คาถาที่ ๓๐ [ครึ่งหลัง]เรียวจันทร์นั่งกินอาหารคลีนที่ให้ป้าอุ่นทำแช่เย็นไว้ให้ระหว่างทางที่รถกระบะคันใหญ่กำลังแล่นไป นางกินไข่ต้ม เนื้อไก่จิ้มพริกและข้าวกล้องประมาณสองหยิบมือ สลับกับดื่มน้ำเปล่าที่ใส่ผงสีเขียวช่วยในเรื่องขับถ่ายไว้
“ดิน แล้วไม่คิดจะเรียนต่อจริงๆ เหรอ” นางถามดินในขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปากและเคี้ยวเบาๆ นับจำนวนการเคี้ยวอยู่ในใจของตัวเอง
“ไม่ล่ะครับ อยู่แบบนี้ก็สบายใจดี” ดินตอบและตามด้วยยิ้มน่ารักตาใส
“ฉันรู้นะว่ามันสบายใจดี แต่ก็เสียดายที่ดินจะได้ต่อยอดความรู้ไปอีก ดินเป็นคนเก่ง เป็นคนขยัน ฉันเชื่อเลยว่าดินจะเรียนจบได้อย่างสบายๆ” ดินยิ้มเขินกับคำชมนั้นของคุณเรียวจันทร์ขวัญใจตัวเอง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าวันนึงพี่เขี้ยวบอกให้ดินไปเรียน ดินก็จะไป”
“แหม เชื่อฟังตานั่นเหลือเกินนะ” ดินยิ้มน้อยๆ
“ถ้าไม่นับความเป็นพี่ พี่เขี้ยวก็เหมือนพ่อดินแหละครับ” เรียวจันทร์เบะปากน้อยๆ แล้วยกเข่าขึ้นนั่งชันสบายๆ บนเบาะรถ
“ตอนนี้ก็ทำท่าจะเป็นพ่อฉันอีกคน ไม่รู้จะดุอะไรนักหนา”
“ดุ แต่พี่เขี้ยวก็รักคุณเรียวนะครับ” เรียวจันทร์ทำปากยื่นน้อยๆ ดินยิ้มเบาๆ
“ดุไปอะ ฉันรู้ว่าตัวเองผิด ฉันต้องเป็นฝ่ายขอโทษละเดินหน้าง้อ แต่บางครั้งฉันก็…” นางพ่นลมหายใจออกมายาวๆ หน้าตาอ่อนล้า
“…เหนื่อย” ดินหันมองหน้าสวยๆ สลับกับมองทางด้านหน้าอย่างครุ่นคิด แม้คุณเรียวจะดูร่าเริง ดูยิ้มแย้มเป็นปกติ แต่ดินก็รู้สึกได้ว่าไม่เหมือนเดิม เหมือนดีกรีความลั้นลา ความสดใสของคุณเรียวจะลดลงจากแต่ก่อนไปครึ่งนึงเลย
“ถ้าพี่เขี้ยวดุไม่เลิก มาคบกับดินแทนก็ได้นะครับ” เรียวจันทร์ที่กำลังตักข้าวด้วยท่าทีหงอยๆ หันไปมองดินด้วยอาการเหวอเล็กๆ ก่อนจะหัวเราะชอบใจ
“แหมดิน จะกินฉันให้ได้เลยน้า สวยอะซี้”
“ครับ คุณเรียวสวย” เรียวจันทร์ส่งเสียงร้องเพี้ยนๆ ลั่นรถ ก่อนจะหัวเราะด้วยความตลกขบขันกับการหยอดของดิน พ่อหมียักษ์ยิ้มกว้างอย่างจริงใจ
มาถึงกรุงเทพฯ ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี เรียวจันทร์บอกให้ดินไปดูหนังรอระหว่างที่นางทำงานในรอบบ่าย เพราะช่วงที่ขับรถมาดินเอ่ยปากว่าดูตัวอย่างหนังเรื่องหนึ่งในทีวีแล้วอยากดู เรียวจันทร์เช็กรอบหนังให้เสร็จสรรพและจองตั๋วหนังผ่านทางมือถือให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็จะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน เรียวจันทร์ก้มมองนาฬิกาด้วยท่าทีกระวนกระวายเล็กๆ จนดินต้องเอ่ยปากให้รีบไปทำงาน
“แต่ดินไปโรงหนังคนเดียวได้เหรอ ฉันไม่ได้จะว่าดินบ้านนอกนะ แต่ดินไม่เคยมาเลยนี่” นางว่าอย่างเป็นห่วง พ่อหนุ่มหมีไม่ใช่คนเข้ากรุงบ่อย ชีวิตส่วนมากก็อยู่แต่ที่ฟาร์มกับเขาใหญ่
“คุณเรียวบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าดินเป็นคนฉลาด แค่บอกว่าโรงหนังอยู่ชั้นไหนก็พอครับ” เรียวจันทร์ยิ้ม จัดการส่งรูปรหัสการจองตั๋วให้ดินทางโปรแกรมแชทไลน์ที่ดินไม่ค่อยเล่น
“เอารูปที่ฉันส่งให้ให้พนักงานดู ฉันจองให้ดินสองที่เลย จะได้ไม่ต้องไปนั่งเบียดกับใคร ที่นั่งโซฟาบนสุด ไม่ต้องจ่ายเงินนะ ตัดจากบัตรฉันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจด้วย ถือว่าฉันขอบคุณที่มาด้วยกันวันนี้” ดินยกมือไหว้ขอบคุณเรียวจันทร์
“ขึ้นไปชั้นห้า ขึ้นลิฟต์ไปก็ได้ ไม่ยากหรอก อย่าลืมปิดมือถือก่อนเข้าโรงหนังล่ะ”
“ครับคุณเรียว”
“มีอะไรโทรหาฉันได้ตลอด ถ้าไม่รับเดี๋ยวฉันโทรกลับทันทีที่ว่าง” ดินพยักหน้า เรียวจันทร์ยกมือขวาตบบ่าหนาเบาๆ และเดินลิ่วๆ ไปทางสถานที่จัดงาน ดินยืนมองซ้ายมองขวาสักพัก แล้วก็ตัดสินใจเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพราะเห็นคนต่อคิวขึ้นลิฟต์กันเยอะ
ดินเดินไหลตามผู้คนและไปตามที่บันไดเลื่อนพาขึ้นไปเรื่อยๆ แต่พอมองเลขชั้นแล้วก็สับสนนิดหน่อยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ชั้นไหนกันแน่ สับสนเพราะป้ายบอกชั้นกับไอ้สติ๊กเกอร์ที่ติดตรงบันไดเลื่อนนั่นแหละ
“น้องคิวมาดูหนังครับป่าป๊า… หนังจบก็กลับไง… ฮื่อ? ดูหนังมันอันตรายตรงไหน ไม่ต้องห่วงน่ะป๊า คิวเป็นผู้ชายนะ… อืมๆ แค่นี้แหละ” ดินมองเด็กผู้ชายตัวเล็กหัวเกรียนอย่างพิจารณาแบบไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่ได้เล็กจิ๋ว แต่ตัวเตี้ยกว่าดินเยอะอยู่ ขนาดยืนอยู่บนขั้นบันไดที่สูงกว่าดินยังสูงกว่าไม่เท่าไหร่เลย ผิวขาวแต่ไม่ได้ขาวสว่าง เนื้ออวบอิ่ม ในปากอมอมยิ้มจนแก้มตุ่ย จังหวะที่หันหน้ามาไอ้ดินก็รีบหลบสายตาไปมองทางอื่น แต่ในใจมันคิดแล้วว่าไม่หลงทางไปโรงหนังแน่ ก็เมื่อกี้ได้ยินชัดเลยว่าเด็กคนนี้จะไปโรงหนัง เดินตามไปก็แล้วกัน
พอขึ้นมาถึงชั้นห้าตามที่คุณเรียวบอก ดินก็เจอกับโซนโรงหนัง เด็กคนที่ดินแอบใช้เป็นผู้นำทางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจอโปรแกรมหนัง ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด ดินเลิกสนใจและเดินเข้าไปต่อคิวแบบคนอื่นๆ หยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปที่คุณเรียวส่งมาให้เพื่อเตรียมตัวยื่นให้กับพนักงาน
จึ้กๆ
มีอะไรบางอย่างทิ่มหลังเขาอยู่ ดินหันไปมองด้านหลังงงๆ ก็เจอกับเด็กคนนั้นที่พอเห็นชัดๆ แล้วก็ทำให้ดินนึกว่ากำลังมองตัวการ์ตูน หรือตุ๊กตาอะไรสักตัวที่หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักหัวกลมๆ และปากแดงเหลือเกิน
“พี่จองตั๋วไว้ใช่มั้ยครับ” ดินยังคงทำหน้างงๆ แล้วก็ตอบแบบงงๆ
“เอ่อ ครับ ใช่ครับ”
“ไปเข้าอีกแถวเลยพี่ เร็วกว่า ตรงนี้สำหรับคนมาซื้อหน้าโรงแบบผม” ดินมีสีหน้าสับสนไม่เข้าใจ เด็กตัวการ์ตูนคนนั้นคลี่ยิ้มและชี้ไปที่อีกแถวที่สั้นกว่ามาก มีคนรออยู่สามคนเอง
“แถวนั้นสำหรับคนจองผ่านมือถือมาครับ” ดินหันไปมองแถวนั้นแปบๆ และหันกลับมาหาเด็กตัวเล็กที่ตอนนี้ดินรู้แล้วว่าสูงแค่ระดับไหล่เขาเท่านั้น
“แล้ว… ไม่ได้จองไว้เหรอครับ” เด็กตัวการ์ตูนทำหน้าผิดหวัง มีแววเศร้านิดหน่อย
“ผมลืมอะ พอจะจองแถวเอที่ประจำก็เต็มหมดแล้ว แถวบนๆ แถวอื่นก็ไม่เหลือ ตอนนี้เหลือแต่ที่หน้าๆ ผมไม่ชอบ ผมปวดตา โคตรเซ็งเลย” เด็กคนนั้นบ่นเสียงเบื่อและกลอกตาน้อยๆ ดินกะพริบตาปริบๆ มองอย่างไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ คิ้วเข้มแบบอ่อนขมวดเข้ากันนิดหน่อย แล้วก็ค่อยๆ ขยับปากพูดเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน
“จริงๆ ผมนั่งคนเดียว…” เด็กคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น ทำให้ตาโตขึ้นกว่าเดิม ดินรู้ว่าตัวเองคงพูดเบาไปเลยเพิ่มเสียงพูดใหม่
“…ผมจองไว้สองที่ นั่งด้วยกันได้นะครับ แบ่งๆ กัน” ตากลมโตของเด็กคนนั้นกะพริบปริ๊บๆ พร้อมกับทำหน้าประหลาดใจ
“พี่จองไว้สองที่ แต่นั่งคนเดียวอะเหรอครับ” ดินเม้มปาก พยักหน้าหงึกๆ เด็กตัวเล็กทำปากโอ้โห
“โห รวยนะเนี่ย” ดินหน้าตื่น ส่ายหัวปฏิเสธรัวๆ
“เปล่ารวยครับ พี่ของผมเขาจองให้”
“งั้นแสดงว่าพี่ของพี่ก็ต้องรวย” คุณเรียวจันทร์รวยมั้ยนะ ต้องรวยสิ เป็นเจ้าของที่ดินเยอะแยะขนาดนั้น
“ก็… ก็รวยอยู่ครับ” ดินตอบตามซื่อ เด็กน้อยหัวเราะสดใส ทำเอาหัวใจดินกระตุกวาบๆ
“ผมตกลงครับ ไม่เรื่องมาก เพราะผมอยากนั่งข้างบน เมื่อวานมันเข้าวันแรก ผมไม่ได้ดู เพื่อนผมแม่งอวดกันใหญ่ ผมช้าไม่ได้แล้ว” เด็กตัวเล็กมีสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา หน้าตาบ่งบอกว่าช้าไม่ได้แล้วจริงๆ ตามที่พูด ดินกระตุกยิ้มนิดหน่อย
“พี่จองแถวไหนไว้ครับ” ดินยื่นโทรศัพท์ให้เด็กคนนั้นดู พอเจ้าหัวเกรียนหัวกลมเห็นก็ตาโต
“พี่จองที่นั่งโซฟาแต่นั่งคนเดียว พี่ของพี่รวยจริงแหละ” ดินยิ้มไม่เต็มปาก พยักหน้าหงึกหงักไปเรื่อย
“งั้นไปรอตั๋ว… รอด้วยกันนะครับ” คนตัวเล็กกว่าดินพยักหน้ากระตือรือร้นและเดินนำดินไปต่อคิวอีกแถวทันที ระหว่างรอคนข้างหน้าไปรับบัตร ดินก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเด็กคนนั้น ทำให้รู้สึกเคลิ้มอยู่พักหนึ่ง สติกลับมาตอนที่เด็กคนนั้นเดินนำไปที่เค้าน์เตอร์รับตั๋ว
“พี่ๆ” เด็กคนนั้นกวักมือเรียกดินให้ไปยืนข้างกัน
“พี่ชื่อไรครับ”
“เอ่อ ชื่อดินครับ” ดินยิ้มน้อยๆ เด็กคนนั้นยิ้มกว้าง
“โอเคครับพี่ดิน ผมชื่ออิคคิวนะ พี่ดินยื่นที่จองไว้ให้พนักงานเลยครับ” ดินรับคำแบบงงๆ และยื่นมือถือให้พนักงานสาวผมยาวคนหนึ่งรับไปกดๆ อะไรอยู่สักพักก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้
“ภาพยนตร์เรื่อง XXX รอบบ่ายโมงสิบห้านาที โรงภาพยนตร์ที่สี่ค่ะ” พนักงานฉีกตั๋วแล้วยื่นให้ดิน เด็กน้อยที่ชื่ออิคคิวที่เพิ่งรู้จักกันหยิบเงินในกระเป๋าให้ดินตามจำนวนค่าตั๋ว
“ขอบคุณพี่ดินมากนะครับที่ให้คิวนั่งด้วย…” ดินรับเงินมาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีน ถ้าเป็นเงินมันออกเอง ไอ้ดินไม่รับคืนหรอก แต่อันนี้เงินคุณเรียวจันทร์
“…ว่าแต่ เรียกพี่นี่ถูกต้องใช่มั้ย” ดินทำหน้างงแปบหนึ่งก่อนจะถามกลับบ้าง
“อิคคิวอายุเท่าไหร่ครับ”
“สิบเจ็ดย่างสิบแปดครับ เพิ่งขึ้นมอหก” ดินทำหน้าโอ้โหเบาๆ อายุกับใบหน้าเหลื่อมล้ำกันนิดหน่อย ดินคิดว่าเด็กคนนี้อายุสิบห้าสิบหก
“งั้นก็พี่แหละครับ ผมอายุมากกว่า” อิคคิวยิ้มกริ่มและพยักหน้าหงึก หันไปมองตรงโซนขายของก่อนเข้าโรงหนัง
“พี่ดินอยากกินอะไรมั้ยครับ” ดินหันไปมองขนมสักแปบแล้วก็ส่ายหัว
“ไม่รู้เลยครับ” ดินไม่รู้จริงๆ เพราะนี่เป็นการดูหนังโรงครั้งที่สองของชีวิต
“งั้นกินป๊อบคอร์นแล้วกัน เดี๋ยวผมเลี้ยง”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรครับ ช่วยกันออกก็ได้”
“เอาน่าพี่ ถือว่าตอบแทนความใจดีของพี่ไง นะๆ ผมไม่ใส่ยาพิษลงไปหรอก ไปยืนซื้อด้วยกันก็ได้ถ้าไม่ไว้ใจ” ดินทำตาโต ยกมือโบกปฏิเสธ
“เปล่านะ ผมไม่ได้จะคิดแบบนั้น” อิคคิวหัวเราะน้อยๆ
“โธ่พี่ดิน ผมก็ไม่ได้คิดว่าพี่จะคิดอย่างนั้นสักหน่อย” ว่าเสร็จก็เดินนำไปที่ตักป๊อปคอร์น ดินพ่นลมหายใจออกทางปากเบาๆ และเดินตามไปสมทบอีกที รู้สึกมึนๆ งงๆ แต่ก็คิดได้ว่าแค่ดูหนังเท่านั้นเอง
แค่คนที่ดูด้วยหน้าตาน่ารักไปหน่อย…
หลังจากดูหนังเสร็จ อิคคิวก็ชวนดินไปกินข้าว ดินไม่กล้ารับปาก เพราะพอออกจากโรงหนังมาก็เจอสายไม่ได้รับจากเรียวจันทร์เป็นสิบสาย เลยขอโทรกลับไปหาเรียวจันทร์ก่อน
“คุณเรียวเสร็จเร็วจังครับ… อ๋อ… ได้ครับ… ครับ เดี๋ยวดินไปหาที่นั่น” ดินวางสายจากเรียวจันทร์ หันไปมองอิคคิวที่ยังกอดถังป๊อบคอร์นไว้ในอ้อมแขนและหยิบกินหมุบหมับๆ
“ผมต้องไปหาพี่แล้วอะครับ คงไปกินข้าวด้วยไม่ได้ ขอโทษนะครับน้องอิคคิว” เด็กตาโตปากแดงยิ้มอย่างสบายๆ สั่นหัวไปมา
“ไม่ต้องซีเรียสหรอกพี่ ไปเหอะ ยังไงต้องขอบคุณพี่ดินมากๆ นะครับที่แบ่งปันที่นั่งให้คิว พี่โคตรใจดีอะ” ไอดินไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้าตาแบบไหน เลยยิ้มเก้อๆ ยิ้มไม่เต็มปาก เหมือนคนยิ้มไม่เป็นและพยายามยิ้ม อิคคิวมองแล้วก็หัวเราะ
“งั้น… ไปนะครับ” ดินเอ่ยเบาๆ คนตัวเล็กยิ้มพร้อมพยักหน้า ก่อนจะยกมือบ๊ายบาย ดินยิ้มน้อยๆ ก้มหัวให้หนึ่งที และหมุนตัวเดินอย่างเอื่อยๆ รู้สึกพะว้าพะวงแปลกๆ หันกลับไปเพื่อจะมองอิคคิว แต่อีกฝ่ายหมุนตัวเดินกินป๊อบคอร์นเพลินๆ ไปทางอื่นแล้ว
ไอ้ดินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และพ่นออกมาสั้นๆ สะบัดหัวสองสามทีก่อนจะเดินต่อ แวะถามทางกับพนักงานในห้างเอาว่าร้านที่คุณเรียวนัดอยู่ตรงไหนจนกระทั่งเดินมาเจอขวัญใจตัวเองกำลังนั่งกินไก่
“อ้าว มาแล้ว นั่งๆ ฉันสั่งชุดใหญ่มาเลย กินด้วยกัน ขอโทษนะที่พามากิน KFC อะ แต่มันง่ายและเร็วสุดแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ดินกินได้ พี่เขี้ยวก็ชอบซื้อมาฝากบ่อยๆ” เรียวจันทร์ยิ้มทั้งที่ปากเคี้ยวเนื้อไก่ไม่หยุด ดินยิ้มน้อยๆ และเริ่มหยิบไก่ใส่จานตัวเองที่เรียวจันทร์เตรียมไว้ให้
“หนังสนุกป้ะ” เรียวจันทร์ถาม ดินชะงักไปนิด ไม่แน่ใจว่าควรเล่าเรื่องอิคคิวให้เรียวจันทร์ฟังด้วยมั้ย แต่ไอ้ดินมันก็คิดว่าคุณเรียวคงไม่ได้อยากรู้ อีกอย่างก็แค่นั่งดูนั่งด้วยกันแล้วก็แยกกันแล้วด้วย
“สนุกครับ แต่…” ไอ้ดินยิ้มแบบกล้าๆ กลัวๆ เรียวจันทร์เลิกคิ้วขึ้นทำหน้างงๆ
“…ดินฟังไม่ออกเลย อ่านแปลไทยข้างล่างก็ไม่ทัน” คุณนายแม่อ้าปากหวอตกใจ สีหน้าตะลึงไปนิด ก่อนจะรีบกลืนไก่ หยิบน้ำเปล่ามาดูดไปหลายอึก
“ดินนน ฉันขอโทษ ฉันลืมตัวอะ ฉันจองตั๋วให้แบบซาวด์แทร็ค” ใบหน้าสวยสลดลงอย่างรู้สึกผิด แต่ปากยังคงขยับเคี้ยวไก่หมับๆ อย่างหิวโหย เพราะดัดจริตกินไปน้อยนิดเมื่อเช้า ตอนทำงานแทบจะเป็นลม
“ไม่เป็นไรครับ เอาที่อ่านแปลข้างล่างมารวมๆ กันก็เลยพอจะเข้าใจเรื่อง” ดินยิ้ม ฉีกไก่เป็นชิ้นๆ แล้วจับเข้าปาก เรียวจันทร์ยังคงมีสีหน้ารู้สึกผิด แต่มือก็ยังไม่หยุดจับไก่เข้าปาก
“ดูหนังภาษาอังกฤษวันนี้แล้ว ดินอยากพูดภาษาอังกฤษได้เลย” เรียวจันทร์ยิ้มเกือบแฉ่ง เลือกหยิบไก่ทอดรสเผ็ดมากินหนึ่งชิ้น
“เรียนสิ มีคอร์สเยอะนะ ไม่ยากหรอก” ไอ้ดินทำหน้าขยาดเล็กๆ
“สมัยเรียนมัธยม ดินได้ภาษาอังกฤษเกรดสองเองครับ” เรียวจันทร์ยักไหล่หน้าตาสบายๆ
“ก็ยังได้สอง แสดงว่าก็ยังได้อยู่ บางคนติดศูนย์เลยนะดิน” ดินยิ้มไม่มั่นใจนัก แต่ก็พยักหน้าไปตามเรื่องตามราว เรียวจันทร์เคี้ยวกรุบๆ อย่างเอร็ดอร่อย ดินยิ้มกับท่าทางการกินอย่างมีความสุขของเรียวจันทร์
“เนี่ย เห็นมั้ยล่ะ ฉันถึงบอกไงว่าดินควรเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่อ ถึงแม้สุดท้ายแล้วดินจะกลับมาช่วยงานเขี้ยว แต่ถ้าดินมีดีกรีมาประดับเพิ่ม หรือได้ภาษาเพิ่ม ดินจะยิ่งสตรองนะจ๊ะ เชื่อพี่เกดสิ” ดินมองหน้าสวยๆ อย่างครุ่นคิด เรียวจันทร์ยักคิ้วให้เป็นเชิงยืนยันว่าเชื่อเจ๊
‘ผมอยู่มอหกครับ…’
จบมอหกก็ต้องขึ้นมหา’ลัยสินะ อันนี้ไอ้ดินรู้ ไม่ได้ซื่อถึงขั้นเซ่อสักหน่อย
พอจบงานที่สองของวัน เรียวจันทร์ก็โทรหาดินที่ไปนอนหลับรออยู่ในรถ ไอ้หมียักษ์ไม่กล้าเดินไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะกลัวจะหลง คุณนายเลยบอกให้รออยู่ที่รถแล้วจะเดินไปหาเอง ตอนที่กำลังจะเดินถึงรถ ร่างสูงใหญ่ของโยธินก็เดินเข้ามาขวาง เล่นเอาเรียวจันทร์ตกใจไปเบอร์ใหญ่ เห็นตั้งแต่ในงานเดินแบบละ มาวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ได้ นางกำลังจะอ้าปากด่า แต่พอเห็นรอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าขาวผ่องก็ต้องขมวดคิ้ว
“มีอะไร” แต่ถึงจะแปลกใจยังไง แต่นางไม่มีอารมณ์อยากเผือกเรื่องของอดีตแฟน ยอร์ชทำหน้าลำบากใจแต่ก็เปิดปากพูด
“เรียว ยอร์ชเดือดร้อนอะ” เรียวจันทร์ยกสองแขนกอดอก เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามโดยไร้เสียงว่าแล้วไง
“เรียว…”
“นายเดือดร้อน เกี่ยวอะไรกับฉัน” โยธินมองเรียวจันทร์อย่างอ้อนวอน
“ยอร์ชไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ เรียวช่วยยอร์ชหน่อยได้มั้ย” ร่างเล็กเบะปากน้อยๆ ปล่อยสองแขนลงข้างตัว
“ช่วยอะไร” อดีตแฟนคุณนายกลืนน้ำลายลงคอ สีหน้าท่าทางเหมือนไม่กล้าพูด แต่สุดท้ายก็พูดออกมา
“ยอร์ชจะขอยืมเงินเรียว แล้วเดี๋ยวยอร์ชจะรีบเอามาคืน” เรียวจันทร์อ้าปากหวอน้อยๆ มองยอร์ชด้วยความตื่นตะลึง
“โห เฮ้ย…” คุณนายอุทานแผ่วเบา ความตะลึงตีเข้าสองขมับจังๆ ทำเอางงไปเหมือนกันที่โดนขอยืมเงินกันง่ายๆ แบบนี้ แม้อีกฝ่ายจะมีท่าทีไม่กล้าเอ่ยและเกรงใจ แต่มันแค่แว้บเดียวมากๆ
“…ฉันไม่อยากเสียเวลาด่านาย แต่เอาเป็นว่าฉันไม่ให้ยืม ไม่ได้หยิ่ง แต่ฉันจน คิดว่าฉันรวยขนาดไหนเนี่ยถึงจะให้คนอื่นยืมเงินไปทั่ว” ว่าจบนางก็เลี่ยงจะเดินไปที่รถที่ดินเปิดประตูออกมารอด้านนอกและมองมาที่นางกับยอร์ชงงๆ
“แต่เรียวเป็นลูกเจ้าสัววิโรจน์ จะมาจนได้ยังไง!!” ยอร์ชพูดเสียงดังจนเกือบจะเป็นตะคอก ตอนนั้นเองที่ดินรีบเดินเข้ามาหาเรียวจันทร์ที่มีสีหน้าตกใจกับน้ำเสียงดังก้องนั้น
“คุณเรียว” ดินเรียก เจ้าของชื่อหันไปมองใบหน้าคล้ำเข้มของดินแปบหนึ่งก่อนหันไปมองหน้ายอร์ชต่อ นางยิ้มเยาะมุมปาก
“แจ้งใจตรงกันแล้วสินะว่าที่นายตะเกียกตะกายอยากกลับมาหาฉันเหลือเกินเพราะเงินนี่เอง แต่ขอโทษนะ ฉันเป็นลูกเขา แต่เราไม่รัก ไม่ได้สนิทกัน และฉันก็ไม่ได้เทิดทูลบูชาเขาด้วย สำนึกบุญคุณที่ให้เกิดมาแล้วก็จบไป ก็ถ้าคิดจะมาเกาะฉันแบบแต่ก่อนอีก เลิกเพ้อไปได้เลย” เรียวจันทร์จ้องยอร์ชตาแข็ง อดีตแฟนของนางมีท่าทีขุ่นเคือง ก่อนที่จะเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด เรียวจันทร์มองตามอย่างไร้อารมณ์แล้วค่อยหันไปหาดิน
“กลับกันเถอะ”
“เขาไม่ได้ทำร้ายคุณเรียวใช่มั้ยครับ” เรียวจันทร์ยิ้มนิดหน่อย ยกมือขวาแตะต้นแขนดินเบาๆ
“จะทำได้ยังไง บอดี้การ์ดฉันล่ำขนาดนี้” ไอ้ดินเขินจนทำหน้าไม่ถูก เรียวจันทร์หัวเราะเบาๆ และควงแขนดินเดินกลับไปที่รถให้ไอ้หมียักษ์หน้าร้อนผ่าว
ถึงยังไง คนที่ทำให้ไอ้ดินเขินจากหน้าดำเป็นหน้าแดงได้ก็มีแต่คุณเรียวนี่แหละ
กลับมาถึงฟาร์มก็เป็นช่วงค่ำแล้ว ฝนตกโปรยปรายตามปกติของหน้าฝน แต่ยังดีที่ไม่ได้หนักมาก บรรยากาศที่ฟาร์มทั้งเย็นฉ่ำด้วยสายฝนและหนาวเย็นด้วยบรรยากาศภูเขาโอบล้อม เรียวจันทร์กับดินเดินกางร่ม ย่ำพื้นดินเฉอะแฉะกลับเข้าไปในบ้านใหญ่ พอขึ้นมาถึงบนบ้าน เรียวจันทร์ก็ไม่เจอใคร แต่ในบ้านเปิดไฟไว้
“สงสัยงานยังไม่เสร็จ คุณเรียวไปอาบน้ำก่อนก็ได้ครับ ดินจะลงไปหาไอ้พวกคนงาน” คุณนายพยักหน้าหงึกๆ จังหวะนั้นโทรศัพท์ของนางก็ดังพอดี เลยล้วงมือเข้าไปหยิบในกระเป๋า
“อยู่ได้ใช่มั้ยครับ” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วกับเบอร์หน้าจอบนโทรศัพท์สักแปบก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปคลี่ยิ้มให้ดิน
“ได้สิดิน ทำอย่างกับฉันไม่เคยอยู่ ไปหาเพื่อนเถอะ” ไอ้ดินเดินถือร่มออกไปจากบ้าน เรียวจันทร์มองเบอร์แปลกอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็กดรับ
“ฮัลโหล”
[เรียว! แม่เอง! อย่าเพิ่งวางนะ!] เรียวจันทร์ตัวแข็งทื่อ เปลือกตาเบิกกว้าง กำลังจะกดวางสาย แต่สติที่เหลืออยู่รีบดึงนางเอาไว้ นางเลยยกโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง และคิดว่านี่ไม่ใช่ผี ฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว
“เบอร์เก่าโดนบล็อกไป ยังเพียรหาเบอร์ใหม่มาจนได้นะ” คุณนายว่าอย่างประชด หน้าตาอึดอัดที่จะคุยกับผู้หญิงคนนั้น แต่คิดไปคิดมา คุยกันให้รู้เรื่องชัดเจนไปเลยก็ดี
[เรียว ลูกอยู่ไหน ทำไมทิ้งแม่ไว้คนเดียวแบบนี้] เรียวจันทร์กัดฟันแน่น นางเกลียดเวลาที่แม่เรียกนางเพราะๆ ตอนที่ตัวเองเดือดร้อนและต้องการให้นางช่วยเหลือ แต่นอกเวลาอื่นจิกนางยิ่งกว่าไก่
“ไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ที่รู้ไว้ คือคุณน่ารังเกียจ คุณทำร้ายบ้านพ่ออาทิตย์ได้ยังไง?!” ปลายสายเหมือนจะอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน เรียวจันทร์สะกดอารมณ์อยากเหวี่ยงไว้ในอก และรอฟังคำแก้ตัวและคำแถจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่
[มีคนสั่งแม่ เจ้าสัววิโรจน์ พ่อของเรียวน่ะ เขาสั่งแม่] โรสิตาตอบเสียงลนลาน เรียวจันทร์นิ่งจนเหมือนจะช็อค ร่างกายคล้ายเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ
ทั้งพ่อทั้งแม่เลยเหรอ… สองคนนี้แค่ให้กำเนิดนางมาจริงๆ
“ร่วมมือกันดีเหลือเกินนะ ผีเน่ากับโรงผุจริงๆ…” เรียวจันทร์กัดฟันแน่น น้ำตาเอ่อคลอขอบตาทั้งสองข้าง
“…ตอนอยู่ในท้องแม่ คงเป็นช่วงชดใช้บาป แต่ขอบคุณบุญในตัวเองที่ยังพอมีแล้วส่งให้เรียวได้มาอยู่กับพ่ออาทิตย์…” แม้จะพูดใบหน้าไร้อารมณ์ แต่น้ำตาก็หยดลงบนแก้มข้างละหยด
ถึงจะหน้าไร้อารมณ์ยังไง แต่หัวใจของเรียวจันทร์เจ็บปวดกับการกระทำของผู้ให้กำเนิดตัวเองเหลือเกิน
[เรียว ฮึก แม่ขอโทษ แต่ฟังแม่ก่อน…] เรียวจันทร์ปาดน้ำตาออกจากแก้ม พูดเสียงเรียบแต่เน้นย้ำ
“…ออกไปจากบ้านของเรียวกับพ่อ ออกไปเองดีๆ ซะ อย่าให้เรียวต้องไปไล่ถึงที่ เพราะเรียวไม่อยากเจอหน้าคุณ”
[ฮือออ… เรียว แม่ขอโทษ อย่าทิ้งแม่เลย] แว้บหนึ่งเรียวจันทร์จะใจอ่อน แต่พอนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มันก็สอนนางว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยสำนึกผิดจริงจัง
“ขอบคุณที่ทำให้เรียวเกิด แต่นับจากนี้ จงไปใช้ชีวิตตามทางของตัวเอง ให้เวลาอีกแค่หนึ่งอาทิตย์ หลังจากนั้น คุณจะต้องหายไปจากบ้านเรียวเด็ดขาด” เรียวจันทร์ฝืนพูดเสียงแข็งจนจบประโยค และพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก
[เรียว… ฮึก แม่ไม่รู้จะไปอยู่ไหน แม่ไม่มีที่ไป แม่เหลือเรียวแค่คนเดียวแล้ว… ฮือ]
“งั้นแม่ก็ควรรู้ไว้ว่าต้องหัดรักษาน้ำใจกับคนที่แม่เหลือเพียงคนเดียว…” เรียวจันทร์ยืนฟังเสียงร้องไห้ของมารดาตนเองใบหน้าเรียบเฉย แต่น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา
“…ไป ออกไปจากชีวิตเรียว หมดความเกี่ยวข้องกันเท่านี้ ถ้ากรีดเลือดคืนให้กันได้ เรียวก็อยากทำให้ แต่ในเมื่อมันทำไม่ได้ ที่ผ่านมาถือว่าเรียวตอบแทนบุญคุณไปแล้วก็แล้วกัน คุณแม่” เรียวจันทร์จบประโยคเสียงสั่น โรสิตาร้องไห้โฮ เรียวจันทร์ดึงโทรศัพท์ออกจากข้างหู กดวางสายด้วยสายตาที่แน่วแน่กับการตัดสินใจของตัวเองแล้ว
เมื่อนึกถึงคนเป็นพ่อ เรียวจันทร์ก็โมโหจนตาขวาง เสี่ยจอมทัพที่นางว่าเลว อาจจะสู้พ่อนางไม่ได้เลย นางต้องพูดกับผู้ชายคนนั้นเรื่องความเลวของเขาอย่างแน่นอน
ตัดไหมที่ผ่าฟันคุดมาแล้วววว กลายเป็นว่าเจ็บกระพุ้งแก้มที่เขาเกี่ยวไหมไว้มากกว่าเจ็บแผลจริงๆ ซะอีก
อะ ดิน ยังไงๆ
อิคคิวเคยปรากฎตัวในเม้าท์พิเศษวันขึ้นปีใหม่ที่ตอมไว้ให้อ่านในโน้จของเพจแล้วนะคะ น้องก็มาลอยๆ แบบมึนๆ นี่คือจะมาปาดพ่อดินแข็งของเจ้ไปงั้นเหรอหนูอิคคิว
ในส่วนของขุ่นแม่ ในที่สุดแม่เรียวก็ตัดเนื้อร้ายออกจากชีวิตจนได้ มันดูโหดร้ายและใจร้ายกับการกระทำนี้เนอะ แต่สิ่งที่เรียวจันทร์โดนผู้หญิงคนนี้ทำมา ตอมว่ามันก็ควรจะหยุดเลี้ยงดูเขาแล้วจริงๆ
อย่างที่เคยบอกไปค่ะว่า ประเด็นเรื่องเรียวจันทร์กับแม่คือละเอียดอ่อนมากสำหรับตอม คิดเสมอว่ามันมากไปมั้ยถ้าเรียวจันทร์จะพูดแบบนี้กับแม่ หรือเรียวจันทร์จะทำแบบนี้กับแม่ แต่พอเห็นข่าวบางข่าวในสังคมจริงๆ ก็รู้สึกว่า เรียวจันทร์กับคุณนายโรสิตาเบาไปเลย เรียวจันทร์ยังดีว่าไม่เอาเรื่องแม่ ขอแค่ให้ไปจากชีวิตนางเท่านั้นเอง
พรีออเดอร์หนังสือพ่อเขี้ยวแม่เรียวปิดแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เปย์แม่มากค่ะ ส่วนใครไม่ได้เปย์ก็ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามกันอยู่
ไทม์ไลน์การทำหนังสืออ่านได้ที่โพสปักหมุดของเพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ^_^
ขอขอบคุณคนอ่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่มากๆ นะคะ ขอบคุณที่รักและสนุกไปกับเรื่องราวในแบบที่เป็น คอมเม้นคือแรงกำลังใจของคนเขียน แม้อาจจะไม่มากแต่ก็ดีใจที่ยังมีคนคอยเม้นเป็นแรงขับเคลื่อนดีๆ ให้อยู่เสมอ