ร้ายที่ 1 ผมชื่อเจ้านาย . .
ชื่อเท่ดีมั้ยล่ะ . . พ่อเป็นคนตั้งให้เนื่องจากเห็นว่ามันคล้องจองกับชื่อเจ้าขุนดี ซึ่งเจ้าขุนก็คือพี่ชายของผมนั่นเอง แม้ว่าความจริงมันจะดูโหดร้ายไปสักหน่อยสำหรับเหตุผลที่ผมต้องชื่อเจ้านาย แต่เชื่อเถอะผมภูมิใจกับชื่อนี้มากกว่าพี่ขุนภูมิใจกับชื่อของตัวเองละกัน พวกเราเป็นลูกชายสองคนของบ้าน แม่เสียไปนานแล้ว พ่อก็มีกิ๊กมีกั๊กไปเรื่อยตามประสาคนโสดลูกติดสองคน . . และที่มากกว่านั้น คือพ่อของผมเป็นพวกมีอิทธิพล
จะว่ายังไงดีล่ะ ไอ้ผับบาร์ โรงรงโรงแรม บ่อนคาสิโน อาบอบนวด และก็สารพัดธุรกิจที่พ่อผมคุมนั้นทำให้ผมกับพี่ขุนกลายเป็นลูกชายของผู้มีอิทธิพลสูงสุดในประเทศ หนำซ้ำยังกลายเป็นผู้มีอิทธิพลเองอีกด้วย ก็แหม . . ผมกับพี่ชายนิสัยคล้ายพ่อจะตายไป ไอ้เรื่องชกต่อย เรื่องยกพวกตีกันนี่ต้องมาก่อนเป็นที่หนึ่ง (ก็มันหนุกดี - -) ดีหน่อยที่พี่ขุนเริ่มทำงานดูแลกิจการช่วยพ่อ ไอ้เรื่องแบบนี้เลยน้อยลงไปซะฉิบ ก็คงเหลือแต่ผม . .ที่แม่งแสวงหาอำนาจในหลายพื้นที่อยู่ร่ำไป ทั้งๆที่ผมอยู่เฉยๆ ผมก็ดัง . .
สรุปก็คือ . . ไอ้เจ้านายคนนี้มันชอบที่จะอยู่เหนือคนอื่นนั่นแหละ แต่ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอกนะ ผมไม่เคยฆ่าใคร (แต่พ่อกับพี่ขุน อันนี้ผมก็ไม่รู้) แต่ที่รู้ก็คือมีคนจ้องจะฆ่าผม (ล้างแค้นพ่อกับพี่ขุน) ดักรอตีผม (อันนี้แค้นส่วนตัวกับผมเอง) และก็ลักพาตัว (หน่อมแน้มไปหน่อย แต่พ่อรวยเกินไป อันนี้พี่ขุนก็เคยโดน) ชีวิตของผมแม่งบู๊เป็นบ้า แต่ผมเคยชินกับมันแล้วล่ะ
อ้อ คนมีอำนาจก็ต้องมีคนอยู่ใต้อำนาจ ที่ชัดเจนที่สุดเลยคือแฝดธีกับธัญ ที่เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยอนุบาล แม่งออกตัวแรงว่าเป็นลูกน้องไอ้เจ้านายตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะครับ สองคนนี้คือเพื่อนตายของผม ไม่มีวันที่จะหักหลังกันเด็ดขาด ไอ้ธีคนพี่ตัวเตี้ยกว่าเป็นคนกวนๆอารมณ์ดี ส่วนไอ้ธัญคนน้องตัวสูงกว่าเป็นคนขรึมๆชอบใช้เหตุผลแก้ปัญหา พูดง่ายๆก็คือผมมีไอ้ธีเป็นสีสันของชีวิต และมีไอ้ธัญคอยเป็นสมองอันที่สองของผม
ตอนนี้ผมกับแฝดเรียนอยู่ปีสามแล้วครับ มหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่อนข้างไม่ซีเรียสเรื่องเรียนเท่าไหร่ อันที่จริงผมเป็นคนหัวดีคนหนึ่งเลยนะ แต่ตั้งใจเรียนไปก็ไร้ค่าในเมื่อจบออกไปก็มีอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้รออยู่เต็มไปหมด(สิ่งที่พ่อสร้างไว้นั่นแหละ) วันนี้ผมก็เลยไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ แค่มาเรียนนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ของเพื่อนในห้องจะแย่ ไม่มีใครคุยกับผมนอกจากธีกับธัญ ใครอยากคุยกับผมต้องผ่านสองคนนี้ไปก่อน แม่ม ผมแม่งโคตรเท่ แรร์ไอเทม ดูน่าค้นหาสัดๆ!!
