5
[/size]
เจียสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก สองขายาวก้าวไปด้านหน้าด้วยความไม่มั่นคง เรียวปากบางเม้มเข้าหากันแน่น กลิ่นไม่พึงประสงค์ปะปนไปกับแอลกอฮอล์ฉุนกึกพาลทำให้นัยน์ตาสั่นสะท้าน ละล้าละหลังอยู่ตรงกรอบประตูเพราะความหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจ
ครืด ครืด ครืด
เจียหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองรายชื่อบนหน้าจอ มันเหมือนกับว่าช่วยเรียกสติเรียกความฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา นิ้วมือสั่นเทาค่อย ๆ กดรับและวางโทรศัพท์แนบหู
(เจียลูก เป็นยังไงบ้าง)
“... มะ แม่”
เพียงได้แค่ยินเสียงน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ร่วงเผาะพร้อมกับหมุนตัวหันหลังวิ่งออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยหัวใจที่เต้นรัว อาการคลื่นเหียนตีขึ้นมาจนเขาต้องรีบวิ่งหลบเข้าข้างทางแล้วปล่อยความมวนท้องออกมา เสียงเรียกชื่อจากปลายสายดังอยู่เป็นระยะแต่เขายังพูดอะไรไม่ไหว อาเจียนออกมาจนหมดแรงโชคดีที่มินิมาร์ทอยู่ไม่ไกลเขาค่อย ๆ ลากขาพาตัวเองไปนั่งตากแอร์ด้านใน
(เจีย เจีย! เป็นอะไรลูก ตอบแม่หน่อย เจีย!)
“แม่ อึก”
(เป็นยังไงบ้างลูก ไหวไหม นี่ลูกอยู่ไหน)
“เจียออกมามหา’ลัย กำลังจะกลับหอ” เขาเม้มปากพูดปดออกไปด้วยความไม่สบายใจ ดวงตาเรียวที่ใครต่อใครมักบอกว่าดูมีชีวิตชีวาเปล่งประกายเหลือเพียงแต่ความแห้งผาก
(เจีย ไหวไหมลูก)
“แม่ เจีย ... แม่เจียแย่มาก แย่มาก ๆ เลย เจีย ฮึก เจียเกือบจะทำร้ายเขา เกือบจะฆ่าเขาด้วยมือของเจียเอง ฮึก แม่” เจียสะอึกสะอื้นสารภาพบาปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ในคราแรกก็คิดอยากจะปิดบังโกหกเอาไว้แต่จิตสำนึกเพียงเล็กน้อยที่ยังหลงเหลือทำให้เขายอมเอ่ยปากบอกกับผู้เป็นแม่ไป
( ... )
“แม่ครับ อึก แม่ ... แม่ผิดหวังกับเจียใช่ไหม” เพราะแม่เงียบไปจึงทำให้คนจิตใจไม่เข็มแข็งปล่อยโฮออกมาอีกระลอกไม่คิดอายใคร
(ขอโทษนะครับลูก เมื่อกี้แม่ให้พี่เรารีบหาไฟลท์ที่ไวที่สุดให้ อดทนรอแม่ได้ไหม แม่จะรีบไปหานะ)
“แม่”
(แล้วก็ไม่ต้องคิดมากนะครับ แม่ไม่ผิดหวังกับลูกเลย แม่เข้าใจว่าทุกอย่างมันอาจจะหนักเกินกว่าที่เราจะรับไหว แต่เจียฟังแม่นะครับ)
“...”
