ตอนที่ 20
“เพื่อนผมมันไม่ได้มาตามนัดครับ...” ภูวาเล่าให้เคนฟังในขณะที่ทั้งสองคนนั่งคุยกันบนโซฟาในตอนเช้า “ไอ้บอล คนที่เป็นฝ่ายนัดผมเอง แต่ดันไม่มาตามนัด แต่จริงๆ ผมคงผิดเองด้วยแหละ เพราะโทรศัพท์ผมแบตหมด มันอาจจะโทรหาผมเพื่อจะยกเลิกนัดแต่โทรไม่ติดก็ได้”
“ถ้าเปิดเครื่องแล้วมันก็น่าจะมีเมสเสจแจ้งเตือนมาไม่ใช่เหรอว่ามีคนโทรเข้ามาระหว่างที่เราปิดเครื่องอยู่รึเปล่า”
ภูวาอึกอัก “จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ชาร์จแบตเลยครับ เมื่อคืนพอออกจากร้าน ผมเรียกแท็กซี่ได้ก็ตรงมาที่นี่เลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสายชาร์จ”
“ลงไปซื้อที่เซเว่นข้างล่างมั้ยครับ น่าจะมีนะ”
ภูวาก้มหน้า “บางที… ผมอาจจะไม่อยากเปิดเครื่องเพราะกลัวว่าจะไม่มีข้อความใดๆอย่างที่พี่บอกเลยก็ได้…”
เคนวางมือลงบนตักของภูวา “แต่ถึงยังไงก็ต้องบอกที่ทำงานนะครับ ไหนจะเรื่องพายุอีก น้องคงเป็นห่วงยูน่าดู”
ภูวาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นไปหยิบคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปออกมาจากกระเป๋า เขาเปิดเครื่อง เสียบ WiFi USB ของออฟฟิศ แล้วพิมพ์บางอย่างลงบนหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปิดฝาแล็ปท็อปลงแล้วเดินกลับมาหาเคน
“เรียบร้อยครับ ผมไลน์บอกพายุแล้ว แต่วันนี้วันหยุดราชการครับ ผมไม่ต้องไปทำงานนะ” ภูวายิ้ม
“อ้าวเหรอ” เคนเกาหัวเบาๆ “แล้วมีข้อความมาจากบอลมั้ย”
“ผมไม่มีไลน์ของมัน…”
เคนนึกสงสัยเล็กน้อย เพราะเขาคิดว่าไลน์น่าจะผูกอยู่กับเบอร์โทรศัพท์คล้ายว็อทส์แอป แต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ เขาแค่พยักหน้า จากนั้นก็อ้าปากหาววอด “พี่ว่าพี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
พายุมองตามเคนที่ลุกออกจากโซฟา “พี่อาบน้ำได้เหรอครับ”
“แค่เช็ดตัวล้างหน้าแปรงฟันเฉยๆ ครับ” เคนเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น เปิดเพลงจากสป็อตติฟาย แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เพลงที่ดังขึ้นเป็นเพลงที่ภูวาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เสียงของนักร้องนำนั้นเขาจำได้เป็นอย่างดี
“นี่มันเสียงของเชสเตอร์ เบนนิงตัน นักร้องวง ลินคิน พาร์ค นี่ครับ”
“ใช่ครับ” เคนตอบกลับออกมาจากในห้องน้ำ
“แต่นี่ไม่ใช่เพลงของลินคิน พาร์ค ถูกมั้ยครับ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“อันนี้เพลง ‘อินทู ยู’ วง ‘เด้ด บาย ซันไรส์’ ครับ เชสเตอร์เป็นนักร้องนำของวงนี้ด้วย”
เมโลดี้และท่วงทำนองของเพลงประทับใจภูวาเข้าอย่างจังตั้งแต่แรก เขานั่งฟังซึมซับเนื้อเพลงและเสียงร้องของนักร้องโปรดของเขาที่จากโลกนี้ไปแล้ว ในวันที่เขารู้ว่าเชสเตอร์ฆ่าตัวตาย เขารู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมๆ กับแฟนเพลงนับแสนนับล้านคนทั่วโลก เนื้อเพลงของเชสเตอร์ฝังใจอยู่ในความทรงจำของภูวามากมาย และเขารู้เลยว่าเพลงนี้กำลังจะกลายเป็นอีกเพลงโปรดของเขาแน่นอน
