First Love
“ไอ้ลูกคนนี้มันใช้ไม่ได้เลย เกิดมาไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจเลย ฉันไม่น่าให้แกเกิดมาเลย”
เสียงมารดาผู้ให้กำเนิดตะโกนด่า ลูกชายคนที่สองของเขาดังลั่นบ้าน
เด็กชายหน้าตาหมดจดดวงตากลมโตหน้าตาน่ารักนั่งฟังแม่ของเขาบ่นมาเป็นเวลานานมากแล้ว
เอทเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านมหาเศรษฐีใหญ่แห่งเมืองสองแคว
เขามีพี่ชายคนโตที่เพียบพร้อมทุกอย่างทั้งหน้าตา ทั้งความรู้ความสามารถ ทำให้บุพการีเขาภูมิใจมาก
ต่างจากเขาสิ้นเชิงที่มีเพียงหน้าตาที่พอดูได้ ที่เหลือเขาไม่มีอะไรดีเลย
ทั้งการเรียนทั้งเรื่องกีฬาหรือแม้แต่เรื่องเข้าสังคม เขามักทำซุ่มซ่ามเวลาออกงานเสมอๆจนพ่อกับแม่เขาเอือมระอา
เขาเดินกลับขึ้นมาในห้องของเขาหลังจากที่นั่งฟังแม่เขาบ่นเขานานหลานชั่วโมง
แล้วจะให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไร พ่อกับแม่อยากให้เขาเป็นเหมือนอย่างพี่ชายของเขา
แต่ว่าจะให้เขาเปลี่ยนตัวเองได้อย่างไร และเขาก็ไม่อยากฝืนตัวเพื่อให้คนอื่นมองว่าเขาดีเหมือนพี่ชายของเขาด้วย
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องที่ทุกคนเอาเขาไปเปรียบเทียบกับพี่ชายเขาทีไร เขายิ่งรู้สึกกดดันตัวเองทุกที
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตากลมโต ดวงตาที่เคยแวววาวตอนนี้กลับถูกบดบังไปด้วยหยาดน้ำตา
สองแก้มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินลงมา เขาเอาหน้าซุกกับหมอนนอนใบใหญ่
ฮึก ฮึก ฮึก
เขาสะอื้นไห้ตัวโยนเป็นระยะๆ สองมือเกาะกุมหมอนที่ปิดหน้าไว้จนแน่น
ทำไมไม่เคยมีใครเข้าใจเขาเลย ในเมื่อเขาทำได้แค่นี้แล้วทำไมทุกคนต้องมาคาดหวังกับเขาด้วย
เขาทำได้เพียงแต่คิดในใจ เขาหวังจะมีใครสักคนที่เข้าใจเขา และยอมรับในตัวเขาบ้าง
ไม่ใช่มาคิดหวังให้เขาต้องเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีของเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เอท น้องอยู่ในห้องใช่ไหม ให้พี่เข้าไปหน่อยได้ไหม” เสียงพี่ชายที่สดแสนจะเพอร์เฟคของเขาดังมาจากหน้าประตูห้อง
เขารีบลุกขึ้นนั่งบนที่นอน แล้วเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า
เพื่อที่จะทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เขาไม่อยากให้พี่ชายต้องมาเป็นห่วงเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ครับ พี่ธีร์รอแปบนะครับ” เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พี่ชายของเขา
แกร็ก
พอเขาเปิดประตูออกมามือใหญ่ๆที่อบอุ่นและคุ้นเคยลูบหัวเขาทันที
“เป็นไงเจ้าตัวเล็ก วันนี้ไปทำอะไรอีกแล้วละ พี่กลับมาเห็นแม่เขาบ่นให้ฟังใหญ่เลย”
เอทหันหลังให้กับพี่ชายเขาแล้วเดินไปนั่งบนที่นอน พี่เขาก็เดินตามเข้ามานั่งลงข้างๆ
“เป็นอะไรไปอีกหือ แล้วนี่เราร้องไห้อีกแล้วใช่ไหม” พี่ชายเขาจับหน้าเขามามอง
“เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย พี่ธีร์ไม่ต้องมายุ่งเลย ผมมันไม่ใช่ลูกรักเหมือนพี่ธีร์นี่นา”
เสียงที่บ่งบอกถึงความน้อยใจ ทำเอาธีร์ยิ้มออกมาให้น้องชายจอมใจน้อยคนนี้
ธีร์เอามือลูบหัวน้องชายตัวดีเบาๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แม่เขาก็รักเราเหมือนกัน ไม่งั้นเขาจะบ่นเราทำไม”
เอทไม่สนใจคำปลอบโยนของพี่ชายที่แสนดี เขาล้มตัวลงนอนเอาหน้าซุกไปกับหมอน
“พี่ธีร์ไม่ต้องมาปลอบใจผมเลยครับ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้รักผมเหมือนพี่ธีร์หรอก”
เสียงตัดพ้อจากน้องชายยังไม่หมดไป พี่ชายอย่างธีร์ได้แต่นั่งอมยิ้มมองกริยาท่าทางของน้องชายตัวดี
“เราก็ทำตัวให้มันดีๆสิ เลิกทำตัวซุ่มซ่ามเวลาที่เจอคนเยอะๆได้แล้ว พี่ไปก่อนนะแวะมาดูเราหน่อย
มีงานเลี้ยงรับรองลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเรา เราก็เลิกขี้แงได้แล้ว”
ธีร์ตบต้นขาน้องชายเบาๆก่อนเดินออกจากห้องไป เอทได้แต่แอบมองพี่ชายของเขาเดินออกจากห้องไป
เอทซุกหน้ากับหมอนอีกครั้งจนเผลอหลับไป
เอทตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนเข้าล้างหน้าแต่งตัวแล้วเดินลงมาที่ห้องอาหารข้างล่าง
น่าแปลกที่วันนี้เขากลับเจอแม่ของเขานั่งอยู่ที่ห้องอาหาร
เพราะปกติแม่ของเขาจะทานอาหารเช้าแล้วรีบออกไปดูงานที่บริษัทแต่เช้า
“ตื่นแล้วหรอเจ้าตัวดี ปล่อยให้ชั้นนั่งรอตั้งนาน เวลาชั้นเป็นเงินเป็นทองนะ”
แม่ของเขาไม่เคยที่จะพูดกับเขาดีๆเลยสักครั้ง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาแล้ว
“เอารีบนั่งลง ชั้นมีเรื่องจะพูดกับแก เสียเวลาจริงๆ”
เอทนั่งลงตรงที่ประจำของเขาที่มีอาหารเช้าจัดรอไว้แล้ว
เขาหันไปมองแม่เขาที่นั่งขมวดคิ้วเข้าหากันอยู่ตลอดเวลาที่เจอหน้าเขา
“ตั้งแต่วันนี้ไป แกจะต้องเรียนรู้เรื่องมารยาททางสังคม กับเรียนดนตรีเพิ่ม ชั้นได้หาครูมาสอนพิเศษให้กับแกเรียบร้อยแล้ว”
แม่ของเขาพูดออกมาโดยไม่ได้มองมาที่เขาเลย
“ไปตามคุณเมฆเข้ามาพบชั้นหน่อย” เธอหันไปสั่งคนรับใช้ที่ยืนคอยรับใช่อยู่ในห้องอาหาร
“คุณนายคะคุณเมฆมาแล้วค่ะ” สาวใช้เดินเข้ามาบอก เอทหันไปมองที่หน้าประตูทางเข้าห้องอาหาร
เขามองเห็นชายหนุ่มหุ่นดีตัวสูง เมื่อเขาคิดเทียบกับความสูงของตนเองที่สูงแค่169ซม.