(เจียยังมีแม่ มีพ่อ มีพี่จุ้ย มีน้องต้า ทุกคนพร้อมจะอยู่เคียงข้างเจีย ช่วยดูแลเจียและลูกของเจีย มันอาจจะยาก มันอาจจะเหนื่อย แต่เราทั้งหมดจะผ่านไปด้วยกันนะ)
“ครับ”
(คิดซะว่า ถ้าวันนึงพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เจียจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยก็ได้เนอะ)
“ ไม่เอา ไม่เอาแม่ อย่าพูดแบบนั้นครับ”
(โอ๋ ๆ เจี่ยเจียคนขี้แยของแม่ ไม่ร้องนะ โทรให้น้องต้ามารับดีไหม)
“แต่ว่า”
(กลัวน้องต้าบ่นล่ะสิ แต่แม่ไม่อยากให้เรากลับเองเลย)
“ครับ เจียจะโทร”
(แม่รักลูกนะครับ)
“เจียก็รักแม่”
เจียกดวางสายก่อนจะส่งข้อความหาต้าพร้อมกับแชร์พิกัดสถานที่ไปให้ ระหว่างนั่งรอเขาได้แต่ทำใจว่าหากเล่าให้เพื่อนฟังคงจะโดนบ่นจนหูชาเป็นแน่ แค่นึกถึงหน้าต้าตอนโกรธขนก็ลุกแล้ว ต้าน่ะดุกว่าแม่เขาเสียอีก
“เจีย!” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกก็พบไปในทะมึนทึมของเพื่อนสนิทด้วยความหวั่นใจ สงสัยวันนี้จะหลายคดีทั้งที่บอกจะกลับหอแต่กลับโผล่มาเสียไกล และเรื่องโง่ ๆ ที่เกือบจะทำลงไปนั่นอีก
“ต้า”
“เฮ้อ ไม่ต้องมาทำตาละห้อย ขึ้นรถแล้วค่อยคุยกัน” เจียเดินตามเพื่อนตัวขนาดพอกันต้อย ๆ ไปขึ้นรถด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม สติแตกเมื่อครู่นั้นหายวับไปกับตาเพียงแค่คิดว่าต้าจะโกรธเขาก็หงอยแล้ว
ภายในรถเงียบสนิทจนได้ยินเสียงลำมหายใจ ปกติต้ามักจะเปิดเพลงระหว่างขับรถแต่วันนี้กลับไปเปิดแถมยังเงียบนิ่งยิ่งกว่าเคยพาลทำใจเสีย ส่วนต้าเองก็เหลือบมองเพื่อนที่นั่งหน้าจ๋อยขยับตัวไปมาเหมือนว่ามีอะไรจะพูด
“ไปอยู่แถวนั้นได้ยังไงไหนบอกกลับห้อง”
“คือ ... กูแม่งแย่ว่ะต้า แย่มาก ตอนลงมานั่งรอมึงน่ะกูเจอไป๋ มันเข้ามาคุย ถามเหี้ยไรนักหนาไม่รู้ ถามไปทำไม ถามเพื่ออะไร ในเมื่อมันเองไม่ใช่หรอที่ไม่เชื่อว่ากูท้องกับมัน ไม่ใช่มันหรอที่ไม่รับผิดชอบกู จะมาถามทำเหี้ยไรนัก กูเจ็บจะตายห่าไม่รู้บ้างเลยหรอ กูน่ะ กูน่ะเลยสติแตก โมโห มันสุมอยู่ในอก ถ้าตัวที่มันอยู่ในท้องกูเป็นปัญหานักก็ไปเอาออกแม่งเลย ตอนนั้น ตอนนั้นกูน่ะคิดแบบนั้น” เจียหอบหายใจจนตัวโยนราวกับว่าพอได้ระบายหนึ่งครั้งทุกสิ่งที่อยู่ข้างในก็ออกมา
“เจีย ... นี่มึง ...”
“ใช่ กูเกือบทำไปแล้ว ขอบคุณพระเจ้าหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้แม่โทรมาหากูตอนนั้น ลูก ... ลูกเลยยังอยู่กับกู” ท้ายเสียงที่เขาใช้เรียกคำนั้น คำว่าลูกนั้นถูกพูดออกมาอย่างแผ่วเบาคล้ายกลับกำลังลังเลใจว่าควรจะใช้คำนั้นเรียกเด็กในท้องตัวเองได้หรือยัง
“มึงแม่ง” ต้าตบไฟเข้าข้างทางก่อนจะจอดรถแล้วคว้าตัวเพื่อนเข้ามากอดจนแน่น ต่างคนต่างปล่อยให้น้ำตาไหลซึมไหล่กันและกันอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ความรู้สึกที่อยู่ในอ้อมแขนเป็นตัวสื่อสาร ต้าขอบคุณทุกอย่างที่ดลใจให้แม่โทรหามัน ไม่อย่างนั้นเขาไม่อยากคิดเลยว่าเจียที่ดูคล้ายจะพังทลายจะแหลกสลายขนาดไหน
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วสภาพร่างกายรวมถึงจิตใจของเจียดีขึ้นกว่าเดิม เขายอมรับและปรับตัวเพื่อดูแลลูกในท้องตัวเองให้ดีกว่าเดิมเพื่อชดใช้ความผิดบาปในใจและชดเชยกับบางครั้งที่ละเลยไป อีกทั้งนับตั้งแต่วันที่เขาสติแตกก็พยายามเลี่ยงในสถานที่ที่คิดจะเจอไป๋ ไม่ว่าจะในมหา’ลัยหรือนอกมหา’ลัยก็ตามที ปิดกั้นเรื่องราวของอีกฝ่ายทุกอย่าง บล็อกหมดทุกช่องทางเพราะต้องการปกป้องความรู้สึกตัวเอง
แม้บางครั้งยังได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายบ้างจากการถูกพูดถึง แต่พยายามจะไม่เก็บมาใส่ใจถึงบางทีก็ทำได้ยากเสียเหลือเกิน อย่างครั้งนี้
“มึง ๆ เห็นที่เพจ XU Boy ลงที่จิ้นกับไป๋กับพีท IR ปะ”
“เออเห็นแต่กูว่าของจริง เมื่อวันก่อนกูไปหลังมอก็เจอลงร้านด้วยกัน”
“เอ้าแต่เห็นช่วงนึงกิ๊กกับคนในคณะเราอยู่เลยไม่ใช่หรอวะ”
“เจีย JR ปะ”
“เออคนที่ตัวสูง ๆ ยิ้มหวาน ๆ อะ”
“เออนั่นแหละ แต่น่าจะโดนเทละปะ ไม่เห็นอยู่ด้วยกันแล้ว”
เจียผละตัวออกจากเสาก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินออกจากตรงนั้น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อเป็นรอย จนกระทั่งต้าเดินเข้ามาจับมือแล้วช่วยคลายมันออกจากกันแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไม่รู้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรืออย่างไร เลี่ยงมาได้เป็นเดือนแต่ดันมาเจอเอาเข้าง่าย ๆ ในตอนที่ไม่ได้ตั้งตัว
ไป๋เดินมากับคนที่เขาเคยเห็นเมื่อเดือนก่อน แขนแกร่งที่เคยโอบรอบตัวเขาในครั้งนั้นวางอยู่บนไหล่บอบบางของผู้ชายคนนั้น ทั้งคู่หัวร่อต่อกระซิกกันดูน่ารักจวบจนในจังหวะที่เราเกือบจะเดินสวนกัน ไป๋ก็เงยหน้าขึ้นมาพอดีและสบตากันเข้าอย่างจัง
แต่มันก็แค่นั้น นัยน์ตาคมไม่แสดงอาการตกตื่นใจ ไม่ได้แสดงอาการว่าเรารู้จักกัน ไม่มีแววตาที่เคยอ่อนหวาน ไม่มีแม้แต่แววตาสำนึกผิดเหมือนในวันก่อน ไม่มี ... ไม่เหลืออะไรเลย เราทำเพียงแค่เดินผ่านกันราวกับช่วงที่ผ่านมามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บางทีมันอาจจะมาถึงในจุดที่เจียต้องพอ เลิกคาดหวัง เลิกคิดว่าเขาจะมาง้อ เลิกคิดว่าเขาจะมาสนใจ คงต้องพออย่างจริงจังสักที หลายคนอาจคิดว่าทำไมเขายังรัก ทำไมถึงไม่โกรธไม่เกลียดกับคนที่ไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
แต่เขาจะไม่จมปลัก เขาจะดูแลลูกอย่างดีที่สุดเท่าที่เด็กอายุยี่สิบเอ็ดอย่างเขาจะทำได้เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ไป๋ได้ฝากทิ้งไว้ให้เป็นความรักแทนอีกฝ่ายที่คงไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกเขาได้ ใช่ ... เขาต้องคิดแบบนั้น เขาจะคิดแบบนั้น
4 เดือนผ่านไป
เจียที่เรียนจบมาได้ 3 เดือนแล้วและอายุครรภ์ตอนนี้ก็กำลังย่างเข้ายี่สิบสี่สัปดาห์ สุขภาพของทั้งเจียและลูกแข็งแรงดี เจียกินยาบำรุงอย่างต่อเนื่องรวมถึงไปหาคุณหมอเพื่ออัลตราซาวด์เช็คความสมบูรณ์ของลูก แต่เขาไม่ยอมให้ตรวจดูเพศเพราะอยากลุ้นในวันคลอดทีเดียว
“หนาวไหมลูก” ผู้เป็นแม่กระชับโค้ทตัวหนาให้กับลูกคนเล็กของเธอที่ยืนประคองหน้าท้องรออยู่ เจียละสายตาออกจากหิมะตรงหน้ามามองแม่พลางส่ายหน้า
“พี่จุ้ยล่ะครับ”
“เอารถไปจอด เราเข้าไปในร้านก่อนดีกว่าแม่ว่ามันหนาวไป”
เจียกับแม่จับมือกันเดินเข้ามาในร้านอาหารที่อุ่นขึ้นกว่าข้างนอก นับตั้งแต่วันที่เสร็จธีสิสจบทุกหมดเขาก็ย้ายมาอยู่ต่างประเทศกับครอบครัวทันที เพราะพ่อกับแม่เป็นห่วงว่าหากท้องแก่ไปแล้วจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน จะหวังพึ่งต้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ในเมื่อต้าเองก็ต้องทำงาน อีกทั้งการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอาจช่วยทำให้จิตใจของเจียดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งหลังจากอยู่มาได้หลายเดือนคุณแม่มือใหม่ก็ดูสดใสขึ้นจริง ๆ