“น่าเบื่อชิบ” ผมบ่นเสียงเอื่อย ไอ้เรื่องบริหารนี่แม่งโคตรน่าเบื่ออ่ะ ใบหน้าผมมีพลาสเตอร์ยาเล็กน้อยจากการหยอกล้อกับพวกแก๊งลูกกระจ๊อกเมื่อวาน
“งั้นเย็นนี้ไปเที่ยวกันหน่อยดีกว่า สนมั้ยไอ้นาย” ไอ้ธีก็คงจะเบื่อพอๆกับผมกระมัง
“ก็ดี”
“ไปไหนดีล่ะ”
“กูอยากดูแข่งรถ”
“เออ ก็ดี กูไป!!!” ไอ้ธีเออออห่อหมกกับผมทุกเรื่องตลอดครับ “ธัญ มึงกลับไปเอาเฟอร์รารี่ที่เพิ่งไปทำสีใหม่มาดิ”
“คราวนี้ทำสีอะไรวะธัญ” ผมถาม รถไอ้ธัญเปลี่ยนสีได้อย่างกับจิ้งจก (มันเปลี่ยนสีได้ป่ะวะ ?) ไอ้ธัญรักรถคันนี้มากเลยครับ ตั้งแต่ขึ้นมหาลัยมา มันก็เอาแต่ดูแลฟูมฟักไอ้เจ้าคันนี้มาก จนคันอื่นของมันน้อยใจไปแล้วมั้ง อ้อ ถึงแม้ว่าไอ้ธีกับไอ้ธัญจะเป็นแฝดกัน แต่พวกแม่งไม่เคยใช้รถร่วมกัน(นอกจากนั่งไปด้วยกัน) รถคันนี้ของใครก็ต้องเป็นของคนนั้น ทั้งคู่มีไม่ต่ำกว่าคนละเจ็ดแปดคัน จอดรออยู่ในโกดังติดกับคฤหาสน์ของบ้านมันนั่นแหละ รวยสัด . .
แตก็เป็นลูกน้องผมอยู่ดี ฮ่าๆๆๆๆ
“ดำ” มันยิ้มให้ผม ก่อนที่จะหันหน้าไปฟังอาจารย์ต่อ มีธัญคนเดียวนี่แหละที่ตั้งใจเรียน ผมกับไอ้ธีมีความขี้เกียจเท่ากันเด๊ะ . .
ถึงแม้ว่าผมจะออกตัวไปอย่างแรงว่าขี้เกียจเรียนวิชานี้แค่ไหน แต่อาจารย์ที่สอนอยู่ก็ไม่คิดที่จะหาเรื่องผมสักนิด ยกตัวอย่างเลยนะถ้าจู่ๆผมลุกขึ้นเดินไปจูบกับดาวคณะที่นั่งอยู่แถวหน้า ณ ตอนนี้ แกก็คงจะไม่กล้าว่าอะไรผมหรอก เรื่องอิทธิพลของผมนั้นแผ่ซ่านไปทั่วมหาลัย ไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่ง กล้าสุงสิง ทุกคนมองว่าเป็นพวกหน้าหล่อแต่อันธพาล ซึ่งก็ดี . .
กว่าเวลาที่แสนทรมานจะจบลงก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็น . . ปีสามเรียนหนักอะไรปานนั้น นักศึกษาในห้องกรูกันออกไปจากห้อง พอผมแสดงความต้องการว่าอยากจะออกไปเท่านั้นแหละ แยกกันออกเป็นสองฝั่งให้พวกผมเดินออกจากห้องอย่างโคตรสะดวกราวกับผมกับไอ้แฝดเป็นตัวเชื้อโรคที่น่ารังเกียจยังไงยังงั้น . .
อันที่จริงผมเจอเรื่องแบบนี้ที่มอบ่อยโคตร จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของผมไปแล้ว
เจ้านาย . . ไอ้คุณชายอันธพาล
“แดกข้าวหลังมอกัน”
ผมออกคำสั่ง ไอ้แฝดพยักหน้ารับ ผมเดินนำพวกมันไปยังรถของผมเอง ผมไม่มีตุ๊กตาหน้ารถมานานแล้วเพราะหลังๆเริ่มจะรำคาญผู้หญิง พวกเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากได้อะไรๆจากผมมากกว่าอสุจิที่ผมปล่อยใส่ (เอ่อ ผมหยาบไปมั้ย) จนตอนนี้ผมไม่ได้ควงใคร จะควงก็แต่ไอ้แฝดสองคนนั่นแหละนะ
ขับออกไปสักพักก็ถึงร้านอาหารแถวหลังมอ ร้านนี้อร่อย ติดแอร์ ราคากำลังดี . . เรียนเสร็จทีไรจะต้องมากินที่นี่ ขี้เกียจออกไปห้าง รถติดและผู้คนก็มีอยู่อย่างมากมาย สู้กินอยู่แถวหลังมอดีกว่า แค่ผมโผล่หน้าไปปุ๊บ ทุกคนก็พร้อมใจกันรีบยัดข้าวลงกระเพาะแล้วก็รีบออกไปจากสายตาของผมอย่างเร็วด้วยความหวั่นเกรง ทีนี้ผู้คนก็ไม่หลากหลายวุ่นวายแล้ว สบายใจเฉิบ
“สวัสดีค่ะคุณเจ้านาย”
“โหย ป้า ไม่ต้องไหว้หรอกครับ”
เดี๋ยวผมจะอายุสั้นเอานะ T_____T ผมรีบไปจับมือป้าคนขายกับข้าวเอาไว้ ไม่รู้ว่าแกจะดีใจหรือเสียใจดีกับสถานะที่กลายเป็นร้านข้าวที่ผมชอบมากิน ทำให้ลูกค้าหดรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่แกก็ไม่เคยบ่นให้ผมฟังนะ
“วันนี้รับอะไรดีคะ”
“กระเพราปลาหมึกครับป้า ขอไข่ดาวด้วย อ้อ สั่งเผื่อไอ้แฝดด้วยครับ อีกสองจาน”
“ได้เลยค่ะ”
ผมนั่งฉับลงบนโต๊ะในสุด ตอนนี้ทั้งร้านที่เป็นห้องคูหาเดียวแทบจะว่างเปล่า ยกเว้นอยู่โต๊ะหนึ่ง . .
แปลกแฮะ . . พวกมันไม่หวั่นเกรงต่อผมเหรอ กลุ่มผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาสองสามคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ผมวางท่า ส่งสายตามองไปยังพวกมัน เผื่อพวกมันจะรู้ว่าคนที่มีอำนาจที่สุดในมหาลัยกำลังนั่งอยู่ ถ้าไม่ลุกไปจากร้านอย่างน้อยก็ควรจะทำท่านอบน้อมมีสัมมาคารวะนิดนึง!
พวกมันหันมาหาผม คนที่หน้าตาธรรมดาๆก้มลงดูดน้ำกระเจี๊ยบจ๊วบๆ (ไอ้นี่คงรู้หน้าที่แล้วล่ะ) ไอ้หน้าตี๋คนหนึ่งหันมาหาผมแล้วก็หันกลับไป (ไอ้นี่ผมไม่รู้ความคิดมัน) คนสุดท้าย เด็ดสุด น่าจดจำที่สุด และก็น่าประทับใจที่สุด ไม่ใช่เพราะมันหล่อ ไม่ใช่เพราะมันเป็นลูกครึ่งฝรั่งจ๋าออกมาให้เห็นตั้งแต่แว้บแรก แต่เพราะสายตาที่มันมองผม . .
มันมองผมอย่างกับผมเป็นแมลงกุดจี่ในกองขี้ควาย . .
มีหรือที่คนอย่างผมจะอยู่นิ่งๆ!
