สัมผัสที่ 20
“อีฟ”
ผมเคยรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นมาก่อน...
ใช่ เธอชื่ออีฟ และเป็นคนเดียวกันกับที่ผมเจออยู่ที่บริษัทของพี่ชายในเย็นวันหนึ่ง
ผมซึ่งยืนจับราวประตูค้างถึงกับเหงื่อซึมตะลึงกับสิ่งที่เห็น บานประตูที่แง้มเพียงนิดแต่ผมซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าจึงสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะฉากกอดจูบบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานนั้น พี่ครอสเป็นคนที่ไม่เปิดเผยเรื่องรักๆใคร่ๆ เพราะงั้นผมเลยค่อนข้างตกใจที่เห็นฉากโจ๋งครึ่มในสถานที่ๆเรียกว่าออฟฟิศทำงานแบบนี้ ผมค่อยๆปิดบานประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ผมผิดเองที่ไม่เคาะประตูแล้วทะเล่อทะล่าเปิดประตูไปจนเจอ เลขาหน้าห้องพี่ก็ไม่อยู่ซะด้วย ผมตัดสินใจวางแฟ้มที่พี่ชายลืมไว้ที่บ้านลงบนโต๊ะเลขาแล้วพาตัวเองลงลิฟท์ไปยังชั้นจอดรถใต้ดิน ตอนนี้หัวใจยังเตนแรงอยู่เลย ให้ตายสิ สติกระเจิดกระเจิงหมดแล้ว
“เฮ้ย~”
ผมถอนหายใจเฮือกใจกดปลดล็อครถจากกุญแจในมือแล้วจึงเปิดประตูแทรกตัวเข้าไปนั่งแล้วฟุบหน้าทำสมาธิกับพวงมาลัยรถ ใจเย็นไว้ๆ มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง ทีตัวเองยังมีคู่ขาตั้งเท่าไหร่ มาเจอพี่ชายพลอดรักกลางห้องทำงานแค่นี้อย่าทำเป็นอินโนเซ้นต์สิวะไอ้คริส
Rrrrrrrเฮือก!
กูนี่สะดุ้งเลย คนที่โทรมาเป็นเพื่อนร่วมชั่นในโรงเรียนคอนแวนท์ที่ค่อนข้างจะสนิทกัน
“ว่าไง?”
/อยู่ไหนนะคริส?/
“แถวXXX นะ เอาของมาให้พี่ชาย มีอะไร?”
วันนี้ถึงจะเป็นวันพฤหัสแต่เนื่องจากผมเรียนอยู่ปีสุดท้ายทางโรงเรียนจึงให้อิสระในการเข้าโรงเรียนมากเป็นพิเศษ แถมวิชาเรียนก็น้องจนเหลือแค่วิชาสองวิชาที่ต้องทำโปรเจคจบเพียงแค่นั้น
/มารับหน่อยดิ๊ ไปแดรกข้าวกันแล้วตอนบ่ายค่อยเข้าโรงเรียน/
“สั่ง?”
/พลีส/
ได้ยินเสียงมันหง่อแล้วก็นึกขำ ผมหัวเราะหึเบาๆก่อนจะตัดสายให้มันหงุดหงิดเล่นแต่ก็ยอมสตาร์ทแล้วขับรถมุ่งตรงไปหามันที่บ้านไม่นานก็ถึง ตอนนี้อยู่ในช่วงสายไงครับ การจราจรจึงไม่ติดขัดสักเท่าไหร่
“ไวนะไอ้สัส”
ผมไหวไหล่หันหลังกลับไปเปิดประตูรถตัวเองแล้วเข้าไปประจำที่นั่งข้างคนขับ เจ้าของบ้านกรอกตาพ้นลมหายใจแล้วเข้ามาประจำที่ก่อนจะขับเลี้ยวออกจากหมู่บ้านตัวเองไปในที่สุด
“จะไปไหน?”
ผมถามเมื่อทั้งที่ตายังจ้องจอมือถือในมือ ผมพิมพ์ไลน์ส่งข้องความไปบอกพี่ชายว่าเอกสารที่ลืมผมเอาไปให้และมันวางอยู่ที่โต๊ะเลขาหน้าห้องนะ ไอ้พี่ครอสโวยวายมาใหญ่เลยว่าทำไมผมไม่เอาไปให้กับตัวไปวางมั่วเดี๋ยวก็หาย อยากจะตอกกลับไปมากว่าก็มึงทำเหี้ยไรอยู่ละวะ กูนี่ถึงกับเงิบตอนเข้าไปเจอ คิดแล้วก็ขนลุก ผมเป็นเกย์ไงครับพอเห็นการกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบชายหญิงปกติเลยไม่ค่อยจะชินสักเท่าไหร่
“ไปห้างXXX แล้วมึงคุยกับใครตีหน้าเครียดเชียว?”
“พี่ครอส”
“โดนด่าอะไรมาอีกละ?”
“เสือกวะ”
“เอ๊าไอ้ห่า เดี๋ยวกูหักรถเสยเสาเป็นที่ระลึกซะนี่”
“ไอ้เวรท๊อป”
มันหัวเราะร่าเลยครับ ไอ้นี่มันกวนตีน มันเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้าหาผมโดยไม่มีความคิดในแง่ชู้สาวมาเกี่ยวข้อง ซึ่งผมประทับใจนะ สักพักเราก็มาถึงจุดหมาย ไอ้ท๊อปวนรถแค่รอบเดียวก็เจอที่จอดมันเลยค่อนข้างอารมณ์ดีจนผมนึกหมั่นไส้
“อยากกินไร?”
มันหันมาถามผมขณะที่เรากำลังเดินเข้าไปในตัวห้าง ลมแอร์เย็นๆที่หน้าประตูพัดจนผมที่เริ่มยาวหลุดลงมากรอบหน้า ผมเกลี่ยมันไปทัดหูเหมือนเดิมแล้วจึงกวาดตามองรอบๆ โอเค คนยังไม่เยอะ ร้านอาหารก็น่าจะไม่เยอะเท่าไหร่ มองดูนาฬิกาเห็นว่ายังไม่เที่ยงก็พอเข้าใจ
“ชาบูไหม?”
ผมส่ายหัว
“ซูชิ?”
ผมส่ายหัวอีก
“ฟาสต์ฟู๊ด?”
ผมส่ายหัวอีกจนโดนไอ้คนหิวผลักหัวจนหน้าแทบคว่ำ
“เรื่องมาก! มานี่เลยมึง”
พูดจบก็เดินนำผมลิ่วไปที่ร้านสเต็ก โห เล่นของหนักเลยเว้ยเห้ย
“กลับมาแล้วเหรอ?”
ผมหันไปมองคนทักก่อนจะพยักหน้ารับ
“ถ้ายังไม่กลับจะเห็นไหมละ?”
ไอ้พี่ครอสแทบแยกเขี้ยว เราสองพี่น้องรักกันดีครับ รักปานจะกลืนกิน รักมากกกกก(โปรดกัดฟันเวลาพูด)
“ขอบใจที่เอาเอกสารไปให้ แล้วนี่กินไรมายัง?”
ผมส่ายหัว จริงๆก็พึ่งไปเล่นบาสมาด้วยซ้ำ เหนียวตัวอยากอาบน้ำมากอะตอนนี้
“ขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนดิ เดี๋ยวลงมาเล่นด้วย อยู่เฝ้าทางขึ้นไปนะครับ”
“ไอ้น้องเวร”
“ฮ่าๆๆๆ”
เห็นไหมว่าเรารักกันขนาดไหน ผมหัวเราะขำควงกุญแจรถในมือแล้วเดินขึ้นห้องไปอย่างอารมณ์ที่ดี๊ดี ผมอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก็ลงมาชั้นล่างด้วยชุดนอนผ้านิ่มสีฟ้าสดใส พี่ครอสที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่พอเห็นผมแม่งรีบขอวางแล้วก็ตัดสายไปเลยเว้ย โคตรส่อพิรุธ
“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับน้องเหรอวะ?”
พูดไปก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักไปตามความเคยชิน ไอ้พี่ครอสเองก็ดี๊ดี มันตบหัวผมมาเป๊ะสองเป๊ะก่อนจะลูบเบาๆเป็นการส่งท้าย ผมเลยหันไปงับพุงแม่งจนไอ้พี่บ้าสะดุ้ง จริงๆมันก็ไม่มีพุงหรอกครับ มีแต่เนื้อแน่นๆและกลิ่นน้ำหอมที่เจือจาง เดี๋ยวนะ มันกลิ่นอ่อนเกินไปป่าววะ
“มีอะไร?”
