#Chapter9 – ซู่ ซู่........
ผมกับพี่ทะเล เราสองคนเดินลงไปในทะเลที่ตอนนี้น้ำลดอยู่ พอหันกลับไปมองก็พบว่าเราเดินมาไกลจากจุดที่เราจอดมอไซไว้พอสมควร จนถึงตอนนี้เราทั้งคู่ยังไม่มีใครปริปาก พูดอะไรออกมาสักคำ แต่น่าแปลกผมกับสัมผัสได้ว่า บรรยากาศระหว่างเราทั้งคู่ค่อย ๆ ดีขึ้น ถึงไม่มีการพูดคุยใด ๆ เลยก็ตามคงเพราะ ทะเล นี่สินะ
“พี่ครับ…พี่มาที่นี่บ่อยไหม ” ผมเริ่มทำลายความเงียบ
“ไม่บ่อยหรอก แล้วมึงละ ”
“เคยครับ แต่ไม่เคยมาตอนน้ำลด…นี่ครั้งแรก” ผมตอบออกไปตามความจริง
“แล้วนึกไงถึงพาผมมาที่นี่ ” ผมถามต่อ
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“…”
“แต่กูเห็นหน้ามึงตอนนั้น เหมือนแบกเรื่องทุกข์ใจเอาไว้ กูเดานะต้องมีเรื่องของกูอยู่ด้วย” คงจะหมายถึงตอนที่อยู่ในบูทชมรม สินะ
“…” ผมยังคงเงียบเหมือนเดิม
“มึงมีอะไร เล่าให้กูฟังได้นะ…ถึงกูกับมึงเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน.. ”
“ไม่ได้เพิ่งจะรู้จัก…แต่ผมรู้จักพี่มานานแล้ว ”
“อย่างนั้นหรอ ”
“สำหรับผม ผมรู้จักพี่มานานมากแล้ว…ตั้งแต่สมัยที่พี่เรียน ม ปลาย ”
“….”
“พี่คงจะจำผมไม่ได้หรอก ผมมันเป็นพวกบ้าเรียน ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่ได้เป็นตัวท็อปเด่น ๆ ของโรงเรียน ออกจะเป็นคนที่อยู่นอกสายตาด้วยซ้ำ ไม่หน้าจดจำ เหมือนคน…”
“
ทำไมชอบคิดว่า กูจะจำมึงไม่ได้ ”
“คือผม…”
“มึงนี่นะ สงสัยอะไร อยากรู้อะไรทำไมถึงไม่ถาม ทำไมชอบคิดเองเออเอง ตลอด ”
“ผม…ขอโทษครับ”
“แล้วจะบอกกูได้ยัง ว่าเป็นอะไร ”
“คือ ผม ”
“ผมอะไรก็พูดออกมาสิวะ ! ” พี่มันตะคอกใส่หน้าผมคงจะถึงขีดสุดของมันแล้วล่ะ
“พี่เป็นแฟนกับสกายใช่ไหม ! ” ตะคอกมาตะคอกกลับ เอาสิ ผลที่ได้คือ เงียบ เงียบจนได้ยินเสียงน้ำไหล
“ที่หลบหน้า ไม่พูดกับกู เพราะเรื่องแค่นี้
“แล้วมันจริงไหมละ ? ”
“มึงฟังนะ…”
“พี่จะให้ผมทำไง เรื่องเรียน เรื่องกีฬา เรื่องอื่น ๆ ผมกล้าหมด แต่พอเป็นเรื่องพี่ ผมกลับปอดแหกขึ้นมา ถ้าผมกล้าสักนิด ผมก็คงไม่เป็นแบบ… ”
ผมพูดยังไม่ทันจบ จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ดึงผมเข้าไปกอด เขากดหน้าผมลงกับอกอันแข็งแกร่งของเขา อบอุ่น มันช่างเป็นกอดที่อบอุ่นเหลือเกิน ผมไม่เข้าใจการกระทำของพี่ทะเลในตอนนี้เอาสะเลย
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว…พี่รู้แล้ว ” ผมกำลังจะดันตัวหนีจากอ้อมกอดนั่นแต่ พี่ทะเลยิ่งกระชับกอดให้แน่นขึ้น
“ฟังพี่ก่อน…พี่กับสกายไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด พี่กับสกายเราไม่เคยเป็นมากกว่าพี่น้อง เพราะ
พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ”
“คนที่ชอบ ? ”
“เราเลิกคิดมากเรื่องนี้ได้แล้ว ”
“ครับ แต่คนที่พี่ชอบ? ”
“พี่ว่าเรากลับกันเถอะ ลมเริ่มแรงขึ้นแล้ว ”
“ครับ คือจะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะให้พี่ไปส่งที่บ้านผมหน่อย ”
“บอกทางพี่ก็แล้วกัน”
ตลอดทางที่ขับรถมา ผมก็ชวนพี่ทะเลคุยไปเรื่อยเปื่อย ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านผม ผมกดกริ่งอยู่สักครู่ พ่อก็ออกมาเปิดปประตูให้
“อ้าว เจ้าซัน มาสะมืดค่ำเชียว ”
“หวัดดีครับพ่อ ”
“แล้วนั่นใคร กันละ ” พ่อผมหันมาถามผม
“นี่พี่ทะเล รุ่นพี่สมัย ม ปลายนะครับ ”
“สวัสดีครับคุณอา ”
“ไหว้พระเถอะ…มาส่งซันเหรอลูก”
“ครับ” พี่ทะเลตอบผมไปแบบนั้น
“แล้วคืนนี้จะค้างที่นี่ไหม ” เห้ย ทำไมพ่อไปชวนพี่เขาแบบนั้นละ
“ผมว่าพี่เขาคงไม่ค้างหรอกพ่อ พี่เขาแค่มาส่งผมเฉย ๆ เดี๋ยวก็กลับแล้วใช่ไหม พี่ ” ผมหันหน้าไปส่งซิกให้พี่มันปฏิเสธพ่อผม แต่เหมือนผมจะส่งซิกไม่ดีหรือว่า พี่มันแกล้งผมกันแน่
“ค้างครับ ” ยังมีหน้ามายิ้มเยาะเย้ยผมอีก นะ
“อ่อ งั้นซันพาพี่เขาเข้าไปข้างในก่อนลูกเดี๋ยวพ่อล็อคประตูเสร็จจะตามไป”
ผมเดินนำพี่ทะเล เข้าไปในบ้าน
“บ้านผมไม่ใหญ่เท่าไหร่นะพี่ ”
“กูว่าอบอุ่นดี ”
นั่นไงแม่ผมกำลังดูละครหลังข่าวอยู่นี่เอง ผมย่องไปข้างหลังแม่แล้วกอดแม่จากข้างหลัง
“จ๊ะเอ๋ ”
“เหวอ..ตกใจหมด ซันเองเหรอลูก ”
“ครับ แม่ครับนี่พี่ทะเล เป็นรุ่นพี่ที่ ม ครับ ” ผมแนะนำพี่ทะเลให้แม่รู้จัก พี่มันก็ยกมือไหว้แล้วทักทายแม่ผม
“สวัสดีครับคุณน้า”
“ไหว้พระเถอะจ้ะ ทะเลมาส่งซันหรือลูก ”
“ครับคุณน้า”
“แล้วคืนนี้จะค้างที่นี่ก่อนไหม ดึกแล้วขี่รถกลับมันอันตราย ”
“ครับ ”
“ไม่ต้องเกร็งนะลูก ทำตัวสบาย ๆ คิดสะว่าเป็นบ้านเรานะ ”
แม่ชวนแต่พี่ทะเลคุย อย่างเดียวไม่สนใจลูกชายคนนี้เลย ใช่สิ ผมมันไม่หล่อ เร้าใจ เหมือนพี่ทะเลนิ คิดแล้วก็น้อยใจ
“คิดอะไรอยู่น่ะเรา ” เหมือนแม่จะมีญาณวิเศษ สัมผัสได้ถึงความคิดอันขื่นขมของผม ฮ่า ๆ
“ป่าวครับ อ่ะพ่อมาพอดี ” พ่อผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น คงจะปิดประตูเสร็จแล้ว
“กินอะไรมากันหรือยังลูก ” พ่อผมเปิดฉากถามก่อนเลย
“กินมานิดหน่อยแล้วครับ ” อันนี้ผมไม่ได้พูดนะ นู้นใอ่คนตัวสูงข้าง ๆ ต่างหากที่พูด
“หิวกันหรือเปล่า ”
“หิวครับ หิวมากเลยพ่อ มีอะไรกินไหมครับ ” อันนี้ผมพูด ก็มันจริงนิ ตั้งแต่ออกจากงานมาผมได้กินแค่น้ำปั่นที่ผมซื้อ ส่วนตอนอยู่ลานเกียร์มัวแต่โม้ เลยยังไม่ได้กินอะไรสักนิด
“มี เมื่อเย็นแม่เขาทำมัสมั่น กับพะแนงไก่ไว้ มีแต่ของชอบของเราทั้งนั้น ยังกะรู้ว่าเราจะมา ”
“จริงเหรอครับ…ดีนะเนี่ยที่ล้างท้องมา ฮ่า ๆ ”
“ซันขึ้นไปอาบน้ำก่อน พาพี่เขาขึ้นไปด้วย เสร็จแล้วลงมากินข้าว เดี๋ยวแม่เตรียมไว้ให้ ทะเลกินข้าวด้วยกันก่อนนะจ๊ะ”
ท้ายประโยคแม่หันไปบอกพี่ทะเลที่ตอนนี้ มีสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนหมาได้กินข้าวเลย ฮ่า ๆ (อย่าบอกพี่ทะเลนะว่าผมคิดแบบนี้)
ผมพาพี่ทะเลเข้ามาในห้องนอนของผม ที่ตอนนี้ค่อนข้างโล่งเพราะของส่วนใหญ่ผมก็ขนไปที่หอหมดแล้ว แต่ก็มีเหลืออยู่บ้าง พี่ทะเลนั่งลงตรงโต๊ะเขียนหนังสือของผม ที่ตอนนี้ว่างเปล่า ดีนะ ที่ผมขนของทั้งหมดบนโต๊ะไปหอหมดแล้ว ไม่งั้น คงได้เห็นรูปตัวเอง แล้วเดี๋ยวผมจะโดนสักไซร้ไร่เรียงอีก
“พี่จะอาบก่อน หรือให้ผมอาบก่อนอ่ะ ”
ผมหันไปถามพี่ทะเลที่ตอนนี้กำลังเล่นกับ ตุ๊กตามอนสเตอร์ของผมอยู่ ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน
“…..” ยังไม่ตอบ สนใจกุบ้างดิครับพี่
“พี่ทะเล! ผมถามว่าพี่จะอาบก่อน หรือ…”
“มึงไปอาบก่อนไป ตากฝุ่นมาทั้งวัน เดี๋ยวกูค่อยอาบทีหลัง ” เก่งนักนะใอ่เรื่องพูดแทรกขึ้นมาเนี่ย
ผมเข้าไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณ ที่ตากแดดตากฝุ่นมาทั้งวัน
“อรายยย…สดชื่นจริง ๆ ” ผมเช็ดตัวแล้วใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะวันนี้มีแขกมานอนด้วย นี่ถ้าเป็นปกตินะ ผมโดนแก้ผ้าโทงเทงละ ผมออกมาจากห้องน้ำแล้ว มองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ที่ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากแผ่นหลังที่ขยับขึ้นลง ตามลมหายใจ เข้าออก จังหวะสม่ำเสมอ
“พี่ทะเล พี่ทะเล …”
ผมเรียกอย่างเบา ๆ เพื่อทดสอบดูว่าหลับจริงไหม แต่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ออกมา คงจะหลับจริง ๆ แหะ พอผมเดินเข้าไปดูใกล้ ถึงได้เห็นว่า พี่มันฟุบหน้าหลับลงบนโต๊ะโดยมี เจ้ามอนสเตอร์สีเขียว ๆ รองอยู่
ผมก็สังเกตเห็นว่า ตอนนี้พี่ทะเลสวมแว่นตาอยู่ ซึ่งปกติแล้วไม่ค่อยเห็นเขาใส่เลย เมื่อมองไปบนโต๊ะ จากเดิมที่ว่างเปล่า ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบรรดาชีทเรียน กับปากกาวางอยู่ สงสัยคงจะเอามาอ่านตอนที่ผมอาบน้ำอยู่
“เรียนหมอ…มันหนักขนาดนี้เลยเหรอวะ ” เอาเถอะผมไม่กวนดีกว่า ปล่อยให้นอนหลับไปแบบนี้ก่อน
ผมเดินลงมากินข้าวคนเดียว พ่อแม่ผมก็ถามนะว่าพี่ทะเลไม่ลงมาเหรอ ผมก็ตอบไปว่า พี่ทะเลหลับอยู่ เลยไม่อยากปลุก พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กำชับให้ผมเอาขนม กับน้ำผลไม้ขึ้นไปให้พี่เขาด้วย เผื่อเขาตื่นมาแล้วจะหิว
ผมเดินขึ้นมาบนห้อง ของตัวเอง หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผมเอาขนมกับน้ำผลไม้ขึ้นมาให้พี่ทะเลตามที่แม่ผมบอก แต่ผมแอบหยิบเครื่องดื่มบำรุงสมองติดมาด้วย ถ้าแม่ไม่สั่งนี่ผมไม่ทำหรอกนะ จะปล่อยให้หิวไปเลย ชอบทำผมคิดมากดีนัก
ไหน ๆ ก็หลับไปสักพักแล้ว ผมปลุกมันดีกว่า ไม่ได้กลัวจะหิวนะ แต่มดมันจะมาขึ้นขนมพวกนี้ แล้วถ้าแม่รู้ว่าพี่ทะเลได้กิน ก็จะองค์ลงบ่นผมแน่ ผมวางของลงบนโต๊ะ ให้ห่างจากชีทสักหน่อย กลัวมันหก
“พี่ทะเล พี่ทะเลตื่น … ” ผมก้มหน้าลงไปเรียกใกล้ ๆ กับหูของมัน
“พี่ทะเลตื่นเถอะครับ พี่ทะล…” ได้ผลพี่มันลืมตา แล้วยกหัวขึ้นมาจากหมอน เป็นจังหวะเดียวที่ผมก้มหน้าลงไปใกล้ ๆ กับหูของพี่มัน แต่แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ้ย จะอะไรเสียอีก ตอนนี้แก้มของพี่ทะเลกับจมูกของผม มันชนกันนะสิ ผมกำลังหอมแก้มพี่ทะเลอยู่
ผมสตั๊นไป 3 วิ พอตั้งสติได้ ผมรีบถอยหน้าตัวเองออกมาทันที
“กูหลับไปนานไหม ” พี่มันถามผม
“อ่อ…ไม่นานเท่าไหร่ครับ ”
“ปะ ลงไปกินข้าวกัน ” โถ่พ่อคุณ ผมกินอิ่มไปละ
“ผมกินไปแล้ว ”
“ไมไม่ปลุกกู หนีกูลงไปคนเดียวน่ะมึง” ณ จุด ๆ นี้รู้สึกผิดขึ้นมาเลยแหะ
“ไมจะไม่ปลุก ผมปลุกแล้วแต่พี่ไม่ตื่นเอง” ผมตอบไปตามจริง
“ช่างเถอะ เดี๋ยวกูจะอ่านหนังสือต่อ มึงนอนไปก่อนเลย ”แหมเสียงแข็งขึ้นมาเชียวนะพี่มึง คิดเหรอว่าผมจะสนใจ
“แต่ ผมเอาขนมกับน้ำผลไม้มาให้แทนนะ ผมกลัวพี่หิว ”
“….” ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากพี่ทะเลอีก แต่ผมว่าพี่มันคงจะไม่ติดใจอะไร เพราะผมเห็นเขาหยิบขนมขึ้นมากินบ้างแล้ว
“ผมไปนอนก่อนนะพี่ เอ่อ…”
“จะพูดอะไร…ก็พูดมา”
“ตั้งใจอ่านนะพี่… ”
“ฝันดีนะ” พูดอย่างเดียวได้ไหม ไม่ต้องส่งสายตากับรอยยิ้มแบบนั้นมาได้ไหม ผมจะนอนไม่หลับ
ผมนอนลงตรงที่ผ้าที่ปูข้างเตียง พี่ทะเลหันมาถามผม
“นั่นจะทำอะไร ”
“นอนไงพี่ ”
“ทำไมไม่นอนบนเตียงดี ๆ ”
“บนเตียงผมให้พี่นอน พี่เป็นแขกจะมานอนพื้นไม่ได้ ”
“ตรรกะ อะไรของมึง ขึ้นไปนอนบนเตียงสะ อย่าให้กูพูดรอบสอง ”
“ทำไม ! ถ้าพูดรอบสองแล้วพี่จะ เห้ยๆๆ พี่ทะเล พี่ทำอะไรของพี่เนี่ย ” พูดไม่ทันขาดคำ ไม่รู้ว่ามาตอนไหนถึงได้เข้ามาอุ้มผม ในท่าอุ้มเจ้าสาว แล้วโยนลง ใช่ครับต้องใช้คำว่าโยน เพราะพี่มันโยนผมจริง ๆ แต่ดีนะที่เตียงผมมันนุ่ม สปริงเขาดี
“โอ๊ย ! วางเบา ๆ ไม่เป็นหรือไง ”
“นอนบนนี้ ถ้ามึงลงไปนอนข้างล่างอีก มึงก็จะเจอแบบเมื่อกี้อีก”พอพูดจบ พี่มันก็เดินไปนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม
เงียบ……
ตอนนี้ระหว่างผมและพี่ทะเลมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร อีก จะมีแต่ก็เสียงแอร์ กับเสียงพลิกหน้ากระดาษไปมา ที่ทำให้รู้ว่าอีกคนยังไม่นอน จู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาสะงั้น ผมง่วงและเพลียมากกับเรื่องวันนี้ บวกกับอากาศที่เย็นสบาย ผมจึงเคลิ้มหลับไปในที่สุด
.
.
.
ไม่รู้ว่า แอร์เย็นสบาย หรือเพราะมีอีกคนที่มาอยู่ด้วยในตอนนี้
ผมจึงหลับฝันดีกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ...
Talay’ part 2.......
“หลับไปแล้วสินะ “
ผมหันไปดูมัน ที่ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว เวลานอนคงเป็นช่วงเดียวจริง ๆ ที่มันจะไม่ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ใช่ครับตอนนี้ผมกำลังอยู่ในห้องนอนของแว่น ใครจะรู้ว่าการที่พามันไปปรับทัศนคติ เอ้ย ปรับความเข้าใจที่ทะเล จะมีผลพลอยได้ให้มาค้างที่บ้านของมัน บ้านของแว่นเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นทั่ว ๆ ไป
ผมเดินมาข้างเตียง แล้วนั่งย่อลงข้าง ๆ คนที่กำลังหลับสนิท นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่แว่นเข้ามาในชีวิตผม ที่ผมได้มีโอกาสมองหน้าของมัน ชัด ๆใกล้ หน้าที่ไม่ได้ใส่แว่นตานั่น มันก็ดูเป็นเด็กผู้ชายปกติทั่วไป ไม่ได้หน้าหวาน หรือ เหมือนผู้หญิง ออกจะจืดชืด ด้วยซ้ำ แต่ถึงเป็นแบบนั้นผมกลับชอบ ในความจืดชืดแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่คนน่าตาดี ๆ เข้าหาผมตลอด อย่างดาวคณะ คนนั้นที่ทำให้ผมตกเป็นข่าว โดนชาวบ้านเขานินทา ต่าง ๆ นานา ว่าผมมีอะไรกับเธอคนนั้นบางแหละ อยู่ด้วยกันบ้าง พาขึ้นห้องบ้าง ผมจะบอกให้นะความจริงของเหตุการณ์นั้นนะ
……………………………………...
วันนั้นผมกำลังจะไปเรียน แล้วเธอคนนั้นก็มาดักรอผมที่หน้าห้อง ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ได้ไงว่าผมอยู่ห้องนี้ เธอมาบอกกับผม
“พี่ทะเล คะ ”
“….”
“คือ แพรวชอบพี่ทะเล ค่ะ ”
“…”
“แพรวอยากจะขอโอกาสให้…” ไม่รอให้เธอพูดจบ ผมรีบพูดขึ้นเลย แน่นอนใอ่นิสัยพูดแทรกนี่มันเป็นนิสัยติดตัวผมไปละ
“ทำไมถึงชอบพี่ ” นั่นสิทำไมกัน ผมอยากจะรู้เหตุผลของเธอ
“พี่ทะเลเป็นคนดี นิสัยดี แล้วก็…”
“เอาตรง ๆ นะแพรว พี่ไม่ได้ชอบเราในแบบที่แพรวต้องการ ” เหตุผลของเธอก็ไม่ต่างกับผู้หญิงคนก่อน ๆ ที่มาสารภาพกับผม ผมเบื่อที่จะฟังอะไรซ้ำ ๆ เดิมๆ เหมือนลอกคำพูดกันมา หรืออาจเพราะผมมีคนที่อยู่ในใจแล้วก็ได้ ถึงไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้
“แต่แพรวแค่อยากจะขอโอกาสจากพี่บ้าง ให้แพรวได้ทำอะไรเพื่อพี่ก่อน ถึงตอนนั้นพี่จะชอบแพรวหรือไม่ชอบ แพรวก็ยินดีรับทุกอย่าง ”
“อย่าดีกว่าแพรว …พี่ไม่ได้คิดกับแบบนั้นจริง ๆ อย่ามาเสียเวลาที่พี่เลยนะ ”
สาวเจ้าก้มหน้า ราวกับสลดเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธจากผม แต่มันก็แค่ชั่วครู่นั่นแหละ ไม่ทันไร เธอใช้วิธีสุดท้ายที่เธอคิดว่าจะทำให้ผมสนใจได้ จะอะไรสะอีก เธอเริ่มงัดมารยาร้อยเล่มเกวียนของเธอขึ้นมาใช้ เธอผลักอกผมดันผมกลับเข้ามาในห้อง แล้วปิดประตูทันที
“แพรว…จะทำอะไร อย่าทำแบบนี้แพรว ” ผมรู้นะว่าเธอพยายามจะทำอะไรต่อไปจากนี้
“ในเมื่อแพรวขอพี่ดี ๆ พี่ไม่ยอม แพรวก็ต้องทำแบบนี้แหละ ”
ไม่พูดเปล่า เธอเอามือปลดกระดุเสื้อนิสิตของเธอลงมา เผยให้เห็นเนินอกที่ที่ขาวนวล (เห้ย ๆ ไม่ใช่ละกู จะเคลิ้มไม่ได้) เธอเดินเข้ามาใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอผม พยายามจะใช้มือกดหัวผมให้ลงมาซบกับ อกของเธอ
“แพรวรู้นะคะ…ว่าพี่ชอบแบบนี้ ”
“อย่า ไม่เอาน่าแพรว ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้ ” เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ เธอจับมือผมขึ้นมาแล้วจะวางทาบลงบนอกของเธอ ท่าไม่ดีละกู ผมใช้แรงที่มีผลักเธอ ออกไปในที่สุด เหมือนผมจะออกแรงมากไปหน่อยผลักเธอจนเซไปเข้ากับประตูห้อง
“แพรวกลับไปซะ อย่ามาที่นี่อีก ไม่ว่าแพรวพยายามจะทำเรื่องนี้อีกกี่ครั้ง พี่ก็ไม่มีวันสนใจแพรว ”
“….”
“อย่าให้พี่ต้องเกลียดแพรวเลยนะ รีบแต่งตัวแล้วออกไปซะ ไม่งั้นพี่จะให้ รปภ.มาลากออกไป ”
“แล้วพี่จะต้องเสียใจ ” ยัง ๆ ก่อนไปยังจะมาขู่ผมไว้อีก แต่เอาเถอะ ขู่ไปก็เท่านั้นทำอะไรผมไม่ได้หรอก นี่ถือว่าผมยังเป็นคนดีนะ ไม่ใจร้ายผลักเธอออกไปตั้งแต่เธอเริ่มถอดเสื้อ อย่างไงเธอก็เป็นผู้หญิง ถึงผมจะไม่ชอบเธอ แต่ผมก็ต้องไม่ทำให้เธอเสียหาย
แต่เหมือนเธอจะไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะผ่านไปไม่กี่วันก็มีข่าวเรื่องผมกับเธอ ถูกพูดกันอย่างหนาหูใน ม. เห้อ ถ้ารู้ว่าใจดีแล้วเป็นแบบนี้ ผมน่าจะจับเธอโยนออกจากห้องตั้งแต่ตอนที่เธอเริ่มเปิดอกละ
ข่าวซุบซิบพวกนี้ ผมไม่กังวลหรอก ผมคิดสะว่าสักวันคนก็เลิกพูดถึงกันไปเอง แต่ผมกลัวอยู่อย่างเดียว คือ เด็กนั่นมันจะได้ยินข่าวนี้แล้วหรือยัง ผมกลัวมันจะเข้าใจผิด เพราะต่อให้คนทั้งโลกมองผมเป็นคนไม่ดียังไง แต่ขอแค่มันคนเดียวที่ยังเชื่อในตัวผม ผมก็ไม่สนคนทั้งโลกอีกเลย แต่เหมือนมันจะได้ยินข่าวมาแล้ว ถึงได้มายืนถามผมแบบนี้นี่ไง
…………………………….
วันนั้นผมกำลังจะออกไปอ่านหนังสือกับพวกใอ่ไบร์ทที่ คณะ แต่ผมคงรีบไป เลยเดินชนกับคนที่สวนมา
“ขอโทษครับ… เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ” อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษขึ้นมาก่อน
“เดินยังไงวะเนี่ย…ไม่ได้ดูเลยรึ….อ้าวซัน” นึกว่าใคร ที่แท้ก็มันนี่เอง
“อ้าวพี่ทะเล อยู่หอนี้เหรอพี่ ” มันเริ่มยิงคำถามใส่ผมก่อน
“ใช่ หอนี้แหละ มึงก็อยู่….” ผมตอบมันไปยังไม่มันทันจบ แต่เหมือนมันจะติดนิสัยพูดแทรกของผมไปแล้ว
“ผมอยู่หอนี้แหละพี่ ชั้น 5 นะ” ดีจริงเว้ย จะถามแค่อยู่ที่นี่เหรอ แต่ดันได้ชั้นที่มันอยู่ มาด้วยนี่ถ้าไม่รู้จักกันนะ ผมคิดว่ามัน กำลังอ่อยผมอยู่แน่เลย แต่ไม่เป็นไรผมชอบ ฮ่า ๆ
“….. ” ผมเงียบเพื่อรอดูว่า มันจะพูดอะไรต่อไป
“พี่อยู่ชั้นไหนอ่ะ ” ไม่ผิดจากที่คาดไว้ การที่มันยอมบอกชั้นที่มันอยู่แสดงว่ามันเองก็อยากจะรู้ว่าผมอยู่ชั้นไหนเหมือนกันสินะ
“5 เหมือนมึงแหละ” อ่ะ ผมเห็นว่ามันทำดีด้วยการอ่อยผมก่อน (อันนี้ผมโมเมเองว่ามันอ่อยแต่อย่าไปบอกมันนะ) ผมจึงบอกมันคืนไปบ้าง
“บังเอิญจังเลยเนอะ แล้วนี่พี่กำลังจะไปไหนอ่ะ” มันยังคงถามผมต่อ
“ไปข้างนอก ”
“ไปรับดาวคนนั้นเหรอ ” กูว่าแล้วไง นึกแล้วว่ามันจะถามอะไรผม ให้มันได้แบบนี้สิ ถ้าซื้อหวยป่านนี้รวยไปละ
“ดาว ?ดาวไหนอ่ะ” ผมแกล้งทำเป็นเฉไฉ เพื่อจะดูว่ามันรู้ หรือได้ยินอะไรมาบ้าง
“ก็ดาวคนนั้นที่พี่พาขึ้นห้องไง ลืมหรอ” อืม ได้ยินมาแบบนี้สินะ ไม่ได้ผิดจากที่ผมได้ยินมาเหมือนกัน
“เฮ้ยๆ พูดให้ดีนะมึง กูไม่ได้พาเขามาหากูเอง” ถูกของผม เธอมาหาผมเองจริง ๆ นะ
“แล้วเข้าไปทำไรกันอ่ะ ” ถามแบบขวานผ่าซากเลยนะครับน้องซัน
“มึงนี่ถามซอกแซกเนอะ จะอยากรู้ไปทำไม ” ผมถามมันคืนบ้าง
“ก็ผมได้ยินมาว่าพี่พาเธอคนนั้นขึ้นห้อง ผมก็นึกว่าจะ …โอ๊ย !” ไม่ไหวละ ขืนให้มันถามมากว่านี้มีหวังผมได้กลายเป็นผู้ต้องหาขืนใจหญิงแน่เลย ผมเลยเขกหัวมันไปทีนึง เพื่อให้มันหยุดคิดอะไรที่พิลึก ๆ
“จะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับมึง…ทำไมชอบกูหรอ ” ผมแกล้งแหย่มันเล่น แต่ประโยคหลังนั่นอ่ะ ผมถามเพราะอยากรู้จริง ๆ
“หึย พูดบ้าอะไรของพี่วะ ” ได้ผลใอ่นี่ก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย แต่ดูจากสายตา ลุกลี้ลุกลน ก็พอจะเดาคำตอบของคำถามได้ไม่ยาก แต่เอาเถอะในเมื่อเจ้าตัวไม่พร้อมจะพูดผมก็จะไม่บังคับ
“มึงอยากรู้ปะ ว่าเขามากูทำไม ” พอได้คืบแล้วผมก็ต้อง เอาอีกศอก
“ก็….อยาก” ผมค่อยๆ โน้มตัวลงไปหามันแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับหูของมันแล้วก็ซิบกับมันว่า
“ถ้าอยากรู้…ก็มาหากูทีห้องดิ ” ฮ่า ๆ ได้ผลหูมันแดงขึ้นมาทันที ยักับโดนบิดหูอย่างแรงสงสัยผมจะพูดอะไรที่จี้จุดมันไปหน่อย มันยืนนิ่งเงียบ หูแดงอยู่แบบนั้น
“….”
