กลางดึกสิงหารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่เพราะในห้องไม่มียาลดไข้เลยใช้ผ้าราดน้ำเย็นโปะหน้าผากแทน หลับได้ไม่นานก็รู้สึกหนักๆ ตัว แน่นหน้าอก มึนหัว เขารู้สึกได้ว่าไข้ขึ้นสูงแต่ไม่มีแรงขยับตัวอย่างใจนึก ท่ามกลางสติเลือนลางเหมือนได้ยินเสียงใครทุบอะไรสักอย่างข้างหู อาจจะเป็นเสียงหัวใจที่เต้นดังเพราะเริ่มหายใจถี่ นอนตั้งสติครู่ใหญ่ก่อนพยุงร่างออกมาเสียบสายโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือพนักงาน
“สวัสดีครับ คอนเซียซยินดีให้บริการครับ”
“ปิง แค่กๆ ผมสิงหาครับ”
“ครับคุณสิง เสียงคุณแย่มากเลย ไม่สบายใช่มั้ยครับ”
“ครับ ช่วยซื้อพวกยาลดไข้ให้หน่อยได้มั้ยครับ แค่กๆ”
“ไอด้วยใช่มั้ยครับ เดี๋ยวจะรีบซื้อให้ทันทีเลยครับ คุณสิงไปนอนพักก่อนนะครับ ขออนุญาตนำยาขึ้นไปส่งให้ที่ห้องพักเลยได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ ขอบคุณครับปิง” สิงหาวางสายแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด เกือบจะตัดการรับรู้ลงถ้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก
“ครับปิง”
“........” เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับสิงหาถึงได้รู้ว่าน่านนทีไม่ได้โทรกลับมา แต่ได้เวลาของโทรศัพท์โรคจิตอีกแล้ว เขากำลังจะวางสายแต่เหมือนได้ยินเสียงแว่วดังออกมา
“......คิกๆ” เหมือนเสียงหัวเราะเบาๆ สิงหากดวางสายแล้วดึงสายโทรศัพท์ออกก่อนไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาตามเดิม
น่านนทีเดินเข้าห้องพักพนักงานที่มีตู้ยาสามัญประจำบ้านตั้งไว้ เลือกยาลดไข้ลดน้ำมูก แตะบัตรพนักงานเปิดตู้ล็อกเกอร์หยิบคีย์การ์ดห้อง A201 ออกมา พรุ่งนี้ค่อยทำเรื่องแจ้งขอใช้คีย์การ์ดฉุกเฉินออกจากลิฟต์ส่วนตัวมายืนกดออดหน้าห้องหนึ่งครั้งเป็นมารยาทก่อนแตะคีย์การ์ดแล้วเปิดเข้าไปด้านใน เดินพ้นประตูเหลียวหาไม่ยากก็พบสิงหานอนตะแคงห้อยขาบนโซฟา แต่พอเขาเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก็ลืมตาแล้วขยับตัวลุกขึ้น
“ขอโทษทีนะครับ ได้ยินเสียงออดแว่วๆ กำลังจะลุกพอดีเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกดครั้งเดียว ไปนอนในห้องมั้ยครับคุณสิง”
“ครับ” สิงหาค่อยๆ ลุก ไม่ได้อาการหนักขนาดเดินไม่ไหว แค่มึนหัวเพราะเมื่อครู่เผลอหลับไป ตอนนี้เลยเบลอๆ
“หน้าแดงมากเลยครับ เดี๋ยวผมช่วยพยุงนะครับ ห้องนอนไปทางไหน” น่านนทีรีบสอดมือโอบเอวอีกฝ่ายไว้แล้วหันซ้ายหันขวามองหาประตูห้องนอน สิงหาเดินนำคนที่สอดตัวมาอยู่ใต้วงแขนเหมือนเตรียมพร้อมรับถ้าเขาจะทิ้งตัวลงไป แต่หากทำจริงคงได้ทับจนแบนนั่นล่ะ
“คุณตัวร้อนมากเลย เสื้อชื้นเหงื่อไปหมด เช็ดตัวเปลี่ยนชุดหน่อยดีมั้ยครับ จะได้หลับสบาย”
“ก็ดีครับ ปิงรอแป๊บนะ”
“ไม่ต้องลุกเลยครับ เสื้อผ้าอยู่ไหนเดี๋ยวผมไปเอามาให้ นั่นห้องแต่งตัวใช่มั้ยครับ” เจ้าของห้องพยักหน้ารับ น่านนทีก็ไม่รอช้ารีบเดินไปจัดการเปิดตู้หลายบานจนเจอชุดนอนกับผ้าเช็ดตัว เดินไปในครัวหาชามใส่น้ำเอาไปเช็ดตัวให้สิงหาที่นั่งตาปรือพิงหมอนบนเตียงรออยู่
“มาครับ ถอดชุดเดิมออกก่อน” น่านนทีเอื้อมมือไปปลดกระดุมชุดนอนได้สองเม็ด กล้ามอกแน่นๆ ก็อวดโฉมให้ได้เห็น แล้วเขาก็เริ่มรู้ตัวว่า...กำลังแก้ผ้าคนอื่น สิงหาเห็นน่านนทีชะงักมือ ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งเบิกโตมากกว่าเดิม แถมด้วยปากอิ่มอ้าออกน้อยๆ ก่อนที่ความคิดเขาจะฟุ้งซ่านมากขึ้นก็รีบดึงมือน่านนทีออกแล้วถอดเสื้อผ้าเอง
“เดี๋ยวผมทำเองครับปิง”
“อ่า ครับ นี่ผ้าเช็ดตัว ถูแรงๆ ไล่ไข้ออกหน่อยนะครับ” น่านนทีก้าวถอยหลังเล็กน้อย พยายามไม่มองกล้ามอกกล้ามท้องคนป่วย สิงหาก็ให้ความร่วมมือดี หยิบผ้าเช็ดตัวจุ่มน้ำบิดหมาดแล้วถูตัวจนรู้สึกสดชื่นมากขึ้น ยกเว้นข้างหลังที่ถูไม่ถึงจริงๆ
“คือ รบกวนเช็ดข้างหลังให้หน่อยครับ” เขายื่นผ้าให้คนที่ยืนอ้าปากหวอแทนคำตอบ เกือบจะดึงมือกลับแต่อีกฝ่ายรับไปเสียก่อน สิงหานั่งเอี้ยวตัวโชว์แผ่นหลัง ไม่นานผ้าเย็นๆ ก็เริ่มถูตั้งแต่หลังคอไล่ลงมาจนถึงเอว วนไปวนมาไม่กี่รอบก็เสร็จ แต่พยาบาลจำเป็นไม่ได้ใช้แรงถูไล่ไข้แบบที่สอน กลับใช้ระบบสั่นเบาๆ จนเขาเกือบหัวเราะออกมา ทำไมถึงเป็นคนน่ารักได้ขนาดนี้เนี่ย
“เดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้นะ จะได้กินยา คุณสิงกินข้าวมื้อสุดท้ายตอนกี่โมงครับ”
“น่าจะราวๆ บ่ายสาม”
“ผมว่าหาอะไรกินรองท้องอีกนิดดีกว่าค่อยกินยา เดี๋ยวผมจัดมาให้นะ ขออนุญาตใช้ครัวนะครับ”
“ตามสบายเลย ให้ช่วยอะไรก็เรียกดังๆ นะ” สิงหามองส่งพยาบาลมือใหม่ เขานั่งมึนๆ รอด้วยความรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
น่านนทีเดินมาที่ครัวแล้วเปิดตามตู้ต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นตู้ว่างไม่มีอะไรเลยแม้แต่เครื่องครัว ในตู้เย็นมีพวกอาหารแช่แข็งพวกสปาเก็ตตี ข้าวผัดกระเพรา อาหารรสจัดๆ ทั้งนั้น เขาเดินตัดสินใจกลับลงมาชั้นล่าง แวะบอกน้าสิทธิ์ที่มานั่งเฝ้าเคาน์เตอร์แทนให้นั่งอยู่ต่ออีกนิด แล้วรีบวิ่งเข้าห้องพักหยิบโจ๊กคัพมาสองถ้วย ซุปสาหร่ายใส่ไข่อีกหนึ่งซอง กลับขึ้นมาบนห้องเทโจ๊กกับซุปใส่ชามเติมน้ำร้อนทิ้งไว้สักพักให้เม็ดข้าวอืดๆ หน่อย คนให้เข้ากันก็เสร็จเรียบร้อย ดูน่ากินกว่าโจ๊กเปล่าๆ มีสารอาหารเกือบครบถ้วน
“หอมจังเลย ปิงทำเองเหรอ” สิงหารู้ดีว่าในห้องไม่มีอาหารแบบนี้แน่นอน
“โจ๊กคัพครับ ผมวิ่งลงไปหยิบที่ห้องพักมา สูตรนี้ผมชอบทำกินเอง อร่อยแถมอยู่ท้องด้วย คุณสิงค่อยๆ กินนะครับ มันยังร้อนอยู่”
“ขอบคุณมากนะครับ ลำบากต้องวิ่งไปวิ่งมา”
“ไม่เป็นไรครับ ด้วยหน้าที่ก็ต้องดูแลลูกบ้านให้ดีที่สุดอยู่แล้ว”
“ดูแลลูกบ้านอย่างนี้ทุกคนเลยเหรอ”
“แน่นอนสิครับ เราบริการแบบวีไอพีเพื่อให้รู้ว่าทุกคนคือคนพิเศษของเรา” น่านนทีท่องสโลแกนด้วยความภูมิใจ ไม่ได้สังเกตประกายตาที่หม่นลงวูบหนึ่งของคนป่วย
“ผมนึกว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นซะอีก”
“อ่า...ก็...นิดนึงมั้งครับ แบบว่า...ปัญหาคุณสิงแต่ละเรื่องผมยังไม่เคยช่วยได้เลย ครั้งนี้ถือว่าแก้ตัวนะครับ แถมคุณสิงเป็นลูกบ้านคนแรกที่ผมได้ดูแลเต็มตัวด้วย”
“เต็มตัวคือยังไงครับ มีแบ่งกันเทคแคร์ด้วยเหรอ” สิงหาถามไปก็ตักโจ๊กทานไปเรื่อยๆ รสชาติบอกไม่ได้ว่าอร่อยหรือเปล่าเพราะปากไม่ค่อยรู้รส แต่ก็โล่งคอขึ้นเยอะ เสียดายที่น้อยไปหน่อย ตักไม่กี่คำก็ใกล้จะหมดซะแล้ว
“ไม่ใช่ครับ คือปิงเพิ่งทำงานที่นี่ไม่นาน ตอนแรกทำนิติฯ ก่อนแล้วก็ย้ายมาคอนเซียซ ลูกบ้านส่วนใหญ่จะเข้าอยู่นานแล้ว พวกระเบียบหรือบริการส่วนกลางต่างๆ ที่ปิงต้องท่องจำก็เลยไม่ค่อยได้ใช้จริง มีคุณสิงคนแรกเลยที่ปิงได้พูดให้ฟัง เพราะงั้น...บางทีเลยพูดมากไปหน่อยนึง”
“อ้อ สะสมข้อมูลไว้เยอะแต่ไม่มีคนให้ระบายออกใช่มั้ยครับ แค่กๆ”
“ประมาณนั้นแหละครับ คุณสิงอิ่มแล้วใช่มั้ย กินยาเลยครับจะได้นอนต่อ ดึกมากแล้ว” น่านนทีพูดจบสิงหาก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“ตื่นมาถ้าไม่ดีขึ้นก็ไปหาหมอดีกว่านะครับ เรียกรถไปส่งได้เลยกรณีฉุกเฉินแบบนี้”
“ให้ข้อมูลผมอีกแล้วเหรอ”
“แหะๆ ก็มันจำเป็นนี่ครับ ผมลงไปก่อนนะครับ มีอะไรโทรได้ตลอด ขอให้หายเร็วๆ นะครับ” น่านนทีอวยพรก่อนยกชามไปล้างเก็บให้ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนป่วยคอยมองตามจนลับสายตา ถึงพิษไข้จะทำให้มึน แต่ความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดมานานคือของจริงแน่นอน อาจเพราะแรงยุจากเพื่อนหรือเกิดถูกใจเข้าจริงๆ ก็ไม่รู้ รู้แค่ตอนอีกฝ่ายกำลังจะไปเขาอยากเอื้อมมือไปรั้งเอาไว้...อยู่ดีๆ ก็เหงาขึ้นมา
หลังเลิกงานน่านนทีกลับถึงบ้านด้วยความกังวล ถึงจะบอกว่าอาการป่วยของสิงหาไม่หนัก แต่เมื่อไม่มีคนคอยดูแลมันก็ดูหนักไปหมดสำหรับเขา ปกติถ้าไม่สบายนิดๆ หน่อยๆ เขาก็จะถือโอกาสอ้อนพ่ออ้อนแม่ตลอด การนอนป่วยคนเดียวในห้องเป็นอะไรที่เขาไม่ชิน ก่อนกลับมาเขาก็บอกพี่นิดไว้แล้วว่าเที่ยงๆ บ่ายๆ ให้ลองโทรไปเช็คดู ถ้าอาการหนักขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันรู้สึกตงิดๆ ว่าเป็นความรับผิดชอบของเขา ปล่อยวางไม่ได้เลย กินข้าวอาบน้ำแล้วก็ยังนอนคิดแต่เรื่องนี้ สุดท้ายตื่นมาบ่ายกว่าก็รีบโทรเช็คสถานการณ์ล่าสุด
“เขาเป็นไงบ้างพี่ คุณสิงน่ะ”
“เสียงแหบๆ พี่โทรไปไม่ติดหรอกแต่เขาโทรลงมาให้ซื้อข้าวกับยาไปให้ พี่ให้บัตเลอร์ขึ้นไปดูแลเรียบร้อย ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ”
“เฮ้อ...ค่อยโล่งอกหน่อย ปิงเห็นแล้วสงสาร นอนซมอยู่คนเดียวในห้องทั้งคืนเลย”
“แหม พี่น่าจะเข้ากะเมื่อคืนนะ อยากดูแลจัง จะโอ๋ให้หายป่วยเลย”
“เจ้ๆ มีแฟนแล้วนะ เดี๋ยวฟ้องเลยนะ”
“อะไรเรา หวงเหรอ”
“หวงไรเล่า ก็แซวเล่นเฉยๆ”
“จ้า แซวเฉยๆ เห็นย้ำให้พี่ดูแลอยู่นั่น แถมยังโทรมาเช็คอาการอีก พี่ก็นึกว่าเราหลงเสน่ห์ดาราตามยัยออมไปอีกคนน่ะสิ”
“แหม ก็คนมันหล่อนี่นา แต่ไม่ได้หลงอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”
“จ้าๆ แค่นี้ก่อนนะ ถ้ามีอะไรด่วนจะโทรแจ้งคุณบุรุษพยาบาลทันทีเลยค่ะ”
“พี่นิดอะ แค่นี้นะ” น่านนทีรีบวางสายท่ามกลางเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย ก็ใบหน้าคุณสิงตอนป่วยมันชวนให้ใจบางนี่นา ทำตาปรือๆ อ้อนๆ หน้าแดงๆ น่าสงสารจะตายไป
คืนต่อมาน่านนทีออกจากบ้านก่อนเวลานิดหน่อย พร้อมหิ้วโจ๊กสี่ถุงใหญ่ติดมือมาด้วย เขาได้ข่าวจากพี่นิดแล้วว่าคุณสิงยังไม่หายป่วย นอกจากโทรลงมาสั่งอาหารแล้วก็ไม่ลงมาอีก ส่วนเบอร์โทรที่มีปัญหาคุณสิงทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือไว้ให้คอนเซียซโดยเฉพาะ อันที่จริงพี่นิดแซวว่าคุณสิงฝากให้ปิงคนเดียว ซึ่งเขาก็รู้ว่ามันไม่จริงหรอก แต่ด้วยความเป็นห่วงเลยให้แม่ทำโจ๊กรสเด็ดมา ตอนแรกแม่จะไม่ทำเพราะเขาไม่ได้ป่วย กับข้าวที่บ้านเยอะแยะ แต่พอบอกว่าจะเอามาให้ดาราแม่รีบต้มข้าวตั้งแต่ตอนเย็น
“อ้าว ทำไมมาเร็ว อีกตั้งชั่วโมง”
“เอาโจ๊กมาให้คุณสิงด้วยน่ะพี่ มีเผื่อพี่กับออมด้วยนะ” น่านนทีหยิบโจ๊กสองถุงส่งให้ พี่โจรับไว้พร้อมขอบใจ พอรู้บ้างว่ามีลูกบ้านไม่สบายและน่านนทีก็เป็นคนดูแล
“จะเอาเบอร์ใช่มั้ย พี่นิดเล่าให้ออมฟังแล้ว อิจฉาอะ นี่ค่ะเบอร์คุณสิงของออม” ออมยื่นกระดาษโน้ตให้พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม สงสัยพี่นิดแอบนินทาอะไรเขาไว้ชัวร์
“งั้นเดี๋ยวปิงลองโทรก่อนนะ” เขายิ้มแห้งๆ ให้พี่โจที่มองอย่างสงสัยที่เห็นออมยิ้มล้อเขาอยู่ เดินหนีไปนั่งหลบมุมก่อนจะกดหมายเลขโทรไป
“ครับ”รอไม่นานเสียงแหบๆ ก็ดังขึ้น เสียงแย่กว่าเมื่อวานนิดหน่อย
“คุณสิงครับ ผมปิงเอง เป็นยังไงบ้าง เสียงดูไม่ดีเลย”
“อ้อ ปิงเหรอ ไข้ไม่ค่อยสูงแล้ว แต่เจ็บคอน่ะครับ”
“คุณสิงนอนหรือยังครับ พอดีผมเอาโจ๊กมาฝาก เอาไว้กินตอนเช้าก็ได้ครับ”
“กินตอนนี้ก็ไหวครับ เดี๋ยวผมลงไปเอาที่ล็อบบี้นะ” พอสิงหาวางสายน่านนทีก็ลุกขึ้นเดินมายืนรอหน้าโถงลิฟต์ คนป่วยจะได้ไม่ต้องเดินไกล ด้านสิงหาที่แทบไม่มีไข้ เหลือแค่เจ็บคอนิดหน่อยกลับอยากอาการสาหัสขึ้นมา เขาส่ายหน้าให้กับความคิดตัวเองก่อนจะลงลิฟต์ไปหาพยาบาลคนเดิม
น่านนทีฉีกยิ้มโบกมือให้หลังประตูกระจก เมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาเขารีบกวาดตามองผ่านๆ เห็นว่าหน้าไม่โทรมเท่าเมื่อคืนก็วางใจ
“นี่ครับโจ๊กทรงเครื่อง ฝีมือแม่ผมเอง รับรองอร่อยกว่าโจ๊กคัพแน่ๆ”
“รบกวนแม่ปิงแล้วสิ ฝากขอบคุณด้วยนะครับ”
“จริงๆ ขอถ่ายรูปสักใบให้แม่เป็นค่าโจ๊กแทนได้มั้ยครับ”
“ได้สิ แต่นี่ให้ผมสองถุงเลยเหรอ”
“อ๋อ อีกถุงของผมเอง พอดีรีบมาก่อนเวลางาน กลัวคุณสิงจะหลับก่อนน่ะครับ” จริงๆ เขาจะรอให้ตอนเช้าหลังเลิกงานก็ได้ แต่หลายครั้งที่เจอกันมักเป็นตอนดึกเสมอ เลยเดาว่าคุณสิงน่าจะนอนดึกเป็นกิจวัตร
“งั้นขึ้นไปกินด้วยกันมั้ยครับ บนห้องผม”
“เอ่อ ไม่ดีมั้งครับ” พนักงานห้ามขึ้นห้องลูกบ้านหากไม่มีหน้าที่ หัวหน้าและผู้จัดการย้ำกับทุกคนหลายครั้ง จริงๆ คือห้ามทำตัวสนิทสนมเกินควรด้วยนั่นแหละ ขนาดออมเป็นแฟนคลับคุณสิง ต่อหน้ายังต้องเรียกคุณสิงอย่างสุภาพเลย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะได้มีเพื่อนกิน นะ” คนหล่อขี้อ้อนขนาดนี้ทำเอาใจบางลงไปเยอะ น่านนทีหันไปมองที่เคาน์เตอร์คอนเซียซ แอบเห็นออมหันหน้าหนีแทบไม่ทัน แอบมองเขาอยู่ล่ะสิ
