( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 486548 ครั้ง)

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
กอดน้องวิวเลยค่ะ

อาการหึงขึ้นหน้าขึ้นตามันเป็นยังไง รู้เรื่องเลย


ไอ้พี่เจ หัวขวด แนะนำตัวแบบนี้มันได้หรอ นี่มันแผนอะไรใครปะเนี่ย หรือว่าบังเอิญ

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เข้าใจนะว่าวิวยังเด็กต้องกลัวการสูญเสียแต่ชัดเจนหน่อยไหม เจอแบบนี้หน้าชาไปเลยทีนี้ก็เคลียร์กันซะนะ  รักกันๆเอาแรงไว้ไปตีกับพวกงูเห่าทั้งสามตัวดีกว่า(เผื่อคนเขียนเอามาให้เมดปวดหัวอีก)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โถน้องวิวลูกกกก :hao5:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารน้องวิว  :mew4:

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 39


“ ส่วนวิว นี่ข้าว.. แฟนเก่ากู ”

คนโดนแนะนำหันมามองหน้าผมหลังจากที่สบตามองกับคนข้างตัวอยู่สักพัก ใบหน้าน่ารักที่ยิ้มแย้มของเธอดูสวยหวานในความรู้สึก และทั้งๆที่ควรยกมือขึ้นไหว้แนะนำตัวผมกลับนิ่งไป ใบหน้าที่ควรจะยิ้มรับนั่นก็ด้วย มันแค่แสดงสีหน้าเรียบเฉยด้วยนิสัยเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน ‘ ผมเก็บอาการไม่เก่ง  รู้สึกยังไง ก็แสดงสีหน้าอย่างงั้น ’ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างมันก็แปลออกมาได้อย่างเดียวเลยว่า ‘ไม่ชอบใจ ’

“ วิว ” เสียงที่เอ่ยเรียกผม เหลือบมองพี่ชายตัวเองที่ก็มองหน้าแล้วส่งสายตาเหมือนจะบอกกันว่าให้ยกมือไหว้เธอสักหน่อย

“ อ้อ.. สวัสดีครับ ” ยกมือขึ้นไหว้เธอก่อนจะยิ้มนิดๆ สีหน้าเปลี่ยนไปของคนที่ยกมือรับไหว้กันนั้น เธอหันไปมองพี่เจเหมือนจะถามว่าผมไม่พอใจในตัวเธอรึเปล่ารอยยิ้มเจื่อนๆที่ส่งไป แต่นั่นก็ไม่มีคำตอบอะไรทั้งนั้น จนพี่อาฟที่นั่งอยู่ตรงนั้นหันไปพูดกับพี่เมด ซึ่งผมก็รู้ว่าเค้าคงไม่ได้ตั้งใจอธิบายพี่เมด แต่เค้าตั้งใจอธิบายให้ผมฟัง

 “ ข้าวเพิ่งกลับมาจากอังกฤษเลยเอาของฝากมาให้ไอ้เดย์ไอ้อัยย์ ”

 “พอดีข้าวเรียนดนตรีอยู่ที่อังกฤษน่ะ แล้วช่วงนี้กลับมาเยี่ยมที่บ้านพอดี ” เธอบอกเสริมพี่เมดก็ยิ้มก่อนจะเหลือบมองผมอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพูดคุยกับอีกคนตามมารยาท

“ แล้วข้าวเรียนเอกดนตรีอะไรเหรอ ”

“ เรียนเปียโนค่ะ ”

 “ เก่งระดับเล่นวงออร์เคสตร้าเลยนะพี่เมด คนนี้น่ะสุดยอดไปเลย ”  พี่เดย์บอกก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ทั้งสองนิ้ว

“ ไม่ขนาดนั้นหรอก ” คนโดนชมส่ายหน้าไปมา แต่พี่เจที่นั่งอยู่ก็แค่ยิ้มแล้วย้ำกับเธอ

“ ขนาดนั้นแหละ ไม่ต้องมาถ่อมตัวหรอก ”

“ แล้วนี่ได้กลับบ้านบ้างรึเปล่า ” คำถามที่เอ่ยถามขึ้นเป็นคำถามส่วนตัวที่ทำให้ทุกคนที่นั่งตรงนั้นเหลือบมองผมสลับกับพี่เจพี่ข้าวที่นั่งคุยกัน คนโดนถามไม่ได้ตอบอะไรแล้วตอนนั้นพี่ข้าวก็ระบายยิ้มออกมา

“ ไม่ใช่เด็กแล้วนะเจ อย่างอนไปหน่อยเลยน่า กลับบ้านไปหาท่านบ้าง แม่บ่นคิดถึงนะรู้มั้ย ”

“ ไปมาแล้ว แล้วจะถามทำไมวะข้าว ”

“ ก็แค่แวะเอาของฝากไปให้อาจารย์น่ะ ” ถ้อยเสียงที่อ่อนโยนมือเล็กที่เอื้อมไปจับแก้มอีกคนก่อนที่เธอจะใช้เกลี่ยเบาๆแล้วยิ้ม

“ เจอกันกี่ครั้ง ข้าวก็ไม่เคยเห็นเจพ้นสภาพค้างคาวเลย ใต้ตาดำไปหมดแล้ว ดูแลตัวเองดีๆสิ ”

 “ ไม่ต้องแคร์กูก็ได้นะ ” คำพูดของผมที่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ระวังปาก ไม่ใช่คนสองคนที่สนทนากันอย่างส่วนตัวจะหันมามองแต่มันคือทุกคนที่อยู่ตรงนั้น หัวใจของผมมันเต้นแรงตอนที่มองพี่เจที่หันมามองผม

 “ ถามจริงมึงกับพี่ข้าวกำลังปั่นกูอยู่ถูกมั้ย”

 “ พูดอะไรของมึง ” อีกคนตอบ “ แล้วข้าวเกี่ยวอะไรด้วย ”

 “ ไม่รู้สิ บางทีพวกมึงอาจจะกำลังแสดงฉากห่วงใยกันหวานซึ้งเพื่อให้กูคิดขึ้นมาก็ได้ว่า ถ้าไม่รีบจับจองสถานะอะไรไว้ สักวันอาจจะไม่ทันคงเป็นอะไรทำนองนั้น ” แววตาของเราสบกัน ผมเผลอกัดริมฝีปากด้านในของตัวเองจนเจ็บไปหมด

 ‘ ทำเป็นปากดีทั้งๆที่ใจจริงตอนมองภาพนั้นก็เจ็บไปหมด ’  ก็ไม่ใช่คนที่ปากเก่งอย่างที่แสดงออกไปจริงๆหรอก ประโยคพูดอวดเก่งราวกับไม่สนใครพวกนั้น เป็นแค่กำแพงกั้นตัวตนที่กำลังร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่งก็เท่านั้น

เพราะในความเป็นจริง ถ้าทำได้ก็อยากจะทำมากกว่าที่พูด อยากเดินไปกระชากมือนั้นออกจากหน้าของอีกคน ยืนบังสายตาห่วงใยที่เค้าส่งถึงกัน แล้วตะโกนออกไปว่า อย่ามายุ่งกับคนของผม แต่กลับทำอะไรแบบนั้นไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำได้ ผมไม่ใช่แฟนพี่เจ มันจริงอย่างที่เค้าแนะนำ ผมเป็นแค่คนรู้จัก

 “ กูไม่เคยบังคับมึงสำหรับสถานะของเรา แล้วมึงเองก็เป็นคนพูดว่าต้องการแบบนี้กูพูดถูกมั้ย ” ผมเงียบไม่ได้ตอบ เราได้แต่มองกันอยู่แบบนั้น

 “ สถานะมันไม่สำคัญสำหรับมึงไม่ใช่เหรอ แล้ววันนี้มึงจะแคร์อะไรกับแค่ข้าวที่มีสถานะเป็นแฟนเก่ากูละ ”

 “ พี่เจ ”

 “ กูกับข้าว เราไม่ได้รู้สึกอะไรแบบที่มึงกำลังคิด แต่มึงเองมากกว่าที่กำลังรู้สึกแล้วคิดไปเอง ”

 “ คิดไปเองอะไร ? ”

 “ ไม่รู้สิ ” พี่เจยิ้ม “ อาจจะกำลังกลัวว่าแฟนเก่าจะขึ้นมาเป็นเป็นแฟนใหม่ละมั้ง ”

 “ แล้วทำไมกูต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วย ” เสียงของผมสั่น ไม่ได้เก่งจริงอย่างที่พูดออกไปเลยสักนิด น้ำตาที่กำลังไหลผมพยายามกั้นเอาไว้เพราะไม่อยากจะให้ใครมองว่าตัวเองกำลังรู้สึกเจ็บอย่างที่สุด มันเจ็บเพราะคำพูดตรงใจ มันเจ็บเพราะกลัวว่า มันจะเป็นแบบนั้น แบบที่อีกคนพูด

 “ นั่นน่ะสิ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมาคิดอะไรแบบนั้นต่อกันทำไม มันไม่ได้หรอก ”

 ก็แปลกดีอยู่เหมือนกัน ทั้งๆไม่มีคำพูดรุนแรงสักคำแต่น้ำตากลับไหลออกมา

 แล้วแม้จะพยายามฝืนยังไงก็ปิดบังความรู้สึกเจ็บจุกนี้ไว้ไม่อยู่ อาจเพราะมันทำให้ผมคิด คิดถึงเรื่องราวเมื่อเช้าของเรา คำถามที่อีกคนถามผม ‘ แล้วกูหึงมึงได้มั้ย ถ้ากูไม่ชอบมันกูหึงมึงได้รึเปล่า ’ แล้วก็อีกประโยคที่ผมคิด จนต้องร้องไห้ออกมาหนักกว่าเก่า คือคำพูดที่ผมเคยไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจ
มันแล้ว ‘ บางทีการที่ตัวกูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงเลย มันก็เหมือนกูไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาชีวิตไปตั้งอยู่ตรงไหนในพื้นที่ของมึง กูไม่รู้ว่ากูเป็นใครสำหรับมึง แล้วตอนนี้มันก็กลายเป็นว่า กูไม่รู้เลยว่า ขอบเขตที่จะทำได้หรือรู้สึกกับมึงได้ มันคือแค่ไหน ’

 “ มึงมันใจร้าย มึงแม่งโคตรใจร้ายเลยไอ้สัดลุง ” ใจร้ายที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เอาแต่ตามใจกันมาตลอด ใจร้ายที่ปล่อยให้ผมทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจโดยคิดถึงแต่ตัวเองเพียงคนเดียว

 “ กูไม่ได้ใจร้าย ” พี่เจบอกแบบนั้น

 “ มึงถามตัวเองสิวิว ว่าทำไมมึงใจร้าย ” นั่นนะสิ.. ทำไมใจร้ายได้ขนาดนี้วะวิว

 รอบตัวตรงนั้นมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง ไม่ได้อายที่น้ำตาของตัวเองไหลออกมาหนักขนาดนั้น มันคงเป็นเหมือนเรื่องบางเรื่องที่ถ้าห้ามไม่ได้เราก็แค่ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ต่างอะไรกับความเสียใจที่เกิด ก็เลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง ก็ต้องยอมรับ

 ฝ่ามืออุ่นสอดเข้าจับกับมือของผม ตอนที่หันไปพี่ชายตัวเองที่กำลังยิ้มให้กันนั้น เค้าพูดเสียงเบาๆ

 “ ออกไปหาอะไรกินอร่อยๆกันดีกว่านะ ”   ในความคิดพี่เมด ก็คงอยากจะพาผมให้เดินออกไปจากตรงนี้ ถ้าจะพูดอะไรก็จะได้พูด เค้าจะปลอบอะไรก็จะปลอบ เราจะได้ตอบโดต้ทุกความรู้สึกทั้งหมดแบบส่วนตัว มันดีกว่าตรงนี้ที่ใครต่อใครต่างกำลังมองมาทางผม

 “ งั้นข้าวขอตัวกลับก่อนดีกว่า คืนนี้มีนัดกินข้าวกับเพื่อนสมัยม.ปลายด้วย ” คนที่นั่งนิ่งอยู่นานลุกขึ้นจากเก้าอี้เธอหันมายิ้มให้ผมจางๆแต่ตอนนั้นผมกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น มันเรียบเฉยเสียจนเธอต้องหันไปมองทางอื่น

“ ขอบคุณนะครับพี่ข้าวที่แวะเอาน้ำหอมของเดย์กับอัยย์ที่ฝากซื้อมาให้ ” พี่เดย์พูดแบบนั้นเธอก็หันไปพยักหน้ารับแบบยิ้มๆ

“ ไม่เป็นไรหรอก ไว้เดี๋ยวรอบหน้าพี่กลับ จะบอกอีกทีนะ ฝากซื้ออะไรก็บอกอมาได้เลย ”

“ น่ารักใจดี ขอบคุณนะครับ ” พี่อัยย์ที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้น เธอก็ยิ้มก่อนจะหยิบเอากระเป๋าผ้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสะพาย

“ ไว้เจอกันนะน้องเดย์น้องอัยย์ ” กล่าวคำอำลาก่อนจะหันมามองพี่อาฟ

“ เจอกันนะอาฟ ” แล้วตอนที่หันมามองพี่เจเธอยิ้มให้ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ โชคดีนะเจ ”

น่าแปลก ไม่รู้ด้วยอคติหรือว่าอะไร ผมรู้สึกมีความห่วงใยอยู่ในสายตานั้นอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเบื้องหลังความสัมพันธ์นี้คือคนสองคนที่ยังรักกัน แต่ก็มีอะไรสักอย่างมาให้รู้สึกว่าต้องแยกออกจากกัน

“ แล้วจะกลับยังไง เอารถมาเหรอ ” อีกถามเธอก็ส่ายหน้าไปมา

“ เอามาได้ไง กลับมารอบที่แล้วก็เพิ่งขับไปชนข้างทางมา พ่อคงให้ขับหรอก ”

“ งั้นเดี๋ยวไปส่ง จะไปกินข้าวกับเพื่อนร้านไหนละ ”

“ เอ่อ..” พี่ข้าวเหลือบมองผมก่อนจะหันกลับมามองอีกคน “ ไม่ต้องหรอกเจ เดี๋ยวข้าวเรียกแท็กซี่เองก็ได้ เกรงใจ”

“ ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเจก็ต้องไปส่งวิวที่คอนโดอยู่แล้ว ข้าวก็ไปด้วยกันเลยจะไปเรียกแท็กซี่ทำไม  ”

“ แต่วิวจะไป.. ” พี่เมดที่ยืนอยู่ข้างผมหันไปพูดอีกคนที่ตอนนั้นผมก็ขัดขึ้น

“ ไว้วิวมาหาพี่เมดพรุ่งนี้นะ ” ผมบอกพี่ชายที่ก็หันมามองกันทันทีด้วยสายตาห่วงใย คงรู้สึกอยากจะปลอบผมก่อนแล้วพอไม่ได้ทำก็เป็นห่วงอยู่ลึกๆ ผมที่ทำได้แค่ยิ้มให้ไปก่อนจะพยักหน้ารับ

“ วิวจะกลับแล้วพี่เมดเพราะอีกไม่นานผับก็เปิด แล้วพี่เจต้องรีบกลับมาทำงานด้วย ”

“ แต่ว่ามึงกำลัง.. ”

“ วิวโอเค ไม่ต้องห่วงนะ ”

ก็มีความรู้สึกที่ไม่อยากไปเหมือนกัน แต่สิ่งที่รู้สึกมากกว่าคือ ‘ ผมแค่ไม่รู้จะหนีไปทำไม ’ ประวิงเวลานั่งคำปลอบใจทั้งๆที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็เหมือนกับการเสียเวลาเปล่า สู้เดินเข้าหาความจริง แล้วเคลียร์กับทุกอย่างคงจะดีกว่า ในเมื่อรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องร้องไห้ จะร้องในอีกสามสิบนาที หรือ จะร้องในอีกสามชั่วโมง ถ้ามันต้องร้องไห้ยังไงก็ต้องร้องไห้อยู่แล้ว

ไม่อยากเป็นเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว  เพราะผมรู้แล้วว่า สำหรับความเสียใจยิ่งปล่อยไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่า มันยิ่งเจ็บเท่านั้น และสิ่งเดียวที่ตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปทำได้ก็คงมีแค่อย่างเดียว ‘เมื่อเช้าเราน่าจะพูดกันให้รู้เรื่อง ไม่ปล่อยไว้เลย’

อย่างน้อยก็น่าจะบอกเค้าไปสักหน่อยว่ารักเค้าเหมือนกัน แล้วมีความสุขแค่ไหนกับการได้อยู่กับเค้า

“ มึงมานี่มาเมด อย่าไปเสือกเรื่องคนอื่น ” พี่อาฟเรียกคนข้างผมที่ก็หันไปขมวดคิ้วใส่คนพูดทันที ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่เห็นว่าพี่เมดมองกันมาอีกครั้งด้วยสายตาเป็นห่วง ในฐานะพี่ชายเค้าคงอยากเป็นพี่พึ่งพิงให้ เหมือนผมที่เป็นที่พึ่งพิงให้เค้าเวลามีปัญหา

“ เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วจะโทรมาหา ” ผมบอกก่อนจะดึงตัวเองขึ้นกระซิบ “ วิวอยากพูดกับพี่เจให้รู้เรื่องก่อน ขอไปพูดกับพี่เจอก่อนนะ ”

“ โอเค ” พอพูดแบบนั้นอีกคนถึงยอมพยักหน้ารับตามใจกัน “ ถึงแล้วก็โทรมาบอก ”

“ อื้ม ”

“ งั้นกูไปก่อนเดี๋ยวมา ” พี่เจหันไปบอกทุกคนในผับ ตอนนั้นพี่อาฟก็แค่ยิ้ม

“ อย่าช้ามากแล้วกัน งานวันนี้หน้าที่มึงต้องรับผิดชอบ ”

“ กูรู้น่า ” อีกคนบอกแต่ตอนที่เรากำลังเดินออกมา เท้านั้นก็ชะงักตอนที่พี่อาฟพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่แค่พี่เจหรอก ทั้งผมทั้งพี่ข้าวก็ชะงักไปเหมือนกันกับประโยคนั้น

“ คนรักกัน มันจะสบายใจอยู่คนเดียวไม่ได้นะ ”ไม่มีเสียงตอบรับของใครทั้งนั้น เหมือนเราแค่ฟังก่อนจะก้าวเดินต่อไป

พี่เจกับพี่ข้าวเดินอยู่ข้างหน้าผม มองจากข้างหลังจะว่าไปก็ดูเหมาะสมกันดี แต่ด้วยความที่อีกคนไม่ใช่ผู้ชายที่สูงมากอยู่แล้วการที่เค้าคบกับพี่ข้าวที่ตัวเล็กๆมันเลยดูเหมาะสมกันมาก แต่ทว่าในความคิดผมตอนนี้ เธอดูไม่เหมาะสมสักนิดเดียว และก็ใช่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมาะสมกว่า แล้วถึงใครจะไม่มองอย่างงั้น แต่ผมก็จะคิดแบบนั้น อย่างเอาแต่ใจที่สุด

“ น้องวิวไปนั่งหน้ามั้ยคะ เดี๋ยวพี่ข้าวนั่งข้างหลังเอง ” สาวที่ยืนข้างกันเสนอพูดเสนอขึ้น ผมหันมองเธอก่อนจะยิ้มให้

“ ก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ ”

“ อ่าจ๊ะ ” เธออ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่านั่นคือคำตอบที่คิดว่าจะได้ฟัง  พี่ข้าวยิ้มจางๆตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งตรงที่นั่งด้านหน้า หันมองพี่เจที่ก็เข้ามานั่งพร้อมกันอีกฝ่ายสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนจะเอียงตัวมากระซิบผม

“ คำพูดของมึงไม่ได้น่ารัก ”

“ ในสายตามึง กูก็ไม่ได้น่ารักอยู่แล้วจะแคร์ทำไม ”  ผมหันไปบอกก่อนที่เราจะหันกลับไปมองข้างหน้าตอนที่ประตูด้านหลังถูกเปิดออก พี่ข้าวเข้ามานั่งภายในรถ เธอนั่งเงียบๆอยู่ด้านหลังตั้งแต่ที่พี่เจขับรถออกจากผับ ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความอึดอัดคงเพราะไม่มีใครคุยอะไรกัน ผมเหลือบมองคนด้านหลังที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง

ทุกอย่างเงียบ แม้แต่เพลงเราก็ไม่ได้เปิด บนถนนที่รถค่อนข้างติดแล้วในตอนนั้นคนขับก็ชวนคนข้างหลังพูดขึ้น “ ร้านที่ไปนี่ สุขุมวิท 38 ใช่มั้ย ”

“ ใช่ ร้านเดิมนั่นแหละ ” พี่ข้าวตอบทั้งๆที่สายตายังมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ ชอบจริงๆเลยนะ ร้านนี้ ”

“ เพื่อนๆในกลุ่มก็ชอบด้วยละ ” เธอบอกก่อนจะหันมายิ้มให้อีกคนผ่านกระจกมองหลัง “ เจก็ชอบไม่ใช่เหรอ ไว้ว่างๆพาน้องวิวมากินสิ ”

“ อร่อยเหรอครับ ” ผมพูดขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ก่อนจะหันไปมองคนพูด พี่ข้าวยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ไม่ได้กินมานานแล้วไม่รู้อร่อยเหมือนเดิมรึเปล่า ”

“ ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ทุกครั้งที่ไปข้าวยังสั่งกินทุกครั้งเลยนะ ของที่เจชอบ ”  เธอพูดขึ้นก่อนจะเงียบไปในตอนที่หลุดท้ายประโยคนั้นออกมา 

“ หมายถึงเมนูเด็ดของร้านน่ะ ”

“ จำได้ว่าเป็นไก่ทอดแล้วก็ราดซอสอะไรสักอย่างเค็มๆหน่อย อร่อยดี ”

“ อื้ม อันนั้นแหละ ”

“ ไว้เดี๋ยวว่างๆกูพามึงไปกิน ”  พี่เจหันมาบอกผมที่ก็นิ่งไปเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะหันมาพูดกันแบบนั้น พยักหน้ารับไปอย่างว่าง่าย คงเพราะไม่อยากให้ผมรู้สึกไม่ดีที่ตอนนี้ทุกคำพูดที่ได้ยิน มันเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงอดีต ที่เคยมีความสุขร่วมกัน ความสุขที่ในช่วงเวลานั้น มันไม่มีผม

“ ขนมที่นั่นก็อร่อยนะน้องวิว ไปแล้วก็อย่าลืมกินละ ”

“ ได้ครับพี่ข้าว ” ผมตอบรับเธอที่ก็ส่งยิ้มมาให้ผ่านกระจกมองหลัง “ แล้วพี่ข้าวไปเรียนอังกฤษนานแล้วเหรอครับ ”

“ ก็ตั้งแต่ได้ทุนเลย ช่วงปีสองน่ะ ”

“ งั้นก็ไปเรียนต่อปีสองที่นู้นเลยเหรอครับ ”

“ เปล่าค่ะ ” เธอตอบก่อนจะส่ายหน้า “ ต้องไปเริ่มเรียนปีหนึ่งใหม่เลย ”

“ แล้วไม่เสียดายเวลาเหรอครับ ” คำถามที่ทำให้ทุกคนนิ่งไป ผมไม่เข้าใจว่าคำถามนั้นเป็นคำถามที่ไม่ควรถามรึเปล่า เพราะเธอหันมองพี่เจที่ก็นิ่งไปส่วนพี่ข้าวที่ก็ก้มหน้ายิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ มันก็เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเพื่อความฝันแล้ว พี่ก็อยากทุ่มเทให้มันมากกว่า ถึงจะต้องดูเป็นคนเห็นแก่ตัวมากๆก็ตาม ”

“ ไม่มีใครมองว่า ความฝันเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวหรอกครับ ” ผมบอกเธอ

“ ถ้าใครมองว่าความฝันเป็นเรื่องไร้สาระ ผมมองว่าคนนั้นคงไม่ได้รักพี่ข้าวจริงๆหรอก เพราะคนที่เค้ารักพี่ข้าวจริงๆ ต้องสนับสนุนพี่ข้าวอยู่แล้ว ”

“ ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้น ”  พี่เจพูดขึ้นแล้วตอนนั้นในรถของเราก็เงียบไปอีกครั้ง ผมมองคนสองคนที่ยิ้มจางๆให้กันผ่านกระจกหลัง บางประโยคที่ผมพูดคงไปย้ำเรื่องราวในอดีตของทั้งสองคน ที่ซึ่งตัวผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความรู้สึกในใจนั้นเป็นยังไง จะรักอยู่ หรือหลงเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำ

 ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เบือนหน้าหนีออกจากภาพนั้นตัดสินใจหันไปมองนอกหน้าต่างรถ แล้วตอนที่สัญญาณไฟสีแดงฉายขึ้น คนที่ขับรถอยู่ก็เอื้อมมือข้างนึงมาจับมือผมไว้ หัวใจมันพองโตขึ้นกะทันหันหัน ผมหันมองพี่เจที่ไม่ได้หันมามองผมแต่อย่างใดเค้าที่แค่มองตรงไปข้างหน้าแต่กลับทำให้รู้สึกว่าตัวเองก็สำคัญเหมือนกันแม้ไม่ต้องพูดอะไรมาก 

 มันมีคำถามมากมายที่ผมอยากรู้ และเหนือความอยากรู้ก็ยังมีสิ่งที่อยากบอก ผมกระชับกุมมือนั้น ‘ ไม่อยากจะปล่อยไปไหนนะ ’ แต่ไม่รู้อีกฝ่ายจะเข้าใจรึเปล่า

 “ ขอบคุณที่มาส่งนะเจ ”  พี่ข้าวที่พูดขึ้นคนข้างตัวผมก็ยิ้มก่อนจะหันไปพยักหน้ารับ  หันไปมองด้านนอก รถจอดเทียบหน้าร้านอาหารที่มีดีไซน์ผสานระหว่างไม้กับอิฐสีแดงผสมปูนเปลือย ดูไปก็คล้ายๆกับอาคารในฟาร์มตามหนังฝรั่ง

 “ ไม่เป็นไรครับ ”

 “ พี่ไปก่อนนะน้องวิว ” เธอบอกผมที่ก็หันไปยกมือไหว้ลา

“ แล้วจะกลับอังกฤษเมื่อไหร่ ” พี่เจถาม

 “ อีกสามอาทิตย์ก็ต้องกลับแล้ว ต้องกลับไปซ้อมรวมวง แล้วก็คงไม่ได้กลับมาอีกนานเลย ” ผมเห็นคนสองคนยิ้มให้กัน ก่อนที่พี่เจจะพูดขึ้น

 “ โชคดีนะข้าว ”

  “ เจเองก็ด้วย โชคดีนะ ”

 “ ครับ ”  ประตูถูกเปิดออก ผมเห็นพี่เจมองเธอลงไปจากรถแล้วมองตามอยู่แบบนั้นจนร่างเล็กของผู้หญิงคนนั้นหายไป

 สิ่งหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจคือ ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มองใครคนนั้นที่เป็นรักครั้งเก่า  ผมไม่รู้ว่าพี่เจกำลังรู้สึกอะไร ผมไม่รู้ว่าเค้าอาลัยอาวอนต่อสิ่งที่จากไปแล้วนั่นมากแค่ไหน แต่ที่ผมมั่นใจ คือหัวใจของผมกำลัง
เจ็บปวด มันเจ็บที่เห็นว่าเค้ากำลังเสียใจอยู่กับคนรักเก่า ซึ่งผมที่มาใหม่ยังไม่มีสถานะ  และไม่สามารถทำอะไรได้เลย ยกเว้นยอมรับ

รถเคลื่อนออกจากที่จอด ขับมุ่งตรงไปที่คอนโดของเรา พี่เจจอดรถตรงที่จอดประจำ เค้าปรับเกียร์ขยับขึ้นไปให้รถหยุดนิ่งก่อนจะดึงเบรคมือขึ้น ผมได้ยินเสียงถอนหายใจออกมา เบื้องหน้าของผมเป็นเพียงแค่ชั้นจอดรถที่ตอนนี้มีคู่รักคู่นึงกำลังหัวเราะมีความสุขผ่านหน้าเราไป … บรรยากาศนั้นช่างแตกต่างกับในรถที่กำลังเป็น

 “ วิว ”

 “ ช่วยเล่าเรื่องมึงกับพี่ข้าวให้กูฟังหน่อยได้มั้ย ” มันเป็นคำถามแรกที่ผมถาม พี่เจที่นิ่งไปผมก็หันไปมองอีกคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2018 23:09:57 โดย patwo »

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
 “ ช่วยเล่าเรื่องมึงกับพี่ข้าวให้กูฟังหน่อยได้มั้ย ” มันเป็นคำถามแรกที่ผมถาม พี่เจที่นิ่งไปผมก็หันไปมองอีกคน

 “ ทำไมมึงรักพี่ข้าวจังวะ กูอยากรู้ ”

 “ พูดว่าเคยรักดีกว่า ” อีกคนบอก

 “ งั้นเหรอ ” ผมยิ้มกับคำพูดนั้น

 “ แต่สายตามึงที่มองเค้า ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกว่ามันแค่เคยเลยว่ะ มันเหมือน มึงยังรักเค้า ”

 “ พ่อกูเป็นนักเปียโน ที่อยากจะเปิดโรงเรียนสอนเปียโนแล้วก็ดนตรีอื่นๆ แต่ว่าที่บ้านเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ทั้งบ้านก็เลยมีแต่เปียโนอยู่ตัวเดียว พ่อมีความหวังว่าถ้ามีเด็กมาเรียนเปียโนเค้าจะสะสมเงินจากตรงนั้นซื้อเครื่องดนตรีอื่น แต่ก็ไม่มีใครมาเรียน ” พี่เจยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ข้าวเป็นเด็กที่อยู่ในละแวกหมู่บ้านเดียวกับกู แล้วในละแวกนั้นบ้านข้าวก็รวยที่สุด ทุกวันหลังเลิกเรียนกูจะไปยืนแจกใบปลิวคอร์ดเรียนเปียโนให้พ่อ ใบปลิวที่ไม่มีคนรับแล้วตอนนั้นข้าวก็รับมันไป แล้วไม่กี่วันต่อมา ข้าวก็มาเรียนเปียโนที่บ้านเรา ”

“ แล้วลุงมึงก็เลยสนิทกับพี่ข้าวตอนนั้น ”

“ ใช่ กูสนิทกับข้าวมาก เราคุยแชทกันทุกวันจนม.สอง กูก็ขอข้าวเป็นแฟนแล้วเธอก็ตอบตกลง เราคบกันลับๆไม่มีใครรที่บ้านรู้มีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่เราบอก กูกับข้าวใช้ช่วงเวลาเรียนพิเศษเปียโนคุยกันต่อหน้า จนข้าวเริ่มไปสอบโรงเรียนดนตรี แล้วก็จริงจังมากขึ้นกับความฝัน กูเองก็ทะเลาะกับที่บ้าน”

“ ทะเลาะกันเรื่อง”

“พออยากให้กูเรียนดนตรี เพราะตอนนั้นโรงเรียนเราเริ่มดัง เค้าอยากให้กูเหมือนข้าว เก่งเปียโน ไปเรียนเมืองนอก จะได้มาทำงานต่อจากเค้า แต่กูไม่ได้ชอบไง  ไม่ได้ชอบขนาดทำเป็นอาชีพ เราเลยทะเลาะกัน ยิ่งกูออกมาทำงานผับเค้าก็ยิ่งไม่ชอบ ”

