พวกเรานั่งชิวรับลมกันสบายๆ ฝอยเรื่องชาวบ้าน เรื่องเกม สลับกับร้องเพลงอกหักโดนๆ แล้วก็กระเดือกเหล้าลงคอ
ประมาณเที่ยงคืนไอ้เพชรก็พูดอ้อแอ้ไม่เป็นภาษามนุษย์ ส่วนไอ้เพียวเมาแล้วเริ่มปากหมาท้าตีนคนเดินผ่านไปผ่านมาไปทั่ว
“กลับเลยมั้ย” ในที่สุดไอ้แบงก์ก็ถามขึ้น
“ก็ดี อยู่นานกว่านี้เดี๋ยวไอ้เพียวจะไปล่อตีนใครเข้า” ผมเห็นด้วย ก่อนจะตั้งข้อสังเกต “แต่แปลกนะ วันนี้มึงไม่ยักเมา ปกติไปรายแรกเลยมึงอะ”
แบงก์หัวเราะหึ ก่อนจะก้มกดสมาร์ทโฟนเรียกแกรบแท็กซี่ “เอาไอ้พวกนี้ไปไว้หอกูแล้วกัน”
“อ้าว ไหนว่าคืนนี้จะมาค้างที่หอกูกันไง”
“เปลี่ยนใจแล้ว กูพาพวกแม่งกลับเองได้ ส่วนมึง...” มันเหล่ตาไปยังอีกโต๊ะที่อยู่ไกลออกไป “ไปเก็บศพไอ้ภากรกลับเถอะ ตายห่าอยู่นู่น”
ผมยอมหันกลับไปอีกครั้ง ภากรนั่งอยู่คนเดียว หน้าแดงแจ๋หลับตาพริ้มเอนหัวฟุบโต๊ะไม่กระดิกกระเดี้ย ข้างๆ มีลีโอสองขวดกับแก้วเหล้าที่ตะแคงหก
น่าสมเพชชิบหาย...
“ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ” ผมมองสภาพมันแล้วแค่นเสียงเหอะ
“แต่มันเหมือนจะมาคนเดียวนะ ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ดีมั้ง” ไอ้แบงก์นี่ก็ยังไง เซ้าซี้จังวะ วันนี้มาในบทพ่อสื่อหรือไง
“มันเป็นผู้ชาย ปล่อยทิ้งไว้จะเสียหายอะไร” ผมยังเถียง
“งั้นมึงเห็นไอ้หนวดเสื้อน้ำเงินนั่นมะ”
“เห็น ทำไม”
”กูไม่ไว้ใจ แม่งเดินวนเวียนแถวไอ้ภากรอยู่สามสี่รอบละ...แล้วมึงดูสายตามัน”
“...”
“...”
“สัสเอ๊ย...”
“ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก ไปพามันกลับเหอะ”
“เออ ก็ได้ แล้วเจอกันนะถ้างั้น”
ผมหัวเสียเป็นบ้า
คนอะไรหาเรื่องให้เป็นห่วงได้อยู่เรื่อย ถ้ารู้ตัวว่าจะเมาเป็นหมาแบบนี้อย่างน้อยหนีบเพื่อนมาด้วยสักคนก็ยังดี เคยทำอะไรคิดหน้าคิดหลังบ้างรึเปล่าวะ
ตอนเดินไปหามันไอ้หนวดนั่นก็เข้าถึงตัวแม่งแล้ว แถมยังเอื้อมมือไปลูบๆ บั้นท้ายมันอีกต่างหาก ไม่รู้ลวนลามหรือกำลังหากระเป๋าตังค์กับของมีค่า ผมรีบพุ่งเข้าไป ปรี๊ดเส้นเลือดในสมองแทบแตก “มึง! ออกไปเลยนะ อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู!!”
สงสัยเพราะผมเสียงดังไปนิดไอ้หนวดนั่นก็เลยตกใจเผ่นไปทันที ผมไม่ได้ตามไปเอาเรื่องเพราะไอ้ตัวที่น่าห่วงแม่งยังนอนเมาแอ๋อยู่นี่ ผมได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอแล้วเขย่าตัวคนตรงหน้าเบาๆ
“ภากร ไอ้ภากร! ลุก กลับได้แล้ว”
คนตรงหน้ายังคงหลับตา มุ่นหัวคิ้วคล้ายรำคาญแล้วยกมือปัดเปะปะ ร้องครางเหมือนแมวง่วง
“ลืมตา ไอ้สัส จะนอนนี่ไม่ได้ บอกให้ลุกไง!” ผมตีแก้มแดงจัดของมันเพียะๆ อย่างหัวเสีย
คราวนี้อีกฝ่ายยอมปรือตาขึ้นนิดหนึ่ง แล้วก็ขมวดคิ้ว
“...ศิน?”
“เออ กูเอง จะลุกได้ยัง”
“ศิน...ศิน ศิน ศิน” คนเมาหัวเราะคิกคัก
“เป็นเชี่ยไร ชื่อกูมันตลกหรือไง”
“น้องศิน~ เขียนศอศาลา มาจากชื่อจริงว่าศศิน...” ภากรยังคงพูดพล่ามอ้อแอ้ไปเรื่อย “ฮิๆๆ มึงไม่ใช่มันหรอก...มันสนใจอะไรกูที่หนายยย มัน มันไม่รัก กู ฮ่าๆๆๆ...ฮึก มึงรู้ป้ะ เชี่ยแบงก์บอกว่าวันนี้ไอ้ศินมันจะมานี่กูก็อุตส่าห์ตามมา มาเพื่อโดนมันเมินอะไอ้เหี้ย”
ผมฟังถึงตรงนี้แล้วคิ้วกระตุก อ้อ กะแล้วเชียว แผนไอ้ห่าแบงก์นี่เองที่ให้เรากลับมาเจอกัน ไอ้นี่แม่งยุ่งไม่เข้าเรื่อง ไว้จะคิดบัญชีกับมันทีหลัง
"แล้วมึงรู้มั้ย ไอ้ศินนะ...ฮึก จะเกลียดก็เกลียดดิวะ แต่ แต่นี่แม่ง ทำเหมือนกูเป็นอากาศ ทำยังไงมันก็ไม่สนใจอะ ไม่สนใจกูสักนิดเลย ฮือ..."
“โว้ย! ถ้าไม่สนใจกูปล่อยมึงโดนหิ้วไปแล้ว ไอ้ห่า หยุดเพ้อแล้วลุกซะทีดิ๊!!”
กว่าจะพามันกลับถึงหอได้แม่งทุลักทุเลไม่น้อย
แถมพอเข้าห้องมายังมีท่าทีพะอืดพะอม ดีว่าผมทันสังเกตเห็นก่อนเลยส่งมันไปนั่งกอดโถส้วมได้ทันก่อนมันจะทำตัวเองและพื้นห้องเลอะเทอะ ผมย่อตัวลงลูบหลังอีกฝ่ายช้าๆ จนอาการมันค่อยทุเลาถึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำ
“หันมานี่ เช็ดหน้าเช็ดตาหน่อย”
ภากรยังนั่งมึนจากการโก่งคออ้วกไม่ยอมหันมา ผมเลยต้องเอามือนึงล็อกท้ายทอยมันไว้ ส่วนอีกมือเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดปากมันให้สะอาด
“เอ้า ลุกๆ บ้วนน้ำกลั้วปากหน่อย แสบคอมั้ยเดี๋ยวกูไปหยิบน้ำให้”
นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้ แต่ทุกอย่างทุกขั้นตอนกลับยังเคยชินเหมือนวันวาน ตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนจนตกลงเป็นแฟนผมก็ดูแลมันแบบนี้ประจำ
กระทั่งความสัมพันธ์ของเราไม่เหลืออะไรเลยนั่นแหละ...ความเคยชินพวกนี้ถึงหายไปจากชีวิต
ผมประคองอีกฝ่ายเดินโซเซมาถึงเตียงจนได้ มันดูมีสติมากขึ้นแล้วแต่ทีนี้ดันเปลี่ยนเป็นสะอื้นฮึกๆ ไม่หยุดแทน โอย กูจะทำยังไงกับมึงดีเนี่ย
“เปลี่ยนเสื้อก่อนมึง กลิ่นเหล้าหึ่งเลย” ผมหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของตัวเองจากตู้ส่งให้มันที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียง แต่อีกฝ่ายยังเอาแต่สะอื้นจนไหล่สั่นเงียบๆ เรียกยังไงก็ไม่ยอมตอบ
รู้สึกจนใจจริงๆ สุดท้ายก็เลยก้าวไปวางเสื้อไว้ข้างๆ มัน แต่ตอนที่จะถอยกลับมานั่นเองภากรก็ดึงมือผมไว้
“ศิน” มันเรียกชื่อผมแผ่วเบา จับให้ฝ่ามือผมแนบกับหน้าตัวเอง พึมพำคล้ายละเมอ “...กลับมาแล้วเหรอ จะกลับมาใช่มั้ย”
ผมยืนนิ่ง ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง
ให้ตอบว่าผมจะกลับมาอย่างนั้นเหรอ...ก็คงไม่ใช่
“ศิน กูขอโทษ” หยาดน้ำตาเปียกชื้นหยดลงบนมือผม “ขอโทษที่ทิ้งมึง กูรู้...กูแม่งเหี้ย กูผิดเองทุกอย่าง กูขอโทษ...”
ผมถอนหายใจ
“มึงรู้ว่าทำตัวแบบนั้นกูจะเสียใจ แต่มึงก็ยังทำ”
คราวนี้มันร้องไห้โฮออกมาตรงนั้นเลย
มือที่ทาบไว้บนหลังมือของผมสั่นไปหมด
“กู...กูแค่ไม่มั่นใจตัวเอง ฮึก กูกลัว ศิน กูไม่เคยชอบผู้ชาย กูชอบมึงนะ แต่...แต่ตอนนั้นกูกลัว กูไม่กล้าเลือกมึง กูขอโทษ”
ผมอยากจะสวนออกไปว่ากูก็ไม่เคยคิดจะชอบผู้ชายเหมือนกันนั่นแหละ มึงเป็นคนแรก แต่กูก็ไม่เห็นใจร้ายใส่มึงเลยนี่
แต่พอได้มานิ่งคิดดูอีกที...อาจเทียบกันไม่ได้เสียทีเดียว ผมเป็นคนประเภทที่อะไรยังไงก็ได้ พอรู้ว่านอนกับเพื่อนตัวเองไปก็ยังแค่ช็อกๆ นิดหน่อยแต่แป๊บเดียวก็ทำใจได้ แต่ภากรไม่ใช่ มันเป็นคนที่มีความมั่นใจในความหล่อความเท่ของตัวเองสูง เกี้ยวสาวเก่งเป็นเลิศ และเข้าขั้นเสือผู้หญิง
การที่วันนึงตื่นมาพบว่าเพิ่งจะมีอะไรกับเพื่อนแถมตัวเองยังเป็นฝ่ายรับอีกคงสะเทือนใจเอาเรื่อง
ตอนนั้นเองที่ผมกระจ่างกับทุกการกระทำที่ผ่านมาของมัน ภากรรั้งผมไว้ แต่ขณะเดียวกันก็ม่อหญิงไปทั่ว...ผมว่าคงเป็นเพราะมันยังไม่อยากยอมรับความรู้สึกตัวเอง ไม่อยากยอมรับว่าชอบผมที่เป็นผู้ชาย แต่มันก็ไม่กล้าปล่อยมือจึงทิ้งเรื่องของเราไว้แบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่กล้าเดินหน้า ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าถอยหลัง
ความคิดนั้นทำให้ผมหดหู่
หากสังคมเราเปิดกว้างมากกว่านี้ แบบที่เราจะรักใครก็ได้โดยต้องไม่แคร์สายตาคนอื่น...ไม่แน่ว่าผมอาจจะเปลี่ยนภากรให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้ อาจจะทำได้จริงๆ
น่าเสียดาย...
“ไอ้ศิน...” พอเห็นว่าผมเงียบไม่ตอบ คนตรงหน้าก็ดูใจเสีย
ผมถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ภากร มันเห็นแบบนั้นแล้วก็กางแขนโผเข้าหาทันที ผมรับมันเข้ามาในอ้อมกอดโดยไม่พูดอะไร ภากรซุกหน้าลงกับไหล่ของผมร้องไห้จนตัวสั่น การได้มาเห็นคนอีโก้จัดและไม่ชอบเผยด้านอ่อนแอให้ใครรับรู้มาฟูมฟายน้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตกแบบนี้...ผมเจ็บปวดจริงๆ
ผมได้แต่กอดมันไว้อย่างนั้น ทบทวนความรู้สึกตัวเอง
“ตอนนั้นมันแย่มากนะเว้ย ความรู้สึกแม่งแย่จนกูไม่อยากจะยอมรับ” ภากรกระชับวงแขนรอบตัวผมแน่นขึ้น “แต่ตอนที่ไม่มีมึงแล้ว...มันแย่ยิ่งกว่า ฮึก แย่กว่าตอนไหนๆ ถ้าย้อนเวลาได้...กูจะยอมทุกอย่าง อะไรที่มึงขอให้เลิกกูก็จะเลิก ขอแค่ได้อยู่กับมึง ได้รักมึง”
จากนั้นริมฝีปากนุ่มก็ประกบจูบลงมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พร้อมกันกับเสียงขอร้องอ้อนวอนอันสั่นเครือ
“ศิน...ศินไม่รักกูแล้วเหรอ ศิน...”
กูรักมึงมาตลอด ใครกันแน่ที่ไม่รัก ภากร ผมเม้มปากตัวเองแน่นสนิท ไม่ตอบสนองอะไรทั้งนั้น
ภากรยังคงพยายามเล็มไล้กลีบปากของผม ดูดดึงด้วยอารมณ์เว้าวอนร้องขอ ใจผมสั่น มันเก่ง...ยอมรับเลยว่ามันเก่งจริงๆ
เมื่อเห็นว่าผมยังไม่ใจอ่อนอีกฝ่ายจึงยิ่งรุกหนัก พลิกตัวแล้วคร่อมขาสองข้างบนตัวผม
“เดี๋ยว มึงจะทำอะไ...”
คำถามที่เหลือกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อคนตรงหน้าบดสะโพกลงบนตักผมแบบเน้นๆ ทีแรกภากรเองก็ยังเงอะงะกับตำแหน่งที่ไม่คุ้นชินแต่ไม่นานมันก็จับจุดได้ โยกขย่มตรงจุดสำคัญแบบไม่มีพลาด ในขณะเดียวกันก็ยังพยายามเปิดปากของผมอีกครั้งด้วยริมฝีปากของตัวเอง
และด้วยความเคารพ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน
ผมป้อนจูบสนองตอบในที่สุด ยอมเปิดปากให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามา ความชื้นแฉะจากเรียวลิ้นมาพร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์เข้มข้นในลมหายใจ กระหวัดเกี่ยวหยอกล้อให้อุณหภูมิในกายยิ่งร้อนรุ่ม เราผลัดกันถอดเสื้อผ้าให้กันและกันจนรู้สึกตัวอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือย ผมลูบไล้ไปตามผิวกายสีแทนละเอียดของคนตรงหน้า ขยำเคล้นคลึงแบบเต็มไม้เต็มมือ
ภากรดันร่างผมให้ไปนั่งชิดหัวเตียง จูบผมแรงๆ อีกครั้งจากนั้นก็ลากลิ้นลงต่ำ ผ่านลำคอ ช่วงอก หน้าท้อง มาจนถึงส่วนสำคัญที่มันขยับชักรูดอยู่ในอุ้งมือ
อีกฝ่ายช้อนตามองผม...ทีแรกยังมีแววลังเลให้เห็น แต่จากนั้นก็ครอบริมฝีปากลงมา
ผมจิกมือกับผ้าปูที่นอนแน่นในตอนที่ภากรใช้ทั้งมือและปากจัดการกับส่วนสำคัญให้ ลิ้นชื้นๆ ลากเลียตั้งแต่โคนและใช้ปากดูดเม้มตรงปลายหลายๆ ที ก่อนจะใช้ฟันครูดตามความยาวย้อนจากโคนขึ้นมาใหม่ ทั้งขบทั้งเลียและทำแบบเดิมซ้ำๆ เล่นเอาผมเสียวจนต้องเอามือข้างหนึ่งขยุ้มกลุ่มผมของอีกฝ่ายเป็นการระบายอารมณ์
“ภ...ภา กร อื้อ!”
ความรู้สึกพวยพุ่งแตะจุดสูงสุดและได้รับการปลดปล่อย ภาพตรงหน้าพร่าเบลอไปชั่วขณะ ภากรยังคงใช้มือรูดรั้งส่วนนั้นอีกสองสามครั้งและรองรับน้ำสีขุ่นไว้ในอุ้งมือ
“ศิน...” คนเรียกขยับตัวมานั่งคร่อมตักผมไว้อีกครั้ง เสียงกระเส่าแหบพร่า หยาดน้ำตาที่ยังค้างอยู่บนแพขนตาดูพร่างพราวยิ่งกว่าดาวดวงไหน “ให้กูเป็นของมึงนะ กูอยากเป็นของมึง กูรัก...กูรักมึง”
มันใช้มือข้างหนึ่งรั้งใบหน้าของผมเข้าหาหน้าอกของมันที่แอ่นรับ และในขณะที่ผมดูดดุนตุ่มไตบนหน้าอกสีแทนสวย มือของอีกฝ่ายซึ่งยังเหนอะของเหลวขุ่นขาวก็ขยับไปด้านหลังของตน
“อื๊อ!” ภากรเกร็งตัวและหายใจแรงขึ้นจนผมรู้สึกได้ สะโพกอีกฝ่ายเริ่มขยับน้อยๆ เป็นจังหวะรับกับนิ้วตัวเองที่ส่งเข้าไปในช่องทางเบื้องหลัง
มันถึงขั้นโยนศักดิ์ศรีที่เคยทำลายความสัมพันธ์ของเราทิ้งไปและยอมให้ขนาดนี้ ผมเองก็ไม่อยากจะใจร้ายให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวมากเกินจำเป็น มือหนึ่งจึงใช้นิ้วโป้งไล้วนและกดขยี้บนส่วนยอดของหน้าอกอีกข้าง ส่วนอีกมือเลื่อนลงไปชักรูดส่วนกลางกลายเพื่อช่วยให้มันผ่อนคลาย
“หายใจก่อน ไม่ต้องรีบ” ผมเงยหน้าไซ้ตามซอกคอของมันขึ้นไปถึงข้างแก้ม ก่อนจะขบลงบนติ่งหูที่มีต่างหูวาววับล่อตานั่น “มา กูช่วย”
ผมดึงมือของมันออกแล้วแทนที่ช่องทางด้านหลังด้วยนิ้วของตัวเองแทน สอดนิ้วกลางเข้าไปเป็นนิ้วแรก แช่ค้างไว้ครู่หนึ่งจึงตามด้วยนิ้วชี้อีกนิ้ว ขยับเข้าออกไม่กี่ทีคนบนร่างเขาก็ครางหวิว ขาสั่นจนผมรู้สึกได้ ให้คนอื่นทำให้ก็ต้องเสียวกว่าทำเองแหงล่ะ
“อ...อึก ไอ้ศิน ตรง ตรงนั้น”
“ตรงนั้นไหน นี่เหรอ”
“ฮึก เร็ว เร็วอีก”
นิ้วนางสอดเพิ่มเข้าไปเป็นนิ้วที่สาม งอข้อนิ้วเล็กน้อยจี้จุดกระสันที่ทำให้ภากรสวนสะโพกเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งช่องทางที่ตอดรัดแน่นเริ่มจะอ่อนนุ่มขึ้นกว่าเดิมบ้างผมจึงค่อยถอนนิ้วออก ภากรขยับตามมือที่ผละไปอย่างขัดใจ
มันอ้าปากหอบหนักๆ หน้าแดงไปทั้งแถบ ยันมือไว้กับอกของเขาแล้วกระซิบบอกเสียงขาดห้วง
“อ...เอา เอาเลยนะ”
“ก็เอาสิ ไม่ได้ห้ามนี่”
มันฟังแล้วยิ้มออกมาทั้งที่เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มหน้า และให้ตายสิ...รอยยิ้มหวานแบบที่ทำให้ผมแทบลืมหายใจนั่นอีกแล้ว
“กูอยากเป็นของมึงนะศิน กูจะเป็นของมึง...ของมึงแค่คนเดียว”
พูดจบคนตรงหน้าที่จ่อแท่งเอ็นของผมรอไว้พร้อมอยู่แล้วก็กดร่างตัวเองลงมา
แม้จะเบิกทางด้วยนิ้วสามนิ้วแล้วแต่ช่องทางยังคงคับแน่น ภากรส่งเสียงอุทานเฮือกและหยุดค้างเพียงกดร่างให้ผมเข้าไปได้แค่ส่วนหัว ก่อนจะครางสั่นน่าฟังอีกครั้งตอนกดลึกมาได้เกือบครึ่ง โพรงอุ่นตอดรัดร่างกายของผมที่รุกล้ำเข้าไปในตัวอีกฝ่าย โคตรเสียวจนอยากกระแทกแรงๆ สักทีแต่ก็ยั้งไว้เพราะกลัวอีกคนจะเจ็บ
“อะ...ศิน มึง อุก อึดอัด ชิบหายเลย”
“ก็ถึงบอกให้ใจเย็นๆ อา...ไม่ต้องรีบ มึงแม่ง โคตรแน่น”
“แต่กู กูอยาก...”
ภากรขยับสะโพกขึ้นลงในที่สุด เชิดหน้าแหงนขึ้นร้องครางไม่ได้ศัพท์อยู่บนตักของผม ยิ่งมันจับจุดที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีได้ก็ยิ่งขยับเร็วขึ้น แรงขึ้น เอาแต่ใจ เร่าร้อน
ตอนนั้นแหละที่ความอดทนผมขาดผึง เอื้อมมือคว้าจับบั้นท้ายของมันไว้ บีบขยำและนำจังหวะกระแทกถี่รัว เติมเต็มความต้องการของกันและกัน เน้นย้ำตรงจุดลึกที่สุดพร้อมทั้งรัวลิ้นปรนเปรอคนบนร่างอย่างหวังช่วยกระตุ้นความเสียวซ่าน และนั่นก็ดูจะได้ผล มันกอดขยุ้มหัวของผมแน่น ซอยสะโพกถี่ๆ เข้าหาผมที่เด้งตัวสวนรับทุกจังหวะ
หน้ามันตอนนี้โคตรเซ็กซี่เร้าอารมณ์ โดยเฉพาะเมื่อมองจากมุมเสยที่อีกฝ่ายกำลังควบขี่อยู่บนตัวผม
ไฟแห่งอารมณ์โหมกระหน่ำ เสียงกระซิบพร่ำร้องเรียกชื่อของผมดังจากปากของคนบนร่าง ช่องทางนั้นขมิบตอดรัด แล้วร่างของคนตรงหน้ากระตุกถี่ก่อนจะปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเปรอะเต็มหน้าท้องของผม แทบจะพร้อมกันกับที่ผมปล่อยออกมาข้างในตัวมัน
ภากรระบายลมหายใจพรูแล้วซบปุลงกับไหล่ของผมทั้งที่ร่างกายเรายังเชื่อมติดกันอย่างนั้น เหงื่อซึมชื้นตามขมับและไรผมที่เปียกลู่ติดหน้าผาก ริมฝีปากเผยอน้อยๆ โกยอากาศเข้าปอด น่าดึงดูดเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะก้มจูบริมฝีปากของมันอีกครั้ง คนตรงหน้าย่นหัวคิ้ว ทำเสียงครางประท้วงในลำคอ
“แฮ่ก...เหนื่อย เหนื่อยกว่าที่คิดอีกว่ะ” มันบ่นพึมหลังจากที่ผมยอมผละริมฝีปากออกไป
“แล้วชอบหรือไม่ชอบ” ผมแกล้งถามกระเซ้า ลูบบั้นเอวสีแทนเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงต่ำ บีบคลึงเนินเนื้อตึงแน่น
คราวนี้คนตรงหน้ายิ้มร้ายตอบ
จากนั้นก็ควงสะโพกเป็นวงกลมแล้วกดลึกลงมาใหม่
“อืม...ก็ไม่รู้สินะ”
เช้าวันนี้ไม่เหมือนเช้าวันนั้น ผมตื่นมาโดยมีสติรับรู้เต็มร้อยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
ภากรนอนหลับตาพริ้มหนุนหัวบนต้นแขนของผม อยู่ในอ้อมกอดของผม ไอ้ตัวแสบเจ้าปัญหาในตอนนี้ดูน่ารักไร้พิษภัยเหลือเกินในยามหลับ อดไม่ได้ที่จะช่วยเกลี่ยเส้นผมที่ตกระใบหน้าออกให้อีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
อยู่ๆ ก็นึกสงสัย...ผมน่ะจำได้ แต่คนตรงหน้าสิจะจำเรื่องเมื่อคืนได้หรือเปล่า
“อือ...ศิน?”
ความคิดทั้งมวลหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายครางงัวเงียปรือตาขึ้นมอง
เราสบตากัน ผมใจเต้นระทึก
ก่อนที่ภากรจะหลับตาลงอีกครั้ง ยกแขนยกขากอดก่ายรอบตัวผมเหมือนเป็นหมอนข้างแล้วก็เอาแก้มไถกับอกของผมไปมา “งือออ มึงกอดอุ่นอะ ตัวนิ่มดีจัง...ฮิๆ ไอ้เด็กอ้วน”
ยั่วกันแต่เช้าเดี๋ยวพ่อก็จับฟัดอีกรอบเลยนี่ ชัวร์แล้วว่าคนตรงหน้ายังจำได้แน่ๆ แถมยังไม่มีท่าทีต่อต้านกลายๆ แบบที่ตื่นมาวันนั้นแล้วด้วย ผมลอบถอนหายใจโล่งอกก่อนจะด่ากลับไปว่า
“มึงนั่นแหละที่ผอมเกินไป ไอ้ห่า กินข้าวกินปลาซะบ้างไม่ใช่วันๆ แดกแต่เหล้า”
“ฮื่อ...น้องศินไม่เอาไม่ดุพี่ดิค้าบบบ”
กลับมาอีกแล้วกับคำเรียกแบบเก่า ตอนคบกันบางครั้งมันชอบแทนตัวเองว่าพี่แล้วเรียกผมว่าน้อง มันบอกว่าน่ารักดี แต่ผมว่าอีกฝ่ายพยายามข่มด้วยคำแบ่งรุ่นเพื่อแก้เขินมากกว่า
ซึ่งนั่นก็ฟังดูน่ารักจริงๆ นั่นแหละ ผมเลยปล่อยให้เรียกไปตามสบายเวลาที่มันนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะเรียก
“ก็มันจริงมั้ยล่ะหืม มึงแม่งไม่ชอบดูแลตัวเอง”
“ก็รู้นี่ว่าพี่ดูแลตัวเองไม่เก่ง...” พ่อเสือร้ายกลายร่างเป็นลูกแมวคลอเคลียอยู่กับอกผมไปเรียบร้อย ก่อนจะช้อนตามองมาอย่างออดอ้อน “ศินช่วยมาดูแลหน่อยดิ”
ผมฟังแล้วหัวเราะเหอะๆ ยีหัวอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว
“มึงก็อยู่ให้กูดูแลสิภากร อย่าทิ้งกูไปไหนอีก...กูขอแค่นี้มึงทำให้กูได้มั้ยล่ะ”
คราวนี้อีกฝ่ายชะงักไปนิด
แล้วจึงขยับใบหน้าฝังเข้ากับอกของผม ตอบกลับเสียงอู้อี้
“อือ ไม่ทำแล้ว กูได้บทเรียนแล้วล่ะ...บทเรียนที่โคตรเจ็บเลยด้วย ขอบใจนะที่ให้โอกาสกูอีกครั้ง”
ภากรระบายลมหายใจพรู
วงแขนกอดกระชับรอบตัวของผมแน่นกว่าเดิมเล็กน้อยขณะเอ่ยประโยคต่อมา
“กูจะไม่ขว้างหัวใจตัวเองทิ้งแล้วศิน จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว กูสัญญา...”
(The End)
***********************************************************************************
สมาชิกใหม่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่า
ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้นะคะ เป็นเรื่องแรกที่ลงในเล้าเป็ดเลย