มนุษย์แฟนเด็ก
6
มีความไม่ทนแล้ว
“เดี๋ยวเรามานะ”
“ไปไหนนังหมู?” เบสท์ถามเพื่อนตัวขาวที่ลุกขึ้นยืน
“เราจะไปเอาขนมที่ห้อง เดี๋ยวมา แป๊บเดียวเอง เบสท์ไม่ต้องคิดถึงเราหรอก” จันทร์เจ้าหัวเราะร่าเมื่อเบสท์กลอกตาขึ้นฟ้า ลูกหมูวิ่งดุ๊กดิ๊กไปที่ห้องพัก เปิดกระเป๋าเสื้อผ้าหยิบเอาห่อมาร์ชเมลโลว์และแครกเกอร์ออกมากอด ได้ขนมแล้วก็ไปเอาโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตเตอร์รี่มาด้วย
เราแอบไปกระเซ้าถามพี่ชมพู่ว่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง พอพี่ชมพู่บอกว่ามีรอบกองไฟ ในหัวเราก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา นั่นก็คือการปิ้งมาร์ชเมลโลว์นั่นเอง! เราเอามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยน้า คึคึ เมื่อได้ของที่ต้องการก็กลับมาหาเพื่อน ลูกหมูคืนกุญแจห้องให้เบสท์เพราะไม่อยากเก็บเอง งงเล็กน้อยที่คราวนี้ไม่ได้มีแค่ฟินน์กับเบสท์แล้ว ลูกหมูขมวดคิ้วแต่ไม่คิดอะไร ยิ้มทักทายตะวันและเพื่อนของตะวันอีกสองคนด้วยรอยยิ้มสดใสเช่นกัน ก่อนจะแจกอาวุธให้กับเพื่อน ๆ จันทร์เจ้าเอามาร์ชเมลโลว์มาเสียบกับไม้หนึ่งชิ้นแล้วยื่นไปที่กองไฟ พอขนมสีขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเล็กน้อยก็เอาออกมาแล้วใช้แครกเกอร์สองชิ้นประกบแล้วรูดออก ตอนนี้เราก็ได้แครกเกอร์ใส้มาร์ชเมลโลว์แสนอร่อยมาครอบครองแล้ว เย้เย้!
“สรรหาแต่ของอ้วน ๆ มากิน” เบสท์ว่า แต่เจ้าตัวก็ยังงับขนมที่เราเอามาเข้าปากไม่หยุด
“ก็มันอร่อยนี่นา~”
“อ้วนนนนนนนนนนนนนน”
“อ๊า~ คึคึคึ” หัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี้เมื่อโดนฟินน์บีบแก้มและโดนเบสท์บีบพุงน้อย ๆ “ง่า อย่าแกล้งเราสิ อ่า!!” จันทร์เจ้าดิ้นหนีไปเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ตัวเองเซไปทางกองไฟด้วย จนกระทั่งมาหลบอยู่ข้างหลังของตะวัน มือขาวเกาะไหล่ของเพื่อนตัวโตเอาไว้ก่อนจะโผล่แค่ตาไปมองเบสท์กับฟินน์
“ตะวันปล่อยมันมา” ฟินน์บอก
“ม่ายยยยยยยย ตะวันต้องช่วยเรา ช่วยเราด้วย”
“ฮ่าฮ่า เล่นอะไรกันเนี่ย” ตะวันหัวเราะ พูดเหมือนจะไม่ช่วยแต่ก็ยอมกางแขนออกเพื่อกันจันทร์เจ้าจากเพื่อนอีกสองคน
“เบสท์กับฟินน์แกล้งเรา ตะวันช่วยด้วย อ๊าก!!” แม้แต่ตะวันก็ต้านพลังของเบสท์ไม่ได้... ลูกหมูถูกเพื่อนไซส์มินิลากแขนออกมาแล้วไล่จี้เอวอีกครั้ง จันทร์เจ้าหอบแฮ่กหายใจไม่ทัน พอได้จังหวะช่วงที่เบสท์ผ่อนแรงก็จัดการพลิกตัวเพื่อนให้หันหลังก่อนจะกระโดดขึ้นไปขี่หลังเบสท์เอาไว้
“เหี้ย!!! ไอ้หมูลงไปจากหลังกูเดี๋ยวนี้!!!!”
“ม่ายยยยย คึคึคึ”
“หัวเราะหาพ่อง หนักโว้ย ลงไป!” เบสท์พยายามสะบัดจันทร์เจ้าลงแต่ไอ้หมูนี่มันแรงเยอะจริง ๆ แขนป้อม ๆ เหมือนมาสคอตยางมิชลินของมันตวัดกอดคอของเบสท์เอาไว้ แถมขาสั้น ๆ เหมือนหลักกิโลเมตรข้างถนนก็เกี่ยวรัดเอวของเบสท์ไว้เช่นกัน ไอ้ฉิบหาย! ตัวก็ไม่ใช่เบา ๆ ยังจะมากระแดะขี่หลังกูอีก แล้วที่น่าตกใจคือเบสท์ดันรับน้ำหนักของจันทร์เจ้าไว้ได้โดยไม่เซล้มไปก่อน
“อีห่า ถ้ามึงไม่ลงจากหลังกูภายในสองวิกูจะตายแน่ ๆ”
“ม่ายยยยยย สนุกจังเลย คึคึคึ”
“คึคึพ่อมึงไอ้หมู!! หัวเราะทำไม มาช่วยกูสิชะนี!” เมื่อทำอะไรจันทร์เจ้าไม่ได้ก็ไปพาลฟินน์ซะงั้น ฟินน์เบ้หน้า หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยกนิ้วดันหน้าผากของเบสท์แรง ๆ จนเบสท์เซแล้วเดินจากไปอย่างสวย ๆ หูย เกือบล้มแนะ จันทร์เจ้านึกซน วางคางในหัวของเบสท์ก่อนจะส่ายไปมา ดุนคางกับศีรษะเพื่อนไซส์มินิ จนเบสท์ฟาดเข้าที่แขนดังเพียะ ลูกหมูหัวเราะและยิ้มจนดวงตาปิดหยี กระโดดลงจากหลังเพื่อนแต่ยังไม่ปลดแขนออก จันทร์เจ้ายังคงยิ้มขณะที่บี้แก้มกับไหล่ของเบสท์ จนกระทั่งสายตามองไปเห็นใครบางคน รอยยิ้มถึงได้หายไป
“พี่กาลมองมึง”
“ใครเหรอ?”
“ไอ้นี่” เบสท์ตบหน้าผากจันทร์เจ้าเบา ๆ หนึ่งที อยากจะถามว่ามีปัญหาอะไรกันแต่ไอ้หมูแคระก็คงไม่บอก เจ้าลูกหมูครางฮือในลำคอ ก้มหน้าซบไหล่ของเบสท์และเปลี่ยนจากกอดคอเป็นกอดเอวไว้แทน ใช่... คนที่เราเห็นคือรุ่นพี่ทิวากาลนั่นแหละ ไม่รู้จักกันแล้วจะมองทำไม ไม่มีมารยาท!
“จันทร์เจ้ากับเบสท์สนิทกันจังเลยเนอะ”
“จำเป็นต้องสนิทอ่ะ”
“อู้หูย โป้งเบสท์แล้ว!”
“ไป๊ จะไปไหนก็ไป รำคาญ”
“เชอะเชอะ!” แยกเขี้ยวใส่เพื่อนไซส์มินิแล้วแยกตัวออกไป ปล่อยให้เบสท์หัวเราะอยู่กับตะวันต่อไป หนอยแนะ! มารำคาญเราได้ยังไง เราออกจะน่ารักขนาดนี้ จะฟ้องพี่ฟ้าให้มาจัดการเลย ฮือ! ไปหาน้ำหวานกินดีกว่า!
“จันทร์เจ้า”
“หือ ตะวันมีอะไรเหรอ?” เงยหน้าไปถามเพื่อนตัวสูงที่เพิ่งตามมาระหว่างที่รินน้ำแดงใส่แก้วที่มีน้ำแข็งอยู่แล้ว
“โกรธเหรอ?”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ที่คุยเมื่อกี้ไง”
“อ๋อ... เปล่าอ่ะ เราไม่โกรธหรออก รู้ว่าพูดเล่น” ตะวันระบายยิ้มและยื่นมือไปยีกลุ่มผมนุ่มของจันทร์เจ้า เมื่อเห็นว่าจันทร์เจ้าไม่ได้ปัดออกหรือมีท่าทีรังเกียจเขาจึงเลื่อนมาบีบแก้มนุ่มบ้าง
“งื่อออออ” คราวนี้จันทร์เจ้าปัดมือของตะวันออกแล้วลูบแก้มตัวเอง เขย่งเท้าให้สูงก่อนจะส่งมือไปดึงแก้มของตะวันบ้าง หัวเราะคิกคักพอใจอยู่คนเดียว หันหลังจะเดินไปหยิบขนมมากินเพิ่มแล้วกลับไปหาฟินน์กับเบสท์
“ทุกคน ฟังทางนี้หน่อยค่า!!” ทุกเสียงพูดคุยเงียบไปเมื่อเสียงของรุ่นพี่ปีสองดังขึ้นมา “ถึงเวลาที่เราจะมาบอกสายรหัสกันแล้วนะค้า วู้วววววว”
จากนั้นเสียงฮือฮาก็ดังตามมา จันทร์เจ้านั่งกัดขนมปังกรอบไประหว่างฟัง ลูกหมูไม่ซีเรียสว่าจะได้ใครเป็นพี่รหัส ขอแค่มีขนมให้กินเยอะ ๆ และอย่าแกล้งเราก็พอแล้ว คึคึ
“ขอให้น้องทุกคนหลับตาลงนะคะ แล้วพี่รหัสของน้องจะเดินไปหาเอง เดี๋ยวพี่สั่งให้ลืมตาค่อยลืมน้า” โอเค! ลูกหมูหลับตาลงตามคำสั่งของรุ่นพี่ แต่มือเล็กยังหยิบขนมเข้าปากและเคี้ยวกร้วม ๆ ไม่หยุด ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของการกิน จำไว้!! ผ่านมาเกือบจะสามนาทีแล้วแต่รุ่นพี่ยังไม่สั่งให้ลืมตาเลย ลูกหมูอ้าปากหาววอด ตอนนี้เวลาสามทุ่มครึ่งแล้วด้วยสิ ทำไมถึงง่วงเร็วจังเลย หรือเพราะเหนื่อยสะสมนะ เสร็จจากเจอพี่รหัสต้องขอไปนอนก่อนซะแล้ว...
“เรียบร้อยนะค้า น้องลืมตาแล้วหันไปมองด้านหลังตัวเองนะคะ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือพี่ของน้องค่ะ!”
ฟึ่บ!
อ้าว... ว่างเปล่า ไม่มีใครเลย ลูกหมูยู่ปาก ก่อนจะหันกลับมาแล้วกินขนมตามเดิม มองเพื่อนตัวเองก็มีพี่มายืนอยู่ด้วย เบสท์อึ้งไปเลยเมื่อเห็นว่าพี่รหัสคือพี่โก๋และอึ้งไม่นานก็ยิ้มกว้างบ่งบอกว่าดีใจมาก ๆ ฟินน์ก็พอกัน ได้พี่รหัสหล่อสมใจล่ะ ได้ยินฟินน์บ่นอยากได้พี่รหัสหล่อ ๆ อยู่ทุกวัน งานนี้ไม่รู้ว่าต้องตามแก้บนหรือเปล่า ส่วนตะวันก็ทำหน้าเฉย ๆ ไม่ได้ดีใจมาก แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจ
อะไรอ่า... ทำไมเราไม่มีพี่เหมือนคนอื่น...
“เอาล่ะค่ะ ส่วนน้องคนไหนที่พี่รหัสไม่อยู่ด้วยไม่ต้องเสียใจนะค้า น้องมีพี่แน่ ๆ ค่ะ แต่พี่ของน้องติดธุระมาร่วมกิจกรรมไม่ได้”
“อ๋อ...” ลูกหมูพยักหน้าหงึกหงักรับรู้เมื่อรุ่นพี่ประกาศบอก มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่านะครับ” พี่โก๋ส่งกล่องของขวัญให้เบสท์ เบสท์ตาโต พุ่มมือไหว้แล้วรับกล่องนั้นมาถือ ลูกหมูยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างสนใจ แม้จะโดนเบสท์จิกตามองก็ไม่หวั่น คึคึ
“อู้หูย สวยจังเลย~~”
“เสือก” เบสท์พูดและใช้กล่องของขวัญเคาะหัวของจันทร์เจ้า หมูอ้วนเบะปากงอน แต่เบสท์ก็ไม่ง้อ
“ขอบคุณครับพี่โก๋ แต่เบสท์ไม่มีอะไรให้พี่เลย”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง”
“พี่โก๋ พี่โก๋รู้ไหมว่าพี่รหัสของเราเป็นใคร?” ลูกหมูยื่นหน้าเข้าไปถามพี่โก๋พร้อมทำตาเป็นประกายอย่างอยากรู้ โก๋หัวเราะเบา ๆ แอบเหล่มองไปที่พี่รหัสปีสี่ของตัวเองที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ พอเห็นว่าพี่กาลจ้องอยู่ก็แอบยิ้ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จันทร์เจ้าแล้วพูดเสียงเบา
“รู้สิ”
“จริงเหรอ!!! ใครฮะ!!? ผู้หญิงหรือผู้ชาย พี่โก๋มีรูปไหม?”
“มึงจะเสือกอะไรกับพี่รหัสกูเนี่ย!”
“เบส์ทจะหวงพี่รหัสทำไมเนี่ย!”
“อีนี่!”
“ทำแมะ!”
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันนะเด็ก ๆ นี่ พี่รหัสจันทร์เจ้า” พี่โก๋ห้ามศึกและส่งโทรศัพท์มือถือที่มีรูปภาพของสาวสวยคนหนึ่งอยู่ ตาโตเบิกโพลง
“อู้หูย สวยจัง! ชื่ออะไรหรอครับ”
“ซันนี่”
“หง่ากกกกก น่ารักจังงงงงงงงง ขอบคุณพี่โก๋นะครับ” พี่โก๋ยิ้มรับ จันทร์เจ้าส่งมือถือคืนให้เจ้าของ บอกกับเพื่อนว่าจะไปเอาขนมกับน้ำมากินก่อนจะลุกไปที่โต๊ะอาหาร
“อ๊ะ!!” เสียงใสร้องขึ้นด้วยความตกใจ ไหล่เล็กถูกกระแทกทำให้จานขนมที่อยู่ในมือร่วงไปหมด น้ำหวานสีแดงหกราดมือขาวเพราะตกใจจนเผลอบีบแก้วซึ่งเป็นพลาสติกทำให้น้ำหวานกระฉอก จันทร์เจ้ากะพริบตาถี่ หันไปมองคนที่เดินมาชนตัวเอง เราเห็นทิวากาลปรายตามองแล้วก็ตักอาหารใส่จานไม่ได้สนใจจะขอโทษเลยด้วยซ้ำ คราวนี้เราโกรธ โกรธจริง ๆ ด้วย
“ขอโทษเราดิ!” ลูกหมูใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือแก้วกระชากไหล่ของร่างสูงให้หันมา หลาย ๆ คนต่างก็หันมาให้ความสนใจ ฟินน์กับเบสท์รีบวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ จันทร์เจ้า และมีตะวันยืนอยู่ด้วย ชมพู่ มิค ต้นและรถถังก็เดินเข้ามาหาเพื่อนตัวเองเช่นกัน
“อะไรวะ!?”
“ทิวาชนเรา”
“สนิทกัน?”
จันทร์เจ้าหลับตา สูดลมหายใจเข้าอย่างระงับอารมณ์
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” ต้นถามขึ้นมา
“เพื่อนพี่ต้นเดินมากระแทกไหล่เรา ทำขนมเราหล่นแถมทำน้ำเราหกด้วย”
“พูดจากับรุ่นพี่แบบนี้เหรอ” ยังไม่ทันมีใครได้พูดอะไร ทิวากาลก็เอ่ยออกมาก่อน เหมือนพูดลอย ๆ ลอยไปกระทบจันทร์เจ้าเต็ม ๆ
“ต้องให้พูดกู-มึงแบบคุณหรือไง แต่ว่าพอดีผมถูกสอนมาว่าการพูดไม่สุภาพกับคนที่ไม่สนิทมันเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทและหยาบคายน่ะครับ”
“อ๋อเหรอ?” ทิวากาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ากลับกวนความรู้สึกคนฟังไม่น้อย
“ถ้ามีสำนึกก็น่าจะคิดได้นะครับคุณทิวากาล” คำพูดที่ออกจากปากของจันทร์เจ้าทำให้คนที่ได้ยินอึ้งไปไม่น้อย คงไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กหน้าตาซื่อ ๆ จะพูดคำที่เสียดสีคนฟังได้แบบนี้
“มึง!!!” ทิวากาลผลักไหล่เล็กด้วยความโมโห เขาจะก้าวเข้าไปใกล้อีกแต่โดนเพื่อนดึงเอาไว้
“ทำเหี้ยอะไรของมึง มึงทำน้องชับบี้ของกูทำไม!” ชมพู่ผลักไหล่ทิวากาล มือหนายกปัดมือของเพื่อนออกและดันร่างของชมพู่ไปด้านข้าง
จันทร์เจ้าเชิดหน้ามองคนที่ตัวเองเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้ คนที่เคยว่าเป็นพี่ที่ดีคนหนึ่ง คนที่ใจดีและซื้อนมมาให้บ่อย ๆ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงใจร้ายกับเราจัง ทิวาผลักเรา ผลักเราทำไม... หรือทิวาที่เขารู้จักกับคนที่ชื่อทิวากาลจะไม่ใช่คนเดียวกัน
ทิวาไม่ใจร้ายเหมือนทิวากาลหรอก ทิวาไม่เคยใจร้ายกับเราเลย...
“ช่างเขาเถอะครับพี่ชมพู่”
“หึ! มึงก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเด็กนี่หรอกชมพู่ มีคนสนใจมันเยอะจะตาย” แทบจะยกมือตบหน้าผาก ชมพู่ทำหน้าเหมือนจะตาย อยากเข้าไปบีบคอเพื่อนสนิทแล้วเขย่า ๆ ว่าแม่งไปแดกของแสลงอะไรมาถึงได้ทำตัวน่าฆ่าขนาดนี้ หงุดหงิดอะไรมาถึงได้มาพาลใส่น้องชับบี้ของกู!!! จำไว้เลยเชี่ยกาล กูจะฟ้องแม่มึง ฮือ!
“พูดอะไรของคุณ?” จันทร์เจ้าย้อนถาม ทิวากาลไหวไหล่ไม่สนใจ “คุณบอกไม่ให้ผมยุ่งกับคุณ แล้วคุณมายุ่งกับผมทำไม”
“กูยุ่งกับมึงหรอ? สำคัญตัวผิดไปหรือเปล่า”
“......นั่นสินะ”
“หมู...” เบสท์และฟินน์บีบไหล่เพื่อนเบา ๆ ลูกหมูยิ้มบางให้เพื่อน ก่อนจะหันหลังเพราะไม่อยากสนใจคนใจร้ายคนนั้น แต่แล้วคำพูดที่ออกจากปากของผู้ชายคนนั้นก็ทำเอาเส้นความอดทนของจันทร์เจ้าขาดสะบั้นลง
“มึงจะอ่อยใครก็อ่อยไป แต่อย่ามาอ่อยน้องกู”
ปึก! ซ่า! แก้วน้ำในมือถูกเหวี่ยงไปกระทบใบหน้าคมคายของคนพูด น้ำหวานสีแดงที่เหลืออยู่มากกว่าครึ่งเปื้อนเสี้ยวหน้าหล่อและไหลรดไปเปรอะเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ทิวากาลสวมใส่เป็นวงกว้าง ผู้เห็นเห็นการได้แต่อ้าปากค้าง ไม่มีใครส่งเสียงใดออกมา แม้แต่ทิวากาลเองก็ยังอึ้งจนพูดไม่ออก
“
จะบอกว่าปากหมายังต้องสงสารคุณหมาเลยที่ต้องถูกเอามาเปรียบเทียบกับคนอย่างคุณ! แล้วผมไปอ่อยใครตอนไหน น้องคุณคือใครผมยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ!” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกเสียงเรียบนิ่งพร้อมดวงตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น พอกันที เราเบื่อแล้ว เรื่องบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ถูกว่าทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ ไร้เหตุผลชะมัด!
“หมู... มึงโอเคนะ?” เบสท์ถามขึ้นหลังจากที่พวกเข้ากลับมานั่งจับกลุ่มกันเหมือนเดิม จันทร์เจ้าส่งยิ้มให้เพื่อนทั้งสองและเผื่อแผ่ไปถึงตะวันด้วยขณะเทน้ำเปล่าล้างคราบเหนียวเหนอะของน้ำหวานที่เลอะมือ...
เราโดนไม่เยอะยังเหนียวขนาดนี้ แล้ว... โดนไปเยอะแบบนั้นจะเป็นยังไงนะ ช่างเถอะ ไม่เห็นต้องไปสนใจเลย
“โอเคมาก แต่ว่า...”
“แต่อะไร!!?” เบสท์กับฟินน์ร้องถามพร้อมกัน ลูกหมูหลุบตามองมือตัวเองและถอนหายใจออกมา
“เราเสียดายน้ำหวานจังเลย...”
“โว้ะ!!!!”
“จริง ๆ ไม่น่าโยนใส่เขาเลย เสียดายจัง ขนมเราก็หล่นหมดเลย...”
“นึกว่าจะนอยด์ อีห่า ตกใจหมด” จันทร์เจ้ายิ้มแหยก่อนดุนศีรษะกับไหล่ของเพื่อน หัวเราะอยู่ดี ๆ ก็อ้าปากหาวซะงั้น
“อะไร ง่วงแล้วเหรอ?”
“งืม สงสัยเพราะใช้พลังงานไปเยอะ เราไปนอนก่อนนะ บั๊บบัย” ลูกหมูบอก เบสท์กับฟินน์ก็โบกมือให้ไม่ทักท้วงอะไรเพราะตากลม ๆ ก็ปรือปรอยแล้ว คงจะง่วงจริง ๆ
“ไปส่งไหม?” เพิ่งจะก้าวไปได้ก้าวเดียวก็ต้องหยุด ยิ้มให้ตะวันแล้วสั่นหัว ห้องอยู่ใกล้นิดเดียวเอง ไม่จำเป็นต้องไปส่งหรอก ถ้าจะมีอะไรไม่น่าไว้ใจก็สายตาของบีเอฟนั่นแหละ... ลูกหมูโบกมือให้เพื่อนอีกครั้งแล้วจึงเดินกลับห้องพัก
มือเล็กตบหน้าผากตัวเองดังแปะ ไม่มีกุญแจแบบนี้จะเข้าห้องได้ยังไงล่ะ หันหลังพิงประตู ตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว เบสท์คงปาร์ตี้ไปยาว ๆ แน่นอน ไปเดินเล่นแถวนี้รอแล้วกัน... เมื่อคิดแบบนั้นลูกหมูเริ่มการผจญภัยยามค่ำคืน ขาเล็กก้าวเดินช้า ๆ ไม่รีบร้อน อากาศตอนกลางคืนของที่นี่ค่อนข้างเย็นเลยทีเดียว โชคดีที่ใส่ชุดขายาวแขนยาวออกมา แม้จะเป็นแค่ชุดวอร์มธรรมดาแต่ก็สามารถลดความหนาวลงได้
หนาวแต่ก็มานั่งอยู่ใกล้น้ำนะจันทิมันตุ์ มือขาวล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดเล่นขณะที่นั่งอยู่ในศาลากลางน้ำ ขมวดคิ้วก็แจ้งเตือนที่อยู่บนจอเล็กน้อย กว่าร้อยข้อความที่ส่งมาจากน้องชายปีศาจ พอกดเข้าไปดูกลับเป็นสติ๊กเกอร์ไปแล้ว 99.98% เหงาหรอ จริงใจเหงาใช่ไหม…
(“โทรมาทำไม?”) เด็กปีศาจรับสายแล้วถามเสียงรำคาญ
“จริงใจนั่นแหละ ส่งสติ๊กเกอร์มาวอแวพี่ทำไม”
(“อ๋อ มือลั่น”)
“ลั่นเยอะจัง คิดถึงพี่เหรอ ว้าย ๆ”
(“สำคัญมากมั้ง”)
“แล้วสำคัญไหม?”
(“สำคัญ”) ลูกหมูยิ้มกว้าง พอใจกับคำตอบของน้องชายปีศาจ ถ้าจริงใจบอกว่าไม่แล้วว่าต่ออีกว่าอย่าคิดไปเองเราต้องร้องไห้งอแงแน่ ๆ เลย
“รักจริงใจนะ…”
(“เป็นอะไร?”)
“เปล่า…”
(“เค้าถามว่าเป็นอะไร เล่ามาให้หมด”)
“มันพูดยากนี่ แล้วมันก็ไร้สาระมากด้วย”
(“เรื่องไร้สาระคงไม่ทำให้คนอย่างพี่ทำเสียงเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นได้หรอก”)
“ฮึก… จริงใจ”
(“…..”)
“พี่รู้สึกไม่ดีเลย ฮือ…”
(“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า ร้องไห้ให้พอแล้วไม่ต้องร้องอีก ถ้ามันเป็นเรื่องไร้สาระก็อย่าไปเสียน้ำตาให้มัน”)
“คับ… พี่รักจริงใจที่สุดเลยยยยย”
(“ให้ไปหาไหม?”)
“ดึกแล้ว จริงใจไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้ว”
(“อืม เปิดโหมดเครื่องบินแล้วไปนอนซะ หลับให้สนิท อย่าลืมใส่ถุงเท้าด้วย”)
“คับป๋ม! จริงใจก็หลับให้สนิทน้า บั๊บบัย”
หลังจากวางสายจากน้อยจากก็ถอนหายใจออกมาแรง ๆ ขาเล็กชันขึ้นก่อนจะโอบแขนกอดขาตัวเองและวางคางบนเข่า การที่ได้คุยกับจริงใจทำให้ลูกหมูสบายใจขึ้นมาบ้าง การได้ร้องไห้ก็ทำให้ความอึดอัดภายในหัวใจนั้นบางเบาลงแม้ไม่ได้หายไปทั้งหมด ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องเอาเรื่องบ้า ๆ นั่นมาใส่ใจ บ้าบอที่สุดเลย! ปัดนิ้วเลื่อนคีย์ลัดแล้วเปิดโหมดเครื่องบินตามที่จริงใจบอก ก่อนจะนั่งมองธรรมชาติยามกลางคืนที่เกือบจะมืดสนิท
“จริงใจจะไปไหนน่ะ!?” ขายาวหยุดชะงักเมื่อเสียงของมารดาร้องถาม
“ต่างจังหวัดครับ”
“ไปทำไม?”
“อ่า…”
“มันดึกแล้วนะ กลับขึ้นไปนอนแล้วค่อยไปพรุ่งนี้” จริงใจคอตก ก้มหน้ายอมเดินขึ้นชั้นบน นับว่าเป็นโชคดีที่แม่ไม่ถามอะไรมาก ไม่งั้นคงได้กังวลกันหมด การที่ไอ้หมูร้องไห้ใส่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทำให้จันทร์เจ้าร้องไห้ทั้งนั้นนอกจากตัวของนายจักรพรรดิคนนี้!
“หาวววว กูง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ”
“ไป ไป๊” ฟินน์สะบัดมือไล่ ด้วยความหมั่นไส้เบสท์จึงยื่นมือไปขยี้ผมของฟินน์แรง ๆ แล้วจึงรีบกลับห้องพัก ป่านนี้ไอ้หมูอ้วนนอนอืดไปเฝ้าพระอินทร์ไปแล้วมั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เบสท์เคาะประตูแล้วยืนรอ แต่ว่ากลับไม่มีคนมาเปิด พอโทรไปก็ติดต่อไม่ได้ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันแล้วเคาะรัวไปอีกครั้งก่อนจะทึ้งผมตัวเองแรง ๆ หลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีกุญแจ เบสท์รีบไขกุญแจ ภายในห้องมืดสนิทและเงียบกริบ เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานและไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใด มือเล็กเริ่มสั่นเทา หัวใจเต้นแรง เขายื่นมือไปเปิดสวิตซ์ ทันทีที่แสงสว่างมาเยือนก็แทบทรุดไปกับพื้น จันทร์เจ้าไม่ได้อยู่ในห้อง แล้วมันหายไปไหน เบสท์กดโทรศัพท์โทรออกไปที่เบอร์จันทร์เจ้าอีกครั้ง แต่เสียงตอบรับกลับมาก็เหมือนเดิมคือไม่สามารถติดต่อได้ หายไปไหนของมัน ตอนนี้มันเที่ยงคืนแล้วนะ ถ้าไม่มีกุญแจทำไมไม่กลับมาเอากับเขาวะ!!
“เฮ้ย ๆ ๆ ร้องไห้ทำไม?!” เบสท์เม้มปาก เขากำลังจะวิ่งไปหาฟินน์แต่เจอกลุ่มของพี่มิคก่อน แถมยังดึงแขนเขาไว้อีก
“จันทร์เจ้า จันทร์เจ้าไปไหนไม่รู้…”
“ฮะ!? ที่ห้องไม่มีหรอ” เบสท์สั่นหัวเป็นคำตอบ มิคมองหน้าเพื่อน คิ้วแต่ละคนขมวดเข้าหากัน
“น้องเบสท์โทรหาหรือยัง?”
“โทรแล้วครับ แต่ว่าติดต่อไม่ได้” ตอบพี่ชมพู่เสียงค่อย ก่อนที่พี่ต้นจะถามต่อ
“ครั้งสุดท้ายที่เจอจันทร์เจ้าบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน?”
“มันบอกว่าจะไปนอน แต่ผมลืมว่ากุญแจห้องอยู่ที่ผมและมันก็คงจะลืมเหมือนกันว่ามันไม่มีกุญแจ…” พูดไปน้ำตาก็ไหลไป ไม่รู้ไอ้หมูอ้วนมันไปอยู่ที่ไหน ภายใต้ใบหน้าซื่อ ๆ โง่ ๆ ที่ยิ้มตลอดเวลานั่นไม่รู้ข้างในมันคิดยังไง ฮือ ตวัดตามองคนที่ทำให้ดาร์คไซด์ของไอ้อ้วนออกมาแสดงศักดานุภาพ อย่างน้อย ๆ พี่กาลก็มีส่วนที่ทำให้ไอ้หมูเป็นแบบนี้สิ!!!
“อะไร?” ทิวากาลถามเสียงนิ่งเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเด็กมาร์ชเมลโลว์จ้องเขาอยู่นานแล้ว คงไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะเขาหรอกนะ
“ฮึย!!!”
“น้องเบสท์ลองโทรถามน้องฟินน์ก่อนว่าน้องชับบี้อยู่ด้วยหรือเปล่า”
“ครับ” สะบัดข้อมือจากการจับกุมของพี่มิคแล้วกดโทรศัพท์หาเพื่อน “ฟินน์! จันทร์เจ้าอยู่กับมึงหรือเปล่า!?”
(“เปล่า นี่กูอยู่ห้องแล้ว มีอะไรวะ?”)
“มันหายไปไหนไม่รู้ว่ะ”
(“เชี่ย!!! ตอนนี้มึงอยู่ไหน!?”)
“แถวห้องกู”
(“เดี๋ยวกูไปหา”)
“จันทร์เจ้าไม่ได้อยู่กับฟินน์ครับ” บอกพลางเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า อยากจะโทรหาจันทร์เจ้าอีกสักรอบแต่ยังไงผลมันก็ออกมาเป็นแบบเดิมคือติดต่อไม่ได้
“มึง!!!!” เบสท์หันไปมองตามเสียง ฟินน์หายใจหอบเพราะความเหนื่อย “มึงไป..หา..มันยัง?”
“ยังเลย…”
“รอเหี้ยอะไรอยู่วะ!!!!”
นั่นสิ รอเหี้ยอะไรอยู่ทำไมไม่ไปตามหามันสักที
“เดี๋ยวพวกพี่ไปตามเอง มึง ชมพู่พาน้องกลับไปที่ห้อง” รถถังบอก
“ผมจะไปด้วย!”
“กลับไปรอที่ห้องนั่นแหละ เผื่อเพื่อนน้องกลับมาจะได้ไม่คลาดกัน”
“แต่…”
“เอาแบบนั้นก็ได้ ถ้าเจอน้องแล้วก็โทรมา พวกกูจะไปรอที่ห้องพวกมึง” ชมพู่พูดแล้วดันหลังรุ่นน้องทั้งสองพากลับไปที่ห้องพัก ส่วนผู้ชายอีกสี่คนก็แยกย้ายกันไปตามหาลูกหมูหลงทาง โดยที่มิคกับกาลไปด้วยกัน และต้นกับรถถังไปด้วยกัน
“ถ้าใครเจอก่อนก็โทรมาบอกด้วย แล้วกลับไปเจอกันที่ห้องกู” มิคบอกทิ้งท้ายก่อนทั้งสี่จะออกไปตามหาคนที่หายไป
TBC
-ภาษาวิบัติที่มีภายในเรื่องนี้เป็นเพียงภาษาวิบัติที่ใช้เพียงเสียงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องค่ะ-
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ลูกหมูโหมดดาร์คก็มา แต่ดาร์คได้แค่นี้แหละ... ; __ ;
ความผิดทั้งหมดโยนไปเลยค่ะ โยนไปที่เขาได้เลย /เหล่ทิวากาล
ตอนที่แล้วทิวาถูกด่าจนนี่กลัวเลย และตอนนี้ก็คงจะโดนอีกเช่นกัน /กำพระแน่น
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้าครับผม .โป้งชี้ก้อย