http://www.facebook.com/ByPhichchii >> มีคนแนะนำให้ทำเลยลองทำดู
เพื่อนๆ เปิดเทอมกันรึยัง (สำหรับวัยเรียน อิอิ)
ส่วนผมคงอีกนานเลย ตอนนี้ก็กลับมาพักบ้านแล้ว ขอกลับบ้านบ้าง
อากาศเริ่มหนาวแล้วนะดูแลสุขภาพด้วยนะ
ส่วนใครที่เผชิญปัญหาน้ำท่วมก็ขอให้อย่าท้อ เป็นกำลังใจให้
ดูแลรักษาสุขภาพด้วยเพราะโรคภัยที่มากับน้ำมันเยอะ
สุดท้ายที่ขอบคุณเสมอคือขอบคุณที่ติดตามนะครับ ขอบคุณครับ
“...ขาของเราจะแข็งแรงขึ้นเสมอ
ทุกครั้งที่ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้
หัวใจของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเสมอ
ทุกครั้งที่ลุกขึ้นใหม่และไม่ยอมแพ้
ชัยชนะนั้นมักเป็นของคนที่กล้ายอมรับว่าตัวเองแพ้
และไม่ยอมแพ้ กล้าลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง...”
โทษที..ทำไงได้กูรักมึงไปแล้ว
ตอนที่ 82 ก็มึงเป็นคนที่กูรักไง
“ไม่ชอบ ไม่ให้ทำอีกแล้วด้วย” ผมส่งแก้วน้ำคืนให้แล้วล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า
“โหอะไรอ่า พี่ขอโทษนะๆๆๆ คราวหน้าจะออมมือกว่านี้นะ” ออมมือกล้าพูดเนอะ
“ไม่มีคราวหน้าหรอก” คืนนั้นพี่เขาก็นอนกอดผมทั้งคนจนผมหลับไปในอ้อมกอดพี่เขาแหละครับ
………………………………………………………………….
“เชี่ยตุลย์โดนแล้วหรอมึงเป็นไงบ้างว่ะ” เช้ามาถึงมอก็เจอคำถามนี้จากไอ้คิวเลยครับ
“อะไร โดนเดินอะไร งงเว้ย” ผมทำไขสือ มันจะรู้ได้ไงว่ะ
“สาสสอย่ามาทำไก๋ หลักฐานทนโท่” มันชี้ไปที่ลอย ตรงประมาณกระดุมเม็ดแรก ซวยแล้วไงกระดุมเสือกหลุดได้จังหวะไปไหม ผมรีบติดกระดุมคืนเลยครับ
“ป่าว ไม่ใช่” ผมตอบ ไม่รู้ตอนนี้สีหน้าผมเป็นไง
“ไม่ใช่แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย” ไอ้พจน์ถาม
“เฮ้ย ป่าว” นี้หน้าผมแดงหรอเนี้ยะ”
“เป็นไงจำอะไรได้บ้างป่าววะ” ไอ้คิวถาม
“ไม่ได้อ่ะ แค่รู้สึกว่ามันมีสายสัมพันธ์บางอย่างระหว่างกูกับพี่โชว์” ผมตอบไป ผมรู้สึกได้จริงๆ แต่ยังจำอะไรไม่ได้
“นั้นไง ไหนมึงบอกว่าไม่มีไร” อ้าวนี้ผมโดนหลอกถามหรือนี้
“ถ้าเป็นไอ้ตุลย์คนเดิมมันไม่โดนหลอกถามง่ายๆ แบบนี้หรอก” โอ้ยย กูอยากเป็นไอ้ตุลย์คนเดิมโว้ย ผมเถียงไม่ได้ก็ต้องยอมจำนน ต่อทั้งหลักฐาน และคำให้การแหละครับ
“เออ เราถามหน่อยดิ ความจำตุลย์หายไปตั้งแต่ช่วงไหนอ่า” ข้าวถาม ผมก็ลองนึกๆ ดู
“เอ่อ ตอนไหนว่ะ เอาเป็นว่าจำพวกมึงหรือจำใครที่มหา’ลัย ไม่ได้ คงช่วงขึ้นมหา’ลัยใหม่ๆ มั้ง” พูดแค่นี้ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนคนนึงได้ ใช่แล้วไอ้โป้งเพื่อนรัก มันหายไปไหนเนี้ยะ
“ค่อยๆ จำนะมึง มันไม่ได้หายไปเยอะหรอก นิดเดียวเอง” ไอ้พจน์ว่า มันก็จริงอ่า แต่สองปีที่ผมลืมไปนั้นมันคงมีอะไรมากมายคนหลายคนที่ผมลืมมันไป
“อืม กูจะพยายาม” ผมโดนพวกมันว่าพูดเพราะเกินไป ดูไม่เป็นตุลย์ มันอยากให้ผมพูดกับมันแบบเดิม ผมก็พูดครับ แรกก็ไม่ชิน ไปๆ มาๆ ก็ชินครับ พวกมันก็คอยติวให้ผม คอยรื้อความจำให้กับสารพัดวิธี เอาเป็นว่าผมจำได้ว่าพวกนี้แหละคือเพื่อนของผม
......................................................................................
“โป้ง เป็นไงบ้าง สบายดีมั๊ย” ผมกรอกเสียงทักทายปลายสาย
“อืมสบายดี มีอะไรป่าว ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรหา” โป้งตอบกลับ
“โหยคิดถึงอะดิ อยากเจอมึงมาก” ผมพูดเพราะผมคิดถึงมันจริงๆ ผมไม่เจอกับมันนานแค่ไหนจำไม่ได้ แต่คิดถึงโคตรอ่า
“อ่ะ จริงดิมามุกไหนเนี้ยะ” โป้งว่า ผมก็พูดกับมันปกติแปลกตรงไหนว่ะ
“ไม่มุกคิดถึงจริงๆ นี้เลิกเรียนยังเนี้ยะ”
“เลิกแล้ว เอางี้มึงอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปรับมึง ไปกินข้าวกัน”
“เออ ก็ดีมีเรื่องอยากถามมากมาย”
“อืม” สักพักมันก็มารับผม
“สวัสดีครับพี่ตุลย์”
“เอ่อ สวัสดี” ผมรับไหว้น้องคนหนึ่งที่นั่งรถมาด้วย
“เออซัน เดี๋ยวพี่ไปส่งหอก่อนนะ พี่ขอธุระกับตุลย์หน่อย แล้วไงเดี๋ยวพี่มาหา” ชื่อซันนี่เอง แต่ว่าเป็นไรกับไอ้โป้งว่ะ
“อ่อได้ครับ”
“เฮ้ย ไปด้วยกันก็ได้หนิ” ผมถ้วงขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมีรายงานต้องรีบทำด้วยครับ” ไอ้น้องที่ชื่อซันว่า แล้วไอ้โป้งก้ไปส่งน้องซันที่หอ
“โป้งกูมีอะไรจะบอก” ผมพูดขึ้นหลังจากน้องซันลงไปแล้ว
“หิวใช่ไหม ได้เดี๋ยววันนี้ป๋าเลี้ยงเอง”
“ป่าว กูจะบอกว่ากูความจำเสื่อม” ผมบอกเรื่องที่ต้องบอกกับมันไป
“เฮ้ย!! พูดเป็นเล่น นี้จะอำอะไรกูป่าวเนี้ยะ” ไอ้โป้งขำ ไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“กูพูดจริงๆ” ผมย้ำคำทำจริงจัง
“ตุลย์ถ้ามึงความจำเสื่อมไหงมึงจำกูได้ว่ะ” มันยังพูดทำนองไม่เชื่อ
“ก็มึงเป็นคนที่กูรักไง” ใช่มึงเป็นเพื่อนที่กูรักมากที่สุด
“ตุลย์” มันพูดแล้วเงียบไปแป็บนึง
“กูเชื่อมึงแล้ว แต่คนที่มึงรักไม่ใช่กู แต่..” มันเงียบไป
“แต่อะไร”
“โชว์” ไง
“มึงคิดเชี่ยไรเนี้ยะ กูหมายถึงเพื่อนเว้ย มึงกับกูเป็นเพื่อนรักกันนะเว้ย”
“อ่อ เออใช่ แล้ววันนี้เพื่อนจะกินอะไรละ”
“แล้วแต่ป๋าเลย”
“ตุลย์ มึงความจำเสื่อมจริงๆ หรอว่ะ” ไอ้โป้งถามอีกครั้ง ตอนนั่งกินข้าว
“จริงดิ เอ่อ เมื่อกี้ที่ไปส่งอ่ะใครว่ะ” ผมเลบถามกลับ สงสัยอยู่
“อ่อ ซันอ่ะหรอ แฟนกูเอง”
“เฮ้ยย!! มึงเป็นเกย์หรอว่ะ” ผมตกใจ ไม่คิดว่ามันจะเป็นเพราะมันก็แมนนะ
“อืม มึงลืมจริงๆด้วย” มันตอบเสียงเรียบ
“ก็กูบอกว่ากูจำอะไรไม่ได้ มึงเข้าใจกูด้วยดิ”
“อืม แล้วทำไมถึงความจำเสื่อม” มันถามผม
“อุบัติเหตุนิดหน่อยอ่า”
“สาสส เสื่อมขนาดนี้ไม่นิดแล้วมั้ง อย่างอื่นเสื่อมด้วยมั้ยเนี้ยะ” มันไม่วายแซวผม
“สาสส ยังดีจะลองป่ะล่ะ จัดสักดอก” ผมเลยเล่นกลับ
“โอ้ยมากกว่าลองก็เคยมาแล้ว” เอ่อ หมายความว่าไงว่ะ
“มากอะไรมึง” พูดอะไรหลายอย่างที่ผมชักจะสงสัยแระ
“ป่าวไม่มีไร จำไม่ได้ก็ดีแล้ว”
“ไม่เอา บอกมา ช่วยกูรื้อฟื้นความจำหน่อย” ผมอ้อนมัน อยากรู้เรื่องราวที่หายไปจากมันบ้าง
“ตุลย์เรื่องบ้างเรื่องควรจดจำ แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำได้จะดีกว่า คนบางคนพยายามจะลืมแทบตายยังทำไม่ได้ แล้วมึงจะยังอยากรู้อีกหรอ แล้วมึงคิดว่าถ้ามึงรู้มึงจะจำได้หรอ” มันพูดเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง มันสอนอะไรผมเนี้ยะ
“สรุปจะบอกไม่บอก” ผมถามมัน
“อย่ารู้เลย เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันน่ะดีที่สุดแล้ว” ทำไมว่ะ
“อดีตมันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยหรอว่ะ” ผมถาม
“ไอ้จดจำอ่ะมันก็น่าจดจำอยู่หรอก แต่ตุลย์กูแค่อยากมึงอยู่กับปัจจุบันของมึงให้มันมีความสุขมากๆ จำเอาไว้ว่ามึงกับกูคือเพื่อนที่รักกันมากท่สุดพอ”
“โอเค ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่คืนนี้ไปนอนด้วยนะ” อยากนอนคุยกับมันเหมือนแต่ก่อนที่มันมานอนบ้านผมบ่อยๆ
“จะบ้าหรอ เดี๋ยวพ่อมึงก็มาหักคอกูตายหรอก” มันรีบปฏิเสธ
“บ้าพ่อกูตายไปแล้วนะ มึงความจำเสื่อมป่าวเนี้ยะ”
“ไม่ใช่กูหมายถึงแฟนมึง” อ่อนึกว่าพ่อจริงๆ
“มึงรู้” ผมถาม
“โชว์ไง”
“มันโหดขนาดนั้นเลยหรอว่ะ อ่อแล้วมึงรู้มั๊ยกูไปเป็นแฟนกับมันได้ไง มึงก็รู้ว่ากูชอบผู้หญิง” ผมเลยถือโอกาสถามมัน
“ไอ้โหดมันก็โหดอ่า ส่วนเรื่องเป็นแฟนกันมันก็ต้องเกิดจากความรักของสองคนดิว่ะ รักข้างเดียวจะเป็นแฟนกันได้ไง” เออไอ้นี้พูดถูก ขนาดเพื่อนกูยังคอนเฟิร์มว่าดหดเลยหรอเนี้ยะ
“โห เพื่อนกันมันจะว่าเหรอว่ะ กูกับมึงเพื่อนกันนะเว้ย” ผมต่อรองอีก
“เอาเถอะน่า กูก็ต้องไปนอนกับแฟนกูดิว่ะ มึงก็ไปนอนกับแฟนมึงนู้น” โหไรว่ะ ว่าจะหาไรสนุกทำเหมือนตอนมอปลายสักหน่อย อดเลย
“เออ ไอ้คนไม่รักเพื่อน”
“มึงรู้ได้ไงกูไม่รักมึง กูอะรักมึงตลอดเว้ย ไม่เคยที่จะไม่รักตุลย์”
“โหคร้าบๆๆ รักก็รักไอ้เพื่อนยาก เลี้ยงด้วยนะป๋า” ผมก็นั่งกินแล้วคุนกันไปตามประสาเพื่อนแหละครับ ขอบคุณพระเจ้าที่ยังเหลือความทรงจำไว้ให้ผมบ้าง
“มึงรีบกลับเหอะ เดี๋ยวก็มาตามหรอก” ไอ้โป้งว่า
“เอ่อ เดี๋ยวกูโทรบอกเค้าก่อน” ผมหยิบโทรศัพท์จะกดโทรออกบอกมัน
“เฮ้ยอย่าโทรเลย เดี๋ยวกุไปส่งมึงเลยละกัน ป่ะกลับเหอะ” มันบอก
“มึงเป็นไรรีบร้อนเนี้ยะ” ผมถามมัน ดูรีบร้อนชอบกล
“เออน่า ไว้คราวหน้าเจออีก กูมีธุระมึงจะได้ไม่ต้องมีปัญหาด้วย” อะไรว่ะแค่มากินข้าวกับเพื่อนจะมีปัญหาเลยหรอว่ะ แล้วมันก็มาส่งผมที่ห้องครับ พี่โชว์ยังไม่กลับมา ผมก็เก็บกวาดห้องไปเรื่อยแหละครับ
“ครับ” ผมรับโทรศัพท์
“อยู่ไหน กินข้าวกินยายัง เลิกเรียนทำไมไม่โทรหา” เป็นชุดเลย
“เอาคำถามไหนก่อนดี”
“ค่อยๆ ตอบมาทีละคำถาม”
“ครับ ตอนนี้อยู่ห้อง กินข้าวกินยาเรียบร้อยแล้ว” ผมตอบไปตามที่ถามมา
“อ้าวบอกให้เลิกเรียนโทรมาไง แล้วนี้กลับไปยังไง ทำไมไม่บอกก่อน”
“คือเพื่อนมารับไปกินข้าวน่ะ เลยเลยมาส่งเลย ไม่ทันได้บอก”
“เพื่อนไหน”
**************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป