.
.
สุดท้ายเราก็หยุดปัญหาโลกแตกด้วยการออกไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาคิดชื่อกันทีหลัง พวกผมมันเป็นตัวแถมอีกเหมือนเดิมแหล่ะครับ เพราะไอ้น้องแอลขี้เกียจทำกับข้าว เลยออดอ้อนพี่เภาจะกินข้าวนอกบ้าน พี่เภาก็เลยชวนผมกับไอ้จีนไปกินด้วย ก็กินสวนอาหารแถวบ้านไอ้จีนนั่นแหล่ะครับ
ไม่ใช่แค่ไอ้น้องแอลที่เห่อลูกหมาอยู่คนเดียว ไอ้จีนก็เห่อจนแทบจะหิ้วตะกร้าติดตัวไปทุกที่ ผมเลยต้องเบรกมันว่าให้เอาไว้บ้าน ถ้าขืนมันติดมากขนาดนี้ ไปโรงเรียนมันไม่หอบหิ้วไปด้วยเหรอ มันเลยเอาไปฝากไว้หลังร้านของมัน แล้วเรียกพี่พนักงานมาคอยช่วยดู มันสั่งเสียพี่ที่ร้านจนผมต้องด่ามันไปที
“อย่าเยอะๆ แค่ไปกินข้าว ไม่ถึงชั่วโมงก็กลับมาแล้ว”
ตอนไปก็เอารถผมไปกันนั่นแหล่ะครับ เพราะไม่อยากเอารถไปสองคันให้เปลืองน้ำมันเล่น ส่วนรถพี่เภาไม่ต้องไปพูดถึงเลยครับ พี่แกเล่นขับรถคู่รัก แบบว่าโลกนี้มีเพียงเราสองคน นั่งกันได้แค่สองคนเท่านั้น ชนิดว่าไม่มีที่ให้ใครไปแทรกกลางได้เลย
พอมาถึงร้านก็จัดการสั่งอาหารกันครับ ส่วนใหญ่ก็ผมกับพี่เภานั่นแหล่ะที่เป็นคนสั่ง เพราะผมรู้ว่าไอ้จีนมันกินอะไรได้ กินอะไรไม่ได้ ส่วนพี่เภาก็สั่งแต่ของโปรดไอ้น้องแอล เบื่อพวกหลงเมียชะมัด พอกินเสร็จก็กลับมาที่บ้านไอ้จีน แล้วก็รีบให้พี่เภาลากเมียตัวเองกลับบ้านไปซะ แต่ไอ้น้องแอลไม่วาย...
“บ๊ายบาย แล้ววันหลังพี่จะมาเยี่ยมเวอร์จิ้นนะจีน”
ไอ้จีนไม่ตอบรับไม่ตอบปฏิเสธ แต่ใจจริงมันคงอยากจะบอกว่า ลูกมันไม่ได้ชื่อเวอร์จิ้น แต่ไอ้น้องแอลมันฟังใครที่ไหน ผมเลยต้องกัดมันไปที
“กลับไปได้ละ ไอ้คนไม่เวอร์จิ้น”
มันทำตาขวาง แต่หน้าแดงก่ำ จะพุ่งเข้ามาอาละวาด แต่พี่เภาก็ลากตัวไปยัดใส่รถซะก่อน ผมกับไอ้จีนยืนมองจนรถพี่เภาลับสายตา ผมส่ายหัวด้วยความระอากับความบ้าบอคอแตกของไอ้น้องแอล นี่ขนาดมันมีแฟนแล้วนะเนี่ย กำลังจะหันหลังกลับเข้าบ้าน ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของไอ้จีน
“พี่แอลนี่น่ารักดีเนอะ มิน่าถึงมีแต่คนรัก” ผมไม่รู้ว่ามันต้องการสื่ออะไร แต่คำพูดที่ถามออกไปก็มีเพียงแค่
“หลงเสน่ห์มันอีกคนเหรอไง”
จีนหันมามองหน้าผม ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้ม แต่ดูแล้วเป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาเท่าไหร่ ผมเองก็เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว กับบรรดาคู่ควงคนเก่าๆ ที่มักจะคิดว่าผมชอบแอล บางคนถึงขั้นเคยถามผมว่า
‘เวย์เลือกมาเลยดีกว่า ว่าจะเลือกเราหรือเลือกแอล’เพราะคนพูดสำคัญตัวเองผิด หรือไม่รู้ความสำคัญของแอลที่มีต่อผม ถึงกล้าให้ผมเลือก และผมก็กล้าเลือกโดยไม่ลังเล ตอนที่ไม่เจอจีน ผมกล้าพูดว่าไม่มีใครสำคัญเท่าแอล แต่ตอนนี้มันต่างไปจากเดิม
“ไม่ได้หลงเสน่ห์หรอก ชอบมาก แล้วก็อิจฉาด้วยต่างหาก”
“ไม่หึงผู้หญิงที่เข้ามาหา แต่มาอิจฉาไอ้น้องแอลเนี่ยนะ”
“จะให้จีนไปหึงพวกคู่ควงเก่าๆของพี่เวย์อ่ะนะ พี่แอลยังน่าหึงกว่าอีก ผู้หญิงทุกคนรวมกันยังไม่สำคัญเท่าพี่แอลเลย จริงไหม?”