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปบอกเพื่อนก่อน คุณสิงรอแป๊บนึงนะ” น่านนทีรีบเดินกึ่งวิ่งมาบอกพี่โจว่าจะขึ้นห้องลูกบ้าน คิดข้ออ้างไว้เสร็จสรรพว่าไปเช็คโทรศัพท์ให้ โดยขอยืมเครื่องในห้องนิติฯ ไปลองเสียบสายบนห้องสิงหา แล้วเดี๋ยวจะเอาลงมาคืน ลูกบ้านจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่มาลองเอง เผื่อมันแก้ไม่หาย ปัญหานี้ของสิงหาทุกคนรู้อยู่แล้วเลยฟังขึ้น มีแค่ออมที่พยายามหลิ่วตาล้อเลียน แต่เขาก็พยายามปั้นหน้าขรึม เดินไปทางห้องนิติฯ แล้วถอดโทรศัพท์มาเครื่องหนึ่งก่อนเดินกลับมาหาสิงหา
“เอามาทำไมครับ” สิงหาถามขึ้นในลิฟต์ อยากช่วยถือแต่อีกฝ่ายไม่ยอม
“เดี๋ยวลองไปต่อสายห้องคุณสิงไงครับ ถ้ามีเบอร์โรคจิตโทรมาอีกจะได้รู้ว่าโชว์เบอร์มั้ย คุณสิงจะได้ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อเครื่องใหม่มาลอง”
เข้ามาในห้องก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ แสดงว่าก่อนที่เขาจะโทรหาคุณสิงยังไม่นอนจริงๆ ด้วย น่านนทีแอบผ่อนลมหายใจ สิงหาเอาโจ๊กไปใส่ชามแล้วอุ่นไมโครเวฟให้ร้อนอีกหน่อย กลิ่นหอมของข้าวที่เคี่ยวกับน้ำซุปกระตุ้นความอยากอาหารขึ้นมาทันที ระหว่างที่สิงหาง่วนกับการอุ่นอาหาร น่านนทีขออนุญาตเอาโทรศัพท์ไปลองเสียบสาย ห้องคุณสิงถอดสายออกตลอดนี่เอง พี่นิดถึงบอกว่าโทรไม่ติดจนคุณสิงต้องให้เบอร์ส่วนตัวแทน คงโดนป่วนจนรำคาญ เขายืนมองโทรศัพท์ที่ต่อสายเรียบร้อย ยกหูฟังสัญญาณปกติ ตอนนี้ก็แค่รอโรคจิตโทรมาก็พอ
“อร่อยมากเลยปิง มีทั้งตับทั้งเซียงจี้ ของโปรดผมเลย ถ้าได้ไข่เยี่ยวม้าสักใบนะ สวรรค์ชัดๆ” นี่เขาไม่ได้อวยแม่น่านนทีจริงๆ นะ มันหอมอร่อย เนื้อโจ๊กก็หอมนวลมาก
“โหย ผมไม่รู้ว่าคุณสิงชอบไข่เยี่ยวม้าเหมือนกัน ไม่งั้นใส่มาให้แล้วครับ ผมก็ชอบ ยิ่งถ้าปรุงแซ่บๆ นะ เข้ากันโคตร”
“ใช่ ปกติผมจะปรุงเหมือนก๋วยเตี๋ยวเลย แต่ตอนนี้เจ็บคอเลยกินจืดๆ ปิงไม่ปรุงล่ะ”
“ลืมใส่เครื่องปรุงมาน่ะครับ ไม่เป็นไร ออริจินอลก็อร่อย”
“ปรุงได้นะ ในครัวมีพวกซองพริกน้ำส้มอยู่ เอามั้ยผมไปหยิบให้”
“เอาครับ ขอบคุณนะครับ” น่านนทียิ้มตาหยีให้กับความกรุณา เขาอยากกินรสจัดขึ้นอีกนิดจริงๆ แค่สิงหาลุกไปแป๊บเดียวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขารีบวิ่งไปดูหมายเลขบนหน้าจอ แต่ไม่พบอะไร เสียงยังดังไม่หยุดจนสิงหาเดินกลับมา
“น่าจะเบอร์เดิมแน่ๆ ครับ ชอบโทรมาดึกๆ เมื่อวานก็โทร เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆ ด้วยแต่ผมมึนๆ หัวเลยวางไปเลย”
“ถ้าเราไม่รับเขาจะหยุดโทรมั้ยครับ”
“เคยลองปล่อยก็โทรมาหลายรอบเกือบครึ่งชั่วโมงน่ะครับ ผมรำคาญก่อนเลยถอดสายออกตลอด”
“งั้นปิงลองรับนะ”
“ฮะ...ครับ ลองรับเลยครับ” ประโยคชวนคิดถึงทำเอาเขาเกือบหลุด น่านนทียกหูขึ้นมาฟังก่อนเหลือบมองผม
“นั่นใครครับ ฮัลโหล”
“เป็นไงครับ”
“ไม่มีเสียงอะไรเลย มันซ่าๆ เหมือนเสียงรอบๆ ตัวแต่เขาไม่พูด”
“ถอดสายแล้วไปกินต่อดีกว่าครับ เสียเวลาเปล่า” สิงหาดึงหูโทรศัพท์จากมือเล็กที่ยื้อไว้นิดหน่อย วางกลับเข้าที่แล้วดึงสายออกอีกครั้ง เดินนำน่านนทีกลับมานั่งบนพื้นพิงโซฟา อีกฝ่ายดูไม่ค่อยเกร็งเท่าตอนแรกที่เข้ามาในห้อง
“แล้วคุณสิงจะทำไงต่อ มันโทรป่วนไม่หยุดแบบนี้ลำบากนะครับ จะแจกเบอร์ส่วนตัวอย่างเดียวก็คงไม่ดีหรอก เดี๋ยวเจอโรคจิตหนักกว่าเดิม โทรเข้ามือถือ ที่นี้ล่ะยุ่งเลย”
“ก็คงต้องเปลี่ยนเบอร์ตัดปัญหาไปเลย เรื่องนี้ผมแจ้งปิงได้เลยหรือต้องไปทำเรื่องที่บริษัทโทรศัพท์เอง”
“ไปยกเลิกเองได้ครับ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ทำหนังสือมอบอำนาจไว้ เดี๋ยวปิงเอาไปจัดการให้”
“จริงๆ ผมก็ว่างไปนะ แต่ว่าไม่รู้ต้องติดต่อที่ไหนยังไง ถ้ารบกวนปิงพาไปจะได้มั้ย”
“ได้ครับ คุณสิงสะดวกวันไหนนัดวันมาก่อน เดี๋ยวปิงขอดูตารางงานอีกที แต่ถ้าเป็นวันอังคารจะดีมากเลยครับ เพราะปิงหยุด”
“งั้นอังคารหน้าดีมั้ย พรุ่งนี้ผมมีธุระไม่รู้จะเสร็จตอนไหน”
“ถ้าอังคารหน้าปิงทำงานครึ่งวัน ว่างแค่ตอนบ่าย สะดวกมั้ยครับ”
“ตกลงครับ นัดกันแล้วนะ เออ เบอร์ที่โทรมาเมื่อกี้คือเบอร์ปิงหรือเปล่า”
“ใช่ครับ”
“ผมขอเมมไว้นะ”
“ได้เลยครับ มีอะไรฉุกเฉินโทรเรียกได้เลยครับ”
“อ่า...แจกเบอร์ลูกบ้านบ่อยเหรอครับ”
“ไม่นะครับ เฉพาะบางคนที่จำเป็นจริงๆ อย่างมีครั้งนึงน้องส้มนักศึกษาน่ะครับ เธอลืมรายงานเลยโทรมาให้ปิงช่วยเอาไปให้ที่มหาฯลัย ก็เลยต้องแลกเบอร์กันไม่งั้นคงหากันไม่เจอ”
“อ้อ ครับ” สิงหาแอบยิ้มนิดๆ เมื่อบันทึกเบอร์แล้วพบว่าไลน์ก็ขึ้นเหมือนกัน
“คุณสิงแอดไลน์มาเหรอครับ โห รูปนี้สวยจัง ที่ไหนครับเนี่ย” น่านนทีได้ยินเสียงแจ้งเตือนเลยหยิบขึ้นมาดู ชื่อไลน์คือ SingH! เดาว่าคือคนข้างๆ นี่ล่ะ รูปโปรไฟล์เป็นภาพสิงหานั่งบนสนามหญ้า ด้านหลังเหมือนปราสาทเก่าๆ ที่เคยเห็นในหนังแนวอัศวินขี่ม้าฟันดาบเลย
