บทส่งท้าย
น่าน : ปีกว่าๆ แล้วที่ย้ายมาอยู่ที่หอของพี่ซี เป็นปีที่ผ่านอะไรมาเยอะมากจริงๆ ชีวิตผมเปลี่ยนไปในทุกๆ การเติบโต และยังไม่รู้ว่าปีหน้าจะเป็นยังไง ก็ขอใช้ชีวิตของปีนี้ให้คุ้มค่าก่อน
"แน่ใจนะว่าไม่ไปเที่ยวกับกูอะ" ผมหันมองทิมที่ถามอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เราคุยกันมาตลอดทางเรื่องที่มันชวนผมไปเที่ยวทะเลในวันหยุดที่จะมาถึง
"มึงไปเหอะ"
"แหม พอมีแฟนก็ไม่ค่อยสนใจกูเลยนะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันเด็ดมากเลยดิถึงทิ้งกูไปหามันอะ"
"มึงเงียบไปเลย มึงจะไปกับเมียมึงก็ไป ไม่ต้องมาชวนกูไปเป็นก้าง"
ทิมหัวเราะเบาๆ แก้เขิน ตอนนี้มันเป็นฝั่งเป็นฝาจากการตามจีบน้องที่คณะมานานเกือบครึ่งปี สุดท้ายไม่รู้ไปเล่นของหรือทำเสน่ห์อะไรจนน้องเขายอมตกลงเป็นแฟนด้วย ว่าแต่ผมหลงแฟน ตัวมันเองนี่หาเวลาให้เพื่อนแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ
"ก็มึงเป็นเพื่อนกูนี่ กูก็ต้องชวนตามมารยาท"
"เออขอบคุณมากที่ชวน แต่กูไม่ไปกวนมึงหรอก"
"งั้นไว้วันหลังไปด้วยกันนะ"
ผมตอบรับ ก่อนทิมจะโบกมือให้นิดๆ แล้วขับรถออกไป ถึงมันจะกวนตีน พูดจาปากหมาแค่ไหนแต่ลองนับดู ผมก็คบกับมันมาเกือบสิบปีแล้ว มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้ใจผมมากที่สุด ถึงตอนนี้ผมจะไปไหนมาไหนกับพี่ซีบ่อยขึ้น มันเองก็ติดแฟน แต่เราไม่ได้ห่างกันเลย นั่งเรียนด้วยกัน แถมยังยื่นเรื่องไปฝึกงานเทอมหน้าที่เดียวกันอีก บอกเลยว่าจะตามเกาะกันไปจนแก่ตายไปข้างเลย
ผมเดินเข้ามาในหอ มองหาพี่ซีเพราะซื้อขนมปังปิ้งหน้าม.มาฝากเขาด้วย กำลังเพิ่มปริมาณไขมันให้เขาเรื่อยๆ แต่เขาไม่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น
"โป๊ก! โป๊ก!"
ผมกำลังเดินหาพี่ซี ก่อนจะได้ยินเสียงทุบอะไรสักอย่างมาจากห้องพักชั้นสอง ก่อนจะเดินเข้าไป ประตูห้องถูกเปิดอยู่นิดๆ ผมค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป เห็นพี่ซีกำลังจัดการประกอบตู้ เตียง โต๊ะต่างๆ นาๆ เพราะเขาเพิ่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เพื่อต้อนรับผู้เช่ารายใหม่ที่จะย้ายเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่พี่ซีลงทุนเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ยกชุด เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกผมมองอยู่ พี่ซีเป็นเจ้าของหอที่ทำได้ทุกอย่างเหมือนพ่อเรา อะไรเสีย อะไรขาดก็เรียกหาเขาก่อนเพราะพี่ซีช่วยได้ทุกเรื่องจริงๆ
"ก๊อกๆๆ" ผมเคาะประตูที่เปิดอยู่แล้วสองสามที เขาเงยหน้าขึ้นมามอง
"อ้าว กลับมาแล้วเหรอ
"ให้ช่วยเปล่า" ผมเข้าไปนั่งข้างๆ เขาแล้วหยิบจับอุปกรณ์ขึ้นมา
"ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเจ็บตัว"
"ก็ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก"
"แล้วเด็กป่ะล่ะ"
ผมขี้เกียจเถียงแล้วก็เลยไม่ทำอะไรอย่างเขาบอก
"นี่อะไรอะพี่" ผมหันไปเห็นชุดเฟอร์นิเจอร์อีกอย่างที่ยังไม่ได้ประกอบ
"เปลเด็ก"
"ทำไมถึงมีแปลเด็กอยู่..." ผมสะดุดกึกเพราะความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว คนที่ย้ายเข้ามานั้นคือ
"อือ ไอ้ขิงไง"
"จริงดิ!"
"ใช่ มันกลับมาเรียนแล้ว บอกจะเอาลูกมาอยู่ด้วย ก็เลยจัดห้องให้ใหม่เลย เลือกเองด้วย น่ารักป่ะ" ผมหันไปมองเปลเด็กนั่นแล้วพยักหน้าหงึกๆ
"พี่ซีโคตรใจดีเลยอะ"
"เกิดมาเป็นพระเอกก็แบบนี้แหละ" เขาพูดขำๆ แล้วลุกขึ้น จัดโต๊ะที่เพิ่งประกอบเสร็จให้เข้าที่เข้าทาง
"เฮียของเด็กๆ หล่อมาก"
"แน่นอน"
"ใจดีมาก"
"สุดๆ"
"เท่มาก"
"ชัวร์อยู่แล้ว"
"แล้วก็..." ผมหยุดพูดเมื่อหันไปเห็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ตู้
"อะไรวะ"
"แมงมุม"
"เฮ้ย!"
ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่พี่ซีร้องลั่นแล้วกระโดดมาหลบหลังผม
"ไหนๆๆ มันอยู่ไหน!"
"ก็แค่แมงมุม ตัวเล็กนิดเดียวเองพี่"
"พี่ไม่ชอบมัน!"
"เดี๋ยวผมไล่ให้" ผมหยิบเศษลังกระดาษขึ้นมาเคาะๆ ไล่เจ้าแมงมุมตัวนั้นก็เดินหนี ผมค่อยๆ ไล่จนมันออกไปทางหน้าต่าง พี่ซีที่ยังเกาะอยู่ที่หลังของผมทำเสียงหวั่นๆ
"มันไปยัง"
"ไปแล้วครับ โห่ กลัวอะไรกับอีแค่สัตว์ตัวเล็กๆ วะพี่"
"ก็มันน่าเกลียดอะ ไม่ชอบ" เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อสำรวจถึงสัตว์ชนิดนั้น
"เฮียของเด็กๆ หมดความเท่เลย"
"มันไปแล้วจริงๆ นะ"
"ออกหน้าต่างไปนู่นแล้ว" เขาเดินไปหยิบลังกระดาษอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"เฮ้ยนั่น!"
"ไหนๆ เดี๋ยวผมกระทืบให้เลย"
"ไม่ใช่ นั่นจิ้งจกอ่ะ"
"จิ้งจก! เย้ย!" คราวนี้เป็นผมที่กระโดดไปเกาะหลังพี่ซี
"ทำไมๆ มีอะไร"
"ผมเกลียดมัน! เอามันไปไกลๆ เลย!" ผมหลับหูหลับตาไล่ไอ้สัตว์ชนิดนั่น พี่ซีใช้เท้ากระทืบๆ จนไอ้จิ้งจกตัวนั้นวิ่งหายวับไป ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ตัวบ้าอะไรขาวๆ นิ่มๆ แม่ง แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว! ขณะที่ขนลุกขนพองพี่ซีก็หัวเราะขึ้นมา
"ขำอะไร"
"กลัวอะไรกับอีแค่สัตว์ตัวเล็กๆ วะน่าน"
"ไม่ชอบ" ผมทำท่าแขยง พี่ซียิ่งหัวเราะหนัก
"เป็นหนูกลัวจิ้งจกด้วยเหรอวะ"
"อย่ามาพูดดีนะ พี่ตัวอย่างควายยังกลัวแมงมุมเลย"
"ออกไปข้างนอกกันเหอะ ก่อนจะเจอตัวอะไรประหลาดกว่านี้" พี่ซีจับไหล่ผมหมุนออกไปนอกประตู ก่อนเราจะเดินออกมาจากห้องนั้น
"ผมซื้อขนมปังปิ้งหน้าม.มาด้วย"
"โห่ จะขุนให้อ้วนเป็นหมูเลยป่ะ อ้วนกว่านี้จะทำไง"
"นุ่มนิ่มดีออก กอดอุ่น"
"หนาวขึ้นมาเลยเนี่ย กอดกันนะๆ" พี่ซีว่าแล้วกอดผมจากด้านหลังขณะก้าวเท้าเดินไปที่บันได
"มากอดอะไรตรงนี้เล่า ปล่อย!"
ผมกับพี่ซียังลงไปไม่ถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดกึกไปทั้งคู่ เพราะมองไปเห็นผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูหอ
"ซี!"
"แม่!" พี่ซีร้องลั่นก่อนจะวิ่งไปรับผู้หญิงคนนั้น
ผมเดินตามไปด้วยแล้วมองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังกอดกับพี่ซีอยู่ หอมแก้มซ้ายทีขวาที สลับไปมาจนพี่ซีต้องบอกให้หยุด แม่พี่ซีโคตรสวย ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงหล่อขนาดนี้ แม่พี่ซีพูดภาษาฝรั่งเศส แต่เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยผมไม่เข้าใจบทสนทนานั่น แต่ก็อดยิ้มตามไม่ได้กับท่าทางของพี่ซี เขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆ พออยู่กับแม่ตัวเอง
"แม่นี่แฟน"
เฮ้ย ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่พี่ซีหันมาแนะนำผมแบบไม่บอกกันก่อน แม่พี่ซีหันมายิ้มกว้างให้
"น่ารักเนาะ" ภาษาไทยสำเนียงฝรั่งออกมาจากปากของแม่พี่ซี ผมจึงได้แต่ยกมือขึ้นไหว้เกร็งๆ เปิดตัวกับแม่แฟนแบบงงๆ ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก ก่อนจะปล่อยให้พี่ซีคุยกับแม่ต่ออย่างคนไม่ได้เจอกันมานาน
ผมได้คุยกับแม่พี่ซีในตอนหลัง แม่บอกว่าที่กลับมาไทยเพราะจะมาร่วมงานวันเกิด ไม่ใช่วันเกิดใครแต่เป็นวันเกิดของหอพัก วันที่เปิดหอพักเป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันนี้ที่หอจึงครึกครื้นกว่าปกติ เสียงเพลงจากชุดโฮมเธียเตอร์ที่ไม่ได้ดังจนน่ารำคาญ หอที่ถูกตกแต่ง ประดับประดาไปด้วยลูกโป่ง และของจุกจิกน่ารักๆ ฝีมือไคโร เท็นและแคทที่มาร่วมงานด้วย ผมยิ่งรู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน เพราะที่นี่มีครอบครัว
ผมกำลังช่วยแม่พี่ซีทำอาหารในครัว ไม่นานพี่ซีที่เพิ่งออกไปซื้อของก็เดินกลับเข้ามาแล้ววางถุงลงบนโต๊ะ
"ได้มาครบไหม" แม่เขาหันไปถาม พี่ซีบอกว่าก่อนหน้านี้แม่เขาอยู่ที่ไทยมากกว่ายี่สิบปี พูดภาษาไทยเก่งเท่าคนไทยเลย ผมเลยไม่ลำบากที่จะสื่อสารด้วย
"ครบสิ"
"เกินด้วยมั้ง" ผมมองไปยังขวดเบียร์อีกถุงที่เขาถือมาด้วย
"สังสรรค์ๆ" พี่ซีให้เหตุผลที่ผมเถียงไม่ได้ ผมจึงได้แค่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วหันไปช่วยแม่ทำอาหารต่อ
"หยิบกระเทียมให้หน่อยลูก"
ผมพยักหน้า กระเทียมที่เพิ่งสั่งให้พี่ซีไปซื้อมาเมื่อกี้ หยิบหากระเทียมในถุงนั่นแต่ไม่เจอ มีแค่หัวหอม
"พี่ซี"
"ฮึ?"
"เมาหรืออะไรเนี่ย บอกให้ไปซื้อกระเทียมพี่ซื้ออะไรมา"
"ก็กระเทียมไง นี่อะ"
"นี่มันหัวหอมเว้ย"
"อ้าว มันไม่เหมือนกันเหรอวะ"
"เวรกรรม"
"กระเทียมมันก็ขาวๆ ไงพี่ นี่มันหัวหอมเว้ย"
"เหรอ เพิ่งรู้วันแรกเลยนะเนี่ย"
"มานี่เลย มานี่"
พี่ซีทำหน้างงๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมยัดแพ็คหัวหอมเข้าไปในมือของเขา
"ถือเอาไว้ แล้วท่องคำว่า หัวหอม ไปร้อยครั้ง"
"แม่ น่านแกล้ง!"
"ท่องไป" แม่เขาหันมาพูด ผมหัวเราะเบาๆ พี่ซีมองเคืองๆ แล้วยอมท่องตามที่ผมบอก
"หัวหอม หัวหอม หัวหอม"
"ฟึ่บ!"
ผมสะดุ้งเฮือกที่อยู่ๆ ที่ซีก็เอาจมูกมาชนแก้มผม หอมซะฟอดใหญ่ แล้วหันไปทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ท่องต่อ
"หอมหนู เอ๊ย! หัวหอม หัวหอม..."
ผมหันกลับมากลั้นยิ้มเอาไว้
"แน่ะ เขิน" แม่ของเขาพูดพลางใช้ศอกกระแทกผมแซวๆ
"แม่อย่าแซวดิครับ"
หลังจากทำอาหารเสร็จ พี่ซีตักอาหารใส่จานใบเล็กๆ แยกไปสามสี่จาน เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้ผมไปช่วย ผมถือจานตามพี่เขามาอีกฝั่ง พี่ซีจัดการจุดธูปปักลงบนอาหาร ปักหลอดลงในขวดน้ำอัดลม แม้แต่มีปาร์ตี้เขาก็ไม่ลืมที่จะชวนพันธมิตรผีของเขามาด้วย
"เอ้า แดก" เขาพูดกับสิ่งไม่มีชีวิตที่ยืนอยู่อีกฝั่ง กับคนกับผีแม่งก็ฮาร์ดคอร์ไม่เคยเปลี่ยน ผมกำลังจะเดินกลับเข้าไปในปาร์ตี้ก่อนผมจะตาเบิกกว้างเมื่อมองไปเห็นน้ำอัดลมไหลขึ้นมาบนหลอดราวกับถูกดูดจริงๆ
"พี่ซี"
"กินเสร็จก็เข้าไปข้างในนะ"
พี่ซีพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับเข้าไป ผมยังมองหลอดนั่นอย่างพิจารณาอีกครั้งว่ามันบังเอิญตามหลักวิทยาศาสตร์หรือมันถูกดูดจริงๆ กันแน่ กระพริบตารัวตอนหลอดนั่นสั่นเหมือนเป็นคำตอบให้ผมเลิกสงสัย เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วพูดกับสรรพสิ่งเหล่านั้นเบาๆ
"กินให้อร่อยนะ อันนี้เราทำเอง" ผมชี้ไปที่อาหารที่วางอยู่ ก่อนจะเดินตามพี่ซี เข้าไปนั่งที่โซฟากับไคโร พี่ซีเทน้ำอัดลมให้ผมแล้วยื่นให้
"อย่าคิดที่จะแตะแอลกอฮอล์"
ผมพยักหน้ารับเบาๆ ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ประตูหน้าหอก็ถูกเปิดเข้ามา คนที่เดินเข้ามาทำให้เราทั้งหมดร้องเรียกออกมาเสียงดัง
"น้ำขิง!"
น้ำขิงเดินเข้ามาโบกมือทักทายหน้าบ้าน ผมมองไปยังมนุษย์อีกคนที่มันเกาะอยู่บนอกด้วยกระเป๋าหน้าท้องเหมือนจิงโจ้
"น้ำค้าง!" พวกเรากระโดดเข้าไปหาลูกของน้ำขิง พวกเราไปเยี่ยมขิงตอนที่คลอดลูก จากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลย แต่ผมเห็นความน่ารักของน้ำค้างผ่านทางเฟสบุ๊กอยู่ตลอดๆ พวกเราเข้าไปรุมอุ้มเด็กหญิงตัวกลมที่อายุยังไม่กี่เดือน เสียงที่เปล่งได้เบาๆ ของเธอกับน้ำลายที่ไหลย้อย แม่งโคตรน่ารัก หลงรักกันหัวปักหัวปำ ขนาดเท็นมันแทบจะโยนแมวทิ้งแล้วไปเอาเด็กมาเลี้ยงเลยอะ แต่พี่ซียังทำตัวห่างๆ เพราะเขาไม่ชอบเด็ก ผมอุ้มน้ำค้างอย่างระวังมือแล้วเดินไปหาเขาที่กำลังยืนดื่มเบียร์อยู่
"น้ำค้าง สวัสดีลุงซีสิครับ ลุงคะ ทักทายหนูหน่อยสิคะ" ผมจับแขนนุ่มๆ ของน้ำค้างไปแตะๆ ที่หน้าของพี่ซี
"เรียกว่าไงนะ ลุงเลยเหรอ มากไปๆ"
"งั้นก็เรียกพ่อเลยลูก เรียกพ่อๆ"
"เรียกแม่ด้วยดิ เรียกแม่ๆ" พี่ซีพูดแล้วใช้นิ้วจิ้มๆ น้ำค้าง ก่อนขยับห่างไปอีก
"เฮียลองอุ้มสิ" น้ำขิงว่า ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วยกน้ำค้างให้เขา
"ไม่เอา กูไม่ชอบเด็ก"
"..."
"แต่ถ้าเด็กแบบนี้โอเค" พี่ซีว่าแล้วยกมือลูบหัวผม ผมโยกหัวหลบความทำตัวเสี่ยหื่นของเขา แล้วยื่นน้ำค้างให้อีกที
"ลองอุ้มดู"
"เฮ้ย! อุ้มไม่เป็น!" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เขายอมวางขวดเบียร์แล้วรับน้ำค้างไปจากผมแล้วอุ้มแบบเก้ๆ กังๆ เขาค่อยๆ จับน้ำค้างให้อยู่ในท่าที่เหมาะสมอย่างระวัง น้ำค้างไม่ดื้อชนิดที่ว่าใครจับอุ้มก็ได้ แล้วตอนนี้ก็ดูจะชอบลุงซีถึงได้ยิ้มกว้างจนตาหยี
"ทำไมมันหอมวะ" พี่ซีถามแล้วยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาดมๆ
"กลิ่นเด็กอะเฮีย"
"มันก็เหมือนอุ้มหมาอุ้มแมวแหละเนอะ"
"เฮีย นั่นลูกหนู!" น้ำขิงหันไปโวยใส่
"เลี้ยงยากไหม" แม่พี่ซีถาม
"ไม่เลยค่ะ ไม่งอแงเลย" ก่อนบนสนทนาจะยืดยาวตามประสาแม่มือใหม่และแม่ดีเด่นอย่างแม่พี่ซี เพราะแม่เลี้ยงพี่ซีโตมาเป็นพี่ซีที่แสนดีของผมแบบนี้ก็เลยมอบตำแหน่งแม่ตัวอย่างให้ซะเลย ผมมองดูบรรยากาศรอบๆ แล้วยิ้มออกมา ปาร์ตี้ขนาดย่อมๆ ในหอพักเล็กๆ ที่ทำให้อบอุ่นในใจ ผมโชคดีจังที่ได้อยู่ที่นี่ ได้รู้จักกับคนที่นี่
ป้าทิพย์แม่บ้านที่โคตรใจดี ไคโรเด็กที่โดนยกพวกตีเมื่อวาน ที่วันนี้กลายเป็นเฟรชชี่คณะวิศวกรรมมหาลัยเดียวกับเรา เท็น ผู้ชายรักสัตว์ที่คุณสมบัติดีพร้อมเว้นแต่ไม่มีเสื้อใส่ น้ำขิงอดีตนักศึกษาแพทย์ปัจจุบันกำลังจะเข้าเรียนจิตวิทยา ผู้หญิงที่สวมแว่นหนาไม่เข้าสังคมวันๆ เอาแต่อ่านหนังสือ ปัจจุบันเป็นแม่ของลูกที่น่ารักน่าฟัด เข้มแข็งและยิ้มเก่งกว่าเดิม ผมมองเห็นหลายอย่างที่เปลี่ยนไป และทุกๆ การเปลี่ยนแปลงมันมีเหตุผลเสมอ พวกเราต่างโตขึ้น การผ่านอะไรมามากมายกลายเป็นบทเรียน ผมเองก็เหมือนกัน เคยเป็นเด็กบ้าที่ร้องอยากเจอผี จมดิ่งอยู่กับอดีต แต่ตอนนี้อยู่กับความเป็นจริง อยู่กับคนที่มีอยู่จริง รับและให้ความรักที่มีอยู่จริง
ผมเลื่อนสายตาไปที่พี่ซี เขาเป็นคนตกหลุมรักกับอะไรง่ายมากนะ และดูเหมือนตอนนี้ก็จะตกหลุมรักเจ้าตัวเล็กไปแล้วถึงได้อุ้มไม่ยอมวาง ไม่ให้คนอื่นแตะหลานด้วย
"ขิง มึงขายไหม"
"ขายอะไรเฮีย"
"ลูกมึงเนี่ย เท่าไรกูก็ซื้อ"
"เฮียนั่นลูก!"
"ไหนบอกไม่ชอบเด็ก"
"ก็ดูดิมันน่ารัก กลมๆ นิ่มๆ ดุ๊กดิ๊กได้ด้วย หอมด้วย" ว่าแล้วก็กดจมูกลงไปบนแก้มนิ่มของน้ำค้าง ผมเดาว่าพอน้ำค้างย้ายมาอยู่ที่หอนี้จะต้องกลายเป็นลูกของพี่ซีจนไม่ยอมให้แม่มันอุ้มแน่ๆ
"น้ำแข็งหมดอะ"
"เดี๋ยวป้าไปเอาให้ค่ะ"
"เดี๋ยวหนูไปเอาเองค่ะป้า" แคทเสนอตัวก่อนจะเดินถือกระติกเข้าไปในครัว จังหวะนั้นพี่ซีก็ดึงหัวเท็นเข้ามาใกล้
"อะไรเฮีย"
"กูบอกให้มึงจีบเลย นั่งทำเหี้ยอะไรอยู่" แคทมันเลิกกับแฟนไปเมื่อไม่นาน พี่ซีกำลังสนับสนุนให้เท็นจีบน้องอยู่ ผมเองก็อยากสนับสนุน แต่ก่อนอื่นต้องไล่ไอ้เท็นไปซื้อเสื้อมาใส่ก่อน ไม่อยากให้น้องมันคบกับชีเปลือยอะ
"โห่ เฮีย ไม่กล้า"
"แล้วน่ารักไหมกูถามตรงๆ"
"น่ารัก"
"จะจีบไหม"
"เออ จีบ!"
"ลุยเลยมึง" พี่ซีตบไหล่เท็นเบาๆ ตอนที่แคทเดินกลับมาพอดี แคทวางกระติกน้ำแข็งลงบนโต๊ะแล้วหันไปจับไอรอนแมนขึ้นมา
"พี่เท็น นี่แมวพี่เท็นเหรอ"
"อ๋อ ใช่"
"พี่เท็นชอบแมวด้วยเหรอ"
"ใช่ครับ พี่ชอบแคท เอ๊ย! ชอบแมว พี่หมายถึงแคทที่แปลว่าแมว คือ....แมวครับ" พี่ซีกลอกตามองบนกับความเงอะงะของเท็น แต่ผมกลับยิ้มออกมาพอๆ กับที่แคทยิ้ม ผมรู้จักแคทมานานพอควร ก็พอจะรู้ว่ามันเองก็สนใจตาชีเปลือยนี่เข้าแล้ว
"ชื่อแคทนี่มาจากแมวหรือเปล่า"
"เปล่า มาจากช็อกโกแลตคิทแคท พี่ชื่อคิท หนูชื่อแคทไง"
"อ๋อ ถ้าเป็นคิทแคท"
"..."
"พี่ก็ชอบนะ"
"วิ้วๆ" ไคโรทำเสียงล้อๆ จนเท็นหันมาตบกบาลทีหนึ่ง
"รักวัยรุ่นน่ะค่ะ" ป้าทิพย์หันไปพูดแซวๆ กับแม่พี่ซี ก่อนเราจะหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน เพราะเป็นวัยรุ่น เพราะมีความรัก ชีวิตเลยมีสีสัน ผมคนเดิมที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้อีกแล้ว ลืมแม้กระทั่งวิธีที่จะตกหลุมรักใครสักคนไปแล้ว แต่ที่สุดของความโชคดี คือการได้รู้จักกับเขา
พี่ซี อดีตขี้เมาเจ้าของหอ คนที่ผมเคยคิดว่าเป็นพวกจรจัด ปากหมา เถื่อนแล้วก็สกปรก แต่จิตใจดีเกินกว่าที่คิด ผมไม่คิดว่าเราจะเดินกันมาถึงจุดนี้ ความรักมักไร้เหตุผล รู้ตัวอีกทีมันก็รักไปแล้ว
คิดย้อนไปมันก็ขำ ถ้าผมไม่อยากเจอผี ถ้าเขาไม่มองเห็นผี ถ้าเรื่องเหลือเชื่อนี้ไม่เกิดกับผมและเขา ผมก็ไม่รู้ว่าเราจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง แม้บ้าบอเกินกว่าจะมีจริง แต่ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นแล้ว และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ
ชีวิตของเราทั้งหมดผ่านอะไรมามากมาย ผ่านเความสุข ผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ผ่านการต่อสู้ ผ่านการยอมแพ้ ผ่านการเริ่มต้นใหม่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าการที่ผ่านอะไรมามากมายนั้นจะทำให้บทเรียนในชีวิตมันมากพอแล้ว ผมยังโตได้อีก ยังพร้อมที่จะรู้เรื่องที่ยังไม่รู้ หรือเผชิญกับเรื่องเหลือเชื่ออะไรในโลกนี้ได้อีก ยังพร้อมที่จะทิ้งเหตุผล ทิ้งข้อเท็จจริงในการใช้ชีวิตต่อไปของตัวเอง ความเชื่อเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยังคงยืนหยัดต่อไป และความรักเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย เหนือสิ่งอื่นใดคนรักคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีพลังในการเดินทางต่อไป
"หนู มาถ่ายรูปกัน"
ผมพยักหน้าแล้วเขยิบหน้าเข้าไปใกล้เขา พี่ซีอุ้มน้ำค้างขึ้นมาด้วย ก่อนกดชัตเตอร์ไปสองสามครั้งจนพอใจ เริ่มดึกแล้ว พี่ซียอมเอาน้ำค้างคืนให้น้ำขิงเพราะตัวเล็กเริ่มงอแง แม่ของพี่ซีเลยพาเข้าไปนอน ส่วนป้าทิพย์ก็ขอตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกเรายังอยู่คุยกันต่อ เรื่องที่พูดคุยก็มีมากเรื่อยๆ จนคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้นอน ผมหันมองพี่ซีที่หยิบเบียร์มาขวดหนึ่งแล้วกระดกขึ้นดื่ม
"เบาๆ หน่อย" ผมปรามเขาขณะที่กำลังดื่มไม่หยุด
"ไม่เมาหรอกน่า"
"เมาไม่กลัว กลัวตายเร็ว"
"คนอย่างพี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก อยู่กับหนูได้อีกนานไม่ต้องห่วง" พี่ซีว่าแล้วใช้มือหนึ่งสอดเข้ามาประสานกับมือผม
"สัญญา?"
"ด้วยเกียรติของพี่ซี ผู้ชายที่หล่อที่สุดในที่นี้"
"อยู่กันไปนานๆ นะ"
"ครับผม"
"ฮัลโหลๆ"
ผมกับพี่ซีหันไปมองเสียงของแคทที่ดังขัดขึ้นมา
"หวานไม่เกรงใจเลยนะคะ"
"เออ นั่งดูอยู่นานละ ทำเหมือนพวกผมไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยเนอะ" เท็นก็เสริมขึ้นมาอย่างเข้ากันได้ดี
"มึงก็คุยกันไปสิ จะเสือกทำไมเนี่ย"
"ไม่ต้องไปว่าเขาหรอก นี่ก็จีบกันอยู่เหมือนกันนี่แหละ" ไคโรพูดเดือดๆ แล้วมองตาขวางใส่เราทั้งหมด
"คนไม่มีคู่ถอยมานี่มา" น้ำขิงว่าแล้วดึงเสื้อไคโรให้ถอยไป
"เล่นเกมกันดีกว่า" แคทเสนอขึ้นมา ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย เกมที่ว่าคือเกมวงเหล้าที่เป็นแอพพลิเคชั่นหนึ่งในมือถือ มันจะให้เรากดแล้วแรนดอมไปตกในคำสั่งต่างๆ ก็ต้องทำตาม แอลกอฮอล์นิดหน่อยผสมกับความสนุกสนาน ปาร์ตี้คืนนี้เลยดูว่าจะอีกยาวไกล
"ดื่มหมดแก้ว!"
ขิงทำตาโตเมื่อกดไปโดนคำสั่งนั้น
"เดี๋ยวต้องดูลูกอะ ให้เฮียดื่มแทนนะ" น้ำขิงยกแก้วนั่นส่งให้พี่ซี
"อะไรวะ กูอีกแล้ว" เจ้าตัวไม่ทันจะได้ขัดขืน ขิงก็จัดการกรอกเหล้าใส่ปากเขาทันที นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่พี่ซีดื่มแทนน้ำขิง
"ตาน่านแล้ว"
ผมพยักหน้ารับแล้วกดปุ่มนั่น ก่อนจะไปตกคำสั่งเดียวกับน้ำขิง
"ดื่มหมดแก้ว!"
ผมไม่ทันจะได้พูดอะไร พี่ซีก็หยิบแก้วตรงหน้าไปยกดื่มแทนทันที ตัวเองอะเมาได้หัวราน้ำ แต่กับผมนี่ไม่ยอมให้แตะแม้แต่ฟองเบียร์เลย แต่ผมเองก็ไม่อยากเมา เมาแล้วก็น่าตีตัวเองอยู่เหมือนกันแหละ เลยยอมให้เขาดื่มแทนทุกรอบไปเลย
"อะๆ ตาเฮีย"
"ถ้าได้หมดแก้วอีกรอบกูจะตายแล้วนะ" เขาบ่นๆ แล้วกดปุ่มนั่น ก่อนจะปรากฏคำสั่งขึ้นมาที่หน้าจอนั่น
"จูบกับคนข้างซ้าย"
พี่ซีหันขวับไปหาเท็น
"ไอ้เท็นเหรอ!"
"ทางซ้าย!" ทุกคนประสานเสียงกันพูด เหมือนเขาจะเมานิดหน่อยแล้วที่แยกแยะไม่ออกอันไหนซ้ายอันไหนขวา แต่ว่าคนทางซ้ายของเขาก็คือผมไง
"จูบเลย! จูบเลย!"
ไอ้พวกนี้ก็ส่งเสียงเชียร์หนักอย่างกับเชียร์มวย กดดันผมอะ พี่ซียกมุมปากขึ้นนิดๆ แล้วโน้มหน้าลงมาถามก่อน
"พี่จูบหนูได้ไหม"
ผมตอบคำถามนั่นผ่านริมฝีปากตัวเองที่ขยับไปชนปากเขาก่อน เอาจริงเราก็ร้ายเหมือนกัน แต่พี่ซีร้ายกว่าเพราะไม่ยอมปล่อยผมออก ท่ามกลางเสียงโห่แซวของคนในหอ ผมเห็นว่านานเกินไปจึงผละตัวเองออกมาจากเขา แล้วก็ได้แต่ก้มหน้าบดบังความเคอะเขินของตัวเอง
"เกมนี้สนุกดีว่ะ"
พี่ซีฉุดผมขึ้นมาจากพื้นแล้วใช้มือหนึ่งโอบเอวผม ให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น มืออีกข้างของเขาที่ถือขวดเบียร์ติดมาด้วยยกกระดกจนหมดขวดแล้ววางไว้บนโต๊ะ ก่อนหันไปพูดกับคนในหอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความร้ายกาจ
"กูกับน่านไปเล่นเกมต่อในห้องนะ" END
จบจนได้ ฮึก ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่เรื่องหน้าค่า เลิฟฟฟฟฟ