เจียกลายเป็นคนใหม่เขาทิ้งปัญหาทุกอย่างเอาไว้ที่ไทยและเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ที่นี่ เปลี่ยนทั้งเบอร์ ไลน์ รวมไปถึงโซเชียลแอคเคาท์ทั้งหมดที่จะมีแค่คนสนิทเท่านั้นที่จะมีคอนแทคของเขา และอันใหม่นี้เขาก็ไม่ได้ตามไปบล็อกไป๋อีกเพราะถือว่าทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว เขาไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด ทำใจได้แล้วแม้เขาก็ยังรักอีกฝ่ายอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ความรู้สึกมันเบาบางลงจนเจือจางไปตามกาลเวลา
เป็นอีกครั้งที่เจียเข้าไปส่องอินสตาแกรมของไป๋ด้วยแอคเคาท์ที่ปิดบังตัวตนหรือแอคหลุมนั่นแหละ เขาแค่อยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่น่าแปลกดีที่หลายเดือนมานี้นอกจากเพื่อนในกลุ่มและรูปตัวเอง ไป๋ก็ไม่มมีรูปคู่ใครเลยสักคน
อินสตาแกรมของไป๋ล่าสุดได้แชร์เพลงเก่ายอดฮิตในสมัยหนึ่งอย่าง Payphone ของ Maroon 5 จากแอปฟังเพลงพร้อมใส่ข้อความพ่วงท้ายไว้เล็ก ๆ ว่า
‘Still stuck in that time’ ตามด้วยคอมเมนต์จากเพื่อนสนิทของไป๋ที่พอคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ เขาอ่านมันอย่างไม่เข้าใจความหมายแต่ก็กดไลค์ไปก่อนจะวางมือถือเพื่อใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
“เขี่ยผักทิ้งอีกแล้วนะ” เจียที่กำลังเขี่ยแครอททิ้งถึงกับหยุดมือพร้อมมุ่ยหน้าใส่พี่ชายตัวเอง
“ก็ไม่อยากกินอ่าแต่ผักอื่นเค้าก็กินหมดนะ” คุณแม่ร่างนุ่มนิ่มที่กำลังเคี้ยวไข่ตุ๋นเต็มปากเถียงกลับก่อนจะเขี่ยแครอททิ้งต่ออย่างไม่สนใจ
“ปกติน้องก็กินผักทุกชนิดแหละพี่จุ้ย แต่นี่น่าจะเพราะท้องเลยไม่อยากกินใช่ไหม” แม่บอกลูกชายคนโตก่อนจะหันไปถามลูกคนเล็กที่รีบพยักหน้าตอบรับทันที
ร่างขาวที่เคยผอมบางเริ่มนุ่มนิ่มและอวบอิ่มขึ้นมาพร้อมกับแก้มที่เป็นก้อนกลมเสริมให้อีกฝ่ายดูน่ารักยิ่งขึ้นกว่าเดิม ลูกชายคนโตของบ้านส่ายหน้าพลางยิ้มขำน้องตัวเองที่ตั้งแต่ท้องมาพ่อกับแม่ก็เอาอกเอาใจยิ่งกว่าเดิม จุ้ยเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของน้องที่วางไว้ด้วยสายตาฉายความเข้มขึ้นเมื่อเห็นชื่อแอคเคาท์
คนชื่อ ไป๋ มันมีไม่เยอะหรอก
เขามองหน้าจอสลับกับมองหน้าน้องตัวเองอย่างใช้ความคิด อย่าคิดว่าเขาไม่รู้เชียวว่ามันพยายามหาทางติดต่อกลับมาหาน้องเขา เพราะตั้งแต่วันที่เขารู้ตัวว่าใครมันทำเจีย เขาก็ไหว้วานคนรู้จักส่งคนไปสืบและตามติดชีวิตมันหากเห็นว่าจะกลับมาวุ่นวายกับเจียก็ให้รีบสะกัดทิ้งทันที
ไม่มีทาง เขาจะไม่มีทางให้น้องกลับไปเจอกับไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นแน่ คนที่ไม่คิดจะรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย
__________________________
พระเอกก็ยังค่าตัวแพงค่ะ
ตาไป๋เป็นพระเอกนะคะไม่มีใครอื่น
แต่จะไม่ได้เป็นพระเอกกันง่ายๆหรอกนะนังไป๋
ด้วยความที่เป็นเรื่องสั้น
เราจึงค่อนข้างจะพยายามทำให้มันกระชับ
บางช่วงอาจจะรวบรัดไปบ้าง คอมเมนต์ติชมกันได้เลยนะคะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ /โค้ง
#เรื่องค่อนข้างสั้นสิบเก้าสิงหา