คงเห็นผมซุกหน้ากับพุงมันนานไปเลยถามขึ้นมา
“มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงติดตัวพี่”
“เป็นหมาเหรอมึง”
“ปากเสีย พี่มีแฟนแล้วเหรอ?”
มันยิ้มแล้วส่ายหัว
“อ้าว แล้วที่...”
เชี่ย!
อุดปากแทบไม่ทัน
“แล้วที่อะไร?”
“ป่าวๆไม่มีอะไร?”
“อย่ามาเถ รีบบอกมาก่อนที่กูจะเป็นคนคุ้ยเองกับมือ”
พูดไปก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นตั้งท่าจะขย้ำเหยื่อเต็มที่ ผมจะดีดตัวขึ้นก็ไม่ทันละ ไอ้พี่ครอสจัดการล็อคตัวจนผมดิ้นยังไงก็ไม่ยักกะหลุด แรงเยอะฉิบหาย
“ปล่อยดิวะ มันหายใจไม่ออกนะเว้ย แม่! ไอ้พี่ครอสมันแกล้งคริส!!”
“หึหึ มึงร้องไปเลย ร้องให้ตายแม่ก็ไม่ได้ยินหรอกเพราะแม่ไม่อยู่”
“ไอ้พี่เหี้ย”
“ปากดีอย่างนี้มาให้พี่สั่งสอนที่สิ”
“เห้ย! ไม่เอาๆ ฮ่าๆๆๆ ไอ้พี่ครอสปล่อย ฮ่าๆๆๆ ปล่อยๆ มันจักกะจี้”
“หึหึ”
สงครามย่อยๆดำเนินต่อไปโดยไร้ซึ่งความปราณีของไอ้คนขี้แกล้ง ผมได้แต่ดิ้นขลุกขลักหัวเราะจนตัวงอจะหนีจากฝ่ามือพิฆาตแต่ก็ทำได้เพียงขยับเล็กๆน้อยๆ นี่มือรึกาวถามจริงๆ
“คุณๆทั้งสองเลิกเล่นแล้วไปทานข้าวกันเถอะค่ะ”
จนแม่บ้านมาเรียกนั้นแหละครับผมถึงได้เป็นอิสระ แต่ใช่ว่าจะไม่มีสงครามย่อยๆนะ หึหึ
“จะไปไหนนะ?”
พี่ครอสเงยหน้าจากจอไอแพทมามองผมที่พึ่งลงมาจากห้องตัวเองหลังจากที่ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมท่องราตรีตามที่เพื่อนซี้ได้โทรมาชวนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“เที่ยวไง ใส่ชุดแบบนี้คงไม่ไปโบสถ์หรอกครับ”
ตอบจบก็เอี้ยวตัวหลบหมอนอิงที่พี่ชายมันขว้างมาด้วยความรักและเอ็นดู ผมหัวเราะร่วนเอาหมอนปากลับไปคืนแต่ไม่โดนซะงั้น หลบเก่งเหมือนกันนี่หว่า
“อย่าให้มันมากนัก เรื่องมหาลัยที่จะเข้าไปถึงไหนแล้วละ?”
“เรียบร้อยดีน่า นี่ก็รอผลสอบตรงอยู่ ไม่เชื่อใจผมรึไง”
“เออ”
“โหย ผมจะฟ้องป๊าให้ยึดเงินทุนคืนแล้วเอามาให้ผมแทน”
“ปากดี อย่างมึงจะเอาเงินมากขนาดนั้นไปทำอะไรไม่ทราบ”
“เปิดผับไง น่าสนุกออก”
วงเล็บในใจว่าเป็นผับเกย์โดยเฉพาะด้วย ฮ่าๆๆๆ
“เจริญจริงๆ เปิดไปขายหรือเปิดไปกินเองกันแน่วะ”
“ทั้งสองเลย”
“เวร”
“ผมไปละ”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้กะเมาขนาดนั้น”
“ผับที่ไหนมันให้เด็กอายุไม่ถึง20เข้าวะ บอกชื่อมาดิกูจะโทรไปแจ้งตำรวจ”
“บอกให้โง่”
พูดพลางแลบลิ้นใส่ไปทีแล้วรีบวิ่งหนีออกมาก่อนที่จะโดนหมอนลอยเป็นครั้งที่สอง
Mazda MX-5 สีแดงเข้มได้ขับวนออกจากบ้านใหญ่ไปในที่สุด ผมมาถึงร้านภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตอนนี้พึ่งจะสองทุ่มกว่าๆแต่คนที่ร้านกลับเยอะเหมือนมีคอนเสิร์ตอะไรสักอย่าง ผมขับรถวนหาที่จอดอยู่สักพักก็เจอ เมื่อเรียบร้อยจึงกดโทรศัพท์หาไอ้ท๊อปที่เป็นคนโทรตามผมนั้นเอง
/เออ อยู่ไหนแล้ววะ?/
“หน้าร้าน มึงออกมารับกูหน่อยดิ๊”
/แป๊บ/
พอมันวางสายผมก็ลงจากรถเดินไปยืนรอมันที่ด้านหน้าของร้าน ร้านนี้เป็นแค่ร้านเหล้าธรรมดาแต่ตกแต่งได้สวยถูกใจเหมาะแก่การนั่งดริ้งส์สังสรรค์เบาๆอะไรประมาณนั้น
“คริส”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อน ระหว่างทางแอบเห็นหนุ่มหล่อส่งสายตามาหากันด้วย ได้ทีก็ยิ้มกลับสิครับ รออะไร
“ตลอดนะมึงน่ะ”
“ห่ะ”
“เจอคนน่าสนหน่อยเป็นไม่ได้ ตอดแม่งตลอด”
“หยาบคายวะ นี่แค่ยิ้มป่ะ”
“ไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวแม่งก็เดินมาหา”
“ระดับกูนี่เนอะ”
“หลงตัวเองไปป่าวมึง กูหมายถึงเดินมาบอกว่าพี่มีเมียแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้เหี้ย”
มันก็ชอบกวนตีนแบบนี้ไงถึงได้คอยเจอตีนผมอยู่ตลอด ผมทักทายเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ค่อยสนิท(เท่าไอ้ท๊อปแต่ก็ยังถือว่ารู้จัก) ก่อนจะนั่งลงข้างๆมันแล้วรับแก้วเครื่องดื่มมาจิบ เพื่อนแต่ละคนก็มีหัวข้อคุยกันไม่ขาดปาก ผมได้แต่นั่งฟังไปเรื่อยมียิ้มมีหัวเราะตามบ้างพอเป็นพิธีแต่สายตานี่เทียวกวาดมองแขนคนอื่นจนโดนไอ้ท๊อปมันตีเอาก็หลายที
“เชี่ยนี่ แขนกูช้ำหมด”
“อยู่กับเพื่อนเก็บเรื่องผู้ชายใส่กระเป๋าไว้เลยถ้ามึงไม่อยากให้คนอื่นเค้ารู้กัน”
เรื่องที่ผมเป็นมีเพียงไอ้ท๊อปที่รู้ไงครับ ผมพยักหน้ารับมันเนืองๆแล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นกรอกปาก เกิดเสียงเชียร์ดังขึ้นนิดหน่อยเมื่อทุกคนเห็นผมยกหมดในรวดเดียว
“คริสแม่งเจ๋งวะ หน้าหวานงี้ไม่คิดเลยว่าจะคอแข็ง”
หนึ่งในบรรดานี้เอ่ยปากแซวผมก็ได้แต่ยิ้มรับยื่นแก้วไปให้เพื่อนเติมให้ไม่นานก็ได้มาไว้ในมือ
“เอาอีกดิคริส ยอกเลยๆๆ”
“พวกมึงก็อย่าไปเสี้ยมมัน วันนี้มันขับรถมานะเว้ย”
“กลัวอะไรวะ เมาขับไม่ไหวก็เปิดห้องพักแถวนี้นอนไปเลยดิ”
“มึงก็พูดง่ายเนอะไอ้อาร์ท แล้วมึงก็อย่าไปบ้าตามเค้าดิวะคริส”
ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อโดนไอ้ท๊อปยื้อแขนข้างที่ถือแก้วไว้
“เชี่ยไรวะท๊อป”
“มึงเมาแล้วมาลำบากกู”
“เอาน่าไอ้ท๊อป ปล่อยๆแม่งกินไป นานๆทีจะโผล่มาร่วมวงกับกูสักครั้ง”
