หวัดดีค่ะทุกคน
Happy New Year 2009
ที่หายไป คือไปเที่ยวปีใหม่มาค่ะ เมื่อวานได้ เคาท์ดาวน์ที่ริมน้ำปิง ดูพลุสวยมากๆๆ
มีความสุขถ้วนหน้ากันทุกคนนะคะ
ฉลองปีใหม่ มาลงกันต่อเลย
บทที่ 45
------------------------
“ยกนี้ผมยอมให้ แลกกับรอยยิ้มของคุณ เราเสมอกันแล้วนะครับที่รัก”
มีมือยื่นมาช่วยฉุดเคลวินให้ลุกขึ้น แล้วพาเคลวินกลับเข้าเต็นท์ ส่วนผมถูกทิ้งให้นอนบนพื้นทราย โดยไม่มีใครใส่ใจ ต้องลุกขึ้นเอง ทุกคนไปรุมออเอาหน้ากันอยู่ที่เคลวินหมดแล้ว
ผมเอามือปัดทรายออกจากตัว และจากแก้ม มือของผมลูบไล้ไปที่แก้มตัวเองเบาๆ และละเลยมาถึงริมฝีปาก จะมีใครทันเห็นไหมหนอ ว่าตอนที่ที่เคลวินล้ม ปากเราสัมผัสกันด้วย
แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมาก และมันก็ชั่วแว๊บเดียวที่ปากเราแตะกัน คงไม่มีใครสังเกต
“ท่านประธานเป็นไงบ้างครับ เจ็บไหม”
“พวกผมขอโทษครับ ที่ปล่อยมือจากเชือก ตอนนั้น พวกเราหมดแรงกันจริงๆ”
“ท่านประธานเจ็บเพราะพวกเราแท้ๆ
เสียงพูดเซ็งแซ่รอบๆตัวเคลวิน มีทั้งขอโทษขอโพยจากพนักงานระดับผู้บริหารที่อยู่ในทีมเขา และการถามไถ่อาการอย่างเป้นห่วง เสียงเหล่านั้นดังลอยมาเข้าหูผม ทำให้สามารถเกาะติดสถานการณ์ได้
ที่จริงผมเองก็อยากรู้ว่าเคลวินมีอาการเป็นอย่างไรบ้าง เขาเสียหลักล้มลงมา แม้ว่าจะมีร่างผมรองรับอยู่ แต่เขาก็อาจจะมีเจ็บปวดที่ไหนสักแห่ง รู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมาทันที แต่คนที่รุมล้อมอยู่เป็นแผงหนาอยู่รายรอบทำให้ผมเข้าไม่ถึงตัวของประธานเคลวิน
“เคนอยู่ไหน”
เสียงใครบางคนเรียกผม
“ทำไมไม่มาดูเจ้านาย”
อีกเสียงพูดถึงผมเจือแววตำหนิ ผมปัดทรายเสร็จ ก็รีบเดินแหวกเข้าไปหาเคลวิน ในฐานะที่ผมเป็นผู้ช่วยเลขา ผมก็ควรจะต้องดูแลเขาอย่างใกล้ชิด นี่ผมกลับเฉย ก็สมควรที่จะถูกคนต่อว่า
“ผมไม่เป็นไรหรอก ไม่เจ็บอะไรเลย ยังแข่งไหว...”
ได้ยินเสียงเคลวินพูดกับคนที่มุงล้อมตัวเขา ผมแหวกเข้าไปตรงกลาง และเห็นเคลวินนั่งเหงื่อแตก คิดว่าเขาคงร้อนเพราะคนมุงดูเขานั่นเอง เห็นสภาพที่เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยคนที่ห่วงใยเขา แล้วก็อดขำไม่ได้
ปกติแล้วเคลวินไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับเขา ยิ่งมายืนดูยืนมองห้อมล้อมแบบนี้ มีหวังโดนว๊ากใส่แน่ๆ แต่นี่คงเป็นเพราะเขาได้ถอดหัวโขนท่านประธานออกแล้ว เขาจึงไม่ใช้อำนาจตามที่เขาบอก และคงเข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วง เลยไม่โวยวายใส่ใคร
“ท่านพักก่อนก็ได้นะครับ ให้คนอื่นแข่งแทนเถอะ”
คุณชาตรี ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ พูดกับเขา เคลวินเหลือบตามาทางผมนิดหนึ่ง แล้วส่วนหน้าปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร คุณชาตรี ผมแข่งได้ ไม่ต้องห่วง ผมเอาชนะทีมพนักงานได้แน่ๆ”
ขาตอบออกมาอย่างมั่นใจ ผมล่ะอยากจะถอนความรู้สึกห่วงใยเมื่อครู่นี้กลับคืนนัก คนอะไร ไม่น่าสงสารเอาเสียเลย คิดแต่จะเอาชนะท่าเดียว ไม่มีวันเสียหรอก ครั้งต่อไป เขาต้องแพ้ผมแน่ๆ ถึงจะอ่อนข้อให้ก็ช่วยไม่ได้ ถึงยังไงผมก็จะต่อสู้เพื่อความอิสระ 1 เดือนจากนี้ไป
หลังจากที่พูดให้ใครต่อใครเลิกห่วงแล้ว ประธานสองหน้าก็ลุกขึ้น เพื่อแสดงว่าตัวเองยังไหว และเขาก็พร้อมที่จะเข้าสู่เกมที่สาม นั่นคือ เกมวิ่งเปี้ยว อ๊ะ พอได้ยินชื่อเกม ผมก็ชักหวั่นๆ เคลวินตัวสูงใหญ่กว่าผม
แขนขายาวกว่า เขาต้องชนะผมแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร คนในทีมเขาแต่ละคน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่สูงวัยกันทั้งนั้น วิ่งแข่งคงไม่อึดเท่ากับพวกพนักงานอย่างแน่นอน ผมคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เห็นชัยชนะลอยมาแต่ไกล
คณะกรรมการเรียกหัวหน้าทีมมาตกลงกติกา ผมกับเขาจึงเดินมาหยุดหน้ากรรมการและคอยฟังกฎการแข่งขัน เคลวินกับผมจะอยู่กันคนละฝั่ง เราจะวิ่งจากเขตแดนของตัวเอง ไปยังเขตแดนของฝ่ายตรงข้าม และขโมยไข่ในตะกร้าของอีกฝ่ายมา แล้ววิ่งกลับไปเก็บไว้ในแดนของตัว
คนจัดเกมเพิ่มความยากให้มากกว่าการวิ่งเปี้ยวตามปกติ คือการลักไข่ ซึ่งมีข้อแม้ว่าไข่จะต้องไม่ตกแตก และจะต้องหนีอีกฝ่ายให้ได้ หากอีกฝ่ายตามทัน และแย่งไข่กลับคืนมาได้ จะถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้ โดยผู้ที่ชนะ สามารถปาไข่ใส่คนแพ้ได้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในความพ่ายแพ้
เมื่อเข้าใจในกติกาแล้ว กรรมการก็ให้พวกเรากลับเข้าประจำที่ ก่อนที่จะแยกจากกัน ผมหันไปมองหน้าเคลวิน เพื่อจะยิ้มเย้ย เป็นการข่มขวัญเขา ทว่าผมกลับเจอเคลวินฉีกยิ้มให้ผมก่อน ตาของเขาเปล่งประกายคมกล้า ท่าทางมั่นอกมั่นใจยิ่งนัก เห็นสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว ผมก็ชักลังเลไม่แน่ใจ
“ประจำที่ ...ระวัง....ไป”
ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น ผู้แข่งขันคนแรกของทีมผมก็พุ่งตัวออกจากจุดสตาร์ททันที ที่ฝั่งตรงข้าม ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ซึ่งอยู่ในทีมของเคลวินกำลังออกจากจุดสตาร์ท ผมเห็นท่าทางการวิ่งของเขาแล้วก็ยิ้มกริ่ม ฝีเท้าของเขาเป็นรองคนของทีมผม และออกตัวได้ช้ากว่า ตอนนี้ ทีมผมขโมยไข่จากแดนเคลวินได้แล้ว และหมุนตัวออกวิ่ง ในขณะที่ผู้จัดการเพิ่มเอื้อมมือไปแตะตะกร้าไข่
นักขโมยไข่คนที่สอง ออกจากจุดสตาร์ทแล้ว เมื่อคนแรกนำไข่มาตั้งวางบนโต๊ะ ผมมองไปยังฝั่งเคลวิน ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเพิ่งวิ่งไปถึง ผมรู้สึกลิงโลดใจอย่างบอกไม่ถูก แค่คนแรก ทีมผมก็ชนะแล้ว และมีทีท่าว่าจะชนะจนถึงคนสุดท้ายด้วย ท่านประธานเคลวินเอ๋ย วันนี้แหละที่ท่านจะได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ ผมดีใจไปก่อนล่วงหน้าแล้ว
การแข่งขันดำเนินไปอย่างสนุกสนาน คนแล้วคนเล่าที่วิ่งออกจากจุดสตาร์ท ขโมยไข่ และวิ่งกลับมา เพื่อให้คนต่อไปได้วิ่งไปขโมยไข่บ้าง ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่แบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย
พนักงานเชียร์พนักงานด้วยกัน มีแอบปันใจ ไปเชียร์เจ้านายของตัวเองที่ลงแข่งบ้าง ในขณะที่ทางฝ่ายผู้บริหารเชียร์ทีมของตัวเองอยู่แล้ว
และในที่สุดก็ถึงคิวผู้แข่งคนสุดท้าย ซึ่งก็คือเขา และ ผม พอคนที่วิ่งไปก่อนหน้าผมขโมยไข่มาวางตั้งบนโต๊ะเรียบร้อย ผมก็ออกวิ่งทันที
ที่ฝั่งตรงข้าม หลังจากผมออกวิ่งไปได้เกือบครึ่งทาง เคลวินก็ออกจากจุดสตาร์ท จากสายตาของผมที่มองเขา ผมเห็นอะไรบางอย่างขาวๆ ที่เคลื่อนไหวได้เร็วมาก ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนั้น คือประธานเคลวินนั่นเอง เขาวิ่งได้ไวมาก จนไม่น่าเชื่อว่าฝรั่งที่ตัวใหญ่เทอะทะแบบนั้น จะวิ่งได้รวดเร็ว
คงเป็นเพราะผมประมาทเขามากเกินไป คิดว่าทีมเขามีแต่คนอายุเยอะ และไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เลยน่าจะงุ่มง่ามเชื่องช้า ลืมคิดไปว่า ประธานเคลวิน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเขาเป็นฝรั่งตัวสูงขายาว แค่สับขาไม่กี่ครั้ง เขาก็วิ่งพรวดมาถึงตะกร้าไข่ใบสุดท้ายของทีมผมแล้ว
เคลวินเอื้อมมือยาวๆไปคว้าตะกร้าไข่ โดยไม่หยุดวิ่ง จากนั้นก็ตีโค้งมาอย่างรวดเร็ว ผมเหลียวไปมองเพื่อกะว่าเขาอยู่ตรงตำแหน่งใด ใกล้ผมมากหรือเปล่า เพื่อคำนวณระยะทางและเวลาการจะไปให้ถึงฝั่งตัวเอง พอหันไปมองผมก็ต้องตกใจ เขาวิ่งมาเร็วมาก เผลอแป๊บเดียว เขามาใกล้ผมมากแล้ว
--------------------
TBC
ปล.เคท มีความสุขมากๆนะคะ