My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา ( Chapter - 54 / บทส่งท้าย )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา ( Chapter - 54 / บทส่งท้าย )  (อ่าน 148577 ครั้ง)

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
เป็นนิยายที่ไม่ยัดดี อ่านได้เรื่อยๆ สบายใจดี 55555 นายเอกก็ไม่ได้แมรี่ซูเวอร์วังมาก ชอบค่ะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ไม่อยากให้น้องกันต์เสียใจ ไม่อยากให้น้องต้องเสียน้ำตา พี่กิจทำอะไรสักอย่างสิครับ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
นี่ใคร ดูด้วย หลานท่านประธานจ้า นัยแนนนี่กับป้าจ๋อยเลย
พี่กิจไม่เจ้าชู้เหมือนเดิมแล้วนะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 28



กันต์'s  Part




“ สุดท้ายนี้..!  ผมก็ขอให้คุณพร้อมสำหรับ Spirit night ในคืนวันศุกร์นี้…!  ถ้าเข้าใจกันแล้ว...  ผมก็ขอเลิกประชุมเชียร์...  แล้วเจอกันอีกทีในเย็นวันศุกร์ที่จะถึงนี้..  เลิกประชุม!! “

พี่กิจพูดจบก็เดินออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับพี่ว๊ากหน้าโหดทั้งหลาย

การประชุมเชียร์วันนี้สรุปคร่าวๆ ได้ว่า  จากวันนี้ไป  จะไม่มีการประชุมเชียร์อีกจนถึงวันศุกร์  ซึ่งเป็นคืนที่เรียกว่า Spirit night  โดยปีหนึ่งจะต้องมาค้างคืนกันที่คณะ 1 คืน  ซึ่งพวกเราจะได้ใบขออนุญาตผู้ปกครองจากรุ่นพี่ปี 2 หลังเลิกประชุมเชียร์  แต่ถึงกระนั้น  พวกเราก็ไม่มีใครรู้เลยว่าคืนนั้นเราจะเจอกับอะไร  เพราะไม่มีรุ่นพี่คนไหนบอกเราเลยสักคน


......................


ร้านกาแฟข้างมหาลัยฯ

ผมกำลังนั่งกินน้ำและขนมกันอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ  หลังจากที่ไปทานข้าวกันมาแล้วที่ร้านประจำหลังมอ  และตอนนี้เราก็กำลังคุยกันถึงเรื่องที่จะต้องเจอกันในคืนวันศุกร์นี้ครับ  ซึ่งพวกเราต่างก็คาดการณ์กันไปต่างๆ นานา  แต่ก็แอบหวั่นใจไม่ได้อยู่ดี  ว่าอาจจะเจอกับอะไรที่หนักๆ

วันนี้พี่กิจมารับช้าหน่อยครับ  พี่เขาไลน์มาบอกตั้งแต่ตอนผมกินข้าวเย็นแล้วว่าประชุมวันนี้อาจจะช้าหน่อย  ตอนนี้ที่ร้านก็เหลือแค่ผม ไอ้เรย์  ไอ้ธัน  และก็แพรเท่านั้น  ส่วนไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์อยู่ดึกมากไม่ได้ครับวันนี้  มันเลยกลับกันไปก่อน

ไม่นานพี่กิจก็โทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว  และจอดรถรออยู่ใกล้ๆ กับร้าน  พวกเราจึงได้เวลากลับกันครับ  แต่ที่ต่างออกไปจากทุกทีก็คือ  วันนี้ไอ้ธันไม่ได้ไปส่งแพรเหมือนทุกทีครับ  แต่เป็นไอ้เรย์ที่ไปส่งแทน

เห็นทีต้องถามความคืบหน้ามันแล้วละครับ  ว่าไปถึงไหนกันแล้ว  อิอิ


.........................


ภายในรถ

“ พี่กิจ...  วันศุกร์นี้มันมีอะไรเหรอ “

“ บอกไม่ได้...  ไว้ไปรอดูเอาเอง “
 
“ โหย...  นิดนึงน่าพี่ “

ผมตื๊อถามต่อ  พี่เขาก็ได้แต่หันมายิ้มขำเล็กๆ  ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าต่อ  แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรผมมาทั้งนั้น  ได้แต่ปล่อยให้ผมทำหน้ามู่อยู่ข้างๆ เท่านั้น

“ แล้ว..  มันจะโหดมั้ยอะ “

“ โหด! “ 

พี่เขาว่าจบ  ก็ขำเล็กๆ ในลำคอครับ  ผมเลยไม่รู้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือว่าแค่ล้อเล่นกันแน่ 

แกล้งกันตลอดเลยนะ  ไอ้พี่กิจนี่....

“ เอาดีๆ ดิพี่... “

.” ก็มันบอกไม่ได้...  เอาน่า..  ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองแหละ “

ชิส์...  คิดว่ากลัวเหรอ...  จะรูปแบบไหนก็จัดมาเลย  ไอ้กันต์ไม่กลัวอยู่แล้ว


มั้งนะครับ....



...................................



เย็นวันศุกร์....

และแล้ววันศุกร์สุดสัปดาห์ที่สุดระทึกของพวกปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็มาถึง….

พวกเราปีหนึ่งถูกพาเข้าหอประชุมคณะกันเหมือนเคยครับ  และก็มีการเชียร์และว๊ากกันตามปกติ  ไม่มีอะไรที่ดูจะแปลกใหม่เลย...

จนกระทั่ง 2 ทุ่ม  มันก็เริ่มต้นขึ้นครับ...

เพลงเชียร์สิบกว่าเพลงที่พี่ๆ เขาสอนร้องตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา  ถูกสั่งให้ร้องจนกว่าจะผ่านไปได้ทีละเพลงๆ  ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ  กว่าที่พี่เขาจะให้ผ่านไปได้ในแต่ละเพลง



ตอนนี้ก็กว่า 4 ทุ่มแล้วที่เรานั่งเชียร์กันอยู่ในหอประชุม  ทั้งหิว  ทั้งเพลีย  ทั้งเหนื่อย  เหน็บก็เริ่มกินจนขาเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว  คอก็เริ่มแห้งผาก  แต่ถึงกระนั้นเราก็พึ่งผ่านไปได้แค่ 2 เพลงเท่านั้น...

“ พยาบาลเข้ามาดูน้องหน่อย!! “

 เสียงพี่สต๊าฟดังขึ้นมาไกลๆ เมื่อมีคนเริ่มเป็นลมกันอีกแล้ว  จากนั้นพี่ๆ ฝ่ายพยาบาลก็เข้ามาพาออกไปพักด้านนอก  ส่วนผมกับเพื่อนๆ ก็ยังคงพอไหวกันอยู่ครับ 

แต่ก็ไหวแบบเพลียๆ อะนะ....



…..



ในที่สุดเที่ยงคืนก็มาถึงครับ 

ตอนนี้เราผ่านกันไปได้แค่ 4 เพลงเท่านั้นเอง  แต่พี่กิจเขาให้พวกเราไปพักกันได้ 1 ชั่วโมง  ก่อนจะให้กลับมารวมกันที่นี่อีกครั้งตอนตีหนึ่ง

ผมที่ทั้งหิว ทั้งเพลีย ทั้งง่วง ระคนกันไปหมดเลย  กำลังเดินสะโหลสะเหลออกมานอกหอปะชุมพร้อมกับพวกเพื่อนๆ  ก่อนจะเห็นพวกรุ่นพี่ใส่ช๊อปมากมายกำลังมองหาและร้องเรียกรุ่นน้องของตัวเองกันอยู่  ซึ่งผมก็เช่นกัน  พี่เอ็กซ์กับพี่ซีเดินเข้ามาหาผมกับไอ้เจมส์  ก่อนจะพาไปหากลุ่มรุ่นพี่สายรหัสที่ผมเคยเจอมาเมื่อตอนที่เลี้ยงสายครับ  จะขาดก็แต่พี่กิจสายรหัสไอ้เจมส์มันก็เท่านั้น

พี่ๆ เขาซื้ออาหาร  ขนม  และน้ำดื่มมาให้พวกเรามากมาย  ก่อนจะพูดคุยกันสนุกสนาน  แต่ผมกับไอ้เจมส์นี่ตั้งหน้าตั้งตากินกันอย่างเดียวเลยครับ  ถึงจุดนี้  ความง่วงดูจะหายไปในทันที  อาจจะเพราะการได้ผ่อนคลายด้วยละมั้งครับ

“ ไหวมั้ยเนี่ยเรา “  พี่ซีถามผมขึ้นมาครับ

“ ก็ยังไหวอยู่พี่  ว่าแต่...  เขาจะเชียร์กันถึงเช้าเลยเหรอครับ “

“ มันก็ขึ้นอยู่กับพวกน้องอะ  ว่าจะทำให้ผ่านไปได้เร็วแค่ไหน “  พี่เอ็กซ์ว่ามาครับ

“ โหพี่  อย่างนี้พรุ่งนี้เที่ยงก็ไม่เสร็จหรอกครับ “  ผมบ่นอุบขึ้นมาทันที

“ มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก....  พี่กิจเขาใจดีจะตายไป “  พี่ซีพูดต่อ

พี่กิจเนี่ยนะใจดี  หึๆๆ  อย่าให้ต้องพูดเลย....  เยอะครับ!!!!

“ แต่ก็ไม่แน่นะ  อย่างพี่กิจคาดเดาอะไรไม่ได้หรอก “ 

พี่เอ็กซ์เสริมมา  ทำเอาผมกับไอ้เจมส์มองหน้ากันหวั่นๆ ขึ้นมาทันที 

ซึ่งมันก็จริงของพี่เขานะ...

“ เอ็กซ์ก็ไปแกล้งน้อง “ 

พี่ซีว่าพี่เอ็กซ์ครับ  พร้อมทำตาดุๆ ใส่  ส่วนพี่เอ็กซ์ก็ได้แต่ยิ้มทะเล้นๆ ตอบไปให้เท่านั้น 

แต่ผมกับไอ้เจมส์นี่ขำไม่ออกหรอกครับ  ถึงพี่เขาจะพูดเล่น  แต่มันก็อดหวั่นใจขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี  เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง 
ท่าทางพวกผมคงจะไม่ไหวกันแน่ๆ


..............................


พอเวลาตีหนึ่ง  พวกเราก็กลับเข้ามาในหอประชุมกันอีกครั้ง  แล้วบรรยากาศก็กลับมามาคุกันเหมือนเดิม  แต่ที่แย่สำหรับผมตอนนี้ก็คือ  พอหนังท้องตึงหนังตามันก็เริ่มหย่อนครับ  ตามันจะปิดลงเสียให้ได้เลยตอนนี้  ทั้งๆ ที่เสียงร้องเพลงเชียร์  เสียงว๊ากก็ออกจะดังขนาดนี้แท้ๆ  แต่ร่างกายมันเริ่มจะไม่ไหวแล้วอะครับ...

ทนต่อไปจนถึงตี 2   มันก็ยังดูไม่มีทีท่าว่าทุกอย่างจะจบลงไปได้ในเช้าวันนี้เลย  เพลงเชียร์ก็ยังเหลืออีกเพียบเลยครับ  คนไม่ไหวที่ถูกพาออกไปก็เยอะ  ส่วนผมนี่ทั้งง่วง  ทั้งเหน็บกินขาจนไม่รู้สึกอะไรที่เท้าแล้ว  ทรมานเป็นบ้าเลยครับ.... 


แม่งจะไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย !!!!


...........



จนตี 5 ดราม่าก็เริ่มหนักขึ้น  บรรยากาศมาคุแบบสุดๆ  พี่กิจเลิกให้เราร้องเพลงกันแล้ว  เพราะทำไปก็เท่านั้น  ไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม  เลยเปลี่ยนให้พวกเรามาบูมกันแทน

แต่ลองนึกดูสิครับ  จาก 6 โมงเย็นเมื่อนี้  แหกปากร้องเพลงและปรบมือกันมาจนถึงตี 5 จะเอาแรงที่ไหนมาบูมกันครับ  ยิ่งพวกเราบูมกันเท่าไหร่  ก็ยิ่งโดนว่า  โดนว๊ากหนักขึ้นไปเรื่อยๆ  จนผู้หญิงบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว...


“ ไม่ได้เรื่อง!!! “

“ ทำได้แค่นี้เหรอ !!! “

“ สปิริตของพวกคุณ  แสดงให้พวกผมเห็นได้แค่นี้เองเหรอ !!! “


ประโยคเดิมๆ  ถูกพูดปลุกเร้าหนักขึ้นไปเรื่อยๆ  แต่ไม่ว่าเราจะพยายามทำเท่าไหร่  มันก็ดูจะไม่ดีขึ้นเลยสักนิด

จนกระทั่งพี่ปี 2 ต้องออกมาช่วยกันบูมแทนพวกเรา  แต่เท่านั้นแหละครับ


“ ปี 2 !!!  ใครให้พวกคุณบูม  ผมสั่งให้หยุด !!! “


พี่กิจตวาดเสียงดังจนทุกคนเงียบ  และพี่ๆ ปี 2 ก็หยุดบูมกันแทบจะในทันที


“ ผมขอบูมแทนน้องครับ//ค่ะ “

“ พวกเราขอช่วยน้องบูมครับ // ค่ะ “


แล้วพี่ๆ ปี 2  ก็ช่วยกันบูมต่อไปอีก  ท่ามกลางสายตาของพวกเราปี 1

พี่กิจไม่ได้พูดอะไรต่อ  ได้แต่มองตาเขียวปั๊ด  แต่พี่ๆ ปี 2 ก็ยังคงไม่หยุดบูม  พี่เขาบูมไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มรู้สึกผิดและอยากจะรับผิดชอบในภาระของตัวเอง

จนกระทั่งแรงขับในใจทำให้พวกเราปี 1 ต้องช่วยกันบูมพร้อมกับพี่ปี 2 อีกครั้ง


“ อยากบูมก็บูมกันไปเลย!!!! “


เสียงพี่กิจดังลั่น  แต่ทุกคนก็ยังคงไม่หยุดบูม  มันรู้สึกว่ามีพลัง  และฮึกเหิมขึ้นมาเสียอย่างนั้น  จากที่ร่างกายคิดว่าจะไปไม่ไหวอยู่แล้วแท้ๆ 

เราบูมกันอย่างสุดเสียง  แม้จะไม่เป็นระเบียบอย่างที่ถูกสอนเอาไว้  แต่มันก็ออกมาจากใจ...  ผมไม่ได้สนใจหรอกว่า  นี่มันคือการแสดงหรือว่าอะไรทั้งนั้น  แต่มันก็ทำให้พวกเรามีพลัง  และช่วยกันได้จากใจจริง

พวกเราไม่ได้แสดง  มันคือความรู้สึกจริงๆ นะครับ...


ผมไม่รู้หรอกว่าเราบูมกันไปกี่รอบแล้ว  แต่คิดว่าน่าจะเกินจำนวนรุ่นของพวกเราไปแล้ว  เสียงพวกเราเริ่มแหบ  แต่พวกเราและพี่ๆ ปี 2 ก็ยังคงไม่หยุด  ยังคงทำทุกอย่างเต็มที่และทำมันให้ถึงที่สุด... 

แล้วจู่ๆ จากเสียงที่เริ่มเบาลงจากความเหนื่อยล้า  ก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง  จากอีกหลายเสียงที่เพิ่มเข้ามาในตอนนี้.....

ภาพที่เห็นก็คือ...  รุ่นพี่ปี 3 และปี 4 ที่ตอนนี้กำลังกอดคอช่วยพวกเราบูมกันอีกแรง  นั่นยิ่งทำให้เรารู้สึกแน่นๆ ในอก  มันเป็นความตื้นตันและฮึกเหิมที่อัดแน่น  จนกระทั่ง...




“ พอแล้วครับพี่ๆ น้องๆ!!!! “




เสียงพี่กิจดังก้องไปทั่วบริเวณ  แล้วพวกรุ่นพี่ก็หยุดลง  เว้นก็แต่พวกเราปีหนึ่งที่ยังคงทำต่อไปเรื่อยๆ

“ ปี 1 หยุด !!!”

ทุกคนหยุดบูมด้วยอาการเหนื่อยหอบ  ก่อนจะมองไปยังเวทีตรงหน้า  ทั้งมึน  ทั้งหอบกันจนรับรู้ได้ด้วยเสียงหายใจกระเส่าทั่วทั้งบริเวณ

ตอนนี้พวกพี่ว๊ากหน้าดุกำลังยืนเรียงแถวกันอยู่บนเวที  โดยมีพี่กิจยืนอยู่ตรงกลาง  จากนั้นพวกพี่ๆ เขาก็กอดคอกันและบูม...


ใช่ครับ  บูม...


พวกเราปี 1 ได้แต่งงกับภาพตรงหน้า  ทุกคนคิดไม่ออกว่านี่คืออะไร  หรือจะต้องทำอย่างไรต่อ  เห็นแต่พวกพี่เขาบูมกันไปเรื่อยๆ  จากนั้นพวกพี่ปี 2  ปี 3  และปี4  ก็พากันบูมสมทบขึ้นมาอีก

มันยิ่งใหญ่มากเลยครับ  เสียงมันก้องไปทั้งหอประชุมเลย  ผมไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวรึป่าว  ที่รู้สึกว่าพลังมันกลับมาอัดแน่นอยู่เต็มอกอีกครั้ง  ทั้งๆ ที่มันน่าจะหมดไปแล้วไม่รู้กี่หนต่อกี่หน  จนในที่สุดพวกเราก็กลับมาช่วยกันบูมตามพวกพี่ๆ เขาต่อ  โดยไม่ต้องรอให้มีใครมาบอก

มันเป็นความเต็มใจ  ตั้งใจ  เป็นพลัง  เป็นความสามัคคี  เป็นความรัก  และความรู้สึกมากมายที่ผมสัมผัสได้..  จนผมถึงกับน้ำตาซึมขึ้นมาเลยทีเดียว

แต่อย่าพึ่งว่าผมขี้แยนะครับ.... 

เพราะอีกหลายคนก็ไม่ต่างกับผมหรอก  บางคนบูมไปร้องไห้ไปก็มีครับ

ผมไม่รู้ว่าเราบูมกันไปกี่ครั้งแล้ว  แต่ผมกลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย  จนกระทั่งพี่กิจสั่งให้หยุด  และนั่นก็ทำให้พวกพี่ๆ เขาพากันหยุดลง  ก่อนที่ปี 1 จะค่อยๆ หยุดกันตามมา


“ พวกผมบูมให้พวกคุณเท่ากับจำนวนรุ่นของพวกคุณ  นั่นก็หมายความว่า...!!!! “


พี่กิจหยุดค้างไว้แค่นั้น  ในขณะที่พวกเราต่างก็กำลังตั้งหน้าตั้งตารอฟังกันต่ออย่างใจจดใจจ่อ


“ พวกผม...และพวกรุ่นพี่ทุกคน...  ยอมรับพวกคุณ!!  เป็นรุ่นน้องของพวกเราแล้ว!!! “


ถึงจุดนี้  เสียงเฮของพวกปี 1 ก็ดังลั่น  พร้อมกับเสียงปรบมือของพวกพี่ๆ ทั่วทั้งหอประชุม

ผมเงยหน้ามองไปบนเวที  เห็นพี่กิจยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในห้องเชียร์

รู้สึกอบอุ่นจังครับกับบรรยากาศตอนนี้...



“ พอละคร้าบๆ พี่ๆ น้องๆ “

แล้วพี่กิจก็พูดต่อ  แต่น้ำเสียงกลับไม่แข็งกร้าวเหมือนเช่นทุกที  รวมทั้งสีหน้าในตอนนี้ก็ด้วย

“ บรรยากาศและความรู้สึกในวันนี้เป็นยังไง  พี่ก็ขอให้น้องๆ จดจำเอาไว้ให้ดีๆ นะครับ  ความตั้งใจ  การพยายาม  การลุกขึ้นสู้  การร่วมใจ  รวมถึงความอบอุ่นของบรรยากาศแบบพี่น้องแบบนี้...  เมื่อใดก็ตามที่เราเจออุปสรรคอะไรก็ตาม  พี่อยากให้น้องๆ นึกถึงวันนี้  วันที่เราพยายามผ่านมันไปจนได้  ทั้งๆ ที่จะล้มไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  แต่ก็กลับมาลุกขึ้นสู้ได้เพราะความตั้งใจ  และความพยายาม  ที่สำคัญ...  จงอย่าลืมว่า  ที่นี่เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว  เรายังมีเพื่อนๆ และพี่ๆ ที่จะคอยประคองเราให้ผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้...  พี่ก็ขอฝากเอาไว้แค่นี้นะครับ... “

พี่กิจพูดจบ  ไฟในหอประชุมก็ดับลง  จากนั้นก็ค่อยๆ มีแสงเทียนที่ถูกทยอยขนออกมาวางเรียงรายอยู่รอบๆ พวกเราปี 1 ที่นั่งกันอยู่ที่พื้น  แสงสลัวจากเปลวเทียนที่จัดวางไว้ภายในหอประชุม  แม้จะไม่สว่างจ้า  แต่ก็อบอุ่นกว่าแสงไฟจากหลอดมากนัก

จากนั้นพี่ๆ ในสายรหัสเรา  ต่างก็พากันเดินเข้ามาหาน้องรหัส  พร้อมทั้งผูกข้อมือและอวยพรให้ด้วย


“ ตั้งใจเรียนนะ..  และถ้ามีอะไรจะให้พี่ช่วย  ก็บอกได้เลยนะ “ 

พี่ซีสายรหัสปี 2 บอกขณะกำลังผูกข้อมือให้ผมครับ

“ ชีวิตในมหาลัยฯ มันอาจจะสบายกว่ามัธยมก็จริง  แต่ความรับผิดชอบมันสูงกว่ามาก  อย่าประมาทในการใช้ชีวิตนะ  ถ้ามีอะไรจะให้พวกพี่ช่วย...  ก็บอกมาได้เลยนะ “ 

ต่อมาด้วยคำเตือนสติจากสายรหัสปี 3

“ ตั้งใจเรียนและอย่าลืมว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ  เรายังมีเพื่อนๆและพี่ๆช่วยเราได้เสมอ  มีความสุขมากๆ กับชีวิตมหาลัยฯ ต่อไปจากนี้นะ “ 

และปิดท้ายด้วยสายรหัสปี 4 ครับ



บอกไม่ถูกเลยครับว่ารู้สึกยังไง  แต่มันตื้นตันและประทับใจจริงๆ....

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิน  แสงไฟในหอประชุมก็ถูกเปิดขึ้นมา 

ที่หน้าเวทีไม่มีพี่กิจกับพวกพี่ว๊ากยืนทำหน้าดุกันอีกต่อไป  มีแต่พี่กิจที่ผมรู้จัก  กำลังนั่งอยู่ที่ขอบเวททีพร้อมกับยิ้มแป้นอยู่ในตอนนี้  โดยที่รอบข้างก็มีพี่ว๊ากหน้าโหดที่ตอนนี้ดูจะไม่โหดสักเท่าไหร่แล้ว  แต่เพราะหนวดเครา  มันก็เลยทำให้ดูเถื่อนๆ อยู่บ้างก็เท่านั้นเอง....

“ ปี2 ๆ  ขอไมค์พี่หน่อย  เจ็บคอว่ะ “

พี่กิจตระโกนบอกพวกสต๊าฟปี 2 อย่างเป็นกันเอง  ปราศจากภาพลักษณ์ประธานเชียร์ที่เราเคยเห็นมาโดยตลอด  จนหลายๆคนรู้สึกแปลกใจ

พอได้ไมค์มาพี่กิจก็เริ่มพูดขึ้น

“ ไม่ต้องเกร็งนะครับน้อง...  พวกพี่โหดกันขนาดนั้นเลยเหรอ “


“ โหด!!!!!!! “ 


ไม่ใช่เสียงจากพวกเราปีหนึ่งนะครับ  แต่เป็นพวกพี่ๆ ที่ยืนกันอยู่ข้างๆ ตระโกนมาครับ  บรรยากาศดูจะผ่อนคลายมากขึ้นอย่างมาก  ถึงมากที่สุดแล้วในตอนนี้

“ โหดอะไร...  ปีผมโดนกนักกว่านี้อีก..  “ 

พี่กิจแก้ตัวมาครับ

“ เอาละ...  เข้าเรื่องกันเลยนะครับน้อง  วันนี้ก็จะเป็นวันเชียร์วันสุดท้ายแล้ว  แต่ว่า..  น้องๆ จะยังไม่ได้ช๊อปกับเกียร์นะ  คือพวกพี่ๆ ยอมรับพวกเราเป็นรุ่นน้องแล้วก็จริง  แต่เรื่องรุ่น...  ก็คงต้องอยู่ที่ตัวน้องๆ เองแล้ว  ว่าน้องๆ จะแสดงให้พวกพี่ เห็นกันได้ยังไง  กับสิ่งที่พวกพี่ๆ สอนใว้ในห้องเชียร์...   จนหลัง Sport day ของมหาลัยฯ  เราค่อยมาดูกันว่าน้องๆ จะได้รุ่นกันมั้ย  แต่หลังจากนี้..  ก็ไม่ต้องกลัวพี่และไอ้พวกเถื่อนๆ นี่แล้วนะครับ เห็นหน้าดุๆ อย่างนี้  แต่ใจโครตติ๋มเลยนะ  พี่ขอบอก “


ถึงตรงนี้พวกเราก็พากันหัวเราะลั่นทันที  แล้วบรรยากาศก็เริ่มครึกครื้นเป็นกันเองแบบพี่กับน้อง...  รู้สึกดีและอบอุ่นอย่างที่สุดเลยครับ...