ผมถอนหายใจยาว ล้มเลิกความคิดที่จะเดินกลับเข้าบ้าน เพราะคิดว่าคงต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องซะก่อน คำถามต่อไปที่ผมกำลังจะถามมัน ปกติมีแต่คนมาถามผม แต่ผมกลับเลือกที่จะถามมันออกไปแทน
“คิดว่ากูชอบแอลอีกคนเหรอ ตอบมาจริงๆ ตอบตามที่คิด จะได้เคลียร์กันไปเลย”
“ไม่ได้คิดว่าชอบหรอก เพราะถ้าชอบคงไม่ปล่อยให้ไปกับพี่เภาเด็ดขาด แต่จีนอาจจะอิจฉาก็ได้ เพราะรู้สึกว่าพี่แอลอยู่รอบตัวพี่เวย์ตลอด ขนาดเวลาที่ตัวไม่อยู่ ก็ยังรู้สึก”
ถูกอย่างที่มันพูด ถ้าผมชอบแอลแบบคนรัก ผมที่รู้จักมันมาจะเข้าปีที่แปด คงไม่ปล่อยให้พี่เภาคาบไปแดกหรอก แต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ถูก มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่คนรัก ผมอยากอยู่ข้างมันตลอดไป แต่ไม่ใช่ในฐานะคนรัก จะว่าเป็นเพื่อน หลายครั้งที่ก็รู้สึกเป็นห่วงมันมากๆ จนรู้สึกว่า แค่คำว่าเพื่อนคงไม่พอ อาจจะเรียกว่าเป็นคนในครอบครัวหรือเปล่า เพราะผมเป็นลูกคนเดียว พี่น้องที่คลานตามกันมาก็ไม่มี มีก็แต่ลูกพี่ลูกน้องอย่างพี่เพิร์ล พี่เภา แล้วก็ไอ้ภาม
ผมนั่งลงตรงม้าหิน แล้วดึงไอ้จีนลงมานั่งข้างผม ผมไม่ใช่คนโรแมนติกแบบพี่เภา ไม่ใช่คนสุภาพแบบไอ้เพียว ไม่ได้คารมคมคายอย่างพี่เชน ผมก็เป็นผม ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่พูดจาหวานๆก็ไม่เป็น เซอร์ไพรส์อะไรไม่เก่ง ทุกอย่างที่ทำก็แค่ทำตามความรู้สึกของตัวเอง แต่ในชีวิต ก็ย่อมมีซักครั้ง ที่ผู้ชายธรรมดาอย่างผม อยากที่จะเป็นคนพิเศษสำหรับใครบางคน
“ไม่แปลกหรอกที่จะรู้สึก เพราะแอลมันก็อยู่รอบตัวกูจริงๆ”
“ถ้าจีนเป็นได้ซักครึ่งของพี่แอลก็คงดีสิ”
“เพื่ออะไร? ถ้าอยากได้แบบไอ้แอล กูไปคบกับไอ้แอลไม่ดีกว่าเหรอ”
มันเงียบไป เหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่ ผมเลยต้องกระตุ้นมันเข้าไปอีกหน่อย ก็ไม่ค่อยชินเหมือนกัน ที่ต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ บอกแล้วว่าคนนี้ต่างจากคนอื่น ถ้าเป็นที่ผ่านมาผมไม่เสียเวลาปรับความเข้าใจหรอก
‘ตกลงแอลนี่เป็นแค่เพื่อนหรือเป็นแฟนเวย์กันแน่คะ’ คำถามที่ถูกพวกผู้หญิงที่คบด้วยถามบ่อยๆ ผมก็แค่ไหวไหล่ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่แคร์
‘แล้วแต่เธอจะคิดละกัน’แต่พอเป็นไอ้จีน ผมกลับไม่ยอมปล่อยให้มันคิดไปเอง ผมไม่ใช่คนพูดเก่ง ไม่รู้จะอธิบายได้ดีแค่ไหนเหมือนกัน
“แล้วจีนไม่เคยคิดอยากจะคบคนที่ทำตัวดีๆ พูดจาดีๆ เอาใจเก่งบ้างเหรอ”
“ถ้าอยากได้แบบนั้นแล้วจีนจะมาคบกับพี่เวย์ทำไม ไม่ใช่ว่าไม่เคยลองมองคนอื่นนะ แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ จีนจมอยู่กับความรู้สึกที่คอยมองตามผู้ชายปากร้าย ทำตัวดิบๆ แต่ความจริงแล้วใจดีที่สุดในโลกมาสองปีนะ”
“ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ตราบใดที่จีนชอบที่พี่เป็นพี่ พี่ก็ชอบแบบนี้ ไม่ได้ชอบแบบไอ้แอล ไม่ต้องไปอิจฉา ไม่ต้องอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นแบบมันหรอก” ผมพูดไปแล้วก็อดเขินตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ที่ผ่านมาพยายามไม่พูดกูมึง แต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะแทนตัวเองว่า
’พี่’ เอาเถอะ พูดบ่อยๆ คงชินเข้าซักวัน ทำให้มันแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมหรอก
พอมาคบกันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันหลายอย่าง จีนมันเป็นพวกเก็บอารมณ์เก่ง มันต้องกระตุ้นให้มันพูดออกมาอยู่เรื่อย ไม่อยากจะปล่อยให้มันไปคิดเล็กคิดน้อย ถึงผมจะไม่ใช่คนพูดจาดีเท่าไหร่ แต่ถ้ามันถาม ผมก็มั่นใจว่าตัวเองมีคำตอบให้กับทุกคำถามของมัน
“ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะพูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่รู้ไว้เลยว่า ไม่ได้ชอบแอลแบบคนรักแน่ๆ มันสำคัญ แต่มันไม่ใช่คนรัก ส่วนคนรักน่ะมีอยู่แล้ว คงไม่ต้องให้บอกใช่ไหม ว่าเป็นใคร” ผมจ้องตามันเป็นเชิงคาดคั้น รู้สึกดีที่มันไม่หลบตาผม
“รู้แล้ว” มันอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา แต่หน้าแดงระเรื่อ
“รู้แล้วก็เลิกคิดมากได้แล้ว ถึงจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ถ้าเลือกแล้วก็แปลว่ามั่นใจแล้ว ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆหรอก” ถึงคำพูดมันจะฟังดูห้วนๆ แต่ผมก็พูดตามที่คิด และหวังว่ามันจะรับรู้ได้เช่นกัน
“ไป...ไปเอาลูกหมาที่ร้านได้แล้ว” ผมลุกขึ้นแล้วก็สะกิดมัน มันเงยหน้ามองผมตาเป็นประกาย
“จีนคิดชื่อลูกหมาได้แล้ว”
“หือ?...ชื่ออะไรล่ะ”
“วันเวย์”
คุณคิดว่าผมจะยอมไหมล่ะครับ กับการที่ต้องมีชื่อตัวเองไปเอี่ยวอยู่ในชื่อหมา ตลกแดกแล้วครับ!!
“ล้อเล่นน่า...ชื่อ
คริสต์มาสต่างหาก” เออ! เดี๋ยวกูตั้งชื่อหมาว่าจีนนี่บ้างหรอก
“ทำไมต้องคริสต์มาสด้วย” กูสมองช้า กูไม่เข้าใจ
“ก็จีนเจอพี่เวย์ครั้งแรกตอนวันคริสต์มาสอีฟนี่นา”“เออ! คริสต์มาสก็คริสต์มาส ไปรับมันมาได้แล้ว”
.
.
ผมนั่งรอไอ้จีนอยู่ที่โซฟา ระหว่างรอมันไปเอาไอ้เปี๊ยก ที่เพิ่งได้ชื่อว่า ‘คริสต์มาส’ มาจากที่ร้าน เห็นโทรศัพท์มันวางอยู่ก็หยิบมากดเล่น เล่นไปไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงัก เพราะมีสายโทรเข้า
...TAE...“ฮัลโหล มีอะไร?”
((อ้าว! นั่นไม่ใช่เบอร์จีนเหรอครับ))
“ใช่ เบอร์แฟนกูเอง มึงโทรมามีอะไรเนี่ยไอ้เต้”
ไอ้เต้คือน้องที่เคยมาค่ายติวความถนัดตอนเดือนตุลาคม ตอนแรกทำท่าเหมือนจะชอบไอ้น้องแอล แต่ทำไมไปๆมาๆ พอเปิดเทอมมันมาติดต่อไอ้จีนจนถึงขั้นโทรหาบ้าง มาหาที่โรงเรียนบ้างได้วะเนี่ย
((อ่า...พี่เวย์เองเหรอ พอดีผมจะโทรมาถามวิธีทำโจทย์ฟิสิกส์จากจีนน่ะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมค่อยโทรมาใหม่ก็ได้)) ไอ้เต้อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง
“ไม่เป็นไรหรอก มึงอุตส่าห์โทรมาแล้ว บอกโจทย์มาสิ เดี๋ยวกูอธิบายให้”
อย่าคิดว่าผมเป็นคนดีที่จะมานั่งอธิบายโจทย์อะไรให้มันฟังน่ะครับ ก็แค่ไม่อยากให้มันโทรมาหาไอ้จีนตอนที่ผมไม่อยู่เท่านั้นแหล่ะ ผมเดินไปหยิบกระดาษกับดินสอมา จดโจทย์ที่มันถามแล้ว ก็นั่งอธิบายวิธีทำให้มันฟัง ก่อนจะวางสายไม่วายบอกมันทิ้งท้าย
“จดเบอร์กูไว้นะ คราวหลังไม่เข้าใจตรงไหนก็โทรหากู ไม่ต้องโทรหาแฟนกู กูเรียนวิศวะ กูตอบได้”
พอวางสายเสร็จ ไอ้จีนก็กลับมาพอดี เห็นมันเดินหิ้วตะกร้าหน้ายุ่งเข้ามาเชียว ดูเหมือนไอ้คริสต์มาสมันจะหลับปุ๋ยไปแล้ว แม่มันเลยไปจัดการที่นอนให้มัน พอผมกวักมือเรียก มันก็เดินมานั่งด้วย
“เป็นอะไร หน้าอย่างกับตูด”
“คริสต์มาสต้องอยู่บ้านคนเดียว”
“ไอ้ลูกหมาเนี่ยน่ะนะ?” ผมพยักเพยิดไปยังไอ้เปี๊ยกที่นอนอยู่บนที่นอน ไอ้จีนเลยหน้าตูดหนักกว่าเดิม
“หมายถึงวันคริสต์มาสต่างหากเล่า”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“แม่จะไปหาพ่อ”
พ่อไอ้จีนเป็นวิศวกรอยู่โรงงานต่างชาติที่ชลบุรีครับ ปกติก็จะมีกลับมาบ้านบ้างเดือนละครั้ง หรือบางทีแม่ไอ้จีนกับไอ้จีนก็จะไปหาบ้าง นี่สงสัยคริสต์มาสแม่มันคงจะไปหาพ่อแน่เลย
“แล้วทำไมไม่ไปด้วยล่ะ”
“แม่ไปแค่ช่วงคริสต์มาส เดี๋ยวปีใหม่พ่อกับแม่ก็กลับมาแล้ว ปกติช่วงคริสต์มาสที่ร้านจะคนเยอะด้วย ถ้าไปก็ต้องปิดร้าน เลยว่าจะอยู่ดูร้านให้แม่แทน”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวมาอยู่เป็นเพื่อน”
หน้ามันดีขึ้นมานิดนึง ผมเองก็ไม่มีโปรแกรมช่วงคริสต์มาสอยู่เหมือนกัน ถ้ากลัวจะเหงามากนัก เดี๋ยวก็ลากคนอื่นมาแจมด้วยก็เท่านั้น ไม่เห็นจะยากเลย เผลอๆจะลากมาช่วยทำงานแม่งเลย เป็นไงล่ะครับผม ช่วยกันทำมาหากินดีมั้ยล่ะ
“แล้วเมื่อกี้เห็นใช้โทรศัพท์จีน มีคนโทรมาเหรอ” มันคงเพิ่งนึกขึ้นได้เลยหันมาถามผม ผมก็ส่งโทรศัพท์คืนมันไป ก่อนจะบอกเสียงเรียบ
“ไอ้เต้มันโทรมา จะถามโจทย์ แต่ตอบให้แล้ว”
มันพยักหน้าแล้วก็ไมได้สนใจอะไรอีก เดินไปคว้ารีโมทมากดเปิดทีวีดู ผมเลยต้องถามต่อ
“ปกติมันโทรมาบ่อยเหรอ”
“ก็วันเว้นวันละมั้ง”
“บอกมันว่า ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ แฟนขี้หึง ไม่ชอบให้คุยกับผู้ชายคนอื่น”
“ไม่!!” มันปฏิเสธทันควันแบบไม่ต้องคิด
“ทำไม?” ผมก็ถามทันทีเหมือนกัน
“ก็ชอบให้หึง”“เออ! ภูมิใจซะ เกิดมายี่สิบปีไม่เคยหึงใครเหมือนกัน เพิ่งมีคนแรกเนี่ยแหล่ะ”
.
.
บางที ผมก็กำลังสงสัยว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูก ที่เอาไอ้คริสต์มาสมาให้ไอ้จีนมันเลี้ยง ข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ค้นพบคือ พอผมไปรับมันที่โรงเรียน มันจะเรียกร้องอยากกลับบ้านทันที โดยไม่เถลไถล ไม่แวะไปไหน เพราะจะรีบกลับมาดูไอ้คริสต์มาส ที่เป็นขวัญใจพนักงานและขวัญใจแม่มัน ส่วนข้อเสียน่ะเหรอ...
ก็เดี๋ยวนี้ไอ้จีนมันอุ้มกระเตงไอ้คริสต์มาสประหนึ่งแม่ลูกอ่อน ไม่ยอมให้ห่างตัวเลยน่ะสิครับ พาเดินวนรอบบ้าน บอกว่าเป็นการทำความคุ้นเคย พูดคุยกับไอ้คริสต์มาส ทั้งที่ไอ้คริสต์มาสยังเห่าไม่เป็นด้วยซ้ำ
“คริสต์มาส! มานี่เร็ว” ไอ้จีนมันเอาลูกบอลสีรุ้ง ที่บีบแล้วมีเสียงมาหลอกล่อ
ไอ้คริสต์มาสนี่ก็เลี้ยงง่าย หมาเชื่องเหลือเกิน แม่มันสั่งอะไร ก็ทำตามหมด อ้อ...แต่มีผมคนเดียวที่คิดว่ามันเป็นแม่นะครับ เพราะมันแทนตัวเองกับลูกมันว่า
“มาหาพี่จีนเร็ว...”
ช่วงแรกที่ไอ้คริสต์มาสมันยังไม่เห่าเลยครับ ไอ้จีนก็กังวล จนผมต้องพาไปปรึกษาสัตวแพทย์ เขาก็บอกว่า แล้วแต่ลูกหมาแต่ละตัว บางตัวกว่าจะเห่าก็ห้าเดือนนู่น บางตัวสองเดือนก็เห่าแล้ว ไอ้จีนก็ค่อยวางใจหน่อย ผมเลยปลอบ(?)มันไปว่า
“ไม่เห่าก็ดีแล้วไง จะได้ไม่หนวกหู”
“ทีเวลาพี่เวย์เห่า จีนยังไม่เคยว่าเลยนะ”
เออ! เปรียบกูเป็นหมาซะงั้น แต่ช่างแม่งเถอะ เพราะตอนนี้ผมก็ยกให้มันเป็นแม่หมาไปแล้ว ถ้าผมต้องเป็นพ่อหมาแล้วจะทำไมล่ะ ก็สมกันดีกับแม่หมาอย่างมันล่ะนะ
ตอนแรกผมก็ว่าไอ้น้องแอลเว่อร์แล้วนะ แต่ความเว่อร์ของไอ้จีนมีมากกว่า เพราะมันลงทุนหาคอร์สฝึกหมา ทั้งที่ไอ้คริสต์มาสเพิ่งจะอายุแค่สองเดือน จนผมต้องย้ำกับมันเป็นล้านรอบ ว่าไอ้ลูกหมาที่นอนคลอเคลียอยู่บนตักมันเนี่ย อายุแค่สองเดือนครับ จะเอาอะไรกับมันมากมายเนี่ย
“มันก็เหมือนเป็นลูกของเรานะ อีกหน่อยมันโตก็ต้องพามันไปฝึก เหมือนพาไปเข้าโรงเรียนไง”
“ตามใจเหอะ”
ไม่รู้ที่พูดมานี่มันรู้ตัวหรือเปล่า แต่ผมก็ชอบนะครับ ไอ้คำว่า
‘ลูกของเรา’ เนี่ย ถึงจะเป็นไอ้ลูกโกลเด้นหวงแม่ ที่เอาแต่คลอเคลียแม่มันไม่ห่างก็เถอะ
“หิวน้ำไหมคริสต์มาส?”
“คริสต์มาส มานอนได้แล้ว”
เออ! บางทีผมก็อิจฉาลูกหมาบ้างอะไรบ้างนะครับ ไอ้จีนมันเล่นประคบประหงมเอาอกเอาใจ จนอยากจะบอกว่า ที่นั่งหัวโด่นี่คือผู้ชายที่มันแอบชอบมาสองปี และปัจจุบันมีฐานะเป็นแฟนมันนะ ทำไมถึงเอาใจแต่ไอ้ลูกหมาอายุสองเดือนนั่น
“ถึงจะเป็นหมา กูก็หึงได้เหมือนกันนะ”- END STEP 46 -
๐ ความรู้สึกของน้องจีน มันคงแอบมีอึดอัดบ้าง แต่เวย์ก็...พูดไม่เก่ง หวังว่าจะดีกว่าเดิมเนอะ เพราะเวย์คงอธิบายความสัมพันธ์ของตัวเองกับแอลไม่ถูกเหมือนกัน จะให้เวย์ปากหวานใส่น้องจีน ก็ไม่ใช่แนวเวย์อีก ต้องค่อยเป็นค่อยไป ค่อยพัฒนา มีงับกันเป็นระยะพอแก้เบื่อ
๐ ตอนนี้...ไม่รู้ว่าน้องแอลหรือน้องหมาขโมยซีนกันแน่ หึหึ น้องแอลปาไปครึ่งตอน เกรียน รั่ว บ้าเหมือนเดิมเด๊ะ เวลาเป็นพาร์ทน้องแอลเล่า น้องจะดูไม่รั่วเท่า แต่พอเป็นสายตาคนอื่นมอง อั๊ยยะ...พี่เภาเลี้ยงมายังไงเนี่ยน้องแอล
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ตกหล่นชื่อใครขออภัยด้วยค่า อาจจะมีแอบเบลอบ้าง เจอกันตอนหน้านะคะ