CHAPTER
-19-
ผู้บุกรุก
Rrrrr….
“ว่าไงวะไอ้ดล” เพื่อนรักโทรฯมาขณะกันต์กำลังยืนอยู่ที่ไซต์งาน
(“มึงทำอะไรอยู่วะ”)
“กูทำงานอยู่...แล้วมึงล่ะอยู่ไหน”
(“กูก็มาเที่ยวพักผ่อนไงวะ”)
“อ้าว! มึงไม่ตามหาน้องภัทรแล้วเหรอวะ” ความสงสัยเริ่มเกิดขึ้นในหัวของกันต์ทันที ทำไมเพื่อนรักถึงได้มีน้ำเสียงเหมือนคนกำลังมีความสุขมาก ไม่เหมือนคนที่กำลังตามหาน้องชายจากการโดนลักพาตัวไปเลยแม้แต่น้อย
(“ไม่ว่ะกูเจอตัวน้องกูแล้ว”)
“นี่มึงอยู่ไหนกันแน่วะไอ้ดล” เมื่อได้ยินอย่างนั้นกันต์ถึงกับตกใจขึ้นมาทันที เพื่อนบอกว่าเจอตัวนภัทรแล้วแสดงว่านดลต้องอยู่แถวๆนี้ นั่นทำให้เขาเริ่มห่วงความปลอดภัยของเพื่อนซะแล้ว
(“ทำไมมึงดูหัวร้อนจังวะไอ้กันต์มึงมีอะไรปิดบังกูอยู่ใช่ไหม?”)
“ตกลงว่ามึงอยู่ไหนตอนนี้บอกกูมาดิ!”
(“มึงไม่ต้องรู้หรอกว่ากูอยู่ไหน มึงมีอะไรจะสารภาพก็รีบอกมาก่อนที่กูจะตัดขาดความเป็นเพื่อนกับมึง”)
“กูขอโทษที่ต้องโกหกมึงเรื่องน้องภัทร แต่กูมีเหตุผลนะโว้ย” ในที่สุดเขาก็ต้องพูดความจริงกับเพื่อน
(“มึงรู้ว่าน้องกูอยู่ที่เกาะนั่นแต่มึงก็เลือกที่จะโกหก กูเสียความรู้สึกกับมึงจริงๆว่ะไอ้กันต์”)
“มึงฟังกูก่อนนะเว้ย ที่กูต้องโกหกเพราะน้องภัทรขอร้องกูไว้”
(“ไม่จริงน้องกูไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด!”)
“มันคือเรื่องจริงน้องภัทรกะ.....” พูดยังไม่ทันจบสายก็ถูดตัดไปซะก่อน
กันต์พยายามโทรกลับแต่เจ้าตัวกลับตัดสายแล้วก็ปิดเครื่องไปในที่สุด เขากลัวว่าเพื่อนจะทำอะไรโง่ๆ ลงไป ถ้าหากเคลวินจับได้มีหวังไม่รอดอย่างแน่นอน นั่งคิดได้สักพักกันต์ก็ตัดสินใจโทรฯไปปรึกษาคุณหมอหน้าหวานที่กำลังจะกลายเป็นคนรู้ใจในเร็วๆนี้
“ฮัลโลคุณหมอว่างคุยสักครู่ไหมครับ”
(“มีอะไรคุณ ทำเสียงซะดูตื่นเต้นเชียว”) พงษ์เอ่ยแซว
“เพื่อนผมน่ะสิมันรู้แล้วว่าน้องภัทรอยู่ที่นี่แถมตอนนี้ก็น่าจะอยู่แถวๆนี้ด้วย ผมกลัวว่าเพื่อนคุณจะจับได้แล้วฆ่าไอ้ดลก่อนจะได้เจอกับน้องภัทร” กันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
(“เดี๋ยว! ใจเย็นๆคุณ เพื่อนผมมันไม่ได้ป่าเถื่อนขนาดนั้นนะ”)
“คุณยังจะเข้าข้างเพื่อนคุณอีกเหรอ ไม่ป่าเถื่อนเลยลักพาตัวน้องภัทรมาที่นี่ แถมยังทำลูกชายเค้าท้องอีกต่างหาก”
(“ผมไม่ได้เข้าข้างแต่คุณน่ะตื่นตูมไปเอง เรื่องมันยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยนะ”)
“หรือคุณต้องให้เพื่อนผมตายก่อนถึงจะพอใจห๊ะ!” กันต์เริ่มโวยวายเสียงดังอย่างลืมตัว
(“ถ้ามีอารมณ์อย่างนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน แค่นี้นะ”) คุณหมอเองก็เริ่มมีอารมณ์เหมือนกัน ทั้งๆที่พยายามจะสงบสติอารมณ์แล้วก็ตาม
“เดี๋ยวคุณ! ผมขอโทษพอดีเป็นห่วงเพื่อนมากไปหน่อย”
(“ผมรู้แต่คุณต้องมีสติมากกว่านี้”)