“มองทำเหี้ยไร!” ผมกระทืบเก้าอี้พลาสติกไปที่โต๊ะนั้นทันที โดนข้าวของพวกมันกระจายไปทั่วร้าน ผมสะอึกนิดๆ เหลือบมองไปดูป้าเจ้าของร้าน ผมเคยพังร้านนี้ . . หลายครั้งแล้ว
แต่คงช้าไปแล้วล่ะ
นอกจากไอ้ฝรั่งหัวดำนัยน์ตาสีฟ้ามันจะไม่กลัวผมแล้ว แม่งยังถีบเก้าอี้กลับมาคืนเกือบจะโดนเข้ากับผมอย่างจัง พฤติกรรมแบบนี้หาดูได้ยากในนักศึกษาของมหาลัยนี้ครับ ไอ้นี่มันไม่กลัวผม . . ไอ้นี่มันทำอย่างกับผมเคยฆ่าคนในครอบครัวของมัน . .
กูไม่เคยฆ่าใคร . .
“อยากตายเหรอวะ!!!!” สัญชาตญาณของนักเลง ผมย่างสามขุมเข้าไปกระชากเสื้อของไอ้หน้าลูกครึ่งให้มาเผชิญหน้า เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นคนตาสีนี้มองผมด้วยสายตาที่รังเกียจเดียดฉันท์ขนาดนี้
“จะต่อยก็ต่อยมา ช้าทำไม”
มึงท้ากูเองนะ . . พูดไทยชัดชิบหายเลยนะมึงน่ะ ผมไม่เสียเวลาคิด กำกำปั้นแล้วคิดจะเสยไปที่แก้มขวาของมันอย่างคนที่มีเรื่องเป็นชีวิตจิตใจ
เซอร์ไพรส์ก็ตรงที่ว่า . . แม่งคว้ากำปั้นของผมเอาไว้อย่างง่ายดายซะงั้น
“หึ โคตรกระจอก”
พูดงี้เอามีดมาจ้วงพุงกูเลยดีกว่า!!! ผมหน้าแดงจัดอย่างคนโกรธ กำกำปั้นอีกข้างเตรียมเสยคางไอ้ลูกครึ่ง แต่ทว่า . .
ลงท้ายเหมือนเดิม มันคว้าเอาไว้แต่คราวนี้แม่งจับแขนผมบิด
ป้าครับ . . สงสัยวันนี้ร้านนี้คงต้องพังแล้วล่ะ!
“สัด ทำเหี้ยไร!!!” ไอ้ธัญที่เพิ่งจะโผล่หัวมาเดินเข้ามาในร้านแล้วก็ทำท่าจะกระชากตัวไอ้ลูกครึ่งออกไป แต่โดนไอ้ตี๋สกัด ไอ้ธีก็โดนอีกคนสกัดเอาไว้เหมือนกัน
“ไนท์ แอร์ พอเถอะ”
ผมที่ดิ้นสุดแรงเกิด(และไม่ได้ผล) ได้ยินเสียงไอ้ลูกครึ่งชัดเจน เสียงที่มันหันไปบอกกับเพื่อนมัน
“สงสารป้า”
ทุกคนเหลือบมองไปที่หน้าร้าน ป้าแก่ๆคนหนึ่งน้ำตาไหลอาบแก้ม ได้แต่ยกมือปิดปากอย่างไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง ผมมองดูภาพนั้นได้ไม่นาน ก็โดนไอ้ลูกครึ่งผลักผมออกไป จนตัวผมเซล้มลงไปกองกับเก้าอี้ตัวที่ผมถีบใส่มันตั้งแต่แรก
หมดสภาพ หน้าอาย . . และไม่น่าจดจำเป็นที่สุด
ผมถลึงตามองไอ้ลูกครึ่งนั่นอย่างแค้นจัด มันมองผม ยักริมฝีปาก และก็เดินหนีไป เพื่อนมันทั้งสองตามหลังไปติดๆ ไอ้ธีกับไอ้ธัญเดินเข้ามาหาผมแล้วช่วยพยุงผมลุกขึ้นยืน
“ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใคร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“เจ้านาย ใจเย็นๆ”
“เย็นไม่ได้แล้วโว้ย!!!!!! กูจะฆ่ามัน กูจะฆ่ามัน!!!!!!” ผมอาละวาดอย่างหนัก เตะข้าวของในร้านไปทั่วจนโต๊ะเก้าอี้ล้มของกระจุยกระจาย
“ไอ้นาย ใจเย็นๆ ใจเย็นๆสิ” ธัญพยายามช่วยรวบรวมสติผม ผมรู้สึกเหมือนผมโดนเหยียบหน้าท่ามกลางสาธารณชน ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ “ไอ้ธี ลากมันออกไป กูจะไปจ่ายตังค์ป้า”
ผมถูกไอ้ธีลากออกไปจากร้าน ก่อนที่ร้านจะพังมากไปกว่านี้
อย่าให้ผมรู้เด็ดขาดว่าไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใคร . . เพราะถ้าผมรู้ . . ไม่ใช่แค่มันหรอกที่จะต้องเจ็บ . . ผมบอกไว้เลย
“สัดธี มึงไปสืบมา!!!!!!!!”
“อื้อ” ไอ้ธีรับคำ
“มันเป็นใคร เมียมันชื่ออะไร บ้านมันทำอะไร แล้วก็แก๊งมันอยู่ไหน . .”
“. . . “
“กูจะล้างบางทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวมันให้หมด!”สองร้ายในหนึ่งรัก *
ปกติผมเป็นคนที่ชอบดูการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ . .
ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ลงไปแข่งนักก็ตามที แต่การปรากฏตัวของผมสร้างความตื่นตาตื่นใจพอๆกันกับที่แชมป์ร้อยสนามปรากฏตัว มีแต่คนเข้ามาทักทาย(พวกไฮโซ มีอิทธิพลเช่นเดียวกัน) แสดงความเคารพ ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ
แต่วันนี้อารมณ์ของผมโคตรจะไม่ปกติ
“ขอโทษนะ วันนี้เจ้านายอารมณ์ไม่ดีน่ะ” สิ้นเสียงคำพูดของธัญ ทุกคนที่พร้อมจะเข้ามาหาผมก็พร้อมใจกันไม่เข้ามาซะงั้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีกว่า . .
ผมนั่งอยู่ชั้นบ๊อกซ์บนสุดที่มีบาร์และกระจกปิดกั้น มองดูพวกที่แข่งรถในสนามเฉกเช่นคนวีไอพี สนามนี้พ่อผมสร้าง ตอนแรกกะจะเอาไว้ลองรถสปอร์ตแรงๆเอง แต่หลังๆแรงขับรถไม่ค่อยจะมีจึงเปิดลานแข่งรถขึ้น ถูกกฎหมายและตำรวจรู้ แต่ถึงแม้จะผิดกฎไปในบางที พ่อผมก็สามารถทำให้มันถูกวิธีได้โดยง่าย
การมีพ่อที่มีอิทธิพลนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี แต่การสร้างอิทธิพลให้คนอื่นยอมรับในตัวเองนั้นยิ่งดีมากกว่า
แต่การที่ผมถูกกระตุกหนวดในวันนี้นั้นมันช่าง . . น่าจับไอ้ลูกครึ่งบ้านั่นฆ่าหมกป่าเสียจริงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์เสีย ถ้าผมเจอมันอีกทีเมื่อไหร่ล่ะก็ ผมสาบานได้ว่าผมจะไม่ยอมให้มันอยู่ดีกินดีแน่
“เชี่ยธีแม่งไปนานจังวะ!” ผมบ่น ผมสั่งมันไปสืบเรื่องของไอ้ลูกครึ่งนรกนั่นเอง
“ใจเย็นดิวะ” ธัญพูดกับผม “ดีไม่ดีมันอาจจะอยู่ในสนามนี้ก็ได้”
“มึงคุ้นหน้ามันมั้ย ถ้ามันจะปีกกล้าขาแข็งกับกูขนาดนั้นมึงต้องเคยเห็นสิ!!!” ศัตรูของผมคงไม่ยอมอยู่เฉยแน่ๆ จะต้องมีมาท้าทายหรือกวนตีนอยู่บ้างแหละน่า แต่ไอ้เชี่ยนี่มันคือใคร . .
“กูยอมรับ กูไม่เคยเห็นมันเลย”
“แม่ง!! สัดเอ๊ย!!!!”
สาวเสิร์ฟที่แต่งตัววาบหวิวสะดุ้งตกใจตอนที่เสิร์ฟน้ำพั้นช์ให้ผม พอดีผมตะคอกแล้วเธอมาอยู่ใกล้ๆพอดีน่ะ
“คะ คุณเจ้านายคะ”
“มีอะไร”
“ดูเหมือนคุณวายุจะอยู่ข้างนอกห้องนี้น่ะค่ะ ให้เขาเข้ามา . .”
ปัง!!!!! ประตูชั้นบ๊อกซ์ถูกถีบออก ไม่ต้องรอให้สาวเสิร์ฟคนสวยคนนี้พูดจบ
หน้ากวนๆของไอ้วายุก็โผล่มาให้เห็น มันมาพร้อมลูกน้องของมันอีกนับสิบ วายุกับผมมีเรื่องกันมาตั้งนานและมันก็แพ้ผมเป็นร้อยๆรอบแล้วล่ะมั้ง
“ถอยไปข้างหลังก่อน” ผมบอกกับผู้หญิงคนเดียวในห้อง ซึ่งเธอก็ทำตามแต่โดยดี
“จุ๊ๆๆๆ ไม่ต้องๆ” ไอ้นี่หน้ามันกวนตีนครับ ผมไม่รู้ว่ามีคำใดๆที่เหมาะกับมันมากไปกว่านี้รึเปล่า แต่คำนี้ . . กวนตีน เหมาะกับมันที่สุดแล้ว
“มีเหี้ยอะไร” ไอ้ธัญลุกขึ้นยืนและก็ผลักอกไอ้วายุเต็มๆ
แน่นอนว่าการกระทำของมันทำให้คนมาใหม่นับสิบลุกฮือ เตรียมรุมอัดผมกับไอ้ธัญได้ทุกเมื่อ
“หึหึ ไม่ต้องๆ วันนี้กูไม่ได้มาหาเรื่อง” วายุกระชับเสื้อของมันให้เข้าที่ ลูกน้องของมันก็ทำตามแต่โดยดี
“ธัญ มานี่”
ธัญทำตามคำสั่งของผม ผมลุกขึ้นยืนหันไปเผชิญหน้ากับไอ้หน้ากวนตีนที่สุดโลก มันกำลังยิ้ม ส่วนผมกำลังหน้าบึ้ง
“มือขวาของมึงยังหวงมึงเหมือนเดิมอย่างกับมึงเป็นเมียมัน”
“มีอะไรก็ว่ามา”
“แข่งรถกันสักหน่อยมั้ย”
“ไม่มีอารมณ์”
“ไม่ด้ายยย ไม่มีอารมณ์ไม่ด้ายยยยยย” เชี่ยนี่แม่งกวนตีนเหมือนโจ๊กเกอร์ในเรื่องแบทแมน ผมจิ๊ปากอย่างเซ็งๆ ส่วนมันก็ดูเหมือนจะดีอกดีใจที่กวนตีนผมได้สำเร็จ “ดูโน่นสิ ใครเอ่ย ใครกันน้า โง่ให้แก๊งเค้าจับตัวเล่นๆ”
ผมมองไปยังที่ๆไอ้วายุมันชี้ ที่ข้างสนาม . . ไอ้ธีถูกพวกไอ้วายุล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้อย่างหาทางออกไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้จับตัวเอาไว้และไอ้ธีก็ดูปกติดี แต่ถ้าผมขัดขืน พวกตัวควายๆที่ล้อมหน้าล้อมหลังไอ้ธีอาจสร้างอันตรายให้ไอ้ธีได้ทุกเมื่อ
ไอ้ธัญฟิวส์ขาดทันที . . มันจะกระโจนเข้าไปหาไอ้วายุ แต่โดนลูกน้องมันมาจับตัวไว้ซะก่อน
“ว่าไง อยากช่วยเพื่อนมึงรึเปล่า”
“เออ แข่งก็แข่ง”
“หึ ง่ายดีจังเลยง่ะ” สัด ทำมาเป็นแอ๊บแบ๊ว
“แข่งดริฟต์เข้าเส้นชัยสามรอบนะ” ผมพูดในรูปแบบการแข่งที่ผมถนัดที่สุดออกไป
“อู้วววว ได้เลย กูยิ่งชอบ” วายุยิ้มแฉ่ง “ตามนี้นะจ๊ะ อีกสิบนาทีเจอกันข้างสนาม บอกยกเลิกการแข่งในวันนี้ด้วย น่าเบื่อชิบหาย” ไอ้เหี้ยวายุส่งยิ้มมาให้อย่างโคตรตอแหล ก่อนที่มันจะเดินไปจับแก้มสาวเสิร์ฟที่ตัวสั่น แล้วก็เดินจากไป . .
เมื่อพวกไอ้วายุออกไปหมด ไอ้ธัญก็เข้ามาหาผมทันที
“ให้กูแข่งแทน”
“ไม่ได้”
“นั่นพี่กู และอีกอย่างหนึ่ง กูไม่อยากให้ . .”
“แต่มันท้ากู”
“เจ้านาย!!!”
“ขอแค่ให้กูได้ลงแข่ง ไอ้วายุมันก็ปล่อยตัวไอ้ธีแล้ว กูรู้ไอ้ธีไม่มีความสำคัญอะไรกับมันเท่ากู มึงลงไปข้างล่างพร้อมกับพวกสักหน่อย รอรับไอ้ธีกลับมาให้ดีก็พอ”
“เจ้านาย กูขอล่ะ . .”
“กูก็ขอมึงเหมือนกัน” ผมขยับคอ บีบนิ้วมือเสียงดังแกรกๆ “วันนี้อารมณ์ไม่ดี กูจะได้ระบายอารมณ์สักหน่อย”
ไอ้ธัญมองดูผมแล้วก็ทอดถอนใจ ผมก็อยากจะทอดถอนใจเหมือนกัน แต่จะทำไงได้ ก็นี่แหละคือชีวิตของผม!!!! อยู่นิ่งๆว่างๆได้ไม่เกินสามวันหรอก เดี๋ยวก็มีมาให้เคลียร์อยู่ร่ำไปสิน่า . .
ผมเปลี่ยนชุดแข่งเสร็จ
ผมก็เดินไปยังโกดังเก็บรถส่วนตัวของผมที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสนาม โกดังนี้มียามเฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมงถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ใช้รถแข่งก็ตามที . .
ผมมองไปยังรถสีเงินคันนี้คันเดียวนี่แหละครับที่ยามเฝ้าอยู่ ผมสำรวจโดยการเดินไปดูรอบๆคันรถ แต่ทว่า . .
มีขาใครคนใดคนหนึ่งโผล่ออกมาจากใต้ท้องรถ และพอผมหยุดยืนอยู่ตรงนั้น มันก็โผล่หัวออกมา
หน้าลูกครึ่งแบบนี้ . . ใครจะไปลืมได้ลง
มาให้พ่อยำเล่นหน่อยเหอะมา!!!!!!!!!!!!!!!!!
“มึงทำเหี้ยอะไรกับรถ!!!!!!!!!!!”
“หึ” มันยักริมฝีปากขึ้นก่อนที่จะเดินจากไป . .
ผมไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆหรอกนะ!!!!!
“มึงเสร็จยัง ถ้าไม่ขับรถออกมาล่ะก็ ไอ้ธีเพื่อนมึงเละแน่”
เสียงดังมาจากวิทยุสื่อสารในรถครับ ผมมองแผ่นหลังไอ้ลูกครึ่งนั่นอย่างอารมณ์เสียที่ทำอะไรแม่งไม่ได้ . . และผมก็ต้องขับรถคันนั้นออกไปอย่างไม่มีทางเลือก ให้ตาย รู้งี้ขยายโกดังให้เก็บรถได้สักสิบคันก็ดี ทำไมต้องมีคันนี้คันเดียวด้วยวะ!!!!
สองร้ายในหนึ่งรัก *
การแข่งขันแม่งก็เหมือนเดิม
ผมยังเหนือกว่าไอ้วายุอยู่หลายขุมนัก ในใจผมนึกอยู่อย่างเดียวว่าสิ่งที่ไอ้ลูกครึ่งหรือที่ไอ้วายุมันทำกับรถนั้นมันจะส่อแววผิดปกติเมื่อไหร่ และเมื่อนั้นมาถึงผมก็จะรีบเอาชีวิตให้รอดโดยเร็วที่สุด แต่นี่ดริฟต์ในรอบที่สองแล้วผมก็ยังสัมผัสได้ว่ามันไม่มีสิ่งปกติ
จนกระทั่งเริ่มรอบที่สาม ที่เครื่องของผมมันชักกระตุกหน่อยๆ
ผมไม่มีความรู้ในเรื่องของรถยนต์เท่าไหร่นัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่มันกำลังเป็นอยู่คืออะไร แต่อีกนิดผมก็จะชนะแล้ว ผมคิดว่าผมอยากขับต่อให้มันจบ . .
เสียงล้อเสียดสีกับพื้นสนามดังสนั่น หลังจากนั้นไม่นานไอ้วายุก็ขับรถเข้ามาใกล้แล้วก็สอยท้ายรถของผมโดยอาศัยจังหวะที่เครื่องผมมันกระตุกนั่นแหละ (มันคงจะวางแผนมาก่อน) รถของผมหมุนอย่างฉวัดเฉวียน จนในที่สุดหน้ากระโปรงรถก็ชนเข้าอย่างจังกับกำแพงอิฐ
ดีที่รถของผมมีถุงลมนิรภัย ไม่งั้นหน้าผมคงเละเป็นโจ๊ก และเรื่องเสียโฉมนี่เป็นอะไรที่ผมโคตรเกลียด
ผมเปิดประตูลงจากรถ บาดเจ็บเล็กน้อยแต่ก็มีแรงพอที่จะย่างสามขุมไปยังจุดที่มีคนอยู่เยอะๆ
หน้าของไอ้ลูกครึ่งลอยมา โดยมีเพื่อนของมันยืนอยู่ข้างๆ ฝูงชนแหวกทางออกให้ผมได้เดินเข้าไปหาเรื่องไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมเกือบตาย!!!!
“มึงทำอะไรกับรถกู!!!”
มันหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ได้แต่มองดูผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“บอกมา มึงทำอะไรกับรถกู!!!”
เรื่องแพ้ผมไม่ใส่ใจหรอก แต่การที่คนอย่างมันมาทำให้ผมเกือบตายนี่สิที่ผมใส่ใจมากกว่า!!!!
“กากเองรึเปล่า อย่ามาโทษรถดีกว่า”
“ว่าไงนะ!!!”
“กลับกันเหอะ”
ท้ายประโยคมันหันไปพูดกับเพื่อน ผมอดรนทนไม่ไหวจึงจับไอ้ลูกครึ่งหันมาแล้วก็ตั๊นหน้ามันเข้าให้จนมันหน้าหัน
มันจ้องมองมาที่ผมอย่างโหด ราวกับพยายามกดโทสะให้จมลงไปลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมันก็กระตุกมุมปาก พยักเพยิดไปหาเพื่อนของมัน จนกระทั่ง . .
ผมเห็นไอ้ธีโดนพวกของไอ้ลูกครึ่งหิ้วปีกมา ใบหน้าของมันสะบักสะบอมและสภาพก็ดูไม่ได้
“มึงทำไรเพื่อนกู!!!!!!!”
“กากทั้งเจ้านาย กากทั้งลูกน้อง”
“มึงเป็นพวกของไอ้วายุเหรอ!!!”
ไม่มีคำตอบใดๆจากมัน ไอ้การที่ผมเห็นไอ้ธีหมดสภาพนั้นทำให้ผมไม่อยากไปล้างแค้นอะไรกับมันต่อ ผมต้องพาเพื่อนผมไปที่โรงพยาบาลก่อน
ธีถูกปล่อยให้ล้มลง และพวกของไอ้ลูกครึ่งก็เดินจากไปทั้งหมด . .
“ไอ้ธี มึงเป็นไรมั้ย!!! ไอ้ธัญล่ะ มันไปช่วยมึงไม่ทันเหรอ!!!”
“กะ กูไม่เห็นธัญว่ะ”
“แม่งโว้ย!!!!! ทนหน่อยนะ เดี๋ยวกูพามึงไปโรงพยาบาล”
“อ่ะ อื้อ”
“ไอ้เหี้ยนั่น . . สักวันมันต้องได้ชดใช้ในสิ่งที่มันทำ”
“มัน . . หมะ มัน”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ อดทนหน่อย เดี๋ยวกูพามึงไปโรงพยาบาล”
“หมะ มันชื่อมังกร ชื่อของมันคือมังกร” มังกร . . มังกรเนี่ยนะ ?
ตัวเหี้ยน่ะสิไม่ว่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!