ตัวสำรอง - บทที่ 26 ต้นทุนไม่เหมือนกัน
มะลิเร่งฝีเท้าจนเกินขีดสุดจำกัดของตัวเองมาไกลเกินยั้งมือ ด้วยภาพในหัวนั้น คู่แข่งของเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว ขาคู่นี้จึงต้องรับภาระหนักกว่าเดิม ไม่นับว่าเป็นช่วงท้ายของการแข่ง ซึ่งนักกีฬาย่อมอ่อนแรงเป็นธรรมดา ความสาหัสที่ร่างกายแบกไว้ไม่ใช่น้อยๆ เลย การทำตามความต้องการของเจ้าของร่าง เท่ากับฝืนทนต่อความเจ็บปวด ทรมาน เพื่อหวังให้เจ้าตัวทำเวลาเร็วขึ้นสักวินาที หากขาคู่นี้คิดได้คงบรรยายมาอย่างนี้ กระนั้นขาคิดเองไม่ได้ มะลิต่างหากที่คิดให้และสั่งการ โดยไม่รอรับความยินยอมจากทั้งสองข้าง ทำแค่เพียงก้าวเท้าออกไป
ใช่ เพื่อให้เวลาดีขึ้นแค่เสี้ยววิก็ยังดี
ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนราง ทุกขณะที่ย่างก้าวทิวทัศน์ตรงหน้าสั่นไหว หากแต่เวลานี้นักกีฬาในสนามทุกคนคงจ้องเพียงเส้นชัยที่พาดผ่าน แม้พร่าเลือน ไม่ชัดเจน โยกคลอนจนยากจะจับจ้อง พวกเขาก็ยังเพ่งมองปลายทาง ซึ่งเป็นบทสรุปของการแข่งขันรอบนี้ แม้ใจจะอ่อนล้า แม้กายนั้นอ่อนเพลีย ทว่าตั๋วใบนี้สำคัญมากเสียจนต้องฝ่ากายและใจเพื่อไปคว้ามา
ทางด้านเด็กชายตัวเล็กผู้เป็นหัวขบวนของนักกีฬาในรอบสุดท้าย บัดนี้ขาคู่ใจแทบจะไร้ความรู้สึกใด เจ็บจนด้านชา ความทุกข์ทรมานที่เคยโหมกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้ง จางหายไปจนสิ้น ไม่ใช่ไม่รับรู้ เขาไม่อยากรับรู้ต่างหากจึงตัดสัมพันธ์ชั่วคราวกับอาการทั้งหลายที่แปรปรวนอยู่ก่อนหน้า ลำพังประคองสติของตนเอาไว้ก็เกินจะรับมือแล้ว ยังดีที่ภาพเลือนรางตรงหน้ายังวิ่งเข้ามาในกระบอกตา กับเพียงคำร้องซึ่งกู่ก้องอยู่ภายใน ‘เร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นอีก ยังเร็วได้กว่านี้ ยังไปต่อได้อีก นายยังไหว อย่าเพิ่งยอมแพ้’ ประโยคเสมือนคำภาวนากำลังร่ำร้อง ไม่ให้ร่างเนื้อแพ้พ่ายไปก่อนใจสู้ มะลิประคับประคองกายนี้ให้วิ่งต่อไป เส้นชัยอยู่ตรงหน้าแล้ว
ก่อนภาพที่เห็นจะวูบไหวและดับไป มะลิถูกความมืดเข้าปกคลุม ‘ยัง ฉันยังต้องวิ่งต่อ อย่า...’ ความรู้สึกสุดท้ายบอกกับเขาแต่เพียงเท่านั้น
