Poor Boy 14
สไมล์นั่งหน้าหงิกหน้างออยู่บนรถของสามเมื่ออีกคนดื้อดึงจะไปส่งเขาหลังจากที่คุยกันเสร็จ จะเรียกว่าคุยก็คงจะไม่ถูกในเมื่ออีกคนบังคับเขามา เขาไม่อยากจะคุยหรือแม้จะเจอกับอีกคนแม้แต่น้อย อีกทั้งที่สไมล์ไม่ชอบใจให้อีกคนมาส่งเขาแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้สามรู้ที่อยู่ของเขา ใจจริงอยากจะบอกทางมั่วๆไปทางอื่นแล้วนั่งรถกลับแต่เขาเองก็ใช่ว่าจะรู้จักกรุงเทพมหานครดีก็เลยต้องยอมบอกตามความเป็นจริงไป แต่ก็นะ…รู้แค่คอนโดไม่ได้รู้เลขห้องเสียหน่อย!
“ผมจะไม่ขอบคุณคุณละกัน เพราะผมไม่ได้ขอให้มาส่ง” สไมล์พูดขึ้นเมื่อรถจอดที่หน้าคอนโดของเขา
“ปากดี” สามว่าออกมาอดหงุดหงิดกับคำพูดคำจาที่อวดดีของอีกคนที่ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับไม่ได้
“ผมไม่ได้มีดีแค่ปาก” สไมล์หันมาว่าเสียงเรียบ สามเลิกคิ้วก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสไมล์ต้องผงะออกมา
“อะไรดีมั่งล่ะ”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม?” สไมล์ว่าพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนงตัว เขาจะไม่หงอให้อีกคนอีกต่อไปแล้ว ชีวิตหนึ่งปีที่ต่างประเทศสอนให้เขาเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
“เผื่อกูจะอยากลอง” สามกรีดยิ้มร้าย ถ้าเป็นแต่ก่อนสไมล์คงจะชะงักไปแล้วกับคำพูดสองแง่สองง่ามของอีกคนแต่ตอนนี้ไม่ใช่ ร่างบางกรีดยิ้มร้ายไม่แพ้กันก่อนจะดันแผ่นอกหนาของอีกคนออกไปอย่างแรง
“คุณเกลียดผมไม่ใช่เหรอ อย่ามากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน!”
“มะ…มึง”
“อย่างที่บอก…ผมเปลี่ยนไปแล้ว” สไมล์ว่าตบท้ายก่อนจะลงจากรถไปทันทีสามมองตามร่างบางไปด้วยความไม่พอใจที่โดนว่าแสกหน้า มือหนากำแน่นด้วยแรงอารมณ์
“กูยอมกลืนน้ำลายตัวเองถ้ามันทำให้มึงหงอใส่กูอีกครั้ง!”…สามไม่เข้าใจว่าตลอดสัปดาห์หนึ่งที่ผ่านมาทำไมสามต้องเข้ามาวนเวียนกับสไมล์ตลอด เพื่อนในคณะพากันซุบซิบๆว่าเขาเป็นเด็กของอีกคน เฮอะ เด็กบ้าเด็กบออะไรกัน หน้ายังไม่อยากจะมองเลย เพราะเขารู้ดีว่าอีกคนอันตรายแค่ไหน เมื่อก่อนไม่รู้ว่าเขาไปเผลอตัวเผลอใจได้ยังไงกัน
“ตกลงพี่เขาจีบแกจริงดิ” ผิงถามขึ้นเสียงจริงจัง
“เปล่าสักหน่อย” สไมล์ปฏิเสธ
“เปล่าได้ไงวะ มาหาแกที่คณะทุกวันมีแต่แกที่เล่นตัวตลอด” ผิงว่า อดหงุดหงิดนิดๆเพื่อนตัวเองเล่นตัวกับคนหล่อๆแบบนั้น ถ้าเป็นเธอนะ พร้อมพลีกายเลยเถอะ!