“ เข้าใจละ ”

“ แล้วจนเข้าปีสอง ข้าวก็ได้ทุนไปเรียนมหาลัยเกี่ยวกับดนตรีที่อังกฤษ ”

“ ก็เลยเลิกกัน ”

“ อื้ม ” พี่เจพยักหน้ารับ

“ เค้าให้เหตุผลว่ากูไม่มีอนาคตและความฝันอะไร เค้าอยากให้กูลองคิดถึงตัวเองแล้วก็วางแผนเผื่ออนาคตบ้าง แต่ว่าเค้าคงไม่รู้หรอกว่าจริงๆ อนาคตของกูก็คือเค้านั่นแหละ กูแค่อยากมีเค้าในชีวิตที่ดีได้ทำตามที่ฝันแล้วกูก็ซัพพอร์ตมัน นั่นคือสิ่งที่กูคิดแต่มันมีวันเป็นจริงแล้วละ ส่วนอีกเหตุผลนึง ก็คือเผื่อกูเจอคนที่อยากจะคบด้วย จะได้ไม่ลังเลที่มีเค้าอยู่ ”

“ แต่นั่นมันก็คือเหตุผลเดียวกันกับเค้าไม่ใช่เหรอวะ ” ผมบอกพี่เจก็หันมามองหน้า

“ ที่เค้าพูดแบบนั้นนั่นก็เพราะว่า เค้าก็คิดว่าถ้าเค้าเจอคนใหม่ เค้าก็จะไปเหมือนกัน โดยที่ไม่ต้องมานั่งแคร์มา เค้ายังมีลุงอยู่ ”

“ ก็คงเป็นอย่างงั้น” อีกคนก้มหน้าบอกยิ้มๆ “ เราเลิกกันก่อนวันที่ข้าวจะบินไปอังกฤษ ”

“ เค้าเห็นแก่ตัวดีนะ ”

“ เมื่อกี้มึงยังพูดเลยว่าเค้าไม่ได้เห็นแก่ตัว ” พี่เจหันมายิ้มแซวผมก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวกัน

“ ก็ตอนนั้นกูยังไม่ทันฟังว่าเรื่องมึงกับเค้าเป็นยังไง แต่ถ้ากูฟังแล้วกูจะไม่มีทางเข้าข้างเค้าเด็ดขาด ”

“ แต่สิ่งที่มึงพูดมันก็ถูก การทำตามความฝันไม่ใช่เรื่องที่เห็นแก่ตัวหรอก กูเข้าใจเค้านั่นแหละ เพราะคนเรามันย่อมหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองอยู่แล้วซึ้งกูไม่ใช่อะไรแบบนั้นสำหรับข้าว ”

“ อื้ม ” ผมขานรับความคิดนั้นในคอก่อนที่ทั้งรถจะเงียบไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความอึดอัด มันมีคำถามนึงที่ผมอยากถาม   “แล้วลุงยังรักเค้าอยู่มั้ย ”

“ ไม่ได้รัก ” หัวใจของผมมันเต้นแรงตอนที่ได้ฟัง หันมองอีกคนตอนที่หันมามองหน้าผม

“ ไม่อยากเชื่อเลย ” ผมบอกอีกคนแบบนั้นก่อนจะยิ้มให้

“ รู้มั้ยสายตาของมึงตอนมองพี่ข้าวมันยังบอกกับกูว่ามึงยังรักเค้ามาก ทั้งรักทั้งเป็นห่วง แล้วก็คิดถึงตอนที่มึงกับเค้าคบกัน ”

“ กูกับข้าวแค่เลิกกันในฐานะแฟน แต่ไม่ได้เลิกเป็นห่วงกันในฐานะเพื่อน ”

“ งั้นเหรอว่ะ ” ผมผ่นลมหายใจออกมากับคำพูดนั้นที่ได้ฟัง “ แต่กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้มึงรู้สึกแบบนั้น ”

“ วิว ”

“ ถามจริงๆเถอะ ทำไมกูต้องมานั่งตรงนี้แล้วเห็นมึงมองเค้าด้วยความห่วงใยขนาดนั้นด้วย กูกำลังขึ้นมาเป็นคนใหม่นะเว้ย ถึงจะยังไม่ได้เป็นอะไรกับมึง ไม่มีสถานะ แต่กูก็ไม่ปล่อยมึงไปแน่ๆ แล้วคำถามคือ ทำไมกูต้องมานั่งเห็นมึงแบ่งความห่วงใยที่มีให้กูคนเดียว ไปให้คนอื่น มันไม่เหี้ยเกินไปหน่อยเหรอ กับคำพูดสวยหรูของมึงอะลุง ” ผมหันออกไปนอกหน้าต่างทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรให้มอง ทุกความรู้สึกมันจุกอยู่ในอก หลายเรื่องหลายราวมันอัดอยู่ในนี้

“ แล้วแบบนั้นสถานะระหว่างเรามันจะไปสำคัญอะไรวะ ถ้ามึงยังคิดถึงเค้า กูอยู่ในสถานะไหนก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ”

“ แต่กูว่ามันสำคัญนะ ” อีกคนบอก

“ ข้าวอยู่ในสถานะแฟนเก่าของกู แล้วนั่นคือสถานะที่กูให้ข้าวเพื่อที่จะบอกกับมึง หรือแม้แต่ใครๆว่า ข้าวเป็นแค่ความทรงจำในอดีตของกู เป็นแค่แฟนเก่าที่จะไม่มีวันกลับมา แล้วนั่นก็คือสถานะที่กูให้ข้าว ส่วนมึง มึงคือคนที่กูอยากจะให้สถานะว่าเป็นแฟน ไม่ใช่เก่า ไม่ใช่ใหม่ เป็นแค่แฟน เป็นคนในปัจจุบันของกู ” ผมหันไปมองอีกคน พี่เจที่กำลังจ้องมองผมด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

“ แล้วถ้าถามว่า สถานะ มันสำคัญยังไง คำตอบของกูก็คือ กูแค่อยากให้มึงเรียกกูว่า แฟน อยากจะเป็นคนที่หึงมึงได้เวลาที่มีใครเข้ามาใกล้ กูอยากครอบครองมึงไว้ แล้วก็อยากจะมึงเป็นคนครอบครองกูไว้ แล้วที่กูอยากจะถามมึง นั่นคือ แล้วมึงละ รู้สึกอะไรแบบนั้นกับกูบ้างมั้ย ”

“ รู้สึก ”

“ กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับข้าว ในความคิดที่อยากจะกลับไปมันไม่มี โอเค อาจจะเป็นห่วง แต่ไม่ใช่ความคิดที่คิดวนเวียนในหัว มันเกิดขึ้นตอนเห็นหน้า เหมือนเวลามึงเจอเพื่อนเก่าก็เท่านั้น”

“ เหรอ”

“ ไม่เชื่อใช่มั้ย”

“ ใครจะไปทำใจเชื่อลง”

“ เหมือนมึงกับไอ้มิกซ์ มึงบอกกูเหมือนกันว่าไม่มีอะไร”

“ แต่อันนั้นมันไม่มีอะไรจริงๆนะมึง” ผมหันไปเถียง

“ เรารู้ใจเราดี แต่การทำให้ใครอีกคนเชื่อใจมันยาก แล้วยิ่งไม่มีสถานะอะไรมันไม่ใช่ไม่เชื่อใจ แต่มันกลัว  กลัวแค่คิดไปเอง กลัวแม้แค่เห็นเค้ามองคนอื่น”

“ พี่เจ”

“ เข้าใจความรู้สึกกูรึยัง เมื่อเช้ากูก็รู้สึกแบบนั้น แบบที่มึงกำลังรู้สึก”

“ มันคงจริงอย่างที่ใครบอก ไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้ ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจ “ ยังจำวันที่กูมีนอนคอนโดมึงแล้วเรามีอะไรกันได้มั้ย ”

“ จำได้ วันนั้นกูขอมึงเป็นแฟน ”

“ อื้ม  ที่วันนั้นกูบอกกับมึงว่าให้เราลองคบกันก่อน เป็นตัวเองให้สุดก่อน แล้วค่อยมาตกลงกันว่าจะเอายังไง วันนั้นที่พูดไปแบบนั้น เพราะกูก็แค่กลัว ” ผมยิ้มออกมาก่อนจะก้มหน้าลง สองมือที่จับเข้าหากันก่อนจะบีบมันเพื่อระบายความรู้สึกที่คิดอยู่ในอกอย่างตรงไปตรงมา

“ ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากจะเป็นนะ แฟนมึงน่ะ กูอยากเป็นลุง อยากเป็นมากๆ แต่เพราะกูไม่ใช่คนในแบบที่ใครจะมาจริงจังด้วยได้ กูมันเอาแต่ใจ พูดอะไรก็ไม่เคยคิด กูเลยคิดว่ามึงคงทนกูไม่ได้หรอก แต่เพราะกูชอบมึง ทั้งๆที่คิดไม่รอดแน่ แต่ก็ยังอยากจะอยู่กับมึง กูเลยบอกออกไปแบบนั้น บอกออกไปว่า มาลองคบกันดูก่อน กูคิดว่าถ้ามึงทนไม่ไหว มึงจะไปกูก็คงไม่เจ็บมากเท่าไหร่ เพราะเรายังไม่ใช่แฟนกัน แต่กูแม่งโง่มากเลยลุง ”

“ วิว ” อีกคนเรียกผมก่อนจะดึงเข้าไปกอด

“ อึก.. คือกู กูเพิ่งรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ถ้ามึงไม่อยู่กับกูแล้ว กูก็เสียใจทั้งนั้น นั่นก็เพราะว่ากูรักมึงไปแล้ว รักจนไม่อยากจะเสียมึงไป แต่เพราะกูรู้ว่ากูไม่ใช่เด็กน่ารัก กูก็กลัวว่ามึงจะไม่ชอบ กูกลัวไม่มีมึงอยู่ข้างๆ อึก ฮือๆ”

“ ไอ้เด็กโง่เอ้ย ” อีกคนบอกก่อนจะดึงผมออกจากอ้อมกอดนั่น พี่เจมองผมที่ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้เค้าถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มแล้วเช็ดน้ำตาให้

“ มึงแม่ง โคตรสมเป็นเด็กเลยรู้มั้ย ”

“ มึงไม่เข้าใจหรอก ถ้าวันนึงมึงเหี้ยมากๆ แล้วมึงรักใครเข้า มึงจะกลัวไปหมดทุกอย่างนั่นแหละ “  ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เหลือตอนที่มองหน้าอีกคนที่ก็แค่ยิ้มให้

“ ไอ้อาฟเหี้ยขนาดนั้น มันยังไม่กลัวว่าไอ้เมดจะไม่รักมันเลย ”

“ ก็นั่นมันพี่อาฟอะ เค้าก็รักพี่เมดเปล่าวะ เค้าก็ปรับตัวเพื่อพี่เมดอะ ”

“ แล้วมึงไม่รักกูเหรอ ”

“ รักสิไอ้สัด ” ผมตอบก่อนจะนิ่งไปตอนที่อีกคนเอาแต่จ้องตากัน

“ แล้วทำไมถึงคิดว่าตัวเองจะปรับตัวเพื่อกูไม่ได้ ” อีกคนเอียงหน้าถาม

“ มึงเป็นคนบอกเมดใช่มั้ย ว่าคนเรามันไม่ได้สมบูรณ์แบบ มันมีสิ่งที่ต้องปรับแล้วต้องแก้ไข ความรักมันต้องเจอปัญหา มันไม่ได้มีความสุข มึงบอกเมดได้แล้วทำไมมึงไม่ยอมบอกตัวเองละ ”

“ กู..”

“ อย่ากลัวอะไรไม่เข้าท่าสิว่ะ มีกูอยู่ข้างๆจะไปกลัวอะไร  กูยังไม่กลัวที่จะคบกับเด็กแรดอย่างมึงเลย เพราะสิ่งที่กูกลัวนั่นก็คือการที่กูจะไม่ได้เป็นแฟนมึงต่างหาก มึงไม่เห็นเหรอว่าการไม่ได้เป็นอะไรเลย การที่ไม่ได้มีสถานะอะไรเลยมันแม่งแย่แค่ไหน ” อีกฝ่ายบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ มาพูดเรื่องนี้อีกรอบเผื่อมึงยังไม่เข้าใจมันจริงๆ มึงบอกกูว่า เพราะกูไม่รู้จักไอ้มิกซ์กูก็เลยไม่เชื่อแล้วกำลังคิดไปเอง ว่ามันชอบมึง แล้วกูถามมึงหน่อยวิว มึงเชื่อกูมั้ยที่กูบอกว่า กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับข้าวแล้ว “

“ แต่กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่มิกซ์จริงๆ ”

“ กูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับข้าวเกินกว่าคำว่าแฟนเก่าเหมือนกัน ” พี่เจบอก

“ แต่มึงก็ยังหึงถูกมั้ย มึงไม่เชื่อ มึงไม่มั่นใจว่ามันจะจริงอย่างงั้น กูก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แล้วนั่นก็เพราะว่าเราไม่มีสถานะต่อกัน กูหึงได้รึเปล่าวะ นั่นคือสิ่งที่มึงรู้สึก ตอนที่มึงเห็นข้าว มึงหงุดหงิด ไม่ชอบใจ อยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่มึงก็รู้สึกว่าไม่มีสิทธิ์เพราะไม่ใช่แฟน แล้วถามหน่อย กูไม่เคยพูดเหรอ ว่าไม่อยากเป็นแฟนมึง กูเคยบอกมั้ยว่า ไม่อยากจะให้มึงมาผูกมัดกู ไม่ให้มึงมามีสิทธิ์อะไรกับกู ”

“ ไม่เคย ” ผมพูดเสียงเบา

“ แล้วแบบนั้นมึงทรมานตัวเองไปทำไม มึงจะอยู่เป็นคนที่ไม่มีสถานะไปทำไม ในเมื่อกูอยากจะให้สถานะมึงจะตายอยู่แล้ว อย่าคิดให้มันเยอะได้มั้ยวะ ความรักมันไม่ได้ยาก อย่าทำให้ยากวิว ”

มองหน้าคนตรงหน้าที่พูดออกมา แล้วก็ได้แต่นิ่ง ไม่มีประโยคไหนที่พี่เจพูดออกมาแล้วมันจะไม่ใช่ ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง ‘ ความรักมันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ผมเองที่ทำให้มันดูยาก ’ และทั้งๆที่มีคนอยากจะให้ผูกมัดอยู่ตลอด แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากผูกมัดเพรากลัวอะไรงี่เง่า เป็นเหมือนเด็กที่ไม่กล้าแตะต้องของเล่นเพราะกลัวมันจะพัง ทั้งๆที่จริงแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตามในดลกนี้ ถ้าเราระมัดระวัง ใส่ใจ และรักษา มันไม่มีทางที่จะพังแน่นอนอยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่าหายไป แล้วนั่นมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

“ ขอโทษ ” ผมพูดได้แต่คำนี้

“ วิวเข้าใจหมดแล้ว อึก.. วิว วิวขอโทษนะพี่เจ เจ็บมากใช่มั้ย อึก ฮือๆ ขอ..ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่ขนาดนี้ ขอโทษที่ตอนนั้นมึงหึงกูกับพี่มิกซ์แต่กูพูดว่ามึงไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ กูเองตอนที่เห็นมึงอยู่กับพี่ข้าว กูก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน กูขอโทษแต่กูรู้แล้วว่าที่กูพูดออกไปแบบนั้นได้ นั่นเพราะกูไม่เจอกับตัวเองมากกว่า ขอโทษนะพี่เจ ทั้งๆที่ตอนนั้นกูควรแคร์มึง คงรใส่ใจมึงแต่กูก็เถียงเพื่อให้ตัวเองชนะตลอดเลย อึก ฮือๆ ขอโทษ  วิวขอโทษ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่ขนาดนี้ ขอโทษที่เล่นตัวทั้งๆที่ก็ไมได้น่ารัก ขอโทษจริงๆ ”

“ ก็ยังดีที่มึงรู้ตัว ” ผมเงยหน้ามองคนที่อยู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา

“ รู้ตัวว่าไม่ควรเล่นตัวทั้งๆที่ก็ไม่ได้น่ารัก”

“ มึงควรบอกว่า ไม่สิ วิวน่ารักนะ แบบนั้นมั้ยละไอ้เหี้ย ”

“ ฮ่าๆ ” พี่เจหลุดหัวเราะ เค้าหัวเราะเสียงดังออกมาจนเซพิงเบาะรถเหมือนคำที่ผมพูดมันขำเอามาก ยื่นไปตีแขนอีกคนด้วยความอายเพราะไม่รู้คำพูดนั้นจะขำอะไรนักหนา

“ หัวเราะเหี้ยอะไรนักหนา ขำมากรึไง ”

“ ไม่ได้ขำมาก แต่มึงแม่งน่ารัก เหมือนคนสติไม่ครบ เข้าๆออกๆ ”

“ มึงว่ากู  หน้าเหี้ย! ”

“ หน้าเหี้ยก็แฟนมึง ”

“ ไม่ได้เป็น มึงยังไม่ได้ขอ ” ผมพูดออกไป ก่อนที่เราจะจ้องตากันตอนนั้นพี่เจเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้แล้วคำพูดเบาๆของผมก็ถูกเอ่ยออกไป

“ ขอวิวเป็นแฟนอีกสักครั้งได้มั้ยพี่เจ ” ไม่มีเสียงอะไรตอบออกมาผมเห็นอีกคนที่กำลังยิ้มให้ผม ก่อนที่มือข้างนึงจะเอื้อมขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้กัน เราที่มองตากันนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่เงียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจชัดเจน ผมรู้สึกเขินไปหมด

“ เป็นแฟนกันมั้ยวิว ” ถ้อยเสียงทุ้มที่บอกกัน ผมยิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวเองพุ่งเข้าไปกอดอีกคนไว้อย่างแรง

“ เป็น! ” ผมตอบเสียงดังฟังชัด  “ วิวจะเป็นแฟนพี่เจ ”

อ้อมกอดที่กอดผมไว้แน่น ทำมันมีความสุขขึ้นมาฉับพลันแต่ก็ยังเสียใจอยู่ลึกๆ ได้แค่รู้สึกผิดในใจแล้วกระชับอ้อมกอดนั้นไว้ จูบลงบนไหล่ของอีกฝ่ายผ่อนลมหายใจของความเสียใจและรู้สึกผิดกับเรื่องราวที่ผ่านมา เราผละออกจากกันยังคงอยากจะบอกขอโทษอีกคนอยู่ซ้ำๆ

“ เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว มึงไม่ผิดที่รักตัวเอง ”

“ มึงจะบอกว่า มึงผิดเองที่ตอบตกลงกูน่ะเหรอ ”

“ ใช่ ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“ แต่กูก็ไม่เห็นว่ามีใครจะผิด เราแค่ลอง เราตกลงกันทั้งคู่ว่าเราจะลองรักกันดูแบบไม่มีสถานะ แต่วันนึงแค่ความรู้สึกกับมันมากขึ้น เราจะชัดเจนขึ้น มันจะผิดอะไร ถ้าเราจะมาทำความเข้าใจกัน แล้วตกลงในสิ่งที่เราเคยพูดกันว่า ไว้ค่อยคุย แล้วตอนนี้เราแค่อยากเลื่อนมันเร็วขึ้น ทุกอย่างมันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรเลย ”

“ แต่กูทำมึงเจ็บ ” ผมเหลือบไปมองทางอื่นตอนที่พูดคำนั้น

“ กูเข้าใจในสิ่งที่มึงพูด แต่กูแค่รู้สึกแย่ กูมานั่งคิดถึงตอนที่มึงพูดขอกูเป็นแฟน ถึงตอนนั้นกูจะขึ้นบีทีเอสเลยไม่ได้ตอบ แต่พอคิดว่ากูส่งไปบ้าง แล้วต้องนั่งคอย คือมันก็เหี้ยไง กูมานั่งคิดถึงตอนที่กูพูดกับมึงเรื่องพี่มิกซ์ มึงที่บอกเข้าใจ กูมานั่งคิดว่า เออ ถ้ามึงมาพูดกับกูแบบนั้น กูจะเข้าใจมันจริงๆเหรอ คำตอบคือไม่อยู่แล้ว กูรู้สึกผิดที่...”

เสียงของผมมันขาดช่วง หายไปเพราะริมฝีปากของคนตรงข้ามที่ดึงเข้ามาจูบกันอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ความอ่อนนุ่มที่ชวนให้หลับตาราวกับจะบอกว่า หยุดความคิดพวกนั้นได้แล้ว สิ่งที่แนบทับเริ่มขยับ ตัวผมเองที่เห็นเป็นแบบนั้นก็เผยอริมฝีปากนั้นตอบรับลิ้นของอีกฝ่าย ลมหายใจขาดช่วงไป ไม่ต่างกับใจที่หลุดตกลงจากที่สูง จมูกที่แนบกัน ดูดดื่มเสียจนไม่มีใครยอมใครจนตอนที่ผละออกเราลืมตามองกันแล้วตอนนั้นอีกฝ่ายก็แค่ยิ้มก่อนจะจูบซ้ำลงอีกครั้ง

“ หยุดพูดสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้วเริ่มต้นได้หรือยัง ”  ถอนหายใจออกมายิ้มๆ ผมพยักหน้ารับกับคำพูดนั้น แล้วตอนที่ดึงตัวเองไปจูบริมฝีปากนั้นอีกครั้งผมก็บอก

“ เริ่มได้แล้วครับ ”
 
................................................................
 
 
ผับ throw up ในช่วงบ่ายสามของวันอาทิตย์ ผมเดินลงจากรถของพี่เจหลังจากเราแวะไปกินอาหารที่ร้านตรงซอยสุขุมวิท 38 ที่เมื่อวานเราไปส่งพี่ช้าว ผมได้ชิมเมนูโปรดของพี่เจแล้วก็ค้นพบว่ามันอร่อยมากจริงๆ แต่ถ้าให้ชอบก็คงชอบสปาเก็ตตี้มากกว่า แล้วก็สลัดที่ออกจะรสจัดหน่อยๆ รสชาติเลยตัดเลี่ยนไก่ของพี่เจได้ดีมาก
“ วันนี้เหล้ามาลงเยอะจังวะ ” ผมพูดขึ้นตอนที่เห็นรถขนเหล้าที่ตอนนี้คนงานขนเข้าไปในร้านไม่ขาด แต่พี่เจคนที่อยู่ข้างกันก็แค่ยักคิ้วตอบรับ
“ เมื่อวานของหมดหลายอย่าง พี่มึงกว่าจะได้กลับ เช็คสต๊อกของขาดเกือบหกโมงเช้า ” สายตาที่หันไปมองที่ลานจอด “ ก็ไม่แปลกที่วันนี้ยังไม่มา ”
ผมพอดูออกว่าเมื่อวานคนคงเยอะมาก เพราะปกติแล้วพี่เจเวลากลับไปคอนโดในช่วงวันเสาร์เราจะมีกิจกรรมบนเตียงกันเบาๆ แล้วยิ่งสถานะของเราชัดเจนขึ้น ความรู้สึกภายในใจมันก็ชวนให้กอดจูบกันอยู่แล้ว แต่ทว่าเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเสร็จอีกคนก็แค่หอมแก้มผมแล้วก็หลับไปเลย หลับไปเพราะความเหนื่อยมากจนไม่มีแรงจะทำอะไร
“ มาแล้วเหรอจ๊ะเด็กแรด ” เสียงของคนที่กำลังจัดเหล้าที่ฝั่งบาร์เอ่ยทัก เผลอตอนหายใจออกมาตอนที่เห็นหน้าตาล้อเลียนนั่นของพี่เดย์ที่มองมา
“ ไม่มาแล้วจะเห็นได้ไงอะ ก่อนพูดนี่คิดแล้วใช่มั้ย ”
“ เมื่อวานตอนเจอพี่ข้าวไม่เห็นปากเก่งแบบนี้เลย มีโมเม้นร้องด้วย สมเป็นเด็กน้อยจริงๆ ” อีกคนว่าก่อนจะทำท่าเช็ดน้ำตาล้อผมราวกับมีปมโดนล้อมาตอนเด็กๆ แล้วตอนนี้ก็เลยอยากจะลองล้อคนอื่นบ้าง
“ แต่เมื่อวานไม่รู้ใครเมื่อกัน ก็ช่วยพูดขึ้นมาว่า พี่ข้าวแค่เอาของมาให้ตัวเองไม่ได้มาหาพี่เจเลย ไม่รู้จะถนอมน้ำใจเรารึเปล่า แบบว่ากลัวเราคิดมาก ว่าพี่เจกับพี่ข้าวจะนัดกัน ” เหล่มองคนตรงหน้าที่ก็ยกยิ้มแล้วหันไปทางอื่นแบบไม่สนใจ
“ ปากหมาไม่จริงนี่หว่า ที่แท้ก็แอบเอ็นดูเราเหมือนกันอะเนอะ ”
“ เข้าข้างตัวเองอย่สงที่สุด” อีกคนบอกแต่ถึงอย่างงั้นทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็แค่ยิ้มออกมา เพราะรู้กันดีว่าที่เราด่ากันอรงๆมันก็แค่เล่นกัน  จริงๆพี่เดย์มันก็ใจดีกับผมอยู่
“ ไม่อยากจะให้ใครมาเข้าใจผิดเพื่อนพี่กูก็เท่านั้นอะ ”
“ อ๋อเหรออออออ ” ผมลากเสียงยาวก่อนจะพยักหน้ารับ “ จะเชื่อแล้วกันนะ แต่ก็ ขอบคุณแล้วกัน ที่ถนอมน้ำใจน้อง ” พูดเสียงเบาในท้ายประโยคคนตรงหน้าก็แค่หันมายิ้มให้
“ มึงไม่ได้เป็นแฟนพี่กูอย่าพูดให้มันมาก ”
“ ข่าวใหม่นะ กูเป็นแฟนพี่เจแล้ว! ” ย้ำแบบนั้นตอนที่หันไปหาอีกคน พี่เจก็เดินเข้ามาใกล้พอดี ผมเอื้อมมือไปกอดแขนอีกคนไว้ก่อนจะซบแล้วยักคิ้วให้อีกฝ่ายเหมือนเหนือกว่า
“ กว่าจะรักกันได้ กูคิดว่าต้องรอประธานมาตัดริบบิ้นถึงจะเปิดตัวคบกัน ”
“ มึงไม่เคยมีความรัก มึงจะไปรู้อะพี่เดย์ ทุกอย่างมีอ่อนไหวนะเว้ย ”
“ ถ้ามีความรักแล้วต้องปัญญาอ่อนแบบมึงกูไม่มีดีกว่าจ้าเด็กแรด กูจะอยู่ต่อไปแบบนี้ละ”
“ เออ มึงรู้ข่าวกันยัง ” พี่อัยย์ที่จัดเหล้าอยู่อีกฝั่งหันกลับมา
“ เฮียบอกให้พี่เมดติดต่อเซลล์ขายเหล้าที่วันก่อนเต๊าะพี่เมด เข้ามาใหม่แล้วนะ เห็นบอกว่าคราวนี้จะให้มาเสนอขายละ ”
“ เหรอวะ ” พี่เจที่ยืนข้างผมพูดขึ้นยิ้มๆ “ มันจะไม่ลุกขึ้นต่อยเค้าอีกถูกมั้ย ”
“ ไม่รู้อะ แต่ที่แซ่บกว่านั้นคือ มึงยังจำเซลล์ชื่อมิกิที่เคยวันไนท์กับเฮียเมื่อนานมาแล้ว แต่เค้าก็ชอบเฮียมากๆ แบบยั่วยวนเฮียสุดๆเพราะอยากเป็นตัวจริงมั้ย ”
“ ที่ชอบใส่ชุดโป๊ๆ เสนอเหล้าทีก็แทบจะเอานมหนีบหน้าสัดพี่กูอะนะ ”
“ นั่นแหละ ” พี่อัยย์ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ
“ พี่ซองบอกกูว่าคนนั้นก็จะเข้ามาเสนอเหล้าเฮียเหมือนกัน แต่คำถามคือ..มึงว่าพี่เมดเวลาหึงจะเป็นยังไงวะ”
“ ไม่มีทางยังไงพี่เมดของกูก็มีเหตุผลมั้ย  ” พี่เดย์พูดขึ้นก่อนจะส่ายหน้า ผมที่ได้แต่ยิ้มในตอนนั้นก่อนจะพูดในสิ่งที่คิดท่ามกลางความเงียบของทุกคน
“ ไม่แน่หรอกพี่เดย์ ความรักอะมึง มันเปลี่ยนคนให้โง่มาเยอะแล้ว ”
 

...................................................
 



กู้ระเบิดที่นึง และ วางระเบิดลงอีกทีนึง
#ยิ้มกว้าง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์นะคะ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยน้า
❤❤❤❤❤❤❤❤

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2018 23:11:09 โดย patwo »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ตอนหน้าสนุกแน่ๆ เมดเตรียมหึงอาฟได้เลย  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
มิชชั่นคอมพลีทไปคู่นึง รออีกคู่นึงเลยจ้า เรื่องนี้นี่เหมือนค่อยๆ ปูให้ทุกตัวละครเรียนรู้กันเลย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตอนหน้าจะมีระเบิดลงไหม  :hao7:

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
โอยๆแค่พาร์ทน้องวิวมีข้าวออกมายังบีบหัวใจขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นพาร์ทของเมดบ้างเค้าจะปวดมจขนาดไหนนี่ คุณผู้แต่งค่ะขอเบาๆได้ไหมค่ะ เดี๋ยวเค้านอนไม่หลับ แหะๆ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7:  :hao7:  :hao7: โอ๊ย....ลุ้น  :katai5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อูยยยยยยย........รอเมดหึงอาฟเลย
ใครจะหึงแรงกว่ากันนะ.....
ที่แนๆ อาฟน่าจะร้อนรนมากๆ  :m20: :laugh:
แล้วก็ดีใจหน้าบานที่เมดหึงตัวเอง   :hao3:
อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

วิว พี่เจ ตกลงเป็นแฟนกันได้สักที
แบบวิวตกผลึกทางความคิดสินะ เข้าใจกันแล้วยิ่งรักกันๆ  :mew1:
ว่าแต่เดย์ อัยย์ จะมีความรักเหมือนคนอื่นๆไหมนะ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
รอดูเมดหึง

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เมดจะหึงแรงขนาดไหนต้องรอดูกัน o18

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ความบ้าบิของทีมงาน Throw up #ผับชั้นสาม
 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จะรอดูพี่เมดหึง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อยากเห็นเมดหึงแล้ว

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะทั้งกู้ทั้งวางแบบนี้ไม่ได้นะคะ :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ้าว ระเบิดลูกนี้จะเป็นยังไงนะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ไหงงั้น  :o12: ผัดกันม่ารึ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตอนหน้ามารจุติในร่างเมดแน่ ๆ  :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เมดหึงจะเป็นยังไงน๊าาาา

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
นิวเครียร์ลงไม่ใช่ระเบิดธรรมดา :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อยากเห็นเมดหึงจะน่ากลัวขนาดไหน

เข้าใจกันแล้วเนาะเจ-วิว เป็นแฟนกันสักที :mc4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
มันอยู่ที่ระเบิดจะตกลงที่ใคร
อาฟ เมด หรือเหล่าเซลล์
แต่ยังไงตอนหน้าก็เบิ้มแน่ๆ

ยินดีกับพี่เจและเด็กแรดไว้นะที่นี้ด้วยจ้า
คบกันสักทีเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด