รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero- 23 -
กลิ่นแกงเขียวหวานหอมตลบอบอวลไปทั่วบ้าน เรียกให้น้ำลายสอตั้งแต่เดินลงบันไดมาพร้อมกับได้ยินเสียงอู้คำเมืองแว่วๆมาจากในครัว วันนี้ไอ้พายอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน มันเลยตื่นมาทำกับข้าวแต่เช้าเพื่อรอต้อนรับพวกแรงงานทั้งหลาย ในครัวมีไอ้คิมเป็นลูกมือช่วยอยู่ ส่วนไอ้ธันว์ผมเพิ่งปลุกให้มันไปอาบน้ำเมื่อกี้นี้เอง
“กูกินได้ยัง”ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวที่ตอนนี้มีทอดมันถาดใหญ่วางอยู่คู่กับผักเคียงหลายอย่างจนโต๊ะไม่มีพื่นที่ว่างให้วางอย่างอื่นอีก
“สองโลที่ซื้อมามึงทอดหมดเลยเหรอ”ผมถามเพราะทอดมันมันเยอะมาก ซื้อมาทอดเองจะได้มั่นใจว่าน้ำมันทอดใหม่จริงๆ
“เออ ไม่พอพวกมึงแดกหรอก มีอีกก็หมดอีก”ก็จริงของมัน
“มึงทำข้าวซอยด้วยเหรอวะ”เครื่องเคียงบนโต๊ะมันคุ้นๆ ผักกาดดองซอย หอมแดงซอย มะนาวหั่นชิ้น
“เออ กูอยาก”มันอยากก็ลาภปากผมสิ อยากกินพอดีเหมือนกัน ลาภปากไอ้พวกนั้นด้วย ลูกเจ้าของร้านอาหารเหนือลงมือเองไม่มีทางไม่อร่อย
“ตื่นมาทำตั้งแต่กี่โมงวะ”จัดเต็มขนาดนี้ต้องเช้ามากๆ ไม่งั้นคงไม่เสร็จพร้อมกันขนาดนี้
“หกโมง ลากกูมาด้วยไอ้ห่า โคตรง่วง”ไอ้คิมตอบ
“บ่นนะไอ้ห่า ตอนมึงเอาผู้หญิงยันเช้ายังลุกไปเรียนไหว”
“พูดมาก เอ้าเอาไป”มันกระแทกชามใส่โหระพาใส่ท้องไอ้พาย ส่วนผมเดินไปหาของกิน ข้าวซอยมันทำเสร็จแล้วผมเลยจัดการซะเลย ต้องทำให้ไอ้คิมด้วยเพราะมันสั่งมา ผมยกออกมากินที่ริมสระเพราะในครัวไม่มีพื้นที่ให้นั่งกินแล้ว
“พวกมันจะมากันกี่โมงวะ”
“กูนัดสิบ แต่เชื่อเหอะกว่าจะเสด็จกันมา ไอ้ห่าเต้เมื่อคืนออกไปกินตับไม่รู้จะมาไหวมั้ย”
“เพื่อนมึงนี่ไม่เบา วันก่อนเห็นนัวกับเด็กผู้ชายปีหนึ่งคณะกู”
“เออ ช่วงนี้เปลี่ยนบ่อยแถมเอาแต่ผู้ชาย แปลกใจอยู่เมื่อคืนมันไปกับหญิง”ที่รู้เพราะมันส่งรูปเข้ากรุ๊ปไลน์มาให้ดูหน้าจะซุกนมอยู่แล้ว เมาได้อีก
“แล้วมึงอ่ะ”
“กูทำไม?”
