ด้านข้างท้ายลำเรือมีบันไดยาวสำหรับปีนขึ้นปีนลงอยู่ เลยสามารถปีนขึ้นปีนลงจากเรือได้แม้จะอยู่ในน้ำ แต่หงคงฉ่วยไม่ได้ลงน้ำทางบันได เขาพุ่งหลาวลงไปจากกราบเรือด้วยท่วงท่าอย่างกับนักกายกรรม ลู่อี้เผิงเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงเดินไปที่กราบเรือแล้วตะโกนลงไป
“นี่คุณปู่ ที่นี่ไม่ใช่ลานกายกรรมนะ ไม่ต้องโชว์กระโดดน้ำผาดโผนแบบนี้ก็ได้”
หงคงฉ่วยที่เพิ่งโผล่หน้าขึ้นมาจากน้ำทะเลสีเขียวครามใสระยับ ยิ้มให้กับคำทักนั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “เสี่ยวเผิงเผิงไม่ต้องเลียนแบบก๋งก๋งนะ หาเชือกหาเสื้อชูชีพใส่ให้ดี แล้วค่อยๆ ปีนบันไดลงมาเถอะ ก๋งก๋งกลัวเสี่ยวเผิงเผิงสำลักน้ำ เดี๋ยวลำบากต้องช่วยผายปอดอีก”
ลู่อี้เผิงขบกรามกรอด ก่อนจะพุ่งหลาวเข้าใส่หงคงฉ่วยทันที เสียงน้ำทะเลกระเซนซ่านดังให้ได้ยินชัดถนัดหู ทั้งคู่ปล้ำกันไปปล้ำกันมาในน้ำ ต่างคนต่างผลัดกันขึ้นมาหายใจคนละเฮือกสองเฮือก สุดท้าย หงคงฉ่วยก็ว่ายหนีไปอีกด้านหนึ่งของเรือ
ลู่อี้เผิงว่ายตามไป และพุ่งเข้ารวบตัวฝ่ายนั้นไว้ หงคงฉ่วยหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็พยายามจะกดเขาให้จมน้ำ สองคนเลยปล้ำกันในน้ำอีกรอบ ลู่อี้เผิงรู้สึกตัวเองกินน้ำทะเลเข้าไปหลายอึก สุดท้ายเลยทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมา
“เค็มๆ ” หงคงฉ่วยที่ว่ายตามขึ้นมาทีหลังพูดพลางแลบลิ้นแล้วทำหน้ายู่ยี้ ลู่อี้เผิงที่กำลังสั่งน้ำออกทางจมูก เห็นแบบนั้นก็อดทักด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ “น้ำทะเลมันก็เค็มทั้งนั้นแหละ คุณอย่ามาทำตัวเป็นเด็กเล็กๆ ไปหน่อยเลย”
หงคงฉ่วยกลอกตามองเขาแล้วพูดตอบ “อ้อ ผู้ใหญ่ต้องกินน้ำทะเลทางจมูกแบบเผิงเผิงสินะ”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนพูด แล้วพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง หงคงฉ่วยหัวเราะร่วน จากนั้นก็ว่ายหนีไปอีกทาง ทั้งคู่ว่ายน้ำไล่กันอยู่พักหนึ่ง หงคงฉ่วยก็ว่ายไปเกาะบันไดเรือ แล้วพูดออกมา “พอล่ะเผิงเผิง ก๋งก๋งยอมแพ้แล้ว”
นายตำตรวจหนุ่มว่ายน้ำมาเกาะบันไดอีกฝั่งหนึ่ง พลางหอบหายใจ และเหลือบตามองคนตรงข้ามที่ดูจะไม่เหนื่อยอะไรเลย “นี่ คุณปู่ กินยาโด๊ปอะไรมาเนี่ย”
หงคงฉ่วยยิ้มที่มุมปาก แล้วขยับมาใกล้อีก “เผิงเผิงยอมไปอยู่กับคงฉ่วยก่อนสิ เดี๋ยวจะบอกให้ว่ากินยาอะไร”
ลู่อี้เผิงมองตอบอีกฝ่าย ก่อนจะพูดตอบไป “คุณยอมให้ผมจับก่อนสิ ผมอาจจะอยากอยู่กับคุณขึ้นมาก็ได้”
หงคงฉ่วยหัวเราะชอบใจ “เผิงเผิงจะย้ายมาอยู่กับคงฉ่วยในคุกหรือไง?”
ลู่อี้เผิงไม่ตอบ แต่ยื่นมือไปรวบตัวฝ่ายนั้นเข้ามา แล้วบดจูบลงไปบนริมฝีปากนั้น หงคงฉ่วยผงะตัวหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็ตะปบมืออีกข้างลงบนหัวไหล่ของเขา จูบกันได้สักพัก หงคงฉ่วยก็ผลักเขาออกเบาๆ ก่อนจะยึดตัวไต่บันไดขึ้นไป ลู่อี้เผิงพยายามฉวยปลายเท้าของทางนั้นไว้ แต่ก็ไม่ทัน จึงรีบปีนตามขึ้นไป
หงคงฉ่วยยังไม่ทันได้ขึ้นมาบนเรือดี ก็ถูกลู่อี้เผิงกระโจนใส่จากด้านหลัง ทั้งคู่กลิ้งหลุนๆ ไปบนกราบเรืออยู่พักหนึ่ง ก่อนที่นายตำรวจหนุ่มจะพลิกตัวขึ้นกดอีกฝ่ายได้เป็นครั้งแรก หงคงฉ่วยหัวเราะคิกคัก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากก็ถูกอีกฝ่ายปิดด้วยจูบเสียก่อน
แสงแดดตอนเที่ยงวันร้อนอยู่พอสมควร ท่าทางหงคงฉ่วยจะทนแสงแดดไม่ไหว เลยขยับตัว ผลักลู่อี้เผิงที่คร่อมอยู่ด้านบนจนกลิ้งขลุกๆ ไปด้วยกัน ระหว่างนั้นต่างคนต่างพยายามจะเอาชนะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ตอนที่กลิ้งไปจนชนกระติกน้ำแข็ง บังเอิญหงคงฉ่วยอยู่ด้านล่างพอดี
หน้าของลู่อี้เผิงกลายเป็นสีแดงจัด ขณะกำลังมองดูร่างเปลือยครึ่งท่อนใต้ร่างของตน นายตำรวจหนุ่มก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อน้ำแข็งก้อนหนึ่งแตะแก้มเขาเบาๆ มองลงไปอีกทีก็เห็นหงคงฉ่วยยิ้มที่มุมปาก ไม่รู้ยื่นมือไปหยิบน้ำแข็งออกมาจากกระติกตั้งแต่เมื่อไหร่
“อากาศร้อนนะเผิงเผิง น้ำแข็งหน่อยมั้ย” ฝ่ายที่นอนอยู่ว่า ลู่อี้เผิงไม่ตอบอะไร แต่ฉวยมือข้างที่ถือน้ำแข็งนั้นเอาไว้ แล้วอ้าปากเลียก้อนน้ำแข็งพร้อมกับนิ้วมือของอีกฝ่าย หงคงฉ่วยสูดหายใจเฮือก เมื่อลู่อี้เผิงใช้ลิ้นเลียท้องแขนของเขา ไล่มาจนถึงซอกคอ จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบน้ำแข็งในกระติก ลูบไล้ลงบนลำตัวของอีกฝ่ายบ้าง
หงคงฉ่วยสะดุ้งเฮือก ตะปบมือข้างที่ยังกำน้ำแข็งอยู่ลงบนแผ่นหลังกว้างนั้นทันที ก้อนน้ำแข็งละลายลงอย่างรวดเร็วทันทีที่สัมผัสเข้ากับผิวกายอุ่นจัดของทั้งสองฝ่าย ลูบไล้กันอยู่ได้พักหนึ่ง ลู่อี้เผิงจึงจับแขนทั้งสองข้างของหงคงฉ่วยรวบขึ้นไปบนศีรษะ แล้วบดจูบลงไปอีกครั้ง
ปลายลิ้นร้อนจัดเคล้ากันจนแทบไม่เหลือช่องว่าง ผิวกายเปลือยเปล่าที่เบียดเสียดกันร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ มือของลู่อี้เผิงเลื่อนต่ำลง ลูบไล้ไปตามแผ่นออก ปั้นเอวของอีกฝ่าย ขณะที่มือของหงคงฉ่วยตวัดขึ้นโอบไล่เขา แล้วขย้ำจนเจ็บจี๊ด
จูบร้อนเร่าจนแทบจะเรียกได้ว่ารุนแรง ต่างฝ่ายต่างดูดเม้มริมฝีปากของกันและกันอย่างกระหาย จนกลายเป็นสีแดงจัดและบวมเจ่อขึ้นมา ลู่อี้เผิงหอบหายใจเสียงหนัก ก่อนจะโอบร่างนั้นให้ยกขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แล้วดึงกางเกงขาสั้นตัวนั้นออก
“เผิงเผิง ถุงยางล่ะ?” หงคงฉ่วยถามออกมา หลังจากที่อีกฝ่ายเผยความอลังการออกมาตรงหน้า ลู่อี้เผิงมองหน้าเขาเหมือนไม่เข้าใจคำถาม แล้วบดจูบลงมาอีก เลยถูกตบแก้มเบาๆ ทีหนึ่ง
“ใส่ถุงยางด้วย สารวัตรลู่” อีกฝ่ายพูดเสียงเข้ม ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วยุ่ง พอเห็นอีกฝ่ายดูมีสีหน้าละล้าละลัง หงคงฉ่วยเลยถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา “จริงๆ น้า ไม่เตรียมตัวบ้างเลยหรือไง” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในเสื้อตัวนอกซึ่งพาดอยู่บนเก้าอี้นอนใกล้ๆ ลงมา หยิบถุงยางออกมาสองซอง โยนให้ลู่อี้เผิงซองหนึ่ง
“หยุดตอนนี้ยังทันนะ สารวัตร” หงคงฉ่วยพูดเสียงเย้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูจะอึ้งกับถุงยางที่ถูกโยนให้พอสมควร ลู่อี้เผิงขบริมฝีปากล่าง ก่อนจะคว้าเอวเขาเอาไว้
“เตรียมพร้อมจริงนะ คุณเนี่ย”
หงคงฉ่วยหัวเราะในคอ ขณะมองลู่อี้เผิงฉีกซองถุงยางนั้นออก แล้วสวมให้กับตัวเอง ความอลังการของมันทำเอาคนมองรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา ลู่อี้เผิงสวมถุงยางเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่นอนอยู่ แล้วแยกเขี้ยวถาม
“จะให้ช่วยใส่ถุงยางให้ด้วยไหม คุณปู่”
หงคงฉ่วยตีอกเขาเสียงดังเพี๊ยะ ก่อนจะฉีกซองถุงยางออก แล้วสวมให้ตัวเองบ้าง ยังสวมไม่ทันเสร็จ ก็ถูกลู่อี้เผิงจับยกสะโพกขึ้น ความโอฬารที่ดุนดันเข้ามาทำให้เขาถึงกับสูดปากด้วยความซ่านเสียว
เล้าโลมต่อไปอีกพัก ลู่อี้เผิงก็เริ่มเบียดความต้องการของเขาเข้าไป อย่างช้าๆ ช่องทางเล็กแคบนั้นดูดกลืนความโอฬารนั้นเข้าไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ นายตำรวจหนุ่มสูดหายใจเฮือก เมื่อเผชิญกับการตอดรัดอย่างรุนแรงในช่องทางนั้น
แสงแดดยังคงแผดกล้าอยู่เหนือลำเรือ ลู่อี้เผิงจับตัวหงคงฉ่วยให้ตะแคงข้าง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาพาดไหล่เอาไว้ แล้วกระทั้นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายครางเป็นห้วงๆ ขยับอย่างนั้นได้สักพัก ลู่อี้เผิงก็จับหงคงฉ่วยให้คว่ำหน้า และกระแทกกายเข้ามาอีก จากนั้นก็จับนอนหงาย แยกขาออกกว้าง แล้วกระแทกตัวเข้ามาเป็นจังหวะซ้ำๆ
หงคงฉ่วยครางเสียงต่ำในลำคอ ทำกันไปได้พักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงหอบหายใจของร่างที่อยู่ด้านบน
“เผิงเผิง ย้ายลงไปทำในเคบินกันเถอะ”
ลู่อี้เผิงขบริมฝีปาก แล้วกระแทกตัวแรงขึ้น หงคงฉ่วยครางออกมาอีกครั้งสองครั้ง จากนั้นก็ตวัดขารอบตัวเขา ก่อนจะตวัดตัวกลับมาขึ้นคร่อมร่างที่อยู่ด้านบน
ลู่อี้เผิงชะงักกึก ท่อนล่างยังคากันอยู่ แต่ตำแหน่งเปลี่ยนไปแล้ว หงคงฉ่วยยกมือขึ้นลูบหน้าเขา “พื้นมันร้อนนะ เผิงเผิงลองบ้างมั้ย?”
พูดจบก็เริ่มกระแทกตัวลงมา ลู่อี้เผิงจะอ้าปากพูดอะไรก็พูดไม่ออก ได้แต่สูดหายใจเฮือกๆ รู้สึกอยู่หรอกว่าพื้นมันร้อน แต่เวลาแบบนี้เจ้าหมอนี่ยังจะมีกะใจมาสนใจเรื่องแบบนี้อยู่อีกหรือนี่... เขามันไม่เอาอ่าวขนาดนั้นเลยหรือไง!
หงคงฉ่วยขย่มตัวไปได้สักพัก เหงื่อก็ไหลอาบใบหน้า หยดลงมาบนหน้าท้องกำยำของร่างที่นอนอยู่ ขยับต่อไปได้อีกพัก ร่างด้านบนก็เอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม คราวนี้ลู่อี้เผิงทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
“คงฉ่วย นี่ผมไม่ได้เรื่องขนาดนี้เลย?!”
หงคงฉ่วยเบิ่งตามองเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะพูดออกมา “เปล่า แต่มันร้อนนี่นา เผิงเผิงเองก็ดื่มน้ำก่อนสิ”
ลู่อี้เผิงดีดตัวขึ้นมา หงคงฉ่วยรีบคว้าแผ่นหลังนั้นเอาไว้ ส่วนที่เชื่อมประสานกันอยู่เลยยังไม่หลุดออกไป ลู่อี้เผิ่งหันไปคว้าน้ำมาดื่มอั่กๆ ก่อนจะโอบร่างนั้นไว้ แล้วลุกขึ้นทันที
หงคงฉ่วยตวัดแขนโอบรัดร่างนั้นเอาไว้ก พร้อมกับกระหวัดขารัดปั้นเอวแกร่งนั้น ก่อนจะครางออกมาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก้าวเดิน
“เคบินนะเผิงเผิง” หงคงฉ่วยกระซิบ ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะผลักร่างนั้นเข้ากับผนังด้านท้ายเรือก่อนจะถึงประตูเคบิน แล้วกระทั้นกายอย่างหนักหน่วง หงคงฉ่วยตะกายมือไปตามผนังไฟเบอร์กลาส แล้วครางเสียงสั่น
ตากแดดทำกันอยู่ตรงนั้นสักพัก ลู่อี้เผิงถึงยอมจะลงไปในเคบิน แต่ยังไม่ทันจะถึงเตียง เขาก็พาดร่างนั้นเข้ากับผนังอีกรอบ แล้วสาวกายเข้าออกเหมือนทนไม่ไหว หรือกำลังนึกโมโหอะไรสักอย่าง ระหว่างนั้นหงคงฉ่วยครางเสียงต่ำในลำคออยู่ตลอดเวลา
ยืนทำกันจนผนังเรือเปียกชุ่ม ลู่อี้เผิงถึงอุ้มหงคงฉ่วยไปที่เตียง สองร่างขยับตะโพกเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง เสียงครางกับเสียงหอบหายใจฟังดูสับสนไปหมด ลู่อี้เผิงกดมือของหงคงฉ่วยแนบลงกับเตียง บดริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากที่กำลังร้องครางอยู่
-------------------------------------------------
“เผิงเผิง ตื่นได้แล้ว”
ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงเรียกอีก “ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็กลับเข้าฝั่งไม่ทันหรอก”
คราวนี้นายตำรวจหนุ่มลืมตาขึ้นมาทันที นอกจากเพดานเคบินเรือที่บุลายไม้แล้ว เขาเห็นหงคงฉ่วยใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย นั่งยิ้มเผล่อยู่ข้างๆ
“ก๋งก๋งเข้าใจนะว่าเผิงเผิงเหนื่อย เล่นทำท่าพิสดารเสียขนาดนั้น แต่ฟ้าจะมืดแล้วนะ เผิงเผิงต้องไปเอาเรือกลับเข้าฝั่งก่อน”
แก้มของลู่อี้เผิงกลายเป็นสีแดงจัด ทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ร้อนแล้ว เขาหันไปถามหงคงฉ่วยอีกครั้ง “กี่โมงแล้ว”
“สี่โมง” ทางนั้นตอบ แล้วดึงหน้าเขาเข้าไปจูบเบาๆ “ที่เผิงเผิงทำตอนบ่ายเยี่ยมไปเลย เดี๋ยวกลับไปไปต่อกันอีกหน่อยสิ”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่ฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะผลักร่างนั้นออก แต่พอลุกขึ้นก็นึกได้ว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น พอหันกลับไปก็เห็นหงคงฉ่วยถืออะไรอยู่ในมือ
“กางเกงในใครเอ่ย?”
ลู่อี้เผิงคว้ากางเกงในของตัวเองกลับมา หน้าแดงจนแทบจะคล้ำ บ้าเอ๊ย! นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย ความต้องการช่วงล่างของผู้ชายนี่น่ากลัวจริงๆ นายตำรวจหนุ่มนึกสาปแช่งความหน้ามืดของตัวเอง ไม่อยากจะนึกย้อนเลยว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรลงไปบ้าง
อยากจะกระโดดทะเลตายจริงๆ !!
หงคงฉ่วยหัวเราะหึๆ พลางมองดูนายตำรวจหนุ่มรีบร้อนสวมเสื้อผ้า แล้วเดินงุดๆ กลับขึ้นไปด้านบน
-------------------------------------------------
ดวงตะวันคล้อยต่ำลงแล้ว โชคดีที่ยังพอมีลมพัดเอื่อยๆ ให้ชักใบเรือกลับเข้าฝั่งได้บ้าง ระหว่างที่ลู่อี้เผิงกำลังวุ่ยวายอยู่กับการชักใบเรือขึ้น หงคงฉ่วยก็เดินขึ้นมาจากเคบิล พร้อมกับกล้องถ่ายรูปในมือ
“เผิงเผิง ยิ้มหน่อยสิ” พูดพลางยกกล้องถ่ายรูปขึ้น ทำท่าอย่างกับช่างภาพ ลู่อี้เผิงเลยแยกเขี้ยวใส่ “นี่ ถ้าว่างมาเล่นอะไรแบบนี้ มาช่วยผมเอาเรือกลับฝั่งดีกว่านะ”
หงคงฉ่วยกดชัตเตอร์ดังแช๊ะ จากนั้นก็ลดกล้องลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ฉันเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ เสี่ยวเผิงเผิงยังจะใช้งานฉันอีกหรือ?”
ถ้ากระโดดลังกาหน้าหมุนตัวสามตลบแล้วสามารถถีบหงคงฉ่วยได้ ลู่อี้เผิงก็อยากจะทำเดี๋ยวนี้เลย ปัญหาคือถึงเขาจะทำแบบนั้นได้ ก็ใช่ว่าจะถีบเจ้าหมอนี่ได้เสียหน่อย ดีไม่ดีจะถูกลากไปเข้าคณะกายกรรมแทนน่ะสิ
ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่สักพัก ลู่อี้เผิงก็หันกลับไปสนใจไปเรือต่อ ปล่อยให้หงคงฉ่วยสนุกกับการยกกล้องขึ้นถ่ายนั่นถ่ายนี่ไปตามเรื่อง
สักราวๆ ห้าโมงกว่า เรือก็แล่นกลับมาจนเกือบจะถึงท่าเทียบ หงคงฉ่วยยังคงถ่ายรูปไม่หยุด จุดใหญ่ๆ ก็ดูจะถ่ายเขานี่แหละ แน่นอนว่าลู่อี้เผิงไม่ได้ทำหน้าดีๆ ใส่กล้องเลยสักรูป แต่พอเห็นเจ้านกยูงนี่ไม่ยอมหยุดถ่ายสักที นายตำรวจหนุ่มจึงอดถามขึ้นไม่ได้
“นี่ คุณหยุดถ่ายรูปสักทีเถอะ ถ่ายให้ตายก็ไม่ได้รูปดีๆ จากผมหรอกนะ”
หงคงฉ่วยมองเขา แล้วยกกล้องถ่ายอีกที ก่อนจะตอบยิ้มๆ “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเสี่ยวเผิงเผิงต้องไม่ทำหน้าแบบนี้ใส่กล้องใครแน่ๆ แบบนี้แหละดีแล้ว”
ลู่อี้เผิงถลึงตามองเขาครั้งหนึ่ง แล้วเบือนหน้าหนีทันที ก่อนจะรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
บ้าเอ๊ย!!
ลมทะเลพัดเอื่อยๆ ส่งเรือใบลำนั้นกลับเขาฝั่ง ลู่อี้เผิงยังคงยืนอยู่ที่กราบเรือ มองดูผู้คนซึ่งเป็นแขกของโรงแรมกำลังเดินเล่นกันที่ชายหาด ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อแก้วน้ำเย็นๆ มาแตะตรงหน้า
หงคงฉ่วยยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ที่อยู่ในมือคือแก้วน้ำส้ม ลู่อี้เผิงยื่นมือไปรับ แล้วพูดสั้นๆ “ขอบคุณนะ”
“อืม..” อีกฝ่ายส่งเสียงในลำคอ จากนั้นก็ยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาจิบ สองคนยืนจิบน้ำเงียบๆ กันอยู่สักพัก ลู่อี้เผิงจึงพูดขึ้นมา
“คงฉ่วย คืนนี้ผมขอนอนสงบๆ สักคืนเถอะนะ”
หงคงฉ่วยหันหน้ากลับมา แล้วยิ้มตอบ “อืม... คืนก่อนฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ ทางที่ดีสารวัตรระวังตัวไว้ดีกว่า เผื่อคืนนี้จะมีโจรแอบงัดกระเป๋า เดี๋ยวต้องลำบากฉันขึ้นมาจับอีก”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่อีกฝ่ายทันที ในขณะที่หงคงฉ่วยหัวเราะร่วน
ให้ตายสิ!!
--------------------------------------------------------
**แล้วก็ยังเหลืออีกวัน สี่วันสามคืนนี่มันนานไปจริงๆ ด้วย
เผิงเผิงจะรอดมั้ยนะ ฮ่าๆๆๆ ตกลงไม่รู้ใครมาพักผ่อนกันแน่สินะเนี่ย