เสียงแตรถูกบีบเตือนอย่างรุนแรงคล้ายไม่สบอารมณ์ที่รถของตนถูกเบียด ไอ้เด่นไม่ได้บีบตอบกลับไป แต่เร่งคันเร่งมากกว่าเดิมจนขึ้นนำอีกฝ่ายได้และไม่เปิดโอกาสให้แซงกลับ คันของผมจอดตัดหน้าทันควัน เสียงเบรกเสียดสีกับพื้นถนนดังไปทั่วพื้นที่ ถนนถูกปิดเรียบร้อย ไอ้เข้มที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับลงจากรถคนแรก พี่ธานหยิบปืนสั้นที่สอดอยู่ในที่เก็บปืนตรงหน้าก่อนลงจากรถไปพร้อมปิดประตูทันที
ไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ จากด้านนอก ผมได้ยินเพียงเสียงเคาะกระจกรถสองสามที ให้หลังครู่หนึ่งประตูรถของอีกฝ่ายก็เปิดออกและปิดลง ฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ พี่ธานเป็นคนเปิดประตูออก ผมจึงหันไปมอง พบคนคุ้นตายืนปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเป็นที่เรียบร้อยดี
“คุณ...ไฟ” อีกฝ่ายชะงักงันทันทีที่สบตา
“ขึ้นไป” พี่ธานสั่ง ชุนก้มหน้าลงเล็กน้อย ยอมก้าวขาขึ้นมานั่งข้างผมโดยดี ประตูรถจึงถูกปิดลงอีกครั้ง
“สวัสดีครับ” ชุนยกมือไหว้ ผมกวาดตามองคนที่ไม่ได้พบมานานและเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
“หล่อขึ้นนี่” ผมทัก ชุนยังไม่ยอมสบตา ความเงียบสงบในรถทำให้ได้ยินเสียงแอร์และเสียงเครื่องยนต์ที่ติดอยู่เบาบางอย่างชัดเจน ตาเหลือบไปเห็นเหงื่อที่ซึมอยู่ตรงลำคอจึงเป็นฝ่ายเอื้อมมือปรับแอร์ให้เขา
.
คนที่นั่งตรงหน้าผมนี้อายุเท่ากับพายุ เรียนวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเดียวกันกับพายุ พายุไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวก่อนหน้าหรอก เรารู้จักกันโดยบังเอิญ ชุนอยู่ทีมวอลเลย์บอลชายของมหาวิทยาลัย ผมไปพบหมอนี่เข้าตอนที่กำลังมีเรื่องกับรุ่นพี่ร่วมสถาบันจากทีมฟุตบอล ไม่ได้เข้าไปช่วย แค่กำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ใต้ต้นไม้แล้วดันไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าพอดี วัยรุ่นสมัยนี้นี่เตะต่อยกันบ่อยซะจริง แถมไม่เป็นศิลปะการต่อสู้เลยสักนิด พวกมันก็แค่เหวี่ยงทุกอย่างที่ร่างกายมีออกไปกลางอากาศ พอส่วนที่แข็งแรงของร่างกายตนเองไปกระทบเข้ากับส่วนที่อ่อนแอบนร่างกายของคนอื่นจนทำให้เกิดบาดแผล ก็เกิดความทะนงตัวโดยทันที แต่นั่นแหละ ผมเองก็เพลิดเพลินดูมวยของพวกนักศึกษาตั้งแต่ต้นจนจบ พี่ธานกับลูกน้องผมก็สนุกด้วยน่ะนะ
เราพากันขึ้นเตียงถัดไปสามวันหลังจากที่ได้รู้จักกันครั้งแรก ความง่ายดายเกิดขึ้นเพราะเด็กวัยรุ่นคนนี้ที่เที่ยวขายด้านหน้าให้กับทั้งหญิงและชาย เขาตรงเข้าหาผมด้วยข้อเสนอที่ว่า จะให้ข้างหลังของตัวเองกับผมโดยแลกกับเงินก้อนหนึ่ง มายืดอกบอกด้วยความภาคภูมิใจกับครั้งแรกของประตูหลังที่ตัวเองมี ไอ้เรื่อง “ครั้งแรก” หรือครั้งที่สองห่าเหวอะไรนั่นไม่ใช่ประเด็นสำหรับผม
ประเด็นคือ ครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กผู้ชายคนนี้คือความเย็นชาในดวงตาและพร้อมประชดประชันชีวิตกับทุกอย่าง ใบหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยากระทั่งกำลังเอาน้องชายของตัวเองยัดเข้ารูคนอื่น แต่กลับมองมาทางผมที่นั่งดูกิจกรรมที่เขาทำและแสดงใบหน้าน่าสนใจ แต่ก็นั่นล่ะ... ไม่ว่าเหตุผลอะไร ไอ้ครั้งแรกที่เขาอวดอ้างฟังแล้วชวนรำคาญหู ผมก็ทำลงไปแล้ว
“งานที่ฉันแนะนำไว้ให้ ได้เงินน้อยไปงั้นเหรอ” ผมถาม ชุนไม่ตอบ เขากลืนน้ำลายลงคอจนเห็นลูกกระเดือกที่ขยับทำงานชัดเจน
มนุษย์เรามีอยู่หลายประเภท หนึ่งในประเภทที่ผมเกลียดคือประเภทที่ถูกมอบความหวังดีและหยิบยื่นโอกาสดี ๆ ให้แต่คอยที่จะกลับไปทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ตามจริงมันก็คงเป็นเรื่องที่แก้ไม่หาย ถ้าหากเขาได้พกนิสัยเช่นนั้นติดตัวมาด้วยแต่กำเนิด
“ผม...ผมถูกใช้ให้ทำน่ะครับ” ชุนขยับปากพูดเป็นครั้งแรกหลังจากที่นั่งเงียบมานาน
“รู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม” ผมถาม พลิกรูปของแก้มที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์วางของด้านหน้าให้อีกฝ่ายดู ชุนเหลือบมองก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ
“สบายดีรึเปล่า” ผมถาม
“...ไม่เชิงครับ” ชุนสบตาด้วยแววตาสงสัย
“ฉันอยากได้” ผมเข้าเรื่อง
“คุณไฟ คือว่า..” ชุนอึกอัก
“ฉันอยากได้” ผมย้ำอีกครั้ง คนตรงหน้าเงียบลง
“ผม...” ชุนอ้ำอึ้ง มือข้างขวาขยับกำแน่นและนิ่งไป
“ผมแค่รับคำสั่งมาอีกทีนึงน่ะครับ ไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ”
“เอาตัวเธอออกมาจากไอ้กายให้ได้ แบบการค้าน่ะ” ผมเอ่ยแทรก ชุนหน้าเสีย
“เจ๊เขาอยากเลิกครับคุณไฟ แต่...แต่เพราะรับคนจากคุณกายมานาน มันเลยลำบาก” เขาพยายามที่จะอธิบาย
“แล้วตอนนี้ก็มีคนมาถือหุ้นที่ร้านเพิ่มด้วย”
“ใคร” ผมถาม
“คุณเดี่ยวครับ ลูกชายเจ้าของบริษัท 99SEA” ชุนตอบ คนในวงการรถยนต์คงไม่มีใครไม่รู้จักบริษัท 99SEA ตัวแทนผู้นำรถยนต์นำเข้าจากฝั่งยุโรปที่เพิ่งมามีอิทธิพลในตลาดรถเมื่อห้าปีที่ผ่านมา
“เจ๊ก็แค่ดึงเวลารอที่จะขายร้านให้กับคุณเดี่ยวไปเลย แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้น่ะครับ กลัวว่าจะกระโตกกระตาก”
“ปกติรับคนเข้าร้านวันไหน” ผมเปลี่ยนคำถาม
“ดูสินค้าทุกสองอาทิตย์ของวันพุธครับ ส่วนจะรับเข้ามาเพิ่มไหมก็ขึ้นอยู่ที่เจ๊กับคุณเดี่ยว” ชุนตอบ
“นายเป็นคนเลือกใช่ไหม”
“ครับ” ชุนผงกหัว ลดเสียงลงคล้ายเกรงว่าผมจะขออะไรมากกว่านี้
“เอาผู้หญิงคนนี้เข้าร้านเจ๊ให้ได้ หลังจากนั้นฉันจะจัดการเอง” ผมบอก
“แต่เธอ...เธอเป็นคนโปรดของ Blackfoot น่ะครับ ทำรายได้ให้ไม่น้อย ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้ เราไม่อยากมีปัญหากับทางฝั่ง Blackfoot ครับคุณไฟ” ชุนร้อนรน
“ฉันอยากได้ชื่อของพวกไอ้กายที่นายติดต่อด้วย เฉพาะคนที่นายกับเจ๊ติดต่อด้วยน่ะ” ผมพูด ไม่รับฟังสิ่งที่เขาพยายามบอก
“เร็วที่สุดเมื่อไหร่ดี ?” ผมตัดบท
“คุณไฟ...” ชุนลดเสียงลงอย่างตัดพ้อและเงียบไป ทั้งหลับตาและก้มหน้าคล้ายหมดอาลัยตายอยาก นิ้วมือสั่นระริกจนเห็นได้ชัดถึงความหวาดกลัวที่เขามี
“ชุน” ผมเอ่ยขึ้นในรถที่เงียบกริบ
“นายดึงตัวนายให้เข้ามาในวงการนี้เอง” ผมย้ำโทษ อีกฝ่ายสะอึกในลำคอ น้ำตาหยดลงเปื้อนกางเกงของเขา
“อยากเข้ามา จะมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้ รับปากฉันมาสิว่าจะเสนอเธอเข้าร้านของเจ๊ให้ได้” ผมพูด
“.........” อีกฝ่ายแน่นิ่งไร้ปฏิกิริยาตอบรับ ท่าทางของเขาทำให้ความอดทนของผมกำลังจะหมดลง ไม่ชอบเวลาที่ไม่ถูกขานตอบ เสียงของไม้เท้าที่กุมอยู่ถูกเคลื่อนที่ไปด้านหน้า เป็นเสียงของหนักที่ขูดสีไปกับพื้นรถ ชุนเริ่มขยับตัวออกห่าง ผมวางไม้เท้าพิงไว้กับที่พักด้านหน้า มือทั้งสองข้างจึงว่างแล้ว
“คุณไฟ” เสียงของเขาสั่นเครือในลำคอ
ปึก ! ตัวชุนเหวี่ยงกระเด็น หลังติดเข้ากับเบาะที่นั่งรุนแรง ฝ่ามือที่ฟาดสับลงที่คอหอยทำให้เขาสำลักจนตาเหลือก เจ้าตัวทำท่าจะหลบเลี่ยง ผมจึงคว้าคอเสื้อกระชากให้เขาเข้ามาใกล้เพราะขี้เกียจที่จะขยับร่างกายตัวเองที่กำลังนั่งอยู่ในท่าที่สบาย มือเลื่อนจากคอเสื้อขึ้นไปที่ลำคอเพื่อล็อกไว้
“แคะ” อีกฝ่ายหน้าแดงเหยเก เขาฉลาดที่ไม่ดิ้นสู้ไปมากกว่านี้
“พี่.. ไฟ” ชุนร้องตะกุกตะกัก น้ำตาไหลอาบแก้ม มือทั้งสองข้างจับข้อมือผมไว้หลวม ๆ บ่งบอกถึงความทรมาน
“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้ !” ผมตวาด ออกแรงบีบคอเขาแน่นกว่าเดิม
“อึก...” เสียงฟันกระทบกัดกันแน่น เขากำลังกัดฟันอดทนสู้กับตัวเองเพื่อยอมผม
“กลัวตายเหรอ กลัวตายแล้วทำทำไม” ผมถามเสียงเย็น สะบัดมือปล่อยออก ชุนตัวเซ อารมณ์ที่ยังไม่คงที่ทำให้มือง้างออกกว้างและฟาดเข้าที่หน้าอีกฝ่ายเต็มที่อย่างไม่รีรอ
เพียะ !“อึก ฮือออ แคก ๆ” ชุนก้มหน้าลงไม่ได้สติ ตัวสั่น ปาดเลือดที่จมูกออกลวก ๆ เสียงฟันกระทบคล้ายกับพยายามอดกลั้นที่จะไม่ร้องออกมา
“มานี่” ผมกัดฟัน กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นอีกครั้ง ชุนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและเลือดตรงจมูกที่ยังไม่หยุดไหล สภาพดูไม่ได้ ความขาวของผิวเนื้อทำให้แก้มเห็นรอยแดงชัดเจน
“ขอโทษ ครับ อึก” ชุนพูดตะกุกตะกัก
“ผมรู้ที่รับส่งสินค้า กาย..มันจะฆ่าทุกคน ที่รู้เรื่องนี้ ผมเลิกไม่ได้” ชุนพูดบอกทั้งน้ำตา สายตาที่มองตรงมายังผมไม่แม้แต่จะละไปด้วยความกลัวเช่นก่อนหน้า
“ผมทำไปแล้ว ผมเลือกเอง ผมรู้ อึก...” ชุนก้มหน้าร้องไห้ ผมปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายออก หันกลับมานั่งเฉยปล่อยให้เขาได้ร้องอย่างที่อยากร้อง พักหนึ่งเสียงร้องไห้ถึงได้เบาลง ทั้งที่กล่องกระดาษทิชชู่วางอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็เลือกที่จะใช้แขนเสื้อเช็ดทุกอย่างที่เปื้อนหน้าอยู่
“ทำเป็นปกติอย่างที่นายเคยทำ เอาผู้หญิงที่ชื่อแก้มมาที่ร้านให้ได้ภายในวันพุธนี้ นอกนั้นฉันจะจัดการเอง อย่าบอกใครว่าติดต่อกับฉันเป็นการส่วนตัว กับเจ๊ก็ห้ามบอก” ผมพูดขึ้น อารมณ์ของเราทั้งคู่คงที่ลงมากแล้ว
“นายจะไม่เดือดร้อนฉันรับรอง” ผมตัดบท
“รับรองเหรอ ทั้ง...” ชุนเอ่ยเสียงสั่นเครือก่อนทิ้งเสียงเว้นลงครู่หนึ่ง
“ทั้ง ๆ ที่ ผมไม่มีเบอร์ติดต่อคุณด้วยซ้ำ” ชุนพูดกึ่งต่อว่าถึงเรื่องที่ผ่านมา
“...ทั้งที่ ผมได้แต่มองเห็นคุณ ผ่านพายุ หึ...แล้วจู่ ๆ คุณนึกจะมาก็มา” อีกฝ่ายแสยะยิ้มต่อว่า
“นั่นคือสิ่งที่เคืองฉันรึไง” ผมพูด
“ผมมีสิทธิ์เคืองคนอย่างคุณได้ด้วยเหรอครับ ผมเป็นแค่ไอ้โง่ที่นั่งรอคุณอยู่ที่สนามแบบไร้จุดหมาย” ชุนหันขวับมา รอยยิ้มกว้าง ๆ เต็มไปด้วยความประชดประชัน
“ฉันไม่เคยบอกให้นายรออยู่แล้ว” “........” ชุนเงียบสนิท ความนิ่งเฉยระหว่างเราที่เกิดขึ้นชั่วพริบตายืนยันว่าต่างฝ่ายต่างพูดความจริง
“รับปากมาซะ” ผมเอ่ยเรื่องเดิม
“ครับ ผมจะจัดการให้” ครั้งนี้ชุนตอบรับหนักแน่น คงต้องการให้หมดประเด็นนี้ลงเสียที
“ไปซะ” ผมพูด ชุนนั่งนิ่ง ไม่ยอมขยับอยู่พักหนึ่ง ผมไม่ว่าอะไร เขาปาดน้ำตาออกจากแก้มลวก ๆ อีกครั้ง คิดว่าคงได้สติแล้ว แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ขยับตัวโน้มเข้ามาหาพร้อมช้อนใบหน้าขึ้น แตะปากลงที่ริมฝีปากผมเบาบาง ผมนั่งเฉย มองตอบเขาที่สายตากำลังแสดงออกถึงความลังเลหลังจากที่เป็นฝ่ายจู่โจ่มเข้ามาหาผมด้วยตัวเองก่อน ดวงตาที่จับจ้องมาเหมือนเด็กที่ว่างเปล่าในจุดหมายปลายทางของการใช้ชีวิตต่อไป...
“ฉันเคยพูดกับนายแล้วใช่ไหม ว่าฉันไม่ชอบคนไร้สาระ” ผมพูด
“ผมรู้อยู่แล้วครับ” ชุนสวนทันที
“รู้อยู่แล้วว่าผมไม่เคยอยู่ในสายตาของคุณ รู้ตั้งแต่นั่งรออยู่ที่เดิมแต่คุณไม่เคยกลับมา” อีกฝ่ายหลบตา ใบหน้าที่พยายามจะฉีกยิ้มและทำท่าจะหลีกออก ผมคว้าคอเสื้อพร้อมดึงเข้าหา ยังคงขี้เกียจที่จะขยับตัว ลิ้นสอดเข้าปากของเขาทันทีอย่างไม่แยแสว่าคนตรงหน้าจะตั้งรับได้ทันหรือไม่ ปากถูกบดแน่น ต่างค้างไว้ในท่านั้นนานพอควร เสี้ยวนาทีที่เห็นว่าชุนหลับตาลงผมจึงผละปากออกช้า ๆ ชุนลืมตาขึ้นมองก่อนหลบตาลงอีกครั้ง ผมปล่อยคอเสื้อเขาออก เปลี่ยนเป็นดึงต้นคอให้เข้าหาจนชุนประชิดตัวเข้ามา อีกฝ่ายรีบเท้ามือข้างหนึ่งลงบนเบาะ มืออีกข้างวางลงบนบ่าผมเพื่อประคองไม่ให้ตนเองล้มทับลงมาที่ผมทั้งตัว ไม่มีเสียงทักท้วงเกิดขึ้น รสจูบเป็นไปอย่างคุ้นเคย ก็ไม่ใช่ไม่ประสีประสาที่จะมาทำเรื่องบริสุทธิ์นี่นะ แต่ก็ไม่ได้ขาดความปราณีเสียทีเดียว ในเมื่อนัยน์ตาที่ดื้อดึงของเขากำลังแฝงไปด้วยความต้องการความอ่อนโยน ผมก็ตอบสนองอย่างนั้น
“ผมนอนกับคุณเดี่ยวด้วย แล้วคุณคิดว่าผมจะหักหลังเขาได้เหรอครับ” ชุนพูด ใบหน้าที่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตรทำให้สัมผัสได้ถึงการอยากลองดี
“งั้นนายคงต้องเลือกแล้วล่ะมั้ง ว่าถูกใจเซ็กส์ของฉัน...หรือของมันมากกว่ากัน” ผมจ้องตอบ
“เดี๋ยวคนของฉันจะติดต่อไป” ผมตัดบท ชุนลดสายตาลง หลุดอมยิ้มมุมปากออกมานิดหน่อย
“หึ คุณนี่ยังนิสัยแย่เหมือนเดิม” เขาบ่นพร้อมผละตัวออก
“ระวังตัวด้วยล่ะ” ผมพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะลงจากรถ ชุนชะงัก ทำท่าคล้ายจะหันกลับมาแต่ก็ไม่ เขาลงจากรถไปทั้งอย่างนั้น พี่ธานที่ยืนประกบอยู่ตรงประตูรถมองหน้าชุนที่เดินจากไปก่อนหันมาทางผม
“แปลกจังนะครับที่เขาร้องไห้” พี่ธานพูด กลับขึ้นมานั่งที่เดิมก่อนที่ไอ้เด่นจะปิดประตูรถลง
บุคลิกที่แข็งกร้าวไม่สนโลกของชุนที่คงผ่านเรื่องร้ายมามาก ทำให้เข้ากับเพื่อนที่คณะไม่ได้ กระทั่งกลิ่นอายที่ไม่แยแสโลกก็รุนแรงจนเพื่อนไม่กล้าที่จะมีปัญหากับเขาไปโดยปริยาย คนเดียวที่ชุนยอมพูดด้วยดี ๆ ทั้งที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมคณะคือพายุ
.
ครั้งที่สองที่ผมเห็นชุน สายตาที่ส่งมาให้ผมมันตรงไปตรงมายียวนว่า “มึงจะทำให้กูครางได้งั้นเหรอ เก่งขนาดนั้นเชียว” เป็นความท้าทายอย่างถึงที่สุด เส้นแบ่งเรื่องเพศของเด็กคนนี้ขาดหลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี เขาไม่สนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นใคร ใครก็ได้ คล้ายกับชิงชังว่าสุดท้ายแล้วก็แค่ทำให้เสร็จ ๆ ไป ... สิ่งที่ผมตอบสนองกลับไปคือการเตือนความคิดโง่ ๆ ที่เขามีในตอนนั้น
“ฉันไม่ทำกับท่อนไม้หรอก” สิ่งที่ทำส่ง ๆ เพื่อให้เสร็จไปที สำหรับผมนั่นไม่เรียกว่าเซ็กส์ ไม่ว่าจะกับใคร ที่มีรสนิยมแบบไหน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความพึงพอใจอยู่ฝ่ายเดียว นั่นคือเรื่องสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ ผมก็แค่ทำให้เขาเห็นว่าความคิดที่เขามีก่อนหน้านั้น
มันใช้ไม่ได้กับผม...
“ไว้ใจได้แน่เหรอครับ” พี่ธานพูด
“ไม่มีทางเลือกอื่นนี่ครับ” ผมตอบ
“หรือว่า...” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มองมาด้วยสายตาสงสัย
“อะไรครับ” ผมตวัดหางตาโต้ตอบ สั่งเสียว่าให้หุบปากลงเสียที อีกฝ่ายก้มหน้าลง เอ่ยปากขอโทษก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก หลายวันมานี้มีแต่เรื่องไม่เข้าหูทั้งนั้น
- - - - - - - - - - - - - - -
THE 11 CONCEPTS, PATTAYA “ไอ้บูรณ์ไม่รับโทรศัพท์เลยครับนาย” ไอ้เด่นรายงาน
“คนของเรารายงานมาว่ามันไม่กลับที่พักมาสองวันแล้วครับ” พี่ธานพูด
“........” ผมเงียบฟัง มือยังคงล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ตามองไปยังวิวชายหาดจากระเบียงห้อง มีกลิ่นผิดปกติอยู่ ไอ้บูรณ์ย้ายที่พักใหม่แล้ว เมื่อวานนี้ผมได้ข้อมูลจากมันมามากพอให้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ แต่แล้วมันก็ขาดการติดต่อไปดื้อ ๆ
“ไม่ใช่ว่าไปหาเรื่องมาให้นายหรอกนะครับ” ไอ้เด่นบ่น
“ปากมากจริง” พี่ธานปรามอย่างหัวเสีย
“ขอโทษครับ” ไอ้เด่นเสียงหงอย
“เอาเรื่องที่นี่ให้จบก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ผมพูด ทุกคนขานรับ
“แล้ว...คุณไฟจะให้ผมเอายังไงกับคุณตำรวจคนนั้นดีครับ” พี่ธานถามแฝงความประชดอยู่นิดหน่อย ไอ้เต้แอบสะกดรอยตามพวกผมมาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ แล้ว
“มันอยากตามก็ให้มันตามไป” ผมตอบ
“ครับ” พี่ธานรับทราบ
การเดินทางมาพัทยาในวันนี้เป็นไปอย่างเร่งด่วน เหตุจากที่ชุนแจ้งมาว่าเดี่ยวจะกลับจากต่างประเทศและตรงมาที่ร้าน NO WALL ซึ่งเป็นผับของเจ๊ลิลลี่ที่พัทยาในวันนี้เพื่อตรวจดูสินค้าเข้าใหม่ที่ชุนเพิ่งรับมาส่ง แน่นอนว่าในนั้นมีแก้มอยู่ด้วย ข้อมูลตรงกับที่ไอ้บูรณ์ให้ไว้ว่าคนของไอ้กายจะนำสินค้ามากระจายให้ร้านที่เป็นสมาชิกของมันที่พัทยาภายในอาทิตย์นี้ โดยมักใช้ช่วงเทศกาลเป็นตัวเบิกทาง ถ้าหากให้พี่ทัพจัดการและเกิดพลาดท่าขึ้นมาอีกอาจเป็นอันตรายกับฝ่ายผู้หญิงได้ หรือเรื่องอาจไปกันใหญ่
สมุทรเดินทางมาด้วยกัน วันนี้ลูกน้องคนสนิทของผมเดินทางมาครบทุกคน ทั้งไอ้รุ่งและไอ้หินก็ด้วย มีเพียงสมุทรคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนพัทยาในครั้งนี้คืออะไร เขาเองก็ไม่ได้ถาม และผมเลือกที่จะไม่พูดก่อน ยังไม่ไว้ใจในอารมณ์ของเขาในหลาย ๆ เรื่อง การมาด้วยกันแบบนี้ให้คิดเสียว่าเป็นงานสำคัญเท่านั้นก็พอ..
“เดี๋ยวผมไปสั่งอาหารให้นะครับ” พี่ธานพูดขึ้นหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมพยักหน้า ทุกคนพากันทยอยออกจากบริเวณห้องนั่งเล่นจนห้องสงบลงในที่สุด
“คุณไฟครับ” สมุทรเรียก ผมหันกลับไป เห็นเขาถือถาดเสิร์ฟยืนอยู่ บนนั้นมีโถกับแก้วชาขนาดเล็กลวดลายจีนวางอยู่ด้วย
“น้ำสมุนไพรน่ะครับ แม่บ้านฝากให้เอามาให้คุณทานที่นี่ด้วย” สมุทรยิ้มน้อย ๆ วางถาดลงบนโต๊ะตรงกลาง ผมจึงเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวยาว
“นั่งสิ” ผมพูด อีกฝ่ายยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนทำท่าจะเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว ผมคว้าข้อมือเขาไว้ ออกแรงดึงเพื่อบังคับให้เขานั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับของผม สมุทรยอมนั่งลงโดยดี เอื้อมตัวรินน้ำสมุนไพรใส่แก้วให้เงียบ ๆ ผมยกขึ้นดื่มหมดแก้วภายในครั้งเดียว คนข้าง ๆ นั่งจ้องผมอยู่แต่แรกแล้ว แม้จะไม่หันไปมองแต่ก็รู้สึกได้
การเคลื่อนไหวอยู่ในความเงียบ แก้วหนึ่งหมดลง สมุทรจึงรินเติมให้อีก ผมหันไปมอง อีกฝ่ายเลยพูดขึ้นว่า
“ดื่มอีกสิครับ” ด้วยโทนเสียงนุ่มทุ้มและสงบนิ่ง ผมไม่ทำตาม จดจ้องหน้าเขาอย่างนึกสงสัยในความรู้สึกของตนเองที่มีในตอนนี้ ผมจับแขนของสมุทรขึ้นข้างหนึ่งพร้อมเอนตัวลงนอนโดยทันที พอเงยหน้าขึ้น สมุทรก็ก้มลงมองผมที่นอนหนุนตักเขาอยู่ด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไร้ปฏิกิริยาของความตกใจ ผมนำแขนของเขาวางลงบนอกตัวเอง การที่เขาไม่เอ่ยปากใด ๆ ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้ ผมก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากพูดเท่าไหร่นัก
.
ตักของเขาไม่นุ่ม ค่อนข้างแข็ง แต่กลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัว เปลือกตาลดระดับลงเล็กน้อย ทอดมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ด้านนอก พักหนึ่ง แดดจ้าจนสายตาสู้ไม่ไหวและจำเป็นต้องหลับตาลงในที่สุด ความสงบเงียบทำให้ได้ยินจังหวะการหายใจของตัวเองชัดเจน สมุทรไม่ขยับตัวเลย หมอนี่แอบนั่งสมาธิอยู่รึเปล่านะ เขาเหมือนคนที่มีบุคลิกลักษณะอย่างนั้น กระทั่งแขนของเขาที่วางอยู่บนตัวผมก็แน่นิ่ง ความเมื่อยล้าทำให้ไม่อยากลุกหรือลืมตาในตอนนี้ เวลาผ่านไปพักใหญ่ที่ผมนอนหลับตาและหายใจสม่ำเสมออยู่อย่างนั้น
แขนของสมุทรก็เริ่มเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ผมเกิดความสงสัย มันขยับเบา ๆ คล้ายกลัวว่าจะรบกวน ผมแกล้งหลับตาอย่างนั้นต่อไป ฝ่ามือที่หาความนุ่มไม่ได้ที่เจ้าตัวเคยออกปากบ่นถึงมือตัวเองให้ผมได้ฟังว่า
“มือด้าน ๆ แบบนี้” กำลังโอบอยู่ที่ปลายคางระหว่างข้างแก้มของผม มันแช่อยู่อย่างนั้น เป็นครั้งแรกที่กังวลว่าการแสร้งหลับในครั้งนี้จะถูกใครจับได้ สิ่งที่รับรู้ต่อมานอกจากการกระทำเกินคาดของอีกฝ่าย
คือหัวใจผมที่กำลังเต้นผิดจังหวะ มันดังเหมือนจวนจะระเบิด เมื่อสมุทรเกลี่ยนิ้วโป้งลงที่ข้างแก้มของผมอย่างเบาบาง ...
...............(ไฟ)..............
ผู้เขียน: ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ
แล้วก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังด้วยค่ะ
กุก ๆ กุก ๆ (เสียงใจเต้นแบบใหม่) ..เบบี้