I'm a man whose tragedies
Have been replaced
With memories
Tattooed upon my soul
ภูวาหลับตาลง ซึบซาบเนื้อเพลงเข้าไปในใจของเขา
You know not everything's your fault
But in a way
Our mistakes have brought us here today
You say just look how far you've come
Despite all those things you've done
You'll always be the one to catch me
When I fall Into you
And I fade away…
หลังจากเพลงจบลง เพลงถัดไปที่ดังขึ้นก็ยังคงเป็นเพลงเดิม ดูเหมือนว่าเคนจะเปิดเพลงนี้ให้วบลูปอยู่เพียงเดียว แต่ภูวาไม่มีปัญหาอะไรเลย เขากลับรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ เพราะเขารู้สึกหลงรักเพลงนี้เข้าอย่างจังเสียแล้ว
“
ฉันเป็นคนหนึ่งที่โศกนาฏกรรมถูกแทนที่ด้วยความทรงจำ ถูกสลักลงบนจิตวิญญาณ… ความผิดพลาดในอดีตของเรา พาให้เราได้มาเจอกันในวันนี้ และ…”
“เพลงดีใช่มั้ย” เสียงของเคนดังขึ้น
ภูวาสะดุ้งและรีบปาดน้ำตาออกจากแก้มของเขา สุดท้ายเขาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ
“ค… ครับ”
“เพลงโปรดของพี่เพลงนึงเลยล่ะครับ”
“ผมก็ชอบเหมือนกันครับ ชอบทั้งท่อนฮุคและความหมายมากเลย โดยเฉพาะท่อนแยกอะครับ โคตรชอบเลย”
เคนที่ใส่แค่เพียงกางเกงของโรงพยาบาลตัวเดียวเดินตรงเข้ามาหาภูวา
“ยังเจ็บอยู่มั้ยครับ” ภูวายื่นมือไปแตะลงบนผ้าปิดแผลตรงช่วงเอวของเคนอย่างเบามือ
“แค่แสบๆ คันๆ นิดหน่อยครับ...” เคนจับมือของภูวา
ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วจากนั้นเคนก็ดึงตัวของภูวาขึ้น มือของเขายังคงจับมือของภูวาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ภูวาหน้าแดงทันที
จากนั้นเคนก็พูดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ “
ผมเป็นชายคนหนึ่งที่แตกสลายและพังแบบไม่มีชิ้นดี ผมเคยคิดว่าผมไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่เมื่อผมเห็นว่าคุณเองก็ไม่ต่างจากผม เราต่างก็มีอดีตที่เจ็บปวด มีชิ้นส่วนที่หายไปจากชีวิต คุณทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยากเข้มแข็งขึ้น ขอบคุณนะครับ ที่เข้ามาในชีวิตของผม หลังจากนี้ ผม… ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนี้มาก่อนนะ แต่ผมอยากจะสำรวจหัวใจของตัวเองและลองก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง... ไปพร้อมๆ กับคุณ”
ภูวาตาโต มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อย
“พ… พี่เคน… ผม… ผมไม่…”
เคนหน้าเสียทันที เขาปล่อยมือของภูวาออก “ขอโทษทีครับ ผมคงแทนที่เขาไม่ได้ ผมคงไม่เหมาะสมที่จะเดินไปข้างๆ ยู ถือซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรออกไปแล้วกัน”
เคนทำท่าจะเดินออกไปแต่ภูวารีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้เสียก่อน ภูวาบีบมือเขาแน่นจนทำให้เคนนิ่วหน้า สีหน้าของภูวาโกรธขึ้งจนทำให้เคนยังต้องแปลกใจ
“พี่จะบ้าเหรอครับ!” ภูวาขึ้นเสียงเล็กน้อย “พี่จะมาแทนที่ไอ้บอลได้ยังไง! ผมกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน และที่สำคัญ ไม่มีใครจะมาแทนที่มันได้หรอก ชาตินี้ผมคงไม่มีวันลืมมันได้ พี่ก็คือพี่ มันก็คือมัน ไม่ว่าจะใครก็แทนที่ใครไม่ได้ทั้งนั้น เหมือนกับที่ผมหรือใครคนอื่นในโลกก็จะไปแทนที่โทรุไม่ได้นั่นแหละครับ”
คำพูดของภูวาทำให้เคนถึงกับผงะ “เอ่อออ… พี่ไม่…”
“พี่เคน ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยอยากคิดด้วยซ้ำว่าผมชอบผู้ชาย หรือผมเป็นเกย์ หรืออะไรก็ตาม ผมพยายามผลักความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัวมาโดยตลอด ผมทุ่มเทให้กับงาน กับน้องชายของผม พยายามไม่คิดถึงเรื่องเหล่านี้ จนกระทั่ง…” ภูวาปล่อยมือของเคนออกแล้วหลบตาลงต่ำ “ผมไม่ได้… ผมไม่ได้อยากจะแทนที่ใคร และผมก็ไม่คิดว่าผมต้องการใครมาช่วยเยียวยาบาดแผลอะไรในใจผม แต่… แต่ผมอยากจะเป็นกำลังใจให้พี่ อยากเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พี่อยากมีชีวิตยาวนานขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี เพราะงั้น… ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร… เราลอง เอ่ออ… พี่ลองให้ผมเป็นน้องชายคนนึงของพี่ ให้ผมช่วยดูแลพี่มากขึ้นกว่านี้จะได้มั้ยครับ”
เคนรู้สึกหัวใจของตัวเองเต้นแรงขึ้นแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานมากแล้ว ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเขาเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้หัวใจ ไร้อารมณ์ ไร้ความรัก คนที่พยายามเข้าหาเขาก็มีแค่คนที่ต้องการความใกล้ชิดทางกาย ต้องการเพียงแค่เซ็กส์และร่างกายของเขา มันทำให้เขาเบื่อจนสะอิดสะเอียน แต่เขาไม่รู้สึกแบบนั้นกับภูวา เขารู้สึก… เหมือนเริ่มมีชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้ง
เคนดึงตัวของภูวาเข้ามากอด “
และนั่นก็คือสิ่งที่ผมต้องการ ผมยังไม่ได้ขอให้คุณมาเป็นแฟนของผม แต่ผมอยากจะสำรวจหัวใจของผมให้มากวก่านี้ และผมอยากจะทำแบบนั้นไปพร้อมๆ กับคุณ ภูวา”
“ถ้าวันไหนพี่เหนื่อย วันไหนพี่ท้อ หรือวันไหนเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนขึ้นอีก ผมจะอยู่ข้างๆ พี่เอง อย่าลืมนะครับว่าพี่ยังมีผมอีกคน”
จู่ๆ เคนก็รู้สึกขัดแย้งในใจขึ้น และดูเหมือนว่าภูวาจะรู้สึกได้
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“พี่… พี่มีอดีตหลายอย่างมากที่ไม่ได้บอกใคร ที่ภูวายังไม่เคยรู้ พี่มีอาการป่วยที่ยังคงรักษาอยู่ สักวันนึงพี่อาจจะทำให้ภูวาต้องเจ็บปวดหรือเสียโดยไม่ได้ตั้งใจ บางทีพี่คงไม่เหมาะที่จะ…”
