บทที่ 7 : หลับฝัน
***********
'...เอ๋อร์...น...ช่างเอ๋อร์...'
ใคร....?
'ช่างเอ๋อร์...แม่อยู่นี่..มาหาแม่สิ ช่างเอ๋อร์ของแม่....'
เสด็จแม่...เสด็จแม่หรือ...
'ช่างเอ๋อร์ มาหาแม่เถอะลูก...อย่า...'
เสียงนั้น..ไม่ผิดแน่ เป็นเสียงของเสด็จแม่ไม่ผิดแน่... คล้ายสติที่เลื่อนลอยไปไกลถูกเรียกกลับเข้ามาในร่างอีกครั้ง ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นแล้วพยายามมองหาร่างของผู้ให้กำเนิดที่เป็นเจ้าของเสียงที่เรียกเขากลับมา...หากแต่ม่านหมอกที่ทิ้งตัวลงรอบกายนั้นแทบจะบดบังทุกสิ่ง กระทั่งมือของตนเองยังมิอาจมองเห็นได้...
แต่จริงๆแล้วเขาไม่ควรเห็นกระทั่งหมอกที่อยู่รอบตัวไม่ใช่หรือ
'ช่างเอ๋อร์....' เสียงหวานสั่นครือดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับคนพูดจะขาดใจเสียให้ได้ น้ำเสียงนุ่มนวลอันคุ้นเคยบัดนี้กลับดังเคว้งอยู่ในม่านหมอกแบบไร้ทิศทาง ชวนให้หดหู่ ทั้งโศกเศร้า หลิวช่างหลินเม้มปาก มิสนใจเรื่องดวงตาของตนเองอีก ขยับขาเดินไปเบื้องหน้าทีละก้าว มุ่งมั่นจะตามหาเจ้าของเสียงที่สร้างความรู้สึกโหยหานี้
"เสด็จแม่! ทรงประทับอยู่ตรงไหนพ่ะย่ะค่ะ!" สุดท้าย ร่างโปร่งก็ต้องส่งเสียงเรียกขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า พยายามเพ่งมองผ่านหมอกหนา กระนั้นก็ยังไม่พบอะไร พาให้ความกระวนกระวายเพิ่มมากขึ้นทุกที
'ไม่...ช่างเอ๋อร์ของแม่..อย่า....อย่าไปทางนั้น....' เมื่อก้าวไปด้านหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เสียงของสตรีที่เขารักที่สุดก็ดังคว้างในม่านหมอกอีกครั้ง หยุดเท้าที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าได้ชะงัดนัก หลิวช่างหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตะโกนขึ้นมาอีกครา
"เสด็จแม่! ท่านอยู่ที่ใด ช่างเอ๋อร์จะไปหาท่านเดี๋ยวนี้!" ตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวช่างหลินผู้เป็นรัชทายาทแห่งต้าซางสูญเสียการควบคุมตัวเองถึงเพียงนี้ ทั้งร้อนรน ทั้งห่วงหา ทั้งโศกเศร้า ได้ยินเสียงที่ร้าวรานของมารดาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหาใจแทบขาด
'อย่าไปทางนั้น...กลับมา...กลับมาลูก....' เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งราวกับไม่ได้ยินคำถามของคนที่อยู่กลางหมอกหนา หลิวช่างหลินเม้มปาก มองไปเบื้องหน้าอย่างลังเล ท่านแม่บอกว่ากลับมา...? แสดงว่าต้องไม่ใช่ข้างหน้า คิดได้เยี่ยงนั้นร่างโปร่งก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับหลังหัน ขณะจะเดินไปยังทางเดิม ท่อนขาทั้งสองก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา คิ้วเรียวขมวดฉับ สังหรณ์ใจไม่ดีอย่างไรชอบกล
ตอนนี้เองจมูกก็ได้กลิ่นฉุนของอะไรบางอย่าง ทั้งคาว ทั้งเหม็นราวกับสนิมเหล็ก...ยิ่งหยุดอยู่นานกลิ่นก็ยิ่งฉุน ถึงตอนนี้องค์รัชทายาทแห่งต้าซางก็รับรู้ได้แล้ว ว่ากลิ่นที่โชยคลุ้งตอนนี้อย่างไรก็หนีไม่พ้นกลิ่นโลหิตแน่นอน! ดวงตาเรียวก้มมองขาทั้งสองข้างที่หนักจนก้าวขาไม่ออก แล้วก็เผลอผงะถอยไปด้านหลังสะบัดขาไล่สิ่งที่เกาะอยู่ออกไปอย่างแรง
ใช่... สะบัดซากศพสีแดงฉานที่เกาะอยู่ออกไป! หมอกสีขาวหนาทึบเริ่มเบาบางลงทีละน้อย สิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในม่านหมอกทำเอาร่างโปร่งถึงกลับไม่กล้าหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง
ซากศพนับพันนับหมื่น นอนทับถมกันอยู่ในทะเลเลือดสีแดงฉาน ใบหน้าของผู้ตายในขอบเขตสายตาของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ ทั้งเจ็บแค้น ทั้งหวาดกลัว หากแต่สิ่งที่ทำให้หยดน้ำตาไหลลงอาบแก้มจริงๆนั้นกลับเป็นชุดที่เหล่าซากศพพวกนั้นสวมใส่...
