผม

“ตีสองคืนนี้” ผมตอบ

[กูไปด้วยดิ] ไอ้ป่านพูดเสียงเบาเหมือนอ้อน ถ้าให้นึกหน้ามันตอนนี้คงเหมือนกับลูกหมาตาดำๆ ที่ถูกจับใส่กล่องมาทิ้งริมถนน และกำลังแหงนหน้ามองคนที่เดินผ่านไปมา โดยหวังว่าจะมีใครสักคนที่เห็นแววตามันแล้วนึกสงสาร ยอมเก็บมันไปเลี้ยง แต่คนๆ นั้นไม่ใช่ผมแน่

“อะไรของมึง มาขออะไรกู ไปขอคนอื่นนู่นไป” ผมบอกมัน แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องรับมันไปด้วย คนเขาจะไปเที่ยวกันแค่สองคน

[ถ้าอย่างนั้นกูไปขอพี่กันต์ได้ใช่ไหม] ไอ้นี่ ดูมันๆ

“ไอ้ป่าน” ผมเรียกชื่อมันเสียงดัง จนมันบ่นงุ้งงิ้งกลับมาว่าทำไมผมต้องขึ้นเสียงใส่มัน แล้วมันน่าไหมล่ะ

[โห มึงอ่ะ กูไปด้วยดิ ก็กูไม่รู้จะไปเที่ยวไหนนี่หว่า นะนะ มึงจะทิ้งเพื่อนได้ลงคอหรอวะ] มันเริ่มอ้อนอีก

[ไปเที่ยวหลายๆ คนสนุกกว่านะ มึงเชื่อกู] ผมเงียบ ปล่อยให้มันพูดไปคนเดียว ไอ้นี่ทำตัวสมเป็นน้องคนเล็กจริงๆ อ้อนเก่ง บอกว่าไม่มันก็ยังตื้อได้ไม่เลิก แถมเอาความเป็นเพื่อนของผมกับมันมาอ้างอีก  

“ไปบอกสุดที่รักมึงนู่น อยากไปไหนก็ให้เขาพาไป จะมาอะไรกะกู” ผมพูด หวังว่าคราวนี้มันจะแถไปไหนอีกไม่ได้แล้วนะจากที่ง่วงๆ ตอนนี้เลยตื่นเต็มตาแล้วครับ

[อะไร ใคร ไม่มีเว้ย] เสียงมันโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อผมพูดถึงอีกคน

“ถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่รู้จะช่วยมึงยังไงว่ะ อยู่เฝ้ากรุงเทพฯ ไปเหอะมึง” ผมพูด แล้วทำท่าจะตัดสายทิ้ง แต่ก็ไม่ได้ตัดเพราะเสียงปลายสายมันเรียกไว้ก่อน ก่อนจะเปลี่ยนโหมดมาอ้อนกว่าเดิม กูไม่ใช่พี่ๆ ของมึง ไม่ต้องมาอ้อนกู แล้วอีกอย่างมึงก็ไม่ใช่พี่ชายมึง มันคนละคนกัน อย่างมึงอ้อนไปก็แค่นั้น ฮาๆ



แล้วคิดว่า ผมจะคุยกับมันจบแค่นั้นไหมครับ แน่นอนว่า “ไม่” คนอย่างไอ้ป่านมันไม่มีทางยอมแพ้หรอครับ พอคิดว่าขอผมไม่ได้แล้วแน่ๆ มันเลยยกเอาไม้ตายของมันออกมา จะอะไรเสียอีกล่ะครับ ก็กันต์ไงครับ มันบอกว่า ถ้าผมไม่ยอม มันไปขอพี่ชายมันก็ได้ รับรองว่าพี่ชายมันไม่มีทางปฏิเสธมันแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งผมก็คิดเหมือนกับมัน มีหรอกันต์จะไม่ยอมให้ไอ้ป่านมันไป แค่มันออกแรงตื้อหน่อยก็เรียบร้อย เอากับมันสิ สุดท้ายเลยได้แต่ย้ำให้มันไปบอกผู้ปกครองมันด้วย ผมขี้เกียจเปิดห้องรับคนหนีออกจากบ้านครับ ไม่ใช่อะไร
.
.
.

“ทำไมมานั่งอยู่นี่อ่ะ” เสียงกันต์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องถามผมขึ้นมา ก่อนจะก้าวมาหาผมที่ยังนั่งอยู่บนโซฟา

“ออกมาคุยโทรศัพท์ ไอ้ป่านโทรมา แล้วทำไมตื่นเร็วจัง” ผมบอก ก่อนจะถามเขากลับ ตอนนี้คนที่เดินงัวเงียออกมา ทรุดตัวลงนั่งพิงไหล่ผมแล้ว และตั้งท่าจะหลับต่อ

“ตื่นมาเข้าห้องน้ำ แล้วไม่เห็นเลยออกมาดู แล้วป่านเป็นอะไรถึงโทรมาแต่เช้า” คนที่เอนตัวพิงผมอยู่พูดในขณะที่ปิดเปลือกตาไปแล้ว

“มันขอไปเชียงใหม่ด้วย ลุกไปนอนต่อในห้อง ไป” ผมพูด พร้อมฉุดมืออีกคนให้ลุกขึ้นตาม กันต์ก็ลุกตามผมแต่โดยดี

“แล้วตอบไปว่าไง”

“ก็ให้ไป ถึงกรไม่ให้มันไป มันก็คงมาขอกันต์ แล้วกันต์ก็ให้มันไปอยู่ดี” ผมบอก

“อื้อ แล้วพี่กาวน์ล่ะ” กันต์พยักหน้าตอบรับ แล้วถามถึงอีกคน

“ไม่รู้ ไม่ได้ถาม” ผมตอบ

“นอนเหอะ ตื่นแล้วค่อยคุย” ผมพูด พร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเราสองคน ก่อนจะหลับไปพร้อมกันอีกครั้ง  

............................................................................


แล้วช่วงสายของวันผมก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกเพราะเสียงโทรศัพท์ คราวนี้ไม่ใช่เสียงจากโทรศัพท์ของผม แต่เป็นของกันต์ครับ ส่วนไอ้คนที่โทรมาเป็นคนเดิมกับที่โทรมาปลุกผมเมื่อเช้า ปีใหม่นี้ผมจะได้อยู่แบบสงบสุขกับเขาไหม

“กร” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างๆ เรียกผม หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว

“ฮือ” ผมที่นอนตะแคงหันไปมองกันต์อยู่ก่อนแล้ว ส่งเสียงตอบรับ

“ป่านโทรมาบอกว่าพี่กาวน์ไปด้วย” นั่นไง เอาแล้ว คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าพี่กาวน์ไม่ปล่อยไอ้ป่านมาคนเดียวหรอก หวงยังกับจงอางหวงไข่

ถึงตอนนี้หลายๆ เรื่องมันก็ยังไม่เคลียร์นะครับ พอจะพ้นเรื่องนั้นไป เรื่องใหม่ก็เข้ามาอีก บางทีผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกัน นั่นก็แฟน นั่นก็เพื่อน อีกคนก็เป็นพี่ชายทั้งของแฟนและของเพื่อน แถมจะกลายเป็นแฟนเพื่อนด้วย ดูวุ่นวายดีไหมครับ แล้วพักนี้ก็เจอหน้ากันบ่อยเสียเหลือเกิน อย่างเดียวที่ทำได้ตอนนี้คงไม่พ้น ทำใจ เดี๋ยวสักวันมันคงมีจุดที่ลงตัวได้ และผมหวังว่าวันนั้นจะมาถึงโดยเร็ว  

“กร ลำบากใจหรือเปล่า” กันต์ถาม พร้อมกับเอนตัวลงนอน ก่อนขยับมาซุกหน้าอยู่กับอกผม ส่วนผมก็ใช้แขนรวบตัวเขาให้มาชิดกับผมมากขึ้น

“กรไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่กันต์เถอะ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมตอบ สำหรับผมเรื่องนี้มันอาจจะเรียกว่า ช่วงที่ยังไม่ลงตัวแค่นั้น มันเลยเหมือนมีอะไรค้างๆ คาๆ กันอยู่ แต่ถ้าถามว่าลำบากใจไหม มันคงไม่ขนาดนั้น ส่วนคนที่น่าจะลำบากใจจริงๆ น่าจะเป็นกันต์มากกว่า แต่ผมว่าถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ตั้งรับกับสิ่งที่เข้ามาได้ดีเลยทีเดียว

“ไม่แล้ว มาถึงขนาดนี้แล้วนิ จริงๆ พี่กาวน์ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เขาเป็นคนดี แล้วก็เป็นพี่ที่ดีมากๆ เสียอย่างเดียวเข้าใจยากไปหน่อย เรื่องมันถึงวุ่นวายแบบนี้” กันต์พูด ผมก็เชื่อนะถ้าฟังจากที่กันต์เคยเล่าเรื่องหลายๆ เรื่องของเขากับพี่กาวน์ รวมถึงไอ้ป่านให้ผมฟัง

“ก็ดีแล้ว กรเป็นห่วง” ผมบอกเขา ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าอย่างเดียว ไปเที่ยวให้สนุกดีกว่า

“หิว” เสียงคนที่นอนซุกผมอยู่ส่งเสียงขึ้นมาเบาๆ จนผมอดอมยิ้มไม่ได้ ให้ตายสิ ภาพพี่กันต์ที่นิ่งๆ ที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดนะ แต่เขาก็เป็นแบบนี้เฉพาะเวลาอยู่ที่บ้านนะครับ นอกบ้านยังดูนิ่งๆ เงียบๆ เหมือนเดิม แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะครับ ขืนยิ้มเก่ง แจกยิ้มให้คนไปทั่ว ผมคงไม่เป็นอันทำอะไร เพราะต้องคอยตามเฝ้าเขา มีเสน่ห์น้อยอยู่ที่ไหนล่ะ แฟนผม

“จะทำกับข้าวไหม” ผมถาม แต่คนที่บ่นหิวส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ

“ออกไปกินข้างนอกดีกว่า ได้ซื้อกับข้าวเข้ามาเผื่อเย็นนี้ด้วย ของในตู้เย็นหมดแล้ว” กันต์พูด ก่อนจะผละตัวลุกขึ้น แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

……………………………………………………



“เดี๋ยวไปเปิดเอง” เสียงกันต์บอกผม ก่อนที่เขาจะเดินออกจากครัวไปเปิดประตูห้องหลังจากได้ยินเสียงกริ่ง แล้วหลังจากนั้นไม่ถึงนาทีบุคคลที่ป่วนแผนเที่ยวเชียงใหม่ของผมกับกันต์ก็มายืนทำหน้ากวนประสาทใส่ผม

ส่วนคนที่มากับมัน วันนี้ผมจะทักเขาก่อนครับ หลังจากทุกทีแค่ก้มหน้าทักทาย จะยกเรื่องปีใหม่มาอ้างก็ได้ครับว่า ใกล้จะปีใหม่แล้ว ผมควรเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ บ้าง แล้วถ้าพิจารณาถึงเรื่องที่เขาเคยทำไว้กับกันต์ เจตนามันไม่ได้มาจากการต้องการแย่งชิงกันเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่เขามีเหตุผลอื่น ที่ผมเองก็ไม่ได้อยากได้คำตอบ แต่เอาเป็นว่าจากนี้เราจะเริ่มต้นกันใหม่

“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักคนที่เดินตามหลังกันต์เข้ามา เขาก็ยิ้มตอบผมครับ ส่วนกันต์เองพอเห็นผมทำแบบนี้ เขาก็ส่งยิ้มมาให้ผม

“มีอะไรกินบ้างวะ” ไอ้ป่านมันชะโงกหน้าข้ามบาร์ในครัวมาถามผมที่กำลังเทกับข้าวที่ซื้อมาใส่จาน มื้อนี้ซื้อกับข้าวสำเร็จครับวันนี้จะได้ไม่ต้องเหนื่อย เดี๋ยวกินเสร็จจะได้แยกย้ายกันไปนอนเอาแรง

“สนแต่เรื่องกินนะมึง แล้วเป็นไงดีกันแล้วหรอวะ ถึงมาด้วยกันได้” ผมถามป่าน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับมันเรื่องนี้เลยถามสารทุกข์สุขดิบมันเสียหน่อย แล้วตอนนี้กันต์กับพี่ชายเขาก็เดินไปคุยกันที่ระเบียงแล้ว ผมกับป่านเลยคุยกันสะดวก  

“ก็ดีว่ะ แล้วมึงอ่ะ กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าวะ ถึงทักเขาได้” มันถามผมกลับบ้าง

“เปล่า แต่เป็นอย่างนี้กูก็อึดอัดว่ะ แล้วกูเด็กกว่าเขากูก็ควรเริ่มก่อน เพื่อบรรยากาศจะดีขึ้น กูไม่อยากให้กันต์กับมึงพลอยรู้สึกไม่ดีเพราะกูด้วย” ผมตอบ

“เออๆ ขอบใจว่ะ แต่มึงก็ไม่ต้องฝืนมากนะเว้ย กูไม่อยากเห็นมึงลำบากเหมือนกัน”

“ไม่ต้องห่วงกูหรอก มันไม่มีอะไรแล้วว่ะ ส่วนมึงก็ห่วงตัวมึงเองเหอะ เอายกนี่ไปวางที่โต๊ะด้วย อย่ากินแรงกู” ผมพูด ก่อนจะยกจานปลาสำลีทอดน้ำปลา พร้อมกับถ้วยใส่ยำมะม่วงให้ป่านรับไปวางที่โต๊ะกินข้าว

“วางเสร็จแล้วก็ไปตามแฟนกูกับแฟนมึงมากินข้าวด้วย” ผมสั่งมันต่อ

“ไม่ใช่แฟนกูโว้ย แม่ง กูบอกไม่เคยฟัง” มันโวยวายทันทีที่ผมพูดจบ ส่วนผมก็ขำๆ ครับ

“เออ ไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ รีบไปตามมาได้แล้วมึง อย่าช้า” มันทำหน้ากวนผมอีกรอบ ก่อนจะยอมเดินไปแต่โดยดี

------------------------------------------------------    


(http://cafe.monkiezgrove.com/wp-content/uploads/2010/05/postcard-happynewyear-058-happy-new-year.jpg)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 31-12-2010 23:08:17
ไม่ใช่แฟน แต่เป็นมากกว่าแฟน อ่ะป่าว ป่าน...........

HNY. นะค่ะ ไรเตอร์ มีความสุขมากๆนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 31-12-2010 23:14:02
โฮ่ๆๆๆๆ เรื่องโน้นกึ่งๆแอบคุณพี่กาวน์หนีเที่ยว มานี่มาเปิดตัวเลยนะ  :-[
ต่างคนต่างก็รู้สึกๆในใจอยู่ละนิ

กรกับกันต์ สวีทคงมาตรฐานจริงๆ ชอบจริงๆเลย
 :m11:


 :กอด1: HNYเรื่องโน้นแล้วนะ เอาอีกที
สวัสดีปีใหม่ค่ะ มีความสุขมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 31-12-2010 23:20:44
สวัสดีปีใหม่ค่ะ :mc3: :mc2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 31-12-2010 23:39:32
วุ๊ย.. คนเค้าจะสวีทกันสองต่อสอง
แบบนี้ก้อเป็นสวีทคูณสองอ่ะจิ หุหุ

รอตอนหน้าค่ะ HNY 2011 นะคะ มีความสุขมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 31-12-2010 23:41:02
ปากแข็งจริงจริ๊ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 01-01-2011 00:25:32
เห็นชื่อตอนตกใจหมดเลย ที่แท้ก็น้องป่านมาป่วนทริปด้วยนี่เอง แถมยังลากผู้หลักผู้ใหญ่มาเป็นศรีแก่ทริปด้วย :m20:

HAPPY NEW YEAR นะคะคุณ Angel_K  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 01-01-2011 00:29:28
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 01-01-2011 00:49:43
 :serius2:
...  :mc4: Happy New Year 2011....... :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 01-01-2011 01:23:05
สงสัยจะเป็นทริปที่ไม่สงบสุขจริงๆ แต่ไปหลายคนคงสนุกอย่างที่ป่านว่าแหล่ะน้า
บรรยากาศเวลาอยู่รวมกันก็ดีขึ้นเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นต้องเป็นทริปที่น่าติดตามแน่ๆ

ยิ่งคู่กันต์ กร ความหวานไม่มีตกเลยนะ  :impress2:

Happy New Year 2011
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-01-2011 03:35:00
Happy New Year 2011 จ้า
มีความสุขสมหวังสมปรารถนาตลอดปี  ร่ำรวยเงินทอง  สุขภาพแข็งแรงนะ

แง่ม  นึกว่าจะได้ไปกันสองคน เหอๆๆ  มีเพิ่มมาอีกคู่ด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-01-2011 09:44:27
รอตอนต่อไป  หวังว่ากรกับกันต์คงสนุกนะ  ทริปนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-01-2011 10:04:27
ทริปนี้จะพากันไปดูพลุที่เชียงใหม่หรือเปล่า
สองคู่ชู้ชื่น หรือพี่กาวน์กับป่านจะป่วนจนกรกับกันต์ต้องยันให้ตกดอย :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 01-01-2011 10:30:34
ทริปนี้คงหวานจนน้ำตาลเรียกแม่แน่
อิ อิ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 01-01-2011 10:34:52
 :laugh: กรเอ้ยโดนเพื่อนตัวแสบป่วนเข้าให้แล้ว
เอาน่าๆ เดีี๋ยวให้กันต์ปลอบใจ

Happy New Year ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 01-01-2011 11:09:05
สงสัยจริงว่าบนรถอาจจะได้สวีทสองคู่นะนี่ หึหึ
ดีแล้วหล่ะเห็นดีกันได้ อิอิ จะรอตอนต่อไปจ้า
Happy New Year นะคะทุกคน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 01-01-2011 19:27:08
เรื่องนี้อ่านแล้วอบอุ่นจัง ดูกรกับกันต์เป็นคู้แท้ยังไงก็ไม่รู้ อยู่ด้วยกันทำแต่เรื่องดีๆสิ่งดีๆส่งเสริมกันไปในทางดีทั้งนั้น^^ ชอบมากค่ะ

ปล.ส่วนป่านกะกาวน์ท่าจะป่วนคู่รักรับปีใหม่แล้วม้างงง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 02-01-2011 12:51:38
อิอิ..ถือซะว่าไป 4 ก็ครึกครื่้นดีนะ...คริคริ

Happy New  Year จ้า
ขอให้มีความสุขมากๆนะจ๊ะ

(http://cafe.monkiezgrove.com/wp-content/uploads/2010/12/happy-new-year-2011.jpg)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 02-01-2011 12:59:06
อ่า นู๋กันต์ รออ่านอยู่นะ happy ปีใหม่แล้วกลับมาไวๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 02-01-2011 22:28:53
 :o8: :o8: :o8:

น่ารักทั้งสองคู่เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 02-01-2011 23:57:35
ป่านปากแข็ง ...หรือว่าเขิน? คึคึ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 03-01-2011 00:28:50
รอตอนต่อไปด้วยคน ตามลุ้นทั้งสองคู่
อยากรู้ว่าคู่หนึ่งจะหวานกันได้ขนาดไหน
และอีกคู่หนึ่งคงต้องช่วยลุ้นเพื่อหาข้อสรุป ว่าตอนนี้คบกันแบบไหน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 03-01-2011 15:44:10
ไปเที่ยวกันๆ คู่เพื่อนซี้นี่ก็ฮาดีนะ 55+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-01-2011 13:27:56
มีป่านไปด้วยยังไม่เท่าไร แต่มีอิพี่กาวน์พ่วงมาด้วยนี่ดิ มันจะกร่อยปะ  :m29:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 08-01-2011 00:00:41
ทริปนี้ดูท่าจะไม่หวานอย่างที่คิดซะแล้วแฮะ
555+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: spring ที่ 09-01-2011 16:35:25
เข้ามาดัน 5555+


ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆ


เปิดเข้ามาดูทุกวันเลยว่าต่อรึยัง


ขอบคุณมากนะคะที่เขียนเรื่องน่ารักให้เราอ่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 09-01-2011 16:40:52
เดี๋ยวคืนนี้มาลงให้นะคะ ไม่ดึกเกินรอแน่นอน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ที่ไม่สงบสุข (ก่อนเดินทาง) [1/3] p. 47 up 31-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 09-01-2011 21:34:08
ตอนที่ 48 ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3]

“พี่กาวน์จะไปทางไหน จะไปทางกำแพงเพชรหรืออุตรดิตถ์” เสียงกันต์ถามตอนที่เรากำลังคุยเรื่องเส้นทางที่จะไปเชียงใหม่ หลังผ่านมื้อเย็นไปครึ่งทางแล้ว

ส่วนเรื่องที่โปรแกรมและที่พัก มีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อยเมื่อตอนกลางวันนี้เอง ป่านมันชวนไปเที่ยวเชียงราย แล้วนอนที่บ้านมัน อันนี้แม่มันเสนอไอเดียมาครับ บ้านป่านที่เชียงรายก็คล้ายๆ กับบ้านกันต์ที่หัวหินนั่นแหละครับ อยู่แต่คนดูแล เจ้าของบ้านนานๆ จะขึ้นไปที เห็นป่านมันเล่าว่าแม่มันขึ้นไปอย่างมากเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง พวกผมสองคนก็ตกลงจะไป เพราะกันต์เองเขาชอบบ้านป่านที่ชียงรายอยู่แล้ว

สรุปแล้วเราไปกันหกคืน จากเดิมที่ผมกับกันต์จะไปกันแค่ห้าคืน โดยคืนแรกจะนอนที่บ้านคุณย่า อีกสามคืนต่อมาจะไปพักที่รีสอร์ทในตำบลท่าศาลา ก็อยู่ในตัวเมืองนั่นแหละครับ สำหรับห้องของพี่กาวน์กันต์โทรไปจองให้เมื่อเช้านี้ ห้องยังมีว่างอยู่ครับแต่ต้องจ่ายเยอะเอาเรื่อง เพราะเหลือแต่ห้องพักที่แพงเป็นอันดับสองของรีสอร์ทเพียงหลังเดียว ส่วนพวกผมพักแบบรองลงมาหน่อย ผมยังคิดอยู่ว่าเงินจำนวนนั้นสามารถใช้บินไปเที่ยวยุโรปสองคนได้อย่างสบาย แต่กันต์เขาบอกผมครับว่า นั่นมันเงินพี่กาวน์นิ แค่นั้นเลยครับสั้นๆ ง่ายๆ แล้วสองคืนสุดท้ายก็ขึ้นไปนอนบ้านป่านที่เชียงรายกัน จากเดิมผมสองคนจะกลับไปนอนบ้านคุณย่าคืนหนึ่งเพื่อซื้อของและเที่ยวในเมือง

“พี่ว่าจะไปทางอุตรดิตถ์ ทางกำแพงเพชรถนนมันไม่ค่อยดี” เสียงพี่กาวน์ตอบ

“เพื่อนผมมันก็บอกให้ไปทางนั้น แต่ก่อนถึงอ. เด่นชัยมันทำถนนอยู่ประมาณสามสิบกิโลฯ แต่มันว่าดีกว่าไปทางกำแพงเพชร แล้วเราไปก่อนช่วงเขาหยุดกันรถคงไม่เยอะเท่าไหร่” ผมพูด ตามที่ไอ้ติ๊ดเพื่อนผมมันบอกมา เพราะมันเพิ่งไปเชียงใหม่มาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว

“แวะไปกินข้าวเช้าที่ลำปางแล้วกัน ถ้าออกตีสอง ไม่เกินแปดโมงคงถึง” พี่กาวน์เสนอต่อ

“ไปกินข้าวมันไก่ในตลาดกัน” อันนี้น่าจะรู้กันว่าเสียงใคร มีตัวเดียว เรื่องกินนะรีบเสนอเชียวนะมึง

“เดี๋ยวกูไปซื้อให้มึงเดี๋ยวนี้ก็ได้ ไปลำปางจะกินข้าวมันไก่” ผมบอกไอ้ป่าน

“ของชอบมึงไม่ใช่หรือไง มึงไม่รู้อะไรร้านนี้อร่อยจริง มึงกูพาไปกินแล้วจะติดใจไม่เชื่อมึงถามพี่กันต์” ไอ้ป่านพูด พร้อมหาคนสนับสนุนมัน

“เออ ๆ” ผมพูด ที่จริงก็พูดไปอย่างนั้น เพราะผมกินอะไรก็ได้อยู่แล้ว แล้วข้าวมันไก่ผมเองก็ชอบกิน

“ป่านกับพี่กาวน์ไปนอนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวกันต์เก็บจานเสร็จแล้วก็จะเข้านอน” กันต์พูด ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วครับ  

“เดี๋ยวป่านช่วย” ไอ้ป่านรีบเสนอตัว ผมเลยมองมันอย่างรู้ทัน หน้าอย่างมึงใครก็ดูออก ส่วนพี่กาวน์พอพี่กันต์พูดจบก็ขอตัวเข้าห้องไปก่อน เพราะพี่แกบอกว่าเมื่อคืนนอนดึก

“ไม่อยากเดินตามเขาเข้าห้องสิมึง ไม่ต้องอายหรอกมีแค่กูกับกันต์” ผมพูดกับมันเบาๆ ตอนที่ช่วยกันเก็บจานบนโต๊ะ ส่วนกันต์ถือจานบางส่วนเข้าไปล้างในครัวก่อนแล้ว

“อายบ้านป๊ามึงสิ” มันด่าผมกลับมา แล้วผมก็ไม่ได้แซวมันต่อ ด้วยเกรงว่าคืนนี้เพื่อนผมมันจะย้ายตัวเองมานอนที่โซฟาเพราะไม่กล้าเข้าห้อง
 
“ไปแซวมัน” กันต์หันมาดุผม แต่ไม่จริงจังนัก ตอนผมยกจานไปให้เขา ส่วนไอ้ป่านเดินเข้าห้องไปแล้วครับ

“ได้ยิน” ผมถาม

“อยู่กันแค่นี้” เขาตอบผม

“มันก็เข้าไปแล้วไง” ผมพูด ก่อนจะถูกกันต์ไล่ให้ไปอาบน้ำ แล้วเข้านอน เพราะช่วงแรกผมจะเป็นคนขับรถ พอถึงนครสวรรค์ก็จะเปลี่ยนให้กันต์ขับต่อเพราะเขาชินทางมากกว่าผม ผมก็เลยเดินกลับเข้าห้องนอนมาก่อน พออาบน้ำเสร็จกันต์ก็เข้ามาอาบต่อพอดี

....................................................................



“กร… กร”

“อื้อ กี่โมงแล้ว” ผมถามเพราะเห็นว่ากันต์เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ในเสื้อโปโลสีขาว กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำขนาดพอดีตัว มีสเวตเตอร์ไล่สีเทาจากสีอ่อนตรงช่วงกลางตัวไปจนถึงสีเข้มที่ชายเสื้อพาดอยู่ที่บ่า แล้วใช้แขนของเสื้อผูกไว้ที่ด้านหน้า กันต์ดูเด็กมากกับลุคนี้

“ตีหนึ่งครึ่ง ออกไปข้างนอกก่อนนะ” กันต์บอก ก่อนตั้งท่าลากกระเป๋าเดินทางหนึ่งในสองใบออกจากห้อง

“กรหิ้วใบนี้ออกไปเองก็ได้” ผมบอกกันต์ถึงกระเป๋าอีกใบที่ตั้งอยู่ กันต์เขาก็ตอบรับแล้วลากกระเป๋าออกจากห้อง

ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานครับ ส่วนเสื้อผ้าก็ง่ายๆ เลือกเสื้อโปโลสีดำ กับกางเกงยีนส์ แล้วก็หยิบสเวตเตอร์สีเทาเข้มที่กันต์เขาแขวนไว้ให้หน้าตู้เสื้อผ้าออกมาด้วย ก่อนจะลากกระเป๋าอีกใบออกจากห้อง

“ล็อคห้องยัง” กันต์ถามผม เมื่อผมเดินเข้าไปหาเขาที่นั่งดื่มกาแฟกับพี่กาวน์ที่โต๊ะกินข้าว

“ล็อคแล้ว ไอ้ป่านอ่ะ” ผมถามเพราะไม่เห็นมันนั่งอยู่ด้วย

“ปิ้งขนมปังอยู่ในครัว เอากาแฟไหมเดี๋ยวชงให้” กันต์บอก ผมก็มองเข้าไปในครัวเห็นไอ้ป่านกำลังปิ้งขนมปังอยู่

“มาเอาไปดิ เสร็จแล้ว” พอมันเห็นผม มันก็เรียกให้ไปหยิบจานขนมปังที่ปิ้งเสร็จแล้วไป

“เดี๋ยวกรไปชงเองก็ได้” ผมพูด ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว แล้วเปิดตู้เย็นหยิบเนย และมายองเนสออกมา อย่างหลังนี่ของชอบผม ขนมปังปิ้งทามายองเนส  

“มึงกับพี่กาวน์จะทาอะไร แยมกูก็มี” ผมถามไอ้ป่านที่กำลังยืนชงโกโก้อยู่

“เอาเนยอย่างเดียวพอ” พอมันตอบผมก็ยกจานขนมปัง เนย แล้วมายองเนสไปตั้งที่โต๊ะ ก่อนกลับมาชงกาแฟให้ตัวเอง ก็ใช้เวลากินกันไม่นานครับ ไม่ถึงสิบนาที ออกเดินทางกันตามเวลาตอนตีสอง ไอ้ป่านให้ผมขับนำไป ส่วนมันก็ขับตาม  
.
.
.

ผมใช้เวลาขับรถประมาณสองชั่วโมงเศษก็ขับรถมาถึงนครสวรรค์ แล้วเปลี่ยนมาให้กันต์เขาขับแทน ตอนที่ขึ้นมานั่งบนรถตอนออกจากคอนโดฯ กันต์หาเพลงฟังอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หลับ มาตื่นอีกทีตอนที่จอดแวะปั๊มกันแล้ว พอออกมานอกรถเจออากาศเย็นเลยครับ เลยเห็นกันต์ยืนกอดอกลูบแขน บอกให้ใส่เสื้อแขนยาวก็ไม่ยอมใส่นะครับ เขาบอกว่าขอสัมผัสอากาศเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวขึ้นรถก็ไม่หนาวแล้ว

“ครับแม่” ผมรับสายแม่ที่โทรเข้ามาหา ตอนนี้ยืนรอไอ้ป่านอยู่ครับ มันวิ่งเข้าไปซื้อของ

“ถึงนครสวรรค์แล้ว เดี๋ยวกันต์ขับต่อ” ผมตอบแม่ที่โทรเข้ามาถามว่าผมขับรถถึงไหนแล้ว

“ครับ” ผมตอบรับแม่ที่บอกว่าขอสายกันต์

“แม่จะคุยด้วย” ผมบอก ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้เขา แล้วก็ได้ยินแต่เสียง “ครับ” “ครับแม่” “ครับ ครับ” แค่นั้น ถ้าให้เดา แม่ผมต้องบอกว่า “ขับรถดีๆ” “อย่าขับรถเร็ว” แล้วสุดท้าย “ดูแลสุขภาพด้วย” เพราะแม่จะบอกอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมขับรถไปไหนไกลๆ

“แม่ว่ายังไงบ้าง” ผมถามกันต์ เมื่อเห็นเขาวางโทรศัพท์แล้ว  
 
“แม่อวยพรให้เดินทางปลอดภัย อย่าขับรถเร็ว ให้ดูแลสุขภาพด้วย” กันต์ตอบ เป็นไงครับ เหมือนที่ผมบอกไหม

“อ่ะ ถุงนี้ของพี่กันต์กับมึง” ป่านมันเดินมายื่นถุงในมือมันให้ผม ส่วนในมือมันก็ยังมีอีกถุง ผมลองเปิดถุงแหวกๆ ดูก็เห็นชาเขียว นมจืด สาหร่าย ขนมปัง และขนมขบเขี้ยวอีกสามสี่อย่าง ซึ่งเป็นของที่กันต์กับผมชอบทั้งนั้น

“ขอบใจ แต่มึงซื้อมาทำไมเยอะแยะวะเนี่ย” ผมพูด เพราะมันเล่นซื้อของมาจนเต็มถุงใบใหญ่

“เออน่า นั่งรถมันหิวบ่อย” มันตอบ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งบนรถตัวเอง  

“พี่กาวน์ขับนำไปนะ” กันต์หันไปบอกพี่กาวน์ ก่อนจะเปิดประตูก้าวขึ้นรถตัวเองบ้าง ผมเองก็ทำตาม แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ

ช่วงที่กันต์ขับรถจากนครสวรรค์ไปลำปาง ผมก็หลับไปแค่ชั่วโมงแรก ก่อนจะตื่นมานั่งคุยกันไปตลอดทาง เรื่องที่คุยกันตอนนี้คงไม่พ้นเรื่องบ้านครับ มันเป็นเรื่องที่เรามักจะคุยกันเกือบตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน แล้วก็เขามาถึงเรื่องที่แม่กันต์ชวนผมเข้าไปทำงานกับกันต์ เรื่องนี้กันต์ยกให้เป็นการตัดสินใจของผมทั้งหมด ซึ่งผมเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร กลับไปแล้วค่อยว่ากันอีกที

เจ็ดโมงกว่าๆ เกือบแปดโมงเราก็เข้ามาถึงตัวเมืองลำปาง แวะกินข้าวมันไก่ ตามที่ไอ้ป่านมันบอกไว้ตอนแรก อร่อยจริงอย่างที่มันว่า แถมยังให้เยอะมาก หลังจากผ่านมื้อเช้า ก็ขับรถมุ่งตรงสู่ตัวเมืองเชียงใหม่กันต่อ  

 ..............................................................


หลังจากแวะเข้าบ้านไปหาปู่กับย่ากันแล้ว ก็สรุปกันได้ว่าจะไปไหว้พระกันก่อน ตามคำแนะนำของปู่กับย่าครับ  แล้วค่อยหากินข้าวเที่ยงกินกันในเมือง ก่อนที่ช่วงบ่ายจะไปที่ปางช้างแม่สา

ตอนนี้เรากำลังนั่งดูการแสดงช้าง หลังจากดูช้างอาบน้ำในลำน้ำแม่สากันมาก่อนหน้านี้ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าช้างตัวใหญ่ๆ จะถูกฝึกให้สามารถวาดรูป เก็บของ ปาลูกดอก ไปจนถึงเป่าหีบเพลงได้ ดูแล้วก็เพลินๆ ดีครับ ระหว่างนั้นก็ถ่ายรูปเก็บไว้บ้าง  

พอดูการแสดงจบ ก่อนไปนั่งช้างตามคำชวนของไอ้ป่าน ก็ไปถ่ายรูปกันครับ ดาราหน้ากล้องคู่กับช้างนี่ก็ไม่ใช่ใคร ไอ้ป่านกับกันต์ครับ กันต์นี่ยังเฉยๆ ไม่อะไรมาก ออกแนวถูกไอ้ป่านมันลากไปมากกว่า ส่วนพี่กาวน์รายนั้นเหมือนพี่ใหญ่คุมเด็กที่ต่อท้ายด้วยคำว่า “โข่ง”  

วันนี้จบที่ปางช้างแม่สาเป็นที่สุดท้ายครับ ขับรถนั่งรถกันมาหลายชั่วโมง เลยอยากกลับไปพักกันหมด ไม่มีใครอยากไปไหนต่อ กลับไปพักเอาแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้กันต่อ

...........................................................



เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกินข้าวเช้าแล้วก็ออกจากบ้านย่าครับ มาเที่ยวนี้ใช้เวลาที่บ้านย่ากันน้อย ตอนอยู่ที่โต๊ะปู่ก็ถามเรื่องหลานสะใภ้ขึ้นมาอีกแล้วครับ เล่นเอาเงียบกริบกันทั้งโต๊ะ ก่อนที่สองพี่น้อง พี่กาวน์กับกันต์จะพร้อมใจกันยกเอาเหตุผลเดิมๆ ขึ้นมาอ้างครับ ว่างานยุ่ง ไม่มีเวลาไปหาสาวที่ไหน ก็ไม่รู้ว่าเหตุผลนี้จะใช้อ้างกันไปได้ถึงเมื่อไหร่

ออกจากบ้านย่าเราก็มีแผนขึ้นไปดอยอินทนนท์กันครับ อยู่กันจนถึงช่วงบ่ายก็เข้ารีสอร์ท จากนั้นก็แยกย้ายกันเลย นัดเจอกันอีกทีพรุ่งนี้เช้า มื้อเย็นนี่ตัวใครตัวมัน ตอนแรกเหมือนไอ้ป่านมันจะติดสอยห้อยตามกันต์มาเล่นอยู่กับพวกผมด้วย แต่ถูกพี่กาวน์ลากไปก่อนครับ อยากจะขอบคุณพี่กาวน์ก็งานนี้

.
.
.

ตกกลางคืนกับบรรยากาศดีๆ บนศาลาทรงไทย ข้างสระน้ำขนาดเล็กภายในพื้นที่ของบ้านพักที่มีความเป็นส่วนตัว กอปรกับลมพัดเฉื่อยที่พาเอาความเย็นมาปะทะร่างสองร่างที่กึ่งนั่งกึ่งนอนแอบอิงกันอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ และความสุขที่อบอวลอยู่รอบตัว ช่างเป็นการเชื้อเชิญให้มอบสัมผัสที่แนบแน่นแก่กันมากกว่าที่เป็นอยู่

แล้วอีกอย่างเราไม่ได้บอกรักกันมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่าน ด้วยเหตุผลที่อีกคนต้องเคลียร์งานช่วงสิ้นปีกลับมาถึงห้องก็นอนสิ้นสภาพแล้ว จะไปกวนเขาก็ใช่ที่ แต่ได้มาพักผ่อนแบบนี้แล้ว คงต้องทวงสิทธิ์กันบ้าง แล้วคนที่จะให้สิทธิ์นั้น ก็มานั่งแนบชิดอยู่บนตักแล้วแบบนี้

ก้มลงซุกไซร้ละเลียดสูดกลิ่นหอมจากซอกคอของคนที่นั่งพิงอก และได้รับการตอบรับที่ดี โดยเอียงคอการเปิดทางให้ ก่อนปิดเปลือกตาลง ยิ่งขับให้เห็นขนตายาวหนาเป็นแพชัด อกกระเพื่อมขึ้นลงในจังหวะสม่ำเสมออย่างคนผ่อนคลาย แต่ร่างกายตอบสนองกับสัมผัสที่มอบให้เป็นอย่างดี

สองมือวางแนบลงทับบนหลังมือของผม เมื่อมือผมขยับไปในทิศทางใด มือที่เล็กกว่าจะแนบตามติดไปด้วย ฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งวางนิ่งโอบกระชับรอบเอว ส่วนอีกข้างเริ่มสอดลึกเข้าไปภายใต้เสื้อสองชั้นที่สวมทับให้ความอบอุ่น อีกไม่นานอุณหภูมิของร่างกายคงสูงพอ จนเนื้อผ้าหนาไร้ความสำคัญ

“เข้าห้องไหม” ผมถาม เมื่อสังเกตเห็นไรขนอ่อนที่แขนของอีกคนลุกชัน เพราะเสื้อที่สวมอยู่ถูกรั้งขึ้นจนหน้าท้องขาวถูกเผยออกมาสัมผัสกับอากาศเย็น

“อื้อ” เสียงครางฮือตอบรับดังกลับมาก่อนขยับตัวลุกจากอ้อมกอด แต่ไม่ยอมก้าวเดินไปไหน กลับหันมาประชิดติดตัว และส่งแขนสองข้างขึ้นมาโอบกระชับรอบคอ ก่อนกระซิบอ้อนเสียงเบาข้างใบหู จนคนฟังคล้ายตกไปอยู่ภวังค์ สูญเสียความคิดในการควบคุมร่างกาย ได้แต่เคลื่อนไปตามคำบอกของคนตรงหน้า สองมือขยับยกร่างเล็กกว่าขึ้นมาอุ้มไว้ เหมือนเป็นท่าอุ้มที่ลูกลิงตัวขาวจะพอใจ เมื่อตัวลอยขึ้นก็ซบหน้าลงกับบ่าทันที ก่อนถูกพาออกเดินไปยังจุดหมาย
.
.
.


เสื้อตัวหนาชั้นนอกถูกรั้งออกจากตัวไปพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวด้านใน จนเผยผิวขาวเนียนแต่ไม่ซีดด้วยมีเลือดฝาดจนผิวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ยิ่งกอปรกับแรงอารมณ์ที่ถูกขับให้สูงขึ้น ผิวนั้นก็ยิ่งดูเปล่งปลั่งดึงดูดให้รีบเข้าไปสัมผัส หน้าผาก จมูก คาง จนถึงริมฝีปากอิ่มแดงที่เผยอรอรับสัมผัสที่ลึกซึ้ง เรื่อยไปจนถึงแผ่นอกขาวที่มีกล้ามเนื้อสวย ลากสัมผัสไล้ไปจนถึงหน้าท้อง ดูดดุนจนเกิดรอยสีแดงสวยจนเป็นที่พอใจ ถึงย้อนกลับไปหาริมฝีปากแดงช่ำอีกครั้ง

ไม่ได้ตอบรับอย่างไร้เดียงสา แต่ร้ายเดียงสาเกินกว่าใครจะคาดคิด ถ้าไม่ลองเข้ามาสัมผัส จะไม่มีทางได้รู้ว่าคนตรงหน้านี้เปี่ยมเสน่ห์ขนาดไหน แต่ชาตินี้อย่าหวังว่าจะมีใครมาลิ้มลองได้อีกนอกจากเขา นายกวินท์กรคนนี้

บางอารมณ์ร่างที่เล็กกว่าช่างทำตัวคล้ายกับไร้เดียงสา น่าทะนุถนอม แต่บางครั้งก็เร้าร้อน เกินจะคาดคิด ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเบื่อเมื่ออยู่ใกล้ ใช่แต่จะรักด้วยใจเพียงอย่างเดียว แต่เก็บไว้ไม่แสดงออก อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ทั้งใจและกายมันสัมพันธ์และรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งภาษากาย ภาษาใจ และคำพูด

ที่สำคัญคือ บอกกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครยอมใคร

ยามนี้เสื้อผ้าที่ติดกายถูกสลัดออกจนเหลือเพียงสองร่างที่เปลือยเปล่าที่กำลังบดเบียดให้ผิวได้สัมผัสถ่ายเทความอุ่นร้อนกันมากขึ้น    

“อื้อ อื้มมมม... อะ อึก” เสียงครางกระเส่าที่ถูกปล่อยให้ดังออกมาอย่างไม่คิดอาย เรียกความพอใจให้กับคนปรนเปรอ คล้ายมีคนมาเติมเชื้อไฟให้ จนไฟอารมณ์นั้นยิ่งโหมกระหน่ำ

ริมฝีปากที่มอบสัมผัสให้อย่างไม่นึกรังเกียจ เพราะ “รัก” คำเดียว ถึงทำได้ทุกอย่าง รีดเค้นเอาทุกหยาดหยดที่ถูกปลดปล่อยจากร่างที่กำลังแอ่นตัวเกร็งจนแผ่นหลังไม่ติดที่นอนนุ่ม และรับทุกหยาดหยดนั้นเอาไว้ ก่อนถึงคราวที่ตัวเองจะได้ไปท่องเที่ยวในแดนสวรรค์บ้าง  

 “อ้ะ... อื้อ” เสียงครางดังลั่น ก่อนขยับตัวบิดหนีด้วยความเสียวซ่านเมื่อถูกเตรียมความพร้อมจากปลายลิ้นร้อน จนต้องใช้สองมือรั้งสะโพกไว้ไม่ให้ขยับหนี สองมือเรียวของคนถูกกระทำได้แต่กุมขยำผ้าและหมอนที่อยู่ข้างกายเป็นที่ยึดเหนี่ยวและระบาย

“พะ พอ พอแล้ว ไม่ไหว แล้ว” เสียงพูดปนหอบกระท่อนกระแท่นบอก ก่อนยกแผ่นหลังและสองมือขึ้นมาดึงตัวผมขึ้นมา จนใบหน้าอยู่เสมอกัน แล้วโอบกอดไว้จนแน่น ผมรับรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

ไม่รอช้าในเมื่อความต้องการของตัวเองก็มีมากจนเกือบจะล้น รีบตอบสนองสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกร้องทันที

“ช้า ช้า... อื้ออออ” เสียงคนข้างใต้ร้องบอกก่อนปล่อยเสียงครางยาว เมื่อความต้องการของผมแทรกผ่านเข้าไปจนสุด ก่อนค้างไว้ให้อีกฝ่ายปรับตัว จนเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับก่อน ถึงได้ออกแรงขยับตาม ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมบังเหียนคุมจังหวะอารมณ์อีกครั้ง

“ลุกนะ” ผมบอกเมื่อหยุดขยับตัว ก่อนใช้แขนข้างหนึ่งช้อนใต้แผ่นหลังเนียนของอีกคนแล้วรั้งให้ยกตัวตามขึ้นมา

“อื้อ อึก” เสียงดังตามมาเป็นระยะทุกครั้งที่ขยับตัว จนเปลี่ยนให้ร่างขาวๆ มานั่งซ้อนหันหน้าเข้าหากันอยู่บนตัก ก่อนที่ผมจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาตามไรผม และหน้าผากให้ จากนั้นก็ขยับตัว พร้อมกับใช้สองมือช้อนสะโพกขาวขึ้นเล็กน้อยเป็นการกระตุ้นให้คนที่ถูกเปลี่ยนมาอยู่ด้านบนขยับตัวตาม ก่อนจะปล่อยให้เขานำพาผมไป

“ไม่ไหวแล้วหรอครับ ฮืม” ผมถาม เมื่อกันต์ซบหน้าลงมาบนบ่า แล้วกอดคอผมไว้ ก่อนจะหยุดขยับตัว โดยทิ้งให้ผมรับสัมผัสที่รัดแน่นจากตัวเขาจนแทบทนไม่ไหว คนถูกถามก็พยักหน้าที่ซบอยู่กับบ่า ผมเลยค่อยๆ ขยับพาแผ่นหลังเนียนให้สัมผัสลงกับที่นอนนุ่มอีกครั้ง ก่อนส่งมือข้างหนึ่งไปรูดรั้งช่วยปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาให้ พร้อมกับตัวเองที่ขยับเคลื่อนกายไปในจังหวะเดียวกัน แล้วค่อยๆ เร่งขึ้น จนถึงขีดสุดของอารมณ์และปลดปล่อยออกมาเกือบจะพร้อมกัน

“รักนะ” ผมไม่ลืมที่จะบอกคำๆ นี้ให้อีกคนได้ฟัง ก่อนจะปล่อยให้กันต์นอนซุกตัวอยู่กับอกผมสักพักเพื่อให้จังหวะการหายใจกลับมาเป็นปกติ ค่อยลุกไปจัดการอาบน้ำให้สบายตัว แล้วกลับมาซุกตัวหลับไปพร้อมกันจนเช้า  

---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 09-01-2011 21:47:29
จิ้มก่อนน่ะ

---------------------------+


หวานทุกหยาดหยด    เอิ้กๆๆๆ >//<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 09-01-2011 21:50:25
อ๊ากกกก
หวานกันจิงๆ เลย กร กับ กันต์เนี่ยยย
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 09-01-2011 21:51:27
กรกับกันต์ หวานได้ทุกที่จริงๆ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 09-01-2011 21:51:56
ฮา น้องป่าน รู้สึกว่าน้องจะเป็นตัวป่วนทริปนะ ถ้าพี่กาวน์ไม่ได้มาด้วยนี่ กรคงได้มีการทำร้ายร่างกายเพื่อนแน่ๆเลย โทษฐานที่ทำตัวเป็นปลาทองติดตูดไม่ดูกาลเทศะ  :laugh:
ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 09-01-2011 22:05:00
กันต์กะกรตอนนี้หวานมากกกกกกกก
หวานจนเลือดเจิงนองกันเลยทีเดียว
 :jul1:

ถึงจะมีอีก2หนอร่วมเดินทาง
แต่ก็หาได้เกรงใจไม่
หวานกันแบบไม่แคร์สื่อ เอิ้กๆๆ

เห็นเค้าบอกรักกันแล้วกะอยากมีคนให้บอกรักบ้าง
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 09-01-2011 22:07:23
แม้จะมากันเป็นทริปเฮฮา
แต่คู่มีก็ได้มีเวลาหวานกันจนได้นะ
>///<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-01-2011 22:20:17
เห็นกร-กันต์เค้ารักใคร่กันหวานฉ่ำแบบนี้ ปลื้มจัง(แต่ก็อดตาร้อนไม่ได้)
ป่านกับพี่กาวน์ล่ะ บรรยากาศ สถานที่ชวนให้เคลิ้มแบบนี้
จะไม่มาหวานให้ผู้อ่านตาร้อนมั่งเหรอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-01-2011 22:29:18
ยังคงหวานอย่างสม่ำเสมอ  อยากให้รางวัลคู่รักตัวอย่างจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-01-2011 22:30:41
คู่นี้บอกรักกันหานฉ่ำแล้ว
คู่พี่กาว์นกับป่านจะหวานขนาดไหนน๊า:m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 09-01-2011 22:38:45
หาย ไปนานกลับมาเอาซะคุ้ม เรย

หวาน หยด อ่ะ  ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 09-01-2011 23:34:33
อ่านถึงตอนที่ 15 ค่ะ เห็นหวานอุ่นละมุนละไมกันขนาดนี้ กลัวตอนหลังๆจะดราม่าเข้าเส้นจริงๆ เหอๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-01-2011 23:37:10
อ่านคู่นี้หวานซะ
ไม่อยากจะคิดเลยว่าอีกคู่จะขมซะขนาดไหน
 :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 10-01-2011 00:04:41
ดีจัง คู่นี้หวานตลอด เราชอบ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 10-01-2011 00:45:47
ชอบเรื่องนี้ก็เพราะอย่างนี้แหละ
หวานกันซะ ดูเข้าอกเข้าใจกันดีอ่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-01-2011 03:48:53
อ่านแล้วมีความสุขทุกครั้ง
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 10-01-2011 11:10:40
 :-[ เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่หวานไม่เกรงใจใคร

 :o8: ละมุ่นละไมกันดีจังเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 10-01-2011 11:58:50
คู่นี้ก็ยังคงหวานกันสม่ำเสมอ อ่านแล้วมีความสุข :-[
แต่น้องป่านดูเหมือนจะเป็นตัวป่วนของทริปนะเนี้ย

เป็นกำลังใจให้คนเเต่งจ้าา :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 10-01-2011 14:56:51
อ่านมาถึงตอนที่ 33 แล้ว คุณแม่ของกรน่ารักมากมายอ่ะค่ะ ขอกระโดดกอดซักที

รู้สึกฝ่ายที่น่าจะมีปัญหาคงเป็นฝั่งกันย์มากกว่านะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 10-01-2011 16:12:25
คู่นี้ก็หวานได้ไม่เกรงใจคนโสดอย่างเค้ามั๊งเลยนะค่ะเนี๊ย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 10-01-2011 16:24:21
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 10-01-2011 16:58:23
แอ๊ก!! (เสียงเหมือกบถูกเหยียบ  o22)

วันเกิดพี่กันย์ทำเอาเลือดกรุ๊ป Y ของอิเจ๊ไหลหลาก

อ๊าย~~ น่ารักเว่อร์อ่ะ กรคงเป็นปลื้ม เมื่อลิงน้อยเปลี่ยนเป็นลิงยั่ว คริคริ

สองคนนี้รักกันละมุลละไมจริงๆ ชอบมากๆคะ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสบายใจ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรักกันมาก(จริงเหรอ) แต่รักกันนานๆ (อันนี้จริง!)

ขอบอกไรเตอร์ว่า อิเจ๊ไม่ชอบ มาม่า แต่ถ้า ไวไว จะเมื่อไหร่ไม่มีเกี่ยงค่ะ ฮิฮิ

ไปอ่านต่อดีกว่า~~~อั๊งอาง~~
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 10-01-2011 23:04:46
นานๆ มาที แต่จัดมาคุ้มเลย  :-[ น่ารักอ่ะ หวานไม่เกรงใจใคร
คุณพี่กาวน์คะ เอาน้องป่านไปเก็บไว้ก่อนนะคะ
กลางวันป่วนได้ แต่กลางคืนขอ ฮาๆ ให้เขาหวานกันบ้างอะไรบ้าง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 11-01-2011 00:11:13
อยากมีคนรัก อยากไปเที่ยว เมื่อไหร่จะมีอย่างเขาบ้าง
อ่านแล้วอิจฉา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: lunar ที่ 11-01-2011 04:27:13
หวานเย็น ชื่นใจ


เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาแห่งปีเลย


ชอบคุณไรท์เตอร์ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-01-2011 12:28:58
อ่านมาเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่ก่อนจะจบตอนนี่ดิ  :m25:  :m25:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 11-01-2011 19:17:08
มาอ่านตอนแรกกับหน้าสุดท้ายนี้ก่อน
อยากรู้ว่าสมหวังกันหรือยัง ไว้มาตามอ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 11-01-2011 20:06:54
พาร์ทพี่ 3 เนี่ยจะมีฉากของพี่กาวน์กับน้องป่านมั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 11-01-2011 21:10:47
มีความหวานมาให้ชุ่มชื่นหัวใจได้เรื่อยเลยน้าเรื่องนี้ :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 12-01-2011 20:44:07
ชอบเรื่องนี้ น่ารักหวานกันจังเลย

ขออนุญาตก็อปเรื่องนี้เก็บไว้อ่านนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 12-01-2011 21:45:41
อ่านแล้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 12-01-2011 22:30:59
กรกับกันต์ รักกันมากเลย
สงสารกันต์ตอนโดนกาวน์ทำ เกลียดกาวน์เลย
แต่สุดท้ายก็แค่ไม่เป็นจริง
กรกับกันต์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 13-01-2011 00:04:21
กันต์กับกรน่ารักเสมอต้นเสมอปลายมาก :-[

ส่วนคู่โน้น คนอ่านลุ้นไอ้คุณลูกพี่กาวน์จนตับไตมันจะออกมาหมุนฮูล่าฮูปแล้ว  :laugh:
ป่านน่ะน่ารักอยู่แล้ว ไม่ค่อยน่าห่วงจะห่วงก็แต่ลูกพี่ ปากก็หนัก แถมยังชอบทำอะไรล้ำลึกอีก
 :angry2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 13-01-2011 13:03:33
กรกับกันย์น่ารักที่สุดเลยให้ตายสิ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไร่น้ำตาลกระจายไปสามล้านไร่แล้ว ฮิ้ว~~~
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 13-01-2011 22:42:21
โอย อ่านคู่นี้ทีไร  เบาหวานจะกิน

หวานมากค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: spring ที่ 19-01-2011 21:17:04
ดันครั้ฟฟ


คิดถึงกรกับกันต์มากมากมากถึงมากที่สุด


เป็นคู่ที่อบอุ่นจริงๆเลย  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 23-01-2011 23:53:14
ตอนที่ 48 ปีใหม่... เต็มรัก [3/3]


“แฮปปี้นิวเยียร์”

“แฮปปี้นิวเยียร์”

“สวัสดีปีใหม่”

“สวัสดีปีใหม่”

เสียงของพวกผมทั้งสี่คนพูดขึ้นมาเกือบจะพร้อมกัน ตามด้วยเสียงของแก้วใสสี่ใบที่ถูกบรรจุด้วยเครื่องดื่มหลากสีที่เจือแอลกอฮอล์เพียงบางๆ ที่กระทบกันจนเกิดเสียงขึ้นเหนือโต๊ะ เมื่อได้ยินเสียงพลุดังขึ้น ก่อนแตกกระจายเป็นสะเก็ดไฟสีสวยเต็มท้องฟ้าเหนือแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองเชียงใหม่ บวกกับเสียงเฮและโห่ร้องด้วยความยินดีของผู้คนที่อยู่โดยรอบ

คืนนี้พวกผมสี่คนไม่ได้ไปร่วมงานส่งท้ายปีเก่าที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในสนามกีฬาเจ็ดร้อยปี หรืองานส่งท้ายปีเก่าที่จัดตามถนนสายสำคัญในตัวเมือง เนื่องจากต้องการหลีกหนีความพลุกพล่านของผู้คนที่อาจจะมาก จนถึงขึ้นเรียกได้ว่าแออัดจนต้องเบียดเสียดกัน แต่ก็ใช่ว่าอยากจะอยู่อย่างเงียบสงบมากจนเกินไปกับค่ำคืนแบบนี้ ผมไม่ได้หมายความว่าการอยู่กันสองคนกับกันต์ หรือแม้แต่การอยู่รวมตัวกันสี่คนในสถานที่เงียบๆ เป็นเรื่องที่น่าอึดอัด หรือน่าเบื่อ  เพียงแต่เห็นพ้องตรงกันว่า แค่ร้านที่มีบรรยากาศดีๆ สักร้านน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับค่ำคืนนี้  

ร้านอาหารกึ่งผับริมแม่น้ำปิงจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่จะใช้เวลาผ่านข้ามปีไปด้วยกัน โดยเลือกอยู่ในโซนที่สามารถมองเห็นความงดงามของแม่น้ำปิงได้จากมุมสูง ซึ่งคืนนี้ทุกพื้นที่ของร้านคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มารวมตัวกันเพื่อร่วมส่งท้ายปี  
.
.
.

บรรยากาศของความสุข การเฉลิมฉลอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ปรากฏอยู่ทั่วทุกพื้นที่ของร้าน รวมถึงความสุขที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง มันมีความสุขเสียจนอดไม่ได้ที่จะแสดงออกไปให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างได้รับรู้ว่า ผมมีความสุขมากแค่ไหนกับการที่ได้นั่งอยู่ที่นี่ในเวลานี้ และมีเขาอยู่ข้างๆ

ผมถือโอกาสฉวยมือของคนที่นั่งอยู่ข้างกันขึ้นมา แล้วกดจมูกลงไปบนหลังมือนั่น โดยที่เจ้าของมือไม่ได้แสดงการห้ามปรามแต่อย่างใด กลับยิ้มรับด้วยความยินดีและขยับมือเพื่อประสานไว้ด้วยกันกับมือผม ส่วนคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผมก็เหมือนจะทำตัวญาติดีกันเป็นพิเศษ เพราะทันทีที่เห็นว่าผมยกมือน้องชายคนดีของเขาพ้นโต๊ะขึ้นมา ก็เอี้ยวตัวบังไอ้เพื่อนตัวแสบของผม จนมันต้องเสหน้าหันไปดูพลุที่ถูกจุดอยู่เหนือแม่น้ำแทนที่จะมองตรงมาทางผมสองคน

ตอนแรกเห็นมันตั้งท่าจะโวยวายที่อยู่ๆ พี่กาวน์ก็ทำเหมือนเอาตัวไปโอบมันไว้อย่างนั้น แต่พอพี่กาวน์ก้มลงไปพูดอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยินเพราะเสียงรอบข้างมันดัง ไอ้ป่านมันก็ไม่โวยวายอะไรอีก ยอมนั่งอยู่นิ่งๆ มันเลยไม่มีโอกาสเห็นว่าผมทำอะไรกับพี่ชายสุดรักสุดหวงของมัน ถึงจะไม่ได้ทำอะไรจนน่าเกลียด แต่มันไม่เห็นจะดีกว่า โดยเฉพาะเวลาอยู่ในสถานที่ๆ ไม่เป็นส่วนตัวแบบนี้ แต่ถ้าอยู่กันเองสี่คนผมคงไม่หลบๆ ซ่อนๆ

ยามปกติไม่เคยแสดงออกอะไรกันมากมายเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน แต่โอกาสพิเศษแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะขอใช้ช่วงเวลาแค่ไม่ถึงเสี้ยวนาทีได้แสดงออกบ้าง มันอาจเป็นช่วงเวลาเพียงน้อยนิด และรวดเร็วพอที่คนอื่นจะไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่สำหรับผมมันเป็นช่วงเวลาที่ดีอีกช่วงหนึ่งตั้งแต่มีกันต์มาอยู่ข้างๆ พร้อมกับแรงบีบที่ส่งผ่านมายังมือผมที่ยังกุมกันไว้โดยไม่มีใครได้เห็น เนื่องจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เป็นเก้าอี้บุนวมตัวยาว จึงปิดโอกาสที่ใครต่อใครจะมาเห็นว่าผมกับกันต์กำลังทำอะไรอยู่ได้โดยสิ้นเชิง ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ส่งกลับมา ยิ่งเติมเต็มความสุขให้ผมมากขึ้นไปอีก จนผมเริ่มจะบรรยายออกมาไม่ถูกแล้วว่า ความสุขที่ผมมี ณ เวลานี้ มันมากมายขนาดไหน

มันเต็มอิ่ม เสียยิ่งกว่าเต็ม อาจจะเต็มจนล้นไปถึงอีกคน แล้วก็อาจจะไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่กำลังรู้สึกแบบนี้ คนข้างๆ ผม รวมถึงคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะรอยยิ้มจางๆ จนถึงรอยยิ้มกว้าง มันถูกส่งกลับกันไปมาระหว่างเราทั้งสี่คน ยังไม่นับคนอีกนับร้อยที่รายล้อมอยู่รอบตัวผม

“ทำแบบนี้ไม่กลัวพี่กาวน์หรือไง” กันต์พูดขึ้นมาขำๆ พอให้ได้ยินกันสองคน

“กลัวที่ไหน กลัวทำไม โธ่! ลองทำอะไรดิ พาหนีเลยนะ” ผมตอบขำๆ เช่นเดียวกัน สำหรับผมตอนนี้ไม่มีอะไรให้คิดกังวล

“เออ เก่ง” กันต์พูดต่อ แต่ก็ไม่ดึงมือออกจากมือผมนะ ปล่อยให้ผมจับมือเขาไว้แบบนั้น แต่ลดมือลงมาวางอยู่ที่ตักของผมแทน

“แน่นอนอยู่แล้ว” ผมพูด ก่อนจะถูกกันต์ชี้ชวนให้เงยหน้าขึ้นไปมองโคมที่ถูกปล่อยให้ลอยขึ้นเต็มท้องฟ้าเหนือแม่น้ำ


“สุขสันต์วันปีใหม่” เสียงของกันต์ดังขึ้นข้างหูผม ก่อนจะหยุดไปครู่หนึ่ง



“ขอบคุณที่รักกัน”


เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง แต่เมื่อผมหันหน้ากลับไป ใบหน้าของเจ้าของเสียงนั้นก็ถอยห่างออกไปแล้ว แต่เชื่อไหมว่า ผมยังรู้สึกถึงไออุ่นที่เขาทิ้งเอาไว้อยู่ ถ้าพูดให้ใครฟัง อาจจะฟังแล้วเชื่ออยากสักหน่อย แต่ไม่มาเป็นผมตอนนี้ ไม่มีทางรู้และเข้าใจหรอกว่า มันรู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ


“ให้ตายเถอะ ทำไมแฟนกูน่ารักขนาดนี้วะ” ผมคิดอยู่กับตัวเองในใจ

ถ้าผมสำลักความสุขตายไปตอนนี้จะทำยังไง แล้วต่อให้ผมจะมีความสุขกับช่วงเวลานี้มากขนาดไหนก็ตามที ผมก็ไม่เคยคิดหรือต้องการที่จะให้เวลาหยุดอยู่ที่ตรงนี้เลย เพราะสำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าความสุขข้างหน้าที่ผมกับกันต์สองคนจะสร้างขึ้น มันอาจจะมากกว่าในตอนนี้ก็เป็นได้

ผมไม่อยากหยุดเวลาตรงนี้ แล้วต้องเสียโอกาสไม่ได้พบเจอช่วงเวลาข้างหน้าที่รออยู่



“ขอบคุณที่ให้รักกัน” ผมเอียงตัวเข้าใกล้อีกคนแล้วบอกก่อนจะดึงตัวเองกลับมา หวานแบบเงียบๆ หวานแบบเนียนๆ ไม่ต้องแสดงออกให้คนรู้เยอะ แค่รู้กันสองคนเท่านั้นพอ

“เน่าว่ะ” อันนี้เสียงของเจ้าของมือที่ยังอยู่ในมือผมพูดลอยขึ้นมา พอผมหันไปจะมองหน้าก็หันหน้าหนี ผมเลยมองเขาแบบคาดโทษ ตอนเขาหันกลับมามองผม กำลังหวานเพลินๆ ขัดกันเสียอย่างนั้น ทั้งที่เป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ  

“นี่แค่พอประมาณ เน่าได้มากกว่านี้อีก” ผมเอียงตัวไปพูดใกล้ๆ หูกันต์ ก่อนจะถอยห่างออกมา พอเขาหันมามองหน้าผม ผมก็ยักคิ้วแบบกวนๆ ส่งกลับไป จนคนมองมาถึงกับส่ายหัว แล้วเบือนหน้าหนีหันไปมองอย่างอื่นแทน ฮาๆ เขินอ่ะดิ ก็นะ นานๆ เขาจะพูดแบบนั้นให้ผมได้ยินก่อน


“โคตรมีความสุขเลย” อยากตะโกนออกไป แต่เกรงใจคนทั้งร้าน เอาแค่ตัวเองได้ยินอยู่ในใจคนเดียวเท่านั้นก็พอแล้ว
.
.
.


หลังจากนั่งอิ่มเอมกับวันใหม่มาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ก็ได้เวลากลับที่พัก จะให้อยู่ดึกกว่านี้คงไม่ไหว เพราะพรุ่งนี้เช้ายังมีโปรแกรมเดินทางขึ้นเชียงรายรออยู่ ตอนขากลับจากร้านผมกับกันต์ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากครับ รับลมชมวิวกันไปเรื่อยมากกว่า ผมเป็นคนขับรถพอหันไปดูอีกทีกันต์ก็หลับไปแล้ว

ส่วนแผนวันพรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางตกลงกันว่าจะตื่นไปใส่บาตรกันที่ตลาดต้นพยอม แล้วกินโจ๊กเจ้าอร่อยที่อยู่หน้าตลาด ส่วนการเดินทางกันต์เลือกไปเส้นเชียงใหม่-ฝาง ท่าตอน แล้วเข้าเชียงรายทางอำเภอแม่จัน ตั้งใจว่าจะแวะดอยอ่างขางกันด้วย เพราะผมสองคนติดใจที่นั่นกันทั้งคู่ รวมถึงผู้ร่วมทริปแบบไม่ได้รับเชิญอีกสองคนก็เห็นด้วย แล้วไอ้ป่านมันมีแผนจะลงมือทำมื้อเย็นกินกันที่บ้านมันตอนเย็น ผมเลยคิดว่าจะซื้อผักสดที่โครงการหลวงไปด้วย วางแผนไว้เป็นฉากๆ เลยผม



-------------------------------------------------



“หนาวว่ะ” เสียงไอ้ป่านหันมาพูดกับผม ตอนที่ผมลงมาจากรถ พอลงมาเจออากาศผมเลยพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน รู้สึกเลยว่าอากาศที่นี่เย็นกว่าที่เชียงใหม่พอสมควร ตอนนี้มาถึงบ้านไอ้ป่านที่เชียงรายแล้วครับ มากันถึงตอนห้าโมงเย็น หลังจากแวะเที่ยวกันมาตลอดทาง ทั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สวนส้ม วัดท่าตอน ไหนจะแวะตามรายทางกันอีก มาถึงเชียงรายกันก็เย็นพอดี

“หนาวกว่าเชียงใหม่อีกว่ะ” ผมพูดกับมัน ก่อนจะหันไปดูกันต์ เมื่อได้ยินเสียงเขาปิดประตูรถ

“ไปช่วยพี่กาวน์เอาของลงเลยมึง” ผมไล่ไอ้ป่านมันไปช่วยพี่กาวน์ที่กำลังเอาของสดที่แวะซื้อมาสำหรับมื้อเย็นและกระเป๋าเดินทางลงจากรถมัน ก่อนที่ผมจะเดินไปขนของลงจากรถด้วยเหมือนกัน

“ไม่หนาวหรอ” ผมถามกันต์ที่กำลังยืนหยิบของอยู่ที่ท้ายรถ โดยสวมแค่เสื้อคาร์ดิแกนลายขวางสีเทาสลับดำเนื้อผ้าไม่หนามากทับเสื้อยืดสีขาวด้านในเพียงแค่นั้น ตอนแรกเขาใส่สเวตเตอร์ตัวค่อนข้างหนาครับ เผลอแป๊บเดียวก็เปลี่ยนมาใส่ตัวที่กำลังใส่อยู่ตอนนี้อีก

“เย็นดี” กันต์ตอบก่อนจะหยิบของบางส่วนส่งมาให้ผมรับไว้

เรื่องที่ผมต่างกับกันต์โดยสิ้นเชิงก็คงเป็นเรื่องอากาศนี่แหละครับ กันต์ชอบอากาศเย็นๆ หนาวๆ อย่างเวลาเข้านอน ถ้าเขาเข้าห้องไปก่อนล่ะก็จะเปิดแอร์เสียเย็นเฉียบ ผมเปิดประตูเข้าห้องไปทีไรขนลุกทุกที ส่วนผมเป็นคนไม่ชอบอากาศเย็นมากเท่าไหร่ เอาแค่กำลังสบาย ไม่ร้อนจนเหงื่อตกก็อยู่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาผมเข้าห้อง กันต์จะปรับแอร์ให้เย็นกำลังดี ถ้าหากว่าใครจะไปต่างประเทศ แล้วมาชวนผมช่วงหน้าหนาวหิมะตก อย่างหวังครับว่าผมจะไป เคยไปครั้งสองครั้งแล้วก็ไม่ไปอีก แต่ถ้าคนข้างผมเขาอยากจะไป ผมก็คงจะไปล่ะครับ

“มันเย็นไป เดี๋ยวไม่สบาย” ผมพูดต่อ จะว่าผมจุกจิก หรือขี้บ่นก็เอาเถอะครับ แต่เขาเป็นภูมิแพ้ ผมแค่ไม่อยากเห็นเขาไม่สบายเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่ากลัวตัวเองลำบากต้องคอยดูแลคนงอแงเวลาไม่สบายนะครับ เรื่องนั้นรับมือได้ไม่มีปัญหา แต่เป็นห่วงเขามากกว่า

แล้วไอ้ที่บอกว่าเขางอแง จริงๆ ก็ไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียวหรอกครับ แต่เวลาป่วยหรือมีไข้ ตาจะดูปรือๆ ฉ่ำๆ มากกว่าปกติ ปากก็จะแดงๆ หน่อย ไม่อยากจะบอกว่ามันน่ารักนะ ฮาๆ แต่ให้เป็นบ่อยนี่ไม่จะดีกว่า แล้วเขาก็จะเอาแต่ใจมากเป็นพิเศษ บางทีอาจจะขี้อ้อนหรือต้องการความสนใจมากหน่อย ผมเลยเหมารวมไปว่าเขางอแง ดูน่ารักไปไหมครับ อันนี้ผมก็คิดอยู่ในใจคนเดียวเหมือนเคย พูดออกไปได้โดนเขาหาว่าบ้าสิครับ  

“เดี๋ยวก็เข้าบ้านแล้ว” มีข้ออ้างได้ตลอดครับ ถึงจะฟังไม่ค่อยขึ้นก็เถอะ แต่ผมจะว่าอะไรได้ ไว้ดึกๆ อากาศเย็นลงกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ พูดยากนักก็จับตัวมาใส่เสื้อให้เสียเองไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหน

ไอ้ป่านมันดื้อก็จริงนะครับ แต่มันดื้อแบบแสดงออก ชอบโวยวาย ส่วนกันต์นี่เรียกว่าดื้อเงียบครับ ถ้าเรื่องไหนไม่ยอมนี่ก็ไม่ยอมจริงๆ หรือไม่ก็พูดให้เหตุผลพอเป็นพิธี แล้วทำเป็นไม่สนใจอะไรอีก แต่จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีอะไรจริงจังมากกว่า ต้องบอกว่าอย่างกันต์นี่ถ้าไม่ใช่คนสนิทหรืออยู่ด้วยกันจริงๆ จะไม่รู้เลยว่านิสัยจริงๆ เขาเป็นยังไง เหมือนจะมีเหตุผล แต่เวลาจะดื้อก็สุดๆ แต่ก็อย่างที่บอกมันมักจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมสองคนเลยไม่ค่อยทะเลาะกัน ยอมได้ก็ยอมไป
.
.
.


หลังจากเอาของเข้าไปเก็บในบ้านกันเรียบร้อยก็ได้เวลาลงมือเตรียมมื้อเย็นแล้วครับ ไอ้ป่านให้คนตั้งโต๊ะไว้ให้ที่สนามหน้าบ้าน สำหรับมื้อนี้พี่กาวน์กับไอ้ป่านรับหน้าที่จัดการกับพวกเนื้อที่ซื้อมา พอหมักเนื้อกันเรียบร้อยก็ออกไปย่างกันที่สนาม กันต์บอกว่าพี่กาวน์ทำสเต็กกับบาร์บีคิวอร่อยมาก ดูจากท่าทางพี่แกแล้วก็คล่องจริงแหละครับ ส่วนผมกับกันต์อยู่ในครัว เตรียมพวกผักสลัด ขนมปังกระเทียม ซุป แล้วก็ของกินเล่นอีกอย่างสองอย่าง ใช้เวลาไม่นานมาก แค่ชั่วโมงเดียวทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะแล้ว

“ร้อนๆ” เสียงไอ้ป่านมันโวยวาย พร้อมกับอ้าปาก แล้วยกมือขึ้นมือพัด หลังจากเอาส้อมจิ้มสเต็กเนื้อชิ้นหนาในจานมันเข้าปาก จนพี่กาวน์ที่นั่งอยู่ข้างมันถึงกับส่ายหน้า

“ปัญญาอ่อนนะมึงอ่ะ” ผมพูด ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกในจานที่วางอยู่ตรงหน้ามาใส่จานตัวเองบ้าง มันทำท่าจะด่าผมครับ แต่ติดไอ้ที่มันกำลังเคี้ยวอยู่เลยทำอะไรไม่ได้ คงเพราะความเป็นลูกคนเล็กด้วยมั้ง แล้วก็อยู่กับพวกพี่ๆ มันเกือบตลอด มันเลยดูเป็นเด็ก แต่มันก็ไม่ได้ปัญญาอ่อน ง้องแง้งอะไรมากเวลาอยู่ที่อื่นแล้วไม่มีพี่ๆ มันอยู่ด้วย ความรู้สึกที่ผมมองมันเลยเห็นมันเป็นทั้งเพื่อนทั้งน้องชายไปโดยปริยาย

“เรื่องกู” พอปากมันว่างก็เอาเลยครับ แต่ผมขี้เกียจไปต่อปากต่อคำกับมัน ไอ้นี่มันขี้แพ้ชวนตี ขืนต่อปากต่อคำกับมันคืนนี้ก็ไม่จบ สมควรแล้วที่ให้พี่กาวน์ดูมัน ไอ้ตอนแรกก็ไม่พอใจเรื่องพี่กาวน์กับมันเท่าไหร่ ก็ดูที่เขาทำเพื่อนผมแต่ละอย่าง แต่เห็นเจ้าตัวเขาไม่เห็นเดือดร้อนอะไรมากก็ปล่อยมันไป เรียกว่าดูกันไปตามอาการมากกว่า มันมีอะไรไม่สบายใจเดี๋ยวมันก็มาเล่าเอง

“พรุ่งนี้จะออกกันกี่โมง” ผมถามแล้วหันไปมองกันต์ที่นั่งอยู่ทางขวามือ กำลังหยิบขนมปังกระเทียมเข้าปากเลยครับ

“ออกสักแปดโมงไหม พี่กาวน์ว่าไง” กันต์พูดครับ ส่วนพี่กาวน์ก็พยักหน้าเห็นด้วย ส่วนไอ้ป่านไม่ต้องไปถามมัน ยกให้เป็นภาระของพี่กาวน์ พรุ่งนี้เช้าพวกผมจะไปสวนแม่ฟ้าหลวง ส่วนตอนบ่ายจะไปวัดร่องขุ่นกัน แล้วทริปนี้ก็น่าจะจบที่เชียงรายไนท์บาร์ซาครับ เพราะกันต์จะไปซื้อของฝากให้พี่ๆ ที่ออฟฟิศ แต่ถ้าเป็นพวกของกินวันกลับจะแวะซื้อที่เชียงใหม่อีกที

“เฮ้ย ช้าๆ ก็ได้ จะรีบไปไหน” เสียงกันต์พูดกับไอ้ป่าน ตอนที่เห็นมันกระดกไวน์แดงที่มีอยู่เกือบครึ่งแก้วหมดในคราวเดียว

“รีบเมาไปไหนวะ” ผมถามมัน สงสัยเก็บกดจากเมื่อคืนที่กินได้ไม่เต็มที่

“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า” มันว่า แล้วจัดการยกขวดเทไวน์ลงแก้วมันอีก คนข้างมันก็หันมองมันบ้างเป็นพักๆ ครับ ส่วนผมกับกันต์ก็สบายๆ ไม่รีบร้อนแบบไอ้ป่านมัน แล้วก็ไม่มีใครพูดว่าอะไรไอ้ป่านมันอีกครับ หาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกันไปเรื่อยๆ มากกว่า จนแต่ละคนหน้าขึ้นสีนั่นแหละครับ ถึงได้แยกย้ายกันไป ดูนาฬิกาแล้วก็สี่ทุ่มพอดีครับ
.
.
.

พอเข้าห้องได้ผมก็โถมตัวลงบนเตียงเลย ส่วนกันต์เดินเลยไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

“กร กร จะอาบน้ำหรือเปล่า” เสียงที่มาพร้อมกับมือที่จับไหล่ผม เพื่อเรียกให้ตื่น

“เดี๋ยวก่อน แป๊บนึง” ผมตอบ ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมานอนหงาย แล้วดึงตัวคนที่มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวติดกายอยู่ให้ล้มทับลงมาบนตัว

“เฮ้ย!!” กันต์ร้องเสียงหลงเลยครับ เพราะผ้าเช็ดตัวเขาหลุดไปกองอยู่ข้างเตียง ผมดึงมือนะ ไม่ได้ดึงผ้า ผ้ามันหลุดเองผมไม่ได้ตั้งใจ เฮอๆ ผมตั้งใจแค่จะดึงตัวเขามากอดเองนะ แต่สงสัยว่ามันอาจจะมีอะไรเกินความตั้งใจกันบ้างแล้ว ไม่รู้ทำไมอยู่นอกสถานที่ทีไรมันเหมือนจะคึกมากกว่าปกติ

“ปล่อยก่อน จะไปใส่เสื้อผ้า มันหนาว” เสียงคนที่นอนทับอยู่บนตัวผมพูดขึ้น ผมไม่ตอบแต่กดจมูกหอมแก้มเขาไปหนักๆ ทั้งสองข้างแทน อาบน้ำมาใหม่ๆ ตัวหอมดี

“อ้าว ชอบอากาศเย็นๆ ไม่ใช่หรอ แต่ถ้าหนาวเดี๋ยวทำให้อุ่นให้ ไม่ต้องใส่หรอกเสื้อผ้า” ผมพูดก่อนพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน แล้วความอบอุ่นก็สร้างเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยเสื้อผ้า


……………………………………………..



ตอนหน้ากลับไปเจอกันที่กรุงเทพฯ นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... ความสุขที่สัมผัสได้ [2/3] p. 48 up 9-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 23-01-2011 23:58:00
กันต์กับกรน่ารักกันตลอด เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย ชอบบบบบบบบ  :-[
อ่านไปก็ยิ้มไป แต่เหมือนโดนตัดฉับข้างล่างสุดยังไงไม่รู้เลยคุณกวาง  o18




 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 24-01-2011 00:25:09
ชอบเวลากรบรรยายถึงกันต์จัง น่ารักสุดๆ  :impress2:
ให้ความรู้สึกแบบว่าไม่ใช่แค่รัก แต่ถึงขั้นหลงเลยล่ะ

ส่วนฉากสุดท้าย เห็นด้วยกับคุณ knightofbabylon
ดีนะไม่บอกว่าตัดฉับไปที่โคมไฟหัวเตียง อิอิ
ให้เก็บไปจินตนาการเองใช่ม้ายยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 24-01-2011 00:51:35
เรียบง่ายแต่ก็มีอะไรให้ครึกครื้นได้ตลอด
ชอบจริงๆอ่านแล้วสบายใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 24-01-2011 01:03:07
ความอบอุ่นก็สร้างเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยเสื้อผ้า

โหยยยยยย คิดได้นะ กร ก๊ากกกกกกกกก ชอบ!!!
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 24-01-2011 01:10:17
เป็นคู่ที่พอดีกันจริงๆ หวานจังเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 24-01-2011 01:29:17
 :o8: สร้างความอบอุ่นโดยไม่ใส่เสื้อผ้า เอ้ย ไม่ต้องอาศัยเสื้อผ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 24-01-2011 01:56:14
หวานน่าอิจฉา :-[
อีกคู่ก็ไม่ชัดเจนซักที
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 24-01-2011 01:57:18
ปีใหม่สำหรับคนมีคู่นี่มันน่าอิจฉาจังเลยเนอะ
กรกับกันต์ยังหวานกันเหมือนเคย
>.<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sabaijai ที่ 24-01-2011 05:50:43
ปีใหม่ที่แสนจะอบอุ่น  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 24-01-2011 07:25:03
หวานกันได้ตลอดเวลาจริงๆ เลยคู่นี้

อ่านแล้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 24-01-2011 08:13:22
 :o8:หวานนนนนน  น่ารักที่สุดอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-01-2011 11:32:58
พี่ก็อยากบอกกรเหมือนกันว่าเวลาอ่านเรื่องนี้ทีไร "โครตมีความสุขเลยว่ะ"
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 24-01-2011 12:04:27
เห็นแต่ละคู่เค้ามีความสุข แล้วก็หวานๆกันแล้ว ทั้งชื่นชมทั้งอิจฉาน่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 24-01-2011 13:35:37
อยากอ่านคู่ป่านกับพี่กาวน์แล้ว
ตอนหน้าเลยดีป่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-01-2011 13:52:00
อ่านคู่นี้ทีไร มีความสุขจัง
แล้วก็ต้องพลอยลุ้นอีกคู่ด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 24-01-2011 14:39:15
อ๊ายยยย หวานนน
นอกสถานที่ึนี่ดูคึกคักกันจังเนอะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 24-01-2011 15:29:12
อ่านเรื่องของคู่นี้ทีไรมีความสุขมากๆทุกที
หวานจนเราอิจฉา :o8:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 24-01-2011 20:40:37
คู่นี้เขาหวานกันตลอดเวลา
น่าอิจฉา กรกับกันต์
ขอเซฟเก็บไว้อ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 24-01-2011 20:49:33
น่ารักเหมือนเคย^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 24-01-2011 22:04:57
พี่ก็อยากบอกกรเหมือนกันว่าเวลาอ่านเรื่องนี้ทีไร "โครตมีความสุขเลยว่ะ"

อยากจะบอกแบบนี้เหมือนกัน "โคตรมีความสุขเลย" ที่ได้อ่านเรื่องนี้  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 25-01-2011 22:25:23
หวานกันไม่เกรงใจใคร ทำเป็นตัวอย่างให้คู่นั้นเห็นบ่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน
จะได้มีคู่หวานเพิ่มอีกคู่ อย่าให้คลุมเครือนานนัก 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 25-01-2011 22:41:53
คู่นี้ ดูนุ่มๆ หวาน ๆ ไม่เลี่ยนดีแหะ ชอบ ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 26-01-2011 22:36:31
หวานกันให้คนอื่นอิจฉาได้ตลอดอ่ะคู่นี้
คนอ่านก็พลอยตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉาไปด้วย แต่อิจฉาไปก็ยิ้มไป
(น่ากลัวคนรอบข้างจะหาว่าบ้า ยิ้มอยู่ได้คนเดียว)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 27-01-2011 22:33:01
อ่านตอนเวลาที่กันต์กับกรอยู่ด้วยกันทีไรมันทำให้ยิ้มได้ทุกทีเลย..

อ่านแล้วมีความสุขอ่ะ o13

+1 โลด_
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 27-01-2011 23:13:54
ชอบเรื่องนี้มากก็เพราะความชิวของกรกับกันต์นี่แหละ

อ่านไปยิ้มไป สบายใจทุกที ....แล้วก็มีความสุขจัง :o8:

+1 เพราะร๊ากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 28-01-2011 09:06:30
*แทรกเข้าไปนั่งใกล้กันต์แล้วเอาหน้าถูๆกับแขน* น่ารักจังคนอะไรก็ไม่รู้  :-[ กรก็สุดยอดของความโรแมนติก สองคนนี้เค้าน่ารักกันไม่เสื่อม พี่กาวน์ก็รู้งานดี กร๊ากกกกกกกก จะกลับกรุงเทพฯกันแล้ว การเดินทางอาจจะเหนื่อย แต่มีคนรู้ใจนั่งมาด้วย ระยะทางแค่ไหนก็ไม่หวั่นใช่ไหมกรกันต์  :m1:
edit:เข้ามา+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-02-2011 09:28:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: spring ที่ 09-02-2011 00:01:43
กรกับกันต์หายไปไหนน๊า

เค้าคิดถึงงงง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 11-02-2011 09:46:20
 :z13: :z13: :z13:
 :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-02-2011 22:25:07
หายไปนานแล้วนา
ทั้งสองเรื่องเลย
รออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ปีใหม่... เต็มรัก [3/3] p. 49 up 23-1-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 12-02-2011 14:14:23
ตอนที่ 49 อยู่คนเดียว

“กันต์” เสียงกรเรียกผมดังมาจากด้านหลัง ทำให้ผมละความสนใจจากซี่รี่เรื่องโปรดที่ผมต้องเทสมาธิเกือบทั้งหมดที่มีไปกับการนั่งดูมันอย่างต่อเนื่องมาเกือบสองชั่วโมง มีสมาธิมากขนาดที่ว่าไม่ได้ยินเสียงกรว่าเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน จนเขาเกือบจะเดินมาถึงตัวอยู่แล้ว ถ้าไม่เรียก ผมคงยังไม่รู้สึกตัว แต่พอได้ยินเสียงเรียก ผมก็เอี้ยวตัวไปหาเจ้าของเสียงที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างทันที

“เรียกตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่สนใจกันเลย” กรบ่นกระปอดกระแปดไปตามเรื่อง ก่อนเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนที่ท้าวแขนของโซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่ แล้วยกมือขึ้นมาพาดไหล่ผมไว้

“อ้าว ไม่ได้ยิน” ผมบอก ระหว่างนั้นก็หยิบรีโมทจากโต๊ะด้านหน้ามากดเพื่อหยุดหนังที่ดูค้างอยู่ บอกแล้วว่าดูหนังเรื่องนี้ต้องใช้สมาธิสูง เลยไม่ได้สนใจอะไรรอบตัวเลย

“ขอกอดหน่อย” กรพูด แล้วใช้มือสองข้างมาฉุดต้นแขนให้ผมยืดตัวขึ้น ก่อนดึงให้ตัวผมหันหน้าไปหาเขาอย่างไม่คิดรอคำตอบ จนผมต้องปีนขึ้นไปคุกเข่าอยู่บนโซฟา แล้วยกแขนเข้าสวมกอดคนที่เรียกร้องเอาไว้จนแน่น ไม่ให้แพ้แรงกอดที่เขาส่งมาให้ผม กอดกันจนพอใจกรถึงได้ปล่อยตัวผม และกลับลงมานั่งคุยกันต่อบนโซฟา ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทุกวัน พอนั่งลงได้กรก็สอดแขนมาทางด้านหลังแล้วรั้งตัวผมเข้าไปอยู่ใกล้ๆ จนแทบจะเกยขึ้นไปนั่งอยู่บนตัก

รู้ครับว่าเขากำลังดีใจที่ส่งโปรเจคและเสนองานผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย และยังเป็นคนแรกที่ผ่านแล้วอีก เรื่องรูปเล่มนี่กรทำเสร็จไว้ตั้งแต่ก่อนไปเชียงใหม่แล้วครับ เหลือแต่ในส่วนที่ต้องนำเสนอกับอาจารย์ที่ต้องเก็บรายละเอียดอยู่ หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่เขาก็เร่งเก็บและแก้งานจนเสร็จ เรื่องของเรื่องเขาบอกผมว่าขี้เกียจไปแย่งคิวนัดอาจารย์เข้าฟังโปรเจคตอนปลายเทอมครับ ไปๆ มาๆ เลยเสร็จเรียบร้อยก่อนใคร เห็นว่าเพื่อนในกลุ่มก็กำลังทยอยตามๆ กันมา เพราะอย่างนั้นตอนนี้จะถือว่ากรเรียนจบแล้วก็ได้ครับ ส่วนเอกสารที่ยื่นเรื่องขอจบก็ถูกส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ก็รอเวลาแค่นั้น

“จะไปวันไหนนะ” ผมถามเรื่องที่คุยค้างกับกรไว้เมื่อตอนบ่ายคือ เรื่องที่เขาจะไปดูงานที่เวียดนามกับพ่อ เมื่อตอนบ่ายก่อนที่กรจะโทรศัพท์มาบอกผมว่าโปรเจคเขาผ่านแล้ว เขาก็โทรศัพท์ไปบอกพ่อกับแม่ก่อนแล้วครับ พอพ่อกรรู้ว่ากรเสร็จเรื่องโปรเจคแล้ว เลยจะให้ไปดูโรงงานที่นู่นด้วยกัน แล้วผมก็จำได้แต่ว่าเขาจะไปไหน ส่วนเรื่องวันไปผมไม่ทันฟังก็ต้องรีบวางสายไปก่อน เพราะมีสายนอกถูกโอนเข้ามา พอมาเจอหน้าเลยถามต่อ

“วันที่สิบถึงสิบสาม” กรตอบ ในระหว่างที่คุยผมก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าขึ้นมา แล้วเลือกแสดงตารางนัดหมาย ก่อนบันทึกวันตามที่กรบอก

“วันจันทร์หน้า” ผมบอก วันนี้วันศุกร์ก็อีกสองวัน

“อื้ม ไปสี่วัน ไม่อยากไปเลย” กรพูด แล้วเอนหลังพิงเบาะ ผมเองก็เอนตัวพิงตามลงไปหนุนหัวลงกับแขนเขาที่พาดอยู่บนพนักโซฟา  

“แค่นี้เอง ใกล้ๆ แล้วเวียดนามก็น่าเที่ยวดีออก ยังเคยคิดว่าจะไปเที่ยว” ผมบอก แล้วหันไปมองหน้ากร ที่มองผมอยู่แล้ว

เรื่องที่ผมบอกว่าเคยคิดจะไปเที่ยวเวียดนามก็เรื่องจริงครับ เคยคิดไว้มานานมาแล้ว ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ตอนนั้นเปิดโทรทัศน์ไปเจอละครเรื่องหนึ่งเข้าพอดี แล้วเห็นว่าสถานที่ที่ถ่ายทำไม่ใช่ประเทศไทย เลยดูต่อจนรู้ว่าไปถ่ายทำที่เวียดนาม ทั้งที่ปกติไม่เคยดูละคร แต่ก็ดูแค่แป๊บเดียวแหละครับ ดูแค่รู้ว่าเป็นที่ไหน จากนั้นก็เกิดความคิดที่จะไปเที่ยว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไป

“น่าเที่ยว แล้วไปด้วยกันไหม” กรพูด ก่อนส่งสายตามาแบบคนมีความหวังมาให้ แต่…

“หึ ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว” ผมตอบปฏิเสธทันที เสียใจครับ ถ้าไปด้วยเรื่องงาน ปล่อยเขาไปคนเดียวจะดีกว่า มาเอาผมติดสอยห้อยตามไปด้วยคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แล้วนี่ก็เพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่กันแค่อาทิตย์เดียว ผมยังจับงานไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย เพราะเจอตารางประชุมอัดแน่นมาตั้งแต่ต้นอาทิตย์ที่กลับไปทำงาน ขืนให้หยุดไปอีกคงไม่ไหว งานการของผมไม่ต้องเดินหน้ากันพอดี

“เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจดังมาจากกร ก่อนที่ผมจะถูกฉุดให้ลุกขึ้น แล้วถูกจูงให้เดินตามเขาไป ส่วนหนังที่ดูค้างอยู่ถูกปิดไปเรียบร้อยแล้วครับ จะได้ดูจบกับเขาไหม ยังเหลืออีกตั้งหลายตอน

“ไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าได้ไปดูบ้านกัน” ยังคงเป็นเสียงกรที่พูดอยู่ครับ

“อื้อ ว่าจะชวนไปเลือกวอลเปเปอร์กับผ้าม่านอยู่พอดี” ผมพูด ก่อนจะเดินตามกรเข้าห้องน้ำไปด้วย จะเข้าไปแปรงฟัน ส่วนกรก็เดินตรงเข้าห้องอาบน้ำ และเริ่มอาบน้ำของเขาไป แต่ก็ยังส่งเสียงมาคุยกับผมเรื่อยๆ เขาก็เล่าเรื่องโปรเจคเขาให้ฟัง ผมเองก็เงียบฟังไปอย่างเดียว เพราะพูดตอบไม่ได้แล้ว

“พรุ่งนี้เย็นกรนัดกับแม่ไว้ว่าจะไปกินข้าวกัน จะบอกตั้งแต่ตอนบ่ายก็ลืม” กรส่งเสียงออกมาคุยกับผมค่อนข้างดัง เพื่อแข่งกับเสียงของสายน้ำที่ไหลอยู่อย่างต่อเนื่อง

“ที่บ้านหรือที่ไหน” ตอนนี้พูดตอบเขาได้แล้วครับ ว่าแล้วก็พาตัวเองขึ้นไปนั่งห้อยขาอยู่บนเคานทเตอร์ที่ฝังอ่างล้างหน้าไว้ แล้วคุยกับกรต่อ จากตอนแรกที่จะออกไปรอคุยกันต่อข้างนอก

“ที่ตึกเพนนี บาลโคนี ฝั่งตรงข้ามเจ อเวนิว แต่กรจำชื่อร้านไม่ได้ ร้านเดียวกับที่กันต์ไปซื้อขนมให้ลูกค้าที่หลังสวนอ่ะ แม่บอกกรก็ลืม” กรตอบผมกลับมา

“อ๋อ แล้วนัดแม่ไว้กี่โมง” ผมถาม ตอนนี้กรอาบน้ำเสร็จแล้วครับ และนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมายืนอยู่ข้างผม เตรียมจะแปรงฟัน

“หกโมงครึ่ง” กรตอบ แล้วเริ่มแปรงฟัน ส่วนผมก็เดินออกมาล้มตัวลงบนเตียง เพราะเริ่มง่วงแล้ว

................................................................




“ว่าไงมึง” ผมรับสายไอ้ภพที่โทรเข้ามาตอนผมกำลังสตาร์ทรถเพื่อขับออกจากสนามบิน หลังมาส่งกรขึ้นเครื่องไปเวียดนามในช่วงสายของวันจันทร์ เอากับเขาสิครับ หาข้ออ้างมาต่อรองกับผมจนได้ เขาบอกว่า ในเมื่อผมไม่ยอมไปกับเขา ก็ต้องมารับมาส่งเขาที่สนามบิน และผมต้องเป็นฝ่ายโทรหาเขาทุกวันหลังจากผมกลับถึงคอนโดฯ แล้ว บอกไม่ถูกเหมือนกันครับว่าเจ้าตัวเขาอยู่ในอารมณ์ไหน เกิดอาการขี้หวงเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ หรือไงก็ไม่รู้ มาสั่งนู่นสั่งนี่ผมใหญ่ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ อือออตอบรับไปลูกเดียว ออกฮามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรขึ้นมา

“คืนนี้ร้านเดิมนะมึง” เสียงไอ้ภพบอกกลับมา

“อะไรของมึง วันนี้วันจันทร์ กูไม่ไปไหนเว้ย” ผมตอบมัน ตั้งแต่มาทำงาน วันธรรมดาผมเลิกเที่ยวไปเลยครับ เพราะเช้ามาไม่ค่อยอยากจะตื่น และคงเป็นเพราะคนที่ผมเพิ่งส่งขึ้นเครื่องไปด้วย ที่ทำให้การเที่ยวของผมลดไปเยอะ จนแทบจะไม่ได้ไปเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกัน

“วันเกิดไอ้ยุมัน มึงอย่ามาทำมึน” ไอ้ภพมันด่าผม ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ครับ ก็ว่าได้ยินเสียงเรียกเตือนจากโทรศัพท์ มันดังสั้นๆ หนเดียวก็เงียบไป เลยนึกว่าเสียงข้อความเข้า แล้วขับรถอยู่เลยไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู กะว่าถึงสนามบินแล้วจะดู ก็ลืมจนได้

“เออ ๆ กี่โมง แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเที่ยวกันวะ แก่แล้วนะพวกมึง เจียมกันบ้าง” ผมบ่น ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไปได้ แต่ก็พูดไปแล้วครับ แล้วไอ้ที่บอกว่าแก่ก็พูดไปอย่างนั้นแหละครับ อายุพวกผมก็ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดเท่าๆ กันทั้งกลุ่ม

“สาด ตั้งแต่มีสามีเป็นตัวเป็นตนนี่กลับตัวกลับใจเป็นคนดีเชียวนะมึง” ฟังมันพูดเข้า ถ้าผมไม่ด่ามันตอนนี้ จะให้ผมด่ามันตอนไหน ดีไม่ดีอาจจะแถมโบกเกรียนมันตอนเจอตัวอีกที ทำตัวเกรียนเข้าไปนะมึง  

“เชี่ย มึงเงียบปากไป แสนรู้นักนะมึง ตกลงไปกี่โมง ถ้ามึงยังชักช้า กูจะโทรไปบอกไอ้ยุว่ากูไม่ไป เพราะไม่อยากเจอเพื่อนชั่วๆ แบบมึง” จัดไปก่อนชุดหนึ่งครับ เดี๋ยวเจอมันจังๆ ค่อยจัดหนัก โทษฐานมันรู้ดีเกินว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งที่ผมไม่เคยบอกอะไรมันสักคำ โคตรจะแสนรู้เลยพวกมันแต่ละตัว

“สี่ทุ่ม แล้วชวนเพื่อนเขยกูมาด้วย มึงจะได้ไม่ออกลายมาก” ฟังที่มันพูดมาแต่ละอย่าง น่าขับรถไปโบกมันตอนนี้เลยจริงๆ นี่มึงกะจะกัดกูไม่ปล่อยเลยใช่ไหม ว่าแต่มันรู้ได้ยังไงว่าผมกับกรคบกันแบบไหน ยังไง ทำไมไม่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนสะใภ้มึงบ้าง ส่วนเรื่องจริงจะยังไงก็ช่างมันเถอะ  

“กูไปคนเดียว กรไปเวียดนาม” ผมตอบ แล้วเลี้ยวรถออกจากสนามบิน

“นั่นไง มึงไม่ปฏิเสธ กูว่าแล้ว ฮาๆ” อ้าว ไอ้เพื่อนชั่ว ตกลงผมเสียรู้มันใช่ไหม

“สันดาร วางไปเลยมึง กูจะรีบขับรถไปทำงาน” พูดจบผมก็กดวางเลยครับ ไม่รอให้มันตอบอะไรกลับมา ก่อนจะพาสมาธิทั้งหมดไปอยู่ที่การขับรถแทน


สำหรับวันเสาร์ที่ผ่านมาผมกับกรก็เข้าไปดูบ้านกันมาครับ ตอนนี้เหลืออีกแค่สิบเปอร์เซ็นต์ในส่วนของงานก่อสร้าง ไม่เกินสองสามอาทิตย์คงเก็บงานเสร็จ และเข้าไปจัดการในส่วนของการตกแต่งได้แล้ว ต่อจากไปดูบ้านกันแล้วก็ไปที่ร้านที่รับตัดผ้าม่านกับติดวอลเปเปอร์ ก็ใช้เวลาเลือกวอลเปเปอร์กันไม่นาน เพราะเลือกดูเฉพาะสีขาว จะต่างกันก็แค่ลายที่พิมพ์นูนขึ้นมา แล้วเลือกติดแบบเดียวเหมือนกันทั้งหลัง ไม่ได้เลือกลายเฉพาะเจาะจงสำหรับห้องไหนเป็นพิเศษ เลยจบเรื่องวอลเปเปอร์ไปได้เร็ว ส่วนผ้าม่านนานหน่อยครับ เพราะเฉดสีมันมีให้เลือกเยอะ ถึงจะคิดกันมาคร่าวๆ บ้างแล้ว แต่พอมาเจอของจริง ก็ทำเอาตัดสินใจยาก เลือกกันอยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะได้สีได้แบบ ส่วนเรื่องสั่งตัด เดี๋ยวต้องนัดไปดูสถานที่จริงอีกที

พอจบเรื่องวอลเปเปอร์กับม่านก็พากันไปหามื้อกลางวันกินกันที่ห้างใกล้ๆ บ้าน แล้วก็ถือโอกาสดูพวกของแต่งบ้าน กับพวกเครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆ อย่างเครื่องครัว จาน ช้อน ไปจนถึงผ้าปูที่นอน ก็ดูไว้เฉยๆ ก่อนครับ ยังไม่ได้ซื้อ เพราะซื้อไปตอนนี้ก็ต้องลำบากไปหาที่เก็บอีก เราเดินดูกันไปจนใกล้ถึงเวลาที่กรนัดกับพ่อแม่ไว้ ถึงได้ขับรถออกไปที่ร้านที่นัดกันไว้

ช่วงมื้อเย็นก็ราบรื่นดีครับ ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องงานของกรเขามากกว่า แม่จะเป็นฝ่ายเล่าให้ผมฟังเป็นส่วนใหญ่ครับว่าจะให้กรเขาไปทำอะไรบ้าง แต่ก็ยังทิ้งท้ายไว้ครับว่า ที่ให้กรไปดูงานกับพ่อที่เวียดนาม ไม่ได้แปลว่าจะให้กรเริ่มทำงานเลย แค่ว่างตรงกับที่พ่อกรจะไปพอดี เลยให้ตามไปดู เดี๋ยวรอรับปริญญาแล้วค่อยเข้าไปทำเต็มตัว ช่วงนี้ถ้ากรอยากไปทำกับผมก่อนแม่ก็ปล่อยตามใจ แล้วยังชวนผมให้ไปเวียดนามด้วยกันอีก แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธอยู่ครับ


..........................................................




“เบิร์ดเดย์ว่ะ มีความสุขมากๆ นะเว้ย” ผมตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่เกิดดัง หลังเดินเข้าไปตบไหล่เรียกไอ้ยุที่นั่งหันหลังอยู่ให้หันมาหา ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกับมัน ตอนนี้เพื่อนสนิทในกลุ่มผมมากันครบหมดแล้ว ก็มากันแก๊งค์เดิมสี่คนนี่แหละครับ มีผมมาถึงเป็นคนสุดท้าย ส่วนของขวัญก็มีให้มันนะครับ แต่ตั้งใจทิ้งไว้ในรถก่อน กลัวเมาแล้วลืมทิ้งไว้

ก่อนจะมานี่ผมก็ไม่ลืมที่จะโทรไปหากรนะครับ ก็บอกไปว่าจะออกมาเจอไอ้ยุ วันนี้วันเกิดมัน แล้วก็ไม่รู้ว่ากรเป็นอะไรครับ นอกจากข้อแม้ที่ว่าผมต้องไปรับไปส่งเขาที่สนามบิน โทรหาเขาทุกวันหลังจากถึงคอนโดฯ พอจะออกมาเที่ยวก็ถามนู่นถามนี่เสียละเอียดยิบทั้งที่ปกติไม่เคยเป็น ยังบอกว่าจะให้คนขับรถมารอรับผมกลับอีก มันชักจะเยอะเกินไปแล้วนะผมว่า  แต่พอจะถามว่าเขาเป็นอะไร กรก็ขอวางสายไปก่อน เพราะกำลังจะออกจากโรงแรมไปกินข้าวข้างนอก

“ทำไมมาคนเดียววะ กรอ่ะ” เสียงไอ้ยุตะโกนถามข้างหู ก่อนจะยกแก้วขึ้นมาชู เหมือนจะชนแก้วกันกลางอากาศกับสาวสวยหนึ่งในห้าคนที่ยืนอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามในชุดรัดรูปสีดำที่แนบพอดีไปกับลำตัวตัว แถมยืนอวดขาขาวเรียวให้พวกผมมองกันอีก  ความห่างของโต๊ะก็มีแค่ทางเดินขนาดกว้างไม่เกินห้าก้าวเป็นตัวแบ่งโซน โดยฝั่งที่ผมนั่งมันเป็นโซฟา ส่วนโต๊ะอีกฝั่งจะเป็นโต๊ะตัวค่อนข้างสูงเหมือนเน้นมาเต้นกันมากกว่ามานั่งเล่นสบายๆ กันแบบโต๊ะผม สำหรับผมเองก็ส่งยิ้มกลับไปให้พอเป็นพิธี แต่ยิ้มให้กับอีกคนที่ยืนข้างคนที่ไอ้ยุมันทักนะครับ เฮอๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเดินไปหาแล้วล่ะครับ ส่วนตอนนี้แค่ยิ้มให้ก็น่าจะพอแล้ว “แค่มองกับยิ้มให้มันจะผิดไหมวะ”

“ไปเวียดนาม” ผมตะโกนตอบกลับไอ้ยุ ก่อนจะมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ก็นะมีอะไรให้มองตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ก็ออกแนว ดูแต่ตา มืออย่าต้อง เพราะกลัวจะเสียคนรัก ถึงกรจะไม่รู้ก็เถอะ แต่ไม่อยากเสี่ยงหาเรื่องใส่ตัวครับ เพราะที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีมากแล้ว ถึงทุกวันนี้จะยังพูดได้เต็มปากเต็มคำอยู่ว่า ผมยังชอบมองผู้หญิงอยู่ แต่มันก็แค่นั้นแหละครับ จะสนใจทำไมว่าผมจะชอบอะไร ในเมื่อทุกวันนี้ผมเจอคนที่ดีที่สุดแล้ว

“ถามแต่กู แล้วนิ้งไปไหน ทำไมไม่มาด้วยวะ” ผมถามถึงคนที่มันกำลังดูๆ อยู่ครับ แต่ดูจากการที่มันมานั่งเล่ห์สาวอื่นอยู่แบบนี้ได้ ท่าทางมันจะไปกันไม่รอด

“อย่างที่มึงกำลังคิด” ไอ้ยุมันตอบ มันรู้ความคิดด้วยหรอวะไอ้นี่ แต่ดูจากหน้ามันแล้ว ผมคงเดาถูกนั่นแหละครับ

“มึงสองตัวจะคุยกันอีกนานไหม” เสียงไอ้ตรี มันตะโกนข้ามโต๊ะมาครับ ผมกับเจ้าของวันเกิดเลยต้องหันไปสนใจมันกับไอ้ภพ แล้วมาเที่ยวเสียงดังๆ แบบนี้ แน่นอนครับว่าคงคุยอะไรกันต่อมากไม่ได้ ชนดื่ม แล้วก็ชนกันอยู่แค่นั้น ไอ้เรื่องนี้รู้กันทั้งนั้นแหละครับว่ามันไม่ดี แต่ก็ยังจะทำ
.
.
.


“เดี๋ยวกูมา” ไอ้ยุตะโกนบอกก่อนจะก้าวขาผ่านหน้าผมไป มันคงไปเข้าห้องน้ำแหละครับ พักหลังๆ เริ่มผลัดกันเดินบ่อย อย่างนี้ล่ะครับ วิธีช่วยไม่ให้เมามากอย่างหนึ่ง ดื่มแล้วก็ไปเอาออก



“เฮ้ย ไอ้ยุมันไปไหนวะ” ไอ้ภพมันโน้มตัวข้ามโต๊ะมาถามผมครับ ผมเองก็เริ่มผิดสังเกตแล้วเหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ยุมันหายออกไปนานเกินแล้ว

“เดี๋ยวกูไปดูมันเอง” ผมตะโกนตอบไอ้ภพ ก่อนลุกจากโต๊ะ แล้วแทรกตัวผ่านผู้คนที่ลุกขึ้นมาโยกขยับตัวกันอยู่เต็มพื้นที่ของทางเดิน เพื่อตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ห่างจากโต๊ะที่ผมนั่งอยู่คนละฟาก

“ตุ้บ!!” เสียงที่ได้ยินทันทีที่เปิดประตูผ่านเข้าไปในห้องน้ำครับ เสียงหมัดไอ้ยุกระแทกเข้าไปที่หน้าของอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันเต็มๆ แล้วคงไม่ใช่หมัดแรก เพราะดูจากสภาพเหมือนมีเรื่องกันก่อนผมเข้ามาแล้ว แล้วเรื่องต่อยตีแบบนี้คนอื่นคงไม่อยากเข้ามายุ่งให้ เพราะเผลอๆ จะซวยโดยไม่รู้ตัว มันถึงได้ต่อยกันโดยไม่มีใครสนใจจะห้าม

“เฮ้ย อะไรกันวะ” แต่บังเอิญหนึ่งในนั้นมันเป็นเพื่อนผมนี่สิครับ ผมเลยต้องไปเอี่ยวกับเขาด้วย ผมตะโกนไปก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวไอ้ยุไว้ ส่วนคนที่โดนมันต่อย เซล้มลงไปกับพื้นและกำลังยันตัวยืนขึ้นมา ไอ้ยุทำท่าจะเดินเข้าไปซ้ำ ผมเลยต้องรีบออกแรงดึงตัวมันไว้มากกว่าเดิม

“พอได้แล้วมึง อะไรกันวะ” ผมถามมัน ตั้งแต่รู้จักมันมา ผมไม่เคยเห็นมันไปมีเรื่องกับใครเลย เพราะปกติมันใจเย็นที่สุดในกลุ่มแล้ว

“ตุ้บ!”

“สัด” ผมสบถ คราวนี้เป็นเสียงผมแล้วครับ

“ตุ้บ!”

“ตุ้บ!!”

“ไอ้กันต์” คราวนี้เป็นเสียงไอ้ตรีครับ มันตะโกนเรียกชื่อ ก่อนที่มันจะวิ่งเข้ามาดึงตัวผมที่เพิ่งเตะซ้ำคนที่ผมซัดลงไปกองกับพื้น เพื่อไม่ให้เข้าไปซ้ำมันได้อีกเป็นครั้งที่สาม ก่อนที่ผมจะสะบัดมือไอ้ยุที่มาช่วยล็อคแขนผมอีกข้างเอาไว้ขึ้นมาเช็ดเลือดที่รู้สึกว่ามันซึมออกมาที่มุมปาก

“อยากเล่นทีเผลอนักนะมึง” ผมพูดใส่คนที่นอนขดตัวงออยู่ที่พื้น หลังจากมันลุกขึ้นมาซัดเข้าที่หน้าผม ตอนที่ผมดึงตัวไอ้ยุไว้ไม่ให้เข้าไปซ้ำมันในตอนแรก ผมไม่รู้หรอกครับว่าเพื่อนผมมีเรื่องอะไรกับมัน แต่บังเอิญว่ามันซวยที่มาทำผมเจ็บตัวอีกคน คิดหรือว่าผมจะยอมเจ็บฟรี แล้วไอ้แผลที่หน้าผมสองสามวันนี่มันจะหายทันไหมวะ ดันเป็นคนที่มีแผลแล้วหายช้าอีก  

.
.
.

“มีเรื่องอะไรกันวะ” ไอ้ภพถามตอนที่มันออกมาเจอผมที่ลานจอดรถหน้าร้านแล้ว ไอ้ตรีเป็นคนโทรตามมันออกมาหลังจากพวกผมสามคนออกมาจากห้องน้ำแล้ว มันก็ตัดสินใจว่าจะกลับเลย เจอแบบนี้มันคงหมดอารมณ์จะอยู่แล้วล่ะ แต่ผมก็ยังไม่รู้จนถึงตอนนี้ว่ามันไปมีเรื่องอะไรกันก่อนที่ผมจะเข้าไปเจอ

“ไม่มีอะไร ช่างมันเหอะ กูยังไม่อยากพูด” ไอ้ยุตอบ พวกผมสามคนที่เหลือเลยไม่มีใครถามอะไรต่อ เพราะดูแล้วไอ้ยุเองก็กำลังหงุดหงิดเอาเรื่องอยู่ ส่วนตอนนี้สภาพพวกผมสี่คน ถ้าดูแค่ว่ามาเที่ยวแล้วเมาหรือเปล่า ไม่นับเรื่องสภาพของผมกับไอ้ยุที่มีแผลบนหน้าคนละแผล ตอนนี้ไม่มีใครเมาครับ ปกติกันดีอยู่ อย่างไอ้ยุกับไอ้ภพนี่แค่เรียกว่ากำลังกรึ่มๆ แต่ไม่ต้องไปห่วงมันเรื่องขับรถ เพราะวันนี้ไอ้ตรีมันเป็นคนดี เป็นคนขับรถพาเพื่อนกลับบ้าน บ้านมันสามคนอยู่ทางเดียวกัน ขามาไอ้ตรีมันก็แวะรับมา ขากลับเดี๋ยวมันก็พาสองคนนั้นส่งถึงบ้าน ส่วนผมไม่มีปัญหาครับ ถัดไปไม่กี่ซอยก็ถึงคอนโดฯ ผมแล้ว

“เออๆ งั้นพวกกูกลับเลยแล้วกัน มึงก็ขับรถกลับดีๆ” ไอ้ตรีมันพูด ก่อนจะอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วยกมือขึ้นมาโบกให้ ผมเองก็โบกมือกลับไป

“กูไปนะเว้ย กลับดีๆ” เสียงของไอ้ภพดังตามมา พร้อมยกมือมาตบไหล่ผม ก่อนเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

“ไปได้แล้วมึง เอานี่ เบิร์ดเดย์เว้ย มีอะไรอยากบอกกูก็โทรมา” ผมพูด แล้วส่งของในมือให้มัน ระหว่างยืนรอไอ้ภพให้ออกมาหาพวกผมนอกร้าน ผมเลยถือโอกาสเดินไปหยิบของขวัญที่ซื้อมาให้ไอ้ยุที่ผมเก็บไว้ในรถผมมาให้มัน

“ขอบใจว่ะ แล้วก็โทษทีวะ อย่าบอกกรมันนะเว้ยว่าเจ็บตัวเพราะกู” ไอ้ยุพูด เหมือนมันจะอารมณ์เย็นลงแล้วครับตอนนี้

“เอ้ย กูไม่เป็นไร มึงเหอะ โอเคเปล่าวะ” ผมตอบและถามมัน

“กูโอเคอยู่ มึงไปเหอะ ไว้คุยกัน” มันพูดกับผมก่อนจะเปิดประตูด้านหลังของรถไอ้ตรี แล้วขึ้นรถไป ส่วนผมก็หันหลังเดินกลับไปขึ้นรถตัวเอง และขับรถกลับคอนโดฯ

.
.
.

พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็มีแต่แสงไฟสีส้มที่ส่องจากระเบียงเข้ามาในห้อง เพราะผมตั้งเวลาให้มันเปิดอยู่ทุกคืน ส่วนไฟในห้องผมไม่ได้เปิดทิ้งไว้เลยแม้แต่ดวงเดียว แล้วก็เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแปลกๆ กับการกลับเข้ามาในห้อง ทั้งที่เป็นคอนโดฯ ของตัวเองแท้ๆ อาจเพราะวันนี้ผมรู้สึกว่ามันเงียบกว่าที่เคย ผมเดินเข้าไปดูไอ้เรนกับซูชิปลาทองสองตัวที่เลี้ยงไว้ เมื่อเห็นว่ามันสองตัวอยู่สุขสบายดี ก็เดินเข้าไปในครัวต่อโดยที่ไม่ได้เปิดไฟในห้องสักดวง

“แม่ง เอ้ย” ผมสบถเมื่อเอามือไปโดนแผลที่มุมปากตอนวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ผมเดินมาล้างหน้าในครัวแทนที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว พอล้างเสร็จก็พาหน้ากับมือเปียกๆ ถอยห่างออกมาจากอ่างล้างจาน และมายืนพิงโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องครัวแทน ก่อนจะหันไปดึงกระดาษเช็ดมือที่วางอยู่บนโต๊ะมาซับน้ำออกจากหน้า ก็เช็ดไปแบบลวกๆ เช็ดเสร็จก็วางกระดาษทิ้งไว้บนโต๊ะแบบนั้น ไม่ได้เอาไปทิ้งให้เป็นที่เป็นทางอย่างเวลาปกติ

ตอนนี้ไม่รู้ครับว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน เจ็บตัวมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับสาเหตุที่โดนต่อย ถือว่าซวยไป แต่มันน่าหงุดหงิดตรงที่พรุ่งนี้ผมต้องออกไปคุยงาน แล้วจะไปคุยได้ไงวะ คิดไปคิดมาจนเริ่มโมโหขึ้นมาจนได้ แล้วที่ห้องก็ดันเงียบสนิทแบบนี้อีก ผมคิดฟุ้งซ่านอยู่ในที่มืดๆ คนเดียวได้สักพัก ก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเลือกเบอร์โทรออกไปนอกประเทศ ช่วงที่รอสายก็เดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟา คืนนี้คงนอนมันตรงนี้แหละ พอเจอแอรเย็นๆ ชักจะเริ่มเคลิ้มๆ ส่วนจะให้ไปนอนคนเดียวในห้องก็ไม่อยากเข้าไปนอน ดันเกิดจะคิดได้ว่าเตียงมันใหญ่เกินกว่าจะนอนคนเดียวขึ้นมา สู้มานอนอยู่บนโซฟาแบบนี้ดีกว่า  

“นอนยัง” ผมถาม ถึงจะรู้คำตอบ แต่ก็ยังถาม เกือบจะตีสองแล้วแบบนี้ปลายสายคงกำลังหลับอยู่ตอนที่ผมโทรไป

“อื้ม แล้วนี่กลับมาถึงห้องแล้วหรอ” กรงัวเงียถาม ส่วนผมเองก็เริ่มหาวแล้วเหมือนกัน แต่ยังอยากคุยอยู่ ส่วนท่านอนก็กำลังได้ที่เตรียมหลับ พลิกตัวหันหน้าเข้าซุกกับพนักโซฟา คว้าหมอนอิงสองใบมากอดไว้ ใบหนึ่งถูกหนีบไว้ที่ขา อีกใบก็ใช้แขนกอดไว้

“อื้อ เพิ่งกลับมา กำลังนอน” ผมพูด แล้วปิดตา แต่ไม่ยอมวางสาย

“วันนี้ไปกินอะไรแปลกๆ มาตั้งหลายอย่าง มารู้ที่หลังขนลุกอ่ะ” กรเล่า เรื่องของเขาวันนี้ให้ผมฟัง ผมก็อืออาตอบรับไปเรื่อยๆ

“เจอเหล้าดองไข่แพะด้วย” เสียงปลายสายยังเล่าเรื่องให้ฟังต่อ

“หึหึ” ผมหัวเราะหึหึในลำคอ ถ้าปกติก็คงขำดังกว่านี้ แต่ตอนนี้สภาพไม่ค่อยเอื้ออำนวยแล้ว

“กินเข้าไปได้” ผมพูด แล้วปกติกรเป็นคนที่ไม่ยอมกินหรือลองอะไรแปลกๆ เลย ยิ่งเป็นพวกเนื้อสัตว์แล้วด้วย สงสัยวันนี้จะเจอไปเยอะ จนถึงกับโอดครวญ

“ก็มันไม่รู้ พ่อบอกกินๆ เข้าไปเถอะ คนมันมีมารยาทก็ทำตามดิ แล้วเป็นไงบ้างไปเที่ยวมา” กรพูดเรื่องตัวเอง ก่อนจะถามผมกลับมาบ้าง

“ก็ดี” ผมบอกแค่นี้ ไม่อยากเล่าว่าเจออะไรมาบ้าง เดี๋ยวจะเป็นห่วงกันเปล่าๆ

“คิดถึง” กรบอก ส่วนผมถ้าตอนนี้ลุกขึ้นไปส่องกระจกดูคงเห็นว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ แต่อีกใจก็คิดว่าจะมาพูดทำไมตอนนี้วะ อารมณ์ยิ่งไม่ค่อยปกติ มันก็คิดถึงมากๆ เหมือนกันนะเว้ย เหงาด้วย ห้องเงียบเกิน

“เหมือนกัน นอนเหอะ จะนอนแล้ว” ผมพูด

“พรุ่งนี้เช้าจะโทรไปหาแล้วกัน” กรพูด พอผมตอบรับคำ เขาก็วางสายไป ส่วนผมพอกดวางสายแล้วก็เอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่โต๊ะทางด้านหลัง ก่อนนะหันมาซุกตัวนอนหลับอยู่บนโซฟาไปถึงเช้า


-------------------------------------------------------------


หายไปซะนาน แต่เอามาลงให้แบบยาวๆ แทนนะ ^_^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 12-02-2011 14:28:15
อ่านแล้วยิ้มล่ะ  :-[


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-02-2011 14:33:46
หายคิดถึงไปนิดนึง
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 12-02-2011 14:38:02
อ่านแล้วพลอยเหงาไปกับกันต์ด้วย แต่ก็เข้าใจนะที่กรสั่งโน่นสั่งนี่แบบเป็นห่วง
คงทั้งห่วงและหวงแหละ ก็คนของเรานี่นะ แต่อ่านแล้วก็มีความสุขรับรู้ได้ถึง
ความรักความห่วงใยที่กร+กันต์มีให้กัน  +1 แทนคำขอบคุณ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-02-2011 14:46:51
"ดูแต่ตา มืออย่าต้อง เพราะกลัวจะเสียคนรัก" พี่กันต์น่ารักมากๆเลยค่ะ
บวกและ :กอด1: คนเขียน คิดถึงจังค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sabaijai ที่ 12-02-2011 15:18:57
ถึงตัวจะห่าง...แต่ใจก็ใกล้กันตลอด
อยากรู้อ่ะ ชกกันทำไม และกรรู้จะเป็นไง :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 12-02-2011 15:38:07
 :เฮ้อ:เวลาอยู่คนเดียวมันเหงาอย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 12-02-2011 16:14:14
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
ชอบจังเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-02-2011 16:51:35
ขนาดสั่งเสียไว้อย่างดิบดี
กันต์ก็ไม่พ้นต้องมีเรื่องเข้า
ถ้ากรรู้ ตายแน่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 12-02-2011 17:17:12
อยู่คนเดียว หลังจากมีคนอยู่ด้วยกันทุกวันนี่ มันเหงาเนอะ
ส่วนเรื่องแผล ถ้าหายไม่ทันกลับมาคงโดนสอบแน่เลย สุดรักสุดหวงของกรเขานินะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 12-02-2011 17:40:29
เหอะ ๆ หวังว่ากรคงไม่มารู้เรื่องเจ็บตัวทีหลัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 12-02-2011 19:00:20
อ่านตอนนี้แล้ว แอบเหงาตาม อยากให้กรกลับมาหาพี่กันย์เร็วๆจัง  :sad4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 12-02-2011 19:10:28
เงียบๆเหงาๆจริงๆเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 12-02-2011 19:43:31
ตอนนี้ดูเหงาๆ สมชื่อจริง
ก็กรกับกันต์เค้าเสพติดกันและกันซะแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 12-02-2011 22:49:32
คิดถึงกันต์กรอย่างแรงงงงงงงงง>_<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 13-02-2011 01:35:07
คิดถึง เหงา ห้องเงียบเกิน
เพราะมีกันและกันจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วสินะ ถึงรู้สึกแบบนี้ได้

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 13-02-2011 06:53:53
อยู่คนเดียวไม่ได้ใช่ไหม
ต้องก่อเรื่องด้วยเนี่ย
 :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 13-02-2011 07:29:21
เจ็บตัวแถมยังเหงาซ้ามเติมเข้าไปอีก...
เมื่อไหร่จะถึงวันที่ต้องไปรับกรซะที....ดูซิกันย์จะแก้ตัวว่ายังไง...55+
อยากให้กรรีบกลับมาแล้วอะ..สี่วันนานจังเน้ออออ...T^T
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 13-02-2011 08:24:15
คิดถึงคนที่เคยนอนข้างๆ
แต่ถ้ากรกลับมาแล้วแผลไม่หายนี่มีงอนแน่ๆ เพราะไปมีเรื่องมา และที่สำคัญมีเรื่องแต่ไม่เล่าให้ฟังอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 13-02-2011 17:52:38
ไม่บอกอะไรเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง แต่กลับมาแล้วเห็นหลักฐานคาตา
งานนี้โดนสอบชัวร์เลย แต่คิดว่าอ้อนนิดอ้อนหน่อย กรก็ไม่กล้าว่าอะไรแล้ว เชื่อสิ อิอิ
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 13-02-2011 19:31:02
แผลหายไม่ทัน ไม่อยากจะคิดเลยว่ากันต์จะโดนอะไร แต่ก็แอบอยากให้หายไม่ทัน กรจะได้งอน แล้วกันต์ก็จะได้ง้อ :o8: 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 13-02-2011 19:38:40
เหงาอ่ะ
กรกลับมาไวๆนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-02-2011 21:23:44
กร-กันต์มาให้หายคิดถึงแระ
แต่ไมกันต์มาคราวนี้ต้องได้บู๊ด้วยล่ะ กรกลับมาเจอร่องรอยจะเป็นไงน้อ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-02-2011 10:44:42
พอกรไม่อยู่ กันต์เจ็บตัวเลยอะ แบบนี้ต่อไปต้องห้ามปล่อยให้อยู่คนเดียว  :o
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อยู่คนเดียว p. 50 up 12-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 15-02-2011 01:38:13
ตอนพิเศษ Valentine


“อ้ากกกกกกกกกก อย่ามาทางนี้ ไป ๆ ๆ ๆ” เสียงเอะอะโวยวายของคนที่ตัวเล็กกว่า ก่อนจะตามมาด้วยการกระโดด จนตัวลอยหวือขึ้นไปยืนอยู่บนโซฟา แถมต่อด้วยการชี้มือชี้ไม้ ตะโกนเสียงดังต่อไม่ยอมเลิก ทั้งที่ยืนอยู่ไกลกับผมคนละมุมขนาดนี้แล้ว แบบที่เรียกได้ว่าอยู่ไกลกันเป็นโยชน์ จนตอนแรกที่ผมคิดว่าจะจัดการให้เรื่องมันเสร็จไป ชักเริ่มเกิดอาการอยากจะแกล้งคนต่อ ดูสิว่าแมลงสาปตัวเดียวนี่ จะทำให้คนที่ดูตัวเล็กไปถนัดตาเพราะความกลัวในตอนนี้ เป็นอะไรได้มากขนาดไหน

“เฮ้ยยยย บอกว่าอย่ามาทางนี้” เสียงกันต์ตะโกนลั่นตอนที่ผมถือไม้กวาดไล่แมลงสาป แต่พอผมเอาไม้กวาดมาตะปบแมลงสาปไว้ได้ แล้วกะจะวานให้กันต์หยิบที่โกยผงมาให้ เจ้าตัวก็ดันวิ่งหนีไปอยู่บนโซฟา แถมตะโกนโหวกเหวกแบบนี้แล้ว

ตอนแรกที่ได้ยินเสียงกันต์เขาโวยวายว่าเจอแมลงสาปก็คิดอะไรไม่ทัน คว้ามาแต่ไม้กวาด ลืมคว้าที่โกยผงมาด้วย พอจะให้กันต์เขาหยิบให้ เจ้าตัวก็ดันวิ่งหนีไปเสียไกล ส่วนเจ้าแมลงสาปนี่ก็ไม่ได้อยู่ในห้องมาตั้งแต่แรกหรอกครับ ห้องเราไม่ได้สกปรกขนาดที่จะมีแมลงสาปมาอยู่ได้ กล้าพูดว่าสะอาดมากด้วยซ้ำ แต่ไอ้ตัวปัญหานี่มันติดมากับถุงที่กันต์เขาใส่ต้นไม้กลับมาที่ห้องครับ เป็นต้นไม้ที่เขาได้มาจากบริษัทฯ ไหนสักบริษัทฯ นี่แหละ เห็นกันต์เขาบอกว่า บริษัทฯ นี้ แจกต้นไม้ให้กับลูกค้าในวันวาเลนไทน์ พอกันต์เห็นเข้าก็ชอบ เลยยกกลับมาที่บ้าน แต่ตอนนี้จะยังชอบอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้

“นั่น ๆ มะ มัน... มัน มันจะบินแล้ว” เอา เอาเข้าไป มันจะบินได้ยังไงล่ะครับ ก็ผมเอาไม้กวาดกดมันไว้อยู่เนี่ย แล้วตกลงผมจะทำยังไงกับเจ้านี่ดี ต้องลากมันไปหาที่โกยผงระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ

“ว้ากกกก อย่ามาทางนี้ บอกว่าอย่ามาทางนี้ ไอ้ ไอ้บ้า” ไม่รู้จะขำหรืออะไรดีแล้วครับตอนนี้ จะหัวเราะก็กลัวโดนงอน หรือไม่ก็กลัวจะขำจนมือไม้อ่อนทำไอ้แมลงสาปนี่หลุดจากไม้กวาด ขืนหลุดขึ้นมาโดนเอาตาย เกิดเป็นไอ้กรนี่ลำบากแท้

แต่ก็แค่เรื่องนี้แหละครับ ฮาๆ

“จะตะโกนทำไมเนี่ย แล้วก็หยิบไอ้นั่นมาให้ด้วย เร็ว” ผมหยุดเดินแล้ว ชี้บอกกันต์ที่เปลี่ยนจากยืนบนโซฟาเป็นลงมายืนดูลาดราวอยู่หลังโซฟาแทนให้ช่วยหยิบที่โกยผงมาให้

“ไม่เอา ไม่เอา ไปหยิบเอาเอง” จะกลัวอะไรขนาดนี้ครับที่รัก เคยเจอแมลงสาปบินเกาะมาหรือไงเนี่ย อันนี้เดาเอาครับ เพราะเคยได้ยินหลายคนที่กลัวแมลงสาป พูดว่ากลัวเพราะมันเคยบินมาเกาะนี่แหละ

“มันไม่หลุดมาหรอกน่า ชักช้ามันหลุดไป ไม่รู้ด้วยนะ” เหมือนพูดกับเด็กเลยครับตอนนี้ ส่วนคนตัวเล็กก็จ้องมาที่ไม้กวาดที่มีไอ้ตัวปัญหาอยู่ข้างใต้ไม่วางตา คงกำลังตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี

“มันไม่หลุดหรอก” ผมพูดย้ำอีกครั้ง จะไหวไหมครับเนี่ยที่รัก

“เออๆ ถ้าหลุดมานะ” ฮาๆ ยังไม่วายขู่นะ มีชี้หน้ากันด้วย ว่าแล้วกันต์ก็เดินแบบกล้าๆ กลัวๆ ไปหยิบที่โกยผงในครัวมาให้ผมที่ยืนอยู่ที่ระเบียง แต่ไอ้ท่าส่งนี่สิครับ ห่างจนแทบจะเอื้อมจับด้ามที่โกยผงไม่ถึง ยังดีนะที่ไม่ส่งให้แล้ว รีบปิดประตูขังผมให้อยู่กับแมลงสาปที่ระเบียง ส่วนกันต์พอส่งของให้เสร็จแล้วไปไหนหรอครับ นู่นเลยครับ กลับไปยืนหลังโซฟาในห้องเป็นที่เรียบร้อย รักกันมากเลยครับ

ว่าแล้วก็จัดการเอาแมลงสาปใส่ลงถุงผูกปิดไปจนได้ คนกลัวก็จ้องตลอดทุกการกระทำของผมเลยครับ พอเห็นแมลงสาปอยู่ในถุงแล้วแค่นั้น ถึงกับถอนหายใจ ก่อนออกมานั่งทรุดลงบนโซฟา ท่าจะเหนื่อยอยู่หรอก เล่นวิ่งไปวิ่งมา แล้วยังตะโกนอีก ทำเอาหน้าแดง แถมด้วยเหงื่อเม็ดเป้งบนหน้าผาก จากที่จะแกล้งพอเห็นเขาแบบนี้ก็เปลี่ยนใจครับ สงสารเลย แทบจะวิ่งรอบห้อง เพราะก่อนหน้านี้แมลงสาปมันวิ่งเข้าไปในห้องด้วย ดีที่มันไม่ได้ไปไหนไกล ไม่อย่างนั้นล่ะหากันตาย

“เป็นไงบ้าง” ผมถามหลังจากเอาถุงออกไปทิ้งที่ช่องทิ้งขยะเรียบร้อยแล้ว ก่อนเดินกลับมาหากันต์ที่ยังนั่งพักเหนื่อยอยู่บนโซฟา เสื้อผ้าหลุดลุยเลยครับ เสื้อเชิ้ตที่ตอนกลับเข้ามายังอยู่ในกางเกงเรียบร้อย ตอนนี้หลุดมานอกกางเกงหมดแล้ว กระดุมเม็ดบนก็ถูกปลดลงมาสองเม็ด คงจะร้อนเพราะวิ่งขาดนั้น เห็นแล้วก็สงสารอยู่ แต่ก็ยังอดขำเล็กๆ ไม่ได้

“เหนื่อย” พูดคำเดียวเลยครับ เพราะยังหอบอยู่ แล้วก็จับเสื้อสะบัดๆ เหมือนจะช่วยให้เย็นขึ้น ก่อนทิ้งตัวเอนพิงพนักโซฟา

“กลัวขนาดนั้นเชียว” ผมถาม แล้วจับผมเขาที่ลงมาปิดหน้าปิดตาขึ้นให้ พอมองใกล้ๆ ยิ่งเห็นว่าเหงื่อไหลเต็มหน้าเชียว

“อื้ม” กันต์ พยักหน้าตอบ

“มันเคยมาเกาะหรือไง” ผมถามต่อ ตอนนี้กันต์เลิกหอบแล้วครับ นั่งนิ่งๆ สักพักตัวคงเย็นขึ้น แล้วแอร์ที่เปิดไว้ก็เย็นพอสมควร

“ตอนเด็กๆ เปิดกล่องอะไรขึ้นมาไม่รู้ แล้วมันก็ออกมา พอออกมามันก็ไต่เข้าไปในแขนเสื้อ” กันต์เล่าให้ผมฟัง พร้อมยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองไปด้วย สงสัยขนลุก

“แล้วทำยังไงอ่ะ” ผมถามอีก

“ก็ร้องดิ ตอนนั้นห้าหกขวบเองมั้ง พี่เลี้ยงต้องจับถอดเสื้อ มันถึงได้ออกมา แล้วมันไต่ที่ตัว จนเป็นรอยแดงๆ อ่ะ” พอฟังจบก็ถึงบางอ้อเลยครับ มิน่าถึงกลัวได้ขนาดนี้ เป็นผมก็กลัวแหละครับ เรียกว่าฝังใจกันเลยทีเดียว ก็เลยกลายเป็นการปิดฉากวาเลนไทน์หฤหรรษ์ไปเลยครับวันนี้ ปิดฉากกันแบบที่เรียกไม่ถูกว่าแนวไหน
.
.
.


ส่วนวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาตลอดวันของผมกับกันต์ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษมากหรอกครับ กันต์ก็ไปทำงานตามปกติ ส่วนผมวันนี้เข้าไปฟังไอ้ติ๊ดมันพรีเซ็นต์งาน มันเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มผมครับ แต่ยังไม่สุดท้ายในเอก ถือว่าเป็นคนกลางๆ อยู่ ตอนนี้ก็โล่งกันไปทั้งกลุ่มครับ พอช่วงสายฟังติ๊ดมันพรีเซ็นต์งานให้อาจารย์ฟังจบก็ไปหาอะไรกินกัน แล้วผมก็แยกตัวกลับห้อง กลับมาส่งของขวัญให้กันต์เขาครับ

เรียนกราฟฟิคก็ใช้ให้มันเป็นประโยชน์ ออกแบบการ์ดสวยๆ ส่งไปเป็นของขวัญวันแห่งความรักให้กันต์เขา พอส่งไปกันต์เขาก็เงียบไปเลยครับ ไม่อือออตอบรับอะไรกลับมา แต่ก็รู้ว่าวันนี้เขามีประชุมครับ แล้วก็ไม่รู้ว่าเสร็จกี่โมง ผมก็นั่งๆ นอนๆ ดูหนังไป รอว่าเย็นหน่อยจะทำกับข้าว จนบ่ายสี่โมงนั่นแหละครับ ก็มีเสียงเตือนว่ามีได้รับอีเมลจากโทรศัพท์ พอเปิดดูก็เป็นการ์ดที่กันต์ทำส่งกลับมาให้ครับ ทำเอายิ้มหน้าบานไปเหมือนกัน แล้วดูจากโทรศัพท์มันก็ภาพเล็กไป ต้องมาเปิดดูจากในคอมฯ เพื่อให้เห็นเต็มจออีกที ของขวัญวาเลนไทน์ที่มีให้กันก็เท่านี้แหละครับ

พอเย็นกันต์กลับมาก็มานั่งกินข้าวด้วยกันแค่นั้นเอง ส่วนต้นไม้ที่กันต์ได้มา เขาตั้งใจไว้ว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะเปลี่ยนกระถาง แต่เปิดถุงมาแล้วดันเจอแมลงสาปออกมาด้วย เลยเป็นเรื่องเป็นราวปิดฉากวาเลนไทน์ ส่วนต้นไม้วางไว้แบบนั้นก่อนแล้วกันครับ ขี้เกียจออกไปจัดการแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ขอไปทวงค่าจัดการแมลงสาปก่อนดีกว่า ก็นะ สภาพคนกลัวแมลงสาปตอนนี้มันล่อแหลมน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่

----------------------------------------------


มาแบบสั้นๆ ให้หายคิดถึงกร นิดนึง ^_^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-02-2011 01:46:06
 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 15-02-2011 02:01:37
ว้าว มาเจอทั้งตอนหลัก ทั้งตอนพิเศษเลย
ตอนหลักนี่เหงาจริงแฮะ เหมือนจะคุ้นเคยกับการที่คู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไปแล้ว

ส่วนตอนพิเศษ  :m20: ฮาอ่ะ กันต์น่ารักนะเนี่ย หายคิดถึงกรไปนิดนึงด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 15-02-2011 02:29:43
เข้ามาสยองเป็นเพื่อนกันต์ก่อนนอน  :sad3:

โหมดนึกภาพตาม >>>>> แมลงสาปบิน อึ้ยยยยยยยยยยยย  o21
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 15-02-2011 06:21:28
 :L1: :L1: :L1:
ชอบเรื่องนี้มาก..ชีวิตไม่ต้องวุ่นวาย
มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 15-02-2011 07:23:15
หวานมัน ฉันคือเธอ จริง  ๆ ไอ้สัตว์ประหลานโลกล้านปีเนี่ย
ใครไม่เคยโดน ไม่มีวันรู้หรอก ว่า มันน่าขนรุก ขนาดไหน
เคยโกรธกับคนใกล้ตัวไม่พูดด้วยเป็นอาทิตย์ กับการถูกหัวเราะเพราะไอ้เจ้าตัวนี้แหละ
+1 นี้ให้ กันต์ เป็นการปลอบใจ มามะ ขวัญมา  :กอด1: :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 15-02-2011 07:40:08
ตอนพิเศษ ทำเอาฮามาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 15-02-2011 08:06:20
ค่อยๆรักกัน เบาๆ   :L1:
อ่านเรื่องนี้ทีไร  คิดถึงเพลงนี้ทุกที   :-[

อ่านไปอมยิ้มแก้มปริ่มไปทุกครั้ง  ขอบคุณสำหรับความรัก หวานๆ เบาๆ ที่ทำมีความสุขทุกครั้งที่อ่านนะค้าบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 15-02-2011 08:51:02
 :m20:เป็นวาเลนไทน์หรรษาเพราะน้องแมลงสาป

 :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 15-02-2011 09:09:02
555 กันต์เต้นหนีแมลงสาบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 15-02-2011 09:26:22
เข้ามาอ่านตอนพิเศษ  หึหึ น่ารัก    :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sabaijai ที่ 15-02-2011 09:43:12
จินตนาการได้ไม่ยากเลย ท่ากันต์ลี้ภัยหนีแมงสาบ :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 15-02-2011 10:21:21
เคยโดนแมงสาปบินชนหัวที่โรงเรียน เหวอไปเลย โรงเรียนตูฉกปรกจริง  :z3:

หวานมัน ฉันคือเธอ จริง  ๆ ไอ้สัตว์ประหลานโลกล้านปีเนี่ย
ใครไม่เคยโดน ไม่มีวันรู้หรอก ว่า มันน่าขนรุก ขนาดไหน
เคยโกรธกับคนใกล้ตัวไม่พูดด้วยเป็นอาทิตย์ กับการถูกหัวเราะเพราะไอ้เจ้าตัวนี้แหละ
+1 นี้ให้ กันต์ เป็นการปลอบใจ มามะ ขวัญมา  :กอด1: :z1:


^
^
^
เหมือนเพื่อนรกรเลย แฟนมันแกล้งเรื่องแมงสาปนี้แหละ ทะเลาะงอนไปเป็นวัน เหมือนจะขำ แต่คนกลัวจริงๆจะน่าสงสารมากเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 15-02-2011 11:08:29
ว๊ากกกก
สยองมากเหอะ
เค้าเคย เจอมันบินพุ่งเข้ามาตัว
กรี๊ดดดด บ้านแตก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: mumu2pm ที่ 15-02-2011 12:33:30
 :m20: :-[ :oo1: :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 15-02-2011 12:50:43
มาโอ๋ๆๆๆๆกันต์ :กอด1: แล้วก็  :m20: ด้วย


ว่าด้วยเรื่องแมลงสาบ เคยจับตอนเด็กๆจะเอาไปทิ้ง
แต่..มันกระแดะไต่จากเท้าขึ้นหัว พอจับหนวดมันได้
ดันอยากจะบิน ไอ้เราก็มือไวเกิน จับแรงไปหน่อย เละเต็มมือเลย  :oak:
ทุกวันนี้ไม่ได้กลัว แต่ถ้าให้จับแมลงสาบมือเปล่าก็แอบแหยงๆ ใช้ได้อยู่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 15-02-2011 12:52:22
 :m20: นึกภาพกันต์ออกเลยอ่ะ แต่คนกำจัดแมลงสาป คิดค่าบริการแพงไหม อิอิ สงสัยจะคุ้มนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 15-02-2011 13:10:18
เข้าใจกันต์เค้าเลย
เพราะพี่ก็กลัวแมลงสาบเหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 15-02-2011 13:30:16
หายคิดถึงนิดเดียว เอาอีกๆๆๆ :laugh:
ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-02-2011 14:21:58
แอบเข้าใจกันต์เล็กๆ เพราะข้าพเจ้าก็กลัวแมลงสาปเหมือนกัน เคยโดนเกาะขาตอนเด็กๆ บรื๊อออออ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 15-02-2011 19:17:45
วาเลนไทน์สยองสำหรับกันต์ และวาเลนไทน์ฮาและกำไรสำหรับกร
สงสารกันต์จังขวัญหายเลย กรคงต้องเรียกขวัญกันหนักหน่อยละ
+1 แทนคำขอบคุณ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 15-02-2011 19:48:46
เพื่อนเค้า มันบอกว่าชีวิตนี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลัวแมลงสาป
แต่พอเจอแมลงสาปบินเท่านั้นแหละ มันบอก กุกลัวมากกกกก
555+
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 15-02-2011 22:10:30
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :m20:

เข้าใจความรู้สึกกันต์นะแต่ขอขำหน่อยเถอะ!

อะไรจะน่ารักขะไหนหนาดพี่กันต์ขา~~

+1 พร้อม :จุ๊บๆ: ทีนึงด้วยความร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 16-02-2011 17:54:20
 :m20: แมลงสาป น่ากลัวก็น่ากลัวอยู่นะ แต่นึกภาพกันต์ตามแล้วต้องขำอ่ะ

หน้าที่กำจัดแมลงสาปเลยต้องตกไปเป็นของกรแบบปฏิเสธไม่ได้ ลองไม่กำจัดให้สงสัยโกรธตาย ฮาๆ


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 16-02-2011 22:06:47
ดิฉันก็ไม่ขำกันต์หรอกค่ะ  ความกลัวบางทีมันก็ไม่มีที่มาที่ไปหรอกค่ะ แต่มันกลัวน่ะ เนอะกันต์
เคยเกือบไม่พูดกะเพื่อนรัก เพราะโดนแกล้งด้วยการโยนสิ่งที่เรากลัวใส่นี่แหละ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-02-2011 22:15:48
กันต์ ดูไปดูมา เหมือนจะเด็กลงเรื่อยๆ นะ
น่ารักได้อีก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 17-02-2011 09:48:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-02-2011 21:25:42
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 18-02-2011 17:07:03
หลงรักกันต์ขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน  :give2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 18-02-2011 21:44:39
อ่า...หวานเบาๆๆ
แต่ไอ้ท่าแขยงแมลงสาบนี่เข้าใจเลย แบบว่ามันเคยไต่เข้าไปในขากางเกง..เป็นรอยแดงๆเหมือนกันเลยอ่ะ...พูดถึงแล้วขนลุก..บรื๋ออส์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: spring ที่ 06-03-2011 09:46:15
ฮึ๊บบบ 


ดันๆ


คิดถึงสองหนุ่มนี้ตลอดเวนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-03-2011 15:36:56
คิดถึงทั้งสี่หนุ่มแล้วนะคะ :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษ Valentine มาแบบสั้นๆ p. 51 up 15-2-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 14-03-2011 16:35:40
 ตอนที่ 50 อ้อนเกิน

“อือ” เสียงผมครางในลำคอตอบรับสายกรที่โทรเข้ามา จริงๆ ไม่ใช่เสียงที่ผมจะใช้รับสายหรอกครับ แต่เป็นเสียงครางเพราะรู้สึกมึนหัวมากกว่า เหมือนหัวมันหนักจนยกแทบไม่ขึ้น ไอ้ตอนแรกที่ขยับพลิกตัวไปคว้าโทรศัพท์จากโต๊ะหน้าโซฟายังไม่เป็นอะไร แต่พอได้โทรศัพท์มากดรับแล้ว และหยัดตัวลุกขึ้นมานั่งนี่ล่ะ กลับปวดหัวขึ้นมาเสียเฉยๆ

“ตื่นหรือยัง” กรถามผม

“เพิ่งตื่น กี่โมงแล้ว” ผมถามกลับไป เพราะยังไม่ได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ดังขึ้นก่อนหน้าที่กรจะโทรเข้ามา ซึ่งผมตั้งปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงครึ่ง

“เจ็ดโมง วันนี้จะออกไปคุยงานใช่ไหม” กรตอบและถามผมต่อ ระหว่างเราสองคนถ้ามีวันไหนที่ใครมีนัดออกไปข้างนอก นอกเหนือจากที่ที่ไปอยู่เป็นปกติ มักจะบอกกันไว้ล่วงหน้าเสมอครับ อย่างเช่น วันไหนที่ผมมีนัดลูกค้า หรือมีประชุมที่โรงพิมพ์ไม่เข้าออฟฟิศ ผมก็จะบอกกรไว้ หรือถ้านัดกะทันหันผมก็จะโทรไปบอก มันก็ไม่ถึงกับจะเรียกว่าต้องรายงานตัวกันตลอด แต่อยากบอกกันเองมากกว่า เพราะฉะนั้นในตารางนัดหมายในโทรศัพท์ก็จะมีตารางนัดหมายของอีกคนอยู่ด้วย

“อืม แต่คงจะให้คนอื่นไปแทน” ผมบอก พอกรถามถึงเรื่องที่ผมต้องออกไปคุยงาน ผมเลยลากสังขารตัวเองไปเข้าห้องน้ำ ตั้งใจว่าจะเข้าไปดูสภาพของตัวเองเสียหน่อย หลังจากเมื่อคืนปล่อยเลยตามเลย แทบไม่ได้ทำอะไรกับตัวเองทั้งนั้น อย่างดีก็แค่ล้างหน้าก่อนนอน แผลอะไรก็ไม่ได้สนใจ

พอผมได้เห็นภาพสะท้อนของหน้าตัวเองในกระจกแล้ว ก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าต้องเปลี่ยนแผนให้คนอื่นไปแทนผม เพราะสภาพร่างกายผมมันไม่เอื้ออำนวยจริงๆ น้ำก็ยังไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืน ยิ่งส่งให้อะไรๆ ดูแย่ลงไปอีก ที่มุมปากมีรอยแตกเล็กๆ แต่ที่สะดุดตาก็คงเป็นรอยม่วงช้ำที่ผิวเนื้อข้างมุมปากนั่นแหละ ขนาดที่ว่าเห็นได้แต่ไกล เสื้อเชิ้ตก็อยู่ในสภาพที่หลุดลุ่ยออกนอกกางเกง เข็มขัดกับถุงเท้าก็ยังไม่ได้ถอด เรียกว่าก่อนออกจากบ้านเมื่อคืนใส่ออกไปกี่ชิ้น ตื่นเช้ามาก็ยังอยู่แบบนั้น ขาดไปแค่รองเท้าที่ถูกถอดไปแล้ว

“ไม่สบายหรือเปล่า” เสียงกรถามมา เขาความรู้สึกไว หรือผมไปแสดงอาการอะไรให้เขาจับได้ล่ะครับว่าผมไม่สบาย ก็แค่บอกว่าจะให้คนอื่นไปแทน มันไม่ได้แปลว่าผมต้องป่วยเสียหน่อย

“ปวดหัว” ผมบอก ปากก็บอกไปแค่นั้นแหละครับ ตอนแรกว่าจะไม่บอกเลยด้วยซ้ำว่าไม่สบาย แต่มันหลุดปากไปแล้ว เพราะใจจริงมันอยากจะบอกไปให้หมดว่า ตอนนี้ก็ปวดหัวมาก ๆ เจ็บแผลด้วย เพราะไปโดนต่อยมาเมื่อคืน แต่ไม่ได้ตั้งใจจะมีเรื่อง ไม่ได้เริ่มก่อนด้วย” แต่ก็หลุดบอกไปแค่ปวดหัว และยั้งปากไว้ทัน บอกแค่ครึ่งเดียวพอครับ ไม่ได้โกหก แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง เอาไว้กลับมาเจอหน้ากันเมื่อไหร่ค่อยบอก

“กินยาหรือยัง” ก็เพราะรู้ว่าบอกไปแล้วจะได้ผลตอบรับแบบนี้ยังไงเล่า ผมถึงไม่อยากบอก เขาเป็นห่วงมันก็รู้สึกดี และดีใจเป็นธรรมดาแหละครับ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่า แค่เสียงอย่างเดียวมันไม่พอ ผมไม่ได้จะงี่เง่านะ ก็รู้ว่ากรไปทำงาน ผมก็แค่คิดเฉยๆ เองว่า ถ้าเขาอยู่ด้วยกันก็คงดี ทำไมต้องมามีเรื่องตอนกรไม่อยู่ด้วย

“ยัง” ผมตอบ แล้วเดินไปหายาจากกล่องที่เก็บไว้ในตู้กิน หลังจากนั้นก็ว่าจะเข้าไปอาบน้ำ และนอนต่อ

“มีไข้หรือเปล่า” กรยังถามผมต่อไปเรื่อยๆ

“นิดหน่อย” ผมบอก เพราะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่เหมือนกัน เดี๋ยววางสายจากกรคงต้องรีบโทรศัพท์ไปสั่งที่ออฟฟิศเรื่องงาน และวันนี้ทั้งวันผมคงไม่เข้าไปทำงาน แต่ไอ้ที่เป็นไข้ขึ้นมาไม่น่าจะใช่เพราะโดนต่อยหรอกครับ เรื่องนั้นมันเรื่องเล็ก แต่เป็นเพราะอากาศมันเปลี่ยนมากกว่า น่าจะสะสมมาตั้งแต่กลับมาจากที่กลับมาจากเชียงใหม่ จากหนาวแล้วมาเจอร้อน เลยร่ำๆ ว่าจะเป็นไข้ไม่สบายอยู่ตั้งแต่วันสองวันแรกที่กลับมา แต่ก็ไม่เป็น ดันมาออกอาการเอาตอนนี้

“หาข้าวกินก่อน แล้วค่อยนอนต่อ ให้กรโทรสั่งให้ไหม” กรพูดบอกผม แกมบังคับ ผมคิดว่าเขารู้ดีว่าผมจะทำอะไร

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวสั่งเอง” ผมบอก ระหว่างเดินกลับเข้าห้องนอน

“กรโทรสั่งให้ดีกว่า รอกันต์สั่งเองได้กินเย็นมื้อเดียว เอาข้าวต้มปลาแล้วกันนะ” กรบอกผม นั่นไงครับ บอกแล้วว่าเขารู้จักผมดี ถึงรู้ทันกันไปหมด

แล้วก็จริงอย่างเขาว่า เวลาผมไม่สบายไม่ค่อยกินข้าวหรอกครับ แค่กินยาแล้วก็นอน ตื่นมาก็กินยาอีก แต่จะไม่กินอะไร มันไม่ใช่ว่าไม่หิว หรือไม่อยากกิน แต่เรื่องของเรื่องคือมันจะรู้สึกขี้เกียจจนไม่อยากทำอะไรมากกว่า ก็จะปล่อยตัวเองอด บางทีถึงกับหิวโซ แล้วไปกินรวบมื้อเย็นมื้อเดียว กรพอรู้ว่าผมชอบทำแบบนั้นเลยต้องบังคับให้ผมกินตลอด ถ้าไม่สบายขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาแทบจะอยู่เฝ้าผมทั้งวัน ถ้าไม่มีธุระหรือจำเป็นต้องออกไปไหน

แล้วก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้ครับว่า “กูโคตรเด็กเลย ต้องมีคนเฝ้า กับแค่เรื่องกินข้าว” หรือผมจะขี้อ้อนเอามากๆ ก็ไม่รู้ กรเคยพูดอย่างนั้นเวลาผมไม่สบาย เขาบอกว่าผมขี้อ้อนมากกว่าปกติเยอะ ทำไมผมไม่เห็นรู้ตัว ก็ไม่เห็นว่าจะขี้อ้อนตรงไหน ช่างเถอะขี้เกียจคิด

“อื้อ” ผมตอบรับ ระหว่างถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ส่วนกรตามใจเขาแล้วกันครับ ไม่อยากขัด จะโทรข้ามประเทศมาสั่งข้าวต้มจากร้านที่คอนโดฯ มาให้ผมก็ตามใจ ผมอือออรับลูกเดียวครับ ตอนนี้รู้แค่ว่า อยากอาบน้ำ แล้วนอนต่อไวไว ไม่มีแรงไปคิด ไปเถียงอะไรด้วยแล้วครับ มันตื้อๆ ไปหมดเลยตอนนี้

“กันต์”


“กันต์” เสียงกรเรียกซ้ำสองเลยทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมา ตอนนี้เข้ามานอนอยู่บนเตียงในห้องนอนแล้ว เมื่อกี้พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็ตรงดิ่งมาที่เตียงและเผลอหลับตา สงสัยจะวูบหลับไป จนกรต้องเรียก

“อื้อ” ผมส่งเสียงยานคางตอบรับ ก่อนยันตัวลุกขึ้นมานั่ง  

“เอาดีๆ ไหวไหม เป็นอะไรมากหรือเปล่า” น้ำเสียงกรจริงจังมากขึ้นจากตอนแรก “อย่ามาทำเสียงแบบนี้สิวะ อื้อ” ผมคิด แล้วครางฮืออยู่กับตัวเอง

“ไหว จะอาบน้ำนอนแล้ว แค่นี้นะ” ผมรีบพูด แล้วตัดสายทิ้งทันที ให้พูดนานกว่านี้ไม่ไหวแล้วครับ ด้วยร่างกายที่ไม่ไหว บวกกับความที่กลัวตัวเองจะเรียกร้องอะไรออกไปในเวลาที่ไม่สมควร เลยใช้วิธีตัดบทเสียดื้อๆ แบบนี้ แล้วรีบพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ให้รู้สึกสบายตัว

ออกมาจากห้องน้ำก็เดินมาดูโทรศัพท์อีกครั้ง ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับจากกรอยู่สามสาย แต่ตัดสินใจไม่โทรกลับ แล้วเลือกการส่งข้อความกลับไปแทน บอกเขาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนเที่ยงจะโทรไป” ก่อนล้มตัวลงนอน
.
.
.

นอนไปได้ไม่นานก็มีเสียงกริ่งดังเรียก ไม่ได้สงสัยอะไรมากครับ ลุกขึ้นไปเปิดประตูเลยเพราะเดาว่าเป็นคนที่ขึ้นมาส่งมื้อเช้าให้ผมแน่ๆ แล้วก็จริงตามคาดครับ เป็นข้าวต้มปลาที่กรสั่งให้มาส่ง ผมก็รับมาจัดการไปได้ประมาณครึ่งชามเพราะทนเจ็บแผลในปากไม่ไหว ไอ้แผลด้านนอกไม่เท่าไหร่ แต่แผลในปากมันเจ็บว่า ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้คงกลายเป็นแผลร้อนในแผลใหญ่ขึ้นมาแน่ๆ ถึงตอนนั้นคงลำบากเพราะกินอะไรไม่ค่อยได้จริงๆ คิดแล้วก็หงุดหงิดไปหมดเลยครับ พาลจะโมโหเอาง่ายๆ ด้วย กินเสร็จก็ทิ้งชามเอาไว้แบบนั้นเลย กะว่าตอนเย็นสั่งข้าวขึ้นมากินอีก ค่อยให้คนมาส่งรับไปเก็บ

ก่อนจะหลับอีกรอบ ก็กดส่งข้อความไปหากรก่อนว่า “กินข้าวเช้าแล้ว กำลังเข้านอน” ส่งข้อความแบบนี้ดีกว่าครับ เขาจะได้ไม่ต้องมาพะว้าพะวงอะไรกับตัวผมจนเสียงานด้วย


…………………………………………………….


แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงกริ่งเรียกเป็นรอบสองของวัน คิดว่าคงเที่ยงแล้ว และคนจากร้านอาหารข้างร้านคงจะเอาข้าวกลางวันขึ้นมาส่ง แต่ตอนนี้ไม่ยากลุกเลย รู้สึกว่าอาการของผมมันแย่ลงกว่าเดิมอีก

“เออๆ มาแล้ว” เสียงป่านกำลังพูดโทรศัพท์ ตอนผมเปิดประตูออกไปเจอ ก่อนที่ผมจะหลีกทางให้ป่านเดินเข้ามาในห้อง

“เป็นไงบ้างพี่ แล้วนี่หน้าไปโดนอะไรมา” เสียงป่านทักผม พร้อมยกหลังมือข้างที่ถือโทรศัพท์อยู่ขึ้นมาอังหน้าผากผม ส่วนมืออีกข้างมีถุงใส่ของกินอยู่สามสี่ถุง

“ไปหาหมอไหมพี่ ตัวร้อนโคตร” ป่านบอกผม แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นพูดอีกครั้ง ส่วนผมก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เพราะไม่อยากออกไปไหน

“ตัวร้อน แถมไปมีเรื่องกับใครมาไม่รู้วะ” ตอนนี้เริ่มเดาได้แล้วครับว่าปลายสายที่ป่านคุยด้วยเป็นใคร แต่จะพูดหรือยกมือขึ้นห้ามไม่ให้บอกปลายสายก็ไม่ทันแล้ว แล้วตอนนี้คนที่เพิ่งมาก็เดินเข้าไปในครัวแล้ว ผมเลยทำแค่เดินไปนั่งทิ้งตัวลงบนโซฟา ปล่อยให้ป่านมันจัดการอะไรของมันไป

“ไม่เป็นไรมาก แค่ช้ำๆ” เสียงป่านยังแว่วมาให้ผมได้ยินจากในครัว

“พี่กันต์กินอะไร มีข้าวต้ม มีซุปไก่ ก๊วยเตี๋ยว” ป่านถามผม แต่ผมไม่ได้ตอบไปทันที เพราะยังไม่อยากกินอะไรเลยตอนนี้ แต่ก็ตัดสินใจเลือกไป ไหนๆ น้องมันก็ซื้อมาให้แล้ว

“เอาซุปแล้วกัน” ผมตอบตามที่เลือกไว้ เพราะฟังจากที่มันถามมาซุปน่าจะกินง่ายสุด แล้วไม่นานผมก็ได้ครีมซุปที่ถูกอุ่นจนร้อนใส่ถ้วยมาตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา

“เออๆ คุยเองแล้วกัน กูจะได้กินข้าวบ้าง” ป่านพูดกับคนในสาย พร้อมยื่นโทรศัพท์ในมือมาให้ ระหว่างที่เตรียมมื้อกลางวันให้ผม มันก็ยังคุยโทรศัพท์ไม่หยุดนะครับ แต่ผมก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง เพราะมันยังรู้สึกตื้อๆ อยู่มั้งครับ

“คุยกับมันหน่อยแล้วกัน มันไม่ว่าอะไรหรอก มันเป็นห่วงพี่กันต์จนต้องไปตามป่านมาดูเนี่ย” ป่านพูด เมื่อมันเห็นว่าผมไม่ยอมยื่นมือไปรับโทรศัพท์เสียที แล้วที่ผมไม่รับก็ไม่ใช่กลัวจะโดนว่าอะไรหรอกครับ แต่กลัวใจตัวเองมากกว่า

“เป็นยังไงบ้าง” คำถามแรกที่กรถามผม เมื่อผมส่งเสียงเข้าไปในสาย

“มึนหัวนิดหน่อย” ผมตอบ แล้วหันไปมองว่าป่านกำลังทำอะไรอยู่ แล้วก็เห็นมันกำลังแกะข้าวที่ซื้อมากินอยู่ที่โต๊ะกินข้าว พอผมหันกลับมาแล้ว ผมก็เอนตัวซบลงนอนกับโซฟา

“กินข้าวหรือยัง” กรถามผมต่อ

“ยัง เดี๋ยวกิน ป่านซื้อมาให้แล้ว” ผมตอบแบบใช้ความพยายามอย่างมากเพราะระบมกับแผล จนพูดไม่ถนัด พอเริ่มนอนได้ที่ก็ยกขาตามขึ้นมาบนโซฟา กะนอนเป็นเรื่องเป็นราวทั้งที่เพิ่งตื่นมาได้ไม่ถึงสิบนาที

“กินข้าว กินยา แล้วนอนพักนะ เดี๋ยวบ่ายๆ กรโทรไปหา” เสียงกรพูดกลับมา

“อื้อ” ผมส่งเสียงตอบรับในลำคอ แล้วหลับตาลงพักหนึ่ง เพราะคำพูดของกรมันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เหมือนคำที่บอกให้ฝันดี จนผมอยากจะหลับตาลงนอนต่อ

“คิดถึงนะ บาย”

“อื้ม” ผมตอบรับสั้นๆ ก่อนกดวางสาย แล้วนอนอยู่อย่างนั้น จนป่านเดินมาชะโงกดูผมจากด้านหลังโซฟา แล้วส่งเสียงเรียก

“พี่กันต์ หลับหรือเปล่า ลุกมากินข้าวก่อน จะได้กินยา” ป่านว่า พอเห็นผมขยับตัวลุกขึ้นมา มันก็เดินกลับไปที่โต๊ะกินข้าวตามเดิม แล้วผมลงมือกินซุปที่ตั้งอยู่ตรงหน้าจนเกือบหมด สักพักป่านที่กินข้าวเสร็จแล้วก็ตามมาส่งน้ำ ส่งยาให้

“เดี๋ยวคืนนี้ป่านอยู่เป็นเพื่อน” ป่านบอกผม ผมก็พยักหน้าตอบรับไป ก่อนจะนั่งดูโทรศัพท์ต่อได้ไม่นานก็หลับไปอีกรอบ


..................................................................



“เป็นไงบ้าง” เสียงที่ผมได้ยินตอนตื่นยังไม่เต็มตา เพราะรู้สึกถึงมือเย็นๆ ที่มาแตะอยู่ที่แก้ม ก่อนจะวางค้างอยู่ที่หน้าผาก จนทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอีกวัน ตอนแรกนึกว่าเป็นเสียงของป่านเพราะเมื่อคืนมาค้างอยู่กับผม แต่ไม่ใช่ ส่วนเมื่อวานป่านมันอยู่เป็นเพื่อนผม แถมยังรายงานอาการผมให้เพื่อนมันฟังเสร็จสรรพ สมเป็นเพื่อนรักกันดีเหลือเกิน แต่ผมมก็ว่าไปอย่างนั้นแหละครับ ถึงไม่มีกรบอกให้ทำ แต่ถ้ามันรู้ว่าผมป่วย มันก็มาทำให้แบบนี้เหมือนกันอยู่แล้ว จะว่าไปก็ไม่ได้เป็นไข้ไม่สบายหนักๆ แบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน

“ตัวยังอุ่นๆ อยู่เลย ไหนดูแผลสิ” ผมขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง หลังได้ยินเสียงจากคำถามที่สองชัดขึ้น พร้อมสายตาที่ปรับภาพจนเห็นได้อย่างชัดเจน หลังจากตาปรือเห็นภาพไม่ชัดเมื่อลืมตาขึ้นมาใหม่ๆ

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามคำถามออกไปทันที โดยไม่สนใจที่จะตอบคำถามที่ถูกถามมาก่อนหน้า

“เพิ่งมาถึง” กรตอบ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างตัวผม ก่อนจะจับตัวผมเหมือนจะสำรวจว่ามีความผิดปกติอะไรตรงไหนบ้าง

“ทำไมกลับเร็ว” ผมถามต่อ แล้วก็ขอให้คำตอบออกมาเป็นงานเสร็จแล้ว มากกว่าจะตอบว่าเป็นเพราะผม

“ที่กำหนดกลับพรุ่งนี้เพราะคนอื่นจะเที่ยวกันต่อ พอเสร็จงานกรเลยขอพ่อกลับมาก่อน” กรตอบผม ส่วนผมก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าเอาหน้าผากไปแปะอยู่บนไหล่กร

“ปวดหัวหรือเปล่า” กรพูด ส่วนผมก็พยักหน้าแทนคำตอบทั้งที่หน้าผากยังแปะอยู่บนไหล่กรแบบนั้น เพราะรู้สึกว่าหัวมันหนักๆ      

“แล้วไปทำยังไงถึงมีเรื่องได้ล่ะ” กรถาม พร้อมกับสอดแขนเข้ามากอดเอวผมไว้ แล้วใช้มือหนึ่งลูบหลังผมเบาๆ ไปด้วย

“ไอ้ยุมันมีเรื่อง” ผมตอบเสียงอู้อี้อยู่กับไหล่คนถาม

“โดนลูกหลง” กรถาม ผมก็พยักหน้ารับ

“คราวหลังไม่ให้ไปแล้ว” กรพูดเสียงเรียบ ส่วนผมพอได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับทันที

“ไม่เกี่ยว” ผมตอบ

“ไม่เกี่ยวได้ไง ก็เจ็บตัวอยู่นี่” กรพูดต่อ คราวนี้ผมเลิกซุกหน้าอยู่กับไหล่คนพูด แล้วเปลี่ยนเป็นเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทน บอกได้เลยว่าตอนนี้เริ่มไม่สบอารมณ์เล็กๆ

“คนจะมีเรื่องอยู่ที่ไหนมันก็มี” ผมเถียงต่อทันทีเหมือนเดิม

“เพราะเมากันด้วยหรือเปล่า ถ้าปกติก็อาจไม่มีเรื่อง” อ้าว พูดแบบนี้มันเหมือนจะหาเรื่องกัน ผมคิดว่าเรื่องที่ผมเจ็บตัวแค่นี้มันเป็นเรื่องเล็กนะ ถึงตอนแรกผมยอมรับว่ามันทำให้ผมหงุดหงิด แต่มันก็แค่หงุดหงิดเพราะไอ้นั่นมันเล่นทีเผลอ แถมทำให้ผมไปพบลูกค้าที่นัดไว้เองไม่ได้ก็แค่นั้น นอกจากนั้นแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีก

“เลิกพูดเหอะ” ผมพูด แล้วขยับตัวลุกจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ถูกดึงข้อมือเอาไว้

“พูดกันให้รู้เรื่องก่อน” เขาพูดกับผม ตอนดึงตัวผมให้หันมาเผชิญหน้าได้แล้ว  

“ไม่ได้ไปหาเรื่อง แต่เรื่องมันมาหาเองจะให้ทำยังไง จะไปตามเฝ้ากันทุกที่เลยไหม หรือจะไม่ให้ไปไหนเลย” ผมพูด ยอมรับเลยว่าตอนนี้คุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ถ้าจะโทษก็โทษที่อาการป่วยของผมแล้วกันเลยอารมณ์ขึ้นง่ายกว่าปกติ

“ไม่ได้จะบอกแบบนั้น” กรพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลงกว่าเดิม แต่อารมณ์ของผมก็ยังไม่ได้ลดลงตาม

“แล้วจะบอกแบบไหน ก็พูดอยู่เมื่อกี้” ผมยังเถียงต่อ ระหว่างที่พูดก็พยายามจะดึงข้อมือที่ถูกกรจับไว้ออก

“เป็นอะไรล่ะ พูดกันดีๆ ก่อนสิ กรว่าอะไรหรือยัง แค่จะบอกว่า ถ้าไปแล้วเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่อยากให้ไป ไม่ได้บอกว่ากันต์ชอบไปหาเรื่องคนอื่น” กรพูด ตกลงว่าตอนนี้ใครที่พูดไม่รู้เรื่องเขาหรือผม
 
“ก็พูดดีๆ อยู่ พูดไม่ดีตรงไหน จะไปอาบน้ำแล้ว ปล่อย” ผมพูดเสียงเรียบ แต่คราวนี้กรไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่ลุกขึ้นยืนแล้วรอบตัวผมไว้จากทางด้านหลัง แล้วดึงให้ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงพร้อมกัน เลยกลายเป็นว่าผมนั่งซ้อนอยู่บนตักเขา ผมก็เอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดต่อ

“กันต์” เสียงกรเรียกชื่อผมดังอยู่ข้างหู

“โกรธหรอ” เขาถามผม พร้อมกระชับแขนกอดผมให้แน่นขึ้น

“แล้วพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ก็มันไม่ได้ตั้งใจ” ผมพูด แต่ไม่ได้หันไปมองหน้าคนฟัง ที่ตอนนี้เอาคางมาเกยอยู่บนไหล่ผม

“ถ้าไม่ห่วงจะพูดแบบนั้นหรอ โอเคๆ กรไม่พูดอะไรแล้ว คราวหน้าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน” กรพูด ก่อนจะกดจมูกลงมาที่ข้างแก้ม ส่วนผมเองตอนนี้เอนตัวเอาหลังไปพิงกับอกกรแล้ว

“ปวดหัว” ผมพูด เมื่อเริ่มปวดหัวขึ้นมาอีก แล้วยังปวดตามเนื้อตามตัวไปหมด

“มีไข้อยู่อย่าเพิ่งอาบน้ำเลย เช็ดตัวเอาก็พอ เดี๋ยวกรทำให้” กรพูด แล้วดันตัวผมให้ลุกขึ้น ก่อนจับให้นอนลงบนเตียงอีกครั้ง

.
.
.
“ขอโทษ” ผมพูดเสียงอ่อยตอนกรเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ ก็อย่างนี้แหละครับ พอเขาทำดีใส่ ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมา
ที่พูดไม่ดีกับเขา ส่วนเขาก็ยิ้มรับ แล้วเช็ดตัวให้ผมต่อ

“งานเป็นยังไงบ้าง” ผมถามระหว่างที่เขาเช็ดตัวให้ผมไปเรื่อยๆ

“เรียบร้อยดี นี่ไปมาตั้งหลายเมือง” กรตอบ แล้วเล่าเรื่องที่เวียดนามให้ผมฟังไป จนเช็ดตัวให้ผมเสร็จ

“เป็นอะไรอีกเนี่ย” กรถามขึ้นแต่ก็ยกแขนขึ้นมากอดผมไว้ เมื่ออยู่ๆ ผมก็ลุกขึ้นมากอดเขา และซุกหน้าไว้ที่ซอกคอเขาพอดี พอเขาถามผมก็ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร ตอนนี้พูดไม่ไหวแล้วครับ เจ็บคอ แบบเจ็บไปถึงหู ปากก็เจ็บ ตาก็แสบเหมือนน้ำตาจะไหลตลอด แล้วไอ้ที่ลุกขึ้นมากอดกรไว้ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน รู้แค่ว่าอยากทำก็ทำเลย

“ขี้อ้อน” กรพูด แล้วหัวเราะหึหึในลำคอ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะพูดอะไร ก็ยังเอาแขนโอบรอบคอเขาแล้วเอาหน้าซุกไว้อย่างเดิม

“อยู่คนเดียวก่อนนะ เดี๋ยวกรไปอาบน้ำ แล้วค่อยสั่งข้าวเช้ามากินกัน” กรพูด แล้วคิดว่าผมจะได้ฟังที่เขาพูดไหมครับ ก็ไม่ครับ ฟังอะไรไม่รู้เรื่องแล้วตอนนั้น ยังคงเกาะอยู่ท่านั้นเหมือนเดิม แล้วเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือกรมาปลุกให้ลุกไปกินข้าว
.
.
.

แล้วผมก็ไม่สบายอยู่แบบนั้นสองวันเต็มครับ วันรุ่งขึ้นก็ดีขึ้น ได้กลับไปทำงานได้อีกทีก็คือวันศุกร์เลย สรุปอาทิตย์นี้ผมหยุดงานไปสามวัน ส่วนแผลก็แน่นอนครับว่าหายไม่ทัน ไปทำงานก็มีผลช้ำๆ ติดตัวไปโชว์ลูกน้องที่ออฟฟิศด้วย จนโดนแซวว่า เจ้านายไปบู้กับใครที่ไหนมา ก็ขำๆ ไปครับไม่มีอะไร

-----------------------------------------------------------


หายไปนานมาก แต่พากันต์กับกรกลับมาส่งแล้วนะคะ ^_^
ส่วนคู่ป่านกับพี่กาวน์อีกไม่นานจะตามมานะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 14-03-2011 16:59:07
ว้าว มาอัพแล้ว ไม่มาตั้งนาน
แต่พี่กันต์น่ารักอ่ะ อ้อนแบบไม่รู้ตัว
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: mumu2pm ที่ 14-03-2011 17:21:44
 :-[ ขี้อ้อนจังน้าา น่ารักอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 14-03-2011 17:58:51
กันต์ป่วยแล้วขี้อ้อนอ่ะ น่ารักๆ :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-03-2011 18:08:47
กันต์ก็อายุเยอะกว่าเกินนะ
แต่ไปๆมาๆ ดูกรมีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่าอีก
แต่ยังไงก็ชอบค่ะ อ้อนกันไปมา น่ารัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 14-03-2011 19:13:01
อ่านแล้วยิ้มกว้างมากกกกกกกกกกกกกกก..  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-03-2011 19:47:58
หายไปนานมาก แต่พากันต์กับกรกลับมาส่งแล้วนะคะ
ส่วนคู่ป่านกับพี่กาวน์อีกไม่นานจะตามมานะ                           
     

ขอบคุณค่ะ ที่พามาส่งให้หายคิดถึง
กันต์ขี้อ้อนน่ารักจังเลย กรก็ดูแลคนรักดี๊ดี ..แอบอิจฉาเล็กๆล่ะ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-03-2011 19:59:25
คิดถึงทั้งกรกับกันต์(แถมคุณกวางด้วย)มากค่ะ

ตอนนี้กรน่ารักมาก แต่....กันต์น่ารักกว่า ชอบเด็กน้อยขี้อ้อน >///////<
แต่พระเอกของเรา ยามจะบู๊ก็ไม่น้อยหน้าใครจริงๆ งุงิ


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 14-03-2011 20:02:02
กันต์น่ารักอ่ะ พออยู่กับเพื่อนกับคนอื่นก็ดูเป็นผู้ใหญ่ตามวัยนะ
แต่พออยู่กับกรดูเด็กกว่าอายุตลอด แต่เข้าใจนะ แบบว่าเขามีคนให้อ้อนอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 14-03-2011 20:06:22
กันต์ป่วยแล้วอ้อนกรน่ารักจัง
อยู่กับกรแล้วเหมือนเด็กเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 14-03-2011 20:33:45
กันต์น่ารักชะมัดเลย ถ้าอิเจ๊เป็นกรนะ เจอแบบนี้เข้าไป ตัดใจออกจากบ้านไม่ได้แน่ๆ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: spring ที่ 14-03-2011 20:36:51
กันต์น่ารักมากมากกกกกกกกกกกกกกกกก


อร๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 14-03-2011 20:41:25
จริงอย่างที่กรว่า...........เวลาไม่สบาย คุณกันต์จะขี้อ้อนมากกว่าปกติ
แถมอารมณ์ขึ้นง่ายอีกต่างหาก  แต่กรก็ใจเย็นพอ รู้ว่าจะต้องทำยังไง
ให้อารมณ์หวานๆ ของคู่รัก ที่ต้องมีการเรียนรู้กันและกัน
 :o8: :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-03-2011 21:20:49
กันต์น่ารัก  น่าตีด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 14-03-2011 22:00:49
ประทับใจนายกรมาก
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 14-03-2011 22:17:44
เย้ มาแล้ว

กรใจเย็นดีจังเลยค่ะ แต่ส่วนมากคนไม่สบายก็เหวี่ยงๆแบบนี้แหละเนอะ หึๆ

อ่านพี่กันต์แล้วนึกถึงตัวเองตอนไม่สบายหรือหงุดหงิดๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 14-03-2011 22:20:39
มากอดกันก่อน คิดถึง :กอด1:
พี่กันต์ป่วยแล้วอ้อน กรก้อดูแลคนป่วย(ขี้อ้อน)ดี๊ดี น่ารักจังค่ะคู่นี้  :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 14-03-2011 22:32:03
คนป่วยงอแง ขี้อ้อน แถมเหวี่ยงเล็กๆ แต่ยังไงก็น่ารักน่ากอดที่สุดอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 14-03-2011 23:44:13
กันต์ขี้อ้อน :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 15-03-2011 01:19:17
โอ๊ยยยยยยยยย
พี่กันต์ขี้อ้อน น่ารักสุดๆเลย
>.<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 15-03-2011 09:44:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 15-03-2011 10:55:48
คิดถึงคู่นี้จัง ^^

เวลากันต์ป่วยนี่ทั้งอ้อนทั้งเหวี่ยงดีจริงๆ แต่กรก็ดูแลพี่กันต์ดีมากๆๆๆขนาดอยูต่างประเทศยังใส่ใจจะโทรมาส้งข้าวให้... :กอด1:

+1 แต้มเลยจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 15-03-2011 11:28:34
คิดถึงคู่นี้อย่างแรงงงงงงงง >_<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sabaijai ที่ 15-03-2011 11:43:41
ดีใจๆๆๆๆ...กันต์ กร กลับมา (เพราะคนเขียน  :กอด1: พามา)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 15-03-2011 14:15:09
กรใจเย็นจริง ๆ เนอะ ถ้าร้อนทั้งคู่ทะเลาะกันบ้านแตกพอดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 15-03-2011 15:34:09
หง่ะ คิดถึงกรกันต์มากอ่ะ
หายไปนาน มายาวๆ หวานๆ ป่วยแบบนี้ อ้อนแบบนี้ ก้อน่ารักไปอีกแบบนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-03-2011 19:37:09
อ่านรวดเดียวเลย ตามทันแล้ว ^^
คู่นี้น่ารักมาก มากจนน่าอิจฉา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 15-03-2011 21:16:17
+1 ค่ะ
กลับมาก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะคะคู่นี้
รออ่านพาร์ทพี่กาวน์ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 15-03-2011 22:07:06
เห็นกันต์อ้อนแบบนี้แล้วอยากให้มีคนมาอ้อนบ้าง  o7
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 15-03-2011 22:18:35
ฮึ่ยย น่ารักจริงๆเลยง่ะ
ขี้อ้อนแบบเนี้ย

ปอลิง อ่านไปนานๆ เริ่มรู้สึกเหมือนว่ากันต์จะมีคาแรคเตอร์คล้ายๆตัวผมเองเลยง่ะ
ขรึมๆหน่อย จริงจัง แต่เวลาไม่สบาย จะอ้อนมากเป็นพิเศษ (>w< ) แหะๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 16-03-2011 00:27:57
 :3123: :3123: :3123: :3123:

ยังน่ารักกันเหมือนเดิมเลยอ่ะ


ฮิ้วววววววว


อิจฉาอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-03-2011 10:27:05
คนป่วยเลยงอแง คนดูแลต้องเอาใจหน่อยนะ  :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 19-03-2011 19:34:49
 :laugh: คนป่วยขี้อ้อน มีเหวี่ยงนิดๆ อีกต่างหาก
แต่เจอคนใจเย็นกว่ามาเอาใจแบบนี้ ทำเอาเลิกเหวี่ยงไปเลย
เหลือแต่อ้อนอย่างเดียวเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 21-03-2011 20:40:59
เอ๊ะ มีแอบเหวี่ยงนะนั่น เดี๋ยวยุให้กรกดคนป่วยซะเลยนี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: aim ที่ 21-03-2011 21:29:21
นาน ๆ กันต์จะอ้อนสักที น่ารักดีนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 21-03-2011 23:36:51
กันต์อ้อนน้ารักอ่ะ   :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 16-04-2011 18:14:04
คิดถึง กร&กันต์ >.<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-04-2011 18:49:21
เข้ามาดัน  อิ อิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อ้อนเกิน p. 52 up 14-3-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-04-2011 20:52:35
 ตอนที่ 51 มากไป

“รออีกครึ่งชั่วโมงได้ไหม” กรถาม เมื่อเดินเข้ามาถึงตัวผม

“เอากุญแจไว้แล้วกัน จะกลับก่อน” ผมบอกเสียงเรียบ ก่อนยื่นกุญแจรถส่งให้ แต่กรไม่ยอมรับไป แถมมองหน้าผมแบบงงๆ

“จะกลับออกไปยังไง ฝนจะตกแล้ว” กรพูด พร้อมมองออกไปด้านนอก ผมเองก็เห็นว่าฟ้าเริ่มครึ้มลงเรื่อยๆ แล้ว อีกไม่กี่นาทีฝนคงเริ่มลงเม็ด แต่ผมกลับยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วตั้งท่าหันหลังกลับ

“อ้าวเฮ้ย! กันต์ กลับเลยก็ได้ รอแป๊บนึง เอากระเป๋าก่อน” กรรีบเรียกและตะโกนไล่หลังมา ก่อนได้ยินเสียงฝีเท้าเขาวิ่งกลับเข้าไปในตัวตึก ส่วนผมเดินตรงกลับไปที่ลานจอดรถโดยไม่หันกลับไปมองเขาอีก
.
.
.

วันและคืน จะเป็นยังไง
มันจะดีหรือร้าย มืดมัวหรือชัดเจน
เพียงได้มอง และยังได้เห็น
มีอีกคนที่อยู่ไม่ไกล

ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ปลายทางจะเป็นเช่นไร
ล้มลงและจะยืนขึ้นได้หรือไม่
แค่มีเธอและฉัน ไม่เป็นไร
บรรยากาศจะร้อนแรงหรือเหน็บหนาวเท่าไร
ฝนนั้นลบเลือนหยดน้ำตาหรือไม่
แค่มีกันและกัน...


“แค่มีกันและกัน...” ผมร้องทวนเนื้อความสุดท้ายของเพลงอยู่ในใจ หลังพยายามมุ่งความสนใจไปที่เสียงเพลงที่ดังคลอเพื่อกลบความเงียบในรถแทนที่จะให้ความสนใจกับคนที่ทำหน้าที่ขับรถ

หลังจากขึ้นมานั่งในรถ โดยที่อีกคนเข้ามาคว้ากุญแจไปเพื่อทำหน้าที่ขับรถก่อนแล้ว ผมก็เอาแต่นั่งทอดสายตาผ่านกระจกออกไปด้านนอก ที่ตอนนี้ฝนเริ่มโปรยลงมาแล้ว จนไม่นานภาพที่มองเห็นก็เริ่มลางไปทีละน้อยเพราะเม็ดฝน เมื่อมองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป ผมจึงตัดสินในเอนหน้าซบลงกับกรอบประตูแล้วหลับตาลง และก็น่าแปลกที่เพลงที่ได้ยินอยู่ในเวลานี้ช่วยให้ผมสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ในใจผมแทบลุกเป็นไฟเพราะภาพบางภาพที่เห็น

“กันต์” เสียงเรียกชื่อผมดังอยู่ข้างหูผม จนรู้สึกได้ว่าใบหน้าของคนเรียกห่างไปไม่กี่คืบ

“หลับหรอ” เสียงเขาถามขึ้นมาอีก แต่ผมยังเอนหน้าซบกรอบประตูนิ่งอยู่ โดยไม่แสดงปฏิกิริยาตอบรับ จนคนเรียกเป็นฝ่ายถอนตัวห่างออกไปเอง พร้อมกับรถที่เริ่มเคลื่อนตัวไปอีกครั้ง


……………………………………………



ทันทีที่รถจอดสนิทในอาคารจอดรถของคอนโดฯ ผมขยับตัวและก้าวลงจากรถ ก่อนเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเอง และตลอดเวลาก็รู้สึกได้ว่า ถูกจับตามองอยู่

“กันต์” เสียงกรตามเข้ามาเรียกอยู่ด้านหลัง ขณะที่ผมกำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอยู่ในครัว

“เหนื่อย จะอาบน้ำนอน” ผมพูด ก่อนเบี่ยงตัวเดินหนีออกมา แต่ยังทันสังเกตเห็นว่าเขาดูจะงงกับอาการของผมอยู่พอสมควร ส่วนผมเองก็ใช่ว่าอยากจะเดินหนี อยากพูดให้รู้เรื่องตั้งแต่แรก แต่ดันกลัวว่าตัวผมเองจะเป็นฝ่ายที่ระเบิดอารมณ์ใส่เขาจนพูดจากันไม่รู้เรื่อง ถึงต้องเอาแต่เลี่ยงหลบไม่ยอมพูดจาอยู่แบบนี้

“เป็นอะไร” กรเดินตามเข้ามาซ้อนอยู่ด้านหลังผมอีกครั้ง ขณะที่ผมกำลังยกแขนและรั้งเสื้อยืดสีขาวที่ใส่มาทั้งวันออกจากตัว เขาเองก็ยกแขนขึ้นช่วยดึงเสื้อผมออก ก่อนลดมือมาเกาะเอวผมไว้หลวมๆ แล้วดันตัวผมให้หันหน้าเข้าหากระจกบานสูงที่ตั้งอยู่ด้านข้าง พร้อมลดคางลงมาวางเกยบนไหล่ ผมเองก็ยกมือขึ้นมาเกาะกุมข้อมือของเขาไว้ทั้งสองข้าง แต่กำลังลังเลว่า ผมควรกระชับมือดึงเพื่อให้เขากอดผมแน่นขึ้น หรือผลักมือนั้นออก แล้วก็ได้แต่จับค้างไว้อย่างนั้น เมื่อไม่รู้จะเลือกทำอย่างไหน

“เป็นอะไร” เขาเรียกชื่อผมและถามซ้ำอีก เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบใดจากปากผม

“บอกว่าเหนื่อย จะไปอาบน้ำนอน ไม่ได้หรือไง” ผมพูด แล้วเริ่มดันแขนที่โอบกระชับรอบตัวเข้ามาออก แต่กรกลับออกแรงขืนไว้ ไม่ยอมปล่อย

“ปล่อย” ผมพูดเสียงเรียบ แต่กรยังไม่ยอมปล่อย กลับซุกหน้ากดจมูกลงมาที่ซอกคอผม ก่อนจะเงยหน้ากลับมามองตาผมผ่านกระจก    

“โกรธอะไรกรหรือเปล่า” กรถาม และตลอดเวลาที่ถามสายตาเขาก็ยังจับจ้องอยู่ที่กระจกเพื่อมองตาผม

“แล้วไปทำอะไรมา กันต์ถึงต้องโกรธ” ผมถามกรกลับ และจ้องตาเขาเขม็งผ่านกระจกเช่นเดียวกัน ในระหว่างนั้นผมก็เริ่มออกแรงจับข้อมือเขาแน่นขึ้นด้วย จนแทบจะกลายเป็นบีบเสียมากกว่า แต่เขาก็ไม่ได้ชักมือหนี ยอมปล่อยให้ผมบีบจนแน่นอยู่แบบนั้น

“ตกลงโกรธกรจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย” คราวนี้กรพูด พร้อมชะโงกหน้ามามองหน้าผม แทนที่จะมองผ่านกระจกเหมือนเมื่อกี้

“โกรธกรเรื่องอะไร” กรพูด แล้วจับผมหมุนตัวไปเผชิญหน้า ผมเลยอาศัยจังหวะที่เขาคลายแขนออกเพื่อก้าวหนีเข้าห้องน้ำ แต่ถูกเขาดึงตัวไว้

“ทำไมชอบหนี มีอะไรก็บอกกันสิ” กรพูด พร้อมจ้องผมนิ่ง

“ยังไม่อยากพูด เอาไว้ก่อนเหอะ” ผมตอบกลับไป พร้อมหันหน้าหนี แต่ยังเดินออกไปไหนไม่ได้ เพราะถูกกรขวางไว้

“ถ้าไม่พูด แล้วกรจะรู้ไหม”  

“ช่างมันเหอะ” ผมพูด แล้วยกมือขึ้นดันไหล่กรที่ยืนขวางประตูห้องน้ำอยู่ให้หลบ แต่เขาไม่ขยับ แล้วก็เป็นผมอีกเช่นเคยที่เป็นฝ่ายใส่อารมณ์กับเรื่องนี้ก่อน และตลอดเวลาตั้งแต่ที่คณะกรจนมาถึงตอนนี้ผมยังถามตัวเองอยู่เลยว่า ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้เพราะผมไม่พอใจกร หรือผมไม่พอใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้กันแน่ ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด

“จะไปไหน” กรถามขึ้น เมื่อผมเปลี่ยนใจถอยหลังมาเปิดตู้เสื้อผ้า คว้าเอาเสื้อตัวใหม่ออกมาสวม แล้วเดินไปทางประตูห้อง พอผมไม่ตอบเขาก็ตรงมาดึงแขนผมจากด้านหลัง แล้วจับแขนผมไว้แน่น ก่อนเปลี่ยนมายึดจับต้นแขนของผมไว้ทั้งสองข้างให้หันมาเผชิญหน้ากัน

“ทำไมชอบเป็นแบบนี้ ไม่พอใจอะไรก็เงียบ พอกรจะพูดบ้างก็ไม่ยอมฟัง ไม่เข้าหูหน่อยก็โกรธ แล้วจะให้กรทำยังไง”

“โกรธเรื่องอะไร แค่บอกกันบ้าง มันจะไม่ได้เลยหรือไง” แล้วก็เป็นกรที่เริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้าง

“กันต์อยากคิดอะไรก็คิด แต่ถามกรบ้างหรือเปล่าว่ามันเป็นยังไง” กรพูดไม่ยอมหยุด และออกแรงบีบต้นแขนผมจนแน่นขึ้นอีก จนผมต้องเริ่มบิดแขนตัวเองเพื่อจะหนีจากความเจ็บร้าวที่เกิดขึ้น

“แล้วจะให้กรทำยังไงอีก”

“ที่ไม่พูด เพราะกันต์พยายามไม่คิดอะไรอยู่นี่ไง พยายามคิดว่าไอ้การที่เห็นแฟนตัวเองไปยืนกอดกันกลมกับผู้หญิงให้เห็นคาตานี่มันไม่มีอะไรไง เพราะเชื่อใจอยู่นี่ไง ถึงต้องมาบอกว่าเองให้เฉยไว้”
 
“ขอโทษ ถ้ามันยังทำได้ไม่ดี เก็บอะไรไว้ไม่เคยได้” ผมพูด ในสิ่งที่เขาอยากรู้ไปจนหมด นี่แหละเรื่องงี่เง่าที่ผมเผลอเก็บเอามาใส่ใจทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง

ผมพยายามนึกย้อนไปถึงช่วงก่อนวันเกิดผมเมื่อปีที่แล้วที่กรเตรียมของขวัญวันเกิดให้ผม โดยมีเพื่อนอีกคนเป็นตัวช่วย แต่ผมกลับ เออ ยังไงละ หึง ใช่ครับ ผมหึงเขา เพราะรู้สึกถึงความสนิทสนมเกินเหตุ แล้วสุดท้ายมันก็เป็นแค่เรื่องที่ผมเข้าใจผิดไปเอง คิดว่ากรคงจะเปลี่ยนใจจากผมแล้ว พอครั้งนี้ผมเห็นเขากอดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเลยคิดว่ามันอาจจะเป็นความเข้าใจผิดของผมอีกครั้ง แม้จะไม่พอใจกับภาพที่เห็น แม้จะเห็นอยู่เต็มตาว่าคนทั้งคู่กอดกันแนบแน่นเกินกว่าเพื่อนเขาจะทำ ไหนจะมือที่จับประคองหน้ากันไว้อีก ผมก็ยังคิดปลอบใจตัวเองว่า มันไม่มีอะไร

แต่จนแล้วจนรอด มันก็เก็บความไม่พอใจเอาไว้ไม่ได้ บวกกับเป็นคนปากหนัก สุดท้ายเรื่องมันก็กลับกลายมาเป็นแบบนี้
ทั้งที่ผมไม่ได้ตั้งใจ

“กรจะถามครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วจะไม่ถามอีก ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร กรจะถือว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน” กรพูด ก่อนจะปล่อยมือที่จับยึดแขนทั้งสองข้างผมไว้จนมันชาไปหมดออก แล้วทิ้งแขนลงข้างตัว

“มีอะไร บอกกรได้ไหม” กรพูด ด้วยน้ำเสียงที่เบาลง
.
.
.

ผมก้าวตรงไปข้างหน้าเพียงหนึ่งก้าวสั้นๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ตัวผมชิดติดกับคนที่ยังคงมองผมอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายยกแขนขึ้นโอบกระชับรอบคอของเขาจนแน่น แล้วซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง และผมก็ไม่ต้องรอนานกับการได้รับอ้อมกอดที่แนบแน่นกว่ากลับคืนมา แรงกอดกระชับที่แผ่นหลังจนแน่ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บเกินไปนัก มันอาจจะสร้างความอึดอัดไปบ้าง  แต่ผมชอบที่เป็นแบบนี้

“วันนี้ทำอะไรมาบ้าง” ผมถาม ทั้งที่ยังฝังหน้าผากจมอยู่กับบ่ากว้าง

“ก็ไปช่วยดูงานให้รุ่นน้องไง” กรตอบผม

“แล้วทำอะไรมาอีก” ผมถามต่อ แล้วออกแรงกระชับตัวเข้าหาคนที่ถูกผมซักอยู่มากขึ้น

“ก็ไปดูงาน กลางวันออกไปกินข้าว แล้วกลับมาดูงานต่อ จนกันต์มารับไง” กรตอบ แล้วพยายามดันตัวผมออกเพื่อมองให้เห็นหน้า แต่ผมไม่ยอม

“เจอใครบ้าง” ผมยังไม่เลิกถาม

“ก็พวกที่กันต์เคยเจอมาแล้วนั่นแหละ มีอะ...”

“ใครอีก” ผมชิงพูดขึ้นมาก่อน ที่กรจะพูดจบ

“ก็ไม่นะ” กรตอบพร้อมทำท่านึก

“แล้วกับคนที่กอดเขาล่ะ” ผมโพล่งออกไป ก่อนจะก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว เมื่อกรยืนเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“กันต์ว่าบางที กรคงอยากคิดอะไรคนเดียว” ผมพูด แล้วหันหลังเพื่อเดินให้พ้นออกมาจากจุดนั้น บางทีผมกับเขาคงต้องทบทวนอะไรกันใหม่ ตอนนี้ผมเลยได้แต่เดินห่างออกมาด้วยสายตาที่กำลังเลือนพร่าไปด้วยหยดน้ำใสที่คลออยู่ ก่อนจะไหลลงมาตามจังหวะการก้าวที่ค่อยๆ เร็วขึ้น ๆ อีกไม่กี่ก้าวผมก็จะพ้นจากห้องนี้ไป

“กันต์” เสียงเรียก ตามมาหลังจากที่ผมถูกรวบตัวไว้ จนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับแผ่นอกของกร ในจังหวะนี้ผมหมดแรงที่จะต่อต้านอะไรอีกแล้ว ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมผมต้องมายืนอยู่ตรงนี้

เมื่อเช้าเราสองคนยังตื่นขึ้นมาพร้อมกัน ทำอะไรหลายๆ อย่างในตอนเช้าด้วยกัน แม้บางอย่างจะเป็นไปในแบบที่ผมกึ่งๆ ถูก บังคับแกมขอร้อง อย่างการให้อาบน้ำด้วยกัน แต่งตัวพร้อมกัน แต่ผมก็มีความสุขกับสิ่งนั้น แม้ผมเองจะเหนื่อยกับการส่งเสียงหัวเราะไปพร้อมๆ กับการส่งเสียงและออกแรงห้ามคนที่พยายามป่วนเปี้ยนอยู่กับร่างกายผม

จนสุดท้ายก็จบลงในแบบที่ผมเรียกว่า “ขอแค่ได้ตอดนิดตอดหน่อยก็เอา” แค่ได้จูบๆ งับๆ แกล้งผมได้ แค่นั้นก็ดูสุขใจเสียเหลือเกิน จนออกจากห้องนอนมาได้ เราก็มายืนกินมื้อเช้าง่ายๆ ด้วยกันอยู่ที่ระเบียง มีแค่ ขนมปังปิ้งทาเนย และนมจืดที่ถูกรินใส่แก้วทรงสูงจนเต็ม และสุดท้ายกับการนั่งรถออกจากห้องไปด้วยกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับช่วงเวลาที่เราไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง

มันเริ่มมาจากใคร จากผม หรือเขา

“กรกับเขาเคยคบกัน แต่เราจบกันแบบไม่ดีเลย แต่มันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ เขาแค่มาขอโทษ แล้วก็มาลา กรกับเขาคงไม่เจอกันอีก” กรพูดให้ฟังอยู่ข้างหู ในขณะที่ใบหน้าผมยังคงเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา ผมไม่แน่ใจนักว่าผมเข้าใจในสิ่งที่กรพูดมาหรือเปล่า แต่ก็พอจับเนื้อความได้บางส่วน แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจนักว่าผมดีใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ฟัง

ผมถูกจับให้หันหน้ากลับไปหาเขา ในระหว่างนั้นผมก็เริ่มคิดหาคำพูดที่จะพูดกับเขาไปด้วย

“เราลองห่างกะ...” ผมพูดได้เพียงแค่นั้น ก่อนที่คำต่อไปที่กำลังจะพูดถูกทำให้กลืนหายกลับลงไปในลำคอด้วยริมฝีปากที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ตามด้วยปลายลิ้นร้อนที่ถูกสอดแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วรีบเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันไว้ปิดโอกาสที่ผมจะได้ถอนตัวออกห่าง
.
.
.

“อื้อ” เสียงครางประท้วงหลุดรอดออกไปได้เพียงสั้นๆ เมื่อเกิดช่องว่างเพียงน้อยนิดให้รีบไขว่คว้าเอาอากาศเข้าปอด แต่ยังไม่ทันได้สูดเอาอากาศเข้าไปช่องว่างเพียงน้อยนิดนั้นก็ถูกทำให้แนบสนิทอีกครั้ง จนผมต้องออกแรงประท้วงทั้งที่รู้ตัวดีว่า ร่างกายหลงไปกับสัมผัสนั้นมากขนาดไหน

“ฮะ ฮา....” ผมรีบโกยเอาอากาศเฮือกใหญ่เข้าปอด เมื่อแรงที่ผมส่งลงบนบ่าหนานั้นส่งผลให้เจ้าของยอมเปิดช่วงว่างให้

“พะ...” ยังไม่ทันที่ผมจะส่งเสียงเพื่อบอกให้เขาพอได้แล้ว ริมฝีปากก็ถูกปิดไว้อีกครา ซ้ำยังถูกขบลงมาแรงๆ ที่ริมฝีปากล่างเหมือนเป็นการลงโทษ ที่ผมกำลังจะพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากฟังออกไป  

ร่างกายที่เรียนรู้กันมาจนถึงขั้นที่รู้จักกันดี จุดต่อจุดที่ถูกสัมผัสยิ่งมีแต่ทวีความโหยหาให้เรียกหาสิ่งที่จะมาตอบสนองได้มากขึ้น ฝ่ามือร้อนที่ออกแรงบีบกระชับและลากเบาสลับกันไปมาอย่างรู้ใจว่า จุดไหนที่แรงบีบเค้นจะสร้างความหวามไหวให้ได้มากกว่า และจุดไหนที่เมื่อลากไล้เพียงแผ่วเบาเสมือนแค่ลมปากเป่าก็ทำเอาคนรับสัมผัสนั้นสั่นระริกไปทั้งร่างอย่างบังคับไม่ได้ ริมฝีปากชื้นที่ไล่เลาะเล็ม ขบเม้ม และดูดดุนตามสองมือที่นำทางไปก่อนก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กัน แต่เมื่อทุกอย่างที่รับรู้จะเหลือเพียงความขาวโพลนเพียงเท่านั้น ปลายลิ้นร้อนก็จะวกกลับขึ้นมาที่ริมฝีปาก ใบหู และสองข้างแก้มเพื่อเรียกร้องฉุดกระชากเอาความสนใจกลับมา และมองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า

หลังจากยืนหยัดอยู่ได้ด้วยแรงของตัวเองเพียงไม่นาน สองขาที่เกือบไร้แรงพยุงตัวก็ถูกยกให้ขึ้นมาเกี่ยวรัดรอบเอวของร่างที่ดูมั่นคงกว่าทีละข้าง จนตัวค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นแล้วเอาน้ำหนักตัวทั้งหมดไปฝากไว้กับร่างนั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนกับการที่เท้าไม่ได้สัมผัสกับพื้น เพราะเวลามันเหมือนถูกหยุดไว้

สิ่งที่รับรู้มีเพียงอย่างเดียว คือ สัมผัสจากคนที่รัก
.
.
.


ทั้งรัก ทั้งหวง กลัวใครมาแย่งไป
รัก จนเห็นแก่ตัว ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้
อยากให้รู้ว่า คนๆ นี้เป็นของเขา ของเขาคนเดียว

เพิ่งรู้ว่า รักมาก รักจนเกือบลืมเหตุ ลืมผล
รัก จนเกือบลืมไปว่า โลกนี้มีคนอื่นอยู่ นอกจากเรา

จนวันนี้ วันที่ความรักเกือบต้องสั่นคลอน เพราะหลายๆ อย่างที่มันมากไป

หวงมากไป อยากเป็นเจ้าของมากไป
เห็นแก่ตัวมากไป คิดอยู่กับตัวเองมากไป

เกือบไปแล้ว เกือบจะเป็นคนที่ถอยห่างจากความรัก เพราะ รักไม่เป็น

เขาคงต้องขอบคุณอีกคน ที่รักเป็น และ รักคนอย่างเขามากพอ ที่จะยอมโอนอ่อนให้
ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว วันที่รักเกือบสั่นคลอน เพราะบางอย่างที่มันมากเกินไป


“กร” ผมส่งเสียงเรียก หลังจากขยับหัวให้หนุนแขนของคนที่นอนซ้อนหลังผมอยู่ให้เข้าที่

“หืม” กรขานรับ พร้อมโน้มใบหน้าลงมาหา ก่อนกดปลายจมูกลงบนขมับผมแล้วถอนออก

“เหนื่อยไหม” ผมถาม เพราะอยากรู้ว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ กรเหนื่อยไหม เหนื่อยกับผมไหม

“ไม่อ่ะ งั้นต่อเลยได้ไหม” กรตอบ แล้วกดจมูกลงมาหาผมอีก หนนี้ลงมาที่ข้างแก้ม แต่ว่าใครเขาถามถึงเรื่องนั้นกัน เข้าใจผิดแล้ว

“อื้อ... ยะ หยุด” ผมร้อง พร้อมตะปบฝ่ามือลงไปที่ต้นขาของคนด้านหลังแล้วยึดไว้ เป็นการห้ามไม่ให้เขาขยับตัว ถ้าขืนผมปล่อยให้เขาได้ขยับ ผมคงไม่ได้คำตอบอะไร แค่ลำพังที่ยอมให้ค้างเอาไว้อยู่ในตัวแบบนี้มันก็แทบจะแย่อยู่แล้ว ขืนขยับตัวได้เมื่อไหร่คงไม่ได้พูดกัน

“แล้วจะถามอะไรครับ” กรยอมหยุดตามที่ผมขอ แต่ก็หยุดเพียงส่วนล่าง เพราะริมฝีปากกับมือเขาเริ่มไม่อยู่นิ่งอีกแล้ว

“คบกับกันต์ เหนื่อยไหม กรเหนื่อยไหม” ผมถาม แล้วยึดแขนเขามากอดไว้จนแน่น

“ทำไมถึงถามแบบนั้น” กรถาม แล้วกระชับตัวผมเข้าหาจนแน่นไม่ต่างจากที่ผมยึดเขาไว้

“กันต์แค่คิดว่า กรต้องทนกับกันต์มากไปหรือเปล่า กันต์ดีพอแล้วหรอ ที่จะได้รับอะไรมากมายจากกรแบบนี้” ผมบอกเขา

“อย่าคิดแบบนั้นอีกนะ” กรพูด แล้วถอนตัวออก จนผมหลุดเสียงครางออกมา ก่อนจะจับให้ผมหันหน้าไปเผชิญกับเขา

“กันต์ดีพอแล้ว ดีมากที่สุดเลย รู้ไหม แล้วกรรักกันต์ที่กันต์เป็นแบบนี้” พอฟังเขาพูดจบ ผมก็ดันตัวขึ้นแล้วจูบลงไปเบาๆ ที่ปลายคางของเขา ก่อนถดตัวกลับลงมากอดเขาไว้ตามเดิม

“ขอบคุณ”

“ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม” เสียงของคนที่เพิ่งพูดให้ผมซึ้งไปหมาดๆ เปลี่ยนเสียงกลายเป็นเสียงแหบพร่าแบบหื่นๆ แทน

“ไอ้หื่น” ผมว่า แล้วรีบดันตัวหนี แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี

สุดท้ายเลนเจอขอแลกเปลี่ยนคำว่า “ขอบคุณ” ไปเสียหลายคำ


-----------------------------------------------------  


 
พากันต์กับกรมาส่งแล้วนะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-04-2011 21:16:00
คิดถึงน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

คิดถึงทั้งกันต์ กร แล้วก็คุณกวางด้วยนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 21-04-2011 21:36:02


ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ซึ้งจังเลย ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 21-04-2011 21:51:11
^
^
^
 :z13:

จิ้มทะลุWhatLoveIs  ขึ้นไปเสียบตูดนุ่น :z2:


คิดถึงกันต์กะกรมักๆอ่า   เฮ้อ! เกือบไปแล้วตากันต์เอ๊ย  คนขี้หึง :เฮ้อ:

แต่แหม  เห็นแฟนเราไปกอดกะสาว  มันก็ปี๊ดกันทุกคนแหละ  ถึงจะแค่แฟนเก่าก็ปี๊ดเฟ้ย

แน่จริงให้กันต์กอดกะแฟนเก่ามั่ง  กรจะหึงป่ะล่ะ  อิโธ่ 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-04-2011 21:51:25
มาแล้ว
แต่ยังไม่หายคิดถึงเลย
ดูแล้วกรยังเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอีก
แต่คู่นี้ยังไงๆก็รักเป็น
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-04-2011 21:53:47
ขอบคุณที่พามาให้หายคิดถึงนะคะ  นะ..ชีวิตคู่ ก็ต้องมีหึงมีหวง มีงอนมีง้อกันเป็นธรรมดา
ถ้ามีแต่อารมณ์เดียวมีแต่ด้านเดียว มันก็คงเซ็งเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 21-04-2011 22:01:51
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


มาแล้ววววววววววววววว รอนานมากๆ คิดถึงนะคะ +1 ฮิ้วววววววววๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 21-04-2011 22:15:02
ไม่แปลกหรอกที่กันต์จะหึงกับเรื่องแบบนี้
เป็นใครก็คงหึงเหมือนกัน

แต่คู่นี้เขาก็เคลียร์กันได้
น่ารักทั้งคู่

ว่าแต่กันต์เสียคำขอบคุณไปกี่รอบล่ะนั่น  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 21-04-2011 22:25:07
เปิดฉากมาให้ได้ใจหายใจคว่ำมากค่ะ
เฮ้อเกือบไปแล้วคู่นี้
+ ให้ค่ะ ยังไงก็ต่อด้วยเรื่องพี่กาวน์เลยนะคะ
อิ อิ (มีแอบทวงอีกเรื่อง)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 21-04-2011 22:32:33
เกือบไปแล้ว...  อ่านทีแรกใจเสียเลยค่ะ
กันต์กร forever  :กอด1:
ขอบคุณสำหรับตอนนี้ค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 21-04-2011 22:48:58
ดีจังที่เข้าใจกัน รักกรกะกันต์จร้า :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: cherry blossom ที่ 21-04-2011 23:24:45
ถ้าเห็นแฟนตัวเองกอดอยู่กับคนอื่นก็ต้องหึงและเสียใจเป็นธรรมดา
ไม่ค่อยรู้สึกว่ากันต์หึงมากไปนะ   :กอด1:
แต่แต่งได้อินมากๆ แอบน้ำตาคลอตามกันต์ไปด้วยเลย  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 21-04-2011 23:44:53
โอ้ย   อ่าน แล้ว มัน หวิว  

55  รัก เรื่อง นี้  แล้ว ก็รักคนแต่ง ด้วย ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 22-04-2011 00:14:38
อบคุณนะคะที่พากร กับกันต์มาให้หายคิดถึง

ตกใจแทบแย่ที่พี่กันต์คิดจะห่าง...โอย ดีเน้อที่กรปิดปากได้รวดเร็ว o13

+1 จ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 22-04-2011 01:06:55
เคลียร์กันได้แล้วเนอะ
ไม่อยากให้คู่นี้ทะเลาะกันอ่ะ
แบบว่ามันใจหาย
รักกันแบบหวานๆดีกว่าเนาะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 22-04-2011 07:09:28
ค่อย ๆ รักกัน เบา เบา นะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 22-04-2011 08:14:52
มาช่วงเเรกกลิ่นเศร้าโชยมาเลย  ดีเเล้วที่เคลียร์กันได้
+1 ให้นะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 22-04-2011 10:34:02
เข้าใจกันก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 22-04-2011 12:54:40
สารภาพบาป ว่าต้องกลับไปอ่านตอนที่แล้วก่อน
ก๊ากกกกก ลืมเลยอ่ะ นานไปหน่อย
คิดถึงกรกันต์จัง นานๆ มาทีเนอะ
เคลียร์กันแล้วก้อดีแล้ว
ดีใจด้วย ไม่งั้นบรรยากาศมันมาคุน่าอึดอัด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 22-04-2011 15:01:27
แอบดราม่าเบาๆนะ ตอนบนๆ
แต่ชอบเรื่องนี้จัง ถึงจะมีปัญหาอะไรยังไงแต่ก็นิ่ง
มีสติเหตุผลพอที่จะไม่ทำเกิดความบานปลาย ชอบจริงๆ  :m11:


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-04-2011 16:18:00
ตอนนี้เป็นข้อคิดที่ดีของชีวิตคู่ได้เลยนะเนี่ย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 22-04-2011 16:31:33
พึ่งอ่านมาถึงปัจจุบันค่ะ สนุกมากเรื่องนี้ กันต์กับกรเข้ากันได้ดี มีหลายรสชาติ ตอนปัจจุบันนี้ดร่ามาเบาๆเเต่มันทำให้เห็นหลายอย่าง

กรหื่นมากๆ :laugh:พี่กันต์เลยได้ขอบคุณหลายที่

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: playgirl ที่ 22-04-2011 21:01:59
ต้องกลับไปอ่านตอนก่อนๆด้วยอะ จึงค่อยมาอ่านตอนใหม่


แต่ก้เกือบไปแล้วนะกันย์  ติดที่กันมันหื่นนะเนี่ยเลยผ่านไปได้  o13





มอบให้ไรเตอรืจ้า  รีบอัพนะ    :L2: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-04-2011 21:45:26
น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ไม่ได้ นี่แหละ ชีวิตคู่ ต้อง " รักให้เป็น "
+1 เป็นกำลังใจให้ครับ แม้จะหายไปนาน แต่ก็ยัง คิดถึงเสมอ ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 22-04-2011 23:17:28
ก็ยังดีที่เคลียร์กันได้

แอบเข้าใจฟีลกันต์ เวลาจะปรี๊ดแตกปกติเราก็เลิกยุ่งกะเพื่อนคนพิเศษเหมือนกัน แบบ ขอตูไปสงบสติอารมณ์เงียบคนเดียวก่อน เดี๋ยวมาคุย ไรงี้^^

จะรอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: LiuXin ที่ 23-04-2011 17:14:55
ชอบเรื่องนี้นะคะ
ถึงจะเรียบๆง่ายๆไม่หวือหวา แต่รู้สึกว่านี่แหละ ชีวิตในฝัน

กลางวัน ไปทำงาน
ตกเย็น กลับบ้าน
มีคนที่รักรออยู่ ได้ทำอะไรหลายอย่างร่วมกัน
มีเพื่อนคิด มีคนที่เข้าใจเรา
ก่อนนอนมีคนให้กอด ตื่นนอนเห็นคนรักหลับอยู่ข้างกาย
แค่นี้ก็มีความสุขสุดๆแล้ว

แต่จะให้สุขกว่านี้ คนแต่งต้องมาต่อให้จบนะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 23-04-2011 20:56:28
ยังเป็นคู่รักในอุดมคติเสมอ  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 24-04-2011 18:20:52
เขารักคู่นี้

รักกันต์ กร

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 28-04-2011 09:46:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 28-04-2011 18:22:29
จำตอนที่แล้วไม่ได้แล้วอ่ะครับ
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้นานเกิน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มากไป p. 53 up 21-4-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 07-05-2011 19:31:46
ตอนที่ 52 เรื่องเล่าของหนอนน้อย    

“นี่กันต์หรอ” ผมถาม ตอนที่เปิดอัลบั้มรูปเก่าแล้วเห็นรูปเด็กผู้ชายอายุน่าจะไม่กี่เดือนเลยถามว่าใช่เขาหรือเปล่า

เสาร์อาทิตย์นี้ผมกับกันต์เริ่มต้นเก็บของที่จะขนไปบ้านใหม่ โดยเริ่มเก็บของของกันต์ที่คอนโดฯ ก่อน ส่วนของของผมที่บ้านจะไปเก็บอาทิตย์หน้า ตั้งใจจะแพ็คของให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยขนเข้าบ้านพร้อมกันทีเดียว ตอนนี้บ้านในส่วนที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยทั้งหลังแล้วครับ ตอนนี้อยู่ในช่วงตกแต่งภายในกับแต่งสวนสิ้นเดือนนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ รอตกแต่งเสร็จผมถึงจะขนของเข้าไป ก็มีแค่เสื้อผ้า หนังสือ กับของเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น

อย่างตอนนี้เราสองคนก็กำลังจัดการกับชั้นหนังสือที่คอนโดฯ อยู่ กันต์เขารับหน้าที่เก็บหนังสือจากชั้นลงกล่อง ส่วนผมก็เก็บของที่อยู่ในลิ้นชักล่างสุดออกมา ส่วนใหญ่ก็เป็นอัลบั้มรูปพอหยิบมาเปิดดูและเจอรูปนี้เข้า

“นั่นป่าน” กันต์พอได้ยินที่ผมถามก็โน้มตัวลงมาจากทางด้านหลังผม แล้วมองตามปลายนิ้วที่ผมชี้ในรูปก่อนจะตอบ

“แล้วไหนรูปกันต์อ่ะ” ผมถาม เพราะไม่คิดว่าเด็กในรูปอีกคนจะเป็นเขา ถึงตอนนี้เขาเลยวางมือจากการเก็บหนังสือมาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้างๆผม ก่อนยื่นหน้าเข้ามาดูรูปในมือผมด้วยกัน

“นี่ไง” เขาตอบ พร้อมเอานิ้วชี้รูปเด็กที่โตกว่าที่นั่งอยู่ข้างเบาะมองเด็กผู้ชายที่ผมคิดว่าเป็นเขา เด็กที่นอนอยู่บนเบาะกำลังนอนโป๊ปะแป้งตัวขาวอยู่ ผมเลยไม่ต้องเดาว่าเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ส่วนเด็กอีกคนที่ไม่ผมคิดว่าเป็นกันต์ เพราะผมเห็นว่าหน้าตาเหมือนเด็กผู้หญิง ตัวขาวจั๊วะ ปากแดง แก้มป่องๆ หน่อย ใส่เสื้อแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นสีส้มอ่อนๆ แล้วผมก็ไม่ได้ตัดสั้นมากนัก ผมเลยเข้าใจผิด เพิ่งสังเกตเห็นอีกอย่างว่าตอนเด็กๆ ผมของกันต์เป็นสีน้ำตาลเข้มไม่ได้ดำสนิทอย่างในตอนนี้

“หืม จริงดิ นึกว่าเด็กผู้หญิง” ผมพูด แล้วยกมือไปจับไหล่เขาให้บิดตัวหันหน้ามาทางผม เขาเองก็หันมา

“มิน่าโตมาน่ารักเชียว” ผมพูด ส่วนคนฟังก็ทำหน้ายุ่งนิดๆ ประมาณว่า “เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เพราะผมดูรูปไป ยิ้มไปสลับกับมองหน้าเขาด้วย

“ประสาท” อ้าว มาว่ากันเสียอย่างนั้น แค่มองหน้าแฟนตัวเอง แล้วชมว่าน่ารักมันผิดตรงไหน ถึงโตแล้วจะไม่ได้น่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงแบบอย่างตอนเด็กๆ ก็ตาม แต่ก็ถือว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักแหละครับ ผมจะพูดอย่างที่คิดออกไปก็ไม่ได้ ถ้าพูดให้เขาได้ยินต้องบอกว่า เขาหล่อหรือหน้าตาดีแค่นั้น

“จริงๆ ตอนเด็กก็มีคนทักประจำว่าเหมือนเด็กผู้หญิง เวลาแม่พาไปไหนมาไหนแล้วมีพี่กาวน์ไปด้วย คนก็ยิ่งนึกว่าพี่ชายกับน้องสาว” กันต์เล่า พอเห็นรูปถัดไปที่มีพี่กาวน์ด้วย มันก็จริงอย่างที่คนอื่นเขาทัก

“ไม่เห็นจะเหมือนผู้หญิงตรงไหน” เจ้าตัวว่า  

“ตอนเด็กอ่ะเหมือน แต่ตอนนี้ไม่เหมือน” ผมบอกเขา

“มีผู้ใหญ่หลายคนชอบบอกว่ากันต์หน้าหวาน กันต์หน้าหวานยังไง” เขาเล่าให้ฟังอีก ก่อนจะถามความเห็นผม ผมเลยชะโงกหน้าไปมองหน้าเขาชัดๆ อีกทีก่อนตอบ

“เพราะกันต์ตาโตมั้ง ขนตาก็ยาว เลยดูหน้าหวาน แต่ไม่ได้เหมือนผู้หญิง ไม่ใช่แบบดาราเกาหลีในเรื่องที่ดูกันคืนนั้น คนที่กันต์บอกว่าหน้าเหมือนผู้หญิง กันต์ไม่ใช่แบบนั้น” ผมอธิบาย ดูท่าเขาจะข้องใจกับการที่มีคนมาบอกว่าเขาหน้าหวานอยู่พอสมควร ส่วนหนังเกาหลีปกติเราสองคนไม่เคยดูหรอกครับ แต่พอดีเลื่อนช่องไปเจอเลยลองดู ดูไปดูมาดูยาวจนจบเรื่อง เป็นหนังย้อนยุคเล่าถึงตัวเอกที่อยู่ในคณะละครตลก ที่ได้เข้าไปเปิดการแสดงในวัง แล้วพระราชาก็ทรงโปรดนักแสดงในคณะนั้นซึ่งเป็นผู้ชายหน้าสวยที่ผมพูดถึง จากนั้นเลยมีเรื่องราววุ่นวายตามมา พอผมตอบอย่างนั้นเขาก็พยักหน้ารับ คงเห็นภาพตามที่ผมอธิบาย

“แล้วตอนนี้กี่ขวบอ่ะ” ผมถามต่อระหว่างนั้นก็เปิดดูรูปไปเรื่อยๆ

“สี่ขวบ” กันต์ตอบ แล้วหยิบอัลบั้มอื่นขึ้นมาดูรูปบ้าง ตอนนี้เลยหยุดเก็บของกันไปเลยครับ

“ฮาๆ เห็นแล้วว่าเด็กผู้ชาย” ผมหัวเราะออกมากับรูปที่อยู่กลางๆ อัลบั้ม เพราะรูปที่ผมเห็นคือเด็กชายกันต์ที่ในมือมีลูกเป็ดยางสีเหลืองอ๋อยอยู่ตัวหนึ่งยืนอยู่กลางอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งอ่างให้แม่เอาฟองน้ำถูตัวให้ ขาวทั้งตัวจริงๆ นะนั่น ผมมองดูรูปแล้วคิดในใจ ถ้าเทียบกับตอนนี้ก็ยังขาวทั้งตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนครับ

“ขาวดีเนอะ หนอนน้อยยังขาว” ผมพูดแซวเขา แล้วเปิดดูรูปอื่นต่อ แต่ก็ยังเป็นรูปตอนอาบน้ำอยู่

“อย่ามาทะลึ่ง” เสียงคนที่นั่งอยู่ติดกันหันมาว่า หลังจากยื่นหน้าเข้ามาดูรูปแล้วเห็นว่าผมกำลังพูดถึงรูปไหน

“ทะลึ่งอะไร พูดเรื่องจริง โตแล้วก็ยังขาวอยู่นะ” ผมพูดแล้วหัวเราะ ส่วนคนที่ถูกพาดพิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และถอยกลับไปดูรูปในมือของตัวเองต่อ

“พูดเรื่องจริงก็ไม่ได้” ผมแกล้งบ่นอุบอิบเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าจะให้เขาได้ยิน แต่จริงๆ ก็ตั้งใจให้ได้ยินนั่นแหละ

“แล้วชอบหรือไม่ชอบล่ะ” เขาพูดแล้วมองหน้าผม หน้าตานี่แสดงความเหนือกว่าแบบสุดๆ คงรู้ว่าผมตอบอย่างอื่นไม่ได้แน่นอน มียักคิ้วแบบกวนๆ ส่งให้อีกต่างหาก เอากับเขาสิครับ เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับกันต์ ผมจะทำอะไรเขาได้ ยังไงก็ยอมให้เขาหมดอยู่แล้ว

“ไม่ชอบ แต่รักเลยล่ะคร้าบบบ” ผมพูดแล้วลากเสียงยาว ก่อนยืนหน้าเอาจมูกไปกดบนแก้มขาวแบบเน้นๆ ให้หายมันเขี้ยวไปเสียหนึ่งที จากนั้นก็โดนฝ่ามือยันเข้ากลางหน้าผากให้ถอยห่างออกมา เหมือนจะรู้แฮะว่าอยากได้มากกว่าหอม “อดเลยกูเจอคนรู้ทัน” อันนี้แอบคิดอยู่ในใจ

“ชื่อจริงกันต์ใครตั้งให้อ่ะ” ผมวนกลับมาถามเรื่องรูปเขาต่อ เมื่อเปิดไปเจอรูปเขาที่ใส่ชุดนักเรียนแล้วมีชื่อปักอยู่บนเสื้อ รูปนี่กันต์น่าจะสักเจ็ดแปดขวบได้ รูปในอัลบั้มกันเหมือนเขาจะดึงภาพแต่ละช่วงอายุมาอย่างละภาพสองภาพแล้วเรียงต่อกันตามอายุ ส่วนอัลบั้มเต็มคิดว่าคงจะอยู่ที่บ้านเขา ได้มาดูรูปแบบนี้ก็ดีนะครับ ได้เห็นเขาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็โตขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงตอนนี้

“ปู่ตั้งให้” เขาหันมาตอบ

“ของกรปู่ก็ตั้งให้” ผมบอกเขา

“เอาไปใส่กรอบไว้ที่บ้านนู้นบ้างก็ดีนะ เดี๋ยวกรไปเอารูปที่บ้านมาบ้าง” ผมเสนอ เห็นว่ารูปตอนเด็กๆ เขาน่ารักดีครับ แล้วก็นึกถึงตอนที่ผมไปบ้านกันต์แล้วมีรูปตอนเด็กๆ เขาตั้งโชว์อยู่เต็มไปหมด เลยเกิดความคิดว่าที่บ้านเราก็น่าจะมีรูปอย่างนั้นบ้าง แต่คงไม่เยอะขนาดนั้น จะว่าไปที่บ้านผมเองก็มีรูปผมอยู่เยอะพอๆ กัน

“อืมเอาสิ อาทิตย์หน้าไปเก็บของบ้านกรแล้วไปเลือกมากัน เดี๋ยวไปเดินห้างหากรอบสวยๆ ใส่” กันต์ตอบผมกลับมาก่อนจะวางมือจากอัลบั้มรูป แล้วลุกขึ้นไปเก็บหนังสือต่อ
.
.
.

“โอ๊ย” ผมร้อง พร้อมกับหดแขนตัวเองที่กำลังเอาหนังสือออกจากชั้นล่างสุดเข้าหาตัวแล้วเอามืออีกข้างมากุมไว้ จะไม่ให้ร้องได้ยังไงล่ะครับ ผมมองไปที่หนังสือเกี่ยวกับการออกแบบของกันต์ที่ตกลงมาใส่ เล่มใหญ่ไม่ว่า ดันเป็นหนังสือปกแข็งอีก แล้วด้านที่ตกใส่เป็นมุมเล่มด้านสันหนังสือพอดี ขนาดตกมาโดนแบบเฉียดๆ ไม่ได้ถูกแบบจังๆ ยังเจ็บเอาเรื่อง ถ้าตกลงมากลางหัวหรือลงมาที่หน้า ผมแทบไม่อยากจะคิดสภาพ

“เฮ้ย ขอโทษโดนตรงไหน” กันต์รีบปีนลงมาจากบันได มานั่งข้างผม แล้วดึงแขนข้างที่ผมเอามือกุมไว้ไปดู ตอนนี้ขึ้นเป็นรอยแดง แถมมีรอยถลอกอีกนิดหน่อยคงเพราะมันตกมาจากชั้นบนสุดด้วยเลยเป็นขนาดนี้ และไอ้ชั้นบนสุดที่ว่านี่คือชั้นที่สูงติดเพดานนะครับ ไม่ใช่ชั้นบนสุดของชั้นธรรมดาที่มีช่องแค่สามหรือสี่ชั้น

“เดี๋ยวเอายามาใส่ให้รอแป๊บ” กันต์พูด แล้วลุกไปหยิบเอากล่องยาที่เก็บอยู่ในตู้ข้างตู้เย็นมา

“พรุ่งนี้คงเขียว” กันต์พูดไปก็ทำแผลใส่ยาให้ผมไป

“ล้อนิดล้อหน่อย โอ๊ย!! เบา ต้องเอาคืนกันแบบเจ็บๆ” ผมพูด พูดไปก็สะดุ้งไปงานนี้เจ็บจริงไม่ได้สำออยสักนิด

“ถ้าจะเอาคืนจริงๆ ไม่ทำแค่นี้หรอก” เขาพูด เห็นไหมครับว่าเขาโหดแค่ไหน

“เอาน้ำแข็งมาประคบไหมจะได้ไม่บวม” กันต์ถาม

“ไม่เป็นไร ทายาก็พอ คงไม่บวมมากหรอก” ผมตอบ อย่างมากก็น่าจะเห็นเป็นรอยเขียวช้ำแค่นั้น

“แน่ใจ” เขาถามซ้ำ ผมเลยพยักหน้ายืนยังว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ถึงมันจะเจ็บอยู่ก็เถอะ

“ถ้างั้นไปทำกับข้าวหน่อยสิ หิว เดี๋ยวทางนี้กันต์เก็บต่อเอง” กันต์พูด แล้วทำตาละห้อยใส่ เจออย่างนี้จะให้ตอบยังไงล่ะครับ

“เดี๋ยวทำให้ อยากกินอะไร” เป็นแฟนที่ดีไหมล่ะผม

“ตับผัดพริกอ่อน แล้วก็ไข่ดาว” กันต์ตอบกลับมา สั่งอย่างกับสั่งร้านอาหารตามสั่ง แต่ผมมองว่าเขาน่ารักครับ กินง่ายอยู่ง่าย ไม่ค่อยเรื่องมาก ทั้งที่ดูภายนอกแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น แล้วเป็นคนที่กินไม่เยอะด้วย ไม่เหมือนไอ้ป่านน้องชายสุดที่รักของเขา รายนั้นกินอย่างกับยัดทั้งๆ ที่ตัวพอๆ กัน ลองให้ผมทำแบบที่ผมทำให้กันต์จานเดียวมันไม่มีทางพอ ของมันต้องมาแบบฟลูคอร์ส

พอรับออเดอร์มาแล้วผมก็เข้าครัวมาจัดการ ปล่อยคนหิวนานๆ มันไม่ดีครับ ไม่อยากเห็นคนหน้ายุ่งเพราะโมโหหิว เปิดตู้เย็นเอาของสดออกมาวางเตรียมไว้ ระหว่างนั้นก็ได้ยินแว่วๆ เหมือนกันต์จะคุยโทรศัพท์ ผมเอาตับออกมาจากช่องแช่แข็งก่อน แล้วค่อยเอาพริกอ่อนออกมาแช่น้ำ ส่วนหัวหอมใหญ่เอามาปลอกก่อนแล้วค่อยแช่น้ำ ไข่ดาวเดี๋ยวเอาไว้ท้ายสุด
ตอนนี้ผมทำกับข้าวได้หลายอย่างแล้วนะครับ เพราะมีคนสอนดี
.
.
.

“เดี๋ยวป่านมากินข้าวด้วย” กันต์เดินเข้ามาบอกผมในครัว ไม่น่าไปนึกถึงมันเลย แค่นึกก็มาอย่างกับนกรู้เลยมัน พอบอกว่ามันจะมา ก็ต้องนึกเมนูที่จะทำเพิ่มแล้วครับ สุดท้ายแล้วกันต์ก็ต้องมาเข้าครัวเองจนได้

“จะผัดหน่อไม้ฝรั่งหรือบล็อกเคอรี่กับกุ้งดี” กันต์ถามระหว่างที่รื้อกับข้าวออกมาจากตู้เย็น

“อยากกินหน่อไม้ฝรั่งมากกว่า” ผมตอบ แล้วเดินมาหากรที่หน้าตู้เย็น รับเอาหน่อไม้ฝรั่งจากกันต์ไปแช่น้ำ ส่วนกุ้งซื้อกุ้งแช่แข็งมาไว้จะได้ไม่เสียเวลาแกะ

“เอาอะไรอีก” กันต์หันมาถาม

“อยากกินเต้าเจี้ยวหลนทำให้หน่อย เดี๋ยวกรเอาผักออกมาล้างให้” ผมพูดออกอาการอ้อนเล็กๆ จะให้เขาทำให้กินก็ต้องอ้อนกันนิดนึง กลายเป็นว่ามื้อเย็นวันนี้ก็จัดกันแบบเต็มรูปแบบเลยครับ ตบท้ายด้วยแกงจืดตำลึงอีกอย่าง ให้มีอะไรน้ำๆ บ้าง

ทำกับข้าวเสร็จไปสองอย่างไอ้ป่านมันก็มาถึงครับ กันต์บอกว่าพี่กาวน์ไปดูงานที่สิงคโปร์กลับพรุ่งนี้ เลยชวนมันมากินข้าวด้วย ไอ้ป่านมันทำกับข้าวไม่เป็น มากินที่นี่จะได้ไม่ต้องออกไปกินข้างนอก แล้วคอนโดฯ พี่กาวน์อยู่ใกล้แค่นี้สิบห้านาทีมันก็มาถึง

“เต้าเจี๊ยวหลน กำลังอยากกินพอดีเลย” ไอ้ป่านพูด เข้ามาถึงมันก็ตามมานั่งเสนอหน้าอยู่ในครัวดูผมสองคนทำกับข้าว แล้วใจตรงกับกูอีกนะมึง อยากกินเต้าเจี๊ยวหลน

“แล้วพี่กันต์จะย้ายเข้าบ้านวันไหน” ไอ้ป่านมันถาม ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วก็ได้คัสตาร์ดติดมือมันออกมาหนึ่งถ้วย

“ต้นเดือนหน้า” กันต์ตอบ ก่อนใช้ช้อนตักชิมเต้าจี๊ยวหลนในหม้อ

“ทำบุญขึ้นบ้านใหม่หรือเปล่า” ไอ้ป่านมันก็คุยกับพี่มันไป ส่วนผมก็ล้างผักแกล้มแล้วจัดใส่จาน

“อืม ทำ เดี๋ยวแม่พี่ดูฤกษ์ให้อีกที” กันต์ตอบ แล้วไอ้ป่านก็ลุกหายไปสักพัก ก่อนกลับมาพร้อมอัลบั้มรูปในมือ

“พี่กันต์ตอนเด็กๆ นี่ขาวดีเนอะ ขาวกว่าป่านอีก” ไอ้ป่านมันพูด

“แต่ตอนนี้ป่านขาวกว่าพี่ซะงั้น” มันพูดต่อ แล้วยกแขนตัวเองขึ้นมาดู

“มึงก็ขาวเว่อร์ไป” ผมพูดขึ้นมาบ้าง มันขาวเกินจริงๆ ครับ ขนาดไปตากแดดเล่นน้ำทะเลด้วยกัน แทนที่ตัวมันจะดำกลับแดง ไม่นานก็ขาวเหมือนเดิม

“พ่อแม่กูคนเหนือนะเว้ย กูจะไม่ขาวได้ไง” มันพูด เออ ผมก็ลืมว่ามันเคยบอกว่า เดิมแล้วบ้านมันเป็นคนเชียงใหม่คู่ แต่ปู่ย่า ตายายมันย้ายลงมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วก็อยู่ที่นี่กันมาตลอด บ้านที่เชียงใหม่ก็ไม่มีแล้ว มีแต่บ้านที่เชียงรายที่เคยไปเที่ยวกันตอนปีใหม่

“แล้วทำไมไม่ตามพี่กาวน์ไปเที่ยวด้วยเลย” กันต์ถามไอ้ป่านครับ

“ไม่เอาอ่ะ พี่กาวน์ไปทำงาน ถ้าไปป่านก็ต้องอยู่คนเดียว แล้วไปแค่วันเดียว ไว้ไปเที่ยวเองหลายๆ วันดีกว่า” ไอ้ป่านตอบพี่มัน

“คืนนี้ก็นอนนี่เลย พรุ่งนี้ค่อยกลับ” กันต์เสนอ ไอ้ป่านมันก็พยักหน้าตอบตกลง

“ใจง่ายนะมึง” ผมพูดแซวมัน

“เรื่องกู” มันตอบ แล้วยักคิ้วกวนๆ ส่งกลับมา ก่อนยกกับข้าวที่เสร็จแล้วไปวางที่โต๊ะกินข้าว แม่งกวนโอ๊ยเก่งพอกันทั้งพี่ทั้งน้อง

“มึงอย่ามาด่ากูในใจ กูรู้” ไอ้ป่านมันพูด มึงจะรู้ดีเกินไปแล้ว

“แสนรู้นะมึง” ผมว่ามัน

“กูว่าจะเล่าอะไรดีๆ ให้มึงฟัง แต่มึงด่ากูมาก กูไม่เล่าดีกว่า” มันพูด แล้วกลับมานั่งหน้าเคานท์เตอร์ พร้อมหยิบรูปขึ้นมาดูต่อ

“เรื่องอะไรของมึง” ผมถามมัน แล้วยกจานข้าวไปที่โต๊ะ กันต์กับไอ้ป่านก็ตามมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ว่าจะไม่สนใจ แต่ก็อดอยากรู้นิดๆ ไม่ได้

“ไม่ค่อยอยากรู้เลยนะมึงอ่ะ” มันด่าผม ตอนนี้กันต์ก็เริ่มมองไปที่ไอ้ป่านที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเหมือนกันครับ

“ว่าจะเล่าเรื่องพี่กันต์ตอนเด็กๆ ให้ฟัง แต่ตอนนี้กูหิว ขอกินก่อน” มันพูด ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยนะมึง

“น้าดาวเคยเล่าให้กูฟังว่า ตอนเด็กๆ พี่กันต์โคตรไว้ตัวเลย ใครจับก็ไม่ได้ พอใครที่ไม่เคยเห็นหน้าไปแตะตัวนะ พี่กันต์จะทำหน้าเบ้ เอามือปัดๆ ตรงที่โดนจับ ยังไม่พอมีเหยียบๆ ซ้ำอีกต่างหาก กูล่ะเชื่อเลย” ไอ้ป่านมันเริ่มเล่าวีรกรรมตอนเด็กของกันต์ให้ผมฟัง

“จริงดิ ไม่น่ารักเลยนะเนี่ย ขอจับหน่อยก็ไม่ได้” ผมหันไปแซวกันต์ นึกถึงกันต์ตอนเด็กเวลาทำท่าทางแบบนั้นคงตลกๆ ดีเหมือนกัน

“ไม่รู้ดิ จำไม่ได้ แต่แม่เคยเล่าให้ฟัง” กันต์ตอบ

“กลับกับกูเลย แม่กูบอกใครมาขออุ้มกูไปกับเขาหมด” ผมบอกไอ้ป่าน

“ก็มึงมันใจง่ายแต่เด็ก” ไอ้ป่านมันย้อน

“กวนตีนนะมึง อย่างกูเขาเรียกอัธยาศัยดีเว้ย” ผมตอบ

“อ้าว มึงว่าพี่กูเป็นเด็กอัธยาศัยแย่หรอวะ พี่กันต์ ไอ้กรมันว่าพี่อ่ะ” อ้าว เชี่ยแล้ว กูพูดแบบนั้นหรือยัง มาเป่าหูแฟนกูให้เข้าใจกูผิดซะงั้น กันต์ก็หันมามองหน้าผมเฉยๆ ครับ แต่ไม่ได้พูดอะไร แฟนผมเขาน่ารัก ไม่ว่าอะไรหรอก

“คิดได้นะมึง” ผมพูดกับมันสั้นๆ

“ยังมีอีกอันนี้แม่กูเล่า ตอนกูเล็กๆ แม่กูพาไปเล่นบ้านพี่กันต์ แล้วมีเพื่อนพี่กันต์ที่อยู่ข้างบ้านมาเล่นด้วย มันดันเกิดมันเขี้ยวกูขึ้นมาหรือยังไงไม่รู้ มาหยิกแก้มกูจนกูร้องไห้ แล้ววิ่งหนีเข้าบ้านตัวเอง มึงรู้ไหมพี่กันต์ทำไง พี่กันต์ปีนรั้วเข้าไปบ้านเขา ไปตีเขาถึงในบ้านก่อนปีนกลับออกมา มึงคิดดูพี่กันต์เพิ่งห้าหกขวบ แต่ปีนรั้วอัลลอยด์สูงๆ ไปตีคนอื่นถึงในบ้าน สุดๆ อ่ะพี่กู ” ไอ้ป่านมันเล่าวีรกรรมของคนที่นั่งอยู่ข้างผมเป็นเรื่องที่สอง แต่ละอย่างแสบๆ ทั้งนั้น แต่ทำให้รู้ได้เลยว่า พี่กันต์หวงน้องตัวเองขนาดไหน    

“แล้วออกไปยังไง ไม่มีคนเห็นหรอ” ผมหันไปถามกันต์ เพราะจากที่เคยไปบ้านเขามาเห็นมีคนเต็มบ้าน แล้วจากตัวบ้านไปถึงรั้วหน้าบ้านก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เด็กเล็กๆ วิ่งออกจากบ้านไปไม่มีใครเห็นได้ยังไง

“ก็หลบๆ ไปตามต้นไม้” กันต์พูดไขข้อข้องใจให้ผม  

“ทำเอาพี่เลี้ยงโดนดุยกบ้าน พี่กันต์ออกนอกบ้านไปได้ยังไม่พอไปปีนรั้วบ้านคนอื่นอีก แต่ไม่มีใครเห็นสักคน น้าดาวบอกมาเห็นอีกทีพี่กาวน์เดินยิ้มร่ากลับเข้าบ้าน แล้วบอกไปตีเขาคืนให้น้องมาแล้ว ได้ใจมากอ่ะพี่กู” ไอ้ป่านพูด ผมเลยไม่ค่อยแปลกใจเลยครับ ว่าทำไมมันถึงรักพี่มันนัก แล้วจากที่มันเคยเล่า ว่ามันมีพี่ชายอยู่คนแต่อายุต่างจากมันหลายปีมันเลยเล่นกับกันต์มากกว่า ส่วนพี่ชายมันก็จะสนิทกับพี่กาวน์ เพราะคู่นั้นเขาปีเดียวกัน

“มึงก็โง่ให้คนอื่นเข้ามาแกล้งได้เนอะ” ผมบอกไอ้ป่าน

“สัด กูเพิ่งสองขวบเองมั้งตอนนั้น” มันด่าผมกลับมา

แล้วไอ้ป่านมันก็เล่ามาอีกหลายเรื่องครับ แต่ล่ะอย่างนี่แสบสันทั้งนั้น แสบผิดกับหน้าตาที่ผมว่าเหมือนเด็กผู้หญิงแบบสุดๆ ขนาดผมตอนเด็กแม่เล่าให้ฟังว่าซนแล้วนะ ยังไม่ได้เท่ากันต์เขาเลย รายนั้นแทบไม่เคยกลัวอะไร เว้นอยู่อย่างเดียว

“เรื่องนั้นกูเห็นกับตามาแล้ว อย่างฮา” ผมพูดกับไอ้ป่านหลังจากมันเล่าว่ากันต์เคยตกเก้าอี้เพราะแมลงสาบมาแล้ว เรื่องนั้นนึกภาพตามไม่ยาก เพราะเคยเห็นกับตามาแล้วว่า เขากลัวไอ้ตัวนั้นขนาดไหน ไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่มาตกม้าตายเพราะแมลงสาบ

“กลัวแมลงสาบก็ดีกว่ากลัวหนอนล่ะวะ ลองมันเห็นได้กรี๊ดแตก ไม่เชื่อลองดู” กันต์สวนขึ้นมาครับ ไอ้ป่านพอได้ยินก็รีบโวยพี่มัน

“ใครกลัว แค่ขยะแขยง คิดแล้วขนลุก” มันพูด แล้วทำท่าเบ้

“ก็พอกันทั้งคู่” ผมพูด มันพอกันทั้งพี่ทั้งน้องแหละครับผมว่า

“อย่าให้รู้บ้างแล้วกันว่าไม่ชอบอะไร” กันต์พูดปิดท้าย ก่อนลุกขึ้นไปหยิบเอาไอติมที่ตักใส่ถ้วยไว้แล้วจากช่องแช่แข็งมาให้กินเป็นของหวานปิดท้าย

------------------------------------------------------------  

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 07-05-2011 20:21:28
มาแล้ววว.....
น่ารักมาก ครอบครัวนี้  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 07-05-2011 21:46:03
หวานแหววเช่นเคยค่า อิอิ
พี่ตอนตอนเด็กๆน่ารักน่าหยิกมากเลยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 07-05-2011 22:13:24
กันต์ทิ้งท้ายได้โหดมากเลยค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 07-05-2011 22:17:16
 :-[ น่ารักอีกแล้ว
พี่กันต์ตอนเด็กน่ารักมากเลย อยากกอดสักทีจริงๆ
ส่วนกรไม่ค่อยจะช่างสังเกตเลย “ขาวดีเนอะ หนอนน้อยยังขาว” 5555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 07-05-2011 22:19:11
กรช่างสังเกตหรือแอบทะลึ่งหว่า  :laugh: :-[

น้องหนูป่านพี่กาวน์ไม่อยู่ด้วย ><

กันต์เปรี้ยวแต่เด็ก (นึกย้อนตอนมีเรื่องในผับ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 07-05-2011 22:33:33
ชีวิตประจำวันของสองคน น่ารักดีเน้อ
หนุงหนิงๆ
ว่าแต่ตอนเด็กพี่กันต์เฮี้ยวจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 08-05-2011 01:29:45
กันต์นี่แสบจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-05-2011 11:01:40
ยังคงน่ารักสม่ำเสมอ  สมกับเป็นคู่รักตัวอย่างจริง ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 08-05-2011 12:08:48
หวงเนื้อหวงตัวแต่เด็ก กะเก็บไว้ให้ใครคะ คิกๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 08-05-2011 19:13:38
 :z1: กรแอบหื่นตลอดๆ ฮาๆ
ส่วนกันต์เฮี้ยวเอาเรื่องแต่เด็กอ่ะ แล้วก็น่ารักมากด้วย
น้องป่านพี่กาวน์ไม่อยู่แอบเหงาล่ะสิ ถึงมาหาพี่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 08-05-2011 19:56:42
น่ารักดีมีวัยเด็กมาเล่าให้ฟัง แค่นึกภาพนะ.....หนอนขาวๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 08-05-2011 21:07:05
คู่นี้เค้าน่ารัก ยิ่งเวลาคุยกัน อ่านแล้วยังอดยิ้มไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 08-05-2011 23:16:07
น่ารักอ่ะ คู่นี้หวานตลอด แต่พี่กันต์ตอนเด็กดูแสบน่าดู
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 09-05-2011 01:06:30
อ่านรวดเดียวตั้งแต่แรก โอยยย น่ารักมากคู่นี่ เรียบๆ แต่เข้าใจกันมากอ่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-05-2011 12:01:50
มีทิ้งท้าย แล้วหายไป
ตอนนี้จบแล้วเหรอ
คู่นี้เค้าเรื่อยๆ อ่านแล้วน่ารักจัง
ให้ความรู้สึกชีวิตคู่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 09-05-2011 18:48:03
เรียกว่าครอบครัวสุขสันต์ได้เลยครอบครัวนี้  :กอด1:

กันต์ทิ้งท้ายแบบนั้นกรคงเสียวสันหลังวาบอ่ะ แอบโหด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: TEe RuKk ที่ 09-05-2011 21:59:36
อะไรของเธอคับคนแต่ง มาหนอนน้งหนอนน้อย :z1: :z1: :z1: :z1:




เดีย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 09-05-2011 22:07:31
อะไรของเธอคับคนแต่ง มาหนอนน้งหนอนน้อย :z1: :z1: :z1: :z1:

แล้วน่ารักไหมล่ะคะ  :m12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 09-05-2011 22:24:46
น่ารักจังพี่กันต์ตอนเด็กๆ
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

แต่ชื่อตอนคนแต่งนี่ แอบคิดลึกนะ
ร๊าก ก ก ก ก ก ก ก ก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 10-05-2011 21:47:15
ชื่อตอนน่ารักนะ เนื้อเรื่องก็น่ารัก
แต่ทำเอาคนอ่านแอบคิดลึกนิดนึง (นิดนึงจริงๆ นะ)  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 11-05-2011 20:38:01
เค้ารักกันดีนะ พี่น้องบ้านนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: afternoon ที่ 12-05-2011 01:07:50
อ่านทันเเล้ว ยิปปี้!!!  :m11:
อ่านคู่นี้เเล้วดูคลายเครียดกว่าคู่พี่กาวน์-น้องป่าวเยอะเลยยย  :laugh:
ไปอ่านคู่นู้นเเล้วอยากจะหยิบพารามากิน (เวอร์จริงๆ)
แต่คู่นี้อ่านเเล้วยิ้มค่ะ ปนๆ อิจฉาหน่อยๆ  o18
อ่านเเล้วแบบคิดตก ก็นะชีวิตจะเอาอะไรมากมายเเค่มีคนๆ นึงแบบนี้ก็มากเกินพอ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: spring ที่ 28-05-2011 09:27:51
ดันจ้ะ ^^


คิดถึงน๊า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เรื่องเล่าของหนอนน้อย p.54 up 7-5-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 09-06-2011 22:55:37
ตอนที่ 53 โดนจนได้... [1/2]

“เดี๋ยวกันต์ส่งเมลไปให้ตอนนี้เลยพี่แอม ไม่เกินสิบนาที” เสียงกันต์บอกปลายสาย ก่อนเดินเข้ามาหาผมที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ

“ยืมส่งเมลแป๊บนึง” กันต์เดินมายืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดบอกผม ผมเลยขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ให้เขาลงมานั่งแทน แล้วก็ถือโอกาสลุกออกไปหาอะไรกินในครัวด้วย นั่งทำงาน

วันนี้เพิ่งไปซื้อของเข้าบ้านมาเลยมีของกินเต็มตู้เย็น อยู่กันสองคนแต่เลือกตู้เย็นมาซะตู้เบ้อเร่อ เหตุผลที่เลือกมาใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่อะไร แค่คุณสถาปนิกที่รักของผมเขาให้เหตุผลว่าตู้เล็กมันไม่สวยก็เท่านั้นแหละ ใครมาเห็นเข้าคงนึกว่าบ้านนี้อยู่กันสักหกเจ็ดคน แล้วที่บอกว่าใหญ่อย่าคิดว่าจะปล่อยให้โล่ง เพราะมีของกินเต็มทุกชั้น ยืนส่องๆ อยู่สักพักก็ได้มะม่วงน้ำดอกไม้สุกลูกโต ผิวเหลืองสวยแช่จนเย็นจัด ซึ่งเป็นของชอบผมติดมือมาหนึ่งลูกพร้อมกับนมอีกขวด เดี๋ยวกะว่าจะเทนมใส่แก้วไปเพื่อกันต์ด้วย

หลังจากปอกมะม่วงใส่จานเรียบร้อย ก็เทนมใส่แก้วสองใบ สำหรับแก้วของผมเองผมก็จัดการยกซดอักๆ ไปไม่กี่ทีก็หมดแก้ว แล้วเอาแก้ววางตั้งไว้ในอ่างล้างจานเปิดน้ำใส่ไว้นิดหน่อยไม่ให้นมแห้งเป็นคราบติดแก้ว ถ้าไม่ขี้เกียจมากจะกลับมาล้าง แต่ถ้าขี้เกียจก็รอให้พี่จิน พี่แม่บ้านที่แม่หามาให้มาล้างตอนเช้า ก่อนจะเดินถือจานใส่มะม่วงสุกกับนมอีกหนึ่งแก้วที่เอามาให้กันต์กลับมาที่โต๊ะคอมฯ ที่อยู่ในห้องหนังสือ
 .
.
.

พอเข้าห้องหนังสือไปก็เห็นกันต์นั่งนิ่งอยู่หน้าคอมฯ สีหน้าเห็นแล้วบอกไม่ถูกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน ดูนิ่งเกินไป จนผมเริ่มใจคอไม่ดี แล้วก็นึกเอะใจขึ้นมาเลยว่ากันต์เจออะไรเข้าแน่ๆ ก็นะไอ้คอมฯ เครื่องที่เขาใช้อยู่มันเป็นของผม ทำไมผมจะไม่รู้ว่าตัวเองเก็บอะไรเอาไว้บ้าง เฮอๆ งานจะเข้าไหมวะกู รู้สึกตัวร้อนวูบขึ้นมาเลยทีเดียว หรือจะเรียกว่าเริ่มร้อนตัวก็ไม่ผิด

ว่าแล้วก็วางจานมะม่วงกับแก้วนมลงหน้าโต๊ะ ก่อนเดินอ้อมไปอีกด้านของโต๊ะเพื่อดูหน้าจอคอมฯ ว่ามีอะไร แต่แค่เดินมาข้างโต๊ะก็เห็นภาพในจอชัดเต็มตา จอใหญ่ซะขนาดนั้นเห็นชัดเลย จนอยากจะให้หน้าจอแมคมันลดลงอีกสักห้านิ้วขึ้นมาเสียตอนนี้ พอเห็นกันจะๆ แบบนี้แล้วก็รู้ทันทีเลยว่าที่อีกคนนั่งนิ่งอยู่นี่มันมีสาเหตุมาจากอะไร

ซวยจริงๆ แล้วกูงานนี้ ส่วนกันต์ถึงตอนนี้ยังเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ หน้าผมเขายังไม่ยอมมองเลย ฮือ อย่าทำกันแบบนี้สิครับ โดนโกรธแล้วแน่ๆ เลยกู งานนี้ท่าทางจะง้อยากด้วย แบบว่าเคยโดนเตือนมาแล้วหนหนึ่ง  แต่ก็นะให้ลบทิ้งคงเสียดายตาย ไอ้ไม่ยอมลบทิ้งตามที่เขาสั่งมันยังไม่เท่าไหร่ ดันมีรูปใหม่เพิ่มมาอีกเป็นร้อยด้วยนี่สิ แถมเรทขึ้นกว่าเดิมอีก ฮ่าๆ

แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าผมจะถ่ายภาพที่มันออกแนวเอ็กซ์อะไรขนาดนั้น หรืออย่าคิดไปว่าจะมีผมไปมีส่วนร่วมอะไรในภาพด้วย อย่างนั้นมันก็ดูโรคจิตไปหน่อย แล้วมากสุดที่ผมถ่ายก็แค่เห็นด้านหลังเกือบหมดเท่านั้นเอง ผมชอบถ่ายภาพกันต์เวลาเขานอนหลับอยู่มากเป็นพิเศษ ถ้าผมตื่นขึ้นมาก่อน ซึ่งนั่นถือเป็นส่วนใหญ่ ผมก็จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปเขาเก็บไว้เรื่อย จนมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าให้บอกว่าชอบรูปไหนมากเป็นพิเศษ ก็คงเป็นรูปตอนที่เขานอนคว่ำหนุนแขนตัวเองหลับตาพริ้มท่าทางมีความสุขเหมือนกำลังหลับฝันดี ปากสวยอมยิ้มนิดๆ ผิวขาวเนียนไปทั้งตัวและถูกไล้ด้วยแสงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าที่ส่องผ่านเข้ามาทางกระจกบานใหญ่ ตั้งแต่สะโพกถึงต้นขาช่วงบนมีผ้าห่มพาดปิดไว้แบบจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ เป็นภาพที่มองแล้วชวนให้นึกถึงเทพในตำนานของกรีกมากกว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาเดินดินเสียอีก สำหรับคนอื่นคิดยังไงกับเขาไม่รู้ แต่สำหรับผม ผมมองเห็นเขาเป็นแบบนั้นนะ แล้วรูปที่ว่านั่นก็เป็นรูปที่กันต์เขามีอะไรปกปิดน้อยที่สุดในจำนวนรูปทั้งหมด แล้วตอนนี้มันก็กำลังเปิดโชว์หราอยู่บนจอไอแมค ลองนึกภาพเอาเองแล้วกันว่าหน้าจอใหญ่ขนาดนั้น ภาพจะเห็นชัดเต็มตาขนาดไหน คนโกรธก็คงจะโกรธตามขนาดภาพที่เห็นล่ะมั้ง เฮอๆ   

“กันต์” ลองเรียกชื่อดูก่อนครับ ... นิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เขานั่งนิ่งมากที่ขยับอยู่ก็มีแค่มือที่เลื่อนเม้าส์เล็กๆ สีขาวสนิทในมือเพื่อดูรูปทั้งหมดที่มีอยู่ต่อไป

“กันต์” ผมเรียกซ้ำอีก แต่คราวนี้ใช้เสียงแผ่วลงกว่าครั้งแรกอีกนิด จะว่าหงอก็ได้ กรผิดไปแล้วคร้าบ แต่ถ้าให้ลบ ฮือๆ มัน...มันก็เสียดายจริงๆ นะ     

 “ทำไม เห็นตัวจริงมันไม่ดีกว่าในรูปหรือไง” กันต์พูดนิ่งๆ ไม่มองหน้าผม แต่ละมือจากเม้าส์แล้วกอดอกทิ้งตัวเอนพิงพนัก สายตายังคงมองตรงไปที่หน้าจอคอมฯ

“ก็ดี ดีกว่าอยู่แล้ว” ผมพูด แล้วขยับตัวมายืนพิงขอบโต๊ะ โดยหันหน้าไปทางกันต์

“แต่ก็ยังชอบถ่ายรูปมากกว่า ห้ามอะไรก็ไม่เคยฟัง เคยคิดบ้างไหมว่า ถ้ารูปมันหลุดไปกันต์จะเป็นยังไง” กันต์พูดเสียงเย็นเลยครับคราวนี้ อ่า เขากลัวแล้วตัวเองอย่าดุเขามากนักดิ

“ไม่หลุดหรอกน่าจริงๆ” ผมบอก ใครจะยอมพลาดให้หลุดไปล่ะ ผมก็หวงของผมเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นต้องระวังมากๆ อยู่แล้ว แต่นี่ขนาดเก็บไว้แบบลึกสุดๆ แล้วนะ กันต์ยังอุตส่าห์หาเจอได้ยังไง


R R RRRR....

ใครโทรมาขัดจังหวะตอนนี้หว้า คนกำลังง้อแฟนอยู่ โทรศัพท์กันต์นะครับ ไม่ใช่ของผม

“ว่าไงมึง” กันต์รับสาย ส่วนผมก็ยืนฟังเขาคุยโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นแหละครับ

“เออ มารับกูด้วย” กันต์พูดกับปลายสาย อ้าว จะไปไหนล่ะนั่น

“ไม่ต้องมาอยากรู้อะไรตอนนี้ ถ้าจะให้กูไปก็รีบมารับกู” กันต์พูดเสียงห้วน ก่อนตัดสายทิ้ง แล้วลุกพรวดออกจากห้องไปเลย ไม่สนใจจะบอกอะไรผมสักคำ

ไอ้ผมจะทำไงได้ก็เดินตามเขาไปสิครับ รีบจ้ำตามขึ้นห้องแทบไม่ทัน เข้าห้องนอนได้กันต์ก็เดินเลยไปที่ห้องแต่งตัว แล้วถอดชุดที่ใส่นอนออกหมด ทั้งเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหลือแต่ตัวเปล่า ไอ้ที่ทำอย่างเนี่ยไม่ปกติแบบสุดๆ ปกติเขาไม่เคยทำอะไรอย่างนี้ถ้ามีผมอยู่ด้วยนะครับ ไม่ถึงกับเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ก็แค่เอาผ้าเช็ดตัวมาพันไว้เวลาเปลี่ยนชุดก็อย่างคนปกติเขาทำกัน แต่ไอ้ที่มายืนแก้ผ้าหมดนี่ไม่เคยมี เห็นอย่างนี้แล้วจะยังไงล่ะ อย่าคิดเรื่องอารมณ์หื่น มันยังไม่มีตอนนี้แน่ เพราะคิดอยู่อย่างเดียวว่า กันต์โกรธโคตรมากอ่ะ ทำประชดกันเห็นๆ

“จะไปไหนอ่ะ” ผมถามเสียงอ่อน อ่อนๆ อ้อนๆ ไว้ก่อนครับ ส่วนกันต์ก็แต่งตัวไปไม่ได้สนใจอะไรผม รายนี้แข็งใส่ไม่ได้เด็ดขาด เพราะแรงไปยิ่งแรงกลับ

“เที่ยว” ตอบเสียงโคตรห้วนเลยครับ เอาน่า อย่างน้อยก็ตอบล่ะ ผมให้กำลังใจตัวเอง

“ไปที่ไหน เดี๋ยวกรไปรับนะ” ผมเดินเข้าไปพูดกับเขาใกล้ๆ ตอนนี้ตัวเขาหอมอ่อนๆ ด้วยกลิ่นจากน้ำหอมที่ใช้ประจำ แต่ถึงไม่ใส่น้ำหอมตัวเขาก็หอมอยู่แล้วนะ เฮ้อ!! ไม่อยากให้ไปไหนเลยจริงๆ ให้ตาย เห็นแล้วมันน่าหวงน้อยที่ไหนล่ะ

“ไม่รู้ อยากไปรับก็โทรมาถามเอา” เขาพูด แล้วเดินออกจากห้องไป ผมก็ตามไปอีกนั่นแหละ เหมือนหมาตามเจ้าของเลยกู นี่ถ้าไม่รักไม่ตามหรอก
.
.
.

พอออกไปหน้าบ้านก็เห็น E250 สีขาวพร้อมเจ้าของที่ยืนหล่ออยู่ข้างรถ แค่เห็นหน้าว่าเป็นพี่ยุ ก็โอเคหมดห่วงครับ แรกๆ ที่เจอเหมือนพี่แกจะดูนิ่งๆ คุยด้วยยาก แต่พอรู้จักกันจริงๆ จะรู้ว่าพี่ยุนี่เป็นคนที่คุยด้วยง่ายมาก แต่ไอ้ช่วงแรกที่ว่างท่านิ่งๆ ใส่ผม เพราะอารมณ์ทั้งหวงทั้งห่วงเพื่อนล้วนๆ ครับ อันนี้พี่ภพเพื่อนสนิทกันต์อีกคนกระซิบบอกผมมา

หลังจากส่งกันต์ขึ้นรถไปกับพี่ยุ แล้วผมก็เดินกลับเข้าบ้าน อย่างแรกที่ทำคือเข้าไปจัดการกับรูปที่มีในคอมฯ ก่อน อย่าคิดว่าจะลบ ไม่ครับ แค่ย้ายออกมาเก็บที่อื่นเฉยๆ เสร็จแล้วก็จัดการกับมะม่วงที่ยังอยู่ในจานจนหมด ส่วนนมในแก้วที่เทมาเผื่อกันต์ก็เอากลับไปแช่ตู้เย็นเหมือนเดิม ก่อนเดินขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ระหว่างเดินก็กดโทรศัพท์หาไอ้นายไปด้วย ว่าจะไปนั่งคุยกับมันที่คอนโดฯ ระหว่างรอไปรับกันต์ ที่ไปหาไอ้นายเพราะคอนโดฯ มันอยู่ติดถนนใหญ่หน้าปากซอยบ้านผมนี่เอง
.
.
.

“R R RRRR....”

นั่งดวลวินนิ่งกับไอ้นายไปจนเกือบจบเกมสาม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ดูหนังจบไปแล้วเรื่องหนึ่ง ก็มีสายเรียกเข้า คิดว่าเป็นกรโทรมาตามให้ไปรับเพราะนี่ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว แต่พอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูกลับผิดคาดเพราะไม่ใช่กันต์ แต่เป็นพี่ยุ

“ครับ พี่ยุ” ผมรับสาย

[ไอ้กร มึงรีบมารับเพื่อนกูที่ร้านXXX ไอ้นนท์...] ปลายสายตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดังลั่นเข้ามาในสาย แล้วเสียงก็ดังห่างออกไป แต่เป็นเสียงที่ตะโกนพูดกับคนอื่นเข้ามาแทน 

[ไอ้เชี่ยนนท์มึงไปลากมันออกมา แม่ง จะได้กันบนโซฟาแล้ว สัด!!] เสียงพี่ยุตะโกน แล้วลงท้ายด้วยเสียงสบถ เหมือนคนกำลังหัวเสียแบบสุดๆ แล้วก็หวังว่าคนที่พี่ยุสั่งให้พี่นนท์ไปเอาตัวออกมาจะไม่ใช่คนๆ เดียวกันกับที่ผมกำลังจะไปรับ

“เฮ้ยมึง กูไปก่อนนะ” ผมหันไปพูดกับไอ้นาย ก่อนจะรีบออกจากห้องมัน แล้วลงไปที่รถ 

[มึงรีบมาเลยไอ้กร ก่อนที่เพื่อนกูจะได้ผัวใหม่] เสียงตะโกนดังเข้ามาในสายอีกครั้ง ก่อนจะตัดสายทิ้ง โดยที่ผมไม่ทันได้ตอบอะไร

ส่วนผมพอออกจากรถได้ก็แทบวิ่งไปที่รถ ได้ยินพี่ยุพูดมาขนาดนั้นคงจะเฉยอยู่ได้หรอก ยังดีว่าที่ร้านที่พี่ยุพูดถึงอยู่แค่เอกมัยห่างจากนี่ไปแค่นิดเดียว ไม่เกินสิบนาทีก็ถึง

ไม่รู้ว่าใช้เวลาแค่ไหนในการขับรถเข้ามาจอดหน้าร้าน เดินไปถึงหน้าร้านก็เห็นพี่ยุกึ่งลากกึ่งประคองตัวกันต์ออกมาจากร้านพอดี โดยมีพี่ภพกับพี่นนท์เดินตามหลังมา คนอื่นก็ยังดูปกติอยู่ จะมีที่คอพับคออ่อนอยู่คนเดียว ก็คนที่ถูกลากออกมานั่นแหละ แล้วให้ตายเสื้อผ้าทำไมมันหลุดลุ่ยอย่างกับไปฟัดกับใครมาวะ


“มึงรีบมาเอามันไปเลย หนักกู” พี่ยุบ่น แล้วส่งกันต์มาให้ผมรับไว้แทน ระหว่างที่ผมเข้าไปรับตัวกันต์มา ผมซึ่งหันหน้าเข้าไปในร้านก็เห็นที่หน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนเดินออกมาจากร้าน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะต้องกลับมาสนใจคนที่ผมรับมาประคองไว้แทน

พอรับตัวกันต์มาได้ผมก็จับตัวเขาให้หันหน้ามาหาผม แล้วจับแขนของเขาทั้งสองข้างให้ยกขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้เพื่อประคองตัวเองให้ยืนอยู่ได้โดยไม่ไหลลงไปกองกับพื้น ผมเองก็กอดรวบเอวเขาไว้อีกที ก็ไม่ได้อายอะไรที่จะยืนอยู่สภาพนี้กันหน้าร้าน ทั้งที่มีคนเดินผ่านไปมาตลอด ส่วนกันต์เอาแต่ยืนเงียบซุกหน้ากับบ่าผมโดยไม่ได้พูดอะไร เงียบอย่างเดียวตั้งแต่ออกมาจากร้าน ถ้าปกติคงมีโวยวายอะไรบ้างแล้วที่มายืนกอดกันกลมแบบนี้นอกบ้าน

“ใช่มันหรือเปล่าวะ” เสียงพี่ยุหันไปถามพี่นนท์ เมื่อเห็นคนที่ผมบอกว่าคุ้นๆ หน้ากำลังเดินผ่านพวกผมไป

“เออนั่นแหละ ไอ้กันต์มันบอกว่าเป็นลูกค้ามัน แต่เผลอหน่อยเดียวแม่งจะแดกเพื่อนกูแล้ว ไอ้กันต์แม่งก็นะ” พี่นนท์ตอบพี่ยุ ได้ยินแบบนั้นก็แทบจะดึงตัวกันต์ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง แต่ก็ติดว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย เลยได้แต่ออกแรงกระชับแขนทั้งสองข้างกอดเอวกันต์จนแน่น จนคนที่ถูกกอดน่าจะเจ็บ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงประท้วง แต่ใช้วิธีอ้าปากงับลงกับบ่าผมแทน ยิ่งเขาฝังเขี้ยวลงมากเข้าผมก็ยิ่งกระชับแขนให้แน่นขึ้นอีก ไม่ได้สนใจเลยว่าตรงหน้ามีคนอื่นอยู่ด้วย

“มันโกรธอะไรมึงมาหรือเปล่าวะ” เสียงพี่ภพถาม พอพี่ภพพูดขึ้นมาก็เหมือนว่าแรงที่งับอยู่บนบ่าผมจะเริ่มคลายออก ผมเองก็คลายแขนตัวเองออกตาม

“นิดหน่อยพี่” ผมตอบ ก่อนก้มลงมองคนที่ผมกอดอยู่ พร้อมกับได้กลิ่นเหล้าจางๆ ปนกลิ่นน้ำหอมลอยเข้าจมูก

“เออ เรื่องของมึงเคลียร์กันเองแล้วกัน แต่อย่าบ่อย มีคราวหน้ากูจะให้มันเลิกกับมึง” พี่ยุพูดขึ้นมา ก่อนยกมือมายีหัวเพื่อนตัวเอง

“อ้าว!! พี่ไหงพูดงั้น” ผมส่งเสียงประท้วง

“ส่วนมึงประชดเก่งนักนะ ระวังคราวหน้ากูจะยุให้ไอ้กรมันหาเมียใหม่” พี่ยุพูดกับเพื่อนตัวเองที่ยังซุกหน้าอยู่กับบ่าผมเหมือนเดิม ก่อนถอนมือออก

“สัด” เสียงคนที่เงียบมาตลอด หันไปพูดนิ่งๆ ใส่เพื่อนตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาซุกหน้ากับบ่าผมเหมือนเดิม ตกลงมันอะไรยังไงวะเนี่ย กู งง!!

“แล้วมันยังไงเนี่ยพี่” ผมถาม

“ก็ตามที่กูบอก ถ้าอยากรู้อะไรไปถามมันเอง” พี่ยุตอบนิ่งๆ

“มึงพามันกลับเหอะ” เสียงพี่นนท์พูดขึ้นมาบ้าง ผมเลยจับตัวกันต์ออกแล้วเปลี่ยนเอาแขนเขาขึ้นมาพาดไหล่ผมไว้เพื่อพากลับไปที่รถ แล้วลาพวกพี่เขาก่อนแยกย้ายกันไป
.
.
.


“มีของดี ก็ดูแลดีๆ หน่อย ระวังจะมีคนอื่นมาช่วยดู” เสียงจากคนที่ผมไม่เห็นหน้าดังมาจากด้านหลัง ระหว่างที่ผมกำลังจับตัวกันต์ให้เข้าไปนั่งในรถ พอเขาเข้าไปนั่งได้แล้วผมถึงได้หันกลับไปมองหน้าเจ้าของเสียงที่พูดมา พอหันไปก็เจอกับคนที่ผมบอกว่าหน้าคุ้นๆ คนที่พี่นนท์บอกว่าเป็นลูกค้าของกันต์ มันเป็นคนๆ เดียวกันกับที่ผมเคยเจอตอนไปรับกันต์วันที่มีงานเลี้ยงในเรือ วันนั้นกันต์เมาแล้วลงมาจากเรือโดยมีมันประคองลงมา ผมนึกหน้ามันออกแล้ว

“ขอบคุณ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง คนของผม ผมดูแลดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องรบกวน ให้คนอื่น มาช่วยดูอีก” ผมตอบกลับไปนิ่งๆ และเน้นเสียงที่ท้ายประโยค ก่อนเดินกลับไปทางฝั่งคนขับ พร้อมกับที่มันก็เปิดประตูรถมันแล้วเข้าไปนั่ง ก่อนจะออกรถไป ส่วนผมเองพอเข้ามาในรถ ก็หันไปมองคนที่นอนหลับคอพับไปแล้ว ก่อนจะออกรถเพื่อตรงกลับบ้าน

.................................................................
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 09-06-2011 23:04:02
อ้าว กันต์เอ๊ยยยยย..ประชดกรซะอย่างนั้น
เพื่อนไปด้วยแต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยเสมอไปนะ
โดนน้องกรซักฟอกใสกิ๊งแน่กันต์ จากเป็นฝ่ายโกรธเดี๋ยวจะพลิกกลับเป็นฝ่ายถูกโกรธแทน

แต่ไม่เป็นไร..กันต์น่ารักอ้ะ แอร๊ยยยยย  :-[


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 09-06-2011 23:14:59
อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: paradoxxx ที่ 09-06-2011 23:29:52
อะไร ยังไง นิ่?
ค้างมากมาย


คู่นี้น่ารักๆ   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: นนพี ที่ 10-06-2011 00:54:37
 :z3: :z3:ยังไงๆๆ
กันต์นี่ชั่งประชด
ตัวเองเค้าอยากอ่านน้องป่านมั้งคิดถึ้งคิดถึง  :m17:
 o1 o1 o1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 10-06-2011 04:12:34
อ้าววว ซะอย่างงั้น
แล้วตกลงเกิดอะไรในร้านนั่นกันแน่ ?
ว่าแต่คนนั้น ไหนบอกไม่ยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้วไง แล้วไมมาพูดงี้ เดี๊ยะ :m16:
รออีกครึ่งค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 10-06-2011 06:00:23
กันต์เคลียร์ด่วนเลยนะ
ไม่งั้น :z6:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 10-06-2011 06:35:54
อ้าววันนี้พี่กันต์ช่างประชดจริงเชียว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 10-06-2011 06:59:41
ชอบประชดเดี๋ยวความรันทดจะตามมา  ไม่คุยกันนะเริ่องเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 10-06-2011 07:53:19
เลยไม่รู้ใครลงโทษใครละคราวนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 10-06-2011 08:17:37
อ้าววววววววววววววว  ยังไงกันละเนี่ยยยย :z3: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 10-06-2011 08:50:42
ค้างง   :z3: 
รออีกครึ่งนึงที่เหลือค่ะ 
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 10-06-2011 12:09:29
มาคุจริงว่ะตอนนี้
ค่อยๆ คุยกันนะจ๊ะหนุ่มๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 10-06-2011 12:12:30
ประชดแบบนี้ไม่น่ารักเลย
กร ทำผิดมากขนาดที่ต้อง ทำตัวแบบนี้เลยเหรอกันต์
คิดใหม่ คุยกันใหม่ดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-06-2011 13:14:27
ง๊องแง๊งกันอีกแล้วคู่นี้  :m17:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 10-06-2011 13:51:25
ถ้าจะเคลียกันยาววววววว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 10-06-2011 18:28:49
กันต์ประชดวิธีนี้ไม่น่ารักเลยนะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 10-06-2011 18:58:31
เรื่องเลยมากขึ้นกว่าเดิมอีก
เนี่ยแหละนะชีวิตคู่ ประชดกันจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 10-06-2011 21:44:26
อ๊ากกกกก กันต์ประชดยังงี้ไม่ดีนะคะ
เง้ออออ อยากรู้เรื่องในร้าน
กันต์จะมีสติเล่ามั้ย?? 55

รอ 2/2 ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 10-06-2011 22:15:33
กร เท่ห์วะ นาย 55
กลับบ้านเเล้วช่วยจัดไห้กันต์หนักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 11-06-2011 00:15:11
 o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 11-06-2011 13:48:31
อาวใครจะโดนลงโทษเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 11-06-2011 14:25:45
กันต์็ช่างประชดนะ แต่พอได้ยินคนยุว่าจะให้กรไปหาคนใหม่บ้างก็หวงใช่ไหมล่ะ
คุยกันดีๆ น่า แต่ไม่รู้จะได้คุยกันหรือเปล่า สงสัยงานนี้จะโดนจัดหนัก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 12-06-2011 09:48:22
งานนี้กันต์คงขาวจั๊วะยิ่งกว่าเดิม เพราะโดนซักเป็นแน่แท้ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 12-06-2011 20:06:24
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้เป็นวันแรก สนุกมากๆเลยค่ะ 


ปล. ไม่ทราบว่าจะเขียนเรื่องของป่านและกาวต์ด้วยป่าวคะ พอดีส่วนตัวอยากรู้เรื่องของคู่นี้ด้วยอ่ะค่ะ แหะๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 12-06-2011 20:56:28
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้เป็นวันแรก สนุกมากๆเลยค่ะ  


ปล. ไม่ทราบว่าจะเขียนเรื่องของป่านและกาวต์ด้วยป่าวคะ พอดีส่วนตัวอยากรู้เรื่องของคู่นี้ด้วยอ่ะค่ะ แหะๆ


เรื่องของกาวน์ป่าน ชื่อเรื่อง "กว่าจะถึงวันที่รู้จัก... รัก" ค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18444.0

ลองอ่านดูนะคะ จะได้ติดตามกันทั้งสองเรื่องเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 12-06-2011 21:03:01
โดนจนได้นี่หมายถึงใครโดนหว่า 5555
รออีกครึ่งนึงนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 13-06-2011 12:56:42
สงสัยจะเป็นกันต์ที่โดนเข้าแล้วแน่ๆ ... โดนลงโทษอ่ะนะ  :laugh: ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 15-06-2011 01:47:30
อ่านรวดเดียวเล่นเอามึน  :really2:

แต่ดีที่มีความหวานมาช่วยเพิ่มน้ำตาลในเลือด   :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Frog ที่ 15-06-2011 18:27:30
อ่านรวดเดียว ตามทันแระดีใจๆ

แอบคิดว่า เราไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้
น่ารักมากกกกก ชอบมว๊ากกกกกกกก
ขอบคุณไรเตอร์นะค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-06-2011 21:17:46
อยากรู้ว่าตอนนี้จะลงเอยยังไงแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: the_pooh9 ที่ 23-06-2011 00:35:48
 :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [1/2] p.55 up 9-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 24-06-2011 19:19:45
ตอนที่ 53 โดนจนได้... [2/2]


“กันต์” เสียงกรมายืนเรียกผมอยู่ข้างๆ แต่ตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจเขาเท่าไหร่ เพราะไอ้ที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้ามันเรียกความสนใจจากผมได้มากกว่า ถ้าตอนนี้จะให้ผมหันไปพูดตอบเขา ผมคงพูดแค่คำเดียว “โรคจิต” พูดอะไร บอกอะไรไม่เคยฟังกันเลยโดยเฉพาะเรื่องนี้ ดูเอาเถอะเล่นสะสมไว้เยอะขนาดนี้ รวมเล่มออกมาเป็นหนังสือภาพสักเล่มเลยดีไหม

ตอนแรกผมยืมคอมพิวเตอร์ เขาส่งเมลรายละเอียดงานให้พี่แอมแค่นั้น แต่พอเห็นเขาลุกไปนอกห้อง เลยนั่งคลิกดูนั่นดูนี่เล่นไปเรื่อย แล้วดันแจ๊คพอตไปเจอไฟล์รูปของตัวเองเขา เน้นว่าของผมเอง เพราะมันมีแต่รูปผมคนเดียวเลย แถมแต่ละรูปก็นะ แทบจะติดเรทอยู่แล้ว แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง คนมันก็อายเป็นนะเว้ย!! 

“กันต์” กรเรียกผมซ้ำอีก คราวนี้เสียงอ่อนลงกว่าเดิมจนกลายเป็นอ้อนแล้ว แต่ยังครับยังอย่าเพิ่งไปหลงกล รายนี้เจ้าเล่ห์ตัวพ่อ ผมไม่ได้โกหกพกลมแต่ประการใด อย่าได้ไปหลงเชื่อกับสิ่งที่เห็นนักเชียว ไอ้ที่เห็นว่าหล่อ รวย ติสท์ ติดเซอร์ เนี้ยบบ้างบางเวลา เรียนดี กีฬาเด่น นิสัยดี สุภาพ จริงใจ เป็นกันเอง มีเหตุผล เอาใจเก่ง ขี้อ้อน รู้สึกว่าจะมีข้อดีเยอะไปรึเปล่าวะ เออ แต่ก็นั่นแหละ ใต้ภาพลักษณ์แบบนั้นมีอะไรซ่อนไว้อีกเยอะ ทั้งขี้หวง ขี้หึงเป็นที่หนึ่ง แถมยังดื้อเงียบอีกต่างหาก ไม่คบเองไม่รู้หรอก บางครั้งเลยพูดกันยากเอาเรื่อง ถึงจะมีข้อเสียแต่มันก็เล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งที่ผมรับได้ บางทีถ้าพูดกันยากนักมันก็ต้องใช้วิธีอื่นแทน อยากพูดไม่รู้เรื่องเองนี่ ผมใช้วิธีของผมบ้างก็อย่ามาว่ากัน 

 “ทำไม เห็นตัวจริงมันไม่ดีกว่าในรูปหรือไง” ผมพูดนิ่งๆ โดยไม่หันไปมองหน้าเขา ก่อนละมือออกจากเม้าส์แล้วกอดอกทิ้งตัวเอนพิงพนัก สายตายังคงมองตรงไปที่หน้าจอ รูปสวยดีหรอกนะ แต่ยังไงมันก็ไม่ชอบอยู่ดี มันเขินเข้าใจไหม แล้วตัวจริงก็มีให้เห็นอยู่แบบนี้จะต้องไปอะไรกับรูปนักก็ไม่รู้

“ก็ดี ดีกว่าอยู่แล้ว” เขาพูด แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีกนิด

“แต่ก็ยังชอบรูปมากกว่า ห้ามอะไรก็ไม่เคยฟัง เคยคิดบ้างไหมว่า ถ้ารูปมันหลุดไปกันต์จะเป็นยังไง” ผมพูดเสียงเย็น เรื่องภาพหลุดนี่ผมซีเรียสนะ ถึงรู้ว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้หลุดไปได้อยู่แล้ว แต่มันก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพราะตัวอย่างมันก็มีให้เห็น

“ไม่หลุดหรอกน่าจริงๆ” กรย้ำกับผม มาขนาดนี้แล้วเขายังไม่คิดจะบอกกับผมสักคำว่าจะลบทิ้งคิดดูแล้วกัน จะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง


R R RRRR....


“ว่าไงมึง” ผมรับสาย หลังได้ยินเสียงเรียกดังแทรกขึ้นมาระหว่างที่เราคุยกันอยู่

[มึงจะเปลี่ยนใจออกมากับพวกกูไหม กูออกจากบ้านมาแล้ว ถ้ามึงไปเดี๋ยวกูแวะรับ] เสียงไอ้ยุดังมาตามสาย ตอนแรกผมปฏิเสธมันไปแล้วนะ แต่ว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว

“เออ มารับกูด้วย” ผมพูด ตอบปลายสาย ส่วนกรเองก็ยังมองผมอยู่ตลอด

[เป็นไรวะมึง] ไอ้ยุถาม ไอ้นี่มันช่างสังเกตเวลาใครมีอะไรปิดมันไม่เคยได้

“ไม่ต้องมาอยากรู้อะไรตอนนี้ ถ้าจะให้กูไปก็รีบมารับ” ผมพูดเสียงห้วน ขอโทษนะไอ้ยุ กูพาลว่ะ ผมบอกมันในใจ ก่อนตัดสายทิ้ง แล้วลุกออกจากห้องไป โดยไม่พูดอะไรกับกร

.
.
.

“จะไปไหนอ่ะ” กรตามเข้ามาในห้อง แล้วถามผมที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมก็ไม่รู้นึกอะไรขึ้นมาถอดเสื้อผ้าใส่นอนออกหมดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า แบบไม่เหลือติดตัวสักชิ้น แล้วค่อยเปิดหาเสื้อผ้าในตู้ออกมาบรรจงใส่

“เที่ยว” ผมตอบ ตั้งใจตอบด้วยนะครับ เขาจะได้รู้ว่าผมไปไหน ตอนนี้เริ่มคิดได้แล้วว่าจะทำยังไงกับคนพูดไม่รู้เรื่องดี ไม่รู้ว่ามันจะดูงี่เง่าไปหรือเปล่า เพราะที่ผมกำลังทำมันเหมือนกับว่าผมกำลังใช้อารมณ์และประชดประชันเขาอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจะทำอยู่ดี

“ไปที่ไหน เดี๋ยวกรไปรับนะ” กรเดินเข้ามายืนซ้อนหลังพูดกับผมใกล้ๆ และมองผมผ่านกระจก 

“ไม่รู้ อยากไปรับก็โทรมาถามเอา” ผมพูด แล้วเบี่ยงตัวเดินออกจากห้องไป ตอนไอ้ยุมารับที่หน้าบ้านกรก็ยังเดินออกมาส่งผม


“ขอโทษนะ” ผมพูดเบาๆ แล้วหันกลับไปมองกรก่อนขึ้นรถ กรไม่ได้ยินหรอก เพราะอยู่ในรั้วบ้านไม่ได้เดินออกมาด้วย

.
.
.
“มีอะไรหรือเปล่าวะ กูเห็นกรมันหน้าหงอยๆ” ไอ้ยุถาม หลังจากออกรถมาแล้ว

“แค่พูดกันไม่รู้เรื่องนิดหน่อยว่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก” ผมตอบ

“กรหรือมึงกันแน่ที่พูดไม่รู้เรื่อง” ฟังไอ้ยุมันพูดแล้วกัน น้ำเสียงมันดูจะเข้าข้างกรมากกว่าผมอีก คิดแล้วมันน่าน้อยใจไหมล่ะ เพื่อนตัวเองยังไม่เข้าข้างเลย ชักจะปัญญาอ่อนใหญ่แล้วกู มีน้อยใจ เฮอๆ

“ปกติกูเห็นมันตามใจมึงจะตาย” ไอ้ยุพูดต่อโดยที่ผมไม่ได้ตอบอะไร แล้วมันก็เลี้ยวรถออกถนนใหญ่

“หรอ” ผมส่งเสียงออกมาแค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“ไม่ต้องมาหรอเหรอใส่กู เดี๋ยวถีบให้ แล้วอีกอย่างไอ้กรนะถ้ามันประคบประหงม กกมึงไว้ให้อยู่แต่ในบ้านได้มันคงทำ หวงฉิบหาย ทำอย่างกับมึงน่ารักตายห่า” ไอ้ยุพูด พอจังหวะรถติดไฟแดงมันก็หันมามองหน้าผม

ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่แอบยิ้มนิดๆ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ใจอ่อนเรื่องนั้นเด็ดขาด

“งี่เง่ามากๆ ระวังเหอะมึง เดี๋ยวมันมีคนใหม่กูจะขำ” ฟังไอ้เพื่อนเวรมันพูด

“ตกลงมึงเป็นเพื่อนใครกันแน่” ผมถามแล้วหันออกนอกรถ ขนาดผมเป็นเพื่อนมันแท้ๆ มันยังไม่คิดจะเข้าข้างผมเลย

...................................................




“คุณกันต์ สวัสดีครับ” เสียงของคนที่เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะเอ่ยทัก

“อ้าว คุณสรรค์ สวัสดีครับ” ผมเองก็ยิ้มรับ ก่อนทักทายกลับไป ตามประสาคนรู้จัก   

“วันนี้มากับเพื่อนหรอครับ” คุณสรรค์ถาม ก่อนจะทักทายเพื่อนผม ผมกับคนที่เข้ามาทักเคยเกือบมีเรื่องเข้าใจผิดกันครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็มีโอกาสคุยกันอีก จนกลายเป็นทั้งลูกค้าแล้วก็เพื่อนอีกคน เพราะคุยๆ กันแล้วเขาก็ถือว่าเป็นอีกคนที่น่าคบหาเลยทีเดียว เป็นคนเปิดเผยแล้วก็พูดอะไรตรงๆ

“ครับ” ผมตอบรับ

“แล้ววันนี้แฟนคุณกันต์ไม่ได้มาด้วยหรอครับ” เขาถามผม

“เปล่าครับ” ผมตอบ

“ตอบเสียงเซ็งๆ แบบนี้ ผมจะมีลุ้นบ้างไหมเนี่ย” คนตรงหน้าเอ่ยแซว แต่ก็แซวกันภาษาเพื่อนนั่นล่ะครับ เพราะคุณสรรค์เองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ผมเองมีโอกาสเจออยู่หลายหน เพราะคู่นี้เขาทำงานด้วยกัน ถ้านัดคุยงานกับผมเขาก็มาด้วยกันเกือบทุกครั้ง ผมเลยรู้จักแล้วคุยถูกคอกับทั้งคู่

“ฮ่าๆ อย่าดีกว่าครับ” ผมตอบ

“แล้วนี่คุณเชนไม่ได้มาด้วยหรอครับ” ผมถามถึงแฟนของคุณสรรค์

“เขาบินไปเยี่ยมน้องสาวที่อังกฤษได้สองสามวันแล้วล่ะ คุณกันต์ไปนั่งคุยต่อที่โต๊ะผมไหมครับ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนผมด้วย เผื่อคุณกันต์จะได้ลูกค้าเพิ่ม แล้วยังไงก็อย่าลืมแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ผมบ้างแล้วกัน” คุณสรรค์พูดยิ้มๆ ผมเองก็ตัดสินใจเดินตามเขาไปนั่งโต๊ะที่อยู่ข้างๆ กับโต๊ะผม

โต๊ะที่คุณสรรค์นั่งรวมกับเพื่อนเขาแล้วก็มีกันสี่คน ทุกคนก็อัธยาศัยดีครับ ระหว่างที่ผมนั่งโต๊ะนี้ก็ยังมองกลับไปที่โต๊ะเพื่อนของตัวเองด้วย กลัวโดนหาว่ามาแล้วไม่สนใจพวกมัน แต่จริงๆ ก็รู้ว่าพวกมันไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้นหรอกครับ แต่สักพักผมก็เริ่มคิดอะไรดีๆ ออก เดี๋ยวต้องนัดแนะกับคนที่นั่งข้างๆ กันก่อนครับ จะได้ไม่ผิดแผน

“คุณสรรค์ ช่วยอะไรผมหน่อย” ผมเอียงหน้าเข้าไปพูดกับเขา ตอนที่คนอื่นๆ ในโต๊ะลุกออกไปหมดแล้ว 

“อะไรครับ” เขาถามกลับมา

“เล่นตามผมหน่อย ถ้าเพื่อนคุณมาเห็น คุณค่อยไปอธิบายเพื่อนคุณที่หลังแล้วกัน” ผมพูดแค่นั้น ก่อนทำใจกล้าหน้าด้านเอนหัวลงซบบ่าตนข้างๆ ทันที เหลือบมองไปที่โต๊ะที่พวกเพื่อนผมนั่งก็เห็นไอ้ยุมองมา “ไอ้ยุกูขอโทษ” ผมบอกมันในใจ งานนี้ต้องใช้มือไอ้ยุด้วยอีกคน แล้วด้วยนิสัยมันผมพอจะเดาออกว่าถ้ามันเห็นสิ่งที่ผมทำมันจะทำอะไร

“หา เอ่อ ครับ” เสียงคุณสรรค์ตอบรับแบบงงๆ ก่อนจะเข้าใจที่ผมสื่อเมื่อผมยกแขนข้างหนึ่งไปพาดอยู่บนหน้าท้องเข้า ก่อนทำตัวอ่อนปวกเปียก คนที่ผมส่งบทให้ก็รับบทต่อได้ทันทีส่งแขนอ้อมมาโอบเอวผมไว้เหมือนกัน แต่แค่หลวมๆ เท่านั้น

“ผมจะโดนต่อยไหมเนี่ย ดูเพื่อนคุณมองผมสิ” คุณสรรค์ก้มหน้าลงมาถาม

“ถ้าคุณโดนต่อยผมจะลดค่าของให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์” ผมพูด

“ค่อยคุ้มหน่อย แต่ถ้าถึงมือหมอผมขอเป็น...” เขาพูด แล้วยกมือชูห้านิ้วมาตรงหน้าผมเป็นอันรู้กันว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก่อนหัวเราะเบาๆ เมื่อผมพยักหน้าตอบตกลง เราอยู่ท่านี้กันไม่นานหรอก นั่นไงไอ้นนท์มันเดินมาทางโต๊ะนี้แล้ว ส่วนไอ้ยุผมเห็นมันหยิบโทรศัพท์ออกมาแต่ไม่รู้โทรไปหาใคร แต่ถ้าให้เดามันคงโทรไปตามกรให้มารับผม

“กันต์ ไอ้กันต์” ไอ้นนท์เดินเข้ามาฉุดแขนผมที่พาดอยู่บนหน้าท้องของคุณสรรค์ออก

“อื้อ” ผมส่งเสียงเหมือนรำคาญมัน แล้วพยายามดึงแขนตัวเองออก โคตรมารยาเลยกู ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เล่นทั้งทีก็เอาให้มันสมบทบาทหน่อย

“กลับบ้านได้แล้วมึง ไอ้ยุมันตามกรมารับแล้ว” ไอ้นนท์ตะโกนบอก แล้วฉุดตัวผมให้ลุกจากโซฟาจนได้

“ขอบคุณมากคร้าบ คุณสาน” ผมพูดเสียงอ้อแอ้ให้เหมือนคนเมา

“โชคดีครับ” เจ้าของชื่อตอบรับและโบกมือให้ ส่วนผมก็ถูกไอ้นนท์ลากตัวไปส่งให้ไอ้ยุอีกที

“ไป ไอ้กรมารับแล้ว” ไอ้ยุมันตะโกนบอก แล้วกึ่งลากกึ่งประคองผมออกจากร้าน ออกมาก็เจอกรยืนรออยู่หน้าร้าน พอเห็นกรไอ้ยุมันก็รีบส่งตัวผมให้กรรับไว้แทน

“ใช่มันหรือเปล่าวะ” ผมได้ยินเสียงไอ้ยุถามไอ้นนท์ แต่ผมไม่เห็นหรอกว่ามันพูดถึงใคร เพราะหันหลังให้พวกมันอยู่ แถมซุกหน้าอยู่กับไหล่กรอีก ส่วนเจ้าของไหล่ก็กอดผมไม่ได้สนใจใครเลย

“เออนั่นแหละ ไอ้กันต์มันบอกว่าเป็นลูกค้ามัน แต่เผลอหน่อยเดียวแม่งจะแดกเพื่อนกูแล้ว ไอ้กันต์แม่งก็นะ” เสียงไอ้นนท์ตอบไอ้ยุ เอาแล้วไงพวกมันขี้ฟ้องฉิบหาย แต่ก็ถือว่าตามแผน ถึงอยากจะหันไปเตะคนละทีแต่ต้องทนไว้ก่อน อยากรู้มากกว่าว่ากรจะทำยังไง โรคจิตไหมล่ะผม แล้วก็ได้เรื่องเมื่อกรออกแรงกระชับแขนกอดเอวผมจนแน่น อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ผมเลยเอาคืนด้วยการอ้าปากกัดลงที่บ่าเขาแรงๆ

“มันโกรธอะไรมึงมาหรือเปล่าวะ” เสียงไอ้ภพถามขึ้นมาบ้าง

“นิดหน่อยพี่” กรตอบไอ้ภพ

“เออ เรื่องของมึงเคลียร์กันเองแล้วกัน แต่อย่าบ่อย มีคราวหน้ากูจะให้มันเลิกกับมึง” ไอ้ยุพูดขึ้นมา ก่อนยกมือมายีหัวผม ลามปามใหญ่แล้วนะมึง กูไม่ใช่หมาบ้านมึงจะได้มาลูบหัวเล่น

“อ้าว!! พี่ไหงพูดงั้น” กรโวย

“ส่วนมึงประชดเก่งนักนะ ระวังคราวหน้ากูจะยุให้ไอ้กรมันหาเมียใหม่” ไอ้ยุมันแขวะผม ไอ้เพื่อนเลวลองยุดูสิมึง

“สัด” ผมหันไปพูดนิ่งๆ ใส่เพื่อนตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาซุกหน้ากับบ่ากรเหมือนเดิม

“มึงพามันกลับเหอะ” เสียงไอ้นนท์พูดตัดบท ผมกับกรเลยได้กลับบ้านกันสักที แล้วเรื่องมันก็น่าจะจบแค่นั้น มีอะไรเดี๋ยวค่อยไปเคลียร์ต่อที่บ้าน แต่เรื่องมันดันไม่จบง่ายอย่างที่ผมคิด เพราะคำพูดสั้นที่ดังมาให้ได้ยินก่อนขึ้นรถ
 


“มีของดี ก็ดูแลดีๆ หน่อย ระวังจะมีคนอื่นมาช่วยดู”

พูดจบมีลอบส่งยิ้มขำมาให้ผมอีก แต่คิดว่ากรคงไม่เห็น เล่นมาพูดทิ้งไว้แบบนี้ เลยไม่รู้ว่าต้องเคลียร์เรื่องไหนก่อนเลยทีนี้ คุณสรรค์นะคุณสรรค์ทำกันได้ ไอ้ผมนะรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอกครับ รักแฟนตัวเองเสียขนาดนั้น แต่ไอ้คนที่คิดเนี่ย มันแฟนผมครับ กลับไปคงเคลียร์กันยาว หาเรื่องแท้ๆ เลยกู

……………………………………….



“เอาไงดีวะกู” ผมคิดระหว่างทางเดินเข้าบ้าน ตลอดทางที่กลับมาผมแสร้งทำเป็นหลับมาตลอดทาง ทั้งที่จริงไม่ได้เมา ไม่ได้หลับ แค่ฟอร์มจัดไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้คนฟอร์มจัดกำลังจะไปไม่เป็นแล้ว เอาไงดีวะ เอาไงดี ลำพังที่ไอ้ยุมันโทรไปเล่าให้กรฟังตอนตามมารับผมคงไม่เท่าไหร่ มันคงไม่ทำให้เพื่อนมันตกที่นั่งลำบากนักหรอก แต่ทีเด็ดมันไปอยู่ตอนท้ายก่อนจะกลับมาต่างหาก

ถ้าทำแบบนั้นมันจะได้ผลหรือเปล่าวะ จะลองดูดีไหม เสียงปิดประตูดังไล่หลังมาแล้ว เอาวะ ใครว่าคนอย่างผมเอาแต่นิ่งขรึมเป็นอย่างเดียว จะลองเปลี่ยนวันนี้แหละ คนเรามันเปลี่ยนกันได้


"กันต์" เสียงเรียกมาจากด้านหลัง เสียงนั้นทั้งห้วนทั้งสั้นต่างกับเวลาปกติลิบลับ เวลาผมโกรธเสียงผมเป็นอย่างนี้หรือเปล่า เอาวะเป็นไงเป็นกัน สู้กันดูสักตั้ง ยังไงซะก็ไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออกหรอก ว่าแล้วก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เรียก

ผมเลือกที่จะไม่ขานตอบแต่หันไปเฉยๆ ทำตัวเหมือนไม่มีอะไร ผมไม่ได้ไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้เลยจริงๆ มีแต่เขานั่นแหละที่ผิด ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น อย่ามามองกันแบบนั้นนะ

“ไปทำอะไรมา ไหนเล่าให้กรฟังหน่อยสิ” กรพูด ก่อนก้าวเข้ามาประชิดตัว ผมเห็นแบบนั้นก็จะก้าวถอยหลังหนี แต่ไม่ทันโดนรวบตัวไว้ได้ก่อน ใครก็ได้ช่วยผมที

“เปล่า ไปเที่ยวตามปกติ ไม่มีอะไร” ผมพูด ทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็งไว้ก่อน ยังไงซะตอนนี้ก็มีความผิดติดตัวกันคนละเรื่อง 

“แต่กรไม่ชอบ” เขาพูด แล้วก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกเราชนกัน

“แล้วทีกันต์บอกว่าไม่ชอบอะไร ทำไมกรยังทำล่ะ” ผมพูดขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ได้ใส่อารมณ์นะ พูดเสียงเบาหน่อยเหมือนงุบงิบพูดคนเดียว ทำตัวสงบเสงี่ยมให้อีกคนเห็นใจหน่อย โกรธไปก็แล้วแต่ไม่เคยได้ผลลองเปลี่ยนมาอ้อนขอดีๆ บ้าง เพื่อจะได้ผล เอาสิยังจะทำเสียงแข็งใส่กันได้อีกก็เอาเลย คนเขาลงทุนขนาดนี้แล้วนะ

“มันไม่เหมือนกัน” กรพูด แล้วดันตัวผมเข้าไปประชิดกับผนังที่ใกล้ที่สุด ก่อนยกแขนมายันผนังกักตัวผมไว้ไม่ให้ไปไหน

“ไม่เหมือนกันยังไง กันต์ไม่ชอบ กรไม่ชอบ มันก็ไม่ชอบเหมือนกันนิ” ผมพูดบ้าง แล้วมองหน้าเขาก่อนกระพริบตาปริบๆ

“ทำประชดกันใช่ไหม” กรถามด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเป็นปกติ แล้วเอามือข้างหนึ่งมาเชยคางผมขึ้นเพื่อให้เขาสบตากับผมได้

“คิดว่ายังไงล่ะ” ผมย้อน ตอนนี้ผมรู้สึกว่าอารมณ์กับคำพูดเราสองคนจะไปคนละทาง พูดเหมือนกระทบกันไปมา แต่มองตากันเยิ้มเสียอย่างนั้น ฮ่าๆ สงสัยท่าทางของผมแบบนี้จะใช้ได้ผล

“ถ้ากรทำบ้าง” กรพูด แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม

“ถ้ากล้าก็เอา” ผมพูด แล้วมองหน้าเขานิ่ง เขาเองก็ไม่หลบตาผม

“หึหึ โอเคๆ กรยอมแล้ว” เยส ก็แค่นั้นแหละ ผมร้องเฮอยู่ในใจ โดยไม่แสดงอาการอะไรออกไป ที่แสดงออกก็มีแค่

>จุ๊บ< จูบแก้มเบาๆ ปลอบใจคนยอมไปหนึ่งที

 “โดนเข้าแล้วใช่ไหมเนี่ย” กรพูด แล้วส่ายหน้าเบาๆ

“หึหึ คงอย่างนั้นมั้ง แต่รูปจะถ่ายอีกก็ได้ ยกเว้นตอนไม่มีเสื้อผ้าห้ามถ่าย” ผมพูดจริงจังขึ้นมาหน่อย

“โอเคๆ หมดเรื่องกันแล้วใช่ไหม” กรพูด แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์


สำหรับเรื่องบางเรื่องของคนสองคน มันก็มีทั้งเรื่องที่คุยกันง่ายและไม่ง่าย
และกับเรื่องง่ายๆ แต่พูดยาก บางครั้งเราก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไป


“ถ้าอย่างนั้นมาทำเรื่องทีเราชอบเหมือนกันดีกว่า” กรพูด ได้ยินแค่นั้นผมเองก็เริ่มไหวตัวทัน ก้มมุดลอดแขนเขาแล้วก้าวขาออกวิ่ง วิ่งขึ้นห้องนะ ฮ่าๆ   

“เฮ้ยยย ใครชอบอย่ามามั่ว” ผมหันไปตะโกนส่งท้าย 

 “จะหลบไปไหน กรยังไม่ได้คิดบัญชีของกรเลย” เสียงกรไล่ตามหลังมา ก่อนจะจบลงด้วยเสียงปิดประตูห้อง ที่ปิดกั้นเราสองคนออกจากโลกภายนอกไปจนถึงเช้า

--------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 24-06-2011 19:39:27
โดนเเล้ว โดนลงโทษเเล้วกันต์ -////-
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 24-06-2011 19:42:51
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง  :เฮ้อ: สบายใจแร่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-06-2011 19:44:06
หายคาใจแล้ววว
ทั้งคู่ยังรักกันเหมือนเดิม
วิธีการของกันต์เล่นเอาคนอ่านเสียวแว้บบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Fanun ที่ 24-06-2011 20:37:20
 :เฮ้อ: โล่งอก นึกว่าจะเกิดเรื่อง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 24-06-2011 21:06:51
ก็แล้วไป ตาคนนั้น...นึกว่าจะเป็นพวกฉวยโอกาสซะอีก
กันต์เจ้าเล่ห์แต่น่ารักนะ (แถมแอบชมแฟนตัวเองให้คนอ่านฟังเฉยเลย  :-[)
อ่านแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มตลอดๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 24-06-2011 21:27:58
ค่อยโล่งอกหน่อยที่เป็นเพียงเรื่องที่กันต์เตี๊ยมไว้กับคุณสรรค์ไม่งั้นได้ดูมวยสดในร้านแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-06-2011 21:29:54
จะเอาตอนกรลงโทษกันต์อ่ะ   จะเอา ๆ ๆ ๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: makimaki ที่ 24-06-2011 22:06:55
อยากอ่านตอนกันต์โดนลงโทษจัง   :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 24-06-2011 23:54:27
โล่งอกแทนกร  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 25-06-2011 00:04:59
คดีพลิกค่ะ กันต์เจ้าเล่ห์มากเลยนะ แต่ไม่เป็นไรให้อภัยได้  :-[
ถ้าไม่ตามอ่านแต่แรก มาอ่านเอาตอนล่าสุดก่อนนี่คงคิดว่ากันต์เด็กกว่ากรแน่ๆ  :laugh:
คุณลูกค้าท่านนั้น (สรรค์) เป็นคนดีนี่ ><

คุณกวาง แล้วรายละเอียดตอนกรคิดบัญชีมันล่องหนไปไหน? ฮ่าๆๆๆ



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 25-06-2011 01:17:54
 :z1: :z1: :z1:
อยากให้โดนบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 25-06-2011 08:58:44
ถอนหายใจแรงๆ ด้วยความโล่งอก  :กอด1: กรกันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 25-06-2011 09:14:28
อยากรับรู้บทลงโทษด้วยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 25-06-2011 12:33:53
มายกมือสนับสนุนขอบทลงโทษสำหรับคนเจ้าเล่ห์(มากกว่ากร) ด้วยอีกคน  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 25-06-2011 13:12:08
แกล้งกันแบบนี้ต้องจัดหนักเลยนะกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 25-06-2011 13:30:16
ฮ่าๆๆ ฉากนี้ กันต์ เหมือนเดกน้อยมากครับ น่ารักดี
ส่วนกร ขอไห้จัดหนัก ไม่เช้าไม่ต้องหยุด ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 25-06-2011 18:12:51
รักที่เป็นสุขทำให้คนอ่อนกว่าวัยลงได้โดยไม่รู้ตัว  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-06-2011 20:32:04
คู่นี้น่ารักจริงๆ แบบนี้สิ ชีวิตคู่ อย่าเอาแต่อารมณ์ใส่กันโครมๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 26-06-2011 12:00:49
นึกว่ากันต์เมาจริงแต่แค่แกล้ง จะโดนกรเอาคืนแค่ไหนนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 26-06-2011 18:35:36
เป็นคู่ที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: paradoxxx ที่ 26-06-2011 20:26:14


น่ารักอะ อ่านไปยิ้มไป อิอิ
นึกว่าจะมีดราม่ากันซะแล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 26-06-2011 20:45:56
ยังไม่เข้าใจกันต์อยู่ดี
ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ
เพื่อจะให้กรเข้าใจ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> โดนจนได้... [2/2] p.56 up 24-6-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 17-07-2011 01:38:00
ตอนที่ 54 ไม่ทันตั้งตัว
 
RRRR...

“เฮ้ย!!” ผมกดรับสายโทรศัพท์ไอ้ป่าน แต่ยังไม่ทันพูดอะไร มือผมดันปัดไปโดนหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะร่วงลงพื้นไปก่อน ที่ร้องไม่ใช้อะไร หนังสือเล่มนี้เพิ่งได้มา แล้วเล่มตั้งหลายพัน อย่าว่าแต่ขาดแค่มันยับก็เสียดายแล้ว

[มึงจะตะโกนทำซากอะไร] ไอ้ป่านมันโวยวายกรอกเสียงมาตามสาย เพราะเสียงผมที่ตะโกนก็ไม่ใช่เบาๆ คือถ้าอะไรที่ผมรักก็จะค่อนข้างหวงครับ แล้วหนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่ถูกใจผมมาก เลยอยากถนอมมันหน่อย หลังเก็บขึ้นมาเช็คสภาพแล้วยังสมบูรณ์ดี ค่อยยังชั่ว

“เพราะมึงหนังสือกูเลยร่วง สัด!!” ผมโทษมัน ถ้าผมอยู่กับมันสองคนก็อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้สิงสาราสัตว์ออกมาเผ่นผ่านกันบ้างตามประสา

[มึงอยู่ไหน] มันถามกลับมา ส่วนผมตอนนี้ก็ปิดหนังสือที่กำลังเปิดดูลายสวยๆ เอามาเป็นไอเดียทำงานส่งลูกค้า

ช่วงนี้ผมเป็นฟรีแลนซ์รับงานออกแบบจากคนที่รู้จักกันมาทำที่บ้านกับช่วยงานกันต์บ้างประปรายระหว่างรอรับปริญญาฯ เอาไว้หลังรับปริญญาฯ แล้วค่อยเข้าไปทำงานกับพ่อเต็มตัว ก่อนหน้านี้มีงานที่เพิ่งทำจบไปคือ ไปเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์ให้กับหนังจากต่างประเทศเรื่องหนึ่งที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ตอนท้ายเรื่องที่ขึ้นเครดิตมีชื่อผมขึ้นด้วย ไอ้ตรงนี้แหละที่ภูมิใจ ก็นะหนังระดับฮอลลีวูด งานนี้มีรุ่นพี่ที่สนิทกันมาชวนผมกับไอ้นายไปทำ เลยรับทรัพย์กันไปพอประมาณ ตอนไปทำก็ยังงงๆ ว่าพี่แกคิดยังไงถึงมาชวนเด็กหน้าใหม่อย่างผมสองคนไปทำ ถึงผมจะเคยไปช่วยงานพี่แกอยู่บ่อยๆ ก็เถอะ แต่ไม่กล้าไปถามะไรพี่แกมาก ถามเยอะกลัวจะชวดงาน เลยเงียบไว้ดีกว่า
 
“อยู่บ้าน” ผมพูดแล้วลุกออกจากห้องทำงาน ใกล้เที่ยงแล้วเลยจะเดินไปหาอะไรกินในครัวด้วย วันนี้พี่จินลาหยุด เดี๋ยวคงทำอะไรง่ายๆ กินเอง

[กู หิว...] มันลากเสียงตอบ มึงเห็นเพื่อนเป็นเคเอฟซีหรือไงวะ พอโทรมาหาแล้วมึงจะหายหิว

“แล้วมึงจะบอกกูเพื่อ” ผมพูด แล้วเริ่มเหล่ๆ หาของในตู้เย็นออกมาทำเป็นมื้อกลางวัน มะเขือเทศ หอมใหญ่ ไข่ เมื่อวันเสาร์ซื้อมักกะโรนีมา ผัดมักกะโรนี ผมสรุปก่อนเปิดช่องฟรีสหยิบถุงกุ้งแช่แข็งออกมา

[มึงทำไรให้กูกินหน่อย เดี๋ยวกูไปกินข้าวด้วย] มันพูด แล้วผมก็ได้ยินเสียงปิ๊บเหมือนมันกดรีโมทรถยนต์ ทำขนาดนี้แล้วมึงไม่ต้องโทรบอกกูก็ได้มั้ง

“ไม่ต้องมาเลยมึง พี่จินไม่อยู่ ใครจะทำให้มึงกิน” ผมพูด ก่อนยืดแขนขึ้นเปิดตู้ที่อยู่ด้านบนหาถุงมักกะโรนี

[มึงไง] มันตอบ แม่งพูดง่าย 

“เรื่องอะไรกูต้องทำให้มึงกิน ไปซื้อนู่นไป กูขี้เกียจ” ผมพูด แล้วเปิดน้ำใส่กะละมังเพื่อแช่ผัก

[กูเพื่อนมึงนะ] มันพูดเสียงอ่อย อย่ามาเล่นมุขนี้กับกู แม่ง!! มันรู้ว่าเดี๋ยวยังไงผมก็ใจอ่อนยอมมันอยู่ดี ผมก็ไม่รู้จะเถียงกับมันให้เหนื่อยทำไมเหมือนกัน

“เออ จะมาก็รีบมา” ผมพูด แล้วเดินไปหยิบไข่เพิ่มอีกฟอง 

[สิบนาทีเจอกันนะคะ ที่รัก] ไอ้ป่านทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่โทรศัพท์ ทีอย่างนี้ล่ะปากเก่งนะมึง กับตัวจริงของมึงพูดให้มันได้อย่างนี้เถอะ ผมแค่คิดในใจ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก กดตัดสายไปทันทีที่มันพูดจบ แล้วยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ก่อนตั้งหม้อน้ำบนเตาใส่เกลือและน้ำมันลงไปนิดหน่อยสำหรับต้มมักกะโรนี

………………………………………….



“สวัสดีค่ะที่รัก มึงทำอะไรให้กูกินคะ” เสียงกวนตีนของไอ้ป่านดังขึ้นมาจากหน้าประตูครัว ในจังหวะที่ผมกำลังตักผัดมักกะโรนีขึ้นใส่จาน

“มึงจะกินไหม ถ้าจะกินช่วยหุบปากมึงซะ” ผมพูดแล้วส่งจากมักกะโรนีไปให้มันรับไว้ มันก็รู้งานรีบหุบปาก รับจาน แล้วเดินไปเปิดตู้หยิบช้อนส้อม ก่อนเอามาชูให้ผมดูว่ามันหยิบมาเผื่อผมแล้ว แล้วเดินออกจากครัวไป

“พี่กันต์กลับวันไหนวะ” ไอ้ป่านถาม ตอนผมเดินมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวฝั่งตรงข้ามกับมัน

“วันอาทิตย์” ผมตอบ พูดแล้วก็คิดถึง ไม่ได้อยู่ห่างกันนาน พอห่างเข้าหน่อยโคตรคิดถึงเลย

“คิดถึงดิ มึง” มันถาม แล้วเริ่มต้นเขี่ยหอมใหญ่ออกมาไว้ที่ขอบจาน

“ก็ธรรมดา ว่าแต่มึงเหอะ มีไรรึเปล่า” ผมพูด แล้วหยิบขวดซอสมะเขือเทศมาเปิดเทเพิ่มลงไปในจานอีก ตอนผัดผมจะใส่ซอสไม่เยอะมาก ชอบมาใส่เพิ่มเอาทีหลังมากกว่า

“เหอะ กูแค่มาหาข้าวกิน” มันพูด แล้วหยิบเอาขวดซอสมะเขือเทศที่ผมเพิ่งวางกลับที่ไปเปิดเทลงจานมันบ้าง พอได้ยินมันบอกว่าไม่มีอะไรก็ดีแล้วครับ ดูจากสีหน้าท่าทางมันแล้วชีวิตมันช่วงนี้ก็คงจะราบรื่นดี


RRRR…..

“เป็นไงบ้าง กินข้าวยัง” ผมถามปลายสายระหว่างที่รอฟังคำตอบก็ได้ยินเสียงคนคุยกันจอกแจกแทรกเข้ามาเป็นระยะ

[แดดร้อน เพิ่งเล่นเกมเสร็จ กำลังขึ้นไปกินข้าวที่โรงแรม กินข้าวยัง] เสียงกันต์ตอบกลับมามีเสียงหอบเล็กๆ ตอนนี้กันต์อยู่ที่ปราณบุรีครับ ที่บริษัทฯ เขาจัดสัมมนา เขาก็ชวนผมไปด้วยกันนั่นแหละ แต่ผมติดงานที่ต้องรีบทำส่งลูกค้าเลยไปไม่ได้ แล้วอีกอย่างเขาก็ไปแค่สองคืนเอง เหลือคืนนี้อีกคืนพรุ่งนี้ก็กลับมาแล้ว

“กำลังกิน อยู่กับไอ้ป่าน” ผมพูด แล้วเหลือบตาขึ้นมองไอ้ป่านบ้าง ก็เห็นมันนั่งเคี้ยวตุ้ยๆ เลี้ยงเพื่อนกูอดๆ อยากๆ หรือเปล่าวะ มาถึงก็กินเอาๆ

[ออกไปกินข้าวข้างนอกกันหรอ] เสียงกันต์ถามกลับมา

“เปล่า มันมาบ้าน คนเลี้ยงมันปล่อยมันอดๆ อยากๆ ต้องมาหาข้าวกินถึงนี่” ผมพูด มีแอบกัดเพื่อนตัวเองเล็กน้อย ไอ้ป่านพอได้ยินที่ผมพูดกับกันต์ มันก็ขยับปากด่าผมแบบไม่ออกเสียง แต่ผมอ่านปากก็รู้แล้วว่ามันด่าว่าอะไร ระหว่างนั้นมีเสียงกริ่งดัง ผมเลยขยับตัวเตรียมจะลุกออกไปดูที่หน้าบ้าน แต่ไอ้ป่านมันพูดขึ้นมาก่อน

“เดี๋ยวกูไปดูให้” เสียงไอ้ป่านบอกผม หลังจากได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น ผมก็พยักหน้าส่งไป แล้วนั่งลงตามเดิม

[แล้วทำอะไรกิน วันนี้พี่จินไม่เข้าบ้านนิ] เสียงกันต์ถามต่อ และมีเสียงลมพัดให้ได้ยินเข้ามาเป็นระยะๆ

“ผัดมักกะโร แล้วนี่เดินถึงโรงแรมหรือยัง” 

[ถึงแล้วๆ ไปกินข้าวก่อนนะ หิว]

“งั้นเดี๋ยวดึกๆ กรโทรไปหาแล้วกัน” ผมพูด

[อือ] กันต์ตอบรับสั้นๆ แล้ววางสายไป พอวางสายผมก็เดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำ พร้อมแก้วอีกสองใบ เดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว แต่พอกลับเข้ามาก็เจอกับบุคคลที่สามที่ไม่คาดว่าจะได้เจอยืนอยู่หน้าไอ้ป่าน

“ป้าแพรว” ผมเอ่ยชื่อเรียกหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะรีบเอาของที่ถือมาวางลงบนโต๊ะ

“สวัสดีครับ ป้าแพรวมาได้ยังไงครับ” ผมรีบยกมือไหว้ แล้วถามป้าแพรวแบบงงๆ ที่งงเพราะป้าผมเขาอยู่ที่เนเธอแลนด์กับครอบครัวแล้วก็ตายาย แล้วจู่ๆ ป้าแพรวมาหาผมได้ถึงบ้านนี้ผมก็งงสิครับ ถึงจะกลับมาเยี่ยมเมืองไทยทุกปี แต่ไม่เคยมาโดยที่ไม่บอกล่วงหน้าแบบนี้

“ลุงอุ้ยกลับมางานแต่งหลานเขา เกรซกับเกล้าก็อยากตามมาเที่ยวด้วยเลยพากันมาหมด นี่ป้าเพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่เมื่อเช้า พอมาถึงก็มาหาเรานี่แหละ เสียดายพ่อแม่เราไปเวียดนามก่อน ป้าเลยไม่ได้เจอเลย” ป้าแพรวพูด ลุงอุ้ยที่ป้าพูดถึงคือสามีของป้าแพรว ส่วนเกรซกับเกล้าก็ลูกสาวของป้าแพรว ลูกพี่ลูกน้องผมนั่นแหละ เกรซอ่อนกว่าผมปีเดียว ส่วนเกล้าสองปี

“ป้าแพรว นั่นป่าน เพื่อนกร” ผมมัวแต่ตกใจกับการมาของป้าแพรวจนเกือบลืมไอ้ป่านไปสนิท

“ป่านบอกป้าตอนไปรับที่หน้าบ้านแล้วล่ะ” ป้าแพรวพูด ก่อนเดินมายืนข้างผม

“คนนี้หรือเปล่าที่แม่เราเล่าให้ป้าฟัง” ป้าแพรวเหล่ตามองไอ้ป่านมันนิดนึง ก่อนหันมาพูดเบาๆ ข้างหูผม แล้วผมจะรู้ไหมเนี่ยว่าแม่ไปเล่าอะไรให้ป้าฟังบ้าง

“กินข้าวกันอยู่หรอลูก มานั่งกินต่อมา” ป้าแพรวพูด แล้วกวักมือเรียกไอ้ป่านกลับมานั่ง มันก็เดินกลับมา

“เล่าอะไรป้าแพรว” ผมหันไปกระซิบถาม แต่ป้าแพรวไม่ตอบครับ ไอ้ป่านเองก็เหลือบมองผมบ้าง แล้วค่อยลงมือกินผัดมักกะโรนีที่ยังค้างอยู่เกือบครึ่งจาน

“แล้วป้าแพรวกินข้าวมาหรือยังครับ แล้วลุงอุ้ย เกรซ เกล้าไม่ได้มาด้วยหรอ” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง เอาไว้กินเสร็จแล้วค่อยคุยเรื่องอื่นดีกว่า

“ป้าแวะกินมาแล้ว เมื่อกี้ป้าแวะไปห้างก่อนถึงบ้านเรานี่แหละ เกรซกับเกล้าไปดูชุดใส่ไปงานกัน เดี๋ยวเสร็จแล้วจะตามมา ป้าขี้เกียจเดินด้วยเลยนั่งแทกซี่มาหาเราก่อน” ป้าแพรวพูด แล้วหันไปทางไอ้ป่านอีก แล้วก็หันกลับมามองผมใหม่

“ตอนแรกป้าจะแวะไปหาที่บ้านแต่โทรหาแม่เราแล้ว เขาบอกว่าเราแยกมาอยู่กับเพื่อน แล้วคิดยังไงออกมาปลูกบ้านอยู่เอง ตอนแรกป้านึกว่ากรแต่งงานแล้วไม่ยอมบอกป้าซะอีก ที่ไหนได้แม่เราบอกว่ามาอยู่กับเพื่อน แล้วนี่อยู่กันสองคนหรอ” ป้าแพรวพูดแล้วหันไปมองรอบๆ 

“ฮะ ครับ ไม่ใช่ครับ” ไอ้ป่านส่งเสียงตอบอึกอักหันหน้ามาขอความช่วยเหลือจากผมเพราะไม่กล้าพูดอะไรมาก เลยได้แต่ยิ้มเจื่อนให้ป้าแพรวแทน 
   
“ไอ้ป่านมันมากินข้าวกับกรด้วยเฉยๆ แล้วคืนนี้ป้าแพรวนอนที่ไหน นอนที่บ้านกรไหม”
 
“ป้าจะไปนอนบ้านพ่อแม่เรานั่นแหละ แล้วพรุ่งนี้บ่ายค่อยต่อเครื่องไปภูเก็ต” ป้าแพรวตอบ ตอนนี้ไอ้ป่านลุกเอาจานไปเก็บในครัว

“จริงๆ ป้าแพรวนอนที่บ้านนี้ก็ได้นะ ยังมีห้องว่างอีกสองห้อง เดี๋ยวตอนเย็นกรพาไปกินข้าว ร้านนี้ป้าแพรวน่าจะชอบ” ผมพูด ตอนเด็กๆ ช่วงปิดเทอมพ่อกับแม่ก็ส่งผมไปอยู่กับป้าแพรว ผมกับป้าแพรวเลยสนิทกัน แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เจอสองสาวลูกพี่ลูกน้องผมนานแล้ว มาเมืองไทยทั้งที่คืนนี้เลยว่าจะควงสองสาวแสบไปเที่ยวด้วยกันซะหน่อย ถึงผมไม่เอ่ยปากแต่เชื่อเถอะถ้ามันสองคนเจอหน้าผมก็รบเร้าให้พาพวกมันไปอยู่ดี

“พอดึกๆ จะชวนกันไปเที่ยวอีกล่ะสิ” ป้าแพรวพูดอย่างคนรู้ทัน ไม่รู้ๆ ทันลูกสาวตัวเองหรือรู้ทันผมกันแน่ ฮ่าๆ

“นิดนึงน่า เฮ้ย! ป่าน คืนนี้ไปร้านไอ้เดย์กัน” ผมบอกป้าแพรว พร้อมทำหน้าทะเล้นใส่ ก่อนหันไปบอกไอ้ป่าน มันมองผมแบบงงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ สำหรับสองสาวไม่ต้องไปนัดหรือไปถามอะไรมันหรอกครับ มั่นใจว่ายังไงมันไม่มีทางปฎิเสธอยู่แล้ว

“แล้วจะไปกี่โมง” มันถามแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ นั่งลงตามเดิม

“ยังไม่รู้วะ มึงจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเปล่า เดี๋ยวกูโทรหาพวกนั้นได้ แล้วจะโทรไปบอกอีกที” ผมบอก ไอ้ป่านมันก็พยักหน้ารับ

“งั้นกูกลับเลยแล้วกัน ป้าแพรวครับ ป่านกลับก่อนนะครับ” ไอ้ป่านพูด แล้วยกมือไหว้ลาป้าแพรว

“อ้าว กลับแล้วหรอลูก ไม่ไปกินข้าวเย็นด้วยกันหรอ ไปหลายๆ คนสิจะได้สนุก นะไปด้วยกัน” ป้าแพรวพูดพร้อมทำหน้าเสียดาย

“เออ มึงก็ไปกินข้าวเย็นกับกูดิ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเอารถกลับมาจอดไว้บ้านกู อย่าลืมบอกพ่อมึงด้วย” ผมบอกมัน ส่วนพ่อมันที่ผมพูดถึง คงจะรู้กันนะครับว่าผมไม่ได้หมายถึงพ่อบังเกิดเกล้าของมัน แต่เป็นพ่อทูนหัวต่างหาก เฮอๆ

“งั้นเดี๋ยวป่านกลับมานะครับ ป้าแพรว” มันพูด แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้

“กรไปส่งมันแป๊บนึงนะ” ผมพูดแล้วลุกตามไอ้ป่านไป จริงๆ ไม่ได้จะมาส่งมันหรอกครับ แต่มีเรื่องจะคุยกับมันมากกว่า

“แม่ง ป้ามึงถามมาซะกูไปไม่ถูก แม่มึงเล่าอะไรให้ป้ามึงฟังบ้างวะ โชคดีพี่กูไม่อยู่ ไม่งั้นได้สนุกกันใหญ่แน่” แค่เดินพ้นจากโต๊ะกินข้าวมาได้หน่อย ไอ้ป่านมันก็เริ่มเลยครับ พอกับผมที่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากหายใจไม่ทั่วท้องอยู่นาน

“สนุกบ้านมึงสิ ตกลงแม่กูไปเล่าอะไรไว้บ้างวะ เดี๋ยวต้องโทรถามซะหน่อย แล้วส่งป้าแพรวมาไม่บอกกูล่วงหน้า กูจะได้กลับบ้าน ส่งมานี่เฉยเลยแม่กู” ผมบ่น ที่บ่นไม่ใช่เพราะไม่สะดวกใจที่จะให้ป้าแพรวมานี่นะครับ เรื่องนั้นเรื่องเล็ก แต่ไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่ผมออกมาอยู่บ้านนี้ได้ยังไงมากกว่า

“หึหึ” ไอ้ป่านหัวเราะ เหมือนเป็นเรื่องสนุกเสียเต็มประดา

“เออ ไม่ถึงตามึงบ้างให้มันรู้ไป” ผมพูด

“แล้วเย็นนี้มึงจะไปร้านไหนวะ” ไอ้ป่านมันถาม แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ โดยมีผมเอาแขนท้าวประตูรถมันไว้

“รัสมุข-มัสยา” ผมตอบ ร้านนี้คนที่พาผมไปก็ไม่ใช่ใคร สุดที่รักของผมนั่นเอง

“เออๆ กูไปละ เดี๋ยวกูกลับมาสักห้าโมงแล้วกัน เชิญมึงคุยกับป้ามึงตามสบาย โชคดีๆ” ไอ้ป่านโบกมือลา ก่อนยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วลากปาดคอ การกระทำมึงขัดกับคำพูดมาก ไอ้เพื่อนเลว!!

........................................................



“พี่ป่าน เป็นแฟนพี่กรหรอ” สองสาวแสบของผมมันเริ่มแผลงฤทธิ์กันแล้วครับ ถึงรอดจากคนแม่มาได้ แต่เจอคนลูกผมคงรอดยาก ตอนนี้ผมกำลังขับรถพามันกับไอ้ป่านไปที่ร้านของไอ้เดย์ คืนนี้เพื่อนผมมันไปกันครบ มันถือโอกาสไปฉลองเรียนจบกันด้วย ที่จริงปิดโปรเจคกันไปเกือบเดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้นัดเลี้ยงกันเพราะไอ้นายไปเยี่ยมน้องสาวมันที่เชียงใหม่ น้องมันเรียนสถาปัตย์อยู่มอชอ แล้วเพิ่งกลับลงมาเมื่อวานนี้

“เฮ้ย!! ไม่ใช่ๆ” ไอ้ป่านรีบหันไปปฎิเสธเกรซที่นั่งอยู่เบาะหลัง

“จริงอ่ะ น้าพลอยบอกว่าพี่กรอยู่กับเพื่อน เพื่อนคนไหน ใช่เพื่อนแน่หรออออ...” คราวนี้เสียงน้องเกล้า แล้วมันจะทำเสียงสูงท้ายประโยคทำไมฮะ ไอ้ป่านแม่งก็ขำ บางทีมึงช่วยกูบ้างก็ได้นะ จ้องแต่จะซ้ำกูตลอด

“เพื่อนคนนั้นน่ารักเท่าพี่ป่านไหม ถ้าน่ารักเหมือนพี่ป่านก็โอเค” เสียงเกรซเจื้อยแจ้วต่อ แล้วนี่น้องผมมันยินดีกันมากใช่มั้ยถ้าพี่ชายจะมีแฟนเป็นผู้ชายเนี่ย ช่วยทำตัวเป็นน้องสาวแบบปกติกันบ้างได้ไหม ทำเป็นตกอกตกใจกันบ้างสักนิดก็ได้ นี่อะไร ดูยินดีปรีดากันเหลือเกิน ผมล่ะไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ

“ดูรูปป่ะ เดี๋ยวพี่เอาให้ดู” ไอ้ป่านเสนอ มึงชักสนุกใหญ่แล้วนะ

“มึงช่วยถามกูสักคำครับ ว่ากูยินดีไหม” ผมหันไปพูดกับไอ้ป่าน แต่คิดว่ามันจะสนไหมครับ ไม่เลย ผมพูดไปมันก็หยิบเอาโทรศัพท์มาเลื่อนๆ หารูปไป แม่งเป็นเพื่อนรักกูมาก แต่รูปแฟนกูก็พี่มึงนะ คิดนิดนึงเหอะ

“นี่ไง” พอไอ้ป่านเจอรูปที่มันต้องการก็ส่งโทรศัพท์มันไปด้านหลัง แล้วก็ได้ยินเสียงสองสาวกรี๊ดกร๊าดกันใหญ เก็บอาการกันนิดนึงไหมน้องกู

“หล่อ”

“ไหนๆ อุ้ย!! หล่อจริงด้วย ก็น่ารักเหมือนกันนะ แต่พี่ป่านน่ารักกว่า”

“แต่พี่คนนี้หล่อกว่า”

“โอเค ผ่านๆ” เสียงเกรซกับเกล้ามันคุยกันสองคนที่เบาะหลัง ไอ้ป่านก็เอาแต่หัวเราะครับ สนุกเกินไปนะมึง

“พี่ป่านๆ แฟนพี่กร ชื่ออะไรอ่ะ” พอได้ยินเสียงมาจากด้านหลังผมก็หันไปมองไอ้ป่านทันทีเลยครับ แต่ก็เหมือนเดิม ผมไม่ใช่พี่กาวน์นิจะไปทำอะไรมันได้

“พี่กันต์” ไอ้ป่านตอบแล้วหันมามองหน้าผมแบบสะใจมาก คราวนี้สองสาวมันยิ่งได้ใจใหญ่เห็นไอ้ป่านเป็นพวกไปเรียบร้อย ยื่นหน้าเข้ามาหาพร้อมเอามือเกาะเบาะไอ้ป่าน ก่อนเริ่มถามซักกันเป็นการใหญ่ ไอ้เพื่อนผมก็น่ารักน่าตื้บมาก ตอบตรงทุกคำถาม จนผมอยากจอดรถแล้วเปิดประตูถีบมันลงไปเสียเดี๋ยวนี้

“ใครจีบ ใครก่อนอ่ะพี่ป่านรู้ป่ะ” ถามกันมาจนจะถึงร้าน ยังไม่หยุด เพื่อนมึงไม่ใช่ดาราครับไอ้คุณป่าน มึงไม่ต้องคุ้ยเรื่องกูมาเล่าขนาดนั้น ไอ้ผมก็ไม่มีปัญญาจะไปห้ามมันทั้งคนถามคนตอบ คงทำได้แค่อย่างเดียวคืออย่าให้มันไปพูดต่อแค่นั้น แต่คิดว่ามันคงรู้แหละว่าอะไรเป็นอะไร พูดได้ไม่ได้ แต่เดี๋ยวย้ำอีกรอบกันเหนียวดีกว่า

“ไม่ต้องไปพูดกันต่อล่ะ” ผมหันไปพูดกับสองสาวหลังจากจอดรถแล้ว

“รู้แล้วน่า แม่ก็ไม่ได้รู้ซะหน่อยว่าพี่อยู่กับแฟน แต่ถึงรู้ก็ไม่อะไรหรอก พี่กรก็รู้นิ” เสียงเกรซมันพูด

“เออๆ นั่นแหละ แต่อย่ารู้ดีกว่า” ผมพูด แล้วเปิดประตูลงจากรถ พอลงจากรถ น้องเกล้าก็วิ่งมาควงแขนผมเลยครับ อย่างนี้ประจำถ้ามาด้วยกัน ส่วนน้องเกรซเดินคุยอยู่กับไอ้ป่าน

“แล้วเกล้าจะเจอพี่กันต์ไหมเนี่ย อยากเห็นตัวจริงอ่ะ”

“อาจจะ” ผมตอบแค่นั้น เพราะเมื่อเข้าไปในร้านก็คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องแล้วล่ะครับ เสียงมันดัง แต่ในใจก็ภาวนาให้พรุ่งนี้กันต์มาถึงบ้านช้าหน่อย จะได้คลาดกัน อย่าได้มาเจอกันเลยจริงๆ

............................................................................ 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 17-07-2011 02:37:23
น้องป่านพาความน่ารักมาถึงเรื่องนี้เชียว
ส่วนกร เอาตัวรอดดีๆ นะ  :laugh:
เตรียมหาวิธีแนะนำหลานสะใภ้กับคุณป้าด้วยล่ะ
เผื่อจะเจอกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 17-07-2011 06:16:24
อยากรู้สองสาวเจอหน้าพี่สะใภ้ตัวจริงแบบเป็นๆจะกรี๊ดขนาดไหน  ว่าแต่จะมีใครหึงกันอีกป่าวนิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 17-07-2011 08:14:03
แหม๋  ควงกันเป็นคู่ๆ เลย ระวังจะเจอแจ๊คพอทนะเออ
กรยังไม่โทรรายงานเลยนะ ว่ามีญาติมาเยี่ยม
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 17-07-2011 08:37:28
พี่กันต์รีบกลับมาเร็วๆ อิอิ
ว่าแต่กรโทรหาพี่กันต์ยังเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-07-2011 08:54:52
งานนี้จะมีลมเพชรหึงจากกันต์หรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 17-07-2011 09:00:44
อ่านไม่บอกพี่กันต์ก่อนว่าจะมาเที่ยวระวังโดนโกรธนะ...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 17-07-2011 09:04:59
^
จิ้มคนข้างบน หุหุ

ขอให้กันต์กลับมาไม่เจอสองสาวหรือถ้ากลับมาเจอก็ขอให้ไม่มีเรื่องต้องเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: afternoon ที่ 17-07-2011 09:06:02
น้องป่านน่ารักกจริงๆ
เค้าถามอะไรมาก็ตอบให้หม๊ดดดดดด 55555
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 17-07-2011 09:08:20
โดนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 17-07-2011 11:14:05
องค์กันต์จะลงหรือเปล่า
ฮาๆๆ ลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-07-2011 12:49:26
กันต์กลับมาเจอทั้งคุณป้าทั้งลูกสาวก็ดี ได้มีการแนะนำญาติให้รูจักกัน
และถึงไม่เจอกัน คงไม่มีการเข้าใจผิดกันหรอก
ก็มีป่านเป็นพยานชั้นเอกอยู่ทั้งคนนี่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 17-07-2011 13:16:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: makimaki ที่ 17-07-2011 14:07:36
สองสาวนี่เป็นสาววายของแท้เลยนะเนี่ย

มีกรี๊ดกร๊าดกับแฟนของพี่ชาย ก็กันต์เค้าหล่อนี่เนาะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-07-2011 14:43:00
ระวังงานใหญ่จะเข้าแบบไม่รู้ตัวนะเออ พี่กันต์ แกยิ่งโหดๆ อยู่  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 17-07-2011 15:28:50
สงสัยจะไม่พลาดวันพบญาติ(ฝ่ายสามี)ค่ะ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 17-07-2011 16:09:25
แอร๊ยยยย คุณป้ามาดูตัวหลานสะใภ้ชิมิเคอะ
ลูกพี่ลูกน้องกรก็เยี่ยมอะ เริดมาก  o13
ป่านน่ารักเนอะ
:-[



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 17-07-2011 19:23:17
คุณป้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว
แถมถูกจู่โจมโดยน้องสาว ที่มีน้องป่านให้ท้าย
นัดแนะกับกันต์ให้ตั้งรับกันดีๆ นะเออ
แต่งานนี้ไม่ต้องห่วงหรอก
เพราะสองสาวท่าทางจะกรี๊ดแฟนพี่ชายมากเอาการ  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 17-07-2011 20:02:04
สงสัยได้เวลาที่กรต้องเปิดตัวหลานสะใภ้กับคุณป้าแล้วมั้ง

ว่าแต่ว่า ไม่รู้ว่าหลานสะใภ้จะยินดีเปิดตัวรึเปล่า

ไม่ใช่ว่าไม่อยากเป็น แต่ท่าทางจะเขินเอาการอยู่

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 17-07-2011 21:34:42
คิดถึงกันต์ แฮ่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 17-07-2011 22:55:34
กันต์กลับมาเร็วๆนะ อยากรู้ๆๆว่ากันต์จะทำยังไงหนอ :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 17-07-2011 23:03:59
งานจะเข้ากรมั้ยเนี่ย? เอ....หรืองานจะเข้ากันต์หว่า?

รอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: นนพี ที่ 17-07-2011 23:06:21
งานจะเข้ากรไหมเนี่ยยยย ไม่หรอกกันต์น่าจะเข้าใจอยู่น้าา
อุ๊ยๆน้องป่านมาด้วยย :man1:
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 18-07-2011 20:25:24
"นี่กันต์ครับ"
"เป็น แฟน กร"

แอบคิดเล่น เพราะถ้ากรพูดจริง คงจะโดนกันต์ทำยิ่งกว่าเหวี่ยง  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 18-07-2011 23:51:54
คุณป้าท่าทางใจดีออก คงไม่มีไรหรอกมั้งนะ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: paradoxxx ที่ 19-07-2011 00:29:25
ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 19-07-2011 15:42:21
น่ารักอ่ะชอบจังเลย
+1ให้ค๊าพร้อมกดlike

 :L2: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 19-07-2011 19:12:52
มาแปะไว้ก่อนนะครับอ่านถึงหน้า11แล้ว :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 21-07-2011 18:50:29
ได้อ่านตอนใหม่หลายตอน...มีความสุข ^O^

ว่าแต่..หวังว่าคงไม่มีมรสุมเข้านะคะ เหอๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-07-2011 13:54:26
 :angry2:คิดถึงคร๊าบบบบบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ไม่ทันตั้งตัว p.56 up 17-7-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 06-08-2011 23:04:44
ตอนที่ 55 หมดแรง

“ถึงไหนแล้ว” ผมโทรถามกันต์เมื่อเห็นว่าเกือบเที่ยงแล้วเขายังมาไม่ถึง กันต์โทรมาบอกว่าออกจากหัวหินตอนเก้าโมงนี่ก็น่าจะถึงได้แล้ว

[เกือบถึงหน้าปากซอย รถมันติดเลยช้า ไม่เกินสิบนาทีก็ถึง แล้วป้ากรยังอยู่หรือเปล่า] เสียงกันต์ตอบกลับมา มีเสียงเพลงในรถดังแทรกเข้ามาให้ได้ยินชัด ลองเปิดเพลงดังขนาดนี้ท่าทางจะหงุดหงิดอยู่เล็กๆ ที่รถติด

“ยังอยู่ เดี๋ยวไปกินข้าวกลางวันกันก่อนถึงกลับ” ผมบอกกลับไป เมื่อวานเย็นผมก็โทรไปบอกเขาไว้แล้วล่ะว่าครอบครัวของป้าผมมาพักที่บ้านเรา แต่ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากเพราะผมเองก็ไปข้างนอก ส่วนกันต์เองทำกิจกรรมอยู่กับพนักงานที่บริษัทฯ หลบออกมาคุยกันแค่ไม่นานเขาก็ขอกลับเข้าไปร่วมงานต่อ

[มีอะไรยังไม่ได้เล่าให้กันต์ฟังหรือเปล่า] เขาถามผม อะไรจะความรู้สึกไวปานนั้น แล้วจะให้ตอบยังไงล่ะครับ ในเมื่อมันมีเรื่องที่ผมไม่ได้เล่าเยอะแยะไปหมด ยังไม่รวมเรื่องสองสาวแสบอีก นี่ก็วิ่งมาเซ้าซี้ถามผมแล้วถามผมอีกว่าพี่กันต์ถึงไหนแล้ว เมื่อไหร่จะมาถึงสักที อะไรจะอยากเจอขนาดนั้น ไม่กล้าเล่าให้กันต์ฟังเลยครับ แต่ถ้าไม่บอกไว้ก่อนผมเองใช่ไหมที่จะแย่เอา

“แค่ไอ้ป่านมันเล่าอะไรเยอะแยะไปหน่อย ป้าแพรวกับน้องสาวกรเลยอยากเจอกันต์” ผมพูดแบบโบ้ยส่งให้ไอ้ป่านไปเสียอย่างนั้น

[เฮ้ย! ไปเล่าอะไร เล่ามา] เสียงโวยวายดังมาเลยครับ เฮอๆ

“แล้วนี่ถึงไหนแล้ว เลี้ยวเข้าซอยมายัง” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง คือคิดว่าตอนนี้เล่าไปมันก็แค่นั้น มาเจอเองเลยดีกว่า คือมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ ครับ 

[จะถึงหน้าบ้านแล้ว] พอกันต์พูดจบผมก็ตอบรับแล้วตัดสายทิ้ง ก่อนจะเดินออกไปรับเขาที่หน้าบ้าน


………………………………
…………….



“ตกลงยังไง แล้วป้ากรรู้อะไรบ้าง” เปิดประตูรถลงมาเจอหน้าผมก็ไม่ทักอย่างอื่นเลย พูดเข้าเรื่องที่คุยค้างอยู่ทันที

“รู้ว่ากรออกมาอยู่กับเพื่อนแค่นั้นแหละ เมื่อคืนโทรไปถามแม่แล้ว แม่ก็บอกว่าบอกป้าแพรวไปแค่ว่ากรออกมาอยู่กับเพื่อนแค่นั้นแหละ แต่น้องสาวกรอ่ะรู้แล้วว่า” ถึงผมจะบอกไปแบบนั้น แต่ผมก็พอจะมองออกนะครับ ว่าป้าแพรวเข้าใจอะไรมากกว่านั้น แค่เราไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง แล้วผมก็พอใจที่ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะผมเองก็ไม่ได้เตรียมคำตอบอื่นไว้เหมือนกัน และถึงจะไม่ได้พูดกันออกมาว่ายอมรับ แต่สิ่งที่แสดงออกมามันก็บอกได้แล้ว ถึงตอนนี้ผมคงต้องบอกว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่คนรอบข้างเคารพกับการตัดสินใจของผม 

“รู้ว่าอะไร กร” ผมพูดไม่ทันจบ กันต์ก็แทรกขึ้นมาก่อน แล้วก็นะที่รักผมจะดุไปไหนครับ หน้าอย่างนิ่ง

“รู้ว่ากรอยู่กับแฟน แล้วก็รู้ว่ากันต์เป็นแฟนกร” ผมพูด กันต์นี่ยืนนิ่งไปเลยครับ

“แล้ว” กันต์ทำเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก ผมรู้ว่าเขาคงกังวลเพราะเห็นเขาหน้าเสียไปพอได้ยินผมบอกแบบนั้น   

“ไม่มีอะไรหรอก เกรซกับเกล้าอยากเจอกันต์กันจะตาย ถามกรอยู่นั่นว่าเมื่อไหร่กันต์จะมาถึงสักที” ผมพูดปลอบแล้วจับมือเขามาบีบเบาๆ

“อืม แล้วป้ากรล่ะ” กันต์พูดกลับมาแบบเบาๆ แล้วสูดลมหายใจข้าปอดลึกๆ

“ป้าแพรวไม่รู้ด้วยหรอก รู้แค่น้องกรน่ะ แล้วกรก็กำชับสองคนนั้นไปแล้วว่าอย่าไปพูดเรื่องนี้ที่ไหน” ผมพยายามพูดเพื่อไม่ให้กันต์ต้องกังวลมากจนเกินไป ผมเข้าใจเขานะคือถ้าผมเป็นเขา ผมคงกังวลอยู่เหมือนกันถ้าต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

“เปิดท้ายรถหรือยัง เดี๋ยวกรเอากระเป๋าเข้าบ้านให้”

“เปิดแล้ว” กันต์ตอบแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับเพื่อเอาถุงขนมที่ซื้อมาลงจากรถ แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะล่ะนั่น ถือมาเต็มสองมือเลยทีเดียว

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” ผมถามระหว่างเดินเข้าบ้าน

“ซื้อมาฝากคนแถวนี้” หึหึ น่ารักไหมล่ะครับ แฟนผมครับ แฟนผม อย่างนี้ต้องให้รางวัล

“ฟอดดด...” ชื่นใจจัง

“เฮ้ย!!” เสียงประท้วงเล็กๆ เพราะไม่กล้าเสียงดังมากของคนที่เดินอยู่ข้างผม ก่อนมองมาแบบเคืองๆ

“ไม่มีใครเห็น ดูแล้ว ไม่ต้องมาทำหน้าดุเลย” ผมพูดยิ้มๆ แล้วยักคิ้วส่งไปให้ แต่แล้วก็ต้องร้องโอย เพราะโดนเตะมาที่น่องเต็มๆ ส่วนคนทำหรอครับ ทำเป็นเดินไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างผมนี่แหละ

.
.
.


“สวัสดีค่ะ พี่กันต์” เสียงสองสาวที่เดินยิ้มร่าเข้ามาก่อนยกมือไหว้คนที่ถือถุงขนมมาเต็มสองมือ จนต้องยกมือขึ้นรับไหว้ทั้งที่มือถือของพะรุงพะรังอย่างนั้น

“ครับ สวัสดีครับ” กันต์ตอบรับ แล้วหันมาหาผม ก่อนหันกลับไปมองคนที่เข้ามาทัก เห็นหน้ากันต์แล้วจะขำก็ไม่กล้าขำครับ คือหน้าเขาเหวอนิดๆ คงตั้งตัวไม่ทันที่จู่ๆ น้องสาวผมก็ปรี่เข้ามาทักแบบออกอาการกระดี้กระด้ากันขนาดนี้

“กันต์ นี่...” ผมพูดไม่ทันจบ ก็โดนแทรกขึ้นมาก่อน

“เกล้าค่ะ”

“เกรซค่ะ พี่กันต์ตัวจริงดูดีกว่าในรูปอีก” สองสาวแสบแนะนำตัวเองกันเสร็จสรรพ แล้วพากันพูดกับกันต์ ไม่สนใจพี่ชายมันที่ยืนอยู่ข้างๆ สักนิด น้องใครวะ แม่ง พี่มันออกจะหล่อ แต่ไม่เคยชมกันสักคำ ทีกับกันต์เจอหน้ากันครั้งแรกก็ชมเอาๆ

“ในรูปเกล้าว่าพี่กันต์หล่อมากแล้วนะ ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปตั้งเยอะแนะ” น้องใครวะ ไม่เก็บอาการกันเลย คนถูกชมก็ได้แต่ยิ้มรับ ดูอาการแล้วเหมือนจะตกใจกับน้องผมอยู่เหมือนกัน เล่นพูดกันไม่หยุด แล้วตกลงมันจะชมว่าหล่อหรือน่ารักกันวะ

“อ่า ครับ” คนถูกชมตอบแค่นั้น แล้วก็เอาแต่ยิ้มตอบ

“ไปหาแม่กันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะได้ออกไปกินข้าวกัน”

“เอาของมาค่ะ เกล้าถือไปเก็บในครัวให้” เกล้าพูด แล้วยื่นมือมารับของที่อยู่ในมือกันต์ กันต์ก็ส่งให้ไปครับ

.
.
.


“ลุงอุ้ย ป้าแพรว นี่กันต์ครับ” ผมพากันต์มาหาลุงกับป้าผมที่นั่งดูข่าวภาคเที่ยงกันอยู่ในห้องนั่งเล่น         

“สวัสดีครับ” กันต์ยกมือไหว้ทั้งคู่ ลุงกับป้าผมก็รับไหว้ครับ

“สวัสดีลูก ขับรถมาเหนื่อยๆ ไปล้างหน้าล้างตา พักก่อนไหมลูก เดี๋ยวสักพักเราค่อยออกไปกินข้าวกัน” ป้าแพรวพูดครับ

“ไม่เป็นไรครับ ออกไปเลยก็ได้” กันต์พูด ดูเหมือนเขาจะเกร็งๆ เล็กน้อย

“กรขึ้นไปเอากุญแจรถก่อนนะ” ผมหันไปบอกกันต์ ต้องไปเอากุญแจรถคันใหญ่ออกเพราะไปกันหกคน ไหนจะกระเป๋าเดินทางอีก กินข้าวกันเสร็จแล้วจะเลยไปส่งป้าแพรวที่สนามบินเลย
.
.
.

หายไปไม่ถึงหน้านาทีกลับลงมา เจอป้าแพรวยืนควงแขนกันต์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ขึ้นไปหยิบกุญแจรถยังไม่ถึงสามนาที คุยกันหัวเราะคิกคักซะแล้ว เตรียมตัวเป็นหมาหัวเน่าอีกวันได้เลยผม ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอพูดถึงป้าของตัวเองหน่อย ป้าผมแพ้ผู้ชายอายุน้อยและหน้าตาดีครับ เจอกันต์เข้าไปไม่รัก ไม่หลง ผมยอมสลับตำแหน่งมาให้กันต์กดเลยเอา ขนาดไอ้ป่านเมื่อวานยังทำผมกลายเป็นหมาหัวเน่าได้ ป้าแพรวเรียกลูกทุกคำ คอยตักกับข้าวให้ แถมชวนคุยจนหลานรักอย่างผมเกือบถูกลืมไปเลย เรื่องของเรื่องป้าผมอยากมีลูกชายครับ พอเจอผมหรือพวกเพื่อนผมป้าแพรวก็จะใจดีด้วย ยิ่งหน้าตาดีๆ แล้วป้าผมถูกชะตาด้วย เจอแบบนั้นนี่ไม่ต้องห่วง เอาใจกันได้อีก แต่กับสองสาวก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนะครับ เขารู้กันดีว่ายังไงแม่ก็รักลูกมากกว่าอยู่แล้ว เพราะคู่นั้นก็ถูกตามใจเอาเรื่องอยู่ จะเห่อหลานอย่างผมหรือเพื่อนๆ ผมมากหน่อยเวลาเจอกันเท่านั้นเอง

ตอนนั่งรถไปกันต์ก็นั่งหน้าคู่กับผม ส่วนอีกสี่คนนั่งหลัง ป้าแพรวกับลุงอุ้ยถูกใจบ้านผมครับ เลยซักเอากับกันต์เป็นการใหญ่ว่าตรงไหนตกแต่งยังไง พื้นแบบที่บ้านผมเรียกว่าอะไร ใช้วัสดุแบบไหน เพราะเขามีแผนจะตกแต่งบ้านใหม่ทั้งหลังและจะต่อเติมอีก เลยคุยกันได้เป็นเรื่องเป็นราว ส่วนกันต์พอถูกชวนคุยเรื่องถนัดก็เลยคุยได้ยาว ตอนนี้ท่าทางกันต์ก็ดูสบายๆ ขึ้น ไม่ดูเกร็งๆ แบบตอนแรก 

“ไว้คราวหน้ากันต์ไปเที่ยวบ้านป้ากับกรเขาสิลูก ป้าจะพาเที่ยวเอง” แค่เดินเข้ามาในร้านอาหารก็ชวนกันต์บินไปเที่ยวบ้านแล้วครับป้าผม ถ้ากินข้าวเสร็จ กลับออกจากร้านคงรับเป็นลูกไปเรียบร้อย

“ถ้าพี่กันต์ไม่มีแฟนนะ เกรซจีบไปแล้ว” สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มข้างผมพูดขึ้นมาครับ แต่พูดอย่างนี้ก็ต้องเจอคำตอบแบบนี้ล่ะครับ

“มันสายไปแล้วน้องสาว หึหึ” ผมพูด แล้วหัวเราะเบาๆ คนนี้มีเจ้าของแล้วครับ ขอโทษทีนะจ๊ะน้องสาว

“ก็แบบนี้แหละน้า คนหล่อๆ มาได้กันเอง แล้วสาวสวยอย่างเกรซเนี่ย จะไปหาผู้ชายหล่อๆ จากที่ไหน เสียดายก็เสียดาย แต่เห็นว่าเป็นแฟนพี่หรอกนะเลยพอให้อภัยได้ ว่าแต่มีเพื่อนหน้าตาแบบนี้อีกไหม หัดแนะนำน้องนุ่งบ้างสิ แบบพี่ป่านก็ได้ มีอีกไหม” ฟังน้องสาวผมพูดเข้า ตรงกันดีเหลือเกิน แต่มันก็พูดจาแก่นๆ ไปแบบนั้นแหละ เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรหรอก

“เสียงดังไป” ผมเอ็ดเข้าเบาๆ ก็นะ เดี๋ยวดังไปเข้าหูคนข้างหน้า ผมจะซวยเอา

“อะไรๆ กลัวหรอๆ” คราวนี้เสียงเกล้าครับ มีทำหน้าทะเล้นใส่ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมอีก เลยโดนผลักหัวกันไปเบาๆ คนละที ให้ได้โวยวายกันเล็กๆ

“ใครกลัว ไม่มีเหอะ” ผมพูด แต่เสียงนี่แทบจะเป็นเสียงกระซิบอยู่แล้ว

“ไม่กลัวเลยเนอะ” ไอ้ตัวพี่สาวหันมาล้อผมอีก มันน่าจะโดนผลักแบบเมื่อกี้ไปอีกคนละทีสองทีนะผมว่า

“รีบๆ เดินไป ชักช้า เขาไปนั่งกันหมดแล้ว” ผมพูด แล้วใช้มือดันหลังสองพี่น้องให้รีบเดินเข้าไปนั่ง ลุงอุ้ยนั่งลงที่เก้าอี้หัวแถวกตามด้วยป้าแพรวที่นั่งข้างกัน ส่วนกันต์นั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยนั่งที่ตรงกลาง พอผมเดินไปถึงก็เข้าไปนั่งข้างกันต์ แล้วซ้ายมือกันต์ก็เป็นเกรซ ส่วนเกล้าเดินไปนั่งลงข้างแม่ตัวเอง

“กันต์สั่งเลยลูก กรบอกร้านนี้กันต์มาบ่อย ป้าให้กันต์สั่งเลย ป้าไม่รู้ว่ามีอะไรอร่อยบ้าง” ป้าแพรวพูดแล้วส่งรายการอาหารมาให้กันต์ รู้สึกว่าผมจะเริ่มได้กลิ่นอะไรโชยมาแล้วล่ะครับ แต่คิดว่าคงไม่ต้องหาที่ไหนไกล น่าจะอยู่ที่หัวผมเองนี่แหละ มีอย่างที่ไหนทุกทีต้องคอยถามผมแล้วว่าอยากกินอะไร จะสั่งอะไร มีอะไรแนะนำ แต่ตอนนี้ตกไปที่กันต์เป็นที่เรียบร้อย ไม่ได้อิจฉาเลยนะครับ ไม่ได้อิจฉา ออกจะดีใจ 

“ป้าแพรวทานเนื้อหรือเปล่าครับ เนื้ออบของที่นี่อร่อยมาก เดี๋ยวกันต์สั่งมาให้ชิม ส่วนของว่างก็มีตั้งหลายอย่าง เดี๋ยวกันต์สั่งมาให้ก่อนดีกว่า” สองป้าหลานเขาคุยกันครับ ส่วนผมมันคนนอก

“เอากุ้งกระเบื้อง ล่าเตียง แล้วก็ปอเปี๊ยะสดกุ้งสมุนไพร” กันต์เริ่มหันไปสั่งอาหารแล้วครับ คนอื่นก็มีสั่งเพิ่มเข้ามานิดหน่อย

“เนื้ออบ กุ้งผัดไข่เค็ม ไก่ห่อใบเตย”

“ต้มข่าไก่กับหัวปลี แกงเลียงผักหวาน” เสียงใครเป็นเสียงใครก็ไม่รู้ครับตอนนี้ ผมนั่งเฉยๆ รอให้เขาสั่งกันไป

“หลนปูเค็ม”

“พี่กันต์ ข้าวห่อใบบัวอร่อยไหม” อันนี้ได้ยินชัดว่าเป็นเสียงเกรซถามขึ้นมา

“ครับ อร่อย พี่กำลังจะสั่งมาเลย เกล้าล่ะ อยากทานอะไร” ดูแลทั่วถึงดีไหมล่ะครับ แฟนผม แต่เห็นแบบนี้แล้วมันก็ฉุกคิดขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเขาเคยเอาใจใครแบบนี้ มีผู้หญิงกี่คนที่คนข้างๆ ผมเคยดูแล เคยเอาใจ คิดแล้วมันรู้สึกแปลบๆ ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ เหมือนอดที่จะหวงขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ หวงด้วยอิจฉาด้วย เป็นเอามากไหมล่ะผม แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้เขาก็ยอมมาให้ผมดูแลแล้วไง แถมพักหลังชักจะอ้อนเก่งขึ้นด้วยซ้ำ แต่ออกแนวอ้อนแกมบังคับยังไงไม่รู้ ประมาณว่าผมไม่เคยขัดใจเขาได้เลยจริงๆ ให้ตาย

“ทำไมเงียบๆ” กันต์หันมาถาม ผมไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าตัวเองเงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยมัวแต่มองคนถามเพลินไปหน่อย

“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร แล้วสั่งเรียบร้อยยัง สั่งอะไรไปบ้าง” ผมถาม เพราะไม่ทันได้ฟังเลยครับว่าใครสั่งอะไรไปบ้าง ได้ยินผ่านหูไป แต่จับใจความอะไรไม่ได้กับเขาสักอย่าง แว่วๆ ว่ามีของชอบผมอยู่อย่างหนึ่งมั้ง

“สั่งกุ้งผัดไข่เค็มกับไก่ห่อใบเตยมาให้” เสียงกันต์หันมาพูดด้วยเบาๆ มีของชอบผมสองอย่างแฮะ นึกว่าจะถูกลืมไปแล้วซะอีก บางทีคนเราก็ยิ้มได้เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ล่ะครับ รู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำลังยิ้ม

“แล้วกันต์ทำงานอะไรอยู่ล่ะลูก จบสถาปัตย์ ก็ต้องเป็นสถาปนิคสิเนอะ เปิดบริษัทฯ เองหรือว่าทำอยู่ที่ไหนลูก” ป้าผมเริ่มบทสนทนาขึ้นใหม่ หลังจากพักช่วงคุยเพื่อสั่งอาหาร

ป้าแพรวก็ชวนกันต์คุยไปเรื่อยครับ มีสองสาวเป็นลูกคู่คอยช่วยเสริมถามนู่นถามนี่กันไปเรื่อย แต่ไม่มีคำถามอะไรที่ได้ยินแล้วต้องหนักใจครับ ผมก็ปล่อยเขาคุยกันไป หันไปเสริมบ้างเวลาถูกเอ่ยถึง เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ตำแหน่งหลานรักผมจะถูกชิงไปได้อย่างเรียบร้อย ผมเลยคุยกับลุงอุ้ยเป็นส่วนใหญ่ ก็ถามถึงตายายผมบ้าง เรื่องงานของลุงที่นู่นบ้าง คุยไปเรื่อย กินไปคุยไป


………………………………
…………………..



“อาบน้ำไหม” ผมถามกันต์ที่นอนนิ่งมีเพียงแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงจากการหายใจเข้าออก แขนสองข้างวางทิ้งลงข้างตัวอย่างคนไร้สิ้นเรี่ยวแรง ส่วนดวงตาคู่หวานฉ่ำปรือปรอยใกล้ปิดเต็มที

“อื้อ” เสียงครางฮือ พร้อมกับส่ายหัวให้รู้ว่าเสียงครางนั่นเป็นการปฏิเสธไม่ใช่ตอบรับ

“ไม่เหนียวตัวหรอ” ผมถาม ก่อนหันหลังเอาทิชชูที่เลอะคราบขาวจากหน้าท้องของคนที่นอนนิ่งอยู่ทิ้งลงถังขยะ แล้วหันมาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวคนที่กำลังจะหลับ ที่ถามเพราะปกติแล้วเขาจะลุกขึ้นไปอาบน้ำทุกครั้ง แล้วค่อยกลับมานอน ถึงผมจะเช็ดทำความสะอาดให้แล้ว แต่เขาก็จะบอกว่าไม่สบายตัวอยู่ดี

“เหนียว แต่ไม่อยากลุกแล้ว เช็ดตัวให้หน่อย นะ” กันต์ส่งเสียงแบบงัวเงียกลับมา พร้อมกับพลิกตัวตะแคงหันหน้ามาทางผม แล้วยกหัวขึ้นมาหนุนตัก

“เป็นอะไร” ผมถาม ระหว่างนั้นก็ยกมือขึ้นมาสางผมคนที่มานอนหนุนตักเล่นไปด้วย

“เหนื่อย ลุกไม่ไหว อยากนอนแล้ว อื้อ” กันต์พูดเสียงยาน แล้วเอาหน้าถูไถไปมากับต้นขาผม จนผมต้องยิ้มเพราะท่าทางของเขา

“เหนื่อยมากเลยหรอ วันนี้” ผมถามแต่จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาเหนื่อย ไหนจะขับรถกลับมาจากหัวหินตั้งแต่เช้า แล้วยังต้องมาเจอกับป้าผม ไปกินข้าว ไปส่งที่สนามบิน ตกบ่ายยังพากันไปเดินซื้อต้นไม้เข้ามาปลูกที่บ้าน กลับมาเกือบห้าโมงเย็น ก็ลงมือเปลี่ยนต้นไม้ลงกระถางใหม่อีก ทั้งคริสตินาที่เอามาปลูกข้างเสาสองต้นของโรงจอดรถกับสนบลูอีกแปดกระถางที่เอามาวางเป็นแนวข้างชานหลังบ้านกว่าจะเสร็จก็เกือบทุ่ม แล้วยังมาเจอผมดูดพลังไปอีก ก็ไม่แปลกหรอกครับที่เขาแทบจะสลบไปแบบนี้

“อื้อ เกร็งแทบตายไม่รู้ว่าป้ากรจะเป็นยังไงบ้าง” เขาตอบกลับมา เห็นอยู่นะว่าเขาตาจะปิดอยู่แล้ว แต่ผมยังอยากชวนเขาคุย

“เกร็งมากเลยหรอ” ผมถามเพราะถ้าให้ดูการแสดงออกของเขาผมไม่รู้เลยว่าข้างในเขารู้สึกยังไงหรือคิดอะไรอยู่

“มันก็มีบ้าง ไม่รู้นิว่าจะเป็นยังไง ถ้าป้ากรไม่ชอบกันต์ขึ้นมาล่ะ ถ้าเขาไม่พอใจขึ้นมาล่ะ มันก็คิดไปได้ทั้งนั้น” เขาพูดแล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมากอดเอวผมไว้


“ขอบคุณนะ” ผมพูด แล้วก้มลงไปกดจูบลงบนขมับเขาเบาๆ ก่อนถอนออก ไม่รู้ว่าขอบคุณเขาเพราะอะไร แต่รู้สึกว่าอยากจะบอกกับเขาแบบนั้นก็เลยบอกออกไป 

“นอนดีๆ ก่อน เดี๋ยวกรเอาผ้ามาเช็ดตัวให้” ผมพูดแล้วเอามือช้อนหัวเขาลงไปหนุนหมอน

พอกลับมาพร้อมผ้าที่ชุบน้ำบิดหมาดในมือก็เห็นคนที่ยังนอนตัวเปล่าพลิกตัวตะแคงข้างกอดหมอนหลับไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมก็เอาผ้าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตามที่เขาขอ เช็ดไปก็ได้ยินเสียงครางงุ้งงิ้งให้ได้ยินเป็นระยะไปด้วย ไม่รู้ว่าสบายตัวหรือรำคาญเพราะผมไปกวนการนอนของเขากันแน่ จนเช็ดตัวเขาเสร็จ ผมถึงได้ไปอาบน้ำแล้วกลับเข้ามาสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับคนที่นอนหลับไปก่อนหน้าแล้ว พร้อมดึงหมอนที่เขานอนกอดไว้ออก แล้วดึงตัวเขาเข้ามากอดไว้ ก่อนหลับตามเขาไป
 
-------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 06-08-2011 23:22:43
อ่านเรื่องนี้มีความสุขทุ๊กกทีี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-08-2011 23:25:24
แหม่  ทำงานมาทั้งวันแล้ว  กรยังไม่เว้นเลยนะ  คู่นี้น่ารักมาก ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-08-2011 23:37:03
กันต์ออกแนวอ้อนมากขึ้นๆ
คู่นี้รักกันดีจัง ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 06-08-2011 23:46:33
น่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ เลยคู่นี้
อ่านไป ยิ้มไป
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 06-08-2011 23:56:20
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

น่ารักอ่ะ  +1 ให้กับความน่ารัก ๆขี้อ้อนของกันต์ กรี๊ดดดดดๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 07-08-2011 00:15:55
 :o8: ไม่มีอะไรจะบอก นอกจาก"รักคู่นี้จังเลย" :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-08-2011 01:04:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: paradoxxx ที่ 07-08-2011 01:49:08
ผ่านไปได้ด้วยดีๆ
ชอบคู่นี้อะ อ่านแล้วมีความสุขๆ ><
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 07-08-2011 02:08:40
ค่อยยังชั่วหน่อยที่คุณป้ากับกัณต์เข้ากันได้ แถมเข้ากันได้ดีซะด้วยสิ

บางทีอย่างที่กรว่าใส่ใจในสิ่งเล็กๆน้อย ก็ทำให้อีกคนนึงมีความสุขและยิ้มได้จริงๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 07-08-2011 05:58:14
บอกได้คำเดียว  อิจฉาคู่รักคู่นี้เต็มจิต น่ารักทั้งคู่ คิดดีทำดีกันทั้งคู่  :L1:  :L1:  :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Bee_YJ ที่ 07-08-2011 06:22:53
ก็กันต์น่ารักใครๆก็เลยรัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 07-08-2011 08:22:16
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 07-08-2011 09:16:39
หึหึ กรหัวเน่าเลย ป้าเค้าได้หลานรักคนใหม่แล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-08-2011 12:30:14
น่ารักตลอดอ่ะคู่นี้
อ่านที่รัยมีความสุขทู๊กที
 :กอด1: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 07-08-2011 13:21:52
5555555
หมดแรงได้น่ารัก น่าฟัดมากอ่ะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 07-08-2011 14:03:42
น่ารักคุ๋นี้ ชอบๆ บรรยากาศสบาย ชอบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: mumu2pm ที่ 07-08-2011 16:06:03
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 07-08-2011 16:35:07
 :o8:กันต์อ้อนเก่งขึ้นนะ  แต่น่ารักที่สุดอ่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 07-08-2011 16:39:51
ชอบกันต์ที่ขี้อ้อนแบบนี้จังเลย น่ารักมาก :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 07-08-2011 17:41:09
คู่นี้ก็หวานกันจริงจัง ฮิฮิ นานๆได้อ่านแบบนี้บ้าง อิเจ๊มีความสุขชะมัด ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 07-08-2011 17:53:38
น่ารักเหมือนเดิม
หนุงหนิงกันเพลินๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 07-08-2011 21:08:47
น่ารักอ่ะ

มีเช็ดตงเช็ดตัวให้ด้วย อิจฉาาา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 07-08-2011 21:17:23
 :o8: :-[  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 07-08-2011 21:19:39
คิดถึงเรื่องนี้มากเลย
ไม่ได้อ่านนานแล้ว
ยังคงหวานกันสุดๆ
+1 ให้กับความหวาน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 07-08-2011 21:22:14
ชอบคู่้นี้รักกันดีมากจนอิจฉา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 07-08-2011 22:58:55
น่ารักอย่างจริงจังเลยคู่นี้
กันต์อ้อนเก่งแบบนี้ ยิ่งน่ารักขึ้นไปอีก
กรคงทั้งรักทั้งหลงเลยล่ะเจอแบบนี้
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-08-2011 12:35:57
พี่กันต์ เก่งจริงเลย  ทำโน่น นี่ นั่น ตั้งหลาย คืนนี้ กร ห้ามกวนนะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 08-08-2011 15:44:34
เป็นคู่ที่ชอบมากกกกกกกกก

เวลาเดินห้างแล้วเจอคู่รักต่างวัยที่ฝ่ายเคะดูสูงวัยกว่า

จะนึกถึง ""กรกันต์"" ตลอดเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 08-08-2011 22:16:39
ก็น่ารักกันได้ตลอดเลยสิน่า คู่นี้
 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 08-08-2011 22:41:52
หวานกันตลอดอ่ะ  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 09-08-2011 13:36:11
กลายเป็นหลานรักแทนกรไปซะงั๊น
ก็กันต์เค้าน่ารักนี่เนอะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 09-08-2011 16:10:25
 :m3: :m3: :m3:

น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ สำหรับคู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 10-08-2011 18:17:24
หวานแหววน่ารักที่สุดอ่ะ คู่นี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 10-08-2011 20:49:33
สวีทหวาน ตลอด!  :-[



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Greennut ที่ 11-08-2011 00:16:29
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ  หวานมากกกก  อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลยอ่ะ  รักพี่กันต์กับน้องกร :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-08-2011 12:27:32
เข้ามาเต้นรอ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: mamaUM ที่ 14-08-2011 15:59:21
น่ารักมากเลยค๊า

รักกัน  รักกันต์ ><

รักกร  รักกร ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> หมดแรง p.57 up 6-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 14-08-2011 19:35:29
ตอนที่ 56 ศึกชิงนาย

“น้ากันต์ขา” เสียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวขาววัยสี่ขวบครึ่งในชุดกระโปรงพื้นขาวลงลายดอกไม้เล็กๆ สีฟ้า มีโบว์สีน้ำเงินผูกคาดกลางตัวดังเจื้อยแจ้วมาระหว่างทางที่วิ่งเข้ามาหาผม หลังกระโดดลงมาจากรถทันทีที่จอดสนิท จนผมต้องรีบวิ่งเข้าไปรับตัวเพราะกลัวหลานสาวจะวิ่งสะดุดหกล้ม

“สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กที่ถูกผมช้อนตัวอุ้มขึ้นมากระพุ่มมือขึ้นไหว้อย่างสวยงาม ก่อนยกมือขึ้นกอดคอผมไว้เพราะกลัวตก

“สวัสดีครับพี่ภา” ผมเอ่ยทักแม่ของเด็กหญิงที่ถูกผมอุ้มอยู่

“พี่ฝากหลานไว้วันนึงนะกันต์” พี่ภาบอกผม ส่วนไอ้ภพที่มาพร้อมกันเดินหายเข้าบ้านไปแล้ว คงเอาตะกร้าของหลานมันที่ถือมาไปเก็บไว้ในบ้าน

“ครับ พี่ภาไม่ต้องเป็นห่วง แล้วตอนนี้พี่ต้นเป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามถึงสามีของพี่ภาที่ประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อตอนเช้ามืดที่ผ่านมา ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่เชียงใหม่ พี่ภากับไอ้ภพกำลังจะขึ้นไปดูอาการพี่ต้นและจัดการเรื่องส่งตัวเข้ามารักษาต่อที่กรุงเทพฯ จะพากอหญ้าไปด้วยก็ไม่สะดวกเลยพามาฝากไว้กับผมเพราะพี่เลี้ยงที่ดูแลก็ดันมาลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดช่วงนี้ จะส่งไปอยู่กับปู่ย่าตายายก็ไม่ได้อีกเพราะอยู่ไกลกันหมด มีผมที่อยู่ใกล้ๆ เลยเอามาฝากไว้

ผมเจอกับกอหญ้าตั้งแต่เขาเกิดนะตอนนั้นกลับมาเยี่ยมบ้านพอดี พอกลับมาไทยอีกครั้งกอหญ้าก็อายุได้สองขวบแล้ว กลับมาแรกๆ ผมไปหาพี่ภากับกอหญ้าบ่อย ไปหาทีไรกอหญ้าก็ติดผมแจ ถ้าวันรุ่งขึ้นไปหาอีกก็ยังจำได้อยู่เข้ามาเล่นเรียกน้ากานขาๆ เพราะยังพูดไม่ค่อยชัด แต่พอผมหายไปนานๆ แล้วไปหาอีกทีกอหญ้าจะไม่กล้าเข้ามาเล่นแล้ว ต้องตีสนิทกันใหม่ แต่มาตอนนี้กอหญ้าเริ่มรู้ประสามากขึ้น ผมไปหาแล้วหายไปไม่เจอกันสองสามอาทิตย์กลับมาเจอกันก็ยังซี้กันอยู่เรียก น้ากันต์ขาๆ ทุกครั้งที่เจอผม จนลืมน้าแท้ๆ อย่างไอ้ภพไปเลย ล่าสุดเพิ่งไปหาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง

ส่วนไอ้ภพเองก็ปัญญาอ่อนมีการมางอนผมเพราะเห็นว่าหลานมันติดผมมากกว่า แล้วยังไม่ยอมเรียก ”น้าภพขา” อย่างที่เรียกผมว่า “น้ากันต์ขา” อีก มีการมาว่าผมอีกนะว่าชอบเอาของเล่นมาหลอกหลานมัน หลานมันเลยติดผม

“แขนขวาหักกับหัวแตก หมอบอกว่าสแกนสมองแล้วปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” พี่ภาพูด ถึงจะบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สังเกตสีหน้าพี่ภาแล้วดูยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ คงต้องไปเห็นอาการพี่ต้นด้วยตาตัวเองจริงๆ ก่อนถึงจะยอมวางใจได้

“ครับ” ผมตอบรับ ถึงตอนนี้ไอ้ภพมันก็เดินออกมาจากบ้านผมแล้ว มีกรเดินออกมาด้วย ที่ไม่ลงมาพร้อมกันเพราะตอนผมลงมากรเพิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ

“สวัสดีครับ” เสียงกรเอ่ยทักพี่ภา กรกับพี่ภาเคยเจอกันมาก่อนแล้ว ตอนผมพาไปกินข้าวที่ร้านของพี่ภา แต่กรยังไม่เคยเจอกับกอหญ้า

“จ๊ะ พี่ไปก่อนนะกันต์ พี่ฝากหลานด้วย แล้วจะรีบกลับมารับ” พี่ภาบอก ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกา เพราะจะช้าอยู่ไม่ได้เดี๋ยวตกเครื่อง

“วันนี้กอหญ้าอยู่กับน้ากันต์น้ากรนะคะ แล้วอย่าดื้ออย่าซนล่ะ” พี่ภาพูดบอกลูกสาวก่อนขยับเข้ามาหอมแก้ม โดยที่กอหญ้าเองก็ยื่นแก้มไปให้คุณแม่หอมซ้ายทีขวาที

“ค่ะ” กอหญ้ารับปากอย่างเด็กว่านอนสอนง่าย

“ขอบใจนะมึง กูไปละเย็นๆ จะรีบกลับมารับ น้าไปนะคะกอหญ้า” ไอ้ภพพูดก่อนโบกมือลาหลานสาว แล้วเดินกลับไปขึ้นรถพร้อมพี่ภา กอหญ้าเองก็โบกมือเล็กๆ กลับไปให้น้าของตัวเอง คราวนี้ก็เหลือกันสามกอแล้ว ผม กร แล้วก็กอหญ้า

.
.
.


