กุญแจดอกที่ 18
ตามแผนของมิสเตอร์คิมในทีแรกเขาต้องการที่จะขยายธุรกิจของตัวเองมาสู่เกาะใบไม้ครามเท่านั้น แต่เขารู้มาสักพักแล้วว่านายหัวสุริยาอยากจะวางมือและเลิกทำงานร่วมกับเขา เพียงแต่ฝ่ายนั้นยังไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนเขาถึงยังไม่ได้ลงมือจัดการอะไร แต่เขาเริ่มมั่นใจตอนที่ส่งลูกน้องไปลอบทำร้ายไอ้พญา นายหัวสุริยาถึงกับหัวเสียยกใหญ่และกล้าขึ้นเสียงตำหนิเขา เขารู้ว่านายหัวสุริยาไม่ได้เป็นห่วงไอ้พญาที่โดนลอบทำร้ายแต่เพราะมันคือคนที่ลูกชายของนายหัวสุริยารักจึงทำให้ฝ่ายนั้นเริ่มลังเลใจที่จะร่วมมือกันเหมือนที่เคยพูดเอาไว้ ตอนนี้เขาสืบรู้มาว่าลูกชายของนายหัวสุริยาไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่เกาะใบไม้ครามเขาจึงคิดจะตลบหลังฝ่ายนั้นด้วยการซ้อนแผน แต่เดิมนายหัวสุริยาต้องเป็นคนจัดการเรื่องส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าที่รอรับอยู่บนเกาะใบไม้คราม แต่นายหัวสุริยาพยายามบ่ายเบี่ยงอ้างว่าตำรวจจับตาอยู่ เขาเลยเปลี่ยนแผนใหม่โดยมีสายสืบที่ทำงานให้เขามาหลายปีอย่างเบลเป็นคนจัดการ
...
..
.
“คุณอยากให้ตำรวจกลับไประแวงนายพญาเรื่องยาเสพติดเหรอครับ” เบลถามมิสเตอร์คิม
“ทำไม หรือคุณยังเป็นห่วงมัน”
“ถ้าผมห่วงเขาแล้วจะมาทำงานให้คุณทำไมตั้งหลายปี”
“ก็เพราะเขาไม่เคยมองคุณอย่างที่คุณอยากให้เขามองไงเบล”
“ถ้าคุณอยากให้ผมทำงานใหญ่ก็ต้องเชื่อใจผม”
“ผมเชื่อใจคุณ”
“สรุปว่าคุณอยากจะทำให้นายพญากับนายหัวสุริยาเป็นแพะรับบาปใช่ไหม”
“ใช่ ผมรู้มาว่าไอ้พญามันมีหลานแล้วก็ลูกบุญธรรมที่มันรักมาก ผมอยากให้คุณทำยังไงก็ได้ให้เด็กคนนั้นส่งยาให้ลูกค้าของดนัย ในขณะเดียวกันก็ต้องให้ลูกชายของนายหัวสุริยาเดือดร้อนไปด้วย”
“ทำไมต้องใช้เด็ก ผมไม่อยากให้เด็กมารับเคราะห์ไปด้วย”
“ก็เพราะถ้าตำรวจจับไอ้เด็กพวกนั้นได้ไอ้พญามันจะต้องรับผิดเอง คุณบอกเองว่ามันไม่ได้โง่ คุณไม่มีทางหลอกมันให้ส่งยาได้คุณต้องหลอกใช้เด็ก หรือคุณคิดว่าคุณมีวิธีที่ดีกว่านี้ล่ะเบล”
“แล้วจะให้ไอ้ตะวันมันเดือดร้อนได้ยังไง”
“ผมมีคนของผมที่รับใช้นายหัวพยนต์อยู่ มันจะเอายายัดใส่ไว้ในกระเป๋าของตะวัน คุณต้องหาวิธีเอายาออกมาจากกระเป๋านั้นให้ได้ ยาในกระเป๋าจะมีสามล็อต ล็อตแรกเป็นล็อตใหญ่คุณต้องเอาไปให้กับคนที่ผมนัดเอาไว้ให้ที่วัด”
“ที่วัดเนี่ยนะครับ”
“ใช่ เพราะที่นั่นจะไม่มีใครสงสัยแน่”
“บาปหนักก็คราวนี้” เบลถอนหายใจ
“ผมว่าถึงตรงนี้คุณไม่ต้องกลัวบาปแล้วล่ะ ฮ่าๆ” มิสเตอร์คิมหัวเราะขำที่อีกฝ่ายนึกกลัวบาปบุญขึ้นมา
“แล้วยังไงต่อครับ” เบลตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของมิสเตอร์คิม
“ล็อตที่สองซ่อนเอาไว้อยู่ใต้กระเป๋าของตะวัน คุณไม่ต้องเอาออกมา เราจะบอกตะวันทีหลัง ซึ่งถ้าตะวันรู้ว่าในกระเป๋าของตัวเองมียาเสพติดจะต้องรีบนำมันออกไปจากเกาะเพราะกลัวว่าพ่อของตัวเองกับพญาจะเดือดร้อน ตอนนั้นผมจะให้คนโทรแจ้งตำรวจว่ามันมียาในครอบครอง คราวนี้ไอ้พญากับนายหัวสุริยาจะต้องผิดใจกันแน่นอน ส่วนล็อตที่สามคุณจะต้องเอาไปให้ลูกบุญธรรมของไอ้พญา ทำยังไงก็ได้ให้มันเอาของไปที่ท่าเรือยอร์ชของไอ้พญา แล้วผมจะปล่อยข่าวให้ตำรวจไปตามจับกุมเด็กนั่น”
“คุณไม่เสียดายยาที่ต้องสูญไปตั้งสองล็อตเหรอ”
“ต้นทุนยาบ้าพวกนี้ราคาไม่กี่บาท มีแต่ไอ้พวกโง่เง่าที่มันยอมเสียเงินเยอะๆ มาซื้อยาไปเสพ” มิสเตอร์คิมหัวเราะด้วยความสะใจ
“แล้วถ้าผมทำไม่สำเร็จ...”
“ผมคงไม่ต้องบอกว่าคนที่คิดหักหลังผมหรือทำงานให้ผมไม่สำเร็จจะเป็นยังไงใช่ไหมเบล คุณอยู่กับผมมาหลายปีไม่เคยทำงานพลาด ถ้าครั้งนี้คุณพลาดผมจะถือว่าคุณไม่ได้ภัคดีต่อผม แต่ถ้าคุณทำได้ข้อเสนอทุกอย่างที่คุณขอมาจะเป็นของคุณ”
“ครับ ผมจะทำให้สำเร็จ”
...
..
.
นี่คือบทสนทนาที่มิสเตอร์คิมได้คุยกับเบลก่อนหน้าที่จะส่งเบลกลับมาที่เกาะใบไม้คราม เขาจำวันที่เจอเบลได้ดี สภาพของเบลดูไม่ได้เลย พอสอบถามก็ได้รู้ว่าเบลโดนคู่ขาอีกคนของไอ้พญาทำร้ายมา เด็กหนุ่มคนนี้พรั่งพรูทุกอย่างในใจให้เขาได้รู้ว่ารักไอ้พญาแค่ไหนและก็เกลียดทุกอย่างรอบตัวของพญาเช่นกัน มิสเตอร์คิมให้ลูกน้องพาเบลไปรักษาตัวและส่งไปศัลยกรรมที่เกาหลีอย่างที่เบลต้องการ เขาเอาใจเบลทุกอย่างเพราะรู้ดีว่าเขาจะใช้ความแค้นของเบลให้เป็นประโยชน์ได้ในอนาคต ในเมื่อไอ้พญาไม่ยอมเป็นคู่ค้าในการทำธุรกิจของเขาซ้ำยังคิดตั้งตัวเป็นศัตรูมันก็จะต้องได้รับบทเรียนราคาแสนแพง รวมถึงนายหัวสุริยาก็เช่นกัน
...
และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องทำงานใหญ่ที่สุดในชีวิต เบลสูดอากาศเข้าปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะค่อยๆ พรูลมหายใจออกมาพร้อมกับขับไล่ความลังเลที่มีในใจ เบลรู้ตัวเองดีว่าอยู่ในจุดที่กลับตัวไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่ทำทุกอย่างก็คือต้องแลกกับชีวิตของตัวเอง เมื่อคิดแล้วว่าควรทำอะไรก็รีบแต่งตัวเพื่อจะไปทำทุกอย่างตามที่ได้วางแผนเอาไว้ให้เสร็จสิ้นเสียที
เบลมาถึงหน้าสำนักงานของพญาตามเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ผิดจากที่วางแผนอาไว้ตอนนี้พญากับเทียมฟ้าจะต้องไม่อยู่ที่นี่ มิสเตอร์คิมให้คนปล่อยข่าวว่าจะมีการส่งยาเสพติดในวันนี้ เบลคิดว่าพญาคงไปตามจับตาดูกลุ่มของนายหัวสุริยาอยู่ ส่วนเทียมฟ้าก็จะต้องออกไปพบดนัยตามแผน จะเหลือก็เพียงแค่โอบอุ้มและหนูด้วงที่อยู่ที่นี่เท่านั้น
“สวัสดีครับพี่เบล” โอบอุ้มออกมาเปิดประตูให้เบลหลังจากที่ได้ยินเสียงกริ่ง
“พี่เอาของมาแต่งตู้ปลา พี่โทรบอกนายพญาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ป๊าบอกผมแล้วครับ เชิญเข้ามาเลยครับ”
“ใครมา ยุงพะยากะอาน้อนบอดว่าไม่ให้เปิดประตูให้ใคร” หนูด้วงที่เพิ่งวิ่งออกมารีบบอกโอบอุ้มเพราะว่าพญากับเทียมฟ้าสั่งเอาไว้
“พี่พญากับคุณชายน้องไม่อยู่เหรอครับ งั้นพี่กลับก่อนก็ได้” เบลแกล้งแสดงสีหน้าไม่สบายใจ
“ไม่เป็นไรครับพี่เบล” โอบอุ้มเห็นว่าพญารับรู้แล้วเลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรจึงเดินออกมาช่วยเบลยกลังของเข้าไปไว้ในห้องใต้สมุทร
“อ๋อ ปี้คนจ๋วย ให้เข้ามาก้อได้ นี่อะได” หนูด้วงจำหน้าเบลได้เลยยอมให้เข้ามา
“ปากหวานจังนะครับ” เบลได้ยินหนูด้วงชมตัวเองก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“นี่อะได” หนูด้วงถามอีกครั้งเมื่อเห็นโอบอุ้มกับเบลยกลังของเข้ามาในห้องใต้ชาหมุด
“บ้านใหม่ของน้องปลาไงครับ พี่เบลจะมาแต่งบ้านใหม่ให้” โอบอุ้มอธิบายให้หนูด้วงฟัง
“เย้ ยูกๆ ขอนหนูจะมีบ้านใหม่ เย้” หนูด้วงดีใจและเดินวนรอบตัวโอบอุ้มกับเบลด้วยความตื่นเต้น ที่สำคัญอยากเห็นของในกล่องจะแย่อยู่แล้ว
เบลค่อยๆ เปิดกล่องออกทีละกล่อง ข้างในมีพวกของตกแต่งตู้ปลาหลายอย่าง หนูด้วงชะเง้อมองด้วยความสนใจ จนกระทั่งเบลถอนหายใจแล้วบ่นว่าของที่ได้มาไม่ใช่แบบที่สั่งเอาไว้
“น้องโอบ พี่ฝากดูของก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ออกไปโทรบอกเพื่อนก่อนว่าเขาเอามาผิดอยู่สองสามกล่อง”
เบลเดินออกมาโทรศัพท์หามิสเตอร์คิมเพื่อทวนแผนการอีกครั้งป้องกันการผิดพลาด เมื่อทวนแผนการทุกอย่างเสร็จแล้วเบลจึงจะกลับเข้าไปด้านใน แต่ทันทีที่หันกลับไปก็ต้องตกใจเพราะเจอหนูด้วงมายืนมองตัวเองตาปริบๆ อยู่ เด็กน้อยระบายยิ้มให้เบลและยื่นน้ำดื่มให้หนึ่งขวด
“ปี้โอดอุ้นให้เอาน้ำมาให้ปี้เบว”
“ขอบคุณนะครับ”
“หนูอยาดได้ปัดกายันฉีฉ้ม”
“อะไรนะครับ”
“หนูได้ยินปี้เบวบอดว่ามีฉีฉ้ม” สีส้มที่หนูด้วงพูดถึงคือห่อยาเสพติดที่เบลคุยกับมิสเตอร์คิมเมื่อครู่
“อ๋อ ครับๆ แล้วพี่จะเอามาให้” เบลรับปากไปทั้งที่ไม่เข้าใจว่าปัดกายันคืออะไร
“แย้วปี้เบวจะให้ปี้โอดอุ้นไปไหน” หนูด้วงถามต่อ เบลหน้าเสียที่ไม่ระวังจนหนูด้วงมาได้ยิน
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ เข้าไปข้างในกันเถอะ ไปดูพี่เบลจัดบ้านใหม่ให้ปลากันนะ” เบลพยายามเปลี่ยนเรื่องที่หนูด้วงสนใจ
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงพยักหน้าก่อนจะเดินนำเข้าไป
“ดีนะที่เป็นหนูด้วง ถ้าเป็นโอบอุ้มมาได้ยินก็พังกันพอดี แล้วดูสิ..ยังจะเล่นไอ้ตุ๊กตาผีบ้านั่นอยู่ได้” เบลบ่นพึมพำเมื่อเห็นหนูด้วงอุ้มตุ๊กตาเอเลี่ยนเดินเข้าห้องไปก่อน
เบลยังไม่ได้กลับเข้าไปในทันทีเพราะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรไปหาลูกน้องของมิสเตอร์คิมเพื่อสั่งให้เอายาล็อตที่ต้องให้โอบอุ้มมาส่งตามแผน ซึ่งจะมีจดหมายปลอมของพญาแนบมาด้วย เบลสามารถเลียนแบบลายมือของพญาได้เหมือนมากจนแยกไม่ออก หลายครั้งที่เบลปลอมลายมือและลายเซ็นของพญาเพื่อเบิกเงินจากจุ๋ม จุ๋มก็ไม่เคยจับผิดได้ เมื่อโทรนัดแนะแผนการเสร็จแล้วเบลก็กลับเข้ามาเปลี่ยนชุดดำน้ำเพื่อเตรียมตัวจะลงไปในตู้ปลา
ส่วนโอบอุ้มกับหนูด้วงนั่งเล่นอยู่ในห้องใต้สมุทรเพราะอยากเห็นเบลจัดตู้ปลา จนกระทั่งมีคนมากดกริ่งที่หน้าประตูสำนักงาน โอบอุ้มจึงจูงหนูด้วงออกมาที่หน้าสำนักงานด้วยเพราะกลัวหนูด้วงจะไปรื้อของที่เบลเตรียมมา
“นายพญาให้เอาของนี้มาให้คุณโอบอุ้มครับ” ผู้ชายคนที่มาส่งของยื่นกระเป๋าสีดำให้โอบอุ้ม
“แย้วขอนหนูมีมั้ย” หนูด้วงถาม
“ไม่มีครับ”
“ยุงพะยาไม่มีขอนให้หนู” หนูด้วงทำหน้ามุ่ย
“มีจดหมายฝากมาให้คุณโอบอุ้มด้วยครับ”
“จดหมายอะได” หนูด้วงยังคงอยากรู้เพราะมีความหวังว่ายุงพะยาอาจจะเขียนมาว่าให้แบ่งของนี้ให้หนูด้วงด้วย
“เจ้าโอบ ป๊าฝากให้เราเอาของนี้ไปให้เพื่อนป๊าที่ท่าเรือยอร์ช มันสำคัญมาก ป๊าเลยต้องให้โอบเอาไปให้แทนป๊า เจอกันตอนเย็นๆ” โอบอุ้มอ่านจดหมายให้หนูด้วงฟัง
“ไม่ใช่ขอนเราทั้นฉอนคนเยย อดหมดเยย” หนูด้วงทำไหล่ห่อเพราะสรุปว่าของในกระเป๋าใบนี้ไม่ใช่ทั้งของโอบอุ้มและไม่ใช่ของตัวเอง
“ผมไปก่อนนะครับ ต้องตามไปช่วยนายพญาทำธุระสำคัญ” ผู้ชายแปลกหน้าพูดจบก็รีบปลีกตัวออกไป โอบอุ้มอ่านจดหมายอีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“ใครมาเหรอครับน้องโอบ” เบลแสร้งถาม
“ลูกน้องของป๊ามั๊งครับ แต่ผมไม่เคยเห็น” โอบอุ้มบอกกับเบล
“เหรอครับ” เบลมองของในมือของโอบอุ้ม
“ผมต้องไปทำธุระให้ป๊า คงต้องให้พี่เบลกลับก่อน พรุ่งนี้พี่เบลค่อยมาใหม่ได้ไหมครับ”
“อ๋อ ได้ครับ” เบลตอบรับก่อนจะลอบยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“หนูด้วงครับ เราต้องไปทำธุระให้ป๊าก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำบ้านให้น้องปลาเนอะ ผู้วิเศษต้องรอได้ใช่ไหม” โอบอุ้มถามหนูด้วง
“หนูไม่เป็นปู้วิเฉดแล้วก้อได้” หนูด้วงหน้างอที่บ้านใหม่ของน้องปลาไม่เสร็จ
“พรุ่งนี้พี่เบลจะเอาของที่หนูด้วงอยากได้มาให้ ที่ว่าสีส้มอะไรสักอย่าง ว่าแต่มันคืออะไรเหรอครับน้องโอบ...ไอ้ปัดกายัน” เบลกลัวว่าหนูด้วงจะงอแงแล้วทำแผนเสียเลยต้องหาวิธีมาหว่านล้อม
“ปะการังครับพี่เบล”
“อ๋อ โอเค พี่เบลจะเอาปะการังสีส้มมาให้” เบลย่อตัวลงถามหนูด้วง
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงมองตู้ปลาอย่างอาลัยก่อนจะหันมาพยักหน้าให้เบล
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับ” เบลบอกกับเด็กน้อยทั้งสองคนก่อนจะเดินจากไป
“ปี้โอดอุ้น” หนูด้วงกระตุกเสื้อของโอบอุ้มและทำหน้าจ๋อยๆ
“ไม่งอแงนะครับคนเก่งของพี่”
“หนู...หนู...ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงเรียกโอบอุ้มเพราะมีเรื่องจะสารภาพ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้อย่างใจดีเลยคิดว่าไม่ต้องพูดก็ได้เลยปล่อยให้ความผิดนั้นผ่านไป
สักพักหนึ่งโอบอุ้มก็เดินถือกระเป๋าสีดำออกมาจากสำนักงานและจูงหนูด้วงมุ่งหน้าเดินไปที่ท่าเรือยอร์ช เบลแอบยืนดูอยู่จนโอบอุ้มลับสายตาแล้วจึงโทรหามิสเตอร์คิม
“ผมหลอกให้เด็กนั่นไปที่ท่าเรือแล้ว แล้วเดี๋ยวผมจะโทรหาไอ้ตวงเพื่อบอกมันว่าในกระเป๋าของมันมียาเสพติด คุณให้ลูกน้องที่เฝ้าดูมันอยู่แจ้งตำรวจได้เลย ผมจะขึ้นไปที่วัดแล้ว สรุปว่าผมจะต้องส่งยาให้ใคร” เบลถามมิสเตอร์คิม
“เขาชื่อหม่อมเจ้าเขมทัตหรือท่านชายขิง ผมจะส่งรูปเขาให้คุณดู ตอนนี้เขารอคุณอยู่แล้ว อย่าให้พลาดนะเบล ยาล็อตนี้เยอะมากเราจะพลาดไม่ได้”
“ครับผมจะรีบไป” เบลวางสายจากมิสเตอร์คิมแล้วก็จัดการโทรหาตะวันเพื่อแจ้งข่าวว่าในกระเป๋าของตะวันมียาเสพติดซ่อนอยู่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด ตะวันดูลนลานและรีบวางสายไป เบลมั่นใจว่าตอนนี้ตะวันคงกำลังพยายามติดต่อพ่อของตัวเองเพราะนึกว่านายหัวสุริยาหลอกใช้ตัวเองขนยาเสพติดเข้ามาในเกาะ แต่กว่าที่จะเข้าใจทุกอย่างถึงตอนนั้นตะวันก็คงจะถูกตำรวจจับแล้ว เบลถอนหายใจอีกครั้งเมื่อนึกถึงโอบอุ้มกับหนูด้วง แม้ไม่อยากจะให้เด็กเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ก็เลือกที่จะเอาตัวเองรอดมากกว่า เมื่อมองนาฬิกาก็เห็นว่าต้องรีบเอายาไปส่งลูกค้าแล้วจึงขนกล่องปะการังขึ้นไปยังจุดนัดส่งยาให้ไวที่สุด
…
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูพักห้องดนัยก็รีบมาเปิดประตูให้คนที่เฝ้ารอ พอเห็นว่าเทียมฟ้ายอมมาหาถึงห้องก็ส่งยิ้มให้และรีบจูงอีกฝ่ายเข้ามา ถึงจะรู้ว่าเทียมฟ้าคบหากับไอ้พญาแล้วแต่ดนัยก็มั่นใจว่าเทียมฟ้ายังมีใจให้ตัวเองอยู่ แต่ที่ฝ่ายนั้นทำท่าทางขึงขังใส่เพราะว่าตนเองได้ทำให้เทียมฟ้าเสียความรู้สึกอยู่ไม่น้อย
“หิวไหม ทานข้าวมารึยังครับคนดี”
“พูดมาเลยดีกว่า คุณบอกว่ามีข้อมูลสำคัญของพี่พญาจะบอก”
“ใจเย็นสิครับ ยังไงวันนี้น้องได้รู้แน่”
“จะรีบพูดไหม ถ้าไม่ก็จะได้กลับ”
“โอเค คือผมได้ข่าวมาว่าพญามันเป็นหนึ่งในเครือข่ายส่งยาเสพติดรายใหญ่ของภาคใต้ ผมรู้ว่าน้องกำลังคบกับมัน ผมไม่อยากให้น้องต้องมาพลอยซวยไปด้วย น้องอาจจะไม่เชื่อผมแต่อย่างน้อยฟังข้อมูลจากผมเอาไว้แล้วเอาไปสืบดู”
“แค่นี้เหรอที่คุณจะบอก” เทียมฟ้าทำหน้าผิดหวังจนดนัยรู้สึกงงที่เทียมฟ้าดูไม่ตกใจอย่างที่คิดเอาไว้
“น้องไม่เชื่อผมใช่ไหม”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ว่ารู้แล้ว”
“อะไรนะ..รู้แล้ว...หมายความว่ายังไง”
“ก็รู้แล้วว่าพี่พญาค้ายาเสพติด น้องเป็นคนช่วยทำบัญชีให้เอง”
“อะไรนะ!”
“ทีแรกก็ไม่อยากทำหรอก แต่เงินมันดี” เทียมฟ้าทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะพูดออกไปโดยที่ดนัยมองไม่ออกว่าเทียมฟ้าพูดจริงหรือพูดเล่น
“น้องกล้าทำเรื่องผิดกฎหมายด้วยเหรอ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ดนัยพยายามจับพิรุธ
“น้องซ้อมคุณจนคุณเกือบตายแล้วกฎหมายทำอะไรน้องได้ไหมล่ะ พี่ของน้องเป็นใครคุณคงลืมไปแล้ว”
“จริงสิ พี่ของคุณตำแหน่งใหญ่โต” ดนัยนึกขึ้นได้ว่าพี่ชายคนโตของเทียมฟ้าเป็นนายตำรวจใหญ่
“แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด” เทียมฟ้าลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะกลับ
“เดี๋ยวก่อนครับ” ดนัยรีบเดินเข้ามาสวมกอดเทียมฟ้าจากทางด้านหลัง พอเห็นว่าเทียมฟ้าไม่ได้ต่อต้านจึงซุกจมูกไปซุกไซร้ที่ลำคอ
“อย่าทำ” เทียมฟ้าพูดเบาๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบจนดนัยไม่กล้ารุกต่อแต่ก็ยังกอดอีกฝ่ายเอาไว้
“ถ้าน้องอยากได้เงินเยอะๆ มาทำงานกับผมไหม รับรองว่าได้มากกว่าที่ทำบัญชีให้ไอ้พญา”
“งานอะไร”
“งานแบบเดียวกับที่ทำให้ไอ้พญา”
“ถ้าแบบเดียวกันทำไมน้องต้องเลือกทำกับคุณ”
“เพราะผมไม่ใช่พวกปลายแถว ถ้าคิดจะขายก็ต้องรับจากระดับแถวหน้าไปเลย ผมจะพาน้องไปรู้จักกับคนที่จะให้เงินเราได้มากกว่าไอ้พญาหลายสิบเท่า”
“คนอย่างคุณเนี่ยนะจะรู้จักกับพ่อค้ายารายใหญ่ แค่เจ้าของบ่อนกระจอกๆ คุณยังหนีหัวซุกหัวซุนเลย”
“รอครู่หนึ่งนะ” ดนัยรู้สึกเสียหน้าที่ถูกอดีตคนรักเย้ยหยัน เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหามิสเตอร์คิมแล้วกดเปิดลำโพง
“ว่าไงดนัย”
“ผมอยากถามคุณให้แน่ใจอีกครั้ง ถ้าแผนส่งยาล็อตใหญ่ครั้งนี้เสร็จคุณจะให้เงินผมตามที่ผมขอใช่ไหม”
“ใช่ จะมาถามอะไรตอนนี้ เบลมันกำลังไปส่งของที่วัดแล้ว คุณทำหน้าที่ของคุณรึยัง”
“ไม่ต้องห่วง ทางผมก็เรียบร้อยแล้ว แต่ผมมีเรื่องจะถามคุณอีก ถ้าผมสนใจจะทำงานให้คุณอีก ผมจะรับของจากคุณเองโดยไม่ผ่านเบลได้ไหม ผมอยากได้เงินเยอะๆ”
“ฮ่าๆ ติดใจแล้วล่ะสิดนัย ได้เลย ผมยินดีต้อนรับคุณให้มาเป็นหุ้นส่วนของผม”
“โอเค เสร็จงานนี้แล้วผมจะไปหาคุณ แค่นี้นะมิสเตอร์คิม”
“ตกลง เสร็จงานแล้วมารอรับเงินจากผมได้เลยดนัย”
เมื่อมิสเตอร์คิมวางสายไปแล้วดนัยก็ยกยิ้มพร้อมกับยักไหล่ให้เทียมฟ้า เทียมฟ้าเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาดนัยใกล้ๆ และลูบไล้ที่แผ่นอกของดนัยเบาๆ จมูกของเทียมฟ้าเฉียดแก้มของดนัยไปจ่อตรงใบหู ดนัยหลับตาพริ้มและเอื้อมมือไปที่บั้นท้ายของเทียมฟ้า แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสเนื้อตัวของอีกฝ่ายก็ต้องชะงักเพราะเสียงกระซิบจากริมฝีปากอิ่มที่จ่ออยู่ตรงข้างหู
“ในชีวิตของน้อง...น้องไม่เคยเหยียดใครเลยนะ คุณก็รู้ว่าน้องไม่ชอบเหยียดหยามใคร แต่วันนี้น้องคงต้องกลืนน้ำลายของตัวเอง คุณรู้ตัวไหมว่าคุณมันโง่ ทุเรศแล้วยังโง่ โง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาดเหนือกว่าคนอื่น โง่ แล้วก็คิดว่าคนอื่นจะโง่ให้ตัวเองหลอกได้ เขาเรียกโง่ซ้ำโง่ซ้อนนะดนัย”
“น้อง พูด..พูดอะไรของน้องห๊ะ!!”
...โครม!!....
“ยกมือขึ้นและอย่าขัดขืนการจับกุม เราคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมต้องพาคุณไปสอบสวนเรื่องขบวนการค้ายาเสพติดครับคุณดนัย!!”
“อะ...อะไร ผมไม่ได้ค้ายาอะไรทั้งนั้น คุณไม่มีสิทธิจับกุมผม” ดนัยโวยวายเมื่อตำรวจกลุ่มหนึ่งถีบประตูเข้ามา จนกระทั่งเห็นเครื่องอัดเสียงในมือของเทียมฟ้าและกล้องวงจรปิดตรงโคมไฟที่เทียมฟ้าชี้ให้ดนัยดูนั่นถึงทำให้ดนัยเข่าอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้น
ตำรวจเข้ามาจับกุมตัวของดนัยไปพร้อมกับค้นห้องเพื่อหาหลักฐาน ในห้องมียาเสพติดจำนวนหนึ่งที่ดนัยก็ไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไง พอนึกดูแล้วก็นึกได้ว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นกระเป๋าของเบลที่ไม่ได้เอากลับไปในวันที่มานอนค้างกับเขา ดนัยเจ็บใจเพราะนึกว่าเบลหักหลัง เงินก้อนโตที่วาดเอาไว้พังทลายลงไปกับตา น้ำตาของดนัยไหลออกมาอย่างไม่อายใคร ยิ่งเห็นสายตาที่เย็นชาของเทียมฟ้าแล้วดนัยยิ่งเจ็บใจที่โง่เสียรู้ให้คนที่เคยซ้อมตัวเองเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V