บทที่ห้า --- สองต่อสอง (ภาคจบ) ((ต่อ))
หลังจากส่งรถมอเตอร์ไซค์คืนที่บ้านภูเรียบร้อยแล้ว พี่นิคก็มาขับรถ(ตอนเอารถไปคืนแม่ก็บ่นว่า ภูยังไม่กลับจะสองทุ่มแล้ว --- ผมชักเป็นห่วงภูตะหงิดๆ คิดถึงคำพูดและการกระทำของภู)
(ผมแกล้งทำ แต่พูดจริงๆ .......... เพราะไอ้พี่ดีเจคนนั้นใช่ไหม .......... ตั้งแต่กีฬาสีปีที่แล้ว.......ใช่กีฬาสีปีที่แล้ว เราลืมมันไปได้ยังไงน่ะ)
“คิดอะไรอยู่ ถามไม่ตอบ”พี่นิคถาม
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร พี่ถามว่าอะไร”ผมพูด
“ก็ถามว่าทำไมถึงเอารถมาซ่อมที่บ้านไอ้เด็กนั่นได้”
“น้องเขาชื่อภู ภูผาเทพ ไม่ใช่ไอ้เด็กนั่น”
“ภูผานรกซิไม่ว่า ดูทำตัวซิ ดึกขนาดนี้แล้ว ยังไม่เข้าบ้านอีก ทำให้พ่อแม่ที่บ้านเป็นห่วง”พี่นิคบ่น
ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่นิคฟัง (ยกเว้นเรื่องที่เกิดบนห้องของภู) พี่นิคถามโน่นซักนี่มาตลอดทางจนกลับมาถึงบ้านของอาอี๊อีกรอบ
“อาเอ ไล้เหลี่ยวๆ”อาอี๊ออกมาทักพร้อมบอกคนในบ้าน (ไล้เหลี่ยว เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่ามาแล้ว)
(ที่บ้านอาอี๊ อยู่ด้วยกัน ห้าคน มีอาอี๊ อาเตี๋ยวที่ไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องเดินสายไปดูบริษัทสาขาตามต่างจังหวัด เดือนหนึ่งจะได้กลับบ้านแค่ครั้งสองครั้ง เพราะเหตุนี้อาอี๊กับอาเตี๋ยวถึงไม่มีลูกมั้ง ถึงว่าตอนผมจะมาอยู่ที่ขอนแก่นพากันดีใจยกใหญ่ อาเตี๋ยวกลัวอาอี๊เหงาเลยจ้างแม่บ้าน(ป้าต้อย)กับคนสวน(ลุงชัยซึ่งเป็นสามีภรรยากัน) มาอยู่เป็นเพื่อนอาอี๊ ตอนแรกลุงชัยกับป้าต้อยก็มาตอนเช้าค่ำๆก็กลับ อาอี๋เห็นว่ากลับกลางค่ำกลางคืนเป็นอันตราย เลยยกบ้านหลังเล็กที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ให้ไปอยู่กันจะได้ไม่ต้องไปกลับ (บ้านอาอี๊มีสามหลังอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีหลังใหญ่สามชั้นอยู่ตรงกลางเป็นหลังที่อาเตี๋ยวกับอาอี๊อยู่ ถัดมาทางขวามืออีกหลังเป็นบ้านสองชั้น อาอี๊สร้างให้ผม พอรู้ว่าผมจะมาอยู่ที่ขอนแก่นและไว้ใช้เป็นที่รับรองเหล่าวงศาคณาญาติเวลามากันเยอะๆ บ้านหลังใหญ่จะไม่พอ อีกหลังเป็นบ้านชั้นเดียวที่อาอี๊ ยกให้ครอบครัวลุงชัยอยู่) อาอี๊ยังให้ป้าต้อยเอาลูกสาว(ชื่อแก้ว อายุห่างจากผมสี่ปีเห็นจะได้)มาเลี้ยงพร้อมส่งเสียให้เล่าเรียนอีกด้วย เพราะเหตุนี้ครอบครัวลุงชัยเลยเป็นเหมือนญาติห่างๆของพวกเรา (เพราะแกอยู่กับอาอี๊มาตั้งเกือบสิบห้าปี)
“หวัดดีครับอาอี๊ ลุงชัย ป้าต้อย อ้าว แก้วยังไม่นอนอีกเหรอ อี๊ นี่พี่นิค พี่นิคนี่อาอี๊ ลุงชัย ป้าต้อย แล้วก็แก้ว”ผมทักทุกคน พี่นิคก็ไหว้ตามผม แก้วมองพี่นิคอย่างไม่ละสายตา
“อาแก้วอีไม่ยอมนอน อีบ๊อกจะเจออาเฮียเอก่อน ฮ่าๆ” อาอี๊บอกพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี (อี ในที่นี้ไม่ใช่คำหยาบนะครับ เป็นคำที่คนจีนชอบเรียกติดปากเวลาแทนคนอื่น ประมาณคำว่า “เขา”)
“ไปๆ ไปเจี๊ยะปึ่งกัน หิวแล้ว”อาอี๊บอก (เจี๊ยะปึ่ง แปลว่า ทานข้าว(ต้องเป็นข้าวสวยนะครับ) ถ้าเป็นข้าวต้มจะใช้ว่า เจี๊ยะม่วย)
“บอกไม่ต้องไงอี๊ หิวก็กินก่อนเลย”ผมบอก
“อาเนี๊ยะ แกยอมที่ไหนล่ะคะ คุณเอ ป้าบอกให้ทานก็บอกว่าจะคอย อาเอๆ”ป้าต้อยรายงานพร้อมตักข้าวให้ทุกคนเสร็จก็เดินไปกินข้าวในครัวกับลุงชัยและแก้ว
(อาเนี๊ยะ ย่อมาจาก อาเหล่าเน๊ยะ แปลว่าเถ้าแก่หญิง ประมาณคำว่า “คุณนาย”)
“พูดมากน่า อาต้อย”อาอี๊บอกแบบอายๆ ผมหัวเราะ
“กินเยอะๆ ดูซิ ไปอยู่ในมอ ม่ายทันด้ายสามอาทิ๊ด ผอมเหลือแต่กระดูกแหล้ว”(เวลาพูดอาอี๊จะออกสำเนียงจีนๆ ฟังดูทะแม่งๆ --- ผมเลยพยายามสะกดให้เหมือนคำพูด เช่น อาทิตย์เป็นอาทิ๊ด)
“พี่นิคกินเยอะๆ นะครับ กินไม่หมด ไม่ให้กลับนะ”ผมแซว เพราะเห็นแกนั่งเงียบ
“กินเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจ ในครัวยังมีอีก” อาอี๊บอกพี่นิคพร้อมคีบเต้าหู้ลงในจานให้พี่นิค
“ครับ ขอบคุณครับ”พี่นิคพูดพร้อมทำหน้าหยีๆประมาณว่าไม่ชอบกินเต้าหู้ ผมเลยตักเต้าหู้ในจานพี่นิคมากินเอง พี่นิคยิ้มออกทำท่าโล่งใจ
“อาเออ่า.....ลื้ออ่า....เสียมาระย๊าด”อาอี๊ดุผม พร้อมคีบเต้าหู้ให้พี่นิคใหม่ คราวนี้สองชิ้นเลย พี่นิคทำหน้าแย่กว่าเดิม ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้
“เสียมารยาทอะไรอาอี๊ อี๊แหละเสียมารยาท ถามเขาก่อนซิจะกินไหม ตักให้ถ้าเขาไม่ชอบจะทำไง”ผมพูด
“ลื้อไม่ชอบเต้าหู้เหรอ ลื้อกินไม่เป็นอ่า”อาอี๊ถามพี่นิค
“เป็นครับๆ ชอบครับๆ”พี่นิคตอบพร้อมตักเข้าหู้เข้าปาก แต่ดูหน้าพี่แกแย่สุดทน
“อาเอ ลื้อซี้ซั้วต่า คนชอบบอกไม่ชอบ”อาอี๊หันมาค้อนให้ผม ผมหัวเราะกับหน้าตาของพี่นิค
(ซี๊ซั้วต่า แปลว่า มั่ว ประมาณว่า อย่ามามั่วนิ่ม)
“ถ้าพี่ชอบก็กินเยอะๆนะ” ไม่พูดเปล่าผมตักเต้าหู้ให้อีกก้อน พี่นิคหันมาส่งสายตาประมาณจะฆ่าผมให้ได้
“อาเอนะ ตอนเด็กๆอีก็ไม่ชอบกินเต้าหู้ ไม่กินผัก กินยาก จะกินแต่ไข่เจียวๆ อาม่าอีตามใจ มาอยู่กับอาอี๊ม่ายด้าย อาอี๊บังคับให้กินทุกอย๊างเลย อีเลยกินเป็น ไม่อย่างน้านนาไปอยู่ที่ไหนก็ลำบ๊าก ถ้าเลือกกิน อานิคว่าจริงไหม”อาอี๊ขายผมซะงั้น
“ครับ เต้าหู้นี่ก็ดีต่อสุขภาพด้วยนะครับ” พี่นิคไหลไปตามน้ำ
ระหว่างทานข้าวอาอี๊คุยกับพี่นิคถูกคอกันมาก จนเหมือนผมอยู่คนละวงเลย จนทานเสร็จป้าต้อยกับแก้วก็มาเก็บจานจะไปล้าง ผมก็ช่วยเก็บ เดินตามเข้าไปในครัวปล่อยให้พี่นิคคุยกับอาอี๊ไปอย่างถูกอกถูกใจ
“เฮียเอๆ พี่คนนั้นใช่ดีเจนิค คลื่น103 ใช่เปล่า”แก้วถามขึ้นระหว่างล้างจาน
“ใช่ ทำไมเหรอ”ผมถามพร้อมวางจานที่เก็บมาลงให้แก้วล้าง
“กรี๊ดใช่จริงๆด้วย เห็นไหมแม่ แก้วจำเสียงได้”แก้วพูดพร้อมหันหน้ามาทางป้าต้อย
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณเอ พอทั้งกันแม่ทั้งลูก เขาสงสัยว่าเพื่อนคุณเอใช่ ดีเจอะไรนั่นหรือเปล่า”ลุงชัยตอบ
“แหมพ่อเอ็ง ก็เคยฟังแต่เสียงเขานี่นา วันนี้ได้เห็นตัวเป็นๆ มันก็ตื่นเต้นซิ”ป้าต้อยท้วง
“ใช่ๆแม่ เสียงที่ว่าดูหล่อมีเสน่ห์แล้ว ตัวจริงยิ่งว่าอีก ดูซิคุยกับอาเนี๊ยะออกรสออกชาติ อาเนี๊ยะดูมีความสุขมากเลย ระวังน้า.....เฮียเอ เดี๋ยวตกกระป๋องไม่รู้ด้วย เจอดีเจสุดหล่อพูดเก่งมาแย่งซีน”แก้วพูด
“แก้วนี่ก็พูดไปเรื่อย”ป้าต้อยเตือน ผมหัวเราะ
“เฮียเอๆ ขอลายเซ็นให้แก้วหน่อยดิ่ ขอพี่เขาถ่ายรูปด้วยได้ม้า จะเอาไปอวดเพื่อนที่โรงเรียน”แก้วพูดต่อ
“โอ๊ย ยายแก้ว เลอะเทอะใหญ่แล้วเรา คุณเออย่าไปฟังมันนะคะ”ป้าต้อยบอก
“หรือแม่ไม่อยากได้”แก้วย้อน
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวบอกให้”ผมพูดแล้วยิ้มๆ
“งั้นขอเพื่อป้าด้วยนะคะ จะเอาไปให้แม่ค้าที่ตลาดดู”ป้าแก้วบอก
“พอกันทั้งแม่ทั้งลูก”ลุงชัยพูดพร้อมส่ายหัว ผมเดินออกมาเห็นอาอี๊กับพี่นิคย้ายไปนั่งที่โซฟารับแขกหน้าบ้านก็เดินตามไปนั่ง
“อาราย อานิค ลื้อจะกลับได้ยางงาย ดึกมากเหลี้ยว ขับรถขับลา กลางค่ำกลางคืนมันอันตะร๊าย”อาอี๊บอกเมื่อเห็นพี่นิคทำท่าเหมือนจะขอตัวกลับ
“คือ....ผม”พี่นิคกำลังหาเหตุผล พร้อมหันหน้ามาทาง ผมส่งสายตาแบบว่าช่วยพูดที
“อี๊ พี่เขามีธุระต้องทำน่ะ”ผมช่วยหาเหตุผลให้
“ธุระอารายดึกดื่นป่านนี้ อีจะไปหาจาโบ้ละซิ ง้านอี๊ไม่ขัดแหล้ว อี๊เข้าใจ”อาอี๊พูดพร้อมหัวเราะ
“จาโบ้ มันคืออะไรอ่ะ”พี่นิคกระซิบถามผม
“จาโบ้ ก็ ผู้หญิง ไงพี่”ผมบอก
“ไม่ครับอาอี๊ ผมยังไม่มีแฟนครับ” พี่นิคบอกอาอี๊อย่างร้อนรน
“ม่ายมีแฟน ด้ายยางงาย ออกจะหล่อแถมนิสัยดีขนาดนี้ ใครม่ายร้ากก็ตาถั่วแหล้ว อาเอของอี๊อีกคน หน้าตาก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ม่ายเห็นเคยพาว่าที่หลานสะใภ้มาแนะนำบ้างเลย ไม่เหมือนอาเอ็กซ์ อีพามาจนแม่เลือกไม่ถูกว่าเอาใครดี 555”อาอี๊ขายผมกับไอ้เอ็กซ์เพื่อนผมที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน
“งั้นผมค้าง ก็ได้ครับ พรุ่งนี้จะได้ออกไปเอาคอมค่อยกลับเข้ามอ”พี่นิคบอก
“ดีแล้วๆ ว่าแต่ไม่มีจาโบ้คอยแน่นะ เดี๋ยวอีจาโบ้ขัดใจ จะมาว่าอี๊ม่ายด้ายนะ5555”
“ไม่มีจริงครับ ไม่มีจริง”พี่นิครีบปฏิเสธ
“งั้นเดี๋ยวไปนอนบ้านอาเออีแล้วกันนะ อี๊จะให้อาต้อยกับอาแก้วอีไปจัดห้องให้”
“ไม่ต้องรบกวนขนาดนั้นก็ได้ครับ ที่ไหนผมก็นอนได้ครับ แค่ไม่มียุงก็พอ ผมแพ้ยุงครับ”
พี่นิคบอก
“ไม่ต้องเกรงจายๆ เดี๋ยวให้อาต้อยอีจัดการให้ อาต้อย อาต้อย อาแก้ว”อาอี๊เรียก
“สงสัยไปนอนแล้วมั้ง เห็นไฟในครัวปิดแล้วนิ่”ผมบอก
“ม่ายเป็นรายๆ เดี๋ยวโทรไปตาม”อาอี๊บอกพร้อมเดินไปจะโทรศัพท์
“งั้นผมไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมกลับเข้ามอดีกว่า”พี่นิคออกอาการเกรงใจ
“ไอ้หยา ลือจะกลับด้ายยางงาย”
“เอางี้ ให้พี่เขานอนห้องเอก็ได้ คืนเดียวเอง”ผมรีบตัดปัญหาทุกอย่าง
“จะด้ายยางงาย ห้องนอนของคายของมันซิ”
“ไม่เป็นไรครับ ได้ครับ ผมนอนได้ครับ”พี่นิครีบบอกอาอี๊ก่อนที่จะโทรศัพท์
“เอาๆ ตามจายลื้อสองคนแล้วกัน งั้นไปนอนได้แหล้ว ดึกมากแหล้ว”อาอี๊บอก
ผมกับพี่นิคเดินจากบ้านของอาอี๊ออกมาไปถึงนาทีก็ถึงบ้านผม
“อาอี๊ของเอนี่ น่ารักดีเน๊อะ คุยเก่งดี”พี่นิคชวนคุย
“แกคงเหงานะ พอเห็นมีเหยื่อใหม่ๆมาก็หวานปากเลย”ผมตอบ
“อาอี๊คงรวยมาซินะ อยู่กันไม่กี่คน สร้างบ้านหลายหลังเลย”
“ที่จริงก็มีแค่หลังที่อาอี๊อยู่กับหลังของลุงชัยนั่นแหละ หลังนี้เพิ่งสร้างตอนที่เอจะมาอยู่ขอนแก่นเอง เพิ่งสร้างได้ 6-7 ปีเองมั้ง”
“อาอี๊คงรักเอมากซินะ”
“ก็คงแบบนั้น อี๊แกไม่ลูกน่ะ ตอนแรกที่แกสร้างบ้าน แกบอกว่าสร้างเอาไว้หลายๆชั้น หลายๆห้องเอาไว้เพื่อลูก เพื่อหลาน พูดไปแล้วน่าสงสารเน๊อะ เข้าบ้านดีกว่า”ผมเปิดประตู
บ้านที่ผมอยู่มีสามห้องนอน ห้องนอนผมอยู่ข้างบน อีกสองห้องนานๆทีจะมีญาติมาพักได้แต่ปิดทิ้งเอาไว้ หรือบางวันผมอารมณ์ดีๆก็ย้ายมานอนห้องอื่นบ้าง
“ห้องผมรกหน่อยนะ”ผมบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย ภายในห้องผมมีคอมชุดใหญ่ที่มีสารพัดสายโยงเข้า โยงออกดูวุ่นไปหมด
“พี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน ชุดนอนผมพี่คงใส่ได้มั้ง”ผมพูดพร้อมหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วชุดนอนของผมให้พี่แก
ผมเดินไปเปิดแอร์แล้วนั่งลงที่หน้าคอมเปิดเครื่องขึ้นพร้อมเล่นเกมอย่างเมามันส์
“เล่นเกมเป็นเด็กๆไปได้” พี่นิคนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมทักผมก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นชุดนอนของผม
“ถ้าพี่ง่วง นอนก่อนเลยก็ได้นะ ผมเล่นอีกเดี๋ยว”ผมตอบโดยไม่ละสายาจากเกม
“ไม่ต้องเลย ไปอาบน้ำ แล้วเข้านอนเดี๋ยวนี้ แล้วชุดนอนทำไมมันดูคุณหนูอย่างนี้”ผมนิคบอก
ผมหันไปมองพี่นิค “คุณหนูตรงไหน ชุดนอนเขาก็อย่างนี้กันทั้งนั้นแหละพี่”
“ก็ปกติอยู่หอ พี่ใส่แต่บ๊อกเซ่อร์นอนนี่หว่า”พี่นิคบอกแล้วเดินไปทิ้งตัวลงที่นอน “นุ่มจัง เตียงอย่างนี้ได้นอนกับแฟนคงดีซินะ”
“คิดอะไรพี่ ทะลึ่งแล้ว”ผมบอก
“เรานั่นแหละคิดอะไร ทะลึ่ง เป็นเด็กเป็นเล็ก”พี่นิคตอบกลับพร้อมไปคว้าเอาหมอนข้างไปกอด
“พี่หมอนข้างผม เอาคืนมาเลย”ผมลุกออกจากหน้าคอมไปแย่งเอาหมอนข้างคืนมา
“เราติดหมอนข้างเหรอ 5555 ทำไม ไม่หาจาโบ้มากอดล่ะ”พี่นิคแซว
“พูดอะไรก็ไม่รู้ ไปอาบน้ำดีกว่า”ผมเดินไปห้องน้ำ
“เดี๋ยว พรุ่งนี้ไปเอาคอมด้วยกันนะ หวังว่ารถคงไม่เสีย หรือไปเจอไอ้เด็กนั่นอีก”พี่นิคชวน
ผมพยักหน้ารับ แล้วทำให้ผมคิดถึงภูขึ้นมาทันทีกับคำว่าไอ้เด็กนั่น จะกลับเข้าบ้านหรือยังนะ แล้วภูมันเป็นอะไรของมันการกระทำที่มันแสดงออกบนห้องนอนของมันกับคำพูดแปลกๆของมัน ให้ตายซิผมไม่เข้าใจเลย
ผมอาบน้ำไปคิดไป ทำไมน้า เวลาที่เราได้อยู่กันสองต่อสองกับใคร ความรู้สึกมันถึงไม่เหมือนกัน อย่างเวลาเราอยู่สองต่อสองกับหนึ่ง หรือกับบอย หรือกับไอ้เอ็กซ์ ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็เพียงเพื่อนกัน กับภูเวลาอยู่ต่อสองเหมือนเรามีน้องเพิ่มขึ้นมาอีกคน กับพี่หมอทีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองถึงแม้ความรู้สึกมันยังไม่ชัดเจนแต่เราก็ว่าน่าจะเป็นเหมือนพี่ชาย แต่กับพี่นิคทำไมเราให้ความรู้สึกตรงนี้ออกมาไม่ได้นะ มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่
ผมอาบน้ำเสร็จเดินออกมาเห็นพี่นิคหลับไปแล้ว ผมแอบไปดึงหมอนข้างกลับมากอดแล้วเข้านอน
........................................................................
“ซี๊ด..........อ้าส์...........เบาซิ.........เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”
“เอ ........อ่า.....เอ ....ไม่ไหวแล้วครับ........อ้าส์..........”ผมปล่อยนมข้นออกจากเจ้าเอน้อย ทำให้มือของอีกฝ่ายเลอะเทอะ
“เลอะหมดเลย ไปล้างมือก่อนนะ”
“เดี๋ยวๆ ผมยังไม่รู้จักคุณเลย เดี๋ยวๆ ๆ”ผมเรียกแล้วรีบเอามือคว้าแขนของคนที่ทำให้ผมขึ้นสวรรค์เมื่อครู่ เขาหันหน้ามา เป็นหน้าพี่นิค สลับเป็นหน้าพี่หมอที สลับเป็นหน้าเจ้าภู “อะไรกัน ไม่.....”
ผมสะดุ้งตื่น ฝันอะไรบ้าๆว่ะ แต่เอ๊ะ ทำไมที่เป้ามันเปียกๆหว่า ผมหันไปมองที่ข้างเตียงพี่นิคไม่อยู่แล้ว หันไปมองนาฬิกาจะเก้าโมงแล้ว
“อ้าวตื่นแล้วเหรอ กำลังจะมาตามให้ไปทานข้าว อาอี๊คอยตั้งนานแล้ว”พี่นิคเปิดประตูเข้ามา
“เพิ่งตื่น พี่ตื่นนานหรือยัง”ผมตอบพร้อมเอาผ้าห่มมาปิดที่เป้าตัวเองไว้กลัวพี่นิคเห็น
“ก็ตื่นเพราะเสียงนายนอนละเมออะไรก็ไม่รู้ เลยอาบน้ำแล้วไปนั่งดูทีวีเป็นเพื่อนอาอี๊”พี่นิคตอบ
“เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้วผมตามไป พี่ลงไปก่อนเลย”ผมบอก พี่นิคปิดประตู ผมค่อยๆเอาผ้าออกแล้วมองที่เป้าตัวเองพร้อมนึกถึงความฝัน (สงสัยก่อนนอนเราคงคิดเรื่องพี่นิค พี่หมอทีและเจ้าภูมาก ถึงกับทำเอาฝันเปียกเลยเหรอว่ะ แล้วเราละเมออะไรพี่เขาถึงตื่นว่ะ หวังว่าคงไม่ใช่เสียงซี้ดส์...อ้าส์........หรอกนะ น่าอายชะมัดเลย)
วันนั้นผมกับพี่นิคออกไปเอาคอม กลับมาที่บ้านอาอี๊อีกทีเกือบเย็น อาอี๊พยายามให้พี่นิคค้างต่ออีกคืน แต่วันนี้วันเสาร์พี่นิคติดจัดรายการ พออาอี๊รู้ว่าพี่นิคเป็นดีเจก็คะยั้นคะยอให้ผมเอากล้องมาถ่ายรูปคู่เอาไว้ซะงั้น สรุปว่าวันนั้นทุกคนในบ้านได้ถ่ายรูปคู่กับพี่นิคหมดเลยพร้อมได้ลายเซ็นต์เป็นของแถมอีก (เฮ่อ..........อาอี๊เราก็เป็นไปกับเขาด้วยนะ)
+++ จบบทที่ห้า (ภาคจบ) +++
*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
- แม่ก็มีลูกกับเขาคนเดียว ก็อดห่วงมันไม่ได้
- เวลาที่เราได้อยู่กันสองต่อสองกับใคร ความรู้สึกมันถึงไม่เหมือนกัน
p.s. ช่วงนี้อาจจะมาลงช้าหน่อยนะครับ อาการเก่ากำเริบเวลานั่งหน้าคอมนาน (ปวดตา)
แต่จะพยายามมาลงให้ทุกวันให้ได้ครับ
- เห็นหลายเม้นท์เชียร์พี่หมอที ผมมานั่งคิดๆดูชีวิตจริงเป็นพี่นิค แต่ในนิยายเปลี่ยนก็ได้นี่นา
ลองจัดทำโพลโหวตดีไหมครับว่าจะเลือกใครระหว่างพี่นิค พี่หมอที หรือไม่ได้ใครเลย (แต่ผมยังมีตัวเลือกมาให้อีกนะครับ ไว้ใกล้จบๆมาโหวตกัน ในคนอ่านมีส่วนร่วมในตอนจบ)