ตอนที่ 30
“ตุลย์กินเอสเปรสโซใช่ไหม?” ทันทีที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้มเดินเข้ามาภายในห้องที่มีป้าย ‘Sales Department’ ติดอยู่เหนือประตู หัวหน้างานที่มาพร้อมกับแก้วกระดาษหน้าสีดำโลโก้ตัวอักษรสีขาวสองแก้วก็ยื่นแก้วที่อยู่มือซ้ายให้กับเขา
“อา...อะไรครับหัวหน้า?”
“เลี้ยงไง เลี้ยง!” หัวหน้าฝ่ายขายพูดอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับยื่มแก้วกาแฟให้อีกครั้ง
“รับไปเถอะ หัวหน้าเลี้ยงทุกคนเลย นี่ไงฉันก็ได้”
เพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินกลับเข้ามาในนั่งประจำโต๊ะร้องบอกพร้อมกับชูแก้วกระดาษหนาลวดลายเดียวกัน เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ ก็ได้นั้นตุลา หรือตุลย์ก็ยื่นมือไปรับน้ำใจของหัวหน้างานอย่างไม่มีข้อตะขิดตะขวงใจ
“ขอบคุณมากครับหัวหน้า” เขายิ้ม
“ไม่เป็นไร เป็นคนใจดีก็เงี่ยแหละ” อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังท่าทางอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า พลอยทำให้บรรยากาศของห้องทำงานที่ต้องเคร่งเครียดอยู่หน้าคอมฯ และเอกสารทั้งวันสดใสขึ้น
“แอบถูกใจเจ้าของร้านกาแฟที่เพิ่งมาเปิดอยู่ซอยถัดจากสำนักพิมพ์เราก็บอกมาเถอะค่ะ”
‘ณี’ เพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินเข้ามาภายในแผนกฝ่ายขายพร้อมเอกสารและแก้วกาแฟในมือลวดลายเดียวกันพูดพลางกลั้วหัวเราะ ยื่นเอกสารให้กับหัวหน้างานก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งประจำตรงโต๊ะทำงานของเธอ
“เปล่าสักหน่อย ไม่ได้ถูกใจอะไรเล๊ย แค่เห็นว่าร้านเพิ่งเปิดใหม่ กลัวเงียบเหงาก็เลยไปช่วยอุดหนุนเท่านั้นเอง” หัวหน้าแผนกหัวเราะขำแสร้งเขินอายประหนึ่งตัวเองยังเป็นเพียงชายหนุ่ม
“หรอค่ะ ก่อนหน้าร้านนี้เปิดมีร้านอาหารมาเปิด แถมยังอยู่ใกล้กว่าหัวหน้ายังไม่เห็นไปช่วยเขาอุดหนุนเลย”
“เพราะว่าเจ้าของร้านเป็นผู้ชายไง หัวหน้าก็เลยไม่สน” ‘ชาติ’ ชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานที่นั่งติดกับณีพูดขึ้นร่วมแซว ทำให้คนทั้งสองได้เสียงเอ็ดทีเล่นทีจริงไปคนละทีสองที
“อย่าไปฟังพวกมันตุลา ฉันก็แค่ใจดีเท่านั้นแหละอยากช่วยร้านเพิ่งเปิดใหม่เฉยๆ”
“เจ้าของร้านสวยหรอครับ?”
“ระดับนางฟ้า!”
“หัวงูโผล่แล้วค่ะหัวหน้า ถ้าภรรยาหัวหน้าได้ยินคงจะพุ่งมาบีบคอแน่เลยค่ะ” ณีสาวผู้ไม่เคยเกรงกลัวหัวหน้าพูดหยอกเอิน พออีกฝ่ายรู้ตัวว่าเผยไต๋ออกไปแล้วก็โวยวายยกใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะของลูกน้องที่นั่งทำงานอยู่อย่างประปราย
“ผมเพิ่งได้ยินหัวหน้าชมผู้หญิงก็เพิ่งวันนี้เองเนี่ยแหละครับ อยากเห็นขึ้นมาเรื่อยว่าจะสวยระดับนางฟ้าอย่างที่หัวหน้าพูดจริงหรือเปล่า”
“อะๆ อย่ามาดูถูกสายตาฉันเชียว บอกว่าสวยระดับนางฟ้าก็ต้องเป็นไปตามนั้นแน่นอน! เอางี้ไหม เดี๋ยวตอนเที่ยงเราแวะไปร้านนั้นกัน นายจะได้เห็นความสวยระดับนางฟ้าว่าเป็นยังไง ออกมาจากกองงาน หยุดคิดถึงเรื่องลูกสักพักแล้วไปดูสีสันของชีวิตกันดีกว่า” ชายผู้สูงอายุกว่าพูดพลางใช้ศอกกระทุ้งเป็นเชิงกระเซ้าเย้าแหย่
“ผมก็อยากจะไปเห็นเหมือนกันนะครับ แต่ตอนเที่ยงผมว่าจะไปแวะร้าน ‘หนังสือดี’ สักหน่อยน่ะครับ เมื่อวันก่อนเห็นยอดขายแล้วนึกแปลกใจที่ทำได้มากกว่าร้านอื่นตั้งสองเท่า ทั้งๆ ที่สองเดือนก่อนยังทำยอดได้เท่าร้านอื่นอยู่เลย”
“งานอีกแล้ว นายนี่หน่า บ้างานจริงๆ เลย ไม่มีใครในแผนกออกไปลงพื้นที่มากเท่านายแล้วเนี่ย”
“ผมก็ได้แต่ขอความเมตตาให้หัวหน้าเพิ่มโบนัสให้ผมเท่านั้นแหละครับ” ตุลย์ยิ้ม
“ฮ่าๆ นั่นสินะ ถ้าไม่ให้รางวัลพนักงานซะบาง ก็คงทำงานแบบซังกะตายเหมือนไอ้พวกที่เหลือสินะ” ผู้ที่อายุมากกว่าตบบ่าคนใต้บังคับบัญชาพลางกวาดสายตามองคนอื่นๆ ในห้องทำงานที่ก้มหน้าแสร้งขยันขันแข็งขึ้นมาทันตา “โทษที ยืนคุยด้วยนานเลย จะไปทำงานอะไรก็ไปทำไป”
“ครับ” ชายหนุ่มโค้งตัวให้เล็กน้อยอย่างนอบน้อมขณะที่ตั้งท่าจะเดินถือกระเป๋าทำงานและแก้วกาแฟไปยังโต๊ะของตนเขากลับโดนเรียกเอาไว้เสียก่อน
“อ๋อ! แล้วก็อย่าลืมแวะไปที่ร้านนั้นละ จะได้เห็นนางฟ้าแบบที่ฉันเห็นบ้าง”
ตุลย์ยิ้ม “ครับ แล้วผมจะแวะไปนะ”
มือใหญ่ปลดเนคไทของตัวเองเล็กน้อยระบายความร้อน ก้าวขายาวเดินฉับๆ เพื่อให้ถึงสำนักพิมพ์ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำตลอดวันนั้นอย่างรวดเร็ว
“หื้ม...” เสียงทุ้มร้องอุทานขึ้นเบาๆ กับตัวเองเมื่อในขณะที่เขากำลังปาดเหงื่อข้างไรผมสายตาเหลือบเห็นร้านกาแฟร้านหนึ่งที่เขียนโปรโมชั่นเปิดร้านใหม่ลงบนกระจกใสที่ถูกใช้เป็นกำแพงของร้าน
“แอบถูกใจเจ้าของร้านกาแฟที่เพิ่งมาเปิดอยู่ซอยถัดจากสำนักพิมพ์เราก็บอกมาเถอะค่ะ”
เขาหันมองที่ตั้งของสำนักพิมพ์ที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะกลับมาดูที่ตั้งของร้านกาแฟทางซ้ายมือ นอกจากที่อยู่น่าจะถูกต้องแล้ว ลายประจำร้านที่อยู่เหนือประตูยังเป็นลายเดียวกับที่อยู่บนแก้วกาแฟที่หัวหน้าให้มาตอนเช้าอีกด้วย
“เชิญเข้ามาลองไหมคะ? นอกจากเครื่องดื่มแล้วทางร้านยังมีเค้ก แพนเค้ก วาเฟเฟิลด้วยนะคะ”
“ไม่...” เสียงปฏิเสธขาดหายเข้าไปในลำคอ แม้ว่าเขาจะไม่ถูกกับของจำพวกเบเกอรี่สักเท่าไหร่นัก แต่ในอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนเหงื่อมซึมเสื้อกล้ามด้านในขนาดนี้ก็คงดีไม่น้อยถ้าได้นั่งตากแอร์จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ก่อนเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศต่อ “อ่า หนึ่งที่ครับ”
หลังจากที่ดื่มแดงโซดาที่สั่งมาจนหมด ตุลย์ก็ค่อยๆ จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง คว้าสูทที่พาดอยู่ก่อนจะเดินไปยังเคาเตอร์ชำระเงินที่มีพนักงานสาวสองคนช่วยกันทำหน้าที่อยู่ ในระหว่างที่รอใบเสร็จเขาก็อดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองไปทั่วร้านเพื่อจะหา ‘สาวสวยระดับนางฟ้า’ อย่างที่หัวหน้าพูดถึง
“ขอโทษนะครับ เจ้าของร้าน...”
“ผู้จัดการออกไปตอนสิบเอ็ดโมงค่ะ ยังไม่กลับเข้ามาเลย”
“อ๋อ งั้นหรอครับ”
“แต่ว่า เดี๋ยวผู้จัดการก็น่าจะเข้าร้านแล้วค่ะ ถ้ามีธุระจะรอสักครู่ก็ได้นะคะ” แคชเชียร์สาวว่าพลางยื่นใบเสร็จ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้มีธุระอะไร” ตุลย์ส่งยิ้มเล็กน้อย รับใบเสร็จมาก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้านโดยมีเสียงขอบคุณจากพนักงานไล่หลังตามมา
ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่า ผู้จัดการร้านที่เขาถามหากำลังจะเดินเข้าร้านมาในเพียงอีกไม่กี่วินาที
“นั่นใครน่ะ?”
“คะ?” พนักงานสาวที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าร้านร้องเสียงหลง ชะโงกมองตามสายตาก่อนจะเห็นลูกค้าในชุดสูทสีเทา เดินห่างอยู่ไกลออกไป “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ผู้จัดการมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก” เธอยิ้ม “ก็แค่คุ้น...”
30%
ผมรู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต แต่เพิ่งจะมีสองสามวันมานี่เนี่ยแหละ ที่มีความรู้สึกว่าผมนี่มัน ‘หนุ่ม’ จริงๆ! แถมยังเป็นคนโลภด้วย! พยายามจะหักห้ามใจตัวเองหลายครั้งแล้วละครับ แต่รู้ตัวอีกทีความอยากรู้อยากเห็นของหนุ่มสามวัยเช่นผมก็ทำให้เผลอใช้โน๊ตบุ๊คของไอ้พี่ตุลย์ไปหาเรื่องอย่างว่าซะได้ ทั้งๆ ที่ผมกับเขามีข้อตกลงกันว่าจะเปิดเว็บใฝ่คุณธรรมนำปัญญาเท่านั้น!
ว่าแล้วก็เหลือบมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่เปิดหน้ากระทู้ๆ หนึ่งที่มีหัวข้อว่า ‘ระหว่างผู้ชายมีอะไรกันยังไง’
...
จบแล้วว!
นามสกุล โรจนรัตติกร ไม่มีทายาทสืบต่อไป สิ้นสุดกันเพียงเท่านี้แล้ว ขอโทษพ่อที่อยู่บนสวรรค์ ขอโทษปู่ที่ตอนนี้ก็ยังใกล้จะเกิดใหม่แล้ว ขอโทษทวด ดับเบิ้ลทวด ทริ้ปเปิ้ลทวดที่ตอนนี้เกิดใหม่จนจะลาโลกไปอีกรอบแล้วด้วย ที่นามสกุลนี่ต้องจบด้วยลูกหลานเยี่ยงผม ไอ้ตอนจูบกับพี่ตุลย์ก็คิด เออ ผู้ชายกับผู้หญิงมันก็มีปากเหมือนกัน จูบกับผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่นี่ถึงขั้นเสริชวิธีการเสียบกับผู้ชายแล้วเนี่ย...
กูฝักใฝ่แบบไม่ธรรมดาแล้วใช่ไหม...ไม่หรอกมั้ง ก็แค่ศึกษาไว้เพราะตอนนี้คบกับผู้ชายอยู่นี่...คบกับผู้ชายยย!!
“หมดกันแล้วบุรุษเพศบนโลกใบนี้”
“หื้ม? เมื่อกี้เอสพูดอะไรหรือเปล่าลูก?” ป้าสร้อยที่นั่งดูทีวีดูตอนต้นที่เดินหอบของเล่นเต๊าะแต๊ะไปทั่วห้องเอ่ยถามผมที่นั่งเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมหัวเราะเสียงแห้ง
“ถ้าคิดเรื่องงานไม่ออก พักก่อนก็ได้นะ หาอะไรเย็นๆ ดื่มดีไหม? ห้องผ้ามีเฮลลูบอยด้วย เดี๋ยวป้าไปเอามาดีกว่า ฝากดูตอนต้นแป๊บนึงนะ”
ป้าสร้อยพูดเองเออเองเสร็จสรรพก็เดินกลับห้องของตัวเองไปเลย ทิ้งผมที่ยังมึนๆ กับกระทู้ที่เปิดค้างไว้ให้อยู่กับตอนต้นที่ตอนนี้ถือลูกบอลผ้าเดินเข้ามาหาผมในห้องครัวแล้ว
“อา!”
“จะเอาอะไร?” ผมก้มหน้าถามเด็กที่ชี้นิ้วมาทางผมแล้วส่งเสียงไม่ได้ศัพท์ มันทำหน้าเอ๋อๆ เหมือนหมูที่เพิ่งคลอดก่อนจะเปล่งเสียงคำเดิมอีกครั้งพร้อมชี้จนนิ้วแทบจะทิ่มเข้ามาในตาของผม
“อาา!”
“ก็ถามอยู่นี่ไงว่าจะเอาอะไร? หิว ฉี่ ขี้? อยากได้อะไรก็บอกดิ หรือว่าอยากจะมาอ่านกระทู้ชายชายด้วยกันไหมละ?” ผมยักคิ้วกวนๆ ไม่รอให้มันส่งเสียงหรือเดินหนีก็อุ้มขึ้นนั่งตัก อ่านกระทู้ ‘ระหว่างผู้ชายมีอะไรกันยังไง’ ด้วยกัน
“เอส ที่ห้องมีน้ำแข็งไหมลูก?”
ผมละสายตาจากกระทู้ในหน้าจอโน๊ตบุ๊ค ลุกขึ้นอุ้มตอนต้นไปตอนรับการกลับมาของป้าสร้อยกับขวดเฮลลูบอยในมือหน้าทีวีก่อนจะส่ายหัวเป็นการปฏิเสธคำถามเมื่อครู่
“ไม่มีอะครับ ที่นี่ไม่ค่อยใช้น้ำแข็งอะ แต่แช่ตู้เย็นกินเย็นๆ เท่านั้นเองครับ”
“หรอ แย่จัง ที่ห้องป้า ก็เผลอไม่ได้ทำน้ำแข็งเอาไว้ ถ้าไม่มีน้ำแข็งก็ทำน้ำแดงเย็นๆ กินไม่ได้น่ะสิ เอางี้ดีกว่า เอสช่วยลงไปซื้อที่ร้านขายของใต้คอนโดให้หน่อยได้ไหมลูก?”