“เอาเป็นว่าไม่ได้จีบ ไม่ได้เล่นตัว” สไมล์ว่าตัดบท ผิงเบ้ปากใส่เพื่อนสนิทก่อนจะหันไปหาเมาส์เพื่อหาแนวเสริม
“นี่ มาช่วยฉันคาดคั้นสไมล์มันมั่งดิ มัวแต่ยิ้มกับโทรศัพท์อยู่ได้” ผิงแวดใส่เมาส์ที่กำลังนั่งตอบแชทด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
“เมาส์กำลังอินเลิฟ ไม่ต้องไปว่าเมาส์เลย” สไมล์ว่าขำๆ
“ปะ…เปล่าอินเลิฟนะ” เมาส์ว่าหน้าแดง
“จ้า โกหกได้เนียนมาก หน้าแดง หูแดงขนาดนี้ ฉันไม่คาดคั้นเรื่องสไมล์ละ มาคาดคั้นแกดีกว่า” ผิงยกยิ้มก่อนจะมองหน้าเมาส์อย่างจริงจัง
“เล่ามาค่ะเล่ามา” ผิงว่าต่อ เมาส์กัดปากอย่างเขินพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ
“พี่เขาแก่กว่าเราน่ะ เป็นนักธุรกิจ พ่อของพี่เขารู้จักกับพ่อของเรา ก็เลย…”เมาส์พูดไปก็หน้าแดงไป
“ก็เลยจีบเมาส์ใช่มั้ย” สไมล์ถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“แค่ขอเบอร์ ขอไลน์เอง” เมาส์ตอบ
“แบบนี้เขาเรียกว่าจีบแล้วย่ะ!”…หลังจากเลิกเรียนสไมล์ก็เดินลงจากตึกเรียนพร้อมกับผิงและเมาส์แบบทุกวันและวันนี้ก็เจอร่างสูงของอีกคนมายืนรอ
“มาอีกแล้วๆ” ผิงว่าด้วยใบหน้าระริกระรี้แต่สไมล์กลับกรอกตาอย่างเอือมๆก่อนที่ร่างบางจะเดินผ่านอีกคนไปราวกับอีกคนเป็นธาตุอากาศ
หมับ
มือหนาจับเข้าที่แขนบางทันที
“ปล่อย” สไมล์ว่า
“ไม่ปล่อยมีไรมะ?” สามว่าพร้อมกับกลั้วลิ้นในปากอย่างกวนๆ สไมล์ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของอีกคน ยิ่งเสียงซุบซิบๆดังขึ้นก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นอีกคนต้องการอะไรกันแน่ ในเมื่อเกลียดกันก็ควรต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่หรือไง หรือว่าจะแก้แค้นที่เขาว่าแสกหน้าไปวันนั้น?
“คุณต้องการอะไรกันแน่ มาหาผมที่คณะทุกวัน จีบผมหรือไง?” สไมล์ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงไม่กล้าพูดอะไรทำนองนี้
“เออ ถ้าใช่?” สามตอบพร้อมเลิกคิ้ว สไมล์ร้องเฮอะออกมากับคำตอบของอีกคน
“ถ้างั้นก็หยุด เพราะผมไม่สนใจคนอย่างคุณ” สไมล์ว่าพร้อมแกะมือหนาออกจากแขน
“คนอย่างกูมันทำไม หล่อ รวย K.ใหญ่” คำสุดท้ายปากหนากระซิบข้างหูบางใบหน้าหวานขึ้นสีทันทีกับคำพูดทะลึ่งลามกของอีกคน
“ทุเรศ! ถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คือกวนประสาทผม คุณทำสำเร็จแล้วเพราะฉะนั้นดีใจกับชัยชนะของคุณซะแล้วเลิกยุ่งกับผมสักที” สไมล์ว่าอย่างจริงจัง
“คืนนี้ไปกับกู แล้วกูจะเลิกยุ่งกับมึง” สามว่า สไมล์ขมวดคิ้ว
“ทำไมผมต้องไปกับคุณ”
“มึงไม่กล้า? เหอะๆ ไหนว่าเปลี่ยนไปแล้วไง” สามยกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย
“ก็ได้ ผมไป!”
“ก็ดี งั้นสามทุ่มกูไปรับมึงที่หน้าคอนโด” พูดจบสามก็เดินออกไปทันที สไมล์มองสามอย่างไม่เข้าใจและก็ไม่รู้ว่าคืนนี้อีกคนจะพาเขาไปที่ไหน แต่ถ้ามันแลกกับการให้อีกคนเลิกยุ่งกับเขา เขาก็จะไป!...สามเดินยิ้มร่าออกมาจากคณะของอีกคนคืนนี้แหละ กูจะทำให้มึงกลับมาหงอไม่กล้ายิ่งผยองแบบนี้กับกู!...และสถานที่ที่สามพาสไมลานั้นคือสนามแข่งรถ ซึ่งช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเวลาเซ็งๆเบื่อๆสามก็มักจะมาระบายความอารมณ์ที่นี่ สามมีฝีมอแข่งรถตั้งแต่อยู่ที่อังกฤษแล้ว เขายังเคยแข่งรถหาเงินเที่ยวเองเลยซึ่งแน่นอนว่าพ่อกับแม่ของเขาไม่รู้
“พาผมมาที่นี่ทำไม” สไมล์ถามขึ้น ตากลมมองรอบๆอย่างระแวงๆ ผู้คนที่เยอะแยะมากมายบวกกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังลั่นเป็นที่ที่สไมล์ไม่คุ้นชินยิ่งนัก
“เดี๋ยวมึงก็รู้” สามยกยิ้มก่อนจะเดินนำสไมล์มาที่เต็นท์หนึ่ง
“มาแล้วเหรอวะ ว้าว…นี่เหรอที่มึงบอก” ผู้ชายคนหนึ่งทักสามขึ้นพร้อมมองมาที่สไมล์อย่างหยาบโลน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้สไมล์เป็นอย่างมาก
“เออ ที่กูบอก” สามยักไหล่
“หมายความว่ายังไง” สไมล์ถามสามเสียงเข้ม
“อ้าว มึงไม่ได้บอกเขาเหรอว่ามึงจะเอาเขามาเป็นของพนันคืนนี้” สไมล์ทำตาโตทันทีกับคำพูดของอีกคน ตากลมหันไปมองสามอย่างไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดสามยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจในปฏิกิริยาของอีกคน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันฮะ! คุณกำลังเล่นสนุกอะไรกันแน่!” สไมล์ถามเสียงดังตัวสั่นเทิมด้วยความโกรธ
“ก็แข่งรถไง แล้วเอามึงเป็นของพนัน” สามว่าพลางยักไหล่ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างชิวๆ
“ผมไม่เป็น! ผมจะกลับ ถอยไป!” สไมล์ว่าเพราะสามยืนขวางทางขาไว้อยู่
“มึงไม่กล้า? ถ้างั้นก็อ้อนวอนขอกูสิ อ้อนวอนแบบเมื่อหนึ่งปีก่อนที่กูกำลังจะเอามึง” สามว่าพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย สไมล์กำมือแน่น ถ้าเป็นไปได้อยากจะต่อยหน้าอีกคนแรงๆแต่มันคงจะไม่สะใจเท่าไหร่และแรงของเขาคงไม่ได้ทำให้อีกคนสะเทือนผิวเท่าไหร่หรอก
“หึๆ ก็ได้ ผมจะเป็นของพนันให้ ไหนล่ะคู่แข่งของคุณ ผมจะได้ดูว่าคนที่ผมจะไปด้วยคืนนี้หน้าตาเป็นแบบไหน” สไมล์ว่าพร้อมยกยิ้มร้ายไม่แพ้กัน สามขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของอีกคน
“มึงคิดว่ากูจะแพ้หรือไง” สามว่าเสียงดัง
“แน่นอน คนอย่างคุณมันแพ้ตลอดแหละ หนึ่งปีก่อนก็แพ้คำอ้อนวอนของคนพิการอย่างผมไม่ใช่หรือไง” สไมล์ว่าพร้อมรอยยิ้มร้ายเช่นเดิม สามกำมือแน่นอย่างไม่พอใจ ที่เขาพาอีกคนมาที่นี่ก็เพื่อทำให้อีกคนกลัวและอ้อนวอนเขา ไม่ใช่ให้มาพยศและหยิ่งผยองใส่แบบนี้!
“นี่เหรอวะของพนันมึง” เสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้นทำให้สามและสไมล์หันไปมองทันที
“ไอ้ธัน” สามเรียกอีกคน
“น่ารักดีนี่หว่า คืนนี้กูสู้ตายเลยว่ะ” ธันว่ายิ้มๆพร้อมมองสไมล์อย่างสนอกสนใจ สไมล์ยิ้มให้อีกคนนิดๆแต่กลับสร้างความไม่พอใจให้สามเป็นอย่างมาก
“ชนะกู ยากหน่อยว่ะ” สามว่าเสียงจริงจัง
“หึๆ ถ้าของrนันน่าสนใจแบบนี้ มันก็ไม่น่ายากว่ะ” ธันว่าอย่างมั่นใจก่อนจะหันมาหาสไมล์
“แล้วเจอกันนะครับ”…หลังจากที่ธันเดินกลับไปที่ฝั่งเต็นท์ของตัวเอง สามก็หันมามองสไมล์ด้วยความไม่พอใจทันที
“มองตามมัน อยากไปกับมันหรือไง!” สามถามเสียงดัง
“ก็หล่อดี” สไมล์ว่าหน้าตาเฉย
“เฮอะ! แต่เสียใจ คนอย่างมันชนะกูไม่ได้หรอก!” สามว่าก่อนจะเดินชนไหล่สไมล์ไปที่รถแข่งที่จอดรอไว้ทันที สไมล์ยกยิ้มมุมปากมองตาอีกคน เขาเชื่อว่ายังไงสามก็ชนะ คนอย่างสามเกลียดที่สุดคือความท้าทาย ยิ่งเขาท้าทายและดูถูกไปแบบนี้คงยิ่งยอมไม่ได้ ถามว่าเขาไม่กลัวหรือไง…ตอบได้เลยว่ากลัวมาก แต่เขาต้องระงับความกลัวด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและรอยยิ้มมุมปาก เขาไม่ใช่สไมล์คนเดิม ที่พอกลัวก็ร้องไห้อ้อนวอนออกมา สไมล์คนนี้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเอง!
สามจะชนะมั้ย? น่าจะเดาได้ 5555 หวังว่าจะชอบสไมล์ลุคนี้กันนะคะ พยายามแต่งให้น้องแรงขึ้นแต่เปลือกในก็ยังคงวามเป็นสไมล์เหมือนเดิม ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
___จางบิวตี้____