ตอน 23 ..
เช้าวันถัดมา...ก็เป็นวันเสาร์นนท์เลยขอต้นกลับบ้าน..ส่วนชายหนุ่มก็ยังมีงานต้องสะสางเลยปล่อยให้น้องสติชของเขากลับบ้านคนเดียว เมื่อคืนถือเป็นช่วงเวลาที่นนท์มีความสุขมากไม่น้อย พี่ต้นที่มักจะเย็นชา ทำเหมือนไม่สนใจ แต่กลับแสดงอะไรๆ ออกมาชัดเจนพอสมควร ระหว่างที่ลงจากแท๊กซี่ก็ไม่ทันได้สังเกตว่าด้านหลังมีแท๊กซี่อีกคันมาจ่อจอด..
“ ยิ้มกว้างเลยนะแก...” เสียงทักทายของแม่ร่างเล็กที่ยิ้มกว้างไม่แพ้กันเอ่ยขึ้น ..
“ ว่าแต่ฉัน..แกล่ะไอ้ลิง ปากจะถึงรูหูแล้วนะ..” นนท์แก้เก้อด้วยปากตระไกร ที่ไม่เคยหายไปแม้วันเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ..สองเพื่อนสนิทเดินมาใกล้กัน พลางหัวเราะอย่างรู้ทันในกันและกัน..
“ เป็นไงบ้างล่ะ..ดีกับไอ้คิงคองมันยัง..” นนท์ถามเป็นเชิง ..ดูจากรอยยิ้มมีหรือจะดูไม่ออกว่าดีหรือยังไม่ดี.. ก็เล่นกว้างเสียขนาด ยูเอ็ฟโอเข้าไปได้..
“ ก็เหรอ..แล้วเมื่อคืนไงบ้างล่ะ..อย่าบอกนะว่าโดนไอ้คิงคองมัน..”
“ บ้า..ฉันไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นนะไอ้ป๋า... ขืนไอ้ต่อกล้าฉันฆ่ามันแน่...”
“ อืมๆ... เหรอ...แต่เห็นมันงอนทีไร แกจะเป็นจะตายทุกทีเลยไอ้ลิงน้อยของพี่..” นนท์ยิ้มกริ่มพลางคล้องคอเพื่อนที่สูงน้อยกว่าอย่างมีความสุข .. วันนี้มันวันเสาร์สุดสดใสของนนท์นี้...มีความสุขมากเกินไปหรือเปล่าพ่อน้องสติชของพี่ต้น ..
“ ดีแต่ล้อ..แกล่ะ..ทำไมถึงไปนอนกับพี่ต้นได้...” กิ่งไม่ยอมแพ้หันไปคาดคั้นกับเพื่อนบาง..
“ ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย ...ฝนมันตกฉันเลยไปนอนก็เท่านั้น..” นนท์บอกไปไม่ได้โกหกสักหน่อยนะ แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง
“ แล้วขีดความสัมพันธ์เป็นไงบ้าง พัฒนารึเปล่า”
“ ก็เหมือนเดิม. ขึ้นบ้านดีกว่าแก.” นนท์ยิ้มให้เบาๆ ..โอบร่างเพื่อนแสนสนิทเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข น้องติชนะน้องติช ขืนไปทำอย่างนี้ต่อหน้าไอ้พี่ต้น ..ได้โดนหึงอีกหรอก ขนาดครั้งก่อนยังเกือบโดนเหวี่ยง ลืมไปแล้วหรือยังไง...
หลังจากอู้งานมาหลายวันเพราะพิษรัก วันนี้เจ้าหน้าหวานพ่อครัวประจำบ้านได้โอกาสกลับมาทำหน้าที่อย่างเต็มตัว โดยมีคุณแก้วคอยช่วยเป็นลูกมือ ตั้งแต่นนท์มารับหน้าที่นี้ไป นางก็เบาแรงลงเยอะแม้การทำอาหารจะเป็นงานที่นางรัก แต่เพราะภาระอื่นอีกมากมายเลยทำให้งานบ้านบางอย่างเหนื่อยเกินไปสำหรับคนวัยอย่างนาง
คุณแก้วที่เห็นว่างานในครัวใกล้จะเสร็จ เลยจัดการนำอาหารส่วนหนึ่งออกไปจัดไว้ข้างนอก และเป็นช่วงพอดีกับที่พ่อครัวหน้าสวย .. เกิดจะเข้าห้องน้ำเลยเรียกให้กิ่งช่วยมาดูอาหารให้หน่อย
เมื่อเพื่อนสาวมารับหน้าที่ นนท์จึงรีบจัดการไปทำธุระของเขา
คนที่กำลังคนแกงในหม้ออยู่เพลินๆ ตกใจจนเกือบทำทัพพีหล่นพื้น เพราะอยู่ๆเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนนท์ก็ดังขึ้น ตอนแรกเธอก็กะจะไม่รับ แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างในจังหวะหนึ่ง
“ แม่ ๆ” เธอส่งเสียงเรียกลั่นบ้าน จนคุณแก้วที่กำลังจัดจานอยู่ถึงกับสะดุ้ง นึกว่ามีสัตว์ร้ายกล้ำกรายเข้ามาในครัว เลยรีบวิ่งมาตามต้นเสียง
“ มีอะไรแม่คุณ แม่นึกว่างูเงี้ยวเสียอีกร้องซะลั่นบ้านเลยนะเรา” นางเอ็ดเข้าให้เมื่อพบห้องครัวที่ว่างเปล่าไม่มีสัตว์ร้ายอย่างที่คิด ก็เสียงของแม่ลูกสาวดังเสียโอเว่อร์เกินมาตรฐานทั่วไป
“ แม่อย่าเพิ่งว่ากิ่งเลยดูนี้ซะก่อน” เธอรีบชี้ให้มารดาดู
“ ว้าย...” สองสาวยิ้มพร้อมเพรียง คนที่เอ็ดลูกว่าส่งเสียงโวยวายไม่สมเป็นกุลสตรีไทยเป็นฝ่ายส่งเสียงดังกว่ากิ่งเสียอีก ก็สิ่งที่เห็นมันทำให้ใจสองสาวต่างวัยเต้นแรงนี้
“ ตายแล้วนี่เขาไปถ่ายรูปกันตั้งแต่ตอนไหนกัน หอมแก้มกันด้วย” นางกล่าวขึ้น เพราะภาพแสดงสายเรียกเข้าคือภาพของคนหน้าหวานโดนต้นหอมแก้มอยู่
“ ไม่อยากเชื่อว่าพี่ต้นจะทำอย่างนี้ สงสัยภูเขาน้ำแข็งบ้านเราคงถูกนนท์ละลายลงได้จริงๆแล้วล่ะแม่” กิ่งเสริมทัพ น่าแปลกที่ต้นจะยอมถ่ายรูปอย่างนี้ อีกอย่างภาพนี้ก็ฟ้องชัดว่าทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์ไปไกลอีกระดับหนึ่งแล้ว
“ แม่...นนท์มาแล้ว” กิ่งส่งสัญญาณเมื่อเห็นเงาไหวๆนอกครัว สองแม่ลูกหันกลับที่หน้าเตาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่เงียบลง
“ หอมน่าทานจังเลยนะ” นางพูดเสียงหวานกับแม่ลูกสาวเอาเถอะตอนนี้ออสการ์ก็ออสการ์เถอะ นางชิงได้ทุกถ้วยแน่นอนหากมีชื่อนางเสนอเข้าไป ก็เล่นเนียนจนขนาดนนท์ยังจับไม่ได้
“ มาแล้วเหรอนนท์” กิ่งทักขึ้นอย่างปกติ ทำเหมือนเพิ่งเห็นว่าเพื่อนสนิทเดินเข้ามาทั้งที่จริงๆแล้วเห็นตั้งแต่นนท์ยังไม่เข้ามาในครัว
“ อืม..เป็นไรไปหรือเปล่านี่ลิงน้อย..ท่าทางแปลกๆ ”
“เปล่าๆ.... เออใช่เมื่อกี้ใครโทรฯมาไม่รู้ ฉันกำลังช่วยแม่หยิบจานออกไปข้างนอกเดินเข้ามาก็วางสายไปแล้ว” แนบเนียนจริงๆทั้งสองแม่ลูก ลูกรับแม่ส่งชงกันได้อย่างกลมกล่อม นนท์เลิกคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหมายเลขและต่อกลับไปทันที
“ เอ๊ะ” ฝ่ายต้นที่กำลังนั่งดูเอกสารอยู่ หันกลับมามองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องพลางจ้องมองหน้าจออย่างแปลกใจ ชื่อของสายที่โทรฯเข้าไม่มี แต่ปรากฏเป็นรูปขึ้นมาแทน สงสัยที่นนท์ขอโทรศัพท์เขาเมื่อคืนนี้คงจะจัดการใส่ภาพแสดงสายโทรเข้ามาอย่างนี้แน่นอน ช่างคิดได้จริงๆเลยนะเจ้าสติชสีอ่อน
..
“ มีอะไรหรือเปล่า” นนท์ส่งเสียงลอดปลายสาย...
“ พี่จะถามว่ารายงานที่เขียนเมื่อคืนนี้ ผลยอดรวมมันเท่ากับเท่าไหร่เหรอพี่หาตัวเลขไม่เจอ” ที่แท้ก็โทรฯมาเรื่องงาน แต่เอาเถอะได้ยินเสียงของเขาก็ดีใจแล้ว
“ นนท์เขียนไว้ในสมุดสีชมพู เล่มเล็กๆ พี่ลองดูบนโต๊ะนนท์นะจะเห็นว่ามันวางอยู่” นนท์บอกตำแหน่งสมุดที่จดรายละเอียดข้อมูลไว้ ฝ่ายสองแม่ลูกก็รีบปลีกตัวออกมาจากห้องครัวไปสนทนาเรื่องที่ได้ยินได้เห็น
“ เบอร์พี่ต้นจริงๆด้วย นนท์ไม่ยักกะบอกว่าโดนพี่ต้นจุ๊บๆ”
“ นั้นนะสิ แต่อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่นล่ะนะ รอดูกันไปเรื่อยๆอย่างนี้สิถึงจะสนุกชักลุ้นตามแล้ว สนุกกว่าละครตอนค่ำอีก ไม่นึกเลยว่าคนอย่างพี่ต้นจะกล้าหอมแก้มนนท์อย่างนี้” คุณแก้ววางตัวเนียนต่อไป..รอลุ้นผมการแข่งขันที่กำลังดำเนินอยู่..
ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นก็เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียนนนท์ทำเรื่องมาฝึกงานที่สำนักพิมพ์ของบ้านวรโชติได้อย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าของบริษัทยอมลงชื่อให้ตั้งแต่ที่เขายื่นหนังสือมาให้ ไม่ใช่เพราะนนท์เป็นคนสนิทชิดใกล้เพียงอย่างเดียว ความสามารถที่ช่วยแบ่งเบาภาระของต้น ได้ดี ทำให้คุณแก้วไม่ลังเลที่จะลงชื่อยอมให้นนท์เข้ามาฝึกงาน แต่การลงชื่อยังต้องมีชื่อเจ้านายอีกคน เจ้านายที่จะควบคุมและพิจารณาการฝึกงานของเขาในเวลาหนึ่งภาคเรียนต่อจากนี้
“ โธ่น้าแก้วเห็นปุ๊บก็เซ็นให้ปั๊บ พี่จะแกล้งนนท์ใช่ไหมนนท์รอมาหนึ่งชั่วโมงแล้วนะ พี่ไม่ยอมเซ็นให้นนท์จริงเหรอ” นนท์บ่นกระเง้ากระงอด..นั่งหน้างอข้างๆเขา เห็นท่าทีร้อนใจของคนข้างกายก็แอบดีใจ ที่ได้แกล้งกวนประสาท เขายังจับจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ห่าง จนนนท์ชักจะหมดความอดทนทอดกายลงเอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ เซ็นให้นนท์ได้หรือยัง หรือจะให้นนท์ไปสมัครที่บริษัทอื่นหา ใช่สินนท์รู้แล้วงั้นนนท์ไปฝึกงานที่บริษัทแม่ก็ได้ เล่นตัวดีนัก” นนท์ย่นจมูกเข้าใส่เจ้านายจอมกวน..( ตายแล้วพี่ต้น นับวันยิ่งน่ารัก..) พลางลุกขึ้นคว้าใบลงชื่อที่วางไว้หน้าโต๊ะของเขาขึ้น ฝึกงานที่บริษัทของคุณนันงั้นเหรอ ก็แสดงว่านนท์จะไปฝึกไกลถึงอเมริกานะสิและอย่างนี้ก็ต้องห่างกัน ...มือของเขาชิงตัดหน้าหยิบใบนั้นไปก่อน
นนท์มองอย่างขัดใจเขายังจะแกล้งอีกเหรอนี่
“ จะเอายังไงกันแน่นนท์เหนื่อยแล้วนะ”
“ แล้วใครบอกว่าพี่จะไม่เซ็น ทำงานอยู่ไม่เห็นหรือยังไงล่ะ” แต่นนท์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่างานที่ยุ่งอยู่จะเจียดเวลาแค่สามวินาทีมาลงชื่อในใบอนุญาตรับฝึกงานของเขาไม่ได้เลยหรือไง
“ โธ่เซ็นให้นนท์ก่อนไม่ได้เหรอ”
“...” เขาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ ตัดสินใจจรดปากกาลงนามในใบฝึกงานของน้องสติช ไหนๆก็รั้นมาได้ไกลถึงหนึ่งชั่วโมงจะรั้นต่อ ก็กลัวว่านนท์จะระเห็จไปอเมริกาจริงอย่างที่พูดขู่เขา
“ ก็แค่นี้เองไม่เห็นจะยากเลย” นนท์หยิบแผ่นกระดาษขาวนั้นมาดู กระดาษเพียงใบเดียวแต่มีผลต่อการจบการศึกษาของเขาเลยทีเดียว... ไม่น่าเชื่อเลยว่ากระดาษเพียงใบเดียวจะตัดสินอนาคตของคนเราบางคนได้เลย
“ สมใจแล้วสิ”
“ โธ่ก็พี่เล่นแกล้งนนท์ตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อน นนท์ก็หมดกำลังใจพอดีสิ เห็นเซ็นให้แล้วถึงได้กำลังใจกลับมาบ้างแต่ก็เหนื่อยใจ กว่าพี่จะยอมเซ็นให้ ” นนท์ถอนใจหลังกล่าวจบ ชายหนุ่มละจากหน้าจออีกครั้งคราวนี้เขามองมายังนนท์ตรงๆ
“ มานี้สิ” ชายหนุ่มส่งเสียงบอก.. นนท์หันกลับไปมองคนคิ้วเข้มอย่างไม่เข้าใจนัก จะให้ไปไหนอ่ะ..นนท์ก็ยืนใกล้ต้นอยู่แล้วนี่.. จะให้ใกล้กว่าเดิมงั้นเหรอ..
“ ไปไหนครับ”
“ มานั่งนี้” เขาชี้ไปยังเก้าอี้ที่วางไว้ข้างๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาจะให้นนท์มานั่งตรงนั้น เลยยอมเดินไปนั่งอย่างว่าง่ายทำตามที่เขาบอก นนท์หนอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในแววตาของต้น ที่มองเขาเปลี่ยนไปมาหลายครั้งแล้ว นนท์ไม่เคยรู้เลยว่าในดวงตาคู่กลมแอบรู้สึกบางอย่างกับนนท์เข้าแล้ว
“ มีอะไรเหรอ ให้นนท์มานั่งตรงนี้ทำไมล่ะ” นนท์ถามตาใส ดวงตาจ้องหน้าคนหน้าหล่อที่ชอบบึ้งๆ ตึงตลอดวันอย่างสงสัย
พี่ต้นจะให้นนท์นั่งตรงนี้ทำอะไร
“ แค่พี่แกล้งนิดหน่อยถึงกับกำลังใจหดหายเลยเหรอ” เขาขยับเก้าอี้ให้มาประจัญหน้ากับนนท์ตรงๆ คำถามที่ต้องการคำตอบถูกเขาเอ่ยออก
“ ก็ใช่นะสิ เวลาพี่แกล้งก็ชอบทำหน้านิ่งนนท์จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าพี่รู้สึกยังไง จะแกล้งหรือกำลังทำงานจริงๆ นนท์แยกไม่ออกหรอกเห็นแล้วกำลังใจหายหมด ” นนท์บอกไปตามที่คิด
“ เหรอ” ชายหนุ่มปรายยิ้มเพียงน้อย แล้วเลื่อนกายเข้าหาอีกคนอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากของเขาวางที่แก้มปลั่งอีกคราแล้ว ดวงตาคู่เดิมที่ชอบเบิกกว้างเมื่อเจอเข้าอย่างนี้ทำงานตามวิสัยของมัน เมื่อกี้เขายังแกล้งนนท์อยู่เลย แล้วมาทำหวานซึ่งหน้าแบบนี้นนท์ปรับอารมณ์ตามไม่ทันจริงๆ
“ เป็นไงบ้างกำลังใจกลับมาหรือยังล่ะ ถ้าวันไหนกำลังใจหมดอีกอย่าลืมบอกพี่บ้างล่ะ แล้วทีหลังก็อย่าเอาเรื่องไปอเมริกามาขู่อีกฟังแล้วกำลังใจหดหายเหมือนกัน” เขายอมปริปากถึงขนาดนี้มีหรือที่นนท์จะไม่ดีใจคนอย่างต้น ทำอะไรดีๆอย่างนี้ก็เป็นแฮะ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา
“ ครับ.” นนท์พยักหน้ารับอย่างดีใจ พลางโผเข้ากอดอีกคนที่นั่งอยู่บนกอดอีกอย่างเร็ว..เก้าอี้ล้อเลื่อนที่นั่งอยู่ถึงกับเลื่อนไปด้านหลังจนชนผนัง..แต่ก็กลับไม่มีอะไรทำให้ทั้งสองแยกจากกันได้..พี่ต้นมองคนที่กอดร่างเขาอยู่พลางยกมือขึ้นโอบอีกร่างนั้นเบาๆ..
“ หนักไหมพี่ต้น..”
“ ตัวเล็กจะตาย..พี่หนักก็แปลกแล้ว..” ต้นยิ้มรับกับความสุขที่ปรากฏ กลิ่นหอมจากกายนุ่มๆ ของคนที่กอดเขา ดูจะตราตรึงไปทุกความรู้สึก.....พี่หลงรักเราเข้าแล้วใช่ไหม น้องสติชขี้อ้อน...
“ วันนี้นนท์ขอลานะ..ต้องเอาหนังสือไปยื่นคณบดีก่อน..” นนท์ผละออกเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองคนที่เขาก่อนเพื่อขออนุญาต..
“ อืม..” ต้นพยักหน้ารับ ..ปล่อยมือออกจากนนท์ให้อีกคนได้ไปทำธุระอย่างที่บอก เส้นทางข้างหน้านับจากนี้จะไม่ใช่ทางราบที่หนึ่งชีวิตวิ่งไปข้างหน้า อีกหนึ่งหัวใจวิ่งตามอยู่ข้างหลัง... ณ เวลานี้ ทั้งสองจะวิ่งไปด้วยกัน หากนนท์เหนื่อย..พี่ต้นจะชะลอฝีเท้า หากนนท์ล้า..เขาจะหยุดวิ่งเพื่อรอให้นนท์หายเหนื่อย...