ชุดเกราะของต้าซาง!
ขาทั้งสองข้างสั่นระริก ก้าวถอยไปเบื้องหลังทีละก้าว ความรู้สึกปวดร้าวฟาดลงมากลางใจอย่างหนักหน่วง เหยียบขยี้ความรู้สึกของคนมองอย่างทารุณ ต้องมาเห็นภาพเยี่ยงนี้ หลิวช่างหลินอยากจะควักดวงตาออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด...
ยังไม่ทันจะตั้งสติได้ เสียงหวานนุ่มนวลของมารดาผู้ให้กำเนิดก็ดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่ความรู้สึกของหลิวช่างหลินกลับย่ำแย่ถึงขีดสุด หมอกจางลง ทิศทางของเสียงมิได้เคว้งคว้างดังแรกเริ่ม สามารถจับทิศทางได้อย่างรวดเร็ว
เสียงนั้นมาจากหนึ่งในซากศพสีแดงฉานที่มากอดอยู่ที่ขาของเขาเมื่อครู่...มองดูดีๆแล้วศพๆนั้นถึงกับใส่ชุดของฮองเฮาแห่งต้าซางเสียด้วยซ้ำ
นี่มันเรื่องอะไรกัน...
มือสีแดงฉานยกขึ้นมาทางเขาราวกับจะเรียกหา ใบหน้าของศพเป็นสีแดงฉานราวกับถูกถลกหนังออกไปจนสิ้นเหลือเพียงเนื้อสีแดงสดที่มีเลือดไหลทะลักออกมาราวกับน้ำป่า สร้างความน่าสะพรึงกว่ายิ่งกว่าเดิม
'ชะ ช่างเอ๋อร์...มาหาแม่..........' เสียงที่ออกจากปากนั้นฟังอย่างไรก็ไม่ผิดแน่นอน เข่าขององค์รัชทายาทแห่งต้าซางทรุดลงนั่งลงในทะเลเลือดเบื้องล่างอย่างคนหมดแรง หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มมิอาจควบคุม ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดร่างนั้นคลานเข้ามาหาช้าๆ คราวนี้ชายหนุ่มมิได้ขยับกายหนีอีก...
สัมผัสเย็นเฉียบที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวแตะลงที่ข้างแก้มขาว มือที่ไร้ผิวหนังปกคลุมแตะลงบนใบหน้าของหลิวช่างหลิน ดวงตายังคงมองไปที่ร่างเบื้องหน้า ไม่มีความหวาดกลัว มีเพียงความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่ในใจ
เสด็จแม่...เป็นลูกไร้ความสามารถ ลูกไม่อาจช่วยเสด็จแม่ไว้ได้....ช่างหลินช่างเป็นลูกอกตัญญูยิ่ง...
ใบหน้าสีแดงฉานยื่นเข้ามาใกล้ทีละน้อย ดวงตาไร้เปลือกครอบจ้องเขม็งลงมา ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือดขยับเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา
"....ไปอยู่กับแม่....ไปอยู่กับแม่เถอะช่างเอ๋อร์.....แม่เหงา..เหลือเกิน...."
เหงา....คำนี้เองไม่ใช่หรือ ที่เขาเจอมาตลอดตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในความมืดมิด ราวกับยืนอยู่ผู้เดียวในโลกใบนี้...
มือเรียวขาวยกขึ้นมาแกะที่มือซึ่งวางอยู่บนหน้าตนเองมากุมไว้ มิได้แยแสถึงสภาพน่าเวทนานี้แม้แต่น้อย
สภาพอย่างไรนี่ก็คือแม่ของเขา...
"...ช่างหลิน...จะไป..ข้าจะไปเป็นเพื่อนเสด็จแม่เอง..."
"ใครอนุญาตให้เจ้าไปกัน!" เสียงคำรามกราดเกรี้ยวแทรกผ่านบรรยากาศหดหู่รอบกาย สลายทะเลเลือดและกองซากศพออกจากครรลองสายตา ให้เหลือเพียงความมืดอีกครั้ง...
ความมืดมิดที่ไม่ว่าแสงใดๆก็มิอาจแทรกผ่านมาได้อีก
***********
"พลาด...? หมายความว่าอย่างไรที่ว่าพลาด!"
เสียงตวาดของสตรีนางหนึ่งดังลั่น ตามด้วยเสียงกวาดข้าวของเครื่องใช้ด้วยแรงโทสะ เครื่องเคลือบเนื้อดีที่เคยโปรดนักหนายามนี้ถูกเจ้าของปาเข้าใส่หญิงสาวในชุดดำที่หมอบอยู่เบื้องหน้าโดยแรง ถ้วยชาสีขาวลอยไปกระทบเข้าที่ศีรษะของสตรีผู้นั้นอย่างจังจนแตกเป็นสองส่วน ผู้ที่ถูกทำร้ายไม่ได้แสดงท่าทีอันใด ยังรายงานต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"กราบทูลพระสนม เดิมทีลี่เฉียนสามารถขังองค์รัชทายาทไว้ตามแผนเรียบร้อยแล้ว... แต่แม่ทัพลู่กลับบุกเข้าไปด้วยตัวเอง บ่าวเลยไม่กล้าเข้าไปขวางเจ้าค่ะ"
"แค่แม่ทัพคนเดียว มันอยากทิ้งชีวิตให้กับเชลยคนหนึ่งก็สงเคราะห์มันสิ! เจ้าจะไปกลัวมันทำไมกัน!" ผู้เป็นนายยังคงไม่ฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ดวงตาหงส์คู่งามฉายความเกลียดชังจนล้นออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน อาบย้อมความงดงามของใบหน้าให้กลายเป็นน่าสะพรึงกลัวในทันควัน รังสีฆ่าฟันที่ร่างระหงแผ่ออกมาในพริบตานั้นรุนแรงจนสตรีในชุดดำถึงกับสะดุ้งเฮือก
"ข้าสู้อุตส่าห์รอเวลามาถึงตอนนี้ หาจังหวะลงมือได้ยากเย็น แต่พวกเจ้า...พวกเจ้า. น่าตาย น่าตายนัก! ไม่ว่ารายไหนก็เลี้ยงเสียข้าวสุกทั้งสิ้น!"
ลี่เฉียนก้มต่ำกว่าเดิมจนหน้าผากจรดลงกับพื้นไม้ จากที่นิ่งสงบในตอนแรกมาตอนนี้กลับมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาแล้ว นางรีบโขกศีรษะลงแรงๆ
"พระสนมอย่าทรงกริ้ว ลี่เฉียนแม้มิอาจทำให้หลิวช่างหลินสิ้นชีพมอดไหม้ในกองไฟ แต่ก็มิได้เลอะเลือนปล่อยเป้าหมายไปโดยง่าย" คำพูดนี้เรียกความสนใจจากพระสนมที่กำลังเดือดดาลได้ในที่สุด มือที่กำลังจะกวาดทุกสิ่งที่ขวางหน้าลงพื้นชะงักไปก่อนดวงตาสีดำขลับจะมองไปที่สาวใช้คนสนิทด้วยความคาดหวัง
"เจ้าหมายความว่า.."
ลี่เฉียนเงยหน้าขึ้นแล้วคลี่ยิ้มงดงามส่งให้ผู้เป็นนาย หยิบขวดยาเล็กๆขวดหนึ่งออกมาน้อมส่งให้พระสนมของตน ทันทีที่เหยียนมู่เสียเห็นลวดลายบนขวดยา ดวงตาหงส์ที่ทอประกายโกรธเคืองก่อนหน้าก็เปลี่ยนเป็นวาววับ
"ม่านทัวหลัว?" *(1)
"เพคะ"
เมื่อได้รับคำยืนยันจากคนสนิทรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนดวงหน้าของอดีตกุ้ยเฟย*(2)แห่งต้าซาง มุมของแสงเทียนที่ตกกระทบบนใบหน้าขับให้รอยยิ้มงดงามนั้นดูน่าสะพรึงราวกับปีศาจร้ายที่ผุดขึ้นมาจากนรกอเวจี ขวดยาเล็กๆในมือถูกกำแน่น
หากไม่อาจนำเอาชีวิตของมันมาได้ในตอนนี้ เช่นนั้นก็ให้มันลิ้มรสความทุกข์ทรมานประหนึ่งตกอยู่ในขุมนรกเป็นเพื่อนนางเถอะ
***********
บรรยากาศภายในห้องพักของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าซางบัดนี้เย็นยะเยือกราวกับมีพายุหิมะโหมกระหน่ำ เหล่าทหารนายกองที่ถูกเรียกตัว ไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่คนเดียว บัดนี้ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพต้าเสียงยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง มองท่านหมอชรารักษาคนผู้หนึ่งที่บัดนี้ยังไม่ได้สติขึ้นมาสักครั้ง
แม้จะผ่านมาถึงสามวันแล้วก็ตาม
นับจากวันที่หลิวช่างหลินถูกช่วยออกมาจากกองเพลิงมาจนถึงตอนนี้ นับได้ครบสามวันสามคืนพอดี อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางไม่มีทีท่าที่จักฟื้นตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม สีหน้าของเขากลับเผือดสีลงเรื่อยๆ กลางคืนมักจะละเมอออกมาบ่อยครั้ง ดั่งหลงอยู่ในฝันร้ายที่มิอาจหนี
"ใช่จริงๆ...." หมอชรารำพึงขึ้นมาในที่สุด หลังนั่งจับชีพจรคนหลับอยู่นาน มือเหี่ยวย่นจับข้อมือขาวซีดซุกกลับเข้าไปในผืนผ้านวมหนาอีกครั้ง เสียงของโจวจั่วชิงเรียกให้ร่างที่ยืนอยู่เบื้องหลังหลุดจากการทำตัวเป็นรูปสลักจนได้ ลู่ซือเหยียนไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด รอจนหมอชราหยิบกระดาษและพู่กันมาเขียนยาเทียบหนึ่งส่งให้ลูกศิษย์ตนเรียบร้อยแล้วค่อยก้าวเข้าไปยืนอยู่เบื้องหน้า จับจ้องผู้มากวัยด้วยสายตานิ่งเฉย...แฝงไปด้วยการคาดคั้น
"เป็นพิษของม่านทัวหลัว พิษนี้จะทำให้คนที่ได้รับหลับไม่ได้สติทั้งยังเห็นภาพหลอน หากปริมาณที่ได้รับมากกว่านี้เพียงนิดอาจจะตายได้ทันที เดาจากอาการคาดว่าพิษน่าจะเจือจางมาอย่างดีส่งผลให้เห็นภาพหลอนโดยเฉพาะ ข้าสั่งให้คนไปต้มยาถอนมาแล้ว ท่านมิต้องร้อนใจ" เผชิญหน้ากับดวงตาที่คมกริบราวกับดาบของคนรุ่นลูก โจวจั่วชิงก็ยังคงความเยือกเย็นไว้ได้โดยไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ทั้งยังมองกลับไปที่แม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาตักเตือน
ท่าทีที่แม่ทัพใหญ่แสดงต่อเชลยตอนนี้ มันมากเกินความเหมาะสมแล้ว
เมื่อถูกเตือนสติ ลู่ซือเหยียนเพียงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สำรวมอาการให้สงบนิ่งขึ้นแล้วจึงหันกลับไปหาคนของตนเอง
"พวกเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?" ถ้อยคำที่ลู่ซือเหยียนเลือกใช้บอกชัด หากคำแก้ตัวของเหล่าทหารฟังไม่เข้าหู คงมิพ้นโดนอาญาทัพเล่นงานจนมิอาจกลับมาตุภูมิได้เป็นแน่แท้ หนึ่งในทหารที่ถูกเรียกมาพบกลืนน้ำลายลงคอ ปลุกปลอบขวัญของตนเอง แล้วจึงก้าวออกมาเบื้องหน้า
"เรียนท่านแม่ทัพ จากการตรวจสอบเรื่องเพลิงไหม้เมื่อสามวันก่อน พบว่าน้ำมันถูกสาดไว้ล้อมรอบห้องดังที่ท่านแม่ทัพว่าเอาไว้จริงๆขอรับ"
การแก้ตัวต่อหน้าท่านแม่ทัพใหญ่แต่ไหนแต่ไรมามิใช่การแก้ตัวให้พ้นผิด หากแต่เป็นการชำแหละความผิดพลาดและอยู่ที่ว่าจะสามารถปิดช่องโหว่ของตัวเองได้เร็วแค่ไหนต่างหาก เมื่อเห็นว่าผู้บังคับบัญชายังไม่มีท่าทีอื่นใด ผู้น้อยที่เข้ามารายงานจึงปลอบขวัญตัวเองอีกครั้ง แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงขึ้น
"เราจับผู้ต้องสงสัยได้สามราย สองในสามเป็นนางกำนัลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกตำหนักตะวันออกเพื่อรับใช้อดีตรัชทายาทแห่งต้าซาง อีกหนึ่งเป็นขันที ชิงฆ่าตัวตายไปแล้วขอรับ"
ลู่ซือเหยียนมองคนของตน เดินไปนั่งลงบนเตียงพลางพยักหน้าให้พูดต่อได้ "ว่าต่อไป"
"ขอรับ!" ราวกับได้รับป้ายทองละเว้นโทษตาย ทหารนายนั้นยิ้มออกมาอย่างยินดี รีบล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ ส่งก้อนเงินก้อนหนึ่งไปให้ผู้บังคับบัญชา
"หลังจากพวกข้านำตัวไปสอบสวน นางกำนัลพวกนั้นก็สารภาพว่ามีคนบังคับให้วางยาด้วยเงินยี่สิบตำลึงทอง ส่วนคนที่วางเพลิงเป็นขันทีที่ฆ่าตัวตายไปขอรับ"
ก้อนเงินที่ลูกน้องส่งมาให้นั้นทำให้ดวงตาเรียบเฉยของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงฉายแววกรุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย ตราประทับบนก้อนเงินชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนไปกว่านี้ได้อย่างไร...ความจริงต่อให้ไม่ต้องสืบ เขาก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าคนที่กล้าลงมือกับหลิวช่างหลินในยามนี้คงหนีไม่พ้นสตรีที่ตกอยู่ในห้วงความแค้นผู้นั้น
ขวัญกล้านัก เห็นอยู่เงียบๆมาหลายเดือน ไม่คาดว่าสตรีนางนั้นจะขวัญกล้าขนาดกล้าท้าทายอำนาจของเขา
"เฉินฟู่หลิง"
"ขอรับ ท่านแม่ทัพ"
"ส่งเงินนี่กับจดหมายไปให้มหาเสนาบดีเหยียน บอกเขาว่าความชอบที่เขาทำมาทั้งหมดข้าขอใช้คืนด้วยเงินก้อนนี้" พูดพลางโยนก้อนเงินในมือให้รองแม่ทัพคนสนิทของตน ริมฝีปากเรียบตึงยกขึ้นน้อยๆ เป็นรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาว่าเจ้าของอยู่ในอารมณ์แบบใด ...ไร้อารมณ์ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความน่าอึดอัดที่แผ่ซ่านออกมา ไม่ต้องให้คนสนิทรอนาน ประโยคสุดท้ายที่เฉลยความหมายของรอยยิ้มนั้นก็หลุดออกมาจากปากของเจ้าตัว
"หากต่อไปบุตรีของเขายังกล้าทำอะไรท้าทายข้า ข้าลู่ซือเหยียนก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกัน" คนมีประโยชน์เลี้ยงไว้มากเท่าไหร่ก็เลี้ยงได้ แต่ถ้าคนผู้นั้นทำตัวมีปัญหา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงไว้เช่นกัน
โดยเฉพาะยามที่คนทำตัวมีปัญหานั้นหมดประโยชน์แล้ว ถึงไม่นิยมวิธีการเสร็จศึกฆ่าม้า ก็คงต้องเอาออกมาใช้บ้างแล้วล่ะนะ