ชายคนที่เดินเข้ามาตัวสูงกว่าเขามาก และน่าจะสูงกว่าพี่ชายของเขาเสียด้วย
“คุณเอทลงมาแล้วหรือครับคุณเนตร” เสียงทุ้มๆที่ฟังแล้วสบายหูพูดกับแม่ของเขา
“ลงมาแล้วคะ อิฉันรบกวนคุณเมฆช่วยดูแลให้ด้วยนะค่ะ ลูกคนนี้หัวไม่ดีอาจทำให้คุณเมฆลำบากก็ได้”
แม่ของเขาลุกขึ้นยืนเมื่อเมฆเดินเข้ามาในห้อง
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุณเอทอาจจะทำได้ดีก็ได้นะครับ” เมฆบอกกับเนตร ก่อนที่จะหันมายิ้มให้เขา
“ค่ะขอให้เป็นอย่างที่คุณว่าแล้วกัน อิฉันขอตัวก่อนนะค่ะวันนี้สายมากแล้ว”
“ครับ เดี๋ยวผมจะดูแลคุณเอทให้เองครับ” เมฆก้มศีรษะให้เนตรเล็กน้อย
เอทได้แต่นั่งมองแล้วงงไปกับทั้งสองคนว่าพูดอะไรกัน ไม่เห็นมีใครเคยบอกเขาเรื่องนี้มาก่อน
เขาจะหันไปถามแม่ของเขาแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะแม่เขาเดินออกจากห้องไปเสียแล้ว
ปล่อยให้เขานั่งงงต่อไปอีกสักพักก่อนที่คนชื่อเมฆจะเดินเข้ามาหาเขาที่โต๊ะกินข้าว
“สวัสดีครับคุณเอท ผมชื่อเมฆครับ คุณเอทรีบทานข้าวนะครับเราจะได้เริ่มเรียนกันเสียที”
เอทเพิ่งจะเห็นหน้าของเมฆชัดๆเป็นครั้งแรก
เมฆเป็นหนุ่มหน้าคมคิ้วเข้ม ดวงตาคมโตมีเสน่ห์ดึงดูดเอทจนเขาลืมละสายตาจากหน้าเมฆ
“หน้าผมมีอะไรหรือครับคุณเอท” เมฆทักเมื่อเห็นเอทจ้องหน้าเขาไม่เลิก
“เอ่อ เปล่าๆๆ ครับ ไม่มีอะไร” เอทรีบหันหน้ากลับ แล้วกินอาหารที่อยู่ตรงหน้า
“งั้นผมไปรอที่ห้องเปียโนนะครับ” เสียงนุ่มๆบอกก่อนที่เดินออกไป
เอทรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นหน้าเมฆ
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาเกิดมาที่เขารู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นหน้าคนอื่น
เขากินข้าวเสร็จก็ตรงไปที่ห้องเปียโน เมฆนั่งรอเขาอยู่ที่เปียโนตัวใหญ่สีขาวที่พี่ชายของเขาชอบเล่นให้ฟัง
“คุณเอทมานั่งข้างๆผมนี่ครับ เราจะได้เริ่มเรียนกันเลย” เมฆขยับที่นั่งบนเก้าอี้โซฟาให้เอท
“เดี๋ยวผมยืนดูก็ได้ครับ คุณเมฆสอนเถอะครับ” เอทเดินไปปยืนอยู่ด้านข้าง
“ได้ยังไงละครับ เดี๋ยวเรียนไม่รู้เรื่องคุณเนตรจะว่าผมเอาได้”
เมฆจับมือเอทแล้วดึงให้ลงมานั่งข้างๆเขา
ตึกตึก ตึกตึก
ใจเอทเต้นแรงเมื่อเมฆจับมือเขาไว้ เขาทำตามอย่างว่าง่าย
ยิ่งเขาได้นั่งใกล้เมฆ เขายิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
ทำไมเขาต้องตื่นเต้นเมื่ออยู่ใกล้ๆคนๆนี้ด้วยนะ เอทก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
เมฆสอนวิธีวางนิ้วให้กับเอท แต่ตอนนี้เอทไม่มีสมาธิเอาเสียเลย เขาได้แต่มองหน้าเมฆจากด้านข้าง
สิ่งที่เมฆพูดกับเขาไม่ได้เข้าหูเขาเลย เขาตื่นเต้นจนไม่ได้สนใจสิ่งที่เมฆพูดให้เขาฟัง
“คุณเอทลองวางมือตามที่ผมสอนดูครับ” เอทได้สติกลับคืนมาเมื่อเมฆหันมาบอกให้เขาทำตามที่สอน
“เออ... ครับๆ” เอทรีบวางมือไปทีเปียโนอย่างร้อนรน
ตึงงงงงง
เสียงเปียโนดังลั่นเมื่อเอทลนลานวางนิ้วลงไปอย่างแรง
เขาตกใจรีบชักมือกลับ ตอนนี้เขาไม้รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดีแล้ว
ทำได้แต่นั่งก้มหน้ามองหน้าขาของตัวเอง เอามือมาจับกันไว้แน่น
เขาอายที่พอเริ่มเรียนครั้งแรกเขาก็ทำอะไรเปิ่นๆออกมาอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรครับคุณเอท คุณคงตื่นเต้นไปหน่อย” เมฆพูดปลอบใจด้วยเสียงที่อ่อนโยน
แต่เอทก็ยังคงนั่งนิ่งก้มหน้าเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรครับลองใหม่ได้ เดี๋ยวผมจับมือคุณเอทเอง” เมฆเอื้อมมือมาจับมือเอทไว้
มือนิ่มๆของเมฆสัมผัสกับมือเอท เอทหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
เขาก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เพราะกลัวว่าเมฆจะเห็นหน้าเขาที่แดง
เมฆจับมือเอทมาวางที่คีย์บอร์ดเปียโน เขาค่อยๆจับนิ้วเอททีละนิ้วให้ตรงกับตำแหน่งของการวางมือ
เขาช่างอ่อนโยนมากจริงๆในสายตาของเอท ยิ่งทำให้เอทรู้สึกดีกับเมฆมากขึ้นไปอีก
เมฆค่อยๆจับนิ้วเอทกดคีย์บอร์ดไล่เสียงทีละนิ้ว เอทเลยต้องตั้งใจขึ้นมาบ้าง
เขาไม่อยากให้เมฆผิดหวังในตัวเขา เขาอยากให้เมฆมองเขาในทางทีดีกว่านี้
หลังจากที่เขาพยายามตั้งใจเรียน เขาก็จำสิ่งที่เมฆสอนได้เยอะมาหขึ้น
ทั้งการวางมือ ทั้งตำแหน่งของตัวโน๊ตเบื้องต้น
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ คุณเอทก็เก่งเหมือนกันนะครับจำได้เยอะเชียว”
เมฆยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นมากสำหรับเอท เพราะไม่เคยมีใครดีกับเขาแบบนี้เลย
“งั้นวันนี้ผมกลับก่อนนะครับ คุณเอท” เมฆลาพร้อมกับหันไปเก็บสมุดโน้ตของเขาที่กางไว้ที่เปียโน
“เออ...” เอทตั้งท่าจะบอกอะไรสักอย่างแต่เขาไม่กล้าบอก
เมฆสังเกตเห็นเข้าพอดีเขาจึงเดินเข้ามาหาเอท
“คุณเอทมีอะไรหรือเปล่าครับ” เมฆถามด้วยความเป็นห่วง
“เออ คือผมแค่อยากบอกว่าไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้นะครับ เรียกชื่อเฉยๆก็พอ”
เอทก้มหน้าอายๆกับเรื่องที่เขาบอกไป เมฆเอามือตบไหล่เขาเบาๆ
“ได้ครับ แต่ต่อไปเอทต้องเรียกพี่ว่าพี่นะครับ เราจะได้สนิทกันด้วย”
“ครับ” เอทได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาของเมฆ เพราะเขาคิดว่าตอนนี้หน้าเขาคงแดงมากแล้วแน่ๆ
เช้านี้เอทตื่นแต่เช้า เพราะเมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ
เขานึกถึงเมฆทุกครั้งที่เขาหลับตาลง ทำให้เขานอนหลับไม่เต็มอิ่ม
เขาอาบน้ำแต่งตัวให้ดูดีที่สุด เขาอยากให้เมฆเห็นเขาดูดีตลอดเวลา
เขาลงมากินข้างพร้อมกับคนอื่นๆในครอบครัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนมานี้
เขาเข้ามารอเมฆในห้องเปียโน เขานั่งรอได้สักพักเมฆก็มาถึง
วันนี้เขาทั้งสองคนเริ่มที่จะสนิทกันมากขึ้น เอทเริ่มหายจากการตื่นเต้นทีได้เจอหน้าเมฆ
แต่เขากลับรู้สึกชอบเมฆมากขึ้นไปอีก ทั้งท่าทางทั้งน้ำเสียงที่ดูสุภาพอ่อนโยนกับเขามาก
เอทตั้งใจเรียนทุกอย่างที่เมฆสอน ยิ่งเขาใกล้ชิดเมฆมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งชอบเมฆมากขึ้นเท่านั้น
เขาไม่อยากให้ถึงเวลาเลิกเรียนเลย เพราะเขารู้สึกเหมือนไม่อยากจากกับเมฆ
วันคืนที่ผ่านไปยิ่งทำให้เอทหลงรักเมฆมากขึ้นทุกวัน
เพราะเมฆสุภาพอ่อนโยนกับเขามากขึ้นทุกวัน พาเขาไปเที่ยวตามที่เขาของ
มีของมาฝากเวลาที่ไปธุระหลายๆวัน ทำดีกับเอทตลอดเวลา
“นี่เจ้าตัวดี อีกสามวันงานวันเกิดพ่อแก แกต้องขึ้นไปเล่นเปียโนโชว์นะ ไหวหรือเปล่า”
เนตรจ้องหน้าลูกชายคนเด็ก ที่ไม่เคยทำอะไรถูกใจเขามาก่อน
“ก็พอได้ครับ แต่ผมเลือกเพลงเองได้ไหมครับ”
เอทตอบอย่างมั่นใจ เพราะว่าเมฆจะได้ไม่โดนว่าเรื่องสอนเขาแล้วยังเล่นไม่ได้
“ตามใจสิ อย่าทำให้ชั้นเสียหน้าแล้วกัน” เนตรกำชับก่อนที่จะลุกออกไปทำงาน
“อ้อ คุณเมฆเขาจะไม่มาแล้วนะ มาอีกทีวันงานเลยเขาลงไปทำธุระที่กรุงเทพฯ เขาฝากบอกให้ตั้งใจด้วยนะเขาจะรอฟัง”
แม่ของเขาหันกลับมาบอกก่อนเดินพ้นห้องอาหาร
เอทได้ยินแบบนี้เขาก็รู้สึกใจหายวูบลงไปเล็กน้อย
แต่เขาคิดว่าไม่เป็นไรหรอกอย่างน้อยวันงานเมฆก็มาฟังเขาวันงานอยู่ดี
เขารีบกลับขึ้นไปบนห้องหลังจากทานอาหารเสร็จ
เขานั่งค้นหาเพลงที่เขาเคยฟังผ่านๆมา เขาอยากได้เพลงที่สื่อถึงความในใจของเขา
เขาอยากเปิดเผยความในใจของเขาให้เมฆรู้ด้วยเพลงๆนี้
เขานั่งฟังเพลงรักต่างๆมากมายทั้งวัน เขานั่งฟังจนถึงสองทุ่มกว่า
ปั๊บ
มีมือมาจับที่ไหล่เขาที่กำลังเลือกเพลงอยู่เพลินๆ
เอทตกใจรีบหันไปมองเจ้าของมือทันที
เข้าหันไปก็เห็นหน้าพี่ชายที่แสนดีของเขาส่งยิ้มให้กลับมา
“ว่าไงทำอะไรอยู่หรอเรา พี่เข้ามายังไม่ได้ยินอีก”
ธีร์ยิ้มให้น้องชายที่เขารัก เอทยิ้มตอบก่อนถอดหูฟังออก