....................


ออกจากหอประชุมมา  ภายนอกก็สว่างจ้าแล้วละครับ 

นี่พวกเราอยู่กันจนถึงเช้าจริงๆ เลยเหรอเนี่ย 

นึกๆ ดูแล้ว  ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะผ่านวันโหดๆ อย่างนี้มาได้  แต่พอมันผ่านมาได้แล้ว  ความรู้สึกที่ได้รับมันก็คุ้มค่าเกินกว่าที่คิดเอาไว้มากเลยจริงๆ

“ แล้วนี่มึงกลับยังไง  ให้ไอ้ธันไปส่งมั้ย “ 

ไอ้เรย์ถามมาครับ  แหม.... ช่างมีน้ำใจมาก  ถามมาเองแท้ๆ แต่กลับโยนไปให้คนอื่นแทน  ซึ่งผมก็รู้นะครับว่ามันคงจะต้องไปส่งแพรแทนไอ้ธันมัน

“ ไม่รู้ว่ะ  แต่กูว่า... กูกลับเองดีกว่า  รบกวนไอ้ธันมันด้วย  มันจะได้กลับไปนอนพัก “  ผมบอกไปครับ

“ กวนอะไรกันต์  ให้เราไปส่งนะ “  ไอ้ธันมันยิ้มบอกมาครับ

“ อืม..  ถ้างั้น “



“ กลับกันยัง!  “ 



เสียงพี่กิจดังมาจากทางด้านหลังครับ  พร้อมกับร่างสูงหล่อที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกผม

“ อ้าว...  นึกว่าพี่ต้องประชุมต่อ “  ผมถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ

“ ประชุมอะไรล่ะ  ง่วงจะตายอยู่แล้ว... “ 

พี่กิจทำหน้าเบื่อโลกบอกมาครับ 

“ นั้น...  เดี๋ยวกูกลับกับพี่กิจละกันมึง “
 
ผมหันไปบอกไอ้ธันมันครับ  ซึ่งมันก็ได้แต่พยักหน้าเล็กๆ ตอบมา


จากนั้นผมก็แยกตัวกับเพื่อนๆ ไปยังลานจอดรถใกล้ๆ หอประชุมกับพี่กิจ

“ กินอะไรเช้านี้ “ 

พี่กิจถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถ

“ อืม..  อะไรก็ได้พี่  ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่อะ  ง่วงมากกว่า “

“ นั้นโจ๊กแถวคอนโดละกันเนอะ “ 

ผมพยักหน้ายิ้มรับ  ก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง

เมื่อปิดประตูรถลงแล้ว  ผมก็เริ่มบิดขี้เกียจพลางเอามือมาขยี้ตา  ก่อนจะมองดูสายสิญจน์ที่ข้อมือที่พี่ๆ เขาผูกมาให้  แล้วเปรยเล่นๆ ขึ้นมาเบาๆ ว่า....

“ เสียดาย...  ไม่ได้พี่มาผูกให้บ้าง “

“ ทำไม..  อยากให้พี่ผูกให้เหรอ “

“ ก็.. “ 

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ  แต่พยักหน้าเล็กๆ ให้แทน  จากนั้นพี่กิจก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ  ก่อนจะหยิบเอาสายสิญจน์เส้นเล็กออกมาเส้นหนึ่ง  แล้วดึงมือซ้ายของผมไป  เพื่อผูกให้เหมือนกับพี่ๆ ในสายรหัสผม

“ ข้างขวาดีกว่าพี่ “

“ ทำไมอะ “

“ ก็ผมจะได้รู้ไงว่าเส้นนี้เป็นของพี่ “

ผมบอกไปแค่นั้น  ซึ่งพี่กิจก็ทำหน้างงๆ มองมา  แต่ก็ยอมผูกให้แต่โดยดี

“ ชีวิตมหาลัยฯและต่อไปจากนี้...  อย่าคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว  ให้จำไว้เสมอว่าเรายังมีพี่คนนี้ที่คอยดูเราอยู่เสมอ  ต่อจากนี้ไปพี่จะคอยดูแลเราเองนะ...  พี่สัญญา “

พี่กิจพูดมาแบบนี้  ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกไปเลยครับ  คิดไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้  แถมยังเผลอยิ้มออกมาเล็กๆ ด้วยสิ...

“ สัญญาจริงๆ นะ... “

“ อื้ม..  พี่สัญญา “

ผมมองตากับพี่กิจได้แค่ครู่เดียวเท่านั้น  ก่อนจะเสไปมองทางอื่น  พร้อมทั้งอมยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วในตอนนี้

ช่างเป็นเช้าที่มีความสุขอะไรแบบนี้ครับ  ทั้งในห้องเชียร์และในเวลานี้...

มันเป็นวันที่ดีเอามากๆ วันหนึ่งในชีวิตของผมเลยนะ 

ซึ่งผมจะจดจำไว้...  ไม่ลืมเลยละครับ...




TBC.


-----------------------------------------------------------

ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง  ทั้งสุขภาพและเรื่องอื่นๆ  ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ 

ผมอ่านทุกๆคอมเม้นต์นะครับ  มีความสุขที่ได้อ่าน  และยิ่งเห็นคนอ่านมีความสุขกับสิ่งที่เราทำมันก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปใหญ่

แฮ่....

จากพล็อตเรื่องที่ร่างไว้ในหัว....  อยากเขียนซีซั่น2 แล้วอ่า  มันจะเป็นอะไรที่น่ารักมาก  ถ้าเทียบความดราม่าแล้ว  น่าจะน้อยที่สุดใน 3 ซีซั่นเลย  บอกได้แค่ว่า....  แค่คิดก็ยิ้มออกแล้ว ><

สำหรับวันน้ขอติด  ตอนพิเศษไว้เหมือนเดิมก่อนนะครับ  เรียงประโยคไม่ทัน...

คือปกติ  ผมจะพิมพ์คร่าวๆไปก่อน  พอตอนจะลง  จะมานั่งเรียงประโยค แก้คำ ต่างๆนานา อีกทีอะครับ 

นี่จะเป็นตัวอย่างที่ผมพิมพ์คร่าวๆ  ก่อนจะลงและยังไม่เรียงประโยค  คือมันจะมีคำผิดเพียบ  และเวลาอ่านประโยคมันจะขัดๆ  อ่านยากกว่าปกติอะครับ...
....................................................
ตัวอย่างตอนที่เท่าไหร่มะรู้อะครับ  30กว่าๆเนี่ยแหละครับ 
.....................................................

“ อันนี้ไว้ไหนอะ “
ผมถามขึ้นขณะกำลังถือกล่องใส่หนังสือเข้ามาในห้อง
“ แถวชั้นตรงนั้นก็ได้  เดี๋ยวเราจัดเอง “ 
ไอ้ธันมันชี้ไปยังชั้นหนังสือใกล้ๆโต๊ะทำงานในห้องนอนครับ  ขณะที่ตัวมันเองกำลังง่วนอยู่กับการลำเรียงกล่องอีกหลายใบเข้ามา
“ มาเดี๋ยวกูช่วย “
ผมบอกไปก่อนจะไปช่วยประคองกล่องที่วางซ้อนกันสูงเหนือหัวมันเข้าไปในห้อง  มันไม่ค่อยหนักเท่าไหร่หรอกครับ  แต่เพราะมันซ้อนกันสูงเลยทำให้ไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไหร่ เพราะเหตุนี้มันก็เลยพลาดเอียงล้มมาทางผมก่อนจะประคองไปถึงทที่หมาย
“ เห้ย!! “
โครม !
โชคดีนะครับที่ของข้างในไม่หนักและผมก็ล้มลงไปนอนหงายอยู่บนเตียง  แต่มันแย่ก็ตรงที่ไอ้ธันที่ประคองอยู่อีกฝั่งมันล้มตามผมลงมาด้วยอะครับ  ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่ามันกำลังคร่อมร่างผมไว้อยู่บนเตียง  ซึ่งหน้ามันกับผมก็อยู่ไม่ไกลกันมากเท่าไหร่  เห็นสายตามันมองมาแล้วผมก็ไม่กล้าสบตาต่อ
เขินครับ...
แต่มันไม่ได้รู้สึกสั่นไหวแบบที่เป็นกับพี่กิจนะครับ  แค่ไม่ชินกับการจ้องตาผู้ชายด้วยกันในระยะประชิดแบบนี้ก็เท่านั้นเอง
“ เอ่อ...  มึงขยับออกไปหน่อยดิ “
ผมอ้อมแอ้มบอกไป  เมื่อเห็นมันนิ่งค้างไว้แบบนี้นานไปแล้ว
“ โทษทีๆ  กันต์เจ็บตรงไหนเปล่าอะ “
มันยิ้มแหยๆว่ามาก่อนจจะผละตัวขึ้นมาจากร่างผมครับ
“ ไม่อะ... “
แล้วก็เกิดมีเดธแอร์เล็กๆขึ้นมาระหว่างผมกับมัน  ผมเลยรีบชิงพูดขึ้นมาต่อเพื่อทำลายบบรรยากาศที่เกิดขึ้นนี้ทันที
“ นั้นเดี๋ยวกูช่วยเรียงหนังสือเข้าชั้นให้ละกันนะ “
ว่าจบผมก็รีบเดินไปที่ชั้นหนังสือก่อนจะนั่งลงข้างกล่องใส่หนังสือที่ผมพึ่งจะยกเข้ามาเมื่อกี้นี้ครับ
เท่าที่ดูจากหนังสือแล้ว  ไอ้ธํนมันน่าจะเป็นคนชอบแต่งบ้านหรืออะไรทำนองน้มากนะรับ  เห็นมีหนังสือเกี่ยวกับบ้านตั้งหลายเล่ม  ไม่เหมือนผมที่ส่วนมากนอกจากหนังสือเรียนก็จะเป็นการ์ตูนซะมากกว่า
ผมหยิบหนังสือเรียนนมันขึ้นมาดูพลางเปิดดูผ่านๆ  โห...  มันเขียนตัวหนังสือสวยมากครับ  แถมจดงานก็เป็นระเบียบดีด้วย  ไม่แปลกใจเลยที่มันจะเป็นยคนเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม...
เปิดดูไปได้ไม่นานผมก็มาสะดุดที่ชื่อมันครับ...  ก่อนจะเหวอไปนิดๆ  เพราะแปลกใจกับสิ่งที่พึ่งรู้เกี่ยวกับตัวมันขึ้นมา
“ เฮ้ยธัน... ทำไมคำนำหน้าชื่อมึงถึง... “
ผมหยุดถามต่อเพื่อรอมันตอบมาครับ  มันยิ้มเจื่อนๆก่อนจะตอบกลับมาให้
“ ก็ตามนั้นแหละ.... “
ตามนั้นอะไรกันครับ...  ก็คำนำหน้าชื่อมันไม่ได้เป็น นาย ธันวา...  แต่เป็น  มล. ธันวา   นะครับ  ไม่ได้ธรรมดาๆเหมือนน้ำเสียงที่มันตอบมาเลยสักนิด
“ จริงๆก็มีแค่แพรเท่านั้นที่รู้  ก็ทำไงได้ละ  เลือกเกิดไม่ได้นี่.... “
..............................................................................................
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////
อีกช่วง...  ที่อึนๆอยู่..  ดราม่าเบาๆ  แต่ยาวนาน  คือมันจะทำให้เข้าใจความรู้สึกสุดท้ายเมื่อจบไปได้ครับ....  แต่...นิยายผมอย่างที่บอกไว้  จบแฮปปี้แน่นอน
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////
..............................................................................................

กว่าจะกลับเข้าห้องตัวเองมาก็เกือบ 4 ทุ่มแล้วครับ
พอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นพี่กิจที่นั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก  มองดุมายังผมทันที  ผมเลยได้แต่ฝืนยิ้มเล็กๆส่งให้ไปเพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้ดูตรึงเครียดอะครับ
บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไงมากกว่ากันระหว่างกลับดึก (ซึ่งเอาจริงๆไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะผมบอกพี่เขาไปแล้ว )  หรือ ทำตัวไม่ถูกเวลาที่ต้องเจอหน้าพี่เขามากกว่า
“ ทำไมถึงดึกขนาดนี้ “
“ ก็ผมบอกพี่แล้วไงว่าช่วยไอ้ธันมันย้ายหออะ “
“ ที่ไหน... “
ทำไมรู้สึกเหมือนเรากำลังคุยกันในช่วงแรกๆที่เจอกันเลย  ไม่เหมือนช่วงที่ผ่านมานี้เลย  อาจเพราะความรู้สึกมันไปแล้วละมั้งเพราะการทำอะไรไม่คิดของผมที่บอกพี่เขาไปแบบนั้น
“ ที่นี่ครับ  ธันมันย้ายมาอยู่ที่นี่...  ชั้นข้างล่างเรานี่เอง “
ผมบอกไปตามจริง  แล้วจู่ๆ พี่กิจก็ร่นคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่  ซึ่งผมเดาใจพี่เขาไม่ออกจริงๆเลยครับตอนนี้
“ แล้วทำไม  มันถึง.. “
“ ถ้าพี่กิจไม่มีอะไรแล้ว  ผมขอเข้าห้องแล้วนะครับ  วันน้เหนื่อยมามากแล้ว “
ไม่ทันที่พี่เขาจะพูดจบผมก็รีบบอกออกมาก่อนทันที  มัน...อึดอัดกับบรรยากาศตอนนี้อะครับ 
ขอผมทำใจ  ขอระยะห่างและเวลาสักหน่อยนะครับพี่  แล้วผมจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เหมือนพี่กิจจะดูเหวอๆ ไปเล็กน้อย  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ  รีบเดินดุ่มๆเข้าไปยังห้องนอนทันที  ก่อนจะโยนเป้สะพายไปไว้บนเตียง  และล้มตัวตามลงไป
ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ...  ผมไม่ชอบเลยความรู้สึกและบรรยากาศแบบนี้
ไม่ชอบเลยจริงๆ.....

////////////////////////////////////////////////////
เขียนไปกะเหนื่อยใจไป >< 
..............................................
ผมจะพยายามลงบ่อยๆ นะครับ  จะพยายามตั้งใจเพื่อคนอ่าน
ผมอยากให้มีความสุขและผูกพันกับนิยายเรื่องนี้กัน  มันจะทำให้ในวันที่เราเหนื่อยล้า...  ถ้าเราคิดแค่ว่าวันนี้เราจะได้อ่านอะไรที่ทำให้เรามีความสุขแล้ว....   มันจะทำให้เรามีกำลังใจกับวันร้ายๆแบบนั้นได้
ถ้ามันเป็นไปได้แบบนั้น  ผมจะมีความสุขมากเลยที่ได้แบ่งปันความสุขกับคนอื่นได้แบบนี้
มันอาจจะเป็นนิยายและการใช้ภาษาที่ไม่สวยหรูนัก(เพราะผมโง่เรื่องภาษามากครับ  ไม่ถนัดเลย)  แต่ผมก็อยากทำอะไรที่เราตั้งใจไว้อะครับ

ขอให้มีความสุขกับนิยายนะครับ  แล้วเจอกันตอนต่อไปน้าคร้าบ 
แฮ่....
^__________________________________________________^ 




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แต่จริงเราชอบ ธันนะเออ อยากให้พี่กิจเป็นพี่ชายที่แสนดีแล้วธันเป็นแฟนที่น่ารักนะ

ดีใจนะที่ผู้เขียนมีความสุข รักษาสุขภาพนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กว่าจะผ่านได้ แทบจะเป็นซอมบี้กันหมดเลยนะ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 29



กันต์'s  Part




และแล้ว 1 สัปดาห์ก่อนสอบกลางภาคก็มาถึง 

หลายๆ รายวิชาก็งดการเรียนการสอน  เพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวอ่านหนังสือสอบกันครับ  ในขณะที่พวกผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่หอสมุดกลางเพื่ออ่านหนังสือสอบ  ครั้นจะอยู่แต่ที่หอก็คงจะไม่ได้อ่านเป็นแน่  ได้มาอ่านกับเพื่อนๆ  แบบนี้แหละดีแล้ว  เพราะเวลามีอะไรที่ไม่เข้าใจ  ก็จะได้ถามกันได้และไม่น่าเบื่อด้วย

“ แม่ง... เนื้อหาครึ่งเทอมเท่ากับเรียนมอปลายมา 2 ปี  แถมยากกว่า..  จะโหดไปไหนวะเนี่ย!!! “ 

ไอ้เรย์มันบ่นเสร็จ  ก็โยนชีทวิชาเคมีไปตรงหน้าทันทีเลยครับ

“ อะไรเรย์...  นั่งอ่านมายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ  มาทำเป็นบ่น  อ่านต่อไปเลยนะ  เดี๋ยวก็ไม่รอดหรอก “ 

แพรที่นั่งข้างๆ หันมาดุมันครับ  ไอ้เรย์มันมันทำหน้าอิดออดเล็กน้อย  แต่ก็ยอมจับชีทขึ้นมาอ่านใหม่อยู่ดี

“ แหม...  แพรสั่งหน่อยทำเป็นเชื่องเลยนะมึง “  ผมแซวไปครับ

“ เชื่องพ่อมึงดิ  กูก็เป็นคนขยันเหมือนกันนะเว้ย “


“ เหรอ!!! “


คราวนี้ทั้งผม ไอ้เจมส์ และก็ไอ้แน๊ค  ต่างก็อุทานขึ้นมาพร้อมกันทันที  ก็มันน่าเชื่ออยู่หรอกครับ  อย่างไอ้เรย์เนี่ยนะจะสนใจการอ่านหนังสือ.... 

ไม่มีทาง !!


“ เออนี่...  พวกมึงรู้กันป่าว...  ว่าหลังมิดเทอม  ภาคเราจะมีการรับน้องต่างจังหวัดกันนะ “ 

ไอ้แน๊คเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาครับ

“ มึงไปเอาข่าวมาจากไหนวะ “ 

ไอ้เจมส์คู่หูมันถามมาต่อ

“ ก็พี่รหัสกูบอกมา  ว่าปกติแล้ว  หลังมิดเทอมภาคเราก็จะไปรับน้องกันที่ต่างจังหวัด “ 

“ ดีอะ  อยากอยู่ภาคอุตฯ บ้าง  จะได้ไปพักผ่อนด้วย “  ไอ้ธันว่ามาครับ

“ คงจะได้พักผ่อนอยู่หรอก  กลัวจะถูกเอาไปแกล้งมากกว่าดิ “  ไอ้แน๊คเสริมต่อ

“ ไม่มั้ง  จบจากห้องเชียร์แล้วนี่ “  คราวนี้ผมออกความเห็นบ้างครับ

“ มันก็ใช่..  แต่อะไรที่พิเรน ๆ อะ  คิดว่าจะรอดเหรอวะ “
 
มันก็จริงของไอ้แน๊คนะครับ  ยิ่งคณะวิศวะเราด้วยแล้ว  อะไรที่พิเรนๆ อะ..  มีเพียบ!!


.............................


ร้านกาแฟข้างมหาลัยฯ

ตอนนี้ก็กว่า 4 เย็นแล้ว  ที่เรานั่งเล่นกันอยู่ที่ร้านกาแฟข้างมหาลัยฯ  ฟังไม่ผิดหรอกครับว่านั่งเล่น  แม้จะมีกองเอกสารและหนังสือมากมายอยู่บนโต๊ะก็ตาม  แต่ขนมและเครื่องดื่มก็มากไม่แพ้กัน  คือมันเริ่มล้าแล้วอะครับ  กับการอ่านหนังสือ  เราเลยเปลี่ยนมานั่งคุยเล่นกันไปเรื่อย  ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะบรรยากาศในร้านมันดีและสามารถคุยกันได้  ไม่เหมือนในหอสมุดกลางที่ห้ามส่งเสียงดัง  เลยทำให้พวกเราติดลมและก็วางหนังสือกันยาวเลยตอนนี้


“ กลับกันยัง “

เสียงพี่กิจดังขึ้นมาจากทางด้านหลังผมครับ  พอหันไปมอง  ก็เห็นพี่เขาในสภาพชุดนักศึกษาที่ไม่เนียบเหมือนเช่นทุกที  คือละชายเสื้อออกมานอกกางเกงและพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก  ต่างไปจากทุกทีที่ยังอยู่ในสถานะประธานเชียร์มาดขรึม

วันนี้พี่กิจมีพรีเซนต์งาน  ก็เลยต้องเข้าคณะครับ  พี่เขาเลยบอกให้ผมรอกลับพร้อมกันกับเขา

“ พี่กิจหวัดดีครับ // ค่ะ “

แล้วเพื่อนๆ ในโต๊ะก็พากันยกมือไหว้พี่กิจ  ซึ่งพี่เขาก็รับไหว้และยิ้มรับอย่างเป็นกันเองให้ด้วยเช่นกัน


หล่อสาด.....  สาวๆ ในร้านมองกันเต็มเลยครับ


“ พี่กิจติวให้พวกผมบ้างดิ  อ่านไปแม่งไม่เข้าใจเลยพี่ “ 

ไอ้เรย์มันว่ามาครับ  พอจบห้องเชียร์ความเกร็งๆ ในตัวพี่เขาก็ดูจะลดน้อยลงไปเยอะ

“ เอาดิ  ไว้หาวันที่พวกเราว่าง  แล้วมาบอกพี่ก็ละกัน  เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้  แต่มึงนะไอ้เรย์....  ถ้าตกมีนวิชาไหนละก็...  มึงโดนพี่ซ่อมแน่ “ 

พี่กิจพูดพลางชี้นิ้วหมายหัวไปที่ไอ้เรย์มันครับ

“ อะไรพี่  ไหงผมโดนคนเดียวอะ “  มันทำหน้างงถามมาครับ

“ ก็มึงเป็นน้องชมรมไง  ตกมีนก็เท่ากับเสียชื่อชมรมเราหมด “

“ เกี่ยวกันป่าวอะพี่  ไอ้เจมส์ก็น้องรหัสพี่นะ  ทำไมมันไม่เห็นโดนเหมือนอย่างผมบ้างอะ  ไอ้กันต์มึงก็อีกคน..  อย่ามายิ้มหัวเราะกูเลยนะสัด.. “

“ ก็กูอยากแกล้งมึงไง...  มีไรป่ะ “

พี่กิจพูดจบ  พวกเราก็พากันหัวเราะกันทั้งโต๊ะเลยครับ  จะมีก็แต่ไอ้เรย์เท่านั้นที่ทำหน้าเซ็งอยู่คนเดียว  ถึงจะดูเหมือนพี่เขาพูดเล่นนะ  แต่เชื่อผมเถอะ  ถ้ามันตกมีนจริงๆ รับรองพี่เขาแกล้งมันจริงๆ แน่  ฮ่าๆๆๆ 

และผมเนี่ยแหละ  ที่จะเป็นคนเอาคะแนนมันไปรายงานพี่เขา  อิอิ


...........................


“ เดี๋ยวแวะซุปเปอร์มาเก็ตหน่อยนะ  ของในตู้เย็นหมดแล้วอะ “ 

พี่กิจว่ามาขณะที่เรากำลังเดินไปยังรถที่จอดไว้ไม่ไกลมากจากร้านกาแฟครับ

“ ครับ  ว่าแต่...เย็นนี้พี่อยากกินไรมั้ย  เดี๋ยวผมทำให้  ไหนๆ ก็เข้าซุปเปอร์แล้ว “

ผมบอกไป  พี่กิจก็หันมามองผมยิ้มๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“ เอาใจพี่ปะเนี่ย “

“ เอาใจอะไร!  แค่ถามเฉยๆ  เผื่ออยากกินอะไร... “

“ เสียงสูงนะ...  แต่อืม... อะไรก็ได้อะ  พี่กินได้หมดแหละ “

“ นั้น....  เอาเป็นพวกสปาเก็ตตี้ละกันเนอะ  ไวดี  ง่ายด้วย “

พูดจบ  พี่กิจก็ยิ้มและเลิกคิ้วเห็นด้วยส่งมาให้  และก่อนที่เราจะมาถึงรถ  ผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ

แมวครับ...  ตัวใหญ่ด้วย  แต่ไหงมันดูผอมแบบนี้ล่ะเนี่ย 

มันเป็นแมวธรรมดาๆ สีเทา  มีลายสีดำเหมือนเสือตามตัวครับ  แต่ที่ผิดสังเกตคือมันดูผอมเอามากๆ เลย

“ เมี๊ยวๆ  มานี่มะ.. “ 

ผมนั่งลงและเรียกมันครับ  มันมองผมนิ่งๆ ก่อนจะเดินโซซัดโซเซมาหา  และก็..  ล้มลงครับ  เหมือนมันจะพยายามลุกขึ้นมา  แต่ก็ดูจะไม่ค่อยไหวสักเท่าไหร่  ผมเลยรีบเดินเข้าไปหามันครับ 

ผมค่อยๆ อุ้มมัน  ซึ่งมันก็ว่าง่ายมาก  หรืออาจจะเพราะมันไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่  ซึ่งดูๆ แล้ว  ผมว่ามันน่าจะหิวและกำลังป่วยอยู่นะครับ  ไม่งั้นสภาพมันคงไม่แย่ขนาดนี้หรอก

“ พี่กิจๆ...  มันป่วยอะ  ช่วยพามันไปหาหมอหน่อยได้มั้ย “

ผมหันไปร้องเรียกพี่กิจ  ซึ่งพี่เขาก็เดินเข้ามา  ก่อนจะนั่งลงดูมันข้างๆ ผม

“ นะครับพี่...  มันน่าสงสารมากอะ  นะครับพี่กิจ  น้า.... “

ผมอ้อนพี่เขาไปไม่นาน  พี่กิจก็พยักหน้ารับ  ก่อนจะบอกให้ผมอุ้มมันไปที่รถครับ


..........................................


ที่คลินิกรักษาสัตว์

คุณหมอตรวจเจ้าเหมียวนั่นสักพัก  ก็ออกมาบอกว่ามันป่วยและท่าทางจะอดอาหารมานาน  วันนี้เลยอยากจะให้แอดมิดไว้ที่นี่ก่อน  พรุ่งนี้ค่อยมารับกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านครับ

“ แล้วนี่...ถ้าพรุ่งนี้เอาออกจากคลินิกแล้ว...  จะเอายังไงต่อ  จะเอามันไปไว้ที่ไหน “ 

พี่กิจถามขึ้นขณะที่เรากำลังจะเดินกลับไปที่รถ

“ ก็...เอาไว้ที่ห้องไงพี่...  ถามแปลก... “

“ เห้ย!!  ได้ไง...  ไม่เอาหรอก  พี่ไม่เลี้ยงแมวหรอกนะ “

“ ก็...  อย่างน้อยขอแค่ให้มันดีขึ้นก่อนก็ได้  เดี๋ยวผมค่อยหาบ้านให้มันเอง “

พี่กิจขมวดคิ้วมองมาที่ผมเล็กน้อย  ส่วนผมก็ได้แต่ทำสายตาเว้าวอนอยู่เนืองๆ จนในที่สุดพี่เขาก็ยอมใจอ่อนตกลง  โดยมีข้อแม้ว่าถ้ามันหายดีแล้ว  ก็ให้เอามันไปปล่อยหรือหาบ้านให้มันอยู่ที่อื่น  ซึ่งผมก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายครับ  ขอแค่ให้ผ่านไปให้ได้ก่อน  อย่างอื่นค่อยว่ากันอีกทีหลังครับ


......................................


วันต่อมา....

ผมกับพี่กิจไปรับเจ้าเหมียวนั่นกลับมาที่คอนโดครับ  ซึ่งผมได้เตรียมกระบะทรายและที่นอนของมันไว้ให้แล้วที่ห้องของผม  ทว่าผมที่ไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน  เลยได้แต่เปิดๆ ดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น  ว่ามันต้องมีอะไรบ้าง  ช่วงบ่ายผมก็เลยรีบกลับจากมหาลัยฯ เพื่อมาเตรียมรอเอาไว้ก่อน

มันเป็นแมวที่เชื่องมากครับ  ว่านอนสอนง่ายแบบสุดๆ เลย  แต่ตอนนี้มันไม่ค่อยจะมีแรงสักเท่าไหร่  ได้แต่นอนอยู่ที่เบาะนุ่มที่ผมเตรียมไว้ให้เท่านั้น  พี่กิจเดินเข้ามาดูมันเล็กน้อย  ก่อนจะกำชับให้ผมดูแลมันดีๆ  อย่าให้มันไปทำลายข้าวของในห้องด้วย  จากนั้นพี่เขาก็ออกไปนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อที่โซฟา


......................................


ผ่านไป 3 – 4 วันมันก็เริ่มดูดีขึ้นมากครับ  เริ่มอ้วนขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ  ผมตั้งชื่อให้มันว่า ไทเกอร์  เพราะมันเหมือนเสือมากครับ
เชื่อดิ...  ถ้ามันตัวโตนะ  มันก็เป็นเสือดีๆ นี่เอง



…….



“ กันต์!   อ่านหนังสือ...  อย่ามัวแต่เล่นกับแมว “

“ คร้าบๆๆ “

ผมวางไอ้ไทเกอร์ไว้บนโซฟาข้างๆ ก่อนจะหยิบเลคเชอร์และหนังสือแคลคูลัสมาดูเพื่อจะหัดทำโจทย์ต่อ  พอลองทำไปได้สักพัก  มันก็แก้สมการต่อไม่ออก  โครตยากเลยครับ....

ผมเกาหัวหยิกๆ  ก่อนจะเหลือบมองไปยังตัวช่วยที่นั่งอ่านชีทอยู่ที่โซฟาเดี่ยวใกล้ๆ

“ พี่กิจ...  ทำไม่ได้อีกแล้วอะ “

นี่เป็นรอบที่ 3 แล้วครับที่ผมร้องเรียกพี่เขา 

พี่กิจละสายตาจากชีทมามองผมเล็กน้อย  ก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ แล้ววางชีทเรียนลงที่โต๊ะกลางตรงหน้า  จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามาหาผมที่โซฟายาว  ซึ่งมีผมกับไอ้ไทเกอร์กำลังนอนอยู่  ผมอุ้มมันขึ้นมานอนบนตัก  เพื่อที่จะให้พี่กิจได้ลงมานั่งข้างๆ

“ ไหน... “ 

พี่กิจหยิบเอากระดาษที่ผมใช้ทำโจทย์ขึ้นมาดู  ก่อนจะ...

“ โอ้ย!! “

เอาดินสอกดมาตีหัวผมครับ….  ( แง่ง !!!! )

“ นี่มันก็โจทย์รูปแบบเดิมที่พี่สอนไปเมื่อกี้นี้ไง  อะไรกัน  สอนไม่จำเลย...  มัวแต่เล่นแมวอะเรา “

โดนดุเลยครับ  ก็มันยากนี่  ดิฟบ้าดิฟบอ...บายพงบายพาร์ทอะไรก็ไม่รู้  มั่วไปหมด...  คือมันยากกว่าแคลเมื่อตอนมอปลายตั้งเยอะ

ก็ใครมันจะไปอัจฉริยะเหมือนคุณชายละคร้าบ....

พี่กิจสอนผมอีกครั้ง  ก่อนจะหยิบเอาหนังสือไปเลือกวงๆ โจทย์ที่น่าสนใจให้ผมลองหัดทำดู

“ 20 ข้อเลยเหรอพี่ “

“ อือ...  แล้วถ้าผิดเกิน 5 ข้อล่ะก็.... “

ถึงจุดนี้...  พี่กิจก็อุ้มไอ้ไทเกอร์ไปนอนบนตักของตัวเอง

“ พี่จะเอาไอ้ไทเกอร์ไปเก็บไว้ในห้อง  แล้วเราก็ต้องทำต่ออีกเท่าตัว “

โหดสัดรัสเซีย!!!!!!

“ โหพี่  โหดไปอะ  10 ข้อได้มั้ย “

พี่กิจยิ้มให้ผมได้ใจชื้น  ก่อนจะตอบมาอย่างหน้าตายว่า... 



“ไม่... “




ผมได้แต่พ่นลมออกจมูกอย่างเซ็งๆ ใส่คนตรงหน้า  ซึ่งกำลังหยิบชีทเรียนขึ้นมาอ่านต่อ  โดยมีไอ้ไทเกอร์นอนสบายอยู่บนตัก




................



“ เสร็จสักที... “

ผมโยนดินสอกดลงบนกระดาษ  ก่อนที่พี่กิจจะหันมามองผมหน้านิ่ง  และทำท่าว่าจะลุกขึ้นมาเอามันไปตรวจคำตอบดู  แต่กลับถูกผมเบรคเอาไว้ก่อน

“ เดี๋ยวก่อนคร้าบ...  ถ้าผมผิดไม่เกิน 5 ข้อ...  มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้างนะคร้าบโผม... “

พี่กิจมองผมเหมือนกำลังชั่งใจ  ก่อนจะถามว่าผมจะเอาอะไร  ผมจึงตอบพี่เขาไปครับ

“ พาไปหาอะไรอุ่นๆ กินหน่อยน้า...  ยิ่งดึกมันก็ยิ่งหิวอะพี่ “

พี่กิจเลิกคิ้วตอบตกลง  ก่อนจะเริ่มตรวจคำตอบและวิธีทำของผม 

สุดท้าย...  ด้วยความอัจฉริยะของผม  ก็ทำให้สามารถออกไปหาอะไรกินรอบดึกได้ 

เย้!!!!



................................



เรากลับเข้าห้องมากันอีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้วครับ  มาถึงพี่กิจก็เดินเข้าห้องนอนเลย  ส่วนผมก็ว่าจะกลับมาดูโจทย์ที่ทำเมื่อกี้อีกสักหน่อย  เผื่อว่าข้อไหนผิดจะได้ให้พี่เขาอธิบายต่อให้ในวันพรุ่งนี้  แต่พอลองเช็คดูเท่านั้นแหละครับ  ผมนี่ถึงกับยิ้มแก้มแทบปริเลย

เพราะอะไรรู้มั้ย...?

ก็เพราะว่า... 

จริงๆ แล้ว...  ผมถูกแค่ 13 ข้อเองครับ  แต่พี่กิจก็ยังพาผมออกไปหาอะไรกินมื้อดึกอยู่ดี... 

แค่พี่เขาดีกับผมแบบนี้  ผมก็มีความสุขมากแล้วล่ะครับ

“ ปะไทเกอร์  เราไปนอนกันดีกว่า “

ว่าจบผมก็อุ้มมันเดินเข้าไปนอนในห้องทันที  ก่อนจะวางมันลงบนเบาะตรงมุมห้อง  ใกล้ๆ โต๊ะเขียนหนังสือครับ  แต่พอผมล้มตัวลงนอนเท่านั้นแหละ  มันก็เดินเข้ามา  แล้วกระโดดขึ้นมานอนที่หมอนอีกใบข้างๆ ผมทันที

ขี้อ้อนชะมัดเลย...



.................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
เช้าวันต่อมา

เช้าวันอาทิตย์อย่างนี้  หลังจากออกกำลังกายกับพี่กิจเสร็จ  ก็ต้องทำมื้อเช้าอร่อยๆ กินครับ  แต่ก่อนอื่น...  ผมต้องหาอาหารให้ไทเกอร์มันก่อน  และไม่รู้ว่ามันหิว  หรือว่าความรู้อยากเห็นของมันกันนะ  ถึงได้มานั่งมองผมกับพี่กิจออกกำลังกายกันตั้งแต่เช้าเลย  ยิ่งตอนที่พี่กิจซิทอัพด้วยแล้ว  มันก็ไปนั่งอยู่ตรงปลายเท้ามองอย่างสนใจเชียวล่ะครับ

“ กันต์...  อาหารเม็ดก็พอแล้วมั้ง  ไม่เห็นต้องทอดปลาทูให้มันเลย “ 

เสียงพี่กิจที่นั่งอ่านหนังสือรออาหารเช้าจากผม  ดังขึ้นมาจากทางโซฟาของห้องรับแขกครับ

“ ก็ช่วงนี้มันป่วยอะพี่  ก็ต้องบำรุงมันหน่อย  เนอะไทเกอร์เนอะ “
 
แล้วมันก็ร้องเหมียวๆ ให้ได้ยินขณะที่กำลังนั่งรอผมทอดปลาทูอยู่ที่ห้องครัวตอนนี้

“ แต่พี่หิวแล้วนะ “

“ ทำเป็นเด็กไปได้พี่  อดทนหน่อยดิ  เดี๋ยวก็เสร็จแล้วเนี่ย “

“ ให้เวลา 20 นาทีนะ  ถ้ามื้อเช้าพี่ยังไม่เสร็จ  วันนี้จะไม่ติวแคลให้ “

ซวยแล้วไงผม...  ถ้าพี่เขาไม่ติวให้ล่ะก็...  แย่แน่ !!  เพราะแคลมีสอบวันพรุ่งนี้ด้วยสิครับ

“ คร้าบๆๆ.... “



........................



บ่ายวันนี้พวกเรามีนัดติวแคลกันที่มหาลัยฯครับ  โดยมีพี่กิจเป็นคนติวให้

เราใช้ห้องเรียนที่ตึกภาควิชาอุตสาหการ  ซึ่งไม่ได้ปิดตึกในวันหยุด  แต่จะมีพี่ รปภ. เฝ้าอยู่ที่ชั้นล่าง  พี่เขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับพี่กิจดี  และอนุญาตให้พวกเราเข้าตึกได้  ซึ่งปกติเขาจะให้แต่เฉพาะนักศึกษาชั้นปี 3 และ 4 ที่มาทำ pre-project หรือ project เท่านั้นที่เข้าได้ในเวลานี้  โดยที่มากันในวันนี้  ก็จะมีแต่เฉพาะกลุ่มของพวกผมกับพี่กิจเท่านั้นครับ 

ถึงจุดนี้  ความเทพของพี่กิจที่เคยได้ยินมา  ก็ประจักแก่สายตาของเพื่อนๆ ในกลุ่มผมแล้วครับ  นี่ขนาดว่าเป็นวิชาที่เรียนมานานแล้วด้วยนะ  พี่เขายังจำได้เลย  แถมยังอธิบายมันอย่างกับเป็นเรื่องหมูๆ เสียอย่างนั้น

จบจากติวพี่กิจก็พาไปเลี้ยงขนมที่ร้านกาแฟข้างๆ มหาลัยฯ ครับ  สาวๆ นี่มองโต๊ะพวกผมกันเป็นตาเดียวเลย  แต่ผมดูจะเริ่มชินกับสิ่งเหล่านี้ไปเสียแล้วล่ะครับ


........................


“ เย็นนี้อยากกินอะไร “ 

พี่กิจถามขึ้นมาทันทีที่เข้ามาภายในรถ  หลังจากที่แยกย้ายกับกลุ่มเพื่อนๆ แล้ว

“ กลับไปกินที่ห้องละกันพี่  เป็นห่วงไอ้ไทเกอร์มัน “ 

ผมบอกไปครับ  จริงๆ ทั้งห่วงและคิดถึงมันด้วยนั่นแหละ  เพราะหลายวันมานี้  มันมานัวเนียกับผมและพี่กิจ  จนผมรู้สึกว่าจะรักและผูกพันกับมันเข้าให้แล้วละครับ...

“ ห่วงแต่แมวเนี่ย...  อีกหน่อยคงไม่ห่วงพี่แล้วล่ะมั้ง “

“ อะไรพี่  อิจฉาแมวเหรอ “

“ ใครจะไปอิจฉาแมว  บ้าป่าว... “

“ ก็ดีแล้ว  นั้นเอาเป็นว่า...  กินที่ห้องนะพี่  พี่กิจอยากกินอะไรว่ามาเลย  เดี๋ยวผมทำให้  ในตู้เย็นก็พึ่งซื้อของเข้ามาเพียบ “

ผมว่าจบก็เห็นสายตาเซ็งๆ ของพี่เขามองมา  แต่ก็ยอมกลับห้องแต่โดยดีครับ


.....................................


ที่คอนโด

ช่วงนี้ผมค่อยข้างจะมีเมนูปลาเยอะเป็นพิเศษ  ส่วนหนึ่งเพราะผมจะแบ่งให้ไอ้ไทเกอร์มันกินครับ  อย่างค่ำนี้ก็เหมือนกัน  ที่อาหารเย็นเป็น  แซลมอนทอดน้ำปลา กับ ต้มยำปลากะพง 

“ ปลาอีกแล้วนะ “ 

พี่กิจพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวตัวเล็กในห้องครัว

“ ปลามีประโยชน์มากนะพี่  เนี่ยจะสอบอยู่แล้ว  เราจะได้บำรุงสมองกัน “

“ เหรออออออ “

พี่กิจทำเสียงเหมือนไม่เชื่อครับ  ก่อนจะนั่งลง  ผมจึงตักข้าวสวยร้อนๆ ส่งให้ไป

“ จริงดิพี่  ทำเสียงเหมือนไม่เชื่อผมงั้นแหละ “

“ ก็ดี...  ถ้าเราห่วงตัวเองและพี่  ไม่ใช่ไอ้เหมียวนั่น “

แน่ะ...  รู้ทันอีก

...........

“ เออว่าแต่...  หาบ้านให้มันได้รึยัง “
 
จู่ๆ พี่กิจก็ถามขึ้นมาขณะที่เรากำลังทานอาหารกันอยู่ครับ

“ พี่จะไล่มันไปจริงๆ เหรอ... “ 

ผมทำเสียงเศร้าและหน้าตาหงอยๆ มองพี่เขาไปอย่างขอร้อง

“ ก็เราตกลงกันแล้วนี่  ว่าจะให้มันพักอยู่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น “

“ พี่ไม่สงสารมันเหรอ.... “ 

ผมยังคงอ้อนพี่เขาต่อไปครับ



“ ไม่.. “



ตอบได้หน้าตายและเย็นชามากๆ 

คนบ้าอะไรวะ  ใจร้ายเป็นบ้าเลย

ผมทำหน้าบึ้งใส่  ก่อนจะตักปลาทอดส่งให้ไอ้ไทเกอร์มันกินครับ

เฮ้อ... 

แล้วแบบนี้ผมควรจะทำยังไงดีเนี่ย  ถึงจะทำให้พี่กิจใจอ่อนได้....





TBC.


--------------------------------------------------------------

แด่อิเหมียว...  ที่จากไปเพราะความใจร้ายของคน....

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไทเกอร์ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อพี่กิจ รับรองพี่กิจเลี้ยงจนตายไปข้างหนึ่งเลย  :hao3:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มาอีกมะไหร่. เร็วๆๆนะคิดถึงอยากอ่านตอนะคับ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
เขียนดีนะคะ บรรยายได้เห็นภาพตามนั้น
และลงแต่ละตอน อ่านจุใจแบบไม่มีกั๊กเลย

จะเฝ้ารออ่านตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ไทเกอจะโดนไล่แล้วหรอ
เหมือนพี่กิจแอบอิจฉาแมวนะ ที่น้องมันสนใจแต่แมว ฮ่าๆ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 30




กันต์'s  Part




เช็ดตาม่อน!!!!!!!!!!!!!!!!!

พี่กิจแม่งโครตเทพเลยครับ  ที่เกร็งข้อสอบแคลไว้  มันออกหมดเลย...  งานนี้พวกผมเลยออกห้องสอบมากันหน้าบานทุกคน

จากนั้นพวกเราก็ไปฉลองกันที่ร้านกาแฟข้างมหาลัยฯ กินขนมกันก่อนกลับครับ  เพราะยังต้องอ่านหนังสือสอบกันต่ออีก...

 
เฮ้อ....


...............................


ที่คอนโด  ช่วงหัวค่ำ...

“ นี่กันต์!  อ่านหนังสือได้แล้ว “

พี่กิจที่นั่งอ่านชีทเรียนอยู่ที่โซฟา  จี้ให้ผมอ่านหนังสือเป็นรอบที่ 3 แล้วครับ

“ คร้าบๆๆ “

“ ครับก็วางมันลงแล้วหยิบชีทขึ้นมาอ่านได้แล้ว  เคมีปี 1 มันเนื้อหาเยอะนะ  แถมยากกว่ามอปลายอีก “

“ คร้าบๆๆ “

ขี้บ่นจริง... คนอะไร  ขอพักเล่นกับไทเกอร์มันหน่อยก็ไม่ได้

“ โอ้ย!! “

จู่ๆ  พี่กิจก็เอาชีทที่อ่านอยู่  ม้วนๆ มาตีหัวผมครับ

“ บอกให้อ่านหนังสือ...  เอามานี่ “

พี่กิจทำเสียงเข้ม  ก่อนจะอุ้มไอ้ไทเกอร์กลับไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวของแก  แล้วอ่านหนังสือต่อ  โดยไม่สนใจผมที่ทำหน้ามุ่ยมองอยู่ตรงนี้เลย

อ่านไปได้สักพักก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องครับ  ทั้งๆ ที่เป็นเนื้อหาที่เรียนมาแล้วตั้งแต่ตอนมอปลายทั้งนั้น  แถมอาจารย์ก็สอนเหมือนจะง่ายๆ เข้าใจได้ไม่ยาก  แต่พอลองทำโจทย์ดูเท่านั้นแหละ..  หึๆๆ

ผมมองไปยังตัวช่วยที่นั่งไขว่ห้าง  มือนึงถือชีท  อีกมือก็ลูบหัวแมวไปด้วย  มาดคุณชายชัดๆ ( แต่ก็เป็นคุณชายจริงๆ นั่นแหละ )  แถมดูจะชิลๆ ไม่หัวฟูเหมือนผมเลยสักนิด


พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย  สร้างคนมา  ไหงความสามารถมันถึงได้ต่างกันขนาดนี้ว้า!!!!


“ พี่กิจ... “

“ หือ... “

“ ไม่เข้าใจอะ  ติวให้หน่อยน้า... “

พี่กิจละสายตาจากชีทแล้วหันมามองผมด้วยสายตาเนือยๆ  แต่ไม่ทันที่พี่เขาจะว่าอะไร  เสียงโทรศัพท์พี่เขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน 
เท่าที่ฟังดู...  ก็พอจะจับใจความได้ว่า  เพื่อนๆ พี่เขากำลังรอให้พี่เขาไปช่วยติวให้อยู่  ซึ่งพี่กิจก็ตอบตกลงไปอย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ



………………………….



ที่ตึกภาควิชาอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์

อ่านหนังสืออยู่ในห้องดีๆ ก็โดนลากออกมาอ่านที่คณะครับ  พี่กิจบอกว่าปล่อยให้ผมอยู่กับไอ้ไทเกอร์มันแบบนั้น  ผมไม่ได้อ่านหนังสือแน่ๆ  เลยลากผมออกมาอ่านหนังสือกับพวกพี่ๆ เขาด้วย  ซึ่งผมก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อเสบียงติดไม้ติดมือมาด้วยนะครับ  และก็ไม่พ้นพวกช็อคโกแลตกับน้ำอัดลมเหมือนเดิม


.........................


ที่ห้องเรียนห้องหนึ่งภายในตึก..

ที่นี่มีกลุ่มรุ่นพี่ที่ผมคุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นหน้าบ้างอยู่สิบกว่าคนครับ  แต่แก๊งพี่กิจนี่มากันครบเลย  พอพี่กิจเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ  พี่คิมก็ร้องทักขึ้นมาทันที

“ มาช้าเลยนะมึง  เร็ว!  พวกกูจะไม่รอดกันอยู่แล้วเนี่ย “

“ ก็มัวรอกันต์มันซื้อของอยู่  อีกอย่าง...ไอ้บิวก็อยู่  มึงก็ให้มันติวให้ดิวะ “

“ ถ้าไอ้บิวมันอธิบายได้ง่ายๆ เหมือนมึง  กูก็คงไม่เรียกมึงมาหรอก  เร็วๆ เดี๋ยวดึก “

“ อ้าว! น้องกันต์มาด้วยเหรอครับ “
 
เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งทักขึ้นมาครับ  จากนั้นผมก็ถูกรุมล้อมด้วยกลุ่มรุ่นพี่  ทั้งแซวทั้งชวนมานั่งด้วย  แถมยังเอาขนมของพวกพี่ๆ เขามาแบ่งให้ผมอีกตั้งเยอะ 

รู้อย่างนี้ไม่น่าเสียตังซื้อมาก็ดี.....  ประหยัดเงินตั้งเยอะ...

“ พอๆ พวกมึง  จะติวกันไม่ใช่เหรอ  ปล่อยกันต์มันอ่านหนังสือได้แล้ว “

แล้วพี่กิจก็ทำเสียงเข้มบอกเพื่อนๆ มาครับ  จากนั้นพวกพี่ๆ เขาก็กลับไปนั่งที่โต๊ะกันหมด  เหลือเพียงแค่พี่พีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ตรงนี้กับผมทางด้านหลังห้อง

“ สอบอะไรอะเรา... พรุ่งนี้ “

“ เคมีอะพี่  โครตยากเลย... “

“ พี่ติวให้มั้ย “

“ จริงอะ  ดีเลย  พี่กิจไม่ยอมติวให้ผมอะ “

“ ไหนๆ  จะสอบเรื่องไหนบ้าง “

แล้วผมก็ส่งเลคเชอร์กับชีทเนื้อหาที่เรียนไปให้พี่เขาเปิดดูผ่านๆ ครับ  พอผมเหลือบไปมองทางด้านพี่กิจ  ก็เห็นพี่เขากำลังจ้องมาตาเขียวปั๊ดเลย  ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจผมแล้วเริ่มติวต่อให้เพื่อน


.....................


ผมนั่งทำโจทย์ที่พี่เขาเกร็งไว้ให้สักพักก็เริ่มมึนครับ  เลยขอพักสักแปบ  ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร  ไม่เหมือนพี่กิจเลยสักนิด  โครตจะใจดีอะ  เพราะถ้าเป็นพี่กิจนะ...  ถ้าไม่ดุ  ก็เขกหัวผมไปนานละ

“ นี่พี่พี  แมวผม..  น่ารักมั้ย “

ผมเปิดรูปไอ้ไทเกอร์ที่ถ่ายไว้ในมือถือให้พี่เขาดูครับ  อยากอวดอะครับ  ไม่มีอะไรมาก  อิอิ

“ น่ารัก  ไปเอามากจากไหนอะ  ว่าแต่...  ไอ้กิจมันยอมให้เลี้ยงได้ยังไงเนี่ย “

“ เจอมันข้างทางอะพี่  มันป่วยอยู่เลยพาไปหาหมอ  แล้วก็เอามาพักฟื้นที่ห้อง  เนี่ย...  กำลังคิดอยู่เลยว่าจะทำไงให้พี่กิจยอมให้เลี้ยงได้ “

“ แค่มันให้เอาสัตว์เข้าห้องได้นี่ก็แปลกมากแล้วนะ  จะให้เลี้ยงเลยนี่คงต้องคิดหนัก “

“ นั่นดิพี่...  พี่พีช่วยคิดหน่อยนะ “

ผมทำหน้าอ้อนๆ ขอพี่เขาไปครับ  แล้วพี่เขาก็อมยิ้มมองผมมาขำๆ


“ ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองหรอก..  พี่ไม่ให้เลี้ยงแน่นอน “

แล้วจู่ๆ  น้ำเสียงเรียบๆ ของคนหัวใจเย็นชาก็ดังขึ้น  พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมาถึงยังหลังห้อง  ซึ่งผมกับพี่พีกำลังนั่งกันอยู่

“ เห็นมั้ยพี่พี  เพื่อนพี่อะ...  โครตใจร้ายเลย  ไม่สงสารสัตว์ตัวน้อยๆ ตาดำๆ เลยสักนิด “

ผมมองพี่กิจไปแบบค้อนๆ  ซึ่งพี่เขาก็ได้แต่กระตุกยิ้มดุๆ ที่มุมปากส่งมาให้เท่านั้น

“ ถ้ากิจมันไม่ให้เลี้ยง  กันต์ก็เอามาให้พี่เลี้ยงแทนก็ได้นะ  แต่เราต้องมาเยี่ยมมันบ่อยๆ ด้วยล่ะ “

“ ได้จริงอะพี่ “

“ จริงดิ “


“ แฮ่ม!! “

แล้วพี่กิจก็กระแอมขึ้นมาขัดจังหวะพอดี

“ อ่านหนังจบแล้วเหรอ...  แล้วมึงก็ด้วยไอ้พี  เรียกกูมา...ไม่ติวรึไง “

ขัดจังหวะจริงๆ คนเรา  ผมกำลังจะหาบ้านให้แมวผมแท้ๆ  แถมยังมองมาซะตาเขียวปั๊ดเลย  แค่ไม่อ่านหนังสือเนี่ยนะ  เคี่ยวเป็นบ้าเลยคนเรา...

“ กูอ่านจบแล้ว  อีกอย่าง Work study คะแนนเก็บกูก็ดีอยู่แล้ว  มึงไม่ต้องห่วงหรอก “  พี่พีหันไปตอบพี่กิจครับ

“ แล้วเราล่ะ  คิดว่าจะรอดรึไง...  เคมีวันพรุ่งนี้น่ะ “
 
เอากับพี่พีไม่ได้  ก็หันมาลงที่ผมซะงั้น

“ ก็พี่พีติวให้อยู่เนี่ย “

“ ติวอะไร...  เห็นนั่งคุยกันอย่างเดียว “ 

แหม...ติวอยู่ไม่ใช่เหรอคร้าบ....  แล้วรู้ได้ไงว่าผมนั่งคุยเล่นอยู่กับพี่พี

“ ป่าวสักหน่อย  แค่พักนิดเดียวเอง  ถามพี่พีก็ได้ “ 

ว่าแล้วผมก็หันไปขอกำลังเสริมครับ

“ อื้ม....  มึงไม่ต้องห่วงหรอก  กูติวให้น้องมันเอง  ส่วนมึงไปช่วยไอ้พวกนั้นต่อเหอะ “

พี่พีพูดจบ  พี่กิจก็เหลือบมามองผมตาขวางเลยครับ  รู้สึกกลัวๆ ขึ้นมาแล้วสิครับเนี่ย... 

ว่าแต่...  นี่ผมทำอะไรผิดตรงไหนหว่า  นึกไม่ออกเลยครับ  แต่ที่แน่ๆ สายตาพี่กิจแบบนี้  ชักไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยครับ

จากนั้นพี่กิจก็เดินกลับเข้าไปยังกลุ่มเพื่อนๆ แถวหน้าห้องเรียนครับ  ส่วนผมก็กลับมานั่งมึนกับโจทย์เคมีต่อ  เพราะถึงจะมีพี่พีมาอธิบายให้  แต่มันก็ไม่ได้เข้าใจง่ายๆ เหมือนตอนที่พี่กิจอธิบายให้ฟังอยู่ดี...  แล้วแบบนี้  วันพรุ่งนี้ผมจะรอดมั้ยเนี่ย..  คิดแล้วก็ชักกลุ้มขึ้นมาบ้างแล้วละครับ


เกือบๆ เที่ยงคืนผมกับพี่กิจก็เตรียมตัวกันกลับครับ  ซึ่งจริงๆ แล้วผมเผลอหลับไปตั้งแต่ 5 ทุ่มกว่าแล้วด้วยซ้ำ  จนพี่กิจมาสะกิดให้ตื่นนั่นแหละ  ถึงได้เดินงัวเงียตามพี่เขามาต้อยๆ จนถึงรถ  ซึ่งพี่เขาก็เดินเอาๆ ไม่รอผมเลยสักนิด  ไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมา

…..

ภายในรถ

ในเมื่อเงียบไม่อยากพูดกับผม  ผมก็ไม่พูดบ้าง  นอนเลยละกัน  ยิ่งง่วงๆ อยู่ด้วย

ว่าแล้วผมก็หลับตานอนพิงพนักทันที  จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงไออุ่นและการขยับเขยื้อนตรงหน้านั่นแหละ  ถึงได้ผงะตัวลืมตาขึ้นมามอง


“ เห้ย!.. “ 


ใบหน้าพี่กิจอยู่ห่างกับผมไม่ถึงคืบ  ดวงตานิ่งๆ แต่ทรงเสน่ห์มองผมนิ่ง

“ ทะ..ทำอะไรพี่ “

“ ก็คาดเบลให้ไง “

พี่เขาตอบมาเสียงเรียบๆ  แต่ก็ยังคงไม่ยอมขยับตัวออกห่างไปจากผม

หายใจไม่ทั่วท้องเลยครับ  ไออุ่น  กลิ่นกายและสายพี่เขา  ทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยครับตอนนี้

ไม่นานพี่กิจก็ขยับตัวกลับไปนั่งยังตำแหน่งคนขับตามเดิม  ผมถึงได้หายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย  แต่ก็ยังคงรู้สึกเขินๆ  ไม่กล้าหันไปมองหน้าพี่เขาอยู่ดี

“ เป็นไง...  ให้ไอ้พีติวให้...  ดีกว่าที่พี่ติวให้มั้ยล่ะ “

ก็นึกว่าจะไม่พูดกับผมแล้วซะอีก

“ ก็ดีครับ  พี่พีเขาไม่ดุผมเลยสักนิด “

“ แล้วพี่ไปดุเราตอนไหน “

ถึงตรงนี้ผมก็หันหน้าไปสู้กับพี่เขาก่อนจะเริ่มเถียงต่อครับ

“ ไม่ดุเล้ยยยยย “ 

ประชดครับ  ก่อนจะยู่หน้าและพ่นลมออกจมูกให้ไป  แล้วหันหน้าออกไปมองยังนอกหน้าต่างรถแทน

“ คิดว่าพี่ดุจริงๆ เหรอ ? “ 

น้ำเสียงพี่เขาดูอ่อนลงมาครับ  แต่ผมก็ยังคงไม่หันหน้าไปมองพี่เขาอยู่ดี 

จริงๆ ฟังจากน้ำเสียงแล้วผมก็แอบรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ นะครับ  เพราะที่พี่เขาเข้มงวดกับผมก็เพื่อตัวผมเองทั้งนั้นแหละ  ลองไม่เข้มงวดนะ  บอกเลย..  อ่านไม่จบแบบนี้หรอก

“ กันต์... “

“ …… “

“ ถ้างั้นต่อไป.. “

“ เปล่า!! “

ผมรีบตัดบทขึ้นทันที  ก่อนที่พี่กิจเขาจะพูดต่อ 

เพราะผมกลัวว่าพี่เขาจะไม่สนใจผมอีกเหมือนตอนนั้น... 

ผมไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นครับ....

“ คือ...  แบบนี้ก็ดีแล้ว.. “

พี่กิจมองผมแบบงงๆ  ผมเองก็งงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน   ก็แค่ไม่อยากให้พี่เขาเลิกสนใจผมไปก็เท่านั้นเอง....

“ แล้วเรื่องแมวนี่.. จะให้ไอ้พีมันเลี้ยงจริงๆ เหรอ “

ผมหันมามองพี่เขาก่อนจะทำสายตาละห้อยขอร้อง

“ เลี้ยงมันไม่ได้เหรอ.. พี่กิจ... “


“ ไม่...  “

ไอ้คนเลือดเย็น!....




..............................




ผ่านไป 1 สัปดาห์  การสอบกลางภาคก็ผ่านพ้นไป... 

จากนี้ไปผมคงจะได้นอนหลับเต็มอิ่มเสียที  ไม่ต้องอดตาหลับขับตานอนอ่านหนังสือกันวันต่อวัน  วิชาต่อวิชาแบบนี้อีกแล้ว...

คือที่ผมต้องอ่านหนังสือหนักเป็นพิเศษอย่างนี้  ก็ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวคะแนนจะแย่อะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ  แต่เพราะพี่กิจขู่เอาไว้แล้วว่า  ถ้าผมตกมีนแค่สักวิชาเดียว...  ผมโดนดีแน่...  ก็อย่างที่รู้ๆ ว่าพี่กิจเวลาเอาจริงน่ากลัวขนาดไหน..


กลืนน้ำลายแปบ...


เย็นนี้ที่ชมรมแบดมินตันเริ่มกลับมาซ้อมกันตามปกติแล้วครับ  ขณะที่ผมกับไอ้ธันกำลังเอาของไปเก็บและเปลี่ยนชุดกันอยู่ที่ล็อคเกอร์  จู่ๆ ไอ้เคมันก็เดินเข้ามาหาพวกผมครับ

“ เฮ้ย....นาย! “

สรรพนามแม่งแปลกๆ 

นายเหรอ...  ปกติมันเรียกพวกผมแต่มึงๆๆ...แค่นั้น  วันนี้มาแปลกแฮะ

ผมที่กำลังนั่งบนเก้าอี้ยาวมัดเชือกรองเท้าอยู่  เงยหน้ามองมันอย่างแปลกใจ  เพราะปกตินอกจากมันจะเขม่นพวกผมแล้ว  มันไม่เคยเข้ามาพูดคุยกับพวกผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

“ แมวที่นายถ่ายลง IG นั่น..  นายเอามาจากไหน “

มันคงจะหมายถึงไอ้ไทเกอร์อะครับ  เพราะช่วงนี้มันอ้วนขึ้นมากและผมก็ชอบอวดชาวบ้านโดยการถ่ายรูปลง  IG อยู่บ่อยๆ  ว่าแต่.... มันไปรู้ IG ผมได้ยังไงกันละเนี่ย...

“ ทำไม... “  ผมถามมันกลับไปสั้นๆ ครับ

“ ก็อยากรู้..  นายเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆ เลยเหรอ “

“ เปล่าอะ  พึ่งเจอมันหลงทางมา  แล้ว.. มันทำไม “

“ ก็เปล่า..  พอดีกูเห็น...  เอ่อ...  ภาพมึงในเพจคิ้วบอยของมหาลัยฯ ที่ถ่ายรูปกับแมวน่ะ  ก็เลยถามดู “

อ่อ..  ที่แท้มันก็เห็นจากเพจคิ้วบอยของมหาลัยฯ นั่นเอง  เพจที่รวมเอาคนหล่อๆ สวยๆ ของมหาลัยฯ ผมอะครับ..

ซึ่งจะว่าไปการที่ผมได้ลงในนั้นก็แปลว่า  ผมนี่ก็หล่อใช่ย่อยเลยนะเนี่ย...อิอิ

“ แล้ว... “

“ ก็เผื่อมันจะเป็น...  แมวของกู “

จบประโยคที่มันว่ามา  ก็ทำเอาผมชะงักมือที่กำลังจะใส่รองเท้าอีกข้างขึ้นทันที

ลึกๆ แล้ว  ผมกลัวว่าสิ่งที่มันพูดมาอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้  เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว...  ผมอาจจะต้องเสียไอ้ไทเกอร์ไปก็เป็นได้

แต่มันคงจะไม่โลกกลมขนาดนั้นหรอกมั้งครับ  ว่ามั้ย...

“ แล้ว..  ใช่มั้ยล่ะ “

ผมลองเสี่ยงถามดูครับ  พร้อมกับอดหวั่นใจในคำตอบของมันอยู่ไม่ได้เหมือนกัน

มันอ้ำอึ้งอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะตอบออกมา...

“ ใช่... “

สั้นๆ แค่นั้น  แต่ทำเอาผมท้องไส้ปั่นป่วนไปเลยทีเดียว....

ผมรีบใส่รองเท้าให้เสร็จทันที  และสะกิดบอกไอ้ธันให้ออกไปจากห้องล็อคเกอร์ให้เร็วที่สุด  โดยไม่หันไปมองยังไอ้เคมันเลยแม้แต่น้อย


“ กูขอคืนได้มั้ย!! “



เสียงมันตระโกนตามหลังมา  ขณะที่พวกผมกำลังจะก้าวออกไปจากห้องล็อคเกอร์  ผมชะงักเท้าอยู่ครู่หนึ่ง  แต่ก็ไม่ได้หันไปตอบหรือแม้แต่มองมันเลยสักนิด... 

ผมยังสับสนกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ในตอนนี้....


............................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
กิจ‘s  Part




จบจากซ้อมบาสที่ชมรมเสร็จ  ผมก็ขับรถไปยังคอร์ดแบดทันที  เพื่อไปรับกันต์มันครับ  ผมไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ผมกลายเป็นสารถีขับรถให้มันไปตั้งแต่เมื่อไหร่  แค่รู้สึกไม่ไว้ใจที่จะให้มันกลับห้องคนเดียว  ที่สำคัญ.. 

ผมรู้สึกว่า...  ผมอยากทำ...

ระหว่างที่ขับรถไป  ผมก็คิดไปถึงเรื่องที่มันชอบขอผมอยู่เรื่อยช่วงนี้  ก็เรื่องแมวนั่นแหละครับ  คือมันตื๊อจะให้ผมอนุญาตให้เลี้ยงมันให้ได้เลย...

ถึงแม้ว่าไอ้ไทเกอร์มันจะน่ารักและขี้อ้อนมากก็จริง  แต่ผมก็ไม่สะดวกเลยที่จะเลี้ยงมันเอาไว้ที่คอนโด  อย่าว่าแต่เลี้ยงเลยครับ  ปกติผมไม่เอาสัตว์เข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำ  ถ้าไม่ใช่เพราะมันนะ...  ผมไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้หรอก

2 – 3 วันนี้  ผมคิดเรื่องนี้มาโดยตลอด  ว่าจะทำยังไง  ครั้นจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านก็คงไม่ได้  เพราะหมา  4  ตัวที่บ้านผมคงขย้ำมันตายแน่  หรือเรื่องที่ไอ้พีมันขันอาสาจะรับไปเลี้ยงนี่ยิ่งไม่มีทางครับ  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น  กันต์มันก็คงจะไปหาไอ้พีมันบ่อยๆ แน่...


ไม่มีทาง!!...


ที่ต้องคิดมากเพราะผมห่วงความรู้สึกของกันต์มันครับ  ช่วงนี้เลยยอมให้มันเลี้ยงไว้ที่ห้องไปก่อน...   แต่จะให้ถาวรเลยก็คงจะไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ  ด้วยหลายๆ ปัจจัยที่มันไม่สะดวก...

คิดวนไปวนมาก็เข้ามาถึงคอร์ดแบดแล้วครับตอนนี้ 

ผมเดินเข้ามาภายในโรงยิมก็ไม่เห็นเขาซ้อมกันแล้วล่ะครับ  สงสัยคงจะซ้อมกันเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว  แต่มองหากันต์มันยังไงก็มองไม่เห็น  สงสัยคงอยู่ในห้องล็อคเกอร์ล่ะมั้งครับ

ผมนั่งเล่นโทรศัพท์รอมันอยู่ที่เก้าอี้ข้างสนามไม่นานก็เห็นมันสะพายเป้เดินดุ่มๆ ออกมาจากทางห้องล็อคเกอร์  แถมสีหน้ายังบูดๆ อีก 

เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย...

มันมองเห็นผมนั่งรออยู่  แต่ก็เดินเลยผ่านไปเท่านั้น  ท่าทางจะหงุดหงิดอะไรมาสักอย่างจริงๆ นั่นแหละ 

ผมเลยเดินตามมันออกไปติดๆ  จนเข้ามานั่งกันในรถแล้วนั่นแหละ  ผมถึงได้เริ่มถามขึ้น...

“ ไปกินรังแตนที่ไหนมาอีกล่ะเนี่ย “

แนะ...  มองผมมาแบบหาเรื่องด้วย  อย่างนี้ที่บ้านผมเรียกว่าพาลครับ

เมื่อมันไม่ตอบอะไร  ผมก็เลยได้แต่ขับรถออกไป  รอมันอารมณ์เย็นลงหน่อย  ผมค่อยถามมันใหม่ละกัน


ผมพามันไปกินอาหารญี่ปุ่นของโปรดมัน  เผื่อมันจะรู้สึกดีขึ้นสักหน่อยก่อนกลับห้องครับ  และก็เป็นอย่างที่คิด  คือถึงปกติเวลามันอยู่กับคนอื่นจะทำตัวเก่งและเข้มแข็งแค่ไหน  แต่ลึกๆ แล้ว  มันก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีนั่นแหละครับ  เอาขนมหรืออาหารมาล่อสักหน่อย  เดี๋ยวก็อารมณ์ดีขึ้นเองแหละ

“ แล้วจะเล่าได้รึยัง  ว่าไปเจออะไรมา “

ผมถามขึ้น  เมื่อเห็นมันเริ่มอิ่มครับ  มันดูลังเลที่จะเล่าอยู่เล็กน้อย  แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าให้ฟังแต่โดยดี

สรุปใจความได้ว่า  ตอนนี้มันเจอเจ้าของไอ้ไทเกอร์แล้วล่ะครับ  ซึ่งพอเขามาขอคืน  มันก็เลยหงุดหงิดไม่อยากคืนอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ


เห้อ...  เด็กหนอเด็ก 


แต่ก็เข้าใจมันนะครับ  เพราะกันต์มันก็รักของมันมาก  ขนาดผมเอง...  ลึกๆ แล้ว  ก็ยังชอบมันเลย  ถึงได้คิดหนักเรื่องที่อยู่ใหม่ของมันอยู่แบบนี้  เพื่อที่ผมกับกันต์จะได้ไปเยี่ยมมันได้บ่อยๆ



...................................



วันต่อมา

วันนี้กันต์มันงอแงครับ  บอกว่าจะไม่ไปซ้อมแบดที่ชมรม  อ้างว่าปวดหัวไม่สบาย  แต่จริงๆ แล้วมันแค่ไม่อยากไปเจอไอ้เคเจ้าของแมวตัวจริงก็เท่านั้นเอง

ถึงจะเป็นเรื่องง๊องแง๊งของเด็กๆ  แต่สุดท้าย...  เที่ยงนี้ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าคณะเภสัชฯ ไปเสียแล้ว 

ผมว่าจะลองมาคุยกับไอ้เคมันดูครับ

หลังจากถามคนนั้นคนนี้ไปทั่ว  ผมก็หาคนที่ผมต้องการจะเจอพบแล้วล่ะครับ  ผมเดินเข้าไปหาไอ้เคมันในกลุ่มเด็กปี 1 ที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะยาวใต้ตึก  แล้วก็ขอเวลามันคุยด้วยสักแปบ  ซึ่งมันก็ยอมตามผมออกมาคุยด้วยแต่โดยดี

“ พี่ขอเข้าเรื่องเลยนะ..  แมวตัวนั้นพี่ขอได้มั้ย... “

คุยกันไปได้สักพักใหญ่  ผมก็เริ่มจับความรู้สึกเครียดและเป็นกังวลของมันได้  ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ยอมให้แมวกับพวกผมอยู่แล้ว  ส่วนสาเหตุที่แมวมันหาย  ก็น่าเห็นใจมันอยู่นะครับ  แถมยังเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเกลียดวิศวะอย่างพวกผมเอามากๆ ด้วยสิ



ค่ำนี้ผมกลับเข้าห้องมาหลังจากที่ซ้อมบาสเสร็จ  มาถึงห้องก็เห็นกันต์มันนอนหลับอยู่ที่โซฟา  โดยที่เปิดทีวีทิ้งไว้  และมีไอ้ไทเกอร์มันนอนหลับอยู่บนอก

ผมยืนมองภาพตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง  พิจารณาคนตรงหน้า  ราวกลับมันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างให้ละสายตาไปจากตรงนี้ไม่ได้  หน้าขาวใสที่กำลังนอนเผยอปากบางอยู่เล็กน้อย  มันช่างมีเสน่ห์เอามากๆ เลยครับ  ผมว่ามันเป็นผู้ชายที่หน้ามองที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยนะครับ  เห็นมันกับแมวแบบนี้แล้ว...  ถ้ามันจะต้องเสียใจและร้องไห้เพราะเสียแมวที่มันรักไป  ผมคงจะปวดใจอยู่ไม่ใช่น้อยเลย

ผมควรจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ยังไงดีครับ....



...................



วันต่อมา

วันนี้กันต์มันงอแงจะไม่ไปซ้อมแบดอีกแล้วล่ะครับ  แต่ผมก็ต้องบังคับมันไปให้ได้อยู่ดี  เพราะการหนีปัญหาแบบนี้  มันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลยนะครับ 

ทีแรกมันก็จะไม่ยอมไปท่าเดียว  จนผมต้องขู่มันว่า  ถ้าไม่ไปผมจะเอาไอ้ไทเกอร์ไปคืนไอ้เคมันซะวันนี้เลย  สุดท้ายมันก็ได้แต่ทำหน้ายู่พร้อมกับพ่นลมออกจมูกฟึดฟัดและยอมไปซ้อมที่ชมรมแต่โดยดี

เที่ยงนี้ผมยังคงเข้าไปคุยกับไอ้เคมันอีกรอบ  แต่ผลก็ยังคงลงเอยเหมือนเดิม  ดังนั้นตลอดทั้งบ่ายมานี้  ผมเลยนั่งเปิดดูข้อมูลแมวพันธุ์ต่างๆ ในห้องเรียน  เผื่อบางที...  ถ้าผมหาแมวตัวใหม่มาทดแทนและยอมให้มันเลี้ยงในห้องได้  ก็อาจจะทำให้กันต์มันรู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็ได้นะครับ

“ จะเลี้ยงแมวรึไงวะ  กูเห็นมึงดูมาตั้งแต่เข้าเรียนแล้วนะเว้ย “  ไอ้คิมมันหันมาถามครับ

“ มึงนี่ก็ถามไม่คิดนะ  แค่จะเอาสัตว์เข้าห้องมัน  มันยังไม่ให้เลย  แล้วอย่างมันเนี่ยนะจะเลี้ยง... “ 

ไอ้บิวว่ามาครับ  ซึ่งก็จริงของมันนะครับ  ปกติผมไม่ให้ใครเอาสัตว์เข้ามาในห้องเลย  กลัวว่ามันจะวุ่นวาย  แล้วทำเลอะเทอะอะครับ 

“ ก็จริงว่ะ.. “



..........................



ค่ำนี้ผมไปรับกันต์มันสายครับ  เพราะปี 3 ที่เป็นคณะกรรมการเรื่องค่ายรับน้อง  มีประชุมกันเรื่องเข้าค่ายรับน้องต่างจังหวัดกันครับ  กว่าจะเสร็จก็ปาไป 2 ทุ่มกว่าแล้ว

ผมขับรถไปถึงที่คอร์ดแบด  ก็เริ่มเห็นพวกนักกีฬาที่คุ้นๆ หน้า  ทยอยกันเดินออกมาจากโรงยิมกันบ้างแล้ว  แต่ก็ยังมองไม่เห็นกันต์มันนะครับ

ผมเดินเข้าไปมองซ้ายแลขวาไม่นาน  ก็เห็นมันเดินซึมๆ ออกมาจากห้องล็อคเกอร์  แต่พอเดินมาถึงผม  มันก็ปรับสีหน้าเป็นอารมณ์ดีเสียอย่างนั้น....

เห็นแบบนี้แล้ว  ผมกลับยิ่งเป็นกังวลใจมากขึ้นครับ  เพราะมันเป็นสัญญาณอันตราย  ที่บ่งบอกว่ามันกำลังมีเรื่องกลุ้มใจอยู่มากๆ
 
คือมันเป็นคนที่เวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจมากๆ  ก็ชอบเก็บไว้คนเดียว  ไม่อยากให้คนอื่นมาทุกข์ใจไปกับมันด้วย

เดาได้ไม่ยากหรอกครับว่าเรื่องอะไร  แต่ปัญหาก็คือ...  ผมจะแก้ไขมันได้ยังไงต่างหาก...


เห้อ... 


ทำไมผมต้องมากลุ้มกับเรื่องเด็กๆ แบบนี้ด้วยนะ....




TBC.



-----------------------------------------------------

ลองมองความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่าง  พี่กิจ กับ กันต์ CHนี้  เทียบกับ  CHแรก 
มันต่างกันมากเลย  ว่ามั้ยครับ.... 
คือต่างแบบที่เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเปลี่ยนไปตอนไหน
เนี่ยแหละครับ...
ความผูกพันมันทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนได้....

ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคร้าบโผม

^________________________________________________^

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไอ้คนที่ว่าแมวหาย มันเลี้ยงอย่างไงฟ่ะ สภาพที่กันต์เจอไทเกอร์มันโคตรผอมเห็นกระดูกนะ ไอ้พี่กิจก็ให้น้องเลี้ยงไทเกอร์ไปเลยไป ทำให้น้องสบายใจนทำได้ไหม  o12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด