My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา ( Chapter - 54 / บทส่งท้าย )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา ( Chapter - 54 / บทส่งท้าย )  (อ่าน 148555 ครั้ง)

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เข้าใจความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงนะ
เป็นพี่กิจคงคิดหนักเหมือนกัน
แต่เจ้าของแมวมา (เจ้าของจริงใช่ไหม)
ก็ต้องทำใจแหละ

จากตอนแรกถึงตอนนี้มันก็เกิดหลายเหตุการณ์
ยิ่งเหตุการณ์อุบัติเหตุนั่นอีก
แถมอยู่ด้วยกันอีก มันย่อมเกิดความผูกพันมากๆ เนอะ

ออฟไลน์ Nick_June

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บางครั้งก็เกียจความงี่เง่าของนายเอกมาก

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 31




กิจ ‘s  Part




ผ่านไปไม่กี่วันก็ถึงปลายสัปดาห์ครับ  กันต์มันเองก็ดูปกติในมุมมองของคนทั่วไปที่มองมา  เพราะมันพยายามทำตัวให้เป็นแบบนั้น  แต่ผมรู้ดีครับ  ว่าลึกๆ แล้วมันมีอะไรอยู่ในใจตอนนี้  ซึ่งมันเองก็ยังไม่ยอมบอกผมอยู่ดี  ไม่ว่าผมจะถามมันยังไงก็ตาม  ก็คงได้แต่รอให้เจ้าตัวสบายใจขึ้นและมาเล่าให้ฟังเองนั่นแหละครับ

จนกระทั่งวันนี้ที่มันเล่นกับไอ้ไทเกอร์นานเป็นพิเศษ  จนเผลอหลับไปที่โซฟา  ซึ่งผมก็ต้องปลุกมันให้เข้าไปนอนในห้องพร้อมกับไอ้ไทเกอร์



....


เช้าวันต่อมา

“ พี่กิจ...  เดี๋ยวสายๆ ช่วยไปส่งผมหน่อยนะ “

“ จะไปไหนอะ “ 

ผมทำหน้างงๆ ถามขึ้น  ขณะที่กำลังซิทอัพอยู่ในตอนเช้า

“ เอาไอ้ไทเกอร์ไปคืนเจ้าของมันน่ะ “

ผมอึ้งไปเล็กน้อยพร้อมกับหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่  คือไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกจากปากของมัน  แต่ดูจากสีหน้าที่กำลังพยายามฝืนยิ้มเล็กๆ ส่งมาให้ กลับทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบเข้ามาที่หัวใจ  และไม่กล้าจะซักไซ้อะไรไปมากกว่านี้


……..


ผมยืนมองกันต์มันเก็บของทุกอย่างที่มันสรรหามาให้ไอ้ไทเกอร์อยู่อย่างเงียบๆ ในห้อง

มันเป็นความเงียบที่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด  แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ 

ไทเกอร์เดินเข้ามามองดูกันต์มันพร้อมกับทำหน้าสงสัย  กันต์มันเองก็ได้แต่เอามือไปลูบหัวมัน  ซึ่งมันก็เข้ามาคลอเคลียเหมือนเช่นทุกที  ถึงจุดนี้กันต์มันก็เริ่มจะตาแดงๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว  ก่อนที่มันจะอดกลั้นอะไรไว้ไม่ไหว  ผมเลยอาสาเข้าไปเก็บของให้มันแทน  มันเลยอุ้มไทเกอร์เอาไว้และบอกให้ผมเก็บนู้นเก็บนี่ด้วยน้ำเสียงเครือๆ 

กันต์มันยังคงไม่ร้องไห้ออกมานะครับ  แต่ก็คงจะพยายามกลั้นเอาไว้อย่างถึงที่สุดนั่นแหละ


……..


ระหว่างที่นั่งรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอพักของไอ้น้องเคแถวหลังมอ  จู่ๆ มันก็พูดขึ้นมาครับ

“ ผมคงไม่คืนให้มันหรอก  ถ้าไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้น “ 

กันต์ที่นั่งอยู่โดยมีไอ้ไทเกอร์นอนอยู่บนตักพูดขึ้นมาเสียงอ่อย

“ พี่รู้มั้ย...  ว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งไอ้ไทเกอร์มันหรอกนะ  แถมมันยังตามหามาโดยตลอด... “ 

มันเริ่มเล่ามา  ซึ่งผมก็ได้แต่นั่งเงียบฟังอย่างตั้งใจ  ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ผมเองก็รู้มาอยู่ก่อนแล้ว

“ มันเล่าให้ผมฟังว่า  มันคบกับแฟนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มอปลายจนเข้ามหาลัยฯ มาที่เดียวกัน  แล้วมันก็ไปเจอไอ้ไทเกอร์หลงทางมา  ตอนย้ายมาอยู่หอใหม่กับแฟน  มันก็เลยเก็บมาเลี้ยง  แต่ไม่นานหลังจากนั้น...  แฟนมันที่คบด้วยกันมา 3 ปี  ก็ไปเจอกับรุ่นพี่วิศวะที่พักอยู่ห้องข้างๆ กัน...  ไม่นาน...ไอ้เคมันก็โดนบอกเลิก  แถมแฟนมันก็แอบขนข้าวขนของย้ายออกไปอยู่กับรุ่นพี่วิศวะที่หออื่น  และยังหอบเอาไอ้เทเกอร์ที่มันรักไปด้วย  แต่กลายเป็นว่า  รุ่นพี่วิศวะคนนั้นไม่ชอบไอ้ไทเกอร์  ก็เลยไม่ให้เลี้ยง  ครั้นจะเอามาคืนไอ้เค  แฟนมันก็ไม่กล้าจะสู้หน้า  ก็เลยเอาไปปล่อย  พอไอ้เคมันรู้เท่านั้นแหละว่าแมวที่มันรักโดนเอาไปปล่อย  มันก็เลยคลั่งขึ้นมา  จนไปมีเรื่องกับรุ่นพี่วิศวะคนนั้น  แต่แฟนเก่ามันกลับตบหน้าและต่อว่าไอ้เคซะอย่างนั้น...  ทั้งๆ ที่ต้นเหตุมาจากเขาแท้ๆ  ไอ้เคมันก็เลยฝังใจกับคำว่าวิศวะ  ที่มาแย่งเอาสิ่งที่มันรักไปทั้งสองอย่างแบบนี้...  จากวันนั้นมา..  มันก็เที่ยวตามหาแมวของมันมาโดยตลอด...  จนรู้ว่ากันต์เก็บมาเลี้ยง  มันก็เลยมาขอคืน... “

ผมฟังมันเล่าไปเรื่อยๆ ขณะที่รถกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากแยกไฟแดง

“ ได้ยินแบบนี้แล้ว...กันต์เลยคิดว่า  ถึงกันต์จะเสียใจที่เสียไทเกอร์ไป  แต่มันคงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกของไอ้เคมัน...  กันต์ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวอะพี่...  กันต์เลยขอเวลามันจนถึงวันเสาร์...  แล้วจะเอาไอ้ไทเกอร์ไปคืน... “

ผมหันมามองยังคนข้างๆ  ที่ตอนนี้นัยน์ตาแดงระเรื่อ  เห็นแล้วก็อดรู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่ได้ครับ 

......

“ ผมทำถูกแล้วใช่มั้ยครับ “

“ อื้ม...  เก่งที่สุดเลยล่ะ... “

…..

ผมหันมามองมันอีกที  เห็นมันกำลังฝืนยิ้มเล็กๆ ส่งมาให้  และยังคงกลั้นน้ำตาเอาไว้อยู่เหมือนเดิม  ก่อนจะก้มหน้าและเอามือลูบหัวไอ้ไทเกอร์มันป้อยๆ

“ อีกอย่าง...  ไอ้ไทเกอร์มันก็คงอยากจะกลับไปอยู่กับเจ้าของเก่าของมันด้วยแหละครับ...  ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ...  เพราะถ้าเป็นผม...  ถ้าวันนึงผมหลงทาง  ถึงแม้ว่าจะเจอที่อยู่ใหม่ที่ดีกว่าแค่ไหน  แต่ถ้าพ่อกับแม่มาตามหาจนเจอ  ผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะกลับบ้าน.. “

ก็จริงอย่างที่กันต์มันว่ามานะครับ...


……


ผมขับรถเข้ามายังอพาร์ทเม้นต์ที่กันต์มันบอกแถวๆ หลังมอ  ก็เห็นไอ้น้องเคมันลงมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
 
ผมหอบเอาของมากมายที่กันต์มันขนมาตามสองคนนั้นขึ้นไปบนห้อง  กันต์มันยังคงไม่ยอมปล่อยไอ้ไทเกอร์ที่อยู่ในอ้อมกอดคืนไปให้เจ้าของเก่าของมัน 

จนกระทั่งเข้ามาภายในห้องแล้ว  กันต์มันถึงยอมปล่อยให้ไอ้ไทเกอร์มันลงมาบนพื้น  โดยมีไอ้เคนั่งยองๆ  ห่างออกไปไม่ไกลมาก  พร้อมทั้งกำลังเรียกมันอยู่เนืองๆ

ไทเกอร์หันซ้ายหันขวามองไปมาระหว่างกันต์กับไอ้น้องเคอยู่ครู่หนึ่ง  ไม่นานมันก็เลือกเดินเข้าไปหาไอ้น้องเค  ซึ่งสีหน้ากันต์มันดูจะผิดหวังอยู่เล็กน้อย  แต่ผมคิดว่ากันต์มันคงทำใจมาบ้างแล้วส่วนหนึ่ง  ถึงได้เลือกตัดสินใจแบบนี้

เพียงแต่...  เห็นสีหน้ากันต์มันตอนนี้แล้ว  ผมกลับรู้สึกปวดใจขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้น

“ นี่อาหารแมว  กระบะทราย  เบาะนอน  แต่มันก็ไม่ค่อยชอบนอนหรอก...  กูเลยเอาหมอนนี่มาให้  เพราะมันชอบนอนบนหมอนนี่มากกว่า “

ผมฟังกันต์มันพูดพลางส่งของไปให้กับไอ้น้องเคทีละชิ้นๆ  พร้อมกับอดสงสารมันไปด้วยไม่ได้ครับ  เพราะตอนนี้มันกำลังพยายามอดกลั้นความอ่อนแอของตัวเองเอาไว้อย่างถึงที่สุด

“ อีกอย่างที่สำคัญ... “

กันต์มันพูดขึ้น  เมื่อยื่นของชิ้นสุดท้ายส่งให้ไป 

“ ดูแลมันดีๆ ด้วยล่ะ  แล้วถ้าทำมันหายอีกหรือเลี้ยงมันไม่ดีล่ะก็...  กูเอามึงตายแน่  แล้วคราวนี้กูจะไม่คืนมาให้มึงอีก “

แม้ว่าน้ำเสียงมันจะดูเข้มแข็งแค่ไหนในตอนนี้  ทว่านัยน์ตามันกลับสั่นระเรื่อ  ในขณะที่ไอ้น้องเคมันก็ดูจะมีท่าทีที่อ่อนลงมากกว่าแต่ก่อน  พร้อมทั้งผงกหัวรับป้อยๆ  ก่อนจะเอ่ยขอบคุณกลับมาให้นับครั้งไม่ถ้วน  จนกระทั่งพวกเราเดินจากไป

กันต์มันไม่พูดอะไรอีกเลย...  จนกระทั่งพวกเรากลับกันมาถึงที่คอนโด  ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง


……..


“ ก๊อกๆๆ “


นานกว่าชั่วโมงที่ผมตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องกันต์มันครับ  แต่ก็ไร้การตอบรับใดๆ กลับมา  ผมยืนรออยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปเอง 

คือ...  อดห่วงมันไม่ได้หรอกครับ....

ภายในห้องเงียบสนิท  กันต์มันคงหลับไปแล้ว  ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ มันที่ข้างเตียง  มองใบหน้ามันแล้วก็พอรู้ได้ครับว่ามันคงร้องไห้แล้วหลับไป

เห็นมันแบบนี้แล้ว...  โครตบีบหัวใจผมเลย...  ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะครับ....

“ กันต์...  กันต์... “

ผมเรียกมันเบาๆ พลางใช้ปลายนิ้วละผมที่ปกหน้าผากมันอยู่

ไม่นานมันก็งัวเงียปรือตาขึ้นมามองผม  ก่อนเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่ามีอะไร

“ ไปเที่ยวกัน... “

พูดจบมันก็มองผมด้วยสีหน้าลังเลอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะตอบตกลงผมมา


...........................


ผมขับบิ๊กไบต์คันเดิมที่ซ่อมเสร็จแล้วมายังหน้าคอนโด  ซึ่งกันต์มันกำลังยืนทำหน้าหงอยๆ รออยู่ 

เมื่อผมหยุดรถลงตรงหน้า  มันก็มองผมราวกับจะถามว่าทำไมผมถึงใช้บิ๊กไบต์แทนที่จะเป็นรถยนต์เหมือนเช่นทุกที  คือหลังจากอุติเหตุคราวนั้น  ผมก็ไม่เคยขับมันอีกเลย...  เพียงเพราะกลัวว่ามอเตอร์ไซต์มันจะไม่ปลอดภัยสำหรับกันต์มันก็เท่านั้นเอง 

แต่ในวันนี้  ผมอยากให้กันต์มันรู้สึกดีและสบายใจขึ้น  เหมือนกับเวลาที่ผมได้ขี่มอเตอร์ไซต์และปล่อยให้สายลมได้เข้ามาปะทะกับร่างกาย

“ ไว้ใจพี่มั้ย ? “ 

ผมไม่ตอบคำถามจากสีหน้านั้น  แต่กลับยิงคำถามกลับไปแทน  คำถามที่ผมเองก็คาดเดาคำตอบจากคนตรงหน้านี้ไม่ได้  เพียงเพราะกลัวว่ากันต์มันจะยังคงกลัวและฝังใจกับอุบัติเหตุครั้งนั้นอยู่  และไม่เชื่อมั่นในตัวผมอีก 

แต่สุดท้ายกันต์มันก็ยิ้มรับและพยักหน้าตอบกลับมา  ซึ่งแค่นี้เองก็ทำให้หัวใจผมพองโตและเหมือนยกภูเขาออกจากอกไปแทบจะในทันที

จากนั้นผมก็ยื่นหมวกกันน็อคที่ตั้งใจซื้อมาให้มันโดยเฉพาะ  พอมันรับมาก็เอ่ยถามขึ้นทันทีว่าเราจะไปที่ไหนกัน 

“ ขึ้นมาเหอะน่า “

ผมไม่ตอบอะไร  แค่ยิ้มบอกไปเท่านั้น  ซึ่งมันเองก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อเหมือนกัน  และยอมขึ้นรถมาแต่โดยดี


..........................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
ผมขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังพัทยาครับ  ความเร็วไม่มากเหมือนเช่นทุกทีที่ผมขับรถในระยะไกล 

ตอนนี้กันต์มันกำลังซบหน้าลงบนแผ่นหลังของผมครับ  เราเงียบกันไปตลอดทาง  จนกระทั่งผมขับรถเข้ามาจอดยังร้านอาหารติดชายทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งในช่วงเย็น

“ มาตั้งไกล  เพื่อจะมากินข้าวเนี่ยนะ “  กันต์มันถามขึ้นมาครับ

“ อืม...  อร่อยนะ  บรรยากาศก็ดีด้วย “ 

ผมยิ้มบอกไป  ก่อนจะเดินนำเข้าไปยังภายในร้าน 

ผมเลือกนั่งด้านนอกติดชายหาด  ซึ่งเก้าอี้ที่นั่งจะเป็นเก้าอี้ชายหาด  สามารถเอนหลังลงไปนอนได้ 

บรรยากาศตอนนี้ก็เริ่มสลัวๆ ลงแล้ว  ผมกับกันต์นั่งมองออกไปยังทะเลกว้างใหญ่เบื้องหน้า  ระหว่างที่รออาหารที่สั่งกันอยู่
ผมก็แค่หวังว่าทะเลและบรรยากาศดีๆ แบบนี้  จะช่วยให้มันสบายใจขึ้นได้บ้างก็เท่านั้นเอง...  ซึ่งผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครมาก่อนเลยนะครับ


………


“ สบายใจขึ้นมั้ย... “

ผ่านไปสักพักใหญ่ผมก็เอ่ยถามขึ้น  เพื่อทำลายความเงียบในตอนนี้

“ ก็...  ดีขึ้นละครับ  ขอบคุณนะพี่กิจ...ที่พาผมมาแบบนี้ “

“ อืม... “

…..

“ เวลาที่ผมไม่สบายใจ  ผมก็ชอบมานั่งมองทะเลแบบนี้แหละครับ  ตอนที่อยู่ที่บ้านเก่า  มองมันไปเรื่อยๆ  สักพักก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง “ 

เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้มาก่อนเลยนะครับ  ความบังเอิญล้วนๆ

“ ที่บ้านเก่าเรานี่อยู่ติดทะเลเลยเหรอ “

“ ครับพี่  มีชิงช้าเล็กๆ ให้นั่งมองทะเลด้วยนะ  ผมอะชอบไปนั่งเล่นอยู่เป็นประจำเลย “

“ จะว่าไป..  กันต์ไม่เห็นจะผิวคล้ำเลยนี่  อยู่กระบี่น่าจะผิวคล้ำนะ “ 

ผมถามต่ออย่างอยากรู้ครับ  เพราะเอาเข้าจริงผิวมันขาวเนียนมาก  ผิวดีกว่าผู้หญิงหลายๆ คนเลยด้วยซ้ำ

“ ก็ไม่ค่อยได้ตากแดดนี่  อีกอย่าง... พ่อกับแม่ก็ไม่ได้เป็นคนใต้ด้วยอะพี่ แต่เพราะพ่อต้องย้ายไปทำงานที่นั่น  ผมก็เลยได้ไปโตที่นั่นอะ “ 

ผมพยักหน้าเข้าใจตาม  ถึงว่า...ทำไมผิวขาวจัง

“ แล้วนี่...  ยังอยากเลี้ยงแมวอยู่มั้ย “

ผมถามขึ้น  บางทีผมคงจะตัดใจยอมให้มันเลี้ยงได้แล้วละครับ  รู้สึกว่าอะไรที่ทำให้มันมีความสุขได้  ผมก็อยากจะทำให้มัน  ก็เท่านั้นเอง

“ ก็อยากเลี้ยงนะพี่  แต่ไม่เอาจะดีกว่า... “

“ ทำไมอะ  ก่อนหน้านี้เห็นขอพี่แทบตายเลยไม่ใช่เหรอ “

“ มันก็ใช่..  แต่ผมกลัวว่าจะเอาความรู้สึกไปผูกพันกับอะไรอีก  แล้ววันนึง... ถ้าผมสูญเสียมันไปอีก...  ผมคงจะรู้สึกแย่เอามากๆ เลยอะพี่  มันแย่ยิ่งกว่าการที่ต้องอยู่ตามลำพังซะอีก “

ได้ยินกันต์มันพูดมาแบบนี้แล้ว  ผมก็เข้าใจมันเลยครับ  เพราะไม่ใช่แค่ไทเกอร์...  แต่มันที่พึ่งสูญเสียคนที่รักไปและต้องอยู่คนเดียวตามลำพังแบบนี้  มันคงจะรู้สึกแย่เอามากๆ  ถ้ายังจะต้องรู้สึกอะไรแบบนั้นอีก

“ ว่าแต่...  ทำไมจู่ๆ พี่ถึงยอมให้เลี้ยงได้ล่ะ “

“ ก็..  ไม่อยากเห็นเด็กขี้แยแถวนี้งอแงอีกอะ “

พูดจบมันก็ยู่หน้าใส่ผมก่อนจะเอากำปั้นมาทุบที่ต้นขาของผมเบาๆ

“ โอ้ย..  เจ็บนะ “

“ ใครขี้แย  ไม่มีสักหน่อย “

“ เหรอ... “

“ ก็ใช่อะดิ “

“ หึๆ “

“ ขำอะไรพี่กิจ “

“ เปล๊า.. “

แค่เห็นมันเริ่มยิ้มได้  ผมก็รู้สึกดีแล้วล่ะครับ

ผมสั่งอาหารทะเลมาเยอะแยะเลย  เรียกได้ว่าเต็มโต๊ะจนกินกันไม่หมดแน่ๆ  แต่แค่ได้เห็นท่าทางเอร็ดอร่อยและดูมีความสุขกับการกินของมัน  แค่นี้มันก็คุ้มค่ามากแล้วล่ะครับ

“ พี่กิจมากินที่นี่บ่อยมั้ยอะ “ 

กันต์มันถามขึ้นหลังจากที่อาหารบนโต๊ะพร่องไปกว่าครึ่งแล้ว  ซึ่งพวกเราเองก็กำลังจะเริ่มอิ่มกัน  ในขณะที่ท้องฟ้าตอนนี้ก็มืดลงแล้ว  จะมีก็เพียงแค่แสงไฟจากเทียนในครอบแก้วบนโต๊ะเท่านั้นที่ให้ความสว่างกับพวกเราในตอนนี้

“ ไม่ค่อยนะ “

“ แล้ว...  พี่พาใครมาบ่อยมั้ย “

ผมละสายตาจากทะเลสีดำตรงหน้ามองมายังคนถามที่ต้องกับแสงเทียนสลัว  จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นแปลกๆขึ้นมากับใบหน้าของกันต์มันตอนนี้เสียอย่างนั้น

“ กะก็...  เราคนแรกอะ “
 
ผมตอบไปตามจริงครับ  เพราะจะว่าไป..  ผมก็ไม่เคยเอาใจใครขนาดที่ขับรถพามาปลอบใจไกลถึงทะเลแบบนี้เลยนะครับ

กันต์มันเหมือนจะอึ้งๆ ไปเล็กน้อย  ก่อนจะอมยิ้มเล็กๆ แล้วหันไปมองทะเลของมันต่อ  ผมเองก็เช่นกัน.. 

จากนั้นเราก็พูดคุยอะไรกันไปเรื่อย  ซึ่งบ่อยครั้งที่มันทำให้ผมยิ้มและหัวเราะออกมาได้  ทั้งๆ ที่บุคลิกส่วนตัวผมค่อนข้างจะเฉยชาออกขนาดนี้  แต่ก็แปลกที่เวลาอยู่กับมัน  ผมกลับเริ่มเปลี่ยนตัวเองไปได้ทีละน้อยๆ เสียอย่างนั้น 



................



“ วันนี้อยากนอนนี่มั้ย  หรือจะกลับไปนอนที่คอนโด “

ผมถามขึ้นขณะที่กำลังเดินออกมาจากร้านอาหาร  ซึ่งตอนนี้ก็กว่า 2 ทุ่มแล้ว

“ กลับดีกว่าพี่  ผมไม่ได้เตรียมชุดมาเปลี่ยนด้วยอะ  จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย “

ผมพยักหน้ารับ  ก่อนจะเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลมาก

“ พี่กิจๆ “

“ หือ “

“ อยากลองขี่บ้างอะพี่ “

ผมทำหน้าไม่ค่อยไว้ใจ  แต่มันก็ทำหน้าเป็นลูกหมาอ้อนผมไม่เลิก

“ ขี่เป็นเหรอเราอะ “

“ ก็น่าจะได้นะพี่  แต่ไม่เคยขี่คันใหญ่ขนาดนี้ “

ซวยแล้วไง  แล้วแบบนี้จะรอดกันมั้ยเนี่ย

“ น้า....  น้าคร้าบ...พี่กิจ “

น้ำเสียงและสายตาแบบนี้อีกแล้ว  หนักใจเลยผม  เพราะปกติถึงแม้ว่าจะขับได้  แต่รถคันนี้ผมหวงมากครับ  ไม่เคยให้ใครขี่เลยแม้แต่คนเดียว

แต่...
 
เห้อ....

“ ก็ได้...  แต่ถ้าจะออกถนนใหญ่  พี่ต้องขี่เองนะ “

“ ได้ๆ  แค่นี่ก็พอแล้ว “

จากนั้นมันก็ยิ้มร่า  ท่าทางตื่นเต้นดีใจอย่างกับเด็กน้อยได้ขนมขึ้นมาทันที

ผมส่งกุญแจรถให้ไป  มันก็รับไปก่อนจะขึ้นคร่อม  แถมดูเหมือนจะประคองรถไม่ค่อยอยู่อีกด้วย  งานนี้จะไปกันรอดมั้ยเนี่ย  หวังว่าผมคงจะไม่ต้องส่งรถเข้าอู่อีกรอบนะครับ

“ จับดีๆ นะพี่  เดี๋ยวผมจะซิ่งละ...  โอ้ย!!! “

มันพูดจบ  ผมก็ตบหัวมันทันทีครับ  คือผมยังไม่อยากไปนอนโรงพยาบาลอีกรอบนะ

“ ค่อยๆ ขี่ก็พอ  ทำเป็นซ่านะ  เดี๋ยวก็ไม่ให้ขี่ซะหรอก “

“ คร้าบๆ “

แล้วมันก็บ่นอุบอิบๆ  อะไรไม่รู้  ก่อนจะค่อยๆ ออกตัวไป  ผมจับที่หัวไหล่มันครับ  มันขับแบบตระกุกตระกักจนผมเริ่มหวั่นๆ ขึ้นมา  เลยบอกให้มันจอดรถ

จากนั้นผมก็ขยับตัวเข้าไปชิดมัน  ก่อนจะคร่อมลงไปจับที่แฮนด์  คล้ายกับสอนเด็กขี่จักรยานอย่างไงอย่างนั้น  คือให้ไอ้เด็กน้อยในวงแขนผมมันบิดอย่างเดียวพอ  ที่เหลือผมจัดการเอง  ดีที่ตัวมันเล็กกว่าผม  เลยทำแบบนี้ได้  ซึ่งมันก็ดูจะชอบมากเลยนะครับ  หัวเราะร่าราวกับเด็กๆ เลย  และไม่รู้ว่าตอนไหนที่ผมเอาคางไปเกยที่ไหล่มันไว้อยู่อย่างนั้น  รู้สึกได้ถึงกลิ่นกายผสมน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวมันจางๆ 

บอกตรงๆ เลยครับว่า...  ผมโครตชอบความรู้สึกในตอนนี้เอามากๆ เลยครับ

นี่ผมบ้าไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย....


……


พอออกมาถนนใหญ่ก็เปลี่ยนมาเป็นผมที่ขับแทนครับ  เพราะมันค่อนข้างอันตราย 

“ กอดพี่แน่นๆ นะ “

มันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น  จากนั้นเราก็เริ่มมุ่งหน้ากลับสู่กรุงเทพฯ กันครับ....


..........................


กว่าจะมาถึงห้องก็เลยเที่ยงคืนไปแล้วครับ  กันต์มันหลับซบหลังผมมาตลอดทางเลย  ดีที่ผมให้มันกอดเอวผมเอาไว้แน่นๆ  เลยไม่เป็นอันตรายอะไร

“ ไม่อาบน้ำแน่ๆ ทรงนี้ “ 

ผมพูดขึ้นขณะเดินออกมาจากลิฟท์มุ่งหน้าตรงไปยังห้อง  เพราะดูจากท่าทางงัวเงียของมันในตอนนี้แล้ว....  ชัวร์!

“ ไว้รวบยอดพรุ่งนี้เลยละกัน “

“ ซกมก “

“ ก็เรื่องของผมดิ  พี่ไม่ได้นอนกับผมสักหน่อย “

“ ถึงได้บอกไงว่าซกมก “

พูดจบมันก็พ่นลมออกจมูก  ก่อนจะเดินเข้าห้องไป


..............................


จากนั้นอีก 20 นาที  ผมก็เปิดประตูห้องมันเข้าไปครับ 

แม่งไม่อาบน้ำจริงๆ ด้วย  และดูจากสภาพแล้ว  แค่เปลี่ยนเสื้อแล้วนอนทันทีเลย

ผมแทรกตัวเข้าไปนอนข้างๆ มัน  ซึ่งมันก็งัวเงียปรือตาตื่นขึ้นมามองครับ

“ อะไรอะพี่กิจ “

“ คืนนี้จะนอนเป็นเพื่อน  แทนไอ้ไทเกอร์มัน “

“ เป็นแมวรึไง... “

“ เรามากกว่ามั้ง  น้ำก็ไม่อาบ  ซกมกเอ้ย.. “

“ ก็บอกแล้วไง...  ว่าจะรวบยอดเอาพรุ่งนี้ “

“ อืม... รู้แล้ว  ง่วงก็นอนได้แล้วเราอะ “

จากนั้นมันก็ขยับตัวหันหลังให้ผม  ก่อนจะหลับไปแทบจะในทันที   ผมยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของมันในความมืด  และก่อนที่ผมจะผล็อยหลับไป...  ผมก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปกระชับคนข้างๆ ไว้เหมือนเช่นทุกที

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมชอบทำแบบนี้กับมัน...

แต่ถ้าไม่ทำ.... 

มันรู้สึกเหมือนว่าขาดอะไรไปบางอย่าง... 

และ...  ผมคงจะนอนไม่หลับแน่ๆ



TBC.

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เคคงเลี้ยงเกอร์ได้ดีเหมือนเดิมนะ สงสารกันต์แฮะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เค้ารักพี่กิจจังเลยยย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 32



กันต์'s  Part



“ ทางนี้เว้ย..  ไอ้กันต์!! “

เสียงไอ้เรย์ดังขึ้นมาให้ผมหันไปมอง  ก่อนจะเห็นมันยืนโบกมือไหวๆ เรียกผมอยู่กับไอ้เจมส์และไอ้แน๊คที่หน้าหอประชุม

เสาร์นี้คณะเรามีรับน้องที่ต่างจังหวัดกันครับ  แต่เฉพาะภาควิชาอุตสาหการนะครับ  ส่วนภาควิชาอื่นก็จะขึ้นอยู่กับรุ่นพี่ในภาคอีกทีว่าจะจัดกันเมื่อไหร่  ซึ่งภาคผมปีนี้เราไปทะเลกันครับ  งานนี้ไม่รู้ว่าจะถูกพี่ๆ เขาแกล้งอะไรกันบ้าง  แต่ท่าทางน่าจะสนุกนะครับผมว่า

ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  พวกผมต่างก็ลุ้นอยู่กับคะแนนมิดเทอมของหลายๆ รายวิชาที่ทยอยแจ้งกันมาบ้างแล้ว  โดยเฉพาะผม...  ที่ต้องรายงานผลคะแนนให้คุณชายท่านฟังอยู่ตลอดว่าคะแนนเป็นยังไงบ้าง  ถ้าไม่ดีมีหวังโดนเจื๋อน... 

แต่โชคดีที่ผมเก่งครับ...  เกินมีนทุกวิชาเลย  อิอิ

ช่วงนี้ที่ชมรมแบดมินตันก็ปกติดีครับ  หลังจากที่ผมคืนไอ้ไทเกอร์ให้ไอ้เคไป  ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ดูจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว  แถมบางวันมันยังเอาไอ้ไทเกอร์ ( ซึ่งชื่อเดิมมันคือไอ้เสือ ) มาเยี่ยมผมบ้างในบางวัน


“ มากับพี่กิจยังจะสายอีกนะมึงอะ “
 
ไอ้เรย์มันแดกดันผมขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้ามาถึงครับ  จริงๆ ก็จะไม่สายขนาดนี้หรอกครับ  ถ้าผมไม่ลืมจัดกระเป๋าตั้งแต่เมื่อคืนนี้  คือตั้งใจจะจัดนั่นแหละครับ  แต่นอนเล่นโทรศัพท์ไปๆ มาๆ  ดันหลับซะงั้น  ตื่นมาก็เลยโดนบ่นใหญ่เลย  ฐานที่ทำให้ออกห้องมาช้าแบบนี้

“ สายอะไร  ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย “

“ อีก 5 นาทีเนี่ยนะ “

“ ก็นั่นแหละ “  ขอแถสักหน่อยครับ

“ แล้วนี่มึงเอาอะไรมาบ้างเนี่ย “  มันถามต่อ

“ ก็ปกติ  มัน..ต้องมีอะไรพิเศษรึไงวะ “

“ ก็...  คือกูไม่ได้เอาพวกยาสีฟัน  สบู่  แชมพูมาเลยอะ...  กูขอยืมใช้กับมึงหน่อยละกันนะ “

“ ตลอดอะมึง “
 
แล้วมันก็ยิ้มหน้าเป็นส่งมาให้เหมือนเช่นทุกที  คือไอ้เรย์เนี่ย  เวลาเข้าค่ายทีไร  ไม่ว่าจะที่ไหน  มันไม่เคยเอาของใช้พวกนั้นมาเลยครับ  ยืมผมใช้ตลอดอะ  จนผมละชินกับมันไปแล้ว

ปี 1 ภาควิชาเราก็มีกันอยู่แค่ 48 คนครับ  ซึ่งก็ขึ้นรถบัสคันเดียวกันทั้งหมดเลย  โดยมีพี่ปี 2 กลุ่มหนึ่งขึ้นมาคุมด้วย  พร้อมทั้งเอนเตอร์เทรนพวกเราตลอดเส้นทางจนถึงที่หมายเลย  เรียกได้ว่าไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว  ครึกครื้นกันทั้งรถ



..................................



เกือบๆ เที่ยง  พวกเราก็เดินทางมาถึงสถานที่ครับ  ก่อนจะทยอยลงรถกันไปทีละคน  ซึ่งหน้าประตูรถก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงสองคนถือกระป๋องอยู่  พี่ๆ เขาบอกให้เราหยิบเอากระดาษในกระป๋องขึ้นมาคนละ 1 อัน  ซึ่งผมได้เลข 4  ไอ้เรย์ได้เลข 6 ไอ้เจมส์ได้เลข 1 ได้แน๊ค ได้เลข 2  ครับ

ถึงจุดนี้ผมก็คิดว่าพี่ๆ เขาคงจะจัดกลุ่มพวกเราแน่ๆ  และก็จริงตามนั้นครับ  เมื่อพี่ๆ เขาเรียกเราไปนั่งรวมกลุ่มกันก่อนจะเริ่มอธิบายถึงระเบียบการอยู่ค่าย  และปิดท้ายด้วยการแบ่งกลุ่มสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ครับ  โดยแบ่งเป็นกลุ่มละ 6 คน  ซึ่งทีแรกพวกผมก็คิดว่า  พวกเราน่าจะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันซะแล้ว  แต่กลายเป็นว่าพี่ๆ เขาให้ในแต่ละกลุ่มต้องมีสมาชิกที่มีหมายเลขไม่ซ้ำกันตั้งแต่ 1 ถึง 6  นั่นก็เลยทำให้พวกเรา 4 คนได้อยู่กลุ่มเดียวกันทั้งหมดไปโดยปริยาย  แต่ก็ยังต้องหาสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน  คือคนที่ได้หมายเลข 3 และ 5 ซึ่งก็ไม่ยากครับ  สุดท้ายเราก็ได้สาวอีก 2 คนเพิ่มเข้ามาจนครบทีม

แต่ที่น่าดีใจที่สุดก็คือ  กลุ่มที่หาสมาชิกได้ครบกลุ่มสุดท้ายนั้นต้องถูกทำโทษด้วยการถูกพวกพี่ๆ เขาใช้สีละเลงหน้า  เพื่อประเดิมกิจกรรมเข้าค่ายรับน้องทันทีครับ  ซึ่งกลุ่มพวกผมก็รอดตัวกันไป ( แต่ก็ไม่รู้จะรอดไปได้นานแค่ไหนกันนะครับ )
จากนั้นพี่ๆ เขาก็ให้พวกเราเอาของเข้าไปเก็บที่ห้องพัก  ซึ่งพักกันห้องละ 4 คนครับ  ก่อนจะมาแจกข้าวกล่อง  แล้วให้พวกเราพักผ่อนกันตามอัธยาศัยจนถึงบ่าย 2 ครับ

“ ไงมึง  ตกลงตัดสินใจว่าไงวะ  นั่งมองพี่เขาอยู่แบบนี้  คงช่วยอะไรได้หรอก “

ไอ้เรย์มันกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผมครับ  ขณะที่พวกเราจับกลุ่มกินข้าวกันอยู่ 4 คน  ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมหาด 

มันคงจะเห็นผมแอบมองพี่กิจที่นั่งอยู่ไกลๆ กับกลุ่มพี่เขาอยู่บ่อยๆ ล่ะมั้งครับ 

ส่วนเรื่องที่ว่าตัดสินใจอะไรนั้น ?  ก็คงต้องย้อนกลับไปเล่าเรื่องเมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้แล้วล่ะครับ




.....................................................




2 วันก่อนเข้าค่ายรับน้อง   


“ เป็นไรมึง  นั่งหน้าหงอยเป็นหมาเหงาเลยนะ “ 

ไอ้เรย์มันถามขึ้น  ก่อนจะเข้ามานั่งข้างๆ ผม  ซึ่งนั่งอยู่คนเดียวหลังห้องเพื่อรอเรียนในเช้านี้

วันนี้ผมมาเช้ามากครับ  เพราะพี่กิจรีบมาส่งงานที่คณะ  เลยเร่งให้ผมออกห้องเร็วกว่าปกติ  ซึ่งตอนนี้ก็มีคนเข้ามารออยู่ในห้องยังไม่ถึง 10 คนเลยครับ

“ เปล่า... “ 

ผมตอบไปอย่างเซ็งๆ กับความรู้สึกสับสนในตอนนี้  ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกครับ 

ก็..  เรื่องที่ว่า... ผมรู้สึกยังไงกับพี่กิจในตอนนี้

ผมไม่รู้เลยครับ  ว่าไปรู้สึกกับพี่เขาตั้งแต่ตอนไหน  ทั้งๆ ที่เจอกันครั้งแรกก็ไม่ชอบพี่เขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแท้ๆ  แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นว่ารู้สึกดีกับพี่เขาไปเสียอย่างนั้น  ทั้งเวลาที่ได้อยู่กับพี่เขา  ได้ใกล้ชิดกัน  ได้สัมผัส..  และทุกอย่างที่เป็นพี่เขา  มันทำให้ผมรู้สึกดีและใจเต้นแปลกๆ ทุกครั้งไป...

ผมที่ก่อนหน้านี้เป็นอ่อนต่อโลกและไม่เคยชอบใครมาก่อน  ไม่รู้เลยครับว่าความรักมันเป็นยังไง  จนกระทั่งได้มาเจอกับพี่กิจเนี่ยแหละ  ที่ทำให้ผมเริ่มพอจะเข้าใจประสบการณ์ใหม่เหล่านี้  และถึงแม้ว่าจะไม่มีใครบอก...  แต่หัวใจผมก็รู้ได้ว่าสิ่งนี้มันคือความรัก…

จากที่เคยปฏิเสธมาโดยตลอด  ว่าไม่มีทางเป็นไปได้  ที่ผมจะมาชอบผู้ชายด้วยกันเองแบบนี้ 

แต่ตอนนี้...  ผมคงต้องยอมรับหัวใจตัวเองแล้วละครับ 

เพราะผม....  หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นแล้วจริงๆ

เมื่อคิดอย่างนี้ได้  ผมก็เลยมานั่งกลุ้มอยู่ตอนนี้  ว่าควรจะจัดการกับหัวใจตัวเองยังไงดี

“ เปล่าเชี่ยไร  กูเห็นมึงหงอยมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์แล้วนะเว้ย..  เป็นไร...  คิดถึงแมวเหรอวะ “

“ เปล่า... “

“ ถ้าไม่ใช่...  นั้นก็มีเรื่องเดียวที่จะทำให้มึงเป็นแบบนี้ได้ “

มันเงียบไปเล็กน้อย  เพื่อรอดูท่าทีของผม  แต่ถึงกระนั้น  ผมก็ยังไม่มีท่าทีที่อยากจะรู้สิ่งที่มันจะพูดต่อแต่อย่างใด  ผมยังคงนั่งเท้าคางเบื่อๆ อยู่เหมือนเดิม

“ เรื่องพี่กิจใช่มั้ย... “

ได้ยินอย่างนี้  ผมก็ถึงกลับละมือออกมาจากคางหันไปมองมันทันที  แสนรู้จริงๆ  ไอ้เพื่อนคนนี้

“ นั่นไง  กูว่าละ...  คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ  ทะเลาะกันอีกเหรอวะ “

“ เปล่า.... “

“ ถ้าไม่ทะเลาะนั้นก็...  เห้ย!  หรือว่า...  พี่กิจปล้ำมึงแล้ววะ “

“ สัด!!  เบาๆ  ปล้ำเปิ้มอะไรเล่า  พี่เขาไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นหรอก “

“ นั้นแล้วเรื่องอะไรวะ “

“ ไม่รู้เว้ย!! “

ก็ผมไม่รู้จริงๆ นี่ครับ  จะให้ตอบมันไปยังไงดีล่ะ 

ทั้งๆ ที่ตอนนี้พี่เขาก็ดีกับผมมากขนาดนี้แล้วแท้ๆ  แต่ทำไมผมถึงยังต้องมานั่งเซ็งแบบนี้อยู่อีก

“ แต่น้ำเสียงและอาการมึงตอนนี้มันบอกว่าไม่ใช่นะ “

แล้วมันก็ทำสายตาจับผิดมองมาครับ

 “ นี่...  มึงคุยกับกูได้ทุกเรื่องนะ  จำไม่ได้เหรอวะ “

ก็จริงนะครับที่ผมคุยกับมันได้ทุกเรื่อง... 

หรือบางที...  การมีมันช่วยคิดเรื่องนี้ด้วย...  ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้นะครับ 

“ มึงว่า...  การที่เราดันไปรู้สึกดีกับผู้ชายคนนึง.. มันผิดมากมั้ยวะ “

ผมอ้อมแอ้มถามไป  มันเองก็ทำหน้านิ่งๆ ฟังอยู่  ก่อนที่จะถามผมมาต่อ

“ อะไรที่มึงคิดว่าผิดวะ “

“ ก็หลายๆ อย่างอะ...  ความถูกต้อง  คนรอบข้าง  ครอบครัว  และอนาคต  ทุกอย่าง... มันดูเป็นปัญหาไปทั้งหมดอะ “

ผมพูดจบ  จู่ๆ มันก็ตีหัวเบาผมเบาๆ ขึ้นมาทีนึงอย่างไม่รู้สาเหตุครับ

“ ตีกูไมเนี่ย “

“ ก็เรียกสติมึงไง  นี่มึงคิดมากเกินไปรึป่าววะ  มึงมัวแต่คิดถึงในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น  จนมึงไม่กล้าจะลองทำมันเลยเนี่ยนะ “

“ ก็กูกลัวนี่หว่า “

“ กลัวแล้วมึงต้องเดินหนีความจริงเลยเหรอวะ...  แทนที่มึงจะมัวมาหลอกตัวเองเพื่อไม่ให้เจอกับปัญหาเหล่านั้น  สู้มึงเผชิญหน้ากับมันแล้วหาทางแก้ไขไม่ดีกว่าเหรอ  ใครจะรู้..สุดท้ายมันอาจจะออกมาดีก็ได้  สมัยนี้แล้วนะเว้ย  เขาเปิดกว้างกันแล้ว “

“ แล้วถ้ามันออกมาไม่ดีล่ะ “

“ แล้วมึงมีอะไรจะต้องเสียวะ  อย่างมากก็แค่เสียใจ  แต่โอกาสในชีวิตมันไม่ได้มีมาให้บ่อยๆ นะเว้ย  ถ้ามึงไม่ลอง..  วันนึงมึงอาจจะเสียใจมากกว่าก็ได้ “

ก็จริงอย่างที่มันพูดนะครับ...

“ แต่ไม่ว่าจะยังไง  กูก็อยู่ข้างมึงเสมอนะ “
 
มันพูดจบก็เอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ ครับ

“ ขอบใจนะ “

“ ว่าแต่...  พี่กิจใช่มั้ยวะ “

มันยิ้มถามมาครับ  ผมเลยถอนหายใจเล็กๆ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ

“ นั่นไงกูว่าละ  วันนึงมึงต้องสปาร์คกันแน่ๆ  แต่กรณีนี้...  กูว่ามึงมีโอกาสสูง  เชื่อกูดิ “

“ โอกาสสูง ?  ทำไงวะ “

“ ก็กูว่าพี่กิจเองก็ชอบมึงเหมือนกัน  กูดูออก “

“ ไม่มั้ง...  พี่เขาเป็นเสือผู้หญิงมาก่อนนะเว้ย  จู่ๆ จะหันมาชอบผู้ชายได้ไง “

“ แต่มึงอะน่ารัก...  ขนาดที่ดึงดูดผู้ชายด้วยกันได้นะเว้ย  ดูอย่างไอ้ธันกับพี่พีดิวะ  ยังมาชอบมึงเลย “

“ มึงนี่ก็ลากคนอื่นมาเกี่ยวตลอดอะ  สองคนนั้นจะมาชอบกูได้ไง  บ้าป่าว... “

“ พี่พีกูยังไม่คอนเฟิร์ม  แต่ไอ้ธันอะชัวร์  เพราะกูคุยกับแพรมาแล้ว  แพรบอกเองเลยนะว่า... ไอ้ธันมันขอให้แพรมาช่วยจีบมึงให้อะ “

เห้ย!!  จริงเหรอเนี่ย...  หล่อๆ เพอร์เฟคอย่างไอ้ธันเนี่ยนะจะมาชอบผม  แถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกันแบบนี้ด้วย  ถ้ามันไม่บอกว่าแพรบอกมานะ  ผมไม่มีทางเชื่อมันหรอกครับ

“ จริงดิ  แล้วนี่กูควรจะทำไงดีวะ  โอ้ย...!! กลุ้มโว้ย!! “

“ ที่มึงควรกลุ้มคือเรื่องพี่กิจ  ไม่ใช่เรื่องไอ้ธัน “

ก็จริงของมันครับ

“ กูว่ามึงลองบอกชอบพี่เขาไปตรงๆ เลยดีมั้ย “

มันพูดจบ  ผมก็หันขวับไปมองมันตาโตทันที  คือจะให้ผมไปบอกพี่เขาตรงๆได้ยังไงกันละครับ 

ใครจะกล้า... 

ยิ่งถ้าพี่เขาไม่ชอบผม  แล้วปฏิเสธขึ้นมาล่ะ... 

แต่นั่นก็ยังไม่เท่าไหร่... 

ผมกลัวพี่เขาจะเกลียดผมไปเลยมากกว่า...
 
ไม่สิๆ  อาจจะแย่กว่านั้นอีก  คือไล่ผมออกจากห้องไปเลยก็ได้ 

หรือว่า...  อาจจะแย่กว่านั้นไปอีก... 

โอ้ย!!!  ใครจะกล้าล่ะครับเนี่ย

“ เหวอทำไม...  กูพูดจริงนะ “ 

มันยังคงยืนกรานในความคิดของมันครับ

“ กูไม่กล้า...  มึงไม่รู้หรอก...  เวลาที่พี่กิจโมโห  แม่งน่ากลัวชิบหาย “

“ แล้วถ้าพี่เขาชอบมึงตอบล่ะ  มึงจะไม่รู้สึกดีเอามากๆ เลยเหรอวะ  มึงไม่อยากลองเสี่ยงดูบ้างเหรอ “

เสี่ยงเหรอ...  แต่นี่มันเป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสสำเร็จน้อยมากเลยนะครับ  จะถึง 1% รึเปล่าก็ยังไม่รู้  คือถ้าสำเร็จคงต้องเรียกว่าปาฏิหาริย์แล้วล่ะครับ

“ ถ้ามึงไม่เสี่ยง  มึงก็จะไม่ได้พี่เขา 100% เลยนะเว้ย  แต่ถ้ามึงลองเสี่ยงดู  โอกาสที่จะไม่ได้พี่เขา  มันก็จะไม่ใช่ 100% ละ  เห็นมั้ย...  เทคนิคการลดความเป็นไปได้ในเชิงวิศวกรรมของกู “

วิศวกรรมพ่องมึงดิคิดแบบนี้.... 

แต่ว่าก็จริงของมันนะครับ  ถ้าผมไม่เสี่ยง...  ผมก็จะไม่ได้พี่เขา 100% แน่นอน

หรือบางที... 

ผมอาจจะลองเสี่ยงดูสักครั้งในชีวิตกันนะ....




.........................................




กลับมาปัจจุบัน....


“ มึงไม่ลองใช้โอกาสมาทะเลแบบนี้บอกพี่เขาไปละวะ  บรรยากาศดีๆ แบบนี้  พี่เขาตอบตกลงมึงแน่ๆ  เชื่อกู... “

มันกระซิบว่ามาต่อ  แต่ผมก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อหนังหน้ามันสักเท่าไหร่หรอกครับ 

คือนี่มันไม่ใช่สาวๆ นะ  แต่เป็นผู้ชายเหมือนกัน  มันคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ

ผมมองไปยังพี่กิจอีกครั้ง  พี่เขากำลังยิ้มและหัวเราะพูดคุยอยู่กับเพื่อนๆ  เห็นแล้วก็เพลินตาดีนะครับ 

คนอะไร...  ดูดีเป็นบ้าเลย 

“ แนะ...  มองพี่เขาอีกแล้วนะมึง “

ไอ้นี่ก็แม่ง...  จับผิดผมจัง 

“ มองบ้าอะไร  กูก็มองวิวไปเรื่อยนั่นแหละ “

“ เร้อ... “ 

แล้วมันก็ทำเสียงสูงเหมือนไม่เชื่อครับ

“ แดกข้าวไปต่อเลยมึง  ไม่กินเดี๋ยวกูกินของมึงนะ “
   
ว่าแล้วผมก็จิ้มเอาไข่ดาวในกล่องข้าวมันมา  ก่อนที่มันจะโวยวายและแย่งกลับคืนไป



..............................................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
ช่วงบ่าย

ตอนนี้พี่ๆ เขาให้เราแยกกันไปตามกลุ่ม  สำหรับกิจกรรมเข้าฐานในช่วงบ่ายนี้ครับ  ซึ่งจะมีรุ่นพี่ปี 2 กลุ่มละ 2 คนเป็นพี่เลี้ยงคอยพาเราเดินไปตามฐานต่างๆ ครับ  และกลุ่มผมก็ได้พี่เอ็กซ์ กับ พี่ซี เป็นพี่ประจำกลุ่ม

ฐานของกิจกรรมในช่วงบ่ายนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 ฐาน  ซึ่งในแต่ละฐานก็จะมีปี 1 สองทีมเข้ามาเจอกัน  เพื่อทำการแข่งขันกัน 
ซึ่งฐานแรกที่พวกผมเจอก็ง่ายๆ ครับ  เป็นการส่งลูกปิงปองลงตะกร้า  ทีมไหนทำได้มากที่สุดก็ชนะไป 

แต่ความพิเศษของมันคือวิธีการส่งเนี่ยแหละครับ  คือเราจะต้องจับฉลากกันว่าแต่ละทีมจะได้ใช้อวัยวะส่วนไหนในการส่งลูกปิงปองไปยังตะกร้า

ซึ่งทีมผมก็คือจมูกครับ  ในขณะที่อีกทีมเป็นหน้าผาก  จากนั้นเราก็จับคู่ในทีมเพื่อช่วยกันประคองลูกปิงปองไปยังตะกร้าที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร

พอเริ่มจับเวลา  ผมกับไอ้เรย์ที่เป็นคู่แรกของทีมก็ค่อยๆ เริ่มออกตัวไปครับ  เราใช้จมูกของพวกเรากดลูกปิงปองไว้ตรงกลางก่อนจะค่อยๆ เดินออกไปจากจุดปล่อยอย่างช้าๆ  เพราะถ้าลูกปิงปองตกลงพื้นขึ้นมา  เราก็ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่กันทันที

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ  ถ้าไม่ระมัดระวังผมกับไอ้เรย์อาจจะพลาดไปจูบกันอย่างไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้  เพราะตอนนี้หน้าของพวกเราอยู่ใกล้กันจนแทบจะชิด  ห่างกันก็เพียงแค่ลูกปิงปองคั่นเอาไว้ก็เท่านั้นเอง 

แค่นึกว่าหากพลาดมาจูบกับไอ้เรย์จริงๆ แล้วละก็....

อึ๋ยยยยย!!!   ขนลุก!!!

กว่าผมกับไอ้เรย์จะส่งลูกปิงปองลงตระกร้าไปได้  ท่ามกลางเสียงเชียร์ให้ลูกปิงปองของทีมพวกผมตกลงพื้น  เพื่อที่พี่ๆ เขาจะได้เห็นผมกับไอ้เรย์... อึ๋ยยย  อีกทีมที่ได้ส่วนที่ง่ายกว่าก็ปาเข้าไป 3 ลูกแล้วละครับ  ซึ่งไม่ต้องคิดถึงผลแพ้ชนะเลยนะว่าจะเป็นไง...
 
หึๆๆ

ก็แพ้สิครับ...  ถามได้

ตอนนี้ผมกลายเป็นแมวจมูกแดงเดินออกมาจากฐานที่ 1 เพื่อมุ่งไปยังฐานที่ 2 แล้วละครับ 

ทำไมถึงเป็นแมว ?
 
ก็เพราะโดนเขียนแก้มกับจมูกมาน่ะสิครับ  พร้อมทั้งยังโดนมัดจุกบนหัวอีก  แต่ถึงกระนั้น  ก็ยังไม่เละเท่าไอ้เรย์มันหรอกครับ  ซึ่งจำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้เลย  จนเวลามันหันหน้ามาทีไร  พวกผมทั้งกลุ่มก็หัวเราะให้มันได้ทุกทีไป

ฐานที่ 2 เป็นเกมคาบเหรียญครับ 

คือจะให้ตัวแทนที่ถูกเลือกออกมานอนราบไปบนพื้น  พร้อมทั้งถอดเสื้อออก  และให้อีกคนปิดตา  จากนั้นพวกพี่ๆ ปี 4 ก็จะเอาเหรียญ 5 เหรียญมาวางไว้ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
 
ฐานนี้โชคดีหน่อยที่ตัวแทนกลุ่มผมเป็นไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คครับ  โดยที่ไอ้แน๊คเป็นคนนอน  ส่วนไอ้เจมส์เป็นคนปิดตาหาเหรียญ  ซึ่งตอนเล่นเกม  พวกผมก็ลุ้นและเสียวแทนไอ้แน๊คมันครับ  เพราะพี่เขาเอาเหรียญไปวางไว้ที่สะดือ  หัวนมทั้งสองข้าง  หน้าผากและก็ปากครับ  กว่าที่ไอ้เจมส์จะใช้ปากควานหาจนเจอเหรียญแต่ละเหรียญ  ก็ทำเอาไอ้แน๊คแทบจะดิ้นพล่านไปเลยทีเดียว  ส่วนพวกผมกับรุ่นพี่ที่คอยดูกันอยู่นั้นก็...  ฮากันท้องแข็งเลยละครับ

และฐานนี้...  พวกเราก็แพ้กันอีกตามเคย 

ตอนนี้  ทั้งหัวและหน้าของพวกเราก็ขาวไปด้วยแป้งกันหมดแล้วล่ะครับ

แต่เราไม่ยอมแพ้กันหรอก  ใครมันจะไปแพ้กันได้ทุกฐานละครับ  หึๆๆๆ  เกมต่อไปพวกเราจะต้องชนะ  ฮ่าๆๆๆๆ


และแล้ว....


ก็แพ้กันอีกตามเคย...

นี่มันอะไรกัน....  ศักยภาพทีมพวกเรา...  ทำไมมันอ่อนด้อยเช่นนี้เนี่ย....

พอออกมาจากฐานที่ 3 พี่ซีกับพี่เอ็กซ์ก็พาพวกเราไปยังฐานสุดท้าย  ซึ่งฐานนี้มีแก๊งของพวกพี่กิจเป็นหัวโจกอยู่ 

“ ฮ่าๆๆ....  น้องกันต์ของพวกพี่  ไปทำไรกันมาครับเนี่ย “
 
เสียงพี่คิมดังลั่นขึ้นมาทันทีที่กลุ่มของพวกผมเดินเข้ามาถึง

ผมมองไปยังพี่กิจที่ทำหน้ายิ้มขำผมอยู่เล็กๆ  เห็นแล้วก็อดหมันไส้ขึ้นมาไม่ได้ครับ

“ เอานะครับ  จริงๆ ทีแรก  พวกพี่ก็ตั้งใจจะให้แข่งเกมกันอยู่หรอก  แต่พอดีมันมีเรื่องขึ้นมานิดหน่อยอะ  พวกพี่เลยต้องมาขอความช่วยเหลือจากพวกน้องๆ แทน “

พี่คิมเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงงจริงจัง  เมื่อตอนนี้น้องๆ ทั้ง 2 กลุ่มมากันครบแล้ว

ผมมองไปรอบๆ บริเวณ  ภายใต้น้ำเสียงที่ดูจริงจังของพี่คิม  แต่ไหงพี่ๆ คนอื่นๆ ดูจะชิลกันมากเลยครับ  หนำซ้ำพี่ๆ บางคนยังแทบจะหลุดขำออกมาเสียอย่างนั้น

“ คือว่า  “

พี่คิมเริ่มทำหน้าเครียดพร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น

“ ก่อนที่กลุ่มของพวกน้องจะเดินทางมาถึงฐานนี้อะ  พอดีกลับที่มนุษย์ต่างดาวมันเอายานลงมาจอดตรงนี้พอดี “

มนุษย์ต่างดาวเนี่ยนะ....

“ มันบอกกับพวกพี่ว่า  มันจะมายึดครองโลกนี้ “

นี่...  พี่คิมพูดภาษามนุษย์ต่างดาวได้ด้วยเหรอ  ผมพึ่งจะรู้นะเนี่ย

“ พวกพี่ก็เลยต่อรองกับพวกมันไปว่า  ถ้าจะไม่ให้มันยึดครองโลกจะต้องทำยังไง  มันเลยให้ข้อเสนอมาว่า  ให้พวกเรารวบรวมเงินให้พวกมันให้ได้มากที่สุด  มันถึงจะยอมไม่ยึดครองโลกของเรา “

เอ่อ...  ช่างสมเหตุสมผลจริงๆ ครับพี่

“ แต่ว่า...  พี่ๆ คิดกันแล้วว่า  ถึงรวมเงินของพวกเราตอนนี้มาทั้งหมด  ก็คงจะไม่พอให้พวกมันแน่ๆ  พี่ก็เลยคิดว่า...  เราคงต้องมาระดมทุนกันแบบนี้ดีกว่า...  คือ...  เสื้อ...5000  กางเกง...10000  บ๊อกเซอร์....20000 กางเกงในชาย... 30000  ยกทรง... 50000  กางเกงในผู้หญิง 100000 “

พอมาถึงตรงนี้  พวกเราก็หน้าเหวอกันไปตามๆ กัน  หมายความว่ายังไงกันครับพี่

“ พี่จะให้พวกเราไปอยู่กันในทะเล  และพี่จะส่งสัญญาณให้พวกน้องๆ บริจาค 2 ครั้ง  โดยจะมีพี่ปี 2 ถือตะกร้าไปรับบริจาคจากพวกน้องๆ นะ  ใน 2 ครั้งถ้าทีมไหนทำยอดเงินได้มากที่สุดก็ชนะไป “

เกมอะไรเนี่ย  พิเรนสัดๆ เลยครับ  มันแปลว่าให้เราแข่งกันถอดเสื้อผ้าในทะเล  เพื่อทำแต้มให้มากที่สุดอะครับ

“ แต่พี่ขอเตือนไว้ก่อนนะครับ  ว่าทีมที่แพ้อะ  โดนหนักมาก...  เรื่องนี้จริง...  พี่รับประกันเลย “

ชิบหายละไง...แล้วจะทำไงเนี่ย
 
จากนั้นพวกผมก็ลงไปในทะเล  ยังจุดที่มีรุ่นพี่เขาประจำอยู่  ซึ่งตรงจุดนี้ระดับน้ำก็อยู่ที่ประมาณเอวของพวกผมเท่านั้นครับ  โดยแยกหญิงชายอยู่ห่างกันประมาณหนึ่งก่อนจะเริ่มการแข่ง 

เมื่อพี่คิมยกธงเริ่มต้นการบริจาคครั้งแรก  พี่ประจำตำแหน่งก็ถือตะกร้าเดินเข้ามาขอรับบริจาคจากพวกผม  ซึ่งเริ่มต้นพวกผมก็ถอดเสื้อและกางเกงส่งให้ไป  โดยกลุ่มเราจะไม่ให้ผู้หญิงถอดเลยแม้แต่ชิ้นเดียวครับ

“ รอบแรกนะครับ  กลุ่มสีชมพูได้ยอดเงิน 6 หมื่น  ส่วนสีเหลืองได้ยอดเงินรวม 9 หมื่น นะครับ “ 

พี่คิมพูดเสียงดังผ่านโทรโข่งมา  ในขณะที่บริเวณชายฝั่งก็มีเสียงโห่ร้องพร้อมทั้งยุให้พวกเราถอดกันมากกว่านี้อีก  โดยเฉพาะผม...

“ น้องกันต์ขาวจังเลยครับ  ถอดอีกนะครับ “

นี่ล่ะครับเสียงส่วนมากที่ดังมาจากฝั่ง  ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฐานนี้ถึงไม่มีพี่ผู้หญิงอยู่เลย  หนำซ้ำดูแล้วจะเป็นพวกสายเฮี้ยวกันทั้งนั้นด้วย  ที่แท้ก็เพราะมันพิเรนแบบนี้นี่เอง

ว่าแต่...   พี่กิจนี่ก็เป็นไปกับเขาด้วยนะเนี่ย

ว่าแล้วผมก็มองไปยังคนหล่อสุดในกลุ่ม  ที่นั่งอยู่กลางโต๊ะที่ริมชายหาดท่ามกลางบรรดาเหล่าเพื่อนฝูง

แต่พอมองไปที่พี่เขากลับผิดคลาดครับ  ไหงดูพี่เขาไม่สนุกเอาซะเลยล่ะ  ดูนิ่งๆ ออกจะเครียดๆ ด้วยซ้ำ  หวังว่าผมคงจะไม่ทำอะไรผิดไปอีกใช่มั้ยครับ

“ ต่อไปจะเป็นการบริจาคครั้งสุดท้ายนะครับ  พี่จะให้พวกน้องปรึกษากัน 3 นาที  ก่อนที่พี่จะยกธงนะคร้าบ “

เมื่อพี่คิมพูดจบ  พวกผมก็หันมาปรึกษากัน  แต่ที่แน่ๆ  คือทีมเราจะไม่ยอมให้ผู้หญิงต้องถอดอะไรแน่ๆ 

แต่ว่าจะทำยังไงดีละครับ  ถึงจะชนะได้  เพราะอีกทีมเป็นผู้ชายล้วนทั้ง 6 คนเลย  แค่ถอดบ๊อกเซอร์ออกมาก็ชนะพวกผมแล้ว

“ เอาไงวะ  หรือว่าจะยอมแพ้ “ 

ไอ้เจมส์ถามขึ้นมา

“ แต่แพ้นี่โดนหนักนะเว้ย  กลุ่มพี่กิจด้วย  มึงเชื่อกู  คำว่าหนักของพวกพี่เขานี่...  หนักจริงนะเว้ย...  กูอยู่ชมรมบาสเคยเจอมาแล้ว “

ไอ้เรย์ว่ามาต่อ  ซึ่งมันยิ่งมากดดันพวกเรามากขึ้นไปอีก

“ แต่เราจะให้หญิงกับเมย์ถอดไม่ได้นะเว้ย “ 

ผมยังคงย้ำความคิดเดิมของกลุ่มเราอยู่

“ แต่ถ้าอยากจะชนะ...  มันก็มีแค่ทางเดียวนะ  พวกมึงจะกล้ามั้ยล่ะ “ 

ไอ้แน๊คถามขึ้นถึงสิ่งที่เราเองก็พอจะรู้ๆ กันอยู่

ผมก้มลงมองดูน้ำทะเล  ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ใสมาก  แต่ถ้าอยู่ใกล้ๆ แบบนี้แล้ว  พวกเราก็คงมองเห็นอะไรของกันและกันแน่ๆ 
ถ้าเลือกที่จะทำสิ่งนั้นแล้ว....

“ โหวตมั้ย... “ 

ไอ้เจมส์เสนอครับ

“ โอเค “
 
ผมขานรับไป

“ นั้นกูคนแรกเลย...  กูยอมถอด  ผู้ชายเหมือนกันกลัวอะไร  อีกอย่าง...  อยู่โครตไกลจากฝั่ง  หรือตรงที่ผู้หญิงยืนอยู่  ก็ไม่มีทางเห็นอะไรอยู่แล้ว “

ไอ้เรย์ว่ามาคนแรกครับ

“ นั้นกูเอาด้วย “ 

ไอ้แน๊คสนับสนุนต่อ  ผมกับไอ้เจมส์เลยมองหน้ากัน  ก่อนจะพยักหน้าตามเล็กๆ 

เอาไงเอากันครับ ! 

ยังไงฐานสุดท้ายนี้...  ทีมผมจะต้องชนะ  และไม่มีทางถูกทำโทษเป็นอันขาด

พอเริ่มต้นบริจาค  พี่คิมก็ยกธงส่งสัญญาณมาให้พวกเราทันที 

ไอ้เรย์เป็นคนแรกเลยครับที่เริ่มถอดออกมา  พอพี่กรรมการเดินเข้ามาให้พวกเราใส่ของบริจาคลงไปในตะกร้าเท่านั้นแหละ  พี่เขาก็ส่งสัญญาณบอกไปยังพวกที่อยู่บนฝั่งประมาณว่า  กลุ่มนี้มันเอาจริง... ยอมถอดหมดเลยครับ  และนั่นก็สร้างเสียงฮือฮาขึ้นมาแทบจะในทันที

อายสุดๆ  เลยครับ...   เกมบ้าอะไรเนี่ย!!!   

ผมนี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเลย  เพราะมันต้องมีข่าวมาแน่นอนว่า  ฐานนี้พวกผมถอดกันหมดเลยแบบนี้

ช่างมัน...  หน้าด้านเข้าไว้ไอ้กันต์ !

และแล้วผลก็ออกมาครับ  และทีมที่ชนะก็คือ....


…..


ทีมสีเหลืองครับ….

 o22

 :serius2: :angry2: :z3:

ไอ้สาด!!!!!! 

แล้วนี่ที่พวกผมยอมลงทุนกันไป  มันเพื่ออะไรกันละคร้าบ !!!

คือในทีมนั้นมันมีอยู่ 2 คนที่ยอมถอดกางเกงในด้วย  เลยทำให้ชนะไปในที่สุด

เห้อ...  ไม่น่าเลยพวกผม...

แต่ว่า... 

ที่อนาถใจที่สุดคืออะไรรู้มั้ยครับ...?

ก็บทลงโทษนี่แหละ...

เพราะมันคือการให้พวกเราที่อยู่ในน้ำวิ่งไปเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่อยู่ในตะกร้าบนฝั่งมาใส่ครับ 

ถึงหาดบริเวณนี้จะเป็นจุดที่ปลอดผู้คนก็เถอะ...  แต่แค่คิดว่าต้องวิ่งขึ้นไปบนหาดเพื่อเอาเสื้อผ้าทั้งอย่างนี้  มันก็รับไม่ได้แล้วล่ะครับ

พี่ๆ เขาให้พวกผู้หญิงหันหลัง  และพวกคนอื่นๆ ด้วย  แต่มีข้อแม้ว่า...  พวกรุ่นพี่จะหันหลังให้แค่ 1 นาทีเท่านั้นครับ  ถ้าพวกผมยังแต่งตัวกันไม่เสร็จนี่ก็... 

แจ้งเกิดในวงการแน่นนอน....

พี่คิมเป่านกหวีดส่งสัญญาณให้พวกผมรีบวิ่งขึ้นมาเอาชุดบนฝั่ง
 
งานนี้พวกเราไม่สนแล้วละครับ  ช่างมัน....  เพื่อนกันทั้งนั้นและก็ผู้ชายเหมือนกันด้วย  เห็นกันบ้างจะเป็นอะไรไป  ว่าแล้วพวกเราก็รีบวิ่งขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล  โดยไม่ปิดบังอะไรกันเลย  เพื่อไปเอาเสื้อผ้าของตัวเอง 

งานนี้ของใครเป็นไง...เห็นกันหมดครับ...
 
ดีนะที่ผมควานหาและใส่บ๊อกเซอร์ได้ทัน  ก่อนที่พวกพี่ๆ เขาจะหันกลับมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องอย่างไม่พอใจทันทีที่เห็นว่าพวกเราตอนนี้ไม่มีใครโป้เลยสักคน

แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังอายอยู่ดีครับ


ไม่น่าเลยกู...  ฮือๆๆ



TBC.

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


555

กะแล้วว่าต้องแพ้  อิอิ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
5555 ใครน้อช่างกล้าถอด กกน.

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
แสนจะฮาเลยนะ :ling1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถอดหมดดดดดดดดด  :hao6:  :m24:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 33



กันต์'s  Part




สบายจังครับ  เวลามานั่งริมทะเลแบบนี้  ลมทะเลและแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น  มันทำให้ผมคิดถึงบ้านที่กระบี่อะครับ
 
ผมนั่งมองไปไกลๆ จนสุดขอบทะเลตามลำพัง  ในขณะที่พวกเพื่อนๆ ในกลุ่มกำลังสนุกอยู่กับการเตะบอลที่ชายหาดกับพวกรุ่นพี่ระหว่างรอมื้อค่ำกันอยู่
 
“ มานั่งทำไรคนเดียว  ไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆ ล่ะ “

น้ำเสียงเรียบๆ ที่คุ้นเคย  ดังขึ้นให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองยังร่างสูงที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ ผมในตอนนี้

“ ขี้เกียจอะพี่  ไม่อยากอาบน้ำอีกรอบด้วย “

ผมบอกไป  จากนั้นพี่กิจก็ร่นตัวลงนั่งข้างๆ ผมครับ

“ ฐานเมื่อกี้...  ทำไมถึงทำกันอย่างนั้น  บ้ารึป่าว “

“ ทำไรอะพี่ “ 

ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจครับ

“ ก็ที่ยอมถอดกันหมดไง  บ้าป่าว... “

“ ก็ผมอยากชนะนี่ “

“ แล้วมันคุ้มมั้ย “

“ ก็ใครมันจะไปคิดละว่า...  มันยังจะแพ้อีก... “

“ ไม่ได้หมายถึงว่าแพ้หรือชนะ  แต่หมายถึง... “

พี่กิจอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย  ในขณะที่ผมเองก็รอฟังต่อ

“ หมายถึงไรอะพี่ “

“ ก็...  ที่ให้คนอื่นเขาเห็นอะไรอย่างนั้นไง “

“ มันก็แค่เพื่อนๆ กันไม่กี่คนเองพี่....  ผู้ชายเหมือนกัน  ไม่เป็นไรหรอกมั้ง “

“ เป็นดิ! “

ผมมองหน้าพี่กิจอย่างไม่ค่อยเข้าใจในท่าทีและน้ำเสียงตอนนี้สักเท่าไหร่

“ กะ..ก็..  พี่ว่าไม่ดีก็คือไม่ดี  แล้วทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกล่ะ  อย่าให้ใครเห็นอะไรแบบนั้นอีก..  เข้าใจมั้ย! “

ผมที่ยังคงงงๆ เลยได้แต่พยักหน้าเล็กๆ ให้ไปเท่านั้น
 
เพียงแต่...  พอเห็นพี่เขาเสียงเข้มและมีท่าทีที่แปลกไป  มันก็อดคิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมาบ้างไม่ได้ว่า  พี่เขาเองก็แอบหวงผมอยู่เหมือนกัน  แต่มันก็คงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันไปตามประสาคนที่แอบชอบเขาละมั้งครับ

จากนั้นพี่กิจก็ลุกออกไป  ผมมองตามพี่เขาที่กำลังเดินเข้าไปเล่นบอลกับเพื่อนๆ ที่ชายหาด

วันนี้พี่กิจใส่เสื้อกล้ามสีขาว  มีเชิร์ตสีฟ้าอ่อนบางๆ คลุมทับไว้  และสวมกางเกงขาสั้นสีขาว  ดูหล่อเด่นสะดุดตากว่าใครๆ ทุกคนเลย  ซึ่งผมก็ได้แต่ทำตาละห้อยมองตามไปเท่านั้น  แล้วก็นั่งดูพี่เขาเล่นบอลอยู่กับเพื่อนๆ เพลินจนลืมดูเวลาเลย

นี่ผมท่าทางจะเป็นเอามากนะครับเนี่ย....



ค่ำนี้เขามีกิจกรรมต่ออีกเล็กน้อย  ก่อนจะให้พวกเราเตรียมตัวกลับเข้าที่พักกัน  ซึ่งจะมีของว่างให้ทานก่อนนอน  ผมเลยชงโกโก้ร้อนไปนั่งดื่มรับลมเย็นๆ ที่ริมชายหาด

ผมปล่อยให้ตัวเองอยู่ในห้วงแห่งความคิดเรื่องพี่กิจที่วกไปวนมาอยู่ได้ไม่นาน  ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็ร่นตัวลงมานั่งข้างๆ ผม

“ กินกาแฟไม่กลัวนอนไม่หลับเหรอครับพี่ “

ผมถามพี่พีขึ้น  เมื่อกลิ่นกาแฟจากแก้วพี่เขาโชยมาเตะจมูกผม

“ คืนนี้พี่ต้องอยู่เวรคอยดูน้องอะ  ว่าแต่เราเถอะ...  ออกมานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้ “

“ ลมมันเย็นดีอะพี่  เลยมานั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย “

“ แล้วเป็นไง  สนุกมั้ย....  มาเข้าค่ายรับน้อง “

“ ก็สนุกดีพี่  ได้มาพักผ่อนด้วย  ผมชอบทะเลอะครับ “

“ เห็นไอ้กิจบอกว่าเรามาจากใต้เหรอ “

“ ครับ..  ผมอยู่กระบี่อะ  แล้วพี่พีล่ะ “

ผมตอบเสร็จก็หันไปถามพี่เขากลับ  เพราะจำได้คร่าวๆ ว่าพี่พีเขามาจากใต้เหมือนกัน

“ พี่อยู่พังงาน่ะ  เคยไปมั้ย “

“ เคยนะพี่  แต่ไม่บ่อย  แค่ครั้งสองครั้งเอง “

“ ไว้วันหลังถ้ามีโอกาส  พี่จะพาไปเที่ยวนะ “

“ จริงนะพี่ “

ผมยิ้มถามไปด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น  เพราะที่พังงาก็สวยไม่แพ้กระบี่เลย  แถมตอนนั้นที่ไปผมก็ยังเด็กมาก  และยังเที่ยวไม่ค่อยจะทั่วเลย  ถ้ามีเจ้าถิ่นเป็นไกด์นำเที่ยวแบบนี้  มันคงจะสนุกน่าดูเลยนะครับ

“ จริงสิ..  อยากไปเมื่อไหร่บอกพี่ได้เลยนะ “ 

พี่พียิ้มใจดีบอกมาครับ 


“ อะแฮ้ม!! “


เสียงกระแอมที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง  ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ  พี่กิจนั่นเอง  พอผมกับพี่พีหันไปมอง  พี่เขาก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างผมแล้วในตอนนี้

“ กันต์!  ทำไมยังไม่ไปนอนอีก....  มึงก็ด้วยไอ้พี  เค้าให้มึงมาดูน้อง  ไม่ใช่ปล่อยให้น้องออกมาข้างนอกดึกๆ แบบนี้ “

“ มึงก็เข้มงวดเกินไปป่าววะ  นี่พึ่งจะแค่ 4 ทุ่มเอง  อีกอย่าง...  เขายังมีเวลาให้กินมื้อดึกก่อนนอน  แล้ว...  นี่มึงมีอะไรป่าววะ “

“ เปล่า...  ไอ้คิมมันให้มาตามมึงอะ “

“ อ๋อ...  เออๆ รู้ละ “

พี่พีพูดจบก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ

“ พี่ไปก่อนนะ  อย่านอนดึกล่ะเรา “

ผมพยักหน้ายิ้มรับเล็กๆ  จากนั้นพี่พีก็เดินจากไป  เหลือไว้แค่ผมกับพี่กิจอยู่กันตามลำพังสองคนเท่านั้นในตอนนี้

ผมเงยหน้ามองหน้าพี่กิจ  ก่อนจะถูกสายตาดุๆ มองตอบกลับมา  สงสัยคงอยากจะให้ผมเข้านอนแล้วล่ะมั้งครับ  ว่าแล้วผมก็กลับเข้าห้องพักเลยจะดีกว่า

“ จะรีบไปไหน “

พี่กิจว่ามาครับ  ผมที่กำลังจะลุกขึ้นยืน  เลยต้องหยุดชะงักลง  พร้อมกับมองหน้าพี่เขากลับไปอย่างงงๆ  จากนั้นพี่เขาก็ร่นตัวลงมานั่งข้างๆ ผม

“ ก็พี่บอกให้ผมรีบเข้านอนไม่ใช่เหรอ “ 

ผมอ้อมแอ้มบอกไป

“ ก็..  ยังไม่ดึกมาก  ให้นั่งเล่นต่ออีกหน่อยก็ละกัน “

อะไรของพี่เนี่ย....

แต่ว่า...  ก็ดีเหมือนกันนะ..  ได้นั่งอยู่กับพี่เขาท่ามกลางบรรยากาศดีๆ แบบนี้  มันก็....ไม่เลวนะครับ

“ อะ... “

พี่เขายื่นแก้วโกโก้ร้อนส่งมาให้ผม  ในขณะที่อีกมือของพี่เขาเป็นแก้วกาแฟที่กำลังส่งกลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก

“ ผมมีแล้ว... “ 

ผมบอกไปก่อนจะชูแก้วของผมที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาให้พี่เขาดู  รู้สึกเหมือนผมจะเห็นสีหน้าผิดหวังเล็กๆ ของพี่เขาเลย...

หรือผมจะคิดไปเองกันนะ...

“ แต่มันจะหมดแล้ว  นั้นผมขอแก้วนั้นต่อเลยละกันนะ “

ว่าจบผมก็รีบซดโกโก้อุ่นๆ ที่เหลือกว่าครึ่งแก้วให้หมดลงในคราวเดียว  ก่อนจะรับอีกแก้วจากพี่เขามา

ก็...  พี่เขาอุตส่าห์เอามาให้ผมนี่นา....

