เด็กเลี้ยง
- 28 -
มีทางเลือกทางเดียวเท่ากับไม่ทางเลือกเลย
“น้ำพ่อมึงมารึยัง ให้กูรอเป็นเพื่อนรึเปล่า” “มาแล้วรออยู่ตรงที่ฟร้อน เหลืออีกนิดหน่อยจะเสร็จแล้วไม่ต้องรอก็ได้”
“ไม่เป็นไรมาเดี๋ยวช่วย”
“เออน่า ไม่ต้องห่วงน้ำทำได้แค่นี้เองไปเถอะ”
“กูจิตใจดีเหมือนหน้าตาไง จะรอก็แล้วกัน ชีวิตการทำงานมันยังงี้เองกว่าจะได้เงินเขาแต่ละบาทแมร่งยากสัด ชักอยากจะเรียนอย่างเดียวไปตลอดแล้วสิ”
“ก็ไหนบ่นทุกวันอยากจะเรียนจบเร็วๆ หางานดีๆ ทำ จะได้ออกมาอยู่คนเดียวได้ไม่ใชรึไง”
“นั่นก็ใช่ กูแค่บ่นเปล่าวะ”
“หยุดบ่นได้ล่ะ รีบๆ กลับเลยไป๊ เหนื่อยไม่ใช่เหรอ”
“ก็รอมึง กลับพร้อมกันเลยสิ เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอนั่นน่ะ”
“อืม” น้ำนิ่งพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบกระเป๋าจากล็อกเกอร์ในห้องพักพนักงาน เมื่อได้ของครบก็เดินออกมาสมทบกับบ๋อมซึ่งยืนรออยู่หน้าห้อง ก่อนจะเดินออกมาด้วยกัน
“เจอกันพรุ่งนี้นะ / เจอกันวะมึง”
น้ำนิ่งยกกำปั้นชนกับบ๋อมเมื่อมาถึงทางแยกไปฟร้อนกับประตูด้านข้างไปบ้านพักพนักงาน บ๋อมยิ้มกว้างยกมือโบกไปมาให้น้ำนิ่ง ก่อนจะหันหลังผลักประตูออกไปสู่สวนหย่อมเดินเลียบสวนมุ่งตรงไปยังบ้านพักด้านหลังโรงแรม ส่วนน้ำนิ่งเดินตามทางเดินก่อนจะผลักประตูกระจกด้านขวาเข้าสู่บริเวณฟร้อนท์ นัยน์ตาหวานกวาดมองทั่วบริเวณจนสะดุดเข้ากับคนตัวโตที่โซฟารับแขกริมผนังกระจกกำลังใช้นิ้วปัดป่ายหน้าจอไอแพดโปรดูอะไรบางอย่างด้วยความสนใจ น้ำนิ่งยิ้มกว้างให้เหล่าบอดี้การ์ด อันประกอบด้วย เข้มแข็ง เด็ดขาด และสองแฝด เมืองแมนกับแดนสรวง จะขาดก็แต่ชัดเจนซึ่งไปทำธุระให้ภูมิรพีตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับมา คนตัวเล็กยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากส่งสัญญาณไม่ให้เหล่าบอดี้การ์ดส่งเสียง มืออีกข้างปลดกระเป๋าจากบ่าส่งให้เมืองแมนรับไปถือ ก่อนที่ตัวเองจะเดินเข้าไปโอบกอดภูมิรพีจากด้านหลัง ชะโงกหน้าไปหอมแก้มคนหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่หน้าจอไอแพดโฟร
“ขอโทษที่ช้า มานานรึยังฮะ” น้ำนิ่งยิ้มประจบตั้งแต่ปากส่งไปจนถึงนัยน์ตาหวานอย่างออดอ้อนลุแก่โทษที่มาช้า
“ภูมิก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน หิวรึเปล่าหืม” ภูมิรพีปรับสีหน้าให้ปกติปากหนายิ้มละมุนหันไปหอมแก้มนิ่มกลับ
“ยังฮะ หนูเพิ่งทานเค้กส้มไปเมื่อตอนห้าโมงเย็นเอง แล้วภูมิดูอะไรอยู่หน้ายุ่งเชียว” ยื่นมือไปคลึงหว่างคิ้วที่ผูกปมของภูมิรพีไปมา ก่อนจะขยับตัวลงมานั่งข้างๆ หน้าหวานชะโงกไปดูหน้าจอไอแพดที่เปิดหน้าค้างไว้ปรากฏตารางดัชนีตัวเลขเต็มพรืดไปหมดจนน้ำนิ่งหน้าเบ้ด้วยความไม่เข้าใจ
“....” ความรู้สึกรุนแรงจากบางอย่างเรียกร้องให้ภูมิรพีเสมองออกไปนอกผนังกระจกบริเวณสวนหย่อมแทนการตอบคำถามของน้ำนิ่ง ตาคมดุสบเข้ากับเหล่าบอดี้การ์ดโดยไม่มีเสียงพูดเข็มแข็งและเด็ดขาดเลี่ยงเดินออกไปก่อนเพื่อตรวจดูบริเวณรอบๆ ความเงียบของภูมิรพีทำให้คนตัวเล็กเกิดระคนสงสัยจึงเงยหน้าขึ้นจากจอไอแพดโปร มองตามสายตากังวลของภูมิรพีไปยังบริเวณมุมสลัวที่ไฟประดับส่งไปไม่ถึงของสวนหย่อม
“มีอะไรรึเปล่าฮะ”
“ไม่มีอะไรครับ ถ้าหนูยังไม่หิวงั้นก็รอกลับไปกินข้าวที่บ้านนะครับ...”
“ฮะ”
“งั้นก็ย้ายตูดได้แล้วเจ้าเด็กแสบ” ภูมิรพีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือแกร่งดึงแขนน้ำนิ่งให้ลุกขึ้นตาม ฝ่ามือหนาอีกข้างฟาดลงก้นงอนอย่างหยอกเอิน หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นหน้าเหยเกที่แสร้งว่าเจ็บของเจ้าเด็กแสบ
“โอ๊ย!! ลุงงงงงง...” น้ำนิ่งกระทืบเท้าอย่างสะบัดสะบิ้งแสร้งทำหน้างอนๆ ก่อนวิ่งตามคนตัวโตที่เดินนำออกไปก่อนเมื่อถึงตัวน้ำนิ่งกระโดดเกาะหลังขาเรียวเกาะเกี่ยวตัวแน่นหนาไม่ยอมให้ภูมิรพีเอาตัวลงจากหลัง
“หึ หึ โตแล้วนะเรา ยังจะเล่นเป็นเด็กๆ” ภูมิรพีพยายามดึงตัวน้ำนิ่งให้ลงจากหลัง แต่ทั้งขาทั้งแขนของคนตัวเล็กเกาะเกี่ยวร่างภูมิรพีแน่นหนาไม่ยอมลง เลยได้แต่ส่ายหน้าไปมาที่เจ้าแสบนี่ชอบอ้อนทำเหมือนยังเป็นเด็ก
“ไม่เอาลุงงงงง...หนูเหนื่อย อุ้มเค้าน้า...” “เอ้า! ไม่อายรึไงโตแล้วนะเราน่ะ” ที่พูดไปแบบนั้นไม่ใช่ว่าภูมิรพีอายหรืออะไร ออกจะชอบด้วยซ้ำที่ช่วงนี้เจ้าแสบของเขาเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แม้จะรู้สึกว่าน้ำนิ่งยังคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ดีแล้วเจ้าเด็กนี่กลับมาทำตัวออดอ้อนร่าเริงสดใสได้เกือบเหมือนเดิมแล้ว
“ทำไมต้องอาย ก็นี่มันที่ของหนู ” ริมฝีปากนิ่มอุ่นนาบจูบละมุนลงหลังคอภูมิรพีประทับตราความเป็นเจ้าของ พร้อมเสียงหัวเราะกังวานใสอย่างพึงพอใจที่ได้ทำแบบนี้
“คร้าบ คร้าบ เอาที่คุณนายสบายใจเลย”
“ล้อเลียน!! เดี๋ยวเถอะ ไปได้ล่ะ”
ทางด้านบ๋อมหลังจากแยกย้ายจากน้ำนิ่ง ระหว่างที่กำลังเดินกลับห้องพักสายเรียกเข้าที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับเป็นเหตุให้ใจของเขาเต้นตูมตามแทบจะทะลุออกมานอกอก รีบเปลี่ยนเส้นทางหันกลับทางเดิมเข้าประตูด้านข้างตรงไปยังลิฟต์ที่อยู่ข้างฟร้อน มือสั่นไหวกดชั้น 22 ด้วยอาการตื่นเต้นดีใจระงับไม่อยู่ เมื่อถึงจุดหมายเท้าเล็กตรงไปยังห้องสูทเดอลุกซ์ฝั่งขวาสุด กดกริ่งหน้าห้องและยืนรออยู่ไม่นานคนด้านในก็กระชากประตูเปิดออก บ๋อมรีบแทรกตัวเข้าข้างในห้องอย่างรวดเร็ว
“ผมคิดถึงคุณ”
“เด็กน้อย” แขนแกร่งของชายหนุ่มรวบร่างบ๋อมเข้ามาในอ้อมกอด ปากเรียวตะโบมจูบร้อนแรงเผาพลาญจนเด็กหนุ่มระทวย คำพูดปฏิเสธถูกกลืนลงไปพร้อมกับน้ำลายเมื่อมือเรียวของคนโตกว่าเลื่อนต่ำลงและสอดลึกเข้าไปในกางเกงจนถึงกลางกายที่ส่วนหัวกำลังฉ่ำน้ำเหนียวใส
บ๋อมตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อปากร้อนของชายหนุ่มพรมจูบลงบนตุ่มไตทั้งสองข้างเสื้อผ้าไม่รู้ว่าหลุดจากตัวไปตั้งแต่ตอนไหน ปากร้อนระเรื่อยลงไปตามหน้าท้องแบนราบของเขา วนเวียนอยู่ตรงสะดืออยู่นาน จนบ๋อมสูดลมหายใจเข้าดังเฮือกโดยไม่รู้ตัว
“เธอชอบไหม?..”
“ฮะ..ชะ ชอบ ทำตรงนั้นแรงๆ”
ชายหนุ่มผละปากออกจากกลางกายของบ๋อม แสยะยิ้มพึงพอใจด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีความปรารถนาทางกายเพียงใด หากในนาทีนี้มันยังไม่ใช่ เขาจะต้องมั่นใจได้ก่อนว่าสิ่งที่เขาจะได้กลับมามันมีค่ามากกว่าที่เขาจะมอบให้เด็กหนุ่ม
“เคยมีใครทำให้เธอพอใจมากขนาดนี้ไหม เคยมีใครทำอย่างฉันไหม”
“มะ ไม่มีฮะแค่คุณคนเดียว”
“แล้วอยากให้ฉันทำให้รึเปล่าหืม”
“อยาก ผะ..ผมอยากให้คุณทำแบบวันนั้นอีก”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำยังไงถึงจะได้มันมา”
“ได้โปรด...ผมจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ”
บ๋อมสละทุกอย่างทิ้งไป ปลดศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจกองทิ้งแทบเท้าของชายหนุ่ม กราบกรานวิงวอนอย่างไร้สิ้นความละอาย เท่านี้ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าเขามีความสำคัญมากพอที่จะทำให้เด็กนี่ยอมทำทุกอย่างที่เขาสั่งอย่างไร้ข้อกังขา
“ดีมากเด็กดีของฉัน ดื่มนี่ซะ” ชายหนุ่มยกยิ้มอ่อนโยน บ๋อมยื่นมือรับแก้วที่ชายหนุ่มยื่นให้มาดื่มอย่างไม่อิดออด
“เราจะได้มีความสุขกันไง ฉันจะทำให้เธอพอใจมากกว่าที่เธอเคยได้รับกว่าครั้งไหนๆ” ชายหนุ่มรั้งร่างที่สะท้านไหวระริกด้วยความต้องการของบ๋อมเข้าไปกอดแนบแน่น บ๋อมรวดร้าวไปด้วยความต้องการ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แอ่นร่างเปล่าเปลือยของตัวเองแนบกับร่างแกร่งของชายหนุ่มอย่างร้อนแรง ครางกระเส่าเมื่อชายหนุ่มผละออกจากริมฝีปากแล้วไต่ลงไปไล้เลียดูดเม้มตุ่มไตเล็ก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นครางแหลมด้วยความเจ็บและเสียวซ่านเมื่อชายหนุ่มขบกัดตุ่มไตเล็ก
ขณะริมฝีปากประทับมอบความรัญจวนอยู่บนทรวงอกเล็ก มือเรียวแกร่งของชายหนุ่มก็เลื่อนไปกลางกายที่แข็งขืนของเด็กหนุ่มลงมือสัมผัสเล้าโลมหนักมือ
“ฮือออ...ไม่ไหวแล้ว ผมอยากได้คุณในตัวผมแรงๆ ได้โปรด...” ความรู้สึกต้องการรุนแรงที่ถูกกระตุ้นจากสิ่งที่ดื่มเข้าไปและการปรนเปรอของชายหนุ่มทำให้บ๋อมร้องขออย่างไร้สิ้นความอาย
“ดะ..ได้โปรดเข้ามาแรงๆ” หลังสิ้นคำขอของบ๋อมชายหนุ่มไม่เสียเวลากับการเล้าโลมอีก เขากดแก่นกายใหญ่ของตัวเองพร้อมกับอวัยวะเทียมเพศชายที่ถือในมือเข้าไปช่องทางด้านหลังอย่างแรงในครั้งเดียวมิดด้าม คำรามลำพองพร้อมกับเสียงอุทานอย่างเจ็บปวดและพึงพอใจที่ลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มของบ๋อม
ขณะที่ชายหนุ่มเติมเต็ม ดวงตากร้าวของเขาก็จับจ้องทุกสีหน้าที่แสดงบนหน้าบ๋อม แสยะยิ้มมุมปากพลางพึมพำเสียงต่ำเมื่อก้มลงขบกัดลงบนหน้าอกเล็กค่อนข้างแรง
“ลืมตามองฉัน แล้วร้องมันออกมาว่าเธอมีความสุขแค่ไหน”
“โอ๊ววว...แรงอีก...อ๊า....” บ๋อมปรือตามองคนบนร่างด้วยแววตาพร่ามัวไปด้วยความสุขสมมัวเมาล้ำลึกกว่าครั้งไหนที่เคยมา หลงเข้าไปในวังวนสีเทาร้อนแรงที่สะกดให้เด็กหนุ่มสูญสิ้นความนึกคิดและหลงลืมตัวตน ด้วยความกำหนัดที่ถูกกระตุ้นทำให้เด็กหนุ่มตอบรับทุกจังหวะอย่างทัดเทียมและร้อนแรง ไม่สนใจหรือปฏิเสธแม้ชายหนุ่มจะใช้อุปกรณ์แบบไหนบ้างกับตัวเอง
ชายหนุ่มพึมพำเสียงต่ำแทบไม่เป็นคำเมื่อส่งให้เด็กหนุ่มขึ้นสู่ปลายทางปรารถนาครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะเดียวกันช่องทางนั้นก็บีบรัดอย่างบ้าคลั่งรุนแรงจนเขาคำรามกระหึ่มปลดปล่อยความระอุร้อนฝากฝังให้เด็กหนุ่มอย่างหมดสิ้นทุกครั้งเช่นกัน บ๋อมยิ้มหวานให้กับเพดานสูงอย่างเลื่อนลอยหลังจากบทเพลงพิศวาสร้อนแรงที่เขาหลงใหลมัวเมาผ่านพ้นไปจนค่อนคืน ก่อนจะปิดตาหลับลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“บัดซบเอ๊ย!! ตามไปสิแล้วเอาตัวมานี่” บ๋อมสะดุ้งตื่นจากเสียงตวาดก้องอย่างหัวเสียของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมเตียงอีกฝั่ง หน้าดุกระด้าง ตาเรียวเชิดแข็งกร้าวด้วยเพลิงโทสะราวจะฆ่าใครก็ตามที่เป็นต้นเหตุ เหมือนจะรู้ว่าอีกคนตื่นแล้ว ชายหนุ่มกดตัดสาย เสหันไปอีกทางเพื่อปรับอารมณ์ ความรู้สึกของบ๋อมตอนนี้คือหวาดกลัว สับสนและไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เออ..ผะ..ผมไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่” บ๋อมเอ่ยถามเสียงแหบโหยแผ่วเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด พยายามขยับตัวออกห่างจากอีกคน แต่ก็ต้องสูดปากน้ำตาเล็ดหางตา หน้าตาเหยเกด้วยเจ็บปวดตั้งแต่บั้นเอวจนถึงปลายนิ้วเท้า ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยและกลิ่นคาวความใคร่จากชายหนุ่มที่ตั้งใจให้มันหลั่งรดลงมาจนทั่วหลายต่อหลายครั้งบ่งบอกการประกาศศักดาเหนือร่างกายของเด็กหนุ่มยังไม่ได้รับการชำระล้าง แตกต่างจากคนตัวโตที่ร่างกายได้รับการชำระล้างคราบคาวความใคร่จนหมดจดกลิ่นสบู่หลังอาบน้ำกรุ่นกำจายรอบกายคนรูปงามบ๋อมสูดมันเข้าไปเต็มปอดด้วยความลุ่มหลงมัวเมา
ตาเรียวสบกันยังคงเจือแววความไม่พอใจบางเบา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกรุ่มกริ่มจนเด็กหนุ่มเขินอายหน้าแดงระเรื่อ ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าจอแมคบุ๊คที่อยู่บนตัก บ๋อมขมวดคิ้วมุ่นระคนสงสัยกับปฏิกิริยานั่นแต่ก็เพียงครู่เดียวความสงสัยนั้นก็ปลิวหายไปกับรอยสัมผัสของมือเรียวที่ขยี้ลงบนผมของเขา
“ฉันมาทำงาน”
“เหรอครับ เออ...แล้วคุณจะพักที่นี่กี่วันครับ”
“.........”
“ละ...แล้วผมจะมาหาคุณอีกได้ไหม”
“ไว้ถ้าฉันว่างแล้วจะบอก เธอจะกลับเลยไหม??”
“อะ...เออคืนนี้ผมอยู่ด้วยไม่ได้เหรอ กว่าจะเจอคุณก็นาน...”
“อย่าพูดไม่รู้เรื่อง” ตาเรียวดุชำเลืองมองด้วยความหงุดหงิด เพียงครู่เดียวจึงยอมปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงแต่ก็ยังกร้าวกระด้างไม่พอใจอยู่ค่อนข้างมาก
“อย่างี่เง่าเธอก็รู้ฉันต้องทำงาน เอาเป็นว่าถ้าฉันว่างจะโทรหา” “กะ ก็ได้ครับ” บ๋อมไม่อยากจะเซ้าซี้ให้คนนี้โกธร ได้แต่เม้มปากแน่นข่มความเจ็บ ตาสวยหรี่ลงอย่างอึดอัดและเจ็บปวดกับคำพูดของชายหนุ่มที่ทำเหมือนเขาเป็นอะไรสักอย่างที่มีไว้เพื่อบำบัดความใคร่ เด็กหนุ่มสะบัดหน้าพรืดด้วยอารมณ์น้อยใจตัดพ้อ ขยับตัวลุกอย่างแรงจนหลงลืมไปว่าสภาพร่างกายบอบช้ำเพียงใด น้ำตาที่ไหลอาบแก้มบ๋อมปาดเช็ดออกลวกๆ พยายามสูดลมหายใจลึกๆ ...ก้มเก็บเสื้อผ้าที่ตกเรี่ยราดของตัวเองมาสวมอย่างไม่ใส่ใจว่ามันจะยับยู่และกระดุมหลุดหายไปกี่เม็ด
“ผมกลับก่อนนะครับ”
เสียงบอกลาแผ่วเบาแหบโหยได้รับตอบกลับมาเพียงความเงียบงัน เมื่อเห็นว่าคนตัวโตไม่ได้ละจากหน้าจอแม็กบุ๊ก และไม่มีคำเอ่ยใดเป็นหลักประกันว่าเขายังมีตัวตนอยู่ตรงนี้สำหรับชายหนุ่ม จึงได้แต่กล้ำกลืนก้อนแข็งลงคอหันหลังจากมาอย่างเงียบงัน
บ๋อมพาร่างบอบซ้ำของตัวเองเดินโซซัดโซเซไปจนถึงประตู กำลังจะเอื้อมมือไร้เรี่ยวแรงไปเปิด แต่ประตูนั้นก็ถูกผลักเข้ามาก่อนทำให้บ๋อมฉากตัวหลบแทบไม่ทัน มือไขว่คว้าเกาะผนังเพื่อพยุงตัวไม่ให้เสียหลักล้มลงไป ตรงกรอบประตูปรากฏภาพสองบอดี้การ์ดของชายหนุ่มและเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งคาดคะเนด้วยสายตาอายุน่าจะอ่อนกว่าเขาสักสองหรือสามปี หน้าตาน่ารัก ผิวขาวอมชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี ปากอวบอิ่มสีชมพูสดยกยิ้มหยัน ตากลมโตที่มองสบกันเต็มไปด้วยความสมเพชส่งมาให้บ๋อมๆ หลีกทางให้อย่างเหม่อลอยไม่ตอบโต้เมื่อถูกชนกระแทกไหล่อย่างแรงจากเด็กนั่น ทั้งหมดเดินผ่านเข้าห้องด้านในไปโดยไม่สนใจเขา บ๋อมได้แต่หันมองตามโดยไม่ปริปากเอ่ยอะไรออกมา
“ข้างนอกน่ะใครเหรอฮะ” เสียงหวานของเด็กนั้นเอ่ยถามชายหนุ่มในห้องอย่างมีจริตออดอ้อน
“จะใส่ใจทำไม..เธอเรียกร้องความสนใจเพราะอยากให้ฉันกอดไม่ใช่เหรอ มานี่สิแสดงให้ฉันดูว่าเธอน่ากอดแค่ไหน” “ฮือออ...ดะ...เดี๋ยวสิฮะ.อ๊ะ...”
หน้าตาเนื้อตัวร้อนไปหมดกับคำพูดและเสียงที่ได้ยินลอดออกมาจากในห้อง บ๋อมเร่งฝีเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็วไม่ใส่ใจความเจ็บปวดของร่างกาย เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ความเจ็บปวดที่แยกแยะไม่ออกมันรายล้อมไปหมดจนตัวสั่นเทิ้มด้านชา ใจหนึ่งอยากจะเข้าไปดึงกระชากทั้งคู่ออกจากกันด้วยความริษยาหึงหวง แต่เขาก็ทำไม่ได้... เขาไม่มีสิทธิที่จะทำอย่างใจคิด แค่เพื่อนของน้องชายมันไม่ได้บ่งบอกสถานะที่ชัดเจนอะไรสำหรับเขา...ไม่เคยมีมาตั้งแต่ต้น...
อารมณ์ตอนที่เขาขึ้นไปใจเขาเต้นแทบจะทะลุออกมานอกอก แต่ตอนนี้เสียงเต้นของหัวใจตัวเองเด็กหนุ่มก็แทบจะไม่ได้ยิน บ๋อมบีบมือตัวเองจนแน่นเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ แต่คนที่เจ็บปวดก็มีแค่ตัวเองเท่านั้น..เกลียด เขาเกลียดตัวเองที่หลงรักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน…รักด้วยความโง่เขลามาตลอดตั้งแต่แรกพบ
น้ำนิ่งเฝ้ามองหน้าที่ซีดเผือดของบ๋อมแต่เสแสร้งทำเป็นร่าเริงสดใสอย่างกังวลมาตลอดเช้า พอเผลอและคิดว่าไม่มีใครเห็น บ๋อมเหมือนจะร้องไห้ออกมาทุกครั้ง พอน้ำนิ่งเอ่ยปากถามคนเป็นเพื่อนก็ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่เป็นอะไร เขาไม่รู้ว่าบ๋อมไปทำอะไรมาเมื่อคืนถึงได้มีสภาพย่ำแย่แบบนี้
“เป็นอะไรรึเปล่า”
บ๋อมสะดุ้งตกใจเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตัวเล็กอย่างงงๆ เบลอๆ พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ น้ำนิ่งทำเป็นไม่สนใจอาการกระถดร่างหนีและตาแดงก่ำที่เหมือนจะร้องไห้ของเพื่อน สีหน้าที่ซีดเผือดทำให้น้ำนิ่งอดรนทนไม่ได้ ยื่นมือไปทาบหน้าผากและซอกคอของเพื่อนวัดอุณหภูมิ แล้วเป็นอันต้องชักมือกลับแทบไม่ทันเมื่อเจอกับร่างกายร้อนจี๋ของบ๋อม
“ตัวร้อนจี๋เลย แล้วบอกว่าไม่เป็นอะไรนี่นะ น้ำดูเหมือนพึ่งพาไม่ได้รึไงบ๋อมถึงไม่กล้าบอกว่าไม่สบาย ปวดหัวรึเปล่า” น้ำนิ่งใส่ยาวด้วยมีสีหน้าร้อนรนและยิ่งกังวลมากขึ้นเมื่อบ๋อมไม่ตอบแต่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ คนตัวเล็กดึงเพื่อนเข้ามากอดมือเล็กลูบไปมาปลอบประโลมราวกับบ๋อมเป็นเด็กชายเล็กๆ
“กลับไปพักไม่ต้องทำงานแล้ววันนี้ ไม่เป็นไรๆ ไม่ร้องน้ำอยู่นี่แล้ว” น้ำนิ่งผละอ้อมกอดของตัวเองเดินไปที่ตู้ยาหยิบแก้ไข้ตัวร้อนสองเม็ดพร้อมแก้วน้ำมายื่นให้บ๋อมกิน
“นั่งรอตรงนี้เดี๋ยวน้ำไปบอกพี่ผู้จัดการก่อน” “ป๊ะไปกันได้แล้ว” น้ำนิ่งหายไปไม่นานก็กลับมาพยุงตัวบ๋อมให้ลุกขึ้นยืน แม้ตัวของน้ำนิ่งจะเล็กบอบบางกว่าด้วยสภาพร่างกายที่พร้อมกว่าก็พอที่จะฉุดรั้งให้บ๋อมเดินตามมาได้อย่างง่ายดาย
“พี่แฝดรอตรงนี้แหละไม่ต้องตามเข้ามาหรอก” น้ำนิ่งหันไปสั่งห้ามเสียงเข้มเมื่อเห็นเมืองแมนและแดนสรวงทำท่าจะเดินตามเข้ามาในห้องนอนด้วย
“แต่ว่า...”
“ทำไมต้องขัดน้ำตลอดเลย” น้ำเสียงงอนๆ ของน้ำนิ่งทำเอาพี่แฝดยอมแพ้โดยดุษฎี ถ้าขืนยังดึงดันเด็กน่ารักของพวกเขาได้ขุ่นเคืองใจไม่ยอมพูดกับพวกเขาอีกหลายวันแน่
“ถ้ามีอะไรเรียกพี่ดังๆ เลยนะ” เมืองแมนดึงแขนน้องไว้เอ่ยกำชับด้วยความห่วงใย แดนสรวงไม่พูดอะไรแต่สายตาดุที่มองมาบอกให้รู้ว่าคิดแบบนั้นจริงๆ
“จะให้มีอะไรได้อีก บ๋อมไม่สบายอยู่เห็นบ้างไหมเนี่ย ไม่ต้องห่วงน่าแค่นี้เองไปนั่งรอดีๆ เลยไป๊” น้ำนิ่งพยุงบ๋อมเดินเข้าห้องนอนไปจนถึงเตียง ผลักให้นอนลงกับเตียง แล้วเจ้าตัวดีเดินเลยเข้าไปในห้องน้ำ สักครู่เดียวก็ออกมาพร้อมกับอ่างน้ำใบเล็กและผ้าขนหนูนุ่มจัดแจงว่างทั้งหมดไว้บนพื้น เดินกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าค้นกุกกักหาเสื้อที่คิดว่าใส่สบายมาให้เพื่อนเปลี่ยน
“น้ำเช็ดตัวให้นะ จะได้สบายตัว” บ๋อมพยายามขืนตัวออกจากแรงฉุดดึงเสื้อผ้าออกจากตัวของน้ำนิ่ง
“ไม่เป็นไรๆ เชื่อใจน้ำนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใยของน้ำนิ่งทำให้ตาที่แดงก่ำจากพิษไข้ปรือขึ้นมองน้ำนิ่งด้วยอาการเหม่อลอยกึ่งหลับกึ่งตื่น ก่อนเปลือกตาจะปิดลงอีกครั้ง ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธจากริมฝีปากที่แห้งผากของบ๋อม
อาการนิ่งเงียบของบ๋อมจึงถือเป็นการยอมรับโดยปริยาย มือเรียวเล็กจัดการถอดเสื้อกางเกงของบ๋อมที่นอนหลับตานิ่งไม่ไหวติงออกอย่างเบามือ พอเสื้อผ้าหลุดพ้นไปสภาพร่างกายภายใต้ร่มผ้าที่ปรากฏตรงหน้ามันหนักหนาสาหัสกว่าที่ตาเขาเห็น รอยฟันที่บางแห่งเลือดยังซึม รอยช้ำม่วง แทบไม่มีพื้นที่ว่างทั่วกายขาวเนียนทำเอาน้ำนิ่งผงะชะงักงันแทบทำอะไรไม่ถูก
ริมฝีปากอิ่มของน้ำนิ่งเม้นแน่น เจ้าตัวดีสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะพรูมันออกมา มือเรียวเล็กหยิบผ้าขนหนูจุ่มลงในอ่างน้ำอุ่นบิดพอหมาดแล้วเช็ดไปตามหน้าตาเนื้อตัวของบ๋อมอย่างเบามือ
บ๋อมสูดปากแทบทุกครั้งเมื่อเช็ดไปถูกรอยกัด ร่างกายสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดและกระไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ น้ำนิ่งเม้มปากแน่นกลืนก้อนสะอื้นของตัวเองอย่างยากลำบากน้ำตาคลอแทบจะหยดด้วยความสงสารเพื่อนรัก เมื่อเช็ดข้างหน้าจนทั่ว น้ำนิ่งจึงพลิกร่างบางของบ๋อมอย่างเบามือเพื่อเช็ดด้านหลัง แผ่นบางหลังที่เคยขาวเนียนก็ไม่ต่างจากด้านหน้าสักเท่าไร แต่ที่ทำให้น้ำนิ่งเห็นแล้วแทบจะเบือนหน้าหนีน้ำตาที่พยายามกลั่นไว้ร่วงพรูทันทีด้วยความสงสารจับใจคือ ช่องทางด้านหลังบวมแดง รอยฉีกขาดเหวอะจนน่ากลัว มีเลือดสีแดงจางๆ ไหลปะปนมากับน้ำขุ่นคาวที่ซึมอยู่ไม่หยุด
น้ำนิ่งสะท้อนเจ็บแปลบในอกมือเรียวเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองลวกๆ รีบหยิบเสื้อกางเกงมาสวมให้บ๋อมดึงผ้าห่มที่อยู่ปลายเท้าขึ้นมาคลุมให้จนถึงคอ บ๋อมผล่อยหลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ยาแก้ไขแก้อักเสบ
“น้ำอยู่ตรงนี้ไม่ต้องห่วงนะ” น้ำนิ่งยื่นมือไปปาดเช็ดน้ำตาตรงหางตาให้เพื่อน ก่อนจะลุกขึ้นจัดแจงเก็บอ่างน้ำเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของบ๋อมไปไว้ในห้องน้ำ เมื่อจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย จึงเดินมาหาพี่แฝดที่ห้องด้านนอก
“พี่แดนไปซื้อยาตามรายการนี่มาให้ที บ๋อมอาการไม่ดีเลย” นัยน์ตาหวานแดงก่ำเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใส น้ำเสียงที่บอกกับแดนสรวงไหวระริกเต็มไปด้วยความห่วงใยและกระวนกระวายใจเกินกว่าอะไรทั้งหมด
“แย่มากเหรอครับ” น้ำนิ่งพยักหน้าตอบรับต่อคำถามของเมืองแมนไม่สามารถตอบอะไรออกไปได้เพราะก้อนสะอื้นที่ตีขึ้นมากะทันหันจนต้องยกมือเล็กของตัวเองปิดปากแน่น แดนสรวงรีบถลาปราดเข้ามากอดปลอบมือแกร่งเช็ดน้ำตาให้น้อง รอยสัมผัสและน้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใย
“ไม่เป็นไร บ๋อมจะไม่เป็นอะไร เชื่อพี่นะคนเก่ง”
“พี่ว่าพาบ๋อมไปหาอาหมอเถอะ เผื่ออาการหนักกว่าที่ตาเราเห็น” เมืองแมนตัดสินใจฉับพลันใกล้มือหมอดีกว่าจะรักษากันเองแล้วเป็นอะไรที่คาดการณ์ไม่ถึงความเสียใจที่ตามมาคงจะรับกันไม่ไหว
“ก็ได้ฮะ”
“แดนมึงไปอุ้มบ๋อมออกมา เดี๋ยวกูไปวนรถมารับที่หน้าตึก น้องไปเตรียมเสื้อผ้าของจำเป็นของเพื่อนไป๊คนเก่ง” หลังสั่งเสร็จแฝดพี่รีบกระวีกระวาดออกจากห้องไป
“แผลปริขาดรอบขอบทวารหนักลุงทายาให้แล้ว ส่วนเลือดที่ไหลออกมาจากทวารหนักไม่หยุดนั่นเกิดจากการขูดขีดเสียดสีจากของแข็งที่กระแทกเข้าไปอย่างแรงทำให้ผนังทวารหนักเกิดรอยแผลหลายแห่งลุงเหน็บยาให้แล้ว แล้วรู้อะไรไหมเลือดและน้ำอสุจิที่ลุงให้ทางแล็ปเขาตรวจสอบผลมันเจือปนสารบางอย่างอยู่” สายตาของลุงหมอที่ทอดมองคนไข้บนเตียงซึ่งหลับเพราะฤทธิ์ยาอยู่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและห่วงใย
“อะไรเหรอครับ” แดนสรวงถามออกไปด้วยความอยากรู้ น้ำนิ่งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งงันกับสิ่งที่รับรู้ ใครกันช่างทำบ๋อมได้ขนาดนี้ เท่าที่รู้มาเพื่อนเขาอาจจะคะนองปากไปบ้างแต่ก็ไม่เคยคบใคร ไม่เคยมีแฟน เรื่องทำนองนี้บ๋อมไม่เคยพูดถึงอีกเลยตั้งแต่ครั้งแรกนั้น ที่สำคัญตั้งแต่มาฝึกงานที่นี่เป็นเดือนก็ไม่มีใครที่แสดงทีท่าสนใจบ๋อมถึงขนาดจะต้องทำอย่างนี้ ใครกันที่ทำ??
“ทิงเจอร์ขาวหรือที่รู้จักกันดีในนามของเกล็ดขาว มันจัดอยู่ในกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นเซ็กส์อย่างรุนแรง คนให้ยากับเพื่อนน้ำมันคงทั้งให้ดื่มแล้วก็สอด ถึงได้เจอหนักขนาดนี้” “ใครกันทำได้ขนาดนี้” น้ำนิ่งซวนเซแทบยืนไม่อยู่เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของลุงหมอ แดนสรวงเดินเข้าพยุงน้องนั่งลงที่โซฟา หน้าหวานที่แดนสรวงเห็นระบายเต็มไปด้วยความกังวลใจและห่วงใยเพื่อนสุดใจ
“พี่จะสืบให้แล้วกันว่าใครเป็นคนทำ”
“ไม่ต้องห่วงนะแผลภายนอกลุงหมอรักษาให้หายได้” ลุงหมอตบมือลงบนไหล่ของน้ำนิ่งอย่างให้กำลังใจ นิ้วใหญ่อวบอ้วนชี้ลงที่หน้าอกข้างซ้ายใจของตัวเอง
“แต่ตรงนี้ต้องการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว คนรอบข้างอย่างเดียว อ้อเดียวมีข้อปฏิบัติอีกอย่างพยายามอย่าให้เพื่อนท้องผูกหรืออุจจาระแข็งล่ะ เดี๋ยวแผลจะไม่หาย ควรให้กินอาหารที่มีกากใยสูงและดื่มน้ำมากๆ เข้าใจนะ” “ครับ”
“เอาล่ะลุงต้องไปแล้วมีตรวจอีกเคส จะสั่งพี่พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษให้เลยวางใจได้ แต่ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลย ลุงอยู่ตลอดแหละ”
“ขอบคุณลุงหมออีกครั้งครับ” น้ำนิ่งยกมือไหว้ลุงหมออย่างขอบคุณจริงใจ ลุงหมอยิ้มอ่อนโยนให้น้ำนิ่ง มือใหญ่อวบอูมตบลงบนไหล่บางอย่างให้กำลังใจอีกครั้ง เมืองแมนเดินไปส่งลุงหมอถึงหน้าประตู ก่อนที่จะเดินกลับมานั่งลงข้างเตียงคนป่วย
“น้ำจะอยู่เฝ้าบ๋อมนะ”
“ไม่ได้!! คุณสิงห์ให้จ้างพยาบาลแล้ว” น้ำนิ่งชักสีหน้าไม่พอใจที่สองแฝดปฏิเสธคำขอของเขาเสียงแข็งออกมาพร้อมกัน สองคนนี้เป็นร่างอวตารของภูมิรึไงนะถึงชอบขัดใจเขาจังเลย
“แต่ว่าบ๋อม...”
“ไม่มีแต่ครับ พี่รู้ว่าบ๋อมเป็นเพื่อนรักของน้ำ เดี๋ยวพี่จะอยู่เฝ้าเพื่อนเราให้อย่างดีก็แล้วกัน” เป็นเมืองแมนที่รับปากน้องอย่างแข็งขัน น้ำนิ่งมองสลับคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยสายตาวิงวอนออดอ้อน ยิ้มประจบอย่างที่เคยทำ แต่ทั้งคู่ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเดียว สายตาวิงวอนที่เคยได้ผลตลอดมากลับเสื่อมมนต์ขลังมันใช้ไม่ได้กับครั้งกรณีนี้ซะงั้น น้ำนิ่งได้แต่ทอดถอนหายใจหนักหน่วงยอมรับอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
“รับปากมาก่อนว่าจะไม่ให้คลาดสายตา จะดูแลอย่างใกล้ชิด” น้ำนิ่งประกาศกร้าวขอคำสัญญาจากเมืองแมน
“วางใจเถอะน่า จะเฝ้าดูแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยสัญญา โอเค๊”
เมืองแมนชูสัญลักษณ์สามนิ้วเป็นคำสัญญา น้ำนิ่งจำต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้แต่สีหน้าบ่งบอกว่าเป็นห่วงเพื่อนอย่างสุดใจอันนั้นทั้งคู่รับรู้ได้ แต่ปฏิบัติตามความต้องการของของน้ำนิ่งไม่ได้ในเมื่อทุกสิ่งอย่างมันเกี่ยวด้วยความปลอดภัยของน้องทั้งสิ้น
-มีต่อด้านล้าง-