“พี่เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอครับว่าพี่อยากจะเริ่มสำรวจหัวใจของตัวเอง” ภูวาขัดขึ้น จากนั้นเขาก็ยิ้มให้เคน “พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก เราไม่ได้… เอ่ออ… ยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ถูกมั้ย ผมเองก็ไม่ได้อยากบังคับความรู้สึกอะไรของพี่ พี่เองก็คงไม่ได้อยากคาดคั้นอะไรจากผม เราต่างมีเรื่องที่เรายังไม่พร้อมจะพูด ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องไอ้บอลให้พี่ฟัง พี่ยังไม่ได้เล่าเรื่องโทรุ เราต่างก็ต้องการเวลาจนกว่าเราจะสบายใจที่จะพูด ดังนั้นระหว่างนี้เราก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ดีมั้ยล่ะครับ”
เคนไม่คิดเลยว่าด้วยบุคลิกดูเป็นคนสุภาพ และดูเป็นเด็กหนุ่มใสๆ ของภูวา เขาจะมีความเป็นผู้นำและความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวแบบนี้อยู่ด้วย
“เห็นแบบนี้ ผมน่ะ หัวดื้อนะ ใครจะมาบังคับให้ผมทำอะไรที่ผมไม่อยากทำ หรือบังคับให้ผมฝืนความรู้สึกตัวเองอะ เป็นไปไม่ได้หรอก” ภูวาพูดขึ้นเหมือนกับจะอ่านใจของเคนออก “และผมว่าพี่เองก็คงเป็นเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ไม่งั้นพี่คงไม่หนีมาอยู่ที่ไทยคนเดียวแบบนี้แน่ๆ”
“แล้วถ้าแบบนี้ ยูรู้สึกว่าฝืนมั้ยครับ” เคนดึงตัวของภูวาเข้าไปหอมแก้ม
ภูวาตัวเกร็ง แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
“ไม่ฝืนครับ แต่… เขินมาก”
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ…” เคนโน้มตัวลงมาจุ๊บปากของภูวาเบาๆ
ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบาเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงกระแสไฟที่วิ่งไปทั่วทั้งร่าง
“ขออนุญาตค่า” เสียงของพยาบาลดังขึ้นพร้อมเสียงเคาะประตู ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองผละออกจากกันทันที “เช็ดตัวตอนเช้านะคะ เดี๋ยวสักพักจะมีอาหารเช้ามาให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำความสะอาดตัวเองแล้วเรียบร้อย” เคนกระแอมในลำคอแล้วตอบกลับไป “เอ้อ ผมต้องการเช็กเอาท์ออกวันนี้เลยครับ ช่วยจัดการให้ด้วยนะครับ”
“เอ คุณหมอน่าจะให้อยู่ดูอาการอีก 2-3 วันนะคะ”
“ผมต้องการออกวันนี้แล้วครับ ผมหายดีแล้ว อีกอย่าง…” เคนเหลือบมาทางภูวา “ผมมีคนช่วยดูแลอยู่ที่บ้านด้วย”
คำพูดนั้นทำให้ภูวาที่หน้าแดงอยู่แล้วรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงมากยิ่งขึ้นไปอีก ที่จริงเขาไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน แถมในตอนกลางวันเขาก็ต้องไปทำงาน ภูวาจึงรู้ว่าเคนพูดแบบนั้นแค่เพราะอยากจะให้โรงพยาบาลปล่อยตัวเขากลับบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การที่ได้ยินแบบนั้นก็ยังทำให้เขารู้สึกเขินอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้อาจารย์มาดูก่อนนะคะ ถ้าอาจารย์อนุญาตก็กลับได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ทั้งภูวาและเคนพูดพร้อมกัน
.
.
.
“พี่ภูอยู่กับพี่เคนที่โรงพยาบาลว่ะ แล้วแบตหมดแต่ไม่มีที่ชาร์จ เลยไม่ได้ติดต่อมา” พายุพูดอย่างหัวเสีย “เมื่อคืนกูก็เป็นห่วงแม่งแทบตาย โว้ยยยยย”
“แล้วนี่มึงรู้ได้ไง” ต่อถาม
“พี่ภูเค้าเพิ่งเปิดคอมแล้วไลน์มาหากูเมื่อกี้”
“มึงสองคนสนิทกันดีเนาะ น่าอิจฉาว่ะ”
พายุหันไปมองหน้าเพื่อนของเขา “มึงไม่สนิทกับพี่ตองเหรอ”
ต่อเบะปากแล้วยักไหล่
“แต่พี่เค้าก็ดูเป็นห่วงมึงนะเว้ย”
“ก็อาจจะ แต่กูรู้จักสันดานมันดี คนอย่างมันอะ สุดท้ายก็ห่วงแต่ตัวเองมากกว่าใครนั่นแหละ ทำไมกูจะไม่รู้ มันรอวันที่จะได้เรียนจบ ออกไปอยู่หอกับเมียมันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และกูก็รู้ด้วยว่ามันใช้ความเหี้ยของกูสมัยก่อนเป็นตัวเปรียบเทียบให้มันดูดีในสายตาของพ่อกับแม่เสมอ มันฉวยโอกาสที่กูผลการเรียนไม่ดี เหยียบใช้กูเป็นฐานเพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น เพราะงั้นพวกเค้าก็เลยรักและเข้าข้างมันตลอด ไอ้ตองทำเหี้ยอะไรก็ถูกก็ดีไปซะหมดนั่นแหละ”
“ความเหี้ยของมึงสมัยก่อนอะไรวะ ไอ้ต่อ”
ต่อที่นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงชะงักไปและหันหน้าหนีไปทางอื่น
พายุหันเก้าอี้ไปหาต่อ “ความเหี้ยอะไร”
“กูไม่อยากพูดถึงมัน”
“เพราะอะไร เพราะกลัวกูรับไม่ได้เหรอ”
ต่อสะอึก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“มึง… เคยทำผู้หญิงท้องเหรอ”
“เฮ้ย! จะบ้าเหรอวะ!”
“หรือมึงเคยเล่นยา”
“เฮ้ย ไม่เคย!”
“ดูดบุหรี่”
ต่อชะงักไปอีกครั้ง เขาพยักหน้าเบาๆ
พายุยอมรับว่ามันทำให้เขารู้สึกใจเสียเล็กน้อย เขาไม่ชอบบุหรี่ ไม่ชอบการทำอะไรที่ผิดกฎหรือไม่สมควรทำ แต่มันก็ไม่ถึงขนาดเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้เสียทีเดียว เพื่อนๆ คนอื่นของเขาบางคนก็เริ่มสูบบุหรี่กันบ้างแล้วเหมือนกัน
“ยังมีอีกใช่มั้ย”
ต่ออึกอัก “กูเคยหนีเรียน เคยเกเร ไปมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น กูเคยปลอมเกรดตัวเอง ทำให้พ่อแม่เสียใจ เค้าก็เลยไม่ไว้ใจกูอีกและจับกูย้ายโรงเรียนมาที่นี่ไง”
พายุลุกออกจากเก้าอี้คอมแล้วเดินไปนั่งที่เตียง เขายกมือขึ้นข้างหนึ่งแล้วจากนั้นก็เขกหัวของต่ออย่างแรง
“โอ๊ย!!!”
“มึงคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้กูเกลียดมึงเหรอวะ”
ต่อลูบหัวของตัวเองพลางมองหน้าพายุด้วยแววตาเหมือนกับลูกสุนัข พายุไม่แน่ใจ แต่เขาเหมือนจะเห็นน้ำตาคลออยู่ที่เบ้าตาของต่อด้วย
“ตอนนี้มึงยังดูดบุหรี่อยู่รึเปล่า” พายุถาม “ตอบกูมาตามจริงนะ”
“บางทีก็มีบ้างตอนเครียดๆ…”
“แล้วกินเหล้าล่ะ”
“นานๆ ทีเวลาไปเจอเพื่อนที่โรงเรียนเก่าแล้วมันชวน”
“มึงยังหนีเรียน ยังมีเรื่องชกต่อย ยังโกหกพ่อแม่อยู่ไหม”
ต่อส่ายหน้า
“งั้นมึงรับปากกูเดี๋ยวนี้เลยว่าหลังจากนี้มึงจะไม่ดูดบุหรี่อีก มึงจะไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อนพวกนั้นหรือใครอีกเด็ดขาด นอกจากจะบอกให้กูรู้ก่อนหรือไปกับกู และมึงจะไม่ทำตัวเหลวไหลนอกสายตากูอีกด้วย กูไม่ชอบ”
“ทำไมมึงต้อง…”
“เพราะกูแคร์มึงไง” พายุพูดขัด “กูแคร์มึงมาก เหตุผลแค่นี้ไม่พอเหรอวะ”
ต่อหน้าแดง ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาย้ายโรงเรียนมาใหม่ๆ เขาอยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อพ่อกับแม่ แต่หลังจากได้รู้จักพายุ เขาก็เริ่มคิดว่าอยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อให้คนๆ นี้สนใจในตัวเขา มันเคยเป็นแค่ความคิดฉาบฉวย แต่ในตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่า สิ่งนั้นคืออนาคตที่เขาอยากจะเป็นและอยากจะทำจริงๆ เขาอยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อพายุไปตลอดชีวิต เขาจะต้องเป็นคนดีเพื่อจะได้คู่ควรกับพายุให้ได้
“แคร์… แค่ในฐานะเพื่อนเหรอวะ” ต่อถามเสียงค่อย
“ในฐานะเพื่อน” พายุตอบ
“สักวัน… มึงจะมีโอกาสรักกูบ้างไหมวะ ไอ้พายุ”
พายุอึกอัก “ถ้าทุกวันนี้กูก็รักมึงมากอยู่แล้ว มันก็คงไม่มีวันที่กูจะรักไปมากกว่านี้ได้แล้วปะวะ”
“แต่ไม่ใช่ความรักแบบ…”
“ไม่ใช่ความรักแบบนั้น” พายุพูด
ต่อหลับตาลง เขารู้สึกมีความสุขที่ได้ยินแบบนั้นนะ รู้สึกมีความสุขมากที่รู้ว่าพายุรักและห่วงใยเขามาก แต่ทำไม… ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้วะ
“กูไปเข้าห้องน้ำนะ” ต่อซ่อนสีหน้าของตัวเองแล้วรีบลุกออกจากเตียงทันที
พายุได้แต่มองตามต่อเดินออกจากห้องไป แต่เขาไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้เลย
ต่อเดินเข้าห้องน้ำแล้วนั่งชันเข่าลงบนพื้น เขารู้สึกเจ็บจนอยากจะร้องไห้ แต่น้ำตามันไม่ไหลออกมา ทำไมความรักมันถึงทั้งสวยงามและเจ็บปวดขนาดนี้ เขาจะทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ได้อีกนานขนาดไหน เขาควรจะรักและรอพายุ ผู้ชายแท้ๆ ให้เปลี่ยนใจมารักเขาจริงๆ หรือ มันดูเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เกินไปไหม หรือว่าเขาควรจะยอมรับความเป็นจริงแล้วหยุดรักคนๆ นี้สักที
“ถ้ามึงยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ก็ยังไม่ต้องคิดจะทำอะไรทั้งนั้นแหละ”
คำพูดของพายุลอยเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
“มึงจะอยู่กับกูไปตลอดจริงๆ เหรอวะ พายุ…” ต่อพึมพำเบาๆ “ถ้ามึงเป็นสายลมที่พัดโหมเหมือนชื่อของมึง วันนี้มึงพัดผ่านเข้ามาในชีวิตของกู แต่สักวันมึงก็ต้องพัดผ่านออกไป ไปมีชีวิตของมึง ไปมีแฟนผู้หญิง แล้วกูล่ะ… กูจะอยู่ตรงไหนในชีวิตของมึง ตอนนั้นกูจะรู้สึกยังไงวะ” เขาก้มหน้า “ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย!!”