“อ๋อ ได้ครับๆ”
“ขอบใจมากนะ อะ แป๊บนะเดี๋ยวป้าหยิบค่าน้ำแข็งให้”
“ไม่เป็นไรครับๆ เดี๋ยวผมออกเองดีกว่า อุตส่าห์ทำน้ำแดงให้กิน จะให้มาเสียเงินค่าน้ำแข็งอีก ผมก็เป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้แล้วละครับ” ผมหัวเราะ ล้วงหยิบแบงค์ห้าสิบในกระเป๋ากางเกงนักศึกษาโชว์ขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู
“ถ้างั้นก็ ฝากด้วยนะ เดี๋ยวป้าจะทำน้ำแดงไว้รอเลย”
“ครับผม~” ผมขานรับเดินกลับเข้าไปในครัว ปิดหน้ากระทู้และโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวก่อนจะพุ่งชาตตัวตอนต้นออกไปซื้อน้ำแข็งด้วยกัน “ผมยืมตัวหมูไปด้วยนะครับ”
“ระวังตอนต้นร้องนะ”
“ครับ ถ้ามันร้องเดี๋ยวผมเอามือยัดปากเอง” ผมหัวเราะก่อนจะปิดประตูห้องลง
ตอนแรกที่ผมเริ่มพาตอนต้นออกจากห้องบ้าง ไอ้อ้วนนี่จะดูอะเลิทอยู่ตลอดเวลาหันซ้ายแลขวาประหนึ่งว่านอกห้องพักเป็นโลกใบใหม่ ตื่นเต้นตื่นตาไปหมดส่งเสียงร้องลั่นก้องไปทั่วจนผมแทบจะพุ่งเข้าไปปิดปากไว้แทบไม่ทัน แต่พอเริ่มออกมาครั้งที่หก ครั้งที่เจ็ดท่าทางของเด็กนั่นก็เป็นอย่างเช่นตอนนี้เนี่ยเฉย นิ่ง ไม่สนใจอะไรประหนึ่งไม่ต่างจากอยู่ในห้องของตัวเอง
“เดี๋ยวพอไปเจอพี่ที่ร้านขายของ ต้องทักทายพี่เขาด้วยรู้เปล่า พูด ‘สวัสดี’ นะไม่ใช่ร้องไห้ เข้าใจไหม?” ผมว่าพลางเดินเข้าไปในลิฟต์ ตอนต้นที่มันเอาหัววางแหมะอยู่บนไหล่ของผมไม่ตอบอะไรกลับมานอกจากผงกหัวขึ้นมาดูหน้าผมเล็กน้อยแล้วซบไหล่ต่อ “ไอ้นี่ ทำเมินฉันหรอไง?”
“อื้ออ” มีการฮึมฮัมในลำคอประมาณว่ารำคาญด้วย!
“เดี๋ยวจะไปให้ไปอยู่กับพี่เจ้าของร้านด้านล่างเลย โดนแตะตัวร้องไห้จนตายแน่แก หึหึ”
“แอ๊!”
ตุ๊บ!
“มีทุบ! อยากเจอใช่ปะ? หาเรื่อง? งั้นรีบโตเลย รีบโตแล้วมาต่อยกันเลยมา?”
ตุ๊บ!
ไอ้นี่วอนซะแล้ว เดี๋ยวนี้สนิทมากไปมีทำร้ายร่างกายตลอด
“แก ตายซะเถอะไม่ต้องโตมันแล้ว” ผมแยกเขี้ยวใส่ ตั้งใจจะหนีบเนื้อมันสักทีสองทีต่อด้วยดีดหน้าผากมันสักหนสองหน!
“จะทำอะไรลูกฉันน่ะ?”
ชะอุ้ย!
เสียงทุ้มที่คุ้นหูของคนที่เพิ่งเดินเข้าคอนโดฯ มาก็ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก ลดมือ หันคอไปหาอย่างช้าๆ พร้อมโปรยยิ้มประหนึ่งนางงามผู้ใสซื่อรักเด็กรักสัตว์รักซากุระ จะทำร้ายร่างกายใครนี่ไม่เค๊ยไม่เคยจะมีอยู่ในหัว
“กลับเร็วจัง เพิ่งบ่ายสองเองอะ แหะๆ”
“มีลางสังหรณ์ว่าลูกจะถูกทำร้ายก็เลยมาดูหน้าคนใจโหด”
“หะ อะไร? ใครไปทำร้ายลูกชายของพี่กัน ไม่จริ๊ง ไม่จริง พี่ต้องคิดมากไปแน่เลยอะ ฮ่ะๆ” ผมหัวเราะเสียงแห้งทำเป็นมองซ้ายทีขวาทีมองบนมองล่างมองหน้ามองหลังให้รู้กันไปเลยว่าผมนี่โคตรมีพิรุธ “เออ เดี๋ยวผมต้องไปซื้อน้ำแข็งให้ป้าสร้อยอ่ะ หลีกทางไปดิ๊” ว่าแล้วก็ใช้ยกเท้าเขี่ยขาอีกฝ่ายให้หลีกทางออกไป
“...จะไปก็ไปดิ ไม่ได้ขวางทางสักหน่อย” ไอ้พี่ตุลย์หรี่ตามองผมก่อนจะคว้าลูกชายคนเล็กของตัวเองไว้ในอ้อมแขนเสียเอง
ผมจิ๊ปาก “แล้วจะเอาอะไรปะ? อย่าสั่งเยอะนะมีงบอยู่ห้าสิบบาททั้งเนื้อทั้งตัว”
พี่ตุลย์คว้ามือก่อนจะวางแบงค์สีแดงสองใบลงบนฝ่ามือ “ซื้อเบอร์ดี้แบบซองมาให้หน่อยมันหมดแล้ว แล้วก็ซื้อผงซักฟอก น้ำยาล้างจานมาด้วย ส่วนเหลือเท่าไหร่จะเอาไปซื้อขนมก็ได้”
“อา โอเค”
ผมก้มมองเงินในมือ อดไม่ได้ที่จะแอบอมยิ้มออกมา พี่ตุลย์รู้ดีว่าตั้งแต่เปิดเรียน ผมไม่ได้ทำงานพิเศษ มีเงินเก็บอยู่เล็กน้อยและผมพยายามที่จะประหยัดอย่างมาก เขารู้ดีพอๆ กับที่รู้ว่าผมมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ขอเงินเขาใช้เช่นกัน เขาเลยมักจะให้แบงค์ใหญ่กับผมไปซื้อของเล็กน้อยให้เสมอ ช่วงแรกๆ ผมซื้อของให้ เงินทอนทั้งหมดก็ให้เขา แต่พี่ตุลย์ก็ไม่เคยรับกลับไปเลย ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พอผมยัดเยียดก็จะเอาเงินนั้นวางไว้ แบบไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ขึ้นอยู่กับดวงว่าจะถูกตอนต้นกินเข้าไปหรือจะกลายเป็นซากอารยธรรมอยู่ในซอกหลืบโซฟาจนถึงชาติหน้า พักหลังๆ ผมก็เลยเอาเงินนั้นซื้อของให้เขา หรือไม่ก็เอาไปซื้อของใช้เข้าบ้านแทน เหลือเงินเป็นจำนวนน้อยเมื่อไหร่ก็ค่อยเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองถือเป็นค่าสินน้ำใจ และพี่ตุลย์เองก็ดูพอใจกับการพบกันครึ่งทางแบบนั้น
“รีบไปซื้อของสิ ฉันกับตอนต้นจะไปรออยู่ข้างบน” เสียงทุ้มพูดขึ้นแทรกความคิด ขณะที่เขาตั้งท่าจะอุ้มเด็กอ้วนนั่นขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนผมก็รีบเอื้อมมือคว้าชายเสื้อสูทเอาไว้เสียก่อน “อะไร?”
ผมยิ้ม ใช้มือข้างหนึ่งปิดตาของตอนต้นไว้ ส่วนมืออีกข้างคว้าคอเสื้อของพี่ตุลย์ดึงเข้ามาประกบปากอย่างรวดเร็ว แม้อีกฝ่ายจะมีทีท่าตกใจแต่ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
ผมผละออกอย่างอ้อยอิ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟต์ที่อยู่เยื้องออกไปเปิดออก เราสองคนมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่พี่ตุลย์จะเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับตอนต้น ส่วนผมเองก็หันไปอีกทางเพื่อจะไปซื้อน้ำแข็งให้ป้าสร้อยตามเดิม
ตึกตัก...
พี่ตุลย์ไม่ใช่คนแรกที่ผมจูบด้วย พูดไม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าจูบกับพี่ตุลย์คือจูบที่ดีที่สุดในโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันได้ คือการที่เราได้ใกล้ชิดกันแบบนี้มันทำให้หัวใจของผมเต้นตูมตาม อยากจะปฏิเสธแต่กลับเฝ้ารอแต่เวลาที่จะได้จูบซ้ำย้ำที่เดิม เป็นความสับสันระหว่างใจกล้ากับความเขินอาย ขัดแย้ง
แต่...ผมก็ชอบความรู้สึกนี่มาก
ชอบมากจริงๆ
TBCตอนนี้มหา'ลัยเปิดแล้วค่ะ เปิดตั้งแต่วันที่ 10 แล้ว ก็เลยมีเรื่องนิดนึง เลยหายไปตั้ง 3 วัน ไม่โกรธนะพลีสส
ตอนแรกว่าจะรวมเป็นตอนที่ 30 ตอนเดียวแต่ว่าตัวอักษรเกิน น่าจะเยอะเลย งั้นตัดไปเป็น 30.5 แล้วกันเนาะ ~