“ผมผิดไปแล้วครับ! ที่โทรฯหาคุณเพราะอยากให้ช่วยพาผมไปหาน้องภัทรที่บ้านหน่อยได้ไหมครับ”
(“คราวหลังถ้าจะโทรมาห้ามใช้อารมณ์แบบนี้อีกเข้าใจไหม”) ปลายสายสั่ง
“คร้าบบ! ผมผิดไปแล้วครับคุณหมอสุดที่รัก” เมื่อรู้ว่าตัวเองผิดกันต์ก็พยายามพูดออดอ้อน
(“อย่ามาลามปาม เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมโทรหาไอ้เคลวินก่อนละกัน ถ้าโอเคแล้วจะโทรบอกอีกที”)
“ขอบคุณครับ...ไม่ผิดหวังจริงๆเลยที่รักของผมเนี่ย”
(“ผมขี้เกียจคุยกับคุณแล้วแค่นี้นะ”) พูดจบพงษ์ก็ตัดสายไป
กันต์เกาหัวแกร็กๆ ทันที
“วันนี้เป็นวันอะไรวะมีแต่คนตัดสายกูจัง...”
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
พงษ์โทรไปขออนุญาตเพื่อนเรียบร้อยแล้วก็พากันต์เข้าไปที่บ้านในเย็นวันนั้น เมื่อทานมื้อเย็นเสร็จแล้วกันต์และพงษ์ก็ออกมาคุยกับนภัทรที่สวนข้างบ้าน
“ช่วงนี้เป็นไงบ้างน้องไอ้เคลวินมันทำอะไรเรารึเปล่า” เมื่อปลอดเจ้าของบ้านพงษ์ก็เริ่มยิงคำถามทันที
“ช่วงนี้โอเคมากเลยครับพี่วินเค้าดีกับผมมาก” นภัทรยิ้มกว้างเมื่อเอ่ยถึงชื่อของชายหนุ่ม
“พี่วิน?” พงษ์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาอึ้งกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่ดีขึ้นมากถึงขนาดนี้
“ใช่ครับ ผมเรียกคุณเคลวินว่าพี่วินเหมือนสมัยเด็กๆ”
“พี่อยากรู้จังว่าทำไมคุณเคลวินถึงได้จับตัวน้องภัทรมาที่นี่ในเมื่อก็เคยรู้จักกันมาก่อน” กันต์ไม่อ้อมค้อมเขาอยากรู้เรื่องทั้งหมด
“คือเรื่องนี้ผมบอกไม่ได้จริงๆครับ มันค่อนข้างจะละเอียดอ่อน” เมื่อได้ยินคำถาม นภัทรถึงกับหุบยิ้มทันที
“คุณถามอะไรก็ไม่รู้” พงษ์ทำหน้าดุใส่อีกคนก่อนจะหันไปเอ่ยกับนภัทร “ไม่ต้องไปคิดอะไรมากแล้วนะน้องภัทร แค่เรามีความสุขก็พอแล้ว” เขายิ้มให้
“ครับพี่กันต์ผมจะพยายามไม่คิดมาก” เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวานขึ้นมาบ้าง
กันต์และพงษ์มองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องนดลให้กับนภัทรได้รับรู้ บางครั้งมันอาจจะดีหากให้สองพี่น้องได้คุยกันก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าครับพี่สองคนดูแปลกๆ” นภัทรมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา
“ภัทรพี่มีเรื่องจะบอก คือตอนนี้ไอ้ดลมันรู้แล้วว่าภัทรอยู่ไหน”
“ไหนพี่กันต์บอกว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้พี่ดลรู้ไงครับ” ร่างบางมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยิน ในใจก็เกิดความกังวลว่าพี่ชายของตัวเองจะบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป
“พี่ไม่ได้บอกคิดว่ามันคงสืบเองจนรู้เรื่อง พี่คิดว่าตอนนี้มันคงวนเวียนอยู่แถวนี้แน่นอน”
“พี่กันต์ผมอยากคุยกับพี่ดล ผมจะบอกให้เค้ากลับบ้านไปก่อนเพราะตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังจะลงตัว ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้อีก”
“เดี๋ยวพี่จะลองโทรหามันดู ช่วงเช้ามันโทรฯแล้วทะเลาะกับพี่แล้วมันก็ตัดสายไป ถ้ามันเห็นเบอร์พี่โทรฯไปอีกไม่รู้มันจะรับสายรึเปล่านะสิ” กันต์บอก
“คุณเอาเบอร์ผมโทรฯไปไหมเผื่อเค้าจะรับสาย” พงษ์ยื่นโทรศัพท์ให้
กันต์รับมาแล้วกดโทรฯออกหาเพื่อนรักทันที นภัทรเองก็นั่งรออย่างใจจดใจจ่อนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงพี่ชายสุดที่รัก มันรู้สึกตื่นเต้นมากจนน้ำใสๆเริ่มปริ่มที่ดวงตาสวย
“รับไหมคุณ?” พงษ์เองก็นั่งลุ้นอยู่ไม่น้อย
“ยังเลย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นนภัทรก็เริ่มใจไม่ดี
“ฮัลโล ได้ดลมึงอย่าเพิ่งวางนะโว้ยตอนนี้กูอยู่กับน้องภัทร น้องเค้าอยากคุยกับมึง”
กันต์ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับนภัทรทันที
“ฮัลโลครับพี่ดล” น้ำตามันไหลมงมาโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงพี่ชายครั้งแรกในรอบหลายเดือน
(“ภัทรเป็นยังไงบ้าง! พี่คิดถึงภัทรมากเลยรู้ไหม”) นดลเองก็ไม่ต่างกันเขาเอ่ยกับน้องชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ถ้าหากเป็นไปได้เขาจะเข้าไปรับตัวน้องชายกลับบ้านซะตอนนี้เลย
“ภัทรก็คิดถึงพี่มาก ฮึก… พี่ไม่ต้องห่วงภัทรสบายดี”
(“หมายความว่าไงภัทร”) นดลเริ่มสงสัย
“ก็อย่างที่ภัทรพูด...ตอนนี้ภัทรสบายดีพี่วินไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ภัทรรู้ว่าพี่อยู่แถวนี้พี่ดลกลับบ้านเถอะนะครับ แล้วก็ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยว่าภัทรคิดถึงท่านทั้งสองมาก” นภัทรตัดสินใจเอ่ยออกไป หากนดลได้ยินอย่างนี้แล้วอาจจะวางใจแล้วยอมกลับไปก็เป็นได้
(“มันบังคับให้วินพูดใช่ไหมบอกพี่มา”) น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นมาเรื่อยๆ
“ไม่ใช่ครับพี่วินไม่ได้บังคับอะไรทั้งนั้นภัทรเต็มใจจะอยู่ที่นี่เอง พี่กลับไปบอกพ่อกับแม่ด้วยนะครับ ถ้าหากเป็นไปได้ภัทรจะกลับไปเยี่ยมท่านแน่นอน”
(“พี่ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกจากปากน้องชายของพี่ รู้ไหมว่าตั้งแต่น้องถูกลักพาตัวมาไม่มีใครนอนหลับสนิทแม้แต่วันเดียว ทุกคนที่บ้านเป็นห่วงน้องมาก คุณแม่ต้องเข้าวัดทุกวันเพื่อสวดมนตร์ขอพรให้น้องปลอดภัย แล้วทำไมถึงได้เป็นคนอย่างนี้เสียแรงที่พ่อกับแม่เป็นห่วง สิ่งที่ทุกคนทำมามันเปล่าประโยชน์จริงๆ”) นดลพล่ามซะยาวเหยียดเขาไม่นึกเลยว่าสิ่งที่ขวัญพูดจะเป็นความจริง หรือว่าน้องชายของเขาจะถูกวินล้างสมองไปแล้ว
“พี่ดลมันไม่ใช่อย่างนั้นนะ สิ่งที่ภัทรทำทั้งหมดเพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ภัทรจะอยู่ที่นี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้น” นภัทรยังคงยืนยันคำพูดของตัวเอง
(“ไม่จริง! ภัทรทำเพื่อตัวเองต่างหากพี่ไม่มีทางให้เราอยู่ที่นั่น พี่จะพาภัทรกลับบ้านไปหาพ่อแม่ให้ได้”)
“พี่ดลอย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาดมันอันตราย กลับบ้านไปเถอะนะครับภัทรขอร้อง” น้ำเสียงของนภัทรแสดงถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
(“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วแค่นี้ล่ะ”)
พูดจบนดลก็วางสายไปทันที
“พี่ดล...พี่ดลครับ! ฮือๆๆ” นภัทรร้องไห้เสียงดังราวกับจะขาดใจเสียให้ได้ ตอนนี้นดลกำลังเข้าใจเขาผิด ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วแท้ๆ เขากลัวว่านดลจะบุกเข้ามาที่นี่จนทำให้เคลวินโกรธและทำร้ายเอาได้
“น้องภัทรใจเย็นๆ” พงษ์จับมือน้อยๆของนภัทรเอาไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจ
“อีกไม่นานมันต้องบุกมาที่นี่แน่นอน ผมกลัวว่าเพื่อนคุณจะทำอะไรเพื่อนผมซะแล้วสิ” กันต์เอ่ยพร้อมกับมองหน้าคุณหมอหนุ่ม
“ที่นี่ใช่ว่าจะเข้ามาได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนในเข้ามาไม่ได้อยู่แล้วล่ะ เพื่อนคุณคงไม่คิดสั้นขนาดนั้นแน่นอน” พงษ์เตือนสติ
“ก็ใช่ น้องภัทรไม่ต้องห่วงหรอกไอ้ดลไม่มีทางเข้ามาที่นี่ได้แน่นอน อย่าว่าแต่ที่นี่เลยที่เกาะใหญ่โน่นมันก็ไม่น่าจะเข้ามาได้” กันต์เอามือหนาไปจับที่ไหล่บางของนภัทรเอาไว้เชิงปลอบใจ
“ขอบคุณพี่ๆทั้งสองคนมากนะครับที่คอยอยู่ข้างๆมาตลอด ผมคิดว่าหากพี่ดลไม่เข้ามาถึงที่นี่คงจะไม่โดนทำร้ายแน่นอน” เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ก็ทำให้นภัทรใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“พี่ก็หวังว่าอย่างนั้น” กันต์เอ่ย
“เอาเป็นว่าตอนนี้น้องภัทรก็อย่าเพิ่งคิดมากละกันเดี๋ยวจะส่งผลถึงลูกในท้องเอา” พงษ์แนะนำเพราะกลัวว่าเด็กในท้องจะได้รับผลกระทบจากภาวะเครียดของผู้เป็นแม่
“ครับพี่หมอ”
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเดี๋ยวไอ้เพื่อนตัวดีของพี่มันจะดุเอา ที่พาลูกกับเมียมันออกมานั่งตากน้ำค้างซะนาน”
เคลวินกำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่ที่ห้องนั่งเล่นไปพลางๆขณะรอทั้งสามคน เมื่อเห็นนภัทรเดินเข้ามาเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที
“พาเมียกูไปทำอะไรตั้งนานสองนานวะ”
“ห่างกันแป๊บเดียวไม่ได้ไงวะ” พงษ์ตอบกลับ
นภัทรเดินเข้าไปนั่งข้างๆก่อนที่คนตัวสูงจะโอบกอดที่ไหลบางเอาไว้
“แหมๆห่วงจังนะเมียน่ะ” เมื่อเห็นเพื่อนทำท่าทางห่วงนภัทรพงษ์ก็ถึงกับยิ้มขึ้นมา
“ก็กูมีของกูคนเดียวนี่นา” เคลวินยิ่งกระชับไหล่ร่างบางแน่นขึ้น
“ถ้างั้นพวกกูไม่กวนละ” พงษ์ว่าแล้วก็เอ่ยกับนภัทรต่อ “พี่กลับก่อนนะน้องภัทร”
“สวัสดีครับพี่หมอ” นภัทรยกมือขึ้นไหว้พงษ์และกันต์
“อย่าคิดมากนะน้องพี่ไปล่ะ”
“ครับพี่กันต์
เมื่อพงษ์และกันกลับไปแล้วเคลวินก็หันมามองหน้าร่างบาง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าดวงตาของคนที่อยู่ตรงหน้านั้นแดงก่ำเหมือนกับคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“ทำไมตาแดงๆอย่างนั้น”
“ไม่มีอะไรครับตอนออกไปข้างนอกมีแมลงเข้าตาแต่พี่หมอเอาออกให้แล้ว” ร่างบางพยายามหลบตา
“อ๋อ...นึกว่าเป็นอะไรซะอีกพี่เป็นห่วงเรานะมีอะไรบอกพี่ได้ แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกันซะนานเชียว”
“ไม่มีอะไรครับพี่หมอเค้ามาแนะนำเรื่องการดูและสุขภาพครับ” นภัทรยิ้มให้
“ดีแล้วดูแลตัวเองดีๆพี่จะได้หายห่วง” มือข้างหนึ่งก็โอบที่ไหล่บางเอาไว้ แต่อีกข้างก็เกลี่ยไรผมที่ปรกใบหน้าสวยออกอย่างเบามือ
“พี่วินครับผมจะมีโอกาสได้กลับไปหาพ่อแม่บ้างไหม?” ร่างบางตัดสินใจถามพร้อมกับก้มหน้ากลัวคำตอบที่ได้ยินจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ในใจ
“มีสิครับ...รอน้องภัทรคลอดลูกแล้วพี่จะพากลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ แล้วพี่ก็จะเข้าไปกราบขอโทษท่านที่เคยทำไม่ดีกับน้องภัทรเอาไว้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นนภัทรถึงกับยิ้มออกมาทันที ไม่มีอะไรที่จะต้องคลางแคลงใจกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
“ขอบคุณนะครับพี่วิน” ร่างบางกอดเคลวินเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรครับเพื่อเมียกับลูกพี่ยอมทำได้ทุกอย่าง” เขาเอ่ยเอาใจนภัทร
“ขอบคุณครับที่ทำเพื่อผมกับลูก ผมสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆพี่วินที่นี่ตลอดไป”
ทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่นราวกับว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของกันและกัน เคลวินรู้สึกมีความสุขมากเหลือเกินเมื่อมีนภัทรอยู่ข้างกาย เขาไม่มีทางจะพาคนๆนี้กลับไปที่นั่น ลูกกับเมียของเขาจะมีไม่ทางกลับไปอยู่กับคนเลวๆพวกนั้นอย่างแน่นอน
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เช้าวันต่อมา
“พี่ไปทำงานก่อนนะครับ”
“ครับพี่วิน”
“อย่าทำงานหนักล่ะ ฝากบอกป้าภาด้วยนะวันนี้จะมีแม่บ้านคนใหม่มาแล้ว ป้าภาจะได้สบายขึ้นไปหน่อย”
“ครับเดี๋ยวผมจะบอกให้”
เคลวินไม่ยอมเดินไปสักทีจนนภัทรมองหน้าด้วยความสัยสัย
“ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะครับเดี๋ยวสายนะ”
“วันนี้พี่อยากได้กำลังใจก่อนไป” ไม่ว่าเปล่าเคลวินกลับทำแก้มป่องแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆร่างบาง
ฟอด!
“พอใจรึยัง?” ใบหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีหลังจากได้หอมแก้มชายหนุ่มไปแล้ว
“ยัง”
ฟอด!
เคลวินหอมแก้มทั้งสองข้างของนภัทรก่อนจะลงท้ายที่ตรงกลางหน้าผากนุ่ม สายตาและรอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าแทบจะละลาย นี่คือการใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นทางการครั้งแรกเลยก็ว่าได้ การได้เดินมาส่งคนรักออกไปทำงานทุกเช้าและคอยดูแลหลังจากที่เค้ากลับมา มันเป็นอะไรที่เกินฝันของภัทรจริงๆ
“ไปได้แล่ว”
“เย็นนี้เจอกันนะครับ” เขายิ้มให้
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านไปแล้วนภัทรจึงเดินกลับเข้ามา เขาเดินไปหาป้าภาที่ครัวเพื่อแจ้งเรื่องที่เคลวินได้ฝากเอาไว้ ช่วงนี้ป้าภาทำงานหนักมากหากมีคนมาช่วยก็คงจะแบ่งเบางานได้ไม่น้อย ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้คนที่มาใหม่นั้นมีนิสัยเหมือนขวัญเลย
“ป้าภาครับผมมีข่าวดีจะบอก”
“ข่าวอะไรภัทร” ป้าภาเงยหน้าขึ้นมามองขณะเช็ดจานอยู่บนโต๊ะ
“วันนี้จะมีคนมาช่วยป้าแล้วนะพี่วินเค้าฝากบอกมา”
“จริงเหรอวะ”
“จริงสิป้า ต่อไปนี้ป้าจะได้สบายขึ้นแล้วนะ”
“ขอให้อย่านิสัยเหมือนอีขวัญก็พอ ถ้าเป็นแบบนั้นป้าจะให้คุณเคลวินไล่ออกทันทีเลย”
“คงไม่เหมือนหรอกมั้งครับป้าอย่าคิดมากสิ”
“เดี๋ยวป้าออกไปหลังบ้านแป๊บนึงนะ จะเอาพริกไปผึ่งแดดซะหน่อยเดี๋ยวจะขึ้นราเอา”
“เดี่ยวผมทำให้ก็ได้ครับป้า”
“ไม่เป็นไรเอ็งเช็ดจานแทนป้าก็แล้วกัน ป้าไปแป๊บเดียว” ป้าภาว่าแล้วก็ถือถุงพริกกับกระจาดใบใหญ่เดินออกไป
นภัทรนั่งเช็ดจานจนเสร็จเรียบร้อย นี่ก็ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้วทำไมป้าภายังไม่กลับเข้ามาอีก จึงเดินออกไปดูที่หลังบ้านแต่ก็ไม่เห็นป้าภาแม้แต่เงา
“ป้าภาครับ!” นภัทรตะโกนเรียกเสียงดัง ก่อนจะเดินไปพบป้าภานอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น “ป้าภา! ป้าเป็นอะไร!” ร่างบางรีบนั่งลงไปพยุงป้าภาขึ้นหลังจากนั้นก็เขย่าตัวเบาๆหวังว่าจะให้รู้สึกตัว แต่ก็ไม่ได้ผลจึงตะโกนเรียกเอกเพื่อให้มาช่วยอุ้มเข้าไปในบ้าน
“เอก! ช่วยด้วยป้าภาเป็นลม! เอก…อยู่แถวนี้รึเปล่า” ตะโกนไปหลายรอบแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเอกจะมา ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนดังมาจากด้านหลัง
“ไม่ต้องตะโกนเรียกให้เสียเวลาหรอก ไอ้นั่นมันสลบอยู่ในสวนโน่น”
เสียงที่คุ้นเคยทำให้ร่างบางถึงกับเบิกตากว้างและหันกลับไปมองทันที เมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใครกลับยิ่งทำให้นภัทรต้องตกใจมากกว่าเดิมเสียอีก
"พี่ดล!”
“ตกใจมากเหรอที่เห็นพี่ที่นี่”
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
///////////////////////////////////////////////
หลอกกันจนวินาทีสุดท้ายเลยนะเคลวิน....
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ เห็นคอมเมนท์แล้วมีกำลังใจมากๆเลย