กฤษรีบวิ่งเข้าไปในสนาม ร้องบอกผู้คุมเมื่อการแข่งใกล้สิ้นสุด เพราะรู้ว่านักกีฬาของตนต้องล้มพับแน่ ดังนั้นหน้าที่ของเขาคือการเข้าไปเตรียมรับตัวนักกีฬาหลังพ้นเส้นชัยมา ด้วยบางรายอาจถึงขั้นไร้สติ ไม่อาจทรงกายได้ หากเป็นเช่นนั้นย่อมเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับผู้ฝึกสอนคนอื่นที่ทยอยมาสมทบ กฤษก้าวขึ้นหน้าก่อนใครเพื่อน รอรับร่างบางของคนตัวเล็ก ร่างนั้นยังพุ่งต่อไม่หยุด กฤษจำต้องถลาเข้าไปคว้าคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนกว้าง แรงกระแทกจากความเร็วชั่วขณะที่เร่งผ่านเส้นชัยทำเอากฤษซวนเซจนถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็เพื่อลดแรงปะทะจากลูกศิษย์ตัวน้อย ไม่ให้ทั้งเขาและเด็กตรงหน้าเจ็บตัวไปมากกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ก็สาหัสพอตัวแล้ว ต่อจากนี้คือการพักผ่อน กฤษยกร่างเล็กไปยังจุดปลอดภัย ด้วยนักกีฬาคนอื่นยังพุ่งเข้ามาไม่หยุด เขากระชับแขน อุ้มนักวิ่งของตนจนพ้นบริเวณ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมสลับมองใบหน้าในปกครองเป็นพักๆ ก่อนระบายยิ้มออกมา แม้รู้ว่าเจ้าตัวหมดสติไปแล้ว แต่กฤษก็ยังอยากมอบยิ้มนี้ให้ไป ---‘ทำได้ดีมากมะลิ’ กฤษเอ่ยในใจ
ร่างเล็กในอ้อมแขนของกฤษถูกจับจ้องจากสายตาหลายสิบคู่ในสนามที่หันมามอง ใจกล้าและเสมอก้าวออกไปจนถึงคนทั้งสอง ทั้งคู่หันไปมองสถิติของเพื่อนตนอีกครั้ง ด้วยตัวเลขที่ออกมาเกินกว่าใครจะคาดถึง แม้แต่พวกเขาที่รู้ความสามารถของคนตัวเล็กดี ยังอดทึ่งกับผลงานที่ออกมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่การแข่งจับเวลาปกติแล้ว แต่เป็นการทำลายสถิติสนามของมะลิ ล้มคู่แข่งจากโรงเรียนยักษ์ใหญ่ด้วยตัวเลขที่ก้าวผ่านระดับประเทศไปในพริบตา ไม่แปลกถ้ายามนี้มะลิจะถูกจับตาจากนักกีฬาและผู้ฝึกสอนทั้งหลาย เพราะใครจะเชื่อว่าสถิติที่กำลังฉายอยู่บนจอใหญ่ จะเป็นผลงานของนักกีฬาโรงเรียนเล็ก ผ่านฝีเท้าของคนตัวเล็กที่นอนหมดสถิไปแล้วนั่นเอง
“นายแน่มากมะลิ” คมสันเอ่ยจากที่ไกล
คล้อยหลังการแข่งขันจับเวลาระยะ 3,000 เมตรจบไป กฤษตัดสินใจให้ลูกศิษย์คนล่าสุดที่ลงสนามพักผ่อนเอาแรง คนทั้งสามตกลงกันว่ารอมะลิคืนสติก่อนค่อยเดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็ชมการแข่งระยะอื่นไปพลาง เพราะยังนั่งอยู่ในสนามกว้าง แม้เสียงอึกทึกรอบบริเวณจะกังวานอยู่ก็ตาม ด้วยหลายโรงเรียนยังมีการแข่งขันให้ตามลุ้นตามเชียร์กันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะฝั่งโรงเรียนใหญ่ที่ส่งชิงชัยแทบทุกรายการ ไม่แปลกหากจะขนทัพนักกีฬาและกองเชียร์มาประจำสนามกันคับคั่งอย่างนี้
“โรงเรียนอันดับหนึ่งกวาดเรียบไม่เกรงใจใครเลยนะ” ใจกล้าโพล่งขึ้น ทันทีที่แถวบนสุดของสถิติซึ่งเพิ่งขึ้นจอถูกโรงเรียนอันดับหนึ่งในความหมายของเขาคว้าไปครองอีกครั้ง
“โรงเรียนอันดับหนึ่ง...” เสมอดูท่าจะไม่เข้าใจนัยแฝงของเพื่อนตน แต่ก็ไม่กล้าถามออกมาตรงๆ เพียงเปรยไว้ เผื่อใจกล้าจะใจดีไขความให้กระจ่าง
“ก็โรงเรียนของคมสันไง คนที่ยึดตำแหน่งอันดับหนึ่งไว้ในรุ่นเล็ก” ใจกล้าไม่รีรอ เสริมเพื่อนตนอย่างรู้ทัน แม้ว่าในรอบที่แล้วชมรมกรีฑาเล็กๆ จากโรงเรียนห่างไกลของพวกเขาจะเพิ่งล้มแชมป์มาได้ ทว่านั่นก็เพียงการแข่งจับเวลา ไม่ใช่ผลแพ้ชนะอย่างเป็นทางการ การแข่งขันรอบตัดเชือกในการหาตัวแทนจังหวัดต่างหากจึงจะเป็นของจริง
ถึงจะน่าภูมิใจแค่ไหน ก็ยากที่จะมีใครมาไยดีเวลาในรอบคัดเลือกเล็กๆ นี้ ด้วยทุกคนต่างรู้ดีว่าแรงกดดันในรอบนี้ เทียบไม่ได้การขับเคี่ยวชี้เป็นชี้ตายในรอบถัดไป ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อนักกีฬา จนบางรายที่ทำผลงานในรอบจับเวลาได้อย่างสวยงามต้องตกเหวไปอย่างอนาถ เพียงเพราะรับความกดดันในรอบตัดสินไม่ไหว ระดับต่างกันจนยากเกินต้านทาน แม้แต่นักกีฬาเจนสนามยังมีพลาดพลั้งได้
“ต้นทุนไม่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าความพยายามจะไร้ผลเสมอไป จริงไหม...” กฤษร่วมวงสนทนากับนักกีฬาของตน ท้ายประโยคยังหันไปมองหน้าอีกคนที่นอนพักอยู่ด้านหลัง คล้ายกับจะสื่อว่าคนตัวเล็กตรงนั้นเป็นตัวแทนพิสูจน์คำพูดที่เขาเอ่ยมา สัญลักษณ์ของความพยายาม
“ครับ” ทั้งสองตอบแทบจะพร้อมเพรียง ไม่มีทางที่พวกตนจะปฏิเสธความจริงที่ประจักษ์ชัดตรงหน้า ถึงจะเป็นแค่รอบจับเวลา กระนั้นมะลิก็ได้จารึกผลงานที่เกิดจากความมานะอุตสาหะไว้เป็นสถิติสนาม ซึ่งพวกเขายังก้าวข้ามไม่ได้ จะรอบรองหรือรอบชิง ความจริงที่ว่ามะลิได้พิสูจน์ผลจากความพยายามก็เป็นที่ยอมรับแล้ว อย่างน้อยก็ในสายตาของทั้งคู่
“แต่รอบต่อไปพวกเราก็ต้องเจอโรงเรียนนี้อยู่ดี ท่าจะเหนื่อยนะครับ รอบนี้ผมยังโดนเบียดแซงเอาตอนท้ายเลย” เสมอกล่าว ในรอบ 100 เมตรที่ว่าสั้น แต่เสี้ยวนาทีนั้นก็ยังถูกโรงเรียนดังชิงไป จนเสมอที่คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว ก็ยังไม่พอหากคิดจะล้มโรงเรียนนี้จริงๆ
“ถ้างั้นก็ต้องซ้อมให้หนักกว่าเดิม” ใจกล้าเสนอ ในมุมมองของเขาคงไม่มีทางไหนที่จะพาตนและเพื่อนร่วมทีมไปคว้าชัยมาได้ นอกเสียจากการฝึกฝน ยิ่งหนักยิ่งเห็นผล ใจกล้าคิดแบบนั้น ซึ่งกฤษก็ส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินคำกล่าว เขาเห็นค้าน
“กลับไปพวกเธอต้องพักผ่อน พรุ่งนี้มาเจอกัน แต่ครูจะยังไม่ปล่อยให้ฝึกหนัก กล้ามเนื้อของพวกเธอต้องการเวลาพักฟื้น อย่าเพิ่งสร้างภาระเกินจำเป็นจนบาดเจ็บก่อนลงแข็ง ใจเย็นๆ ผลลัพธ์ไม่ใช่จะออกมาเพียงการซ้อมหนักวันหรือสองวัน ต่อจากนี้เราต้องไปวางแผน หาจุดแข็งจุดอ่อนของพวกเธอแต่ละคน แล้วค่อยปรับแก้” กฤษร่ายยาวให้นักกีฬาทั้งสองฟัง เขารู้ดีว่าผลของการฝึกหนักอย่างเดียวย่อมไม่ให้คุณต่อใคร แถมบางรายอาจมอบโทษเป็นดอกผลของการกระทำชั่ววูบนั้นด้วย
“แต่เราเหลือเวลา...” ใจกล้าเห็นต่าง ทว่าพอเห็นสีหน้าของที่ปรึกษา ก็จำใจเห็นตาม ด้วยเขาก็ทราบเรื่องนั้นดี เพียงแต่เวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนรอบตัดเชือก แค่นั่งอยู่เฉยๆ ตรงนี้เขายังเสียดายเลยด้วยซ้ำ
“การพักผ่อนไม่ใช่เรื่องเสียเปล่า มันจะมอบสิ่งล้ำค้าให้พวกเธอแน่ เชื่อครู” ทั้งสองพยักหน้ารับ
จากนั้นไม่นานมะลิก็ฟื้นตัว สีหน้างุนงงหลังจบการแข่งทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี คลายกังวลในหลายเรื่องก่อนหน้าไปสิ้น แถมคนตัวเล็กยังเอ่ยถามผลการแข่งขันหลังตนหมดสติไป แต่พอได้ยินผลลัพธ์ เจ้าตัวดันไม่เชื่อ หาว่าทุกคนรุมแกล้ง แม้แต่กฤษยังดูเหมารวม สุดท้ายต้องพาไปดูทำเนียบเวลาซึ่งติดประกาศไว้หลังจบการแข่งขันแต่ละรายการ มะลิถึงกับนิ่งงัน ไม่เชื่อสายตาตัวเองอีก ทำเอาใจกล้าต้องเดินมากระทุ้งสีข้าง เพราะหมั่นไส้คนเก่งที่ไม่รู้ระดับของตัวเอง พวกเขาอยากสร้างสถิติแทบตายยังทำไม่ได้ คนที่ยืนงงอยู่หน้าบอร์ดเรียกสายตาหลายคู่จากนักวิ่งที่อยู่ในรอบเดียวกันให้หันมาสนใจ ดันไม่เชื่อฝีเท้าของตัวเอง ถามย้ำอยู่นั่นแหละว่าประกาศผิดหรือเปล่า กว่าจะได้กลับก็เกือบเย็น
“พรุ่งนี้ซ้อมใช่ไหมครับ” คนหมดสติถามอย่างกระตือรือร้น เป็นคิวของกฤษที่ต้องย้ำเรื่องการพักผ่อนกับนักกีฬาอีกคนซึ่งไม่ได้ฟังเขาพูดไปก่อนหน้า ส่วนสองคนที่เหลือยามนี้ไม่มีปากเสียงใดอีก