เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน คุณรัชชานนท์ก็งอนเป็นเหมือนกัน
“เดี๋ยวคุณนัทไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
เด็กเป็ดตาแดงหน้ายุ่ง ยกหลังมือขยี้ตาซ้ำ ๆ และคุณเลขาหน้านิ่งก็ดึงมือเอาไว้ไม่ยอมให้ทำตามใจตัวเอง
“อย่าขยี้ตาครับ”
ยอมหยุดมือเรียบร้อย แต่นัทก็ยังนั่งก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกับคนที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป
โกรธ
แบบนี้ก็คงโกรธ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมากมายเท่าไหร่ และเพิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ก็รู้ ว่านี่คือการแสดงความรู้สึกโกรธของคนที่นั่งก้มหน้าไม่ยอมพูดด้วย
“คุณนัทกินข้าวต้มนะ เช้า ๆ กินข้าวต้มจะได้อุ่นท้อง ข้าวต้มหมูหรือเป็นข้าวต้มกุ้งดีครับ”
ไม่ตอบ ไม่มีการตอบรับ และคนตั้งคำถามก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
คงไม่อยากพูด แต่ว่ากันไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่เวลางาน ถ้าคุณนัทจะงอนหรือจะโกรธก็สามารถทำได้ เพราะมันนอกเวลางานแล้ว
แบบนี้จะให้ทำยังไง
“ข้าวต้มกุ้งนะครับ”
ถามแต่เน้นเสียงเหมือนเป็นการตัดสินใจแทน และนัทที่ก้มหน้าไม่ยอมพูดก็พยักหน้ารับ
“อย่าโกรธเลยนะครับคุณนัท ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
นัทไม่ได้โกรธพี่ฟ้าหรอก แต่นัทแค่รู้สึกเศร้า และเสียใจ ที่จะต้องมีอะไรกันเพราะความต้องการของร่างกายมันเรียกร้องเท่านั้น แค่มีซะให้มันจบ ๆ มันไม่ยาก
แต่นัทกลับรู้สึกเศร้าใจ
รู้สึกว่าเศร้าใจ
เศร้าใจที่อีกฝ่ายไม่ได้มีความรู้สึกอะไรด้วยเลย แค่อยากระบายความอัดอั้นออกไปเท่านั้น
เคยคิดว่าได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แต่เอาเข้าจริงกลับทำใจยอมรับมันไม่ได้ ทำใจไม่ได้จน......นั่งร้องไห้เป็นเด็กๆ
ที่ไม่เงยหน้าคุยด้วย ไม่ใช่ว่าโกรธ แต่เป็นเพราะว่าอาย และรู้สึกเสียฟอร์มมากที่อ่อนโลกกับเรื่องแบบนี้จนถึงกับร้องไห้ มันดูไร้สาระและบ้าบอสิ้นดี
แล้วพี่ฟ้าคิดยังไง นัทว่าพี่ฟ้าคงจะนึกขำ ที่นัททำอะไรโง่เง่าและบ้าบอ เรื่องแค่นี้ก็ถึงกับร้องไห้ จนพี่ฟ้าต้องมานั่งปลอบใจเหมือนเด็ก ๆ มันใช่เรื่องที่ไหน เสียฟอร์มก็ว่าแย่แล้วนะ นี่มันเสียความมั่นใจร่วมด้วย จะให้ทำยังไง ใครจะกล้าพูดด้วยใครจะไปกล้าคุยกับคุณเลขาหน้านิ่ง ที่แม้จะปลอบใจก็จริง แต่หน้าก็ยังนิ่งเหมือนเดิม ก็คงจะปลอบใจไปตามหน้าที่
“คุณนัทครับ”
นิ่งฟัง
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนใครบางคนเรียกชื่อนัทในแบบที่แตกต่างออกไป และก็ทำให้นัทหยุดร้องไห้
คำพูดแทนตัวที่ฟังแล้วหวานหู
“พี่ฟ้า”
คุณรัชชานนท์แทนตัวเองแบบนั้นตอนที่พูด และเพียงแค่ได้ฟังนัทก็หยุดร้องไห้ได้ทันที เหมือนเราใกล้กันขึ้นมาอีกนิด แม้จะแค่นิดเดียว แต่ก็รู้สึกดีที่คล้ายกับว่าเราเริ่มใกล้ชิดกัน อยากจะเข้าข้างตัวเองว่าน้ำเสียงที่เรียกชื่อในเวลานี้มันคล้าย ๆ กับตอนนั้น เหมือนเป็นการแสดงความรู้สึกว่าเป็นห่วงเป็นใย
คล้าย ๆ กับห่วงใย แล้วจริง ๆ มันคืออะไร
“เดี๋ยวผมจะขับรถไปที่หน้าถนนใหญ่ อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยครับ ขนมหรือของกินเล่น เอามั้ยครับ”
ขนมหรือของกินเล่น นัทไม่เอาหรอก นัทบอกแล้วว่านัทไม่ใช่เด็ก แต่พี่ฟ้าก็ทำเหมือนนัทเป็นเด็ก ขนมอะไร นัทก็ไม่เอา
“ช็อคโกแลตมั้ยครับ หรือเป็นท็อฟฟี่”
นัทไม่กิน หน้านัทมันเหมือนเด็กอายุห้าขวบอย่างที่พี่ฟ้าว่าจริง ๆ หรือไง
“ผมไม่กินของแบบนั้นหรอกครับคุณรัชชานนท์”
ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และเงยหน้าขึ้นมองคุณเลขารัชชานนท์ที่พยักหน้ารับทำความเข้าใจ
เราเข้าสู่การเป็นเลขากับเจ้านายกันอีกแล้ว นัทเก็กหน้านิ่ง ทำเสียงให้ปกติ และคุณรัชชานนท์ก็พยักหน้ารับ
ไม่กินช็อคโกแลต ไม่กินท็อฟฟี่ ที่ถามไม่ใช่อยากจะให้กินจริง ๆ หรอก แค่อยากให้พูดด้วย ไม่อยากให้เมินกัน
“สรุปว่าข้าวต้มกุ้งอย่างเดียวแล้วกันนะครับ ขนมไม่เอา”
อะไรก็ได้ พี่ฟ้าอยากซื้ออะไรให้นัทกินก็ได้ นัทกินได้หมดนัทไม่เรื่องมาก แค่พี่ฟ้าซื้อให้
“ครับ”
ยอมพูดด้วย ยอมตอบกลับ และฟ้าก็ลุกขึ้นยืน คุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่งในชุดนอนสีน้ำเงิน ดูดีกว่าใครบางคนที่สวมเสื้อยืดลายโดนัลดั๊กเน่าคอย้วยและกางเกงลายสก๊อตสีหม่น ๆ หลายร้อยเท่า มองคุณรัชชานนท์แล้วนัทก็รู้สึกว่าสภาพตัวเองในเวลานี้มันดูทุเรศสิ้นดี
เราเพิ่งตื่นนอนกันไม่นาน เล่นสงครามประสาทกันไปอีกเล็กน้อย เพื่อประลองฝีมือกันและในเวลานี้ เราก็นิ่งเงียบแข่งกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเรายังนอนกอดกันอยู่เลย ทำไมมันช่างเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มีความหลากหลายเกิดขึ้นได้มากมายขนาดนี้
คุณรัชชานนท์ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ปัดผมเล็กน้อยก็ดูดีแล้ว แต่ดูสภาพนัทสิ หัวคงยุ่งเหยิง และหน้าก็ยับยู่ยี่แถมยังเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอีก แย่เกิน ดูทุเรศและแตกต่างกันจนเกินไป
“คุณนัทครับ”
เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และคนที่เรียกชื่อก็ก้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับดึงแขนให้นัทยืนขึ้น
“ผมจะเก็บที่นอนให้”
ไม่..........ไม่เป็นไรหรอกพี่ฟ้า เดี๋ยวนัทเก็บเอง ไม่เป็น.....เอ่อ
อยากจะพูดว่าไม่เป็นไรจริง ๆ แต่คุณรัชชานนนท์ก็จัดการพับที่นอนและผ้าห่มให้เรียบร้อยและจัดวางไว้ที่มุมอย่างมีระเบียบ
นัทได้แต่ยืนมอง มองแล้วก็คิดได้ว่า คนที่มาทำหน้าที่เลขาต้องทำงานให้ได้ทุกอย่างเลยหรือเปล่า แต่พี่รัตติไม่เห็นเก็บที่นอนให้นัทเลย แล้วก็....พี่รัตติไม่เคยกอดนัทแล้วก็โอ๋นัทตอนที่ร้องไห้หรอกนะ
ไม่เคย...
นึกแปลกใจที่อยู่ดี ๆ ก็ยิ้มออกมาได้ พี่ฟ้าเป็นเลขาของนัทก็จริง แต่สิ่งที่พี่ฟ้าทำให้ตามหน้าที่มันทำให้นัทมีความสุข มีความสุขมากจนชักจะไม่ดี เริ่มชินกับการถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนสำคัญแบบนี้ แต่พี่ฟ้ามาทำหน้าที่ และพี่ฟ้าไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบทุกอย่างที่พี่ฟ้าทำ ก็คงอยากได้ความสมบูรณ์แบบสินะ จากยิ้ม กลายเป็นหน้าเศร้าและนัทก็ลอบถอนหายใจเล็ก ๆไม่ให้อีกฝ่ายรู้
“ใส่รองเท้าสิครับ”
รองเท้าเป็ดเหลืองที่ฟ้าจัดการหยิบมาให้ ถูกนำมาวางเอาไว้ให้ และนัทก็มอง มองไปที่รองเท้าตุ๊กตาโง่ ๆ คู่หนึ่งที่คิดเล่น ๆ ว่าใส่ให้มันตลก ๆ เพื่อทำให้ชีวิตมีสีสันขึ้นมาบ้าง แต่ในเวลานี้ รองเท้าคู่นั้นถูกนำมาวางไว้ให้ที่เท้าและคนที่จัดรองเท้าให้ก็บอกให้นัทใส่รองเท้า
“คุณไม่ต้องทำให้ผมขนาดนี้ก็ได้ คุณรัชชานนท์”
เอ่ยบอกออกไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดีใจนะ แต่แบบนี้สำหรับนัทมันมากไป นัทได้รับมากเกินไป มากเกินจน....
“ผมเต็มใจทำให้”
พี่ฟ้าคงลืมต่อคำว่าตามหน้าที่ไว้ข้างหลังประโยคด้วยหรือเปล่า
พี่ฟ้าคงลืม..............
“คุณเต็มใจทำให้ตามหน้าที่ใช่มั้ยครับคุณรัชชานนท์”
พูดออกไปแล้ว พูดสิ่งที่อยากพูดออกไปแล้ว และฟ้าก็ลุกขึ้นยืน ยืนขึ้นเต็มความสูง และพยักหน้ารับกับสิ่งที่นัทบอก
“คงงั้นมั้งครับ”
ใช่ คงจะเป็นอย่างนั้น ผมคงทำไปตามหน้าที่ คงจะใช่อยู่หรอก ถ้าคุณนัทจะคิดอย่างนั้นมันก็ไม่เห็นแปลก ในเมื่อผมมาทำหน้าที่ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วผมทำได้ไม่ดีหรือไง หรือว่าผมทำได้ไม่ดี
ฟ้าไม่พูดอะไรอีก ไม่มองหน้าคนที่ถามคำถามบางอย่างเดินลิ่วออกไปจากห้อง ทิ้งให้นัทอยู่คนเดียว
ยืนอยู่เพียงลำพังคนเดียวในห้อง มองไปที่รองเท้าที่ถูกวางเอาไว้ให้ และนัทก็สวมใส่มันอย่างช้า ๆ
เดินออกจากห้องและเห็นคุณเลขาหน้านิ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน
“คุณรัชชานนท์ครับ”
ประหลาดที่สุด คนสองคนที่อยู่ในชุดนอนและมีสภาพไม่พร้อมที่จะเจอหน้าผู้คนเท่าไหร่ กลับพูดกันด้วยภาษาเป็นทางการ
ทั้งที่ไม่ใช่เวลางาน แต่ฟ้าก็รู้สึกไม่ชอบใจกับการที่ต้องพูดคุยกันด้วยคำพูดแบบในเวลานี้
แล้วทำไมต้องไม่ชอบใจ ทำไมต้องรู้สึกไม่ชอบใจ ทำไมต้อง.....
“นัทเรียกพี่ฟ้าเหรอครับ”
เน้นเสียงทุกคำ และนัทก็นิ่งชะงักกับบางอย่างที่ใครบางคนพูดออกมา
“ผม...เอ่อ”
อึ้งและไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง....
“นัท แทนตัวเองว่านัท มันคงไม่ยากเกินไปสำหรับคุณนัทใช่มั้ย”
มันไม่ยาก แต่มันไม่ใช่
“ผมไม่ได้อยากเป็นเลขาให้คุณนัทตลอดเวลาหรอกนะ เรื่องเมื่อกี้ที่ทำให้ด้วย ผมก็ไม่ได้ทำในเวลางาน ผมชอบความสมบูรณ์แบบก็จริง แต่ผมไม่ได้บ้า คุณนัทจะให้ผมใช้ชีวิตเหมือนกำลังทำงานตลอดเวลา ผมทำไม่ได้ ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
นัทรู้........... นัทรู้ครับ แต่นัทไม่รู้ว่าพี่ฟ้าคิดอะไร พี่ฟ้าคิดอะไรอยู่นัทไม่รู้
ตอนนี้เหมือนพี่ฟ้าโกรธนัท..........เหมือนพี่ฟ้าโกรธนัทอยู่จริง ๆ แล้วพี่ฟ้าโกรธนัทเรื่องอะไร
“คุณรัชชานนท์”
เรียกแบบนี้อีกครั้ง และคนที่ถูกเรียกก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันหลังให้และหยิบถุงผ้าที่วางเอาไว้บนโต๊ะมาค้นหาแปรงสีฟันและยาสีฟัน เตรียมตัวจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นี่ไม่ใช่เวลางาน บางครั้งฟ้าก็เป็นคนไร้เหตุผลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าคิดขึ้นมาได้ว่าไม่เอาแล้ว ยังไงก็ไม่เอา และไม่สนไม่แคร์ทำเหมือนไม่ใส่ใจกันได้แบบง่ายๆ
นอกเวลางานผมจะเป็นยังไงจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม แล้วเรื่องที่คุณนัทหาว่าผมทำไปตามหน้าที่ นั่นผมก็อยากบอกว่าไม่ใช่
ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นทำแบบนั้นไปทำไป รู้แต่ว่าอยากทำ แค่อยากทำให้ ไม่มีเหตุผลอะไรเจือปนเลยสักนิด ไม่มีเลย แล้วทำไมถึงมาแปลค่าเป็นอย่างอื่นไปได้ โกรธ และไม่ชอบกับสิ่งที่คุณนัทพูดออกมา ยอมรับตรง ๆ เลยก็ได้ว่าไม่ชอบจริง ๆ
“พี่ฟ้าครับ นัทไปกินข้าวต้มกับพี่ฟ้าข้างนอกได้มั้ย นัทอยู่แต่ในโรงงานมาเป็นเดือนแล้ว ไม่ได้ออกไปไหนเลย แทนที่จะซื้อมากินที่นี่ เราออกไปกินข้างนอกด้วยกันดีมั้ย”
ฟ้ากำลังค้นหาแปรงสีฟันและยาสีฟันในกระเป๋า แต่ก็หยุดมือลงเพราะคำพูดของใครบางคน เลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ไม่ได้หันหน้ามาหา
บางทีคงเป็นเรื่องบ้าบอที่สุด ที่อยู่ดี ๆ ฟ้าก็ยิ้มออกมา ยิ้มกว้าง ยิ้มอย่างพอใจ และนึกชอบคำพูดที่ใครบางคนพูด
ชอบที่เรียกว่าพี่ฟ้า ชอบเวลาที่ฝ่ายนั้นแทนตัวเองว่านัท รู้สึกชอบอย่างไร้เหตุผล ไม่รู้จริง ๆว่าทำไมถึงรู้สึกชอบและทำให้ยิ้มได้ขนาดนั้น หันกลับมาและทำหน้านิ่งใส่ และนัทก็ยืนรอฟังว่าคุณรัชชานนท์จะพูดอะไร
“งั้นนัทก็ไปอาบน้ำสิครับ เดี๋ยวพี่ฟ้าจะพาไปกินข้าว รีบไปอาบน้ำนะครับ เราจะได้ออกไปพร้อมกัน”
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง