ตอนที่ 31
“เอส ตื่น”
เสียงทุ้มมาพร้อมกับแรงเขย่าที่แขน ผมส่งเสียงครางหือ ดึงแขนออกอย่างรำคาญก่อนจะกลับไปกอดก่ายหมอนข้างเพื่อนคู่ใจที่ลงมานอนพื้นด้วยกัน
“มีเรียนเช้าไม่ใช่หรอไงเอส?”
“ช่าย...” ผมส่งเสียงตอบแบบงัวเงียเต็มที เมื่อวานไม่รู้ไอ้อ้วนตอนต้นจะนึกคึกอะไร ทั้งๆ ที่ปกติจะเป็นเด็กนอนยาวแท้ๆ ตื่นเช้าพร้อมๆ กัน เมื่อวานดันตื่นมาสดใส วัยอาราเล่พร้อมเล่นตอนตีสาม! เล่นเอาผมกับพี่ตุลย์ต้องลุกผึ่งขึ้นมาเล่นด้วยจนมันหมดแรงนั้นแหละ ผมสองคนถึงค่อยได้กลับไปนอนอีกครั้ง
แล้วนี่อะไร! มีมารผจญมารบกวนการนอนของผมอีกแล้ว
“มีเรียนแปดโมงไม่ใช่หรอหะ? นี่มันเจ็ดโมงสี่สิบแล้ว หนังสงหนังสือจะไม่เรียนมันแล้วใช่ไหม?”
อยากจะบอกว่ายอมไปสายดีกว่าตื่นอะตอนนี้ ส่วนที่ยากที่สุดของการไปมหา’ลัย คือการตื่นนอนเนี่ยแหละ
และที่สำคัญวันนี้ผมมีเรียนที่ไหนละ!
แต่ถ้าไม่ตื่น พี่ตุลย์คงได้อาเท้าถีบ ผมก็ต้องค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิหันหลังให้เตียงเกาพุงแกรกๆ ด้วยความง่วงงุน
“ฮ้าววว~” หาววอดหลายรอบจนแทบจะหลับน็อคไปกลางอากาศ
“ไม่ไปอาบน้ำ?” เสียงทุ้มที่ผมจำได้แม่นว่าเป็นของพี่ตุลย์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมประจำตัวลอยฟรุ้งอยู่ในอากาศพอเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้อีกฝ่ายคงแต่งตัวเสร็จพร้อมออกไปทำงานแล้ว
“วันนี้ผมไม่มีเรียนสักหน่อย”
“ฉันจำได้ว่าวันพุธนายมีเรียนเช้า”
“อาจารย์งดคราวอะวันนี้ แจ้งในเฟสฯ ตั้งแต่เมื่อวานซืน” “อ้าว แล้วไม่บอก ฉันจะได้ไม่ปลุก”
“โทษที ลืมอะ” ผมบอกเสียงอู้อี้ กระแอ่มไอเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าเหมือนจะเสมหะติดคอ
ง่วง ง่วงจริงๆ ครับ เปลือกตาหนักอึ้งประหนึ่งถ่วงลูกระเบิด และคงไม่อาจฝืนตัวเองได้อีกต่อไป ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกรอบ อรุณสวัสดิ์ แล้วก็บายครับ ราตรีสวัสดิ์
...
จุ๊บ…
ผมลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสนิ่มที่แก้มเบาๆ ไม่ต้องสงสัยให้มากความก็เงยหน้ามองไอ้พี่ตุลย์ที่นั่งอยู่บนเตียง จะโวยวายก็ขี้เกียจเลยได้แต่มองค้อนแบบรุนแรงไปให้คนที่ก็มองหน้าผมอยู่
“ตื่นขึ้นมาทำไม?”
“แล้วพี่หอมแก้มผมทำไมละ คนกำลังนอนอยู่”
“บอกฝันดีไง” พี่ตุลย์ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าเอกสารของตัวเองเดินออกจากห้องโดยมีผมที่นอนตะแคงอยู่บนพื้นที่นอนประจำมองตามไม่คาดสายตา เมื่ออีกฝ่ายหายออกจากห้องนอนไป ผมก็ยกมือขึ้นแตะแก้มของตัวเองเบาๆ
เขินหรอ? บอกเลยตรงนี้ครับว่า ไม่!
ตั้งแต่คืนแรกของเรา (?) วันนั้น พี่ตุลย์ก็ดูเหมือนจะเริ่มสนใจเรื่องอย่างว่า ปกติจะเป็นผมที่เข้าไปนัวเนีย ขอจูบหน่อยงุ้งงิ้งตามภาษาวัยรุ่น แต่หลังๆ มานี่เริ่มมีหลายอย่างที่ไอ้พี่ตุลย์เริ่มก่อนบ้างแล้วครับ ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยเก็ท โวยวายแก้เขินกันไป ตัวบิดเป็นเกลียว เพราะมันไม่ค่อยชินครับ ตอนที่เราคบกับผู้หญิง ฝ่ายนั้นเขาก็จะมีหน้าที่ของเขา คือสวย โดนเอาใจ งอน ให้ผมไปอ้อน ไปง้อ ไปเอาใจ ไปนัวเนียใส่ ไถหัวอะไรก็ว่าไป แต่ตอนนี้คนที่โดนนัวเนียใส่คือผมไง ก็ต้องเขินสิครับ ทำตัวไม่ถูก แต่พอเริ่มรู้ตะหงิดๆ ว่ากำลังมีซัมติง หวังอะไรบางอย่าง ผมนี่เริ่มขนลุกเลย รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยแรง!
ถึงก่อนหน้านี้ผมจะสนใจว่าเซ็กซ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันเป็นไงก็เถอะ แต่ผมไม่เคยจินตนาการตัวเองที่อยู่ล่าง แล้วคืนแรกของเรา (?) อีกนิดดดเดียว ถ้าไม่ได้ความกวนในกระแสเลือดช่วยไว้ โดนทำแต้มไปแล้วครับ
ผมยังรับไม่ด้ายยย /ปิดหน้า
นั่นไง ดันเผลอมาคิดเรื่องพี่ตุลย์ซะงั้น ตอนนี้ผมตาสว่าง ใจบอกว่าง่วง กูอยากกลับไปนอน แต่ผมก็ลืมตาโพล่ง นอนไม่ลงจนต้องลุกขึ้นมานั่งฟังเสียงจอแจๆ ด้านนอกแล้ว
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจ ไหนๆ ลุกขึ้นออกจากห้องนอน เดินผ่านพี่ตุลย์ที่อยู่กับตอนต้นและป้าสร้อยหน้าทีวีเข้าไปในห้องน้ำทำธุระส่วนตัวตอนเช้า
“เอส”
“อะไร?” ผมแปรงฟันจนปากเต็มไปด้วยฟอง พลางเสยผมทรงบางระจันของตัวเองไปด้านหลัง
เห็นใบหน้าง่วงๆ ของตัวเองแล้วผมก็อยากจะกลับไปนอนจริงๆ
“ที่หนึ่งไม่สบาย”
“อื้ม”
แต่ล้างหน้าล้างตาแล้วจะนอนหลับหรอเนี่ย ตาค้างแต่ร่างกายต้องการพักผ่อนอย่างมาก
“ฉันจะเอาตอนต้นไปที่ทำงานด้วยนะวันนี้ นายจะได้ไม่ต้องพะวงทีเดียวสองคน”
“อื้ม...ถุ้ย!” ผมบ้วนยาสีฟันลงบนอ่างล้างหน้า ใช้มือรองน้ำจากกรอกมาล้างขอบปาก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโฟมล้างหน้า
“วันนี้ป้าสร้อยจะไปทำธุระด้วยนะ ยังไงวันนี้ก็ไม่มีเรียน ดูแลที่หนึ่งด้วยละ นอนซมอยู่ในห้องนอนนะ”
“อื้ม” ผมถือโฟมล้างหน้าค้างไว้ในมืออย่างชั่งใจระหว่างว่าจะล้างหน้าหรือไม่ล้างดี คือถ้าล้าง เป็นอันหมดสิ้นเรื่องการกลับไปนอนไง มันจะตื่นเต็มตาแล้ว แต่ร่างกายผมเนี่ยอยากจะนอนต่อ ช่วงนี้ผมเรียนเยอะ แล้วเมื่อคืนตื่นมาเล่นกับตอนต้นตอนดึกจนหมดแรง ไอ้พี่ตุลย์ยังจะมาปลุกตั้งแต่เช้าอีก
“งั้นฉันไปทำงานแล้วนะ”
ผมมองผ่านกระจกมองภาพสะท้อนของพี่ตุลย์ที่อุ้มตอนต้นอยู่ด้านหลัง ผมโบกมือหยอยๆ ให้อีกฝ่าย พอพี่ตุลย์ออกจากบริเวณไป จนกระทั้งได้ยินเสียงประตูไม้อัดสีขาวปิดลงผมก็หันมาให้ความสนใจโฟมล้างหน้ามืออีกครั้ง หลังจากชั่งใจอยู่นานสุดท้ายผมก็ตัดสินใจล้างหน้าเลยละกัน ไหนๆ ก็ตื่นมาแล้ว
ซ่า ซ่า...
เสียงน้ำก๊อกหยุดลงด้วยมือผมที่เอื้อมไปปิดมัน หันหลังเดินกลับเข้าห้องนอน หยิบผ้าขนหนูซับหน้าที่เปียกซกก่อนจะเดินถือมันออกมาจากห้อง
นี่เป็นรอบหลายต่อหลายต่อหลายวันที่ผมได้อยู่ห้องนี้คนเดียว ไร้ซึ่งเสียงตอนต้น เสียงทีวี หรือเสียงของป้าสร้อยที่มาช่วยดูแลเด็กอ้วน ผมยืนอยู่กลางห้องพักประหนึ่งมีกล้องดอลลี่ถ่ายมุมเสยรอบตัว
“...เงียบเกินไปก็โหวงเหวงแหะ” ผมบ่นกับตัวเองเสียงเบา พลางทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา เปิดทีวีให้มีเสียงอยู่เพื่อนในวันเงียบๆ ที่ผมไม่ค่อยจะชิน จะว่าไปพี่ตุลย์เอาตอนต้นไปทำงานด้วยทำไมในเมื่อผมก็อยู่บ้านเฝ้าไอ้อ้วนนั่นได้อยู่แท้ๆ
‘ไฮโซสาวชื่อดังเตรียมแถลงข่าวเรื่องสถานะที่แท้จริงของตนพร้อมเครื่องตรวจเพชร ส่วนในเรื่องอื่นใด ไอโซดังกล่าวชี้แจ้งว่าให้รอฟังในวัน...’
Rrrrrrrrrrrr
ผมละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์ที่เป็นข่าวซุบซิบดาราตั้งแต่เช้า เดินหายเข้าไปในห้องนอนตามเสียงโทรศัพท์ราคา 1,990 บาท พอเห็นว่าเป็นไอ้ปันเพื่อนสนิทที่แยกกันไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่นโทรมา ผมก็ไม่รอช้าที่จะกดรับสาย
“What up”
/ซับพ่อง มึงมีเรียนเปล่าวันนี้?/
“ไม่ว่ะ วันนี้กูว่างทั้งวัน อยู่คนเดียว เซ็งฉิบ” ผมพูดพร้อมกับเดินกลับมานั่งที่โซฟาหน้าทีวี ซึ่งตอนนี้กำลังเสนอข่าวอื่นไปแล้ว
/พอดีเลย กูว่าจะไปหามึงหน่อย กูมีเรื่องจะคุยด้วย/
“กูก็มีเรื่องอยากคุยกับมึง มึงไม่ต้องมาหากูนะ เดี๋ยวกูจะไปหามึงเอง” ผมรีบบอก ไอ้ปันมันไม่รู้เรื่องว่าตอนนี้ผมพักอยู่ที่ไหนกับใคร มันเข้าใจว่าผมอยู่หอของมหา’ลัย อันที่จริงผมก็ไม่อยากจะปิดมันนะ แต่เรื่องมันยาวครับ ดีไม่ดีมันจะบอกให้ผมไปอยู่บ้านมันเหมือนก่อนหน้านี้อีก ยุ่งยากซะเปล่าๆ แล้วผมก็เกรงใจแม่มันด้วย
/ไม่เป็นไรเว๊ย มึงก็บอกว่าอยู่คนเดียวไม่ใช่หรอ เดี๋ยวกูไปอยู่เป็นเพื่อนไง/
“ไม่อะ ไปบ้านมึงสบายกว่า เปิดแอร์เปิดคอมฯ รอกูได้เลย กูไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวแจกัน”
/เออๆ แล้วแต่มึง แจกันๆ รีบๆ นะสัสเดี๋ยวกูลืมเรื่องที่จะคุยด้วย/
“เออ จดโน๊ตใส่สมุดไว้เลยไป/ ผมพูดเสียงกวนกลั้วหัวเราะ กดวางสายโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาก่อนจะรีบเข้าห้องนอนไปหยิบผ้าขนหนู อาบน้ำเตรียมตัวไปบ้านของไอ้ปันอย่างกระตือรือร้น กระตือรือร้นมากแค่ไหนอะคิดดู๊! ตอนไปมหา’ลัยนี่ เกือบชั่วโมงกว่าจะระเห็จถีบตัวเองออกมาจากห้องได้ แต่ไปบ้านไอ้ปัน ใช้เวลายี่สิบนาที ตอนนี้มายืนอยู่หน้าลิฟต์แล้วครับเรียบร้อย~ กระดิกขายิกๆ พอได้ยินเสียง ‘ติ้ง’ นี่แทบจะวาร์ปผ่านประตูลิฟท์ไปยืนอยู่ข้างใน
ไอ้ปันอยากคุยอะไรกับผม ผมไม่รู้หรอก แต่ถ้ามันไม่โทรมาหาผมว่าจะตั้งกระทู้พันทิปแล้วเนี่ยว่า ‘ทำยังไงดีแฟนอยาก แต่เราไม่พร้อม 18+’!
“อื้อ...” เสียงครางหือแหบพร่าของเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงดังขึ้น เหงื่อไหลโทรมไปทั่วใบหน้าด้วยพิษไข้จนหมอนเปียกซก อาการปวดหัวตุ๊บๆ พุ่งเข้าเล่นงานไม่หยุดแต่ก็ทุเลาขึ้นมาจนสามารถฝืนร่างกายตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงเดี่ยวของตน
ที่หนึ่งโตมากพอที่จะไม่งอแงร้องเรียกหาพ่อที่ต้องทำงาน การเดินออกมาหาน้ำดื่มในตู้เย็นโดยเห็นห้องที่โล่งตาไม่มีใครแค่สร้างความประหลาดใจให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ป้าสร้อยผู้เคยมาดูแลตนยามป่วยตลอดกลับไม่อยู่
ตึง
ขวดน้ำขนาดใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวที่อยู่ไม่ห่างเท่าไหร่นัก มือน้อยๆ กุมข้างขมับด้วยอาการปวดหัวจี๊ดจากน้ำเย็นที่ขึ้นไปผสมโรงกับอาการปวดหัวเพราะพิษไข้ที่มีอยู่เดิม เด็กน้อยเดินโซซัดโซเซกลับห้องของตัวเอง ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน
เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยป่วยเท่าไหร่นัก แต่ถ้าได้เป็นสักครั้งก็เป็นหนักซึ่งจุดนั้นตุลาหรือตุลย์เจ้าของห้องและผู้เป็นพ่อรู้ดี จึงให้ป้าสร้อยต้องคอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่มีใครอยู่ดูแล
แต่ช่างเถอะ เขาโตแล้ว ดูแลตัวเองได้นี่หน่า
50%
เราพยายามจริงๆ แล้วนาย เวลาเราช่างน้อยนิด เขียนได้กระจึ้งๆ หายไปเต็มๆ 1 อาทิตย์ นานที่สุดที่เคยทำ
เราขอโทษจริงๆ นะนายยยย เรียนก็เรียน บาสก็ต้องซ้อม แต่เราพยายามจะไม่หายไปนานมากเท่านี้อีกแล้ว
อย่าลืมเรา และไอ้เอสเลยนะ ~
#daddybelover