ตอนที่ 22สิ่งที่ไอ้บาสมันทำอยู่มันทำให้ผมตกใจ ผมเฝ้านึกไปต่างๆนาๆว่าไอ้บาสมันไม่สบายจนมาเรียนไม่ไหว ความคิดนั้นมันทำให้ผมแทบวิ่งลงไปสตาร์ทรถ ขับไปหามันที่บ้านด้วยความเป็นห่วง แต่ผมตั้งใจว่า ถ้ามันไม่สบายจริงๆผมจะไปหามันทันทีหลังจากเลิกเรียน
แต่สิ่งที่ผมเห็น มันทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออก
ไอ้บาสนั่งคุยอยู่กับปูที่โต๊ะใต้อาคาร 3 โต๊ะที่พวกผมจะนั่งคุยกันทุกเช่าก่อนเข้าเรียน ดูท่าทางแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่สบายตรงไหน ก็เห็นสบายดีทุกอย่าง ร่าเริงมากกว่าปกติซะด้วยซ้ำ นี่สรุปว่ามันไม่เป็นอะไรเลยใช่มั๊ย แล้วไอ้ที่ผมกังวลจนอยากจะโดดเรียนล่ะ นี่ผมโง่ไปเองใช่มั๊ย แต่คิดในอีกแง่ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ก็แค่มันอาจจะมาเช้ากว่าปกติ เพราะมาลอกการบ้านก่อนก็ได้
“เฮ้ย หวัดดี บาส หวัดดี ปู” ผมยิ้มทักทายไปตามปกติ
แต่ปฏิกิริยาที่ได้กลับมามันเล่นทำผมสะอึก ไอ้บาสมันหันมามองผมแค่ประมาณ 3 วินาทีแล้วก็หันไปคุยกับปูต่ออย่างสนิทสนม ท่าทางมันไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย สายตาที่มันมองผมมันดูว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับว่าผมไม่มีค่า ไม่มีตัวตนในสายตาของมันเลย
นี่ไอ้บาสมันจะทำอะไรกันแน่ ปกติมันรำคาญปูจะตาย แค่ปูเดินเข้ามากับเหมียว มันก็แทบจะกระโดดหนี แต่ที่ผมเห็นมันดูพูดคุยสนิทสนมกับปู เหมือนไม่ใช่ไอ้บาสมันอย่างนั้นแหละ
ได้ ถ้าไอ้บาสมันทำเป็นไม่สนใจผม ผมก็จะไม่สนใจมันมั่ง มันอยากจะทำอะไรก็เรื่องของมัน เชิญได้เลยตามสบาย ผมรู้สึกน้อยใจขึ้นมา นี่ผมหวงมันหรอ หรือว่าผมหึงมันที่มันไปหัวเราะอยู่กับปูแบบนั้น ผมเริ่มไม่เข้าใจตัวเอง
“ไอ้แวน ไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเหอะ” ผมชวนไอ้แวนที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป
“ดี ไปดิ กูยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหมือนกัน เฮ้ย บาส ปู ไปกินข้าวกันมั๊ย” ไอ้แวนหันไปชวนสองคนนั่น
“ช่างพวกมันเหอะ อย่าไปขัดคอมันเลย ท่าทางกำลังมีความสุข” ผมพูดประชดให้ไอ้บาสมันได้ยิน แต่แทนที่มันจะรู้สึกว่าผมประชด มันกลับหันไปยิ้มหวานให้ปู จนปูหน้าแดง
“ไปเหอะ ไอ้แวน แถวนี้มันเลี่ยนว่ะ” ผมอดไม่ได้ที่จะแขวะ
วันนั้นผมกินข้าวเช้าที่ไม่อร่อยที่สุดในโลก แล้วก็ดูหงุดหงิด กระแทกช้อนจนไอ้แวนหันมาถามผมว่าเป็นอะไร หงุดหงิดอะไรรึเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอก กูนอนไม่พอน่ะ เมื่อคืนอ่านหนังสือดีกไปหน่อย โทษทีว่ะ” ผมตอบมันไปแบบเลี่ยงๆ
จนเคารพธงชาติ เข้าห้องเรียน ไอ้บาสมันก็เดินไปแลกที่นั่งกับคนอื่น ท้งๆที่ปกติมันจะนั่งเรียนกับผมทุกวิชา จนเพื่อนๆหลายคนผิดสังเกต
“เฮ้ย พวกเมิงโกรธอะไรกันรึเปล่าวะ” ไอ้โบ๊ตหันมาถามอย่างอดไม่ได้
“ก็เปล่านิ กูไม่ได้เป็นอะไร กูว่าเมิงถามไอ้บาสมันเองดีกว่า เพราะกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเชี้ยอะไร”
ผมนั่งเรียนด้วยหัวใจที่เหมือนว่ามันมีช่องโหว่ เพราะรู้สึกหวิวๆข้างในตลอด เฝ้าถามตัวเองว่าผมคงทำอะไรให้มันไม่พอใจ ผมอยากเดินเข้าไปถามมันว่า มันเป็นอะไร ผมทำอะไรให้มันไม่พอใจใช่มั๊ย มันจะให้ผมทำยังไง ผมอยากจับมือมัน ผมอยากเดินไปหามันแล้วรวบตัวมันเข้ามากอด แต่ที่ผมทำได้ตอนนี้ก็ได้แค่นั่งมองมัน เห็นเวลาที่มันหัวเราะกับไอ้เคน แทนที่ตรงนั้นมันจะเป็นผม
ยิ่งตอนกลางวันยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้บาสมันเล่นหนีกินข้าวกับปูสองต่อสอง ไอ้พวกเพื่อนบ้าก็มารุมถามผมกันใหญ่ว่า ไอ้บาสกับปูเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งพวกมันถาม ผมก็ยิ่งรู้สึกถึงรอยรั่วในใจที่มันเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะยิ้มแล้วก็ตอบไปว่าไม่รู้ก็ตาม
คืนนั้นผมทนไม่ได้ที่จะโทรไปถามมันว่า เกิดอะไรขึ้น มันเป็นอะไร แต่พอมันรับโทรศัพท์ ผมก็รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของบาส
“ว่าไง มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า กูแค่โทรมาถามว่าวันนี้เมิงเป็นอะไร”
“เปล่านิ แค่นี้ก่อนได้ป่ะ ต๋อง พอดีกูรอโทรศัพท์จากปูอยู่น่ะ”
“เออ ๆๆๆๆ แค่นี้นะ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดคำว่า “ฝันดีนะ” มันก็วางสายไปเรียบร้อยแล้ว
คืนนั้นเวลาผมหลับตา จู่ๆน้ำตาผมก็ไหล ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมคงเสียบาสมันไปจริงๆแล้วซินะ ผมกับมันคงไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมได้แล้วสินะ ยิ่งคิดหมอนของผมก็ยิ่งชื้นมากขึ้น ผมนอนร้องไห้จนกระทั่งหลับไป และก็ได้แต่หวังว่า วันพรุ่งนี้ผมจะตื่นขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงของไอ้บาสที่มาตะโกนกรอกอยู่ข้างๆหูว่า “ตื่นแล้วแล้วววววว”
แต่ในเช้าวันถัดมา ก็ไม่มีรถมันมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของผมเป็นวันที่สอง
=====================================================
มาต่อแล้วนะครับ ขอโทษทีที่รับปากแต่ทำไม่ได้
ตอนนี้งานเยอะมากมาย เหนื่อยใจจัง