“พี่ธีร์ว่าอะไรนะครับ” เอททำหน้าสงสัยเพราะเขาไม่ได้ยินที่พี่ชายเขาถาม
“พี่ถามว่าทำอะไรอยู่” ธีร์พูดเน้นเสียงครั้งนี้
“อ้อ ผมกำลังเลือกเพลงที่จะซ้อมเล่นงานวันเกิดพ่อครับ แม่บอกว่าให้ขึ้นไปเล่นโชว์”
“อืม แล้วได้หรือยังล่ะ ให้พี่ช่วยเลือกไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเลือกได้พอดีกำลังตั้งใจฟังอยู่พอดีพี่ก็เข้ามานี่แหละครับ”
“เพลงอะไรบอกพี่ได้ไหม” ธีร์ยิ้มให้น้องชายของเขา
“ไม่เอาครับ เดี๋ยวพี่ธีร์รอฟังวันนั้นเลยนะครับ”
“ก็ได้งั้นพี่ไปแหละ ไม่รบกวนดีกว่า พยายามเข้านะเรา” ธีร์เอามือขยี้ผมน้องชายเขาเบาๆ
เอทแอบซุ่มฝึกซ้อมเพลงที่เขาเลือกอย่างตั้งใจ เขาซ้อมจนถึงดึกทุกวัน
เขาอยากเล่นเพลงนี้ให้เอทฟัง เพราะเขาคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ตรงกับเขามากที่สุด
วันงานก็มาถึงเอทแต่งตัวด้วยชุดสูทสีครีม เข้ารูปชุดสีครีมเข้ากับสีผิวและหน้าตาของเขามาก
เขาออกมายืนรอที่หน้างาน เขารอเมฆเมื่อไหร่จะมาถึงสักที
เพราะเวลาที่เขาจะแสดงใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าเมฆมาไม่ทันที่เขาเตรียมมาทั้งหมดก็คงไม่มีความหมาย
เขาคอยชะเง้อมองออกไปทางเข้างานตลอด จนถึงเวลาที่เขาต้องขึ้นแสดงแล้ว
เขาขึ้นไปนั่งที่เปียโนตัวใหญ่สีดำที่ตั้งอยู่กลางเวที เขายังคงส่ายสายตามองหาเมฆอยู่
แล้วเขาก็ไปสะดุดกับคนนึง เป็นคนที่เขาคุ้นเคยและก็เป็นคนเดียวกับที่เขารออยู่ด้วย
เอทยิ้มออกมาได้ทันทีที่เห็นเมฆ เมฆเดินมาหาเขาที่หน้าเวที
เอทรีบลุกมาหาเมฆทันที เขาอยากได้ยินคำให้กำลังของเมฆ
“พี่เมฆไปไหนมาครับแล้วทำไมถึงมาช้าจัง” เอทถามทันที
“พี่กลับไปบ้านที่กรุงเทพฯมาครับ วันนี้พี่มีข่าวดีจะบอกเอทด้วยนะ แต่ไว้บอกหลังจากเอทเล่นจบดีกว่า”
เมฆยิ้มอย่างมีความสุขให้เขา
“ไม่เอาครับพี่เมฆบอกมาก่อนเลย ไม่งั้นผมไม่มีสมาธิเล่นหรอกครับ”
“ก็ได้ครับ” เมฆหันไปเรียกผู้หญิงคนหนึ่งให้เข้ามาใกล้ๆ
เอทสังเกตผู้หญิงที่เดินเข้ามา เขาเป็นคนสวยมากผมยาวหุ่นดี
“เอท คนนี้แฟนพี่ อีกสองเดือนเราจะแต่งงานกันครับ นี่ไงข่าวดีใช่ไหมล่ะ”
เมฆยิ้มอย่างมีความสุขเต็มที ต่างจากเอทที่ยิ้มแบบฝืนๆออกมา
“ตั้งใจเล่นนะครับ พี่จะคอยฟัง” เมฆพาแฟนสาวเดินกลับออกไปนั่งยังที่ที่แม่เอทเตียมไว้ให้
วี้วววววววววววว
เสียงไมค์ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองบนเวที
“สวัสดีครับวันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่อของผม ผมเลยขอเล่นเพลงซักเพลงนะครับ”
เอทเงียบลงไปสักพัก
“จริงๆแล้วเพลงนี้ผมตั้งใจจะเล่นให้ใครบางคนฟัง เพื่อบอกความรู้สึกในใจของผม แต่ตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้วครับ แต่ถึงยังไงผมก็จะเล่นให้ทุกท่านฟัง ขอช่วยรับฟังด้วยนะครับ”
เอทพูดจบเขาก็หันไปส่งสัญญาณให้นักดนตรีคนอื่นๆ
อินโทรเพลงก็ขึ้นมาทันที
ฉันก็เหมือนๆ คนทั่วไป รอคอยคนรักที่จริงใจ
ไม่ต้องการจะอยู่คนเดียว
และไม่ต้องการโดดเดียวเดี่ยวดาย
มีหัวใจก็อยากจะใช้รักใครซักคน
ไม่อยากจะทนเหงาคนเดียวอีกต่อไป
แล้วก็ได้พบเจอกับเธอ เจอคนในฝันทั้งที่ลืมตา
เธอพาสิ่งดีๆ ที่ยังไม่มีใครให้กัน
มาให้ฉันซะมากมาย
ใจที่เก็บไว้ในที่สุดคงถึงวัน
ได้ลองใช้รักใครซักที
จะมีแค่เธอคนเดียวจนถึงวันสุดท้าย
มีเธอคนนี้ตราบลมหายใจของฉันมันจะหยุด
สมมุติว่าในวันนึงเธอนั้นจะเปลี่ยนไป
ยังไงชีวิตก็เคยได้ใช้ทั้งหัวใจเพื่อรักใครคนนึง
เพราะว่าไม่รู้วันต่อไป เลยทำวันนี้ให้ดีพอ
พอเพียงในสิ่งที่คนๆ นึงนั้น
ควรจะให้กัน มันไม่มากมาย
ใจที่เก็บไว้ในที่สุดควันนี้
ก็ได้ลองใช้รักใครซักที
จะมีแค่เธอคนเดียวจนถึงวันสุดท้าย
มีเธอคนนี้ตราบลมหายใจของฉันมันจะหยุด
สมมติว่าในวันนึงเธอนั้นจะเปลี่ยนไป
ยังไงชีวิตก็เคยได้ใช้ทั้งหัวใจเพื่อรักใครคนนึง
ซึ่งจะบอกและย้ำตรงนี้
ถึงมีอะไรเปลี่ยนไป
ฉันจะไม่เสียใจที่วันนี้ ได้รักเธอ
จะมีแค่เธอคนเดียวคนนี้ได้ยินไหม
มีเธอเท่านั้นตราบลมหายใจของฉันนั้นจะหยุด
สมมติว่าในวันนึงเราสองคนเปลี่ยนไป
ยังไงชีวิตกยังได้ใช้ทั้งหัวใจเพื่อรักใครคนนึง
ซึ่งฉันเป็นสุขใจ ที่ได้รักเธอ
เอทพยายามกลั้นใจเล่นเพลงนี้จนจบ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากลั้นไว้ไม่ได้คือน้ำตาของเขาเอง
ที่ตอนนี้มันไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างจนเปียก
เขารีบลุกขึ้นก้มหน้าแล้ววิ่งลงจากเวทีไปทันที เขาไม่อยากเจอใครอีกแล้วตอนนี้
ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับเขาด้วยนะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารักคนอื่นด้วยใจจริง แต่ทำไมความรักมันถึงไม่ยอมรับเขาบ้าง
เขานั่งรถกลับมาที่บ้าน น้ำตาเขาไม่ได้หยุดไหลแม้กระทั่งตอนที่นั่งรถกลับมา
เอทรีบขึ้นไปบนห้องทันทีเขาไม่อยากให้ใครมาถามอะไรเขาตอนนี้
เพราะแค่นี้เขาก็รับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ไหวแล้ว
เขาทิ้งตัวลงบนที่นอนเอาหน้าซุกหมอน
ฮือออ ฮืออออ
เอทร้องไห้ออกมาเต็มทีแบบไม่ต้องอายใครอีกต่อไปแล้ว
เขาร้องไห้เหมือนคนที่จะสามารถตายได้ด้วยการเสียน้ำตา
เอทกดหน้าไว้กับหมอนจนแน่น
หมับ
เอทตกกระใจเมื่อมีมือมาลูบหัวเขาเบาๆ
“เป็นอะไรไปอีกเราเจ้าตัวเล็ก บอกพี่ได้ไหมหือ” ธีย์ลูบหัวน้องชายเขาอย่างอ่อนโยน
เอทเมื่อรู้ว่าเป็นพี่ชายที่เขารักมากที่สุด เขาโผเข้าไปกอดพี่ชายเขาไว้ทันที
ฮืออ ฮือออออ
“พี่ธีร์ ผมไม่ไหวแล้วครับ ทำไมหัวใจผมมันเจ็บปวดได้ขนาดนี้ละครับ”
เอทระบายความในใจกับพี่ชายที่เขาไว้ใจ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่อยู่ตรงนี้ยังไงเอทก็ยังมีพี่อยู่นะ”
ธีร์ลูบผมเอทเบาๆเพื่อปลอบใจ เอทกอดเอวเขาแน่นมาก
“พี่กะแล้วว่าเราต้องชอบเมฆ แต่ไม่เป็นไรนะน้องของพี่น่ารักจะตาย ถ้าได้ออกงานจริงๆพี่กลัวว่าคนจะมาจีบเยอะไปหมดนะสิ”
เอทเริ่มร้องไห้น้อยลงเขาเริ่มสบายใจมากขึ้น เมื่อมีธีร์มาคอยปลอบใจเขา
“เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ ไหนเอทคนเก่งหายไปไหนแล้ว น้องชายจอมเฮี้ยวของพี่หายไปไหนนะ”
ธีร์จับเอทให้มองหน้าเขา เขาค่อยใช้นิ้วชี้ปาดน้ำตาให้กับเอท
“ครับผมจะไม่ร้องแล้วครับ แต่มันกลั้นไม่อยู่จริงๆนี่ครับ”
เอทยังสะอื้นอยู่เล็กน้อย
“เก่งมาก ให้ได้อย่างนี้สิน้องชายของพี่ เรื่องแค่นี้เอง”
ธีร์ยิ้มให้น้องชายของเขาที่พยายามกลั้นการสะอื้นอยู่
“แต่มันเจ็บที่ใจมากเลยนะครับพี่ธีร์ ผมเพิ่งรู้ว่าการที่เรารักใครสักคน เราก็เจ็บปวดเพราะเขาได้เหมือนกัน”
“มันก็แบบนี้แหละ ความรักยิ่งเป็นความรักที่มีความสุขมากเท่าไหร่ ตอนที่เราเสียไปเราก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก แต่เราต้องยอมรับมันให้ได้นะครับ แล้วเราจะเข้มแข็งยิ่งขึ้น”
ธีร์ลูบหัวเอทเบาๆให้กำลังใจ
“พี่อยากให้เราจดจำแต่เรื่องทีดีๆไว้ เรื่องไหนที่ทำให้เราเสียใจก็อย่าจำมัน มันจะทำให้เรากลับมาใช้ชีวิตปกติได้ง่ายที่สุด”
“ครับ” เอทตอบสั้นๆ
“พี่ก่อนนะพี่ออกจากงานตามเรามา เราจำไว้นะว่าพี่ยังเป็นห่วงเราอยู่อีกคน พี่ไปแล้วคนเก่งนอนซะตื่นมาพรุ่งนี้ให้กลับมาเป็นเจ้าตัวยุ่งเหมือนเดิมนะ”
ธีร์ยิ้มให้แล้วแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
เอทได้รับคำปลอบใจจากพี่ชายที่รักเขาอย่างจริงใจ ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก
เขาตกลงกับตัวเองว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมา เขาจะกลับไปเป็นเจ้าเอท ตัวป่วนของบ้านเหมือนเดิม
จบแล้วคร้าบบ........
** เพลง ไม่เสียใจ ที่ได้รักเธอ ของ พัดชา **
http://www.youtube.com/watch?v=zvUhE8RE9AU