คล้ายกับมีลมหนาวพัดผ่านไปวูบหนึ่งจนทุกชีวิตในห้องต้องสั่นสะท้าน เฉินฟู่หลิงประสานมือคารวะต่ำ ขานรับคำว่า "ขอรับ" ก่อนถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วหมุนตัวเดินจากไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย
***********
กลางดึกคืนนั้น หลังจากจัดการเรื่องยุ่งยากทั้งหลายเสร็จเรียบร้อย ลู่ซือเหยียนก็ไล่คนออกไปจากห้องจนหมด เหลือเพียงตนเองและคนป่วยที่ยังนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น เมื่อไม่มีใครคอยจับจ้องอีก ใบหน้าแข็งทื่อไร้อารมณ์ก็ผ่อนคลายลง ลากเท้าเดินมานั่งบนเตียงที่ถูกคนป่วยยึดครองไป มือที่อุ่นเพราะเพิ่งขึ้นจากน้ำยื่นไปแตะใบหน้าของคนหลับเบาๆ
ยิ่งมองก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นทุกที
จากที่ยื่นไปแตะตอนแรก เปลี่ยนไปเป็นการลากสัมผัสบนแก้มขาวซีด บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงหงุดหงิดทุกครั้งที่มาหยุดมองร่างตรงหน้า สามวันที่ผ่านเขาควบคุมตัวเองได้ไม่ดีเอาเสียเลย ถึงจะรู้ตัว แต่ก็ไม่มีปัญญาจะควบคุมตัวเองอยู่ดี ทำได้เพียงแค่ระบายอารมณ์กับเหล่าผู้โชคร้ายเป็นครั้งคราวดังเช่นการพาลเอาโทสะไปโยนใส่หัวของมหาเสนาดีเหยียนในวันนี้ ทว่าเรื่องนี้ความจริงแล้วก็หาใช่ความผิดของเขาไม่
คนพวกนั้นรนหาที่เอง จะโทษว่าเขาใจร้ายก็กระไรอยู่
ในระหว่างที่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงกำลังปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ ร่างบนเตียงก็ขยับเล็กน้อย เรียกความสนใจให้กลับมาอยู่ที่คนป่วยอีกครั้ง แต่การเคลื่อนไหวนี้ของคนป่วยกลับทำให้คิ้วเข้มขมวดฉับ
อาการของพิษนั่น....
ร่างบนเตียงกระสับกระส่ายอย่างคนไม่สบายตัว พึมพำเรียกใครบางคนแผ่วเบาจนฟังไม่ได้ศัพท์ ทั้งสีหน้ายังย่ำแย่ลงจนน่ากลัว
ไหนว่าจะไม่กำเริบแล้วไงล่ะ... ลู่ซือเหยียนกัดฟันกรอด ขยับลุกขึ้นจากเตียง ก้าวฉับๆไปหน้าห้องอีกครั้ง คำรามสั่งให้ทหารด้านนอกวิ่งไปตามหมอมา รอจนพวกทหารวิ่งออกไปแล้วลู่ซือเหยียนค่อยกลับไปดูอาการของคนบนเตียงอีกครั้ง
อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางผู้องอาจ ณ ตอนนี้กลับดูเปราะบางยิ่งกว่าเครื่องเครือบที่ได้ชื่อว่าบอบบางนักหนา ความหงุดหงิดซึ่งแต่เดิมก็ยังไม่ลงลดยิ่งทวีเพิ่มขึ้นจนหน้าดำไปครึ่งแถบ
น่าหงุดหงิดนัก น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว...
"....เสด็จแม่........" ในที่สุดหลังจากพยายามจับใจความของเสียงพึมพำอยู่นาน ลู่ซือเหยียนถึงได้ยินคำที่ชัดเจน ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นเป็นดังน้ำเย็นที่สาดใส่หน้า ร่างสูงนิ่งไปเล็กน้อยความร้อนรุ่มในอกคล้ายถูกดับลงอย่างง่ายดายด้วยคำพูดเพียงคำเดียว...
ร้อนรุ่มมาหลายวัน เพิ่งจะมานึกถึงจุดยืนของตนเองและอีกฝ่ายได้ก็ตอนนี้เอง รัชทายาทแห่งต้าซาง อดีตกุนซือของทัพต้าซาง ความรู้สึกอันไม่สมควรนี้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่สมควรให้เกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ
นี่ยังไม่นับรวมว่าเขาเป็นคน...
"เสด็จแม่......อยู่.....ท...ไหน...."
ลู่ซือเหยียนสีหน้าเรียบเฉย ขยับเข้าไปประคองร่างโปร่งให้เอนพิงกับอกตัวเองเอาไว้เพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น กระชับอ้อมแขนเอาไว้ไม่ให้ร่างโปร่งขยับดิ้นจนตกลงไปจากเตียง แล้วผ่อนลมหายใจแรงๆคำรบหนึ่ง
จะอย่างไรก็ปล่อยให้ตายไม่ได้อยู่ดี
พลันเพลิงโทสะที่เพิ่งดับมอดลงไปก็ลุกโชนขึ้นอีกครา ประโยคละเมอต่อมาทำเอามือที่โอบประคองร่างโปร่งไว้หลวมๆ เปลี่ยนเป็นกำแน่นอย่างขุ่นเคือง เพราะคำพูดนั้นถึงกับกล้าพูดว่าจะหนีเขาตามใครบางคนไปยังโลกที่แสนไกล
"...ช่างหลิน...จะไป..ข้า...จ....ไป...น...เพื่อน....."
"ใครอนุญาตให้เจ้าไปกัน!!"
ชีวิตเจ้าตอนนี้เป็นของข้า อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ง่ายๆเลย!
อ้อมแขนเพิ่มแรงกอดรัดร่างโปร่งเอาไว้ราวกับไม่คิดจะปล่อยมืออีก น้ำเสียงดุดันตวาดไปด้านนอก เร่งให้ไปตามหมอมาอีกครั้ง
หลิวช่างหลิน ท่านจะหนีข้า มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก**********************
*(1) ม่านทัวหลัว : ต้นดอกลำโพง จัดเป็นไม้ล้มลุก ที่มีอายุประมาณ 1-2 ปี ลำต้นมีขนาดเล็กเท่าต้นมะเขือพวง มีความสูงของลำต้นประมาณ 2 เมตร ลำต้นกลมตั้งตรง แตกกิ่งก้านออกไปรอบ ๆ ต้น ลำโพงขาวต้นจะเป็นสีเขียว ลำต้นเปราะแต่เปลือกต้นเหนียว ทั้งต้นไม่มีขนปกคลุม ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบหรือส่วนยอดของต้น ลักษณะของดอกเป็นรูปแตรหรือลำโพงขนาดใหญ่ ผู้ป่วยที่ได้รับมักมีอาการทางประสาทเป็นหลัก คือ มีอาการกระสับกระส่าย เพ้อ ประสาทหลอน แต่หากรับมากเกินไปจะสามารถส่งผลให้เสียชีวิตได้
**หน่วยเงินในเรื่อง นับเป็น จี๊ หุน อีแปะ ตำลึงเงิน ตำลึงทอง ส่วนการเทียบค่านั้น
10 จี๊ = 1 หุน / 100 หุน = 1 อีแปะ / 10 อีแปะ = 1 ตำลึงเงิน / 10 ตำลึงเงิน = 1 ตำลึงทอง
มาต่อแล้วค่า!!!! ตอนที่ปั่นตอนนี้ตบตีกับตัวเองนานมากแบบบอกไม่ถูก เขียนยังไงปรับยังไงก็ไม่ชอบใจ อัพช้าอีกแล้ว OTZ ขออภัยผู้อ่านทุกท่านจริงๆเจ้าค่ะ ใครอ่านแล้วรู้สึกว่าท่านแม่ทัพอาการหนักบ้าง 5555 วันนี้เลยจัดน้ำสาดใส่สักถังนึง ... บางทีการรังแกแม่ทัพก็สนุกไปนะ ฮา
ตอนหน้าช่างหลินจะฟื้นแล้ว ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจในตอนที่ผ่านมานะค้า แล้วจะพยายามเข็นตอนต่อไปออกมาให้เร็วที่สุดค่ะ!!
ชอบไม่ชอบอะไรก็สามารถเม้นติชมได้เหมือนเดิมค่า คนเขียนพร้อมเอาไปแก้ไขเพื่อให้นิยายเรื่องนี้สนุกขึ้นค่ะ =v=