พี่กิจมองผมตาคม  ทำเอาผมไม่กล้าสู้สายตา  เลยต้องงุดหน้าลงไปมองยังพื้นทรายแทน

“ อ๊ะ ! “

สัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วที่เอื้อมเข้ามาปาดบริเวณริมฝีปากผม  ทำให้ผมสะดุ้งตัวอยู่เล็กน้อย

“ เรานี่นะ...  กินเป็นเด็กไปได้  เลอะปากหมดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก “

พี่เขาว่ามาครับ  ก็คงจะตอนที่ผมรีบดื่มให้หมดนั่นแหละ  เลยไม่ทันจะได้ระวังสักเท่าไหร่

“ พี่กิจ... “

“ ว่าไง... “

“ นั่งเป็นเพื่อนผม..  จนหมดแก้วนี้ได้มั้ย “

พี่กิจมองหน้าผมเล็กๆ  ก่อนจะยิ้มให้ที่มุมปาก

“ อื้ม... “

ไม่รู้ว่าผมยิ้มออกมาตอนไหน  ราวกับเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ  เมื่อได้รับการตอบรับคำขอจากคนๆ นี้

มันเป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างวังเวง  จะมีก็เพียงเสียงลมทะเลและเสียงผู้คนดังมาไกลๆ จากทางด้านหลังก็เท่านั้น 

ผมควรจะรู้สึกเหงา  กลัว..  หรือโดดเดี่ยว...  ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นกลับไม่มีเลย 

ผมรู้สึกอุ่นใจมาก..  ที่มีคนๆ นี้อยู่ข้างกายแบบนี้

ผม...  อยากมีพี่เขาอยู่เคียงข้างผมแบบนี้ตลอดไปจัง...


........


“ คิดอะไรอยู่อะ “

จู่ๆ พี่เขาก็ถามขึ้นมาครับ  หลังจากที่เรานั่งปล่อยใจมองทะเลที่มืดมิดอยู่ได้สักพักหนึ่ง

“ เปล่าครับ...  ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอะ  เห็นทะเลแล้ว...  มันก็อดคิดถึงบ้านเก่าขึ้นมาไม่ได้อะ “

“ เหงามั้ย “

“ ถ้าให้พูดจริงๆ  แบบไม่โกหกตัวเองก็...  เหงาครับ “

แล้วพี่กิจก็มองผมด้วยสายตาที่อ่อนโยน  ก่อนจะเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ

“ โตแล้ว...  เราต้องเข้มแข็งนะ  รู้มั้ย “

“ ครับพี่... “

“ แต่ว่า...  อ่อนแอบ้างก็ได้  ยิ่งเวลาอยู่กับพี่อะ  อย่าฝืนตัวเองเพื่อที่จะเข้มแข็ง  พี่เคยสัญญากับเราไว้แล้วจำได้มั้ย  ว่าจะเป็นคนดูแลเราเอง “

ใช่ครับ  พี่กิจเคยให้สัญญากับผมไว้  ตอนที่ผูกข้อมือให้ในวันสุดท้ายของการเชียร์  และพี่เขาก็ทำอย่างนั้นมาโดยตลอด...

“ ขอบคุณนะครับพี่กิจ... “

พี่เขายิ้มรับมาให้เล็กๆ  ก่อนที่ผมจะเริ่มพูดต่อ

“ แต่จะว่าไป...  ใครจะคิดละครับว่า...  พี่จะมาดีกับผมแบบนี้ได้ “

ผมเปลี่ยนบรรยากาศมาแกล้งถามพี่เขาบ้าง  เพราะถ้าอยู่ในบรรยากาศแบบเมื่อกี้  ผมกลัวใจตัวเองมันจะเตลิดไปไกลอะครับ

“ ทำไมอะ “  พี่กิจร่นคิ้วถามมา

“ ก็แรกๆ ที่เราเจอกัน  พี่อะโครตดุเลย  จำไม่ได้เหรอ “

“ ก็...  ได้เป็นคนพิเศษกว่าคนอื่น  ไม่ชอบรึไง “

เชี่ย...  พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงครับ  ผมคิดไปไกลเลยนะ  รู้มั้ย...

“ พิเศษยังไงอะ “

ผมทำใจดีสู้เสือลองถามกลับไป  ก่อนจะแอบกลืนน้ำลายเล็กๆ อย่างคาดหวังในคำตอบ

ทว่าพี่กิจกลับไม่ตอบอะไรมา  จะได้ยินก็เพียงแค่เสียง ‘ หึ ‘  ในลำคอเล็กๆ เท่านั้น  ก่อนที่พี่เขาจะหันกลับไปมองยังทะเลตรงหน้าและจิบกาแฟที่ถืออยู่ต่อไป

สักพักใหญ่พี่เขาก็บอกให้ผมไปเข้านอนได้แล้ว  ผมอิดออดอยู่เล็กน้อย  แต่ก็ไม่ได้ผล  ผมเลยได้แต่พ่นลมออกจมูก  และทำหน้ายู่ส่งให้ไป

แต่ว่า...  แค่นี้ก็ดีมากแล้วล่ะครับ  สำหรับคืนนี้....



..................................



เช้าวันต่อมา 

ผมตื่นมาแต่เช้า  ก่อนจะออกมาเดินเล่นน้ำทะเลที่ชายหาด  ดูโน่นดูนี่บนพื้นทรายไปเรื่อยเหมือนอย่างเด็กๆ

“ ตื่นเช้าจัง “

เสียงพี่กิจดังมาจากทางด้านหลัง  ให้ผมหันกลับไปมองครับ  ก่อนจะเห็นพี่เขาที่สวมเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงวอร์มสีเทา  มีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่ที่บ่า  ดูท่าแล้วพี่เขาคงจะไปวิ่งตอนเช้ามาอะครับ 

คนอะไรฟิตเป็นบ้าเลย  ขนาดมาเที่ยวยังตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าได้อีก

“ ก็ใครทำให้ผมติดนิสัยตื่นเช้าอะ “

“ ว่าพี่เหรอ “

“ ก็ใช่เปล่าล่ะ “

แล้วพี่เขาก็อมยิ้มเล็กๆ  ส่งมาให้

“ ไปเดินเล่นกันมั้ย “

พี่กิจชวนมาครับ  ผมมองหน้าพี่เขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย  ก่อนจะรีบตอบตกลงไปอย่างอดที่จะรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้

เช้านี้อากาศดีมากครับ  แดดไม่ค่อยมีเท่าไหร่  ลมก็เย็นกำลังเย็นสบาย  เหมาะแก่การเดินเล่นเป็นที่สุด

“ เมื่อคืนพี่กิจได้อยู่เวรเฝ้าน้องมั้ยครับ “

“ อืม...  กว่าจะได้นอนก็ตี 3 เลย “

“ ทำไมดึกอะพี่ “

“ ก็พวกนั้นตั้งวงกินเหล้ากัน  แต่ก็กินกันไปได้ไม่เท่าไหร่นะ  เพราะพวกผู้หญิงออกมาด่า  คือจริงๆ แล้ว  เขาไม่ให้กินเหล้ากันไงเมื่อคืนนี้  แต่ว่า...  คืนนี้อะเต็มที่ได้ “

“ นั้น...  คืนนี้จะมีงานเลี้ยงเหรอพี่ “

“ อืม...  ส่วนเราน่ะ  กินได้...  แต่ห้ามเยอะ “

พี่กิจหันมาเตือน  ซึ่งผมก็ได้แต่ยู่หน้าพ้นลมออกจมูกส่งให้ไปเท่านั้น  พอพี่เขาเห็นแบบนี้ก็ยิ้มขำออกมาให้ทันที

มีความสุขจังครับเวลาที่มีพี่เขาอยู่ข้างๆ ด้วยแบบนี้  ผมที่เคยโดดเดี่ยวกลับได้มาสัมผัสกับความรู้สึกอบอุ่นอีกครั้ง  ก็เพราะพี่เขาเนี่ยแหละ

ถึงจุดนี้...  ผมก็ไม่ปฏิเสธหัวใจตัวเองแล้วละครับว่าผมรักพี่กิจ  แถมยังรักมากๆ ด้วย

บางที...  ภายใต้บรรยากาศดีๆ และอยู่กันตามลำพังแบบนี้  ผมควรจะบอกความรู้สึกตัวเองให้พี่เขาได้รับรู้... 

มันจะดีมั้ยนะ....?

เปอร์เซ็นอันน้อยนิดที่คิดว่าพี่เขาจะรู้สึกเหมือนกันกับผม  ถ้ามันพอจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้...  ผมก็อยากจะลองเสี่ยงดูนะครับ

“ พี่กิจ.... “

“ หือ... “

“ .... “

“ มีอะไรเรา... “

“ เปล่าครับ... “

พี่เขามองหน้าผมอย่างงงๆ  ผมเลยยิ้มเก้อๆ ส่งให้ไปแทนคำพูดที่อยู่ในใจ

ผมยังไม่กล้าพูดมันออกไป...  ให้พูดตรงๆ ก็คือ...  ผมกลัวครับ

กลัวว่าพี่เขาจะรับไม่ได้  แล้วเรื่องดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้มันจะหายไป 

ถ้ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น  ผมขอเวลาทำใจและเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆ แบบนี้เอาไว้ให้มากที่สุดเสียก่อน 

แล้วจากนั้น...  ผมก็จะบอกมันออกไป  อย่างพร้อมรับกับผลที่มันจะเกิดขึ้นแน่นอน....

และผมจะไม่เสียใจเลยที่เลือกทำแบบนั้น...

แค่สักครั้งที่ได้ลองเสี่ยงดู  มันคงจะดีกว่าการที่ปล่อยให้โอกาสมันเลยผ่านไป.... ว่ามั้ยครับ....


..................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
หลังมื้อเช้า

วันนี้ไม่มีกิจกรรมใดๆ ครับ  พี่ๆ เขาให้เราพักผ่อนกันให้เต็มที่  และเตรียมการแสดงของแต่ละกลุ่มไว้สำหรับงานเลี้ยงตอนกลางคืน  ส่วนตอนเย็นจะมีการแข่งฟุตบอลชายหาดระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องครับ  ซึ่งผมก็ไม่ได้ลงแข่งด้วยหรอกครับ  นั่งเชียร์อยู่ข้างสนามจะดีกว่า

ก็คนมันเล่นบอลไม่เก่งนี่ครับ....

แถมตอนเชียร์...  ผมก็ไม่ค่อยได้ดูทีมตัวเองสักเท่าไหร่หรอกครับ  มัวแต่มองดูพี่กิจซะเพลินเลย  มารู้ตัวอีกที...  ทีมของพวกเราปี 1 ก็แพ้ราบคราบไปเรียบร้อยแล้ว

ก็จะไม่ให้แพ้ได้ไงละครับ  ตัวนักกีฬาอยู่ฝั่งนู้นเพียบเลย  ทั้งพี่กิจ  พี่พี  พี่คิม  ตัวโหดๆ ทั้งนั้น...



……



ช่วงค่ำ

คืนนี้เรามีปาร์ตี้ส่งท้ายกันก่อนกลับในวันพรุ่งนี้ครับ  มีการแสดงต่างๆ จากพวกปี 1 จากนั้นก็จะเป็นการบายศรีภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นของพวกรุ่นพี่รุ่นน้อง  ก่อนจะตบท้ายด้วยปาร์ตี้แบบเต็มตัว  ซึ่งคืนนี้เราได้รับอนุญาตให้กินเหล้ากันได้ครับ



“ มึง....  กูว่า...  กูชอบพี่เขาว่ะ “

ผมที่กำลังกรึ่มๆ  เอียงคอไปพูดกับไอ้เรย์มันเบาๆ ครับ

มันหันหน้ามามองผมแบบแปลกใจอยู่เล็กน้อย  ที่จู่ๆ ผมก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา  ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าพูดขึ้นมาได้แบบนี้  อาจจะเพราะแอลกอฮอล์ละมั้งครับ  ถึงทำให้สิ่งที่อยู่ในใจมันหลุดออกมาเป็นคำพูดได้

“ นั้นมึงก็บอกพี่เขาดิ “

“ ใครจะไปกล้าวะ “

“ เอ๊าไอ้นี่...  แล้วมึงจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอวะ  ไม่อึดอัดรึไง “

ที่มันพูดมาก็ถูกครับ  ยิ่งรู้ใจตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่  ก็ยิ่งอึดอัดใจมากขึ้นเท่านั้น 

“ มึงเชื่อกูนะ...  กูว่า...  พี่เขาก็คิดอะไรกับมึงเหมือนกันแหละ  กูดูออก “

“ เหรอวะ...  ถ้างั้น...  กูควรจะบอกพี่เขายังไงดี  แล้ว...ตอนไหนดีวะ “

“ ก็ไม่ต้องยังไง  มึงก็บอกไปตรงๆ นั่นแหละ  แค่นั้น...  ส่วนตอนไหนนั้น...  กูบอกเลยว่าวันนี้ “

ได้ยินมันว่ามาแบบนี้  ผมนี่แทบสร่างเมาเลยครับ  คือเอาเข้าจริง  ผมก็ยังไม่ค่อยกล้าและยังไม่ได้เตรียมใจมาด้วย

“ วันนี้เหรอ...  ไม่ดีมั้ง “

“ ดีดิวะ  บรรยากาศก็ดีอีกต่างหาก  เชื่อกู “

ว่าจบมันก็ลุกขึ้นยืน  ก่อนจะจับแขนผมกึ่งลากกึ่งเดิน  บังคับให้ผมเดินเข้าไปยังโต๊ะที่พวกพี่กิจนั่งกันอยู่

“ พี่กิจ...  เพื่อนผมมันมีอะไรจะคุยด้วยอะ “

มาถึงมันก็พูดขึ้นพร้อมกับดันผมมาเผชิญหน้ากับพี่เขา
 
พี่กิจมองผมด้วยสีหน้าสงสัยถามมา

“ ปะ..เปล่าพี่  ไอ้นี่มันเมาแล้วมันบ้า “

ผมรีบอ้างไป  เพราะต่อหน้าพี่เขา  ความกล้าทุกอย่างที่มีมามันก็แทบจะละลายหายไปจนหมด

“ เอ๊ามึง....  กล้าๆ หน่อยดิว้า “

“ กล้าบ้าอะไร  มึงอะเมามากแล้ว  ไปๆ กลับโต๊ะ! “

ผมรีบดันหลังไอ้เรย์กลับไปที่โต๊ะทันทีครับ 

“ อ่อนว่ะ  อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่มึงจะรู้วะ “

“ ก็มันไม่กล้านี่  มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจหรอก “

ว่าจบผมก็ยกเหล้าขึ้นมาดื่มเพื่อย้อมใจต่อ  แล้วจู่ๆ พี่กิจก็เดินมาที่โต๊ะครับ

“ กันต์..  ไปเป็นเพื่อนพี่ซื้อเหล้าหน่อยดิ “

ผมมองหน้าพี่เขาเหวอๆ  พลางกลืนน้ำลายรสขมจากเหล้าเมื่อกี้ลงคอไปด้วย 

ไอ้เรย์มันกระทุ้งสีข้างผม  ก่อนจะเอียงหน้ามากระซิบข้างหูผมว่า “ โอกาสดีแล้วนะมึง “  ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมันไปครับ  ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินตามพี่เขาออกไปจากโต๊ะ



....................



ระหว่างทางเดินไปยังร้านขายของหน้าปากทางเข้ารีสอร์ท

“ เมายังเนี่ย “

พี่กิจถามขึ้นมาครับ  ตอนนี้บริเวณโดยรอบค่อนข้างเงียบและมืดพอสมควร  เพราะมันดึกมากแล้ว  ซึ่งระยะทางจากรีสอร์ทไปยังร้านขายของตรงปากทางเข้าก็ไกลอยู่พอสมควร  โดยมีไฟส่องสว่างจากเสาอยู่เป็นระยะๆ

“ ยังเลยพี่  แค่กรึ่มๆ อะ “

“ ดีแล้ว  อย่าเมาให้มากนะ  เรายิ่ง... “

พี่กิจพูดค้างไว้  พอผมหันไปรอฟังพี่เขาพูดต่อ  พี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก  จากนั้นเราก็เดินต่อกันไปเงียบๆ

ตอนนี้ในหัวผมยังลังเลใจเรื่องที่จะบอกความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่เขา  ว่าจะบอกดีหรือไม่บอกดีนะ...  เพราะตอนนี้  บรรยากาศมันก็ดีจริงๆ อย่างที่ไอ้เรย์มันว่ามานั่นแหละ

“ พี่กิจ... “

“ หืม... “

“ เอ่อ...  เปล่าครับ  ไม่มีอะไร “

แล้วผมก็ยิ้มแหยๆ พร้อมกับหัวเราะเก้อๆ ส่งให้ไป  พี่เขาร่นคิ้วมองมาอย่างสงสัย  แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อครับ


พี่กิจซื้อเหล้าและเครื่องดื่มอีกหลายอย่างพร้อมทั้งขนมขบเคี้ยวมาอีกเพียบ  เพราะว่าตอนนี้ร้านขายของในรีสอร์ทมันปิดไปแล้ว  และดูท่าว่าคืนนี้พวกพี่เขาคงจะกินกันอีกยาว

ผมช่วยพี่กิจถือถุงขนม  ส่วนของหนักๆ พี่เขาเอาไปถือคนเดียวจนหมด  แล้วเราก็พากันเดินกลับมาตามทางเดิมครับ


เวลาที่เรามีเรื่องอะไรอยู่ในใจแล้วอยากจะพูดมันออกไป  แต่กลับไม่สามารถพูดมันออกไปได้  โครตเป็นอะไรที่อึดอัดมากๆ เลยครับ


“ พี่กิจ...  พี่กลับไปก่อนเลยนะ  ผมว่าผมจะนั่งเล่นรับลมอยู่แถวหาดสักหน่อยอะครับ “

ผมหยุดเดินก่อนจะยื่นถุงขนมส่งให้พี่เขาไปครับ  พี่เขารับของพร้อมกับพยักหน้ารับเล็กๆ  แล้วเดินกลับเข้าไปในรีสอร์ท  ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากตรงนี้

ผมออกมาเดินเรียบชายหาดเพื่อรับลมทะเล  ก่อนจะนั่งลงบนพื้นทรายท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากเสาส่องสว่างอยู่ไกลๆ

บรรยากาศก็ดี...  แต่กลับไม่มีความกล้าพอที่จะบอกพี่เขาไป

ก็เลยต้องมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้แหละครับ

เห้อ....


........


ผมนั่งตากลมเย็นๆ จนอาการมึนๆ เริ่มจางหายไป  และก็กำลังจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินกลับเข้าไปกินต่อกับเพื่อนๆ  ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ร่นตัวลงมานั่งข้างๆ ผมทันที

“ อ้าว...  พี่กิจออกมาทำไมเนี่ย  ไม่ไปกินกับเพื่อนเหรอ “

“ พวกนั้นกินกันทั้งคืน  ไม่ต้องรีบหรอก  ว่าแต่เราเหอะ...  ทำไมไม่กลับไปสักที  มานั่งทำอะไรมืดๆ ตรงนี้  อันตรายนะรู้มั้ย ”

ผมมองหน้าพี่กิจก่อนจะหลุดคำถามหนึ่งขึ้นมา  ซึ่งอยู่ๆ ผมก็อยากรู้ครับ

“ พี่..  เป็นห่วงผมเหรอ “

พี่กิจเงียบคิดอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะตอบผมมาครับ

“ ก็...  เออดิ “

ทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น  ผมก็ยิ้มออกมาทันที  ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจกับความคิดที่ว่า  พี่เขาอาจจะชอบผมอยู่เหมือนกันก็ได้

“ เอ่อ..พี่กิจ “

“ ว่า...  “

“ เอ่อ...  เห็นได้ข่าวว่าเมื่อก่อนพี่เจ้าชู้มาก  แล้ว... “

พี่กิจทำหน้าสงสัยและกำลังรอผมพูดต่อ

“ แล้ว...  ทำไมตอนนี้  ผมไม่เห็นพี่จะคบใครเลย “

“ อืม...  ก็คงจะเพราะเบื่อๆ ละมั้ง  เหมือนกับว่าช่วงปี1 ปี2 ที่ผ่านมา  มันใช้เวลากับอะไรพวกนั้นไปเยอะแล้ว...  และอีกอย่าง...  “

ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอ  อย่างคาดหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะเป็นผม...  ที่ทำให้พี่เขาไม่อยากจะมีใครก็ได้

ก็แค่แอบคิดเข้าข้างตัวเองนั่นแหละครับ

“ ขึ้นมาปี 3 แล้วมันมีอะไรที่ต้องทำ  ต้องรับผิดชอบเยอะอะ  ทั้งเรื่องเรียน  เรื่องกิจกรรม  แถมยังต้องเริ่มมาเรียนรู้งานที่บริษัทพ่ออีก  แค่นี้ก็ไม่มีเวลาแล้ว “

ผมแอบผิดหวังอยู่เล็กๆ  แต่ก็แค่เล็กๆ เท่านั้นนะครับ  เพราะเอาเข้าจริง  ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว 

“ แล้วถ้ามีคนมาชอบพี่ล่ะ  พี่จะว่าไงอะครับ “

“ อืม...  มันก็ต้องดูก่อนว่าใคร  สวยมั้ย  นิสัยเป็นยังไง  ก็คงจะไม่เรื่อยเปื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ “

ผมนี่สลดเลยครับกับคำตอบของพี่เขา...  สวยก็ไม่สวย  นิสัยก็ใช่ว่าจะดี  ดูแล้วคงจะไม่มีอะไรที่พี่เขาชอบเลยสักอย่าง

“ มีไรป่าว..  ทำไมจู่ๆ ถึงได้มาถามพี่เรื่องนี้ “

“ ป่าวครับ... “

สุดท้ายผมก็ไม่กล้าเหมือนเดิม....


“ นั้น...  เรากลับกันเลยมั้ย “

พี่กิจทำท่าจะลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวกลับ  ผมเลยฉวยโอกาสคว้ามือพี่เขารั้งเอาไว้เสียก่อน  พี่กิจก้มลงมามองผมเหมือนจะถามว่ามีอะไร  ในขณะที่ผมได้แต่อ้ำอึ้งพร้อมกับนัยน์ตาที่สั่นระริก  แต่กลับลังเลใจที่จะบอก

“ ...... “

“ .... “

“ ผมชอบพี่นะ.... “


สุดท้าย...  ผมก็พูดออกไปโดยไม่ต้องเตรียมใจอะไรเลย

จากใบหน้าสงสัยของพี่กิจในตอนแรก  กลับเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าที่เรียบเฉยแทน

มันเรียบเฉยซะจนทำให้ผมเสียความมั่นใจ  และเริ่มคิดไปแล้วว่าสิ่งที่ผมทำนั้นมันผิด

ผมละมือออกมาแทบจะในทันทีอย่างเกรงๆ  พี่กิจนิ่งอยู่ได้ไม่นาน  ก็กลับลงมานั่งข้างๆ ผมต่อ  ก่อนจะถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า

“ ที่ว่าชอบนี่...  เราหมายถึงชอบแบบไหน “

ผมทำท่าอึกอักลังเลใจอยู่เล็กน้อย  คือจะแก้ตัวดีหรือว่าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมดเลยดีกว่า 

พี่กิจมองผมด้วยสายตาคมๆ อย่างเร่งเร้าในคำตอบ  สายตาที่ทำให้ผมเย็นวาบไปจนถึงสันหลัง

เพียงแต่....

ผมเองก็ไม่อยากให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกนี้ไปอีกนาน....  และไหนๆ มันก็มาถึงจุดนี้แล้ว  แม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นของความเป็นไปได้ไม่ถึง 1 เปอเซ็นก็ตามที  แต่ผมก็ไม่อยากโกหกและหลอกตัวเองต่อไปอีกแล้ว 

“ ชอบแบบคนรักกันอะครับ “

ผมบอกออกไปแล้ว...  ในที่สุดผมก็กล้าพูดมันออกไปแล้ว

ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของพี่กิจอีกต่อจากนั้น....


มันเป็นความเงียบที่กดดันเอามากๆ  มีเพียงแค่เสียงลมและคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเท่านั้นให้ได้ยิน

ผมไม่อาจจะพูดอะไรต่อไปได้  ที่ทำได้ตอนนี้... ก็คือรอคำตอบจากคนตรงหน้านี้เพียงเท่านั้น


“ นี่เรา...  เมาแล้วใช่มั้ย “

“ เปล่าพี่...  ผมมีสติดีทุกอย่าง  แล้วก็อยากบอกพี่มานานแล้วด้วย “

ผมตอบกลับไปอย่างหนักแน่น  ทว่าภายในใจกลับอ่อนไหวและหวาดหวั่นเป็นที่สุด



พี่กิจเงียบไปอีกครั้งก่อนจะยิ้มและพูดกับผมมา

“ ขอบคุณนะ...  พี่เองก็ชอบเราเหมือนกัน “

ทันทีที่ได้ยิน  ผมก็ยิ้มกว้างออกมาแทบจะในทันที




…..


“ แต่...  แบบน้องชายนะ...  คือ...  พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายอะ “


.....


....


....


....


“ อื้ม...  ผมเข้าใจครับ...  แค่ผมได้บอกพี่  ผมก็พอใจแล้ว “

ผมยิ้มส่งให้ไป  ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยของพี่กิจ


.....


ผม...  ไม่ได้เสียใจเลย....


....


...


...


จริงๆ นะ....




TBC.



---------------------------------------------

มันก็จะอึนๆ หน่อยนะครับจากนี้ไป...  มันกำลังเข้าสู่โหมดดราม่าสุดท้ายอันแสนยาวนานของซีซั่น1 แล้ว....
แต่มันก็ไม่เครียดนะครับ  แค่อึนๆ 
และนับไปอีก 3 ตอนเชื่อว่าหลายคนจะไม่ชอบอิพี่กิจแน่เลย  แต่อย่าพึ่งเกลียดนะครับ  เขาก็มีเหตุผลของเขาอะ  บางอย่างมันก็จำเป็นต้องใช้เวลา...
ซึ่งตอนที่ผมเขียนไว้ล่าสุดนี้  บอสใหญ่ของซีซั่น1 ถือกำเนิดแล้ว  เชื่อว่าหลายคนถ้าอ่านถึงต้องเกลียดเธอแน่ๆ 55+  แถมDamage โหดซะด้วย  สงสารกันต์สุดๆ :mew6:
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะครับ  เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะคร้าบ

^______________________________________________^

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
บอสหรือเราว่าชะนีเหมือนคู่แข่งมากกว่า OP แล้วไงเจอสวนกลับหนักๆก็ตายได้นี่

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :freeze: กันต์ ไปไม่ถูกเลยใช่ไหมลูก

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :m20:  ดูเหมือนเมฆฝนจะมา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด