หลี่คุนหน้าเสียทันทีที่ได้ยินคำถาม เขาชิงเป็นผู้ถามคำถามก่อนก็เพื่อที่ว่าหากจางอี้หลงเป็นคนที่ข้ามเวลามาจริง เขาก็จะเปิดเผยความลับของตัวเองออกมาเหมือนกัน แต่ในเมื่อไม่ใช่ ควรจะตอบอย่างไรดีไม่ให้ผิดคำสาบานที่ร้ายแรงนั้น เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะเสียความผูกพันที่สร้างขึ้นในฐานะคุณานนท์ไป
“ทำไมพี่ถึงถามคำถามนี้กับผม พี่สงสัยอะไร”
“ไม่ได้สงสัยอะไรนี่ครับ ก็เห็นน้องคุนถามพี่แบบนี้ก่อน พี่ก็แค่ลอกคำถามน้องคุน”
“ถ้าไม่สงสัย งั้นผมขอดื่มแล้วกันครับ”
หลี่คุนประกาศแล้วก็ยกแก้วใบไม่เล็กตรงหน้าขึ้นซดทีเดียวหมดอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาลอบโคจรกำลังภายในบุปผาเร้นวารีบรรเทาพิษสุราจากข้างใน ยกแรกเขาเพลี่ยงพล้ำไปแล้วแต่ยังดีที่มีตัวช่วย หมากกระดานนี้เขาเป็นคนวางย่อมเหลือทางออกให้ตัวเองเสมอ ถ้าคำถามแรกยังไม่อาจเปิดเผยที่มาของจางอี้หลงได้ คำถามต่อไปต้องรู้อะไรเพิ่มเติมแน่
“คำถามที่สอง พี่รู้จักท่าเท้าท่องคลื่นทั้งเจ็ดสิบสองตำแหน่งได้ยังไง และใช้วิธีไหนในการปรับปรุงมันขึ้นมา”
“นี่นับเป็นสองคำถามหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไร พี่จะบอกให้หมดเลย มันชื่อท่าเท้าท่องคลื่นเหรอ ฟังดูคุ้นๆ พี่รู้จักก็เพราะลอกตำแหน่งท่าเท้ามาจากน้องคุนนั่นแหละ”
“เป็นไปไม่ได้ ถึงท่าเท้านี้จะมีแค่เจ็ดสิบสองตำแหน่ง แต่เวลาร่ายรำออกมา ความผันแปรในการผสานทิศเรียงตำแหน่งก่อนหลังมีเป็นพันเป็นหมื่นกระบวนท่า ถึงจะเห็นกับตาก็ไม่มีทางรู้ถึงตำแหน่งพื้นฐานที่แท้จริงได้”
“น้องคุนอย่าโกรธพี่นะ คือพี่ไม่ได้ดูด้วยตาหรอก แต่ในรองเท้าผ้าใบที่พี่เคยให้น้องคุนสวมตอนร่ายรำกระบวนท่าพวกนี้ มันติดเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบละเอียดไว้ พอพี่กลับมาจีนก็เอาข้อมูลที่ได้มาเข้าเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ให้วิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหวออกมา ไม่น่าเชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่ดูซับซ้อนไร้รูปแบบอย่างนั้น จริงๆ กลับถูกกำหนดด้วยกฎเกณฑ์ที่น่าทึ่งมากๆ ขนาดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์พลังประมวลผลอันดับต้นๆ ของจีน ยังใช้เวลาเกือบเดือนถึงจะได้รูปแบบที่สมบูรณ์ออกมา และทุกอย่างพี่เก็บเป็นความลับให้น้องคุนหมด”
หลี่คุนฟังแล้วบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ในเมื่อท่าเท้าท่องคลื่นถูกปรับปรุงด้วยวิทยาการสมัยใหม่ จางอี้หลงก็ไม่ใข่คนที่ข้ามเวลามาอย่างที่เคยคิด ความหวังที่จะมีเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจชะตากรรมร่วมกันหายไป แต่จางอี้หลงเป็นคนธรรมดาอย่างนี้เขาก็ไม่มีเหตุให้ต้องระแวงอีกฝ่ายอีก
