06 รอได้ รอไปวันนี้เป็นวันเกิดมี่ผมไม่ได้มีความจำดีเด่นขนาดจำวันเกิดเพื่อนได้หรอก ที่รู้เพราะมันขึ้นเตือนในเฟสบุ๊กกับไอ้กรณ์โทรมาเตือนเมื่อเช้าต่างหาก จะว่าไป ใช้คำว่าโทรมาเตือนก็ไม่ใช่อีก เพราะจากคำพูดแล้วฟังคล้ายขู่บังคับให้ผมไปปาร์ตี้วันเกิดคืนนี้มากกว่า ปกติวันเกิดมี่ผมก็ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง มี่ชอบผมตั้งแต่สมัยยังทำงานที่บริษัทก็จริงแต่เพิ่งมาเปิดเผยชัดเจนเมื่อไม่นานมานี้ มันก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่เราจูบกันวันนั้น
“มาหน่อยเถอะ มี่คงดีใจที่เห็นมึง” ผมถอนหายใจ มองจอสมาร์ทโฟนอยู่นานว่าจะโพสแฮปปี้เบิร์ดเดย์หน้าวอลเฟซบุ๊ค โทร หรือส่งเมจเสจไปจะดีกว่ากัน ปกติแล้วผมจะเลือกโทร แต่หลังจากถูกรบเร้าเสียขนาดนั้นก็ไม่กล้าทำเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ที่ไม่ลำบากใจไม่ใช่เพราะคิดอะไรกับมี่ เพียงแต่ว่าไม่อยากเจอหน้าเพราะไม่อยากให้หวังมากกว่านี้ต่างหาก
“ทำอะไรน่ะ”
หมอปอทักทายอารมณ์ดี สวมเสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงขาสั้นที่เก่าจนสีซีดเดินเข้ามาจากหน้าบ้าน ผมเหลือบตาไปมองแล้วถอนหายใจใส่
“ถามไม่ตอบ ทำมาเป็นถอนหายใจ ท้องผูกเหรอครับ”
“กวนนักเดี๋ยวจะโดน”
“เฮ้ย เครียดจริงน่ะ” คนพูดทรุดตัวลงข้าง ๆ ยื่นถ้วยลอดช่องโบราณใส่น้ำแข็งหลอดเย็นชื่นใจมาให้ “แม่ทำ ให้ช่วยชิมหน่อย”
“อร่อยไหม”
“เค็มครับ” ผมหัวเราะ สาวๆ ครอบครัวปอเป็นแบบนี้กันทั้งบ้าน บางทีอร่อย บางทีไม่อร่อย แล้วแต่ว่าสูตรที่ได้มาจะยากง่ายแค่ไหน ส่วนคนชิมก็ทั้งโครงการหมู่บ้านจากต้นซอยไปท้ายซอยนั่นแหละ
“หมอใส่กะทิมาขนาดนี้จะไม่เค็มได้ไงวะ”
“พี่ป่านตักให้” ไอ้หมอหมารีบปัดความผิด ผมแบ่งมาชิมก็เห็นด้วยอย่างที่มันบอก “ใส่กะทิน้อยกว่านี้น่าจะดี”
“ครับ ไว้บอกพี่ป่านให้ แล้วสรุปพี่ธันเป็นอะไร” พูดจบก็กินต่อ บ่นไปงั้นเห็นหมดตลอด ข้าวปลาไม่กินให้มันเก่งแบบนี้ ถึงได้ขี้ก้างลงเรื่อย ๆ
“วันนี้วันเกิดมี่”
“จะเอาตัวเองผูกโบว์ไปให้หรือไง” คนพูดพูดพลางเบะปาก เอานิ้วป้ายปากแม่ง ทำไมกวนประสาทแบบนี้วะ น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวาน ใส่แว่นหนาเตอะแต่งตัวไม่เป็นไม่ได้หมายความว่าเนิร์ดนะครับ ปอนี่ตัวดีเลย น่าจับมาฟัดฃะมัด ผมปรายตามองแล้วยกมุมปากยิ้ม “แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่าหึง”
“มีอะไรให้หึงด้วยเหรอครับ สงสารก็แต่พี่มี่ โดนเกย์เฒ่าแถวนี้หลอก”
ผมหัวเราะ ไม่ให้ขำได้ไงครับ ปอแม่งเด็ก ต่อให้อายุมากขึ้นเท่าไรระยะห่างระหว่างเรา 13 ปี ก็ยังคงเดิมเสมอ ผมไม่ได้รู้ทันปอไปเสียทุกอย่างเพราะเด็กสมัยนี้มันโตไว แต่อะไร ๆ ก็มองออกอยู่พอสมควร “พูดงี้วันนี้ไปบ้านมี่ดีกว่า”
“ก็ไปสิครับ” สายตาคู่นั้นหลุบลงมองร็อตไวเลอร์ตัวสีดำเมี่ยมที่เบียดมานอนบนพื้นแทบเท้า ผมเอนตัวพิงกับที่วางแขนโซฟาแล้วยิ้มค้าง “ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยดิ”
“ผมมีธุระต้องทำ กลับบ้านดีกว่า”
พอแหย่มาก ๆ ก็ทำท่าจะงอนจริง อะไรว้า ไหนบอกไม่หึงไม่หวงทำไมถึงหน้าบึ้งแบบนั้นได้ ผมคว้าแขนเล็กเอาไว้ ยื้อปอให้กลับมานั่งบนโซฟาบนตักของผมแล้วใช้คางเกย “จะรีบไปไหนล่ะ”
“พี่ธันไปแต่งตัวสิครับ เดี๋ยวก็ไปไม่ทัน”
ผมหัวเราะอีกครั้ง กดจมูกลงบนไหล่ลาด นักศึกษาสัตวแพทย์เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยแต่ก็ยังหนีไม่พ้น ยุกยิก ๆ บนตักมากหอมแก้มสักทีเลยเป็นไง “พี่ธัน!”
“ถ้าปอบอกไม่ให้ไปพี่ก็ไม่ไปแล้วเชื่องขนาดนี้”
หมอปอแสยะยิ้ม แกะมือผมออกแล้วผุดลุกหนี ไอ้เด็กคนนี้ทำไมมันดื้อจังวะ เดี๋ยวนี้กอดหน่อยหอมหน่อยบ่ายเบี่ยงตลอด จับทำเมียให้เลิกเล่นตัวเสียดีไหม มันไส้ชะมัดยาก
“ไม่ต้องมาเนียนเลย ทำไมเป็นคนนิสัยแบบนี้”
“อะไร” ทำมึนใส่แม่ง พูดมาสิปอว่าพี่ทำอะไร กอดเหรอ หอมเหรอ ทำไปทั้งหมดเพราะหมอน่ารักเองไม่ใช่หรือไง
“ผมกลับบ้านจริง ๆ ละ เอาถ้วยไปเก็บ”
“เย็นนี้ป่านทำอะไรกิน”
“แกงเขียวหวานมั้งครับ เมื่อเช้าเห็นออกไปซื้อเครื่องแกงกับแม่ที่ตลาด กินหรือเปล่าเดี๋ยวตักแบ่งมาให้”
ผมพยักหน้า ทำกับข้าวกินเองเป็นอยู่หรอก แต่มันขี้เกียจนี่ อีกอย่างคืออยากกินข้าวกับหมอด้วย กินกับหมาแล้วมันเหงา ไม่มีคนให้เถียงด้วยเลย “หมอก็มากินด้วยกันนะ เดี๋ยวหุงข้าวเผื่อ” พูดไปขยิบตาไป เห็นปอทำหน้าเอือมแล้วตลกดี
เสียงกดออดจากหน้าบ้านดังขึ้นในตอนเย็น แน่นอนว่าไม่ใช่ปอเพราะถ้าเป็นมันป่านนี้เดินมาราวกับเป็นเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมกำลังเทน้ำซาวข้าวออกจากหม้อ เสียงหมาเห่ากันเกรียวดังมาจากหน้าบ้านสลับกับแตรรถ ผมเลยยอมวางหม้อเอาไว้และออกมารับแขกในที่สุด ฟอร์จูนเนอร์สีขาวสะอาดป้ายทะเบียนคุ้นจอดอยู่นอกรั้ว พอเห็นผมก็ลดกระจกลงสั่งให้เปิดบ้าน
“มาไมวะ”
นั่นเป็นคำที่ผมใช้ต้อนรับแขกครับ แต่ไม่ต้องกลัวแขกหน้าไทยแท้มันจะสะดุ้งสะเทือน ไอ้กรณ์ฉีกยิ้มกว้างชี้นิ้วไปยังคนข้าง ๆ มี่โบกมือทัก นั่นเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วว่ามันพากันมาทำไม ผมถอนหายใจยาว ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้เลย เอาแล้วไง เดี๋ยวหมอเอาแกงเขียวหวานมาให้ จากที่จะสวีทกันสองคนทำคะแนนหน่อยโดนติดลบอีกแล้วกูงานนี้
“ปาร์ตี้สองคนมันเหงา” ไอ้กรณ์พูด เหงาห่าอะไร ปกติชวนกันไปทั้งบริษัท รอบนี้โผล่กันมาแค่นี้จะให้ผมเข้าใจยังไงนอกเสียจากกรณ์มันพยายามจับคู่ให้ แต่ก็เพื่อนนี่ครับ มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องยอมให้แม่งเข้ามาอยู่ดีนั่นแหละ
“ทำอะไรอยู่วะ”
“หุงข้าว”
“อ้าว เหรอ ตั้งใจจะชวนสั่งพิซซ่ามากินด้วยกันนะเนี่ย”
มี่ทักพลางทำหน้าเสียดาย ผมเลยรีบบอกว่าเดี๋ยวเก็บไว้อุ่นกินพรุ่งนี้ก็ได้ ถือเสียว่าเห็นแก่เป็นเจ้าของวันเกิด เดี๋ยวเปิดไวน์ให้ด้วยขวดนึง แดก ๆ แล้วกลับ ๆ กันไปเสีย ผมต้องง้อปออีกแน่งานนี้ “หมอปออยู่บ้านไหมธัน ชวนมากินด้วยกันสิ”
มี่ชวนต่อ ผมไม่รู้ว่ามี่รู้ตื้นลึกหนาบางแค่ไหนระหว่างผมกับปอ ผมไม่เคยพูดว่าคนที่ชอบเป็นใคร บอกก็แต่ว่าตัวเองเป็นไบ ตอนแรกก็ตั้งใจจะบอกว่าเกย์ล้วนไม่มีผสมหรอก แต่ประวัติเรื่องผู้หญิงอันโชกโชนของตัวเองมันก็ดูขัด ๆ กัน ผมไม่ได้หลอก ไม่เคยตั้งใจจะหลอกใคร แค่รู้ตัวช้าว่าใครที่จะทำให้ตัวเองหยุดเจ้าชู้ได้ต่างหาก
“ปอเขากินข้าวกับที่บ้านน่ะ เรากินกันแค่นี้แหละ เดี๋ยวจะเปิดไวน์ด้วย ขืนมารายนั้นได้งอแงจะกินอีก”
“ธันนี่น่ารักเนอะ ห่วงน้องด้วย” มี่พูดไปยิ้มไป เป็นยิ้มที่สดใสไม่เจือความริษยา ถึงจะดูแรงแต่มี่เป็นคนดีครับ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนหนึ่งเลยทีเดียว
“นอนนี่ได้ปะ”
ส่วนไอ้ห่ากรณ์จัดว่าเป็นเพื่อนชั้นเลว ผมหันไปมองมันด้วยหางตา “มี่เป็นผู้หญิง จะนอนได้ยังไง”
“ก็นอนกับมึงไง”
“กรณ์!” ผู้เสียหายหันไปฟาดมือใส่หลังไอ้กรณ์เต็มแรงส่วนอีกคนก็ร้องโอดโอยเกินงาม เดี๋ยวหยิกเดี๋ยวตบ พักหลัง ๆ นี่มันสนิทกันมากไปแล้วนะไอ้สองคนนี้ ผมปล่อยมันไว้ ทิ้งท้ายว่าอยากสั่งอะไรก็โทรสั่งกันเองเลย ส่วนตัวเองมาหุงข้าวที่ซาวน้ำทิ้งไว้ต่อ ไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้วะ แต่ก่อนอื่นต้องโทรบอกปอว่าไม่ต้องมาแล้ว
“ฮัลโหล ปอทำไร”
โทรได้ไม่ถึงนาทีปลายสายก็รับ ไอ้ป้อนน้องคนสุดท้องของบ้านพูดด้วยเสียงเนือย ๆ “โทรมาทีไรก็ถามหาแต่พี่ปอตลอดเลยพี่ธันน่ะ”
“เอ้า ก็คิดถึงปอจะให้ถามหาใคร ฮ่า ๆ ว่าไง ปอทำอะไรอยู่”
ไอ้ป้อนทำเสียงอ้วกมาตามสาย ผมไม่ได้ปิดบังอะไรครับว่าคิดกับปอแบบไหน ไม่ได้ประกาศโจ่งแจ้งแต่พอไอ้ป้อนแซวบ่อย ๆ เลยรู้ว่าบ้านนั้นรู้ตัวกันหมดว่าผมคิดไม่ซื่อกับลูกชายคนกลาง พ่อแม่ปอไม่ได้ว่าอะไร อาจเป็นเพราะเราสนิทกันมาตั้งแต่แรก ๆ และผมก็ช่วยดูแลน้องมาตลอด มีก็แต่เจ้าตัวนี่แหละที่ไม่เคยระแคะระคายอะไรกับเขาเลย
ผมเลยใช้โอกาสนี้ตีเนียนมาตั้งนาน พอแบไพ่ออกจะหนีไปไหนพ้น ปอเป็นเหมือนเถาวัลย์ที่เลื้อยมาเกาะเกี่ยวผมโดยไม่รู้ตัว แรก ๆ ที่ติดขนาดนี้เพราะเห็นผมเป็นพี่ชาย มันก็โอเคอยู่หรอกที่ปอตะแง้ว ๆ เรียกผมตลอด เพียงแต่ว่าผมไม่ได้อยากจะมีน้องชายกับเขาจะให้พอใจในระดับความสัมพันธ์แค่นั้นไม่ไหว
“ช่วยแม่ตักขนมใส่ถุง จะเอาไปแจกบ้านป้าเพียร มีอะไรป่าว เดี๋ยวป้อนเรียกให้”
ผมรีบบอกปัด “ไม่ต้อง ๆ บอกไปว่าแกงเขียวหวานวันนี้ไม่เอาแล้ว พี่ติดธุระ เดทวันนี้แคนเซิลไปก่อน”
ไอ้ป้อนหัวเราะตามสาย “ต่อหน้ากล้าพูดแบบนี้หรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่กล้า” ยืดอกรับแบบแมน ๆ เลย ผลีผลามเดี๋ยวงูตื่นครับ แค่นี้ก็เตลิดเปิดเมิงไม่ยอมให้จับให้จีบจะแย่ ลงบันทึกกินเนสบุ๊คได้เลย ไอ้ธันไม่เคยใจเย็นกับคนที่ตัวเองชอบได้นานเท่านี้มาก่อน
“ฮ่า ๆ พี่ธันแม่งจี้ว่ะครับ เค ๆ งั้นเดี๋ยวผมบอกให้นะ มีอะไรให้พี่ปอโทรไปอีกทีแล้วกัน”
ผมวางสาย หุงข้าว คลุกข้าวให้หมาเสร็จพิซซ่าของไอ้กรณ์กับมี่ก็มาส่ง เราเปิดแอร์กันในห้องนั่งเล่น ปอไม่ได้โทรหาผมอีกซึ่งดีแล้ว เพราะถ้าโทรมาถามว่าผมติดธุระอะไรมีแต่ตายกับตาย เด็กหวงพี่ชายมันดุอย่างกับอะไรดี
“มึงออกมากับมี่บ่อย ๆ แบบนี้นุ้ยไม่ด่าเหรอวะ”
กินกันไปได้สักพักผมก็เริ่มถาม พิซซ่ากับไวน์เป็นอะไรที่เหี้ยมากครับ สุดท้ายเลยสั่งส้มตำหน้าปากซอยมาแกล้มอีกอย่าง กรณ์หน้าแดง เริ่มเมานิด ๆ แล้ว “ก็นิดหน่อย ตามประสาผู้หญิงน่ะ”
“เขาก็ดูไว้ใจมึงดีนะ”
ผมว่า มีที่ไหนครับ ไปไหนไปกันสองคนตลอด ถ้าเป็นปอผมไม่ปล่อยไว้อย่างนี้หรอก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่คนรักใครใครก็ต้องหวง กรณ์โคลงหัว เลื่อนสายตามองมี่ยิ้ม ๆ
“จะหวงทำไม คนที่มี่รักก็มีอยู่แล้ว นุ้ยก็รู้”
จู่ ๆ แม่งก็วนมาที่ผมได้ไงไม่รู้ มี่นั่งเขินเบือนสายตาไปทางอื่น ผมเองก็เริ่มกระอักกระอ่วนใจอีกแล้วเลยทำเฉไฉไปอีกคน ไอ้กรณ์ควักบุหรี่ออกมาทำท่าจะจุดสูบแต่เดี๋ยวสิเฮ้ย ควันติดผ้าม่านกูหมด
“ออกไปสูบข้างนอกไป”
“กูไม่ชอบหมามึง”
“เออ เดี๋ยวไปนั่งเป็นเพื่อน” ผมบอกพลางหิ้วปีกไอ้กรณ์ออกมาด้วย บ้านผมมีโต๊ะหินอ่อนเล็ก ๆ อยู่ในสวนริมกำแพงใกล้บ้านปอ ที่เอามาวางตรงนี้เพราะเมื่อก่อนจะแอบมารอปอกลับบ้านที่นี่กับหมา พอปอมาก็ทำเป็นรดน้ำต้นไม้บ้าง เล่นกับหมาบ้าง หลัง ๆ ไม่ค่อยได้นั่งแล้วแต่ยังเช็ดทำความสะอาดเรื่อย ๆ ไฟโคมสีส้มจุดไว้ตามกำแพงให้ความสว่าง เกือบเที่ยงคืนแล้วเมาเป็นหมาอย่างนี้สงสัยต้องให้มี่พาไปส่ง
“เดี๋ยวขากลับมึงนั่งรถไปกับกูแล้วให้มี่ขับรถมึงตามก็แล้วกัน เมาเหี้ย”
“ของดี ขอแดกหน่อย” มันพูดกลั้วหัวเราะ ผมไม่ได้หวงหรอก แต่ห่วงมันมากกว่า “เสร็จแล้วมึงก็ไปส่งมี่ต่องั้นดิ”
“อืม”
“ครั้งที่แล้วจูบ ครั้งนี้จะทำอะไรต่อวะ หึหึ” ไอ้กรณ์คงได้ยินมาเหมือนกัน ผมท้าวคางกับแขนแล้วเบือนหน้าหนี “ไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ”
“เซ็กส์เสื่อมเหรอมึง”
“กูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ผมย้ำเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ ย้ำทั้งกับตัวเองกับไอ้กรณ์ จะให้ดีอยากย้ำให้มี่ฟังอีกคนด้วยซ้ำ ผมชอบปอ อยากเป็นคนดีในสายตาปอถึงได้เลิกนิสัยเจ้าชู้ไปทั้งหมด
“ชอบไปก็ไม่ได้เอา เด็กมึงมันเล่นตัว น่าเบื่อ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงคิดแบบนี้ ใครยากนักก็ปล่อยไป ผมมีทางเลือกมากกว่าจะมารอใครสักคน แต่เพราะเป็นปอ สิ่งที่ทน ที่ทำทุกวันนี้มันเลยไม่น่าเบื่อ ปอเป็นความสุขของผม ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ ๆ กันก็พอ
“ให้กูแกะกล่องของขวัญให้ไหม จะได้เลิกลีลาเสียที”
“พูดแบบนี้อีกทีกูต่อย”
“อะไรว้า คนอุตส่าห์อยากช่วย ยังไงกันแน่ไอ้ธัน สรุปเซ็กส์เสื่อมจริง ๆ ใช่ไหม กับคนที่เขาเต็มใจให้ก็ไม่เอา คนที่เขาไม่ให้เอาก็ทำเป็นรอ ไม่สมกับมึงเลยว่ะ ธันฟันดะของกูหายไปไหน”
ผมส่ายหัว บอกแล้วไงว่าเลิกแล้ว เลิกมานานแล้วด้วยไอ้นี่ก็ยุจัง “กูจะเป็นสุภาพบุรุษไง อยากเป็นพระเอกแล้ว เบื่อบทแบ๊ดบอย”
“เพิ่งมาสำนึกตอนนี้ ทีกับน้องนนท์ เด็กฝึกงานที่มึงฟันแล้วทิ้งไม่เห็นระลึกได้”
นั่นมันเรื่องประมาณแปดชาติเศษ ผมแม่งเคยเลว เคยเหี้ย มาเจอแบบนี้บ้างถือว่าเป็นการฝึกความอดทนไงครับ ไม่อยากจะใช้คำพูดว่ากรรมตามสนองเลย พอจริงจังกับใครขึ้นมาถึงต้องรอจนเหงือกแห้งแบบนี้ ไอ้กรณ์ดูดมะเร็งเข้าปอดอีกสองสามอึดใจแล้วโยนซากลงบนพื้น ใช้ปลายเท้าดับจนมอด
“เออ กูว่ากูจะเลิกกับนุ้ยว่ะ”
“หือ??” เหี้ยอะไรของมันวะ จะแต่งกันอยู่แล้วแท้ ๆ “กูชอบมี่ว่ะธัน”
สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมชาไปทั้งหน้า ไอ้กรณ์ มึงเพิ่งเสนอให้กูฟันคนที่มึงชอบไปเมื่อไม่ถึงสามนีทีก่อนเนี่ยนะ มึงบ้าหรือบ้าวะ อันที่จริงมันจะชอบกันผมก็ไม่แปลกใจ ไม่สิ ถ้าไอ้กรณ์จะชอบมี่ฝ่ายเดียวผมก็ไม่แปลกใจมากกว่า มี่เป็นคนดี อย่างที่บอก คนเหี้ย ๆ อย่างมันพอสนิทกับคนดีมาก ๆ อะไรบางอย่างจะทำให้มันประทับใจได้โดยไม่รู้ตัว ส่วนกับนุ้ยถ้าเลิกตอนนี้เสียก็ดี จะแต่งกันสิ้นปีอยู่แล้วมันยังโลเลอย่างนี้เสียใจแทนว่ะ ถ้ารีบเลิกรีบจบ บางคนอาจเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่ถ้าปล่อยให้แต่งงานมีลูกกันขึ้นมาโดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปันใจให้คนอื่นแม่งนรกยิ่งกว่านรกเสียอีก
“มี่รู้หรือเปล่า”
“ไม่รู้หรอก วัน ๆ ห่วงแต่เรื่องของมึง”
ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ไม่รู้จะแนะนำมันไปยังไง มึงไปตกลงกันเองแล้วกัน เรื่องนี้ธันจะไม่ยุ่ง แค่หมอปอคนเดียวกูก็ไม่มีสมองไปทำอย่างอื่นแล้วครับ
“แต่ถึงอย่างนั้น กูก็อยากให้มี่สมหวังนะ ไอ้เด็กนั่นมึงเลิกเหอะว่ะ เสียเวลาเปล่า ไปรักคนที่เขารักเราดีกว่า”
ไอ้กรณ์ตบบ่าผมแล้วเดินเข้าบ้านไป ผมยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง ๆ ไม่ได้เถียงอะไรมัน นานาจิตตังครับ กรณ์อยากให้คนที่มันรักมีความสุขก็ไม่ผิดอะไร มี่จะชอบผมที่ชอบคนอื่นก็ไม่ได้ผิดอะไร ความรักไม่เคยมีถูกมีผิด ความรู้สึกมันเป็นเหตุผลของทุกอย่างเพียงแค่เราควรคำนึงถึงความถูกต้องเอาไว้ให้มาก ผมโอเคที่ยังอยู่ตรงนี้ถึงใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร อีกสิบปี ยี่สิบปี ผมก็ยังรอหมอปอเหมือนเดิม สุดท้ายแล้วสิ่งที่ปอให้ผมได้คือพี่ชายคนหนึ่งผมก็คงเป็นเหมือนไอ้กรณ์มัน
แค่อยากให้คนที่รักมีความสุขเสียงกรอบของกิ่งไม้เมื่อถูกทิ้งน้ำหนักลงดังมาจากข้างบ้าน ผมนึกออกในทันทีว่ามีโต๊ะหินอ่อนอีกตัวที่บ้านปอเอามาวางไว้ใกล้กำแพงเพราะลูกขายคนกลางชอบปีนข้ามฝั่งมาบ่อย ๆ หันหลังกลับไป เห็นหมอปอยืนอยู่ตรงนั้น แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมยังไม่ได้เดินตามกรณ์เข้าไปในบ้าน
“มาทำอะไรตรงนี้มืด ๆ”
ผมถามเสียงแห้ง หมอปอส่ายหน้าแต่เปลือกตาแดง เห็นชัดเพราะสะท้อนกับแสงไฟที่เสามุมกำแพงพอดี
“ได้ยินอะไรบ้าง”
ปอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง อาการแบบนี้คือได้ยินทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ หมดกัน ไอ้ห่ากรณ์ กูไม่เคยเกลียดอะไรมึงเท่านี้มาก่อนเลย ปอจะคิดยังไง จะมองผมแบบไหน เรื่องที่เคยปิดว่าเป็นคาสโนว่าถูกเปิดเผยในชั่ววินาที ผมไม่ใช่พี่ชายที่แสนดีของหมอปออีกต่อไป ปอหมุนตัวจะเดินเข้าบ้าน ผมรีบกระโดดกำแพงข้ามฝั่งไปล้อกแขนไว้ในทันที
“อย่าหลบสิ พี่ขอโทษ”
ผมไม่รูว่าขอโทษทำไม ไม่ได้คิดว่าทำอะไรผิดด้วยซ้ำแต่นี่คงเป็นคำพูดที่ดีที่สุดในตอนนี้ ผมไม่อยากให้ปอเสียใจ ไม่อยากให้ปอผิดหวัง เป็นยังไงบ้าง... เห็นสีหน้าตอนนี้แล้วผมปวดใจฉิบเป๋ง
“พี่ธัน ที่มาทำดีกับผมอย่างนั้นอย่างนี้ ผมถามจริง ๆ เถอะ ต้องการแค่ไหน”
โคตรอยากจะหยุดหายใจตอนนี้เลยว่ะ แววตาตัดพ้อของปอทำเอาผมจุก ต้องการอะไรเหรอ ถ้าจะพูดว่าต้องการแค่หัวใจคงน้ำเน่าไปหน่อย ผมชอบปอ อยากทำแบบนั้นกับปอ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตปอ รู้จักปอทุกอย่างและสำคัญกับปอที่สุดควรพูดออกมาว่ายังไง
“ถ้าปอเรื่องมาก ปอน่ารำคาญ ปอไม่เหมือนคนที่พี่ธันผ่านมา พี่ธันจะคิดเหมือนที่พี่กรณ์คิดไหมครับ”
“ไม่... ปอ... ปอสำคัญกับพี่มากนะ”
“พี่ธัน...” ผมไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรแล้ว หน้าบ้านก็หน้าบ้านวะ ใครจะเห็นก็ไม่เป็นไร พ่อตาจะเอาลูกโม่มายิงผมไหมนั่นอีกเรื่อง ตอนนี้ผมอยากกอดปอไว้ ไม่ต้องรอให้คิดซ้ำ ผมกอดคุณหมอตัวเล็กไว้ทั้งตัว หมอปอจมอยู่ในอกผม ไม่ต้องฟังที่ใครพูด ไม่ต้องโกรธโมโหใครทั้งนั้น แขนทั้งสองข้างผมจะปกป้องปอจากทุกอย่าง เหมือนตุ๊กตาหมีที่พร้อมจะสู้กับฝันร้ายเวลาเด็ก ๆ หลับ
ผมเคยคิดว่ามันเหมือนกับพี่ชายที่เห่อน้อง แต่สิ่งที่แทรกซึมขึ้นมานอกเหนือจากความเอ็นดูที่ทวีความรุนแรงทุกจังหวะทำให้รู้ว่ามันคืออะไร ปออาจจะเกลียดผมที่คิดสกปรกแบบนี้ แต่ตัณหาพวกนั้นก็คือส่วนหนึ่งของความรัก
รักจนอยากจะใกล้ให้มากกว่าใคร
“...อย่าเพิ่งเบื่อปอนะ พี่ธัน” เสียงทุ้มสั่น และเว้าวอน
“พี่ไม่เบื่อหรอก คิดว่าพี่จะเปลี่ยนใจหรือไง”
ปอพยักหน้าชิดอก รอมานานขนาดนี้ถ้ารอต่อไปเรื่อย ๆ จะเป็นไรไป ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เป็นคนมีเหตุผลและจริงจังกับชีวิตแล้ว ถึงจะเห็นเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ไม่ทำอะไรจริงจังสักอย่างแต่ผมก็โตพอที่จะดูแลใครได้แล้ว ขาดก็แต่คนให้ดูแลที่จะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่านี่แหละ ตำแหน่งนี้จองรอไว้แล้วด้วย ใครที่จะอยู่บ้านอาม่าผมด้วยกันได้ ใครที่จะเลี้ยงหมาทั้งฝูง ใครที่จะเอาขนมมาแบ่งบ่อย ๆ
ถ้าไม่ใช่ปอก็ไม่รู้จะเป็นใครแล้ว อย่างนี้จะเบื่อได้ยังไงกัน
กลิ่นสบู่ลอยฟุ้ง ปออาบน้ำแล้ว ใส่ชุดนอนแขนสั้น ผมกวาดตามองไปบนผิว มีรอยแดงประปรายเพราะโดนยุงกัด
“ไปบ้านพี่เถอะ”
ปอส่ายหน้า แต่ผมก็ลากออกนอกประตูรั้วบ้านมันมาฝั่งบ้านตัวเองจนได้ ไอ้กรณ์นั่งจิบไวน์คุยกับมี่อยู่พอเห็นผมพาเด็กข้างบ้านเข้ามาก็ทำหน้าย่นไม่พอใจ ส่วนมี่ยิ้มพราวดีใจใหญ่เพราะชอบที่ปอน่ารัก
“ใส่ชุดนอนแล้วน่ารักกว่าปกติอีกค่ะน้องปอ”
ปอยิ้มแกน ๆ ให้มี่แล้วปรายหางตามองกรณ์ เพื่อนผมเปลี่ยนสีหน้าเป็นยกยิ้มหน่อย ๆ แล้วเลี่ยงออกไปเข้าห้องน้ำ “เดี๋ยวกลับกันกี่โมงน่ะมี่ ดึกแล้ว” ผมถาม ผู้หญิงคนเดียวในบ้านเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาแล้วตอบ “เดี๋ยวรอกรณ์กลับมาแล้วกัน น้องปอทานพิซซ่าไหมคะ”
“ดึกแล้ว ไม่ต้องกินหรอก เอาไปแช่ตู้เย็นก่อนแล้วกันจะกินค่อยกินพรุ่งนี้เช้า”
ผมหันไปบอกปอแล้วไล่ให้เอาพิซซ่าไปเก็บในครัว เผลอเป็นไม่ได้เลยไอ้เด็กเวรนี่ เมื่อกี๊ทำเป็นกลัวผมเบื่อ กลัวผมเปลี่ยนใจ เห็นนมมี่หน่อยก็เหลือบมองอีกแล้ว พอเหลือกันแต่ผมกับมี่เราก็ช่วยกันเก็บขยะใส่ถุง
“เดี๋ยวเราขับรถกรณ์ไปส่งมันที่บ้าน แล้วมี่ขับรถเราตามไปรับอีกคันแล้วกัน ไม่อยากปล่อยให้มันขับเองเลย”
ผมบอก มี่พยักหน้ารับรู้ ผมให้ใครแตะออดี้สีเหลืองสดของตัวเองไม่บ่อย แต่ให้ผู้หญิงขับฟอร์จูนเนอร์แม่งก็ฮาร์ดคอร์ไป เดี๋ยวให้หมอปอนั่งไปเป็นเพื่อน ช่วยกันดูรถผมแล้วกัน “ขอโทษนะที่มากวน มี่บอกไม่เป็นไรแท้ ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก กรณ์มันแค่อยากช่วยมี่”
ผมพูดเสียงเรียบ มี่พยักหน้าเข้าใจ “มี่ถามอะไรอย่างสิธัน”
ผมรับคำให้อีกฝ่ายพูดต่อ “ธันกับน้องหมอปอนี่ยังไงกันเหรอ... มี่เจอธันทีไรอยู่กับน้องทุกทีเลย”
“จะให้พูดยังไงดีล่ะ” ผมบอกยิ้ม ๆ แนะนำว่าแฟนก็ไม่ได้ อีกฝ่ายยังไม่โอเคด้วย “กำลังตามจีบอยู่”
“คนอย่างธันก็มีโมเม้นต์นี้กับเขาด้วยเหรอ แปลกแฮะ” ผมอมยิ้มนิด ๆ มี่มีสีหน้าผิดหวังแต่ก็ไม่ได้เศร้าโศกอะไร “ขอโทษนะ ที่ต้องพูดวันนี้ วันเกิดมี่แท้ ๆ”
“ไม่เป็นไร เราอยากรู้เอง ขอบคุณที่ไม่โกหกให้ความหวังเรา กรณ์บอกว่าธันยังไม่มีใครน่ะ”
“ก็ยังไม่เรียกว่ามี แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีเสียเลย” มี่พยักหน้าเข้าใจ ผมก็แค่รอให้ทุกอย่างอยู่ในที่ในทางที่เหมาะสม รอให้ได้ยินคำว่ารักจากปากปอ รอที่จะมั่นใจให้มากกว่านี้ว่าผมไม่ได้คิดไปเองว่าปอก็มีใจให้ผมในแง่นั้น
“น้องหล่อดีนะ ดูไม่ออกเลยนะว่าเป็น”
ไม่ได้เป็นหรอก แต่ผมนี่แหละจะทำให้เป็นเอง ผมก็คงเหมือนมี่ อยากจะลองสักตั้ง ถึงแม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบแบบเราแต่ก็ไม่ยอมหมดหวังง่าย ๆ “ธันดูรักน้องปอมากเลยเนอะ”
ผมไม่ปฏิเสธ ไม่รู้เหมือนกันว่ารักอีกฝ่ายขนาดนี้มากแค่ไหน มี่ยื่นมือมาจับผม หลบสายตาไม่ยอมมอง “เราอยากให้น้องเขารักธัน รักให้มากกว่าที่เรารัก”
เสียงนั้นเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน มี่ร้องไห้ อาจเป็นเพราะมีแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดถึงอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ ผมวางมือทับอีกทีก่อนผละมาหยิบทิชชู่ให้ สักพักปอก็กลับเข้ามา เห็นมี่ร้องไห้แล้วก็มองผมดุ
“ทำอะไรพี่มี่” หมอหมาพูดแบบไม่มีเสียง ผมแบมือทั้งสองข้างบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แค่บอกว่ารักปอก็ร้องไห้เอง แมนโคตร ๆ ไม่นานหลังจากนั้นไอ้กรณ์ก็กลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกคน ผมช่วยประคองมันเดินกลับไปที่ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ส่งกุญแจลูกรักของตัวเองให้มี่เป็นคนถือแล้วบังคับให้ปอนั่งไปด้วยอีกคน
ขากลับหลังจากส่งไอ้กรณ์ถึงบ้านแล้วเราสามคนก็นั่งบนรถคันเดียวกัน มี่ไปนั่งข้างหลัง ไม่พูดไม่จา มองออกไปนอกกระจก ส่วนผมกับปอก็เงียบแข่งกัน หลังจากเสร็จภารกิจหมอถึงหันมาคาดคั้นกับผมต่อ
“สรุปทำอะไรครับ”
“ไม่ได้ทำอะไรเลย” พูดจริงก็ไม่เชื่อ ตัวเล็กถอนหายใจยาวเหยียดโกรธ ๆ “วันเกิดพี่มี่ ทำไมทำให้พี่มี่เสียใจ”
“เดี๋ยวเฮ้ย นี่เป็นนางเอกละครหรือไง จะยกพี่ให้มี่เพราะเป็นวันเกิดมี่เหรอ”
“นั่นไง พี่ธันทำอะไรพี่มี่จริง ๆ ด้วย” เวรละ บางทีผมก็ตามมุกมันไม่ทันครับ ไอ้หมอหมาเนี่ย ผมหัวเราะในลำคอ จับมือมันมากุมไว้ แสบนักนะ
“ก็แค่บอกว่าจีบปออยู่”
“เฮ้ย! พูดจริงอะ”
ผมไหวไหล่ แอบมองปอในกระจก แก้มสีซีดกลายเป็นสีชมพูอ่อน ๆ น่ารักว่ะ
“เมื่อไรจะจีบติดก็ไม่รู้”
“รอไปเหอะ”
“ให้ฉันรอแล้วได้อะไร–”
“อยากได้อะไรล่ะ” ถามแบบนี้อีกแล้ว จะให้พูดจริง ๆ ใช่ไหม “อยากได้ทุกอย่างของปอ ให้พี่ได้ไหมล่ะ”
ผมพูดพลางเลี้ยวรถไปด้วย กำลังออกจากซอยเลยไม่ได้หันไปดูว่าอีกฝายทำหน้ายังไง ปอเงียบไป ไม่พูดอะไรต่อ ผมเองก็ไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไง ไม่รู้ว่าหมอมันอยู่ในอารมณ์ไหน ไปคอมเมดี้ใส่เดี๋ยวโดนไซส์คิกแล้วจะเงิบ เฮ้อ... แปลกดีว่ะ ทำไมกับปอผมถึงได้คิดนั่นคิดนี่เยอะขนาดนี้ก็ไม่รู้ รักจะแย่อยู่แล้ว เห็นใจกันบ้างไหมเนี่ย
“กลับบ้านไปก็ล้างหน้าล้างตา ล้างเท้าสักหน่อยก่อนเข้านอนนะ พรุ่งนี้เอาแกงเขียวหวานมาให้ด้วย”
หมอปอพยักหน้า ผมตีไฟที่ประตูหน้าบ้านหลังติดกัน ไม่ชวนปอไปค้างด้วยเพราะยังต้องจัดการกับจานชามต่อ อยากให้ปอนอนพักเลยดีกว่า หมอหมาไม่ว่าอะไร ปลดเบลท์แต่นั่งนิ่งอยู่บนเบาะสักพัก
“พี่ธันครับ”
“หืม”
ผมทันหันเพียงเสี้ยวหน้า ก็สัมผัสได้ถึงผิวเนื้อหยุ่นนุ่มบนริมฝีปาก แขนเล็กยกขึ้นคล้องคอแล้วบดเบียดร่างกายตัวเองข้ามฝั่งมาแนบชิด ผมชะงักได้เพียงครู่เดียวก็ขยับกลีบปากดูดดึงอีกฝ่ายเข้าหา เบียดเสียดจนฟันกระทบฟัน ยกมือขั้นซ้อนที่ท้ายทอย โถมตัวกลับไปจูบอีกฝ่ายคืน กลิ่นแป้งเด็กกับสบู่เหลวยังลอยออกมา ผมย้ำจมูกลงไปข้างแก้มขณะที่ปากไม่ได้ผละไปไหน ปอเป็นคนจูบเป็น จูบด้วยแล้วมันปากไม่อยากหยุด หัวใจผมเต้นแรงแต่คงน้อยกว่าคนตัวเล้กที่ไม่กร้านโลกนัก นานนับนาที ผมขบกัดอีกฝ่ายให้สมกับที่อยากจนหนำใจแล้วค่อยผละออก แต่ต่อให้เคยจูบมากี่สนามถ้าเจอผมจัดหนักแบบนี้ก็หอบตัวโยนกันทั้งนั้น ตอนนี้หมอปอเลยได้แต่นั่งหน้าแดงใช้หลังมือเช็ดน้ำลายไปหอบแฮกไป
ไม่ได้ตั้งใจจะรังแกนะ แต่เด็กมันยั่ว ก็เห็นกันอยู่
“ไอ้พี่ธัน! อดอยากมาจากไหนวะ”
“เอ้า ก็กระโจนมาจูบพี่เองไม่ใช่เหรอ”
“ไม่คุยด้วยละ เข้าบ้านดีกว่า” ปอเปิดประตูลงไปเลย อ้าวเฮ้ย ไม่ไปต่อกันสักหน่อยเหรอ ผมลดกระจกลง หมอหมายังยืนหน้าแดงอยู่อย่างนั้น คืนนี้มือพ่อนอกจากถูจานถูชามแล้วคงต้องถูอย่างอื่นด้วย ขอมองหน้ากันชัด ๆ หน่อยปอ จะเอาไว้จินตนาการตอนถึง
“วันนี้ให้ได้แค่นี้ อย่างอื่นก็รอไปก่อนแล้วกัน”
ผมผุดยิ้ม พี่ดูขี้เบื่อขนาดนั้นเลยเหรอวะถึงต้องลงทุนมัดใจกันขนาดนี้ พี่ไม่ไปไหนหรอกปอ เป็นของตายตั้งแต่แรก ทำแบบนี้อยากเห็นพี่ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าใช่ไหม ใจร้ายไปนะ
“อืม... รู้แล้ว รอได้น่า ไม่ต้องห่วง” ผมบอก ขยิบตาให้อีกที “nice night นะ”
”ครับ you too” เด็กหนุ่มข้างบ้านไม่ขยิบตากลับ เดินไปไขรั้วเข้าบ้านเฉย พอแล้วล่ะ ไม่ต้องทำอะไรมากกว่านี้ แค่นี้คนแก่ก็จะหัวใจวายตายแล้วครับหมอปอ
วันฉัตรมงคล ควรเขียนอะไรมงคล ๆ ป้ะ แอร๊
รอบนี้พี่ธันรอได้หมอปอเลยให้รอไป งดหื่น เดี๋ยวเสียภาพพจน์พระเอกหมด ตั้งแต่เคยเขียนนิยายมาอีพี่ธันนี่ชิว + เลว + ไม่มีลุคพระเอกสุดแล้ว ดูบ้าน ๆ มาก
กราบขอประทานอภัยที่รอบนี้มาเลทำแสามวัน ด้วยเหตุผลนานัปการณ์ แต่ขี้เกียจหยิบมาอ้าง 5555555555
เจอกันใหม่เดือนหน้า แหม่ วันสำคัญมันเยอะจนไม่รู้จะเลือกเอาวันไหนมาต่อเลย ครั้นจะเขียนทั้งหมดก็ไม่ไหว เดี๋ยวเดือนเดียวหมอปอเสร็จโจรกันพอดี
อย่ากระนั้นเลย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และทุกคอมเมนต์ค่ะ อยากให้มีความสุขกับการอ่านนะฮ้าาาา