“นานๆทีพ่องมึงดิ สัปดาห์ที่แล้วก็มาไม่ใช่ไง”
“มาก็มาแป๊บๆแล้วมันก็หายตัวไปนะเหรอ กูไม่นับเว้ย”
อ้อ วันนั้นที่ไปอีกร้านแล้วผมเจอคนน่าสนเลยได้ไปต่อทั้งที่พึ่งกินกับเพื่อนไปเพียงแก้วเดียว กูนี่ก็ไวไฟใช้ได้แฮะ
“เออ กูเองก็อยากเห็นมันเมา มาแต่ละทีไม่ทันจะเมาแม่งก็หายหัวไปตลอด มึงก็อีกคนไอ้ท๊อป มึงเป็นแม่มันไงถึงได้ไปห้ามมันนัก”
“เพื่อนเว้ยไอ้สัส เพื่อนที่นิสัยดีผิดกับเหี้ยๆอย่างพวกมึงไง”
“กูว่าแม่งต้องเหี้ยเหมือนกันแหละว๊า ไม่งั้นคงอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“จริงเว้ย เอาชนนนน”
แล้วก็เฮฮากันไปยาวๆโดยที่มีไอ้ท๊อปคนเดียวที่หัวเสียไม่เลิก ผมหัวเราะขำไม่สนใจมันแล้วดื่มต่อไปเรื่อยๆ เห็นอย่างนี้ผมก็รู้ลิมิตตัวเองนะครับ ถ้าผมเริ่มไม่ไหวผมก็จะหยุดเองโดยที่ไม่สามารถฝืนตัวเองต่อได้ แต่ยังไม่ทันจะเมาหางตาผมก็หันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นๆ ผมวางแก้วแล้วลุกขึ้นเดินไปทางประตูหน้าตามเธอที่เดินออกไปพร้อมกับผู้ชายอีกคน
ใช่แน่ๆ ผมว่าใช่เธอแน่ๆ คนที่ผมไปเจออยู่ที่ออฟฟิศพี่ชายคนนั้นไง
“มีอะไรว่ามา?”
เสียงเธอดูเหวี่ยงๆพลางตีหน้ามุ้ยคิ้วขมวดเมื่อไปหยุดยืนอยู่ข้างรถในมุมมือ ผมที่เดินตามเลยต้องพลอยหาที่หลบไปด้วย ผมว่าเธอไม่รู้จักผมหรอก แต่ก็ไม่แน่ ในห้องพี่ชายอาจจะมีรูปผมโผล่อยู่และบางทีเธออาจจะเห็น
“คุณทีครอสมีน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวครับ”
ผู้ชายที่เดินตามตอบเสียงเบาแต่ยังคงความหนักแน่นในน้ำเสียง ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อพี่ชายตัวเองชัดเต็มสองรูหู
“ดี จะได้เคลียร์ง่ายๆหน่อย มันใจนะว่าไม่ผิดตัว”
“ไม่ผิดแน่ครับ ถึงจะไม่เปิดข่าวแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับ”
“งั้นตามประกบซะ ฉันต้องการให้ชัวร์ว่าแผนจะดำเนินไปได้ดีกว่านี้โดยที่ไม่มีมารมาขัดคอซะก่อน”
“ครับ”
“อ้อ อย่าให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นละ โดยเฉพาะคนที่อังกฤษ”
“ครับ”
“กลับไปที่เดิมได้แล้ว”
“ครับ”
ผมรีบหลบไปด้านหลังของรถใกล้เคียงทันทีที่ผู้ชายคนนั้นเดินกลับเข้าไปในตัวร้าน ส่วนผู้หญิงยังคงยืนสูบบุหรี่อยู่เงียบๆ ใบหน้าที่สวยหวานนั้นดูสวนทางกับคำพูดที่ทำให้ผมต้องคิดหนัก คนๆนี้เป็นอันตรายต่อพี่ชายและตัวผมเอง ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจต่างๆนานาแต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นการขัดผลประโยชน์ทางด้านนั้นแน่ๆ และเธอคนนี้คงจะกำลังวางแผนให้พี่ชายตัวเองตายใจแล้วทำอะไรสักอย่าง
จะอะไรก็ช่าง แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
ผมคงต้องไปบอกพี่ชาย
ไอ้พี่ครอสแม่งโง่วะที่ให้ผู้หญิงมาปั่นกระแสเกมส์แบบนี้
ว่าแล้วผมก็รีบลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะเดินกลับเข่าไปในตัวร้านเพื่อบอกเพื่อนว่าจะขอตัวกลับก่อน แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงไหนไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็โผล่มาตรงหน้าซะงั้น
เหี้ยแล้ว
มาตอนไหนวะ?
“สวัสดีจ้ะพ่อหนุ่ม”
เสียงผู้หญิงทักขึ้นที่ด้านหลังและคงไม่ต้องเดาว่ามันเป็นเสียงของใคร
ของเธอคนนั้น
“มีธุระอะไรถึงได้ไปหลบๆซ่อนๆอยู่ตรงนั้นเหรอจ้ะ?”
“.....”
ผมได้แต่ปิดปากเงียบ
“ชื่ออะไรนะเรา?”
นี่ก็ถามไม่หยุด
“คริสตัล เฟรงเบิร์ค”
ไม่ใช่ผมแน่ที่แนะนำตัวไปซะเต็มยศ แต่เป็นไอ้ผู้ชายตรงหน้าที่พูดด้วยรอยยิ้มเหยียดจนดูน่ารังเกียจในสายตา
“หืม? เฟรงเบิร์ค? นี่เป็นน้องของทีครอสเหรอเนี้ย? ฮ่าๆๆๆ ไหงนกน้อยถึงได้บินมาหากับดักทั้งที่ฉันยังไม่ทันจะวางกับดักเลยละเนี้ย หึหึหึ”
“Damn it!”
“จับมันไว้!”
แล้วคิดว่าผมจะอยู่เฉยๆให้มันจับรึไง ถึงแม้ทักษะการต่อสู้ของผมจะต่ำแต่การหลบหลีกและหนีค่อนข้างจะถนัดเป็นทุนเดิม ผมเบี่ยงตัวหลบผู้ชายตรงหน้าที่กำท่าจะเข้ามาตะครุบ สบโอกาสเหมาะก็สวนเท่ายันโครมเข้าให้แบบจังๆเซถลาไปล้มลงต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นจนคุณเธอกรี๊ดกร๊าดออกมาด้วยความตกใจ ในขณะที่มันยังไม่ทันได้ตั้งตัวผมเลยรีบวื่งหนี แต่ถ้าหนีกลับเข้าร้านยังไงๆมันก็น่าจะจับตัวผมได้และผมก็ไม่อยากให้เพื่อนมารับรู้เรื่องราวพวกนี้ด้วยผมเลยเลือกที่จะวิ่งไปที่รถ ดีที่ของทุกอย่างยังคงอยู่กับตัวผมทั้งกระเป๋าตังค์โทรศัพท์และกุญแจรถ ผมกดปลดล็อคตั้งแต่ยังวิ่งไปไม่ถึง ได้ยินเสียงคนวิ่งตามอยู่ไม่ไกลเมื่อมาถึงก็รีบเปิดและเข้าไปนั่งปิดประตูอย่างไวพอดีกับที่ผู้ชายคนนั้นมาถึงรถ แล้วแม่งก็ทุบกระจกรถปึกๆเลยนะครับ ผมสตาร์ทรถแล้วออกตัวโดยที่ไม่สนใจว่ามันจะทำอะไรต่อ เวลานี้ผมคิดแค่ว่าต้องรีบกลับบ้านให้ไวที่สุด ผมต้องรีบเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพี่ครอส
ผมเลือกที่จะขับอ้อมออกไปอีกทางที่คาดว่ารถจะไม่เยอะและเปอร์เซนต์การติดจะต่ำกว่าแต่ก็มีข้อเสียตรงที่มันค่อนข้างจะเปลี่ยว ผมขับไปเรื่อยๆจนโทรศัพท์ดังเป็นไอ้ท๊อปที่โทรมาผมเลยเปิดสปีคเกอร์โฟนคุยไปเลย
“เออ”
/มึงอยู่ไหนไอ้สัส!?!/
เสียงหงุดหงิดมาเชียว
“กูกำลังกลับ โทษทีที่ไม่ได้บอก”
/ไอ้สันขวาน พรุ่งนี้มึงเจอกูยำแน่ไอ้เหี้ยคริส/
“โวยวายวะ ทำอย่างกับกูไม่เคย...เหี้ย!”
พูดยังไม่ทันจะจบจู่ๆก็มีรถขับโฉบเข้ามาตัดหน้าจนผมต้องหักหลบแทบจะตกลงข้างทางซะด้วยซ้ำ
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
/คริส! เกิดอะไรขึ้น!?!/
ฉิบหาย ไอ้ท๊อปเสือกได้ยินไปด้วยอีก
“ไม่มีอะไรๆ”
/อย่ามาตอแหลกับกู/
เออ ไอ้โหด
“แค่คนเมาขับรถตัดหน้า กูประคองรถได้น่า”
/ฝั่งนั้นเมาหรือมึงเมาเอาให้แน่/
“ทางนู้นเว้ย แค่นี้แหละ กูเสียสมาธิหมด”
/ถึงบ้านโทรหากูด้วย ถ้าไม่โทรภายในหนึ่งชั่วโมงกูจะไปบุกถึงที่/
“โหดสัส”
/เรื่องของกู!/
พอวางสายได้ผมก็หันมาตั้งสมาธิแล้วขับต่อ ที่ต้องจริงจังหนักกว่าเดิมเพราะไอ้รถคันเมื่อกี้มันยังตามผมอยู่ไงครับ ตอนคุยโทรศัพท์เสียสมาธิจนไม่กล้าขับเร็วเลยทำให้มันขับตามผมมาจนแทบจะชนตูดกันอยู่แล้ว
ให้ตายสิวะ กูไม่ใช่สายซิ่งนะเว้ย
มือผมกำพวงมาลัยแน่นในขณะที่ตาจ้องมองถนนลับกับมองรถคันนั้นไปๆมาๆ เท้าก็เหยียบคันเร่งต่อไปสลับกับผ่อนบ้างเป็นบางที ผมขับไปจนถึงสะพานข้ามคลองขนาดใหญ่แต่ไม่ใช่แม่น้ำ ด้วยความที่กลัวรถจะกระโดดจังผ่อนคันเร่งและเป็นจังหวะเดียวกับที่รถผมโดนกระแทกจากข้างหลังอย่างแรงจนผมเสียหลักสะบัดพวงมาลัย รถเอี้ยวหักไปชนกับขอบสะพานในทันทีก่อนจะสะบัดด้วยความเร็วและแรงจนเกิดการพลิกคว่ำไปขนเข้ากับเสาไฟฟ้าในที่สุด ภาพการปะทะยังคงเด่นชัดแต่กลับอยากให้มันเป็นเพียงความฝัน
ฝันที่เลวร้าย
เอี๊ยดดดด...
ปึง
“ตายไหมวะ?”
“ไม่รู้ แต่ถึงรอดก็คงไม่เหมือนเดิม”
“งั้นไปกันเถอะวะ เดี๋ยวตำรวจมาแล้วจะซวย แค่นี้ก็เจียนตายแล้วมั้ง”
“เออๆ”
นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ประสาทสัมผัสทุกอย่างจะถูกตัดขาดออกจากกัน ความมืดเข้าครอบงำ ในจังหวะที่ผมหายใจเริ่มแผ่วเบา
ไม่ได้ เราจะหมดลมไม่ได้ ต้องไปบอกพี่ครอสก่อน
ผมพยายามเลื่อนแขนที่หนักอึ้งไปยังโทรศัพท์ที่ตกอยู่ใกล้มือ เมื่อเอานิ้วทาบหน้าจอก็สว่างว๊าบพร้อมใช้งาน ผมกดไปที่เลขหนึ่งแล้วดทรออก มันจะลิ้งค์ต่อสายหาพี่ชายผมโดยตรง กดเปิดสปีคเกอร์โฟนรอสายไม่นานเสียงทุ่มต่ำที่ไม่มีวี่แววความงัวเงียก็ดังขึ้น
/...คริส...โทรมาทำไมไม่พูด.../
“พี่ครอส...”
/ทำไมเสียงแปลกๆ เกิดอะไรขึ้น?/
“ผู้หญิงคนนั้น...”
/ผู้หญิงคนนั้นไหน?/
“เมื่อกลางวันนะ ผู้หญิงคนนั้นมัน....”
/มันอะไรคริส? อีฟทำอะไร?/
อีฟ
ชื่อนี้แหละ
ชื่อของคนน่ารังเกียจคนนั้น
“..........”
/คริส? คริสตัลตอบพี่มา/
“..........”
/คริส!!!/
TBC....