“ฮ่า ๆ กูไปละ ” ผมรีบตัดบทไว้แค่นั้นเพราะถ้าขืนอยู่นานมีหวังผมได้หาเรื่องแกล้งมันไม่เลิก แล้ววันนี้งไม่ต้องอ่านหนังสือกันพอดีผมหันกลับไปมองก็เห็นว่า มันกำลังเอามือปิดใบหูของมันที่ตอนนี้แดงก่ำ
“ใอ่แว่น เอ้ยย ” ผมยิ้มให้เล็กน้อย แล้วปั่นจักรยานออกไป
…………………………..
-กลับมาที่ปัจจุบัน- ผมค่อย ๆ เอามือลูปหัวของมันอย่าง เบา ๆ คงจะนอนฝันดีอยู่สินะจากที่ผมดูแล้วคิดเอาเองนะ ผมว่าแว่นมันก็ต้องชอบผมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผม ผมยอมรับได้เต็มปากเลยนะ ว่ามันคือคนเดียวที่ผมชอบ และมองมาตั้งนานแล้ว
ทำไมกันในเมื่อผมก็มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง แล้วมันเองก็ชอบผมอยู่ ทำไมเราสองคนไม่ลองคบกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ เรามัวรออะไรกันอยู่ หรือเพราะผมยังไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นว่า ผมเองก็ชอบมันเหมือนกัน
เอาเถอะผมพักความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองไว้แค่นั้น ผมต้องกลับนั่งอ่านหนังสือต่อ เดี๋ยวอ่านไม่รู้เรื่องกันพอดี ผมค่อย ๆ โน้มตัวลงไปหาคนที่หลับสนิท ค่อย ๆ ประทับริมฝีปากลลงบนหน้าผากของมันอย่างแผ่วเบา
“ฝันดีนะ แว่น ”
ตอนนี้ผมทำได้แค่นี้ แต่เชื่อเถอะวันหน้าผมอาจจะได้ทำมากกว่านี้ก็ได้ ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอกของมัน ก่อนที่จะเดินไปนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม
ผมอ่านหนังสือไปจนถึงตี 3 อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า ผมคงต้องงีบสักตื่นไม่งั้นหัวผมจะเบลอ ที่อ่านไปก็อาจจะสูญเปล่าแน่ ผมเอนตัวลงนอนบนผ้าห่มที่ถูกนำมาปู้ที่พื้นห้อง มีหมอนหนุน กับหมอนข้าง แล้วก็ผ้าห่มลายมอนสเตอร์ เตรียมไว้ให้
.
.
.
นี่คงเป็นคืนแรกที่ทำให้ผมไม่อยากอ่านหนังสือ อยากจะนอนไวกว่าทุกวัน
ไม่ใช่เพราะอากาศที่เป็นใจ แต่เพราะมีคนรู้ใจนอนอยู่ด้วยต่างหาก
To be continue....
พบคนอยากนอนไว 2 อัตราค่ะคุณขาาาาาา
ต้องขอบอกก่อนเลยว่าตอนนี้จะมีการเล่าถึงเหตุการณ์ใน Chapter ก่อน ๆ หากใครอ่านแล้วงง หรือสงสัยว่าเหตุการณ์นี้มาตอนไหน เราแนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าด้วยนะ
วันนี้มาอัพต่อจากเมื่อวานแล้วน้า ทีแรกลังเลแรกอยู่นานว่าจะอัพวันนี้เลยไหมแต่คิดไปคิดมาอัพเลยดีกว่า เพราะสัปดาห์หน้าเหมือนจะไม่ค่อยว่าง อาจจะหายไปนานเป็นอาทิตย์เราต้องขอโทษทุกคนไว้ด้วยนะ