“ไม่ออกร่อนเหรอวะ ปกติก็ไปกับมันตลอด _วยไม่ค่อยได้ว่าง”
“มันก็มีเบื่อบ้างอะไรบ้างสิวะ”
“เบื่อหรือว่าถูกคุมกันแน่วะ”มาแล้วไอ้ตัวเสือกกับช่างยุ ยังมีหน้ามายักคิ้วใส่อีก เดี๋ยวกูถีบตกสระ
“ใครวะ?”ไอ้คิมถามทันควัน ไม่ค่อยจะเสือกเท่าไหร่เลย
“ไปฟังมัน ใครจะมาคุมกูได้ไอ้สัด”แต่ทำไมหน้าไอ้พี่เดียวมันลอยเข้ามาในหัววะ แถมเหตุการณ์ที่มันกวนตีนผมด้วยการโทรจิกตอนกำลังเข้าได้เข้าเข็มในรถคืนนั้นนี่ยังชัดเจน
“นั่นสิ กูยังแปลกใจ แต่ถ้ามีจริงกูก็อยากเห็นหน้าว่ะ”ไอ้คิมมันว่ายิ้มๆ เป็นรอยยิ้มที่น่าถีบให้ตกสระไปพร้อมกับซี้มัน
“ชาตินี้ก็ไม่ได้เห็น”ผมบอกอย่างมั่นใจ แต่ก็ไอ้พายก็สวนกลับมาทันที
“ก็ไม่แน่ อาจจะได้เห็นวันนี้เลยก็ได้”ผมอยากจะหาอะไรปาหัวมันสักที ชักจะกวนตีนผมมากไปละ
“อะไรของพวกมึงเนี่ย”ไอ้คิมทำหน้างง มองผมกับไอ้พายสลับไปมา
“ไม่มีอะไร กูกวนตีนมันเล่น”ไอ้พายมันหัวเราะขำ แต่กูไม่ขำด้วยไอ้ห่า ผมยกเท้าขึ้นมากะถีบมันเต็มๆตีนไปสักที แต่ก็ดันรู้ตัวกระโดดหลบไปอยู่หลังไอ้ธันว์ที่เดินเกาไข่มาสมทบพอดี
“เล่นห่าอะไรของมึงวะ ไอ้พายไปหาไรมาให้กินหน่อยดิ”
“มาถึงก็ใช้เลยไอ้ห่า กูเมียมึงไง?”
“แค่นี้ทำบ่น เร็วๆกูหิวแล้ว”
“ของก็อยู่ในหม้อหาแดกเองไม่เป็นไงวะ ใครได้มึงเป็นผัวโคตรซวย”
“อย่างน้อยก็เคยมีคนแถวนี้อยากได้กูละวะ”ไอ้ธันว์มันย้อน ผมถึงกับหลุดหัวเราะ ไอ้พายจากที่หน้าระรื่นเรื่องผมเมื่อกี้เปลี่ยนมางอเป็นจวัก แจกนิ้วกลางให้ไอ้ธันว์หนึ่งดอกก่อนจะสะบัดตูดเดินเข้าบ้านไป
“มึงก็พูดไปไอ้ห่า เกิดมันเฮิร์ทขึ้นมาอีกทำไง”ไอ้คิมพูด ออกแนวขำๆมากกว่าจะจริงจัง เพราะพวกผมทุกคนรู้ดีว่าไอ้พายมันไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้แล้ว
“มึงก็หาคนมาปลอบใจมันดิ จะว่าไปมันไม่มีใครเลยเหรอวะ”
“มีมั้งไม่รู้ มึงอ่ะรู้มั้ยไอ้น่านอยู่บ้านเดียวกัน”
“อยู่บ้านเดียวกันกูก็ไม่ค่อยได้เจอ มันทำงานตลอด ถ้ามีเดี๋ยวพวกมึงก็รู้เองแหละ”แต่ผมยังจำได้ที่มันบอกว่าจะพักเรื่องรักๆใคร่ๆไปก่อนเพราะจะทุ่มให้เรื่องงานกับเรื่องเรียน แต่ถึงอย่างนั้นแค่คนที่คุยด้วยผมว่ายังไงมันก็ต้องมีบ้างแหละ
เก้าโมงกว่าๆไอ้โอ๊คกับไอ้หมวยก็เสนอหน้ามาเร็วกว่าที่คิด ไอ้หมวยมันเอาผลไม้จากสวนมันมาด้วยลังใหญ่ ไอ้โอ๊คมีหน้าที่แบกไปไว้ในครัว ไอ้พายเห็นนี่ยิ้มร่า แกะเงาะกินเป็นอย่างแรก ผมหยิบเงาะโยนไปให้ไอ้คิมที่เกาะอยู่ตรงประตูครัว
“เมื่อวานพี่ที่สวนเข้ามาทำธุระให้แม่กู เขาเลยที่แวะเอามาให้กูโคตรเยอะไอ้สัด แม่กะให้กูเอามาขายตั้งตัวมั้งเนี่ย”แม่มันกับอาฝนก็ไม่ต่างกัน เวลาผมจะกลับมากรุงเทพทีไรขนของกินของใช้ให้อย่างกับผมจะไปอยู่ในที่กันดารไม่มีอะไรจะกิน หรือถ้าใครจะแวะมากรุงเทพก็ต้องฝากของมาให้จนกินได้เป็นเดือนๆ
“สละโคตรหวานอ่ะ”ไอ้ธันว์ทำหน้าฟิน มันกินสละที่ไอ้พายปอกป้อน สบายไปละ
“มึงต้องลองมังคุด เมื่อคืนกูกินจนพุงจะแตก”ไอ้โอ๊คโฆษณา
“มัวแต่กิน ได้เวลาทำงานแล้วพวกมึงอ่ะ”ผมรีบไล่ก่อนที่พวกมันจะติดลมกินจนพุงกางแล้วหลับคาที่
“เดี๋ยวดิ กูหิวข้าวมีไรให้กูกินมั่ง”ไอ้หมวยทำหน้าจริงจังลูบท้องแฟ่บๆของมันประกอบ
“มึงเดินไปดูเอาเลยมีเยอะแยะ”ไอ้พายบอก
สรุปแล้วกว่าจะได้เริ่มงานก็เกือบเที่ยง ไอ้เต้ก็โผล่หัวมาพอดีมันบอกแวะไปส่งเด็กก่อนแต่กว่าจะผละออกมาได้ก็เสียเหงื่อเสียน้ำไปอีกรอบ หิวโซมาซัดขนมจีนแกงเขียวหวานไปสองจาน กาแฟเย็นอีกแก้วใหญ่ที่ไอ้พายออกไปซื้อตรงร้านหน้าหมู่บ้าน
ผมกางแบบที่วาดไว้ให้ไอ้หมวยดู ให้มันช่วยออกความเห็นบ้าง ส่วนพวกใช้แรงงานกำลังขนย้ายอิฐทางเดินของเก่าออก ผมจะปูลายใหม่สีใหม่ แล้วก็ลงพวกต้นไม้ใหม่ที่ผมไปซื้อที่สวนจตุจักรมาตั้งแต่เช้าวันพุธ ของเดิมมันต้นสูงมากแล้วถึงจะคอยตัดแต่งให้เป็นรูปทรงแต่ฟอร์มมันก็ไม่สวยอยู่ดี อีกอย่างผมอยากลองปลูกต้นใหม่พวกไม้ประดับใบสีสวยๆ ส่วนต้นเก่าเดี๋ยวคุณลุงที่มาทำสวนให้ทุกวันหยุดจะมาเอาไปปลูกที่บ้าน วันนี้แกก็ว่าจะมาช่วยแต่ผมเกรงใจ แกอายุมากแล้วให้ไอ้พวกนี้ช่วยดีกว่างานแบกหาม ทำกลางแดดเหมาะกับคนหนุ่มถึกๆ ส่วนที่ผมจะตกแต่งใหม่เป็นแค่มุมหนึ่งของสวนไม่ใช่พื้นที่ทั้งหมด ผมกะทำไว้เพื่อนั่งเล่นชมบรรยากาศในสวน ฟังเสียงน้ำตกจำลอง จิบเบียร์เบาๆ ไอ้พายมันอยากเลี้ยงปลาคาร์ฟด้วย แต่ผมให้มันไปลองคิดดีๆ ถ้าไม่มีเวลามาดูแลซื้อมามันก็อยู่ไม่ทนบาปเปล่าๆ
“ใครมาวะ ไอ้พายมึงไปดูดิ”
ทำงานอยู่ก็ได้ยินเสียงกริ่งบ้านดัง ผมเลยใช้มันเพราะว่างงานที่สุดแล้ว มันบอกมีหน้าที่ทำอาหารกับเก็บล้างก็เหนื่อยจะแย่ ดังนั้นงานในสวนมันจะยืนให้กำลังใจเฉยๆ
“กูว่ามึงเรียงสูงไปแล้ว เดี๋ยวก็ล้มมาหรอก”
ไอ้โอ๊คมันเรียงอิฐที่ใช้ปูทางเดินจนสูงเลยหัวไอ้คิมที่กำลังย้ายต้นไม้ออก ถ้ายืนอยู่มันล้มลงมาก็ทับเท้าแต่ถ้านั่งแบบไอ้คิมตอนนี้มีหวังหัวแตกแน่ๆ
“ไม่เปลืองพื้นที่ไงมึง”
“ตามใจระวังใครจะมาชนล้มแล้วกัน”
“ไอ้น่าน”
“ไรวะ”ไอ้พายมันหายไปจนผมลืมไปแล้วว่าใช้มันไปทำอะไร ปากกำลังจะถามเลยว่าใครมากดกริ่งเรียก แต่คำตอบก็เดินตามหลังมันมา
“อ้าว พี่มาได้ไงอ่ะ”ไอ้ธันว์ร้องทัก ส่วนผมยังหาเสียงไม่เจอ ไอ้เหี้ยพี่เดียวมันมาทำไมวะ
“ขับรถมาดิ”
“โห พี่ตอบแบบนี้ผมไปต่อไม่เป็นเลย”ไอ้ธันว์ทำหน้าเซ็ง ถ้าเป็นเพื่อนกันมันคงด่าไปแล้ว แต่นี่รุ่นพี่ไงแถมมันไม่ได้สนิทมากขนาดจะเล่นหัวกันได้
“ฮ่าๆ มีธุระกับน้ำน่านเลยแวะมา ขอยืมตัวแป๊บ”มันพูดจบปั๊บก็คว้าคอผมปั๊บแล้วลากๆออกมาจากตรงนั้น
“เห้ยๆ ปล่อยได้แล้ว”ไอ้พี่เดียวมันลากผมมาจนถึงสระว่ายน้ำแล้ว ห่างไกลจากจุดที่ทำงานมากอยู่ ยังดีที่มีหัวคิด
“เสียงดังทำไมเนี่ย”
“แล้วมาทำไม ใครเชิญ”
“โห พูดงี้เหรอ คนเขาเอาของมาให้ เมื่อคืนลืมไว้”
“อะไร?”ผมว่าผมหยิบมาหมดทุกอย่างแล้วนะ ลืมอะไรวะ
“เรดสามขวดที่ขอไว้ไง ลืมไว้ในรถพี่ หรือจะไม่เอา”
“เอาดิ ให้แล้วให้เลยอย่าคืนคำ”ลืมของสำคัญได้ไงวะเนี่ย
“ก็ให้ไง ใครคืนคำ ดันลืมไว้เอง”
“ธุระมีแค่นี้ใช่มั้ย งั้นก็กลับไปได้แล้ว”
“แล้วนี่ทำอะไรกันอ่ะ”ทำหูทวนลมไม่ได้ยินนะ ตบบ้องหูสักทีดีมั้ย
“จัดสวนใหม่”
“ช่วยป่ะ?”
“ว่างไง?”
“ถ้าอยากให้ช่วยก็ว่างเสมอ”มันยิ้มมุมปากทำตาเจ้าชู้ใส่ ทำเหมือนจีบหญิงไปได้ ผมไม่หวั่นไหวหรอกนะ
“งั้นไม่ต้อง กลับไปเลยไป”หมั่นไส้มัน
“งั้นช่วยดีกว่า”
“เอ้ยๆๆๆ เดี๋ยวๆ”ผมรั้งมันไว้แทบไม่ทัน อะไรของมันวะ ตั้งใจมากวนตีนกันชัดๆ
“อะไร จะไปช่วยไง”
“ไม่ต้อง คนเยอะแล้ว กลับไปเลย”ผมไม่อยากให้มันอยู่ต่อ ตอนแรกที่คิดไว้ว่าถ้ามันมาผมก็ไม่เดือดร้อน พอเอาจริงๆแล้วทำไมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย หรือผมจะร้อนตัวไปเอง
“ไล่จัง ทำไมกลัวใครรู้เหรอว่าเราเป็นอะไรกัน”มันยื่นหน้าเข้ามาจมูกจะชนกันอยู่แล้ว ผมเลยผลักมันออกเต็มแรงแต่ก็ทำให้คนตัวใหญ่ๆอย่างมันเซไปนิดเดียวเท่านั้น
“เป็นอะไร ไม่ได้เป็นอะไร อย่ามามั่วนะเว้ย”