“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าควรจะปรับแก้ตรงตำแหน่งไหน”
“หลังจากรู้กฎเกณฑ์การเคลื่อนไหวทั้งหมดแล้ว พี่ก็เอาไปเข้าระบบจำลองการต่อสู้ที่พัฒนาขึ้นจากเกม พูดง่ายก็เหมือนกับจำลองให้มีคนสองคนที่ใช้กระบวนท่านี้มาต่อสู้กันเอง พอต่อสู้เสร็จครั้งหนึ่งก็เอาผลที่ได้มาวิเคราะห์แล้วให้ปัญญาประดิษฐ์ปรับปรุงรูปแบบการเคลื่อนไหวแล้วส่งเข้าไปสู้กันใหม่ ทำอย่างนี้ซ้ำๆ เราก็จะได้กระบวนท่าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ พี่เห็นว่ามันปรับปรุงขึ้นพอสมควร เลยส่งให้น้องคุนเอาไปลองใช้ดู”
“ไม่น่าเป็นไปได้ การปรับเปลี่ยนกระบวนท่าที่เกือบจะสมบูรณ์อยู่แล้วนั้น ต่อให้คนผู้หนึ่งหมกมุ่นกับมันทุกวัน ก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอในสิบหรือยี่สิบปี”
“แต่บนคอมพิวเตอร์ เราทำเรื่องที่ว่าได้เร็วกว่านั้นเยอะครับ ในหนึ่งเดือน ระบบจำลองที่ว่าทำการต่อสู้ไปทั้งหมดแปดแสนกว่าครั้ง เท่ากับคนที่น้องคุนพูดถึงทำอย่างนั้นทุกวันเป็นเวลาสองพันกว่าปี ไม่นับว่าเอไอจะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เอาผลมาวิเคราะห์นะครับ หรือถ้าน้องคุนไม่เชื่อลองหาข่าวเมื่อหลายปีก่อนที่ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถโค่นแชมป์โลกหมากล้อมลงได้สิครับ นั่นก็ใช้วิธีการเดียวกัน”
ดวงตาของหลี่คุนลุกโพลง กลยุทธ์การเล่นหมากล้อมเป็นศาสตร์โบราณของจีนที่ซับซ้อนยิ่ง และเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดต่อยอดกันมาโดยไม่หายสาบสูญเหมือนศาสตร์หลายๆ แขนง เขาเคยดูการเล่นหมากล้อมระดับโลกของคนยุคนี้ ต้องยอมรับมีกลยุทธ์ลึกล้ำพิศดารหลายอย่างที่ไม่เคยปรากฏในสมัยของเขา แล้วเครื่องกลคำนวณเครื่องหนึ่งจะสามารถเอาชนะคนระดับแชมป์โลกได้อย่างไร โกงชัดๆ ในหัวของหลี่คุนเห็นภาพเป็นลูกคิดรางหนึ่งกำลังวางหมากไล่ต้อนปรมาจารย์หมากล้อมชื่อดังในยุคของตัวเองแล้วรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา
“ตอบคำถามนี้หมดแล้ว ตาพี่บ้างนะครับ”
หลี่คุนหมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องถามถึงที่มาของท่าเท้าท่องคลื่น ต่อให้เขาหลบเลี่ยงอย่างไรก็คงต้องเผยความลับออกไปหลายส่วนถ้าไม่อยากละเมิดคำสาบานที่น่ากลัวนั้น เห็นทีจะต้องดื่มสุราคำโตอีกแล้ว
“พี่จะถามว่า น้องคุนพูดภาษาจีนได้ใช่ไหม ช่วยลองพูดกับพี่หน่อยสิครับ”
ใบหน้าอึมครึมของหลี่คุนสดใสขึ้นมาทันที เป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก แม้เขาจะไม่เคยบอกคนตรงหน้าเพราะกะจะแอบไว้ฟังเวลาจางอี้หลงคุยโทรศัพท์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร หลี่คุนรีบตอบคำถามนี้เป็นภาษาจีนทันที
“ผมพูดได้ครับ อี้หลงเก่อเกอ คือว่าเคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว แต่สำเนียงจะไม่ค่อยเหมือนที่คนจีนตอนนี้เขาพูดกันนะครับ”
เรียนมาเมื่อหกร้อยปีก่อนก็ถือว่านานจริงๆ นะ ไม่ได้พูดโกหก หลี่คุนคิดในใจ พอมองหน้าอีกฝ่ายก็เห็นดวงตาทั้งเยิ้มทั้งเป็นประกายวิบวับ ปากก็อมยิ้มจนแก้มตุ่ยนิดๆ พิลึกคน จากนั้นก็ตอบกลับเป็นภาษาจีนเช่นกัน
“เวลาคุนเอ๋อร์พูดภาษาจีนแล้วน่ารักมากๆ ดูอ้อนนิดๆ เหมือนเป็นคนละคนเลย ไหนเรียก อี้หลงเก่อเกออีกทีสิครับ ฟังแล้วระทวยมากๆ”
หลี่คุนได้ยินก็ทำปากยื่น เปลี่ยนกลับมาพูดภาษาไทยทันที
“ไม่เรียกคุนเอ๋อร์สิพี่ มันฟังดูเหมือนคุณเอ๋อในภาษาไทย ถ้าอย่างนั้นก็ด่าผมว่าไอ้เอ๋อมาเลยเถอะ ไปต่อข้อที่สามแล้วนะครับ พี่เป็นคนแอบเอาขี้ผึ้งโอสถผมไปแกะสูตรใช่เปล่า แล้วก็เป็นคนส่งไปขอใบรับรองจากประเทศต่างๆ จนเอามาใช้ช่วยผมตอนที่โดนโจมตีทางโซเชียลใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ พี่เห็นสรรพคุณมันดีกว่าเครื่องสำอางปกติไปมาก เป็นห่วงว่าน้องคุนจะใช้ส่วนผสมอันตรายโดยไม่รู้ตัว เลยส่งไปวิเคราะห์เอาผลไปขออนุมัติจากประเทศต่างๆ ไว้ก่อน กันน้องคุนมีปัญหาทีหลัง ที่สูตรรั่วออกมา เป็นความทุจริตข้างในสถาบันวิจัยแห่งนั้น พี่ต้องขอโทษน้องคุนด้วยจริงๆ”
“ถ้าไม่เห็นว่าเรื่องนี้พี่ช่วยผมไว้ในตอนหลัง ผมคงไม่ยกโทษให้ง่ายๆ อย่างนี้หรอกนะครับ ทีหลังอย่าทำอีก มีอะไรก็คุยกันตรงๆ”
“พี่ไม่ทำแล้วครับ งั้นพี่ขอถามต่อจากเรื่องนี้เลย ยาลูกกลอนที่เราให้ตินทาน มีสรรพคุณยังไงครับ”
“ไอตินมันบอกพี่เหรอ ก็เป็นยาที่ทำจากสมุนไพรนี่แหละ”
“พี่ถามถึงสรรพคุณครับ”
“ไม่บอกหรอก ผมดื่มเหล้าก็ได้ เก่งจริงก็ไปวิเคราะห์หาเอาเอง”
หลี่คุนเทเหล้าใส่แก้วก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด ความลับเกี่ยวกับโอสถระดับปฐพีย่อมบอกออกไปไม่ได้
“ข้อที่สี่ บริษัทโฆษณาที่ผมไปฝึกงาน เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ครับ”
“พี่ถือหุ้นอยู่บางส่วน”
“เท่าไหร่ครับ”
“เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์”
“ตั้งสามในสี่ แล้วตอนนั้นพี่บอกว่าเป็นแค่ที่ปรึกษาจากบริษัทแม่”
“ก็พี่เป็นที่ปรึกษาด้วยจริงๆ นี่ครับ เวลาซื้อบริษัทมา พี่ต้องเอามาดูว่าจะปรับปรุงตรงไหนได้บ้าง หรือมีทางร่วมมือต่อยอดอะไรกับบริษัทอื่นที่พี่ถือหุ้น ตาพี่บ้าง น้องคุนรู้สึกยังไงที่ผู้ชายจะคบกันเอง แบบคนรัก”
“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนี่ครับ ซูกัสก็มีแฟนเป็นผู้ชาย แอนฟิลด์เพื่อนเขาก็ดูเหมือนจะเป็นเกย์ พี่หมายถึงผมจะรับไม่ได้หรือเปล่า ทำไมถึงคิดอย่างนั้น อ้อ ที่จีนตอนนี้ค่อนข้างปิดกั้นเรื่องนี้สินะครับ พี่คิดว่าตัวเองอาจจะเป็นเกย์เลยกังวล พี่รู้เปล่าจีนเมื่อก่อน อย่างยุคราชวงศ์ซ่งหรือราชวงศ์หมิง คู่รักที่เป็นบุรุษเหมือนกันก็มีอยู่ไม่น้อยและก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่คนสมัยนั้นยังให้ความสำคัญกับการมีบุตรสืบทอดวงศ์ตระกูล ก็เลยไม่มีการแต่งงานออกหน้าออกตาเหมือนสมัยนี้ที่บางประเทศให้จดทะเบียนสมรสได้”
“น้องคุนรู้ประวัติศาสตร์จีนดีจัง แต่ที่พี่ถามหมายถึงตัวน้องคุนเองครับ คิดยังไงถ้าจะคบกับผู้ชาย หรือว่าชอบแต่ผู้หญิงจนยังไงก็ไม่เปิดรับเรื่องแบบนี้”
“เอ ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ถ้าถามตอนนี้ผมรู้สึกว่าเรื่องเพศไม่ได้สำคัญมากเท่าที่ผมเคยคิด เมื่อนานมากแล้วผมเคยมีใจให้ผู้หญิงคนนึง แต่พอถูกหักหลังอย่างเจ็บแสบ ผมก็ไม่ค่อยมองผู้หญิงในแง่นั้นสักเท่าไหร่แล้ว กับผู้ชายเหรอ ผมมองแบบเพื่อนมากกว่า แต่ถ้ามีใครที่ผมสนิทมากๆ จนอยากอยู่ด้วยตลอดเวลาก็ไม่รู้สิ อาจยังไม่ถึงเวลาด้วยมั๊ง ตอนนี้รู้สึกว่าอยากหาเงินมากกว่า ฮ่าๆ พูดถึงเรื่องเงิน ผมถามต่อเลยนะครับ เป็นนักลงทุนอย่างพี่นี่รวยขนาดไหนกันแน่ อยากรู้มากๆ”
“คำตอบคือ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เงินเกือบทั้งหมดของพี่ ลงไปในบริษัทสตาร์ทอัพต่างๆ ซึ่งกำลังตั้งไข่อยู่ ถ้ามีบริษัทไหนประสบความสำเร็จมากๆ ขึ้นมา พี่ก็อาจรวยมหาศาล แต่ถ้าล้มเหลวกันหมด พี่ก็ถังแตก ต้องใช้เงินปันผลจากฉางอันโอสถเลี้ยงชีวิตไปวันๆ เพราะงั้นน้องคุนต้องดูแลบริษัทของเราให้ดีนะครับ”
“ขนาดนั้นเลย ลงทุนแบบพี่นี่มันน่าหวาดเสียวจริงๆ”
“พี่ชอบแบบนี้ครับ ได้ก็ได้ เสียก็เสีย คำถามต่อไปของพี่คือ จำตอนที่น้องคุนฝังเข็มฟื้นฟูร่างกายให้พี่ได้ไหมครับ พอพี่หลับไป น้องคุนจับอี้หลงน้อยกับดราก้อนบอลของมันทำไมครับ”
“พี่อี้หลง!! พี่รู้ได้ยังไง”
“คือพี่สนใจวิชาฝังเข็มของเราเลยเอาโทรศัพท์ตั้งถ่ายคลิปได้แต่แรก ไม่นึกว่าจะจับเด็กซุกซนได้ พี่ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ แค่สงสัยว่าทำทำไม”
หลี่คุนอายจนหน้าแดง ตอนนั้นเขาไม่น่าเห็นแก่การทะลวงขั้นเคล็ดวิชาจนทำเรื่องแบบนี้ลงไป นึกว่าจะไม่มีใครรู้ แต่กำแพงมีหูจริงๆ
“ผมไม่ตอบ ผมยอมดื่มแก้วนี้แล้วพี่ช่วยลืมๆ มันไปเถอะครับ”
“ดื่มเหล้ามันแค่ค่าปรับที่ไม่ยอมตอบคำถาม แต่เรื่องที่พี่โดนล่วงเกินขนาดนั้น น้องคุนจะชดเชยยังไง”
“ก็… ก็เราสนิทกัน จะถูกเนื้อต้องตัวกันนิดหน่อย พี่ไม่น่าจะถือสา”
“อืม ถูกเนื้อต้องตัวกันได้ไม่ถือสา แน่ใจนะครับ เห็นชอบมาจับกล้ามท้องพี่ บอกว่าอยากมีบ้าง ฟิตของตัวเองไปถึงไหนแล้วครับ มา พี่ช่วยดูให้”
จางอี้หลงดึงตัวหลี่คุนที่เริ่มตึงๆ จากฤทธิ์สุรามานั่งข้างๆ แล้วเอามือโอบเอวจากทางด้านหลัง เขาค่อยๆ ขยับมือล้วงเข้าไปในเสื้อลูบที่หน้าท้องอีกฝ่ายเบาๆ
“อื้อหือ กำลังพอดีเลย รู้สึกว่าแข็งแรงแต่ก็ยังเนียนมือ ไม่ต้องมากไปกว่านี้แล้วนะครับ”
“พี่อี้หลง อย่าจับพุง มันจั๊กกะจี้ พอแล้ว”
“ก็สนิทกันไง น้องคุนบอกเองว่าจับได้ไม่ถือสา ที่พี่ยังโดนมากกว่านี้เลย”
จางอี้หลงเนียนอยู่สักพักถึงได้ยอมปล่อยมือ
“พอเถอะพี่ ผมจะถามคำถามซีเรียสแล้วนะ ทำไมตอนนั้นที่ผมโมโหใส่พี่ พี่ถึงเสนอให้เราห่างกันซักพัก แล้วพอผมไม่กลับไปคุยกับพี่อีก พี่ก็ยอมง่ายๆ พี่ทิ้งผม”
“ก็ตอนนั้นเราดูโกรธมาก พี่ก็อยากให้เย็นลงก่อน อีกอย่างพี่ก็น้อยใจนิดๆ เหมือนกันที่น้องคุนไม่คิดจะมองพี่ในแง่ดีเลย”
“เพราะงั้นพอผมบล๊อคการติดต่อ พี่ถึงทิ้งผมไปเลยใช่ไหม”
“พี่ไม่เคยทิ้งเราไปไหนนะ ตอนนั้นพี่มีเหตุให้เสียความมั่นใจบางอย่าง เลยรู้สึกยังไม่ค่อยพร้อมที่จะกลับไปเจอน้องคุนก็พอดีกับที่เราบล๊อคพี่มา แต่พี่ก็ให้พรรคพวกที่ไทยคอยดูแลติดตามน้องคุนแล้วรายงานพี่ตลอดนะครับ พี่เป็นห่วง”
“ผมไม่ชอบเลย ทั้งที่พี่หายไป แล้วก็ให้คนอื่นมาคอยสืบเรื่องของผม ถ้าเป็นห่วงก็มาดูเองสิ”
“แน่นอนครับ เปลี่ยนเป็นพี่ถามบ้าง ตอนนั้นที่จะโดนกลุ่มคนร้ายลักพาตัวแถวค่ายมวย น้องคุนสู้กับพวกมันด้วยวิธีไหนครับ ท่าเท้าท่องคลื่นของน้องคุนมันร้ายกาจมากก็จริงแต่คงทำได้แค่หลบหลีก แต่จากที่พี่สืบได้พวกคนร้ายสลบหมดทุกคนเลย
“ข้อนี้ขอผ่านครับ”
หลี่คุนตอบหน้าตาเฉยก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เริ่มตึงๆ หน้าขึ้นมาเหมือนกัน กำลังภายในเขาไม่ได้สูงส่งมากขนาดจะกำจัดพิษสุราได้ อย่างมากก็ยืดเวลาเมาออกไป แต่จะให้ตอบคำถามนี้คงไม่ได้ ท่าเท้าท่องคลื่นถูกเปิดเผยออกมาจนหมดเปลือกก็แย่แล้ว เป็นตายยังไงเขาก็ไม่ยอมเอ่ยถึงฝ่ามือเมตตาบารมีหรอก
“น้องคุนไม่ค่อยตอบคำถามพี่เลย ทีพี่ยังตั้งใจตอบทุกคำถาม”
“ก็ผมกินเหล้าเป็นค่าปรับแล้วไง ตาผมถามอีก เห็นมีข้อมูลว่าคนร้ายพวกนั้นส่วนใหญ่โดนมาเฟียล่าจนต้องหนีออกนอกประเทศ ตำรวจก็พูดคล้ายๆ กันเป็นพวกอิทธิพลต่างชาติสั่งเก็บ ฝีมือพี่ใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ครับ พี่คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของแฟนซูกัส เขาคงโมโหมากที่น้องโดนทำร้าย”