“กอหญ้ากินข้าวเช้ามาหรือยังคะ” ผมถามระหว่างทางเดินเข้าบ้าน ตอนนี้ปล่อยกอหญ้าลงเดินเองแล้วครับ

“แม่ให้กินนมมาแล้วหนึ่งกล่องค่ะ แต่ยังไม่ได้กินข้าว” กอหญ้าตอบแล้วยกมือขึ้นมาจับมือผมเพื่อให้ผมจูง

“แล้วกอหญ้าหิวหรือยังคะ อยากกินอะไรเดี๋ยวน้าทำให้ดีไหม” ผมถาม แล้วหันไปมองกรที่เดินตามมาเงียบๆ พอเขาเห็นผมหันไปก็ส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้

“ข้าวต้มกุ้งได้ไหมคะ” หลานสาวตัวน้อยของผมบอก

“ได้ค่ะ เดี๋ยวน้าทำให้ ใส่กุ้งตัวโตๆ เลยเนอะ” ผมบอก กอหญ้าก็ผงกหัวตอบกลับมาหงึกๆ

“น้ากันต์คะ น้าคนนั้นเขาชื่ออะไรคะ” กอหญ้ากระตุกมือถามผม พร้อมเหลียวหลังหันไปมองกรที่เดินตามมาติดๆ

“น้ากรค่ะ” ผมตอบ แล้วหยุดเดินเมื่อกอหญ้าหยุด

“กอหญ้ายังไม่ได้สวัสดีน้ากรเลย” กอหญ้าส่งเสียงเล็กๆ ตอบกลับมา แล้วเงยหน้ามองผมเหมือนไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไงดี

“งั้นก็หญ้าก็หันไปสวัสดีน้ากรสิคะ” พอผมพูดจบ กอหญ้าก็ดึงมือออกจากผม แล้วกระพุ่มมือเล็กๆ ขึ้นไหว้

“สวัสดีค่ะ น้ากร” เสียงเล็กๆ พูด

“สวัสดีค่ะ กอหญ้าจะกินข้าวต้มใช่ไหม เราไปช่วยกันทำดีไหม” เสียงกรตอบรับ ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกอหญ้า

“ค่ะ กอหญ้าช่วย กอหญ้ากินผักได้ด้วยนะ ใส่ผักได้” เสียงเล็กเจื้อยแจ้ว ก่อนวิ่งมาจับมือผมแล้วเดินเข้าบ้าน

.
.
.


“น้ากันต์กับน้ากรเป็นอะไรกัน”

“เป็นพี่น้องกันหรอคะ” กอหญ้าถามระหว่างนั่งระบายสีลงในสมุดภาพและดูผมกับกรช่วยกันทำข้าวต้มกุ้งไปด้วย พอได้ยินกอหญ้าถามขึ้นมาแบบนั้นผมกับกรถึงกับหันมามองหน้ากันทันที ผมว่าผมทำหน้าเฉยๆ นะ แต่กรนี่ยิ้มกรุ้มกริ่มเสียเหลือเกิน

“แล้วใครเป็นพี่ใครเป็นน้องคะน้ากันต์หรือน้ากร” กอหญ้าถามต่อเมื่อผมกับกรยังไม่ตอบอะไร พอถามจบก็หันมองหน้าผมกับกรสลับกัน

“แล้วกอหญ้าคิดว่าใครเป็นพี่ล่ะคะ” เสียงกรถามมาจากหน้าเตา พร้อมกับใช้ทัพพีคนข้าวต้มในหม้อไปด้วย

“น้ากรเป็นพี่” เสียงใสตอบมาเสียงดังฟังชัดด้วยความมั่นใจ

“อุ๊บ หึ หึ” ผมพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ครับ พยายามอย่างเต็มที่ด้วย ส่วนอีกคนถามพอได้คำตอบถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

“ทำไมถึงคิดว่าน้ากรเป็นพี่ล่ะคะ” ผมถามกอหญ้าระหว่างหั่นต้นหอมผักชีสำหรับโรยหน้า กอหญ้าก็เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดภาพแล้วตอบผม

“น้ากรสูงกว่า ตัวใหญ่กว่า น้ากรก็ต้องเป็นพี่สิคะ” คำตอบของเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่อยู่ข้างผมทำให้ใครอีกคนที่ยืนอยู่อีกด้านยิ้มออกมาได้เลยครับ

“น้ากันต์เป็นพี่ของน้ากรค่ะ” ผมเฉลย

“แล้วใครหล่อกว่าคะ น้ากันต์หรือน้ากร” เสียงกรถามมาอีก ระหว่างตักข้าวต้มใส่ชามใบใหญ่สองใบและใบเล็กอีกหนึ่ง
คราวนี้กอหญ้าเงียบไปนาน แล้วมองหน้าผมทีหน้ากรทีสลับไปสลับมา มีทำคิ้วขมวดอีก คิดถูกไหมเนี่ยที่รับเอาลูกเขามาเลี้ยง ผมชักจะเริ่มสงสารหลานขึ้นมาแล้วสิ

“น้ากันต์หล่อกว่าค่ะ” กอหญ้าเงียบไปสักพักกว่าจะตอบออกมา ตอนนี้กรยกชามข้าวต้มมาให้ผมโรยต้นหอมผักชีลงโรยหน้าเรียบร้อยแล้ว

“ว้า เสียใจจัง” กรทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่หลาน

“น้ากรก็หล่อค่ะ แต่น้ากันต์หล่อกว่าจิ๊ดนึง” กอหญ้าพูดพร้อมยกนิ้วก้อยขึ้นมาชูให้เห็น เป็นการบอกให้รู้ว่าแค่จิ๊ดเดียวอย่างที่พูดจริงๆ

“เท่ากันไม่ได้หรอ” กรยังไม่ยอมครับ ขอต่อรองอีก คงอยากจะรู้มากกว่าครับว่ากอหญ้าจะตอบว่ายังไง

“ตอนนี้ยังไม่ได้ค่ะ กอหญ้ารักน้ากันต์มากกว่า กอหญ้าต้องให้น้ากันต์หล่อกว่า ให้น้ากรหล่อเท่ากัน เดี๋ยวน้ากันต์เสียใจ” ให้มันได้อย่างนี้สิหลานสาว ว่าแล้วผมก็ก้มไปหอมแก้มใสของหลานสาวฟอดใหญ่

“น้ากรก็รักน้ากันต์เหมือนกันนะ ให้หล่อเท่ากันได้ยัง” ไอ้นี่นิพูดจา เดี๋ยวหลานจำไปพูดจะว่ายังไง พูดออกมาได้ คนมันเขินเหมือนกันนะเฮ้ย ถึงได้ยินมาบ่อยแต่ไม่เคยชินสักที

“หนูรักมากกว่า” เอาล่ะสิครับ คราวนี้กอหญ้ายกมือขึ้นท้าวเอวทำท่าขึงขังเลยทีเดียว แถมมองหน้ากรไม่วางตา แต่ผมว่าดูแล้วน่ารักมากกว่าน่ากลัวนะ

“หยุดเลยกร ไปแหย่หลานอยู่ได้” ผมพูดปรามขึ้นมาเมื่อเห็นกรกำลังจะพูดอะไรต่อ กับเด็กสี่ขวบก็ไม่เว้นนะคนเรา

“ไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย” เสียงกรตอบแล้วยกถ้วยข้าวต้มออกไปวางที่โต๊ะ ส่วนผมก็เก็บสมุดแล้วก็สีไม้ของกอหญ้าก่อนจูงหลานไปที่โต๊ะกินข้าว

“กอหญ้านั่งตักน้ากันต์นะคะ” ผมรับตัวหลานสาวขึ้นมานั่งบนตัก เพราะให้นั่งเองคงพ้นโต๊ะมาแค่คอ

“ระวังร้อนนะ” ผมเตือนก่อนเลื่อนชามข้าวมาขนพอให้อุ่นๆ ก่อนส่งกลับไปให้ กอหญ้าก็ใช้ช้อนตักข้าวต้มขึ้นเบาอีกครั้งก่อนส่งเข้าปาก

“เอาพริกไทยหรือเปล่า” กรถามขึ้นมา พอผมพยักหน้ากรก็ลุกจากโต๊ะไปหยิบขวดพริกไทยในครัว เจ้าตัวเล็กบนตักผมพอได้ยินกรพูดกับผมก็มองกรไม่วางตา พอกรเดินหายไปก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ พอกรเดินกลับมาก็มองอีก เมื่อกรเดินถือขวดพริกไทยมาเหยาะลงไปในชามข้าวต้มให้ผม

“อร่อยไหมคะ” กรถาม แล้วส่งยิ้มมาให้กอหญ้า

“อร่อยค่ะ” กอหญ้าไม่มองคนถามนะครับ แต่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมแทน เอาล่ะสิสงสัยหลานผมจะไม่กินเส้นกับกรซะแล้วมั้ง

“ตอนสายๆ เราไปเที่ยวห้างกันไหม” ผมก้มลงไปถามกอหญ้า จะให้อยู่บ้านผมก็กลัวจะเบื่อ แล้วก็ไม่รู้ว่าเด็กเขาชอบเล่นชอบทำอะไรกัน พาไปเดินเล่นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้

“ไปค่ะ ไป น้ากันต์พาไปกินไอติมด้วยนะคะ” กอหญ้าพูด ตามีประกายสดใสขึ้นมาทันทีเลยครับ

“’งั้นหนูก็บอกน้ากรสิคะว่าพาหนูไปหน่อย น้ากรเขาใจดีนะ พูดเพราะๆ นะ น้ากรซื้อไอติมให้หนูเยอะแยะแน่เลย” ผมพูด พอกอหญ้าได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าลังเลนิดหน่อย

“ลองบอกสิคะ” ผมพูดกระตุ้นอีกนิด

“น้ากรพากอหญ้าไปกินไอติมนะคะ” เด็กตัวเล็กบนตักผมพูดเสียงอ้อมแอ้ม

“ไปสิคะ” กรตอบกลับมา กอหญ้าก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมนิดนึง แล้วลงมือกินข้าวต้มต่อ


...............................................................



ช่วงเช้าหลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว ผมก็ปล่อยให้กอหญ้านั่งเล่นระบายสีไปครับ ผมช่วยบ้างนิดหน่อยตามคำชวน เล่นอยู่ไม่นานก็หลับ ระหว่างกอหญ้าหลับผมกับกรเลยออกไปช่วยกันล้างรถ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยขี้เกียจเอาออกไปล้างข้างนอกเสียดายเงินเลยลงมือล้างกันเอง แล้วรถก็ไม่ได้สกปรกมากล้างง่ายล้างสามคันใช้เวลาสองชั่วโมงก็เสร็จ ระหว่างที่ล้างรถผมไม่ได้ทิ้งกอหญ้าไปทีเดียวนะครับ เพราะมุมที่ผมล้างรถกันมองเข้าไปในบ้านจะเห็นกอหญ้านอนอยู่ แล้วก็คอยมองเป็นระยะ กลัวตื่นมาไม่เจอใครเดี๋ยวจะตกใจ ล้างรถเสร็จก็ผลัดกันขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ พอผมอาบน้ำเสร็จลงมา กรกำลังจะขึ้นไปอาบบ้าง กอหญ้าก็ตื่นพอดี ผมเลยพาไปล้างหน้าล้างตาปะแป้ง รอกรลงมาก็พากันออกไปกินข้าวกลางวันแล้วตามด้วยไอติมตามที่ตกลงกันไว้ แล้วจนถึงตอนนี้กอหญ้าไม่ยอมคุยกับกรอีกเลยครับ เอาแต่ติดผมแจ

“กอหญ้าเอารสไหนคะ” ผมถาม เมื่อเห็นกอหญ้ามองไอติมที่หลากสีละลานตาอยู่ในตู้อยู่สักพักแล้ว

“เอาสองสีได้ไหมคะ” กอหญ้าเอี้ยวตัวกลับมาถาม ตอนนี้ผมอุ้มกอหญ้าอยู่ครับ เพราะตัวสูงพ้นตู้มาไม่เท่าไหร่ ถ้าผมไม่อุ้มคงมองไม่เห็นอะไรแน่ๆ

“ได้สิคะ แล้วเอาสีไหน” ผมถามต่อ ส่วนกรตอนนี้เดินไปนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ

“เอาสีฟ้ากับสีเขียวค่ะ” พอเลือกได้แล้วผมก็พากลับมานั่งที่โต๊ะ แล้วก็สั่งพนักงานที่รอจดอยู่รายการอยู่แล้ว

“สั่งยัง” ผมถามกรครับ เขาก็พยักหน้ากลับมา ผมเลยหันไปสั่งส่วนของผมบ้าง

“รสอะไร” ผมถามถึงไอติมที่อยู่ในถ้วยของกรครับ เห็นสีแปลกๆ แล้วปกติผมเองก็ไม่เคยสั่งรสอะไรต่างจากเดิมเท่าไหร่ มาถึงไม่สั่งรสชาเขียวก็สั่งรัมลูกเกดสองรสนี้แค่นั้น

“ชิมไหม” กรเลื่อนแก้วของตัวเองมาตรงหน้าผมครับ ผมก็ลองยื่นช้อนไปตักมาชิมดู สักพักก็มีแรงสะกิดเบาๆ จากนิ้วเล็กของเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมครับ

“อร่อยดี” ผมบอกกร ก่อนหันไปหากอหญ้า

“ชิมของกอหญ้าก็ได้” กอหญ้าพูดแล้วเลื่อนแก้วใส่ไอติมของตัวเองมาให้ผมชิมบ้าง คงจะกลัวน้อยหน้ากรมั้งครับ เพราะตั้งแต่มาคู่นี้ยังไม่ยอมแพ้กันเลย

ตอนเดินเข้ามาในห้างผมกับกรเดินข้างกันไม่ได้เลยครับ พอกรย้ายมาเดินอีกฝั่ง กอหญ้าก็จะปล่อยมือผมแล้ววิ่งมาแทรกกลางระหว่างผมกับกร แล้วคว้ามือผมไปจับไว้ทันที กรก็แกล้งหลานเปลี่ยนไปเดินข้างผมอีกฝั่ง กอหญ้าก็วิ่งอีก แต่กอหญ้าไม่ร้องโวยวายนะครับ ถ้ากรเปลี่ยนฝั่งกอหญ้าก็เปลี่ยนตามไปมาอยู่แบบนั้น กรไปหลอกหลานก็มี ทำท่าจะเดินเปลี่ยนฝั่งแล้วไม่เปลี่ยน หลอกให้กอหญ้าวิ่งไปจับมือผมอีกข้าง จนผมนี่แหละที่เวียนหัวบอกกับสงสารหลานจนต้องคว้าตัวกอหญ้ามาอุ้มไว้เอง

จนเข้ามาในร้านอาหารพอกรตักอะไรมาให้ผม กอหญ้าก็จะตักตามครับ จนผมต้องบอกให้หยุดเพราะจานมันจะล้นเอา บอกกรนะครับ กอหญ้าไม่ต้องบอกหรอก ถ้าเขาเห็นกรหยุดเขาก็หยุดตาม แล้วไอ้คนที่มันน่าดุ ใช่หลานสาวผมเสียที่ไหน คนที่หล่อน้อยกว่าผมต่างหาก

“ครับๆ” ผมรับคำหลานสาวตัวน้อย ก่อนใช้ช้อนตักไอติมสีฟ้กับเขียวที่มันเริ่มปนกันแล้วมาชิม

“อร่อยไหมค่ะ” มีถามผลอีกแน่ะ

“อร่อยค่ะ” พอผมตอบแบบนั้น กอหญ้าก็หันไปยักคิ้วให้กรครับ ใครสอนมาล่ะเนี่ย สงสัยไอ้ภพไปทำให้หลานสาวมันเห็นแน่ๆ





>> R R R  R  R <<

“เป็นไงบ้างวะ” ผมถามไอ้ภพที่โทรเข้ามา

[กูทำเรื่องส่งพี่ต้นเข้ากรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวกูจะบินกลับไฟลท์บ่ายสอง แล้วกอหญ้าเป็นไงบ้างวะ อยู่ได้หรือเปล่า]

“ก็เรียบร้อยดี ตอนนี้กินไอติมอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก”

[เออ ๆ พี่ภาจะคุยกับกอหญ้า มึงส่งโทรศัพท์ให้หลานกูที]

“กอหญ้า คุณแม่จะพูดด้วยค่ะ” ผมหันไปเรียกหลานสาวแล้วส่งโทรศัพท์ให้

“กินไอติมอยู่ค่ะ น้ากันต์พามา หนูไม่ดื้อ ไม่ซนด้วย” กอหญ้าพูดใหญ่เลยครับ

“น้ากรแกล้งกอหญ้า ชอบแย่งน้ากันต์” กอหญ้าพูด พอกรได้ยินชื่อตัวเองถูกพาดพิงแบบนั้นถึงกับหันมามองเลยครับ จากที่ตอนแรกนั่งกินไอติมของตัวเองอยู่เฉยๆ

“ใครแย่งใครกันแน่” กรพูดเสียงเบาครับ ตั้งใจจะแกล้งหลานไปถึงไหนเนี่ย

“พอเลย” ผมพูดกับกรครับ ส่วนกอหญ้ายังคุยกับพี่ภาอยู่

“ค่ะ ค่ะ บ้ายบาย”

“คุยเสร็จแล้วค่ะ” กอหญ้าพูด แล้วส่งโทรศัพท์คืนมาให้ผม ส่วนพี่ภาก็วางสายไปแล้ว หลังจากกินไอติมหมดไปเป็นที่เรียบร้อยผมก็พากอหญ้าไปเดินเล่นต่อที่แผนกของเล่นครับ แล้วก็อนุญาตให้กอหญ้าเลือกของเล่นได้ชิ้นหนึ่ง แต่อีกคนที่มาด้วยกับผมนี่สิครับ หลังจากหายตัวไปสักพักก็หอบโมเดลรถกลับมาตั้งสี่คัน แล้วผมก็ต้องมาปวดหัวอีกครั้งตอนจ่ายเงินนี่แหละครับ

“น้ากรโตแล้วยังเล่นของเล่นอีก” กอหญ้าพูดขึ้นมาตอนถือของไปคิดเงินครับ

“น้ากรเอาไปใส่ตู้โชว์ค่ะ” ผมตอบแทน

“แล้วทำไมน้ากรไม่จ่ายเอง น้ากันต์จ่ายให้ทำไมคะ” กอหญ้ายังถามต่อครับ เมื่อเห็นผมมารอจ่ายเงิน ส่วนกรยืนรออยู่ข้างหลัง

“น้ากรลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่บ้านค่ะ น้ากันต์เลยจ่ายให้ก่อน” ผมตอบก่อนส่งบัตรไปให้พนักงาน

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องซื้อสิคะ น้ากรซื้อตั้งเยอะ แพงด้วย” กอหญ้าพูดกลับมา

“ก็น้ากรเป็นน้องน้ากันต์ไงคะ น้ากันต์เลยซื้อให้ เหมือนที่น้าซื้อให้กอหญ้าไง” ผมพูด แล้วยื่นมือไปรับถุงใส่ของจากพนักงาน กรเองก็มาช่วยรับไปอีกต่อ

“จริงหรอคะ เพราะน้ากันต์รักกอหญ้าเลยซื้อให้ใช่ไหมคะ” เสียงเล็กๆ พูดต่อ

“ครับ” ผมตอบรับ

“แล้วน้ากรกับกอหญ้า น้ากันต์รักใครมากกว่ากัน น้ากันต์ซื้อให้น้ากรมากกว่ากอหญ้าอีก” ถึงตอนนี้กรเริ่มหันมาสนใจบทสนทนาระหว่างผมกับหลานสาวบ้างแล้วครับ ส่วนผมก็ยังไม่ตอบ มือถือถุงข้างหนึ่ง อีกข้างใช้จูงกอหญ้า

“รักเท่ากันครับ ของน้ากรมีชิ้นเดียวเท่ากอหญ้าที่เหลือเป็นของน้ากันต์เองครับ” ผมก้มลงไปตอบ แต่ดูเหมือนว่าหลานสาวผมจะยังไม่พอใจคำตอบเท่าไหร่ ทำหน้ามุ้ยเชียว

“รักกอหญ้ามากกว่านิดนึงก็ได้” ผมพูดใหม่ คราวนี้เจ้าตัวเล็กยิ้มออกแล้วครับ ก่อนจะปล่อยมือผม แล้วไปดึงข้อมือกรให้หันมาสนใจตัวเองแล้วพูดด้วยว่า

“น้ากร น้ากันต์รักหนูมากกว่าแหละ” กอหญ้าพูดแล้วยิ้มหวานใส่กร ก่อนจะปล่อยมือแล้ววิ่งกลับมาหาผมต่อ กรก็ไม่ได้พูดอะไรครับ แค่ส่ายหน้าแล้วยิ้มแบบขำๆ

-------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 14-08-2011 19:52:46
น้องกอหญ้านี่น่ารักเนอะ แอบแสบนิดๆ ซะด้วยสิ :m1:
ดีนะกรไม่แกล้งเด็ก ไม่งั้นล่ะมีฮากลิ้งแน่



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 14-08-2011 20:06:19
เพราะประโยคเดียวแท้ๆ เลยเกิดศึกชิงนายเลย :laugh:
 :กอด1:น้องกอหญ้า น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 14-08-2011 20:35:27
เด็กหนอเด็กช่างคิด  แต่แอบขำคนชอบแกล้งเด็ก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-08-2011 21:13:32
น่ารักซะไม่มี "ศึกชิงน้ากันต์"
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: paradoxxx ที่ 14-08-2011 21:30:53


แย่งกันไปแย่งมา  แกล้งเด็กน้อย  555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 14-08-2011 21:35:23
ว้ายยย กรขี้อิจฉา 555+

ชอบกวนเด็กเหมือนเราเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 14-08-2011 22:49:05
เค้าชอบสีไอติมของกอหญ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 14-08-2011 23:06:49
น้ากรโดนแย่ง 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 14-08-2011 23:41:18
+1ให้น้องกอหญ้าไปเลย น่ารักมากๆแต่ก็แอบเป็นเด็กแสบสำหรับน้ากรเหมือนกันนะเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 14-08-2011 23:56:38
เห็นชื่อตอนแล้วแอบคิดว่าจะมีใครหน้าไหนกล้ามาแย่งพี่กันต์ไปจากอกของกร

พออ่านจบแล้ว  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

คู่แข่งคนนี้น่ากลัวจริงๆ มีหวง และไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 14-08-2011 23:59:23
กรขี้แกล้งอ่ะ ฮ่าๆๆ
แต่กันต์น่ารัก ชอบผู้ชอบดูแลเด็กเล็กๆ น่ารัก!!


ปล. .....“จริงหรอคะ เพราะน้ากรรักกอหญ้าเลยซื้อให้ใช่ไหมคะ” เสียงเล็กๆ พูดต่อ..... น่าจะเป็นน้ากันต์มากกว่า(มั้ง)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 15-08-2011 01:25:17
เหนื่อยแทน :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 15-08-2011 09:27:33
ยอมให้ก่อนละกันน้องกอหญ้า
ยังไงกันต์เค้าก็ต้องรักกรมากกว่าซิเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Bee_YJ ที่ 15-08-2011 10:41:56
น้ากรมีคู่แข่งซะแล้ว 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-08-2011 11:38:11
กรก็ต้องยอมเขาหน่อยนะ 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 15-08-2011 19:51:03
 :-[ น้องกอหญ้าน่ารักจัง
ส่วนกันต์เวลาดูแลเด็กก็ดูอบอุ่นน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 15-08-2011 20:18:40
กรใจร้ายแกล้งเด็ก กอหญ้าน่ารักมากแย่งน้ากันต์กับกร
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 15-08-2011 20:47:32
กับเด็ก้ไม่เว้นนะกร
555555555555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 15-08-2011 23:33:37
หลงรักน้องกอหญ้า น้องน่ารักมาก  :-[
ตอนนี้กร กลายเป็นน้ากรจอมกวนไปแล้ว กับเด็กยังไม่เว้น
แต่ก็นะ เรื่องรักกันต์ ยอมกันได้ที่ไหน คนเขารักของเขา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 16-08-2011 00:47:58
เหอเหอ..เหอ  หนูเป็นเด็กฉลาดมั่ก ๆ เลยจ้ากอหญ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: OHmeza019 ที่ 16-08-2011 02:10:56
ตอนนี้น่ารักมากเลยครับ
เดกก้อยากเอาชนะ
แต่คนตัวโตนี้สิก้ไม่ยอม 55
เข้าใจความรูสึกครับผมก้เคยเปน เจอหลานเเล้วน่าเเกล้ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 16-08-2011 10:22:23
เด็กช่างพูดจัง
แลดูหวงของด้วยนะ
ฮาาาา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-08-2011 10:50:03
สงสารกร
คู่แข่งเป็นเด็ก เลยทำอะไรไม่ได้ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 16-08-2011 20:54:47
หลงน้องกอหญ้าอ่ะ เด็กอะไรน่าฟัดจริงๆ

เหมือนคุณพ่อคุณแม่พาลูกมาเที่ยวเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 16-08-2011 22:41:55
เรื่องเบาๆ น่ารัก อ่านได้เรื่อยๆเลย ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 17-08-2011 21:20:08
ชิงกะเด็กน้อยๆฮ่าๆ เมื่อครอบครัวพาลูกมาเที่ยวเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 17-08-2011 22:02:06
บรรยากาศน่ารักและอบอุ่นดีจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 18-08-2011 17:24:48
อ่านถึงหน้า24แล้ว จะติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 18-08-2011 22:10:07
น้องกอหญ้าน่ารักมาก ช่างพูดช่างคุยจริงเชียว  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-09-2011 20:24:29
ยังไม่มาต่ออีกเหรอคะ

รออ่านอยู่นะ   :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-09-2011 20:36:51
คิดถึงตอนต่อไปแล้วน๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 16-09-2011 02:33:32
มารอด้วยคน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ศึกชิงนาย p.59 up 14-8-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 17-09-2011 14:22:01
ตอนที่ 57 ข้อตกลง


“กรเดี๋ยว”

“ฮืม” ผมฮึมฮัมรับขณะที่ยังง่วนอยู่กับการซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวที่กรุ่นกลิ่นหอมเย็นของคนที่เพิ่งอาบน้ำมาและเมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำยังไม่ทันจะถึงสามก้าวก็ถูกผมเข้าไปคว้าตัวมาไว้บนเตียง ไม่ปล่อยเวลาให้เขาได้เช็ดตัวให้แห้งดีเสียด้วยซ้ำจนน้ำที่เกาะพราวมาตามตัวซึมลงไปในผ้าปูที่นอน

“เดี๋ยวก่อน” เสียงกันต์ร้องประท้วง แต่มือข้างหนึ่งกลับยึดบ่าผมไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็ยึดอยู่ที่คอเสื้อยืด

“กร” เมื่อกันต์เห็นว่าผมยังไม่มีทีท่าจะสนใจเสียงประท้วงของเขา เขาก็เปลี่ยนมาเรียกชื่อผมห้วนๆ แทน ก่อนจะเปลี่ยนมือจากที่ยึดไหล่ผมไว้เมื่อกี้มาเป็นดันไหล่ผมแทนเป็นการบอกให้หยุด สุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมหยุด

“เป็นอะไร มีอะไรหรือเปล่า ไม่อยากให้ทำหรอ” ผมถาม แล้วคว้ามือของคนที่เรียกให้ผมหยุดมาประทับจูบลงไปกลางฝ่ามือ ก่อนจะจับมือเข้าขึ้นมาแนบที่ใบหน้าผมโดยมีมือผมประกบซ้อนมือเขาอีกที

“วันนี้กันต์ขอได้ไหมกร” เขาพูดในขณะที่กำลังมองสบตากับผม 

“ขอ ขออะไร” ผมถามไม่เต็มเสียง แต่พอเห็นเขานิ่งไปและไม่พูดอะไรออกมาอีก ผมก็กลับไปทำสิ่งที่ค้างไว้ก่อนหน้า จนซอกคอขาวเริ่มมีสีแดงจางๆ ปรากฏให้เห็น ก่อนที่จะไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ ตามด้วยเสียงครางฮือเป็นการตอบรับในสิ่งที่ผมกำลังทำ เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรอีก ผมก็เริ่มรุกไล้ไล่ต่ำลงไปอย่างช้าๆ

“กันต์ขอได้ไหมกร ให้กันต์ทำอย่างที่กรกำลังทำ ให้กันต์ได้ไหม” กันต์พูดขึ้นมาทั้งที่ตัวเขากำลังเปิดทางให้ผมสัมผัสร่างกายเขาได้มากขึ้น และแล้วก็เป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหยุด มันจะมีสักกี่คนที่พอได้ยินอะไรแบบนี้แล้วไม่หยุด

“กันต์ขอได้ไหม” เขาพูดซ้ำในขณะที่ผมกลับขึ้นมามองสบตาอยู่กับเขา เหมือนกับว่าผมกำลังมองหาอะไรบางอย่าง อะไรสักอย่างที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ ผมกำลังมองหาอะไรแววตาที่แสนคุ้นเคยตรงหน้า

“พูดจริงหรือเปล่า” ผมถามกลับ ผมถามเพราะต้องการความมั่นใจ แค่เขายืนยันว่าต้องการแบบนั้นจริงๆ ผมก็จะให้ ไม่เคยมีอะไรที่ผมให้เขาไม่ได้ กับคนๆ นี้ผมให้เขาได้ทุกอย่าง อ้า!! ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าผมกำลังมองหาอะไร ผมแค่กำลังมองหาความมั่นใจ ผมแค่อยากมองเห็นด้วยตาตัวเองว่าเขาต้องการมันจริงๆ ดวงตาของคนๆ นี้ไม่เคยโกหกผมเลยสักครั้งเดียว

“จริง” เสียงที่เปล่งออกมาแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม เช่นเดียวกับแววตาของเขาที่แสดงออกมาในทิศทางเดียวกันกับคำพูด

“ได้สิ” ผมบอกเขา เพียงแค่ผมรู้ว่าเขาคนนี้ของผมต้องการอะไร ผมก็สามารถให้เขาได้ทุกอย่าง ให้ได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ ไม่สิ ผมมีข้อแม้อยู่ขอหนึ่งต่างหาก ผมขอแค่ใจเขาเป็นสิ่งตอบแทนแค่นั้นเอง ผมขอแค่สิ่งนี้สิ่งเดียว ไม่มีอะไรที่ผมต้องการไปมากกว่านั้นแล้ว และผมก็แน่ใจว่าผมได้สิ่งนั้นมาแล้ว เพราะมั่นใจว่าได้มาแล้ว เลยไม่เคยคิดกลัวหากเขาจะเรียกร้องเอาอะไรจากผมบ้าง แต่แน่นอนว่าใจผมก็อยู่ที่เขาด้วยเหมือนกัน ผมยินดีและเต็มใจยกให้ทั้งตัวทั้งใจเลยกับคนๆ นี้ แต่ก็นะผมยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง แต่พอถึงเวลานี้มันก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ขอมาก็ให้ไปเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้เพราะเป็นเขาไม่ใช่ใคร เพราะเป็นเขา เป็นคนที่ผมรัก

“ขอบคุณนะ” หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ผมก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนขยับตัวลุกออกจากการทาบทับตัวเขา และเปลี่ยนมานั่งเก้ออยู่ข้างๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ เกิดอาการทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปดี 

แต่นั่งนิ่งได้ไม่นานก็ถูกคนที่ยังคงนอนอยู่ข้างๆ ยื่นแขนขึ้นมารั้งต้นคอให้โน้มตัวลงไปหาเขา แล้วใช้แขนทั้งสองโอบรั้งต้นคอผมจนปลายจมูกของเราสองคนชนกัน ก่อนที่เขาจะยิ้มบางๆ ออกมา ผมเองเห็นรอยยิ้มนั้นเป็นภาพลางๆ เพราะระยะที่ชิดจนจมูกชนจมูก เขายิ้มทั้งริมฝีปากและแววตา

“กร ทำเถอะ”

“แล้ว”

“อย่าพูด ไม่ต้องพูดแล้ว”

หลังจากสิ้นประโยคนี้ ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เหมือนเสียงที่เปล่งเป็นภาษาจะถูกทำให้หายไปทั้งของเขาและของผม เวลานี้ขอแค่เพียงภาษากายเท่านั้นพอ

จากปลายจมูกที่ชิดติด ใบหน้าที่อยู่ตรงกัน ค่อยๆ เคลื่อนไปคนละทาง เปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่ประกบเข้าหากันเบาๆ แตะกันเพียงนิด แล้วผละออกเหมือนจะหยั่งเชิง ก่อนพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง ณ เวลานี้อารมณ์ที่กักไว้ก่อนหน้าถูกปลดปล่อยให้ได้รับอิสรภาพ กำลังไหลพรั่งพรูออกมาในการแสดงออกทางกาย

ริมฝีปากแนบชิดบดเบียดจนไร้ช่องว่าง ไม่ใช่จูบที่ล้ำลึกเทียวกวาดควานหาความหวานจากภายใน การบดเบียดเคล้าคลึงฟ่อนเฟ้นแต่ภายนอกแบบนี้แม้ไม่หวานเท่า แต่กลับเร่าร้อนและวาบหวามกว่าเป็นไหนๆ ผมขบลงอย่างไม่แรงนักที่ริมฝีปากล่างที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของเขา แล้วเปลี่ยนสลับกับดูดเม้มเบาๆ แค่นี้อารมณ์ก็พากันกระเจิดกระเจิง ไม่มีใครยอมผละออกมีแต่จะพุ่งเข้าใส่กันชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร


“อื้อ”

“อื้ม”


.
.
.     


>ปั้ง ปั้ง ๆ ๆ ๆ ๆ<

“พี่กันต์ เปิดหน่อย พี่กันต์ ๆ”

>ปั้ง ๆ ๆ ๆ<

“พี่กันต์ พี่ พี่กันต์ เปิดประตูให้รักหน่อย”

“อย่าไป” ผมผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา พอพูดจบก็กลับเข้าไปจะสานต่อ แต่กันต์ทำท่าจะลุกไปให้ได้ อันที่จริงเขาทำท่าจะลุกไปตั้งแต่ได้ยินเสียงเคาะประตูครั้งแรกแล้ว แต่ผมไม่ยอมเขาเลยลุกไปไม่ได้

“ไปดูแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับมา” กันต์พูด แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนมองหาผ้าเช็ดตัว และก็เป็นผมที่เป็นฝ่ายลุกไปหยิบให้ เพราะเป็นคนดึงออกจากตัวเขาแล้วโยนพาดไว้กับพนักเก้าอี้ที่อยู่แถวหน้าห้องน้ำ

“กรไปดูเอง” ผมพูดแล้วลงจากเตียงเพื่อเดินไปหน้าประตู

“มีอะไร” ผมถามไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกที่หอบหมอนกับผ้าห่มพะรุงพะรังเต็มอ้อม แต่ยังสามารถเคาะประตูห้องผมได้อยู่ หรือเมื่อกี้มันจะใช้ขาเตะวะ อย่าให้รู้นะว่าทำแบบนั้นจะจับหักขาให้เป็นสองท่อน

“......” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วไม่ตอบอะไร แต่พาตัวเองเบียดแทรกผ่านประตูพร้อมสมบัติที่มันหอบมาเข้ามายืนอยู่ในห้องนอนผมหน้าตาเฉย ก่อนปล่อยของที่มันหอบมาลงบนโซฟาที่อยู่ติดผนังห้องทางฝั่งซ้ายของเตียง

“มาทำไม ไปเลย” ผมเดินเข้าไปพูดกับมัน แต่มันไม่มีทีท่าจะสนใจผมสักนิด แม้แต่หน้าผมมันยังไม่ยอมหันมามอง ไอ้เด็กนี่มันกวนได้อีก

“เป็นอะไรหรือเปล่า มาเรียกพี่” เสียงคนที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยในชุดเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาวและกางเกงขาสั้นสำหรับใส่นอนถามขึ้นมาทันทีที่เดินพ้นออกมาจากห้องแต่งตัวและเจอเข้ากับไอ้เด็กข้างบ้านที่มานั่งเจ๋ออยู่บนโซฟา

ใช่ครับ ไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกนี่มันเป็นเด็กข้างบ้าน ชื่อเล่นจริงๆ ของมันคือ รัก และมันเป็นเด็กข้างบ้าน แต่เป็นบ้านของกันต์เขาไม่ใช่บ้านหลังนี้ เพราะอย่างนั้นผมเลยเพิ่งจะได้เห็นหน้ามันเมื่อสามวันที่แล้ว ตอนที่มันคนข้าวของเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับผม และมีกำหนดอยู่ร่วมกันไปหนึ่งเดือนเต็ม แต่เท่าที่อยู่ร่วมกับมันมาจนเข้าวันที่สาม ผมคิดสภาพไม่ออกเลยว่าผมจะทนมีมันอยู่ด้วยไปจนครบเดือนได้ยังไง 

......................................................
.......................................

.........................




ย้อนไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหลังจากกันต์วางโทรศัพท์สายที่สองหลังจากสายแรกเป็นแม่กันต์ที่โทรเข้ามา และต่อด้วยสายที่สองที่คุยกันอีกนานสองนาน กันต์ก็เดินเข้ามาบอกกับผมว่า

“กรอาทิตย์หน้าน้องกันต์จะมาอยู่ด้วยนะ จะมาเรียนพิเศษแล้วอยู่กับเราเดือนนึง” กันต์เข้ามาพูดกับผม แล้วโน้มตัวลงมากอดจากทางด้านหลังขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ ผมเลยวางมือจากงานแล้วหมุนเก้าอี้ไปหาเขาที่อยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะดึงตัวเขาลงมานั่งบนตัก แล้วสอดแขนเข้าไปกอดเอวเขาไว้และเอาคางตัวเองไปวางเกยอยู่บนไหล่ที่บางกว่าของตัวเอง

“น้องไหน” ผมถามเพราะตั้งแต่คบกันมา น้องของกันต์ก็เห็นจะมีแต่ไอ้ป่านมันคนเดียว เลยไม่รู้ว่าน้องที่กันต์พูดถึงคือคนไหน

“รักน่ะ กรยังไม่เคยเจอ เมื่อก่อนเขาอยู่บ้านข้างๆ บ้านกันต์ แต่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ได้สองสามปีแล้ว แล้วก็ย้ายไปอยู่ข้างๆ บ้านย่านั่นแหละ อาพงศ์พ่อของรักเขาไปทำรีสอร์ทอยู่ที่นั้น แล้วก็ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่นั่นกันเลย ตอนที่ขึ้นไปหาย่าก็ว่าจะไปหาอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นเขาก็ไปเที่ยวกันทั้งบ้านเหมือนกัน ขึ้นไปสองครั้งเลยยังไม่มีโอกาสเจอกันสักที” กันต์เล่าให้ผมฟัง

“อยู่ม.ปลายหรอ มาเรียนพิเศษ”

“อื้ม อยู่ม.ห้า”

“ที่นู่นก็น่าจะมีที่เรียนนิ เมืองออกใหญ่” ผมถาม พอนึกถึงแล้วก็อยากจะขึ้นไปเที่ยวเหมือนกัน

“คงอยากกลับมาหาเพื่อนที่นี่ล่ะมั้ง เห็นอาชลบอกว่าจะเลือกมาเรียนต่อที่นี่ด้วย” กันต์พูดแล้วเอนหลังมาพิงอกผม

“แล้วจะมาเมื่อไหร่” ผมถาม

“เสาร์นี้ เพราะเริ่มเรียนจันทร์หน้า เดี๋ยวอาชลกับอาพงศ์ลงมาส่ง” กันต์บอก ส่วนผมเองก็เฉยๆ ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

“ไม่ว่าอะไรนะ” กันต์ถามเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ไม่หรอก ดีซะอีกมีคนมาใช้ห้องบ้าง มีห้องนอนเหลืออีกตั้งสองห้อง กรว่าเราเปลี่ยนบรรยากาศวนไปนอนห้องละอาทิตย์ดีไหม” ผมพูดเล่นๆ ขึ้นมา

ตอนที่เราออกแบบบ้านหลังนี้ก็คิดกันอยู่นานเหมือนกันว่าควรจะมีห้องนอนสักกี่ห้อง มันแน่นอนล่ะว่าเราคงอยู่กันแค่สองคนอยู่แล้ว แต่ก็คิดเผื่อๆ เวลาใครมาที่บ้านจะได้มีที่นอน เพราะไม่ใช่ว่าเราออกมาอยู่กันสองคนแล้วจะรักษาความเป็นส่วนตัวขนาดไม่ยอมเปิดบ้านรับแขก สุดท้ายเลยสรุปกันออกมาที่สามห้องนอน แล้วก็ได้เปิดใช้ไปแล้วทั้งสองห้อง อย่างไอ้ป่านถ้าพี่กาวน์ไม่อยู่มันก็จะมานอนที่นี่เพราะมันติดนิสัยไม่ชอบอยู่คนเดียว แล้วเดือนก่อนที่ครอบครัวของป้าผมมาก็ได้เปิดใช้ไปสองห้อง และเสาร์นี้ก็จะได้เปิดบ้านรับแขกอีกแล้ว ผมว่าไปๆ มาๆ ตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้มีคนแวะเวียนมาหามากกว่าที่เราอยู่บ้านตัวเองเสียอีก

“พูดเรื่อยเปื่อย” กันต์ว่า

“เรื่อยเปื่อยตรงไหนกรเอาจริงนะเนี่ย เริ่มวันนี้เลยดีไหม เอาห้องไหนก่อนดี เปลี่ยนบรรยากาศกันไง” ผมพูด แล้วก็เริ่มซนโดยการสอดมือเข้าไปในเสื้อแล้วลูบผิวที่หน้าท้องเนียนของคนที่นั่งพิงอกผมอยู่

“ทำงานไปส่งพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวไม่เสร็จคืนนี้ไม่ได้นอนกันพอดี ถ้างานเสร็จเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน” พูดจบก็ลุกหนีกันไปเสียดื้อๆ พูดได้สั้นๆ คำเดียวเลยตอนนี้ “อด” ท้ายที่สุดก็จบลงที่ผมหมุนเก้าอี้หันเข้าหาโต๊ะแล้วลงมือทำงานต่อ แต่ก็นะพูดลงท้ายกันแบบนั้น มันค่อยน่าชื่นใจหน่อย รีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ ดีกว่า

..................................................
...................................

....................



"ว่าไงเรา" กันต์ถามอีก

“ให้รักนอนด้วยนะพี่กันต์” ไอ้เปี๊ยกมันเริ่ม แล้วขอโทษเถอะไม่ต้องทำหน้าแบ๊วใส่แฟนกูขนาดนั้นก็ได้ ให้พูดกันตามตรงครั้งแรกที่ผมเจอหน้ามัน ผมพูดได้เลยว่าไอ้เปี๊ยกนี่น่าตามันน่ารักมาก ผิวขาวจั๊วะ แก้มแดง ปากแดง แม่งน่ารักเกิน และกับตัวมันถึงผมจะเรียกว่าไอ้เปี๊ยกก็จริง แต่มันไม่ได้เตี้ยหรือตัวเล็กอะไรนักหรอก ยืนเทียบกับกันต์แล้วก็เตี้ยกว่าไม่กี่เซนต์คงสูงร้อยเจ็ดสิบต้นๆ ได้ แต่ตัวบางกว่า พอมาเทียบกับผมแล้วมันเลยดูตัวเล็กกว่าเยอะ ผมเลยเรียกมันไอ้เปี๊ยก ซึ่งตัวมันไม่ชอบนักหรอกที่ผมเรียกแบบนี้ ก็ใครมันจะชอบ แต่ใครจะสนใจ เอาแค่ว่าผมชอบพอ ผมชอบเวลามันแสดงอาการตอนผมเรียกมัน ไอ้เปี๊ยกยั่วขึ้นโคตรง่าย แกล้งมันแล้วมันดี หึหึ ก็เป็นอย่างเดียวแหละที่ผมชอบที่จะมีมันอยู่ด้วย มีเด็กให้แกล้งแก้เซ็งดี

“มีอะไรหรือเปล่า” กันต์ถาม แล้วลองเข้าอีหรอบนี้ ไม่ต้องให้เดาเลยว่าสุดท้ายแล้วแฟนผมจะทำยังไงกับไอ้เปี๊ยกนี่ 

“นอนไม่หลับอ่ะพี่กันต์ ให้รักนอนด้วยนะนะ” ไอ้เปี๊ยกมันเงยหน้าทำหน้าทำตาน่าสงสารขณะเงยหน้ามองแฟนผมที่ยืนอยู่หน้ามัน

“น้อยๆ หน่อยไอ้เปี๊ยก” ผมพูด แล้วเดินไปปิดไฟ ให้เหลือแต่ไฟจากโคมไฟหัวเตียง ยังไงกันต์ก็ต้องให้ไอ้เปี๊ยกมันนอนที่นี่อยู่แล้ว พูดมากก็เหนื่อยเปล่า แค่อดไปอีกวันไอ้กรไม่ตายหรอก ไว้สบโอกาสไอ้เปี๊ยกมันไม่อยู่เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมต้องมาอดเพราะมันวะเนี่ย

“นอนโซฟาจะหลับสนิทหรือไง” กันต์ถามครับ แสนดีตลอดอ่ะคนนี้

“นอนได้ๆ” ไอ้เปี๊ยกพูดแล้วทำตาวิ้บวั้บ ไม่ต้องมาทำตัวน่ารักเลยไอ้เปี๊ยก ต่อหน้ากันต์มันทำตัวน่ารักแบบนี้ตลอด แต่อย่าให้อยู่กับผมสองคนเชียวไม่รู้มันแค้นเคืองผมมาแต่ชาติปางไหน อยู่มาสามวันเจอหน้ากันทีไรแง่งๆ ใส่ผมตลอด เท่านั้นยังไม่พอมันยังตามติดกันตลอดอีก ผมอยู่กับกันทีไรมันต้องโผล่มาแทรกได้ทุกที ได้ข่าวว่าแฟนกูนะนั่น แต่ก็อีกแหละ ไอ้เปี๊ยกมันไม่รู้ เอ๊ะ!! หรือมันจะรู้ ก็น่าจะรู้เพราะผมสองคนนอนด้วยกันแบบนี้นี่เนอะ เออวะ ลืมคิด แต่ช่างมันเหอะ แล้วสองคนนั้นก็คุยอะไรกันอีกไม่รู้ครับ เพราะผมเตรียมตัวจะนอนแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้วนิ

“หึหึ” เสียงคนที่ล้มตัวลงนอนข้างผม ชะโงกหน้าเข้ามาหัวเราะอยู่ข้างหูผม ผมเลยพลิกตัวกลับมานอนตะแคงหันหน้าไปหาเขา

“ฝันดี” เสียงกระซิบเบาๆ ดังออกมาจากริมฝีปากที่อยู่ใกล้กับริมฝีปากผม พอพูดจบคนพูดก็แตะริมฝีปากแนบเข้ามาเบาๆ แล้วถอนออก ก่อนขยับตัวออกไปนอนหนุนหมอนของตัวเอง เฮ้อ!! แค่นี้ก็ได้วะคืนนี้

.
.
.


“ขอบคุณครับ” เสียงไอ้เปี๊ยกพูดกับกันต์ตอนกันต์ส่งจานอาหารเช้าให้มัน เช้านี้มื้อเช้าของผมดูไฮโซเชียวตั้งแต่ไอ้เปี๊ยกมาอยู่มื้อเช้ากันต์จัดเต็มตลอด เพราะไอ้เปี๊ยกมันกินเก่งทำเอานึกถึงไอ้ป่านแม่งตัวก็แค่นั้นกินเก่งกันฉิบ เช้านี้ในจานมีเอ้กเบเนดิกส์ แฮม ขนมปังกระเทียม แล้วก็ผักต้มนิดหน่อย แถมมีนมกันอีกคนละแก้วใหญ่ แล้วอะไรวะทำไมจานไอ้เปี๊ยกมีไข่สองฟอง แฮมสี่แผ่น ของผมไข่ฟองเดียว แฮมสามชิ้น ลำเอียงนะแบบนี้

“เฮ้ย!!” จะเสียงใครถ้าไม่ใช่เสียงไอ้เปี๊ยก ผมไม่ได้ทำอะไรนะ ไม่ได้ทำจริงๆ

“นั้นมันแฮมของรักนะ เอาคืนมาเลย” มันโวยวายแล้วยื่นส้อมข้ามโต๊ะมาหมายจะจิ้มแฮมในจานผมคืน แต่อย่าหวังเพราะผมยกจานหลบทัน

“ช้าไปไอ้น้อง” ผมพูดแล้วยักคิ้วกวนๆ ใส่มัน

“พี่กันต์ ดูพี่กรดิ แย่งแฮมรักไปอ่ะ” มันฟ้องครับ ตอนแรกมันทำท่าจะเดินมาแย่งแฮมในจานผมไปให้ได้ แต่พอกันต์เดินกลับออกมาจากครัวมันหยุดครับ มันหยุดแล้วหันไปฟ้องกันต์แทน แล้วดูมันทำหน้าแบ๊วเรียกความสงสารจากแฟนกูได้อีกนะ เดี๋ยวดีดให้หน้าหงายสักทีดีไหม คิดว่าหน้าตาน่ารักแล้วใครจะทำอะไรไม่ลงหรือไง ไม่ใช่กูคนนึงละไอ้เปี๊ยกเอ้ย มันไม่ใช่แฟนผมนิเพราะฉะนั้นอย่าได้แคร์ แกล้งมันวันละนิดจิตแจ่มใส ถึงมันจะทำผมปวดหัวมากกว่าจิตแจ่มใสก็เถอะ

“อ่ะ เอานี่” กันต์พูดพร้อมกับใช้ส้อมตักแฮมในจานตัวเองส่งไปให้ไอ้เปี๊ยก อย่าคิดว่ามันไม่รับนะครับ มันรับ แล้วก็เป็นผมที่ต้องตักแฮมในจานคืนไปให้กันต์

“วันนี้รักกลับเย็นเลยนะพี่กันต์วันนี้เริ่มเรียนอีกวิชา” มันรายงาน

“เลิกกี่โมง” ตอนนี้ผู้ปกครองกำลังสอบถามเด็กในปกครองชั่วคราวครับ

“สี่โมงครึ่งครับ” มันตอบ ระหว่างนั้นก็กินมื้อเช้าไปอย่างเอร็ดอร่อย มีความสุขจริงนะ ดูอย่างนี้ก็เป็นเด็กธรรมดาไม่มีพิษมีภัยอยู่หรอก

“วันนี้กรไปแถวสยามใช่ไหม รับรักกลับมาด้วยได้ไหม” เอาแล้วไงงานเข้าผมซะงั้น

“ไม่เป็นไรพี่กันต์ รักกลับเองได้ ไม่อยากกวนพี่กร” ฟังมันพูด พูดดูดีเชียวนะ

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เขาไปแถวนั้นอยู่แล้ว เลิกเรียนก็โทรหาพี่กรแล้วกัน” กันต์นัดแนะให้เสร็จสรรพ

“กรวันนี้จะเข้าไปเอากางเกงที่โดคุหรือเปล่า”

“อืม ว่าจะดูกระเป๋าด้วย” ผมตอบ ส่วนร้านที่ว่าเป็นร้านยีนส์ร้านโปรดของผมเอง ยีนส์ในตู้ผมน่าจะเกินครึ่งที่มาจากร้านนี้ 

“งั้นเลิกเรียนแล้วรักเดินไปหาพี่กรที่ร้านโดคุนะอยู่ซอยเก้า ถ้าหาไม่เจอก็โทรหาพี่กร” กันต์พูด ไอ้เปี๊ยกก็ว่าง่ายผงกหัวรับหงึกๆ อยู่กับกันต์ก็น่ารักแบบนี้แหละ คอยดูเวลามันอยู่กับผมแล้วกัน

…………………………………………….
………………………………….

……………………


“ร้านอยู่ไหนอ่ะ หาไม่เจอ อยู่ซอยเก้าแล้วเนี่ย” ไอ้เปี๊ยกพูดรัวมาทันทีที่ผมกดรับสายมัน

“เดินเข้ามาในซอยยัง” ผมถาม ระหว่างนั้นก็เดินออกไปที่หน้าร้าน แล้วมองซ้ายมองขวาดูว่ามันอยู่ไหน แล้วนั่นมันหนีใครมาหรือเปล่าวะ มีหันกลับไปมองด้านหลังท่าทางเลิกลั่ก พอมันหันมาเห็นผมแค่นั้นล่ะ มันก็วิ่งเข้ามาหาทันที

“เฮ้ย!! อะไรวะ” ผมโวยวายเมื่ออยู่ๆ มันก็วิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังผมและทำท่ายังกับจะมุดหลบใครอย่างนั้นแหละ

“ร้านนี้หรอ เข้าร้านดิ เร็ว” ไอ้เปี๊ยกพูดพร้อมออกแรงดันหลังผมไปด้วย แต่ยังไม่ทันเปิดประตูก้าวเข้าร้าน หางตาผมก็เห็นเหมือนคนกำลังเร่งสาวเท้าก้าวเข้ามาจากทางเดียวกับที่ไอ้เปี๊ยกมันเพิ่งวิ่งมาเมื่อกี้

“รู้จักหรือเปล่า” ผมหันไปถามไอ้เปี๊ยกที่เปลี่ยนมายืนอยู่ทางขวามือผม ก่อนหันไปมองไปที่คนที่คิดว่าตามไอ้เปี๊ยกนี่มา ซึ่งคนนั้นพอเห็นผมเขาก็หยุด นับระยะจากหน้าร้านนี้คนนั้นก็อยู่ห่างไปประมาณห้าร้านได้ ใส่ชุดนักศึกษามาดูคร่าวๆ น่าจะอ่อนกว่าผมไม่มาก อาจจะแค่ปีสองปี

“.......” ไอ้เปี๊ยกมันไม่พูดตอบ แต่พยักหน้าแทน แล้วเอามือมาฉุดที่ต้นแขนผมจะดึงเข้าร้านลูกเดียว

“รู้จักแล้ววิ่งหนีมาทำไม” ผมถามไอ้เปี๊ยกแต่ตายังมองที่คนนั้นอยู่ กับคนนั้นเองเขาก็มองมาที่ผมเหมือนกัน แล้วก็มองเลยไปที่ไอ้เปี๊ยกที่เอาแต่หลบ

“ไม่อยากคุย พี่กรกลับบ้านเหอะ กลับบ้าน” ไอ้เปี๊ยกมันพูดรบเร้า ดูท่ามันอยากจะกลับบ้านจริงๆ ไม่งั้นมันคงไม่ลงทุนพูดกับผมแบบนี้แน่ๆ กับคนนั้นตอนนี้ก้าวเข้ามาหาไอ้เปี๊ยกมันเรื่อยๆ แล้วครับ ยิ่งเห็นหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งเห็นว่ามันก็หน้าตาดีใช่เล่น

“พี่ กร” เสียงไอ้เปี๊ยกมันเรียกครับ แล้วทำไมเสียงมันสั่นเหมือนคนจะร้องไห้อย่างนั้นวะ มือที่เกาะแขนผมอยู่มันก็บีบซะแน่น จนผมต้องแกะมือมันออก แล้วดึงมือมันมาจับไว้แทน จับมือมันได้ถึงรู้ว่ามือมันเย็นเฉียบ

“รัก” เสียงคนที่เดินเข้ามาเรียกชื่อไอ้เปี๊ยก

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามแทนไอ้เปี๊ยก ไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องถามเสียเอง กลัวไอ้เปี๊ยกมันจะร้องไห้ออกมาซะก่อนจะพูดอะไร

“พอดีผมนึกว่าเป็นคนรู้จักเลยเดินตามมา แต่ผมคงจำคนผิด ขอโทษครับ” คนที่เดินเข้ามาพูด ก่อนจะก้มหัวให้เล็กน้อยเมื่อพูดจบก่อนจะหันหลังแล้วเดินกลับไป ตอนนี้ไอ้เปี๊ยกเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว แต่ผมก็เห็นนะว่ามันแอบเหลือบมองเขาอยู่เหมือนกัน

“เขาไปแล้ว ไปกลับบ้าน” ผมพูดแล้วปล่อยมือจากไอ้เปี๊ยกแล้วเปลี่ยนมาวางแขนพาดไหล่มันแทน ก่อนจะเปิดประตูชะโงกหน้าเข้าไปในร้านเพื่อบอกรุ่นพี่ผมในร้านว่าจะกลับแล้ว และรับถุงกระดาษใส่ยีนส์ที่เจ้าของร้านถือมาส่งให้

“ไปๆ เดี๋ยวพี่ต้องแวะซื้อกับข้าวอีก กว่าจะซื้อของเสร็จ ถ้ากลับบ้านช้าก็ทำกับข้าวเสร็จช้า หิวข้าวไม่รู้นะ” ผมพูด ระหว่างเดินไปที่รถ ไอ้เปี๊ยกมันก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

.
.
.


“พี่กร อย่าบอกพี่กันต์นะ” ไอ้เปี๊ยกมันก็พูดขึ้นมาเป็นประโยคแรกหลังจากขึ้นมาบนรถได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“อืม” ผมรับคำ

“แต่...” ผมพูดแล้วหยุด อย่าหาว่าผมหาช่องทางหาประโยชน์ให้ตัวเองนะ ขอนิดนึงเหอะ

“ทำไมต้องมีแต่อ่ะ” มันทำคิ้วขมวดแล้วหันมามองหน้าผม

“มันต้องมีข้อตกลง” ผมพูด คราวนี้มันทำคิ้วขมวดบวกกลับหลิ่วตามองผมอย่างคนกำลังประเมินสถานการณ์ ผมไม่มีข้อแม้อะไรมากนักหรอกน่า

“ว่ามา” มันพูด แล้วยกแขนขึ้นกอดอก

“ข้อแรกกลับไปนอนห้องตัวเอง” ผมพูด เห็นไหมเรื่องง่ายจะตาย

“ก็ได้” มันเหลือบหางตามามองผม ก่อนตอบตกลง แล้วทำปากขมุบขมิบเหมือนจะบ่นอะไร แต่ไม่มีเสียงออกมา

“มีอะไรอีก” มันถามต่อ

“เลิกกวนซะที พี่ไปทำอะไรให้โกรธมาแต่ชาติไหนวะ” ผมพูด แล้วหันไปมองหน้ามันที่นั่งพิงพนักกอดอก และทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“เป็นแฟนพี่กันต์หรอ” ไอ้เปี๊ยกมันถามออกมา

“แล้วคิดว่าไง” ผมย้อนถามมัน

“ดูไม่ออกก็ง้าวขนาด” มันพูด เออนะไปอยู่เชียงใหม่แค่สองสามปีมีติดคำเมืองมากับเขาด้วย

“เออ ไม่ง้าวก็ดี แล้วทีนี่เลิกขัดได้ยัง” ผมพูด ก่อนเลี้ยวรถเข้าซุปเปอร์ฯ

“ก็คิดอยู่ว่าเมื่อไหร่จะกล้าพูดออกมาซะที แต่แกล้งพี่นี่ก็มันดีนะ ยั่วขึ้นดี ทำหน้ายังกับจะกินเลือดกินเนื้อรักทุกทีเวลาเข้าไปขัด” มันพูด อ้าว!! ไอ้เปี๊ยก ตกลงผมกับมันใครแกล้งใครกันแน่วะ นี่ผมเสียรู้มันหรอเนี่ย เวร!!

“แต่คืนนี้ขอไปนอนด้วยอีกคืนดิ ได้ป่ะ” มันพูด แล้วหันมายักคิ้วกวนๆ ให้

“ไม่ให้เว้ย ไปๆ ลง” ผมพูด แล้วไล่มันลงจากรถ จะได้รีบเข้าไปซื้อของกันสักที

“ฮ่าๆๆ” มันหัวเราะผมครับ ไอ้เปี๊ยกเอ้ย เมื่อชั่วโมงที่แล้วยังทำท่าจะร้องอยู่เลย มาตอนนี้หัวเราะลั่นซะแล้ว เอากับมันสิ

----------------------------------------------------------




ขออภัยที่หายไปนานนะคะ แต่พากันต์กับกรมาส่งแล้วน้า แอบมีตัวแถมมาอีกหนึ่ง
อยากอ่านแบบหวานๆ ตอนหน้าจะเอามาส่งให้นะ (ให้น้องรักกลับห้องไปก่อน อิอิ)  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 17-09-2011 14:36:53
เง้อ ตัวแถมขัดจังหวัดมว๊ากกก
ทุบโต๊ะ
กร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: paradoxxx ที่ 17-09-2011 14:50:40
คนที่วิ่งตามรักเป็นใครอะ? อยากรู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-09-2011 14:55:34
ไม่ว่าจะมีแขกที่เป็นเด็ก หรือแขกวัยรุ่นมาพักที่บ้าน
ต่างก็แกล้งกรทั้งนั้น น่าสงสาร
ว่าแต่แอบในแป้วเล็กน้อยตอนกันต์จะรุกบ้าง :sad4:
ทำไงได้ก็เค้ารักกันนี่เนอะ
อยากรู้เหมือนกันถ้ากันต์รุกจริงจะเป็นยังไง  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 17-09-2011 15:11:16
มาต่อแล้ว รออ่านตั้งนานนนน รอ ป่าน ด้วยอีกคู่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 17-09-2011 15:39:05
โดนขัดจังหวะซะงั้น :z3:

จะรอตอนต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: afternoon ที่ 17-09-2011 16:04:15
เด็กรักต้องมีซั่มทริงอะไรกับชายนิรนามคนนั้นแน่เลยย

แอบตกใจตอนที่กันย์ขอกร โล่งไปที :เฮ้อ:

มาต่อไวไวนะคะะะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 17-09-2011 16:05:21
กร...ทีหลังไม่ต้องช่วย ปล่อยให้ไอ้ตัวเปี๊ยกมันโดนกดซะให้เข็ด จะได้เลิกมาเป็นมารผจญซะที จริ!
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 17-09-2011 16:18:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-09-2011 16:41:02
ดีใจจ้ะที่คนเขียนพากรกับกันต์มาส่งแล้ว
หึ หึ หึ ขำกรจัง ต้องได้ทำศึกแย่งชิงกันต์กับเด็กๆ
กำลังคิดหนักใจแทนกรอยู่เชียว ว่าจะทำยังไงกับเด็กรักนี่ดี
ก็พอดีมีเหตุการณ์มาช่วยแล้ว
น้องรักกับนักศึกษาคนนั้นต้องมีซัมติงกันแน่นอน
งั้นก็คงมีตอนของน้องรักมาแจมด้วยใช่ปะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 17-09-2011 16:58:57
- - รักขัดจังหวะทำไมเนี่ย เดี๋ยวเถอะๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: mumu2pm ที่ 17-09-2011 19:05:51
 :-[ :-[ อยากอ่านเรื่องของรักด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 17-09-2011 19:26:35
 :m1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 17-09-2011 19:44:35
นายรักเนี่ยแสบจริงๆ แกล้งกรได้ลง
อย่างนี้ต้องเอาคืนซะแล้ว
หนุ่มนักศึกษาเนี่ยแหละช่วยได้ o3
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 17-09-2011 20:34:38
จิ "อด" ทั้งกร ทั้งคนอ่านเลยอ่ะ
กรก็นะ ชนะ(ใจ)ผู้ใหญ่ได้ แต่ดันแพ้เด็กตลอด

รออ่านตอนต่อไปนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 17-09-2011 20:36:57
ต่อมอยากรู้อยากเห็นระหว่างน้องรักกับนักศึกษาชายคนนั้นมันทำงานตุ้บๆ เลยค่ะ  :impress2:

แต่ น้องรักนี่ ตอนมาเคาะประตูมันทั้งเอ็นดู ขอบใจ และขัดใจในเวลาเดียวกันเลยวุ้ย
มาขัดจังหวะสวีทคนรักกันเค้าทำม้ายยยยยยยยย แต่ขัดไปก็ดีแล้วล่ะ เพราะ กรเกือบเสร็จกันต์แล้ว  :laugh:
ไม่คิดว่ากันต์จะขอนะนั่น จริงๆ นะ อยากให้กันต์ได้รุกกรแต่ก็ไม่อยากด้วยในเวลาเดียวกัน เลยแอบขอบคุณพร้อมขัดใจน้องรัก
งงกับตัวเองจริงจัง ฮ่าๆๆๆๆๆ

ชอบตอนที่น้องบอกว่า แกล้งกรก็ดี เพราะกรยั่วขึ้น โอ้ววว คนอ่านสนับสนุนมากกกกกกก ให้ตาย มันเลิศมาก :m20:

กรน่ารักอ้ะ น่ารักจริงๆ นะ กันต์ขออะไรให้หมดทุกอย่างเลย  :-[



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 17-09-2011 20:57:53
ง่ะ น้องรักขัดจังหวะตอนกำลังได้เสีย 5555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 17-09-2011 22:52:06
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คิดถึงงงงงงง ไม่ได้อ่านตั้งนาน แต่ก็ติดตามอยู่ตลอดนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 17-09-2011 22:54:30
อยากอ่านอีก
หายนานมากกก
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-09-2011 23:50:47
น้องรัก น่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: makimaki ที่ 18-09-2011 00:55:24
น้องรักทำให้พี่กร อด คิกคิก  :m20:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Beerkuran ที่ 18-09-2011 01:14:44
รักน่ารักจริง ๆ

แต่ผู้ชานคนนั้นเป็นอะไรกับรักอ่ะ อยากรู้ คิคิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 18-09-2011 01:36:35
คิดถึงกร-กันต์พอดีเลย    รอตอนหวานๆตอนหน้าค่าาาา


ว่าแต่ คนๆนั้นเป็นใครน้อทำให้น้องรักกลัวได้ขนาดนี้ รอลุ้นๆ ว่าจะเป็นอีกคู่มั้ยน้อออ

+1+เป็ด ค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 18-09-2011 15:36:04
มีตัวละครเพิ่มเข้ามาอีกแล้ว น่าสนใจซะด้วย "น้องรัก"
แต่ยังไงก็รอตอนหวานๆ ของกรกับกันต์อยู่นะ  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 18-09-2011 16:44:26
 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-09-2011 16:54:57
ขอบคุณจ้า 
น้องรักแกล้งพี่กรซะแล้ว
รออ่านตอนหน้าหวานๆ นะ  และรอเฉลยพี่นักศึกษาของน้องรักด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 18-09-2011 21:48:19
 :laugh: :laugh: :laugh:

กันต์กับกรกลับมาแล้ว.......ถึงจะหายไปนานแต่ดีกรีความหวานยังไม่ลดลง

แอบสงสารกรเหมือนกัน รู้สึกว่าจะไม่ค่อยถูกชะตากันเด็กสักเท่าไหร่ โดนเด็กขัดจังหวะได้ตลอด

ตอนนี้มีตัวแถมมาเสียด้วย ท่าทางจะไม่ได้แถมแค่หนึ่ง  เพราะมีคนวิ่งตามตัวแถมมาอีก

งานนี้ต้องตามลุ้นกันต่อ  รอของหวานตอนหนานะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 19-09-2011 13:14:59
:z3: โดนขัดซะงั้น น่าสงสารกรจริงเชียว
แต่พอมีโอกาสก็รีบคว้าทันทีทำข้อตกลงกันเรียบร้อย
คงดีกับเด็กได้ล่ะงานนี้
จะำได้หวานกับกันต์โดยไม่มีใครขัดซะทีนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 20-09-2011 22:01:01
มีแต่เด็กน่ารักๆ แวะเวียนมาเยี่ยมบ้านกันต์กับกร
แต่แสบสุดคงไม่พ้นน้องรัก ขัดตลอดๆ  :z3:
อยากอ่านตอนหวานๆ ของคู่กันต์กร แล้วก็ของน้องรักด้วย
ขอมากไปไหมอ่ะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-09-2011 13:23:49
น้องรักน่ารักจังเลย
แกล้งพี่กรได้ใจมาก :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 21-09-2011 14:48:35
น้องรักวิ่งหนีใครน้อ  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-09-2011 21:30:00
ได้อ่านแล้วหลังจากที่รอมานาน

ตอนต่อไปอย่าหายไปนานอีกนะคะคิดถึงกันต์และกร แถมเจ้ารักด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-10-2011 16:14:11
ตอนที่ 58 We can fly

“พี่กร จากที่ทำงานพี่มาสยามถึงครึ่งชั่วโมงป่ะ” ไอ้เปี้ยกถามขึ้นเมื่อวิ่งตามออกมาจนทันผม หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จผมกับมันก็เดินไปที่รถเพื่อออกจากบ้านพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันพ้นหน้าบ้านไอ้เปี๊ยกนึกขึ้นได้ว่าลืมของเลยวิ่งแจ้นกลับไปเอา แล้วก็รีบวิ่งกลับมา

“ประมาณนั้นถ้ารถไม่ติดมาก” ผมตอบก่อนเปิดประตูขึ้นรถ ส่วนไอ้เปี๊ยกก็เปิดประตูอีกฝั่งแล้วเข้ามานั่งในรถ

ตอนเช้ารักจะติดรถผมไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ กับบริษัทฯ ผม แล้วนั่งรถไฟฟ้าต่อไปเรียนพิเศษที่สยาม ที่ให้ติดรถผมไปก่อนเพราะกันต์บอกสงสารไอ้เปี๊ยกนี่ถ้าให้ไปเบียดกับคนอื่นบนรถไฟฟ้านานๆ ไปขึ้นที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ กับบริษัทฯ ผมจะได้ร่นเวลาบนรถไฟฟ้าของมันลง แต่เปลี่ยนมาติดอยู่ในรถนานๆ เพราะรถติดแทน แต่ก็สบายกว่าเพราะมันนั่งฟังเพลงสบายอารมณ์ของมันไปเรื่อยหรือนอนหลับให้ผมต้องเรียกตอนใกล้ถึง ส่วนตอนเย็นต่างคนต่างกลับ มันจะนั่งรถไฟฟ้ามาลงหน้าปากซอย แล้วนั่งวินหรือแท็กซี่ต่อเข้าบ้าน

“ตอนเย็นพี่เลิกงานกี่โมง” มันถามต่อ ระหว่างดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด

“ห้าโมง หกโมง ถ้างานยุ่งก็ออกช้าหน่อย” ผมตอบ ช่วงนี้ผมยังต้องเรียนรู้เรื่องงานในบริษัทฯ อีกค่อนข้างมาก เลยกลับบ้านช้ากว่าเวลาเลิกงานประจำ แต่ไม่ถึงกับดึกมาก พยายามกลับถึงบ้านไล่ๆ กับกันต์

“วันนี้พี่ออกสักสี่โมงครึ่งแล้วมารับผมหน่อยได้ไหม” ไอ้เปี๊ยกหันมาพูดกับผม

“ทำไมแทนตัวเองว่าผมฟังแล้วทะแม่งๆ ว่ะ” ผมถามเพราะเพิ่งเคยได้ยินมันแทนตัวเองว่าผม

“ปกติผมแทนตัวเองว่าอะไร” ไอ้เปี๊ยกถามแบบงงๆ เป็นอะไรมากหรือเปล่าวะนั่น

“ปกติแทนตัวเองว่ารัก” ผมตอบ

“อ้าวหรอ ผมขอให้พี่ไปรับไงเลยพูดเป็นทางการหน่อย” มันตอบแล้วเกาหัวแก้เก้อ

“สีข้างถลอกหมดยัง” ผมพูดขึ้น

“อะไรพี่” ไอ้เปี๊ยกมันก็หันมาถามแบบงงๆ

“ก็แถขนาดนั้น”

“ฮ่าๆ นิดหน่อยพี่ พอแสบๆ” พอมันเข้าใจก็หัวเราะแล้วตอบรับมุกที่เกือบจะฝืดของผม

“มีอะไรหรือเปล่าถึงให้พี่ไปรับ” ผมถามกลับเข้าเรื่องระหว่างรถจอดติดไฟแดง

“จะว่ามีมันก็มีนะพี่กร” ไอ้เปี๊ยกมันเงียบไปนิดก่อนตอบ

“ตกลงมันมีหรือไม่มีวะไอ้นี่ เดี๋ยวก็ไม่ไปรับแม่ง”

“โห พี่กรอย่าเพิ่งดุดิ เรื่องน่ะมันมีแต่ยังไม่พร้อมจะเล่า ไม่ใช่ไม่อยากเล่านะพี่ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ขอเรียบเรียงก่อน” ไอ้เปี๊ยกรีบตอบกลับมา

“เออๆ อยากจะเล่าเมื่อไหร่ก็เล่า ไม่เล่าก็ไม่ได้ว่าอะไร” ผมพูด

“พี่ประชดหรือเปล่าเนี่ย” ไอ้เปี๊ยกถามแล้วชะโงกมาดูหน้าผม

“เปล่า ตกลงจะให้ไปรับที่ไหน กี่โมง”

“รักเลิกเรียนฟิสิกส์ห้าโมง พี่กรไปรับที่นั่นนะ” มันพูด แล้วก้มหน้ารื้อของในกระเป๋า

“ไปช้าก็รอหน่อยแล้วกัน แต่จะพยายามไปให้ทัน”

“อย่าพูดว่าพยายามดิพี่ ช่วยมาให้ทันเหอะ มาทันเดี๋ยวมีรางวัลให้เลย” มันก้มหน้าพูด เพราะมัวแต่กดโทรศัพท์ในมือยิกๆ

“เรื่องเยอะว่ะ” ผมบ่น

“เอาน่าช่วยน้องหน่อย รักบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวมีรางวัลให้” มันพูด แล้ววางมือจากโทรศัพท์เปลี่ยนมาเป็นเอามือมาเกาะที่ต้นแขนผมแทน

“เฮ้ย!! ขนลุกปล่อยๆ” ผมร้อง แล้วเอนตัวไปชิดประตูรถเมื่อไอ้เปี๊ยกที่นอกจากจะเอามือสองข้างมาเกาะอยู่ที่ต้นแขนผมแล้วมันยังเอาหน้ามาถูไถอยู่กับแขนผมอีก เล่นเอาขนลุก ไม่ใช่ขนลุกแบบจะพิศวาสอะไร แต่ผมไม่ชินเวลาใครมาทำอะไรแบบนี้ จะชินอยู่คนเดียวคือกับคนที่บ้านนั่นแหละครับ แต่รายนั้นไม่ได้ขี้อ้อนถึงขนาดจะมาทำอะไรแบบนี้ให้เห็นกันได้บ่อยๆ แต่ถ้าทำขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมแทบละลาย

“รางวัลอะไร ไม่ต้องๆ” ผมรีบบอกปัดไอ้เปี๊ยกที่ยังเกาะแขนผมไม่ปล่อย แต่เลิกเอาหน้ามาถูไถต้นแขนผมแล้ว

“ไฟเขียวแล้ว ไปนั่งดีๆ” ผมไล่มันเมื่อเห็นรถคันหน้าเริ่มเคลื่อน มัวแต่คุยกับมันไม่ทันได้มองสัญญาณไฟยังดีที่ไม่โดนรถคันหลังบีบแตรไล่

“พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย รู้หรอรักจะให้รางวัลอะไร รีบปฏิเสธแล้ว” ไอ้เปี๊ยกมันพูดกลับมาแบบขำๆ ไอ้นี่มันตัวอันตรายเบอร์สองชัดๆ ส่วนเบอร์หนึ่งก็ไอ้ป่าน แม่งน่ากลัวพอกัน
 
“ก็แค่ไปรับ”

“คร้าบๆ แต่ไอ้รางวัลที่ว่าคือรักจะไม่อยู่เสาร์อาทิตย์นี้ พี่กับพี่กันต์จะได้สวีทกันได้เต็มที่ไม่ดีหรือไง” ไอ้เปี๊ยกมันพูด พร้อมยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้ ผมเลยจัดการยกมือโบกหัวทุยๆ มันไปที คันไม้คันมือมานานละ

“โอ้ย!! พี่นี่เล่นแรงวะ” ไอ้เปี๊ยกมันร้อง ก่อนยกมือลูบหัวปอยๆ

“สม”

“คืนนี้รักไปนอนด้วยดีกว่า เปลี่ยนบรรยากาศ” ไอ้เปี๊ยก มันหาเรื่องมาขู่ผม

“ไอ้คนที่ตามเรามาคราวนั้นชื่ออะไร พี่จะได้เล่าให้กันต์ฟังถูก” ผมพูดขึ้นมาบ้าง

“โอเคๆ ยอมแล้วคร้าบ ยอมแล้ว” ไอ้เปี๊ยกพูดแล้วยกสองมือขึ้นทำท่ายอมแพ้

“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ที่บอกว่าไม่อยู่จะไปไหน” ผมถาม

“วันศุกร์รักจะกลับบ้าน วันเสาร์วันเกิดแม่”

“กลับไง” ผมถามก่อนเปิดไฟเลี้ยวแล้วตีรถเข้าเลนซ้าย เพราะใกล้ถึงสถานีรถไฟฟ้าที่ไอ้เปี๊ยกมันต้องลง

“นั่งเครื่องแม่จองตั๋วไว้ให้แล้ว ว่าจะบอกพี่กันต์เมื่อเช้าก็ลืม เย็นนี้อย่าลืมนะพี่ ไปแล้วๆ ขอบคุณครับ” ไอ้เปี๊ยกรีบพูดก่อนรถจะจอด ก่อนยกมือไหว้ผม แล้วรีบลงจากรถทันทีที่รถจอด

……………………………………………….
…………………………………….
…………………………
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ข้อตกลง p.60 up 17-9-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-10-2011 16:17:21
ตอนที่ 58 We can fly

cont.
…………………………


“เอ้ย!! ไม่เอา เดี๋ยวรักมา” เสียงกันต์พูดปรามเมื่อผมเดินเข้าไปกอดจากด้านหลัง ตอนเขากำลังมองหาของกินอยู่หน้าตู้เย็น

“กลับบ้านไปแล้ว” ผมบอกเขา ไอ้เปี๊ยกมันกลับบ้านครับวันนี้ เลิกเรียนมันก็นั่งแอร์พอร์ทลิ้งค์ไปถึงสนามบิน แล้วนั่งเครื่องกลับบ้านที่เชียงใหม่ จะว่าไปก็เร็วเหมือนกันมันบอกผมว่าจะกลับบ้านวันจันทร์เผลอแป๊บเดียวก็วันศุกร์ไอ้เปี๊ยกกลับบ้านไปแล้ว


>>>RRR<<<

“ครับ” กันต์หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับสาบ โดยที่มีผมตามนัวเนียอยู่เหมือนเดิม

“เป็นไงบ้าง ฝนตกไหม” ปากก็คุยโทรศัพท์ครับ แต่ศอกนี่สิกระทุ้งเข้าท้องผมดีนะเด้งตัวหลับทัน ไม่อย่างนั้นคงได้จุกตัวงอกันบ้างเพราะออกแรง มีหันมาทำตาดุใส่ผมอีก ผมไม่ได้ทำอะไรมากสักหน่อยแค่สอดมือเข้าใต้เสื้อไปลูบท้องเขาเล่นแค่นั้นเอง ทำเป็นหวงไปได้

“รักหรือเปล่า” ผมกระซิบถาม กะเอาจากเวลาคร่าวๆ ว่าไอ้เปี๊ยกน่าจะถึงบ้านแล้ว และโทรมารายงาน

“อยากกินไส้อั่ว” ผมพูดแทรกเข้าไปในสาย ก่อนจะถูกกันตีมือเสียงดัง ไม่ได้ตีเพราะผมพูดแทรกเข้าไปในสายหรอก แต่เป็นเพราะความซนของมือผม ไอ้เปี๊ยกมันไม่อยู่ทั้งทีก็ขอบ้างสิ ถ้ามันอยู่ผมทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้ได้ที่ไหน

“เดี๋ยวพี่บอกให้ รักจะคุยไหมล่ะ อยู่ข้างๆ พี่” กันต์พูด ก่อนส่งโทรศัพท์มาให้ผม

“ว่า”

“รู้นะทำอะไรอยู่” เสียงไอ้เปี๊ยกดังมาตามสาย

“อะไรๆ”

“ให้พูดจริงหรอ รักว่าพี่กำลังใช้รางวัลที่รักให้อยู่ชัวร์ๆ สวีทกันอยู่อ่ะดิ” ไอ้เปี๊ยกมันพูด ถ้าเห็นหน้ามันตอนนี้ผมว่ามันต้องทำหน้าทะเล้นอยู่แน่ๆ กลับมาจะเตะให้สักที

“อย่ามารู้ดี กลับมาซื้อไส้อั่วมาฝากด้วย” ผมบอกมัน

“ครับผม จะซื้อไปฝากเป็นค่ารับส่ง รักวางแล้วนะพี่กรแม่เรียกกินข้าวแล้ว”

“เออๆ” ผมตอบรับแล้ววางสายก่อนยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้กันต์ ที่ตอนนี้เทน้ำแอปเปิลใส่แก้วอยู่   

“ส่งน้ำผลไม้มาให้นี่คิดนะเนี่ย” ผมพูดก่อนรับแก้วมา รู้กันใช่ไหมครับว่าน้ำผลไม้มันมีผลยังไงกับลูกๆ ของผมกับกันต์ ฮาๆ

“คิดบ้าอะไร ถ้าคิดคงให้กินตั้งแต่เช้าแล้ว” คนที่ดื่มน้ำแอปเปิลไปได้ครึ่งแก้วพูดหน้าตาย

“รู้ลึกรู้จริง” ผมแซว ก็นะถ้ามันจะส่งผลกับลูกๆ ผม มันต้องกินเข้าไปก่อนอย่างน้อยสิบสองชั่วโมงครับ   

“พออย่ามาทะลึ่ง” คนที่ว่าผมพอพูดจบก็หันหลังเดินเอาแก้วไปล้าง หลบหน้ากันเสียอย่างนั้น
 
“ใครทะลึ่ง กันต์นั่นแหละ กรยังไม่ได้คิดอะไรเลย” ผมพูดแล้วเดินเอาแก้วไปล้างบ้าง แต่กันต์หันกลับมารับไปล้างเอง

“ถ้าว่างไม่มีอะไรทำก็ขึ้นไปอาบน้ำ” คนที่กำลังล้างแก้วพูดโดยไม่หันมามองหน้าผมที่ขยับมายืนอยู่ข้างๆ

“คิดอะไรอ่ะ อยู่ๆ มาไล่เค้าไปอาบน้ำ” ผมพูด แล้วรีบวิ่งหนีคนที่มองมาตาเขียวปั้ด

……………………………………………….
…………………………………….
…………………………



“กันต์” ผมเรียกคนที่นอนซุกอกผมอยู่ ใจจริงอยากจะทำอะไรไปตั้งแต่เขาออกมาจากห้องน้ำพร้อมกลิ่นหอมๆ แล้ว แต่มันยังมีเรื่องคาใจอยู่ เลยยังไม่ได้ทำอะไรแค่มานอนกกตัวเขาไว้อยู่กับอกแบบนี้ ที่ตัดสินใจพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกเพราะผมไม่อยากให้มีอะไรคาใจผมไปแบบนี้ ถึงวันนั้นกันต์จะบอกไม่ให้ผมพูดแล้ว แต่ผมก็ยังยากจะคุยเรื่องนั้นกับเขาอยู่ดี

“หื้ม” กันต์ส่งเสียงตอบรับ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม

“วันนั้น พูดจริงหรือเปล่า” ผมถาม แล้วขยับตัวขึ้นเพื่อจะได้มองเห็นหน้าเขา

“พูดจริง” กันต์พูด แล้วยันตัวขึ้นมาพิงตัวผมที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ก่อน

“พูดจริง แต่มันไม่ได้อยากทำจริงๆ จะให้บอกว่ายังไงดีละ บางทีมันก็เหมือนอยากรู้ มันไม่ใช่อยากทำเพราะรู้สึกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่มีความสุข ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดี ตอนนี้ถ้าให้ทำก็คงไม่ทำ” กันต์พูด แล้วกระชับแขนผมให้รวบเข้าหาตัวเขาแน่นขึ้น

“อยากรู้ อยากรู้อะไร อยากรู้ว่ากรจะให้ไหมหรืออยากรู้ว่าจะเป็นยังไง”

“อย่างหลังมากกว่า”

“กรให้ได้นะจริงๆ” ผมพูด แล้วก้มหน้าลงมาเอาคางเกยที่ไหล่ของคนที่ถูกผมกอด

“ไม่แล้วล่ะ อย่างที่บอก เป็นแบบนี้มันดีอยู่แล้ว ถ้าดีอยู่แล้วมันก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยากรู้อะไรอีก ตอนนั้นมันก็แค่แว้บเข้ามาเฉยๆ” กันต์พูด แล้วหันหน้ามาหา ก่อนจะขยับตัวขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนต้นขาผม

ผมไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแค่ยกมือขึ้นไปรั้งท้ายทอยของกันต์ให้โน้มลงมาเพื่อให้ริมฝีปากเขาเคลื่อนลงมารับจูบจากผม กับเรื่องบางอย่างมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจบลงด้วยคำพูด แค่บอกผ่านสัมผัสคนรับสารก็น่าจะเข้าใจ สำหรับผมความสุขของเขาจะไม่ได้มีแค่ตอนนี้ แต่มันจะหมายถึงจากนี้และต่อไปในทุกๆ วัน



“ทำเองไหม” ผมถามเมื่อจากละริมฝีปากออกมา ก่อนจะยกนิ้วขึ้นลูบเบาๆ ที่ริมฝีปากได้รูปที่กำลังขึ้นสีสดของคนตรงหน้า

“แล้วอยากให้ทำแบบไหน” กันต์ตอบคำถามด้วยคำถาม ก่อนทิ้งตัวไปด้านข้างทิ้งหลังลงกับเตียงนุ่ม โดยไม่ปล่อยมือที่โอบรั้งท้ายทอยผมไว้ก่อนหน้าเป็นการบังคับให้ผมต้องเคลื่อนตัวตาม จนทำให้ผมคลาดจากสายตาจากเขา ผมทันได้เห็นในช่วงจังหวะสั้นๆ ว่าสายตาคู่นั้นดูแพรวพราวกว่าปกติ แต่เมื่อผมกลายเป็นฝ่ายมาคร่อมอยู่บนตัวเขาแทนแล้ว และมองจ้องกลับเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ก็เห็นว่าสายตานั้นไม่ได้แพรวพราวเช่นเมื่อครู่ เหลือเพียงริมฝีปากที่ยกยิ้มอยู่น้อยๆ

“แค่รับความสุขที่กรให้ก็พอ จะทำให้สุขจนไม่มีเวลาไปคิดอะไรเล่นอีก” ผมพูดกระซิบอยู่ที่ซอกคอ เมื่อพูดจบก็เลื่อนริมฝีปากลงมาเม้มงับที่ติ่งหูนิ่มของคนที่นอนฟังอยู่เบาๆ แล้วใช้ลิ้นชื้นไล้เลียซ้ำย้ำๆ อยู่แถวนั้นเมื่อเห็นว่าคนถูกกระทำเริ่มย่นคอหนีเพราะโดนจี้จุดอ่อน

“ถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูดจะเปลี่ยนใจให้ดู” เสียงคนเก่งตอบกลับมา พร้อมมองจ้องเข้ามาในดวงตาผมด้วยสายตาที่คล้ายจะท้าทายอยู่ในที ถึงจะบอกว่าท้าทาย แต่ถ้าท้าทายกันด้วยสายตาแบบนี้ มันไม่ได้สร้างหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งยากกระโจนเข้าใส่ แล้วขย้ำให้เต็มเขี้ยว ทำแบบนี้มันเหมือนจะยั่วกันมากกว่าในสายตาของผม 

“คอยดูแล้วกัน” ผมพูด แล้วปิดปากของคนที่กำลังจะอ้าปากตอบด้วยริมฝีปากและปลายลิ้นทันที เพราะอยากเปลี่ยนคำพูดที่จะตอบออกมา เป็นเสียงครางตอบหวานๆ แทนมากกว่า

“จะ... อ้ะ อื้อ” คนกำลังจะพูดกลืนคำพูดหายลงคอ แล้วลงโทษผมที่จู่โจมเขาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัวและไม่ยอมปล่อยให้เขาพูดจนจบด้วยการทุบลงมาที่บ่าผมแรงๆ หนึ่งที ก่อนจะเปลี่ยนมากระชับมือจิกลงที่บ่าผมจนแน่น แล้วยกปลายคางเชิดให้ริมฝีปากบดรับกันได้มากขึ้นกว่าเดิม

“อื้ม” คนที่เป็นฝ่ายไล่ต้อนก่อนส่งเสียงครางออกมาบ้าง เมื่อเจอคนที่ถูกไล่ต้อนเอาคืน   

แต่เอาคืนกันแบบนี้มีแต่ได้กับได้ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายไล่ต้อนหรือถูกไล่ต้อนต่างฝ่ายก็ต่างได้ นี่แค่ก้าวขึ้นสวรรค์ชั้นแรกยังพากันส่งเสียงครางให้รู้ว่าพึงใจกันขนาดนี้ ถ้าพากันไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคงใกล้เคียงกับคำว่า “ล่องลอย” ต่อให้ยืนก็คงไม่รู้สึกว่าขาติดพื้นอีกแล้ว

เสื้อยืดสีขาวตัวแรกถูกเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นที่ถูกขัดให้ขึ้นเงาจนสะท้อนแสงไฟสีนวลจากโคมไฟตัวสูงข้างหัวเตียง ถัดจากกันไม่นานเสื้อยืดคอกลมสีเดียวกันแต่ขนาดใหญ่กว่าก็ปลิวตามลงมาทับบนเสื้อสีขาวที่ตกลงมาก่อนหน้า เป็นลักษณะที่ไม่ผิดแผกไปจากตำแหน่งของเจ้าของเสื้อทั้งสองตัว

ถ้าจะมีผิดกันคงเป็นที่ผิวกายของเจ้าของเสื้อโดยเฉพาะร่างที่กำลังถูกปลุกเร้า ผิวกายที่เคยขาวหมดจดกำลังถูกแทนที่ด้วยสีชมพูระเรื่อจากแรงอารมณ์ที่กำลังถูกทำให้ทะยานขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ได้ถูกเร่งเร้าอย่างเชื้อไฟที่ถูกโหมกระพือให้ลุกไหม้ไปในคราวเดียว แต่กลับถูกทำให้เหมือนโดนสายลมที่วูบไหวพัดพาให้แรงอารมณ์ค่อยๆ ลอยขึ้นทีละน้อย ดุจเป็นขนนกที่กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

สายตาที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าตอนนี้ปรือปรอยหยาดหวานเหมือนตกอยู่ภวังค์แห่งฝันหวาน ริมฝีปากเผยอน้อยๆ คอยตอบรับทุกการกระทำที่มอบให้ หากเขาจูบริมฝีปากนั้นจะขยับตอบดูดรับสร้างความหวานหอมให้กับจูบนั้นเป็นทวีคูณ หากส่งลิ้นอุ่นเข้าไปพัวพันก็จะถูกสอดรับกลับมาจนเขาแทบสำลักความสุขที่กำลังก่อตัวอยู่ในใจและกำลังจะล้นออกมาข้างนอก

ทุกสิ่งที่ทำไป ได้รับการตอบสนอง

แผ่นอกที่ไล่สายตาลงมองประดับด้วยกล้ามเนื้อพองาม ด้วยเจ้าของมันไม่อยากดูเป็นคนบอบบางจนเกินไป เมื่อก่อนเป็นอย่างไรเดี๋ยวนี้ยังคงเป็นเช่นนั้น แม้จะยอมเป็นฝ่ายถูกดูแล แต่ใช่ว่าจะกลายเป็นคนอ่อนแอ แผ่นอกเนียนมือยิ่งสัมผัสยิ่งหลงใหล แต่แค่มือมันยังไม่พอ ไม่รอช้าส่งริมฝีปากลงไปแตะจูบอย่างช้าๆ สลับกับดูดดุนประทับรอย ลากไล่ลงมาเรื่อยจากไหปลาร้า เนินอก ลากผ่านต่อลงมาถึงจุดสีเข้ม แล้วลากต่อเรื่อยไปจนถึงร่องบุ๋มกลางท้องแบนราบที่แอ่นเกร็งเพราะความเสียวซ่าน

“อื้อออ” เสียงครางเบาลอดมาเมื่อถูกมือร้อนแตะสัมผัสลงที่เอวทั้งสองข้างแล้วดึงรั้งช่วงตัวขึ้น เพื่อให้ลำตัวแอ่นขึ้นและรับจูบดูดดุนที่หน้าท้องเนียนจนขึ้นรอยสีกุหลาบ   

ตอนนี้พากันไปถึงสวรรค์ชั้นไหนแล้ว


คราวนี้เลือกที่จะไม่พาอีกคนไปแตะขอบสวรรค์ชั้นเจ็ดก่อนอย่างทุกที แต่จะพาให้ขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดพร้อมกัน จึงละเลยส่วนที่อยู่กลางลำตัวที่อัดแน่นด้วยอารมณ์ปรารถนาไป แม้จะเห็นสายตาที่ถูกส่งมาตัดพ้อและเรียกร้องอยู่ในทีของคนตรงหน้า แต่ก็เลือกที่จะเมินเฉยจนคนขอถึงกับน้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอเต็มสองตา แม้จะไม่ได้ตามที่ร้องขอคนขอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำแค่มองสบตากันอยู่แบบนั้น จนคนถูกขอต้องรีบยกตัวขึ้น แล้วเลื่อนหน้าขึ้นไปจุมพิตเบาที่กลางหน้าผากเพื่อปลอบประโลม จุมพิตเบาแทนคำพูด

“ไม่ได้จะแกล้งให้ทรมาน บอกแล้วว่าจะทำให้สุข ก็ตั้งใจทำให้ได้อย่างที่พูด เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” แม้ไม่ได้พูดออกมา แต่คาดว่าคนรับสารน่าจะเข้าใจถึงความหมายที่แฝงอยู่ในการกระทำ

การเตรียมความพร้อมดำเนินไปตามขึ้นตอนที่ควรพึงกระทำ ถ้าจะสุขต้องสุขไปด้วยกัน ไม่ใช่อีกคนสุข แต่อีกคนได้เพียงความเจ็บปวดกลับไปโดยไร้ซึ่งความสุข ถ้าคนรักทำรัก นั่นคือทำ เพราะความรัก ถ้าคิดจะมีใครสักคนเพื่อหาที่ระบาย อย่าได้เรียกคนนั้นว่าคนรัก หรือทำให้เขาเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคนรักกัน         

“อ้ะ อื้อ”

“ไหวไหม” ก้มลงไปกระซิบถามข้างหู โดยที่สองนิ้วยังหมุนควานและขยับเข้าออกเป็นจังหวะ ส่วนกลางลำตัวถูกบดเบียดเข้าหากัน เป็นสัมผัสที่ช่วยทั้งกระตุ้นและบรรเทาแรงอารมณ์ไปพร้อมๆ กัน

ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเต็มที   


 “อื้อ” เสียงเบาส่งออกมาอีกครั้ง เมื่อสองนิ้วถูกถอนออกจากตัว แต่เพียงไม่นานก็ถูกเติมเต็มอีกครั้ง และเติมเต็มได้มากกว่าเดิม

เสียงครางสลับกับเสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นจังหวะสอดรับกับแรงที่ถูกกระทำ สองแขนโอบกอดรอบแผ่นหลังที่กว้างกว่าเพ่อยึดเป็นหลักพยุงตัวให้ยกตัวขึ้นรับกับเรี่ยวแรงที่ถูกโถมเข้าใส่ ไม่ได้โถมใส่อย่างดุดัน หากเริ่มอย่างช้าๆ แต่แนบแน่นในทุกจังหวะ

เป็นครั้งแรกที่ไม่ต้องขอร้องให้หันมาสบตา เพราะครั้งนี้ดวงตาที่หวานเชื่อมมองสบตาโดยไม่หันหนีอย่างเคย ที่ผ่านมาหากไม่ขอร้องก็คงไม่ได้สบตากัน ชอบที่จะมองสบตากันเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกแบบไหน


“อื้อ ๆ”

เสียงครางกระเส่าดังถี่ขึ้น เมื่อจังหวะถูกเร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงจังหวะนี้ ส่วนกลางลำตัวของร่างข้างใต้ที่เคยถูกละเลยไป กำลังได้รับการปรนเปรอไปพร้อมๆ กัน ทำเอาคนถูกปรนเปรอแทบดิ้นเร่า ต้องร้องระบายเป็นการใหญ่ ถ้าไม่ให้ร้องคงไม่ไหว เพราะคงอัดเก็บความสุขสมไว้ข้างในจนขาดใจ

ประตูสวรรค์ชั้นเจ็ดกำลังเปิดกว้างรอรับคนสองคนที่กำลังจะเดินทางไปถึง


“อ้า”

“อื้อ”

เสียงสุดท้ายที่แสดงให้รู้ว่าคนสองคนได้ข้ามผ่านธรณีเข้าไปในดินแดนที่เรียกว่า สวรรค์

“สวรรค์ในใจ”

ความรู้สึกที่เหมือนสองขาไม่ติดพื้น ร่างทั้งร่างเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศ สิ่งที่สัมผัสได้มีเพียงคนที่อยู่ในอ้อมกอด ไออุ่นที่ถูกถ่ายเทออกมาให้กันและกัน ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ณ ดินแดนนี้ มีเราแค่สองคน

มีความสุขไหม จะยังไม่ถามตอนนี้ แต่มั่นใจว่าไม่ได้ทำให้คนที่รักต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

---------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 11-10-2011 22:19:14
 :-[ หวานซะ ระวังมดขึ้นนะตัวเอง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 11-10-2011 22:40:58
หวานมากค่ะ ละลายตามๆ กันไป  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 12-10-2011 12:14:48
น้องรักไม่อยู่ก็หวานกันเลยนะ  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 12-10-2011 12:50:57
ชื่นใจจริงๆ หวานฉ่ำ มีแค่เราสองคน :-[
แล้วทีี่น้องรัก ให้กรไปรับนี่ใช้เป็นไม้กันใครหรือเปล่า

มาไม่บ่อยแต่ก็คิดถึงเสมอนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 12-10-2011 21:41:08
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบกันต์กับกรมาก, หวานกำลังดี
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 12-10-2011 22:46:35
กรขยันหยอดแบบนี้คงจะหวานไม่มีจืดนะรักนี้  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 13-10-2011 00:52:14
หวานเจี๊ยบกันได้ตลอดจริงๆ สิคู่นี้ น่ารักจริงๆ เลย  :-[
เริ่มเอ็นดูน้องรักมากขึ้นไปอีกนิดด้วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 13-10-2011 02:21:03
หวานเกิน
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 13-10-2011 07:26:17
จะขาดใจตายตามไปด้วย   :m25: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 13-10-2011 14:17:40
หวานมากกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 18-10-2011 01:21:04
นั่งงอ่านตั้งแต่ต้นจนจนถึงตอนนี้ ตามทันแล้ว เย้ๆๆ
สนุกมากกเลยค่ะ ชอบมากกกก น่ารักอะ เขินน อ่านแล้วยิ้มตามตลอด
เป็นคู่ที่หวานมากๆๆๆ เปนกำลังใจให้นะค่ะ
จะรอออออคู่นี้ค๊า ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-10-2011 19:31:51
หวานจัง น่าอิจฉา^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 13-11-2011 10:47:37
 :z13:
อยากอ่่านต่อจังเลย TT'
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 13-11-2011 11:01:58
 :-[ :-[ :-[

ไม่ผิดหวังกับของหวานจานนี้จริงๆ

ไม่ต้องหวือหวา ไม่ต้องดุเดือด ไม่ต้องชัดเจน

แต่แค่นี้ก็อินจนเคลิ้มและชวนให้มีความสุขได้แล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 13-11-2011 11:32:53
นึกว่ามาต่อตอนใหม่แล้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 13-11-2011 12:12:23
... :serius2: :z13:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> We can fly p.61 up 11-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 13-11-2011 23:30:02
ขอโทษที่ทำให้รอกันนานนะคะ เนื่องจากบ้านคนเขียนน้ำท่วม
ตอนอพยพก็ไม่ได้เอาโน้ตบุัคคู่ชีพออกมาด้วย คว้ามาแค่กระเป๋าเสื้อผ้าสองใบ กับ ขนน้องหมาสี่ตัว
แต่คาดว่าอีกไม่นานจะได้กลับเข้าบ้าน ตอนนี้ได้แต่งเขียนลงกระดาษไว้ ยังไม่ได้พิมพ์เลย
กลับบ้านได้เมื่อไหร่ จะรีบลงให้ทั้งสองเรื่องนะคะ จะให้พิมพ์ในโทรศัพท์มันก็ไม่ถนัดจริง รอกันอีกนิดนึงนะ
พรุ่งนี้คุณแม่จะกลับเข้าบ้านก่อนแล้ว ยังต้องนั่งเรือเข้าบ้านอยู่ เพราะถนนในหมู่บ้านน้ำยังสูงประมาณหนึ่งเมตร
แต่น้ำในตัวบ้านไม่มีแล้ว  ส่วนกวางยังอยู่คอนโดฯเพราะต้องไปทำงาน หวังว่าอาทิตย์หน้าจะได้กลับเข้าบ้าน
เข้าบ้านแล้วจะรีบลงให้นะ อย่าเพิ่งลืมกันต์ กร กันล่ะ  :monkeysad:

สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้ามาบอกว่า รออีกนิดนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Moon_Crying ที่ 13-11-2011 23:52:35
เป็นกำลังใจให้นะคะ รอได้อยู่แล้วค่ะ
ณ ตอนนี้ก็ต้องเอาตัวเองให้รอดปลอดภัยก่อนเนอะ
บุญรักษาค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้ามาบอกว่า รออีกนิดนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 14-11-2011 06:12:36
เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ
รอได้จ้า :-[ ไม่ลืมพี่กันต์กับกรแน่นอน!
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้ามาบอกว่า รออีกนิดนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-11-2011 11:23:35
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ :L2:
รอได้ไม่ลืมค๊า
แต่ขอแบบยาวๆๆเลยนะ :n1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้ามาบอกว่า รออีกนิดนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 15-11-2011 21:33:01
take care นะคะ
รอได้ค่ะ   o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้ามาบอกว่า รออีกนิดนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 22-11-2011 13:04:39
รอได้อยู่แล้วจ้า เป็นกำลังใจให้นะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้ามาบอกว่า รออีกนิดนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: naiyana ที่ 05-12-2011 21:02:48
สถานการณ์ที่บ้านเรื่องน้ำท่วมเป็นยังไงบ้างคะ
เป็นกำลังใจให้ ขอให้ผ่านไปโดยเรียบร้อย
ยังรอ กันต์ กับ กร อยู่เสมอนะคะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> เข้ามาบอกว่า รออีกนิดนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 06-12-2011 08:08:20
วันหยุดที่ผ่านมากลับเข้าไปทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ
เหลือภายนอกที่ต้องทำสวนใหม่ทั้งหมด  :m15:

ส่วนกันต์กับกร วันอาทิตย์นี้ี้เจอกันแน่นอน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 06-12-2011 09:57:24
คนเขียนสู้ๆนะคะ...เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-12-2011 10:04:16
รับแซ่บค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-12-2011 10:07:42
ส่งกำลังใจช่วยนะคะ   :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 06-12-2011 11:47:44
ไฟท์ติ้งงค๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 11-12-2011 10:19:21
ตอนที่ 59 ที่ปรึกษา

“พี่กันต์” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมที่กำลังเดินเข้าร้านหนังสือหยุดแล้วหันไปมอง

“ครับ” ผมขานรับ แล้วนึกไปด้วยว่าคนที่เรียกผมเป็นใคร เพราะไม่ใช่คนที่เจอหน้ากันอยู่ประจำ

“ชินเองพี่กันต์” เสียงคนเรียกแนะนำตัว แต่ถึงตอนนี้ผมก็จำเขาได้แล้ว นึกว่าใครที่ไหน ถึงโตขึ้นเยอะแต่มีเค้าเดิมให้เห็น จึงไม่ยากที่ผมจะรู้ว่าคนทักเป็นใคร

“จำได้ป่ะเนี่ย” เด็กนักศึกษาที่อยู่ตรงหน้าผมถามต่อ พอเห็นว่าผมไม่พูดอะไร คงคิดไปว่าผมจำเขาไม่ได้

“จำได้ แล้วเป็นไงมาไง ตอนนี้เรียนที่ไหน” พอผมพูดจบคนถูกถามก็ยิ้มกว้างทันที   

“ชินเรียนนิติฯ อยู่มหา’ลัยใกล้ๆ นี่แหละพี่ ว่าแต่พี่กันต์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กลับมานานยัง ชินเห็นพี่กันต์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านเสื้อแล้ว ตอนแรกจะเข้าไปทักเลยก็กลัวจำคนผิด ชินไม่รู้ว่าพี่กลับมาแล้ว เลยยืนมองอยู่ตั้งนาน จนคิดว่าน่าจะใช่ ถึงได้เดินตามมา” ชินพูดมายืดยาว แต่มันอะไรกันมีคนยืนมองผมอยู่ตั้งนานผมกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด สงสัยผมจะเป็นอย่างที่กรพูดจริงๆ ว่าผมเป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยสนใจอะไรรอบข้างเท่าไหร่ จะมองเห็นเฉพาะสิ่งที่ผมมุ่งความสนใจไปเท่านั้น อย่างมาซื้อหนังสือก็จะเดินดุ่ยๆ ตรงเข้าร้านหนังสือเลย ไม่ค่อยมองอะไรที่อยู่ระหว่างทาง ถ้าจะมองอะไรบ้างก็จะเป็นร้านที่เข้าประจำแค่นั้น ยิ่งกับผู้คนยิ่งแล้วใหญ่ ผมไม่ค่อยเดินเจอคนรู้จักแล้วเข้าไปทักก่อนบ่อยนัก แต่จะเป็นฝ่ายถูกคนเข้ามาทักมากกว่า ผิดกับกรรายนั้นเห็นคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ยังมีการมาถามผมอีกว่าเวลาเดินผมมองอะไรทำไมไม่เห็น เขายังเห็นเลย แล้วจะให้ผมตอบว่ายังไงดีล่ะ 

ส่วนชินเมื่อก่อนผมกับชินเจอกันบ่อยเพราะแม่ของชินกับอาชลแม่ของรักเป็นเพื่อนสนิทกัน เวลาแม่ชินมาหาอาชลที่บ้าน ชินจะตามมาด้วยทุกครั้ง แล้วชินกับรักก็ข้ามมาเล่นที่บ้านผมประจำ เพราะเมื่อก่อนบ้านผมเลี้ยงนกไว้ค่อนข้างเยอะ เป็นที่ล่อตาล่อใจให้เด็กเข้ามาดู เลยทำให้เจอกันบ่อยจนสนิท แต่พอผมไปเรียนเมืองนอกก็ไม่ได้เจอกันอีก เพิ่งมาเจอเอาวันนี้

“กลับมาจะสามปีแล้ว ตอนนี้ชินเรียนปีไหน ปีสองหรือเปล่า พี่เคยถามรักถึงชิน รักบอกว่าไม่ได้ติดต่อชินตั้งนานแล้ว”

“ปีสองแล้วพี่กันต์ พี่กันต์รีบไปไหนหรือเปล่า ไปหาร้านนั่งคุยกันไหมพี่ ชินไม่ได้เจอพี่ตั้งนาน ถ้ารู้ว่าพี่กลับมา ชินไปหาที่บ้านตั้งนานแล้ว แล้วเบอร์โทรที่บ้านพวกพี่ชินก็ดันทำหายไปไหนหมดไม่รู้”

“จะมาซื้อหนังสือที่นี่แหละ ไปนั่งที่ร้านกาแฟข้างในก็ได้” ผมบอกชิน พอเห็นชินพยักหน้าตอบ ผมก็เดินนำเข้าไปในร้าน สำหรับหนังสือที่ตั้งใจมาซื้อ เดี๋ยวก่อนกลับค่อยเดินไปเอาเพราะมีเล่มที่ตั้งใจมาซื้ออยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเดินเลือก

“พี่เจอรักที่ไหน”

“รักมาอยู่บ้านพี่ได้สองอาทิตย์แล้ว มาเรียนพิเศษ” ผมตอบแล้วก็นึกสงสัยไปว่า เป็นไปได้ยังไงที่ชินจะไม่รู้ข่าวคราวของรัก   

“จริงดิ” ชินมันถามย้ำ และดูสนอกสนใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินผมพูดอย่างนั้น อะไรของมันวะ ตอนนี้แหละผมยิ่งแปลกใจกับมันเข้าไปใหญ่

“เออ จะโกหกทำไม” ผมตอบแบบงงๆ

“ผมไม่รู้นิ ถ้ารู้จะถามพี่หรอ ตอนนี้รักมันโกรธชินอยู่อ่ะพี่ เลยไม่ได้ติดต่อกัน”

“เออ ก็ว่า พี่ถามถึงชินรักมันถึงบอกว่าไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว”

“แล้วโกรธอะไรกัน” ผมถามต่อเพราะความอยากรู้ล้วนๆ ก็นะเมื่อก่อนมันสองคนตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เคยเห็นอยู่แยกกันเสียที่ไหน ผมเลยไม่คิดว่ามันจะโกรธกันเป็น

“รู้ว่ามันโกรธอะไรก็ดีสิพี่” ชินพูดแล้วใช้หลอดคนโกโก้เย็นในแก้วไปมาอย่างเซ็งๆ

“อะไรวะ” ผมสบถแบบไม่ดังนัก ด้วยความงง ไอ้คู่นี้นี่อะไรของมัน

“ช่วงแรกที่รักย้ายไปอยู่เชียงใหม่ก็ยังคุยกันดีอยู่นะพี่กันต์ อยู่มาวันดีคืนดีชินโทรไปมันก็ไม่รับสาย พยายามติดต่อยังไงก็ติดต่อไม่ได้ ตามไปหามันก็หลบหน้าทุกครั้ง ชินตามมันมาเป็นปีแล้วนะพี่ จนชินคิดจะเลิกยุ่งกับมัน แล้วอยู่ๆ มันกลับโผล่หน้ามาให้เห็น” ชินเล่าให้ผมฟังเหมือนคนที่อัดอั้นมานาน ฟังที่มันเล่าแล้วก็ เออเว้ย แบบนี้ก็มีด้วย อยู่ดีๆ รักจะเงียบหายไปด้วยสาเหตุอะไร

ถ้าให้ผมเดาชินมันคงไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน แต่พอฟังแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะช่วยมันได้หรือเปล่า ขนาดมันเองยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้อีกคนโกรธได้ถึงขนาดไม่พูดด้วย ลำพังแค่รู้ว่ารักโกรธชินผมก็งงแล้ว ก็ไอ้คู่นี้มันรู้ใจกันยิ่งกว่าอะไร แต่นี่นอกจากไม่พูดด้วย แล้วยังหลบหน้ากันไปเป็นปีๆ ผมเลยยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก

“เป็นปีเลยหรอ”

“ตั้งแต่ปีที่แล้วอ่ะพี่กันต์” 

“อยู่ดีๆ มันจะไม่พูดกันแบบไม่มีเหตุผลได้ยังไง แน่ใจนะว่าไม่ได้ไปทำอะไรไว้” ผมถามต่อ

“อย่างชินเนี่ยนะจะไปทำอะไรมัน พี่กันต์ก็เห็นอยู่” ชินมันย้อนมา แต่ก็ถูกของมัน ถ้าตัดพ่อกับแม่และคนในครอบครัวออกไป ผมว่าชินจะเป็นคนสุดท้ายบนโลกที่รักจะไม่พูดด้วย

“ไม่เจอกันตั้งนาน พี่จะไปรู้ได้ยังไง” ผมพูดออกไปตามตรง เพราะตั้งแต่ผมไปเรียนต่อจนกลับมาก็ไม่ได้ติดต่อกับสองคนนี้เลย ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้ติดต่อกับมันสองคน เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ก่อนพี่กันต์ไปเป็นยังไง หลังพี่ไปก็ยังเป็นอย่างนั้นแหละพี่ เพิ่งไม่ปกติปีที่แล้วนี่เอง พี่กันต์มีธุระอะไรที่ไหนหรือเปล่า ชินไม่ได้กวนพี่นะ” ชินพูดพลางแกว่งหลอดในแก้วโกโก้ปั่นไปมาไม่วางมือ

“ไม่หรอก” ผมตอบ ก่อนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เย็นนี้มีคนอยากกินกุ้งทอดกระเทียม ผมเลยต้องแวะไปซื้อกุ้งก่อนเข้าบ้านอีก แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมาย

“พี่กันต์ ชินขอเบอร์โทรศัพท์พี่หน่อย”

“เออๆ” ผมตอบรับก่อนบอกเบอร์โทรศัพท์

“เสาร์อาทิตย์ไหนว่างๆ ก็เข้ามาที่บ้านพี่ มากินข้าวกัน” ผมชวน

“ไปแน่พี่ แต่รอรักกลับไปก่อนแล้วกัน”

“จะไม่มองหน้ากันอีกเลยหรือไง” ผมถาม ถ้าเป็นเรื่องคนอื่นผมคงไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่นี่เป็นน้องที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กทั้งคู่ แล้วเห็นมันอยู่ด้วยกันมาตลอด เลยนึกเสียดายถ้ามันจะไม่มองหน้ากันอีก

“ชินทำเท่าที่ชินทำได้แล้วพี่ ทำจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว ตอนนี้หน้าชินมันยังไม่มองจะให้ทำยังไงอ่ะพี่” 

“เออๆ ถ้าจะมาก็เข้ามาวันเสาร์ช่วงสายๆ แล้วกัน รักไปเรียนพิเศษ” ผมบอก

“แล้วเสาร์นี้พี่ว่างเปล่า”

“ว่างมาดิ แต่ตอนนี้พี่ย้ายบ้านแล้วนะ”

“อ้าว จริงดิ ย้ายมาอยู่คนเดียวหรือมาทั้งบ้าน อ๊ะ หรือว่าแต่งงานแล้ว” พอผมพูดอย่างนั้น ชินมันก็ออกอาการสนอกสนใจขึ้นมาทันทีแบบไม่มีเก็บอาการ

“พี่อยู่กับแฟน” ผมพูดบอกไปตามจริง

“แต่งนานยังพี่ โห ชินไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย แล้วบ้านใหม่พี่อยู่ไหน” ชินส่งเสียงโอดครวญเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบผม ก่อนตั้งใจฟังผมบอกทางไปบ้าน

“ว่าแต่ชินเข้าไปจะกวนพี่กันต์กับแฟนหรือเปล่า”

“เฮ้ย กวนอะไร ทำเป็นเมื่อก่อนไม่เคยมาบ้านพี่” ผมพูด ที่พูดได้แบบนี้เพราะเมื่อก่อนชินกับรักสองคนวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านผมกันเป็นว่าเล่น จนถึงกับเจาะประตูเล็กไว้ที่กำแพงระหว่างสองบ้านให้ผ่านเข้าออกได้ โดยไม่ต้องเดินอ้อมมาทางหน้าบ้านกันด้วยซ้ำ

“ก็นะ ไม่กวนแน่นะพี่ ถ้าอย่างนั้นเสาร์นี้ชินเข้าไปนะ กำลังเบื่อๆ อยู่พอดี เข้าไปนั่งคุยกับพี่ดีกว่า”

“เออ บอกว่าไม่กวนก็ไม่กวนดิวะ ไอ้นี่”

“อย่าดุดิพี่ ช่วงนี้คนกำลังเซ็งๆ อยู่” ไอ้เด็กตรงหน้าผมมันเริ่มบ่นเรื่อยเปื่อย
 
“ชินกลับก่อนนะพี่กันต์ เดี๋ยวแม่รอ วันเสาร์เจอกัน ทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้ให้น้องด้วยล่ะ”

“เออๆ” ผมตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นแยกย้ายกันไป


...................................................................




“กร” ผมส่งเสียงและกวักมือเรียกคนที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่ชุ่มน้ำ

“ทำไมไม่เช็ดให้หมาดก่อนค่อยเดินออกมา” ผมบ่นแบบไม่จริงจังนัก ก่อนแย่งผ้าขนหนูจากมือคนที่เดินมานั่งอยู่ปลายเตียงในสภาพที่มีน้ำหยดลงจากปลายผมมาเช็ดให้เสียเอง

“ถ้าเช็ดแห้งแล้วก็ไม่มีคนทำให้แบบนี้สิ”

“บอกกันดีๆ ก็ทำให้แล้วน่า” ผมตอบ แล้วใช้มือขยุ้มผ้าลงกับผมเปียกด้วยความหมั่นไส้จนคนถูกเช็ดผมถึงกับหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรง ก่อนลดแรงมือลง

“รุนแรง”

“บ่นอะไร เอาอีกสักทีดีไหม” ผมพูด แล้วทำท่าจะลงมือหนักๆ อีก

“กลัวแล้วคร้าบ” กันพูดลากเสียง พร้อมยกมือสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้

“แฟนใครนะ น่ารักจริง” กรหันมาพูดแล้วก่อนกดจมูกลงมาบนแก้มผมแรงๆ เมื่อผมซับผ้าขนหนูลงกับผมเขาอย่างเบามือ จนผมเริ่มหมาด

“ชมบ่อยๆ ไม่เบื่อหรือไง” ผมถาม ก่อนลุกเอาผ้าไปแขวนที่ราวแขวนผ้าในห้องแต่งตัว แล้วเดินไปหยิบไดร์เป่าผมจากในตู้ออกมาแทน

“ไม่เห็นเบื่อ” กรพูดตอบเมื่อผมเดินเอาปลั๊กไดร์เป่าผมไปเสียบที่หัวเตียง แล้วกลับมานั่งลงด้านหลังเขาเหมือนเดิมแล้ว

“เบื่อตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว” ผมพูดบ้าง ก่อนเปิดสวิตช์ไดร์เป่าผมให้ทำงาน

“หึหึ” เสียงหัวเราะดังลอยมาให้ได้ยินเบาๆ เพราะโดนเสียงจากไดร์เป่าผมกลบไปเกือบหมด

.
.
.


“กร กันต์ถามอะไรหน่อยสิ” ผมถามกรระหว่างพันสายไฟเก็บหลังจากเป่าผมให้เขาจนแห้งแล้ว

“อืม” กรตอบรับ แล้วแย่งไดร์เป่าผมในมือไปเก็บให้แทน

“จะถามเรื่องรักน่ะ รักเคยเล่าเรื่องเพื่อนให้กรฟังบ้างหรือเปล่า” ผมถามแล้วหันไปเปิดไฟที่หัวเตียง ก่อนล้มตัวลงนอนที่ที่ของตัวเอง

“ทำไม มีอะไรหรือเปล่า” กรปิดไฟ แล้วเดินกลับมาที่เตียง ก่อนดึงผ้าห่มให้คลุมตัวผมกับเขา

“กันต์เคยเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหม ว่ารักเป็นน้องที่อยู่ข้างบ้านกันต์ แต่นอกจากรักแล้วยังมีน้องอีกคน แต่แก่กว่ารักสองสามปี ชื่อชิน สองคนนั้นสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ” ผมเกริ่นนำเปิดเรื่องที่จะพูดกับกร

“อืม แล้ว”

“วันนี้กันต์เจอชินที่ร้านหนังสือ” ผมเล่าต่อ ส่วนกรตอนนี้พลิกตัวตะแคงหันหน้ามาทางม แล้วสอดแขนเข้ามาใต้หัวผมให้หนุนแทนหมอน

“ชินเล่าให้กันต์ฟังว่ารักโกรธอะไรมันไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็ตัดการติดต่อกันไปเป็นปีๆ”

“อะฮะ” กรคอยส่งเสียงตอบรับเวลาที่ผมเล่า เป็นการบอกให้รู้ว่าเขาฟังผมอยู่
“ถ้ากันต์ช่วยน้องจะดีไหม มันเสียดายนะทั้งๆ ที่เมื่อก่อนสนิทกันขนาดนั้น แต่ถ้าเข้าไปช่วย มันจะดูเหมือนเข้าไปยุ่งเรื่องของเด็กหรือเปล่า” ผมถาม ที่ถามเพราะผมเองก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องของใครมาก่อน นอกเสียจากว่าจะมีเรื่องเข้ามาหาผมเองถึงที่ เลยไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี

“เด็กที่ชื่อชินนั่น หน้าตาดีๆ หน่อยหรือเปล่า” กรถามกลับมาหลังจากทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง

“กรเคยเจอหรอ” ผมถามด้วยความประหลาดใจเล็กๆ

“ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แต่เคยเห็นมารอรักที่ที่เรียนพิเศษ” กรเล่า ส่วนผมพอได้ยินก็เขยิบตัวหันไปคว้าโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างเตียงมาเลื่อนหารูปของคนที่ถูกพาดพิงถึง เพราะนึกขึ้นได้ว่าตอนที่บันทึกเบอร์ชินลงในโทรศัพท์ เจ้าตัวก็ขออนุญาตเอาโทรศัพท์ผมไปถ่ายรูปตัวเอง เพื่อที่เวลาโทรจะได้มีรูปขึ้นที่หน้าจอ มันบอกแฟนพี่จะได้ไม่หึงไง เวลาเห็นว่าใครโทรมา แต่หารู้ไหมไอ้น้องเอ้ย รูปผู้ชายนี่แหละอาจจะสร้างเรื่องให้พี่ได้มากกว่ารูปสาวๆ

“คนนี้หรือเปล่า” ผมหันหน้าจอโทรศัพท์ให้กรดู

“อืม คนนี้แหละ ตอนที่รักเจอ รักทำท่ากลัวๆ นะ ถึงกับจับมือกรแน่นแล้วขอให้พากลับบ้าน แบบนั้นมันไม่มีอะไรแน่หรอ” กรพูด แต่สายตายังสนใจอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ผม ที่ตอนนี้หน้าจอถูกเลื่อนให้แสดงภาพอื่นไปเรื่อยๆ

“นานยัง ไม่เห็นรู้เรื่อง” ผมถาม แล้วดึงโทรศัพท์คืน เพื่อให้คนที่เอาไปเล่นหันกลับมาสนใจกัน

“อาทิตย์ที่แล้วนี่เอง หลังจากนั้นกรก็ไปรับหลังมันบ้าง ถ้าเสร็จงานเร็ว” กรเล่าให้ผมฟังต่อ

“มีอะไรไม่เคยบอก เดี๋ยวนี้มีความลับนะ” ผมพูด แล้วก็คิดว่าตัวเองคงทำคิ้วขมวด กรถึงส่งนิ้วมาคลึงที่หว่างคิ้วผม

“กรสัญญากับมันไว้ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย”

“แล้วจะยังไงละทีนี้ ไหนมันว่าไม่ได้ทำอะไรไง” ผมพูดเหมือนบ่นพึมพำกับตัวเองด้วย พูดกับกรด้วย

“จะช่วยมันดีไหม” ผมถามต่อ

“กรลองคุยกับรักให้ไหม เผื่อมันจะเล่าอะไรให้ฟังบ้าง” กรเสนอตัว

“เอาอย่างนั้นหรอ” ผมถามอย่างไม่แน่ใจนัก

“ลองดู เห็นหน้ากันต์ก็รู้แล้วว่าอยากช่วย ลองดูเท่าที่ทำได้แล้วกัน แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยมันตัดสินใจกันเอง”

“เรื่องตัวเองไม่เคยต้องคิดยากขนาดนี้เลย ให้ตายสิ” ผมเปรยขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นเรื่องจริงล้วนๆ

“เรื่องอะไร เรื่องกรน่ะหรอ” กรถาม แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ชอบกล

“มั่วแล้ว ไม่ได้พูดออกมาสักคำว่าเป็นเรื่องกร” ผมพูด แล้วใช้ศอกกระทุ้งสีข้างคนมือซนไปที เผลอแป๊บเดียวสอดมือเข้าไปใต้เสื้อผมแล้ว แต่เจ้าของมือก็ทนเกินไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนสักนิด แถมรุกหนักกว่าเดิมอีก 

“วันนี้งด เหนื่อย จะนอนแล้ว” ผมพูด แล้วพลิกตัวตะแคงไปอีกด้าน

“อะไรอ่ะ เมื่อคืนไม่ได้ทำสักหน่อย ขอเหอะ นะนะ” กรส่งเสียงอ้อน แล้วโน้มตัวมามองหน้าผม แต่ผมหลับตาหนี

“ให้ไม่ให้ ไม่ให้ก็จะเอา ไม่รู้แหละ” กรว่า แล้วก้มลงมาหอมที่หน้าผาก แต่ผมดันคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ตอนนี้พอดี

“กรจะปีใหม่แล้วไปไหนดี” ผมถามแล้วยกมือขึ้นดันไหล่กรไว้ก่อน ว่าจะถามตั้งหลายวันแล้วแต่ก็ลืมทุกที

“กันต์อยากไปไหนเลือกเลย แต่ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน” ถึงกรจะพูดแบบนั้นแต่ผมยังไม่ยอมอยู่ดี พูดกันให้รู้เรื่องตอนนี้เลย แล้วเชื่อสิว่าตอนนี้ถ้าผมพูดอะไรเขาตอบตกลงหมด

“ไปญี่ปุ่นกัน” ผมพูด

ปีนี้เหนื่อยกันมาเยอะแล้ว ขอหลบไปพักไกลหน่อย ไหนจะงานไหนจะน้ำ ผมเองยังโชคดีที่บ้านผม บ้านพ่อแม่ผม พ่อแม่กร ไม่ได้ท่วมหรือรับผลกระทบอะไร เลยใช้โอกาสนี้ออกไปช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงพนักงานของทั้งผมและกรเอง อย่างกรกับเพื่อนก็ตั้งกลุ่มอาสาเข้าไปช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขและแมว กรบอกเหตุผลกับผมสองที่เขาเลือกที่จะช่วยเหลือสุนัขและแมว ข้อแรกคือ พวกมันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในภาวะแบบนี้ ข้อสอง กรทนไม่ได้กับการเห็นพวกมันถูกทิ้ง ด้วยความเป็นคนรักสัตว์และมีกำลังพอที่จะช่วยเหลือได้กรเลยเลือกที่จะทำตรงนี้ ส่วนเหตุผลที่กรแถมท้ายมาก็คือ เพราะลูกหมามอมๆ ตัวหนึ่งที่พลัดหลงมาทำให้ผมกับเขาได้เจอกัน พอถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่ยิ้มไปกับคำพูดเขา เหมือนหน้าจะร้อนวูบด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมคงหน้าแดงแน่ๆ

สำหรับการช่วยเหลือที่กรทำคือ การนำอาหารสัตว์เข้าไปให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงในกรณีที่ออกไปไหนไม่สะดวก หากเป็นสัตว์ที่ถูกทิ้งก็จะรับออกมาแล้วนำไปไว้ที่สถานรับเลี้ยงที่ติดต่อไว้ ส่วนผมเองก็มีโอกาสเข้าไปช่วยบ้าง ถ้าไม่ได้ติดไปไหนกับกลุ่มของตัวเอง เพราะผมกับเพื่อนก็ตั้งกลุ่มขึ้นมาเหมือนกัน แต่ที่ผมทำคือ เปิดครัวเพื่อทำอาหารสดแจก ตัวตั้งตัวดีไม่ใช่ใคร เป็นพี่ภากับไอ้ภพที่มีร้านอาหารเป็นของตัวเองแต่ด้วยความที่ร้านเปิดเฉพาะตอนเย็นเลยเอาเวลาช่วงเช้าถึงบ่ายเปิดครัวทำอาหารกล่องช่วยผู้ประสบภัย เช้ามืดก็จะเกณฑ์กันไปซื้อของสดที่ตลาดซึ่งผมกับเพื่อนในกลุ่มจะสลับกันไปด้วย รวมถึงคนที่บ้านผมเองก็มาช่วยกัน ก็ทำอาหารไปส่งต่อให้อาสาที่ลงพื้นที่เพื่อไปแจกวันละสามมื้อ งานนี้ถึงเหนื่อยกาย แต่สุขใจที่ได้ทำ

พอเสร็จสิ้นภารกิจต่างๆ แล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะได้พัก ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง

“อยากไปหรอ” กรถาม ผมก็พยักหน้าตอบ

“ไปสิ หมดเรื่องพูดแล้วใช่ไหม ไม่หยุดให้แล้วนะ” ไม่ต้องถามไม่ต้องบอกกันก็ได้มั้ง เพราะปากว่าแต่มือไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


………………………………………………………………       




พากันต์ กรมาส่งตามสัญญา
ตอนนี้จัดมาแบบเบาๆ ก่อนส่งตอนพิเศษ :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 11-12-2011 11:31:10
คิดถึงน๊า :กอด1:
1+จ๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 11-12-2011 12:27:36
เย้...กลับมาแล้ว
อ่านเรื่องนี้เมื่อไหร่ มีความสุขตลอด
สองคนนี้เค้ารักกันดีจังเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-12-2011 12:58:30
ยังน่ารักเหมือนเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-12-2011 15:11:00
ดีใจจัง กลับมาเจอกันอีกแล้ว คิดถึงทั้งคู่มากๆค่ะ

ว่าแต่ชินกับรักจะเป็นคู่รักอีกคู่หรือเปล่า จะได้ตามเชียร์ที่ปรึกษาให้ทำงานสำเร็จ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 11-12-2011 20:39:25
มาแบบเบาๆ แต่คู่นี้เขาน่ารักอย่างจริงจังตลอด
คุยกัน ทำอะไรให้กันเล็กๆ น้อยๆ แต่ความน่ารักสูงมาก  :L2: 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 12-12-2011 00:08:27
 :-[ :-[ :-[ :-[

สำหรับกันต์และกร รอได้อยู่แล้วค่ะ นานแค่ไหนก็พร้อมจะรอ

เป็นกำลังใจให้คุณกวางด้วยนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยเ้ร็ว

จากตอนทิ้งท้าย.....เดี๋ยวเราจะได้ตามกันต์และกร ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยใช่ไหมคะ เตียมแพ็คกระเป๋ารอล่วงหน้า

แต่ท่าทางจะต้องเคลียร์ปัญหาระหว่างน้องรักกับน้องชินก่อนซะละมั้ง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 12-12-2011 11:40:54
คู่นี้เค้าน่ารัก อบอุ่น เข้าใจกันดีจัง :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 12-12-2011 13:07:23
เตรียมแพคกระเป๋าตามไปญี่ปุ่น นอนที่ไหนแจ้งด้วยจะตามไปซุ้มดูเขาหวานกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 13-12-2011 12:17:54
น่ารักสม่ำเสมอเลยนะคู่นี้
ปล. เดี๋ยวจะแอบเกาะปีกเครื่องบินตามไปเที่ยวด้วย  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 13-12-2011 14:03:55
น่ารักเหมือนเดิม
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-12-2011 22:06:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 29-12-2011 22:49:02
รอ...ร๊อ....รอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ที่ปรึกษา p. 62 11/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 29-12-2011 23:12:44
ช่วงต่อจากนี้ไปจะเป็นตอนพิเศษนะคะ รวมถึงตอนของปีใหม่ที่จะเอามาลงในตอนต่อไปด้วย เนื้อเรื่องจะไม่ได้ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว เพื่อให้เรื่องเข้ากับช่วงเวลาปัจจุบันก่อน หลังจากหมดช่วงเทศกาลไปจะเอาตอนปกติกลับมาลงเหมือนเดิม (ขนาดบอกว่าจะเอามาลงให้ทันสถานการณ์ ยังเอามาลงช้า แฮะๆ)
.
.
.

ตอนพิเศษ All I want for Christmas is you.


“เมอร์รี่ คริสต์มาส”


“อื้อ เมอร์รี่ คริสต์มาส”
       


เคยคิดหรือจินตนาการกันบ้างไหมครับว่า ถ้าวันหนึ่งมีคนที่รักแล้วจะสามารถทำเรื่องซึ้งๆ หรือโรแมนติกให้กับเขาได้มากขนาดไหน

เน้นว่าคนที่รักนะครับ ไม่นับคนที่ผ่านเขามาให้เอาใจเล่นแบบฉาบฉวย ประเภทได้กันแล้วก็จบไป เพราะความรู้สึกมันต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำแบบฉาบฉวยเพื่อเอาใจชั่วครั้งชั่วคราว มันไม่ต้องคิดอะไรเยอะนักหรอก พูดง่ายๆ ว่าทำไปแบบไม่ต้องอาศัยความรู้สึก แต่กับคนที่รัก มันคงเป็นความรู้สึกที่แบบว่า แค่คิดจะเริ่มก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงแล้ว มันจะคิดเยอะไปหมดว่าทำแบบนั้นแล้วเขาจะชอบไหม หรือแม้กระทั่งคิดแล้วจะกล้าทำหรือเปล่า ทำเรื่องโรแมนติกมันต้องอาศัยความกล้าไม่ใช่น้อย ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสักนิด

ผมเป็นคนหนึ่งที่ยอมรับเลยว่า เป็นคนไม่มีความโรแมนติกหรือมีหัวกับเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย ทั้งที่ทำงานที่ต้องใช้ความสร้างสรรค์ หรือมันไม่เกี่ยวกันระหว่างการเป็นคนสร้างสรรค์กับการเป็นคนโรแมนติก แต่ผมก็เคยลองคิดเล่นๆ อยู่เหมือนกันว่า ถ้าผมมีคนรักสักคน แล้วผมอยากจะทำเรื่องโรแมนติกให้กับคนที่ผมรักบ้าง คนอย่างผมควรจะทำอะไรให้เขา ผมเคยคิดวิธีที่เบสิคที่สุดคือการพาไปดูหนังรักสักเรื่อง แต่พอคิดถึงหนังรัก ผมก็คิดไปก่อนล่วงหน้าแล้วว่า ผมคงจะง่วงนอนและเอนหลังหลับสบายคาเบาะนุ่มไปก่อนที่หนังจะจบ พอเปลี่ยนไปคิดว่า ถ้าพาเขาไปล่องเรือ ชมวิวสวยๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำยามค่ำคืน มันจะเป็นยังไง ผมก็ดันคิดไปถึงว่าแล้วระหว่างนั้นผมกับเขาจะคุยอะไรกันดี คนนิ่งๆ เงียบๆ เป็นนิสัยอย่างผมจะทำงานกร่อยหรือเปล่า

เพราะฉะนั้นแค่การที่ผมนั่งกินข้าวใต้แสงเทียนกับกรเมื่อปีใหม่สองปีที่แล้ว นั่นนับเป็นเรื่องโรแมนติกที่สุดเท่าที่ผมจะคิดออกและกล้าทำแล้ว แต่พอมาถึงวันนี้วันที่ผมใช้เวลาอยู่กับเขามานานมากขึ้น ผมไม่รู้ว่าผมซึมซับเอาความโรแมนติกของกรมาได้แค่ไหน แต่ผมคิดว่าผมก็ทำอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ยังคาดไม่ถึงได้เหมือนกัน

เพราะถึงวันนี้วันที่ผมยังมีคนที่ผมรักอยู่เคียงข้าง มันทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า ผมไม่ต้องเสียเวลาคิดเรื่องแบบนั้นให้มากมาย เมื่อทุกอย่างที่พูด ที่แสดงออกมา มันมาจาก... ใจ ที่เรามีเพื่อใครสักคน

.
.
.


“วันนี้ไปไหนกันดี” กรพูดแล้วขยับตัวเข้ามานั่งซ้อนหลังผม แล้วจับให้ผมเอนตัวพิงกับอกเขา พอจัดที่นั่งได้ที่เขาก็สอดมือเข้ามากอดเอวผมไว้หลวมๆ อย่างที่เขาชอบทำเป็นประจำ

มันไม่ใช้ว่าเฉพาะเวลาอยู่บนเตียงนอนถึงนั่งกันท่านี้ แม้แต่เวลานั่งอยู่ที่โซฟาเขาก็มักจะดึงตัวผมเข้ามานั่งอยู่แบบนี้ ผมยังเคยถามเขาว่าไม่อึดอัดหรือไม่หนักหรือยังไงให้ผมมานอนพิงอยู่แบบนี้ แต่พอเขาบอกเขาชอบ ผมเลยไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะผมสบายอยู่แล้ว หลับไปทั้งอย่างนี้ประจำ แต่จะมีเสียบ้างนิดหน่อยก็ตรงถูกทำอะไรได้ง่ายๆ เพราะท่าทางมันดูอบอุ่นชวนรักกันมากไปนี่ล่ะ ตอนกลางคืนยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนเช้าที่อะไรๆ มันก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกันหมดนี่สิ  ปิดกันไม่ได้จริงๆ ไอ้ที่ดันอยู่ข้างหลังตอนนี้ก็อย่าคิดว่าไม่รู้สึก รู้สึกเต็มๆ เลย แต่ต้องทำเฉยซะ อย่าได้ทักอะไรส่งเดช


“จะออกไปทำอะไร” ผมถาม ที่ถามเพราะวันนี้ไม่ได้วางแผนว่าจะไปไหนตั้งแต่แรก พอเขาถามมาเลยถามกลับ

“คริสต์มาสไง ไปข้างนอกกัน”

“อยากไปไหนล่ะ” ผมถามกลับ เพราะสำหรับผมแล้วที่ไหนก็ได้ พอคิดได้ว่าปีใหม่จะไปไหน วันอื่นเลยไม่ได้คิดถึง

“ไม่รู้เหมือนกัน ลองถามดูเผื่ออยากไปไหน”

“อยู่บ้านดีกว่า ขี้เกียจออกคนเยอะ” ผมตอบ วันเทศกาลที่ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนจะออกไปข้างนอกกันเยอะขนาดไหน

“อื้ม ถ้าอย่างนั้นอยู่บ้านทำกับข้าวกินกัน” คนที่กอดผมอยู่เสนอ ผมไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะพูดชื่อเพลงๆ หนึ่งที่จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ เป็นเพลงที่ผมเคยฟังเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนที่ผมเรียนอยู่อังกฤษ


“All I want for Christmas is you”

ผมพูด หลังจากพูดออกไปแล้วก็รับรู้ถึงแรงที่กอดกระชับตัวผมไว้แน่นขึ้น แต่ไม่แน่นจนทำให้อึดอัด แต่ทำให้รู้สึกอุ่นขึ้น ผมเองก็กระชับแขนที่กอดทับแขนเขาอยู่ให้แน่นขึ้นเช่นเดียวกัน


“All I want for Christmas is you too”

เสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหู พร้อมใบหน้าที่อยู่แนบชิด ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฮัมเป็นทำนองเพลงที่ผมเพิ่งพูดชื่อออกไป

แบบนี้เรียกว่าโรแมนติกได้ไหมครับ แต่ผมสำหรับผมถือว่ามากเลยทีเดียว


I don't want a lot for Christmas
ฉันไม่ต้องการอะไรมากมายในคริสต์มาสต์นี้

There is just one thing I need
มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันโหยหา

I don't care about the presents
ฉันไม่สนใจของขวัญมากมาย

Underneath the Christmas tree
รายล้อมต้นคริสมาสต์

I just want you for my own
ฉันเพียงต้องการได้เธอมาเคียงคู่

More than you could ever know
มากกว่าที่เธอนั้นเคยจะรู้

Make my wish come true
ขอให้คำอธิษฐานของฉันเป็นจริง

All I want for Christmas is you
ที่ฉันต้องการในคริสมาสต์  นั้น  คือ เธอ



“รู้จักด้วย” ผมหันหน้าไปถามกร เมื่อเสียงฮัมเพลงของเขาหยุดลง ผมถามเพราะไม่เคยได้ยินเขาฟังเพลงแนวนี้มาก่อน ส่วนใหญ่ที่ได้ยินเขาฟังจะเป็นเพลงอินดี้ทั้งไทยและสากล ซึ่งแรกๆ ผมไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อวงด้วยซ้ำ แต่หลังๆ มาก็เริ่มรู้จักบ้าง จะไม่ให้รู้จักได้ยังไง เพราะเวลากรเปิดคอมพ์ทำงานเขาก็เปิดแต่เพลงพวกนี้ ในรถก็อีก พากันไปดูคอนเสิร์ตจากต่างประเทศก็ไปกับเขามาแล้วตั้งหลายครั้ง

ส่วนเพลง All I want for Christmas is you ที่ผมพูดถึงต้นฉบับเป็นของ Mariah Carey ต่อมา Michael Bubles ก็เอามาร้อง แต่หลังจากนั้นแล้ใครจะเอามาร้องอีกบ้างผมก็ไม่รู้ ที่ผมนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาได้ก็เพราะเมื่อวานเปิดไปเจอรายการอะไรสักรายการแล้วมีคนเอาเพลงนี้มาร้อง เพลงนี้เลยเหมือนถูกดึงขึ้นมาจากความทรงจำอีกครั้ง ตอนนั้นที่จำเพลงนี้ได้เพราะไปที่ไหนหรือเปิดรายการไหนก็เจอ แต่ไม่เคยเข้าถึงเนื้อหาของเพลง จนมาวันนี้ผมคิดว่าผมเข้าถึงเพลงนี้แล้ว 

“เคยเล่นกีต้าร์ให้เพื่อน มันเคยเอาเพลงนี้ไปร้องประกวด ตอนนั้นได้ที่หนึ่งด้วย” กรเล่าให้ผมฟังด้วยความภูมิใจ ไม่รู้ว่าภูมิใจที่ได้ที่หนึ่งหรือภูมิใจที่เขาก็รู้จักเพลงนี้เหมือนกันกันแน่

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ทำกับข้าวกินกันที่บ้านแล้วกัน” กรรีบสรุป

“อื้ม บ่ายๆ ว่าจะเก็บกระเป๋าด้วย พรุ่งนี้มีงานที่บริษัทฯ ตอนกลางคืนคงกลับมาเก็บไม่ทัน วันอังคารจะได้ไม่วุ่นวาย” ผมพูด เราจะเดินทางกันคืนวันอังคารเพราะกรทำงานวันอังคารเป็นวันสุดท้าย ตอนแรกผมคิดว่าผมจะจัดกระเป๋าวันอังคารคนเดียว แต่คิดไปคิดมาเก็บวันนี้เลยดีกว่า ส่วนผมเองทำงานพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ที่ยังต้องทำวันจันทร์อีกวันเพราะยังเคลียร์บัญชีกันไม่เสร็จ จะปิดได้เร็วสุดได้แค่วันที่ยี่สิบหก แล้วก็เป็นแบบนี้มาทุกปี ผมเลยยึดเอาวันนี้ของทุกปีเป็นวันที่เลี้ยงส่งท้ายปีของออฟฟิศถ้าติดเสาร์อาทิตย์ก็ปรับเลื่อนได้ แต่ถ้าเลี้ยงพนักงานทั้งบริษัทฯและโรงงานจะเป็นต้นปีหน้า กำหนดไว้ว่าเป็นศุกร์แรกของสัปดาห์ที่เปิดงาน

สำหรับงานเลี้ยงของออฟฟิศผมปีนี้ ผมก็ทำเหมือนเดิม คือมีงบให้ก้อนหนึ่ง ส่วนเรื่องสถานที่ให้ไปประชุมกันแล้วมาบอกว่าอยากจะไปเลี้ยงกันที่ไหน แต่ผลปรากฏว่าปีนี้ทุกคนอยากจัดงานกันที่ออฟฟิศ เพราะให้เหตุผลว่าอยากได้บรรยากาศเหมือนจัดปาร์ตี้ที่บ้าน คือ ด้วยความที่ออฟฟิศนี้เป็นบ้านมาก่อน ด้วยบรรยากาศมันเลยให้ความอบอุ่นเหมือนบ้านด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้ามาจัดปาร์ตี้ที่นี่ก็คงเป็นงานเล็กๆ ที่ดูเป็นกันเองง่ายๆ สบายๆ ผมเองก็ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว แต่ก็อดแซวไปไม่ได้ว่า ที่อื่นเขามีแต่อยากออกไปข้างนอกที่ดีๆ หรูๆ มีคนที่นี่แหละ อยากอยู่ที่ทำงานไม่อยากไปไหน เลยได้คำตอบจากบรรดาอาร์ตติสท์ทั้งหลายว่า มันได้ฟีลกว่า

เรื่องสถานที่อาร์ตตัวพ่อตัวแม่ทั้งหลายได้ออกไอเดียจัดสถานที่กันอย่างสนุกสนาน เพราะผมให้ใช้พื้นที่ชั้นล่างได้ทั้งหมด รวมถึงในสวน ฝ่ายบัญชีที่มีงานก็เร่งทำกันไป ส่วนพวกฝ่ายศิลป์ที่โหมงานหนักมาก่อนและปิดงานตัวเองไปหมดแล้วก็มาช่วยกันดูเรื่องสถานที่ไปก็เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยไปตั้งแต่วันศุกร์ มีพี่แอมบรรณาธิการคนเก่งอาสาเป็นแกนนำออกมาอ้อนของบไปก้อนหนึ่งก่อนและบอกให้ผมรอดูฝีมือลูกน้องแค่นั้น ส่วนเสาร์อาทิตย์นี้จะเข้าไปทำอะไรกันบ้าง ผมไม่รู้เพราะไม่ได้เข้าไปดู เรื่องอาหารก็ไม่ต้องมองหาร้านไหนให้ยุ่งยากสั่งเอาจากร้านข้างๆ ออฟฟิศเอาโดยลงมติเป็นเอกฉันท์ งานนี้ผมยึดเสียงส่วนใหญ่ อยากจัดยังไงก็เต็มที่ โดยให้ข้อแม้ไว้แค่สองข้อ คือ ไม่ทำทรัพย์สินเสียหาย และไม่รบกวนคนอื่น

.
.
.


“อยากกินอะไรเดี๋ยวทำให้” ผมถาม แล้วคิดไว้ในใจด้วย อยากรู้ว่าเขาจะคิดเหมือนผมไหม คริสต์มาสนี้อยู่เมืองไทยก็จริง แต่นึกถึงสมัยเรียนแล้วก็อยากลองทำไก่อบอีกสักครั้งเหมือนกัน ตั้งแต่กลับมานี่ผมยังไม่เคยได้กินไก่อบวันคริสต์มาสเลย ถ้าจะทำจริงๆ ก็ต้องออกไปซื้อของ แต่ออกไปใกล้ๆ แค่นี้คงไม่เสียเวลาเท่าไร

“ทำไก่อบเป็นหรือเปล่า ที่อบทั้งตัว เมื่อวานเห็นในทีวีแล้วอยากกิน ใช้ไก่ธรรมดาก็พอ ไม่ต้องไก่งวงหรอก ”

“ออกไปกินข้างนอกไหมล่ะ” ผมเสนอ

“ไม่เอาต้องทำกินที่บ้านมันถึงได้บรรยากาศ” ถ้าเขาจะกินที่บ้านแปลว่าผมต้องทำให้เขาได้ใช่ไหม

“แล้วยิ้มอะไร อยู่ดีๆ ก็ยิ้ม มีอะไร หืม” กรกระเซ้าถาม แล้วก้มลงมาฟัดแก้มผมเหมือนคนกำลังมันเขี้ยว

“ไม่มีอะไร คนยิ้มนี่ผิดหรือไง” ผมไม่ยอมตอบว่ายิ้มอะไร

“ไม่มีอะไรจะยิ้มทำไม จะบอกหรือไม่บอก ไม่บอกจะไม่กินไก่แล้วนะ แต่จะกินอย่างอื่นแทน”

“ไม่ต้องเลย ไอ้หื่น พาเข้าเรื่องนี้ได้ตลอด ถ้าจะกินก็ลุกไปอาบน้ำ ต้องออกไปซื้อของ” ผมพูด แล้วรีบขยับตัวจะลุกออกจากเตียง แต่โดนล็อคตัวไว้ก่อน 

“ว่าใครหื่น เดี๋ยวโดน”

“หยุด ตกลงจะกินไหม ไก่” ผมรีบปราม

“กิน แต่บอกมาก่อนเมื่อกี้ยิ้มอะไร” ยังอยากรู้อยู่อีก แล้วมือจะต้องสอดเข้ามาใต้เสื้อทำไม ไวจริง

“เออๆ บอกแล้วๆ” ผมรีบพูด ก่อนเรื่องจะไปกันใหญ่

“ก็บอกมาสิ”

“เมื่อกี้ตอนที่ถามกรว่าจะกินอะไร ก็คิดเล่นๆ ว่าอยากจะทำไก่อบ เพราะไม่ได้กินตั้งหลายปีแล้ว พอกรตอบว่าอยากให้ทำไก่อบก็เลยยิ้ม”

“คนมันใจตรงกันก็แบบนี้แหละ”

“เน่าวะเฮ้ย พอๆ ไปอาบน้ำ” ผมพูด ตัดบทแล้วรีบลุกจากเตียง คราวนี้ได้ลุกจริงๆ สักที

“โห ตัดบทกันตลอด”

“เออ อย่าช้า ช้าอด”

“คร้าบๆ ไปแล้วคร้าบ” กรพูดหน้าทะเล้นปนน่าเตะ ก่อนจะรับเดินหนีไปทันทีผมจะบ่นอะไรอีก



..............................................................



“ชินเป็นไงบ้าง” กรถามผม ระหว่างที่กำลังขับรถออกไปซื้อของมาทำกับข้าวเย็นนี้

“เรื่องรัก”

“อืม” ถ้าเรื่องชินต้องมาถามผม แต่ถ้าเป็นเรื่องของรักต้องตามกร

“บอกน้องกรให้เล่นตัวให้มันน้อยๆ หน่อย” ผมพูดขำ

“ไปบอกน้องกันต์เถอะ ให้มันพยายามมากกว่านี้หน่อย” กรพูดกลับมา

“เป็นปีนี่ยังไม่พอ” ผมพูด

“เอาน่ามาถึงขนาดนี้แล้ว สู้อีกหน่อยจะเป็นไร”

“อีกหน่อยแน่หรอ” ผมหันไปถามแบบไม่ค่อยจะเชื่อคนพูด คุยโทรศัพท์กันนี่เสี้ยมสอนกันดีนักหล่ะ คิดว่าผมไม่ได้ยินหรือไง

“เอาน่า”

“ว่าแต่คู่นี้มันชักยังไงๆ หรือเปล่า” กรถามขึ้นมา ซึ่งผมเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“ไม่รู้เหมือนกัน แล้วคิดว่าไง” ผมไม่กล้าให้คำตอบไปทางใดทางหนึ่ง เลยตอบแบบกลางๆ คือ ไม่รู้ไว้ก่อน

“ดูต่อไปแล้วกัน” กรพูดกลับมา แล้วเลี้ยวรถเข้าห้าง ผมว่านั่นคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด “ดูกันต่อไป”

“พูดแล้วนึกขึ้นได้ ไปที่นู่นแล้วเตือนให้ซื้อเคสโทรศัพท์ให้ชินด้วย” ต้องให้กรช่วยเตือนอีกที ไปถึงต้องซื้อของเยอะ กลัวจะลืมเพราะต้องซื้อให้หลายคน เมื่อคืนชินโทรมาหาผมพอรู้ว่าจะไปญี่ปุ่นเลยฝากให้ดูเคสสำหรับไอโฟนให้ ผมว่าจะจดลงในรายการของที่ต้องซื้อก็ยังไม่ได้จด

“อื้ม”

“แล้วรักเอาอะไรหรือเปล่า” ผมถาม

“ยังคิดไม่ออก บอกว่าคิดออกแล้วจะโทรมา” กรตอบผม บอกแล้วว่าเรื่องรักต้องถามกร

“อืม”

.
.
.


รักหรือไอ้เปี๊ยกของกร ตั้งแต่กลับไปอยู่เชียงใหม่ก็ยังติดต่อกับพวกผมไม่ขาด แต่ส่วนใหญ่จะโทรหากรมากกว่า คู่นี้เขาซี้กันแล้ว จากทีแรกไม่ค่อยจะถูกชะตากันเท่าไร มาตอนนี้สนิทกันยิ่งกว่าผมแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสนิทแบบไหนกันแน่ แบบปกติธรรมดาก็พี่น้อง แต่สักพักก็กลายเป็นพ่อกับลูก แถมกรยังเป็นคุณพ่อที่หวงลูกมากเสียด้วย ลุงหลานก็ยังมี หนักๆ หน่อยไอ้เปี๊ยกเรียกกรว่าปู่เลยครับ คุยกันเดี๋ยวดีเดี๋ยวทะเลาะ เป็นเด็กตีกัน ฟังเขาคุยโทรศัพท์กันแล้วขำดี ผมหัวเราะตามไปด้วยทุกที

พอมองกรกับรักแล้วผมคิดถึงป่านเลย เป็นความรู้สึกของคนที่อยากมีน้อง พอมีแล้วไอ้ที่กรเคยว่าผมไว้ เขาเป็นเหมือนผมทุกอย่าง หาว่าผมชอบตามใจป่าน เข้าข้างป่าน ไปเที่ยวไหนก็ซื้อของกลับมาให้ แถมห่วงไอ้ป่านเกินเหตุ อะไรๆ ก็ป่าน แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาเคยว่าผมมา พอถึงตาเขาเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผมเลย ดีไม่ดีเป็นหนักกว่าผมอีก

ยิ่งช่วงที่รักใกล้เรียนพิเศษจบคอร์ส รักขอให้พาไปไหน กรพาไปหมด พากันไปเดินเยาวราชสามคนหาของกินกันดึกดื่นเที่ยงคืนเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ พาไปซื้อของร้านไหนห้างไหนเปิดใหม่กรพาไปหมด ไม่รู้ว่ากลัวน้องถูกว่าว่าเชยหรือยังไง แต่ผลพลอยได้ก็มาตกที่ผมด้วยได้ของติดมือกลับบ้านด้วยทุกครั้ง ผมไม่ได้เรียกร้องแต่คนกระเป๋าหนักเขาจัดให้ ผมเองก็ไม่ขัด มีหน้าที่รับก็รับอย่างเดียว ห้ามพูดห้ามบ่น นานๆ ตามใจกันทีก็สนุกดี

รักกลับบ้านไปช่วงแรกๆ ผมกับกรเหมือนขาดอะไรไปเลย เพราะจากที่เคยอยู่กันสองคนเงียบๆ มีรักเขามาคนเดียวนี่เพิ่มเสียงในบ้านผมได้เยอะ แต่กลับไปอยู่เชียงใหม่ปู่กับย่าผมก็จะได้ไม่เหงา ตอนที่กลับไปวันแรกๆ มีการโทรมาอวดด้วยนะว่าไปบ้านย่าผมมา ย่าทำกล้วยบวชชีให้กินด้วย อร่อยมาก มีส่งรูปมาให้ดูอีกต่างหาก พอวันรุ่งขึ้นก็ส่งรูปมาอีก เป็นรูปมันช่วยย่าผมทำห่อหมก เอาแต่ของชอบผมมาอวดทั้งนั้น ไอ้แสบเอ้ย   

.
.
.


“มา กรยกเอง” กรพูดเมื่อผมเปิดฝาเตาอบเตรียมยกไก่ที่อบเสร็จแล้วออกมา

“เอาผ้ามารองอีกที” ผมบอก เพราะไม่แน่ใจว่าถุงมือผ้าที่ใส่กันร้อนจะเอาอยู่ ใช้มานานจนมันเริ่มนิ่มๆ ไว้คราวหน้าไปซื้อของ ต้องซื้อมาใหม่อีกสักคู่

“หอม” กรพูด แล้วยกถาดไปวางบนโต๊ะด้านหลัง

“เอาใส่จานนี้” ผมสั่งให้กรย้ายไก่จากถาดมาใส่จานที่เตรียมไว้ ดูท่าวันนี้จะอิ่มจนแน่น ดีที่มื้อกลางวันกินกันแค่ข้าวผัดคนละจาน นอกจากทำไก่อบแล้ว ยังมีมันบด ขนมปังกระเทียม แล้วก็ผักต้มอีกนิดหน่อย เป็นถั่วแขกกับข้าวโพดอ่อน ไม่มีแครอทเพราะกรไม่กิน ผมเองพอกินได้แต่ก็ไม่ชอบ หลังจากย้ายจานเสร็จกรก็ทยอยถือจานอาหารไปวางที่โต๊ะกินข้าว ส่วนผมถือแก้วและถังน้ำแข็งที่แช่ไวน์ไว้ตามออกไป

“ทำตัวเป็นฝรั่งกับเขาวันนึงได้ไหม” กรพูดขึ้นมา เมื่อผมกับเขานั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว

“ทำไม” ผมถาม

“จะขอพรก่อนมื้อเย็นวันคริสต์มาสไง”

“เอาดิ” ผมตอบ

“ขอ...” กรพูดมาแค่คำเริ่มต้นแล้วเงียบไป
.
.
.

“โอเค เรียบร้อย” กรพูดต่อ หลังจากเงียบไปสักสามสิบวิ


แล้วมื้อเย็นวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมีความสุข ผมไม่รู้ว่ากรอธิษฐานขออะไร แต่สำหรับผม

“ผมขอให้ทุกๆ วันจากนี้ไป ผมมีคนๆ นี้ ผมขอขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งเขามาให้ผม ผมขอบคุณมากจริงๆ”

-----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-12-2011 23:35:13
อยากลองชิมไก่อบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 30-12-2011 00:10:14
ขอ Merry Christmas กรกันต์ย้อนหลังด้วยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 30-12-2011 00:43:57
 :o8: :o8:

รักกันไปนานๆนะคะ

+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 30-12-2011 00:47:47
น่ารักได้ตลอดคู่นี้ :-[
นายกรก็เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เปลี่ยน
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 30-12-2011 08:35:44
ตอนพิเศษหวานๆ แบบนี้
ขอของคู่ พี่กาวน์&ป่าน ด้วยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 30-12-2011 09:20:07
ยังหวานเหมือนเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 30-12-2011 09:50:09
การมีใครซักคนอยู่เคียงข้าง มันคงเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 30-12-2011 09:52:03
น่ารักมากเลยยย กันต์กับกรเป็นคู่ที่น่าอิจฉาม๊ากมากกค่ะ
อ่านทีไรก็ยิ้มทุกที  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 30-12-2011 10:59:07
กรี๊ดดดดดดดดดด ชอบคำอธิฐานของกันต์อ่ะ น่ารักกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 30-12-2011 15:09:31
ู่คู่นี้ขยันเติมน้ำตาลกันจริง
หวานไม่มีตก

อยากอ่านคู่พี่กาวน์ น้องป่านด้วย
เอามาส่งหน่อยจ้า รอ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 30-12-2011 19:45:08
อยากไปติดกล้องไว้บ้านนี้จัง
เอาไว้ส่องเวลาเขาหวานกัน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 30-12-2011 23:07:52
น่ารักได้อีก :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 31-12-2011 10:11:29
หวานกันได้ตลอดเวลา...กรกับกันต์น่ารักจังเนอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 31-12-2011 12:38:17
ตอนพิเศษน่ารักทั้งสองเรื่องเลย
เห็นหวานกันแล้ว มีความสุขสุดๆ
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 31-12-2011 20:10:12
 :-[ พี่กันต์ก็โรแมนติกใช่เล่นนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 31-12-2011 21:44:30
อยากกินไกอบบ้างจัง :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> All I want for Christmas is you p. 62 29/12/11
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 04-01-2012 00:34:13
ตอนพิเศษ Let‘s go to Japan [1/2]


“กันต์” ผมหันไปเรียกและฉุดมือกันต์ให้เดินตามขึ้นรถไฟเมื่อประตูรถไฟที่จอดสนิทแล้วเปิดออก

“ฮะ” กันต์รับคำแล้วสาวเท้าเดินให้ทันผมที่จูงมือเขานำขึ้นรถไฟ ที่ต้องเรียกนี่ไม่ใช่อะไร ก็กันต์กำลังพุ่งความสนใจไปที่แผนที่และหนังสือนำเที่ยวในมือที่เพิ่งได้มาจากสนามบิน พอเจอหนังสือเป็นอันตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย


ตอนนี้เราสองคนเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว และออกเดินทางจากสนามบินนาริตะมาที่สถานีรถไฟเจอาร์ โตเกียว เพื่อขึ้นรถไฟชินคันเซนต่อไปที่สถานีนากาโน่ ซึ่งห่างจากโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณสองร้อยกิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณเจ็ดสิบเก้านาที ส่วนสัมภาระที่ติดตัวกันอยู่ตอนนี้ก็มีแค่เป้คนละใบ สำหรับขึ้นไปพักที่สกีรีสอร์ท ส่วนกระเป๋าเดินทางที่บรรจุสัมภาระที่จะใช้สำหรับสามวันที่เหลือในโตเกียวถูกส่งไปที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว

เรื่องกระเป๋าเดินทางนี่กันต์เป็นคนจัดการวางแผน พอรู้ว่าจะไปไหนบ้าง ติดต่อที่พักแล้ว เขาก็จัดการเรื่องกระเป๋าต่อ ว่าจะทำยังไงไม่ต้องลำบากในการเดินทาง แล้วก็ออกมาอย่างที่เห็น เราสองคนมีแค่เป้สะพายขึ้นหลังมาคนละใบจากสนามบิน ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีกสองใบอยู่ที่โรงแรม ขนมาสองใบก็จริง แต่ใส่ของมาไม่เต็มหรอกครับ กันที่ไว้ใส่ของกลับ พอขากลับก็เอาเสื้อผ้าใส่รวมกระเป๋าเดียวกัน อีกกระเป๋าจะมีแต่ของฝาก

.
.
.


ตอนแรกที่กันต์ชวนผมมาเที่ยวญี่ปุ่นเขาวางแผนไว้แค่ว่าจะอยู่โตเกียวกันหกวันเต็ม อาจจะนั่งรถไฟออกไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ แบบเช้าไปเย็นกลับ แล้วพอคุยกันไปถึงเรื่องสภาพอากาศ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าไหน ๆ เราก็ไปกันหน้าหนาว มีหิมะตก ทำไมเราไม่ไปเล่นสกีกัน ผมเองก็รู้อยู่ว่ากันต์เล่นสกีได้ถึงได้ชวน

ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ผมเล่นสกี คือก่อนหน้าที่จะมารู้จักกับกันต์ตอนนั้นไปที่โคโลราโดกับครอบครัว พอครั้งนี้จะไปญี่ปุ่นและไปช่วงหน้าหนาวเลยอยากชวนกันต์ไปเล่นสกีบ้าง กันต์ก็ตกลงทันเพราะเขาเองนอกจากจะเล่นเป็นแล้วยังชอบด้วย สรุปแล้วเราจะไปที่สกีรีสอร์ทเพื่อเล่นสกีกันสามวัน แล้วค่อยกลับลงมาเที่ยวในโตเกียวอีกสามวัน วันที่นับถอยหลังเข้าปีใหม่เราก็จะอยู่กันที่โตเกียว 

พอตกลงกันได้ว่าจะไปเล่นสกี เราเลยต้องหาข้อมูลกันว่าจะไปที่ไหน เพราะไม่ได้ไปกับทัวร์เลยต้องหาข้อมูลแล้วจัดโปรแกรมกันเอง อาศัยว่าเราสองคนเคยมาญี่ปุ่นกันแล้วทั้งคู่ กันต์มาแล้วสี่ครั้ง ส่วนผมมาแล้วสามครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนมาด้วยกัน และเป็นครั้งแรกเช่นกันกับสกีที่ญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และน่าสนุกสำหรับเราทั้งคู่ อะไรที่เป็นครั้งแรกมันเป็นอะไรที่พิเศษนะผมว่า ผมเลยได้ความตั้งใจที่จะทำเพิ่มในปีต่อๆ ไปอีกข้อว่า เราสองคนจะต้องไปเที่ยวในที่ ๆ เรายังไม่เคยไปด้วยกันอย่างน้อยปีละหนึ่งที่ ขยันเติมเรื่องน่าตื่นเต้น เรื่องสดใหม่เข้าไปชีวิตมันจะได้ไม่น่าเบื่อ

.
.
.


“กันต์ ป่ะ” ผมเรียกกันต์ที่ยังคงให้ความสนใจกับหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนากาโน่ ให้เตรียมตัวเมื่อรถไฟใกล้จะถึงสถานี

“ถึงแล้วหรอ” คนที่ก้มหน้าอยู่กับหนังสือในมือหันมาถาม ก่อนหันออกไปมองข้างทาง

“ใกล้แล้ว” พอผมตอบรับ กันต์ก็เก็บหนังสือลงเป้

ระหว่างนั่งรถไฟมาเจ็ดสิบเก้านาทีกันต์อ่านหนังสือสลับกับดูแผนที่ตลอด จะหันมาคุยกับผมบ้างเมื่ออยากถามความเห็นผมว่าเราจะไปที่นั่นที่นี่กันดีไหม เวลาจะพอหรือเปล่า เพราะสถานที่เที่ยวในนากาโน่ถือว่าเยอะและน่าสนใจทั้งนั้น ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไรครับที่กันต์สนใจแต่ตัวอักษร เพราะผมเองก็ฟังเพลงสลับกับมองกันต์ไปเรื่อยเพลิน ๆ ที่จริงก็ฟังด้วยกันนั่นแหละครับ ใส่หูฟังกันคนละข้าง

พอถึงสถานีนากาโน่ก็แวะกินข้าวกลางวันกันก่อน ก่อนที่จะนั่งรถต่อไปที่สกีรีสอร์ท สำหรับมื้อแรกที่ญี่ปุ่นของเราสองคน เป็นอาหารชุดหน้าปลาไหลย่าง สลัดผัก ซุปมิโซะ และอุด้ง พออิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อไปที่อิเคะโนะไทระ สกีรีสอร์ท โดยการนั่งรถใช้เวลาอีกชั่วโมงเศษ 

สำหรับที่พักที่จองไว้ช่วงระหว่างที่เราไปเล่นสกีเป็นที่พักแบบที่เรียกว่า “เรียวกัง” ซึ่งเป็นที่พักแบบที่ผมกับกันต์เคยพักมาแล้วทั้งคู่ แล้วก็ชอบเหมือนกัน เรียวกังเป็นที่พักแบบเรียบง่ายได้บรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม ประตูห้องพักเป็นประตูเลื่อน เฟอร์นิเจอร์ในห้องมีเพียงโต๊ะเตี้ย ๆ ตัวเดียว มีเบาะรองนั่งวางไว้ให้นั่งรอบ ๆ โต๊ะเตี้ย ๆ มีผ้าห่มหนา ๆ คลุมโต๊ะ ให้เหยียดขาลงไปใต้ผ้าห่ม เพราะมีความอบอุ่นอยู่ใต้โต๊ะที่เกิดจากเตาไฟฟ้า นอกระเบียงมีโต๊ะเล็ก ๆ อีก 1 ตัวกับเก้าอี้ 2 ตัววางไว้ให้ ฝาผนังห้องประดับด้วยภาพแขวนผนังที่วาดด้วยพู่กัน ส่วนที่นอน หมอน ผ้าห่ม ถูกเก็บไว้ในตู้ลึกติดผนังและมีบริการปูที่นอนให้ในเวลาค่ำหลังอาหารมื้อเย็น สุดท้ายที่ผมชอบที่สุด คือชุดผ้าฝ้ายที่เรียกว่า ยูคะตะ ไว้ให้สวมเวลาอยู่ในห้อง


พอไปถึงที่พักก็ไม่ได้ทำอะไรกันมากครับ เก็บของในห้องแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปสกีกันทันที ไม่มีพักอะไรทั้งนั้น ออกแนวฟิตกันทั้งคู่ เห็นหิมะนี่แทบกระโดดเข้าใส่ ออกจากสกีรีสอร์ทก็ตรงไปที่สนามสกี ขึ้นกระเช้าไปสกีกันทันที


(http://image.dek-d.com/25/2431477/109195957)


เรากลับออกมาจากลานสกีอีกทีก็ประมาณสี่โมงเย็นครับ เล่นกันไปสองชั่วโมงเต็ม ขากลับแทบจะต้องลากกันกลับเลยทีเดียว เดินแทบไม่ไปหรือจะบอกว่าเดินแทบไม่เป็นเลยก็ได้ ล้าสุด ๆ ชนิดที่ต้องผลัดกันดันหลังให้เดิน มันก้าวไม่ออกจริง ๆ แต่อย่าคิดว่าพรุ่งนี้จะไม่ต่อนะครับ บ่ายโมงพร้อมที่ลานสกี ที่ไม่ไปตอนเช้าเพราะตอนเช้าจะไปเที่ยวที่อื่นก่อน ถึงจะบอกว่าล้า แต่ของแบบนี้มันต้องซ้ำ ไว้ไปเที่ยวแบบเบา ๆ ที่โตเกียว

สำหรับสกีวันนี้กันต์ทำผมอึ้งอีกแล้วครับ ที่กันต์บอกผมว่าชอบเล่น เล่นเป็น ไอ้ผมก็นึกว่าจะเป็นแบบธรรมดา สกีได้ไม่ล้ม ที่ไหนได้เล่นแบบโปรชัดๆ สกีเทพมาก มีการหันมาบอก สโนว์บอร์ดก็เล่นได้นะ ทำเอาผมมองตามหน้าเหวอ เก่งไปแล้วแฟนใครวะ พรุ่งนี้เลยตกลงว่าจะขึ้นไปคอร์สที่ชันขึ้น ผมเองก็พอไปได้ครับ ลีลาไม่โปรเท่ากันต์ แต่ไม่ล้มหน้าทิ่มให้ขายหน้า


…………………………………………
……………………………
…………….



“ไปแช่น้ำกัน” กันต์ในชุดยูคาตะเช่นเดียวกันกับผมเดินเข้ามาเรียกจากทางด้านหลัง ขณะที่ผมกำลังรื้อของออกจากกระเป๋า ผลัดกันครับ ขามากันต์เป็นคนเก็บของลงกระเป๋า พอมาถึงผมเลยเป็นคนเอาออกจากกระเป๋า ที่จริงก็ไม่ได้รื้ออะไรออกมามาก แค่ชั้นในกับของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย เพราะอยู่ที่พักก็ใส่กันแต่ยูคาตะ

“กินข้าวก่อน ดึก ๆ ค่อยไป” ผมหันไปตอบกันต์ แต่ดูสีหน้ากันต์ก็รู้แล้วว่า “ไม่ยอม” มาชวนผม ถึงผมไม่ไปกันต์ก็ไปเองอยู่ดี แต่งานนี้ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ให้กันต์ไปแน่ ๆ

“ไปตอนนี้ก่อน กินข้าวแล้วค่อยไปอีกรอบ” กันต์ตอบกลับมา ส่วนผมยังนั่งหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเหมือนเดิมไม่ยอมขยับตัวลุกไปตามคำชวน

.
.
.


กันต์นี่ก็ตามสูตรเป๊ะจริง ๆ คือเวลาที่เรามาพักในที่พักแบบเรียวกัง ที่มีบริการบ่อน้ำพุร้อน โดยปกติจะเริ่มจากการอาบน้ำก่อนมื้อเย็น ซึ่งเป็นอาหารแบบญี่ปุ่นแท้เต็มรูปแบบ และจะอาบน้ำกันอีกครั้งก่อนเข้านอน และก่อนมื้อเช้าในวันรุ่งขึ้น กันต์เขาก็ทำตามนั้นเป๊ะ เป๊ะตลอดล่ะครับคนนี้

ส่วนการใช้บริการบ่อน้ำพุร้อน ก่อนจะลงไปร่วมอาบน้ำร้อนธรรมชาติในบ่อ รวมกับคนอื่น ๆ จะต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดในห้องโถงก่อนถึงที่อาบน้ำ โดยวางเสื้อผ้าไว้ในตะกร้าหวายที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ ถ้าไม่ใช่ตะกร้าก็เป็นช่องกั้นแบ่งสำหรับแต่ละคนใช้ ทางเรียวกังจะจัดผ้าเช็ดหน้าผืนยาว ไว้ให้ใช้พันร่างกายท่อนกลางเวลาลุกยืนขึ้นในห้องน้ำ นอกจากนั้นผ้าผืนนี้ยังใช้สำหรับเช็ดถูร่างกายด้วย

เริ่มแรกต้องอาบน้ำก่อน ด้วยการนั่งลงบนม้านั่งเตี้ย ๆ ตรงหน้าก๊อกน้ำคู่ร้อนและเย็น ไขน้ำใส่ลงในภาชนะให้เต็ม แล้วเทราดลงบนร่างกายจนเปียกทั่วตัว ถ้าไม่มีก๊อกน้ำก็ใช้ภาชนะนั้นจ้วงตักน้ำในบ่อน้ำร้อนขึ้นมาเทรดตัว หากมีฝักบัวก็ใช้ฝักบัวรดร่างกายจนทั่ว จากนั้นฟอกสบู่จนทั่วแล้วล้างออกให้หมด ทั้งหมดเป็นขั้นตอนที่จำเป็นก่อนลงไปในบ่อน้ำร้อน ขั้นตอนต่อไปค่อย ๆ เดินลงไปในบ่อแช่น้ำพุร้อนตามสบาย จนกว่าจะทนความร้อนไม่ไหวจึงขึ้นไปสวมเสื้อผ้า การอาบน้ำบางที่ก็เป็นห้องอาบรวม แต่จะมีแยกสัดส่วนไม่ปนกันระหว่างชายหญิง

“ถ้าอย่างนั้นกันต์ไปคนเดียว เดี๋ยวเจอกันตอนกินข้าว” กันต์บอกผมแล้วตั้งท่าจะเดินออกจากห้องบ่อน้ำพุร้อน นั่นไงล่ะ คิดไว้อยู่แล้ว ถึงผมไม่ไปกันต์ก็จะไปอยู่ดี

“ไม่เอา” ผมพูดและดึงมือกันต์ไว้ ก่อนลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากัน

แค่นึกถึงขั้นตอนการเข้าใช้บริการและนึกภาพจากที่เคยมีประสบการณ์ลงแช่น้ำพุร้อนมาก่อน ผมก็ต้องเบรกกันต์ไว้ก่อน ถึงกันต์เองจะเคยมาแล้วเหมือนกัน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนตรงที่เขามากับผม แค่ผมลองนึกภาพที่นักท่องเที่ยวที่พักที่นี่พากันไปแช่น้ำพุร้อนก่อนอาหารเย็น โดยมีเพียงผ้าผืนเดียวติดกายหรือไม่มีเลย คิดว่าผมจะปล่อยกันต์ไปไหม จะหาว่าผมหวงเว่อร์ก็ไม่สน เพราะผมหวงของผมจริง ๆ ไม่อยากให้ใครเห็นมีปัญหาอะไรไหม เอาไว้ดึก ๆ คนน้อยแล้วค่อยลงไปแช่

“นอนหลับไปก่อนก็ได้ เสร็จแล้วกลับมารับ” กันต์เปลี่ยนข้อเสนอใหม่ จากที่จะให้เป็นเจอกันที่ห้องอาหาร เป็นกันต์จะกลับมารับผมที่ห้องหลังกันต์แช่น้ำเสร็จแล้ว แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ พอกันต์พูดจบไม่ทันรอให้ผมตอบอะไรกลับไป กันต์ก็ทำท่าจะเดินออกไปอีกรอบ แต่ติดที่ผมไม่ยอมปล่อยมือ จนกันต์ต้องก้มมองไปที่มือสลับกับเงยหน้ามองผม

“ไม่เอา ค่อยไปด้วยกันทีเดียวดึก ๆ” ผมพูดซ้ำ ไม่ได้พูดเสียงดุเพื่อเป็นการบังคับให้ทำตามหรือพูดเสียงแข็งเพื่อเป็นการออกคำสั่ง แต่ใช้น้ำเสียงติดอ้อนแบบขอร้องคนฟังมากกว่า

ถึงผมบอกว่าจะไปด้วยกันตอนดึก ผมก็ตั้งใจจะพากันต์ไปใช้บ่อน้ำพุแบบ “คะชิคิริ” ซึ่งเป็นบ่ออาบแบบส่วนตัว ไม่พาไปบ่อรวมแน่ ๆ ผมทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะพาเขาไปลงบ่อรวม ถ้าจะถามว่าถ้ามีแบบนี้แล้วทำไมไม่พากันต์ไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ ตอบง่าย ๆ คือ มันเต็มครับ แอบไปเช็คมาเรียบร้อยแล้ว

“เป็นอะไร” กันต์ถามผมแบบงง ๆ แล้วมองหน้าผมไปด้วย กันต์มองหน้าผมที่ยืนเงียบไม่ยอมตอบคำถามอยู่สักพัก ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น แล้วเปลี่ยนสายตาจากที่มองผมแบบไม่เข้าใจ เป็นมองจองตาผมนิ่งอย่างกับจะมองให้ทะลุปรุโปร่ง พอเป็นแบบนี้แล้ว ผมรู้เลยว่ากันต์ต้องนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วแน่ ๆ ก็คนอย่างผมมันจะมีเหตุผลน้อยลงด้วยเรื่องสักกี่เรื่องกัน คนตรงหน้าใช้เวลาไม่นานก็น่าจะนึกออกแล้ว

“อย่าบอกนะ” กันต์พูดนำมาแค่นั้น เว้นให้ผมเติมประโยคที่เหลือต่อเอาเอง ก่อนจะมองตาผมนิ่งเหมือนจะมองให้ลึกลงไปถึงไหนต่อไหน มองกันแบบนี้ถ้าผมเป็นน้ำแข็งคงละลายกลายเป็นน้ำเจิ่งอยู่กับพื้นไปเป็นที่เรียบร้อย

“ถูกต้องครับ คนเก่ง อย่างที่คิดนั่นแหละ” ผมบอกกันต์ พร้อมกับเก็บรอยยิ้มไว้ไม่มิด ที่ยิ้มไม่ใช้อะไร เห็นกันต์กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อสรรหาคำพูดสักคำมาใช้กับผม ผมมองแล้วก็ขำครับ ลองเริ่มมาอย่างนี้ ผมมั่นใจว่ากันต์ต้องรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ และก่อนที่จะได้ยินสิ่งที่กันต์จะพูดต่อไป ผมก็คิดประโยคนั้นไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว มองหน้าก็รู้


ห้า


สี่


สาม


สอง


หนึ่ง
.
.
.

“ไอ้ บะ”

“บ้า” ผมต่อให้เอง โธ่ มันจะมีคำสักกี่คำกันที่กันต์ชอบใช้ว่าผม

“อะ ไอ้” กันต์ทำท่าฟึดฟัดเหมือนอยากจะพูดอะไร จะว่าอะไรผมแต่สรรหาคำมาพูดไม่ถูก หันหน้าหันหลังเหมือนจะมองหาทางไป แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน ในเมื่อห้องมันก็เป็นสี่เหลี่ยมแค่นี้ ไม่มีมุมให้หลบไปไหน นอกจากออกไปนอกห้องหรือระเบียง แล้วผมจับมือเขาอยู่แบบนี้จะไปไหนคงไม่ได้ กันต์จะดึงออกผมก็ไม่ให้ดึง จับไว้แบบนี้แหละจะไปไหนได้

“คิดได้ไงฮะ” เมื่อไม่รู้จะไปทางไหนดี กันต์เลยหันกลับมาพูดกับผมต่อ

“ก็คิดเหมือนทุกทีนั่นแหละ ไม่ได้คิดใหม่” ผมตอบ

“มันก็มีเหมือน ๆ กัน ใครเขาจะมาสนใจฮะ” กันต์พยายามแย้ง

“ก็รู้ แต่ไม่อยากให้ไปนิ” ผมพูดบ้าง กับคนนี้ยังไงก็ห้ามใช้วิธีออกคำสั่งครับ ถ้าขืนทำอย่างนั้นรับรองได้ว่ากี่นาทีให้หลัง กันต์จะลงไปอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนเรียบร้อย

กันต์ไม่ใช่คนมีนิสัยชอบประชดประชันนะครับ แต่ไม่ชอบให้ออกคำสั่งหรือบังคับให้ต้องทำตามแค่นั้นเอง ผมลองผิดลองถูกมาหมดแล้ว ถึงขั้นทะเลาะกันก็มี  ถึงได้รู้ว่าจะพูดกับกันต์ยังไงให้เขายอม อย่างกันต์ต้องอาศัยลูกอ้อนเท่านั้น ใช่ว่าจะมีแต่ผมฝ่ายเดียวที่แพ้ลูกอ้อนของกันต์ กันต์เองก็ปฏิเสธเวลาผมอ้อนไม่ได้เหมือนกัน แต่ก่อนจะยอมไม่ใช่ง่าย ๆ เหมือนอย่างที่ผมยอมเขาหรอก

เมื่อก่อนเราสองคนเคยคิดไม่ตรงกันระหว่างไอ้เรื่องหึงกับหวงกันนี่ ทำเอาเราต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจให้ตรงกันอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว กันต์หึงเป็นนะครับ  แต่จะไม่หวง ยิ่งกับเรื่องที่มันธรรมดามาก ๆ อย่างใส่กางเกงว่ายน้ำลงสระ ใส่กางเกงตัวเดียวเดินริมทะเล หรือแม้กระทั่งมีผ้าผืนเล็ก ๆ ผืนเดียวติดกายลงแช่น้ำพุร้อน ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดนี่มันก็เคยเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผมเหมือนกัน แต่มันจะกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดาถ้าเป็นกันต์ทำแล้วผมรับรู้หรืออยู่ในสายตาผม ก็ผมหวงของผมนี่ ถึงกันต์จะชอบพูดว่ามองก็เอาไปไม่ได้ก็ตามที แต่ยังไงผมก็ไม่ชอบอยู่ดี

“เออ ไม่ไปก็ได้ กลับไปซื้อ 4S ให้ด้วยแล้วกัน” กันต์พูด แล้วอาศัยช่วงที่ผมยืนอึ้งดึงมือออกจากมือผม และหมุนตัวเดินกลับไปนั่งเท้าคางกับโต๊ะกลางห้องมองตรงมาที่ผมเหมือนกำลังรอคำตอบ มีใช้นิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะอีกต่างหาก กดดันกันดีเหลือเกิน มาแบบนี้ไม่ให้ได้ไหมล่ะครับ

“เดี๋ยวนี้มีข้อแลกเปลี่ยน” ผมพูดลอย ๆ แล้วหันหลังหนี นั่งลงเอาของออกจากกระเป๋าต่อ

“เจอกันมื้อเย็น ไปล่ะ” อ้าว เฮ้ย ไหงเป็นงั้น เดี๋ยวนี้มีพัฒนาการไปอีกรูปแบบแล้ว   

“โอเค ๆ 4S แถมเคสให้อีกห้าอันเลยเอ้า” ผมพูด เชื่อเขาเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนแค่ว่าผมแล้วก็จบ ไม่ให้ไป ก็ไม่ไป ไหงตอนนี้หัดมีข้อแลกเปลี่ยน เป็นดาราต้องเสียค่าจ้างให้ถอดเสื้อ แต่กับคนนี้ผมต้องเสียค่าจ้างให้เขาอย่าถอดเสื้อ สงสัยวางแผนไปเที่ยวคราวหน้าผมต้องปรับแผนใหม่ หลีกเลี่ยงทุกสถานที่ที่มันต้องถอด วงเล็บว่าเฉพาะการถอดต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ผม

“สู้ไม่ได้เลย” ผมพูดแบบลอย ๆ

“อะไร” เสียงนิ่ง ลอยมาทันทีเลย

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไรนิ” ผมพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่นทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่แอบเหล่หางตามองเขาอยู่ เลยเห็นกันต์มองมาทางผมแบบคาดโทษแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ



……………………………………………….……….



“มาถูหลังให้” ผมเรียกให้กันต์หันหลังมาหาผมตอนที่กำลังอาบน้ำ ก่อนลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อน อยู่ในห้องส่วนตัวแบบนี้ค่อยยังชั่ว ก็ดูตัวแฟนผมสิ ถอดเสื้อมาเจอขาวอย่างกับหยวก พอเข้ามาเจอไอร้อนเข้าหน่อยผิวก็แดง ชวนมองน้อยอยู่เมื่อไหร่ ถ้าพาไปอาบแดดให้ผิวแทนขึ้นหน่อย ก็น่ามองใช่เล่นอยู่เหมือนกัน

“เจ็บหรือเปล่า” ผมถามเมื่อเริ่มใช้ผ้าขนหนูถูหลังให้กันต์

“หึ” กันต์ส่งเสียงตอบกลับมาสั้น ๆ แล้วบิดคอไปมาเพื่อคลายเส้น

“หันกลับมาหน่อย” ผมเรียกให้กันต์หันกลับมาเมื่อขัดหลังให้แล้ว พอกันต์หันกลับมาผมก็จับแขนเขาขึ้นมาขัดผิวให้ต่อที่ละข้างจนครบทั้งสองข้าง

“ยืดขามา” ผมบอก พอได้ยินที่ผมบอกกันต์ก็ทำท่าลังเลนิดหน่อย แต่พอผมยื่นมาไปจับขากันต์ กันต์ถึงได้ยอมยืดขาออกมา ผมค่อย ๆ ใช้ผ้าขัดผิวที่ขาเขาให้ทีละข้างจนเสร็จก็ตักน้ำมาราดตัวให้ เตรียมตัวลงไปแช่น้ำพุร้อนกันได้สักที

“เสร็จแล้ว” ผมบอกกันต์

“หันหลังมา เดี๋ยวขัดให้” กันต์ไม่ยอมลุก แต่บอกให้ผมหันหลังไปให้แทน

“ไม่ต้องหรอก”

“เออน่า บอกให้หันมาก็หันมา” อย่าได้หือเลยจริง ๆ ให้ตาย

“เจ็บหรือเปล่า” กันต์ถามกลับมาแบบเดียวกันกับที่ผมถามเขา เมื่อเขาเริ่มใช้ผ้าขนหนูถูหลังให้ผม

“หึ” ผมส่งคำตอบแบบเดียวกันกลับไป พอเสร็จจากหลัง กันต์ก็ทำในแบบเดียวกันกับที่ผมทำให้เขาทุกอย่าง

“ป่ะ” กันต์พูดชวนผมสั้น ๆ ให้ไปลงแช่น้ำพุร้อน หลังจากตักน้ำราดตัวผมเป็นที่เรียบร้อย

ระหว่างนั่งแช่น้ำก็คุยกันถึงวันพรุ่งนี้ว่าตอนเช้าจะไปไหน คุยไปผมก็จับกันต์มานั่งข้างหน้าผม แล้วนวดไหล่ให้เขาไป พอผมนวดไปได้สักพัก กันต์ก็มาแลกสลับที่กับผม แล้วเป็นฝ่ายนวดให้ผมบ้าง ก็แช่กันอยู่สักครึ่งชั่วโมงก็พากันต์ขึ้นจากน้ำครับ เพราะสีผิวแทบจะไม่ต่างจากกุ้งโดนต้มจนสุก กลัวว่าปล่อยให้แช่นานกว่านี้กันต์จะสุกไปจริง ๆ


…………………………………………
……………………………
…………….



เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปเที่ยวหมู่บ้านสึมาโกะ เป็นหมู่บ้านซึ่งในอดีตใช้เป็นที่พักระหว่างการเดินทางจากเกียวโตและโตเกียว เป็นหมู่บ้านที่อนุรักษ์ถนน บ้าน หรือบรรยากาศ เลยคงกลิ่นอายความเป็นหมู่บ้านโบราณไว้ได้อย่างดี ทำอาผมลืมครั้งก่อนที่ไปทาคายาม่าเลย เพราะที่นี่ดูไม่ปรุงแต่ง ดูสดและอนุรักษ์มากกว่า บรรยากาศแบบโอท็อป สบายๆ ถึงแม้บริเวณไม่กว้าง แต่สามารถอยู่ได้หลายชั่วโมงสบาย ๆ เลยทีเดียว

ระหว่างที่กำลังเดินดูสองข้างทางไปเรื่อย ๆ กันต์ก็มาดึงแขนผมให้ตามไปที่ร้านขายพวงกุญแจครับ มีพวงกุญแจร้อยเป็นพวงแขวนอยู่เต็มหน้าร้านไปหมด แต่ละแบบล้วนแต่สีสันฉูดฉาดทั้งนั้น


(http://image.dek-d.com/25/2431477/109195954)


“จะซื้อไปฝากที่ออฟฟิศ”

“เอาสิ” ผมตอบรับ แล้วเดินเข้าไปช่วยเขาเลือกพวงกุญแจตุ๊กตาหมีที่เย็บจากผ้าลายดอกซากุระห้อยด้วยเชือกถักสีสดใส เราสองคนช่วยกันเลือกมาทั้งหมดสิบสี่ตัว เท่ากับจำนวนสาวน้อยสาวใหญ่ในออฟฟิศของกันต์

“เอานี่อีกสองตัว” ผมชูพวงกุญแจที่แอบเก็บไว้ในมือสองอัน เจ้าหมีสองตัวนี้ไม่เหมือนกับที่กันต์กับผมเลือกไปก่อนหน้าเพราะสองตัวนี้เป็นสีดำ ผมเห็นว่าทั้งพวงใหญ่ที่แขวนอยู่มีสีนี้อยู่แค่สองตัวเลยแอบเก็บไว้เอง แล้วเอาออกมาที่หลัง

“เอ้ย น่ารักดี” กันต์รับพวงกุญแจหมีน้อยจากมือผมไปถือไว้เอง ก่อนจะบอกให้เจ้าของร้านคิดเงินเจ้าสองตัวนี้รวมไปด้วย แต่ให้แยกถุงที่ใส่ต่างหาก

เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันตั้งแต่สิบโมงจนถึงเที่ยง หาอะไรกินกันเรียบร้อยถึงได้เดินทางกลับ เพราะตั้งใจไว้ว่าบ่ายโมงจะกลับไปเล่นสกีกันต่อ
 
----------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 04-01-2012 01:57:14
บรรยายจนเห็นภาพ อยากไปเลย  :serius2:
 :mc3: :mc2: :mc1:
สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขมากๆ นะ
+เป็ด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 04-01-2012 08:34:20
กันต์อ่ะทำเป็นเก๊กไปงั้นแหละ เวลากรอ้อนทีไร กันต์ก็ต้องใจอ่อนทุกทีไม่ใช่เหรอ ขยันอ้อนเข้าไว้ กรสู้ๆ   
ว่าแต่...กันต์วางแผนไว้ป่ะเนี่ย รู้ๆอยู่ว่ามีแฟนขี้หวง ไม่ชอบให้โชว์เนื้อตัวให้ใครเห็น
แล้วมาทำฟอร์มจะโชว์เนื้อหนังแบบนี้ กะให้กรหวงแล้วต้องยอมตามใจอะดิ หุหุ ร้ายนะเรา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 04-01-2012 08:50:15
อิจฉาจัง อยากไปม่างงงงงงงงงงงงงงง :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 04-01-2012 12:04:00
อยากไปบ้างอะไรบ้าง
กรนี่มีของดีก็แบ่งๆกันดูซิ
555555555555555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 04-01-2012 12:20:21
น่าอิจฉานะเนี่ยได้เวลาไปหวานกันสองคน อิจฉาๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 04-01-2012 13:00:40
สองคนนี้เค้าดูแลกันดีจัง
น่ารัก :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: ladyzakura ที่ 04-01-2012 15:09:42

หวานกันไกลในแดนซากุระ อิอิ

กันต์นี่แข็งนอกอ่อนในอ่ะ กรอ้อนบ่อยๆ เลย

รออ่านต่อคร๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 04-01-2012 18:55:25
 :z1: ขัดถู ขัดถู อาบน้ำ ขัดถู ถูตัว ให้กัน
มันน่าอิจฉาจริง อะไรจริง
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวด้วยมากๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-01-2012 19:30:15
กร ดูแลเทคแคร์ กันต์ดีมากเลยอะ อิจฉาคู่นี้จังเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 04-01-2012 21:17:36
สวีตกันจนหิมะละลายแย้วววววว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 05-01-2012 03:34:39
ชอบๆๆ  หวานๆๆเเบบนี้  แต่รู้สึกอิจฉาตาร้อน  ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 06-01-2012 08:17:41
 :-[ หวานกันในต่างแดน ชอบจังเวลาเห็นคนรักกันดูแลกันแบบนี้
อบอุ่น เอาใจใส่ คิดถึงความรู้สึกของกันและกัน
เชื่อว่ากันต์เองก็เข้าใจกรที่หวงนะ อาจจะมีข้อแม้บ้าง แต่ลึกๆ แล้วก็ยอมกรแหละ
แต่ยอมง่ายๆ ก็ไม่ใช่พี่กันต์สิเนอะ ^^
ส่วนกรอย่าคิดจะต่อกรกับพี่กันต์เลย แพ้ทางเขาตลอดๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 06-01-2012 11:38:11
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ อ่านอยู่ 1 คืน
เรื่องนี้หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆ
อ่านแล้วซึ้งสุดๆ เป็นอีกรูปแบบชีวิตที่คนส่วนใหญ่ปรารถนาเลยนะเนี่ย

ขอบคุณคนเขียนมากๆ นะคะ จะติดตามอ่านต่อไปเรื่อยๆ ค่า   :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-01-2012 20:01:07
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวด้วย

หวานกันดีเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 15-01-2012 13:21:44
ที่เมนท์นี่ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรน้า แต่เห็นว่ากร-กันต์ไปญี่ปุ่นกันน๊านนาน...เลยกลัวว่าจะหาทางกลับบ้านไม่เจอ อิ อิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [1/2] p. 63 4/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 22-01-2012 00:35:56
ตอนพิเศษ Let‘s go to Japan (2/2)            

เช้าวันที่สามหลังจากกินมื้อเช้ากันแล้ว เราสองคนก็ทำตามแผนที่วางไว้คือขึ้นไปสกีกันต่อ แต่วันนี้เราจะอยู่กันแค่ครึ่งวันเช้า ส่วนช่วงบ่ายจะนั่งรถไฟกลับเข้าโตเกียวและไปเที่ยวที่นั่นกันต่อ พอนั่งรถไฟกลับมาถึงโตเกียวก็นั่งรถไฟต่ออีกเพื่อไปถึงโรงแรม เก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วออกจากโรงแรมเพื่อไปซื้อของกันที่ย่านกินซ่า ซื้อทั้งของของเราเองที่ตั้งใจมาซื้อ และของฝากคนอื่นทั้งแบบที่ตั้งใจซื้อฝากและถูกบังคับให้ซื้อไปฝากด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกเสื้อผ้ารองเท้า แต่ถ้าของฝากพวกขนม ชาเขียว อะไรที่เป็นญี่ปุ่น ๆ ไว้ไปซื้อพรุ่งนี้เช้า


.
.
.

“สีนี้”

“ไม่ใช่ อยากได้สีเข้มกว่านี้”

“สีนี้”

“ไม่ ๆ อ่อนกว่านี้อีกนิด” อ่อนกว่านี้อีกนิด อยู่ไหนหว่า ผมคิดในใจแล้วสอดส่ายสายตาหาสีของรองเท้าตามที่กันต์อยากได้

“อยากได้สีตรงกลางระหว่างสองสีนี้” กันต์พูด เมื่อมองรองเท้าที่ผมถือเพื่อเปรียบเทียบสีกันอยู่

“เดี๋ยวนะ เหมือนจะเห็นเมื่อกี้” ผมพูด แล้ววางรองเท้าทั้งสองคู่ลงบนชั้น ก่อนจะช่วยกันต์มองหาสีรองเท้าในแบบที่เขาอยากได้ให้เจอ แต่ไม่ต้องห่วงว่า ถ้าผมหาไม่เจอในร้านนี้แล้วจะต้องเดินต่ออีกหลายร้านนะครับ เพราะกันต์จะใส่รองเท้าอยู่แค่สามยี่ห้อ ถ้าในสามยี่ห้อนี้ไม่มีที่ถูกใจ กันต์จะไม่ซื้อเลย และร้านนี้เป็นร้านที่สองที่เข้ามาหลังจากร้านแรกไม่มีของที่กันต์ถูกใจ ออกจากร้านนี้จะเหลืออีกร้านเดียวที่กันต์จะเข้าไปดู

ถ้าเป็นก่อนที่จะรู้จักกันต์ผมคงมองคนแบบกันต์ว่าเรื่องเยอะต้องระบุว่าเป็นยี่ห้อนั่นยี่ห้อนี้เท่านั้น แต่พอมามองกันจริงๆ ผมว่าเป็นนิสัยแบบกันต์กลับเป็นอะไรที่ไม่วุ่นวายด้วยซ้ำ มีให้เลือกแค่สามยี่ห้อนี้ ถ้าไม่มีที่ถูกใจก็ไม่ต้องซื้อมันเลย ใช้ของที่มีอยู่ไป ไว้มีที่ถูกใจค่อยซื้อ ไม่ใช้ประเภทที่บอกว่าอยากได้รองเท้าสีน้ำตาล แล้วต้องเดินมันทุกร้านเพื่อหาแบบและสีที่ถูกใจจนเจอ กันต์ไม่เชิงว่าเป็นคนที่ยึดติดกับยี่ห้อเสียทีเดียว แต่จะเป็นคนที่ถ้าอะไรใช้ดีก็จะใช้อยู่แต่อย่างนั้นมากกว่า จะไม่เสียเวลาไปหาอะไรใหม่ ๆ เขาบอกว่า เดี๋ยวมันก็ทำแบบใหม่ออกมาเอง 

“สีนี้” ผมหยิบรองเท้าคู่ที่สามออกมาจากชั้น แล้วเรียกให้กันต์ซึ่งกำลังดูรองเท้าจากชั้นอีกฝั่งหันมาดู

“อืม ๆ ใช่ สีนี้แหละ” ในที่สุดกันต์ก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการครับ ส่วนผมเจอคู่ที่อยากได้ตั้งแต่เข้ามาที่ร้านไม่ถึงห้านาที ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนเรื่องน้อยหรืออะไร แต่ผมใส่รองเท้าสีดำเป็นส่วนใหญ่ เลยมองหาง่ายหน่อย แต่หลัง ๆ ก็เริ่มมีรองเท้าสีอื่นเข้ามาในตู้บ้างเหมือนกันต์ เห็นกันต์ใส่แล้วก็สวยดี เลยซื้อมาใส่บ้าง หรือถ้าผมไม่ซื้อเอง กันต์ก็เป็นคนซื้อมาให้

“จะซื้ออะไรให้รัก” กันต์หันมาถามหลังจากรับถุงใส่รองเท้ามาจากพนักงานแล้ว สำหรับของของเราที่จะมาซื้อก็มีแค่นี้แหละครับ ที่เหลือก็เป็นของคนอื่น แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่คนอื่นซะทีเดียวหรอก ของพี่ ๆ น้อง ๆ ที่สนิทกันทั้งนั้น สนิทจนอยากจะเลิกสนิทก็งานนี้ และสำหรับย่านกินซ่าถ้าใครมาที่นี่เพื่อจะสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นคงต้องผิดหวังหรือจะบอกว่ามาผิดที่ก็ได้ เพราะถ้ามากินซ่าจะได้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่แถบยุโรปมากกว่า

“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวเดินดูก่อน เจออะไรน่าสนใจก็ซื้อ แล้วของชิน จะซื้อที่ไหน”

“ซื้อที่นี่แหละ เมื่อกี้เห็นอยู่ร้านนึง ว่าจะลองเข้าไปดู”

“ไปสิ เผื่อจะซื้อไปให้ไอ้เปี๊ยกมันด้วย” ผมพูด เห็นว่ารักเองก็ใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกันกับชิน ถ้าเจอเคสสวยๆ จะได้ซื้อไปฝากมัน


(http://image.dek-d.com/25/2431477/109331133)

เราสองคนซื้อของเสร็จภายในเวลาแค่ชั่วโมงเศษ พอดูเวลาแล้วยังมีเวลาอีกเหลือเฟือให้ไปที่อื่นต่อ กันต์เลยชวนผมขึ้นรถไฟไปที่รปปงงิเพื่อจะไปยังจุดหมายปลายทางคือ โตเกียวทาวน์เวอร์ แต่ก่อนไปถึงโตเกียวทาวน์เวอร์ก็หามื้อเย็นกินกันที่รปปงงิก่อน พอจบมื้อเย็นก็ได้เวลาออกเดินตามแผนที่ในมือเพื่อไปให้ถึงโตเกียวทาวน์เวอร์


.
.
.

อันที่จริงโตเกียวทาวน์เวอร์ถือเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งในการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว และเท่าที่ผมรู้มาจะมีวัดที่อยู่ใกล้ ๆ กันนี้ ซึ่งพอถึงวันสิ้นปีจะมีคนมาต่อคิวตั้งแต่หกโมงเย็น เพื่อรอรับลูกโป่งที่ทางวัดแจกมาเขียนขอพร แล้วปล่อยพร้อมกันเมื่อเข้าสู่วันใหม่ แต่สำหรับวันสุดท้ายของปีเรามีแผนอื่นกันแล้ว 

แล้วโตเกียวทาวเวอร์ ก็ทำเอาเมื่อยขา เพราะดูแผนที่จากรปปงงิ มันไม่น่าไกลมากเลยเดิน แต่พอเดินจริงโคตรไกล ตอนแรกเห็นอยู่ นึกว่าใกล้

"เฮ้ย โตเกียวทาวเวอร์หายไปไหนแล้วอ่ะ" เสียงผมถามคนที่ผมจูงมือเดินอยู่ ตอนนี้ทุ่มกว่าเกือบสองทุ่มแล้วครับ แต่โตเกียวทาวน์เวอร์มันปิดสี่ทุ่มผมเลยมีเวลาเดินไปได้เรื่อย ๆ กะจากแผนที่คร่าว ๆ คงไม่ไกลจนถึงกับใช้เวลาเดินเกินครึ่งชั่วโมง แถมระหว่างทางยังไม่ค่อยมีคน ผมเลยเดินจูงมือกันต์เดินมาตลอดทาง

"ตามแผนที่ก็ถูกแล้วนิ" เสียงกันต์พูดขึ้นมาบ้าง หลังจากก้มลงมาดูแผนที่ในมือผมแล้ว

"อืม ไม่น่าผิดหรอก ถามคนญี่ปุ่นเมื่อกี้ เขาก็ว่าเดินตรงมานี่" ผมตอบบ้าง เมื่อกี้ลองถามทางคนที่เดินสวนมาดูหลังจากเดินมาไกลพอสมควร เขาก็บอกว่ามาถูกทางแล้ว และแนะนำให้เราขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่ผมก็ยังยืนยันว่าจะลองเดิน เขาเลยบอกให้เดินตรงไปอีก เดินมาถึงขนาดนี้แล้วเดินอีกหน่อยจะเป็นไร แล้วอีกอย่างผมถือว่ามันเป็นโอกาสหนึ่งที่ผมกับกันต์จะมาทำอะไรร่วมกันแบบนี้ จะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่ผมกับกันต์จะมาเดินจูงมือกันเดินได้แบบนี้
 
“กรมีความตั้งใจอย่างนึงนะ” ผมพูดขึ้นมาระหว่างที่เดินไปเรื่อย ๆ

“ตั้งใจว่า”

“เราจะไปเที่ยวที่ใหม่ๆ กันทุกปี”

“อื้อ แล้วคราวหน้าอยากไปไหน” กันต์ถามผมกลับมา

“ไปแบบสมบุกสมบันหน่อยดีไหม แก่แล้วไปไม่ไหว”

“อายุเพิ่งยี่สิบกว่า คิดไปถึงตอนแก่” กันต์พูดกลับมาขำๆ แล้วจับมือผมข้างที่เราจับมือกันเดินยกขึ้น มาเขกหัวผมเบา ๆ ก่อนหัวเราะ

“แล้วมันจริงไหมล่ะ แก่แล้วเราจะไปปีนเขา ดำน้ำ ไปอยู่กลางทะเลทราย ขับรถไกล ๆ หรือเดินไกล ๆ ไหวได้ไง เดินมาแค่นี้ยังเริ่มเมื่อย” ผมพูดต่อ

“อ่อน” กันต์หันมาพูดสั้น ๆ คำเดียวใส่หูผม พอได้ยินที่กันต์พูดผมเลยจับมือเขาทำแบบเดียวกันกับที่เขาทำกับผม แต่กันต์เอียงตัวหลบทัน

“หนีหรอฮะ ว่าใครอ่อนพูดผิดพูดใหม่” ผมพูด แล้วปล่อยมือจากเขา เปลี่ยนเป็นใช้แขนพาดไหล่แล้วดึงเขามาหาตัวแทน

“หึหึ ไม่อ่อนก็ไม่อ่อน แล้วคิดจะไปไหน มีทะเลทราย” กันต์ถามแล้วหลิ่วตามองผมที่ยังกอดคอเขาเดิน

“ก็พิสูจน์มาแล้วนิว่าไม่อ่อน คืนนี้จะให้พิสูจน์อีกก็ได้นะ”

“ไม่ต้องนอกเรื่อง” กันต์พูดเบรกผมก่อนที่ผมจะพาออกนอกเรื่องไปไกล แหม เรื่องแบบนี้มันจะให้หยามกันได้ยังไง

“พูดเผื่อไว้เฉย ๆ ไง แต่อยากลองไปดูสักครั้งเหมือนกัน” ผมพูดกลับเข้าเรื่องเดิม

“ออสเตรเลีย”

“อียิปต์” ผมเฉลย

“พูดเป็นเล่น” กันต์ส่งสายตามาถามว่าผมจะเอาจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า

“ถ้าชวนไปจะไปหรือเปล่า”

“ลองดู” กันต์ตอบสั้น ๆ เห็นกันต์เนี้ยบ ๆ แบบนี้ก็ขาลุยอยู่เหมือนกัน ผมเห็นรูปที่เขาเคยไปเที่ยวกับครอบครัวหรือกับเพื่อน ๆ

“งั้นกลางปีเลยเป็นไง”

“ดูวันหยุดก่อน”

“ตกลงจะไปจริง” ผมถามย้ำ

“แล้วอยากไปหรือเปล่า อยากไปก็ไป” กันต์พูดแล้วยักไหล่น้อย ๆ เหมือนจะบอกผมว่า ไม่เห็นจะเรื่องใหญ่นิ อยากไปก็ไป

“ไว้ค่อยคุยกันอีกที ขอไปหาข้อมูลก่อน แล้วกันต์ล่ะ ปีหน้าอยากทำอะไร” ผมถามกันต์กลับบ้าง หลังจากเล่าความตั้งใจของผมให้เขาฟังแล้ว

“ก็ไม่อะไรมาก แค่ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันมากกว่า อยากทำให้หนังสือขายดีขึ้น บริษัทฯ โตขึ้น ทีมงานมีไอเดียใหม่ ๆ ไม่ขาด ชีวิตดี ครอบครัวดี แค่นี้ก็พอ”

“อืม” ผมตอบรับ

“แล้วทำไมถึงอยากไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ทุกปี”

“ทำอะไรด้วยกันครั้งแรกมันตื่นเต้นดีออก เปลี่ยนที่ไปเรื่อย ๆ มันจะได้รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกของเราทุกครั้ง กันต์คิดว่าไง”

“ก็ดี กว่าจะแก่ คงได้ไปกันทั่วโลก ถ้าไม่โดนสิงโตที่แอฟริกาคาบไปกินเสียก่อน”

“ก็ว่าไปนั่น” ผมพูดตอบ ก่อนที่เราจะพากันยิ้มไปด้วยกัน

.
.
.
   

“เดินเล่นอยู่ข้างล่างก็พอมั้ง หรือจะเดินขึ้นไป” กันต์หันมาถาม เมื่อเราพากันเดิน เดิน เดิน มาจนเห็นยอดโตเกียวทาวน์เวอร์ เห็นแล้วค่อยใจชื้นหน่อย

“อืม เดินข้างล่างก็พอแล้วล่ะ” ผมตอบตกลง

เราพากันเดินไปให้ถึงใต้ฐานโครงเหล็กยักษ์สูง 333 เมตร แล้วด้วยความที่กว่าจะเดินมาถึงก็ล่วงเวลาเข้าไปเกือบสามทุ่มบรรยากาศใต้แสงเงายามค่ำคืน จึงเงียบสงบกว่าที่คิด ต่างจากเวลากลางวันที่ผมเคยมาอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นอยู่บ้างประปราย บ้างก็มาถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก แต่บรรยากาศแบบนี้แหละเป็นบรรยากาศในแบบที่ผมอยากได้ ไม่ได้เป็นบรรยากาศที่สดใส แต่เป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกสงบและสบาย

“พรุ่งนี้จะเดินกันไว้ไหมเนี่ย” ผมพูดขึ้นมาระหว่างที่เราพากันเดินเอื่อยไปเรื่อย ๆ พร้อมกระชับมือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้น ด้วยอุณหภูมิที่ลดลงอย่างช้า ๆ ตามเวลา

“นั่นสิ แต่พรุ่งนี้ออกสายหน่อยก็ได้ นั่งรถไฟไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว”

“อืม”


...........................................................

........................................

..........................




เช้าวันสุดท้ายของปีเราออกเดินทางโดยรถไฟอีกครั้ง เพียงแค่นั่งรถไฟออกไปจากใจกลางเมืองไม่เกินชั่วโมงก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามย่านชานเมืองรอบ ๆ โตเกียว ที่เที่ยวซึ่งไม่มีอยู่ในหนังสือนำเที่ยว แต่จะพบกับมุมมองที่แตกต่างไปจากแหล่งท่องเที่ยวปกติที่นักท่องเที่ยวเขาไปกัน นั่นคือสิ่งที่เราได้รับคำแนะนำมา ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางมาตามคำแนะนำนั้น


อันที่จริงเราวางแผนไว้ว่าวันนี้จะไปเดินเล่นที่ชิบูยา หรือชินจูกุ ซึ่งเป็นแหล่งที่ใครมาญี่ปุ่นก็ต้องเดินทางไป แต่เมื่อวานตอนที่เล่นสกีบังเอิญพบกับคนไทยที่มาอยู่ที่นี่ เขาเลยแนะนำให้เรานั่งรถไฟออกไปเที่ยวที่ชิโมกิทาซาว่า ถ้าผมจำชื่อไม่ผิด ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกหรือเปล่าเพราะผมเองก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก เขาบอกว่าถ้าผมไปที่นี่จะได้พบกับหลายบรรยากาศ ตั้งแต่บรรยากาศของร้านขายของชำแบบเก่า ซึ่งร้านเหล่านี้ในแหล่งอื่นเปลี่ยนไปเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ร้านแถบนี้ยังคงสภาพเดิมเอาไว้ ซึ่งเป็นที่ ๆ หลายคนแสวงหา และถัดมาไม่กี่ก้าวในอีกมุมหนึ่งก็จะเป็นถนนที่เต็มไปด้วยวัยรุ่น

เมื่อมาตามคำแนะนำจนถึงสถานที่จริง ต้องบอกเลยว่าเราสองคนไม่ผิดหวังเลยสักนิด แต่ที่สุดท้ายที่ผมกับกันต์เลือกเดินเล่นก่อนถึงเวลาส่งท้ายปี กลับเป็นถนนสายที่ผู้คนพลุกพล่านและเต็มไปด้วยสีสันอย่างชิบูยา ถึงจะเป็นถนนสายสุดท้ายที่เราสองคนเลือกเดินด้วยกันของวันนี้ แต่ไม่ใช่สถานที่ที่เราเลือกใช้ส่งท้ายปี


(http://image.dek-d.com/25/2431477/109331131)

ส่วนสถานที่ที่เราวางแผนที่จะไปในวันพรุ่งนี้คือ วัดอาซากุซะ ตอนแรกก็คุยกันว่าคนน่าจะเยอะ เราจะไปหรือไม่ไปดี แต่สุดท้ายก็สรุปกันได้ว่า ไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็น่าจะลองทำอย่างที่คนญี่ปุ่นเขาทำกันดู กันต์บอกผมว่าจะออกเช้าหน่อย แต่สำหรับผม ผมคาดว่ากว่าเราจะได้ไปกันจริง ๆ คงเป็นช่วงบ่ายมากกว่า

 
…………………………………………………

.................................................



“กร เอาออก”

“อีกรอบนะ”

“เปลี่ยนก่อน” กันต์พูด พร้อมกับยกมือขึ้นมาดันที่หน้าท้องผม

“ไม่บอกก็ทำอยู่แล้วน่า อย่าใจร้อนดิ”

“ใคร อ้ะ อื้อ”

“อย่าร้องแบบนั้น ถ้าทนไม่ได้หันไปทำแบบไม่ได้ใส่ อย่ามาโทษนะ”

“ไอ้”

“หมดแล้ว” ผมหันหลังไปบอกคนที่นอนนิ่งอยู่บนที่นอน พร้อมชูกล่องเล็ก ๆ ในมือ และทำท่าเทของออกจากกล่อง แต่ไม่มีอะไรร่วงออกมาจากกล่อง

“หมดก็พอ” เสียงกันต์ตอบกลับมาเนือย ๆ แล้วพลิกตัวตะแคงซบหน้าลงกับหมอนนุ่มสีขาวสะอาด

“ไม่ต้องใช้” ผมโยนกล่องลงทีเดิม แล้วก้มลงไปจูบขมับคนที่นอนอยู่ ก่อนพูดเบา ๆ ใส่หูเขา

“ไม่” กันต์ตอบเสียงห้วน แล้วขยับจะพลิกตัวหนี แต่ติดที่ผมยืนแขนคร่อมตัวเขาเพื่อปิดทางไว้ได้ก่อน

“นะ” ผมส่งเสียงอ้อนกันต์

“ไม่” กันต์ตอบเสียงห้วนเหมือนเดิม พอพลิกตัวหนีผมไม่ได้ เขาเลยทำแค่หันหน้าไปอีกด้านแทน

“จะเอา”

“ไม่” กันต์หันหน้ากลับมาตอบ แล้วยกมือขึ้นมาดันหน้าผมที่ก้มลงไปนัวเนียอยู่กับซอกคอเขา ก่อนจะไล่ขึ้นมาจนถึงริมฝีปาก

“น่า” ผมพูด ก่อนจะใช้ริมฝีปากปิดกั้นเสียงของกรไว้ไม่ให้ลอดออกมา

“กร” กันต์เรียกชื่อผมเสียงห้วน เมื่อผละหนีจากริมฝีปากผมได้สำเร็จ

“น่านะ นะ”

“ออกไปซื้อ”

“เฮ้ย นี่มันตีสี่แล้วนะ”

“เออ ตีสี่ งั้นก็นอน ทำอย่างกับไปตายอดตายอยากมะ...”

“อื้อ อ๊ะ... เอาออกไป” กันต์สะดุ้ง มือหนึ่งยกมาดันที่หน้าท้องผม อีกมือก็ยกดันไหล่ ไม่ให้โถมตัวลงไปมากกว่าเดิม เมื่อผมแทรกเข้าไปในตัวเขาแบบไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว

“เจ็บ อื้อ ไอ้บ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“อย่าเกร็งนะ” ผมพูด แล้วก้มลงไปจูบขมับเขาเบา ๆ

“ถ้าพรุ่งนี้ไปไหน ไม่ได้นะ อ๊ะ”

.
.
.


นั่นแหละครับ แล้วแผนการเดินทางในวันแรกของปีของเราสองคนก็เริ่มขึ้นตอนบ่ายสองโมง

___________________________________
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: paradoxxx ที่ 22-01-2012 01:12:17

อ่านมาเรื่อยๆ
ตอนท้ายนี้แบบ เอาใจไปเลยอะ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 22-01-2012 01:19:09
 อ๊ายยย ตอนท้ายๆนี่มันอะไร :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 22-01-2012 02:20:22
 :oo1:   o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-01-2012 08:34:44
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปเที่ยวได้หลายครั้ง 

ว่าแต่คู่นี้เขามาเที่ยวหรือมาฮันนูมูนกันอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 22-01-2012 09:07:57
กร นี่หื่นตัวพ่อเลยนะ  555555555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: eern ที่ 22-01-2012 09:18:58
 :o8:ตอนสดท้ายนี้เอาใจสุดๆไปเลยชอบคู่นี้เค้าน่ารักดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 22-01-2012 10:34:00
 :m25: :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 22-01-2012 12:28:38
อบอุ่นเหมือนเดิม
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 22-01-2012 13:07:49
ชอบเรื่องนี้มากๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 22-01-2012 13:20:38
 :o8: กรอ่ะ ไปตายอดตายอยากมาจากไหน พี่กันต์บ่นเลย
พี่กันต์บ่น แต่คนอ่านไม่บ่นนะ 555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 22-01-2012 15:28:02
กร พี่กันต์มาเที่ยวน่ะ  :o8: หื่นตัวพ่อเลยน่ะถุงยางหมดเลยสดเลยที่เดียว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 22-01-2012 15:52:06
กันต์กับกรสวีทกันตลอดเลยอะ น่ารักตลอด  :-[

แต่ตอนปิดท้ายนี่นะ  ทำให้เห็น(อีกครั้ง)ว่า กรก็ไม่ใช่เล่นๆ นะนั่น :laugh:
ดูกรเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ ถ้าไม่ได้ตามอ่านแต่แรกนี่จะนึกว่ากรกับกันต์อายุไล่ๆ กันไม่ก็กรโตกว่ากันต์ด้วยซ้ำ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 22-01-2012 16:17:41
 :-[ :-[ :-[ :-[

กลับมากี่ครั้ง ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมสำหรับคู่นี้

จะหวงหรือห่วง....ก็เพราะรักมมากนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 22-01-2012 17:21:12
น้องกรเค้าไม่อ่อนอย่างที่บอกใช่ม๊า :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 22-01-2012 18:36:09
หวานตลอดอ่ะคู่นี้
แต่ตอนสุดท้ายนี้มันอ่าร่าย :z1:
+1จ๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 22-01-2012 19:59:18
 :a5: :a5: :a5:


ฉากสุดท้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 23-01-2012 00:00:01
กรไม่ต้องพิสูจน์มากขนาดนั้นก็ได้มั้งว่า
"ไม่อ่อน"
พี่กันต์เขารู้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วล่ะ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 23-01-2012 19:59:58
ฉากสุดท้ายมาสั้นๆ ไม่ต้องบรยายเยอะ
แต่ทำจินตนาการบรรเจิด  :m25:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 25-01-2012 06:34:55
อ่านมาอ่านไปทำไม๊รู้สึกว่ากรหื่นขึ้นน้า... แต่ยังคงความหวานน้ำตาลเรียกพี่เหมือนเดิมเลย :pighaun: :pig4:

ปล.ยังรอป่านกาวน์อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-01-2012 13:22:15
ว๊ากกกกกกกกกก ตอนท้ายเรื่อง สองคนนั่นทำอะไรกันอะ มีหมดกล่องด้วยล่ะ แอร๊ยๆๆๆ อยากรู้   :o8:  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 07-02-2012 15:50:24
เมื่อเช้าตอนขับรถมาทำงาน  รถจอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆรถAudi TT สีขาว
ทำให้นึกถึงกร-กันต์ กาวน์-ป่าน เลยมาเมนท์บอกความคิดถึงจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-02-2012 20:19:02
เข้ามากด เข้ามาดัน  :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-02-2012 20:33:42
ตอนท้ายกรอ้อนน่าดูเลย  หื่นชะมัด  น่านะนะนะนะนะนะ  หุ หุ หุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Let‘s go to Japan [2/2] p. 63 22/1/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 22-02-2012 19:36:24
ตอนที่ 60 ช่วยใคร (1/2)

“พี่กร”

“เล่นอะไรวะเนี่ย” ผมโวยวายเมื่อคนที่พุ่งมาจากทางด้านหลังไม่ได้เรียกอย่างเดียว แต่พุ่งตัวเข้ามาเกาะผมจากทางด้านหลังเต็มแรงแถมยังทิ้งน้ำหนักมารั้งบ่าผมไว้จนผมแทบหงายหลัง ดีว่าตัวคนทำไม่ได้ใหญ่มาก ผมเลยแค่เซถอยหลังไปนิดหน่อย ไม่ลงไปกองกับพื้นทั้งคู่ให้เป็นจุดสนใจของชาวบ้านไปมากกว่านี้ เพราะแค่ลำพังเสียงเรียกชื่อผมที่ไม่เบานักกลางสนามบินก็ทำเอาหลายคนหันมามอง ถ้าล้มไปนี่ไม่อยากจะคิด ส่วนไอ้ตัวแสบที่กล้าทำกับผมแบบนี้มีอยู่แค่คนเดียว “ไอ้ตัวเปี๊ยก”   

“แค่นี้บ่น” ไอ้เปี๊ยกมันว่า

“อายชาวบ้านเขาบ้างเหอะ” ผมพูดตอบ นอกจากมันจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดผม มันยังมีหน้ามายักคิ้วลิ่วตากวนประสาทผมอีก

ผมไม่น่าหลงเชื่อคำพูดอ้อน ๆ ของมันจนยอมรับมันมาอยู่ที่บ้านช่วงวันหยุดเลยให้ตาย แล้วที่ว่ามันขอมาอยู่ด้วยอย่าคิดว่ามันคิดถึงพวกผมอะไรนักหนาเพราะจุดประสงค์หลักมันคงอยากมาเอาของฝากที่ผมซื้อมาฝากจากญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากกว่าเพราะตอนแรกจะส่งให้ทางไปรษณีย์แต่มันบอกจะลงมาเอาเอง และมันคงถือโอกาสลงมาเที่ยวด้วยเพราะเมื่อวานได้ยินเสียงมันลอดออกมาจากโทรศัพท์ตอนคุยกับกันต์ แว่ว ๆ เหมือนจะพูดถึงหัวหิน กันต์เองก็งุบงิบคุยกับมันสองคน หัดมีความลับนะ ส่วนผมนอกจากจะเสียตังค์ซื้อของฝากมันแล้ว ยังต้องถ่อมารับมันถึงสนามบินอีก แต่จะว่าไปผมก็ดีใจอยู่นิด ๆ นะที่ไอ้เปี๊ยกมา

นึกถึงตอนที่มันเรียนพิเศษจบคอร์สแล้วกลับไปอยู่บ้าน ตอนนั้นผมก็รู้สึกโหวง ๆ อยู่เหมือนกัน คงเพราะเจอหน้ากันทุกวันเกือบสองเดือน แถมผมยังไปรับไปส่งมันไปเรียนอยู่บ่อย ๆ จากที่แรก ๆ ไม่ค่อยคุยอะไรกันมาก อีกทั้งมันยังชอบหาเรื่องมาป่วนผม แต่พอมันมีเรื่องชินเข้ามาผมกับมันเลยได้คุยกันมากขึ้น จากนั้นก็คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้มากขึ้นไปด้วย เลยรู้ว่าถึงมันจะชอบกวนประสาทไปบ้าง พูดมากไปบ้างแต่ลึก ๆ แล้วมันเป็นเด็กที่จิตใจดีคนหนึ่ง

ส่วนกันต์ชอบเรียกผมกับไอ้เปี๊ยกว่าคู่หู แต่ไม่รู้เป็นคู่หูประสาอะไร พอมีอะไรที่ต้องเลือกฝั่งมันก็เข้าข้างกันต์ตลอด แถมยังชอบคุยเออออรู้เรื่องกันอยู่สองคน ส่วนผมกับมันหัวชนกันได้ก็ตอนท้องหิวนี่แหละ พอพากันไปหาอะไรกินจนท้องอิ่มก็ทางใครทางมัน สามัคคีกันมากเฉพาะเรื่องกิน แล้วก็เวลามันมีปัญหา มีเรื่องเมื่อไหร่ล่ะเป็นวิ่งแจ้นมาเชียว ไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจดีไหมแบบนี้

“คนอุตส่าห์มาหาเพราะคิดถึง มาถึงก็บ่นเอา ๆ ขี้บ่นขึ้นนะพี่เนี่ย”

“น่าเชื่อตาย น้ำหน้าอย่างนี้” ผมย้อน ดูจากหน้ามันทะเล้นเสียขนาดนี้ใครมันจะไปเชื่อลง

“อะไรคนอุตส่าห์บอกว่าคิดถึงยังมาหาว่าโกหก” ไอ้เปี๊ยกที่มาพร้อมเป้สะพายหลังหนึ่งใบเดินอยู่ข้างผมแล้วพูดตอบกลับมาไม่ยอมหยุด

“ขอบใจมากที่ อุตส่าห์ คิดถึง” ผมพูดเน้นเสียงตรงคำว่าอุตส่าห์ให้มันได้ยินชัด ๆ เน้น ๆ

“คิดถึงอย่างเดียวก็ได้คร้าบพี่ ว่าแต่พี่กรซื้ออะไรมาฝากบ้างอ่ะ”

“ทำเป็นพูดดีนะไอ้เปี๊ยก คิดถึงของฝากก็บอ” ผมพูดแล้วยกมือขึ้นผลักหัวไอ้เปี๊ยกแบบไม่แรงนัก พอให้หายหมั่นไส้

“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่กรนี่ก็ เห็นรักเป็นคนยังไง”

“ก็เป็นแบบนี้นี่แหละ” ผมว่าแล้วผลักหัวมันไปอีกที จนมันชักจะหวาด ๆ เลยขยับตัวห่างผมไปอีกก้าว

“แล้วเมื่อไหร่พี่กรจะเลิกเรียกรักว่าไอ้เปี๊ยกสักที เรียกไอ้เปี๊ยก ๆ อยู่ได้ โคตรเชยเลย” ไอ้เปี๊ยกเดินไปบ่นไป จะว่าไปผมก็เรียกรักว่าไอ้เปี๊ยกจนติดปากไปแล้ว แทบไม่เคยเรียกชื่อมันจริง ๆ เลย

“ตัวเท่านี้จะให้เรียกว่าอะไร เรียกไอ้เปี๊ยกก็ดีแค่ไหน พี่ไม่เรียกไอ้จ้อยก็บุญแล้ว” ผมตอบกลับก็ดูหน้าดูตัวมัน ถ้ากันต์ไม่บอกก่อนที่จะเจอมัน ผมคงนึกว่ามันเป็นเด็กมอต้น ก็ดูเอาเถอะอยู่มอห้าแต่ตัวกับหน้าเท่าเด็กมอสาม

“ไม่พูดกับพี่เรื่องนี้แล้ว พูดไม่รู้เรื่อง” มันว่า ผมเลยจะยกมือขึ้นผลักมันอีกที แต่คราวนี้มันไหวตัวหลบทัน

“พี่กรนี่ชอบทำอะไรรุนแรง รักสมองเสื่อมใครจะรับผิดชอบ” เสียงไอ้เปี๊ยกบ่นอยู่ข้าง ๆ   

“พูดมากว่ะ แล้วนี่กินอะไรมายัง” ผมบ่นมัน ก่อนเปลี่ยนเรื่องเมื่อเข้ามานั่งในรถแล้ว ที่ถามเพราะเห็นว่านี่ก็บ่ายโมงนิด ๆ แล้ว ไม่แน่ใจว่ามันกินข้าวกลางวันมาก่อนหรือเปล่า

“ยัง แล้วพี่กรกินยัง”

“ยัง ก็ออกมารับตั้งแต่เที่ยงจะให้กินตอนไหน งานการก็ไม่ได้ทำต้องโดดออกมารับเนี่ย” ผมแกล้งบ่น ทั้งที่จริงบ่ายวันนี้ผมไม่ได้ทำงานเพราะนัดให้ช่างเข้ามาประกอบชั้นหนังสือใหม่ในห้องทำงาน แล้วก็ทาสีห้องใหม่ เลยออกมารับมันได้ 

“จริงป่ะพี่กร ขอโทษ ๆ” ไอ้เปี๊ยกมันหันมาทำหน้าเหรอหราแล้วรีบขอโทษผม   

“แต่ไหน ๆ พี่กรก็ไม่ได้ไปทำงานแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

“เออ แล้วจะกินอะไร”

“ไปกินเนื้อย่างกันไหม อยากกิน หรืออาหารญี่ปุ่นดี ปลาดิบก็อยากกิน” ไอ้เปี๊ยกบ่นพึมพัมของมันอยู่คนเดียวแถมทำท่าคิดหนัก

“เลือกมาร้านหนึ่งก่อนเร็ว” ผมเร่ง ก็เร่งมันไปอย่างนั้นแหละเพราะจากสนามบินไปที่ตั้งของสองร้านนี้ยังอีกตั้งไกล แล้วสองร้านที่ไอ้เปี๊ยกอยากกินมันก็อยู่ห่างกันแค่ถนนกั้นจอดรถแล้วมันอยากเข้าร้านไหน ก็เลือกเข้าได้ตามสบาย
 
“พี่จะเร่งทำไมเนี่ย ร้านมันก็อยู่ตรงข้ามกันแค่นั้น”

“ก็เร่งไปงั้น”

“พีนี่กวนว่ะ”

“มีปัญหาหรือไงไอ้จ้อย”

“ไม่มี ๆ แต่จะมีตรงที่พี่เปลี่ยนชื่อให้นี่ล่ะ จะเรียกไอ้เปี๊ยกก็เรียกไปเหอะ ชินแล้ว อย่าเรียกชื่อใหม่เลยขอร้อง”

“อ่ะ พี่เราโทรมา รับแล้วรายงานตัวซะ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นกันต์เลยส่งต่อให้ไอ้เปี๊ยก เพราะรู้ว่ากันต์คงโทรมาถามว่าเจอกันหรือยัง พอไอ้เปี๊ยกรับโทรศัพท์ผมไปคุยกับกันต์ มันก็รายงานตัวกับกันต์ตามที่ผมบอกให้มันทำจริง ๆ ตั้งแต่เจอผมที่สนามบิน ตอนนี้อยู่ในรถ ผมกำลังพาไปกินเนื้อย่าง และไม่ลืมถามพี่มันว่าจะเอาอะไรไหม หลังจากวางสายมันก็หันมาบอกผมว่า กันต์บอกให้ผมซื้อของเข้าบ้านสำหรับทำกับข้าวเย็นนี้ด้วย

.
.
.


“พี่กันต์พรุ่งนี้ออกกี่โมง”

“สักเจ็ดโมงก็ได้ ออกเข้าหน่อยจะได้ไม่ร้อน”

“รักจะได้ตั้งนาฬิกาปลุก”

“อืม เดี๋ยวพี่ตื่นแล้วจะไปเรียกอีกที”

“จะไปไหนกัน” ผมถามขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าสองคนนี้นัดกันจะไปไหน

“ไปหัวหินไง พี่กันต์ยังไม่ได้บอกพี่กรหรอ” ไอ้เปี๊ยกบอกแล้วถามผมกลับ พร้อมทำหน้างง

“ไม่เห็นบอก” ผมถามกันต์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“บอกไม่บอกก็ต้องไปด้วยกันอยู่ดีไม่ใช่หรือไง” กันต์พูด ที่กันต์พูดได้อย่างนี้เพราะเขามั่นใจอยู่แล้วยังไงผมก็ไม่มีทางปฏิเสธ มีหรอที่เขาไปไหนถ้าผมไปด้วยได้แล้วผมจะไม่ไป มีแต่เขานั่นแหละที่ชอบอิดออดเวลาผมชวน

“ใครบอก พรุ่งนี้กรไม่ว่าง อยากไปก็ไปกันสองคนเลย”

“จะไปไหน ไม่เห็นบอกก่อนว่าจะไป” กันต์ถาม โดยที่มือที่กำลังจะยื่นไปตักต้มยำถึงกับชะงัก ก่อนดึงมือกลับ

“กันต์จะไปไหนก็ไม่บอกกรก่อนนิ” ผมแกล้งโอดครวญ อย่าคิดว่าจะขึ้นเสียงยอกย้อนเขาเชียว ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก ถึงจะต่อปากต่อคำกันก็จริง แต่ผมเสียงอ่อนกว่าตลอด

“กร” กันต์เรียกชื่อผมเสียงเรียบ

“อะไร ไม่ต้องมาทำเสียงอย่างนี้เลย ล้อเล่นแค่นี้ก็ไม่ได้” ผมพูดแล้วหันไปถลึงตาใส่อีกคนที่แอบขำผมอยู่ เดี๋ยวผมจะตั้งชื่อใหม่ให้มันอีก เอาเป็นภาษาเกาหลีเลย ชื่อวอนโดนทีน

“ก็รู้แล้วยังชอบมาทำแบบนี้อีก” กันต์ว่า

“ไอ้เปี๊ยก ดูพี่ชายแกดิ จะกินหัวพี่อยู่แล้ว ล้อเล่นแค่นี้” ผมหันไปหาพวก ก็มีกันอยู่สามคนตอนนี้ถึงเถียงกันไปเมื่อกี้แต่สุดท้ายผมก็ต้องหันไปหามันอยู่ดี

“พี่กรนั่นแหละกวนประสาท พี่กันต์ก็อยู่เฉย ๆ” แต่ฟังคำตอบจากคนที่กันต์บอกว่าเป็นคู่หูผม มันไม่ได้เข้าข้างผมเลยสักนิด ก็เป็นแบบนี้กันต์จะมาบอกว่าผมกับไอ้เปี๊ยกเป็นคู่หูกันได้ยังไง

“เออแล้วบอกว่าเป็นคู่หูกัน ทีแบบนี้ล่ะเข้าข้างกันเข้าไป พรุ่งนี้ก็ไปกันสองคนแล้วกัน คนขับรถไม่ว่าง”

“พี่กันต์ คนขับรถบ้านพี่นี่เล่นตัวจริง รักว่าหาคนใหม่เหอะ” ฟัง ๆ ไอ้เปี๊ยกมันพูด

“ปากดีแล้วไอ้เปี๊ยก เดี๋ยวจะโดน” ผมพูดแล้วมองหน้าไอ้เปี๊ยกแบบคาดโทษ แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่สะทกสะท้านแถมไหวไหลน้อย ๆ เหมือนไม่ใส่ใจตอบกลับมาอีก

“ตกลงพรุ่งนี้จะไปไหน นัดเพื่อนไว้หรือเปล่า” กันต์ถามขึ้นมา หลังจากฟังผมต่อล้อต่อเถียงกับไอ้เปี๊ยกมันได้สักพัก ถ้ากันต์ไม่แทรกเข้ามาก่อนผมคงเถียงกับเด็กไม่จบเป็นแน่

“เปล่าหรอก พูดไปอย่างนั้นแหละ ก็เล่นจะไปไหนแล้วอุบอิบกันอยู่สองคนเองนิ”

“จะบอกอยู่นี่ไงเล่า ก็คิดแล้วว่าว่าง ไม่ได้บอกก่อนนิว่าจะไปไหน เห็นปกติก็บอกก่อนทุกที” กันต์พูดก็จริงอย่างที่เขาว่าเวลาผมจะไปไหนก็บอกล่วงหน้าทุกที เขาเองก็เหมือนกัน ยกเว้นไปกันสองคนอยากชวนกันไปไหนก็ไป   

“แล้วจะไปด้วยกันไหม หรือไม่อยากไป” กันต์ถามต่อ

“ยังไม่ได้พูดว่าจะไม่ไปสักคำ”

“ไม่รู้นิ พูดมาอย่างนั้นก็นึกว่าไม่อยากไป”

“โอเคๆ ไม่พูดแล้ว” ผมรีบปิดประเด็น แล้วตักกุ้งจากต้มยำมาวางในจานข้าวของกันต์

“ผมยังนั่งอยู่นะพี่ ไม่ได้อยู่กันสองคน ขยันสร้างโลกส่วนตัวกันจริง” ไอ้เปี๊ยกพูดขึ้นมาลอย ๆ แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตักข้าวในจานกินต่อทำเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ไม่ต้องพูดมาก กิน ๆ เข้าไป” ผมพูด แล้วตักผัดผักไปใส่จานไอ้เปี๊ยก มันก็ทำแก้มพองล้มแต่ก็ตักกินโดยดีแล้วไม่พูดอะไรอีก ส่วนกันต์ก็แอบหัวเราะมันเบา ๆ

---------------------------------------------------


“เรื่องพี่กาวน์กับป่านตกลงว่าเรียบร้อยยัง” ผมถามกันต์ระหว่างขับรถไปหัวหิน เมื่อเห็นว่ารักที่นั่งอยู่เบาะหลังหลับคอพับคออ่อนไปเรียบร้อย หลังจากชวนผมกับกันต์กินขนมจนอิ่มมาได้สักพัก

เมื่อเช้ากันต์ไม่ได้ทำกับข้าว เลยคุยกันว่าเดี๋ยวแวะเติมน้ำมันแล้วค่อยลงไปหาอะไรกินรองท้อง ไอ้เปี๊ยกไม่รู้หิวหรือยังไงขนซื้อของกินมาซะเพียบ ทั้งไส้กรอก ขนมจีบ นม ขนมห่อใหญ่ ๆ อีกสามสี่ห่อ ส่วนผมเมื่อคืนนอนดึกไปนิดเลยโด๊ปกาแฟแก้วใหญ่ ระหว่างขับรถไม่ได้ง่วงแต่มันเหมือนยังไม่เต็มร้อย ได้กาแฟเย็นมาก็ดีขึ้น จะให้กันต์ขับแทนก็ไม่ได้เพราะรายนั้นน่าจะเพลียกว่าผม ไม่ได้ตั้งใจจะหักโหมเพราะรู้ว่าอีกวันต้องขับรถ แต่ก็อย่างว่าตอนที่กินข้าวเย็นเมื่อวานกันต์น่ามันเขี้ยวน้อยอยู่เมื่อไหร่ ผมเลยจับฟัดซะให้หายมันเขี้ยว ตื่นมาเมื่อเช้าเลยถูกหมอนเหวี่ยงใส่เข้าไปโครมเบ่อเร่อ จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าคนข้าง ๆ ส่งสายตาอาฆาตมาให้ผมเป็นพัก ๆ 

“น้องอยู่” กันต์พูด พร้อมตบลงมาที่ตักผมเบา ๆ เป็นการเตือน ผมเลยมองกระจกหลังเพื่อดูไอ้เปี๊ยกที่นั่งอยู่ด้านหลังอีกที

“หลับไปสักพักแล้ว ไม่ตื่นง่าย ๆ หรอก”

“อืม ไม่อยากให้รักได้ยิน”

“มันไม่รู้เรื่องหรอกน่า แล้วถ้ามันจะรู้เรื่องนะ มันก็คงไม่เป็นเกย์เพราะได้ยินที่เราพูดกันหรอก” ผมว่า

“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วใครว่ากันต์เป็นเกย์ ไม่ได้เป็นสักหน่อย จะเป็นก็เป็นไปคนเดียว”

“อ้าว นี่เราไม่ได้เป็นหรอ” ผมถามแต่ก็บอกไม่ถูกว่าถามด้วยอารมณ์แบบไหน มันเหมือนจะขำก็ไม่เชิงจะงงก็ไม่ใช่ มันผสม ๆ กันบวกกับความอยากล้อกันต์เล่นด้วยเลยถามแบบนั้น เพราะจะว่าไปเราก็ไม่เคยสนใจเท่าไหร่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นอะไร พอกันต์พูดขึ้นมาเลยอยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องนี้ เราคบกันมาขนาดนี้แต่ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กันเลย แต่ส่วนตัวผมเองผมว่าคำเรียกพวกนั้นมันก็แค่คำที่คนสมมุติขึ้นมาเพื่อต้องการระบุว่าคนนี้คนนั้นเป็นแบบนั้นแบบนี้เท่านั้นเอง ทั้งที่จริงแล้วคำสั้น ๆ แค่นั้น ไม่มีทางที่จะอธิบายสิ่งที่คน ๆ หนึ่งเป็นได้ทั้งหมด

“เคยมองผู้ชายคนอื่น แบบอยากได้เป็นแฟนหรือเปล่า”

“เปล่า” ผมตอบ ผมไม่เคยมองเพศเดียวกันด้วยสายตาและความรู้สึกแบบเดียวกับที่มองกันต์แน ๆ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงมีบ้างนิดหน่อย เจอคนสวยก็มองบ้างเป็นธรรมดา แต่พอผ่านตาไปแล้วก็จบแค่นั้น

“เคยคิดจะมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า” อันนี้ตอบได้แบบไม่ต้องคิด

“เปล่า”

“กันต์ก็ไม่เคยคิด แค่คิดก็ เออช่างมันเหอะ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เป็นเกย์ แต่ถ้าใครจะบอกว่าเป็นก็เฉย ๆ มันไม่ได้มีผลอะไร แต่ถ้ามีใครถามกันต์กันต์คงตอบว่าไม่ได้เป็น” กันต์พูด พร้อมสรุป

“ก็คงอย่างนั้นล่ะมั้ง ส่วนรัก กรว่าไม่มีอะไรหรอก กันต์คิดมากไปหรือเปล่า ต่อให้มันรู้เรื่องพี่กาวน์อีกเรื่องก็คงไม่มีผลที่จะทำให้มันเป็นตามหรอกนะ นี่มันไม่ใช่โรคติดต่อนะกันต์”

“ก็ไม่ได้คิดแบบนั้น กันต์แค่ไม่อยากให้มันรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาเกินไป ถึงกันต์จะมีความสุขกับทุกวันนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ากันต์อยากจะให้ใครมาเป็นแบบเรา เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าพ่อแม่เขาจะเป็นแบบพ่อแม่เราไหม มันคงไม่ราบรื่นเหมือนเราไปซะหมดหรอก” กันต์อธิบาย ซึ่งผมก็เข้าใจที่กันต์พูดมา เพราะกันต์ก็เปรย ๆ เรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว

ผมไม่รู้ว่ากันต์คิดมากไปหรือเปล่าเรื่องรักกับชิน กันต์บอกผมว่าเขารู้สึกว่าสองคนนี้มันมีอะไรแปลก ๆ แต่ผมก็พยายามบอกไม่ให้เขาคิดมาก สองคนนี้เคยโตมาด้วยกัน พอวันหนึ่งมีเรื่องเข้าใจผิดกันขึ้นมา ก็เป็นธรรมดาที่อีกคนจะพยายามเข้ามาอธิบาย ถึงผมจะไม่รู้ว่าเรื่องมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน แต่พอผมเห็นสิ่งที่ชินทำผมก็ต้องยอมรับในความพยายามของมันอยู่เหมือนกัน แต่จะให้เข้าไปช่วยไหมก็คงไม่ คงทำแค่คอยดูอยู่ห่าง ๆ มากกว่า

ส่วนตอนนี้สิ่งที่ผมใช้อ้างว่ารักกับชินมันคงไม่มีอะไรมากกว่าคนที่โตมาด้วยกัน คงจะใช้ไม่ได้แล้ว หรือจริง ๆ มันอาจจะใช้ไม่ได้มาตั้งแต่แรก ในเมื่อพี่ชายกันต์กับน้องชายสุดรักดันมาได้กันเองแถมบอกให้คนอื่นรับรู้แล้วอีก จนดูท่าจะกลายเป็นหนังเรื่องยาว ผมเลยไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาบอกกันต์อีก

พอผมบอกว่าคนเราใช่ว่ามันจะเป็นกันแบบนี้กันง่าย ๆ  ก็ดันถูกกันต์ย้อนกลับมาทันควันว่า แล้วเรื่องของเขากับผมมันยากนักนี่ ผมก็ตอบไปว่า คู่เรานะมันเป็นพรหมลิขิต ก็ถูกตีแสกหน้ากลับมาอีกว่า เพ้อเจ้อ แล้วถ้าไม่ให้ผมตอบแบบนี้จะให้ตอบแบบไหน เกิดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยมองผู้ชาย พอเจอเขาไม่เท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีรักไปแล้ว ทุกวันนี้ผมยังงง ๆ ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกดีกับกันต์ แล้วก็รักเขาได้มากขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยจริง ๆ เพราะอย่างนี้ ผมเลยจนปัญญาที่อธิบายอะไรอีก

 “แล้วตกลงเรื่องไปถึงไหน พักนี้ไอ้ป่านไม่ได้โทรมาเลยไม่รู้ว่าเป็นไง”

“ก็ดีมั้ง วันก่อนแม่โทรมาเล่าว่าน้าพิมโทรมา แต่ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียด คิดว่าไม่น่ามีอะไร”

“ถ้าเป็นอย่างที่กันต์วคิดก็ดี”

“ว่าไง” กันต์รับโทรศัพท์ พอกันต์คุยโทรศัพท์ผมเลยขับรถต่อ

.
.
.
“กร ชินอยู่หัวหิน จะมาเจอเรา เอาไง” กันต์ใช้มือปิดไมค์ที่โทรศัพท์แล้วหันมาเรียกผม หลังจากหันไปดูรักที่หลับอยู่เบาะหลังแล้ว

“อื้อ ก็มาสิ”

“รัก”

“เออ ลืม” ผมบอก 
 
“แต่กรว่าไม่มีอะไรหรอก มาเหอะ” พอผมตอบแบบนี้กันต์ก็คุยโทรศัพท์นัดแนะร้านอาหารที่จะไปกินข้าวกลางวันกัน พอนัดกันรู้เรื่องก็วาง

“มันมาเที่ยวเหมือนกันหรอ” ผมถาม กับชินผมเองก็เคยเจอแล้ว กันต์ชวนมากินข้าวที่บ้านสองสามครั้ง เท่าที่ดูมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร นิสัยอย่างชินดูจะเป็นแนวที่คนรักคนชอบได้ง่าย ๆ ด้วยซ้ำ แต่ตอนเจอกันครั้งแรกชินดูจะตกใจอยู่เหมือนกันตอนเห็นหน้าผม เพราะมันจำได้ว่าผมเป็นคนที่ไปรับรักมันบ่อย ๆ จนมาเจอกันครั้งต่อมามันก็เริ่มมาเล่าให้ผมฟังว่าเรื่องของมันกับรักเป็นไงมาไง ซึ่งก็เหมือนกับที่กันต์มาเล่า อยู่ดี ๆ รักก็ไม่พูดกับมัน หายเงียบไปเฉย ๆ แถมแสดงท่าทางแปลก ๆ ตอนเจอหน้าชิน ผมฟังแล้วก็ไม่รู้จะแนะนำอะไรมันได้ เพราะที่มันเล่ามาไม่มีอะไรที่จะระบุสาเหตุได้เลย มันก็เหลือแค่ทางเดียวคือรอให้รักเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง 

“จะดีแน่หรอให้มาเจอกัน”

“เราก็อยู่ ก็ดู ๆ ไป ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างที่ชินว่าจริง คือมันไม่รู้อะไรเลย ซึ่งเท่าที่ดูกรไม่คิดว่ามันโกหก มันก็น่าจะมีโอกาสได้พูดบ้าง ส่วนรักถ้าชินไม่ได้เป็นอย่างที่มันเข้าใจ มันก็น่าจะดีไม่ใช่หรอถ้ามันจะกลับมาคุยกันได้ แต่ถ้าคุยแล้วมันต่อกันไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน ดีกว่าจะจบกันไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย”

“ก็ลองดู ว่าแต่จะอยู่ข้างใครกันแน่ ทำไปทำมาเหมือนจะเข้าข้างชิน”

“ไม่ได้เข้าข้างใคร ก็ดูสถานการณ์แล้ว มันก็ไม่น่าจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้”

“เอาไงก็เอา เดี๋ยวก็รู้”
 ---------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 22-02-2012 19:51:29
เข้ามาช่วยเชียร์ด้วยคน o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 22-02-2012 21:21:09
มาช่วยลุ้นชินกับรัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-02-2012 21:39:56
จะลุ้นขึ้นไหมเนี่ย  คาใจด้วยอีกคน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: makimaki ที่ 22-02-2012 22:07:26
รักกับชินมีอะไรกันน้อ  :really2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 23-02-2012 01:17:04
คู่นี้คาใจอ่ะ แต่เราแอบคิดว่ามีใจให้กันอะไรแบบนี้นะ
เพราะสถาการณ์ที่เล่าๆมาจากตอนก่อนๆนี้เหมือนมีประเด็นบางอย่างไปสะกิดใจอีกฝ่าย
ก็ต้องดูต่อไปว่าเราเดาถูกเปล่าแต่เราชอบกรกับกันต์มากเลย เป็นผู้ใหญ่ดี
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 23-02-2012 01:22:18
เหมือนจะปัญหาน้อยกว่าคู่อื่น
รอบตัวมีแต่บรรยากาศไม่สดใสเลย
เป็นกำลังใจให้ทุกคู่
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 24-02-2012 12:35:13
เอาใจช่วยน้องรักกับชินด้วยอีกคน
แต่ไม่รู้ว่าจะลงเอยแบบไหน พี่น้องหรือว่าอย่างอื่น ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 25-02-2012 13:31:24
 อืม..เป็นรักที่เริ่มต้นเรื่อยไแต่ดูท่ามั่นคง   o13 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 28-02-2012 21:42:23
ร่วมด้วยช่วยเชียร์ :z2:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 09-03-2012 19:08:32
รออยู่นะจ๊ะ มาต่อเถอะนะ  :pig2: อยากรู้ว่าเค้าโกรธอะไรกันนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [1/2] p. 64 22/2/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 26-03-2012 23:04:36
ตอนที่ 60 ช่วยใคร [2/2]

“พี่กันต์ พี่กร แวะกินติมกัน” อยู่ ๆ ไอ้เปี๊ยกที่นอนหลับมาตลอดทางก็ยื่นหน้าโผล่มาทางช่องระหว่างเบาะด้านหน้า ผมกับกันต์เลยหันไปตามคำชวนที่ยังติดน้ำเสียงงัวเงียอยู่

“ตื่นมาก็ชวนกินเลยนะ”

“ร้านไหน ใช่ร้านนั้นหรือเปล่า” กันต์หันไปถามไอ้เปี๊ยกพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ร้านตรงหัวมุมถนนที่มีป้ายบอกชื่อร้านตัวอักษรสีขาวบนพื้นแดงที่อยู่เลยแยกไฟแดงที่รถจอดติดอยู่ไปไม่ไกล

“ฮะ” ไอ้เปี๊ยกตอบรับ

“หลับมาได้ตลอดทาง พอเข้าเมืองละตื่น ยังกับนกรู้” ผมอดแขวะมันไม่ได้ ตอนจะเข้าตัวเมืองหัวหิน ผมยังเห็นมันหลับอยู่เลย พอใกล้ถึงร้านไอติมดันตื่นขึ้นมาได้

R R R …..

“อืมว่าไง”

“พี่อยู่หัวหินแล้ว เจอกันที่ร้านสักสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วกัน”

“อืม”

“อืม”

“เจอกัน”

“นัดกันแล้วใช่ไหม” ผมหันไปถามกันต์

“พี่กันต์นัดเพื่อนไว้หรอ” ไอ้เปี๊ยกถามขึ้นมาบ้าง กันต์ก็พยักหน้าตอบ ตอนนี้ไอ้เปี๊ยกกลับมาโผล่หน้าอยู่ระหว่างเบาะหน้าตามเดิม หลังจากถอยตัวกลับไปนั่งพิงเบาะตอนที่กันต์คุยโทรศัพท์

“น้องที่สนิทน่ะ รักก็รู้จัก”

“พี่ป่านหรอ” ไอ้เปี๊ยกถามต่อ

“ไม่ใช่หรอก เดี๋ยวเจอแล้วก็รู้เองแหละ ถ้าจะกินไอติมก็ลงได้แล้ว ไม่ต้องถามมาก” อันนี้ผมตอบแทน ตอนนี้ผมหาที่จอดรถแถว ๆ หน้าร้านไอติมที่มันจะกินได้แล้ว

“ใครอ่ะ รักรู้จักด้วยหรอ” มันยังพึมพำอยู่

“อย่างพี่กรบอกนั่นแหละ เจอแล้วก็รู้เอง” กันต์ตอบก่อนจะเปิดประตูออกจากรถ แล้วไอ้เปี๊ยกมันก็เปิดประตูลงตามมาเป็นคนสุดท้าย

“จะกินที่นี่หรือจะซื้อไปกินบนรถ” ผมถามอีกสองคนที่เดินนำหน้าเข้าไปในร้าน

“กินที่นี่ก็ได้มั้ง กินไอติมเสร็จออกจากนี่แล้วไปกินข้าวที่ร้านนั้นก็พอดีเวลา” กันต์ตอบ พร้อมกับถอดแว่นกันแดดที่สวมอยู่มาเหน็บไว้กับคอเสื้อแทน ผมเองก็ทำตาม ตอนแรกก็ว่าจะถอดก่อนลงจากรถ แต่พอเห็นแดดเลยใส่ลงมาด้วย
 
“พี่กรเอาไร เดี๋ยวรักไปสั่งให้” ไอ้เปี๊ยกยืนถามผมที่หาที่นั่งมุมดี ๆ ได้แล้ว

“ลำไยกับเงาะ” ผมตอบ

“แค่สองอย่าง”

“อืม แค่นั้นก็พอแล้ว”

“กินแต่หวาน ๆ” มันบ่นแล้วก็เดินไปที่เคานท์เตอร์หน้าร้านพร้อมกับกันต์ แล้วมันผิดตรงไหนเนี่ยที่ผมชอบผลไม้หวาน ๆ กินผลไม้เปรี้ยว ๆ แล้วขนลุกพิลึก มันบอกไม่ถูก ถ้าเปรี้ยวแล้วเย็นด้วยด้วยยิ่งแล้วใหญ่ คนที่ชอบเปรี้ยวคงบอกกินแล้วสดชื่นดี เหมือนกินแล้วตาสว่างประมาณนั้น แต่สำหรับผม ผมว่าผลไม้หวาน ๆ มันชื่นใจกว่า

“กินเข้าไปได้ไงวะ” ผมมองถ้วยไอติมของไอ้เปี๊ยกที่เต็มไปด้วยสีแดงของสตรอเบอรี่และสีม่วงของบลูเบอรี่ แถมเป็นแบบแช่แข็งมาอีก ถ้าให้กินแบบมันช้อนเดียวผมก็วางแล้ว มองถ้วยไอ้เปี๊ยกมันแล้วก็มองไปที่ถ้วยของกันต์บ้าง ของกันต์มีมะม่วงกับลูกพีชในน้ำเชื่อม ผลไม้สีส้มทั้งสองอย่าง สามคน สามถ้วย สามสี ไม่ได้เหมือนกันเลย ความชอบไปกันคนละทิศละทาง

“เอาไหม” กันต์ถาม พร้อมยกช้อนที่มีลูกพีชกับมะม่วงขึ้นมาให้ดู ผมก็พยักหน้ารับ แล้วเลื่อนถ้วยไปให้กันต์ตักใส่มาให้

“ลองมะ” ไอ้เปี๊ยกชวนผมบาง แต่ผมส่ายหน้าลูกเดียว

“อร่อยดีออก” มีโฆษณาชวนเชื่ออีกแนะ

“อร่อยก็กินไปคนเดียวเหอะ” พอผมไม่ตอบรับ มันก็หันไปถามกันต์ต่อ แต่รายนั้นตอบรับคำ พอรับไปแล้วก็

“อึ้ย เปรี้ยวว่ะ เปรี้ยวไม่ว่าแช่แข็งมาอีก” เสียงกันต์ครับ เจอผลไม้สีม่วงสีแดงของไอ้เปี๊ยกเข้าไปถึงกับทำหน้าเหยเกกันเลยทีเดียว

“กินได้ไงเนี่ย” กันต์ถามหลังจากดื่มน้ำกลั้วปากไปอีกใหญ่ กันต์ก็เหมือนผมคือ ไม่ค่อยชอบผลไม้เปรี้ยว ๆ ถ้าเป็นกับข้าว อย่างต้มยำหรืออะไรที่มันควรจะต้องออกรสเปรี้ยวแบบนั้นจะกินได้ แต่ถ้าเป็นผลไม้เปรี้ยว ๆ นี่ไม่เอาเลย ขอผลไม้ที่ออกหวานดีกว่า ถึงจะชอบผลไม้หวาน ๆ แต่ถ้าเป็นกับข้าวห้ามใส่น้ำตาล เจอกับข้าวที่ออกรสหวานนี่กินกันไม่ได้ทั้งคู่ แม้แต่นมหวานก็กินกันไม่ได้

“ก็อร่อยดีนิ” ไอ้เปี๊ยกตอบ ก็คงอร่อยของมันจริง ๆ แหละ ทำหน้าทำตามีความสุขซะขนาดนั้น ผมก็ได้แต่หวังว่าถึงเวลาไปกินข้าวแล้วหน้ามันยังเป็นแบบนี้ได้อยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นได้มันก็คงจะดีไม่น้อย ใครมันจะอยากเห็นน้องเศร้ากันล่ะ ถึงมันจะชอบกวนตีนผมบ้าง เออ ก็ไม่บ้างล่ะ กวนบ่อย ๆ มากกว่า แต่ถึงยังไงมันก็ถือเป็นน้องรักผมเลยนะ ใครอยู่ใกล้มันก็คงรักมันสมกับชื่อมันนั่นแหละ หน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้แค่เห็นแว้บแรกก็หลงมันได้ง่ายแล้ว อย่างมันไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่ต้องเข้าไปประจบ ไม่ต้องออกแรงอ้อน แค่มันยิ้มให้แค่นั้นแหละ คนมองก็แทบละลายลงไปกองกับพื้นแล้ว ไม่ต้องดูจากไหนเอาแค่มันดินเข้าร้านมาใครเห็นหน้ามันก็ยิ้มแล้ว พนักงานสาว ๆ ที่ตักไอติมให้มัน ฟังมันสั่งไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตักไอติมไป แต่ยิ้มของมันใช้กับผมไม่ได้ผลเท่าไหร่แล้ว เห็นหน้ามันบ่อยจนมีภูมิต้านทาน นี่ถ้ามันโตขึ้นแล้วมีเนื้อมีหนังขึ้นอีกหน่อยนะ ถ้าเทียบเป็นสาวสวย ๆ คงใช้คำว่าสวยจนหัวกระไดบ้านไม่แห้ง พูดเหมือนคนแก่เลยไหมล่ะผม แต่นี่มันเป็นผู้ชาย ก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรแบบไหนบ้าง เพราะจะว่ามันน่ารักก็ไม่เชิง เพราะมันไม่ได้น่ารักอย่างเดียว ดูไปดูมามันก็หล่อด้วย ดูท่าไอ้น้องชายตัวเปี๊ยกของผมโตไปคงเนื้อหอมไม่เบา

.
.
.


“เฮ้อ อิ่ม” ไอ้เปี๊ยกมันพูดพร้อมกับลูบท้องแห้ง ๆ ของมันไปด้วย หลังจากกลับขึ้นมานั่งในรถแล้ว

“แล้วจะกินข้าวได้หรอ” กันต์หันไปถามครับ น้ำเสียงแบบนี้เหมือนแม่หรือพ่อคุยกับลูกยังไงก็ไม่รู้สิ แต่ผมชอบนะ พูดอีก ๆ อยากฟัง เฮอ ๆ เป็นเอามากนะผม

“กินได้ อิ่มไอติม แต่ยังไม่หิวข้าว” อย่าลืมว่าไอ้นี่มันกินเก่ง ไม่ต้องถามก็รู้ว่ามันกินได้อยู่ชัวร์

“ไอติมถ้วยเดียวไม่ได้เศษเสี้ยวของกระเพาะมันหรอก” ผมบอก

“ถูกต้องคร้าบผม ว่าแต่ร้านที่เราจะไปอยู่อีกไกลไหม” ไอ้เปี๊ยกโผล่หน้ามาคุยอยู่ระหว่างเบาะผมกับกัน

“สักสิบนาทีก็ถึงแล้ว อย่าบอกนะว่าหิวข้าว” กันต์หันไปคุยกับไอ้เปี๊ยก

“ก็นิดหน่อยเอง เมื่อเช้าพี่กันต์ไม่ได้ทำกับข้าวให้นิ มันก็เลยหิวนิด ๆ แล้ว” ไอ้เปี๊ยกพูด

“จะมาหิวอะไร เพิ่งกินไอติมไปเมื่อกี้” ผมพูด กินเก่งเกินไปแล้วมัน

“ก็บอกแล้วไงว่าไอติมก็ส่วนไอติม รักบอกว่าหิวข้าว ไม่ได้บอกว่าหิวไอติมสักหน่อย” ไอ้เปี๊ยกมันต่อปากต่อคำผม

“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” เสียงกันต์ครับ เสียงฟังดูใจดีจังน้าที่รักของผมเนี่ย


…………………………………………………




พอมาถึงร้านอาหารก็เดินไปตามที่ชินบอกว่ามันนั่งอยู่ตรงไหน ร้านนี้โต๊ะอาหารจะตั้งอยู่บนหาดต้องเดินลุยทรายกันลงไป ตอนนี้ผมเห็นมันแล้วครับ นั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ร่มของต้นหูกวางต้นใหญ่ กันต์ที่เดินนำผมอยู่ก็เดินนำไปหาชินที่โต๊ะก่อน

“โอ๊ย” เสียงไอ้เปี๊ยกครับ อยู่ดี ๆ ก็เดินมาชนหลังผมเสียอย่างนั้น ชนเอง ร้องเอง

“เจ็บไหมล่ะนั่น” ผมถามไอ้เปี๊ยกที่เอามือลูบจมูกปอย ๆ

“เสล่อว่ะ มัวแต่วอทแอพอยู่นั่น เป็นไงล่ะ” เห็นมันไม่เป็นอะไรเลยขอกัดมันสักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่ผมแล้วล่ะ   
 
“ไปเร็ว พี่กันต์ไปถึงโต๊ะแล้ว” ผมบอกให้ไอ้เปี๊ยกมันเดินต่อ แต่แล้วก็มีมือมาดึงชายเสื้อผมไว้ จนผมต้องหยุดเดิน

“เป็นไร” ผมหันไปถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นอะไร มันคงเห็นคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเข้าแล้วนั่นแหละ สงสัยตอนเดินเข้ามาที่ร้านไอ้เปี๊ยกมัวแต่สนใจโทรศัพท์เลยไม่ได้สนใจมองอะไรรอบตัวเลยจริง ๆ ก้มหน้าแล้วก้าวตามขาผมมาอย่างเดียว

“รักไปรอที่รถแล้วกัน”

“ไปด้วยกันนี่แหละ มีพี่อยู่จะกลัวอะไร”
 
“รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

“พี่กันต์เขาเจอ เราก็รู้จักกับเขาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรอ”

“นั่นมันเรื่องสมัยเด็ก ลืมไปหมดแล้ว”

“เอาเหอะ ลืมก็ลืม เมื่อกี้บ่นหิวไม่ใช่หรือไง ไป ไปกินข้าวกันดีกว่า” ผมพูด ก่อนดึงมือไอ้เปี๊ยกออกจากชายเสื้อผมมาจับไว้ แล้วจูงมือมันพาไปที่โต๊ะ ผมไม่อยากจะพูดอะไรมาก ก็เข้าใจแหละครับว่ามันกำลังรู้สึกไม่ค่อยสู้ดี ปากมันบอกว่าลืม แต่ไอ้อาการที่มันแสดงอยู่นี่ไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่ามันลืม หรือไม่รู้จักกับอีกคน

ที่จริงไอ้เปี๊ยกกับชินมันก็เจอกันมาหลายรอบแล้ว ถ้ามีผมอยู่ด้วยก็คือ ช่วงที่ไอ้เปี๊ยกลงมาเรียนพิเศษแล้วอยู่บ้านผม ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักชิน พอไอ้เปี๊ยกมันกลับไปแล้วแต่ชินมันยังปิดเทอมอยู่ ชินมันก็แสร้งทำไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อน แล้วก็ตามไปเสนอหน้าให้ไอ้เปี๊ยกเห็นหน้าอยู่หน้าโรงเรียนทุกวันเป็นอาทิตย์ อันนี้กันต์มาเล่าให้ผมฟัง แล้วก็มาเจอกันอีกครั้งวันนี้ มันจะมีเรื่องอะไรกันนักกันหนาถึงกับเข้าหน้ากันไม่ติดขนาดนี้ ตอนแรกผมว่าผมก็เฉย ๆ ไม่ได้อยากยุ่งอะไรเรื่องของมันสองคนมาก แต่เห็นอีกคนทำท่าไม่อยากเข้าใกล้ ส่วนอีกคนก็ไล่ตามอยู่นั่น จากเฉย ๆ มาตอนนี้อยากรู้ขึ้นมามาก ๆ แล้ว

“พี่กร หวัด” พอผมเดินมาที่โต๊ะชินก็ยกมือไหว้ ผมพยักหน้ารับแล้วพาไอ้เปี๊ยกมานั่งตรงข้ามกันกันต์ ส่วนผมนั่งตรงข้ามกับชิน

“เอ้า จะกินอะไรสั่งเลย” กันต์ยืนรายการอาหารหนึ่งในสองเล่มที่ได้มาจากพนักงานให้ไอ้เปี๊ยกรับ ส่วนอีกเล่มถูกส่งไปให้ชิน

“พี่กรสั่งให้หน่อย” ไอ้เปี๊ยกยื่นรายการอาหารมาให้ผมแทน ผมเห็นนะว่าชินส่งสายตามองมาทางไอ้เปี๊ยกข้างผมบ่อย ๆ ไอ้เปี๊ยกก็เหมือนจะรู้ตัวถึงได้ก้มหน้าก้มตาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

“อยากกินอะไรก็สั่งไปเหอะ”

“เออ มา ๆ เดี๋ยวช่วยสั่ง” สุดท้ายผมก็ต้องเอารายการอาหารมาเปิดดูด้วยกันกับมัน

“ปลากะพงนึ่งมานาว กรรเชียงปูนึ่ง กันต์เอากุ้งเผาไหม” พอกันต์พยักหน้าตอบ ผมก็หันไปสั่งให้

“ชินล่ะ เอาอะไรบ้าง” กันต์เป็นคนถาม

“โป๊ะแตกครับ เอาไม่เผ็ดมากนะพี่ แล้วพี่กันต์ล่ะ” ชินหันไปสั่ง ก่อนจะหันไปถามกันต์

“เอาหอยนางรมสด” กันต์หันไปสั่งบ้าง เอามาโด๊ปใครกันหนอ เขาหรือผม เฮอ ๆ 

“เอาผัดผักอะไรสักอย่างไหม” ผมถาม เพราะดูจากรายการที่สั่งแล้วมีแต่เนื้อ ๆ ทั้งนั้น

“เอาผัดหน่อไม้ฝรั่งกุ้งแล้วกัน” กันต์หันไปสั่ง

“รักเอาอะไรอีกไหม” ผมหันไปถามคนข้าง

“เอาปลาทอด”

“เอาปลาสำสีทอดน้ำปลาอีกที่ ข้าวหนึ่งโถ ชินเอาน้ำอะไร” ผมสั่งปลาทอดให้ไอ้เปี๊ยกมัน ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มให้ครบทุกคน

“รัก สบายดีไหม” ชินเอ่ยถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างผม ที่เวลานี่ยิ่งดูตัวเล็กเข้าไปอีก อย่าทำตัวลีบแบบนี้ดิวะ ผมเอามือไปวางที่ต้นข้าไอ้เปี๊ยกแล้วตบเบา ๆ เหมือนเรียกกำลังใจให้มัน มันก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมก็พยักหน้าให้เหมือนเป็นการสั่งสัญญาณบางอย่างให้ ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเข้าใจ ส่วนชินพอเห็นไอ้เปี๊ยกเงียบไม่ตอบ มันก็หน้าเจื่อนไปเหมือนกัน

“ก็สบายดี”

“นึกว่าจะไม่ได้คุยกันแล้ว” ชินพูดต่อ ไอ้สองคนนี่มันจะคุยกันนุ่มนิ่มอะไรขนาดนี้วะ งุบงิบงึมงำอยู่นั่น ผมล่ะอึดอัดแทน แต่ถ้าไม่อยู่ด้วยผมว่ามันสองคนไม่คุยกันชัวร์ ส่วนกันต์นั่งถ่ายรูปเล่นเฉย แถมทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะอีก

“พี่ว่ามีอะไรก็คุย ๆ กันเหอะ เคยสนิทกันขนาดนั้น ไม่เสียดายหรือไง พี่จะไปเดินถ่ายรูปกับข้าวมาแล้วยิงมาตามด้วย” กันต์พูดสลับกับมองหน้าน้องทั้งสองคนแล้วลุกขึ้นยืน พร้อมหันมาพยักหน้าชวนผมให้ออกไปด้วยกัน ผมก็ลุกตาม ไอ้เปี๊ยกมีหันมามองตามตาละห้อย พี่ไม่ได้ส่งไปให้เขาเชือดนะ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น มองมาทีทำเอาทิ้งมันแทบไม่ลง สายตาไอ้เปี๊ยกนี่น่ากลัวจริง ๆ ขออย่างเดียวโตมาอย่าเป็นแบบไอ้ป่านแล้วกัน รายนั้นแม่งโคตรร้าย อ้อนเก่งชิบ

.
.
.


“ปล่อยมันไว้แบบนั้นจะดีหรอ” ผมถามคนที่กำลังยกกล้องขึ้นถ่ายรูปท้องฟ้า วันนี้ฟ้าโปร่งกันต์คงจะได้รูปสวย ๆ มาเก็บไว้อีกหลายรูป

“ไม่รู้สิ”

“อ้าว”

“กรว่าเรื่องกันต์กับพี่กาวน์ มันเลวร้ายแค่ไหน ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็เถอะ ไหนจะพี่กาวน์กับป่านอีก ขนาดเคยทำเรื่องแย่ ๆ กันมาขนาดนั้น ยังอภัยให้กันได้ เพราะจะให้เกลียดมันก็เกลียดกันไม่ลง มันก็เหลือทางเดียวคือ กลับมามองหน้ากัน กันต์ว่า รักมันไม่ได้เกลียดชินหรอก แค่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ มากกว่า แล้วกันต์ว่าเรื่องมันไม่ได้หนักหนาสาหัสนักหรอก แล้วอีกอย่างคนเราถ้าทำอะไรไม่ดีลงไป มันต้องแสดงอะไรออกมาให้จับได้บ้างแล้ว ถ้ามันไม่ใช่พวกที่เลวเป็นนิสัยน่ะ มันคงจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด” กันต์พูดให้ผมฟัง ระหว่างที่ฟังผมก็คิดตามไปด้วย มันก็อาจจะจริงอย่างที่กันต์ว่าก็ได้

“คงอย่างนั้นมั้ง ไม่รู้สิ” เหมือนว่าเราสองคนจะพูดคำว่า ไม่รู้ กันหลายหนเหลือเกินกับเรื่องของไอ้เปี๊ยก แต่มันก็ไม่รู้จริง ๆ นั่นแหละ เราไม่ใช่เจ้าตัวใครจะไปรู้ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เชี่ยวเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลพอที่จะมานั่งคิดแทนคนนั้นคนนี้เป็นฉาก ๆ ผมเรียนจบกราฟฟิคมานะ ไม่ได้เรียนจิตวิทยา ทำได้แค่นี้ก็ดีแล้ว มีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาได้ขนาดนี้ได้ก็สุด ๆ แล้ว

ว่าแต่ว่าผมกับกันต์นี่ใครจีบใครก่อนกันแน่ นึกย้อนไปแล้วชักงง ๆ เออวะ เออ เพิ่งจะเคยคิดจริง ๆ จัง ๆ นี่แหละ ใครจีบใครก่อนวะ ผมว่าเป็นผมนะหรือไม่ใช่

“กันต์ เราสองคนนี่ใครจีบใครก่อน” ในเมื่อผมไม่แน่ใจก็ถามอีกคนซะเลย กันต์ก็ลดกล้องลง แล้วมองหน้าผมแบบงง ๆ

“เมาแดดหรือไง” กันต์เดินมาใกล้ ๆ แล้วมองหน้าผม ทำหน้าเหมือนจะถามประมาณว่า ผมเป็นอะไรมากหรือเปล่า ก็อยู่ดี ๆ ก็พาเปลี่ยนเรื่อง แบบไม่มีอะไรปะติดปะต่อกับเรื่องที่เพิ่งคุยกันก่อนหน้านี้เลย

“เปล่า ก็มันมึน ๆ เหมือนทำไปทำมาก็มาอยู่ด้วยกันแล้ว” ผมพูด ผมว่าผมจีบเขาก่อนนะ แต่บางทีก็รู้สึกว่าเขารุกเข้าหาผมเร็วกว่า ที่ผมเข้าหาเขาอีก ช่วงนั้นโลกมันหวานเย็นไปหน่อย กำลังอยู่ในภวังค์จำอะไรไม่ค่อยจะได้ แล้วยิ่งประสบพบเจอเหตุการณ์หนัก ๆ ไปหลายหน ยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ด้วยกันมานานมากแล้ว เรื่องบางเรื่องมันเลยตก ๆ หล่น ๆ ไปจากความจำบ้าง แต่ถึงยังไงผมก็ยังไม่ลืมนะว่า ผมกับกันต์เราเจอกันได้ยังไง 

“เออนั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน”

“ซะงั้น”

“ฮา ไปนะเราน่ะ”

“ก็คงงั้น ไปกินข้าวเหอะ ชินยิงมาตามแล้ว”

“อืมป่ะ ไม่รู้ป่านนี้คู่นั้นเป็นยังไงบ้าง”

“นั่นสิ ไปเหอะ” กันต์ตอบรับ แล้วปิดฝาเลนส์ ก่อนจะเดินย้อนกลับกันไปทางเก่าที่เดินมา   


--------------------------------------------------


สองสามตอนที่ผ่านมาบรรยากาศดูอึนๆ ไปหน่อยเนอะ แถมกว่าจะมาต่อก็น้านนาน  :angry2:
ตอนหน้าจะพาคู่หวานกลับคืนมานะ แหม มาทะเลกันทั้งที ก็ขอหวานบ้างอะไรบ้าง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 26-03-2012 23:26:23
ลุ้นตอนหน้า จะเข้าใจกันแล้ว
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-03-2012 23:35:29
ยิ่งอยากรู้เรื่องของชินกับไอ้เปี๊ยก มากขึ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 27-03-2012 00:23:47
รอตอนต่อจ้า อยากรู้เรื่องชินกะรักละ...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 27-03-2012 07:44:12
งั้นตอนหน้าก็ต้องเข้าใจกันแล้วซินะ มันถึงจะหวานนนนนนนน  :impress3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 27-03-2012 12:45:03
ตอนหน้าเคลียร์
จะได้หวานกันสักที :z2:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 27-03-2012 13:18:26
งืดดดดดด คนเขียนหายไปนาน ลืมเรื่องตอนที่แล้วอ่ะ เดี๋ยวว่างแล้วจะย้อนไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นเลย >_<
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 27-03-2012 16:49:25
                                      เด็กสองคนนี่เขามีปัญหารัยกันนะ เห้อวัยสดใสต้องมาขุ่นใจกันทำมัยนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 27-03-2012 17:03:13
ต่อมอยากรู้อยากเห้นกำเริบมาก เด็กสองคนนั้นเขามีเรื่องอะไรกันนะอยากรู้ ๆ
มาต่อไวไวนะ pleaseeeeeeee หายไปนาน คนอ่านลืมตอนที่แล้วหมด 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 27-03-2012 20:19:20
เป็นตอนที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นมากกกกกกกกกกกก  o8
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 27-03-2012 20:22:23
แม้บรรยากาศจะอึมครึมไปบ้าง แต่ก็เนี่ยแหละชีวิตที่ต้องมีหลายรสชาติ

ช่วยให้น้องๆ เข้าใจกันได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

รอติดตามความหวานในตอนหน้านะคะ มาทะเลทั้งทีก็ต้องสวีตให้กุ้ง หอย ปูปลา ได้อิจฉากันบ้าง

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 27-03-2012 22:30:41
ลุ้นให้น้องดีกันนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 29-03-2012 12:49:57
เอ... ตกลงคู่กันต์ กร ใครจีบใครก่อนล่ะเนี่ย คนอ่านเริ่มไม่แน่ใจตาม
สงสัยต้องกลับไปอ่านใหม่กันบ้างล่ะ  :m28:
 
ส่วนคู่น้องสองคน ก็ลุ้นให้ดีกันเร็วๆ นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-03-2012 16:41:42
ชิน สู้ๆๆ เน้อ รัก คงไม่ใจร้ายหรอกนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: makimaki ที่ 29-03-2012 17:09:49
ชินก็น่าสงสารอยู่นะ โดนโกรธแบบไม่รู้ตัว ยังไงน้องรักก็ยกโทษให้เถอะนะ ๆ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: rosy ที่ 29-03-2012 19:25:17
 o13 o13

ชอบมากรีบอัพน้าคร้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 29-03-2012 20:32:48
ดูจากบรรยากาศ เหมือนรักจะแอบชอบชิน แต่ชินดันไม่รู้

และอาจแสดงท่าทางอะไรให้รักเข้าใจไปว่าชินไม่มีทางชอบตอบหรือเปล่า

รักเลยหนีหน้าดื้อๆเพราะยังทำใจไม่ได้???

อร๊ายยยยยยยย เดามั่ว รอลุ้นต่อต่อไปดีกว่าค่า อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ช่วยใคร [2/2] p. 65 26/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 13-04-2012 22:56:21
ตอนที่ 61 Shy

“กินข้าวเสร็จแล้วชินจะไปบ้านกับพี่ไหมหรือจะไปกับเพื่อนต่อ” ผมถามน้องข้างบ้านที่นั่งอยู่ข้างกัน ที่ตอนนี้ดูจะนิ่งผิดปกติ

ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ปล่อยสองคนนี้ไว้ด้วยกัน แล้วเท่าที่เห็นเหมือนอะไร ๆ มันจะกลับตาลปัตรไปหมด จากตอนแรกคนที่ไม่อยากจะพูดเป็นรัก ตอนนี้กลับกลายเป็นฝ่ายชินที่เงียบไปเอง แล้วท่าทางที่เหมือนจะโกรธอีกฝ่ายนั่นอีก ส่วนรักกลายเป็นฝ่ายที่นั่งมองเหมือนอยากจะพูดด้วยแต่ก็ไม่กล้า ที่ตอนเขาให้พูดด้วย ก็ไม่อยากพูดกับเขา พอตอนนี้อยากพูด ก็ไม่กล้าพูดเพราะอีกฝ่ายดันทำท่าไม่อยากสนใจขึ้นมาบ้าง  เอากับพวกมันสิ ผมออกไปไม่ถึงยี่สิบนาทีไหงกลับมาอีกทีถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้

“คงกลับไปหาเพื่อนอ่ะพี่กันต์ มากับพวกมันแล้วหายเดี๋ยวพวกมันได้ด่าเอา แล้วพี่กันต์จะไปเที่ยวไหนกันต่อหรือเปล่า” คนที่ผมถามตอบบกลับมา ผมก็สังเกตเห็นว่าชินมันพยายามเลี่ยงไม่มองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามผมที่นั่งคอตก กรเองก็คงจะรู้สึกได้เหมือนผม เพราะส่งสายตามาที่ผมเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับไป แล้วบุ้ยหน้าไปทางรัก เป็นการบอกให้กรช่วยดูน้องหน่อย

“รักกินข้าวเสร็จแล้วอยากแวะที่ไหนอีกไหมหรือจะเข้าบ้านก่อนแล้วบ่ายๆ ค่อยออกมา” กรหันไปคุยกับรัก

“ไม่อ่ะพี่กรไว้ดึกๆ ค่อยออกมาเดินเล่น หาอะไรกินที่ตลาดหัวหินดีกว่า”

“เอาอย่างนั้นก็ได้” กรตอบน้อง

“แล้วชินกับเพื่อนล่ะ จะไปที่ไหนต่อ”

“ตอนบ่ายพวกมันคงเล่นน้ำกัน ส่วนดึก ๆ เห็นพวกมันว่าจะไปเดินเล่นที่เขาตะเกียบ ที่มันเหมือนตลาดนัดขายของอ่ะพี่กันต์ เขาเรียกว่าอะไรไม่แน่ใจเหมือนกัน ชิเคด้าหรืออะไรนี่แหละมั้ง น่าจะใช่” ชินตอบผม โดยที่ยังคอยระวังตัวไม่ให้หันไปมองทางรัก เหมือนมันสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากมอง อีกใจก็ไม่อยากมอง

“อ๋อ เออใช่ พี่นึกออกแล้ว ที่อยู่ใกล้ ๆ คอนโดฯ ของพี่กาวน์”

“คอนโดฯ พี่กาวน์ พี่กาวน์มาซื้อคอนโดฯ ไว้หรอ”

“โครงการของพี่กาวน์เขาน่ะ ใกล้เสร็จแล้วล่ะ เห็นว่าเหลือแค่ตกแต่งภายในอีกนิดหน่อย อีกสองเดือนก็เข้าอยู่ได้ คนจองเกือบหมดแล้ว เหลืออีกไม่กี่ยูนิตเอง” ผมตอบ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ช่วงสายจะแวะเข้าไปดู

“แล้วพี่กันต์ซื้อไว้หรือเปล่า ชินว่าน่าอยู่ดี”

“พี่น้องกันใครจะไปเสียเงินซื้อ ของแบบนี้มันต้องฟรี” ผมตอบ

“แล้วพี่กาวน์เขาให้หรอ ท่าทางจะหลายล้านนะนั่น”

“ให้ไม่ให้ก็ได้มาแล้ว พรุ่งนี้ว่าจะแวะเข้าไปดู” ผมบอก ก็ลองไม่ให้ดูสิ มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ขอแค่นี้ไม่ให้ก็ให้มันรู้ไป ถึงจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาแล้ว หรือเปล่า แต่ยังไงผมก็เป็นน้อง ผมอยากได้มันก็ต้องให้

“อิ่มแล้วหรอ หรือจะเอาอะไรเพิ่มอีก เดี๋ยวพี่เรียกพนักงานให้” ผมหันไปคุยกับรัก เมื่อเห็นว่ารักรวบช้อนส้อมในจานเข้าด้วยกัน
   
“ไหนว่าหิว เพิ่งกินไปได้นิดเดียวเองแล้วปลาทอดนั่นอ่ะเหลือตั้งเยอะ กินแต่ปลาไปก็ได้ไม่ต้องกินข้าว” กรว่า แล้วตักปลาทอดวางลงในจานของรัก รักก็หันหน้ามองหน้าผมกับกร พอกรพยักหน้าให้ รักก็ยกช้อนขึ้นตักปลาในจานกินต่อ

.
.
.



“พี่กันต์ พี่กร ขอบคุณนะครับ ไว้เจอกันที่กรุงเทพ” ชินยกมือไหว้ผมกับกร

“ขับรถดี ๆ ล่ะ” ผมบอกก่อนจะขึ้นรถ แล้วกรก็ตามขึ้นมาประจำที่คนขับ แต่ก่อนที่ผมจะปิดประตูก็มีเสียงของอีกคนที่ยังไม่ขึ้นรถแว่วมาให้ได้ยิน

“พี่ชิน” เสียงรักเรียกชินที่กำลังขึ้นรถของตัวเอง โดยที่รถของชินจอดห่างจากรถผมโดยมีรถอื่นขั้นกลางไว้คันหนึ่ง ส่วนผมพอได้ยินก็ดึงประตูรถปิดเข้ามาแต่ยังไม่ปิดสนิทแง้ม ๆ ไว้หน่อย ก็อยากรู้ว่าน้องผมสองคนมันจะคุยอะไรกัน คนข้างผมเองก็เหมือนจะสนใจอยู่เหมือนกันยื่นหน้ามาจนจะเกยบนไหล่ผมอยู่แล้ว ผมเลยหันไปถลึงตาใส่ แต่เขาไม่สนใจหรอก แถมยังมาหอมแก้มผมอีก มันใช่เวลาไหม ตอดนิดตอดหน่อยไม่เลือกเวลาจริง ๆ จนผมต้องส่งมือไปข้างหลังแล้วฟาดลงบนตักเขาไปที ก่อนจะสนใจเรื่องของสองคนนอกรถต่อ

“รัก”

“ไอ้เปี๊ยกจะพูดอะไรก็พูดสักทีสิวะ อ้ำ ๆ อึ่ง ๆ อยู่ได้ โอ๊ย กันต์อ่ะ เจ็บนะ” เสียงกรครับ แล้วก็โดนผมฟาดเข้าให้อีกที พูดอยู่ได้ น้องรู้กันพอดีว่าแอบฟังอยู่
 
“อย่าเสียงดังสิ” ผมดุเสียงไม่ดังนัก

“ก็” กรจะพูดต่อ แต่ถูกผมส่งเสียงห้ามไว้ก่อน

“ชู่ว์ เงียบก่อน” ผมบอกกร อีกฝ่ายเลยไม่พูดอะไรต่อ แล้วก็ตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงจากนอกรถแทน ห้ามได้แต่ปากไม่ให้พูด แต่มือนะจะอะไรนักหนาลูบอยู่นั่น ลูบเข้าไปสิ เดี๋ยวแขน เดี๋ยวท้อง ชอบตอด ชอบนัวเนีย ชาติที่แล้วเป็นลูกครึ่งปลากับปลาหมึกหรือไงกัน นึกภาพตามแล้วอุบาทว์ชะมัด แต่ผมจะทำอะไรมากก็ไม่ได้ ทำได้แค่ตะปบมือเขาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ แต่อีกคนก็ไม่วายพยายามขยับนิ้วเขี่ยไปมาอยู่นั่น ฮึ่ย

“รักขอโทษ” ผมกับกรกันมาสบตากันนิดนึง ก่อนจะหันไปมองนอกรถต่อ ไหนชินว่ารักโกรธมัน แล้วทำไปทำมาไหงกลายเป็นรักที่เอ่ยขอโทษชิน แต่ผมไม่ได้ยินว่าชินพูดอะไรตอบกลับมา น่าตลกดีไหมล่ะ ผู้ชายโต ๆ สองคนมานั่งเบียดกันเพื่อแอบฟังเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบสองคนคุยกันหูผึ่ง

“รักโทรหานะ” ไอ้เปี๊ยกของกรกลายเป็นฝ่ายตามง้อเขาไปแล้ว ยังไงกันวะ แล้วก็ไม่รู้ว่าชินตอบกลับมายังไงอีกเหมือนเดิม แต่เห็นรักมันมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า แสดงว่าอีกฝ่ายคงตอบตกลง พอเห็นว่ารักกำลังจะหันกลับมาขึ้นรถ เราสองคนที่แอบฟังน้องอยู่ก็ดีดตัวกลับที่แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ในทันที ถ้าน้องเห็นล่ะก็นะ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน 

“คุยกันยัง” กรถามหลังจากออกรถมาได้ไม่ไกล ทำเหมือนคนไม่รู้ไม่เห็นอะไรมาก่อนหน้านี้ทั้งนั้น น่ากลัวไปแล้วนะแฟนผม หรือว่าผมเองก็พอกัน

“ก็คุยนิดหน่อย” รักตอบกลับมาไม่เต็มเสียง

“หรอ ดีแล้วล่ะ” ผมบอกน้อง ส่วนเรื่องที่ว่าระหว่างคู่นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเดี๋ยวค่อยหาจังหวะตะล่อมถามกันอีกที ให้มันดีกันแน่ ๆ ก่อน
   
..............................................................
........................................


“กร กร” ผมเรียกกรที่ยังนอนอยู่ ส่วนผมแปรงฟัน ล้างหน้าแล้ว แต่ยังไม่อาบน้ำ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น เตรียมออกไปวิ่งตอนเช้า วิ่งกลับมาค่อยอาบน้ำทีเดียว ไม่ได้ตั้งใจว่าจะออกไปวิ่งตั้งแต่แรก แต่พอดีตื่นเช้าขึ้นมาเอง เลยมาปลุกกรไปวิ่งด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่ากรจะยอมไปหรือเปล่า ดูนอนสบายขนาดนี้ ส่วนช่วงสายวันนี้ผมตั้งใจว่าจะเข้าไปดูคอนโดฯ ยังไม่ได้คิดไว้ว่าจะตกแต่งยังไง เข้าไปดูที่จริงก่อนค่อยว่ากัน 

ตอนแรกพี่กาวน์ก็มาถามผมว่าจะให้ตกแต่งห้องให้เลยไหม แต่ผมปฏิเสธเพราะอยากทำเองมากกว่า พอตอบไปแบบนี้แทนที่จบเรื่อง พี่แกกลับทำท่าเหมือนนึกอะไรอยู่สักพักแล้วก็ยิ้มแปลก ๆ ให้ผมเสียวสันหลังเล่น และแล้วงานก็วิ่งเข้ามาหาผมจนได้ เมื่อสิ่งที่พี่ชายผมเขานึกขึ้นได้นั่นคือ พี่แกเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีน้องเป็นสถาปนิก ที่ต้องบอกว่านึกขึ้นได้เพราะพี่แกบอกว่าลืมไปแล้วว่าผมเป็นสถาปนิกเพราะเห็นผมยุ่งอยู่แต่กับการทำหนังสือ 

พอนึกขึ้นได้อย่างนั้นก็เลยบอกให้ผมออกแบบตกแต่งห้องของพี่แกให้ด้วย แต่ผมยังไม่รับทำให้ มัณฑนากรที่จ้างมาตกแต่งคอนโดฯ ก็มีอยู่แล้วจะมายุ่งกับผมทำไม แล้วผมก็บอกไปอีกว่าผมจบสถาปัตย์ไม่ได้จบมัณฑณศิลป์ใช้งานผิดแล้ว แต่มีหรอที่พี่ผมมันจะฟัง มันบอกก็คล้าย ๆ กันแหละ แล้วยังบอกอีกว่าทีบ้านผม ผมยังออกแบบตกแต่งเองได้ คอนโดฯ มันก็ต้องทำได้ มันบอกให้คิดว่าทำงานแลกกับที่มันยกคอนโดฯ ให้ผมห้องนึง ผมว่าพี่ผมมันอยากหาเรื่องใช้ผมมากกว่าดูหน้าก็รู้

สุดท้ายก็กลายเป็นว่าผมหางานให้ตัวเองเสียอย่างนั้น ถ้าให้เขาตกแต่งให้เสร็จก็หมดเรื่องแล้ว งานก็ไม่ต้องทำ เงินก็ไม่ต้องเสีย พอตอบปฏิเสธ งานดันเข้าเสียอย่างงั้น เงินค่าตกแต่งห้องก็ต้องเสียเอง แถมต้องคิดงานเพิ่มเป็นสองเท่า เอาวะคิดซะว่าคอนโดฯ มันแพง คุ้มเกินค่างานหรอกถึงยอมทำให้ ที่สำคัญผมอยากรู้ว่าไอ้ห้องที่ผมจะทำให้เนี่ย ผมจะได้ทำตามความชอบหรือรสนิยมของใคร ของพี่ชายผมหรือของน้องชายผมอีกคน มันน่าสนุกตรงนี้นี่แหละ

“ยังเช้าอยู่เลย จะไปไหน” เสียงกรตอบกลับมา เมื่อหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น

“ไปวิ่งกัน” ผมชวน แล้วเดินไปหยิบเสื้อยืด กางเกงขาสั้นและชั้นในมาเตรียมให้กร ก่อนเอามาวางไว้ที่ปลายเตียง

“อืม” ปากตอบรับมาแล้ว แต่ตัวยังไม่ยอมขยับ

“อืมแล้ว ก็ลุก” ผมพูด แล้วดึงแขนกรลากตัวมาให้อยู่ใกล้ขอบเตียง ก่อนจับข้อมือทั้งสองข้างดึงตัวกรให้ลุกขึ้นมา

“เสื้อผ้าอยู่นี่แล้ว กันต์ลงไปรอข้างล่างนะ” ผมบอก พอกรพยักหน้ารับ ผมก็เดินลงมาหาป้านิ่มที่ตอนนี้คงจะอยู่ในครัว แล้วก็กะไว้ไม่ผิด เพราะกลิ่นหอม ๆ ที่ลอยออกมาจากในครัวมันฟ้อง เพิ่งจะหกโมงครึ่งเอง แต่ป้านิ่มลงครัวมาเตรียมมื้อเช้าให้พวกผมเรียบร้อยแล้ว

“เช้านี้มีอะไรกินครับป้านิ่ม” ผมถาม แล้วชะเง้อมองของที่อยู่ในหม้อ แล้วก็เห็นน้ำซุปกระดูกหมู

“ต้มเกี๊ยมอี๋ค่ะ” ป้านิ้มตอบกลับมาระหว่างที่กำลังซอยผักชีต้นหอมสำหรับโรยหน้า มาบ้านที่หัวหินทีไรไม่มีสักครั้งที่จะไม่ได้กินของโปรด

“มีอะไรให้กันต์ช่วยไหมครับ” ผมถาม แล้วเปิดถ้วยนั้นถ้วยนี้ดู ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดนมจืดที่ซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้เมื่อคืนออกมา

“ไม่มีแล้วค่ะ ป้าซอยต้นหอมผักชีนี่เสร็จ ก็เสร็จหมดแล้ว”

“ครับ ตอนกลางวันป้านิ่มไม่ต้องทำกับข้าวไว้นะ กันต์จะออกไปข้างนอกกัน แต่ตอนเย็นจะเข้ามานะครับ”

“ค่ะ แล้วพรุ่งนี้จะกลับกันกี่โมงคะ ทานข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยออกไปเหมือนเดิมหรือเปล่า”

“ครับ” ผมตอบ

“แล้วนี่จะทานมื้อเช้าเลยไหมคะ เสร็จแล้ว เดี๋ยวป้าตักให้”

 “ยังครับป้า กันต์กับกรจะออกไปวิ่ง เดี๋ยวกลับมากินนะครับ” คนตอบไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นกรที่ลงมาทันได้ยินป้านิ่มถามผมพอดี พอกรเข้ามาใกล้ ๆ ผมก็ยื่นแก้วนมไปให้

“ค่ะ ไปกันเถอะคะ สายกว่านี้แดดจะร้อน เจ็ดโมงแดดก็เริ่มออกแล้ว” ป้านิ่มบอก ส่วนผมรอกรดื่มนมจนหมดก็เอาแก้วไปเก็บให้ 

“ไปแล้วครับป้า” กรพูด ก่อนจะดันหลังผมให้เดินออกมาพร้อมกัน แต่ก่อนจะออกจากบ้านก็ต้องแวะไปรับสมาชิกอีกหนึ่งที่จะไปวิ่งด้วยกันก่อน แค่เปิดประตูก้าวออกมาก็เสียงเรียกมาก่อนที่ตัวจะวิ่งกระโจนมาถึงเสียอีก

“ซูชิ เบา ๆ” กรรีบตะโกนห้ามไว้ก่อน เพราะถ้าให้มันกระโจนใส่เต็มแรงมีหวังได้ล้มกันทั้งยืน

พอสมาชิกครบ ผมกับกรก็ยืดเส้นยืดสายกันสองสามนาทีก่อนออกวิ่งกัน เราสองคนกับอีกหนึ่งตัวก็พากันวิ่งไปเรื่อย ๆ ตามถนนเลียบหาด จนกะว่าน่าจะได้สักครึ่งกิโลก็พากันวิ่งกลับ ไปกลับก็กิโลนึงพอดี จะวิ่งไปไกลกว่านั้นก็กลัวซูชิมันจะวิ่งไม่ไว้ แค่ครึ่งโลฯ ก็ลิ้นห้อยแล้ว พอขากลับเลยต้องพากันวิ่งสลับเดิน

พอกลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ได้อาบน้ำกินข้าวกัน เพราะไอ้ลูกชายผมมันวิ่งไปคาบลูกบอลพลาสติกมาชวนผมเล่น สงสัยลุงนานไปซื้อมาให้มันเล่น เป็นลูกบอลพลาสติกแบบที่เด็กเขาเตะเล่นกัน พอมันคาบมาทีก็เต็มปาก ผมกับกรก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ก่อนพากันวิ่งนำซูชิลงไปที่หาดหลังบ้าน ลูกชายผมมันฉลาดเตะบอลเป็นด้วย เห็นแล้วก็อยากพากลับไปเลี้ยงที่บ้านด้วย เอาไปเป็นเพื่อนเจ้าเรนที่ตอนนี้กรไปเอามาเลี้ยงที่บ้าน เวลาไม่อยู่ถึงจะเอากลับไปไว้ที่บ้านพ่อแม่ แต่ถ้าเอาซูชิไปผมก็สงสารลุงนานอีก แกคงเหงา เพราะฉะนั้นก็ให้มันอยู่ที่นี่ดีกว่า คิดถึงก็มาหา

ผมว่าเล่นกับมันนี่ได้เหงื่อยิ่งกว่าไปวิ่งเมื่อกี้อีก พอเล่นกันจนเหนื่อยไอ้ลูกชายผมมันก็วิ่งขึ้นบ้านไป ส่วนผมกับกรที่หมดแรงแล้วก็ถูกมันทิ้งให้นอนแผ่กันอยู่ที่เก้าอี้นอนใต้ต้นไม้

.
.
.


“หยุดนะ อย่าเข้ามา” ผมรีบชี้หน้าบอกกรที่ลุกจากเก้าอี้ข้าง ๆ แล้วย่างเท้าเข้ามาใกล้ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าคิดจะทำอะไร อย่านะเว้ย

“ทำไม ชี้หน้ากรทำไม”

“เฮ้ย ไม่เล่นนะ” ผมลุกขึ้นจะวิ่งแล้ว แต่มันไม่ทัน ถูกรวบตัวแล้วยกขึ้นพาดบ่าอีกคนไปเรียบร้อย ไม่คิดจะให้โอกาสหนีกันหน่อยหรอ

“เอาน่า ไปเล่นน้ำกันเหอะ เนี่ยอากาศกำลังดีเลย” ไอ้คนที่แบกผมอยู่เนี่ยก็ไม่ได้สนใจเลยว่าผมพูดอะไรบ้าง บอกไม่เล่น ๆ ก็ไม่ได้สนใจเลย

ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเล่นน้ำหรือยังไง มาทะเลก็เล่นน้ำเกือบทุกครั้งอยู่แล้ว เมื่อวานก็ลงเล่น แต่ที่ยังไม่อยากเล่นตอนนี้เพราะกำลังนอนเพลิน ๆ  แล้วก็ไม่รู้ว่ากรเป็นอะไร ถ้าเห็นผมนอนมีความสุขเมื่อไหร่ละก็ชอบเข้ามาแกล้งนักล่ะ ยิ่งเห็นผมโวยวายยิ่งชอบ โรคจิตชัด ๆ ส่วนผมก็พยายามแล้วจะไม่โวยวาย แต่มันอดได้ที่ไหนก็ดูเขาทำกับผมแต่ละอย่าง

“เอ้ย จะอุ้มไปถึงไหน ปล่อยได้แล้ว” ผมร้องบอก เมื่อเห็นว่ากรไม่จับผมทุ่มลงน้ำอย่างทุกทีแต่พาเดินลงทะเลลึกออกไปเรื่อย ๆ

“เฮ้ย จะทำอะไร” ผมร้องเป็นรอบที่สอง เมื่อถูกคนที่แบกลงทะเลจับเปลี่ยนท่าอุ้มใหม่ ขาผมสองข้างถูกจับให้เกี่ยวรอบเอวเขา มีมือเขาทั้งสองข้างมาช้อนสะโพกผมเพื่อรับน้ำหนักไว้ จะดิ้นก็กลัวหงายหลังโครมลงน้ำให้สำลัก เลยได้แต่เกาะบ่าคนอุ้มไว้ แต่รู้สึกว่าท่าทางมันล่อแหลมยังไงพิกล คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง กลางทะเลแบบนี้ ไม่มีอะไรแน่ ๆ ไม่มี ไม่มี

“กร ปล่อย” ปากพูดบอกกรไป แต่สายตาต้องหันกลับไปมองด้านหลังเมื่อไม่เห็นมีใคร ถึงหันมองไปทางอื่น มองจนรบแล้วว่าไม่มีใครถึงกลับมาสนใจกับใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบ

“ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่พามาเล่นน้ำเฉย ๆ เอง ไม่ปล่อยหรอก” ยังจะมาตอบหน้าตาเฉยอีก ให้ไอ้ที่คิดอยู่มันไม่มีอะไรเหมือนที่พูดเหอะ

“เล่นแบบนี้ไม่เอา เดี๋ยวใครมาเห็น” ผมพูดแล้วมองไปรอบ ๆ อีก

“ไม่มีใครหรอกเช้าขนาดนี้ น้ำก็เย็นใครจะออกมาเล่น” กรตอบ แล้วไอ้บ้าที่ไหนมันมายืนอยู่ในน้ำนี่ล่ะ เป็นคนอื่นมาเห็นผมอาจจะไม่ใส่ใจอะไรมากแล้วก็มีโอกาสน้อยมาที่จะมีคนอื่นมาเห็นเพราะแถวนี้มีแต่บ้านพักส่วนตัว แต่ละหลังก็ห่างกันเป็นโยชน์ แต่ที่ผมกังวลคือคนในบ้านต่างหาก ผมยังไม่อยากทำคนแก่หัวใจวาย

“งั้นไปลึกกว่านี้อีกหน่อยดีกว่า ถ้าเห็นก็เห็นแบบลิบ ๆ เขาไม่รู้หรอก ว่าอะไรเป็นอะไร” กรพูดต่อ เฮ้ย ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พอพูดจบกรก็พาผมเดินลึกลงไปในทะเลอีก จนกรโผล่พ้นน้ำทะเลมาแค่ช่วงบ่า ส่วนผมอยู่แค่ระดับอกเพราะถูกอุ้มไว้ แล้วไอ้ที่พูดว่าอะไรเป็นอะไร นี่มันคืออะไร

“จะทำอะไร ปล่อยนะกร” ผมบอก

“กร” ผมเรียกชื่อเขาซ้ำ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ มุมปากที่ยกยิ้มแบบไม่น่าไว้ใจ

“กลับขึ้นบ้านเถอะนะ” เมื่อดุแล้วไม่ได้ผล ผมก็ต้องลองใช้ไม้อ่อนดูบ้างเผื่อจะได้ผล ทำยังไงก็ได้ให้ผมรอดจากตรงนี้ไปก่อน

“นะ” นะ นะอะไร อย่ามาพูดสั้น ๆ แบบนี้ ไม่ชอบเลยเวลากรพูดสั้น ๆ เพราะมันจะหมายถึงความไม่ปลอดภัยในสวัสดิภาพของผม ไม่รู้ว่าไอ้คำว่า “นะ” คำเดียวนี่มันกลายเป็นคำสื่อถึงเรื่องอย่างว่าระหว่างผมกับกรไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอกรพูดคำนี้ทีไร รู้ตัวอีกทีของกรก็เกือบจะเข้ามาอยู่ในตัวผมแล้ว ดีที่ครั้งนี้ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

“มะ อุ๊บ” ยังไม่ทันจะตอบอีกคนก็โฉบปากลงมาปิดปากผมไว้เสียก่อน อย่าเพิ่งทำแบบนี้ได้ไหมเล่า ผมพยายามทุบหลังทุบไหล่กรก็แล้ว เบี่ยงหน้านี้ก็แล้ว แต่กรก็ยังไม่ยอมหยุด จนเขาพอใจแล้วถึงได้ยอมถอยออกไปเอง

“อายหรอ” ถามมาได้ ไม่อายก็ด้านเกินไปแล้ว มองดูบ้างนี่มันกลางแจ้ง ถึงจะในน้ำลึกก็เถอะ ผมไม่ตอบแต่ก้มหน้าลงกับบ่าของกรแทน แล้วค่อยพยักหน้าตอบทั้งที่ยังก้มหน้างุดซุกอยู่กับบ่าเขา ตอนนี้รู้สึกว่าหน้าของผมมันร้อนฉ่าไปหมด ทั้งที่ตัวแช่อยู่ในน้ำเย็น การกระทำของผมทำไมมันไม่ไปทางเดียวกับที่คิด ผมควรจะต้องออกแรงทำยังไงก็ได้ให้กรปล่อยตัวผม ไม่ใช่มาตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟก้มหน้าซุกบ่าเขาอยู่แบบนี้

“ปล่อยเหอะ” ผมบอกเสียงอ่อย ถ้าอยู่ท่านี้นาน ๆ เข้า ผมว่าผมคงไม่รอด ยิ่งคลื่นกระแทกตัวเข้ามาที ไอ้อะไร ๆ ที่มันเสียดสีกันอยู่มันก็ยิ่งขยับบดเบียดเข้าหากันไปใหญ่ ผมก็พยายามจะโหย่งตัวหนี แต่อีกคนก็พยายามจะทำให้มันแนบชิดกันมากขึ้นตลอด

“เปลี่ยนบรรยากาศไง ตื่นเต้นดีออก” ใช่ ตื่นเต้นมากเลยล่ะตอนนี้ ทั้งตื่นเต้นทั้งลุ้นระทึก ถูกทำให้ตื่นทั้งตัวเลยตอนนี้ ถ้าตัวไม่เปียกคงเห็นว่าผมขนลุกอยู่

“ไม่เอาตรงนี้” ผมยังยืนยัน ให้ทำตรงนี้ไม่เอาจริง ๆ ยังไงก็ไม่เด็ดขาด

“ถ้าเข้าบ้านแล้วได้ใช่ไหม” พอถูกถามแบบนี้ผมก็รีบพยักหน้าตอบ ทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่แบบนั้น ส่วนกรพอผมตอบแบบนั้นเขาก็ยกมือมากดหัวผมให้แนบลงกับบ่าเขาแน่นขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็กอดผมไว้จนแน่น ผมเองก็กอดเขาตอบ

“ตอนเช้านะ” กรถามอีก ผมก็พยักหน้าตอบอีก ยังไงก็ได้ ตอนไหนก็ได้ แค่เป็นที่เตียง ไม่ใช่ในทะเลนี่

“งั้นกลับเข้าบ้านกัน” พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบผงกหัวตอบ ได้ยินเสียงกรหัวเราะในคอด้วย แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมไม่สนใจแล้ว

-------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 13-04-2012 23:19:30
กันต์อ่ะ กรเข้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไม่ใจเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 13-04-2012 23:33:17
โหวววววววววววววววววววว อดดูเลย อุตส่าห์ตามไปแอบดู ดันพาเข้าห้องอีกแล้วววววววววววววว :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 14-04-2012 00:45:59
"นะ"......   :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 14-04-2012 01:03:30
ต่อ อีกนิด.       นะ (:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 14-04-2012 04:21:06
เด็กน้อยดีกันแล้ว
ทะเลหวาน :-[
สุขสันต์วันสงกรานต์ :mc4:
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 14-04-2012 05:36:53
                                               เด็กผลัดกันง้อผลัดกันงอน พี่ๆคอยเชียร์ล่ะกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 14-04-2012 07:01:05
น่ารักอ่ะน่ารัก...น่ารักที่สรวดดดดดด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-04-2012 12:33:21
 :L1: :กอด1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-04-2012 13:50:09
ไปนอนรอใต้เตียงกว่าเรา  หุ หุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 14-04-2012 16:38:46
พี่กันต์อ่ะ ไม่ลองเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยหรา
อะไรๆ ก็ตื่นแล้ว กางเกงขาสั้นที่ใส่วิ่งคงจะบางใช่ป่ะ
เดินกลับเข้าบ้านเดี๋ยวมีคนเห็นนะเออ หวังดีนะถึงได้บอก
ทำให้มันสงบก่อนแล้วค่อยขึ้นฝั่งดีกว่าน่า "นะ"
เค้าหวังดีจริง ๆ ไม่ได้หะ (ตระครุบปากแทบไม่ทัน เกือบหลุดบอกว่า แอบหื่น)
แต่ถ้าจะย้ายไปที่เตียงก็จะตามไปแอบ ๆ หลบอยู่แถวนั้นล่ะนะ  :m10:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 15-04-2012 12:41:17
ชอบตอนที่แอบฟังน้องคุยกันจัง ลองนึกภาพผู้ชายสองคนมานั่งเบียดกันอยู่ริมประตูรถฟังน้องคุยกันแล้ว
จะว่าน่ารักก็น่ารัก ตลกก็ตลก เป็นตอนที่ได้เห็นคู่นี้หลากหลายมุมดี
ส่วนตอนอยู่ในทะเล พี่กันต์ยอมหน่อยเถอะน่า อิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 15-04-2012 14:31:06
 :L2: :L1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 15-04-2012 23:11:58
บรรยายฉากที่พี่กันต์อายได้สมชื่อตอนมาก ๆ เลย
คนอ่านยังพลอยเขินตามไปด้วย  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 16-04-2012 19:57:41
รีบมาต่อ "นะ"  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 16-04-2012 20:13:31
นะ  .........
ขออ่านอีกนิด ฮาๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 16-04-2012 20:34:25
อร๊ายๆๆๆๆๆ
 :z1:
อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกจนตอนนี้
กรร้ายนะคะเดี๋ยวนี้
ทำอะไรก็หื่น หื่นทุกสถานการณ์
 :oo1:
เรื่องนี้น่ารักทุกคู่
เดี๋ยวจะตามไปอ่านอีกเรื่องด้วยค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 16-04-2012 22:50:23
รอ อยู่ นะ

อยู่ ใต้ เตียง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-04-2012 11:44:16
รออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-05-2012 00:39:43
คิดถึงกร-กันต์ แล้วค่ะ คราวนี้หายไปนานจัง ^_^
รวมถึงพี่กาวน์-น้องป่านด้วย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Shy p. 65 13/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 29-05-2012 21:48:47
ตอนที่ 62 นะ ครับ

“ไม่เอาตรงนี้” กันต์ซบหน้าอยู่กับซอกคอผมแล้วพูดเสียงอ่อย ไม่ยอมเงยหน้ามาสบตาผม ที่เป็นแบบนี้ผมว่าไม่ใช่เพราะเขาเขินอย่างเดียวหรอก แต่กลัวใจอ่อนกับผมมากกว่า     

“ถ้าเข้าบ้านแล้วได้ใช่ไหม” พอถูกผมถามแบบนี้กันต์ก็รีบพยักหน้าตอบ ทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่แบบนั้น พอเขาตอบมาผมเลยกอดเขาจนแน่น ไม่ให้กอดแน่น ๆ ได้ยังไงก็น่ารักเสียขนาดนี้ หน้าของกันต์ตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงสุกเลยทีเดียว ปกติเขาก็ไม่ได้เขินอะไรมากมายขนาดนี้ แต่คราวนี้คงเป็นเพราะบรรยากาศที่ต่างออกไปมากกว่าเลยกระตุ้นให้เลือดลมสูบฉีดได้มากกว่าปกติ

กันต์เองก็ใช่ว่าจะไร้เดียงสาอะไรกับเรื่องแบบนี้ ผมว่าเขาน่ะเชี่ยวกว่าผมเสียอีก ก่อนมาคบกับผมเขาเองก็ใช้ขีวิตสุดเหวี่ยงอยู่เหมือนกัน เรียกว่าเป็นเสือเลยก็ได้ แถมยังเป็นเสือซ่อนเล็บอีกต่างหาก ถ้าเทียบตัวผมกับเขาผมคงกลายเป็นแค่ลูกแมวแค่นั้น แล้วที่ผมรู้เรื่องของเขาก็ไม่ได้มาจากใครที่ไหนมาจากเขาเองทั้งนั้น คบกันใหม่ ๆ เดินด้วยกันทีไรก็เห็นมีคนสวย ๆ เดินเข้ามาทักเรื่อย พอเป็นแบบนั้นกันต์ก็จะยกแขนขึ้นมาแตะศอกผมเบา ๆ ผมก็เป็นอันเข้าใจได้โดยทันทีว่ากันต์ต้องการบอกผมว่า ไม่มีอะไรแล้ว ผ่านไปแล้ว

ไอ้เจอข้างนอกยังถือว่าเด็ก ๆ เมื่อเทียบกับวีรกรรมที่คุณชายพาแฟนเก่าขึ้นคอนโดฯ ทั้งที่ตอนนั้นก็เพิ่งจะคบกับผมได้ไม่นานและครั้งนั้นก็เป็นครั้งที่ผมคิดว่าผมเจ็บที่สุดแล้ว มันยิ่งกว่าตอนที่ผมเลิกกับแฟนคนแรกเสียอีก ทั้งที่ผมคิดว่าผมรักแฟนคนนั้นมาก แถมคบกันมาก็นานพอสมควร แต่กับกันต์ทั้งที่คบกันไม่นาน แต่กลายเป็นว่าเขานี่แหละทำให้ผมรู้จักคำว่าเจ็บจนยืนแทบไม่ไหวมันเป็นยังไง แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว และผมก็ไม่ได้คิดติดใจสงสัยอะไรอีก เพราะทุกวันที่ผ่านมานับจากวันนั้น ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่ทำให้ผมยิ้มและมีความสุข

แต่ใครจะรู้ว่าพ่อเสือร้ายจะกลายเป็นแมวเหมียวไปได้เพราะคำพูด กันต์เขาเป็นประเภทการกระทำสำคัญกว่าคำพูด ส่วนผมทั้งคำพูดและการกระทำสำคัญเท่ากัน อาจเป็นเพราะนิสัยผมที่เป็นคนพูดเก่งด้วย มีอะไรผมก็พูด แม้แต่เรื่องอย่างว่า ส่วนกันต์จะพูดน้อย ยิ่งเรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาไม่เคยพูดเลย เขาว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ต้องพูดกันออกมาโต่ง ๆ หรอก แค่มองตากันนิด แตะตัวกันหน่อยก็รู้เรื่องแล้ว แต่ผมว่าจริง ๆ แล้วเหมือนเขาเขินที่จะพูดมากกว่า แต่ไอ้การแสดงออกเวลาเขินของเขาเนี่ยจะชอบทำหงุดหงิดกลบเกลื่อน แต่โมโหหงุดหงิดยังไงไม่รู้ถึงชอบหลบตา หน้าแดง หูแดงอย่างคนเขินจัดมากกว่าโกรธจัด

แล้วผมเนี่ยถ้าได้ทำอะไรให้กันต์ออกอาการฟึดฟัดได้นิด ๆ หน่อย ๆ พอประมาณได้ผมก็ชอบทำนะ ผมว่าไอ้เรื่องทำแฟนให้ออกอาการฟึดฟัดหรือได้แหย่ให้โมโหได้นิด ๆ หลาย ๆ คนชอบทำกันนะ แต่เอาให้แค่เขาออกอาการแบบเหวี่ยง ๆ พอประมาณ มันจะรู้สึกว่าเขาน่าฟัด น่าเข้าไปง้อ น่าเข้าไปยุ่งด้วยอย่างบอกไม่ถูก รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบให้ผมพูด ผมก็ยังชอบที่จะพูด เขาบอกมันต้องพูดกันทุกครั้งก่อนจะทำอะไรหรือไง จะต้องพูดทำไม ไม่ให้ทำเดี๋ยวบอกเอง แหม ทีตอนทำกันไม่เห็นเขิน มาเขินตอนผมพูด เอากับเขาสิ มันเลยเหมือนว่าผมพูดเรื่องแบบนี้อยู่ฝ่ายเดียว ส่วนกันต์เขาจะไม่ค่อยพูด แต่แสดงออกแบบถึงเนื้อถึงตัวเลย ประมาณว่าพูดน้อยต่อยหนัก   

นอกจากเรื่องที่ทำให้กันต์เกิดเขินขึ้นมาได้นอกจากเวลาผมพูดเรื่องแบบนั้นออกมาก็คงเป็นเวลาที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่บนเตียงนี่แหละ แค่ลองเปลี่ยนมุมนิด ๆ หน่อย ๆ อย่างโซฟามุมห้อง ทั้งที่อยู่ในห้องเหมือนกันแท้ ๆ แต่กันต์ก็จะเกิดอาการแปลกที่ขึ้นมาทันที

.
.
.


“ตอนเช้านะ” ผมบอกเขา เขาก็พยักหน้าตอบ แต่ใจผมยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยลองอ้อนดูอีกนิดจะดีไหม 

ส่วนที่ต้องพูดย้ำให้รู้ว่าตอนเช้านะ ก็ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะน้อยครั้งที่เขาจะยอมทำอะไรกับผมตอนเช้า ๆ สาเหตุมันก็มาจากว่า ถ้าเป็นเช้าวันทำงานก็จะทำให้เราทั้งคู่ไปทำงานสายอีกคนละเกือบชั่วโมง ถ้าเป็นเช้าวันหยุดเราก็จะไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นไปเกือบครึ่งวันกินข้าวมื้อแรกก็เลยเที่ยงไปแล้ว ไม่ใช่ว่าผมจะทำอะไรต่อเนื่องยาวนานขนาดนั้น พอดีที่รักของผมได้ช้ำหมด แต่มันเป็นเพราะหลังจากนั้นเรามัวแต่นอนกกกันอยู่บนเตียงต่างคนต่างไม่ยอมลุกมากกว่า แล้วกันต์ก็จะมาโวยวายผมที่หลัง ถ้าเขามีแผนที่ตั้งใจจำทำวันหยุดแล้วก็ไม่ได้ทำเพราะผมเป็นตัวต้นเหตุให้แผนเขาล่ม 

“งั้นกลับเข้าบ้านกัน” ผมบอกพอกันต์ได้ยินแบบนั้นก็รีบผงกหัวตอบ จนผมอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ ถึงจะพูดไปแบบนั้นแล้วแต่ผมก็ยังไม่ตัดใจล้มเลิกความคิดเสียทีเดียว ใจนึงก็อยากว่าตามกันต์ แต่อีกใจมันก็อยากลอง ที่นี่ ตอนนี้

“ไม่ได้จริง ๆ หรอ” ผมลองตื้ออีกครั้ง ปากพูดตื้อ แต่ผมว่ามือผมไปไวกว่าเสียงเยอะ แล้วกันต์จะทำอะไรก็ไม่ได้เมื่อผมโอบเอวเขาให้ตัวสนิทแนบอยู่กับผมขนาดนี้ ผมไม่ปล่อยหลุดมือไปง่าย ๆ หรอก

“อื้อ ไม่เอา กร เข้าบ้านก่อน” พอพูดจบผมก็ก้มลงแตะปากกับกันต์เบา ๆ แล้วถอนออก แสดงท่าทางออดอ้อนอยู่ในที จนเขาประท้วงเสียงอ่อน

“เปลี่ยนใจแล้ว ที่นี่เถอะนะ”

“นะ นะครับ” ผมพูด กระซิบข้างหู ส่วนกันต์ก้มหน้าชิดอก ไม่ยอมสบตาผม ตอนนี้เขากำลังลังเล ว่าจะตามใจผมดีไหม เชื่อเถอะว่าตอนนี้เขาเอนเอียงมาทางผมว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้ายังยืนกรานว่าไม่ยอมเขาต้องพูดมาแล้ว แล้วผมจะชักช้าอยู่ทำไม ช่วยกระตุ้นให้เขาตัดสินใจได้เร็ว ๆ ดีกว่า เพราะขืนช้าผมเองนี่แหละที่จะไม่ไหว ถึงจะบอกว่าไม่ไหว แต่ถ้าเขาไม่ยอม ผมก็ไม่อยากบังคับ

.
.
.


พอคิดได้แบบนั้นมืออีกข้างก็ถูกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดคอกลมสีขาวที่พอเปียกน้ำก็เห็นสิ่งที่อยู่ใต้เสื้ออย่างชัดเจน จากที่เริ่มลูบไล้จากกลางแผ่นหลังก็ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาอย่างช้า ๆ จนเกือบถึงท้ายทอย แล้วลากเลือนอย่างเบามือวนมาจนถึงด้านหน้าจนสะดุดเข้ากับจุดเล็ก ๆ ทั้งที่น่าจะเป็นอะไรที่ชินไม้ชินมือกันแล้ว แต่ทุกครั้งที่สัมผัสก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งได้พบเจอ และพอได้เจอสิ่งที่ตามหามานาน ก็เกิดกระตือรือร้นที่จะพุ่งเข้าไปหา อยากแตะสัมผัสให้หนำใจสมกับที่ตามหาจนเจอ จากจุดแรกลากผ่านไปยังจุดที่สองแล้วบดขยี้พอเบามือ แต่อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาไม่ได้เบาอย่างแรงมือ

เพียงแค่เริ่มต้นหยอกเอินกันแบบเบา ๆ ไม่ได้ลงสัมผัสหนักหน่วงหรือออกแรงฟ้อนเฟ้นไปทั่วร่าง แต่กลับทำให้อีกคนถึงกับผวาเฮือก แอ่นอกเข้าหามือที่สัมผัสอยู่ ก่อนหลุดเสียงร้องครางหวิวออกมาอย่างลืมตัว มือที่ยึดบ่าเพื่อประคองตัวในตอนแรก ขยับเลื่อนขึ้นมาอยู่ที่ท้ายทอย แล้วกดแน่นเหมือนกำลังบอกทางอ้อมว่าให้ทำอะไรมากกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ ในห้วงอารมณ์นี้คงเหมือนไฟที่ถูกจุดติดแล้ว ยิ่งมีลมพัดเข้ามาไฟก็ยิ่งลุกโหมแรงขึ้นและแรงขึ้น พร้อมจะเผาให้อีกฝ่ายหมอดไหม้กันไปข้าง

เสื้อผ้าที่ดูสวมใส่สบายอย่างกางเกงขาสั้นสำหรับใส่ออกกำลังกาย เสื้อยืด และกางเกงชั้นในเนื้อนิ่ม เมื่อมาติดกายในสภาวะที่ไม่สมควรมีอะไรติดกายและยังไม่สามารถจะสลัดสิ่งเหล่านั้นให้ปลิดปลิวออกไปจากร่างอย่างที่ใจอยากได้ เสื้อผ้าที่เคยสวมใส่สบายเหล่านั้นจึงกลับกลายเป็นสิ่งกีดขวางและสร้างความรำคาญได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่พอจะทำได้มากที่สุดก็เพียงแค่รั้งชายเสื้อที่แสนเกะกะนั้นขึ้น แล้วสอดมือเข้าไปลูบไล้สัมผัสกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“กร ข้างล่าง” น้ำเสียงที่เรียกชื่อออกมาเป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความออดอ้อน เว้าวอนอย่างปิดไม่มิด แต่ท้ายคำกลับถูกสะบัดพูดจนห้วนจนเหมือนเป็นการบังคับให้ทำอยู่ในที จะมีใครสักกี่คนกันที่มีอะไรผสมผสานกันจนน่าค้นหาได้ไม่รู้จบอย่างคน ๆ นี้

ยิ่งได้อยู่ด้วย ยิ่งเห็นหน้า ยิ่งได้สัมผัสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่พอ อยากจะค้น อยากจะหา สำรวจตรวจตราให้ทั่วทุกอณูว่ามีอะไรที่แอบซ่อนไว้ในร่างที่เล็กกว่านี้แล้วยังไม่เคยได้เห็นอีก เป็นคนที่มีเสน่ห์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ถ้าลองได้ตกหลุมรักไปแล้วคงยากที่จะถอนตัว และก็เป็นเช่นนั้นเพราะได้พิสูจน์มาแล้วกับตัว

“ยังหรอก” พูดจบก็รีบใช้ปากปิดปากคนที่ทำตาเขียวใส่ก่อนจะได้พูดประท้วงอะไรออกมาเพราะถูกขัดใจ แต่ก็ใช่ว่าคนถูกขัดใจจะยอมอะไรง่าย ๆ เมื่อไม่ถูกตามใจก็หวังจะพึ่งตัวเอง แต่ก็ไม่มีทางที่จะถูกปล่อยให้ทำตามใจตัวเองได้ง่ายอย่างที่ใจคิด   

“อย่าขี้โกงสิ” พอถูกดึงมือออกไม่ให้ทำตามอย่างที่ใจอยาก เจ้าของมือนั้นก็เปลี่ยนท่าทีทันใดจากดวงตาที่ดูแข็งกร้าวเพราะโดนขัดใจก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาหวานเชื่อมได้อย่างหน้าตกใจเพียงแค่พริบตาเหมือนเล่นกล มือที่ถูกจับไว้ก็เลิกแข็งขืน ยอมผ่อนแรงลง แล้วค่อย ๆ ดึงมือออกจากมือหนาที่เกาะกุมไว้ ก่อนจะยกขึ้นมาวางอยู่ที่ท้ายทอยของคนที่ตัวเองกำลังหว่านเสน่ห์ใส่ พอวางมือลงที่ท้ายทอยแล้วก็ใช่ว่าจะวางอยู่เฉย กลับขยับปลายนิ้วไล้หยอกเย้าให้เจ้าของท้ายทอยถึงกับใจสั่น ถ้าตัวไม่เปียกคงได้เห็นเส้นขนอ่อน ๆ พากันลุกเกรียว ร้ายจริง ๆ และจากที่คิดไว้ว่าจะไม่ตามใจเพราะอยากแกล้ง ก็ถึงกับใจอ่อนยวบ สุดท้ายแล้วก็ต้องเลือนมือลงไปหาบางสิ่งใต้น้ำตามที่ถูกอ้อนขอ

แต่พอทำตามคำจอแล้วก็ได้สิ่งตอบแทนที่แสนจะคุ้ม เพราะสิ่งตอบแทนนั้นเป็นเสียงหวานใสเครือครางหวานใสดังชิดใบหู ยิ่งออกแรงเน้นน้ำหนักมือให้อย่างที่รู้ว่าจะต้องถูกใจเจ้าของเสียงครางหวานเป็นแน่ ก็ยิ่งได้รับเสียงครางหวานที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสิ่งตอบแทน ยังไม่ทันถึงครึ่งทาง หัวใจก็เต้นจนเหมือนจะหลุดออกมานอกอก นี่ถ้าหัวใจไม่แข้งแรงพอคงได้หัวใจวายตายคาอก

“เร็ว ๆ” เสียงร้องเร่งเมื่ออารมณ์กำลังเข้าใกล้จุดสำคัญเต็มที แต่เห็นทีคราวนี้คงต้องทำใจแข็ง

“รอไปด้วยกันทีเดียวนะ” ผมพูดบอกและไม่รอฟังว่าอีกฝ่ายว่าจะว่าอย่างไร ก็กดจมูกลงกับแก้มที่ระเรื่อด้วยเลือดฝาดก่อนจะละมือจากด้านหน้าแล้วมุ่งไปอีกทางทันทีเพื่อเริ่มเปิดทาง

พอเป็นแบบนั้นเจ้าของเสียงหวานเมื่อครู่ก็ซบหน้าลงกับบ่ากว้าง ก่อนจะฝังฟันคมลงเหมือนต้องการลงโทษคนที่มาขัดใจ และอีกทางก็คือรู้ว่าตัวเองจะต้องเผชิญกับอะไรต่อไป ถึงได้หาทางระบายออกไว้ล่วงหน้า

“อื้อ” เสียงร้องลอดออกมาไม่ดังนักจากริมฝีปากได้รูปเพราะติดที่กำลังฝากฝังรอยฟันไว้ที่บ่ากว้างของคนที่กำลังนำพาความเจ็บแปลบมาเยือน ก่อนที่สองมือจะเริ่มจิกแน่นจนเกร็งเมื่อความเจ็บที่เป็นเพียงแต่เจ็บแปลบในคราวแรกเริ่มมากขึ้นจากสิ่งที่ทำให้เกิดความคับแน่นจนเกือบจะเกินทนได้แทรกสอดเข้ามาในร่างอย่างช้า ๆ  คงเพราะสภาพที่แช่อยู่ในน้ำความฝืดเคืองจึงมีมากกว่าทุกครั้ง

“เข้าไปหมดแล้ว” เสียงกระซิบบอกทำให้เจ้าของแรงตอดรัดพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ ก่อนคลายฟันคมออกจากบ่ากว้างที่มีเสื้อขาวปกปิด จึงไม่ได้เห็นว่าผิวเนื้อใต้เสื้อขาวที่เปียกน้ำจนลู่ติดไปกับร่างนั้นเกิดร่องรอยจากแรงฟันมากน้อยแค่ไหน 

ในระหว่างที่รอให้อีกฝ่ายปรับตัวริมฝีปากและปลายลิ้นก็ไม่ได้อยู่เฉย หากแต่กำลังปฏิบัติหน้าที่ที่สมควรในเวลานี้ได้อย่างดีเยี่ยม จนสองริมฝีปากเข้าโรมรันพันตูจนเกิดเสียงที่ได้ยินกันสองคน จนเมื่อร่างกายส่วนรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายพร้อมให้เดินหน้าต่อแล้ว สองมือที่โอบพยุงร่างอีกฝ่ายไว้ก็กระชับให้แน่นเข้า เพื่อเตรียมขยับยกร่างนั้นให้เป็นไปตามจังหวะที่ใจอยากจะให้เป็น

ช้า เนิบนาบ แต่เน้นหนักในทุกสัมผัส ทำให้ร่างที่ถูกยกลอยในน้ำถึงกับส่งเสียงไม่เป็นภาษา แต่เพียงไม่นานเจ้าของเสียงนั้นก็กลับกลายมาเป็นผู้ควบคุมจังหวะร้อนนี้เสียเอง จนฝ่ายที่เริ่มต้นก่อนถึงกับส่งเสียงทุ้มต่ำที่แสดงถึงความพึงใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

และเสียงนั้นก็เป็นเหมือนแรงกระตุ้น ให้จังหวะนั้นเร่าร้อนขั้นเรื่อย ๆ คนนำจังหวะคงลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ เป็นคนที่ยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีทางยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในที่แจ้งอย่างนี้เป็นแน่



“อ้าห์” สองเสียงสอดประสานเมื่อการเดินทางกลางท้องทะเลภายใต้ผืนสีครามได้สิ้นสุดลงในเวลาเดียวกัน

ไม่มีเสียงพูดคุย ในเวลานี้ที่ได้ยินมีเพียงแต่เสียงหอบหายใจของคนสองคนที่เกือบจะเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกัน ก่อนจะมีเสียงคล้ายคนตกใจหลุดออกมาไม่ดังนักจากร่างที่เล็กกว่า เมื่อความคับแน่นในร่างถูกถอดถอนไปในฉับพลัน จากนั้นก็เหลือเพียงแต่เสียงหายใจและเสียงลมที่พัดผ่านสองร่างที่กอดกันแน่นจนแถบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันไปเพียงเบา ๆ





“เข้าบ้านเลยไหม”

“อืม”

“ขี่หลังกรดีกว่า เดี๋ยวพาเดินเข้าบ้าน” กันต์ไม่ตอบอะไร แต่พอผมปล่อยตัวเขาลงยืน เขาก็เข้ามาโอบรอบคอผมจากด้านหลัง แล้วปล่อยให้ผมยกตัวเข้าขึ้นหลัง ก่อนจะซบหน้าลงกับบ่าผมด้านหนึ่งแล้วนิ่งเงียบไป ปล่อยให้ผมพาเข้าบ้าน

.
.
.




“ตายแล้ว คุณกันต์เป็นอะไรคะ” เสียงป้านิ่มยกมือทาบอกแล้วถามขึ้นอย่างร้อน พร้อมเร่งสาวเท้าเดินมาหาทันทีที่เห็นผมพากันต์ขี่หลังเข้ามาในบ้าน

“ยังไม่ตายครับป้านิ่ม กันต์แค่หกล้มครับ สงสัยข้อเท้าจะเคล็ดผมเลยพาขี่หลังมา” ผมโกหกคำโต ก่อนที่กันต์จะตบมือที่บ่าผมเป็นการส่งสัญญาณให้ผมปล่อยตัวเขาลง พอเขาลงยืนผมก็เอามือข้างนึงช่วยจับแขนพยุงตัวเขาไว้ ที่ต้องช่วยพยุงไม่ใช่เพราะแสร้งทำเป็นว่ากันต์เจ็บจริง แต่เขาเจ็บจริงต่างหาก เพียงแต่ม่ใช่ที่ข้อเท้าเท่านั้นเอง

“ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเอายาตามขึ้นไปให้” ป้านิ่มบอกด้วยความเป็นห่วง ผมขอโทษนะครับป้า

“ไม่เป็นไรครับป้านิ่ม เดี๋ยวกันต์ลงมา แล้วนี่เจ้ารักยังไม่ลงมาอีกหรอครับ” กันต์ถามหาไอ้เปี๊ยก

“ลงมาแล้วค่ะ แต่บ่นว่าลืมของเลยวิ่งกลับขึ้นไปเอา พูดถึงก็มาพอดี” พอป้านิ่มพูดบอก ผมกับกันต์หันไปทางบันไดแล้วก็เห็นไอ้เปี๊ยกสะพายกล้องวิ่งลงมา

“โหย พวกพี่อ่ะไปเล่นน้ำไม่มีชวน” พอมันมาถึงแล้วเห็นผมกับกันต์ตัวเปียกก็ลากเสียงบ่นเลย

“ตื่นสายเองช่วยไม่ได้ หิวก็ไปกินข้าวก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอ พี่ไปอาบน้ำก่อน” ผมบอกแล้ว พากันต์เดินขึ้นไปข้างบน

.
.
.


“เจ็บมากหรือเปล่า” ผมถามขณะใช้ฟองน้ำที่เต็มไปด้วยฟองจากเจลอาบน้ำกลิ่นหอมเย็นถูไปตามแขนของคนที่นั่งซ้อนหน้าผมอยู่ในอ่างอาบน้ำ

“ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้ว” กันต์ตอบ แล้วเอนตัวพิงอกผม ส่วนผมก็เอาฟองน้ำวางไว้ที่ขอบอ่าง แล้วค่อยสอดแขนเข้าโอบตัวกันต์ไว้หลวม ๆ และนอนแช่น้ำอุ่นกันอยู่เงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะพากันล้างตัว แล้วออกไปแต่งตัวเพื่อลงไปกินมื้อเช้าที่ป้านิ่มเตรียมไว้ให้
   
--------------------------------------------------------
“กันต์ กันต์” ผมเดินเข้ามาเรียกคนที่นอนหลับอยู่ หลังจากมื้อเช้ากันต์ก็ถือหนังสือออกมานอนอ่านหลังบ้าน ส่วนผมออกไปเดินถ่ายรูปเป็นเพื่อนไอ้เปี๊ยก พอแดดเริ่มแรงจัดถึงพากันเดินกลับมาบ้าน แล้วก็กะว่าจะออกไปข้างนอกตามที่วางโปรแกรมไว้เลยเดินมาตามกันต์ แต่พอมาถึงก็เห็นคนที่บอกว่าจะออกมานอนอ่านหนังสือหลับสนิท โดยที่มีหนังสือกางไว้บนอก

“กลับมาแล้วหรอ กี่โมงแล้ว”

“สิบโมง จะออกไปกันเลยไหม” ผมถามแล้วฉุดมือกันต์ให้ลุกขึ้นนั่ง

“จะไปไหนบ้าง” กันต์ถามเพราะยังไม่รู้ว่าวันนี้เราจะไปไหนกันบ้าง เมื่อคืนได้แต่บอกไอ้เปี๊ยกไว้ว่าวันนี้อยากไปไหนให้ไปคิดมาเดี๋ยวพาไป แล้วมันก็มาบอกผมเมื่อเช้าตอนที่ออกไปเดินถ่ายรูปกัน

“สถานีรถไฟหัวหิน” ผมบอกกันต์

“ไปทำอะไรสถานีรถไฟ”

“ไอ้เปี๊ยกมันบอกว่าอยากไปถ่ายรูป มันเห็นรูปที่เพื่อนมันมาแล้วถ่ายรูปไปอวดมัน มันเลยอยากไปถ่ายรูปบ้าง” ผมตอบ

“แล้วไปไหนอีก” กันต์ถาม ก่อนยื่นมามาจับแขนผม แล้วดึงตัวเองลุกขึ้น ส่วนไอ้เปี๊ยกตอนนี้วิ่งขึ้นไปเอาของข้างบน เดี๋ยวคงลงมา ส่วนของผมกับกันต์ก็ไม่มีอะไรมีแค่โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ กุญแจรถ ซึ่งถือลงมาไว้ข้างล่างหมดแล้ว เดี๋ยวเดินเข้าไปเอาในบ้านแล้วก็ออกไปได้เลย

“ตลาดน้ำหัวหินสามพันน้ำ” ไอ้เปี๊ยกมันหาข้อมูลมาสาธยายให้ผมฟังว่าตลาดน้ำที่มันว่า เป็นตลาดน้ำที่มีบรรยากาศแบบรัตนโกสินทร์ย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 6 อยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ พอฟังมันพูดแล้วผมก็ชักห่วงว่ากันต์จะเดินไหวหรือเปล่า

“จะเดินไหวหรือเปล่า” ผมถาม

“ได้ ไม่เป็นอะไร”

“แน่นะ” ผมถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ
 
“คราวหน้าลองเองไหมล่ะจะได้ไม่ต้องมาถาม”

“โหย อย่าพูดอย่างนั้นดิ ก็เป็นห่วง” 

“ทีตอนทำไม่เห็นจะห่วง ทีตอนนี้ทำมาห่วง” กันต์พูดแล้วเดินนำเข้าบ้าน จนผมต้องรีบเดินตามไปให้ทัน

“ก็ห่วงตลอด แต่ตอนนั้นมันอยากนิ” ผมพูด แล้วทำหน้าแบบที่คิดว่าดูเจี๋ยมเจี้ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้

“น้องมาแล้ว” กันต์เตือนผมเมื่อได้ยินเสียงรักวิ่งลงบันไดมา

“ไปกันยัง” ไอ้เปี๊ยกเดินเข้ามาถามเราสองคน

“ไปสิ” กันต์ตอบแล้วคว้าวางแขนพาดไหล่ไอ้เปี๊ยกก่อนจะพากันเดินออกไปหน้าบ้าน โดยมีผมเดินตามออกไป เพื่อไปทำหน้าที่สารถี ถึงเวลานี้หน้าตาหล่อ ๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ต้องน้อมรับตำแหน่งสารถีด้วยความเต็มใจอย่างเดียว

-------------------------------------------------------------





กลับมาพร้อมคำแก้ตัว แฮะๆ เนื่องด้วยโน้ตบุ้คเก่าเกเรได้ทำการดับชีพตัวเองไปเมื่อเดือนที่แล้ว
และเพิ่งได้ฤกษ์หาคอมพ์ใหม่มาใช้แทนเมื่อสามวันที่ผ่านมา จึงไม่ได้ทำการลงตอนใหม่มาเดือนกว่าๆ
ตอนนี้ได้เครื่องใหม่แล้ว ก็จะไม่หายไปนานแบบนี้อีกแล้วค่ะ
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็จะตามมาลงให้ช่วงวันหยุดนี้นะคะ รอกันอีกนิดนึง  :L2:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 29-05-2012 21:56:29
หายไปนาน :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 29-05-2012 22:07:06
ขุ่มชื่นหัวใจได้อ่านตอนต่อแล้ว
ทะเลหวานบวกหื่นไปอีกคู่  :pighaun:
 :กอด1: ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 29-05-2012 22:07:16
รอ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 29-05-2012 22:36:01
หายนานจนต้องไปอ่านตอนก่อนหน้า :laugh:
 :-[
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 29-05-2012 22:41:57
และแล้วก็... กลางทะเล  :-[

ตั้งหน้าตั้งตารอมานาน พอกลับมาก็พากันชุ่มชื่นหัวใจเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 29-05-2012 22:51:03
หายไปนานเลยนะคะ  :กอด1:
กลับมาพร้อมความระทวย...... อร๊ายยย พี่กันต์ขาาาา  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-05-2012 23:29:20
คู่นี้ยังวาบหวาม ปนหวิวเหมือนเดิม :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 30-05-2012 05:26:30
 :pig2: หวานจัดจนพอหายคิดถึงกันไป  :haun4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 30-05-2012 10:13:40
กรเอ้ย out door ซะด้วย

โดนเหวี่ยงเลย ฮ่า ฮ่า  :m20:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 30-05-2012 14:10:04
หวานกันตลอด :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 30-05-2012 16:13:56

เค้ารักสองคนนี่อ่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 30-05-2012 16:33:07
น่ารักกันจริงจิ๊งงงงงงงงงงงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 30-05-2012 20:31:08
อ้าย เอ้าท์ดอร์แบบนี้เค้าเขินนะตัวเอง  :m13:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 31-05-2012 19:18:30
ทำเอาเขินตาม  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 31-05-2012 19:51:19
 :pighaun: กลางเเจ้ง ไหนกันต์บอกไม่อยากเเต่สุดท้ายเป้นคนนำ :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-05-2012 21:51:01
กรเป็นประเภทรักต้องแสดงออกน่ะ อิ อิ อิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 02-06-2012 10:32:44
รักเปิดเผยใช่ไหมแบบนี้ อิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: super_yow ที่ 04-06-2012 23:52:34
อ้ายยยยยยยยยย

อิน้องตามมาจากในเด็กดีจ้า ชอบนิยายที่พี่เขียนสุดๆ #ยกนิ้ว
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 07-06-2012 12:09:43
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 14-06-2012 00:01:24
ตามอ่านนน ทันแล้ววว คิดถึงงงง
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-06-2012 13:30:17
คู่นี้ทำน้ำทะเลจืดหมด 55555555555  :pighaun:  :m25:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 14-06-2012 22:56:32
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ น่ารักม๊ากมาก
 :call:  มาเถอะนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> นะ ครับ p. 66 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 16-06-2012 15:10:40
ตอนที่ 63

“ลืมอะไรหรือเปล่า” ผมถามรักที่กำลังยกกระเป๋าใส่ท้ายรถ มาอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วันก็ถึงกำหนดต้องส่งมันกลับบ้านอีกแล้ว

“น่าจะครบนะพี่กันต์ กระเป๋าเสื้อผ้า ถุงขนม ชองฝาก ครบแล้วแหละ”  รักพูดร่ายให้ผมฟังว่ามีของอะไรที่ต้องเอากลับไปบ้าง

“แน่ใจ ถ้าไม่ครบก็ไม่ส่งไปให้หรอกนะ” อันนี้เสียงกรพูด ก่อนจะปิดท้ายรถ

“มาเอาเองก็ได้” รักตอบ

“ใครเขาให้มา แต่ไม่เป็นไรถ้าลืมเดี๋ยวพี่ใช้คนอื่นส่งไปให้แทนก็ได้ คงมีคนเขาเต็มใจอาสา ดีไม่ดีจะไปส่งให้ถึงมือ” กรพูดส่วนรักเงียบแล้วเดินหนีไปขึ้นรถ

“เอ้า เงียบไม ไม่เถียงด้วยแล้วหรอ” กรยังแหย่น้องไม่เลิก

“พอมันไปแล้วอย่ามาทำหงอยนะ” ผมพูดกับกรแล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับ

คู่นี้ก็ช่างขยันต่อปากต่อคำกันเหมือนเดิม จนบางทีผมถึงกับปวดหัวไม่รู้จะฟังใคร แต่พอถึงเวลาจะแยกกันจริง ๆ ขึ้นมาทีไร ก็เป็นอันซึมกันทั้งคู่ อีกคนก็หงอย อีกคนก็เหงา สุดท้ายก็โทรหากัน คุยกันงุ้งงิ้ง ทีอยู่ด้วยกันไม่รู้จักคุยกันดี ๆ ถ้าลองเป็นคนอื่นที่ไม่ใช้เจ้ารักนี่ผมคิดมากแล้วนะ โทรหากันที กรก็จะคุยว่า พี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้ วันนี้พี่ไปดูหนังเรื่องนี้มาสนุกมากไปดูมาหรือยัง วันนี้พี่ไปซื้อไอ้นั่นไอ้นี่มาแล้วเจ๋งมาก ๆ ซื้อมาเผื่อด้วย เดี๋ยวส่งไปให้ และอีกร้อยแปดพันเก้าที่สองคนนั้นเขาหาเรื่องมาคุยกัน

จนผมเคยค่อนคอดใส่กรไปไม่ได้ว่า “เด็ก ๆ มันน่าสนใจกว่าผู้ใหญ่นี่นะ ไอ้เราได้กันแล้วก็คงจะเบื่อ ถึงไม่ค่อยสนใจ ไม่เป็นไรเข้าใจ ๆ” พอกรได้ยินก็รีบมาสนใจผมทันที จนผมต้องหลุดหัวเราะเสียงดัง คือหัวเราะทั้งตัวผมเองที่พูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ ทั้งหัวเราะกรที่พยายามจะอธิบายด้วยสีหน้าจริงจังว่ามันไม่มีอะไรเลยนะ เพราะเขาคิดว่าที่ผมพูดนะผมคิดจริงจัง สุดท้ายผมนี่แหละต้องรีบบอกว่าล้อเล่น ผมไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะผมกับป่านก็เคยเป็นอะไรที่ไม่ต่างจากคู่นี้นักหรอก เพียงแต่ตอนนี้ที่ผมไม่ได้ติดกับป่านมากเหมือนก่อน เพราะมีคนมาแย่งน้องผมไปเก็บไว้คนเดียวต่างหาก นาน ๆ ถึงจะยอมปล่อยให้ห่างอกมาหาพี่ชายอีกคนอย่างผมสักที ว่าแล้วเย็นนี้ชวนมาทำอะไรกินที่บ้านน่าจะดีเพราะไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่สงกรานต์   
 
คิดแล้วก็โทรไปชวนมาเลย เดี๋ยวส่งรักแล้วแวะซื้อของเข้ามาเลยทีเดียว แต่เย็นนี้ผมคงไม่ลงมือทำอาหารเอง รอให้ตัวแถมที่ติดสอยห้อยตามมากับไอ้ป่านเป็นคนทำ

--------------------------------------



“ถ้าไม่โทรไปตามพี่คงไม่เจอหน้า” ผมพูดตอนป่านเดินยิ้มเผล่เข้ามาหา โดยมีพี่กาวน์เดินตามมา

“เอาน่าก็มาให้เห็นหน้าแล้วนี่ไง แล้วไอ้กรล่ะพี่กันต์” 

“เก็บของเข้าตู้เย็นอยู่ในครัว”

“แล้ววันนี้พี่จะทำอะไรกิน”

“ถามพี่กาวน์ดูแล้วกัน วันนี้พี่ไม่ทำ” ผมบอกปัด แล้วโยนไปให้คนที่ยืนอยู่ข้างป่านมันแทน

“อ้าวเฮ้ย อะไรวะ เป็นแขกนะเว้ย จะมาใช้ได้ไง” พี่กาวน์รีบโวย

“แขกที่ไหน พี่เป็นพี่ชายเจ้าของบ้าน ก็ถือเป็นคนในบ้านด้วย” ผมพูดแล้วเดินไปกอดไหล่พี่กาวน์

“เมื่อกี้ไปซื้อเนื้อมาด้วย ว่าจะให้พี่กาวน์ทำอะไรให้กินหน่อย ทำเองมันสู้ฝีมือพี่ไม่ได้จริง ๆ” ผมเริ่มใช้มุขหยอดหวังให้พี่กาวน์ยอมตกลง

“นาน ๆ เจอกันที ทำให้น้องหน่อยน่า” ผมพูดต่อ

“ทั้งปี” พี่กาวน์บ่น แต่ก็ยอมเดินเข้าไปในครัว

“พี่กาวน์อยากกินหอมทอด” เสียงป่านเดินเข้าไปบอกพี่กาวน์

“กันต์มีหอมใหญ่หรือเปล่า”

“มี เอากี่หัว แล้วพี่กาวน์จะทำอะไรบ้าง”

“ยังไม่รู้ ดูของก่อนมีอะไรบ้าง” พี่กาวน์พูดแล้วเดินมาดูของที่ผมซื้อมาแล้วยังวางอยู่บนโต๊ะ มีแค่บางส่วนที่กรเอาเข้าตู้เย็นไปแล้ว

“ไอ้ป่านมึงมาช่วยกูจัดโต๊ะ อยู่ในนี้เกะกะทำอะไรก็ไม่เป็น” เสียงกรแขวะป่าน ที่เดินวนสำรวจรอบครัว ผมรู้ว่าป่านกำลังมองหาของที่หยิบกินได้อยู่

“มีคุ้กกี้อยู่ในตู้เย็น ลูกค้าพี่เอามาฝาก อร่อยดี เอามากินสิ” ผมบอก พอผมพูดจบปุ๊บป่านมันก็เดินไปเปิดตู้เย็นมองหาคุ้กกี้ที่ผมพูดถึงทันที

“ไม่ช่วยแล้วยังมากินขนมกูอีก” เสียงกรพูดหลังจากเจอป่านผลักไปติดข้างฝาเพราะไปยืนขวางทางป่านที่จะเปิดตู้เย็นหาขนม

“เออ ใครจะไปเก่งเหมือนมึง แต่เท่าที่กูรู้ที่มึงอยู่รอดทุกวันนี้ก็กับข้าวฝีมือพี่กูทั้งนั้น มึงได้ทำกับเขาด้วยหรอ” ป่านหันมาพูดหลังจากเจอโหลคุ้กกี้ที่ผมบอกแล้ว

“กูก็ทำได้หลายอย่างแล้วเหอะ ไม่เชื่อถามพี่มึงดู มึงนั่นแหละทำอะไรไม่เป็นเหมือนเดิม” กรพูดระหว่างหยิบจานออกจากตู้ แต่พอหันมาก็เจอป่านจับคุ้กกี้ยัดเข้าปากไปเต็ม ๆ

“ไอ้...” กรจะด่าก็ด่าไม่ออก เพราะคุ้กกี้เต็มปากจะใช้มือหยิบออกก็ทำไม่ได้เพราะถือจานอยู่

“จะบอกให้รู้กูก็พัฒนาแล้วเว้ย ทำเป็นบ้างนิดหน่อย” ป่านพูดแล้วถือขนมไปนั่งกินอยู่ที่เคานท์เตอร์บาร์

ส่วนผมต้องมารับหน้าที่เป็นลูกมือของพ่อครัวใหญ่ ยืนปอกและหั่นหัวหอมใหญ่ตามคำสั่ง เพื่อเตรียมทำหอมทอดหรือออเนียนริงให้ไอ้น้องชายที่ผมอัญเชิญมันมาบ้าน พี่กาวน์ก็ดีเหลือเกิน ไอ้ป่านพูดออกมาคำเดียวตอบตกลงทำตามใจมันทันที แต่ไอ้ความลำบากมันดันมาตกอยู่ที่ผม หั่นไปน้ำตาก็ร่วงไป หั่นไม่พอยังต้องมานั่งแกะออกให้เป็นวง ๆ อีก 

“อะไรพี่กันต์ ทำกับข้าวเลี้ยงน้องแค่นี้ถึงกับต้องร้องไห้” ไอ้ป่านเห็นน้ำตาผมร่วงมันก็ล้อทันที

“แล้วเพราะใครวะ จะกินแต่ละอย่าง ไอ้ที่มันง่ายกว่านี้ไม่มีหรือไง” ผมบ่น ก่อนอยู่นิ่ง ๆ ให้กรใช้กระดาษทิชชูซับน้ำตาให้     

“หมันไส้” เสียงไอ้ป่าน

“มึงเลิกกินแล้วมานี่เลยมา เอาจานตามกูมาด้วย” กรพูด แล้วยัดจานสี่ห้าใบที่เอาลงมาจากชั้นใส่มือป่าน ก่อนลากคอป่านที่ถือจานเป็นสี่ห้าใบอยู่ในมือให้เดินตามออกไปด้านนอก เย็นนี้จะออกไปตั้งวงกินกันที่ศาลาข้างสระน้ำเลยขนของออกไปเตรียมไว้ก่อน

“พี่กาวน์ทำอะไรบ้าง” ผมหันไปถามพี่กาวน์ที่กำลังเอาเนื้อที่ผมซื้อมาหมักกับเกลือ พริกไทย

“เนื้อย่าง หอมทอด แกงเขียวหวาน พริกหวานผัดตับ ไข่ยัดไส้” พี่กาวน์ตอบ ตอนไปซื้อกับข้าวกับกรผมก็ไม่ได้คิดว่าเย็นนี้จะกินอะไร ก็ซื้อกับข้าวเข้าบ้านมาเหมือนปกติ กะว่าพี่กาวน์เห็นของที่ซื้อมาแล้วอยากทำอะไรก็ทำ ดูรายการอาหารแล้วหอมทอดของไอ้ป่านนี่ไม่ได้เข้าพวกเลยสักนิด

“หั่นหอมกับมะเขือเทศทำไข่ยัดไส้ต่อด้วย” พี่กาวน์สั่งต่อ

“น้านาถว่ายังไงบ้างเรื่องป่าน” ผมถามเพราะเป็นห่วงป่าน

“ยังไม่ได้คุยเรื่องนั้นกันอีก แต่ป่านก็มาบอกว่าได้คุยกับน้านาถมากขึ้น แต่พี่คงไม่ไปพูดอะไรอีก ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ก่อน”

“อื้ม” ผมตอบรับ

“พี่กาวน์ พี่เคยคิดเรื่องมีลูกบ้างไหม” ผมถาม

“ทำไมถึงถาม” พี่กาวน์หันมามองหน้าผม ก่อนย้อนถามกลับมา

“บางทีนั่งทำงานไปมันก็มีคิดขึ้นมาเหมือนกันว่า จะทำไปเพื่อใคร” ผมพูด ความคิดนี้มันอาจจะมาจากเมื่อวันหนึ่งผมนั่งคิดไปถึงตอนเด็กที่ผมเคยถามพ่อว่าทำไมต้องทำงานหนัก ทั้งที่เราเองก็มีเงินเยอะแล้ว แล้วพ่อตอบมาว่า “ทำเพื่อผม” มันก็เลยทำให้ผมคิดถามตัวเองว่าแล้วผม “ทำไปเพื่อใคร” จริงอยู่ที่ว่า สิ่งที่ผมเริ่มต้นทำมาด้วยตัวเองมันมาจากความชอบ ความรัก และความสนใจของผมเองล้วน ๆ  แต่ในส่วนที่รับมาจากพ่อแม่มันก็ถือเป็นความรับผิดชอบที่ทำให้ผมต้องเข้าไปดูแลอย่างเต็มกำลังโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งไม่มีผม มันจะเป็นยังไง และไม่ใช่แค่เรื่องของผม เพราะถ้าดูในส่วนของกรเองเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผม

“เราเป็นลูกชายคนเดียวกันทั้งคู่ พี่กาวน์ไม่เคยคิดหรอว่าสิ่งที่เรามีอยู่สุดท้ายมันจะไปตกอยู่ที่ใคร” พี่กาวน์ฟังเงียบ ๆ ก่อนส่งเสียงถอนหายใจมาเป็นคำตอบ 

“ยังสับสนอยู่อีกหรือไง” พี่กาวน์ย้อนถามกลับมา

“เปล่า แค่กำลังคิดถึงอนาคตว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไง ที่จริงกันต์ก็เคยคุยกับพ่อแม่แต่พ่อแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร ถึงเวลาแล้วค่อยคิด ไม่มีแรงจะทำแล้วนั่นแหละค่อยคิด ตอนนี้ทำไหวก็ทำไป เรื่องใครจะมารับช่วงต่อยังไม่ต้องไปคิด แต่กันต์ว่าพ่อแม่ต้องคิดบ้างเพียงแต่ไม่พูดออกมาแค่นั้น”

“แบบนั่นเขาก็เรียกว่าสับสน”

“ไม่ใช่ แค่คิดเผื่อ หรือให้คิดง่าย ๆ บริษัทก็ยกให้คนอื่นไป เงินก็บริจาคให้หมด” ผมพูด

“เคยคุยเรื่องนี้กับกรบ้างหรือเปล่า”

“เปล่า” ผมตอบก่อนเดินไปหยิบมะเขือที่แช่น้ำอยู่ในกะละมังมาหั่น

“เลือกแล้วจะไปคิดอะไรมาก ก็ทำเหมือนที่ผ่าน ๆ ถึงวันนั้นมันก็คิดออกเอง ยังไงก็เลือกมาทางนี้แล้ว จะให้ถอยกลับมาก็คงไม่ใช่ทางออก” พี่กาวน์ตอบ เท่าที่ฟังดูเหมือนพี่กาวน์จะยอมรับในสิ่งที่ผมเลือกได้แบบเต็มร้อยแล้ว แต่จะไม่ให้เต็มร้อยก็คงไม่ได้ เมื่อพี่กาวน์เองก็เลือกอะไรที่ไม่ต่างจากผม เกิดจะเข้าใจกันจริง ๆ ขึ้นมาก็ตอนนี้

“ไม่วันถอยอยู่แล้ว” ผมพูด

“ส่วนเรื่องเด็กถ้าคิดจะมีจริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก” พี่กาวน์พูดต่อ

“แบบพี่เอ” พี่กาวน์เงียบไปไม่นาน ก่อนจะพูดต่อ

“ที่แฟนพี่เอมีลูกไม่ได้แล้วไปให้ญาติอุ้มท้องแทนนะหรอ” ผมพูดถึงญาติห่าง ๆ

“ใช่” พี่กาวน์ตอบรับ ก่อนจะรับเอามะเขือเทศกับหอมใหญ่ที่ผมหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไว้สำหรับผัดเป็นไส้ไช่ยัดไส่ไป ส่วนผมก็หั่นมะเขือและเด็ดใบโหระพาเตรียมไว้ใส่แกงเขียวหวานต่อ แกงเขียวหวานพี่กาวน์ผัดพริกแกงกับหัวกะทิ แล้วใส่ไก่ตามลงไปผัด เติมหางกะทิ ปรุงรส และตั้งไฟเคี้ยวไว้ รอได้ที่อีกนิดใส่มะเขือกับโหระพาก็เสร็จ ตอนนี้เลยจะทำไข่ยัดไส้ต่อ

“ถ้าคิดจะมีจริง ๆ วิธีนั้นมันก็น่าจะเป็นทางที่ดี”

“ก็ต้องหาคน”

“คิดเรื่องนั้นจริงจังเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ยังมีเวลาให้คิดอีกนาน บางทีวันนึงอาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”

“มันก็จริง” ผมตอบรับ

“คุยอะไรกัน กับข้าวจะเสร็จยัง” ป่านเดินเข้ามาถามหลังจากหายเงียบไปกับกรได้สักพัก

“เหลืออีกสามอย่าง” ผมตอบ

“เฮ้ย อย่าอู้ ไปเอาแก้วน้ำมา” กรเดินเข้ามาตามหลัง แล้วพูดสั่งป่าน ที่กำลังจะมองหาอะไรกินอีก

“จะรีบไปไหนวะ กับข้าวยังไม่เสร็จเลย มานั่งกินขนมกับกูนี่มา ท่ามึงจะน้ำตาลตก หงุดหงิดชิบ” ป่านลากแขนกรมานั่งข้าง ๆ ดูผมกับพี่กาวน์ทำกับข้าว

“พี่กาวน์ไม่สอนป่านมันทำกับข้าวบ้าง” กรพูด

“ก็สอนบ้าง แต่ไม่ค่อยได้เรื่อง ให้ทำแล้วเหนื่อยเก็บ พี่ทำเองดีกว่า ให้รอกินเฉย ๆ ไปนะดีแล้ว” พอพี่กาวน์พูดจบ ผมกับกรถึงกับหัวเราะ ส่วนป่านนั่งทำหน้ามุ้ย

“ป่านคิดเรื่องเรียนต่อบ้างหรือยัง” ผมถามป่าน เพราะผมกับกรเคยคุยกันเรื่องที่ว่ากรจะเรียนต่อ เลยถามป่านบ้าง

“ป่านยังไม่คิด แต่พี่กาวน์คิด” ป่านตอบทั้งที่ยังไม่หายหน้าตึงจากเรื่องที่พี่กาวน์แฉเมื่อกี้

“พี่ว่าจะให้เรียนสักปีหน้า”

“ตั้งใจจะให้เรียนที่ไหน” ผมถาม แต่ก็ถามไปอย่างนั้นเพราะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว ก็มีหรอที่พี่กาวน์จะยอมปล่อยให้ป่านไปเรียนต่อเมืองนอก ถ้าป่านจะได้ไปพี่กาวน์คงต้องตามไปด้วยนั่นแหละ

“คงให้เรียนที่นี่ นี่แหละ” พี่กาวน์พูด มาดดูเป็นผู้ปกครองไอ้ป่านเลยทีเดียว

“ไม่เอาป่านจะไปเรียนต่อเมืองนอก ว่าจะชวนกรไปด้วย กรไปเรียนต่อกับกูไหม” ป่านพูดแล้วหันไปลากเพื่อนมาเอี่ยวด้วย

“เดี๋ยวค่อยคุยกัน” พี่กาวน์พูดเสียงเรียบ

“พี่กันต์” ป่านเริ่มหาตัวช่วยใหม่ หลังจากเจอพี่กาวน์พูดเสียงเย็นใส่ แต่แทนที่ผมจะเดินไปหาป่าน ผมเลือกเดินไปตบไหล่พี่กาวน์แทนให้เขาใจเย็น ๆ

“จะเรียนอะไรต่อ” ผมถาม

“คงต้องเป็นพวกบริหารหรือการตลาด เพราะป่านไม่รู้อะไรเรื่องธุรกิจสักอย่าง”

“ก็เรียนที่นี่พร้อมกรสิ จะได้มีเพื่อนเรียน” ผมเสนอ

“กรมึงจะเรียนที่ไหน”

“ที่เดิม”   

“ก็น่าสน แล้วมึงจะเรียนเมื่อไหร่”

“ปีหน้า ถ้ามึงจะเรียนก็มาเรียนพร้อมกู เอาคณะที่มึงพูดมานั่นแหละ” กรพูด แล้วยื่นมือมาหยิบหอมทอดในจานที่ผมเอามาวางให้ขึ้นมากิน

“เออ ๆ ก็ได้วะ กูจะได้มีเพื่อน” ป่านตอบแล้วหยิบหอมทอดขึ้นมากินบ้าง

ส่วนผมพอได้ยินป่านพูดตอบกรไปแบบนั้นก็หันไปมองหน้าพี่กาวน์ที่ยังยืนทอดหอมอยู่หน้าเตาบ้าง แล้วก็เห็นว่าหน้าที่ทำตึง ๆ อยู่เมื่อกี้คลายออกแล้ว

“ป่านกับกร ยกกับข้าวไปแล้วรออยู่นั่นเลยก็ได้ ที่เหลือเดี๋ยวพวกพี่ยกไปเอง” ผมพูด แล้วหันไปคดข้าวจากหม้อมาใส่โถข้าวที่เตรียมไว้ ตอนนี้เหลือแค่ผัดพริกหวานกับตับอีกอย่างเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

“อยากให้น้องมันอยู่ด้วย ไม่อยากให้มันไปก็บอกไปตรง ๆ สิ ไม่พูดแล้วมันจะรู้ไหม” ผมพูดหลังจากป่านกับกรออกไปจากครัวแล้ว

“อย่างกับพูดแล้วมันจะฟัง”

“พูดหรือยัง ถึงมาบอกว่ามันไม่ฟัง” ผมตอบกลับ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองเป็นคนยังไง แล้วทำไมผมต้องทำตัวเป็นที่ปรึกษาให้คนนั้นคนนี้ไปเรื่อย เดี๋ยวไอ้รัก เดี๋ยวพี่กาวน์ ก็อย่างว่าล่ะนะ ชีวิตผมมันลงตัวแล้ว ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรแบบนี้มาให้แก้ปัญหาเท่าไหร่ นอกจากผมจะคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้มากไป จนเก็บเอามาคิดเป็นปัญหา ซึ่งเมื่อมาดูจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
----------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 16-06-2012 17:49:26
ทุกคนยังน่ารัก
กันเหมือนเดิม :L1:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 16-06-2012 20:16:59
 :o8: :o8:  น่ารักทุกคู่เลยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 16-06-2012 20:47:39
กันต์ใจเย็นดีนะ ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-06-2012 20:57:20
 :กอด1: น่ารักที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-06-2012 21:33:02
ไปๆมาๆ เพิ่งรู้ว่าพี่กาวน์ทำอาหารเก่ง
ป่านสบายไปเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 16-06-2012 22:04:26
คู่รักอบอุ่นตลอด  :-[
นายกาวน์มีแฟนเด็ก ต้องทำใจ :laugh:
ชอบผู้ชายทำกับข้าวเป็น
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: makimaki ที่ 16-06-2012 22:06:14
พี่กาวน์ไม่ยอมให้ป่านห่างตัวเลยนะ   :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 17-06-2012 02:47:44
ไม่ซึนไม่ใช่พี่กาวน์เนาะ   :laugh:
ว่าแต่ตอนนี้เหมือนรวมมิตรนะคะ ออกโรงกันครึ่งๆเลย

ปล. หิวข้าวตอนตีสามเลย กรรมแท้ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 17-06-2012 07:56:50
ดีใจที่มาต่อแล้ว
อยากจะบอกว่าในความคิดของเรา การไม่มีลูกมันก็ไม่ใช่เรื่องซีเรียดขนาดนั้นนะ
พี่สาวเราแต่งงานมา11ปีก็มีลูกไม่ได้ หรือเพื่อนเราบางคนเลือกที่จะไม่มีลูกเลย
ทุกอย่างอยู่ที่คนสอนเขา ไม่อย่างนั้น คู่ที่มีลูกกันไม่ได้ก็ต้องเลิกกันหมดแล้วดิ
เอาใจช่วยพี่กันย์กรนะจ๊ะ :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 17-06-2012 08:50:15
พี่กันต์คิดอะไรไม่บอกกร
มารู้ทีหลัง เดี๋ยวได้งานเข้าอีก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 17-06-2012 14:51:05
พี่กันต์อย่าคิดมากเลยเดี๋ยวแก่เร็วนะ

ชอบตอนอยู่ด้วยกันครบแบบนี้จังน่ารักทุกคู่เลย
แล้วทั้งสี่คนนี้ก็มีบุคลิกต่างกันชัดเจนมาก
พอมารวมกันแล้วก็พอเหมาะพอดีเลย
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-06-2012 17:04:46
กันต์ คิดเยอะแบบนี้ ควรให้ กร ช่วยคิดด้วยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-06-2012 17:28:29
รอจ้ารอ :)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 17-06-2012 18:29:34
ชอบบ ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดี น่ารักๆๆ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 17-06-2012 23:26:17
กรกับกันต์นี่ก็แอบหวานกันตลอด
ส่วนพี่กาวน์ก็นะ เก็กขรึมตลอด
แต่มาดพ่อบ้าน ทำกับข้าวเก่งนี่เอาใจไปเต็มๆ เลย  :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 20-06-2012 23:06:43
   อิจฉาพี่น้องคู่นี้แล้วสิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >;>;>; คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-06-2012 22:41:14
เย้ๆๆ ในที่สุดก็ตามทัน กันต์ กร น่ารักทุกตอนเลย ชอบอะ อ่านไปก็ยิ้มแก้มแตกไป หนักๆเข้าก็เขินหน้าแดงเวลาอ่านจบเลยอะ นี่ไม่ได้เวอร์นะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 06-07-2012 16:37:18
 :L2:แค่มาบอกว่าคิดถึงจ้ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> คิดเยอะ p. 67 16/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 20-07-2012 21:43:17


ตอนที่ 64 มื้อค่ำ

“พี่กันต์”

“ว่าไง” ผมตอบรับแล้วหันหน้าไปหาป่านที่มายืนเกาะประตูตู้เย็นระหว่างผมกำลังมองหาครื่องดื่มในตู้เย็นสำหรับแต่ละคน

“พี่กันต์กับไอ้กรคุยกันทุกเรื่องไหม” ป่านถามพลางส่งสายตาแสดงความสงสัยมาให้ ก่อนจะหันไปมองทางประตูว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า พอเห็นว่าไม่มีใครก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูในตู้เย็นที่ผมเปิดไว้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง

“ไม่หรอก แต่เรื่องไหนที่ต้องตัดสินใจร่วมกันหรือควรรู้ด้วยกันก็ต้องบอกให้รู้” ผมตอบ แล้วหยิบโค้กออกมาสองกระป๋องส่งให้ป่านรับไปก่อน

“เหมือนเดิมไหม” ผมถามป่าน พอมันพยักหน้าผมก็ส่งรูทเบียร์หนึ่งกระป๋อง สไปร์ทอีกหนึ่งกระป๋องตามไป  และหยิบน้ำเปล่าตามมาเป็นอย่างสุดท้ายแล้วปิดตู้เย็น

“มีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม วันนี้เหมือนจะมีแต่คนมีเรื่องคาใจ พออีกคนออกไปอีกคนก็เข้ามาแทน

“พี่กาวน์มีอะไรก็ไม่ค่อยพูด ถ้าพูดได้สักครึ่งของไอ้กรก็คงดีหรอก” ป่านถือกระป๋องน้ำอัดลมในมือข้างละสองกระป๋อง แล้วเดินตามผมออกไปทางประตูหลังบ้านเพื่อไปยังศาลาริมสระน้ำที่จะนั่งกินข้าวกัน

“อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน ถ้าจะให้พี่กาวน์พูดได้สักครึ่งของกรพี่ว่าป่านลุกขึ้นมาปล้ำพี่ชายพี่ยังจะง่ายกว่า” ผมพูดแล้วหัวเราะ ส่วนไอ้น้องชายที่เดินมาข้าง ๆ กันอ้าปากค้างไปแล้ว

“โห่ พี่กันต์ให้กำลังใจกันดีมาก แล้วพี่กันต์ว่าป่านควรทำไงดี เป็นแบบนี้มันอึดอัดนะ ถ้าพูดกันให้รู้เรื่องได้ก็จบแล้ว แต่นี่กว่าจะเปิดปากพูดได้แต่ละคำ” ป่านพูดแล้วยกกระป๋องน้ำอัดลมเย็น ๆ ขึ้นมาแตะที่ขมับ

“แล้วทำไมไม่เริ่มก่อน ลองเริ่มก่อนดู ไม่ก็หาทางบังคับไปเลย กดดันมาก ๆ หน่อย เอาเรื่องเรียนต่อนี่แหละขึ้นมาพูด” ผมเสนอ ด้วยความมั่นใจประมาณหนึ่งว่ามันจะได้ผลและไม่มีทางที่ผลจะออกมาในทางลบ

“จะลองดู” ป่านถอนหายใจก่อนตกปากรับคำเมื่อเดินเข้าใกล้ศาลา

“เมื่อก่อนพูดมากจนต้องบอกให้หยุด พอจะไม่พูดก็ไม่พูดขึ้นมาเสียอย่างนั้น” ผมพูด

“ก็ตั้งแต่”

“ไปกินข้าวกันดีกว่า” ผมพูดสวนขึ้นตัดบทพูดของป่านเมื่อรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดอะไรออกไป
.
.
.

“คุยอะไรกัน นินทากรอยู่หรือเปล่า มาช้า” กรส่งเสียงมาจากในศาลา พอผมเดินเข้าไปกรก็กำลังตักข้าวใส่จานเป็นจานสุดท้ายพอดี

“สำคัญตัวผิดไปแล้วมึง” เสียงป่านตอบกร ก่อนจะวางน้ำอัดลมลงประจำที่ของแต่ละคน ผมสไปร์ท กรกับป่านโค้ก พี่กาวน์รูทเบียร์

“พูดแบบนี้แสดงว่ามึงนินทากูชัวร์” กรพูดตอบ

“แสนรู้วะ พี่กันต์ให้มันกินอะไร เพดดีกรี อัลโป้ หรือสมาร์ทฮาร์ท ป่านได้ซื้อมาฝากมันถูก” ป่านพูดแล้วทำหน้าทะเล้นใส่ผม แต่ทำหน้าแบบที่เรียกได้ว่ากวนอวัยวะเบื้องล่างใส่กร ส่วนพี่กาวน์ก็ได้แต่มองไปทางป่านอย่างปลง ๆ ริคบเด็กแสบอย่างไอ้ป่านคงมีเรื่องให้ทำใจกันอีกเยอะ

“เงียบเสียงมึงซะแล้วกิน ๆ เข้าไป หอมทอดมึงเนี่ยกินให้หมด ถ้าไม่หมดกูจับยัด เรียกร้องจะกินนัก”  กรพูด ก่อนจะเริ่มตักกับข้าวใส่จานของตัวเอง

“พี่กาวน์กินข้าวกัน” ผมเรียกพี่ชายตัวเองที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันให้ลงมือกินข้าวกันได้แล้ว

“พี่กาวน์คอนโดฯ ที่หัวหินปิดโครงการไปหรือยัง พอดีพี่สาวไอ้ยุสนใจ” ผมเอ่ยถาม วันก่อนเพื่อนสนิทผมโทรเข้ามาถามว่าจะถามพี่กาวน์ตั้งหลายวันแล้วก็ลืมเพิ่งมานึกขึ้นได้ตอนเจอหน้า คงเพราะเป็นช่วงที่รักมาอยู่ด้วยเลยออกไปข้างนอกกันตลอดไหนจะเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยว เลยลืมทำอะไรไปหลายอย่าง

“เหลืออีกห้าหรือหกยูนิตได้มั้ง ถ้าห้องมุมก็มีอยู่อีกห้อง”

“พรุ่งนี้จะได้โทรไปบอกไอ้ยุ” ผมตอบกลับคู่สนทนาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“แล้วของป่านล่ะ” ป่านที่นั่งกินกับข้าวกับหอมทอดที่มันบอกว่าอยากกินเงียบ ๆ มาพักหนึ่ง จนหอมทอดพร่องไปเกือบครึ่งจานทวงถามขึ้นมาบ้าง ไอ้ผมเองก็พอจะรู้อยู่ว่าพี่ชายผมไปตกลงสัญญาอะไรกับป่านเอาไว้ เลยรอฟังคำตอบไปด้วย คำตอบน่ะรู้อยู่แล้ว แต่อยากรู้มากว่าว่าพี่ผมมันจะตอบแบบเล่นแง่อะไรอีกหรือเปล่า ส่วนกรก็เหมือนจะรอฟังด้วยเหมือนกัน

“ขายไปแล้ว” พี่กาวน์ตอบ นี่ถ้าผมซื้อลอตเตอรี่คงถูกรางวัลใหญ่ไปแล้ว กะไว้ไม่ผิดว่าพี่กาวน์ต้องตอบแบบนี้ พี่กาวน์ตอบแล้วมองหน้าผม ไม่ต้องพูดก็รู้แล้วว่าพี่ท่านจะสื่ออะไรถึงได้มองหน้าผม

“จริงอ่ะ” ป่านถามแล้วหันไปจ้องหน้าพี่กาวน์นิ่ง

เหมือนผมจะได้ยินป่านถามพี่กาวน์เรื่องนี้หลายครั้งแล้ว แต่ก็ได้คำตอบแบบนี้กลับไปทุกครั้ง ไม่รู้อารมณ์พี่กาวน์อยากเซอร์ไพรส์น้องมันหรือยังไงถึงปิดเงียบ เพราะที่จริงผมกำลังดูเรื่องตกแต่งให้อยู่อีกไม่เกินสามสี่อาทิตย์ก็เรียบร้อยแล้ว พอเจ้าของเขาไม่พูดผมจะมีสิทธิ์อะไรไปพูด ทำงานเป็นลูกจ้างเขาแลกค่าห้องที่ได้มา ก็มีหน้าที่ก้มหน้าก้มตารับใช้งานของคุณชายท่านให้เสร็จสมบูรณ์ไร้ที่ติแต่โดยดี ไอ้ที่มองหน้ากันแล้วส่งสายตาคมกริบมาให้เมื่อกี้ก็ไม่ใช่อะไรเหมือนจะบอกว่าเร่งให้มันเสร็จไว ๆ อย่าชักช้าเห็นไหมน้องมันถามอีกแล้ว

“กูให้มาอยู่ห้องพี่กันต์เอาไหม กูคิดไม่แพงคืนละสามพันพร้อมอาหารเช้า เดี๋ยวกูตามไปทำอเมริกันเบรคฟาสเสริฟให้มึงถึงเตียงนอน แถมเป็นบัตเลอร์รับใช้ตั้งแต่มึงตื่นยันหลับสนไหมวะแค่สามพันเอง เป็นโรงแรมแล้วห้องระดับนั้นนี่หลายหมื่นมึง” กรพูดถึงคอนโดฯ ที่หัวหินที่พี่กาวน์ยกให้ผม ซึ่งวันที่ผมรับโอนมาถึงได้เห็นว่าพี่กาวน์ยกให้เป็นชื่อผมกับกรร่วมกัน พอกรเห็นก็มีอึ้ง ๆ ไปเหมือนกัน

“กูก็มีของกูเหอะ” ป่านตอบ แต่เสียงเหมือนจะเบา ๆ ไปหน่อย คล้ายไม่มั่นใจ แต่ในใจลึก ๆ ก็คงแอบมั่นใจคำพูดพี่กาวน์อยู่

ความจริงป่านคงไม่ได้สนใจไอ้เรื่องคอนโดฯ อะไรนั่นเท่าไหร่ แต่มันคงอยากรู้มากกว่าว่าพี่กาวน์จะทำตามคำพูดที่ให้ไว้หรือเปล่า ซึ่งผมเองก็เข้าใจในเรื่องนี้คือ คนเราถ้าพูดอะไรออกไปแล้วก็ควรจะรักษาคำพูด ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ตามที่พูด ก็อย่าพูดมันออกมา หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรจะมีเหตุผลที่ฟังขึ้น

“ว่าแต่มึงจะเรียนอะไร” ป่านพาเปลี่ยนเรื่อง 

“อาจจะเป็นการตลาดว่ะ มึงอ่ะ” กรตอบตามที่เคยปรึกษากันกับผมเรื่องคณะที่เขาจะเรียน ถึงพื้นฐานด้านนี้กรจะไม่มีเลยเพราะตอนเรียนตรีเรียนอีกสาขาวิชา แต่พอไปทำงานแล้วก็เหมือนจะเจอสิ่งที่สนใจเพิ่มเข้ามาอีกอย่างจนอยากจะมีความรู้ด้านนั้นมากขึ้น ผมเองก็สนับสนุนความคิดกรอยู่แล้ว ดีไม่ดีอาจจะไปนั่งเรียนกับเขาด้วยก็ได้ ผมเองก็เคยพูดเกริ่น ไปว่าสนใจ พอกรได้ยินผมพูดแบบนั้นก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที 

“ดู ๆ อยู่ อาจจะเรียนบริหาร เพราะตอนนี้ไม่มีความรู้พวกนี้ในหัวเลยว่ะ ไม่อยากเรียนก็คงต้องเรียน ไม่อย่างนั้นกูจะพูดกับเขาไม่รู้เรื่อง”

“นั่นมันคอนเซ็ปรายการช่องสามแล้วมึง”

“อ้าวหรอ กูได้ยินผ่านหูมามั้งเลยจำมา”

“พี่กาวน์เอาข้าวอีกไหม” ผมถามเมื่อเห็นข้าวในจานพี่กาวน์เหลืออีกแค่สองสามคำก็หมด

“ไม่ต้องเยอะมาก” พอพี่กาวน์ตอบรับผมก็ตักข้าวใส่จานให้อีกทัพพีครึ่ง ก่อนจะตักให้กรด้วย ส่วนป่านข้าวยังอยู่อีกเกือบครึ่งจานเพราะมื้อนี้ดูมันจะเน้นกินกับเป็นพิเศษ

“ไปบริจาคของบ้านเด็กอ่อนกันไหม” กรพูดขึ้นมา แต่ถ้าพูดขึ้นมาตอนนี้ก็คงจะตั้งใจชวนผู้ร่วมโต๊ะทุกคนไปด้วยเพียงแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อใครออกมาตรง ๆ

“ไปสิ” ผมตอบรับ

“ที่ไหน เมื่อไหร่ว่ามา” ป่านก็เป็นอีกคนที่กระตือรือร้นถามขึ้นมา

“อยากไปบ้านเด็กอ่อน แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน” กรตอบ

“เดี๋ยวลองหาในอินเตอร์เน็ตดูก็ได้” ผมพูด กรก็พยักหน้าตอบรับ ถ้าให้ผมเดาว่าที่กรมาชวนแบบนี้คงเพราะเปิดโทรทัศน์แล้วไปเจอรายการอะไรเข้าอีกแน่ ๆ แต่ทุกทีก็มีแค่โอนเงินไปบ้าง ยังไม่เคยพูดว่าจะลงไปถึงที่แบบคราวนี้

“เกิดจะรักเด็กขึ้นมาหรือไงวะ มาชวนไปบ้านเด็กอ่อน” ป่านพูด พอพูดจบก็เรอตามออกมาเอิ้กใหญ่ เพราะกินโค้กเข้าไปจนเกลี้ยงกระป๋อง ตั้งแต่ข้าวพร่องไปได้แค่ค่อนจาน

“มึงจะขยันทำอะไรทุเรศ ๆ ขัดกับหน้าตาไปไหนวะ” กรได้โอกาสแขวะป่านเข้าให้อีกหน รายนี้อย่าให้ได้โอกาสเชียวปากไวพอตัว ยิ่งกับคนสนิท ๆ กันด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยปล่อยให้โอกาสหลุดลอย อย่างกรนี่จะเรียกว่าพ่อนักบุญปากร้ายก็คงไม่ผิด

“ขอบคุณที่ชม ถึงมึงไม่บอกูก็รู้ตัวว่าตัวเองหน้าตาดี แล้วมึงเคยได้ยินไหม คนหน้าตาดีทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด” นี่ก็ช่างเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อกันดีจริง ๆ

กรเวลาอยู่กับผม กับอยู่ป่าน กับรัก หรือกับเพื่อนคนอื่นนี่เหมือนกับคนละคน จนบางทีแทบไม่น่าเชื่อว่าบุคลิกทั้งหมดนี้จะอยู่ในตัวคน ๆ เดียว เวลาอยู่กับผมเขาจะดูเป็นคนใจเย็น ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ มีขี้อ้อนบ้างเล็ก ๆ แต่พออยู่กับป่านหรือกับเพื่อนรุ่นเดียวกันก็จะกวน ๆ พูดมาก เวลาอยู่กับรักก็ดูเป็นพี่ชายใจดีบ้างโหดบ้างปน ๆ กัน ผมเคยลองคิดเล่น ๆ เหมือนกันว่าผมชอบกรในลุคไหน ผมก็ได้คำตอบว่าผมคงชอบทั้งหมดนั้นแหละ เวลาเขาอยู่กับผมแน่นอนว่าผมก็ต้องชอบเขาอยู่แล้ว ไม่งั้นอย่างนั้นคงไม่ตกล่องปล่องชิ้นมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่เวลาเขาอยู่กับคนอื่นมันก็ทำให้ผมเห็นเขาในมุมอื่นที่ต่างออกไป แต่ก็มักเป็นอะไรที่ผมเห็นแล้วยิ้มได้เสมอ ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเขา ไอ้เด็กนักศึกษาที่วิ่งทะเล่อทะล่าลงมาตัดหน้ารถผมในวันที่ฝนตกเพื่อช่วยลูกหมาตัวนึงไม่ให้โดนรถทับ ใครจะไปเชื่อว่าด้วยเรื่องแบบนั้นจะทำให้เขามานั่งอยู่ข้างผมได้ในตอนนี้

สงสัยว่าผมจะอิ่มมากเกินไปจนพูดอะไรไม่ออก ถึงได้มานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้แบบนี้ ทั้งที่เสียงคุยของคนข้าง ๆ กับป่านที่นั่งอยู่อีกฝั่งยังไม่ได้เงียบเสียงหรือขาดตอนไปเลย แต่ดูท่าแล้วผมคงไม่ใช่เพียงคนเดียวในโต๊ะที่นั่งเงียบเพราะคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมก็ได้แต่นั่งเงียบ ๆ เอนกายรับลมที่พัดโชยเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ จากปีบที่ออกดอกเป็นช่อใหญ่สีขาวโพลนเต็มต้นปนกับกลิ่นหอมของดอกแก้วที่อยู่ข้างกำแพงด้วยเหมือนกัน จนตอนนี้เหมือนบทสนทนาจะผูกขาดอยู่กับคนแค่สองคนในโต๊ะ โดยมีผมกับพี่กาวน์ที่ต่างกินข้าวมื้อเย็นอิ่มจนเกือบจะเกินพิกัดแล้ว เอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยมฟังคู่นี้เขากินไปคุยไปไม่ยอมวางมือกันง่าย ๆ

“กูเห็นในโทรทัศน์” กรตอบสั้น ๆ ถึงเหตุผลที่อยากไปบ้านเด็กอ่อน แต่ผมเข้าใจขึ้นมาทันทีเพราะถ้าเป็นเรื่องของความใจอ่อนต้องยกให้เขา โดยเฉพาะกับเด็ก คนชราและสัตว์เลี้ยง ถ้าเปิดไปเจอรายการอะไรที่นำเสนอเรื่องพวกนี้ล่ะก็เป็นต้องได้รับการตอบรับจากกรตลอด

“จะไปเมื่อไหร่” คราวนี้เป็นพี่กาวน์ที่สนใจถามขึ้นมาบ้าง

“กรว่าจะลองหาสถานที่แล้วก็ติดต่อดูก่อน อยากไปเลี้ยงอาหารกลางวันด้วย ยังไม่รู้ว่าจะจองได้วันไหน”

“ถ้าได้เรื่องยังไงก็บอกด้วยแล้วกัน” พี่กาวน์บอกกร

“กูได้ไปซื้อของไปบริจาคด้วย แล้วมึงจะชวนใครอีกหรือเปล่าวะ หรือจะไปกันแค่นี้”

“กูตั้งใจว่าจะชวนพวกในกลุ่มไปด้วย ส่วนมึงอยากชวนใครมาอีกก็เอาดิ พี่กาวน์จะชวนใครมาก็ชวนมาเลยนะพี่ ถ้าได้สถานที่กับวันแน่นอนแล้วจะรีบบอก ไม่น่าเกินเย็นพรุ่งนี้”

“ชวนไอ้เอิงด้วยดิ ไม่ได้เจอมันตั้งนานแล้ว แล้วตอนเย็นได้นัดไปกินข้าวกันต่อ”

“เออ เดี๋ยวกูบอกไอ้นายให้”

“ทำไมต้องบอกไอ้นายวะ”

“หึหึ” กรหัวเราะแบบคนมีลับลมคมในแบบสุด ๆ ชนิดที่เรียกได้ว่ากระตุ้นต่อมอยากรู้เรื่องของคนอื่นจากคนที่อยากรู้เรื่องของคนอื่นให้อยากรู้มากขึ้นไปอีกได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าให้ผมเดาเรื่องต่อจากนี้คือ กรจะเงียบไม่เล่าอะไรต่อแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเฉย ๆ ให้คนอยากรู้เรื่องค้างคาใจต่อไป แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อกรยกเรื่องว่าจะเอาของอะไรไปให้เด็กที่บ้านเด็กอ่อนกันบ้างแทน

“พี่กาวน์ เอาอะไรอีกไหม มีสับปะรดกับส้มโออยู่ในตู้เย็นถ้าจะกินเลยเดี๋ยวไปหยิบมาให้” ผมถามแล้วผลักหมอนให้ถอยไปข้างหลังอีกหน่อยก่อนขยับตัวตามออกไปเพื่อจะได้ยืดขาได้เต็มที่

“อีกสักพักก็ได้” พี่กาวน์ตอบแล้วทำบบเดียวกันกับผมคือดันหมอนสามเหลี่ยมออกไปข้างหลังก่อนถอยตัวตามออกไปเพ่อจะนั่งเหยียดขาได้เต็มที่

“งานเป็นยังไงบ้าง” พี่กาวน์ถามขึ้นมา

“ก็โอเคมีชะลอไปหน่อยช่วงน้ำท่วมปีที่แล้ว แต่ปีนี้โดยรวมก็ดีเลย โตขึ้นมาเกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ได้” ผมตอบแบบสรุปโดยภาพรวมของงานทั้งหมดที่ดูแลอยู่

“ปิดโครงการที่หัวหินแล้ว มีแผนจะทำโครงการที่ไหนต่อหรือเปล่า” ผมถามกลับไปบ้าง

“อืม ดูทำเลในกรุงเทพไว้สองสามที่ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

“กะทำด้านนี้อย่างเดียวแล้วสิ”

“ก็คงงั้น สนใจจะมาทำด้วยกันไหมล่ะ มาออกแบบให้เลยก็ดี” 

“ก็อยากทำอยู่ แต่ขอคิดดูก่อน ยังไม่อยากรับปาก ทำตรงนั้นมันต้องมีเวลา” ผมตอบ

“คิดจะกลับไปทำงานให้ตรงที่เรียนมาแล้วหรอ” เสียงของคนข้าง ๆ ผมหันกลับมาสนใจเรื่องที่ผมคุยอยู่กับพี่กาวน์ขึ้นมาบ้าง หลังจากคุยอยู่กับป่านมาได้พักใหญ่ จนตอนนี้ก็อิ่มกันหมดแล้ว

“น่าสนุกดี” ผมตอบ ก็แค่คิดว่าถ้ามีโอกาสได้เห็นตึกสูง ๆ ที่เป็นผลงานที่ตัวผมเองเป็นคนออกแบบก็น่าจะดีไม่น้อย

“ทำเลยพี่กันต์ งานที่บริษัทฯ ให้กรมันช่วยดูดิ พี่จะได้มีเวลาไปทำงานกับพี่กาวน์” ป่านออกเสียงสนับสนุน นี่มันมาพูดกันเสียอย่างกับว่าคิดอะไรปุ๊บก็จะลงมือทำกันได้ง่าย ๆ เลยหรือไง

“ป่านไปช่วยด้วยก็ได้” ป่านเสนอตัวด้วยแววตาเป็นประกาย ดูท่าแล้วคนที่อยากจะทำงานอื่นที่นอกเหนือจากงานที่รับผิดชอบอยู่ประจำคงไม่ได้มีแต่ผมคนเดียวเสียละมั้ง

“รีบเลยนะมึง ทำอย่างกับมีเวลาว่างนักนิ”

“กูทำได้แล้วกันน่า” ป่านยังคงยืนยังสิ่งที่ตัวเองพูด

“ตัดสินใจยังไงก็บอกแล้วกัน เดือนหน้าคงสรุปเรื่องที่ได้” พอพี่กาวน์พูดแบบนั้น ผมก็รีบพยักกน้ารับคำ ก่อนลุกขึ้นไปหยิบผลไม้ที่อยู่ในตู้เย็นออกมา

…………………………………………….


“ถ้ากันต์อยากไปทำงานกับพี่กาวน์ กรไปช่วยดูงานที่บริษัทฯ ให้ได้นะ” กรที่อาบน้ำเสร็จมาใหม่ ๆ เดินมาเอนหลังพิงหัวเตียงคุยกับผมที่กำลังนั่งดูหนังอยู่

“ถ้าจะไปทำจริง ๆ อาจจะรับคนมาเพิ่มอีกสักคน แต่ถ้ากรมีเวลาแล้วอยากเข้าไปช่วยดูก็ดี แต่จะไหวหรือเปล่าทำสองอย่าง” กรพูด แล้วแย่งรีโมทในมือผมไปเลื่อนเปลี่ยนช่องหน้าตาเฉย

“พอได้อยู่ ถ้ากันต์ไปทำกับพี่กาวน์ก็ใช่ว่าจะนานเป็นปีซะเมื่อไหร่” กรพูด แต่มือก็ยังกดรีโมทเปลี่ยนช่องไม่หยุด

“เดี๋ยวค่อยดูกันอีกที ถ้าไหวก็ทำ” ผมตอบ แล้วแย่งรีโมทมาถือไว้เอง

“แล้วตอนนี้ทำไหวไหม”

“แล้วแต่จะคิด” ผมตอบก่อนใช้รีโมทปิดโทรทัศน์ ส่วนกรเดินไปปิดไฟแล้วเหลือทิ้งไว้แต่ไฟที่โคมไฟข้างเตียงอย่างเดียว

“พรุ่งนี้วันหยุด ขอสักสามแล้วกัน”

“เฮ้ย!!”
--------------------------------------------------------- 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-07-2012 22:14:27
เฮ้ย ขอ 3 อะไรกันอะ อยากรู้ๆๆๆ  :z1:  :z1:

อยากรู้ว่า พี่กาวน์จะเซอร์ไพส์ป่านแบบไหนกันนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 20-07-2012 22:25:24
พรุ่งนี้หยุด ขอสามแล้วกัน

กรเนียนอะ  :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 20-07-2012 22:48:37
ขออะไรสามอ่ะ   :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >;>;>; มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-07-2012 22:55:18
อ่านตั้งแต่ต้นก็เรื่อยๆนะ แต่เจอประโยคสุดท้ายของกรนี่มีฮาอะ หึ!!
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 20-07-2012 22:56:41
เค้าพูดโต้ตอบกันเป็นโค้ดนะ 555
ขอสามเลยเหรอ  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-07-2012 01:56:13
ใบ้หวยกันเหรอจ้ะ
ตอนนี้ชิลๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 21-07-2012 03:10:54
เสียรู้เด็กจนได้
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 21-07-2012 06:35:12
 :pig4:เปิดมาเจอดีใจ...แปะจองไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านให้หายคิดถึง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-07-2012 07:09:48
อาหารค่ำ ผลไม้ ถ้ากันต์ไม่ลืมเสริฟของหวาน ป่านนี้ คงไม่ถูกกร ทวงของหวาน 3 ถ้วยหรอก  :m20:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 21-07-2012 11:33:21
อ้าว เฮ้ยด้วย 
กลับมาก่อนคนแต่ง  มาต่อจากเฮ้ย ให้หน่อย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-07-2012 13:58:41
รักกันเบาเบา :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 21-07-2012 23:27:31
เฮ้ย!!
แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นกันนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 22-07-2012 03:32:42
 :z1: :z1: :z1:  น้องกรขอสาม อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 23-07-2012 17:48:41
กันต์จ๋า ฟ้าเหลืองแน่~
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 23-07-2012 20:59:39
เดี๋ยวจะเตรียมไข่ลวกไว้ให้คนละสามฟองตอนเช้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 23-07-2012 23:32:46
ขอมากกว่าน้องพลับอีกนะนี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 24-07-2012 21:20:20
                  กรนี่เค้าคมกริบเลยนะ คนข้างๆเผลอไม่ได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 25-07-2012 09:39:55
ไม่ได้อ่านมานานมากเรื่องนี้ คิดถึงจริงๆเล้ยยยย :กอด1:
อ่านเพลินได้ตลอดจริงๆ อยากให้มีตอนพิเศษคู่อื่นๆบ้าง
แอบอยากรู้ เบาๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 10-08-2012 20:06:40
ลองเอาอีกเรื่องที่เริ่มแต่งไปได้พักหนึ่งมาให้อ่านกันเป็นตอนพิเศษระหว่างรอกันต์กับกร
---------------------------------------------------------------


เมื่อรัก... ยังเด็ก
บทนำ
“รักครับ สวัสดีน้าเตยหรือยังครับ” ชลธิชาก้มลงบอกลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจและยังเป็นจุดศูนย์กลางของบ้านหลังนี้ให้ปฏิบัติตามคำที่เคยสอนมาเมื่อพบเจอผู้สูงวัยกว่า ซึ่งครั้งนี้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเด็กน้อยคือ มาริสาคุณแม่ลูกหนึ่งวัยสามสิบสองที่ยังคงความสวยไม่ต่างจากช่วงที่เริ่มเป็นสาวสะพรั่งที่การันตรีความงามด้วยตำแหน่งสาวงามของเวทีทางภาคเหนือ แล้วยังกลายเป็นว่าเมื่อตัวเลขบอกอายุเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ความมีสง่าราศีก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเลยยิ่งขับความโดดเด่นให้ฉายชัดออกมาจากคุณแม่ยังสาว เฉกเช่นเดียวกันกับชลธิชาผู้เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่ความงามไม่ด้อยไปกว่ากันเพียงแต่เป็นสาวขี้อายจึงไม่เคยเดินขึ้นเวทีประกวดใดอย่างเพื่อนสนิท

ส่วนรักหรือชื่อจริงว่า “รักษ์” เด็กชายวัยสามขวบที่มีผิวกายขาวเหมือนหยวกกล้วยเนื้อใน แก้มยุ้ยน้อยๆ ขึ้นสีเลือดฝาด ปากสีส้มระเรื่ออย่างเด็กที่ถูกฟูมฟักทะนุถนอมมาอย่างดี เพราะกว่าที่ชลธิชาจะได้ลูกชายคนนี้มานั้น นอกจากตัวชลธิชาต้องอาศัยความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเกือบทั้งหมดแล้ว คนทั้งบ้านยังอาศัยความเชื่อต่างๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมาอีก เพราะหวังว่าจะมีดวงใจดวงน้อยของบ้านกำเนิดขึ้นให้สมหวังดั่งใจกันได้ในเร็ววัน และกว่าสี่ปีของพยายามก็เกิดเป็นผลสำเร็จ การตั้งครรภ์ของชลธิชาเป็นข่าวที่ทุกคนต่างยินดี และระหว่างนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยการที่ถูกประคบประหงมกันมากกว่าปกติด้วยเกรงจะเกิดความผิดพลาด

จนถึงวันที่เด็กน้อยผิวแดงได้ออกมาชมโลก ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อสามีถึงได้ตั้งชื่อหลานชายคนแรกให้ว่า “รักษ์” ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “บุญรักษา” และเพื่อไม่ให้เชยย้อนสมัยที่หลานเกิดจนเกินไปคุณปู่จึงเลือกตัดให้เหลือเพียงคำว่า “รักษ์” สั้นๆ ให้เป็นชื่อจริงของหลานชาย พอได้ชื่อจริงว่ารักษ์ ชลธิชากับสามีก็ไม่ต้องใช้เวลาคิดนานในการตั้งชื่อเล่นให้ลูกชาย คำว่า “รัก” ซึ่งเป็นคำพ้องเสียงกับชื่อจริงจึงถูกใช้เรียกเป็นชื่อเล่นของลูกชายทันที 

“รักครับ ทำยังไงก่อนลูก” ชลธิชาเรียกลูกชายอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลูกของเธอยังไม่ปฏิบัติตามที่เธอบอก เพราะมัวแต่สนใจกับเด็กชายอีกคนที่โตกว่าที่มือข้างหนึ่งถูกกุมไว้ด้วยมือของเพื่อนสนิท อชิระหรือชิน เด็กชายวัยหกขวบเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของมาริสา

“สวัสดีครับ” มาริสาเอ่ยรับเมื่อลูกชายของเพื่อนเธอกระพุ่มมือน้อยขึ้นไหว้ เมื่อเห็นความน่ารักของลูกเพื่อนแล้วมาริสาก็อดไม่ได้ที่จะย่อตัวลงนั่งและยื่นมือออกไปจับแก้มนิ่มนั่น เมื่อปลายนิ้วของมาริสาแตะสัมผัสลงบนแก้มนุ่มเด็กชายผู้เป็นเจ้าของแก้มแดงระเรื่อก็ถดตัวถอยหนีไปหลบอยู่ด้านหลังของผู้เป็นแม่ แต่ยังมิวายยื่นหน้าออกมาดู

แม้จะเคยเจอหน้ากันหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความเป็นเด็กเจอหน้ากันหลายครั้งแต่ด้วยนานๆ เจอกันที เลยให้ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้ากันทุกครั้งกว่าจะยอมให้ถึงเนื้อถึงตัวได้ ก็ต้องสร้างความสนิทสนมกันใหม่ทุกครั้งไป ผิดกับอีกคนที่รักษ์ยังมองตาแป๋วและอยากเข้าไปหาเต็มที แต่ติดที่อีกคนยังไม่กวักมือเรียกไปเล่นอย่างเคยเลยไม่กล้าเข้าหาก่อน

“ชิน ไม่ชวนน้องไปเล่นหรอลูก” มาริสาหันกลับมาถามลูกชายตัวเองที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่เข้าไปเล่นกับน้องทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายรบเร้าให้แม่พามาหาน้องแต่เช้า

เมื่อวานเย็นมาริสาคุยกับธันวา ผู้เป็นสามีเรื่องจะไปกินข้าวเย็นกันที่บ้านชลธิชาในวันพรุ่งนี้ พออชิระที่นั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะเล็กอีกฝั่งของห้องได้ยินว่าพ่อกับแม่จะไปไหนกัน ก็ถึงกับทิ้งการบ้านที่ทำอยู่วิ่งปรี่เข้ามาหาแม่แล้วบอกให้พาไปบ้านนั้นแต่เช้าด้วยอยากจะไปเล่นกับน้อง

มาริสาพอได้ยินลูกชายแสดงกริยาออดอ้อนแบบที่มีโอกาสเห็นได้น้อยครั้ง เลยลองถามลูกชายดูว่าทำไมถึงอยากไปหาน้องนัก ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “น้องน่ารักดี ชินชอบน้อง” หลังได้ฟังคำตอบของลูกชายมาริสาก็อดยิ้มไม่ได้ เธอเข้าใจว่าอชิระเป็นลูกคนเดียว พอเจอเด็กเล็กกว่าเลยอยากได้เป็นน้อง ลูกชายเธอคงอยากมีน้อง จึงรีบตอบตกลงรับคำว่าจะพาลูกชายไปหาน้องแต่เช้า ส่วนสามีจะตามไปในช่วงเย็นเพราะช่วงเช้านั้นก็มีนัดไปออกรอบกับคุณสงกรานต์สามีของชลธิชา

“รัก” คนโตกว่าเอ่ยเรียกชื่อของเด็กชายตัวเล็กที่ยังยืนหลบอยู่ด้านหลังของผู้เป็นแม่ ก่อนจะยื่นมือตามออกไปเพื่อหมายจะให้น้องเข้ามาจับมือเขาไว้และจะได้จูงน้องไปเล่นด้วยกันอย่างเคย

ใจจริงที่อชิระยืนนิ่งอยู่นานไม่ใช่อะไร แค่อยากรอให้รักษ์เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาก่อนบ้าง ทุกครั้งที่มาหารักษ์มีแต่เขาที่ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน ไม่มีครั้งไหนที่น้องจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาก่อนเลย นอกจากเล่นกันไปสักพักแล้วนั่นแหละน้องถึงเป็นฝ่ายเดินตามต้อย แต่ยืนรอแล้วรอเล่าน้องก็ไม่ยอมเดินเข้ามาหาสักที ทั้งที่น้องเองมองมาที่ตัวเขาตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว

จนสุดท้ายคนโตกว่าเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องยอมออกปากเรียกน้องก่อน ขืนรอนานกว่านี้เวลาที่ใช้เล่นกันก็ยิ่งหายไปทีละน้อย แล้วไหนช่วงบ่ายน้องจะนอนหลับอีก ซึ่งเขาเองก็หลับไปพร้อมกับน้องเหมือนกัน เห็นไหมมาตั้งแต่เช้าแต่จะได้เล่นกันก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง

“ไปเล่นสไลเดอร์กัน” อชิระเรียกคนที่ตัวเล็กกว่าซ้ำ โดยที่มือยังยื่นรอให้อีกคนเข้ามาจับอยู่อย่างนั้น 

“อยากดูปลา เอาหนมกินด้วย” รักษ์ก้าวออกมาจากด้านหลังของผู้เป็นแม่ เขายังไม่ยื่นมือไปหามือที่รออยู่ แต่รอฟังคำตอบของอีกคนก่อนว่าจะทำตามที่เขาเสนอไหม

“ไปดูปลาก็ได้” เสียงคนที่โตกว่าตอบรับ พอตอบไปแบบนั้น มือเล็กก็เข้าจับมือที่ยื่นรอไว้ทันที ก่อนเป็นฝ่ายออกแรงดึงคนโตกว่าไปเสียเอง

รักษ์ยืนรออยู่ตั้งนานนึกว่าคนโตกว่าไม่อยากจะเล่นกับเขาแล้วเสียอีก พอได้ยินคนโตกว่าเรียกชื่อ แล้วเอ่ยคำชวนให้ไปเล่นด้วยกัน ก็อยากจะยื่นมือไปหาแล้วพาวิ่งไปหลังบ้านตั้งแต่แรกแล้ว แต่คนโตกว่าชวนไปเล่นสไลเดอร์ ส่วนเขาอยากไปดูปลาสีส้มตัวอ้วนกลมที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในบ่อกว้างมากกว่า เลยต้องบอกคนโตกว่าเสียหน่อยว่าเขาจะไปดูปลานะ ไปไหม แล้วคนโตกว่าก็ตกลงเลยรีบยื่นมือไปจับมือกันไว้ทันที แต่เอาเข้าจริงถึงคนโตกว่าจะยอมไม่ตกลงตามใจเขาและยืนยันว่าจะไปเล่นสไลเดอร์ให้ได้ เขาก็จะตามไปเล่นด้วยอยู่ดี

“ไปขอหนมย่ากัน ป่ะๆ” เสียงเด็กตัวน้อยที่พูดบางคำยังไม่ชัดดีดังให้ได้ยินแว่วมาตามหลัง เมื่อเจ้าตัวจูงมือคนโตกว่าพ้นห้องนั่งเล่นไป ส่วนชลธิชาพอเห็นเด็กสองคนเดินออกไปพร้อมกันแล้วก็รีบหันไปเร่งกับคนดูแลลูกชายให้รีบตามเด็กๆ ไป เพราะเกรงว่าลูกชายกับลูกเพื่อนจะพลัดตกบ่อได้รับอันตราย แม้น้ำจะไม่ลึกและแม่สามีของเธอก็สั่งให้คนทำรั่วกั้นบ่อปลาในสวนหลังบ้านไว้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจเรื่องความซนของลูกชายตัวน้อยอยู่ดี 

.
.
.


หลังจากพากันวิ่งไปประจบประแจงขอขนมจากคุณย่าจนได้เค้กแครอทที่แต่งหน้าด้วยครีมขาวและประดับด้วยน้ำตาลที่ปั้นเป็นรูปแครอทจิ๋วมาคนละชิ้นแล้ว  อชิระก็เป็นฝ่ายรับอาสาถือจานเล็กๆ ที่ใส่เค้กสองจานเดินตามหลังน้องไปหลังบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงถือถาดที่มีแก้วใส่น้ำและนมอย่างละสองแก้วตามมาให้

พี่เลี้ยงที่ถือถาดแก้วน้ำเดินตามคุณหนูสองคนไปก็มองแก้วน้ำแก้วนมในถาดไป มองเห็นลายบนแก้วน้ำทีไรก็อดทำคิ้วขมวดมุ่นอย่างคนสงสัยไม่ได้สักที ก็แก้วลายหนูผีแยกเขี้ยว หน้าพิลึกพิลัน ตัวสีฟ้าของคุณหนู ที่คุณหนูเรียกมันว่าตัวอะไรนะ อะไร ติ๊ด ๆ จำไม่ได้ ไม่รู้ว่าน่ารักตรงไหน แต่คุณหนูของเธอชอบเสียจริง ที่จริงมีแก้วลายตัวประหลาดตัวนี้อยู่หลายใบ แต่ชุดนี้คุณชินกับคุณหนูไปเลือกมาด้วยกัน แล้วคุณหนูของเธอก็โปรดปรานเอามาก จนแทบจะกลายเป็นว่าใช้แก้วชุดนี้ชุดเดียว

“พี่ชินแบ่งหนมปลาหน่อย มันหิว” เด็กชายรักษ์หันมาเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พร้อมชี้ปลายนิ้วเล็กไปที่ปลาคราฟสีส้มตัวใหญ่ที่โผล่ขึ้นมางับฟองอากาศก่อนดำดิ่งลงน้ำไป

“มันไม่กินหรอก เป็นปลาต้องกินอาหารปลาสิ” อชิระตอบ พอตอบไปแบบนั้นก็ส่งผลให้อีกคนทำแก้มพองลมขึ้นมาทันที ก็รู้ว่าปลาต้องกินอาหารปลาเพราะรักษ์เคยมาให้อาหารปลาพร้อมกับคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่มีอาหารปลามีแต่เค้กนี่

“ขนมไว้ให้รักกับพี่กิน ปลาต้องกินอาหารปลา” คนโตกว่าพยายามอธิบายต่อ ไม่รู้ว่าคนที่นั่งทำปากจู๋อยู่ข้างๆ จะเข้าใจไหม แต่เมื่อเห็นแก้มพองลมยุบกลับมาอยู่สภาพปกติเลยคิดเอาเองว่าน้องคงเข้าใจที่ตัวเองพูด

“งั้นเอาอาหารปลามาให้มัน” เด็กชายตัวเล็กเรียกร้องหาอาหารของเจ้าปลาตัวอ้วนทันที

“มันกินแล้ว” คนโตกว่าตอบ แล้วตักเค้กในจานเป็นชิ้นเล็กส่งไปจ่อที่ปากน้องที่กำลังส่งสายตามาอ้อนเรื่องให้อาหารปลา แต่พอเห็นขนมเค้กในช้อนที่มาจ่อปากก็เลิกสนใจเรื่องปลาแล้วอ้าปากรับขนมเค้กที่คนโตกว่าตักป้อนไปเคี้ยวตุ้ย

“รู้ได้ไง” รักษ์เอียงคอถามคนโตกว่าที่นั่งอยู่ข้างกัน เขายังไม่เห็นปลากินอาหารเลย ทำไมคนโตกว่าถึงรู้ได้ว่าปลากินอาหารไปแล้ว หลังจากรักษ์กินเค้กหมดไปคำก็ถามต่อ พอถามจบก็อ้าปากรับเค้กอีกคำที่คนโตกว่าคอยตักป้อนให้ไม่ขาด ป้อนน้องสองคำตักกินเองคำ เผลอแป๊บเดียวเค้กชิ้นแรกก็หมด แถมไปอยู่ในท้องน้องเกินกว่าครึ่ง
 
“นั่นไงท้องมันป่องจะแตกแล้ว” คนโตกว่าชี้นิ้วไปที่ปลาสีส้มตัวอ้วนที่ว่ายอยู่ใกล้ๆ พอรักษ์เห็นก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นอันว่าเข้าใจกันแล้วว่าปลาต้องกินอาหารปลา แล้วปลาก็กินอาหารแล้วเพราะท้องมันป่องเหมือนใกล้จะแตกเต็มที

ปลาท้องป่องตลกดีแต่น้องแก้มป่องแล้วน่ารัก ว่าแล้วก็ยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มน้องเบาๆ สองที เจ้าของแก้มป่องสีแดงก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังสนใจเรื่องปลาสีส้มท้องป่องมากกว่า 

“แล้วท้องมันจะแตกไหม” เจ้าของแก้มป่องที่ถูกคนโตกว่าจิ้มเล่นเมื่อกี้ถามแล้วเริ่มเบะปากเหมือนจะร้องไห้เพราะกลัวว่าปลาจะท้องแตก ถ้าปลาท้องแตกจะเป็นยังไง ไม่เอาๆ รักษ์ชอบมาดูปลากับพี่ชิน ไม่มีปลาแล้วจะดูอะไร

“ไม่ๆ มันอ้วนเฉยๆ” อชิระรีบบอก เห็นน้องเบะปากก็ทำเอาใจหาย อย่าร้องเชียวนะ อย่าร้อง

“มันจะตัวโตเท่านี้เลยพี่เคยเห็น” อชิระรีบกางสองมือกว้างให้น้องดู พ่อกับแม่เคยพาไปดูที่ฟาร์มเลี้ยงปลา แล้วก็ซื้อกลับไปที่บ้านตั้งห้าตัว ปลาที่นั่นตัวโตกว่าในบ่อปลาของรักษ์ตั้งเยอะ ถึงปลาที่พ่อซื้อกลับบ้านให้เขาจะตัวเท่าๆ กับที่บ้านรักษ์ก็เถอะ

“จริงหรอ อยากเห็นจัง” คนที่ทำท่าเบะปากเหมือนจะร้องไห้อยู่เมื่อครู่ตาวาวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นพี่กางแขนกว้าง แล้วก็ลองกางแขนสองข้างของตนออกบ้าง พอกางแล้วยังสู้ของคนโตกว่าไม่ได้เลย เทียบกันใกล้ๆ แล้วปลายนิ้วของเขายังไม่ถึงข้อมือของคนโตกว่าเลย ปลาที่คนโตกว่าบอกต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ

“จริงสิ ไว้พี่บอกพ่อกับแม่ให้พารักษ์ไปดูด้วยดีไหม” อชิระบอกเมื่อเห็นน้องทำท่าสนใจ พอเห็นน้องยิ้มได้ก็ส่งเค้กป้อนเข้าปากอีกคำ น้องก็เลี้ยงง่ายแสนง่ายพอป้อนขนมให้ก็รับไปเคี้ยวตุ้ย

แต่คนเป็นพี่เลี้ยงที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่สิ กำลังคิดอยู่ว่าถ้าคุณชินมาป้อนข้าวคุณหนูของเธอแบบนี้ได้ทุกวันก็คงดี เพราะปกติกว่าจะให้กินข้าวได้หมดจานต้องหลอกล่อกันสารพัดวิธีไม่เห็นกินง่ายกินดายแบบนี้เลย ถ้าจะกินหมดเกลี้ยงไม่เหลือก็มีอีกทางคือ ต้องเป็นข้าวปั้นฝีมือของคุณปู่ ไม่ใช่ข้าวปั้นแบบญี่ปุ่นที่เธอเห็นทางโทรทัศน์ แต่เป็นข้าวคลุกปลาทูเหยาะซีอิ้วนิดหน่อยพอมีรส

คุณหนูจะให้เธอคลุกข้าวให้เท่านั้น พอได้ข้าวคลุกปลาทูแล้วจะถือชามข้าววิ่งปร๋อไปหาคุณปู่ให้ปั้นข้าวเป็นลูกกลมๆ ให้ พอได้ข้าวปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วล่ะก็ กินหมดทุกครั้งไป แต่จะให้กินแบบนี้ทุกมื้อคงไม่ได้ คุณหนูของเธอขาดสารอาหารกันพอดี คุณย่ากับคุณชลบอกไว้

“จริงนะ รักษ์อยากเห็นปลาตัวโต ๆ ๆ” รักษ์ยังเซ้าซี้ถามต่อ แล้ววาดสองมือกว้าง กว้างมากจนเกือบเสียหลักหงายหลังจนคนโตกว่าต้องรีบดึงมือกลับ ถ้าหงายหลังไปล่ะก็หัวโขกพื้นแน่ แล้วเรื่องที่น้องรบเร้าจะให้ไปดูปลาหรือทำนู่นทำนี่อชิระกลับไม่เคยเบื่อ กลับยิ้มชอบใจเสียอีกยิ่งเวลาน้องขยับเข้ามาเกาะแขนเขย่ารบเร้าเอาเหมือนตอนนี้

“จริง เดี๋ยวพี่ไปบอกแม่ให้เลย” อชิระรับคำ

“ไปบอกตอนนี้เลยนะ ป่ะ” รักษ์กระโดดลุกขึ้นและยื่นมือไปหาอชิระที่ยังนั่งอยู่ พอคนโตกว่ายื่นมือมาจับมือไว้แล้ว ก็ใช้อีกมือมาจับที่ข้อมือ เพื่อใช้ทั้งสองมือช่วยฉุดคนโตกว่าให้ลุกขึ้น พออีกคนลุกขึ้นได้ก็พากันออกวิ่งเข้าบ้านทันที


……………………………………………………….
……………………………………………..
…………………………………..




“พี่ชินมาช้า” คนที่นั่งอยู่บนม้าหินที่ประจำข้างอาคารเรียนยืนขึ้นพร้อมพูดบ่นทั้งที่ริมฝีปากนั้นฉีกยิ้มกว้างดูสวนทางกับคำพูดทันทีที่เห็นคนที่รอเดินเข้ามาใกล้ ก่อนก้มหยิบกระเป๋าเป๋แล้วตวัดขึ้นสะพายหลังเพื่อเดินออกไปขึ้นรถหน้าโรงเรียน

“อ้าว! อยู่รอชินมันหรอ ไม่เห็นเข้าไปข้างใน พี่ยังนึกว่ากลับไปแล้ว” ไม่ใช่คนที่รักษ์รออยู่พูดขึ้น แต่เป็นอีกคนที่เดินออกมาด้วยกัน

“ก็คนเยอะ” รักษ์ตอบแล้วมองไปทางคนที่ตัวเองรออยู่

“พวกนั้นมันกลับไปตั้งแต่ห้าโมงแล้ว เหลือแต่ชิน นุ ไอ้เอ็ม แล้วก็พี่สี่คนเอง” ปกเขตหรือปก พูดกับรุ่นน้อง

“ยุงกัด” อชิระพูดถามเมื่อเห็นคนรอยกขาขึ้นมาเกาจนยืนตัวเอียง พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็ต้องรีบยื่นมือไปดึงเป้สะพายหลังยึดไว้เพราะกลัวเห็นคนหน้าทิ่มลงพื้น

“พี่ชินไม่เห็นบอกว่าคนอื่นกลับเร็ว” รักษ์พูดบ่นกับปกเขต ก่อนหันไปมองอีกคน แล้วทำหน้าเบ้   

“ให้นั่งตากยุงอยู่ได้” รักษ์บ่นต่อ คราวนี้บ่นให้ฟังถูกตัว

“บอกแล้ว ได้ฟังกันบ้างหรือเปล่า” คนที่โดนพาดพิงพูด แต่พอพูดจบเห็นรักษ์ทำหน้าสลด ก็ต้องรีบยื่นมือไปคว้าไหล่บางแล้วดึงเข้ามายืนข้างๆ แล้วละมือมาที่หัวทุยสวยแล้วจับเอนเข้าหาไหล่ตัวเอง เหมือนเป็นการบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะว่า

พอเห็นว่าคนที่ถูกดึงเข้ามาหาไม่มีท่าทีจะพูดว่าอะไรต่อ ก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไอ้ที่เห็นว่าสลดมันแค่ท่าทีเบื้องต้นก่อนพายุจะมาต่างหาก ขืนเขาว่าอะไรต่ออีกนิดละก็ ไม่อยากจะคิดต่อ ทำให้สงบได้ก็ดีแล้ว

“ไอ้นุ มึงจะกลับกับกูหรือเปล่า” อชิระหันไปถามเพื่อน

“ไม่ๆ กูจะแวะกินข้าวกับพี่เอ็ม พี่ปกก่อน แล้วกลับพร้อมกัน มึงไปเหอะ” ธาวินบอกเพื่อนสนิท

“รักไปกินข้าวกับพวกพี่ไหม เดี๋ยวพี่แวะส่งบ้าน” อีกคนที่ยืนเงียบฟังคนอื่นพูดมาสักพักถามขึ้นบ้าง ลองชวนไปอย่างนั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าผู้ปกครองเขาไม่ปล่อยให้ไปด้วยหรอก   

“วันนี้รักไปฝากท้องบ้านพี่ชินแล้ว” คนถูกถามตอบ

“พ่อแม่ไม่อยู่หรอรัก” ธาวินถาม ถ้ารักษ์พูดว่าไปฝากท้องบ้านนั้นเป็นอันรู้กันว่าพ่อแม่ของเจ้าตัวไม่อยู่และรักษ์ก็ไปนอนที่บ้านเพื่อนสนิทของตน

“ไปเชียงใหม่กันกลับอาทิตย์หน้า” รักษ์ตอบ ก่อนจะหันไปหารุ่นพี่อีกคน

“พี่เอ็มจะแวะร้านอินหรือเปล่า รักฝากซื้อขนมปังกรอบหน่อย” ตอนนี้เด็กมอสองกำลังจะไหว้วานรองประธานมอหกให้ซื้อของให้

เรื่องไหว้วานคนในสภานักเรียนมีแต่เจ้าเด็กมอสองคนนี้แหละที่กล้า เป็นคนอื่นถ้าเลี่ยงกลุ่มนี้ได้เป็นเลี่ยงเพราะดูภายนอกแต่ละคนทั้งนิ่งทั้งขรึม จนดูเป็นที่เชื่อถือของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน และยังเป็นตัวอย่างที่ดี ดูน่าเคารพยำเกรงสำหรับรุ่นน้อง อีกทั้งเป็นที่ไว้ใจของเหล่าอาจารย์ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่านิสัยที่แท้จริงของแต่ละคนเป็นแบบไหน มันเกินกว่าที่คนภายนอกจะคิดไปถึง ต้องคนที่เข้ามาคลุกคลีอยู่ด้วยแบบรักษ์เท่านั้นถึงจะรู้จริง มันมีที่ไหนคนที่ดีพร้อมทุกอย่าง มันก็ขาดๆ เกินๆ กันทั้งนั้น ดูกลุ่มนี้เป็นตัวอย่าง

“เนยน้ำตาล หรือเนยกระเทียม” คนถูกไหว้วานถาม ที่จริงร้านนี้มีของให้เลือกเยอะ อย่างขนมปังกรอบก็มีตั้งห้าหน้า เนยน้ำตาล เนยกระเทียม เนยลูกเกด เนยเม็ดมะม่วง แล้วอะไรอีกอย่างจำไม่ได้เพราะไม่เคยได้ซื้อ เนื่องจากเด็กผมเกรียนที่เดินอยู่ข้างๆ กินอยู่แค่สองหน้าเท่านั้น ซื้อมาให้บ่อยหน่อยก็เนยน้ำตาล ส่วนเนยกระเทียมนานๆ จะให้ซื้อที

“เอาเนยน้ำตาลแล้วกันพี่เอ็ม ถุงใหญ่สองถุงนะ” รักษ์ตอบพร้อมชูสองนิ้วขึ้นตามจำนวนถุง

“อืมๆ เดี๋ยวแวะซื้อให้” ชยุตพูด ที่พูดว่าซื้อให้นี่คือซื้อให้จริงๆ ใครจะไปเก็บเงินน้องลง ขนมถุงละไม่กี่สิบบาท แต่คนที่กลับบ้านพร้อมกันทุกวันกับรักษ์ก็มักจะเอาเงินมาให้อยู่ทุกครั้ง เขาก็รับบ้างไม่รับบ้าง จะรับก็ต่อเมื่อซื้อของมาขึ้นหลักร้อยและคนเอาเงินมาให้เป็นค่าขนมแสดงสีหน้าลำบากใจเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นหลักสิบเขาก็จะบอกว่า “กูจะซื้อขนมให้น้องกู” แค่นั้นแหละ คนถือเงินก็จะเอาเงินเก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม แต่ก็มิวายโดนค่อนขอดมาเล็กๆ ว่า “ทีละไม่กี่สิบ หลายๆ ที ก็เป็นร้อย” เขาก็จะยกมือบอกปัดให้รู้ว่าเขาไม่รับฟังแค่นั้น 

“งั้นพี่ไปแล้วนะ ไปช้าเดี๋ยวร้านปิด” คนถูกไหว้วานพูด ก่อนบอกลาพอพูดจบก็โบกมือให้รุ่นน้อง พอรักษ์เห็นแบบนั้นก็รีบยกมือขึ้นโบกตอบ พร้อมยิ้มให้ 

“ลุงชมไปไหน” อชิระก้มหน้าลงถามคนที่ยืนชิดติดอยู่กับตัวเองเมื่อมองไปที่รถที่จอดอยู่ข้างกำแพงโรงเรียนที่ประจำแต่ไม่เห็นคนขับ ตอนนี้คนอื่นออกไปกันหมดแล้วเลยเหลือพวกเขาแค่สองคนยืนอยู่
.
.
.


ทุกวันอชิระกับรักษ์จะมาโรงเรียนพร้อมกัน ออกจากบ้านไปแวะรับรักษ์ที่บ้าน ตกเย็นก็แวะส่งรักษ์ก่อนเข้าบ้านตัวเอง ถ้าวันไหนลุงชมต้องขับรถให้ธันวาพ่อของอชิระผู้เป็นเจ้านายตัวจริงออกไปราชการต่างจังหวัด อชิระจะขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีหน้าบ้านพร้อมโทรบอกรักษ์ให้ออกจากบ้านมาที่สถานีหน้าบ้านรักษ์ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเขาไปสามสถานี  พอถึงสถานีบ้านรักษ์อชิระจะลงไปรับน้องแล้วค่อยขึ้นรถขบวนใหม่ไปโรงเรียนพร้อมกัน

ที่ต้องแวะรับไม่ใช่ว่ารักษ์ขึ้นรถไฟฟ้าเองคนเดียวไม่ได้ แต่รักษ์ให้เหตุผลว่าไม่อยากไปโรงเรียนคนเดียวแค่นั้น พอเขาบอกให้ไปก่อน ก็จะได้ยินคำพูดตอบกลับมาว่า “ไปกับพี่ชินทุกวันจนชินแล้วนิ ไปคนเดียวมันยังไงไม่รู้” แล้วไอ้ที่บอกไม่รู้นี่มันยังไง ใครจะเข้าใจด้วย คนอย่างอชิระก็ไม่กล้าคิดอะไรมาก คิดได้แค่พวกเขาไปโรงเรียนพร้อมกันแบบนี้มาตั้งแต่รักษ์สอบเข้าปอหนึ่งโรงเรียนเดียวกันได้ และเป็นแบบนี้มาเกือบแปดปีแล้ว รักษ์คงเห็นหน้าเขาทุกวันจนชินอย่างที่พูดก็แค่นั้น   

ช่วงนี้อชิระยุ่งกับกิจกรรมของสภานักเรียนเพราะงานกีฬาสีที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า อชิระเป็นประธานนักเรียนโดยที่มีวงเล็บต่อท้ายว่ามอห้า โรงเรียนนี้เลือกตั้งประธานกันโดยใช้ตัวแทนจากมอห้า พอเลือกแล้วก็จะได้เป็นประธานไปจนถึงมอหก ซึ่งว่ากันง่ายๆ คือประธานนักเรียนในแต่ละปีการศึกษาจะมีสองคนคือ ประธานจากมอห้าและมอหก แต่ภาระหนักหรือคนทำงานส่วนใหญ่จะเป็นมอห้า เพราะรุ่นมอหกต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้มากกว่า

หลายวันที่ผ่านมาอชิระอยู่ทำงานตอนเย็นกับเพื่อนแล้วก็รุ่นพี่จนพระอาทิตย์ตกทุกวัน แต่คนร่วมเดินทางอย่างรักษ์ยังยืนยันว่าจะรอ ไม่ขอกลับก่อน นั่งทำการบ้านบ้าง ฟังเพลงบ้างไปเรื่อย ไม่มีบ่น ปกติอชิระจะให้รักษ์เข้าไปนั่งรออยู่ในห้องสภา แต่ถ้าวันไหนคนเยอะรักษ์จะขอรออยู่ข้างนอก ที่จริงถึงคนจะอยู่กันเยอะก็ไม่เคยมีใครว่าอะไรถ้ารักษ์จะอยู่ด้วย แต่เจ้าตัวขอไม่อยู่เองมากกว่าเพราะมีแต่คนชอบเข้ามาแหย่ พอเป็นแบบนั้นแล้วอีกไม่กี่นาทีถัดมาท่านประธานมอห้าก็จะเริ่มโวยวายเพราะสมาชิกแต่ละคนไม่เป็นอันทำงานทำการ เดี๋ยวๆ ก็ลุกมาเล่นมาคุยด้วย ไม่ก็ไปสรรหาเอาน้ำเอาขนมมาให้ แล้วก็เพราะแบบนี้รักษ์ถึงไม่ค่อยอยากเข้าห้องสภาตอนอยู่กันเยอะๆ คนยิ่งเยอะ ลูกบ้ายิ่งเยอะตามไปด้วย ต้องรอคนน้อยหน่อยถึงเข้าไป เพราะสงสารคนที่ต้องออกโรงปรามพี่ๆ เพื่อนๆ

บางวันที่หนักหน่อยคุณชายนรินทร์เลขาสภามอห้าถึงกับหาหมวกมาเดินถือวนรอบห้องสภา แล้วป่าวประกาศให้คนในห้องควักตังค์ออกมาจากกระเป๋าใส่ลงหมวกเพื่อเอามาสมทบทุนซื้อขนมให้น้องรักษ์ มันจะบ้าอะไรได้ขนาดนั้น ลำพังคนถือหมวกออกมาก็ว่าอาการหนักแล้ว ไอ้คนที่ใส่เงินลงหมวกนี่สิหนักกว่า ปกเขตประธานมอหกแกนนำ ตามด้วยชยุตรองประธานมอหก ต่อด้วยคณะกรรมการชั้นมอห้ามอหก หัวขบวนนำมาแบบนี้ที่เหลือเลยพาลเออออตามกันหมด

ถ้าเป็นกันแบบนี้แล้วงานมันจะเดินไหม ดีแล้วที่วันนี้เลขาสภาทั้งสองคนพากันแทคทีมกันออกไปซื้อกระดาษสำหรับพิมพ์งาน เพราะทั้งกระดาษขาวกระดาษสีในห้องสภาไม่เหลือสักแผ่น พอไปแล้วก็พากันหายทั้งคู่ ได้แต่โทรกลับเข้ามาบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้เย็น ถ้าอยู่กันครบทีมอย่าหวังว่างานจะเดิน จนอชิระอยากยกขาขึ้นมาก่ายหน้าผากอยู่บ่อยๆ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าที่แต่ละคนร่วมมือกันทำแบบนั้นทำเพราะเอ็นดูรุ่นน้องอย่างรักษ์หรือทำเพราะอยากแกล้งอชิระท่านประธานมอห้ากันแน่

วันนี้ตอนแรกคนในสภาอยู่กันครบองค์รวมสิบหกคน แต่ไม่ถึงชั่วโมงก็แยกย้ายกันไปเพราะแค่เข้ามานัดแนะเรื่องที่จะมีประชุมใหญ่วันพรุ่งนี้ บอกรักษ์ไว้แล้วว่าตอนห้าโมงให้เดินเข้าไปหาที่ห้องได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววว่าคนที่รอจะเดินเข้ามา จะออกมาตามก็ไม่ได้เพราะติดคุยงาน เกรงใจคนที่กำลังคุยกันติดพันอีก สุดท้ายรักษ์เลยนั่งตากลมตากยุงรออยู่หน้าอาคารเกือบสองชั่วโมง ไม่อยากจะโทษรักษ์นะว่าพอเข้ามาแล้วงานไม่เดิน แต่วันนี้รักษ์ไม่เข้ามาแต่ละคนทำงานกันจริงจังน่าดู เหมือนจะดีที่รักษ์ไม่เข้ามา แต่กลับมีข้อเสียตรงที่ห้องสภาเหมือนขาดอะไรไป

.
.
.


“รักให้ไปซื้อซาลาเปาฝั่งนู้นให้ นั่นไงมาแล้ว” รักษ์พยักเพยิดหน้าไปทางหน้าประตูโรงเรียนเมื่อเห็นคนที่ถามหากำลังเดินผ่านเข้ามาพร้อมถุงบรรจุแป้งกลมๆ สีขาวในมือ

“พรุ่งนี้จะให้พี่ฝ้ายทำแซนวิชจากบ้านแล้วฝากลุงชมมาให้” อชิระพูดแล้วเดินนำไปที่รถ ส่วนคนตามหลังเดินไปกระโดดไปดูอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน

“พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลย ไม่ต้องรอพี่” อชิระพูดระหว่างยื่นมือไปรับซาลาเปาที่รักษ์ส่งมาให้

“เหมือนเดิม” รักษ์พูด แล้วอ้าปากกัดซาลาเปาอุ่นๆ ในมือ ไม่รู้จะพูดเรื่องเดิมทำไม พูดมาแบบนี้รักษ์ก็ตอบเหมือนเดิมอยู่ดี วันนี้เลยพูดตอบไปแบบนี้เสียเลย

“จะนั่งรอทำไมให้ยุงมันกัด” อชิระยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ โดนยุงกัดที่ขาอย่างเดียวไม่ว่า ดันมากัดเข้าที่แก้มอีก ขึ้นเป็นตุ่มแดงเลยนั่น เดี๋ยวกลับไปค่อยเอายาทาให้

“เออน่า รอได้ก็รอได้ดิ กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำ อยู่ที่นี่ยังมีพวกพี่อยู่” คนต้องการรอยืนยัน กลับถึงบ้านก่อนก็ต้องกินข้าวคนเดียวเพราะคุณลุงคุณป้ากว่าจะกลับก็หลังสองทุ่มไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นสู้รอกลับพร้อมกันดีกว่า

“เออ ๆ พรุ่งนี้เข้าไปนั่งรอในห้องแล้วกัน ไม่ต้องนั่งข้างนอก” สุดท้ายก็ต้องยอมง่ายๆ เหมือนเคย

“ก็แค่นี้ วันนี้พี่ฝ้ายจะทำอะไรให้กินก็ไม่รู้” คนพูด พูดทั้งที่ยังกินซาลาเปาไม่หมดลูก สงสัยจะนั่งรอนานไปหน่อยเลยหิวมาก

“เฮ้ย! มือเลอะหรือเปล่าเนี่ย” แล้วก็เกิดเสียงเอะอะขึ้นด้านหลังรถ เพราะอีกคนที่ฟังอยู่ทนหมั่นเขี้ยวไม่ไหวยกมือขึ้นจับหัวทุยโยกไปมาเสียหัวสั่นหัวคลอน ส่วนคนถูกทำแบบนั้นได้แต่ร้องโวยวาย แล้วก็ต้องนิ่งเงียบเพราะเจอคนโตกว่าล็อคคอให้อยู่นิ่งๆ จะดิ้นต่อก็ไม่ได้เดี๋ยวซาลาเปาจะติดคอตาย สุดท้ายได้แต่ขึงตามองแบบคาดโทษไว้ แล้วยกซาลาเปาในมือขึ้นกินต่อ โดนล็อคคอไว้หลวมๆ แค่นี้กินต่อได้สบาย แถมยังใจดีบิซาลาเปายกมือขึ้นไปทางด้านหลังป้อนคนที่ล็อคคอตัวเองไว้ได้อีก ถ้าคนป้อนหันกลับไปมองสักนิด คงได้เห็นว่าคนที่ก้มลงมารับซาลาเปาหมูแดงชิ้นน้อยเข้าปากมีสีหน้าอิ่มสุขขนาดไหน 

----------------------------------------------------------- 
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 10-08-2012 20:32:48
แสดงว่าคู่นี้รู้จักกันมาตั้งแต่ละอ่อนน้อย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 11-08-2012 18:06:10
รู้จักกันตั้งแต่เด็ก
เลยเหรอเนี่ย :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 11-08-2012 21:38:33
วัยเด็กช่างละมุนเหลือเกิน  :o8:
เห็นอย่างนี้ยิ่งอยากให้สองคนดีกันแบบสนิทใจซักที
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-08-2012 21:55:45
รู้จักกันมาตั้งกะเด็กเลยนี่นา  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 11-08-2012 23:00:24
ตอนเด็กน่ารักกันดี
โตแล้ว เกิดอะไรขึ้น
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 11-08-2012 23:19:55
มาแค่ตอนพิเศษ ก็ดีใจแล้ววววว
รอติดตามอ่านคู่นี้
มาต่อไวๆ นะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 13-08-2012 22:30:11
อยากจะอ่านเรื่องเต็ม ๆ ซะแล้วสิ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-08-2012 23:09:38
ละอ่อนน้อยคู่นี้น่ารักจัง แต่ไงถึงได้มีเรื่องผิดใจกันได้ล่ะ เกิดไรขึ้นอะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Na na ที่ 14-08-2012 12:32:20
มาโปรยแบบนี้ก็ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่ามีเรื่องอะไรถึงทำให้เข้าใจผิดกันใหญ่โต :m16:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-08-2012 17:19:34
มารอ พี่กาวน์ ป่าน ชิน กับ รัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ตอนพิเศษเมื่อรัก...ยังเด็ก (รัก-ชิน) p. 68 10/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 14-09-2012 21:07:29
ตอนที่ 65 พี่เลี้ยง

“เฮ้ย! ไอ้นายรถมึงใส่ได้อีกกี่กล่องวะ” เสียงไอ้ธีที่กำลังยกกล่องบรรจุขนม นม และของใช้จำเป็นสำหรับเด็กใส่ท้ายรถตะโกนถามไอ้นายที่จอดรถต่อท้าย

“เออ เอามาใส่รถกูได้อีกสอง แล้วตรงนั้นยังเหลืออีกกี่กล่อง” เสียงไอ้นายตอบรับแล้วถามกลับ ก่อนเดินไปยกกล่องที่ขนออกมาตั้งอยู่หน้าบ้านไปใส่รถ

“หมดแล้ว เหลือแค่ห้ากล่องนี้แหละ” เสียงกันต์ที่เดินออกจากบ้านมาเป็นคนตอบ หลังจากเข้าไปตรวจดูว่าไม่มีของหลงอยู่ในบ้านอีก

“รถใครยังพอใส่ของได้อีก” คราวนี้เป็นกันต์ที่ส่งเสียงไปทางด้านหลังที่มีรถจอดเรียงต่อจากรถไอ้นายและไอ้ธีอีกสามคัน นับตั้งแต่หัวแถวที่เป็นรถไอ้นายไล่ยาวไปจนถึงรถคันสุดท้ายก็ยาวเต็มถนนทางเข้าบ้านเกือบถึงประตูรั้ว ยังไม่นับรวมรถผม รถพี่กาวน์ รถเพื่อนกันต์ที่จอดอยู่ในโรงรถรวมกันอีกสี่คัน แต่ทางที่ผมอยู่กันต์คงไม่ต้องหันมาถามแล้วเพราะรถเต็มกันหมดทุกคัน จะเหลือที่ว่างก็เฉพาะที่นั่งสองที่ด้านหน้าแค่นั้น แต่ถ้ายังมีของเหลืออยู่อาจต้องวางบนตักไปกันบ้าง

“เอามารถพี่ได้อีกหนึ่ง แล้วมันเหลือกี่กล่อง” เสียงเพื่อนพี่กาวน์ตะโกนตอบจากรถคันที่ต่อท้ายไอ้นาย แล้วถามไปทางด้านหลังต่อไปเป็นทอด ๆ ก่อนที่กล่องที่ตั้งอยู่หน้าบ้านจะถูกขนไปใส่รถจนหมด ทำให้รถทุกคันแทบจะมีสภาพไม่ต่างกันคือเหลือที่ว่างเฉพาะที่คนขับกับคนนั่งไปด้วยแค่นั้น ก็ยังดีที่ใส่ของไปได้หมด 

ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าของกับคนจะเยอะขนาดนี้ แต่พอมีคนรู้กันมาก ๆ เข้าก็ฝากข้าวของกันมากันจนขนไปแทบไม่หมดอย่างที่เห็น นี่ก็ขนใส่รถเกือบสิบคันแล้ว ตอนแรกคิดว่าต้องจ้างรถมาขนไปแล้ว แต่กันต์บอกว่าแค่บอกคนที่จะไปด้วยกันว่าอย่าเอารถใจแคบที่นั่งได้แค่สองคนมา ให้เอารถสี่ประตูห้าประตูมา มากันหลายคนรถก็หลายคันน่าจะขนของใส่รถไปได้หมด ถ้าไม่พอยังไงค่อยเอารถที่บ้านไปเพิ่มไม่ต้องจ้างคนขนไปหรอก ส่วนเรื่องอาหารกลางวันที่จะเอาไปเลี้ยงเด็ก แม่ผมก็นัดให้ที่ร้านเอาไปส่งให้ถึงที่เลย
.
.
.

พอมองบรรยากาศรอบ ๆ ตัวตอนนี้แล้วก็นึกว่าบ้านตัวเองเป็นค่ายทหารเพราะมีแต่ชายล้วน แต่ละกลุ่มไม่มีผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว เหมือนสนามหญ้ากว้าง ๆ ที่ไม่มีดอกไม้ขึ้นมาให้สีสัน จะนึกไปถึงสนามฟุตบอลก็คงไม่ผิด สำหรับกลุ่มผมเองที่มีแต่ชายล้วนเพราะเพื่อนที่เรียนมหา’ลัยก็เป็นเพื่อนที่เรียนมอปลายที่เป็นโรงเรียนชายล้วนมาด้วยกัน พอเข้ามหา’ลัยก็มาเจอเพื่อนจากโรงเรียนชายล้วนที่เคยเจอหน้ากันมาก่อนอีก เลยอยู่เป็นกลุ่มชายล้วนมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนเรียนจบ เพื่อนผู้หญิงก็มีบ้างแต่ไม่สนิทจนถึงขั้นเข้ามาอยู่ในกลุ่ม แค่เป็นเพื่อนเรียนร่วมคณะ ไม่ก็เป็นเพื่อนแฟนเก่า ไม่ก็เพื่อนของแฟนเพื่อนเพื่อนอะไรทำนองนั้น

ลองนับจำนวนคนที่จะไปด้วยกันวันนี้คร่าว ๆ ก็สิบกว่าคนได้และขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีผู้หญิง ไม่ได้คิดจะสนใจใครอีก ทั้งไม่คิดสนใจด้วยตัวเองเอง และไม่คิดสนใจเพราะคนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ ถ้าลองไปสนใจชะตาอาจจะขาดเอาได้โดยไม่รู้ตัวแต่ที่สงสัยเพราะมองไปรอบ ๆ แล้วมันไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะมารวมตัวพากันไปเลี้ยงเด็กที่บ้านเด็กอ่อน ชักจะหวาด ๆ ว่าเด็กจะกลัวกันหรือเปล่า ถ้าบอกว่ามารวมตัวกันเพราะที่นี่เป็นสังกัดนายแบบยังจะฟังแล้วน่าเชื่อกว่า เพราะแต่ละคนเหมือนคัดหน้าตาคนที่คบด้วย กลุ่มผมอาจจะไม่เท่าไหร่ ถ้าเป็นสมัยเรียนก็คงเหมือนวัยรุ่นหน้าตาดีทั่วไปที่หาได้ไม่ยากแถวสยาม พอเรียนจบทำงานก็ดูเป็นผู้เป็นคนเป็นผู้ใหญ่กันขึ้นมาบ้าง  แต่ที่เด่นเรื่องบุคลิคหน้าตาจริง ๆ เป็นกลุ่มพี่ชายกันต์เขาต่างหาก ผมต้องยอมรับในฐานะผู้ชายด้วยกันเลยว่าแต่ละคนดูดี

สำหรับเพื่อนผมที่ไปด้วยกันวันนี้มีไอ้นาย เอิง ไอ้ธี ไอ้ติ๊ด ไอ้เดย์ ไอ้ป่าน ไอ้รายหลังสุดนี่ไม่แน่ใจว่าจะนับมันรวมกับกลุ่มผมหรือพี่กาวน์ดี เอาเป็นว่าวันนี้นับมันรวมกับกลุ่มผมก่อนแล้วกัน เพราะมันทิ้งผู้ปกครองมันมาติดหนึบอยู่กับเอิงตั้งแต่มาถึงแล้ว พูดถึงไอ้เอิงเมื่อเช้าตอนมันลงมาจากรถไอ้นายผมก็เห็นทำหน้าบอกบุญไม่รับ เดินหน้าบูดออกมาก่อนจะปิดประตูรถดังลั่น ก่อนเดินชับ ๆ หนีไปหาไอ้ป่านที่มาถึงก่อนแล้ว แต่ตอนจะเดินผ่านผมไปก็ยังไม่ลืมยกมือขึ้นมาทักทายผมนิดหน่อยพอเป็นพิธี

ตอนแรกผมคิดว่าไอ้เอิงจะเดินผ่านไปเฉย ๆ เลยด้วยซ้ำ ก็มันเล่นทำหน้าไม่รับแขกขนาดนั้น ผมจะทักมันยังไม่กล้าจนมันทักมาก่อนถึงทักตอบ จนมันไปอยู่กับไอ้ป่านแล้วนั่นแหละสีหน้ามันค่อยดีขึ้น ผมเลยเลิกมองไปทางไอ้เอิงกับไอ้ป่านแต่หันกลับมาสนเพื่อนสนิทที่คบกันมาเป็นสิบปีของของตัวเองอย่างไอ้นายแทน แล้วมันก็เหมือนจะรู้ว่าผมจะถามอะไร มันเลยตอบมาก่อนที่ผมจะอ้าปากถามว่า “กูไม่รู้แม่ง สงสัยเมนส์มา” แล้วก็เดินเข้าบ้านไปช่วยกันต์ขนของ ผมเลยเลิกสนใจพวกมัน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไอ้เอิงมันมาได้ยินที่ไอ้นายพูดเมื่อกี้ ผมว่ามันคงตีกันตาย จะว่าไปก็ชักจะตงิด ๆ กับไอ้คู่นี้ว่ามันมีอะไรที่ไม่ได้บอกผมหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันถึงเวลาที่มันอยากเล่ามันคงเล่าเอง หรือไม่ผมก็ไปหาข่าวเอาเอง แล้วก็ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่พอไอ้เอิงกับไอ้ป่านอยู่ด้วยกันสองคนแล้วเหมือนจะมีแสงออกจากตัวมันแปลก ๆ ไม่รู้ขาวไปหรือยังไง

ส่วนกลุ่มกันต์ที่มามีพี่ภพ พี่ยุ พี่ปก พี่สรรค์ สองคนหลังนี่นาน ๆ ผมจะเห็นหน้าสักที มีพี่ภพ พี่ยุ ที่เจอหน้ากันค่อนข้างบ่อย  สุดท้ายกลุ่มพี่กาวน์มีพี่ฟานที่คุยกับกันต์เมื่อกี้ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาเมื่อคืน วันนี้ก็ยังมาด้วยกัน แล้วก็พี่ริวคนนี้ผมรู้จักอยู่แล้วเพราะบริษัทฯ ผมเป็นลูกค้าบริษัทฯ เขา เจอหน้ากันบ่อยอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเพื่อนพี่กาวน์ พอรู้ว่าคนกันเองพี่ ๆ น้อง ๆ กัน สรรพนามที่พี่ริวเคยใช้เรียกผมแบบสุภาพอย่างการเรียกชื่อ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นกูมึงไปทันที

สุดท้ายพี่ฟ้า ตอนพี่กาวน์แนะนำนอกจากจะคุ้นหน้าเพราะจำได้ว่าเป็นนายแบบ แล้วยังอึ่ง ๆ เมื่อได้ยินชื่อพี่แกนิดหน่อย ก็พ่อแม่พี่แกช่างตั้งชื่อลูก ชื่อเล่นเต็ม ๆ คือ ข้ามฟ้า แต่พี่แกให้เรียกแค่ฟ้าเฉย ๆ พอ อย่าคิดว่าเรียกฟ้า แล้วพี่แกจะดูหน่อมแน้มไม่แมน เพราะหน้าตารูปร่างของนายแบบอย่างพี่แกต่อให้ชื่อ ตุ๊กแกยังดูดี ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าพี่แกดูดีจนน่าอิจฉา เห็นทีผมต้องหาเวลาออกกำลังกายเพิ่ม

.
.
.

“ไอ้ฟานเดี๋ยวมึงขับตามรถกูแล้วกัน” หลังจากนัดรวมตัวกันคุยและตกลงเรื่องเส้นทางแล้ว พี่กาวน์ก็หันไปบอกเพื่อนตัวเอง ก่อนจะได้เวลาเคลื่อนขบวนกันออกจากบ้าน ก็ขับต่างคนต่างไป ไม่ได้ตามกันเป็นขบวน ไปเจอกันที่นู่นเลย ตอนนี้สิบโมงไปถึงก็คงราว ๆ สิบเอ็ดโมง ก็เตรียมเลี้ยงอาหารกลางวันพอดี

“ป่ะ” ผมหันไปพูดกับกันต์ ก่อนจะพากันเดินไปขึ้นรถตัวเอง ที่จะออกจากบ้านไปเป็นคันสุดท้าย

“ตอนแรกไม่คิดว่าคนจะเยอะ” ผมพูดหลังจากขึ้นรถมาแล้ว

“นั่นสิ สงสัยเย็นนี้ต้องไปซื้อของเพิ่ม” กันต์พูด วันนี้ทุกคนที่มาตกลงรับปากว่าจะกลับมากินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน หรือจะเรียกว่ามีปาร์ตี้เล็ก ๆ กันที่บ้านก็ได้ มีแต่ชายล้วนแบบนี้คงหนีไม่พ้นพวกบาร์บีคิว หรืออะไรปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ตอนแรกคุย ๆ กันยังไม่แน่ใจเรื่องจำนวนคน แต่พอมากันเมื่อเช้าเห็นที่ว่าก่อนกลับเข้าบ้านจะต้องไปซื้อของมาเพิ่ม

“จะซื้ออะไรก็บอกมาแล้วกันเดี๋ยวกรไปซื้อให้เอง กันต์กับพวกพี่กาวน์กลับบ้านมาเตรียมอย่างอื่นก่อนก็ได้”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวค่อยไปถามพี่กาวน์อีกทีว่าจะเอาอะไรบ้าง”

................................................................
...............................................


“กินช้า ๆ ก็ได้ครับ ปากเลอะหมดแล้ว เดี๋ยวไม่หล่อนะ” เสียงกันต์กับภาพที่เจ้าตัวนั่งยองอยู่หลังเก้าอี้เด็กแล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดปากให้เจ้าของเก้าอี้ที่มีซอสสปาเก็ตตี้สีแดงเลอะมุมปากทั้งสองข้างทำให้ผมอดยิ้มไปกับภาพนั้นไม่ได้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะยกกล้องที่คล้องสายห้อยไว้กับคอขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่จะว่าไปแด็กแต่ละคนก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ บางคนนี่เลอะไปถึงแก้มเลยก็มี พี่เลี้ยงจำเป็นอย่างพวกผมเลยต้องถือทิชชูในมือแล้วช่วยกันเช็ดออกให้ 

มื้อกลางวันที่เอามาเลี้ยงน้องอาหารหลักจะเป็นสปาเก็ตตี้ ส่วนของกินเล่นก็มีหมูสับปั้นเป็นก้อนทอด ขนมจีบกุ้งกับปู ซึ่งกันต์ขอให้ที่ร้านให้เป็นพิเศษโดยทำเป็นลูกเล็กกว่าที่ร้านเขาขาย ซาลาเปาไส้ต่าง ๆ สั่งมาเป็นลูกเล็กเหมือนกัน ถ้าเป็นผมกินให้กินสิบลูกก็คงไม่อิ่ม แต่มันจะดูน่ากินสำหรับเด็ก แล้วเด็กก็จะได้กินได้หลาย ๆ อย่าง ถ้าเป็นขนมจีบซาลาเปาไซส์ปกติกินคนละไม่กี่ลูกก็คงอิ่มไม่ได้กินอย่างอื่น ส่วนขนมก็ไปสั่งพุดดิ้งนมกับผลไม้ที่ร้านประจำมา แล้วก็มีเอแคลไส้ครีมสตรอเบอรี่กับชอคโกแลตที่พียุเป็นคนซื้อมา

พอถ่ายรูปกันต์แล้วก็หันไปถ่ายรูปไอ้ป่านกับเอิงที่กำลังทำแบบเดียวกันกับที่กันต์ทำ ไล่ไปจนถึงภาพคนอื่น ๆ ด้วย มันก็เป็นภาพที่ดูน่ารักแบบแปลก ๆ ที่ผู้ชายกลุ่มใหญ่พากันมาดูแลเด็กตัวเล็ก ๆ  เรื่องดูแลเด็กก็ดูเหมือนจะสอบผ่านกันเป็นส่วนใหญ่ในสายตาผม ถ้าตอนนี้อยู่ในห้องเรียนวิชาดูแลเด็กก็สอบผ่านกันไปสองในสาม มีร่อแร่แต่พอไปได้สองคน และอีกสองคนสอบตก ส่วนสองคนที่ว่านั้นก็คือ ไอ้นายกับพี่ฟาน ที่โคตรจะไม่มีทักษะการเข้าหาหรือรับมือกับเด็กเลยแม้แต่น้อย

ไอ้นายเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง และไม่เคยเล่นกับเด็กเล็ก ที่รู้ว่ามันไม่เคยเล่นกับเด็กเลย เพราะผมเคยเล่าถึงน้องกอหญ้าหลานของพี่ภพที่พี่ภพเคยเอามาฝากให้กันต์กับผมช่วยเลี้ยง ไอ้นายเลยพูดขึ้นมาว่า ถ้าเป็นมันคงเลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงไม่เป็น มันไม่เคยเล่นหรือเคยอยู่กับเด็ก ญาติพี่น้องมันก็ไม่มีใครที่มีลูกเล็ก ๆ  มันเลยไม่รู้ว่าต้องปฎิบัติกับเด็กยังไง เมื่อกี้ผมเห็นตอนที่น้องที่อยู่ใกล้ ๆ มันทำซาลาเปาตกแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไอ้นายถึงกับหันซ้ายหันขวาเลิกลั่ก ก่อนเดินไปดึงตัวไอ้ธีที่อยู่ใกล้ ๆ มารับมือแทน ไอ้ธีมันก็แค่ย่อตัวลงไปหาน้องแล้วบอกว่าเดี๋ยวจะไปเอาซาลาเปาลูกใหม่มาให้น้อง ก่อนจะลุกไปแล้วถือซาลาเปากลับมาให้แค่นั้นก็จบ แต่ไอ้นายมันเอาแต่มึนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองตามไอ้ธีไปมา อะไรมันจะไม่มีเซ้นขนาดนั้นวะ คือมันเป็นเรื่องที่แก้ปัญหาไม่อยาก แต่คงเพราะเห็นน้องจะร้องหาย มันเลยทำอะไรไม่ถูกไปดื้อ ๆ ส่วนผม ๆ ต้องบอกว่าตัวเองสอบผ่านอยู่แล้ว
 
.
.
.

“กร ถ่ายรูปกูกับน้องให้หน่อย เอามือถือกูถ่าย” ไอ้ป่านเรียก พร้อมกับยื่นมือถือมาให้ผม

“พูดเพราะ ๆ ดิ น้องฟังอยู่ แล้วกล้องหน้าก็มีทำไมไม่ใช้” ผมเตือนไอ้ป่าน เมื่อเห็นน้อง ๆ มองผมกับป่านตาแป๋ว และถึงผมจะบ่นไอ้ป่านแต่ก็รับโทรศัพท์จากมือมันมา

“ถ่ายไปแล้วเมื่อกี้ แต่อยากได้แบบธรรมชาติบ้าง ใช้กล้องหน้ามันดูตั้งใจไป”

“เยอะ” ผมตอบกลับสั้น ๆ  ส่วนมือก็จิ้มหน้าจอโทรศัพท์ไอ้ป่านแล้วถ่ายรูปให้มันที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าผมกำลังถ่ายรูปมันอยู่ ทำเหมือนมันถูกถ่ายรูปโดยไม่รู้ตัว

“จะบ่นทำไม ให้ถ่ายก็ถ่ายไป ส่วนรูปในกล้อง เอารูปลงคอมฯ แล้วอย่าลืมส่งมาให้ด้วย” ฟังมันพูดแล้วน่าตบกะโหลกไอ้คนขยันสั่งจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้น้อง ๆ ผมคงไม่หักห้ามใจตัวเองไว้ ทั้งที่มือคันยิบ ๆ อยากทำร้ายคนเต็มแก่แบบนี้

“ถ้าไม่อยากให้บ่นทำไมไม่ไปใช้คนนู้นนู่น มาใช้ทำไม” ผมพูด แล้วหันหน้าไปทางบุคคลที่สามที่ผมพาดพิงถึงให้ไอ้ป่านมันรู้ว่าผมหมายถึงใคร

“เรื่องอะไรต้องให้แฟนลำบาก ให้เพื่อนลำบากดีกว่า”

“เรียกแฟนเต็มปากเต็มคำแล้วหรอจ๊ะ หนูป่าน” ผมพูดแล้วยักคิ้วส่งไปให้มันแบบโคตรจงใจ

“ชะ...”

“อย่าพูดออกมานะ” ผมชี้หน้าและสั่งมันให้หยุดเพราะรู้ว่ามันกำลังจะพ่นคำอะไรออกมา

“เมื่อก่อนละทำสะดีดสะดิ้งไม่ยอมรับ พอมาวันนี้ล่ะพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ” ป่านหยุด แต่ผมใส่ต่อระหว่างที่มันยังยืนอ้าปากค้าง หลังจากถูกผมสั่งหยุดคำเมื่อกี้ แต่พอผมพูดจบมันก็ทำปากพะงาบ ๆ เหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียง แต่ดูจากปากก็รู้ว่ามันด่าผม

“สนใจน้องต่อดิ จะถ่ายรูปให้” ผมพูดต่อ เมื่อเห็นว่ามันยังมองผมไม่เลิก แต่พอบอกว่าจะถ่ายรูปให้แค่นั้น มันก็หันไปสนใจน้อง ทำหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสต่อได้ทันที ผมยืนถ่ายรูปให้มันห้าหกรูปก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้มัน แล้วบอกมันว่าจะไปหากันต์ มันก็พยักหน้ารับรู้

.
.
.

“ไปแกล้งอะไรไอ้ป่านมันวะกูเห็นมันอ้าปากด่ามึงพะงาบ ๆ เมื่อกี้” ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่กับกันต์ถามเมื่อผมเดินเข้ามาหา ไอ้เดย์มันพยายามถามเสียงเบา เพราะไม่อยากให้น้องได้ยินคำหยาบ

“ไปแกล้งมัน” กันต์หันมาผสมโรงด้วยอีกคน นี่ก็ไม่ได้เลยรักน้องเหลือเกินผมแตะอะไรไอ้ป่านไม่ได้เลย เข้าข้างน้องตลอด 

“แตะไม่ได้เลย” ผมพูดแบบใส่ความหมั่นไส้ไอ้ป่านลงไปในน้ำเสียงนิดหน่อย

“อืม มีปัญหาอะไรไหม” อ้าว ผมโดนดุใส่เสียอย่างนั้น

“ซวยละมึง กูไปดีกว่า” ไอ้เดย์พูด แล้วเดินออกไป แต่ขยับไปแค่สองก้าวแค่นั้นแหละ เพราะมันรู้ว่าไม่ได้มีอะไรจริงจัง มันก็พูด ๆ ไปอย่างนั้น

“น้อยใจนะเนี่ย เห็นน้องดีกว่าแฟน”

“เปลี่ยนจากแฟนมาเป็นน้องไหมละ จะได้รักเหมือนกัน” ฟังกันต์ตอบแล้วแทบจะไปต่อไม่เป็น ใครจะเด็ดกว่านี้มีอีกไหม ได้ยินไอ้เดย์หัวเราะในคอ หึหึ จากข้างหลัง เบาๆ หลังจากที่มันได้ยินที่กันต์พูดกับผม ทำเอาผมอยากหันไปเตะไอ้คนที่เมื่อกี้มันเพิ่งบอกว่า ไปดีกว่าสักป้าบสองป้าบ ทำเป็นไม่สนใจแต่หูพึ่งคอยฟังตลอดนะมึง

“ไม่ดีกว่าเกรงใจ แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” ผมรีบพูดเมื่อสมองประมวลผลเรียบร้อยแบบไม่ต้องใช้เวลานานว่ายังอยากคงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเราไว้ที่ตรงไหน

“ถ้าอย่างนั้นอย่ามาพูดอีกว่ารักใครมากกว่า มันไม่เหมือนกัน” กันต์พูดด้วยคำพูดที่เหมือนจะจริงจัง แต่เสียงไม่ได้ใส่อารมณ์อะไร แถมพูดเบามาก คงไม่อยากให้ใครได้ยิน

“กรก็พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง แล้วนี่หิวยังเที่ยงกว่าแล้ว” ผมถาม หลังจากยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา หลังจากมื้อกลางวันของน้อง ๆ ก็จะมีกิจกรรมสบาย ๆ อย่างเล่านิทานให้ฟัง ร้องเพลง ประมาณชั่วโมงนึงก็จะเป็นเวลาเข้านอนตอนบ่าย พอถึงเวลานั้นพวกผมก็จะยกขบวนกันกลับ

กันต์ส่วนหน้ามาเป็นคำตอบก่อนจะพูดว่า “กินซาลาเปาไปสามลูกแล้ว”

“แย่งเด็กซะงั้น”

“ก็ลองชิมดู อร่อยดี”

“ชิมเยอะไปนะ”

“เอาบ้างไหมล่ะ” กันต์พูด แล้วมองผมอย่างคนรู้ทัน ความจริงก็ไม่ได้หิวอะไนเท่าไหร่ แต่เหมือนเมื่อใช้แรงไปพอสมควร มันก็นะ

“รอแป๊บ” กันต์ พูดจบก็หันหลังเดินไปที่โต๊ะที่วางของกินทันที ผมจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่ทันแล้ว

“อ่ะ” กันต์พูดแล้วส่งซาลาเปาลูกเล็ก ๆ มาให้สามลูก

“ขอลูกเดะ” ไอ้เอิงโผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่มือมันมาคว้าซาลาเปาในมือผมไปแล้วลูกหนึ่ง แถมกัดเข้าปากเคี้ยวไปแล้วครึ่งลูกตอนที่ผมหันหน้าไปมองมัน

“ห้ามบ่น ห้ามด่า ...หิว” ไอ้เอิงมันพูด แล้วหยุดคำเว้นวรรค แล้วใช้นิ้วชี้เข้าหาตัวมันเอง บอกให้รู้ว่ามันหิว

ถึงตอนนี้น้อง ๆ ก็เริ่มทยอยกินอิ่มกันแล้ว จากนี้ครูพี่เลี้ยงจะรับหน้าที่จัดการต่อ ส่วนพวกผมถ้าอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมของน้อง ๆ ต่อก็ให้รอกันอีกสักสิบนาที เดี๋ยวครูจะพาน้อง ๆ เข้าห้อง เด็กที่อยู่ที่นี่มีช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดถึงหกขวบ ซึ่งส่วนที่พวกผมมาช่วยดูแลอยู่ก็จะเป็นช่วงวัยสามถึงหกขวบ เล็กกว่านั้นไม่กล้าเข้าไปเพราะจะให้เข้าไปดูแลก็ทำกันไม่เป็น แค่ไปแอบมอง ๆ กันเฉย ๆ แต่ของที่เตรียมมาให้ก็เตรียมมาให้ครบทุกช่วงวัย

“ยังมีอีกตั้งเยอะไปเอามากินสิ พี่สั่งมาเผื่อ น้องอิ่มกันหมดแล้ว ไปตามคนอื่นด้วย รองท้องไปก่อน กว่าจะได้ออกไปกินก็บ่ายสองบ่ายสาม” กันต์บอกไอ้เอิง มันก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนชวนไอ้เดย์ไปด้วยกัน สักพักพวกที่มาด้วยกันก็ไปยืนรุมกันอยู่ตรงโต๊ะวางของกิน ส่วนของครูพี่เลี้ยงกันต์เขาแยกไว้ให้ต่างหากอีกชุด

“ไปกินบ้างดีกว่า” ผมพูด แล้วพยักหน้าชวนกันต์ไปด้วยกัน รองท้องกันไว้นิดหน่อย แล้วก็จะได้ช่วยเคลียร์สถานที่ เตรียมไปทำกิจกรรมต่อ

.
.
.

“เป็นอะไรวะ หน้าเป็นตูดเลยมึง” ผมถามไอ้เอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าบูดแต่เคี้ยวไม่หยุด

“โมโหหิว” มันตอบ

“เออ หิวก็กิน ๆ เข้าไป เอาหน้าอย่างนี้เข้าไปหาน้อง น้องมันได้ร้องไห้เพราะกลัวหน้ามึง” ผมพูด

“เออน่า เดี๋ยวกูก็หาย”

“แล้วซี้มึงไปไหนวะ ทิ้งมึงอยู่นี่” ผมถามถึงไอ้ป่าน แล้วก็หันไปเจอมันยืนอยู่ข้างพี่กาวน์ กำลังจิ้มขนมจีบกินอย่างเพลิดเพลินหน้าตาโคตรจะสั่นล้าขัดกับคนที่ยืนอยู่ข้างผมมาก

“มีแฟนแล้วลืมเพื่อน” ผมขยับปากบอกไอ้ป่านที่หันมาทางผมพอดี ขยับแต่ปากแต่ไม่มีเสียง พอมันอ่านปากผมได้และเข้าใจว่าผมบอกอะไรมัน ๆ ก็เดินมาทางผมกับไอ้เอิงทันที ส่วนกันต์ตอนนี้ก็คุยอยู่กับพวกเพื่อนเขา หันหลังชนอยู่กับผมนี่ล่ะ

“มีอะไร” ไอ้ป่านถามเมื่อมันเดินมาถึง

“ถามเพื่อนมึงดู” ผมพูด

“มึงเป็นไร” ไอ้ป่านหันไปถามไอ้เอิง

“เปล่า ไอ้กรมันก็พูดไปเรื่อย กูแค่หิวเลยหงุดหงิด”

“เออ หิวก็หิว แต่ถ้ามันมากกว่าเรื่องหิว แล้วพร้อมบอกกูกับไอ้กรก็ค่อยบอกหรือถ้ามึงไม่บอกพวกกู พวกกูก็ไม่ว่า แต่มึงอย่าทำหน้าแบบนี้บ่อย กูเห็นแล้วปวดขี้” ไอ้ป่านพูด เริ่มมาเหมือนจะพูดดีอยู่แต่ลงท้ายนี่แม่งหน้าตบหัวสักที เอาให้ตอนกลางคืนนอนฉี่ราด

“ไอ้เชี่ยป่าน คนกำลังกินอยู่มึงเห็นไหม” ผมด่ามัน

“กูก็พูดให้ได้ยินแค่สามคนแล้วไง” ไอ้ป่านลอยน้าลอยตาตอบ

“แล้วกูกับไอ้เอิงนี่ไม่ใช่คนหรือไง ไอ้ควาย” ผมด่า มันเป็นครั้งที่สองต่อกัน ผมไม่เคยต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนคนไหนได้มากเท่าไอ้ป่านเลยจริง ๆ ให้ตาย

“ด่ากูควายแต่มึงคุยกับกูรู้เรื่อง แสดงว่ามึงก็ควายเหมือนกันละว้า” ไอ้ป่านโต้ตอบกลับมา ซึ่งมาถึง ณ จุดนี้ ผมห้ามมือห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วจริง ๆ

“โอ๊ย!!” แล้วผมก็จัดการทำให้ตัวเองสมปรารถนาด้วยการส่งฝ่ามือลงไปปะทะกับหัวทุย ๆ ของไอ้ป่าน และผลคือมันร้องดังลั่น จนพวกที่ยืนอยู่ด้วยกันหันมามองที่ไอ้ป่านกันหมด

“เป็นอะไร” กันต์หันกลับมาและเอ่ยปากถามก่อนใครเพื่อน ส่วนพี่กาวน์แค่มองมาเฉย ๆ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนตัวเองต่อเมื่อเห็นว่าไอ้ป่านไม่ได้เป็นอะไรนักหนา แค่ยืนลูบหัวปอย ๆ แค่นั้นเอง

“ไอ้ป่านไม่ตอบแต่ชี้นิ้วมาทางผมแทนคำตอบ” ฟ้องเป็นเด็ก ๆ เลยนะมึง

“โดนซะบ้างก็ดี” กันต์พูดแค่นั้น แล้วก็ไม่สนใจไอ้ป่านอีก แต่สนใจผมแทน

“อิ่มยัง”

“อืม” หลังจากกินอะไรรองท้องกันเรียบร้อยแล้วก็ช่วยกันเก็บโต๊ะ ก่อนที่ครูพี่เลี้ยงจะมาตามพวกผมบอกว่าน้อง ๆ พร้อมทำกิจกรรมต่อแล้ว พวกผมถึงตามไป แล้วก็ไม่ใช้จะยกขบวนกันไปเป็นหมู่คณะแบบนี้ แต่แยก ๆ กันไปเป็นสองกลุ่ม แล้วเดี๋ยวถึงเวลาน้องนอนตอนบ่ายค่อยออกมาเจอกัน

............................................................................

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 14-09-2012 21:33:13
อ่านแล้วอยากขอบคุณแทนเด็กๆ
น่ารักเหมือนเดิมทั้งสองบ้าน
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-09-2012 21:35:00
อยากได้หนุ่มใจบุญคณะนี้มาเลี้ยงข้าวจัง

ชักอยากรู้เรื่องนายกับเอิงแล้วหล่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 14-09-2012 22:14:44
ดีใจที่มาเจอพอดี..คิดถึงกรกันต์ ป่นกาวน์มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 14-09-2012 22:32:35
ไปเลี้ยงเด็กๆแถวไหนกันคะ อยากไปด้วย  :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 14-09-2012 22:38:16
อยากร่วมก๊วนไปกับหนุ่ม ๆ กลุ่มนี้จัง เพื่อชาติหน้าได้เกิดมาเจอกันอีก
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 15-09-2012 04:19:32
หายไปนานเลยนะคะ คิดถึง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 15-09-2012 08:30:33
กรกับป่านนี่เพื่อนซี้คู่กัดจริง ๆ เลยนะ
พอแยกกันไปอยู่กับแฟนตัวเองนี่อีกอย่างเลย
แต่ยังไง แบบไหนก็น่ารัก
และตอนนี้ก็สนใจเรื่องนายกับเอิงแล้วสิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 15-09-2012 17:10:38
 o22

แอบสั้นๆ

แต่น่าร๊ากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-09-2012 17:18:01
น่ารักกันจริง
ครอบครัวนี้ :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-09-2012 22:27:51
อ่านตอนนี้แล้ว อยากไปทำบุญแบบนี้บ้างจัง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 16-09-2012 16:03:05
ครอบครัวสุขสันต์ เพื่อนฝูงก็พร้อมหน้า  :m18:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 16-09-2012 18:48:08
อยากไปกับก๊กนี้จังเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 16-09-2012 21:45:09
มาแล้ววว คิดถึงเรื่องนี้ มาต่อเร็วๆนะ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 09-10-2012 08:49:15
แวะมาบอกว่า..หายไปนาน คิดถึงน้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-10-2012 14:51:44
 :call: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 31-10-2012 18:55:28
ตอนที่ 66 Truth or Dare [1/2]

“กันต์ ที่คีบเนื้ออยู่ไหน” เสียงพี่ฟานที่เตรียมจะยกกะละมังใส่เนื้อหมักออกไปด้านนอกถามขึ้นมาจากอีกฝั่งของห้องครัว
 
“อยู่ในตู้หลังพี่ด้านบน พี่หยิบออกมาทั้งตะกร้าเลยเดี๋ยวได้ช่วยกันย่าง” ผมยืดตัวขึ้นมาตอบ พร้อมวางกะละมังใส่กุ้งแชบ๊วยและกุ้งแม่น้ำลงบนโต๊ะ ก่อนก้มไปหยิบของสดที่แช่ไว้ในตู้เย็นออกมาวางไว้ที่โต๊ะต่อ พอมาวางก็มีคนมาช่วยยกออกไป เอาของสดอออกมาหมดแล้วก็ตามด้วยขวดเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่เอามาแช่ไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงตอนนี้ก็เย็นจัด เอาออกมาจับเรียงใส่กล่องโฟมแล้วเอาน้ำแข็งกลบทับอีกที

“พี่กาวน์เสร็จยัง” ผมหันไปถามที่กาวน์ที่กำลังยืนทอดเฟรนฟราย ส่วนในเตาอบก็ยังมีขนมปังกระเทียม

งานนี้ไทยปนฝรั่ง ใครเสนอว่าอยากกินอะไร ถ้าพี่กาวน์ตกลงทำให้ก็ได้กิน เพราะฉะนั้นนอกจากอาหารสดที่เอามาปิ้งย่าง เลยมีขนมปังกระเทียม พิเศษโรยหน้าด้วยมอสซาเรลล่าชีสแบบใส่เต็มที่ไม่มีหวง อันนี้ผมขอเอง แล้วก็มีเฟรนฟรายที่ป่านกับเอิงขอมา มีลาบหมู อันนี้ไอ้สรรค์พูดขึ้นมาและทำไม่ยากมากเลยได้กิน แล้วก็มีข้าวผัดปูอีกอย่าง ซึ่งเห็นตรงกันทุกคน คือกลางวันไม่ได้กินข้าว มื้อเย็นเลยร้องขอข้าวกันเป็นการใหญ่

หากไปไหนแล้วมีพวกพี่กาวน์อยู่ด้วยผมรับรองได้ว่าสบาย ไม่มีอดตาย เพราะทำกับข้าวเก่งกันยกกลุ่ม งานนี้ผมเลยไม่ได้ลงมือทำอะไร ปล่อยสามคนนั้นทำกันไป ต่างกับพวกเพื่อนกรลิบลับ แค่เจียวไข่ ต้มบะหมี่กินได้ก็เก่งแล้ว กลุ่มนั้นเลยต้องรับหน้าที่เตรียมสถานที่กับยกของ วันนี้คนเยอะนั่งในศาลาริมสระคงไม่หมด แล้วอีกอย่างวันนี้ฟ้าโปร่งไร้วี่แววว่าจะมีฝน เลยเห็นตรงกันว่าจะนั่งกันกลางแจ้ง แต่กว่าจะตกลงกันได้ว่าจะกินกันตรงไหนก็คุยกันนานอยู่ ก็คนหนึ่งจะนั่งที่สนามหญ้าหน้าบ้าน อีกคนจะให้นั่งที่ชานไม้ข้างบ้าน และสุดท้ายที่ริมสระน้ำหลังบ้าน


.
.
.

ตอนขากลับจากสถานรับเลี้ยงเด็กเราแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม กรกลับมาบ้านพร้อมเพื่อนตัวเอง แล้วก็เพื่อนผมอีกสามคน แต่ก่อนเข้าบ้านให้พวกนั้นแวะซื้อพวกเครื่องดื่มจากร้านที่เปิดขายอยู่ต้นซอยเข้ามาด้วย ส่วนไอ้ยุไปซื้อของกับผมแล้วก็พวกพี่กาวน์ พอพวกผมกลับมาถึงบ้านพวกที่มาถึงก่อนแล้วกำลังยืนสุมกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว โดยที่บนโต๊ะมีขนม นม เนย เค้ก ขนมปัง และแซนวิชจากร้านประจำของผมกับกรวางเต็มไปหมด แต่ไม่มีข้าวหรือกับข้าว มีแต่ของรองท้องแก้หิว คงตั้งใจจะรอกินมื้อเย็นทีเดียว

พอมองต่อไปทางปลายโต๊ะด้านขวาก็เจอแจ๊ค แดเนียลวางอยู่สองขวา แต่คงไม่ได้มีแค่นั้นแน่นอนผมรู้ดี เลยก้มลงมองที่พื้นและก็ได้คำตอบ เมื่อเห็นลังสีเขียววางอยู่อีกสองลัง โซดาแพคใหญ่ และกล่องโฟมที่กรคงเอาออกมาจากห้องเก็บของเตรียมไว้สำหรับใส่น้ำแข็ง จัดมากันซะขนาดนี้ท่าทางผมคงต้องเตรียมที่ให้นอนกันหมดที่นี่คืนนี้ เพราะถ้าจัดกันมาขนาดนี้แล้วคงไม่มีใครขับรถกลับบ้านกันได้ อย่าว่าแต่ขับรถกลับบ้าน ให้เดินกลับไปที่รถตัวเองที่จอดอยู่ในบ้านได้ก็เก่งแล้ว พอทำดีก็ดีกันสุด ๆ พอจะผิดศีลข้อห้าก็จัดมากันซะเต็มเหนี่ยวดูท่างานนี้จะไม่มีใครช่วยปรามใคร คงมีแต่เห็นด้วยช่วยกัน

พวกที่กลับมาที่หลังอย่างผมมาถึงเห็นขนมวางอยู่ก็คว้าของบนโต๊ะติดมือกันมาคนละชิ้นสองชิ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหิวโซกันขนาดไหน จากนั้นก็พากันเข้ามากระจุกตัวกันอยู่ในครัวเตรียมทำมื้อเย็น เพราะพวกเนื้อที่จะย่างต้องหมักทิ้งไว้ก่อน พวกกุ้ง ปลา ปลาหมึก ผัก ก็ล้างก่อนค่อยเอาเข้าตู้เย็น ไม่ต้องเอาเข้าเอาออกตู้เย็นหลายรอบ ล้างให้เสร็จไปเลยทีเดียว พอถึงเวลาจะกินก็หยิบไปทำกินได้เลย


“พี่กันต์ จะนั่งกินกันที่ไหน"

“สนามหญ้าหน้าบ้านดิ กว้างดี” ผมตอบ เดย์ที่เดินเข้ามาถาม

“ชานข้างบ้านดีกว่าไหม พี่ว่าหน้าบ้านมันโล่งไป มันยังไงก็ไม่รู้” พี่กาวน์พูดขึ้นมาบ้าง แล้วไอ้ที่ว่ามันโล่งไปยังไงไม่รู้นี่มันยังไงของเขาวะ ผมว่าต้นไม้ใหญ่บ้านผมก็ออกจะเยอะ ไม่ใช่สนามหญ้าโล่ง ๆ สักหน่อย แต่ถ้าเอามาเทียบกับบริเวณชานข้างบ้านและสวนหลังบ้านที่ผมตั้งใจให้มีต้นไม้ใหญ่ค่อนข้างเยอะเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัว เวลาใครมองมาก็จะเห็นแต่ต้นไม้แล้วล่ะก็ สวนหน้าบ้านก็ถือว่าค่อนข้างโล่งทีเดียว

“จะนั่งกันหมดหรอพี่ ตั้งสิบกว่าคน” เสียงเดย์ถามกลับมาเหมือนไม่แน่ใจว่าที่จะกว้างพอ ให้คนตัวโต ๆ สิบกว่าคนไปอยู่รวมกัน

“พี่ว่าก็โอนะ น่าจะนั่งกันหมด” เสียงไอ้ยุพูดขึ้นมาบ้าง แล้วเอาของที่ถือเข้ามาวางกลางโต๊ะในห้องครัว ตอนนี้ในห้องครัวมีคนกระจุกตัวรวมกันอยู่หกเจ็ดคน

“ริมสระน้ำหลังบ้านไง นั่งกินริมน้ำได้บรรยากาศดีออก” ป่านเสนอขึ้นมาบ้าง แล้วหันไปหาคู่หูรักยมของมัน ให้เห็นด้วยกับมัน เอิงก็เหมือนจะรู้ว่าเพื่อนมันต้องการอะไรก็พยักหน้าแสดงออกให้รู้ว่าเห็นด้วย

“ชานข้างบ้านตอนนั่งกินดี ๆ คงได้อยู่หรอก แต่หลังจากนั้น ผมว่าคงไม่ไหว” กรพูดขึ้นมาบ้าง ซึ่งเป็นความคิดเดียวที่เหมือนกันกับผม ไอ้ตอนนั่งกินดี ๆ มันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่พอมึน ๆ ร่างกายมันมักจะต้องการพื้นที่มากกว่าเดิม

“เออ อันนี้พี่เห็นด้วยว่ะ เพื่อจะเล่นอะไร แล้วไม่มีที่ด้วย” ไอ้สรรค์ที่ยืนพิงกรอบประตูครัวอยู่พูดขึ้นมาบ้าง

“จะเล่นอะไรวะมึง” ไอ้ยุหันไปถาม

“ยังไม่รู้ว่ะ ก็เพื่อใครอยากร้องรำทำเพลงอะไรพวกนี้ไง กูเห็นเพื่อนกรเอากีต้าร์มาด้วยนิ” 

“ริมสระก็อย่าเลยดีกว่า เดี๋ยวมึน ๆ ได้เดินตกน้ำ” เสียงพี่ฟ้าพูดขึ้นมาบ้าง

“เออ ลืมไป แล้วคนตกก็คงจะไม่ใช่ใครที่ไหน เมาแล้วโคตรรั่ว” เสียงป่านพูดแล้วส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ไปทางพี่ฟ้า ผมเลยเข้าใจว่าป่านมันหัวเราะอะไร ผมเองที่พอนึกเรื่องขึ้นได้ก็พลอยจะขำขึ้นมาตามป่านด้วย พี่กาวน์กับพี่ฟานก็เหมือนกับผม คือ เริ่มหัวเราะขึ้นมาบ้าง ส่วนคนอื่นคงไม่เข้าใจว่าพวกเราหัวเราะกันด้วยเรื่องอะไร

ตอนฉลองที่พวกพี่กาวน์จบโท พี่กาวน์กับพวกเพื่อน ๆ ก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ กันที่บ้านเพื่อนพี่กาวน์ ส่วนผมที่เพิ่งไปต่อโทได้เดือนเดียวกับป่านที่ไปอยู่ด้วยช่วงปิดเทอมก็ถูกชวนให้ไปด้วย งานเลี้ยงจัดกันในสนามหลังบ้าน แล้วในสนามมีสระเล่นน้ำของลูกชายเจ้าของบ้านที่เป็นสระพลาสติกกลม ๆ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสองเมตรครึ่งใส่น้ำจนเต็มตั้งอยู่ช่วงแรกที่กินดื่มกันอยู่ก็ไม่มีใครมีปัญหาอะไรกับสระน้ำนั่น แต่พอพี่ฟ้ากึ่ม ๆ พอประมาณเท่านั้นล่ะ ไม่รู้ว่าพี่แกทำท่าไหน อยู่ดี ๆ ก็หงายหลังลงน้ำไป ไอ้หงายหลังลงน้ำไปยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ตอนร้องโวยวายให้ช่วย เพราะเข้าใจว่าน้ำลึกมาก จนพี่ฟานต้องเดินไปฉุดตัวพี่ฟ้าขึ้นมานั่ง พอนั่งได้แค่นั้นหัวก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาแล้ว แต่ก็อย่างว่าคนมันเมาขนาดน้ำตื้นไม่ถึงหัวเข่ายังเกือบจะจมได้ เลยกลายเป็นเรื่องที่เอามาล้อกันได้อยู่เป็นเดือน

“ถ้างั้นก็เป็นหน้าบ้านแล้วกัน” ผมสรุป พอตกลงกันแล้วก็แยกย้ายกระจายกันไป ผมให้กรไปดูพวกเครื่องนอนเตรียมไว้ ส่วนผมกับไอ้ยุมาช่วยพวกพี่กาวน์จัดการกับของสดที่ซื้อมา

......................................................



พอได้เวลาเหมาะ ๆ ดวงอาทิตย์กำลังพ้นไปขอบฟ้า ก็ช่วยกันขนข้าวขนของแล้วพากันออกมานั่งล้อมวงกันอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน จัดที่นั่งยาวเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามผืนใบพลาสติกที่เอามาปูนั่ง คนเยอะขนาดนี้ให้นั่งเป็นวงกลม วงคงใหญ่เกินไป จะตักจะหยิบอะไรกินก็คงไม่ถนัด เลยล้อมวงนั่งเสมือนนั่งอยู่บนโต๊ะแบบโต๊ะยาวแทน ก็นั่งสลับๆ กันไปทั้งสามกลุ่มไม่ได้นั่งแยกพวกใครพวกมัน

ฝั่งปลายสุดทางขวามือผม ด้านที่ติดกับถังใส่น้ำแข็งมีไอ้น้องเดย์นั่งอยู่ โดยมีผมกับเพื่อนมันเองเป็นคนยัดเยียดให้มันไปนั่งลงตรงนั้น เพราะติดฝีมือในการชงเหล้าของมัน ถึงวันนี้จะชงแค่เหล้ากับโซดา หรือโซดา น้ำ ไม่ได้ทำคอกเทล แต่ถึงจะเป็นแค่เหล้ากับโซดาทุกคนจะชงแล้วออกมาพอดี  จริง ๆ แล้วจะว่ายัดเยียดมันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว แต่มันเหมือนจะรู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้วประมาณนึง

นอกจากเดย์แล้วก็ยังมีพี่ฟ้าที่อาสาไปช่วยโดยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ถัดจากพี่ฟ้าเป็นพี่กาวน์ ตามด้วยน้องชายตัวแสบของผมอย่างไอ้ป่าน ที่ตอนนี้นอกจากสถานะน้องชายผมแล้วมันยังพ่วงสถานะพี่สะใภ้ผมด้วยอีกต่างหาก คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็อยากจะกระโดดถีบพี่ชายตัวเองอีกสักร้อยหน โทษฐานที่มันริอาจทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด ซึ่งผมเองก็เกือบจะเคยเป็นไก่ให้มันกินมาแล้ว คิดแล้วก็อยากโดดถีบมันเพิ่มอีกร้อยหนกับเหตุผลที่มันทำไป แม่งโคตรบ้า 

ถัดจากป่านมาก็เป็นกร แล้วก็ผม ซึ่งไม่ได้จงใจว่าต้องนั่งติดกันเป็นคู่อย่างนี้ แต่มันเป็นไปเอง ต่อจากผมก็เป็นพี่ฟาน แล้วก็เป็นที่ของไอ้ยุกับไอ้ภพที่ตอนนี้ไปยืนอยู่หน้าเตาย่าง ส่วนอีกฝั่งก็มีเพื่อนผมกับเพื่อนกรนั่งสลับ ๆ กันอยู่

หลังจากนั่งกันได้แล้วเดย์กับพี่ฟ้าก็ลงมือทำหน้าที่ของตัวเองทันทีแจกจ่ายแก้วเครื่องดื่มตามความต้องการของแต่ละคนจนครบ เบียร์ที่แช่เย็นจนเป็นวุ้นหรือเหล้าผสมมิกเซอร์แบบที่ชอบ ใครอยากได้อะไรแบบไหนบอกไปเดี๋ยวสองคนนั้นจัดให้ สำหรับผมขอมิกเซอร์เป็นโซดาน้ำ ส่วนเบียร์ผมไม่ชอบเท่าไร ดื่มได้แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่ แล้วก็ไม่ลืมจัดไปให้ถึงคนที่ยืนอยู่หน้าเตาด้วย มือหนึ่งถือแก้ว มือหนึ่งก็ถือที่คีบย่างเนื้อย่างกุ้งไปด้วย

“ให้พวกนั้นทำกูจะได้กินแน่ใช่ไหม” เสียงพี่ฟานที่นั่งอยู่ข้างหันมาถามเหมือนคนกำลังไม่แน่ใจ ก่อนจะมองกลับไปทางเตาย่างที่มีไอ้ยุ ไอ้ปก และเพื่อนกรอีกสองคน ติ๊ดกับธียืนอยู่อีกครั้ง

“มีไอ้ยุอยู่ด้วยไม่มีปัญหาหรอก” ผมตอบ

ถ้ามีไอ้ยุอยู่ด้วยผมรับรองว่าไม่มีอะไรที่ไม่ได้ ไม่สำเร็จ มันทำได้ทุกอย่าง แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าไอ้คนที่มีลุคคุณชายอย่างมันที่วัน ๆ ก็มีคนคอยบริการจะทำได้ มันบอกผมว่าถ้ามันไม่รู้จริง จะไปติใครสอนใครก็ทำได้ไม่เต็มปาก เพราะฉะนั้นมันเลยหัดทำตั้งแต่กับข้าว ไปจนงานบ้านเกือบทุกอย่าง หัดให้รู้ให้ทำเป็น ถึงชีวิตประจำวันมันจะมีคนทำให้อยู่แล้ว นอกจากงานในบ้านมันก็ยังทำอีกหลายอย่างทั้งแข่งรถ ปีนเข่า ไต่ผา เล่นเซิร์ฟ สารพัดที่มันจะหามาลองทำ ล่าสุดมันไปเล่นพารามอเตอร์กับเรียนทำอาหารอิตาเลียน โคตรจะคนละทาง ไอ้บ้านี่ใครมาชวนทำอะไรทำหมด ขอแค่ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย มันว่าอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันเอาเวลาจากไหนมาเยอะแยะทั้งที่วันธรรมดามันก็ทำงานเหมือนผม

เห็นไอ้ยุมันสามารถทำอะไรได้ดีสารพัดทั้งเรื่องเรียน กีฬา งานบ้าน และยังรวมไปถึงเรื่องจิตวิทยา ซึ่งเป็นเรื่องที่ผม ไอ้ภพ ไอ้สรรค์ และไอ้ปก เห็นตรงกันว่าเป็นความสามารถที่ไอ้ยุไม่ควรจะทำได้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องจิตวิทยาในการรีดความลับจากเพื่อน ไม่รู้เป็นยังไง แต่ใครอย่าได้ริมีความลับกับมันเป็นอันขาด เพราะมันเป็นคนที่พวกผมปิดอะไรกับมันไม่ได้ ทั้งที่ไม่ต้องเอ่ยปากถามอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าใครมีความลับแล้วมาเจอหน้ามัน ก็เป็นอันต้องเล่าออกมาเอง อย่างเรื่องผมกับกร ไอ้ยุก็เป็นคนแรกที่รู้ ปิดใครปิดได้แต่ปิดไอ้ยุไม่เคยได้

นั่งหยิบเฟรนฟรายกับขนมปังกระเทียมกินเล่นไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ของย่างก็เริ่มทยอยส่งออกมาจากเตา จนส่งลงมาครบทุกอย่างถึงได้เริ่มกินข้าวพร้อมกัน

“พี่กันต์ ไอ้กรมันทำให้อย่างนี้ตลอดป่ะ” เสียงธีที่นั่งอยู่ตรงข้ามกรถามมา เมื่อเห็นกรแกะกุ้งมาวางที่จานผม

“อืม” ผมตอบแล้วตักข้าวผัดปูใส่จานให้กร 

“ถามทำไมวะ หรือมึงอิจฉา” กรถามเพื่อนตัวเอง แล้วยักคิ้วให้กวน ๆ

“มึงจะให้มันอิจฉาใคร อิจฉาพี่กันต์ที่มึงแกะกุ้งให้ หรืออิจฉามึงที่มีพี่กรให้แกะกุ้งให้” อันนี้เป็นเสียงของนายเพื่อนกรอีกคนพูดขึ้นมา

“เปล่า กูแค่สงสัยว่าไอ้กรมันเป็นคนดีขนาดนั้นเลยหรอวะ มึงก็พูดซะ เดี๋ยวพี่กันต์เข้าใจกูผิด” ธีพูดต่อ ก่อนจะรีบออกตัวบอกเพื่อนกันผมเข้าใจผิด

“ไอ้ห่านนี่ ถามจริงกูเคยเลวให้มึงเห็นตอนไหน” กรด่าเพื่อนตัวเอง

“ก็ไม่เคย แต่กูแค่อยากรู้ กูเลยถามพี่กันต์ไปอย่างนั้นแหละ”

“กวนตีนนะมึงเนี่ย” ไม่ใช่เสียงกร แต่เป็นเสียงนายที่ด่าแทน

“พี่กันต์ยังไม่ว่าอะไรกูเลย มึงจะมาว่ากูทำไมเนี่ย ใช่ไหมครับ พี่กันต์ยังไม่ได้คิดอะไรเลยใช่ไหมครับ” ธีหันพูดกับผม ใช้คำพูดซะสุภาพ 

“อืม” ผมพยักหน้าตอบไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนมาพูดทำนองนี้ผมคงมีเขิน ๆ บ้าง แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้ว เหมือนเรื่องที่ผมกับกรทำอะไรให้กันเป็นเรื่องปกติ จะมีเรื่องที่ยังทำตัวให้ชินไม่ได้สักทีก็แค่เรื่องเดียว ถ้าให้ทำนะได้ แต่อย่าให้พูดอะไร

ระหว่างที่นั่งกินกันไปก็หาเรื่องมาคุยกันได้เรื่อย ๆ แต่เหมือนใครนั่งใกล้ใครก็คุยกับคนนั้น ไม่ได้มีเรื่องที่เรียกความสนใจร่วมกัน จนอาหารชุดแรกเริ่มหมดไป และแต่ละคนมีแอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือดกันพอประมาณ ก็มีคนเรียกความสนใจให้มารวมกันที่เดียวได้

“เฮ้ย ๆ เล่น truth or dare กัน” เสียงพี่ฟ้าส่งเสียงเรียกความสนใจ ก่อนบอกจุดประสงค์ที่เรียก

“ห้ามมีใครตอบไม่เล่น กูบังคับให้เล่นทุกคน” พี่ฟ้าพูดต่อเมื่อเห็นพี่ฟานทำท่าจะไม่เล่น ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นพี่กาวน์ที่จะไม่ยอมเล่นที่ไหนได้พี่แกนั่งเฉย

“นั่งเป็นวงกลมเร็ว” พี่ฟ้าสั่งต่อ ทุกคนก็ขยับตัวทำตามแกหมด เกมนี้จะเล่นไม่สนุกถ้าไม่สนิทกันจริง แต่ถ้าดูจากทั้งหมดที่นั่งกันอยู่นี่ คงจะสนุกแน่นอน เพราะต่างคนต่างมีเพื่อนสนิทนั่งอยู่ทั้งนั้น แล้วคนที่ผมกลัวที่สุดไม่ใช่ใคร ไอ้จอมรีดความลับนั่นแหละ ผมว่ากลุ่มผมที่เหลือ ไม่นับรวมไอ้ยุ คงกำลังคิดเหมือนผมกันหมดทุกคน

พอนั่งเป็นวงกันแล้วเกมก็เริ่ม พี่กาวน์หยิบจานใส่กับข้าวที่อยู่กลางวงออกไปจานหนึ่ง แล้วเอาจานเปล่าเข้ามาวางลงไปแทนที่ ก่อนจะหยิบเอาตะเกียบมาวางไว้หมุนหาคนดวงซวย ที่บอกว่าซวยเพราะแค่ลำพังกลุ่มผมเองก็เล่นกันหนักแล้ว นี่มาเจอกลุ่มพี่กาวน์อีก พี่ฟ้ากับพี่ฟานนี่ธรรมดาที่ไหน ส่วนกลุ่มกรยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง

“ลุกไปไหน ๆ” เสียงพี่ฟ้าดังมาเลย ตอนผมกำลังจะลุก

“ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา เล่นไปก่อนเลย ถ้าโดนกันต์ก็ให้กรเล่นแทนไป” ผมบอก

“ไม่ ๆ เดี๋ยวรอ” พี่ฟ้าพูด แล้วสะบัดมือไล่ส่ง แต่พอผมลุกก็มีป่านกับพี่ฟานลุกตามมาด้วย ไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวก็กลับมานั่งประจำที่ เตรียมวัดดวง

“ไอ้ฟ้ามึงบอกกติกาก่อนเดี๋ยวไม่ตรงกัน”พี่ฟานตะโกนบอกเพื่อน

“หมุนปลายตะเกียบโดนใคร คนนั้นเลือกว่าจะเอา truth or dare ส่วนคนหมุนตะเกียบก็ตั้งคำถามหรือออกคำสั่ง งานนี้อนุญาตให้คนถามหันไปขอคำถามจากคนอื่นได้ พอตอบเสร็จ คนตอบก็หมุนตะเกียบหาคนต่อไป”   

“กาวน์มึงหมุนก่อนเลย” เสียงพี่ฟ้าสั่ง พี่กาวน์ก็เอื้อมมือไปกลางวง ใช้นิ้วจับตะเกียบก่อนทำให้หมุนเป็นวงอยู่ในจาน เรียกสายตาสิบกว่าคู่ให้ไปจ้องอยู่ที่ที่เดียวกันหมด

และเมื่อตะเกียบหยุดหมุน
.
.
.

“truth or dare” เสียงพี่กาวน์ถาม ส่วนคนอื่นก็มองสลับไปมาระหว่างคนตั้งคำถามกับคนถูกถาม

“truth” ธีตอบสิ่งที่เลือก จากนั้นก็รอฟังว่าพี่กาวน์จะถามอะไร หรือจะให้ใครถามแทน
“มึงคิดอะไรกับน้องกูหรือน้องเขยกูป่ะ” พี่กาวน์ถามโดยที่คำเรียกแทนตัวเปลี่ยนไปแล้วด้วยฤทธิ์น้ำเมา ความสนิทในวงเหล้ามันเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เสมอ แต่เมื่อกี้พี่กาวน์ถามว่าอะไรนะ ได้ยินแต่คำว่าน้องเขยเต็มปากเต็มคำ ส่วนไอ้คนที่ถูกเรียกว่าน้องเขยยิ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้

“เรียกน้องเขยเต็มปากนะมึง” เสียงพี่ฟานแซวเพื่อนตัวเอง ส่วนป่านที่นั่งอยู่ระหว่างพี่กาวน์กับกรถึงกับทำหน้าเหวอ ตกใจแทนผมไปแล้วเรียบร้อย เรื่องผมกับกรไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้ รู้กันหมด ก็มีแต่เพื่อน มีแต่พี่น้องที่สนิทกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นงานนี้ใครจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ผมไม่ซีเรียส

“เออ อยู่กันขนาดนี้แล้ว กูไม่รับได้หรือไง ถ้ากันต์ท้องได้ป่านนี้กูคงได้อุ้มหลานไปแล้วมั้ง ส่วนมึงตอบมาสักทีรอฟังอยู่” พี่กาวน์ตอบเพื่อนตัวเอง ไม่ได้สนใจกับคนที่ถูกเอ่ยถึงอย่างผมหรือกรที่นั่งขั้นกลางอยู่เลย พอพูดกับเพื่อนตัวเองแล้วก็หันไปเอาคำตอบจากธีต่อ

“ผมยังชอบดูม ๆ อยู่นะพี่ และยังไม่คิดเปลี่ยนใจ” ธีที่โดนถามเพิ่งได้โอกาสตอบ

“ไอ้ธี หมุนตะเกียบต่อ” เสียงเอิงเตือน ธีก็ยื่นมือไปหมุนตะเกียบ รอบเมื่อผมที่โดนยังถูกดึงไปเอี่ยว ตอนนี้เลยชักหวั่น ๆ ว่า ถ้าถึงคิวตัวเองโดนขึ้นมาจะเจออะไร

“truth or dare” ธีถาม

“Dare” เอิงเลือกตอบโดยไม่ลังเล ท่าทางจะคิดไว้แล้วล่วงหน้า

“เดินมาหอมแก้มกู สองข้าง มาเร็ว” ธีบอกคำสั่ง ทำเอาเอิงหน้าเหวอกว่าป่านเมื่อกี้อีก 

“ไหนมึงบอกชอบดูม ๆ ไง ไหงจะเล่นเพื่อนแล้ววะ” เสียงไอ้ยุถาม

“ก็อยากได้ Truth แต่มันดันไม่เลือก แต่ใช่วิธีนี้ก็น่าจะได้เหมือนกัน” ธีตอบไอ้ยุ แต่ดูท่าแล้วนอกจากคนพูดจะไม่มีใครเข้าใจอะไรด้วย หรือว่าจะมี และคน ๆ นั้นก็คือคนที่นั่งอยู่ซ้ายมือผม กร ที่คิดอย่างนั้นเพราะเห็นสายตาจับผิดของกรที่มองไปทางเอิงกับธี และคนที่ถูกมองมากที่สุด นาย สงสัยว่าคนข้างผมเขาจะรู้อะไรดี ๆ ผมเลยสังเกตดูบ้าง

“อย่าชักช้าลุกมาเร็ว” เสียงธีเร่งเพื่อน เอิงก็ยอมลุกไปยืนอยู่ด้านหลังธี ก่อนจะย่อตัวลงมานั่ง ส่วนติ๊ดที่นั่งอยู่ข้างธีก็ขยับตัวถอยให้เอิงเข้ามา

“เอาจริงหรอวะ” เอิงถาม

“เอาจริงเร็ว ๆ”

“เอาเลย ๆ” เสียงสนับสนุนดังมาพร้อมกับเสียงเคาะช้อนเคาะส้อมเป็นจังหวะ เอิงหันซ้ายหันขวามองคนรอบวง ก่อนจะกดจมูกลงไปหอมแก้มเพื่อนตัวเองทั้งสองข้างตามคำสั่ง แล้วจะรีบลุกกลับไปนั่งที่เดิม

“อย่าติดใจนะมึง เดี๋ยวผู้หญิงจะเป็นโสดเพิ่มอีกคน” เสียงไอ้ภพแซว ส่วนกรหัวเราะ หึหึ อยู่ในคอ ก่อนหันไปมองธี แล้วพยักหน้าให้กันเหมือนส่งสัญญานอะไรให้กันสักอย่าง   
   
หลังจากนั้นเกมก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ

จนมาถึง

.
.
.
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> True or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 31-10-2012 19:06:42
จนมาถึง... เง้อ ค้างเลยค่ะ 55555
รออ่านครึ่งหลังนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> True or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-10-2012 19:13:57
จนมาถึง...........ค้างจริงๆๆๆ :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> True or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 31-10-2012 20:01:10
อยากรู้พี่กันต์จะโดนแกล้งยังไงมั่ง เดี๋ยวนี้หายอึนมึนไปเยอะแล้วน้า :กอด1:

แก้ไขแล้ว ขออนุญาตลบออกนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 31-10-2012 20:34:22
จนมาถึง อะไรอะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 31-10-2012 20:53:39
ดีใจ...ดีใจ...ดีใจ...ดีใจ
คิดถึง..ที่สุด...ยังไม่ได้อ่าน
มากะรี๊ดดดดดดดดดดดดก่อน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 31-10-2012 21:02:11
แกล้งคนอ่านซะ :เฮ้อ:
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-10-2012 21:24:09
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ประหนึ่งเล่นเกมเอง  ลุ้นอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: boylove_yj ที่ 01-11-2012 00:34:30
ห๊ะ

 :a5:

ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-11-2012 07:18:39
รอจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 01-11-2012 13:19:04
ค้างงงงงงงงงงงง สุด ๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 01-11-2012 20:50:24
มองซ้าย มองขวา หาครึ่งหลัง   :z13:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 01-11-2012 22:43:18
โห!! ใจร้ายยย มันค้างงงงงนะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: felin_kkr ที่ 01-11-2012 23:48:24
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


เพิ่งอ่านถึงตอนที่พี่กันต์โดน.............

เสียจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 02-11-2012 01:30:44
รักกันนานๆนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 02-11-2012 16:23:49
คุณพี่ตัดจบครึ่งตอนได้แบบว่า เอิ่ม..ค้างมากกกค่าที่รัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-11-2012 22:07:49

มารอ 2/2 ค่ะ
 :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 03-11-2012 09:03:21
ตัดได้แบบว่า หะ หะ โหดร้ายที่สุด  :o12:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 10-11-2012 20:40:44
รอตอนต่อไปอยู่น๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 05-12-2012 16:08:46
เรื่องนี้น่ารักมากๆ ค่ะ อิจฉาทั้งกันต์อิจฉาทั้งกร หวานกันไปนานๆ เลย
หมุน truth or dare รอบนี้โดนใครกันน๊า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 16-12-2012 06:33:39
หานไปนานนนนนนน...กลัวคนเขียนหาทางเข้าไมถูกจ้ะ555555555
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-01-2013 23:08:06
รอทั้งเรื่องนี้ และเรื่องนู้นด้วยค่ะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 15-01-2013 04:56:32
หาทางเข้าบ้านไม่เจอใช่ป่าวคะ....มาต่อเหอะนะ หายน๊านนนนนนนานอ่ะคราวนี้
คิดถึงแล้วน้า  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 17-03-2013 15:10:43
รอนะครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 26-03-2013 15:38:40
ยังคอยน้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 30-03-2013 09:35:14
คิดถึงเรื่องนี้มากๆเลยอ่าาาาา หายไปนานมากกกก
เป็นเรื่องที่ดีมากๆอีกเรื่องนึงที่ไม่อยากให้หายไปเลยอ่ะ
คนเขียนอยู่ไหนส่งข่าวหน่อยยยยย
ฮือๆๆๆๆๆ   :serius2: :o12:  :mew4: :ling1: :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 13-05-2013 00:19:47
วันนี้เป็นวันตามหา คิดถึง นิยายของเราแน่ๆ
คิดถึงเรื่องนี้มากมายอ่ะค่ะ อ่านไปหลายรอบเเล้วด้วย
อยากอ่านตอนต่อไปใจจิขาดแล้วค่ะ อย่าทิ้งเรื่องนี้เลยนะคะ
เรายังคงเฝ้าเป็นกำลังใจเสมอนะคะ กลับมาต่อในเร็ววันเถอะนะคะ เพี้ยงงงงงงง  :call: :m15:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 24-05-2013 23:45:58
รออยู่นะ คิดถึง พี่กัน กร
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 15-07-2013 21:43:39
รอ คือ รอ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [1/2] p. 69 31/10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 15-07-2013 22:55:34
ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอ โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าค่ะ
ยืนยันว่าไม่ทิ้งแน่นอน ทั้งสองเรื่อง และจะมาต่อเร็ว ๆ นี้แน่นอน

ช่วงก่อนหน้านี้ติดภาระกิจเรื่องงานอย่างมากจริง ๆ
แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เข้าที่เรียบร้อย
พร้อมกลับมาสานต่อนิยายเรื่องนี้แล้ว

ขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ ที่ยังรอนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณที่ยังรักพี่กันต์ รักกร จนถึงวันนี้

 :pig4:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 15-07-2013 23:11:56
แค่ไม่เลิกเขียนก็ดีใจแล้ว
จะรอนะคะ เอาใจช่วยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-07-2013 23:39:23
ยังรออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 16-07-2013 08:09:59
รอๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-07-2013 10:20:18
ดีใจที่มาต่อ รอด้วยคน
จำได้ว่ามันค้างตอนเล่นเกมส์
แต่ว่าจะกลับไปอ่านตั้งแต่เริ่มต้นใหม่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 16-07-2013 10:36:46
 :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 17-07-2013 20:32:08
เรายังรออ่านอยู่ทั้งสองเรื่องน๊า :mew2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 17-07-2013 20:45:03
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> อีกไม่นาน เรา... จะกลับมา รออีกนิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 20-07-2013 22:15:29
ตอนที่ 66 Truth or Dare [2/2]

แล้วก็มาถึงรายที่ห้าของคืนนี้ เป็นคนข้างตัวผมเอง ส่วนผมยังรอดตัวอยู่

“พี่กันต์คร้าบบบบ” ไอ้ติ๊ดลากเสียงยาวเรียกกันต์แถมทำตาวิบวับใส่ จนผมอยากยกเท้ายันให้หงายหลัง

“พี่กันต์เลือกอะไรคร้าบ” น้ำเสียงมันถามได้แบบอ้อนมาก อ้อนกันต์อาจจะได้ แต่สำหรับผมมันอ้อนมืออ้อนเท้ามากกว่า

“truth แล้วกัน” กันต์ตอบ ผมยังนึกว่ากันต์จะเลือก dare เสียอีก ที่ไหนได้เลือก truth เสียอย่างนั้น 

“แน่ใจนะพี่” ไอ้ติ๊ดถามซ้ำ

“อืม” กันต์ตอบยืนยัน สีหน้าดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ชิวกว่านี้ได้อีกไหม

“เดี๋ยวพวกกูถามเอง” เสียงพี่ภพบอกมาก่อนจะหันไปคุยกับพี่ยุ ทั้งสองคนคุยกันอยู่ไม่นาน พี่ภพกับพี่ยุก็หันกลับมาหากันต์

“มึงกับไอ้กรจูบกันครั้งแรกที่ไหน ใครเริ่มก่อน ตอนนั้นรู้จักกันนานแค่ไหน จูบที่ไหน แล้วมึงรู้สึกยังไง ตอบให้ครบนะมึง” พี่ภพเล่นถามออกมาเป็นชุด

“เฮ้ย!! เขาให้ถามคำถามเดียวเว้ย มึงมาถามอะไรเป็นชุด” กันต์ประท้วง ส่วนผมขอให้คำค้านไม่มีผล เพราะอยากรู้คำตอบด้วยเหมือนกัน เฮอ ๆ

“งั้นเอาใหม่ กูอยากให้มึงเล่าเรื่องตอนมึงกับไอ้กรจูบกันครั้งแรก เล่าให้ละเอียดนะเว้ย” พี่ภพก็ถามเอาจนได้ ว่าแต่พี่จะมาอยากรู้อะไรกัน แต่ดูคนของผมเขาพร้อมจะเล่าอยู่นะครับ สงสัยจะเริ่มกรึ่ม ๆ เพราะแก้มเริ่มเป็นสีแดงจาง ๆ แล้ว

“พวกมึงจะมาอยากรู้ทำไมวะเนี่ย ไม่เคยจูบกันรึไง” กันต์ยังมีบ่นหน่อย ๆ แต่ก็ทำท่านึกอยู่

“เคย แต่กูอยากรู้เรื่องมึง” พี่ยุตอบแล้วทำสายตาแบบโคตรเจ้าเล่ห์ใส่เพื่อนตัวเอง ประกายตาแสดงความอยากรู้อยากเห็นแบบปิดไม่มิดเลยให้ตาย กับพี่ยุอยากรู้นี่ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่อยากจะรู้เรื่องผมกับกันต์บ้าง พูดง่าย ๆ ก็เรื่องของผู้ชายกับผู้ชาย ซึ่งผมไม่คิดอะไรมากเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะยังไงทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็เข้าใจและรับรู้กันหมดแล้ว แต่ไอ้ป่านนี่สิที่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะสนใจอะไรนัก ถึงกับขยับเข้ามาในวงใกล้ขึ้นเพื่อให้ฟังได้ถนัด ทำยังกับมันไม่เคยทำ ได้ข่าวมึงก็โดนบ่อยอยู่นะ หึหึ หน้าอย่างมันพี่กาวน์ปล่อยให้อยู่รอดปลอดภัย สบายตัวก็คงแปลก ก็เล่นยั่วเก่งขนาดนั้น หมายถึง ยั่วประสาทน่ะนะ

“มองกูไม” ผมแค่คิดในใจ แต่เหมือนจะมีคนร้อนตัว ถามออกมาก่อน ความรู้สึกไวใช้ได้เลยมัน แต่มันก็ไวเป็นบางเรื่อง บางเรื่องก็ช้า จนเข้าขั้นอึนก็ว่าได้

“กูยังไม่ได้คิดอะไรเลย มึงร้อนตัวเรื่องอะไร” ผมถามกลับ

“กูรู้ว่ามึงต้องคิดอะไรอยู่ เห็นหน้าแม่งก็รู้แล้ว เลิกพูด กูจะฟัง” มันพูดกลับมา สนใจใคร่รู้เรื่องชาวบ้านจริงนะ หูงี้กระดิกเชียว

“จูบกันครั้งแรกในรถกร หน้าคอนโดฯ กู” กันต์พูดแล้วหันมามองผมเหมือนจะถามว่าที่เขาบอกไปมันใช่หรือเปล่า ผมก็นึกนิดนึงก่อนพยักหน้าตอบกลับไป จำได้ว่าตอนนั้นยังไม่ได้ตกลงคบกันเลย แต่หลังจากนั้นก็ตกลงกันได้

“กูเริ่มก่อน ตอน” พอพูดได้แค่ว่าใครเริ่มก่อนกันต์ก็ต้องหยุดพูดเพราะเจอเสียงโห่แซวจากคนทั้งวง จะมีนิ่ง ๆ หน่อย ก็พี่กาวน์ แต่ผมเห็นพี่แกแอบยิ้ม ๆ แล้วส่ายหัวอยู่เหมือนกัน คงไม่คิดว่าน้องชายตัวเองนี่แหละที่เริ่มก่อน เห็นไหมว่าผมไม่ได้ไปล่อลวงกันต์เลย ผมต่างหากที่โดนเขาล่อลวง แต่บอกตรง ๆ เลยว่า “ยอม”

“เพื่อนกูแม่งแรดว่ะ” พี่ยุพูดมา แล้วหันไปตบมือไฮไฟว์กับพี่ปก พี่พยักหน้าเห็นด้วยสุดพลัง ส่วนคนถูกว่าไม่มีอาการสะดุ้งสะเทือน เฉยสุด ๆ

“เออ ก็ตอนนั้นมันไม่อะไรสักทีกูเลยเริ่มเอง” กันต์พูด แล้วหันมามองหน้าผม

“อ้าว” ผมพูดได้แค่นี้แหละครับ

“โหย เพื่อนกูอ่อนวะ” เสียงไอ้เดย์ด่าผม ก่อนมันจะซ้ำ ก็รู้สึกอยู่นิด ๆ เหมือนกันว่า กูอ่อนวะ พอเจอมันซ้ำนี่รู้สึกโคตรอ่อนเลยกู แต่นี่มันผู้ชายคนแรกนะเว้ย มันก็มีลังเลกันบ้าง ผมคิดปลอบใจตัวเอง

“เออ แม่งโคตรอ่อนอ่ะ” ไอ้ธีส่งเสียงสมทบกับไอ้เดย์ มันน่าคบต่อไหมไอ้เพื่อนพวกนี้ ตอนนี้กลายเป็นโคตร ๆ อ่อนเลยกู

“ตอนนั้นรู้จักกันสองเดือนได้มั้ง ยังไม่ได้คบกัน พวกกูยังงง ๆ อยู่เลยว่าจะยังไงดี กูเลยจูบหาคำตอบ” กันต์เล่าต่อ ผมก็นึกถึงช่วงนั้นตามไปด้วย ก็จริงอย่างที่กันต์ว่าละ แล้วก็เพราะจูบนั้นนั่นแหละ ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา

“ยังไงดีของมึงนี่ คือตกลงไม่ได้ว่าใครจะอะจึ๋ย ๆ ใครหรอวะ” พี่สรรค์ถามขึ้นมาบ้าง มีทำมือประกบกันประกอบการพูดอีก ไม่รู้จะลงรายละเอียดกันไปถึงไหน

“ไอ้ #%^#$^ กูยังไม่คิดขนาดนั้นเว้ย กูแค่อยากรู้ว่ามันคิดยังไงกับกูเว้ย ก็มันเอาแต่มองกูอยู่ได้ หน้ากูจะสึกหมด กูดูหน้ามันก็รู้แล้วว่าคิดอะไรกับกู แต่ไม่พูดสักที กูขี้เกียจรอแล้ว จับจูบเลย ใช่ ไม่ใช่ ได้รู้กันไป” กันต์เล่าต่อ ถึงตอนนี้ผมอึ้งไปละครับ เห็นนิ่ง ๆ แต่แรงใช้ได้นะเนี่ย มิน่าผมไปไหนไม่รอด เรียกว่าไม่คิดจะไปเลยดีกว่า

“แล้วได้เรื่องไหมวะ” พี่สรรค์ถามต่อ ยังจะอยากรู้ ส่วนกันต์ก็ดูจะติดลม ตอบได้เรื่อย ๆ

“ถ้าไม่ได้ แล้วกรจะมานั่งอยู่ข้างกูไหมไอ้สรรค์” กันต์ตอบไป ทำท่าภูมิใจได้อีก ตกลงผมเสร็จเขาสินะ เออ ๆ ผมยอม

“พอ ๆ กูตอบหมดแล้ว ไปคนต่อไปได้แล้ว” กันต์รีบตัดบท คงเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดไปซะเยอะ

“ยัง ๆ มึงยังไม่บอกเลยว่าตอนนั้นมึงรู้สึกยังไง” พี่ภพ ยังไม่ยอมจบ

“ถ้ารู้สึกไม่ดี กูจะคบกันไหม” กันต์ตอบครับ ตอนนี้ผมยกแขนขึ้นโอบกันต์แล้วดึงตัวให้ไหล่มาชนกันอยู่สองสามทีด้วยความมันเขี้ยวก่อนจะปล่อยตัวเขา ก็โดนโห่นิดหน่อยไปตามระเบียบ แต่นาทีนี้ไม่มีอายอยู่แล้ว

“เออ ถ้าไม่ดีมันจะอยู่ด้วยกันไหม มึงนี่ถามโง่ ๆ” พี่ภพซ้ำเพื่อนตัวเอง

“พวกมึงมันน่าหมันไส้วะ” พี่ฟ้าพูด พร้อมหยิบน้ำแข็งในกระติกมาปาใส่เราสองคน

“คนต่อไป ๆ” เสียงไอ้ติ๊ดเร่งกัน ไอ้นี่ก็กระตือรือร้นดีเหลือเกิน

“ตกลงนี่กันต์เริ่มก่อนหรือกรเริ่มก่อนเนี่ย” ผมหันไปคุยกับกันต์ระหว่างรอตะเกียบหยุดหมุน

“ไม่รู้ จำไม่ได้ รู้แต่ว่าได้กันแล้ว จบ” เจอตอบมาแบบนี้เล่นเอาผมเหว๋อไปเลย ให้ตาย วันนี้กินอะไรเข้าไปบ้างวะ แอบเกรียนเล็ก ๆ นะ

“ฮ่า ๆ ซะงั้น” ผมหัวเราะ กันต์ก็หัวเราะ คงจะฮาที่ตัวเองพูดอะไรอย่างนั้นออกมาได้

“รักนะ” ผมเอียงหน้าไปบอกเขา แล้วยืดตัวกลับมานั่งตามปกติ อดไม่ได้อยากบอก

“อืม เหมือนกัน” เสียงกันต์หันมาบอก

“เฮ้ย พวกมึงสนใจเพื่อนหน่อย เข้าห้องค่อยคุยกันสองคน” เสียงพี่ยุเรียกให้กลับไปสนใจ และตอนนี้ก็ได้เหยื่อรายต่อไปแล้ว

.
.
.


สรุปเมื่อคืนนี้กว่าจะพากันเข้าบ้านก็เกือบตีสาม มีผู้รอดจากเกมส์ห้าคน หนึ่งในนั้นมีผมรวมอยู่ด้วย ตอนแรกกะจะให้โดนกันทุกคน แต่ช่วงท้ายเริ่มเล่นกันหนัก หมดเวลาไปกับแต่ละคนค่อนข้างเยอะ จะมีฮา ๆ ก็อย่างไอ้ป่าน ที่ดันเลือก dare ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะมันคดีเยอะ คงไม่กล้าเลือก truth พอมันเลือก dare เลยเจอพี่ฟ้าสั่งให้เต้นเพลงเกาหลีที่พี่แกลงทุนหยิบไอแพดมานั่งเปิดหาเพลงเพื่อจะให้ไอ้ป่านเต้นใจจริงอยากจะต่อลำโพงด้วยซ้ำแต่ติดว่าดึกแล้วเกรงใจคนอื่นที่คงเข้านอนกันหมดแล้ว

ส่วนเหตุผลที่พี่ฟ้าสั่งไอ้ป่านแบบนี้ เพราะพี่แกบอกว่าเข้ากับหน้าขาว ๆ เกาหลี ๆ ของไอ้ป่านมันดี แต่จะให้เต้นอย่างเดียวมันก็ดูธรรมดาไป เลยจัดให้เต้นไปถามพี่กาวน์ไปว่า “จะรักผมไหม จะเลี้ยงผมไหม”  ไปเกือบจบเพลง แต่ละคนดูมันเต้นไปก็หัวเราะมันไป ก็มันเล่นเต้นไปหัวจะทิ่มลงพื้นไป พูดก็แทบจะไม่รู้เรื่อง แถมมีพูดเสริมจากที่พี่ฟ้าสั่งอีก สงสัยเก็บกด งานนี้สงสัยได้มีเคลียร์กันต่อหลังงานเลิก 

แล้วกว่าที่ไอ้ป่านจะเต้นจบเพลงสามนาทีกว่าหน้ามันก็แดงเป็นตูดลิง ไม่รู้เหนื่อยหรืออาย อาจจะทั้งสองอย่าง พอจบเพลงก็ทรุดตัวลงนั่งหอบแฮก เหงื่อผุดเต็มหน้า แต่น่าจะหายเหนื่อยเร็วเพราะมีคนข้าง ๆ ช่วยพัดให้ ช่วยส่งน้ำให้ ถึงจะเป็นคนปากหนักไปหน่อย แต่การกระทำเขาดี งานนี้ไอ้ป่านคงไม่ลำบากเท่าไหร่ เห็นแล้วก็หมดห่วงกับมันไปได้หน่อย ผมไม่อยากเห็นมันร้องห่มร้องไห้หนีมาอยู่กับผมอีกรอบหรอก สภาพมันตอนนั้นโคตรน่าสงสาร ยังจำได้ว่าต้องอุ้มมันขึ้นมาที่ห้องเลยด้วยซ้ำ   



ส่วนกันต์หลังจบงานบอกได้เลยว่า “หนัก” ไม่ได้โดนผมจัดหนัก ถึงอยากจะจัดให้ก็เถอะ แต่เจ้าตัวเขาดื่มหนัก ขนาดที่ผมต้องพาขี่หลังเดินเข้าบ้าน จริง ๆ ก็ไม่น่าจะถึงขั้นเดินไม่ไหว แต่เจ้าตัวเขาไม่ยอมเดินเองมากกว่า มีอ้อนเล็ก ๆ เพราะพอผมก้มตัวลงจะหยิบของเข้าบ้าน เขาก็โถมตัวลงมาที่หลังผม ยกแขนขึ้นพาดกอดคอผม แล้วเอียงหน้ามามองผมตาเยิ้ม  รายนี้เจอแอลกอฮอล์ที่ไรผลลัพธ์ที่ได้คือ ความขี้อ้อน สุดท้ายผมก็เลยต้องเอาเขาขึ้นหลังพาเข้าบ้าน ส่วนของก็วางไว้ที่เดิม ไว้เช้ามาค่อยว่ากัน

คนอื่นก็ทยอยกันพาเข้าบ้านกันไป ที่นอนผมกับกันต์จัดไว้ให้หมดแล้ว หรืออีกทีใครอยากจะนอนตรงไหนก็ตามสบาย โซฟาว่าง ๆ เยอะแยะ ระหว่างทางเดินไปห้องนอน กันต์เขาก็งุ้งงิ้งไม่ได้อยู่เงียบเลย ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ต้องบอกว่าเรื่อยเปื่อยจริง ๆ แบบอยากพูดอะไรก็พูดไม่ได้ปะติดปะต่อกันเท่าไหร่
“กร กันต์หล่อป่ะ”

“หล่อครับ” ตอบว่าไม่หล่อได้ด้วยหรอ

“พรุ่งนี้เช้ากินไร”

“คิดไม่ออก” ผมตอบ ก็มันยังคิดไม่ออกจริง ๆ ตอนนี้อยากจะเอาของเก่าออกด้วยซ้ำไป

“ชอบกินลิ้นจี่ไหม”

“ชอบ” ผมชอบ แต่กันต์ชอบมากกว่า กินได้ทีเป็นกิโลฯ ส่วนผมชอบมังคุดมากกว่ากินได้ทีเป็นกิโลฯ เหมือนกัน

“รู้จักซุปเปอร์ จูเนียร์ไหม”

“รู้จัก” อยู่ดี ๆถามถึงนักร้องเกาหลี สงสัยยังอารมณ์ค้างจากที่ดูไอ้ป่านเต้น

“เรนอยู่ไหน”

“เกาหลี”

“ไม่ใช่นักร้อง หมา” อ้าว ก็นึกว่าถามถึงนักร้อง เมื่อกี้ยังถามถึงซุปเปอร์ จูเนียร์อยู่เลย

“นอนอยู่ในกรงหลังบ้าน” ผมตอบ

“เปิดพัดลมรึเปล่า” ถามถึงพัดลมที่กรงหมา จะมานึกเป็นห่วงอะไรตอนนี้ จับมันเข้ากรงนอนไปตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว

“เปิดแล้ว” ผมตอบ แล้วกันต์เข้าก็ถามนู่นถามนี่ แล้วแต่เข้าจะนึกออก เขาถามมาผมก็ตอบไป

“กันต์กับรถเลือกอะไร” อารมณ์ไหนละถามแบบนี้

“รถ” ผมตอบ

“อืมดี กันต์ก็เลือกรถ” อ้าว งานเข้า เขาว่าคนเมาไม่โกหก

“งั้น กรเลือกกันต์”

“เลือกกรด้วย” พูดจบก็หัวเราะ ก่อนเอนหัวซบไหล่ผมนิ่ง ๆ ตอนเดินจะถึงห้องแล้ว สงสัยหมดฤทธิ์แล้วจริง ๆ นิ่งไปเลย

พอพามาถึงห้องนอน ผมวางลงเตียงปุ๊บกันต์ก็หลับเลย ไม่หือไม่อืออะไรแล้ว น้อยครั้งจะเห็นเขาเป็นแบบนี้เพราะปกติ ต่อให้เมา ต่อให้เข้าบ้านมาดึกขนาดไหนเขาก็มีความพยายามจะพาตัวเองไปอาบน้ำให้ได้ แต่สงสัยวันนี้จะไม่ไหวจริง ๆ แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าผมตื่นมาเห็นกันต์อีกทีเจ้าตัวคงไม่อยู่ในสภาพนี้แล้ว เพราะเขาคงจะตื่นในเวลาหลังจากนี้ไม่กี่ชั่วโมงเพราะไม่สบายตัว แล้วลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับมานอนต่อ รายนี้เขาขึ้นชื่อว่าคุณชายสะอาด

ส่วนผมเองตอนนี้ก็เริ่มไม่ไหวเหมือนกัน ใจก็อยากเช็ดตัวให้อีกคน แต่ร่างกายมันขยับไม่ไหว พอวางกันต์ลงแล้ว ก็ทิ้งตัวลงนอนข้างกัน มองเขาแล้วคิดอะไรได้ไม่นานก็หลับตามไปด้วยอีกคน

..............................................................

................................................


“ตื่นกันหมดยัง” ผมถามกันต์ที่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกจากเตียงขึ้นมาพอดี หันไปดูนาฬิกาเพิ่งจะเก้าโมง ยังไม่สายเท่าไหร่ นึกว่าจะตื่นขึ้นมาสายกว่านี้

“ยังไม่มีใครออกมา” กันต์ตอบแล้วเดินมานั่งข้างผมบนเตียง ตอนนี้เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว วันนี้พวกผมไม่มีแผนไปไหนหรือทำอะไร เดี๋ยวค่อยรอดูคนอื่นอีกทีมีแผนจะทำอะไรกันหรือเปล่า ดูจากสภาพการณ์แล้วกว่าจะตื่นกันหมดคงหลังเที่ยง

“ตื่นกี่โมง” ผมถามแล้วดึงกันต์ลงมานอนด้วยกันใหม่ ผมตื่นแล้วแต่ยังไม่อยากลุก

“แปดโมง” กันต์ตอบแล้วขยับตัวขึ้นมานอนข้างผม หันหน้ามาคุยกัน

“ตื่นกลางดึกหรือเปล่า” ผมถาม

“ตื่นมาอาบน้ำตีห้าแล้วนอนใหม่”   

“ว่าจะเช็ดตัวให้ แต่ไม่ไหว” ผมบอก

“อืม ไม่เป็นไร”

“กันต์” ผมเรียก

“อะไร” กันต์ถาม แล้วทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ผมจับมือไว้ก่อน

“เดี๋ยวดิ” ผมเรียกไว้อีก มือก็ยังจับไว้ไม่ปล่อย

“จะลงไปหาอะไรไว้ให้กิน” กันต์บอก แล้วทำท่าจะลุกไปอีก ส่วนผมก็ยิ้ม ไอ้ที่ยิ้มไม่ใช้ว่าปลื้มอกปลื้มใจที่กันต์เขาดูแลเอาใจใส่ผมหรอกนะ ไอ้เรื่องนั้นมันก็ทำให้ยิ้มได้ส่วนหนึ่ง แต่ไอ้ที่ทำให้ผมยิ้มได้จริง ๆ เป็นเพราะมีคนรู้ทันผมต่างหาก รีบออกตัวเตรียมชิ่งหนีก่อนเลย แต่มีหรือที่ผมจะปล่อยไปง่าย ๆ

“มันตื่นอ่ะ” ผมบอก คงไม่ต้องบอกให้ละเอียดใช่ไหมว่าอะไรมันตื่น มันก็ตื่นอยู่ทุกเช้า เดี๋ยวก็ลงเอง แต่พอมีคนมาอยู่ด้วยอย่างนี้มันไม่อยากลงอ่ะ ยังตื่นอยู่เลย

“เดี๋ยวมันก็ลง ไม่ลงก็จัดการเอาเอง ไปแล้ว เดี๋ยวคนอื่นนก็ตื่นกันแล้ว” กันต์ตอบกลับมา แล้วทำเป็นไม่สนใจ ส่วนผมตอนนี้ช่างคนอื่นก่อน สนใจตัวเองกับคนที่อยู่ด้วยกันตอนนี้ดีกว่า

“โหย พูดง่ายแต่ทำยากนะ ไม่ช่วยกันหน่อยหรอ น่านะ กว่าคนอื่นจะตื่นมีเวลาเยอะแยะ” ผมพูดแล้วดึงตัวกันต์หงายหลังลงมาที่เตียง

“มาทำอะไรแต่เช้า”

“ไม่มีคนกำหนดเวลาไว้สักหน่อย ไม่รู้แหละ หิวแล้ว กินเลยนะครับ ขอบคุณสำหรับมือเช้าครับ” ผมพูดล้อเลียนคนที่บอกจะไปเตรียมมือเช้าให้ ไม่ต้องลงไปหรอก กินคนให้นี่แหละ ไม่เสียเวลา อิ่มกว่าด้วย

ว่าแล้วก็จัดการมื้อเช้าไปเบา ๆ  :z1:

----------------------------------------------------------------   


หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-07-2013 23:05:00
กรหื่นแต่เช้า กินคนทำอาหารเป็นอาหารเช้าซะงั้น
อิ่มใจไม่อิ่มท้องนะจ๊ะ :impress2: :impress2:

ปล.ดีใจที่มาต่อ กดบวกให้เลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 21-07-2013 03:25:39
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...เปิดมาเจอยังไม่ได้อ่านขอมากรี้ดก่อนน้า
ดีใจที่กลับมาเขียนแล้วน้า คิดถงมว๊ากกกกกจ้ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 21-07-2013 06:47:09
มาต่อแล้ว :mc4: :mc4: :mc4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-07-2013 08:51:39
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  มาต่อแล้ว  เย้
ขอบคุณจ้าที่มาลงให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-07-2013 09:40:00
ดีใจจังมาต่อแล้ว

พี่กันต์ น่ารักอะตอนนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 21-07-2013 14:04:08
หวานกันแต่เช้านะคู่นี้ :mew3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 21-07-2013 14:20:47
ดีใจที่มาต่อ และไม่ลืมเรื่องนี้ค่ะ

ชอบคู่ก.ไก่มากก หวานอะ ไม่ดราม่าเลย ชอบบบ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 21-07-2013 15:01:46
ในที่สุดก็มาต่อ  :mew1:
ต้องแอบย้อนนิดนึงว่าถึงไหนยังไง เลือนลางเหลือเกิน 55555
อ่านเรื่องนี้ทีไรก็มีความสุขค่ะ ไม่หวือหวาแต่อิ่ม  :กอด1:
ตลกกรนะ อิ่มมื้อเช้าก่อนเพื่อนจะตื่นอีก หุหุ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 21-07-2013 19:30:42
 :mc4:

เย้ ๆ กลับมาต่อแล้ว
พี่กันต์น่ารักมาก ๆ เหมือนเดิม  :กอด1:
รักคู่นี้ที่สุด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 22-07-2013 08:32:52
นี่ก็ด้วย จิ้มไว้ก่อนนะคะ ดีใจมากจริงๆที่มาต่อ  :hao5:

จออนุญาติกลับไปอ่านตอนเก่าๆก่อนน๊าาาาาาา  :m23:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 22-07-2013 20:19:20
 :impress2:

ชอบพี่กันต์เวลาเมาจัง น่ารัก ขี้อ้อนตลอด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-08-2013 02:07:51
กันต์กับกรน่ารักเกินไปแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> Truth or Dare [2/2] 20-7-13
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 18-08-2013 20:59:03
ตอนที่ 66 ของเล่น

“ไอ้เดย์ มึงซื้ออะไรมาให้กู สัด” ผมด่าไอ้เดย์หลังจากเปิดกล่องกระดาษเพื่อเช็คของที่ฝากมันซื้อมาจากญี่ปุ่น แต่ในกล่องกลับไม่ได้มีของที่ผมฝากมันซื้ออย่างเดียวแต่มีอย่างอื่นแถมมาด้วย

วันนี้ไอ้เดย์มันนัดผมออกมากินข้าวเย็นเพื่อเอาของที่ผมฝากมันซื้อมาให้ หลังจากมันกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อคืนนี้ พอกินข้าวเสร็จก็ตามมันมาที่รถมันเพื่อเอาของ ก็มีขนมสี่กล่องที่กันต์ฝากซื้อ นาฬิกาของผมเองหนึ่งเรือน แล้วก็มีของที่ผมฝากซื้ออีกอย่างสองอย่าง

“ไม่ได้ใช้ก็เก็บไว้ขำ ๆ” ไอ้เดย์พูดแบบไม่ใส่ ก่อนหยิบถุงขนมมาส่งให้ผมรับไว้ ดูเหมือนมันก็จะซื้อขนมมาเพิ่มให้นอกเหนือจากที่ผมสั่งไปเหมือนกัน

“ถ้าใช้กันต์ได้โกรธกูตายห่า” ผมพูด

“ไม่ลองไม่รู้นะเว้ย” ไอ้เดย์ยังไม่ยอมจบ

“เชี่ย ไม่ต้องมาคิดแทน นั่นแฟนกู” ผมพูดแล้วปิดกล่อง ก่อนจับยัดลงถุงเตรียมเอากลับบ้าน ถึงบ้านคงต้องหาที่เก็บอีก แต่จะว่าไปก็อยากลองใช้อยู่เหมือนกัน แต่กลัวจะโดนโกรธซะก่อน

“ซื้อของมาเท่าไหร่” ผมพูดพร้อมหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาเตรียมจ่ายค่าของที่ฝากซื้อ ไอ้เดย์ก็หยิบโทรศัพท์มันขึ้นมากดคิดเงินให้ผม

“ขนมเฉพาะที่มึงฝากซื้อก็พันสี่ ขนมอย่างอื่นกูซื้อมาฝาก นาฬิกาหมื่นหนึ่งพันแปดร้อย เสื้อสองตัวสองพันหก ถุงยางหกกล่องสามพัน สองอันนั้นกูไม่คิด ทั้งหมดหมื่นแปดพันแปดร้อย”

“มึงเอาไปสองหมื่นรวมค่าข้าวกูเมื่อกี้ที่มึงจ่ายด้วย” ผมบอก พร้อมส่งเงินที่นับครบแล้วไปให้ไอ้เดย์

“เออ กูไปละ ถ้าใช้แล้วพี่กันต์โกรธมึง กูไม่มีเอี่ยวนะเว้ย แต่ถ้าชอบเดี๋ยวคราวหน้ากูไป กูจะหามาให้อีก กูรู้มึงไม่ไปซื้อเองแน่ไอ้หน้าบาง” ไอ้เดย์ยังพูดไม่เลิก

“ไอ้เชี่ย รีบ ๆ กลับไปได้แล้วมึง ขอบใจที่หิ้วของมาให้ กูไปละ โชคดี” ผมบอกลามัน ก่อนเดินกลับไปที่รถตัวเอง

……………………………………………..

“เอาขนมมาแล้ว จะกินเลยหรือเปล่า เดี๋ยวที่เหลือกรได้เอาเก็บเข้าตู้เย็น” ผมถามกันต์ที่นั่งดูหนังอยู่ที่โซฟา

“ขอเค้ก” กันต์พูด แล้วลุกขึ้นมาเปิดถุงขนมที่ผมถือมา ก่อนหยิบเอากล่องเค้กบรั่นดีออกไป

“กรเอาอย่างอื่นไปเก็บแล้วนะ เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะลงมาใหม่” ผมบอก แล้วหยิบเอาถุงขนมไปเก็บ และไม่ลืมที่จะหยิบของอย่างอื่นออกไปด้วย

“ไม่ต้องลงมาก็ได้ อีกเดี๋ยวก็ขึ้นไปแล้ว” กันต์บอก ผมก็พยักหน้ารับ แล้วถือของเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป

.
.
.

“เป็นไงเค้กอร่อยไหม” ผมถาม กันต์ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน

“อร่อยดี แล้วไหนนาฬิกาที่ซื้อ” กันต์ถามหานาฬิกาที่ผมฝากไอ้เดย์มันซื้อ ตอนจะซื้อผมก็ถามกันต์แล้วว่าเขาจะเอาไหม แต่เจ้าตัวเขาไม่เอาเพราะเขามีนาฬิกาอยู่หลายเรือนแล้ว และที่ใส่อยู่ทุกวันก็ใส่อยู่แค่สองเรือน  ไม่ได้สลับใส่หลาย ๆ เรือนแบบผม

“สวยดีแฮะ” กันต์พูด หลังจากลองเอานาฬิกาผมไปใส่ที่ข้อมือเขา เรือนนี้เป็นสายหนังเขาเลยปรับสายให้พอดีกับข้อมือของเขาได้ แต่ถ้าเป็นพวกสายสเตนเลสจะใส่ด้วยกันไม่ได้เพราะกันต์เขาข้อมือเล็กกว่าผม

“ถ้าชอบก็มาหยิบไปใส่เลย” ผมบอก อย่างกันต์เองก็เอานาฬิกาของเขามาให้ผมใส่อยู่บ่อย ๆ บางเรือนผมยึดมาเลยก็มีเพราะเขาไม่ค่อยได้ใส่ เก็บไว้เฉย ๆ ก็เสียดายของ

“อืม ไว้จะยืมไปใส่” กันต์พูดแล้วถอดนาฬิกาเก็บใส่กล่อง ก่อนเดินเข้าห้องน้ำ ส่วนผมพอกันต์เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ก็ไปจัดแจงกับของที่เอาไปเก็บไว้ที่ชั้นวางของข้างเตียง ที่หัวเตียงของเราทั้งสองด้านจะมีชั้นวางของที่มีลิ้นชักวางไว้ ทางฝั่งซ้ายเป็นของผม ส่วนฝั่งขวาเป็นของกันต์ ก็เอาไว้วางพวกโทรศัพท์ หนังสือ ส่วนในลิ้นชักก็มีของจำเป็นที่ต้องใช้ทั่วไป ซึ่งเมื่อกี้ผมก็เพิ่งเอาของที่ซื้อมาใหม่เก็บเข้าไป

พอกันต์เดินออกมาจากห้องน้ำ ปิดไฟในห้องเหลือแต่ไหที่หัวเตียงแล้ว ผมที่นั่งอยู่ข้างเตียงก็อ้าแขนรอให้เขาเดินเข้ามาหา กันต์ก็เดินเข้ามา

“กินขนมตอนกลางคืนมากระวังอ้วน” ผมแกล้งแหย่ แล้วเลือนมือทั้งสองข้างขึ้นไปจับที่เอวกันต์

“แค่นั้น จะไปอ้วนอะไร” กันต์พูด แล้วยกแขนขึ้นมาพาดไว้ที่บ่าของผม

“ไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์” ผมพูด แล้วสอดมือเข้าไปใต้เสื้อเขา แล้วจับที่เอวเหมือนกำลังวัดรอบเอวเขา

“อ้วนขึ้นไหมละ” กันต์ถาม ผมส่ายหน้าตอบ

“ยังไม่อ้วน แต่ออกกำลังกายไว้ก่อนดีกว่า” ผมพูดก่อนดึงตัวกันต์ลงมาแล้วจับเหวี่ยงข้ามตัวผมไปนอนแผ่อยู่กลางเตียง

“ข้ออ้าง” กันต์พูด ก่อนยกมือขึ้นมาจับไว้ที่ท้ายทอยผม แล้วขยับนิ้วเกลี่ยเล่นเบาๆ

“ก็คงงั้น” ผมพูด แล้วก้มลงไปจูบหน้าผากกันต์เบา ๆ แล้วลากเลือนลงมาช้า  ๆ ที่เปลือกตา จมูก ริมฝีปากนุ่ม และคาง โดยที่กันต์ก็ยังคงไล้ปลายนิ้วไปมาอย่างช้า ๆ ที่ท้ายทอยของผม

“หอม” ผมพูดระหว่างที่ซุกไซร้ริมฝีปากอยู่กับซอกคออุ่นและผิวกายที่มีกลิ่นหอมอ่อนจากสบู่ที่ใช้ร่วมกัน

“อย่ากัด” เจ้าของร่างส่งเสียงประท้วง เมื่อผมขบกัดเบา ๆ ลงไปที่ยอดอกผ่านผ้ายืดเนื้อบางสีขาวที่เจ้าตัวชอบใส่นอนอยู่ทุกคืน ใช่จะมีแค่เสียงประท้วงแต่นิ้วมือที่เคยเกลี่ยเบา ๆ อยู่ที่ท้ายทอย ก็เลื่อนย้ายลงมาจิกเกร็งอยู่ที่บ่าทั้งสองข้างแทน ถึงปากจะร้องห้าม แต่ร่างกายกลับไม่ได้ผลักไสให้ออกไปไกลห่าง มีแต่จะรั้งเข้าหาเสียด้วยซ้ำ อยู่ด้วยกัน รักกันมากขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าอีกคนชอบหรือไม่ชอบอะไร

เนื้อผ้าสีขาวที่ยอดอกสองข้างเปียกชุ่มจนขยายเป็นวงแนบสนิทไปกับผิวเนื้อ ยิ่งชวนให้อยากสัมผัสกับผิวเนื้อที่อยู่ข้างใต้ โดยไร้สิ่งใดขวางกั้น ภาพที่เห็นชวนให้จินตนาการเตลิดไปไกล ทั้งที่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ใต้เนื้อผ้าบาง แต่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ทุกครั้งที่นึกถึง

เสื้อยืดสีชาวถูกสองมือร่นขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยการใช้สองมือลูบจากเอวสอบ เลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ ให้ชายเสื้อร่นขึ้นตามมือที่เลื่อนขึ้น โดยที่อีกคนก็ช่วยแอ่นยกแผ่นหลังให้ลอยจากที่นอนนุ่ม เพื่อให้เสื้อเลื่อนขึ้นได้อย่างไม่ติดขัด  จนกระทั่งเสื้อยืดสีขาวปลิดปลิวออกจากตัว และหล่นลงไปอยู่ที่พื้นข้างเตียงแผ่นหลังเนียนถึงทิ้งลงติดที่นอนนุ่มอีกครั้ง

“สวย” ผมหลุดปากพูดไปตามที่เห็น ยังคงเป็นร่างกายที่สวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่ใช่สวยอย่างหญิงสาว แต่สวยและสมบูรณ์แบบอย่างที่ควรจะเป็นตามแบบสรีระของเพศชาย คนที่ถูกชมได้แต่ช้อนตามอง แต่ไม่มีคำพูดตอบโต้กลับมา เหมือนเจ้าตัวก็กำลังจมดิ่งไปกับห้วงอารมณ์ปรารถนาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยคนสองคน

อยากเห็นมากกว่านี้ เมื่อใจคิดร่างกายก็ถูกสั่งให้ทำตามโดยทันที สองมือเลื่อนมาอยู่ที่เอวสอบอีกครั้ง และเลื่อนลงตามทิศตรงกันข้ามกับเมื่อครู่ ใช้เวลาไม่นานเกินอึดใจกางเกงผ้าฝ้ายเนื้อนุ่ม ก็ปลิวตกตามไปอยู่กับเสื้อยืดเนื้อนิ่มที่ตกลงไปก่อนหน้า เหลือให้เห็นแต่ร่างเปลือยเปล่า แผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่ค่อนข้างเร็วกว่าปกติ แม้ร่างกายจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แต่ภายในกลับไม่เป็นเช่นนั้น

อยากใช้ร่างกายที่เปลือยเปล่าแนบสัมผัสไปกับร่างเปลือยที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากให้มีอะไรมาขวางกั้น คิดและใช้เวลาไม่นาน เพื่อทำตามที่ใจคิด ก่อนที่สองมือของอีกฝ่ายจะกลับมาโอบรอบคออีกครั้ง

“อืม ม ม...” กันต์ยกตัวขึ้นขบกัดริมฝีปากปากเขา ทั้งขบกัดลากเลียบนริมฝีปากร้อน ก่อนสอดปลายลิ้นพัวพันเข้าหา กระทั่งผมตอบโต้ไป ฝ่ามือทั้งสองเลื่อนขึ้นเกาะกุมสะโพกมนเนียนแน่น

“ไม่อ้วนใช่ไหม” กันต์ละริมฝีปากออกแล้วถาม “ไม่เลย” ผมตอบ แล้วก้มลงไปหาอีกครั้ง

ริมฝีปากไม่ห่างจากกัน มีแต่สองมือของคนสองคนที่เลื่อนเปลี่ยนทิศ สองมือขยับลงไปหาสิ่งที่เรียกร้องสัมผัสที่ด้านล่าง ฝ่ามือเข้ากอบกุมของอีกฝ่ายอย่างรู้งาน เคลื่อนมือช้า ๆ ไม่เร่งเร้าจนเกินพอดีเหมือนจะถ่วงเวลาให้นานออกไป

“อื้อ อ อ...” เสียงครางแผ่ว เมื่อมือที่อยู่ด้านหน้าค่อย ๆ ขยับย้ายลงไปทางด้านหลัง เพียงแค่แตะเบา ๆ ก็เรียกเสียงครางรื่นหู แต่ยังไม่ฝืนดันเข้าไปแม้จะเป็นเพียงแค่ปลายนิ้ว หากไม่มีตัวช่วย

“รอก่อนนะ” กระซิบบอกที่ข้างหู และไม่ลืมจะชบเล่นที่ติ่งหูนิ่มเบา ๆ ก่อนขยับตัวลุก เปิดลิ้นชักที่อยู่ข้างเตียงเปิดกล่องที่ใช้เก็บของออกมา ของที่ต้องการวางเรียงอยู่ในกล่อง ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็จัดการสวมเกราะป้องกันชนิดบางเฉียบเข้าที่  ก่อนใช้เวลาแค่อึดใจในการตัดสินใจ หยิบของที่ไม่เคยคิดจะใช้มาก่อนขึ้นมา “อยากลอง” ไม่มีคำไหนจะจำกัดความได้ดีไปกว่านี้ แต่ชั่วเวลาที่ตัดสินใจนั้นก็ประเมินแล้วว่าของที่หยิบขึ้นมานั้นจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่เขารักอย่างแน่นอน เมื่อนั้นของเล่นชิ้นเล็กจึงถูกสวมอยู่ที่นิ้วมือข้างขวา พร้อมเคลือบด้วยสารหล่อลื่นไว้บาง ๆ   

เมื่อกลับมาทาบทับเรือนร่างเปล่าเปลือยที่เพิ่งจากไปไม่ถึงนาที ร่างกายก็เริ่มทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้ง แต่เร่งร้อนมากขึ้นกว่าตอนที่จากไป ลิ้นร้อนปลุกเร้าเคล้าคลึงอยู่ที่หน้าท้องเนียนก่อนวกกลับขึ้นจู่โจมริมฝีปากอิ่ม มือข้างที่ว่างช่วยปลุกเร้าสิ่งที่อยู่ด้านล่างอีกครั้ง เรียกเสียงครางที่ดังกว่าเดิม จนสบจังหวะเหมาะ

“กร ทำ ทำอะไร ไม่ ไม่เอานะ” กันต์ร้องก่อนจะกัดปากแน่น ผมก้มลงกดริมฝีปากเข้าหาให้คลายอาการเกร็ง เขาเงยหน้าขึ้นรับจูบ แต่แล้วก็หันหน้าหนีอีกครั้งเมื่อผมเริ่มขยับนิ้วเแทรกลึกเข้าไป

“ไม่ต้องกลัว กรไม่ทำให้เจ็บ” ผมปลอบ และสังเกตสัญญาณทางกายที่อีกฝ่ายแสดงออก

“ฮะ อื้อ อะไร เอามะ มาจากไหน” กรร้องถาม ร่างกายบิดเร้า นั่นเป็นสัญญาณที่ดี ของเล่นนุ่มหยุ่น ผิวเป็นตุ่มนูนเล็กน้อย ถูกสอดหายเข้าไปเกินครึ่ง ก่อนถูกขยับเข้าออกอย่างช้า ๆ สลับกับหมุนควงไปมาอย่างเบามือ

อาจเพราะร่างกายรับรู้ว่ามีอะไรแปลกใหม่ จึงทำให้กันต์ดูตื่นตัวมากกว่าปกติ เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้วจึงถอนนิ้วออก ของเล่นชิ้นเล็กถูกดึงออกทิ้งลงข้างเตียง ก่อนหยัดตัวเข้าหาให้ใบหน้าอยู่ตรงกัน แล้วค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนังลงที่แขนสองข้างที่กักตัวของอีกคนไว้ พร้อมดันร่างเข้าหา

“อื้อ” ริมฝีปากที่ช้ำเพราะแรงจูบถูกกัดแน่น สองแขนโอบรัดที่บ่ากว้างและแผ่นหลัง ผมจูบจนเขายอมคลายริมฝีปากออกอีกหน แล้วโน้มตัวจนผิวกายทาบสนิท และดันร่างเข้าหา ระหว่างนั้นก็ยังจูบคลอเคลีเอาใจไม่ห่าง จนทำให้อีกคนเผลอไผลขยับตัวเข้าหา ขยับตอบด้วยสัญชาตญาณ

“ฮา ฮะ” เสียงครางยังดังไม่ขาด ขาทั้งสองข้างคอยรับแรงที่โถมเข้าใส่ จนร่างกายสั่นคลอนเมื่อถูกเร่งเร้าหนักขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งทะยาน เมื่อถอยออกและขยับเข้าแทรกอีกหน ทำเอาร่างกายของอีกคนผวากอดรัดแผ่นหลังเสียแน่น ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ได้ใจ ขาเรียวถูกดึงชิดแผ่นอกกว้าง สองมือจับยึดสะโพก แล้วขยับตัวแรงขึ้น จนทั้งสองร่างโยกคลอนเป็นจังหวะเดียวกัน

ผิวกายเสียดเข้าหา เสียวปราดไปทั้งร่าง เสียงเครือครางต่ำในลำคอสอดประสานกับเสียงหายใจดังถี่รั่ว ยิ่งช่องทางด้านหลังหดเกร็งเพราะอีกคนเริ่มเข้าใกล้ขอบสวรรค์รำไร ทำให้ยิ่งต้องหักห้ามใจไม่ให้โถมแรงทั้งหมดที่มีเข้าใส่ เพราะกลัวคนรับแรงนั้นจะขาดใจ

“ระ แรงอีก ได้” เหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้สิ่งที่อยู่ในใจ ถึงเอ่ยปากอนุญาต เมื่อสิ้นเสียงอนุญาตเรี่ยวแรงทั้งหมดที่กักเก็บไว้ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่คิดจะหักห้ามใจไว้อีก

ผมกดจูบเขาไม่หยุด ในขณะที่สะโพกก็ขยับเข้าหาถี่กระชั้น เสียงเครือครางดังตามชนิดไม่มีเก็บดังตอบทุกครั้งที่ร่างกายขยับเข้าหากัน จวบจนครั้งสุดท้ายที่โถมตัวเข้าหา ก่อนที่ร่างกายจะหยุดนิ่งซบลงกับร่างที่เล็กกว่า เสียงครางหวิวดังยาวเป็นรอบสุดท้าย และหยุดตามร่างกายที่นิ่งสนิท เหลือเพียงแต่การหอบหายใจถี่รัว

ซบลงกับร่างที่เล็กกว่าเพียงไม่นานก็ขยับทิ้งตัวลงเคียงข้าง ก่อนตวัดร่างข้างกายขึ้นมาซบอยู่บนร่างของตัวเองแทน ใช้อ้อมแขนข้างหนึ่งกอดรัด ส่วนอีกข้างก็ลูบหลังลูบไหล่ปลอบประโลม ทั้งปลอบและแสดงความรักใคร่ให้คนที่นอนซบอยู่ได้รู้

“เป็นยังไงบ้าง ดีไหม” ต้องถาม เพราะหากกันต์ไม่พอใจอะไร ผมจะได้แก้ตัว ไม่ทำซ้ำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ

“อืม ดี แต่คราวหน้า ถ้าจะใช้อะไรบอกก่อน”

“ไม่ชอบหรอ” ผมถาม แล้วประคองหน้าของกันต์ขึ้นมาสบตากัน

“ตกใจมากกว่า” กันต์ตอบ ซบหน้าลงตามเดิม

“แล้วใช้อีกได้ไหม” ผมถาม ในใจนึกไปถึงของอีกอย่างที่ยังนอนนิ่งในกล่อง

“อย่าแปลกไปกว่านี้ ไม่เอา”

“ครับ” ผมตอบรับ ก่อนหลับตาลงตามอีกฝ่าย ที่ปิดเปลือกตาหนีไปแล้ว

--------------------------------------------------------------


 :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 18-08-2013 21:09:00
พี่กันต์มาแล้วว เย้เย้ มาพร้อมความหวานน่ารัก คนอ่านดีใจ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 18-08-2013 21:14:56
คิดถึงเรื่องนี้จังงง  :mew3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 18-08-2013 21:29:56
คิดถึงกรกับกันต์มากกกกกห
แต่มาหวานๆแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย ><
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 18-08-2013 22:30:25
น่ารักได้อีก  :o8:
ชอบที่คู่นี้เค้าใส่ใจกันจริงๆค่ะ คอยถามกันตลอดไม่ชอบไม่พอใจอะไรก็บอกกัน
โคตรคู่รักตัวอย่าง  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 18-08-2013 22:45:11
หวานกันตลอด มาอัพบ่อยๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 18-08-2013 22:46:05
 :z1: อัลไรอยู่ในกล่อง คึคึ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 18-08-2013 22:47:25
อยากมีความรักแบบคู่นี้อ่ะ
เป็นรูปแบบความรักที่ฝันถึงเลย

อิจฉาเบา ๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 19-08-2013 01:30:29
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-08-2013 08:31:59
อยากอ่านคู่กันต์กรอีก  ชอบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: mimi_patcha ที่ 19-08-2013 12:56:01
 :haun4: :-[
คิดถึงที่สุดเลย :กอด1:  เหลือของเล่นอีกอย่าง อารัยง่ะ อยากรู้ :katai1: :hao4:
กด++++++
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-08-2013 13:42:33
น่ารักมากเลยกันต์-กร
กรนี่หื่นแหะ แถมมีของเล่นมาเติมชีวิตคู่
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-08-2013 16:29:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 20-08-2013 00:20:45
 :m25:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 20-08-2013 19:27:08
 อยากอ่านอีก :pig4:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-08-2013 10:52:49
คราวนี้ละพี่กันต์ กรได้ฝากซื้อของเล่นมาอีกบ่อยๆ แน่ หึหึ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 23-08-2013 15:01:55
พี่กันต์เตรียมตัวเลย เดี๋ยวซื้อของเล่นเพิ่มเเน่ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ของเล่น p. 70 18-8-13
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 01-10-2013 20:31:52
ตอนที่ 69 รักคือ... (ตอนจบ)

“กันต์ว่า เวลานี้ในอีกห้าปีข้างหน้าเราจะอยู่ที่ไหน” ผมถามคนที่นอนอยู่ข้างกัน

หลังจากหลับกันไปได้สักพักกันต์ก็เป็นฝ่ายปลุกผมให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ กันต์คงนอนหลับไม่สนิทเพราะเหนียวตัว เลยปลุกผมขึ้นมาให้เข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ที่จริงต้องบอกว่าเขาปลุกผมขึ้นมาอาบน้ำให้มากกว่าเพราะเขาเล่นยืนเฉยให้ผมทำให้หมด ก็อาบน้ำให้เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร ดึกแล้วสงสาร ที่ทำไปก็หนักพอแล้ว ขืนทำอีกกลัวเขาจะไปทำงานไม่ไหว พออาบน้ำเสร็จก็กลับมานอนด้วยกันท่าเดิมแต่กลับนอนไม่หลับทั้งคู่ เพิ่งอาบน้ำมาเลยตาสว่างขึ้นนิดหน่อย ดูนาฬิกาตอนนี้ตีสองกว่า

“ก็ที่นี่” กันต์ตอนแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ โดยที่หลังเขาเบียดชิดอยู่กับอกผม ให้ผมสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง

“อีกสิบปี” ผมถามต่อ แล้วก้มลงสูดลมหายใจเข้าลึกรับกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากผมนุ่มสีดำสนิทของคนในอ้อมกอด

“ก็ที่นี่” กันต์ตอบ แล้วเอามือซ้อมทับกับมือผมที่กอดเขาไว้

“อีกยี่สิบปี” ผมยังคงถาม ทั้งที่ในใจก็รู้คำตอบจากอีกฝ่าย ว่าย่อมไม่ผิดไปจากที่ใจผมคิดและอยากได้ยิน แต่ที่ยังถามเพราะอยากได้ยินคำตอบซ้ำ ๆ จากริมฝีปากคู่นั้น

.
.
.

“อีกสามสิบปี”

“จะอีกกี่ปีก็อยู่ที่นี่ อยู่ให้เบื่อกันไปข้าง ถึงเวลาเบื่ออย่ามาไล่แล้วกัน ถึงไล่ก็ไม่ไป” กันต์ตอบก่อนหันหน้ากลับมาจูบผม เขากดริมฝีปากลงมาแนบสนิทย้ำ ๆ สองที แล้วถอยกลับไปนอนตามเดิม

“ใครจะเบื่อได้ลง ไม่เบื่อหรอก”

“ให้มันแน่” อีกฝ่ายทำเสียงเข้ม

“แน่สิ” ผมตอบ
“นอนได้แล้ว” เสียงดุ ๆ ส่งมาครั้งสุดท้าย ก่อนปิดเปลือกตาล่วงหน้าไปก่อน ผมไม่พูดอะไรต่อเพียงแต่กระชับกอด แล้วหลับตาลงตาม

.........................................................................

........................................................

....................................



“กร” กันต์เขย่าตัวเรียกผมให้ตื่น พอรู้สึกตัวถึงได้ยินเสียงเด็กร้องดังมาจากเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็ก ๆ ที่ตั้งไว้ที่ชั้นวางข้างหัวเตียง

“อืม” ผมสะบัดผ้าห่มออกจากตัว ก่อนขยับตัวลุกขึ้น แล้วรีบเดินไปยังห้องที่อยู่ข้าง ๆ กัน

“ทำไมวันนี้ตื่นตอนดึกครับ หิวนมหรือธารณ์” ผมสำรวจเด็กชายผมขาววัยหกเดือนที่อยู่ในเตียงนอนมีราวกั้นสำหรับเด็กเล็ก เจ้าตัวเล็กในเตียงส่งเสียงร้อง ทั้งยังชูไม้ชูมือ เท้าเล็กก็ดิ้นถีบผ้าถีบหมอนข้างใบเล็ก จนไปหมดกองอยู่ที่ปลายเท้า 

“ธารณ์ร้องเสียงดังเดี๋ยวพี่ธามตื่นนะครับ” ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นพาดบ่าแล้วพูดปลอบ ก่อนหันไปมองเตียงเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันนัก ธามยังหลับสนิท

“ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวปาชงนมให้เนอะ” ผมพูดกับธารณ์ไปด้วยระหว่างที่เดินไปเปิดไฟสีส้มเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง เพื่อให้มองเห็นได้ถนัดขึ้น ไม่ได้เปิดไฟให้สว่างไปทั้งห้องเพราะไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กตาสว่างเสียก่อน เอาให้สลัว ๆ พอกินนมแล้วจะได้นอนหลับต่อง่าย ๆ เปิดไฟแล้วก็จัดการชงนมใส่ขวดด้วยมือข้างเดียว ที่จริงธารณ์ไม่ได้ตื่นกลางดึกมาได้สามสี่วันแล้ว เพราะเริ่มโตเลยนอนได้ยาวขึ้น แต่เมื่อเย็นกินนมได้น้อย เลยทำให้หิวเอากลางดึก ใช้เวลาชงนมไม่นานก็ได้นมอุ่น ๆ ในขวดมาให้เจ้าตัวเล็ก พอจุกนมเข้าปากเจ้าตัวเล็กก็เงียบทันที 

ผมจับเจ้าตัวเล็ก พร้อมขวดนมวางลงที่เตียง รอจนเจ้าตัวเล็กจัดการนมจนหมดขวดและหลับลงอีกครั้ง ถึงเดินสำรวจความเรียบร้อยในห้องอีกครั้ง แล้วปิดไฟลงก่อนเดินออกจากห้องกลับไปนอนตามเดิม

…………………………………………………


“ครับ”

“กรหยุดงานสักอาทิตย์สองอาทิตย์ได้ไหม” กันต์ถามเข้ามาทันทีที่ผมกดรับสาย

“มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามกลับ

“กันต์ต้องบินไปอังกฤษวันพฤหัสนี้ พี่ชายกันต์รถคว่ำตอนนี้อยู่ไอซียู กันต์เตรียมเอกสารได้เร็วที่สุดวันพฤหัส” กันต์ตอบ

“พี่ชาย พี่ชายไหน” ผมถาม เพราะผมรู้จักแค่พี่กาวน์คนเดียว แล้วตอนนี้ก็อยู่เมืองไทย

“พี่นทเป็นญาติห่าง ๆ เดี๋ยวเย็นนี้กันต์เล่าให้ฟัง แต่กรหยุดงานได้ไหม กันต์ได้รีบจองตั๋วเครื่องบิน”

“ได้ ๆ” ผมตอบ

“ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วคุยกัน”


.
.
.

“ตอนนี้พี่เป็นยังไงบ้าง” ผมถามหลังจากกันต์วางสายจากแม่เขาแล้ว ผมกลับมาถึงบ้านเห็นกันต์กำลังคุยกับแม่อยู่เลยเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ รอให้เขาคุยเสร็จ

“ยังไม่รู้สึกตัว หมอว่าอาการไม่ดี มีเลือดออกที่ตับไม่หยุด ส่วนอลิสแฟนพี่นทเสียชีวิตคาที่” กันต์ตอบ ก่อนถอนหายใจแรงๆ แล้วทิ้งตัวเอนพิงเบาะ ผมไม่พูดอะไรแต่เลือกที่จะจับมือกันต์มาบีบเบา ๆ แทน

“พี่นทเป็นลูกชายของลูกพี่ลูกน้องกับพ่อกันต์ แต่ลุงพฤกษ์กับป้ารินเสียไปตั้งแต่พี่นทเพิ่งสิบกว่า พี่นทเลยเหลือตัวคนเดียว แล้วญาติที่สนิทที่สุดก็เป็นทางบ้านกันต์กับพี่กาวน์ พ่อเลยส่งพี่นทไปเรียนพร้อมกับพี่กาวน์ที่อังกฤษ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยพี่นทก็ย้ายไปอยู่อีกเมือง พอเรียนจบก็ทำงาน แต่งงานกับอลิสที่เป็นคนอังกฤษ แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไม่ได้กลับมาเมืองไทยเท่าไหร” กันต์เล่าเรื่องของพี่ชายเขาให้ผมฟัง

“พี่นทมีลูกไหม” ผมถาม

“มีลูกชายสองคน ธามสองขวบ ธารณ์ห้าเดือน” กันต์พูดถึงหลานแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าแรง ๆ ก่อนถอนหายใจอีกครั้ง

“กันต์กำลังคิดว่าจะชวนกรไปหาหลาน แต่มาเกิดเรื่องอย่างนี้ก่อน”

“แล้วหลานอยู่ที่ไหน”

“พี่ชายของอลิสดูแลอยู่”
 
.
.
.

พอถึงวันพฤหัสเราสองคน พร้อมกับพ่อแม่กันต์ก็บินไปอังกฤษ ทันทีที่ถึงสนามบินเราทั้งหมดก็เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลทันที โดยมีพี่ชายของอลิสคอยอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยหลานชายทั้งสองคน

แซม พี่ชายของอลิสมีท่าทีสงบนิ่งและดูแลหลานชายสองคนที่ยังเล็กได้อย่างดีจนผมนึกทึ่ง ทั้งที่เขาเองก็ยังไม่มีครอบครัว เท่าที่รู้มาจากกันต์อลิสเองก็มีแซม ซึ่งเป็นพี่ชายเหลืออยู่เพียงคนเดียว โดยที่แซมเองทำงานอยู่บริษัทฯ น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และอาศัยอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลมากกว่าอยู่บนผืนดิน 

เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เราไปถึงโรงพยาบาล พี่ชายของกันต์ก็มีอาการทรุดลง ก่อนจะจากไปอยู่กับภรรยาของเขาที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ผมเห็นกันต์มีน้ำตาคลอแต่ไม่ไหลออกมา ส่วนแซมเองก็มีท่าทีแบบเดียวกัน แซมฝากผมอุ้มเจ้าตัวเล็กที่ที่พ่อเขาตั้งชื่อไว้เป็นภาษาไทยให้ว่าธารณ์มาอุ้มเอาไว้ ส่วนแซมอุ้มธามพี่ชายของธารณ์วัยสองขวบ เด็กทั้งสองคนยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเขา แซมเดินนำผมเข้าไปหาร่างของพี่นท

“ปา” ธามส่งเสียง ก่อนพยายามยืนมือไปหาร่างของพี่นท เมื่อเห็นอย่างนั้นแซมก็โน้มตัวธามลงเพื่อให้สัมผัสกับมือของพ่อของเขาได้ ธามกำนิ้วมือของพ่อเขาไว้แล้วเรียกซ้ำ

“ปา”

“ปานอนหลับแล้ว ให้ปานอนนะ” แซมพูดกับธามเป็นภาษาอังกฤษ และธามก็เหมือนจะเข้าใจ ผมไม่รู้ว่าธามเข้าใจในสิ่งที่แซมพูดจริงไหม แต่ธามก็ยอมปล่อยมือ ก่อนโผเข้ากอดคอของแซมแน่น ระหว่างนั้นผมเห็นแม่กันต์น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่ตลอดเวลา ถึงจะพยายามซับออกเท่าไร แต่น้ำตาก็ยังคงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง พ่อของกันต์ยืนด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่มือยังคงลูบผมของร่างที่ไม่ไหวติง ส่วนน้องชายของร่างนั้นย่อตัวลงคุกเข่าข้างเตียงแล้วก้มกระซิบ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบปิดเปลือกตาของพี่ชายเขาที่ปิดไม่สนิทให้ปิดสนิทลง

และธารณ์ เจ้าตัวเล็กที่ผมอุ้มไว้ ซึ่งน่าจะเล็กเกินกว่าจะรู้เรื่องรู้ราวใด ๆ กลับเริ่มส่งเสียงสะอื้นขึ้นเบา ๆ จนแม่กันต์ต้องเดินเข้ามารับไปอุ้มไว้แทน แต่ธารณ์กลับไม่หยุดร้อง และยังเริ่มร้องหนักกว่าเดิม แม้แต่แซมที่รับไปอุ้มแทนก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ จนผมทดลองขอธารณ์กลับมาอุ้มเองอีกครั้ง

“มาอยู่กับปาแทนได้ไหมครับ อยู่กับปานะ” ให้เขามาอยู่กับผมนะครับ เสียงที่พูดออกไปเป็นเสียงที่ต้องการให้เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดได้ยิน และตามด้วยสิ่งที่นึกพูดอยู่ในใจ เพื่อหวังจะสื่อให้ใครอีกคนที่เพิ่งได้พบกันและจากไปได้รับรู้ ผมเรียกแทนตัวเองว่าปาอย่างที่ได้ยินธามเรียกพี่นท ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงพูดออกไปแบบนั้น แต่ผมก็พูดและพูดด้วยภาษาไทย แต่นั่นกลับทำให้ธารณ์หยุดร้อง

.
.
.


พิธีฝังศพถูกจัดขึ้นตามหลักศาสนาคริสต์ พี่นทและอลิสถูกฝังไว้คู่กัน งานทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาไม่กี่วัน ระหว่างที่ดำเนินพิธีผมและกันต์ ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของพี่นท ซึ่งมีแซมมาพักอยู่ก่อนแล้วเพื่อดูแลหลาน ส่วนพ่อกับแม่พักที่โรงแรมซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก

เสร็จจากพิธีฝังศพ กันต์ไปส่งพ่อกับแม่ที่โรงแรมก่อนจะกลับมาที่บ้านของพี่นท ขณะที่นั่งกินมื้อเย็นกันสามคน โดยแซมเป็นคนสั่งอาหารจีนจากร้านที่อยู่ใกล้ ๆ มาให้ กันต์กับแซมเรื่องการขอรับหลานทั้งสองคนกลับไปดูแลที่เมืองไทย ซึ่งเราสองคนเพิ่งปรึกษากันเรื่องนี้มาได้สองวันแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอความยินยอมจากแซมด้วย เพราะถ้าพูดกันตามจริงแล้วแซมก็เป็นญาติที่ใกล้ชิดกับหลานสองคนมากกว่าพวกผม

แซมเองทำท่าคิดหนักเรื่องนี้เพราะเขาเองก็ต้องการเลี้ยงหลานด้วยตัวเอง แต่ด้วยการงานของเขา อาจจะทำให้เขาต้องยอมสละงานที่รักทิ้งไว้ข้างหลัง และผมเชื่อว่าเขายอมที่จะสละความฝันของตัวเอง เพื่อหลานสองคนของเขาได้ แต่หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก แซมก็ยอมตกลงให้พวกผมรับหลานสองคนไปเลี้ยง โดยที่เขามีคำของ่าย ๆ แซมขอให้เรายอมให้เขาไปหาหลานที่เมืองไทยได้บ่อย เท่าที่เขาจะสามารถทำได้ และเมื่อเด็กทั้งสองคนโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ขอให้กันต์ส่งหลานไปอยู่กับเขาช่วงปิดเทอม ซึ่งเรื่องที่แซมขอมานั้นกันต์เองก็ไม่ขัด เพราะพวกผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะให้เด็กทั้งสองคนตัดขาดจากญาติใกล้ชิดเพียงคนเดียวของพวกแก และที่สำคัญผมรู้ว่าแซมเองรักหลานของเขามากแค่ไหน

ผมและกันต์ใช้เวลาอยู่ที่อังกฤษเพื่อเลี้ยงและทำความคุ้นเคยอยู่กับธามและธารณ์ รวมถึงจัดการเรื่องเอกสารต่าง ๆ ของหลานทั้งสองคนอีกเกือบสองอาทิตย์ โดยที่พ่อกับแม่บินกลับไปก่อนแล้ว ทั้งสองคนเดินทางกลับก่อนเพื่อจะกลับไปเตรียมของใช้ให้กับธามและธารณ์ ซึ่งผมและกันต์จะเป็นคนดูแลทั้งสองคนเองเอง เพราะธารณ์เองถึงแม้จะยังเล็กแต่กลับเลี้ยงง่าย ส่วนแซมหลังจากที่ยอมให้ผมและกันต์เลี้ยงหลานแซมก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านของพี่นทกับบ้านของเขาเองเพื่อเปิดโอกาสให้ผมกับกันต์ใช้เวลาอยู่กับหลาน

จนวันที่ผมจะพาธามและธารณ์กลับเมืองไทย แซมก็เป็นคนขับรถมาส่งพวกเราที่สนามบิน ระหว่างทางเขายังคุยกับพวกผมถามถึงเมืองไทยไปตลอดทาง แต่ทันทีที่เข้าเขตสนามบิน แซมเลือกที่จะเงียบ ซึ่งผมพอจะเข้าใจว่าเขากำลังรู้สึกแบบไหน พอถึงเวลาที่พวกเราจะต้องเดินทาง แซมอุ้มหลานสองคนไปกอดแน่นแล้วจูบลา ก่อนจะรีบส่งคืนให้พวกผมรับหลานมาอุ้ม แล้วรีบหันหลังเดินจากไป เมื่อกันต์พูดว่าเขาจะดูแลหลานให้ดีที่สุด

.........................................................................



“แค่หิวนมน่ะ กินนมอิ่มก็หลับ” ผมพูดบอกกันต์ที่หันมามองหน้าผม ระหว่างที่ผมสอดตัวลงใต้ผ้าห่มเพื่อเตรียมจะหลับต่อ

“อืม” กันต์ตอบรับก่อนขยับเข้ามานอนใกล้ ๆ แล้วหลับตาลง ถึงจะเป็นเวรผมที่ต้องทำหน้าที่ลุกไปดูจ้าตัวเล็กหากร้องขึ้นกลางดึก แต่กันต์ที่แม้จะไม่ได้ลุกไปดู ก็จะยังไม่หลับต่อหากผมไม่กลับมาบอกว่าที่เจ้าตัวเล็กร้องนั้นมีสาเหตุจากอะไร

.
.
.



“อา ปา” เสียงธามร้องเรียกแล้ววิ่งมาหาทันทีที่เห็นหน้าผมกับกันต์

“เป็นยังไงบ้างครับ ไปโรงเรียนวันแรก มาเล่าให้อาฟังหน่อยเร็ว” กันต์ย่อตัวลงรับธามที่วิ่งเข้ามาใส่ ก่อนอุ้มขึ้นแล้วพาเดินกลับไปที่รถ

“ซนหรือเปล่า” ผมถาม

“ไม่ซน” ธามตอบเสียงดังฟังชัด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย

“จริงหรอ” กันต์ถามย้ำ เปิดประตูแล้วส่งธามเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง ก่อนกลับมาเปิดประตูแล้วนั่งข้างคนขับ ซึ่งผมประจำตำแหน่งอยู่แล้ว

“จริงฮะ” ธามตอบ พร้อมโผล่หน้าเล็ก ๆ ที่มีผมสีน้ำตาลลงมาปรกหน้าผากเล็กน้อยมาระหว่างเบาะคู่หน้า วันนี้ธามมาโรงเรียนวันแรก ผมกับกันต์จึงมาทำหน้าที่รับส่งด้วยตัวเอง แต่อีกสักอาทิตย์ถึงให้คนอื่นมารับแทน

“ไปโรงเรียนสนุกไหมครับ” ผมถาม

“สนุกฮะ ธามมีเพื่อนใหม่ตั้งหลายคนเลยด้วย” เสียงธามเจื้อยแจ๊วตอบผม

“เก่งมากครับ” กันต์หันไปเอ่ยชมหลานชายตัวน้อย ผมเองก็อดโล่งใจไม่ได้ที่ธามไม่มีปัญหากับการไปโรงเรียน ส่วนกันต์เองก็คงโล่งใจยิ่งกว่าผม เพราะเขาดูจะกังวลอยู่ไม่ใช่น้อยกับการเข้าโรงเรียนวันแรกของหลานชาย

“วันนี้กินอะไรกันดี” กันต์หันไปถามธามที่ยังคนยื่นหน้ามาหา

“โคโระเกะฮะ ธามอยากกินโคโรเกะ” คนถูกถามตอบเสียงดังฟังชัด แถมเอาแก้มนิ่มเอียงไปซบแขนคนถามเป็นการอ้อน ช่างออดอ้อนออเซาะนักละเด็กคนนี้

“ต้องแวะซื้อของก่อน” กันต์หันมาบอกผม ผมเลยเปิดไฟเลี้ยวเตรียมเข้าซุปเปอร์ฯ ไปซื้อของ

“นานไหม” ธามหันมาถามผม

“ไม่นานครับ แป๊บเดียว คิดถึงน้องหรอ” ผมถาม เพราะรู้ว่าธามติดน้องขนาดไหน

“คิดถึงฮะ” ธามตอบ

“ถ้าอย่างนั้นเรารีบซื้อของ แล้วกลับไปหาน้องธามกัน” กันต์พูดก่อน จะเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินไปด้านหลังเพื่อเปิดประตูรับธามลง ก่อนที่เราสามคนจะรีบพากันเดินไปซื้อของโดยใช้เวลาน้อยที่สุด

------------------------------------------------------

และแล้วก็เดินทางมาถึงตอนจบของเรื่อง รักคือ... รัก
แต่ยังไงก็จะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกันต่อเรื่อย ๆ และยังมีภาคต่อค่ะ

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ให้การตอบรับนิยายของกวางมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ

 :pig4:
 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 01-10-2013 21:19:30
 :z13: เดี๋ยวจะกลับมาเม้นนะคะ แต่งงมากๆเลยค่ะ คุณกวางเพิ่งกลับมาต่อนิยายได้ไมาเท่าไหร่ จบซะอย่างนั้น งื้อออออ
ตอนนี้ขอไปอ่านก่อนนะคะ

ปล.ยังไงก็รับพิจารณาเรื่องรวมเล่มไว้ด้วยนะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 01-10-2013 22:19:50
ใจหายจัง ชอบนิยายเรื่องนี้ม๊ากกก ตามมาตั้งแต่โพสตอนแรกๆเลย
แต่เห็นว่ามีภาคต่อก็โล่งใจค่ะ รอติดตามต่อไป  :mew1:

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 01-10-2013 22:43:35
ถึงคุณ narunarutoboyz
ที่จริงคิดถึงตอนจบไว้นานมากแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะต่อยาวกว่านี้ก่อนค่อยจบ
แต่คิดอีกที ตอนนี้ทุกอย่างก็สมบูรณ์ในระดับหนึ่งแล้ว เลยตัดจบที่ตรงนี้
และอยากเริ่มในภาคต่อไป ให้ตัวละครทุกตัว เนื้อหาต่าง ๆ มีพัฒนาการที่มากขึ้น
ก็ลองอ่านทบทวนเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นมาเหมือนกัน ยอมรับว่าก็ยังเป็นมือใหม่มาก ๆ อยู่
เลยตั้งใจว่าในภาคต่อไปจะทำให้ดีขึ้น รวมถึงตั้งใจว่าจะปรับปรุงเนื้อหาในภาคแรกด้วย

ส่วนเรื่องการรวมเล่ม คงต้องลองถามจากผู้อ่านว่ามีใครสนใจมากน้อยแค่ไหน จะได้ตัดสินใจถูก
เพราะไม่มีประสบการณ์ตรงนี้อีกเหมือนกัน แต่จะลองหาข้อมูลไว้ก่อน
ถ้ารวมเล่ม เนื้อหาคงถูกปรับปรุงใหม่ด้วย เพื่อให้อ่านสนุกมากขึ้น (ไม่รวมเล่มก็ปรับปรุงอยู่ดี)

ถึงคุณ nn~~NN
ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ ที่ตามอ่านกันมาตั้งแต่ต้น (จำได้ค่ะ ดีใจมาก ๆ เวลาเห็นคอมเม้นท์)
ไม่น่าเชื้อว่าจะผ่านมาสามปีกว่าแล้วไวมาก ยังไงก็ฝากให้ช่วยติดตามกันต่อด้วยนะคะ

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านจากใจค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-10-2013 22:55:12
ใจหายเล็กน้อยที่เห็นคำว่าจบ
รวมเล่มเถอะนะ  เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสบายใจค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 01-10-2013 23:20:51
จบแล้ว

ขออีกสักนิดนะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 01-10-2013 23:40:04
สนรวมเล่มค่าา ทำรวมเล่มภาคแรกก่อนก็ได้ แล้วพอภาคสองจบก็ทำรวมเล่มภาคสอง >< อยากได้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 01-10-2013 23:45:26
ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ   :hao5: :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 02-10-2013 08:33:27
จบซะแล้ว แต่บอกมีภาคต่อค่อยใจชื้นหน่อย
ชอบที่จะอ่านเรื่องนี้ เพราะอ่านแล้วสบายใจจริง ๆ   
ถึงจะมีดราม่าบ้าง แต่โดยรวมแล้วอ่านแล้วยิ้มได้มากกว่า

รอรวมเล่มนะ อยากให้ทำ ยกมืออยากได้ด้วยอีกคน
และจะรออ่านภาคต่อไปด้วย คิดว่าหลานสองคนต้องสร้างสีสันได้มากแน่ ๆ เลย

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 02-10-2013 10:43:50
ไม่อยากให้จบเลย ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวอันอบอุ่น
ขออ่านตอนพิเศษด้วยนะ
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 02-10-2013 11:26:22
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2013 01:54:19
จะมีตอนพิเศษให้ได้อ่านกันใช่ไหม
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-10-2013 09:02:23
จะมีตอนพิเศษให้มั้ยนะ ~
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-10-2013 00:09:34
วันหยุดงาน นั่งอ่านทั้งวันเลยจริงๆ จนจบ!!!
ชอบแนวนี้จริงๆ มีดราม่า แต่ไม่เยอะ (เพราะส่วนตัวไม่ชอบ) อิอิ
น้องธาม น้องธารณ์มาตอนท้าย น่ารักจัง เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว ^^

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 04-10-2013 15:40:55
แล้วก็มาถึงตอนจบแล้ว แอบใจหายเล็ก ๆ
จะรออ่านภาคต่อไปและตอนพิเศษนะจ๊ะ
 :L1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 04-10-2013 19:19:24
รักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ
จบลงไปอย่างสมบูรณ์
กับคู่รักคู่นี้ :L1:
+1และเป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-10-2013 22:34:32
เห็นตอนจบแล้วตกใจ  แอบใจหายเหมือนกันนะเนี่ย อ่านมาตั้งนาน   :mew6:

แต่จบแบบนี้อยากให้มีตอนพิเศษ หรือไม่ก็ภาคต่อของเด็กๆ เลยอะ  :กอด1:

ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายสนุกๆ เรื่องนี้  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-10-2013 22:00:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 12-10-2013 01:44:21
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่แต่งเรื่องราวดีมาให้อ่านกัน ชอบมากค่ะ รอตอนพิเศษอยู่นะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: ninemilky ที่ 12-10-2013 17:48:16
อ่านมาตั้งนาน จบแล้วหรอเนี่ย  :mew2:
อยากให้มีต่อจังเลยนะค่ะ 
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 12-10-2013 18:16:02
จบแล้วเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-10-2013 23:23:44
คนแต่งชอบกินกุ้งแน่เลย (เกี่ยวมั้ย 55555)
เรื่องน่ารักมาก เราชอบที่คู่นี้เค้ามั่นคง
ไม่คิดมาก ไม่วอกแวก ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: fangkao ที่ 13-10-2013 23:54:03

http://www.youtube.com/v/3cLLMo8uax8
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-10-2013 11:18:43
น่ารักมากเลยเด็กน้อยทั้งสองคน ใจหายแฮะพอถึงตอนจบ
แต่คนแต่งน่ารักบอกว่ายังไงก็มีตอนพิเศษ
เราจะรออย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่หวานชื่นของคู่นี้  :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 20-10-2013 21:41:22
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนจบ) p. 71 1-10-13
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 01-03-2014 16:38:08
ตอนพิเศษ สองแสบ

“คุณกรชอบทานอาหารประเภทไหนคะ นิจะได้แนะนำให้ถูก แต่จริงๆ ร้านนี้ก็อร่อยทุกอย่างนะคะ นิรับรองว่าคุณกรจะต้องไม่ผิดหวัง”

“คุณนิสั่งเลยแล้วกันครับ คุณนิน่าจะรู้จักเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ดี”

“ถ้าอย่างนั้นนิขออนุญาตสั่งให้เลยแล้วกันนะคะ”

“ครับ เอ่อ คุณนิครับ ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ”

“ค่ะ ตามสบายเลยคะ”

“ว่ายังไงครับ” ผมรับสาย

“ปาอยู่ไหน” ปลายสายถามสวนกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงผม

“อยู่ที่ร้านอาหารครับ กินข้าวเสร็จปาก็จะกลับแล้ว” ผมรายงานปลายสายที่ตั้งตัวเป็นผู้คุมผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงปลายสายโทรมาหาแบบนี้ทุกวัน

“ปากินข้าวกับใคร” ปลายสายยังตั้งป้อมสอบสวนต่อ แต่ผมกลับไม่เคยรำคาญไม่ว่าอีกฝ่ายจะถามเซ้าซี้มากแค่ไหน เพราะแค่นึกถึงหน้าคนถามผมก็อารมณ์ดีแล้ว จนรู้สึกสนุกด้วยซ้ำเวลาโดนซักแบบนี้

“ปามากับลูกค้าครับ” ผมตอบ แล้วเดินไปนั่งลงบนม้านั่งในสวนที่ทางร้านจัดไว้ทางด้านข้างของร้าน ร้านนี้สร้างเป็นเรือนไทยตั้งอยู่กลางสวน ตัวเรือนที่ทำเป็นร้านอาหารไม่ได้ใหญ่มาก แต่พื้นที่รอบตัวเรือนกลับกว้างขวางมากและปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้อย่างร่มรื่น ด้วยบรรยากาศที่ตกแต่งสวนทำให้ผมอดนึกถึงบ้านของย่าของกันต์ที่เชียงใหม่ไม่ได้ ตั้งแต่ปู่กับย่าเสียไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมกับกันต์ก็ขึ้นไปดูบ้านบ้างสลับกับพ่อแม่ของกันต์ที่จะขึ้นไปเกือบทุกเดือน

“ไปกี่คน” ปลายสายตั้งคำถามมาเรื่อย จนผมอดนึกจินตนาการไปถึงหน้าคนถามไม่ได้ ถ้าเดาไม่ผิดตอนนี้ต้องนั่งขัดสมาธิกินขนมอยู่หน้าโทรทัศน์ ระหว่างที่คุยโทรศัพท์กับผมไปก็นั่งดูซีรี่เรื่องโปรดที่ตามดูแบบขาดไม่ได้ทุกเย็นไปด้วย แก้มขาวๆ คงป่องพองลมเป็นบางเวลาหากได้ยินคำตอบที่ไม่น่าพอใจจากผม

“สองคนครับ” ผมตอบ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ปลายสายถามอีก ถึงผมจะรู้ว่าจะถูกถามอะไรบ้างอยู่แล้วและแทบจะสามารถรายงานไปได้อย่างครบถ้วนในคราวเดียว แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ทำ ปล่อยให้ปลายสายถามมาแล้วผมตอบไปสนุกกว่า

“ผู้หญิงครับ” ผมตอบ

“แล้วทำไมต้องไปสองคน คนอื่นไปไหนหมด” ปลายสายถามเสียงห้วน

“ไม่ได้ตั้งใจมาแค่สองคนครับ เดี๋ยวกลับไปแล้วปากลับไปเล่าให้ฟังโอเคไหม” ผมตอบ ไม่มีครั้งไหนหรอกที่ผมจะมานั่งกินข้าวกับลูกค้าสองต่อสองไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ครั้งนี้มันเหตุสุดวิสัยจริงที่ที่ทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นมาไม่ได้

“สวยไหม” ปลายสายถามต่อ

“สวยครับ สวยมากด้วย” ผมตอบตามจริง แต่ถึงจะสวยผมก็ไม่ได้สนใจอะไร

“แล้วปาชอบไหม”

“ไม่ชอบครับ”

“ดีมาก”

“ฮ่าๆ ครับ” ผมหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำพูดจากปลายสาย

“ปากินข้าวที่ร้านไหน” ปลายสายยังคงซักต่ออย่างไม่รู้จากเหน็ดจากเหนื่อยไม่รู้ว่าจะดูซีรี่เรื่องโปรดรู้เรื่องไหมเพราะเอาแต่คุยกับผมแบบนี้

“เรือนมธุรสครับ” ผมตอบ แล้วลุกจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่าออกมานานพอสมควรแล้ว ตามมารยาทผมไม่ควรปล่อยผู้ร่วมโต๊ะไว้ตามลำพังจนนานเกินไป

“อีกหนึ่งชั่วโมงถ้าโทรหาไปแล้วปายังไม่ออกมาจากร้านจะส่งคนไปรับนะ” ปลายสายสั่ง

“ครับผม แล้วอากลับถึงบ้านหรือยัง” ผมถามถึงใครอีกคน ที่วันนี้ยังไม่ได้เห็นหน้ากันเพราะอีกฝ่ายออกไปต่างจังหวัดตั้งแต่เช้ามืด

“ถึงแล้วครับ  อากำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว เดี๋ยววางสายแล้วจะไปช่วยอา แต่มาโทรหาปาก่อนจะได้ไปบอกอาว่าปาอยู่ไหนทำอะไร อาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ครับผม ถ้าอย่างนั้นปาวางสายก่อนนะ รีบกินจะได้รีบกลับ” ผมพูด ก่อนวางสายเมื่อเดินใกล้จะถึงโต๊ะ
.
.
.

“นิสั่งไปสี่อย่างนะคะ มีกุ้งแม่น้ำทอดกระเทียม ต้มยำกุ้งกับมะพร้าวอ่อน ไก่ห่อใบชะพลูทอด แล้วก็แกงเลียงหัวปลี คุณกรทานได้นะคะ” คุณนิเอ่ยปากถามทันทีที่ผมกลับมานั่งที่โต๊ะ

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ผมตอบรับ แล้วยิ้มให้ตามมารยาท ก่อนจะถูกชวนคุยไปเรื่อยๆ ระหว่างนั่งรออาหาร ด้วยประโยคและท่าทางระหว่างนั่งคุยกันผมก็พอดูออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับผมบ้างโดยที่ผมคิดว่าผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนมากเกินไป

อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับกันต์ที่ถึงแม้จะผ่านมาหลายปี แต่ก็ผ่านมาแบบไม่ได้มีคนภายนอกครอบครัวรับรู้มากนัก คนภายนอกที่มองเห็นผมก็เลยไม่ได้รับรู้ว่าผมมีคนรักอยู่แล้วแม้แต่กันต์เองก็ไม่มีใครรู้ว่าเค้าอยู่กับผม เลยมีหลายครั้งหลายหนที่มีคนพยายามทำความรู้จักและเข้าหา ซึ่งผมเองก็ได้แต่รับรู้และปล่อยให้ผ่านเลยไปเพราะถือคติที่ว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง แต่พักหลังมานี่คนที่บ้านกลับไม่ค่อยยอมอยู่เฉยๆ เท่าไร

ผมใช้เวลานั่งกินข้าวและพูดคุยกับลูกค้าอีกพักใหญ่ หลังจากผมชวนคุยเข้าเรื่องงานได้เลยคุยกันติดพัน ด้วยอีกฝ่ายค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับงานจนผมเองยังนึกชม พอเข้าเรื่องงานได้เลยคุยกันยาว แต่สงสัยจะยาวเกินไปจนโทรศัพท์ผมมีสายเข้าและเมื่อเห็นว่าเป็นใครนั่นแหละผมถึงได้รู้ตัวว่าใช้เวลาไปครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

“ครับ” ผมรับสาย แต่คราวนี้ไม่ได้ขอตัวลุกออกไปคุยอย่างเคยเพราะคงคุยไม่นาน แค่บอกว่าจะกลับแล้วปลายสายก็น่าจะไม่คุยอะไรต่อ

“ปาออกมาหรือยัง” ปลายสายถาม

“อีกเดี๋ยวเดียวครับ ไม่เกินสิบนาที” ผมตอบ ผมเรียกพนักงานในร้านมาคิดเงินแล้ว พอเสร็จก็จะออกจากร้านเลย

“ครับ” ปลายสายรับคำก่อนตัดสายไป

“คุณกรมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่าคะ” คุณนิถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังเดินออกนอกร้านเพื่อไปยังร้านจอดรถ

“ไม่ครับ ผมว่าจะกลับบ้านเลย” ผมตอบ

“ถ้าอย่างนั้นไปหาอะไรดื่มต่อกันไหมคะ เป็นร้านของเพื่อนนิเองอยากให้คุณกรลองไปดูเพื่อวันหน้าจะได้ไปใช้บริการดูบ้าง เพื่อนนิจะได้มีลูกค้าเพิ่ม” อีกฝ่ายเอ่ยปากชวน แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้ตอบคำถามนั้นเองแล้ว

“ปาอย่าลืมสิว่าวันนี้เรามีนัดกัน” เสียงของคนที่นั่งรออยู่ตรงม้านั่งหน้าร้านลุกขึ้นมาตอบแทนผม อันที่จริงตอนเดินออกมาผมก็เห็นแล้วล่ะว่ามีใครนั่งรออยู่ แต่ผมกับเขาต่างยังไม่มีใครทักใครเพราะผมเองก็อยากจะรู้ว่าคราวนี้อีกคนจะใช้ไม้ไหน

“ไม่ได้ลืมก็นัดที่บ้านปาก็กำลังจะกลับบ้านนี่ไง” ผมตอบ

“แล้วไป” คนที่มารอผมตอบก่อนจะมองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ข้างผม ก่อนยกมือไหว้ตามมารยาทของคนที่อ่อนวัยกว่า ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างผมก็รับไหว้อย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าคนที่ไหว้เธอเป็นใครมาจากไหน

“ผมธามครับเป็นลูกชายคนโตของปา ผมขอพาตัวปากลับบ้านเลยนะครับ วันนี้ปานัดกับผมแล้วก็น้องไว้ว่าจะกลับไปเล่นเกมด้วยกัน ป่านนี้น้องชายผมรอแย่แล้ว” คนที่มารอผมเอ่ยแนะนำตัวเองว่าเป็นใครก่อนพูดรวบรัดตัดความจนคุณนิได้แต่ยืนฟังแบบตั้งตัวไม่ถูก

“เอ่อ คุณกรมีลูกโตขนาดนี้แล้วหรอคะ ไม่เห็นมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย” คุณนิเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอเอ่ยถามขึ้น

“ครับ นี่ธามลูกคนโตส่วนอีกคนชื่อเจ้าธารณ์ คนที่โทรตามผมเมื่อตะกี้นั่นแหละ”

“ถ้าอย่างนั้นนิขอตัวกลับเลยแล้วกันนะคะ” อีกฝ่ายรีบพูดขอตัว

“ครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ” ผมพูด ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบเดินจากไป

“คราวนี้แสดงตัวเลยหรอ” ผมหันไปพูดกับเจ้าธาม

“แล้วจะว่าไหมล่ะ” เจ้าจอมแสบถามกลับมา แล้วยักคิ้วใส่แบบกวนๆ

“ว่าทำไมเรื่องจริง ก็ธามเป็นลูกปานี่” ผมพูดแล้วเอามือขยี้ผมลูกชายที่ยืนอยู่ข้างหน้า ก่อนยกแขนขึ้นพาดไหล่แล้วพาเจ้าลูกชายเดินออกจากร้าน

“แล้วนี่ออกมายังไง” ผมถาม

“ลุงสินมาส่ง เดี๋ยวกลับกับปา”

“เจ้าตัวแสบส่งมาล่ะสิ โทรหาน้องซะป่านนี้นั่งรอโทรศัพท์อยู่แล้วมั้ง” ผมถามต่อ ก่อนจะส่งโทรศัพท์ไปให้ธามโทรหาธารณ์

“มีอยู่คนเดียวก็เจ้าลูกชายสุดรักสุดหวงของปานั่นแหละ ไม่รู้จะหวงปาอะไรนักหนา พอธามบอกว่าเดี๋ยวปาก็กลับมา มันก็ไม่ยอมจะให้ธามออกมาให้ได้ ธามเลยต้องออกมา โคตรดื้อพูดก็ไม่รู้เรื่องแต่ให้ออกมาเองมันก็ไม่มา“ เจ้าธามบ่นน้องตัวเอง แต่ก็ยอมกดโทรศัพท์ไปหาน้อง 

“กำลังจะกลับ เอาอะไรไหมเดี๋ยวซื้อไปให้” ผมปล่อยให้สองพี่น้องเขาคุยกันไป ระหว่างที่ตัวเองทำหน้าที่ขับรถ กับเจ้าธามถึงจะทำเป็นบ่นน้อง แต่ถึงเวลาก็เป็นตัวเองนี่แหละที่ตามใจน้องรักน้องยิ่งกว่าใคร

“ขนมในตู้เย็นก็ยังมีเยอะแยะ จะซื้อทำไมอีก” เสียงธามพูดโทรศัพท์กับน้อง

“เออๆ ซื้อก็ซื้อ แต่ถ้ากินไม่หมดนะ คราวหลังจะไม่ซื้อให้อีก”

“แล้วอาเอาอะไรไหม”

“อืม ได้ โอเค”

“ว่าไงธารณ์จะเอาอะไร” ผมถามธามหลังจากที่วางโทรศัพท์จากธารณ์ไปแล้ว

“ธามเอาเอแคลร์กับเค้กชาเขียว ส่วนอาให้ซื้อขนมปังไว้กินพรุ่งนี้เช้า” ธามตอบกลับมาก่อนเปิดวิทยุในรถฟัง

ตอนนี้ธามอายุสิบเจ็ดย่างสิบแปดกำลังเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะให้เจ้าตัวเขาไปเรียนที่อเมริกาเพราะลุงเขาอยู่ที่นั่น แต่เจ้าตัวเขาอยากเรียนที่เมืองไทยแล้วค่อยไปต่อโทที่นั่น ผมกับกันต์เลยไม่ได้ขัดใจอะไร ส่วนเจ้าธารณ์ตอนนี้สิบหกเรียนอยู่เกรดสิบ แล้วเจ้าคนนี้แหละที่เป็นตัวแสบของบ้าน สองคนพี่น้องอายุห่างกันไม่ถึงสองปีแต่ไม่รู้นิสัยทำไมถึงเหมือนห่างกันสักห้าปีหรือเป็นเพราะเป็นลูกคนเล็กด้วยก็ไม่รู้ เจ้าธารณ์เลยติดนิสัยเอาแต่ใจหน่อยๆ ส่วนธามจะเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะอย่างไงตลอดเวลาที่ผมกับกันต์เลี้ยงสองคนนี้มาก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เด็กสองคนจะสร้างเรื่องลำบากใจให้ มีแต่จะทำให้ผมภูมิใจ

“เนี่ยถ้าธารณ์ไม่ส่งพี่ธามไปรับป่านนี้ปาก็ยังไม่กลับ” พอผมมาถึงบ้านเจ้าธารณ์ก็รีบเดินมาหา

“ใครว่าถึงพี่ธามไม่ไปปาก็กำลังจะกลับอยู่แล้ว”

“แล้วอาอยู่ไหน นอนแล้วหรอ” ผมถามถึงกันต์ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกคำที่ใช้เรียกแทนตัวผมกับกันต์ก็ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งสองคนจะเรียกผมว่าปา แล้วเรียกกันต์ว่าอาตามศักดิ์ แต่ก็เรียกแค่อาเฉยๆ ไม่ได้เรียกว่าอากันต์ เพราะติดมาแต่เด็กพอโตก็ไม่ได้เปลี่ยนเรียกมายังไงก็ปล่อยให้เรียกกันไปอย่างนั้น

“อาเข้าไปอาบน้ำเดี๋ยวออกมา” เจ้าตัวแสบรายงาน ก่อนยืนมือไปรับถุงขนมที่พี่ชายตัวเองซื้อมาให้

“ขอบคุณ” ธารณ์พูดก่อนจะแกะถุงขนม

“แล้วนี่การบ้านเสร็จแล้วหรือยังมานั่งเล่นเกม” ผมถาม ก่อนจะหยิบจอยเกมที่ว่างอยู่อีกอันขึ้นมาเตรียมเล่นแข่งกับลูกคนเล็ก

“เสร็จแล้ว โธ่ มือชั้นนี้แล้ว ไม่มีงานค้าง ไม่มีลอกการบ้าน ปาสบายใจได้หายห่วง” เจ้าตัวแสบตอบกลับมา ก่อนกดเริ่มเกม

“เฮ้ย! ปาอย่าขนรถธารณ์สิ ปาขี้โกง” เสียงเจ้าตัวแสบโวยวายระหว่างเล่นเกม พวกผมสี่คนมักเล่นเกมส์ด้วยกันประจำช่วงวันศุกร์เสาร์เพราะนอนดึกได้ ก็ผลัดกันเล่นใครแพ้ก็ออก แต่ถ้าวันธรรมดาเด็กสองคนจะเล่นบ้างผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่รับผิดชอบงานที่โรงเรียนให้เรียบร้อยก่อนมาเล่น แล้วทั้งสองคนก็ทำให้เห็นว่ารับผิดชอบตัวเองได้ด้วยผลการเรียนที่ไม่เคยตก

“เป็นไงลูกชายไปตามกลับมา” กันต์ถาม แล้วเดินมานั่งด้วย

“ท่าจะชายไม่ออกแล้ว ก็เล่นไปประกาศว่ากรมีลูกโตแล้วซะขนาดนี้” ผมตอบ แต่ตาก็ยังไม่ได้ละจากเกมที่เล่นอยู่

“จริงดิพี่ธาม” เจ้าตัวแสบถึงกับหยุดเล่นเกมส์แล้วหันไปซักพี่ชาย

“จริง ก็ย่าบอกให้พูดไปเลยว่าปามีลูกแล้วคนอื่นจะได้ไม่มายุ่ง” ธามพูดเฉลย ส่วนย่าที่ธามว่าคงเป็นแม่ผมนี่แหละ ธามกับธารณ์จะเรียกพ่อกับแม่ของผมว่าปู่กับย่าเหมือนกัน สองคนนี้เลยมีย่าสองคนปู่สองคน

“ถ้าอย่างนั้นพี่ธามต้องโทรกลับไปบอกย่าแล้วว่าวิธีนี้ได้ผล” เจ้าธารณ์รีบพูด

“ได้เป็นข่าวแน่ คุณกวินท์กร แอบซุกลูกชายสองคน แถมยังโตเป็นหนุ่มแล้ว” กันต์เอ่ยแซว

“แต่ถ้าเขาถามหาแม่จะตอบยังไงล่ะเนี่ย” ผมถามเล่นๆ

“ปาก็ตอบไปเลยว่าแม่เด็กชื่อกันต์แค่นั้นแหละง่ายนิดเดียว” ธามตอบหน้าตาย แบบไม่ในใจเลยว่าถ้าตอบไปแล้วจะต้องเจอกับอะไร

“ลองดูอาจะหักเงินเดือนให้เหลืออาทิตย์ละสองร้อย” กันต์พูดขู่ มานิ่งๆ

“ก็ถ้าธามโดนหักเงิน ธามก็ไปขอเงินจากปาไง ธามรู้ว่าถ้าธามตอบไปแบบนั้นปาก็ไม่ว่าธามหรอก ใช่ไหมปา” เจ้าธามหาพวก แล้วพวกของธามก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นผม

“เดี๋ยวธารณ์ให้เงินพี่ธามด้วย” เจ้าตัวแสบรีบเสนอ

“เออ เอาเลยหักเงินมันทั้งสามคนพ่อลูกนั่นแหละ ข้าวเย็นก็จะไม่ทำให้กิน” กันต์งัดไม้เด็ดออกมาขู่
 
“โหย อาอ่ะ ธามก็แค่ล้อเล่นเอง อย่าโกรธดิ” เจ้าธามเริ่มอ้อน

“เฮ้ย! โกงปานิ” ผมโวยวายเจ้าตัวแสบที่แอบกดเริ่มเกมโดยที่ไม่บอกให้ผมรู้ตัวก่อน

“ก็ปาโกงธารณ์ก่อน ไม่รู้ล่ะ” เจ้าธารณืหันมายิ้มเผล่ใส่ผมก่อนจะเอาชนะผมได้ ผมเลยต้องผลัดให้ธามมาเล่นต่อ

“จะไปนอนแล้วหรอ” กันต์ถามผม เมื่อผมลุกขึ้น

“เปล่า ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวออกมา” ผมตอบแล้วลุกไปอาบน้ำ

ก่อนที่ผมจะเดินออกไป ผมหันกลับมามองภาพคนสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาสามคนมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เขาสามคนทำให้ผมกล้าพูดได้เลยว่า ผมเป็นคนที่โชคดีมากจริงๆ พวกเขาเข้ามาเติมเต็มชีวิตของผม จนผมไม่ต้องดิ้นรนไปไขว่ขว้าหาอะไรอีกแล้ว ผมอยากขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทำให้ผมมาเจอกับพวกเขา ขอบคุณ

....................................................
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 01-03-2014 19:34:41
แสบจริงๆ ฮ่าาาาาา
แต่น่ารักมากๆๆๆ  :กอด1:
เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้วเนอะ

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-03-2014 20:05:12
เด็กน้อยโตเป็นหนุ่มกันแล้ว คิดถึงๆๆ  :mew1:

อยากให้แต่งเรื่องของเด็กๆบ้าง จะได้หรือเปล่าค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 01-03-2014 20:22:51
ครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-03-2014 22:35:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 01-03-2014 22:47:35
โตเป็นหนุ่มแล้ว แถมแสบทั้งคู่ แต่มันก็ทำให้ครอบครีวมีสีสันขึ้นเยอะเลย  :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 01-03-2014 22:59:58
น่ารักมากๆ ขอบคุณจริงๆที่มาต่อนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-03-2014 03:58:59
ครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 02-03-2014 17:51:04
ดีใจจัง มาต่อให้ทั้งสองเรื่องเลย เรื่องนู้นก็น่ารักเรื่องนี้ก็น่ารัก อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 02-03-2014 22:36:26
อยากอ่านภาคต่อเร็วๆ จังเลย จะเป็นภาคของธามกับธารณ์ตอนโตรึเปล่านะ
ถ้าใช่คงต้องสนุกมากแน่ๆ เพราะแสบกันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 03-03-2014 00:07:27
น่ารัก น่ารักสุดๆ
อยากอ่านอีก
+1
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 03-03-2014 13:45:34
น่ารัก อบอุ่นมากๆ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 04-03-2014 20:37:04
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 06-03-2014 20:55:16
อบอุ่น สนุก แล้วก็ซึ้งมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 07-03-2014 17:24:26
เรื่องนี้สนุกนะ  น่ารักดี รอดตาไปได้งัยเนี่ย

กันต์กร เรียกว่าคู่รักในฝันได้เลย
 :pig4: นักเขียนค่ะ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 12-03-2014 12:36:08
แสบกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย :z2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 20-03-2014 10:03:07
รู้สึกว่าจะมีเคะ(คู่รอง)เข้ามาบ่อยจัง ทั้งปานทั้งรัก คือมีแต่เคะไม่มีเมะเลย อ่านแล้วมันรู้สึกหวงกรนิดๆ ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันมั้ย

โดยเฉพาะส่วนใหญจะมาสนิทกับกรมากกว่าทางกันต์ซะอีกทั้งที่เป็นญาติเป็นเพื่อนบ้านฝ่ายกันต์แท้ๆ แต่ดูมีเรื่องราวกับกรเยอะกว่าอีก

ทั้งรักทั้งป่าน แล้วกรก็มีบรรยายว่าหน้าตาน่ารักงู้นงี้ อ่านแล้วมัน..ไม่รู้สิ 555555

ทำไมไม่เป็นฝั่งกันต์ที่เป็นคนเล่า 55555

เหอๆ พาลทำให้อ่านแล้วไม่ค่อยปลื้มกับบรราดาเคะๆที่เข้ามานักถึงแม้จะบอกว่าไม่มีอะไรเกินเลย เพราะคู่กับคนอื่นก็เถอะ

ทำไมไม่เมะมาสนิทกับกันต์มั่งอ่ะ 555555


อ่านใกล้ทันจบแล้ว ไปอ่านต่อก่อน เหอๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 20-03-2014 22:28:56
เอาล่ะ อ่านจบแล้ว คอมเม้นบ้าง หุหุ


อ่านจนขยับตอนขึ้นมาอีักก็พบว่า รักกับกสนิทกันเกินไปนะ 55555

แบบมีเรื่องอะไรทำไมเป็นฝ่ายกรเป็นคนเล่าหมดเลยอ่ะ ไม่มีกันต์เล่าเลย

ดูกันต์เป็นคนนอกไปเลย เหมือนสนิทกันอยู่สองคน แล้วชอบมีบรรยายแบบรักน่ารักอย่างนู้นยิ้มทีละลาย

คือไม่ชอบอ่ะ แบบอ่านแล้วไม่ชอบรักเลยทั้งที่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เหอๆ แต่คือ สนิทกับกรมากไปมั้ย

มาก็เริ่มมาจากทางฝั่งกันต์นะ

กันต์เป็นคนไม่หวงไม่คิดเล็กคิดน้อย ถ้ากลับกัน เป็นเรื่องจริงแล้วกันต์ไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นหนุงหนิงขนาดนี้กรคงไม่ชอบใจ



ดูแล้วกรป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจในเรื่องเซกซ์นะ ถึงจะบอกว่าถามทุกครั้งว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ก็ลงมือทำก่อนทุกที
เหมือนจะไม่ได้บังคับ แต่ก็ทำไปแบบเนียนๆ

หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-03-2014 00:27:48
เอาล่ะ อ่านจบแล้ว คอมเม้นบ้าง หุหุ


อ่านจนขยับตอนขึ้นมาอีักก็พบว่า รักกับกสนิทกันเกินไปนะ 55555

แบบมีเรื่องอะไรทำไมเป็นฝ่ายกรเป็นคนเล่าหมดเลยอ่ะ ไม่มีกันต์เล่าเลย

ดูกันต์เป็นคนนอกไปเลย เหมือนสนิทกันอยู่สองคน แล้วชอบมีบรรยายแบบรักน่ารักอย่างนู้นยิ้มทีละลาย

คือไม่ชอบอ่ะ แบบอ่านแล้วไม่ชอบรักเลยทั้งที่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เหอๆ แต่คือ สนิทกับกรมากไปมั้ย

มาก็เริ่มมาจากทางฝั่งกันต์นะ

กันต์เป็นคนไม่หวงไม่คิดเล็กคิดน้อย ถ้ากลับกัน เป็นเรื่องจริงแล้วกันต์ไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นหนุงหนิงขนาดนี้กรคงไม่ชอบใจ



ดูแล้วกรป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจในเรื่องเซกซ์นะ ถึงจะบอกว่าถามทุกครั้งว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ก็ลงมือทำก่อนทุกที
เหมือนจะไม่ได้บังคับ แต่ก็ทำไปแบบเนียนๆ



ขอบคุณคุณปุยหมาม่วงที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้และขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ
(ดูเป็นประโยคนางงามมาก แต่ขอบคุณจริงๆ ค่ะ รวมถึงผู้อ่านทุกคนด้วยค่ะ)

มาคิดตามคอมเม้นของคุณปุยหมาม่วง แล้วก็เหมือนจะได้กลับมาทบทวนอะไรบางอย่าง
จนนึกไปถึงตอนที่เริ่มจะแต่งเรื่องนี้

ตอนที่วางพลอตเรื่องนี้ก็วางนิสัยตัวละครของกันต์กับกรไว้คร่าวๆ เนื้อเรื่องก็วางไว้แค่หยาบๆ
แค่เริ่มต้นยังไง แล้วจะลงท้ายยังไง ส่วนระหว่างทางเดินเรื่องนั้นก็ด้นสดเอา

อย่างที่เห็นคือ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เล่าจากทั้งสองฝั่ง ซึ่งมาจากคนแต่งคนเดียวกัน (ก็แน่สิ แต่งคนเดียวนิ)
แล้วระหว่างที่แต่งก็บอกเลยว่า นิสัยของตัวละครก็มาจากคนแต่งนี่แหละ ไม่ได้มีต้นแบบจากไหนเลย
(ยกเว้นเรื่องบนเตียงนะ จินตนาการล้วนๆ เพราะประสบการณ์เป็น 0)

พออยู่ในฝั่งกรก็จะเป็นด้านที่ดูอบอุ่น น่าเข้าหา ส่วนกันต์จะดูนิ่งกว่า จนเกือบดุในบางที
เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราเป็นใครสักคนในเรื่องและมีเรื่องที่อยากจะเล่าให้ใครสักคนฟังก็คงเลือกเข้าหากร

มันก็มาจากความคิดเราอีกนั่นแหละ จริงอยู่ที่รู้จักกันต์ก่อน แถมรู้จักตั้งแต่เด็กอีก ก็น่าจะไว้ใจกันต์ แล้วเล่าให้กันต์ฟังสิ
แต่เราดันเลือกเข้าหากร เพราะคิดว่ากันต์ดูดุไปนิดนึง เลยไม่กล้าเล่าอะไร กลัวอ่ะ
ความรู้สึกคือกันต์เป็นพี่ชายที่เป็นต้นแบบเป็นไอดอล เพอร์เฟค
พอจะเล่าเรื่องอะไรที่มันแบบเป็นเรื่องที่ไม่เป็นการเป็นงาน เลยเกรงๆ หันไปหากรดีกว่า

มันก็มีที่มาอย่างนี้แหละ แต่พอมาคิดตามคุณปุยหมาม่วง ก็เออเนอะ
พี่กันต์ของเราจะแอบหวงบ้างไหมนะหรือจะรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนนอกบ้างไหมใครเข้ามาก็หาแต่กร

แต่ความรู้สึกเรานะตอนนั้นมันแบบว่า พี่กันต์ดันไม่ค่อยคิดอะไรกับคนรู้จักนี่สิ
ก็มีหวงกรกับคนอื่นบ้าง แต่กับคนที่สนิทกันจะเฉยๆ ดูเป็นคนสองมาตรฐานเนอะ
 
จริงๆ ที่อธิบายยาวเหยียดก็ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนเห็นด้วยหรือคล้อยตามนะ แค่อยากอธิบายมุมมองของเราแค่นั้นเอง

เรามีความสุข ดีใจ และปลื้มใจมากๆ ที่มีคนอ่านมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะมันทำให้เราได้ความคิดอะไรใหม่ๆ กำลังใจ และแรงกระตุ้นให้ทำให้ดีขึ้น

ขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ  :L2: :pig4:

ส่วนภาคต่อกำลังตัดสินใจว่าใครจะเป็นตัวเอก คิดไม่ตก วางพลอตเรื่องไว้เยอะซะด้วย
ระหว่างนี้ก็อ่านเรื่องกว่าจะถึงวันที่รู้จัก...รัก ไปพลางๆ ก่อนนะคะ กำลังแต่งตอนต่อไปอยู่ใกล้จะได้ลงละ 



 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 22-03-2014 20:21:32
เด็กๆๆ น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 23-03-2014 19:41:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 04-04-2014 08:58:16
ชอบมากอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Namsim ที่ 05-04-2014 03:14:56
อ่านจบแล้ว และขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ   :o8:
อยากบอกว่านิยาย เรื่องนี้ทำให้เราสมัครสมาชิกเพื่อคอมเม้นเลยค่ะ  สนุกมากจริงๆ o13 :hao6 o13
แบบ ฟินตลอดเวลาและอบอุ่นมากกกกกกกกกก  :-[ ทั้งเขินทั้งเสียเลือดมากมาย   :jul1:
จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีดค่ะ คุณนักเขียน  :pig4: o18
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-07-2014 16:01:33
จะมีโอกาสได้อ่านเรื่องของเด็กๆ อีกหรือเปล่าอะ อยากให้ต่ออีก เด็กๆ น่ารัก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> รักคือ... (ตอนพิเศษ สองแสบ) p. 72 1-3-14
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 21-07-2014 16:07:31
มีแน่นอนค่ะ กำลังแต่งตอนพิเศษเพิ่ม
และจะมีเรื่องใหม่ เป็นของเด็กๆ เอง
จะฟินกว่ารุ่นคุณพ่อไหม อันนี้ต้องให้คนอ่านช่วยตัดสิน
รอกันอีกนิดนะคะ (นิดเดียวจริงๆ นะ)
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-07-2014 20:10:06
ดีใจจริงๆ รอค่ะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 07-08-2014 22:11:10
อ่านจบแล้วครับ ชอบมากเลยคุณนักเขียนเขียนได้ดีมากเลยครับ   o13 o13 o13 o13

อ่านมาถึงตอนท้ายมีความรู้สึกว่าไม่อยากให้จบ อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ  :z1:

อยากให้มีตอนพิเศษเพิ่มอีก   :katai4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 09-08-2014 18:17:12
ตอนพิเศษเพิ่ม   :hao6:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-08-2014 17:22:04
ได้อ่านแล้ว น่ารักมากจริงๆ
ตอนแรกนึกว่ากันต์รุก เพราะพี่แกเป็นจอมวางแผนมาก
แต่งได้แบบแยกออกเลยค่ะว่ากันต์ยามเป็นเสือกับกันต์ที่ถอดเขี้ยว เป็นยังไง   :impress2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 07-09-2014 15:09:32
รวดเดียวจบเลยค่ะ ชอบความเป็นผู้ใหญ่และบรรยากาศของเรื่องมากเลยค่ะ หวานเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: justonce ที่ 07-09-2014 18:04:24
กลับมาอ่านซ้ำอีกครั้ง รอบเดียวจบ....ชอบมากค่ะ

รออ่านเรื่องของสองแสบนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 08-09-2014 01:08:44
มารอด้วยคน
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: parkii ที่ 08-09-2014 13:56:51
เป็นนิยายที่น่ารักและหวานมาก
ขอบคุณคนแต่งสำหรับนิยายดีดีๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 29-01-2015 22:14:46
คิดถึงกันย์กร อยากให้มีตอนพิเศษอีก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 08-04-2015 08:09:00
มาบอกว่าจะรอเหมือนกันจ้า
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 15-05-2015 15:47:02
 :katai2-1: ติดจนไม่เป็นอันทำงานทำการ555 แอบอ่านตลอด
เริ่ดเลอ เลอค่าทุกตอนค่ะ ชอบอ่ะมันไม่ดราม่าเลย มีพอน่ารักแต่ไม่ยืดเยื้อน่าเบื่อ
ยกเป็นนิยายนแนะนำสำหรับคนชอบ ความหวาน ความหื่น การปรับตัว  :L2:

เราชอบนะทั้ง2คนชัดเจนในตัวเอง ไม่มีมายึกยัก จะอะไรยังไงเอาไม่เอา ดีไม่ดี
เป็นการคบกันที่ให้อารณ์มีความเป็นผู้ใหญ่ช่วยกันดูแลครอบครัว  :impress2:

อร้ายยยย 10/10
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 17-05-2015 14:26:08
 :pig4: ชอบมากเลยค่ะ เรื่องราวมันน่ารัก ชัดเจน ละมุนมาก
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 29-05-2015 16:58:35
เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากกกก หวาน น่ารัก ไม่เครียด สบายๆ ชอบอะ คืออ่านได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ ไม่เครียด ใช้ผ่อนคลายได้ดีเลยละ
ขอบคุณผู้แต่งมากครับ สำหรับเรื่องดีๆ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Unix ที่ 08-06-2015 22:46:33
แจ้งข่าวเปิดจองหนังสือจ้า


เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ - 5 สิงหาคม 2558
หนังสือสามารถจัดส่งได้ภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2558

(http://www.uppic.org/image-1D8E_5575B6EB.jpg) (http://www.uppic.org/share-1D8E_5575B6EB.html)

ชื่อหนังสือ : รักคือ...รัก (อาร์ตปกอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
ผู้เขียน : Angle_k
ขนาด : A5
ราคา : 550 บาท (ค่าจัดส่งฟรีเฉพาะรอบจอง)
ของแถมเฉพาะรอบจอง : มินิการ์ตูน
อ่านเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15614.0
สั่งจองได้ที่ : http://www.unixjung.com/product/14/pre-order-รักคือ-รัก (http://www.unixjung.com/product/14/pre-order-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81)

คำโปรย :

สองสิ่งที่ทำให้ผมได้พบเจอกับสิ่งที่ตามหา
"เปิดใจและให้โอกาส"

                                       กันต์

 
สำหรับผมไม่มีคำใดจะอธิบายคำว่า "รัก" ได้ดีไปกว่าตัวมันเอง
"รักคือ...รัก"
คุณจะเข้าใจความหมายของมัน เมื่อคุณได้รักใครสักคน

                                      กร

ขอบคุณพื้นที่ในบอร์ดค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 17-07-2015 19:21:45
 :mew1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 20-07-2015 02:03:42
สนุกมากครับ...
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 20-07-2015 13:49:57
 :-[ ชอบเรื่องนี้มากกกกก
อบอุ่นมาก
กันต์ กับ กร รักและดูแลกันดีมาก ไม่หวือหว่า แต่ค่อยเป็นค่อยไป แอบชอบตอนพี่กันต์อ้อนนนน น่ารักดี
คนเรามีหลายมุมขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่กับใคร
เพิ่มความน่ารักมาตอนท้าย กับสองแสบ น่ารัก :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-08-2015 19:49:46
เย้ๆๆๆ อ่านจบแล้วววว ใช้เวลานานมากกกกก แบบว่าอ่านๆหยุดๆ 555
ชอบค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีๆ มีความสุข ^_^
ขอบคุณคุณกวางนะคะ สำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นวงกลม ที่ 10-08-2015 11:06:37
อ่านจบจนได้ อ่านมาเป็นอาทิตย์ ติดงอมแงม :katai2-1:
จะรอติดตามภาคต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 13-08-2015 00:59:54
กว่าจะมาเจอก็จองไม่ทันซะแล้ว  :sad4: :sad4: :sad4:

จะรออ่านตอนพิเศษของสองแสบน๊า กลัวจะมีแต่ในเล่มจุง  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Choiaop ที่ 13-08-2015 18:56:01
อ่านเรื่องนี้แล้วยิ้มได้ตลอดเลย อ่านได้แบบเรื่อยๆ น่ารักทั้งกรทั้งกันต์
อยากให้มีตอนพิเศษมาเรื่อยๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 17-08-2015 08:38:11
สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย แต่แอบเสียใจเข้ามาซื้อหนังส่อไม่ทัน ถ้าหนังสือมีเหลือขอกะค้าด้วยนะค่ะ รอภาคสองอยู่นะค่ะ ขอบคุณคร้าาาา
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: polla_x ที่ 25-08-2015 11:21:53
สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย แต่แอบเสียใจเข้ามาซื้อหนังส่อไม่ทัน ถ้าหนังสือมีเหลือขอกะค้าด้วยนะค่ะ รอภาคสองอยู่นะค่ะ ขอบคุณคร้าาาา


หนังสือมีขายนะคะ เพียงแต่ว่าไม่มีของแถมแล้ว แต่สามารถสั่งซื้อได้ตามปกติ พอดีเพิ่งเข้าไปสั่งมาหลังจากหมดเขตเหมือนกัน
ตอบคำถามแบบนี้ ผิดกฎอะไรมั้ยไม่รู้ แต่เผื่ออยากได้หนังสือ ยังซื้อได้นะคะ แต่จะต้องเสียค่าจัดส่ง+ไม่มีของแถมรอบจอง
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 17-09-2015 23:31:08
อ่านจบแล้ว น่ารักกันจังเลย มีเจ้าสองแสบเพิ่มมาด้วยก็ยิ่งน่ารัก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 09-03-2016 21:02:38
ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ จนอ่านจบ น่ารักมากครับ อ่านได้เรื่อย ๆ เพลิน สองแสบน่ารักมาก ครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 12-03-2016 11:43:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 16-05-2016 14:48:28
พึ่งได้อ่าน สนุกมาเลยค่ะ อบอุ่นดี
อยากได้เรื่องของพี่กาวกับป่านค่ะ จะตามที่ไหนได้บ้างคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 13-11-2016 16:47:41
เข้ามาอ่านอีกรอบ
อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 16-11-2016 19:09:59
อ่านรวดเดียวจบ
สนุกมากค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-04-2018 18:45:00
คิดถึงจึงเข้ามาอ่าน ^^
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 08-02-2019 21:53:56
น่ารักทุกคนชอบกรชอบกันต์
ชอบสองแสบมากกกอ่านได้เรื่อยๆชอบชอบชอบ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-02-2019 00:42:22
 :o8: :-[  น่ารักดี เค้าสาดความหวานใส่กันจนเราเบาหวานจะขึ้นตา เนื้อเรื่องสนุกค่ะ