“หึหึ”หัวเราะเชี่ยอะไรเนี่ย หน้าตามันไม่น่าไว้ใจเลย หูตาแพรวพราว ต้องคิดอะไรเลวๆแน่
“พี่เดียว...กลับเถอะ”นี่ผมใช้น้ำเสียงแบบอ่อนสุดๆเลยนะ ต้องพูดกับมันดีๆ ไม่งั้นมันเกิดอยากจะกวนประสาทผมขึ้นมาก็ซวยพอดี
“นี่อ้อนพี่เหรอ?”มันยิ้มแบบพอใจมาก สายตามันแบบบอกไม่ถูก เหมือนจะอ่อนๆ ออกแนวเอ็นดูอะไรทำนองนั้น ซึ่งทำให้ผมขนลุก
“ขอร้องเว้ย ไม่ได้อ้อน”
“ไหนลองอ้อนพี่ดิ”
“จิ๊ ไม่มีทาง!”ผมปัดมือที่ลูบแก้มออก สัมผัสของมันร้อนเหมือนเอาเหล็กเผามานาบหน้า
“งั้นก็...
ไม่ กลับ”มันพูดเน้นย้ำทีละคำด้วยสีหน้าที่กวนตีนสุดๆก่อนจะเดินฉับๆหนีไปเลย ผมเลยต้องวิ่งตามไปแต่ก็รั้งไว้ไม่อยู่ ไอ้พี่เดียวมันเข้าไปช่วยไอ้คิมย้ายต้นไม้ท่ามกลางสายตางงๆของเพื่อนผม ไม่อยากจะบอกเลยว่าชุดที่มันใส่มาวันนี้ก็เหมือนจะพร้อมมาทำงานมาก เสื้อยืดกางเกงขาสั้นพอดีเข่า ไอ้ธันว์ก็ช่วยแนะนำตัวไอ้โอ๊คกับไอ้หมวยด้วยความหวังดีและยินดีอย่างยิ่งที่ไอ้พี่เดียวจะมาช่วย ไอ้หมวยมันมองหน้าผมนิ่งๆก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา สายตาเหมือนจะพูดว่า ‘กูรู้นะ’ อะไรทำนองนี้ มึงอย่ามาทำหน้าทำตาแบบนั้น เพราะกูก็รู้เหมือนกัน ผมเลยยิ้มกลับไปแบบเดียวกัน แล้วขยับปากพูดอะไรบางอย่างแบบไม่มีเสียง มันชักสีหน้าก่อนจะขยับปากด่าผม ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็รู้ความหมายเพราะมันชูนิ้วกลางขึ้นประกอบ
“ส่วนนั่นไอ้เต้”ไอ้ธันว์ชี้มาทางไอ้เต้ที่เดินมาหยุดข้างๆผมพอดี เมื่อกี้มันหายไปไหนมาวะ
“หวัดดีครับพี่”มันยิ้มแย้มทักทายอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มแบบกรุ้มกริ่มมีเลศนัยอีกคน ไอ้นี่สิน่ากลัวกว่าไอ้หมวยอีก
“ไม่ต้องกลัว กูไม่บอกใครกับสิ่งที่กูได้เห็นได้ยินมาหรอก”มันเข้ามากระซิบกระซาบ
“อะไรของมึง”นิ่งเข้าไว้ ใจเย็นๆ
“ไม่ต้องมาเนียนไอ้สัด กูอยู่ที่สระด้วยเมื่อกี้นี้”ผมหันไปมองหน้ามันอย่างอึ้งๆ ดูท่าทางมันจะไม่ได้อำผมจริงๆ “หึหึ”มันหัวเราะตบไหล่ผมปุๆแล้วเดินเข้าไปช่วยไอ้หมวยขนกระสอบดินกับทรายมารอเตรียมพื้นที่
ดูเหมือนยิ่งไม่อยากไม่ให้มีใครรู้ก็ยิ่งกลายเป็นว่ามีคนรับรู้เพิ่มขึ้นทีละคนๆ ถึงไอ้พี่เดียวจะไม่ได้จู่โจมโจ่งแจ้งให้เพื่อนๆผมเห็นคาตา แต่ทุกครั้งที่มีคนรู้ก็ดูจะประจวบเหมาะทุกที ใครกำลังเล่นตลกกับชีวิตผมหรือเปล่าวะ
X
“เฮ้ยๆ พี่ระวัง”เสียงไอ้คิมร้องดัง จนผมที่กำลังขึงเอ็นเตรียมจะปูพื้นต้องเยหน้าขึ้นมา มันเกิดรวดเร็วมากถึงขนาดที่ว่ามองเห็นทุกอย่างแต่เข้าไปช่วยไว้ไม่ทัน กองอิฐที่ไอ้โอ๊คเรียงไว้มันล้มลงมาใส่เพราะไอ้ธันว์กับไอ้เต้ที่กำลังยกเก้าอี้ไม้ออกจากพื้นที่ไปชนมันเข้า มันจะไม่อะไรเลยถ้าตรงนั้นไม่มีคนนั่งอยู่ พี่เดียวมันช่วยผมดึงเอ็นจากอีกด้านอยู่ มันเลยไม่ทันระวังตัวก้อนอิฐเลยล้มใส่
“พี่เดียว เป็นไรป่ะวะ”ผมรีบหยิบอิฐออกจากตัวไอ้พี่เดียว มันเอามือกุมหน้าอยู่ พอเอามือมันออกก็เห็นเลือดไหลลงมาจากหน้าผาก
“เชี่ย เลือด ไอ้ห่าพวกมึงทำไมไม่ระวังเลยวะ”ผมหันไปว๊ากไอ้สองตัวที่ทำหน้าตกใจอยู่
“ผมขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ มองไม่เห็น”ไอ้เต้พูดอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรๆ นิดเดียวเอง”
“นิดเดียวบ้าอะไร เลือดออกเนี่ย ลุกดิ ไปหาหมอ”เลือดไหลจะเข้าตาอยู่แล้ว นิดเดียวตรงไหนวะ ไม่รู้เจ็บส่วนอื่นด้วยหรือเปล่า เพราะอิฐที่อยู่สองแถวบนมันร่วงลงมาหมดเลยเจ็ดแปดก้อน น้ำหนักไม่ใช่เบาๆ
“ไม่เป็นไร แค่ล้างเลือดออกก็พอ”
“.....”
“โอเคก็ได้”ผมจ้องจนมันยอม ตอนนี้เลือดมันไหลลงมาเลอะเสื้อที่มันใส่อยู่แล้ว ผมให้พวกที่เหลือทำงานต่อให้ไอ้หมวยคุมงาน แล้วลากไอ้พี่เดียวมาคลินิกที่อยู่ใกล้หมู่บ้าน สรุปว่าแผลที่ว่าไม่เป็นไรก็เย็บไปสามเข็ม ส่วนตรงอื่นก็แค่ถลอกแล้วก็ฟกช้ำ พรุ่งนี้คงจะเป็นจ้ำม่วงๆเขียวๆละม้ายคล้ายตุ๊กแก
“เดี๋ยวๆ จะไปไหน”พอมาถึงบ้านแทนที่ไอ้พี่เดียวมันจะขับรถตัวเองกลับห้องไป แต่กลับเดินไปในสวนอีก
“ไม่กลับงานยังไม่เสร็จเลย”
“ไม่ต้องทำแล้ว เจ็บตัวแบบนี้กลับห้องไปเลย”
“กลับห้องก็อยู่คนเดียว เกิดพี่เป็นไรไปจะทำยังไง”
“อย่ามาเว่อร์ แค่หัวแตกจะเป็นไรได้ไง”
“งั้นก็ทำงานต่อได้”
“ไอ้บ้า อยากทำอะไรนักหนาหะ?”ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ
“ที่จริงก็ไม่ได้อยากทำนักหรอก แต่อยากอยู่กับน่านมากกว่า”
โอเค...จบ กูนี่แหละจบ หมดคำพูดเลย นึกอยากจะหยอดก็หยอดเหรอวะ
“จารย์ เอ้ย พี่เดียวเป็นไงบ้างครับ”ไอ้พายถลาเข้ามาหาอาจารย์ของมัน คนอื่นๆก็ด้วยคงเพราะได้ยินเสียงรถผมเลยแห่กันมา
“เย็บสามเข็ม”ผมตอบให้ ก่อนที่มันจะอ้าปากว่าไม่เป็นอะไรอีก
“โห ผมขอโทษนะพี่”ไอ้ธันว์พูด
“เห้ย ไม่เป็นไร แผลแค่นี้เอง ไม่ต้องซีเรียส”ผมแอบเบ้ปากกับคำตอบของมัน อวดเก่งจริงๆ
“แล้วมีแผลตรงอื่นอีกมั้ยครับ”
“ไม่มีแล้วแค่รอยถลอกนิดหน่อย ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นอุบัติเหตุ”
“เออ เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไรพวกมึงก็ไปทำงานต่อไป”ไอ้เต้กับไอ้ธันว์มาท่าทีลังเลแต่ก็ยอมกลับไปทำงานต่อ ส่วนผมพาไอ้พี่เดียวขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อที่เปื้อนเลือดบนห้อง เพราะมันยืนยันว่าจะยังไม่กลับคอนโด
“อ่ะ น่าจะใส่ได้”ผมยื่นเสื้อยืดตัวใหญ่สุดเท่าที่มีให้คนบนเตียงมี่กำลังใช้สายตาสำรวจห้องนอนผม แต่แทนที่มันจะเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำกลับทอดเสื้อโชว์หุ่นต่อหน้าผมนี่แหละ แต่ก็นะผู้ชายเหมือนกันไม่มีอะไรต้องอาย อีกอย่างผมไม่เกิดอารมณ์กับหุ่นบึ้กๆของมันแน่ แต่เหมือนมันจะไม่แน่นเหมือนก่อนหน้าแล้วป่ะวะ แล้วทำไมผมต้องมาสังเกตเห็นอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย
“มองแบบนี้เข้ามาปล้ำพี่เลยดีกว่า”
“น่าปล้ำตายอ่ะ ต่อให้ถอดหมดก็ไม่เกิดอารมณ์หรอก”แต่อารมณ์อยากกระทืบนี่มาเต็มอ่ะ
“เหรอ แต่กับน่านนี่ชุดไหนพี่ก็มีอารมณ์นะ”
“เหี้ย!”ผมตอบกลับไปทันที ไม่มีคำไหนจะเหมาะสมกับมันอีกแล้ว สารเลวจริงๆ ในหัวคิดแต่เรื่องแบบนี้
“เดี๋ยวจะโดน”มันชี้หน้า ทำตาดุใส่ คิดว่าผมจะกลัวหรือไง แต่ก็ขยับถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“เปลี่ยนเสร็จแล้วก็ลงไปได้ละ”
“หิวข้าวอ่ะ ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า ทำไรให้กินหน่อยดิ”
“ภาระ”ผมว่าแต่มันยิ้ม
“นี่เจ็บอยู่นะ อย่าใจร้ายหน่อยเลย”เมื่อกี้ยังทำเป็นเก่งอยู่เลย ทีอย่างนี้จะมาอ้างตัวเป็นคนเจ็บมันน่าซ้ำให้เย็บอีกสักแผลสองแผล แต่เห็นว่าเจ็บตัวเพราะมาช่วยงานทั้งที่ไม่ร้องขอหรอกนะ จะทำทานให้สักมื้อ
“จะกินก็ตามมา”
ผมไม่ได้ทำอะไรให้มันกินเพราะขนมจีนแกงเขียวหวานไอ้พายยังมีอยู่ ทอดมัน ไข่ต้มก็ยังอยู่ผมเลยตักใส่จานแล้วให้มันนั่งกินในครัว กินเสร็จก็บังคับให้มันกินยาแก้ปวดกันไว้ เดี๋ยวมันต้องปวดแผลแน่ๆ
“มึงมีอะไรจะบอกกูมั้ย?”
ทำไมเพื่อนผมมันชอบเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคแบบนี้กัน ตอนนี้งานเสร็จแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ยกเว้นเรื่องไอ้พี่เดียวอ่ะนะ ผมอาบน้ำแล้วมานั่งเล่นริมสระพร้อมกับเบียร์ในมือ คนอื่นๆแยกย้ายไปอาบน้ำ ไอ้พายทำกับข้าวอยู่ในครัวคงใกล้เสร็จแล้วเพราะมันทำมาตั้งแต่ก่อนผมจะจัดสวนกันเสร็จ ส่วนไอ้พี่เดียวหลังจากผมห้ามไม่ให้ไปช่วยงานมันก็มานั่งคุยกับไอ้พายแทน ไปๆมาก็คุยเรื่องเรียน ติวหนังสือไปซะงั้น ตอนนี้มันก็กลับไปแล้วเพราะถูกที่บ้านตามตัว
“อะไร?”
“มึงกับพี่เดียวไง”
ไอ้ธันว์ถามแบบนี้แสดงว่ามันต้องสังเกตเห็นอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจู่ๆจะพูดขึ้นมาทำไม ผมมั่นใจว่าไม่มีใครเอาอะไรไปบอกมันแน่นอน ทั้งไอ้พาย ไอ้เต้ ถึงมันจะรู้และชอบเสือกแต่ไม่ใช่คนปากโป้ง เรื่องอะไรที่ผมยังไม่เปิดเผยหรือพูดแทงลงไปชัดๆ มันก็จะเก็บเงียบ ส่วนไอ้หมวยรายนั้นมีชะนักปักหลังมันไม่พูดให้เข้าตัว เสี่ยงแก่การที่ผมจะเอาความลับมันมาบอกต่อเป็นการแก้แค้น แต่คิดไปคิดมา การที่ผมทำแบบนี้คิดแบบนี้ก็เหมือนกับว่ายอมรับในสิ่งที่ไอ้พวกนั้นคิดว่าเป็นเรื่องจริงเลย ทั้งที่ระหว่างผมกับไอ้พี่เดียวมันไม่มีอะไรทั้งนั้น
“พูดมาให้ชัดดิ จะถามอะไรกูกันแน่”
“ตอนแรกกูก็แค่คิดว่าพี่เดียวสนใจมึง”
“แล้ว?”
“แล้วตอนนี้กูก็รู้สึกว่ามึงเองก็ใส่ใจพี่เขามากเหมือนกัน”
“เอาอะไรมาคิดว่า”ผมไปใส่ใจมันตอนไหน ถ้าจะเป็นเรื่องที่มันเจ็บตัว ก็นั่นแหละมันมาช่วยงานและเจ็บในบ้านผม จะให้ผมทำเป็นมองไม่เห็นหรือไง ไม่ว่าจะเป็นใครเจ็บผมก็ต้องทำเหมือนที่ทำกับไอ้พี่เดียววันนี้เหมือนกัน
“ก็เอาสิ่งที่กูเห็นมาคิดนี่แหละ คือกูไม่แปลกใจเลยนะเว้ยถ้าพี่เขาจะมาสนใจมึง ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องทำนองนี้ แต่ที่กูแปลกใจที่มึงยอมให้เขาเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ”มันรู้ดีว่าถ้าใครเข้าหาผมในลักษณะนี้ผมจะจัดการจนมันไม่กล้าเข้ามายุ่งด้วย ชกกันปากแตกหัวแตกก็เคยมาแล้ว
“แล้วมึงคิดว่ากูไม่เคยทำอะไรเหรอวะ”คิดว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ผมยินยอมพร้อมใจหรือยังไง
“มีด้วยเหรอวะคนที่มึงรับมือไม่ได้ แสดงว่าเขาต้องพิเศษมากแน่ๆ”มันเน้นย้ำคำว่าพิเศษจนสะดุดหู มึงต้องการจะสื่ออะไรวะครับไอ้เพื่อนเลว อย่าทำมามีความนัยแอบแฝง
“ไม่มีอะไรพิเศษนอกไปจากความหน้าด้านของมัน”ผมตอบอย่างหงุดหงิด
“แค่นั้น?”
“เออ มึงจะเอาแค่ไหนไอ้สัด มึงคิดว่ากูจะสนใจไอ้พี่เดียวหรือไง”เมื่อวานก็ไอ้พาย วันนี้ก็ไอ้ธันว์ มันแค่มาเห็นวันเดียวก็คิดไปไกลแล้ว
“แล้วมึงสนใจหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่เลยสักนิด”
(มีต่อ)