หลี่คุนอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมคนรอบๆ ตัวเขาถึงไม่มีใครธรรมดาเอาเสียเลย เมื่อคิดถึงฝีมือบอดี้การ์ดของแฮ็คส์ที่เขาเคยประมือด้วย ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
“คำถามต่อไปของพี่ อะไรคือความสุขจริงๆ ของน้องคุนครับ”
“ก็เงินสิครับ ถ้ามีเงินเยอะๆ เราก็เอามาซื้อความสุขได้ ยุคนี้ทุกอย่างมีขาย”
“พี่ให้โอกาสตอบใหม่ครับ เรื่องเงินไม่นานน้องคุนก็จะมีเยอะแยะแน่ แต่สิ่งที่ทำให้น้องคุนมีความสุขในชีวิตคืออะไร สิ่งที่น้องคุนปรารถนาจะได้มามากที่สุด”
หลี่คุนนิ่งคิด วิญญาณเร่ร่อนข้ามชาติภพอย่างเขาจะปรารถนาอะไรได้อีก ย้อนกลับไปเป็นหลี่คุนในยุคราชวงศ์หมิงเหรอ ไม่มีใครรอเขาอยู่ที่นั่น บิดา มารดา สตรีที่รัก ไม่ตายจากกายก็ตายจากใจไปหมดแล้ว คนที่เขาเริ่มผูกพันด้วยอยู่ที่ชาติภพนี้ เพียงแต่เป็นความผูกพันสำหรับคุณานนท์ไม่ใช่หลี่คุน ไม่แน่ว่าความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการได้กลายเป็นคุณานนท์อย่างแท้จริง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เราเป็นวิญญาณคนละดวงกัน ต่อให้ไม่มีใครรู้แต่ตัวเขาก็รู้
“ผมตอบไม่ได้ครับ ขอดื่ม”
หลี่คุนยกเหล้าดีกรีแรงขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วรู้สึกมึนหัวขึ้นมาทันที ดูเหมือนกำลังภายในบุปผาวารีจะยื้อฤทธิ์สุราหลายแก้วก่อนหน้านี้ไว้ไม่ไหวแล้ว
“ผมสงสัยอย่างนึง ทำไมพี่ไม่ถามว่าผมได้สูตรยามาจากไหน แล้วก็ที่มาของท่าท่องคลื่นด้วย”
“น้องคุนจะมีความลับกับพี่แค่ไหนพี่ก็ไม่ว่าหรอกครับ ขอแค่ไม่ใช่ความลับที่ส่งผลร้ายกับตัวน้องคุนเอง พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกพี่ ไม่พร้อมก็ไม่ต้องบอก คนเราก็ต้องมีความลับกันบ้าง”
“แสดงว่าพี่ยังมีอะไรปิดบังผมอยู่อีก”
หลี่คุนถามเสียงอู้อี้ หน้าแดงหูแดงตาปรือ
“ฮ่าๆ ก็มีบ้าง ยังจะถามต่ออีกหรอครับ เมาจนตาจะปิดอยู่แล้ว ให้พี่พาเราไปนอนนะ”
“ไม่เอา ผมจะถามอีก มาคิดดูตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา เหมือนผมจะได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว บางเรื่องพี่คอยช่วยอยู่ลับหลัง ไม่คิดจะบอกผมด้วยซ้ำ นักลงทุนอย่างพี่ทำอย่างนี้ได้อะไรเหรอครับ ขนาดผมยังรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบพี่อยู่”
ฟังดูเหมือนการระบายความในใจของคนเมามากกว่าจะเป็นคำถาม
“ก็เอาเปรียบไปสิครับ พี่ไม่ติด”
“พี่อี้หลง พี่…จีบผมอยู่เหรอครับ”
“ใช่ครับ คนดี”
จางอี้หลงมองหลี่คุนที่ผลอยหลับไปก่อนจะได้ยินคำตอบสุดท้ายแล้ว แต่นั่นมันไม่สำคัญหรอก เขามีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะตอบคำถามนั้น
ในที่สุดก็รู้ตัวเสียทีนะ
#############