“ไหนครับ ผมจำไม่ได้ว่าใช้รูปอะไร” สิงหาเอี้ยวตัวมาดูรูปบนหน้าจอมือถือทำให้ไหล่แนบชิดกันมากขึ้น ไม่รู้ทำไมพักนี้อยากอยู่ใกล้คนๆ นี้จังเลย ขนตายาวเป็นแพเชียว
“นี่ครับ ปราสาทใช่มั้ยครับข้างหลัง”
“ใช่ครับ ปราสาทวอริก ตอนนั้นพาพ่อแม่ไปเที่ยว รูปนี้พ่อผมถ่ายให้ ฝีมือดีมั้ย”
“สวยครับ พ่อแม่ผมเคยถ่ายให้ตอนไปเที่ยวตลาดน้ำ รูปเกือบครึ่งมีนิ้วบังเลนส์ตลอด”
“น่ารักดีนะครับ จริงๆ ปิงแทนตัวเองว่าปิงกับผมตลอดก็ได้นะ เดี๋ยวผมเดี๋ยวปิง สับสนแทน” ตอนแรกเขาก็จะไม่ทักหรอก เหมือนน่านนทีจะลืมตัวเป็นพักๆ เดี๋ยวผมเดี๋ยวปิง ฟังจนมึน เขาเองก็อยากให้อีกฝ่ายแทนตัวเองด้วยชื่อมากกว่า ฟังดูสนิทกันมากขึ้น
“อ้าว แฮ่ๆ ไม่รู้ตัวเลย จริงๆ ถนัดแทนชื่อตัวเองมากกว่า แต่ปกติไม่เคยหลุดกับคนอื่นนะครับ เพราะคุยไม่ค่อยนานขนาดนี้ด้วยมั้ง ถ้าคุณสิงไม่ว่าอะไรก็ดี ปิงจะได้ไม่เกร็ง”
“ครับ อย่างนี้ฟังสบายกว่าเยอะ อิ่มแล้วใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมเอาไปล้างเอง”
“ไม่ต้องเลยครับ ปิงทำให้ คุณสิงกินยาล่าสุดตอนไหนครับ ได้เวลาอีกรอบรึยัง ไปเอามากินเลยดีกว่ามั้ยครับ”
“ก็ดีครับ จะได้หายขาดไปเลย งั้นผมฝากเก็บด้วยนะ” สิงหาปล่อยมือให้คนที่พยายามยื้อชามไปให้ได้ พอได้ไปก็ยิ้มกว้าง เดินลิ่วๆ ไปที่ครัว ได้ยินเสียงเปิดน้ำล้างชามให้เรียบร้อย เขาเดินเข้าห้องนอน หยิบถุงยาข้างหัวเตียงมาดู มียาลดไข้ที่กินทุกหกชั่วโมง ตอนนี้ก็ครบพอดี กลืนยาลงคอก่อนยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ได้ยินเสียงโทรศัพท์ด้านนอกดังอีกครั้ง สงสัยปิงคงจะลองทดสอบใหม่ เขาเก็บถุงยาไว้ตามเดิมแล้วเดินออกมายืนข้างคนที่กำลังมองโทรศัพท์ห่างๆ
“ผมบอกแล้วว่ามันไม่เลิกโทรง่ายๆ หรอก เป็นชั่วโมงนั่นแหละมั้งครับ เอาสายออกเลยสบายใจกว่า” สิงหาพูดจบก็จะเดินไปถอดสายออกตามเดิม แต่ปิงรั้งแขนไว้ก่อน
“คุณสิง...เครื่องที่ดัง...มันเครื่องห้องคุณ”
“ใช่ครับ ของปิงวางอยู่ตรงนั้นไง” เขาชี้ให้ปิงเห็น หลังลองเครื่องแล้วไม่ได้ผลก็ถอดออกแล้วถือไปวางข้างๆ ตอนนั่งกินโจ๊ก ตอนนี้ก็ยังวางอยู่ที่เดิม
“...คุณ...เสียบสายเหรอครับ” ปิงกระซิบถามเสียงเบาพร้อมเบียดตัวเองเข้ามาใกล้
“เปล่าครับ ก็....ปิง....”
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง“ปิง....ไม่ได้เสียบเหรอ”
“......เปล่า”
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—
เจอกันตอนหน้าจ้า