ตอนที่ 17
การทานอาหารในวันนี้มีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้นกับผมหลายเรื่อง ซึ่งก็มักจะมาจากเฮียยอร์คเป็นคนสร้างความเฮฮาเป็นส่วนใหญ่ นายยอร์ชคอยตักโน่นตักนี่ให้ผมอยู่ข้างๆ สลับกับอ้าปากให้ผมป้อนอาหารให้โดยไม่คิดจะเกรงกลัวสายตาอาฆาตของภีมที่ส่งมาให้ไม่ได้ขาด เฮียยอร์คที่ลากภีมไปนั่งข้างๆ ในฝั่งตรงข้ามได้สำเร็จดูเหมือนจะรู้หน้าที่ของน้องที่ดี ทุกครั้งที่ภีมอ้าปากจะหาเรื่องนายยอร์ชก็มักจะมีช้อนจากคนข้างๆ ที่ตักกับข้าวจนพูนยัดเข้าปากในทันที หลังจากนั้นการปะทะคารมระหว่างสองคนนี้ก็จะตามมา ซึ่งแน่นอนว่าคนที่อารมณ์ฉุนเฉียวดูจะมีภีมเพียงคนเดียว ส่วนคนหาเรื่องก็หัวเราะตอบได้ทุกครั้งไป!
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอแล้วกันนะภาม”นายยอร์ชบอกผมหลังจากทานอาหารเสร็จซึ่งผมก็เห็นดีด้วยเพราะตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว ไม่อยากเสี่ยงอันตรายเดินกลับหอกับภีมแค่สองคน หันไปหาภีมยังไม่ทันจะได้ถามก็เห็นพี่ชายตัวดีคว้าแขนเฮียยอร์คเดินไปที่รถเงียบๆ คนโดนลากหันมามองผมที่งงไม้แพ้กัน แต่ก็ยอมเดินตามไปโดยดี
นายยอร์ชหันมามองหน้าถามคำถามเดียวกับที่ผมสงสัย แต่ผมก็ทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเขาไปที่รถ
“นั่นแน่! ยอมเปิดทางให้เฮียแล้วหล่ะสิ!”เฮียยอร์คที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังชะโงกหน้าเข้าไปก่อกวนภีมที่นั่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถ ไม่มีการคัดค้าน ไม่มีการโวยวายอะไรทั้งสิ้น เงียบจนแม้แต่ผมก็ยังประหลาดใจ
“ยังโว้ย! ยอมตอนนี้มันง่ายไป”ภีมหันไปขู่แฮ่ๆ ใส่เฮียยอร์คที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวแม้แต่น้อย ยังคงทำหน้าระรื่น มือก็ล้วงแคะแกะเกาเป็นอันให้ภีมได้รำคาญ
“ยอมรับมาเถอะน่า ไม่เสียฟอร์มหรอกแป๊ะ เปิดทางให้คนรักกันได้บุญนะ เผื่อมึงจะได้เจอคนรักกับเค้าบ้าง”
“เงียบไปเลยไอ้ตี๋!”ภีมหันไปดุคนที่ทำตัวเป็นปลาหมึกอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจจากเฮียร์ยอร์คนิดหน่อยแต่ก็ไม่เถียงอะไรกลับ
ผมเงยหน้ามองกระจกส่องหลังก็เห็นว่ามือที่แกล้งล้วงนั่นล้วงนี่ภีมอยู่โดนหยุดไว้ด้วยมือที่ใหญ่กว่าของภีม ภีมกุมมือเฮียยอร์คเอาไว้เงียบๆ โดยที่ไม่ได้ว่าอะไร
“แป๊ะๆ”เฮียยอร์คทำลายความเงียบขึ้นมาหลังจากทั้งสองคนเลิกรบรากันไปชั่วครู่
“อะไร”ภีมภามรำคาญๆ แต่ไม่ได้หันหน้าไปมอง
“ปล่อยมือกูได้แล้ว มือมึงมีแต่เหงื่ออะ สกปรก”สิ้นเสียงของเฮียยอร์ค เสียงอุทานเบาๆ ของภีมก็ตามมาพร้อมกับเสียงบ่น
“กูออกจะสะอาด!”
“เออ! สะอาดม๊ากกกกกก”เฮียยอร์คพูดขำๆ
“กวนนักไอ้ตี๋ เดี๋ยวเหอะมึง!”ภีมหันไปคาดโทษเฮียยอร์คที่ตอนนี้นั่งหัวเราะไม่ยอมหยุด
“เฮอะ!”นี่คือเสียงสุดท้ายที่เกิดขึ้นในระหว่างทางกลับหอ ภีมหันหน้าหนีมองออกไปที่กระจกรถด้านข้าง ไม่หันมาต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเฮียยอร์คอีก รู้จักสงบเป็นกับเค้าด้วยนะเนี่ยพี่ชายเรา!
สองสามวันหลังจากนั้น “เรา” ซึ่งประกอบไปด้วยผม ภีม ยอร์ชและเฮียยอร์คก็มีอันต้องได้ไปไหนต่อไหนด้วยกันตลอด และแน่นอนว่านายยอร์ชจะต้องเข้ามาคลอเคลียผมอยู่ไม่ห่างทุกครั้งที่ไปไหนด้วยกัน หลังจากนั้นก็จะตามติดมาด้วยภีมที่กระโดดงับนายยอร์ชไม่ยอมปล่อยและปิดท้ายด้วยเฮียยอร์คน้องชายผู้แสนดีที่จะคอยทำหน้าที่รวบตัวหมาบ้าทุกครั้งอย่างเป็นวงจร จึงไม่แปลกเลยที่สองสามวันมานี้ภาพแบบนี้จะเป็นสิ่งที่ผมเห็นจนชินตาไปแล้ว..
งานเลี้ยงอำลาระหว่างผมและพี่ๆ กลุ่มนายยอร์ชถูกจัดขึ้นในวันพุธ นายยอร์ช พี่ป้อง พี่พัท พี่โจมากันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่วงติดมาด้วยอ๋องซึ่งเป็นน้องรหัสนายยอร์ช ผมและผู้ติดตาม....ภีม!
การกินข้าวในมือนี้แม้จะถูกสร้างบรรยากาศให้ดูสนุกสนาน แต่ลึกๆ แล้วทุกคนบนโต๊ะก็รู้สึกดีว่าการจากลาที่จะต้องมาถึงในอีกไม่ช้านั้นได้กระตุ้นให้ความเศร้าเกิดขึ้นอยากไม่มีทางหลีกเลี่ยง ภีมที่ดูจะพยายามกีดกันพี่ๆ ทุกคนบนโต๊ะให้ออกห่างจากผมก็เหมือนจะจับความรู้สึกนี้ได้ เขาถอนหายใจอย่างคนยอมแพ้และเข้าร่วมวงสนทนาด้วยดีอย่างที่ดูแล้วผิดปกติ
“ต่อไปภามคงเหงาแย่...พอรู้ว่าที่นี่จะไม่มีพวกพี่อยู่ด้วยแล้วมันทำให้รู้สึกแปลกๆ ...”ผมพูดเศร้าๆ ซึ่งพี่ๆ ทุกคนบนโต๊ะรวมทั้งอ๋องก็ทำหน้าเศร้าไม่แพ้กัน
“แล้วที่ชมรมอีก...”ผมหันไปมองหน้าพี่ป้อง น้ำตาเริ่มคลอหน่วย...พี่ป้อง...พี่ชายที่แสนดี ผมยังจำวันแรกที่เข้ามาในชมรมนี้ได้ดี
...........
....................
.......................
..........
......
....
..
.
ในวันนั้นเป็นการประชุมครั้งแรกของผมในชมรมรถฟอร์มูล่าวัน รุ่นพี่ฝ่ายคณะผมพาพวกเราเดินฝ่าฝนที่ตกพรำๆ เพื่อมาลองประชุมชิมลางดูเป็นครั้งแรก โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่วันนั้นฝนสาดจนแว่นตาที่ผมใส่มาถูกน้ำเกาะพราวจนมองอะไรไม่ถนัด ผมที่มองอะไรไม่ค่อยชัดเดินรั้งท้ายและชนกับกองอุปกรณ์ในช็อปรถจนล้มข้อเท้าแพลง...
“เจ็บมากไหมครับ?”ผู้ชายตัวสูงๆ ที่ไม่รู้ว่าปราดเข้ามานั่งจับข้อเท้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่เอ่ยถาม เขาจับข้อเท้าผมขยับเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“โอ๊ย!”ผมร้องเมื่อเขาขยับโดนจุดเจ็บ เห็นเขาสะดุ้งแล้วเอ่ยขอโทษ
“อ่า...พี่ขอโทษที พี่คิดว่าบางทีพี่อาจจะไม่เก่งเท่าหมอ...”เขาพูดยิ้มๆ ผมงงกับปฏิกิริยาของเขาจนไม่รู้จะพูดอะไรตอบ พิลึกคนจริง...
“...แต่พี่คิดว่าพี่น่าจะเก่งพอที่จะขับรถพาเราไปโรงพยาบาลได้”เขาฉีกยิ้มน่ารักที่คิดว่าสาวๆ เห็นเป็นต้องยอมให้ทุกราย แต่ผมก็มีสติพอที่จะปฏิเสธเขาด้วยความเกรงใจ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ...ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นอะไรมาก”
“หรือ? แต่พี่เห็นเราร้องโอ๊ยนะเมื่อกี้”รอยยิ้มอ่อนโยนระบายบนใบหน้าของเขาตลอดเวลา และโดยที่ไม่รอให้ผมพูดอะไรอีกผู้ชายคนนี้อุ้มผมขึ้นแล้วเดินไปยังรถซีดานที่จอดอยู่ไม่ไกล
“อะไรกันน่ะ ภาม! เป็นอะไรหรือเปล่า?”พี่คณะผมที่เป็นคนพาพวกเรามาเข้าประชุมเห็นผมไม่เดินตามขึ้นไปเลยเดินลงมาถาม เธอดูมีสีหน้าตกใจจนผมลืมที่จะปฏิเสธการถูกอุ้มจากผู้ชายตัวสูงคนนี้
“ไม่เป็นอะไรหรอก...แค่ข้อเท้าเจ็บนิดหน่อย เดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาลเองนะครับ น้องไปเข้าประชุมเถอะ”เขาหันไปบอกแล้วยิ้มให้ พี่คณะผมไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่มองมาด้วยสายตาที่เป็นห่วง...
ไม่นานนักเขาก็พาผมมาถึงโรงพยาบาลและจัดการเรื่องทุกอย่างให้จนเสร็จเรียบร้อย แม้แต่เงินค่าตรวจก็ไม่ยอมให้ผมจ่ายเองด้วยเหตุผลที่ว่า “วันนี้ผมมาเข้าประชุม แสดงว่าเป็นน้องในชมรมของเขาแล้ว เขาต้องดูแลในฐานะพี่ที่ดี” ในวันนี้แม้ผมจะขาดการประชุมครั้งแรกของชมรม แต่ระหว่างทางที่เขาพาผมไปส่งที่หอเขาก็เล่ารายละเอียดของเรื่องที่จะประชุมในวันนี้ให้ผมฟังคร่าวๆ ไปด้วย
“คุยกันตั้งนานพี่ยังไม่รู้จักชื่อของเราเลย”เขาหันมาทำหน้ายิ้มๆ ในขณะที่รถกำลังจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนที่นำไปสู่หอใน
“เอ่อ...ภามครับ ภาม...สถาปัตย์ปีหนึ่ง”ผมตอบเขาเขินๆ อย่างคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ เขา
“พี่ชื่อป้องนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก....”รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันดูสว่างไสวและเด่นชัดในความทรงจำของผมมาจนถึงทุกวันนี้…
“เดี๋ยวพี่ก็แวะมาที่ชมรมบ่อยๆ ภามอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ...”พี่ป้องบอกแล้วยิ้ม...ยิ้มเหมือนกับวันนั้น ผมรู้สึกราวกับถูกผลักให้ตกจากที่สูง มันรู้สึกวูบไปเลยทีเดียวเมื่อคิดว่าผมจะต้องอยู่ห่างจากพี่ป้อง น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ไหลออกมาเป็นทางยาว พี่ป้องดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหลังเบาๆ ส่วนภีมในตอนนี้น้ำตาไหลตามผมไปเรียบร้อยแล้ว
“จะเสียใจไปทำไมในเมื่อยังไงพี่ ยอร์ช พัทแล้วก็โจก็จะยังเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม...ในเมื่อยังไงแล้วยอร์ชมันก็เคยพูดว่ามันจะไม่ปล่อยภามไป แล้วคิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกเลยเชียวหรือ?”พี่ป้องถามผมด้วยเสียงอ่อนโยน ใช่...นายยอร์ชเคยพูดแบบนั้น ถ้าหากนายยอร์ชไม่คิดจะเปลี่ยนคำพูดจริงๆ ผมก็ยังคงจะได้เจอพี่ชายที่ผมรักมากคนนี้อีกใช่ไหม? เสียงสะอื้นของผมเบาลงหลังจากที่พี่ป้องพูดจบ ผมเงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาชื้นๆ มองไปรอบโต๊ะก็เห็นพี่ป้องยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นายยอร์ชนั่งเกาหัวแกรกๆ ภีมนั่งร้องไห้เงียบๆ ส่วนอ๋อง พี่พัทและพี่โจก็นั่งทำหน้าเศร้าแบบที่ไม่เคยเห็น
“ส่งมือถือมาสิภาม...”พี่ป้องบอกยิ้มๆ แล้วแบมือตรงหน้าผม ถึงแม้จะงงๆ อยู่บ้างในสิ่งที่พี่ป้องทำแต่ผมก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้แต่โดยดี พี่ป้องนั่งกดอะไรอยู่สักพักแล้วก็ส่งมือถือต่อไปให้พี่โจและพี่โจก็ทำแบบเดียวกันก่อนที่จะส่งต่อไปให้พี่พัท เมื่อมือถือเครื่องนั้นวนกลับมาที่ผมอีกครั้งสิ่งที่ผมเห็นบนหน้าจอก็ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างหยุดไม่อยู่
บนหน้าจอนั้น....มีเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของพี่ป้อง พี่โจและพี่พัทอยู่ครบทุกคน... ในบรรทัดล่างสุด...มีข้อความสั้นๆ เขียนไว้ว่า “คิดถึงก็ไปหา...”ผมเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทุกคนทั้งน้ำตา ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่จะไม่มีวันเลิกรา และงานเลี้ยงนี้ก็คงถึงเวลาเลิกแล้วจริงๆ...
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาในเช้าของวันพฤหัสบดี มองไปรอบห้องก็ไม่พบเจอภีมแต่อย่างใด หันไปมองนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงตอนนี้บอกเวลาสิบโมงแล้ว ภีมหายไปไหนกันนะ? เมื่อตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าภีมไม่ได้อยู่ในห้องน้ำผมจึงหยิบมือถือบนเตียงเพื่อที่จะโทรภามว่าภีมอยู่ที่ไหน แต่ปรากฏว่าเสียงเรียกเข้าคุ้นหูดังขึ้นมาจากมุมห้องอีกฝั่งหนึ่ง แน่นอนว่ามือถือของภีมถูกลืมไว้ตรงนั้น... ผมส่ายหน้าเบาๆ กับความขี้ลืมของพี่ชาย ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็คงต้องรออย่างเดียวหล่ะนะ... คิดได้ดังนั้นผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อรอภีมกลับมา หลังจากนั่งเช็ดผมที่กำลังเปียกไปดูทีวีไปได้ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก ภีมเดินถือถุงสองสามใบในมือเข้ามา หน้าตาดูเรียบเฉย ไม่ยิ้มและกระโจนเข้ามาหาผมเหมือนทุกครั้ง เขาวางถุงทั้งหมดลงบนโต๊ะทีวีแล้วมานั่งจ่อหน้าพัดลมทำหน้าเครียดๆ
“พี่ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝาก เมื่อเช้าเห็นภามยังไม่ตื่นเลยไม่อยากปลุก”ภีมว่า
“อ๋อ อืม...”ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้ ขยับตัวไปข้างๆ ภีมที่มาบังพัดลมที่ผมกำลังเป่าผมอยู่เสียมิด
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ภีมดูแปลกๆ นะ”ผมชะโงกหน้าเข้าไปหาภีมแล้วถามยิ้มๆ
“...เปล่า..อากาศข้างนอกมันร้อนน่ะ”ภีมหันหน้าหนีไปทางอื่น ผมที่รู้สึกแปลกๆ กับท่าทีนั้นทำได้เพียงขมวดคิ้ว
“อ้อ! พี่ซื้อน้ำเต้าหู้ของโปรดภามมาให้ด้วยแน่ะ มีปาท่องโก๋ด้วยนะ”อยู่ๆ ภีมก็โพล่งขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบไปสักพัก น้ำเสียงดูร่าเริงขึ้น แต่ว่าผมจับน้ำเสียงนั้นได้ มันแค่ถูกพยายามปั้นแต่งให้ดูเหมือนว่าอารมณ์ดีเท่านั้น
“ภีม....”ผมที่ในตอนนี้นอนดูทีวีอยู่บนเตียงแล้ววางรีโมตลงแล้วหันมาเรียกภีมอย่างขอคำอธิบาย ปกติภีมไม่ใช่คนที่เงียบแบบนี้ แล้วยิ่งอยู่ใกล้ๆ ผมเมื่อไหร่เมื่อนั้นแหละภีมจะกลายร่างเป็นหงอคงทันที ไม่ว่าใครก็กำราบความเฮี้ยวของภีมไม่อยู่
ภีมไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วลุกจากเก้าอี้ขึ้นมานั่งกับผมบนเตียง เขาเข้ามานั่งซ้อนข้างหลังแล้วดึงผมเข้าไปกอดแล้วโยกตัวไปมา
“....พี่รักภามนะ”ภีมว่าเสียงเครือๆ
“อืม...เค้ารู้...”ผมรู้สึกได้ถึงแรงกอดที่แน่นขึ้น ภีมรัดผมจนเข้าไปประชิดกับแผ่นอกเรียบๆ ของเขา
“พี่รักภามจริงๆ นะ ไม่ว่าหลายๆ คนบนโลกนี้จะสร้างความทุกข์ให้ภาม แต่พี่อยากให้รู้ว่าพี่จะคอยสร้างความสุขให้ภามเสมอไม่ว่าภามจะอยู่ที่ไหน...”จากสัมผัสที่แผ่นหลังทำให้ผมรับรู้ได้ว่าตอนนี้ภีมเริ่มตัวสั่นแล้ว
“............ภีม...พูดมาเถอะ....”ผมกล่าวด้วยเสียงเบาหวิว มันเรื่องอะไรกันที่ทำให้ภีมพูดแบบนี้ออกมา? มันมีผลกระทบกับเราสองคนมากมายขนาดที่ภีมเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้เชียวหรือ?
“..........พร้อมหรือยัง?”ภีมถามเบาๆ หลังจากที่เราเงียบกันไปครู่หนึ่ง
“...อืม...”ผมตอบรับในลำคอ สูดลมหายใจเข้าปอดรอรับกับสิ่งที่กำลังจะได้ยิน
“คือ...เมื่อกี้ที่พี่ออกไปหาอะไรมาให้ภามกิน พี่กลัวว่าภามกินโรงอาหารตรงนี้จะเบื่อเลยเดินเลยไปถึงซอยหลังวิดวะ...”ภีมเริ่มเล่า
“พี่เข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวแต่คิวค่อนข้างเยอะเลยต้องนั่งรอ...”ภีมเล่าถึงแค่ตรงนี้ก็เงียบอีกครั้ง อาการสั่นเริ่มกลับมา
“แล้วยังไงต่อ...ภีม...”ผมเรียกสติของพี่ชาย
“.....คือ....”ภีมอึกอักก่อนจะพูดต่อ
“ระหว่างที่พี่นั่งรออยู่หูก็ได้ยินคนที่นั่งอยู่ร้านข้าวติดกันคุยกัน...”
“เขาว่าอะไร?”ผมถามนิ่งๆ ไม่อยากทำตื่นเต้นให้ภีมไม่สบายใจ
“......ภาม.............คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับพี่คือไอ้ยอร์ชกับเพื่อนของมัน!”ภีมพูดด้วยเสียงที่โกรธแค้น ยอร์ชหรือ?เขาทำอะไร?
“....ยอร์ชมันกำลังจะหมั้นแล้วนะภาม มันกำลังจะหมั้นในเร็วๆ นี้ คิดว่าไม่เกินเดือนหน้า....”ภีมพูดอีกครั้งหลังจากที่เห็นผมนิ่งไป หยดน้ำร้อนๆ ของคนที่กอดผมไว้หล่นลงมากระทบกับไหล่ คำบอกกล่าวของภีมทำให้ผมนิ่งไปครู่ใหญ่เพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน
To be continued
________________________________
อะไรค้างๆ .... ใครค้าง ไม่มี๊!!!~ ฮ่าๆๆๆๆ
ใครคิดเหมือนกันบ้างว่าตอนภามเจอพี่ป้องครั้งแรกยังกะพรหมลิขิตแน่ะ น่าจะเปลี่ยนคู่เนอะ ฮาๆๆๆ
อ่า ไม่ชักจูงคนอ่านดีกว่า ไปละ เหนื่อยๆๆๆ
ขอบคุณทุกเม้นจ้า