《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.  (อ่าน 59976 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แนะนำให้คริสเทผัว
ช่าย เท ทัต ทิ้งทัตไปเลย
ทิ้งทัต ทิ้งลงแม่น้ำไป.......
ให้ลอยไปสู่ทะเล....
จมก้นมหาสมุทรไปเลย
แล้วคริส ลืมให้หมดสิ้นไปจากความทรงจำ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ผัวเหี้ยๆหาใหม่สิคะ สะบัดบ๊อบค่ะ !!!!

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 19


 
“ปล่อยกูสิวะ!”

ผมยังคงด่าไอ้พวกที่ล็อคตัวแล้วพาผมมายังรถตู้สีดำสนิทที่ด้านหน้าตึก สายตากวาดมองไปยังจุดที่เคยมีรถยุโรปหรูคันที่ผมมาแต่ทว่าตอนนี้มันกลับไม่อยู่ ณ จุดๆนั้นซะแล้ว ผมหยุดชะงัก เหมือนทุกอย่างมันวูบไปซึ่งๆหน้าอย่างกับโดนไม้หน้าสามพาดใส่ยังไงยังงั้น

อย่าบอกนะว่าผมโดนทิ้ง

ไม่มีทาง พี่ครอสมันไม่ทำอย่างนั้นแน่
 
“มึงคิดเหมือนกูไหม?”
“คิดอะไร?”
“คิดว่านายเรายังใจอ่อนเกินไป อย่างกูนะถ้าจะยิงกูจะเอาแม่งให้ตาย แต่นี่เหมือนจะให้แค่เจ็บ”

 
คำพูดของไอ้สามตัวนี้ดังวนลูฟเข้ามาในหัวสมองโดยไม่บอกกล่าว ยิงงั้นเหรอ? พี่ครอสโดนยิงเหรอ??

ผมรู้สึกตัวเมื่อโดนผลักให้เข้าไปยังในตัวรถและจู่ๆก็มีผ้าอะไรสักอย่างมาปิดจมูก ด้วยความตกใจผมเลยสูดอากาศเข้าปอดตามปฎิกิริยาของร่างกายจนได้กลิ่นฉุนกึ๊กเข้าไปเต็มๆจมูก อาการมึนหัวเข้ามาแทรกทันทีที่ผมสัมผัสได้ถึงมัน ไม่นานทุกอย่างก็มืดสนิทและหลับไหลไปในระยะเวลาไม่นาน

 
 
 
 
 
“อืม..”

ผมตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกแห้งผาดที่ลำคอ ดวงตาสีฟ้าใสค่อยๆบรือขึ้นทั้งที่ยังคงมีอาการมึนหัวแทรกมาเป็นระยะ อย่าว่าแต่มึนหัวเลย มันเหมือนมีอาการปวดจี๊ดที่หัวเหมือนอย่างที่เป็นบ่อยๆเสียมากกว่า ผมยกมือขึ้นกุมศรีษะโดยอัตโนมัติพลางนิ่วหน้าเมื่ออาการมันเหมือนจะรุนแรงขึ้นไปอีก

“เป็นอะไร?”

เสียงทุ้มเย็นเอ่ยถาม ผมสะดุ้งลืมตาโพลงก่อนจะยันการผุดลุกขึ้นนั่งในทันที ทัตหมุนหัวคิ้ว มันนั่งอยู่ริมเตียงข้างๆผมท่ามกลางความมืดภายในห้อง ทั้งๆที่มืดสนิทแต่เรากลับมองเห็นกัน ดวงตาเข้มดุจ้องมองผมอยู่อย่างนั้นนิ่งๆในขณะที่ผมจ้องมองมันด้วยความหวาดระแวง

“กลัวเหรอ?”

มันเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับเหยียดยิ้มกว้าง ผมไม่ตอบ ทั้งที่มีคำถามมากมายอยากจะถามอยากจะได้คำตอบแต่ทำไมผมถึงพูดไม่ออกทั้งๆที่มันก็นั่งอยู่นี่ อยู่ใกล้ๆกัน อยู่ด้วยกันแค่สองคนเหมือนอย่างเคย

“นอนต่อเถอะ นี่ยังไม่เช้าเลย”

แล้วทำไมถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ทำไมถึงทำเหมือนปกติได้

“นี่มันเรื่องอะไร?”

ผมเอ่ยปากในที่สุด อาการปวดจี๊ดที่หัวยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นแต่ผมไม่สนใจ ทัตไม่ตอบแต่หลบสายตาผมไปก้มลงมองมือตัวเอง

“ถ้าไม่อยากให้โกรธมากไปกว่านี้ก็บอกมาให้หมด”

“หึ”

อีกแล้ว ไอ้เสียงหัวเราะแบบนี้อีกแล้ว

“รู้ไหมว่าไอเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของยูขนาดไหน?”

“รู้”

“.......”

“ถึงรู้หรือไม่รู้คริสก็โกรธพี่อยู่ดี”

“แล้วมันสมควรไหมละ”

“......”

“เงียบทำไม? พูดมาสิ โอ๊ย!”

“เป็นอะไร?”

ทัตตั้งท่าจะเข้ามาหาแต่ผมปัดมือหนาที่เอื้อมมาทิ้งอย่างไม่ใยดี อาการปวดหัวเพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณแต่ผมก็ยังทิฐิ ผมยังไม่อยากให้มันแตะเนื้อต้องตัวหรือทำท่าห่วงทั้งที่มีอะไรแม่งก็ไม่บอกไม่พูด กูคนนะเว้ยไม่ใช่ควายที่จะโดนสวมเขาซ้ำๆซากๆ

“ไม่ต้องมายุ่ง”

“อย่าดื้อ”

“ยูก็อย่ามาสั่ง!”

มันถอนหายใจหนักๆมาทีแล้วจึงวกกลับไปนั่งหลังตรงตามเดิม

“ปวดหัวใช่ไหม เอายามาด้วยรึเปล่า?”

“ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่งไงวะ! แล้วไอ้ที่ถามเมื่อไหร่จะตอบ!?! พี่ไออยู่ไหน!?! ยูทำอะไรพี่ครอส!??!”

เมื่อโทสะมาเรี่ยวแรงจึงตามมาด้วย ผมรุกไปดึงคอเสื้อไอ้ยักษ์กระชากเค้นเอาคำตอบโดยไม่สนใจว่าใครจะได้เปรียบเสียเปรียบอะไรทั้งสิ้น ทัตมันยังคงนิ่ง แต่ไม่นานมือหนาก็รวบทั้งตัวผมเข้าไปกอด

“ปล่อย!”

แน่นอนว่ามันไม่คิดจะทำตามที่ผมบอกเป็นแน่แท้ และที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นคือผมไม่อาจต้านทานแรงกอดของไอ้ยักษ์นี่ได้ ทัตกอดผมแน่นซุกหน้าลงกับลาดไหล่ทั้งที่ผมก็ชกหลังมันอักๆแต่มันก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดๆจนผมหยุดไปในที่สุด โวยวายมากมันก็เหนื่อยมากนะครับ แถมไอ้ยักษ์นี่ยังไม่สะทกมันก็เหมือนเสียแรงเปล่า โคตรหงุดหงิดใจเลยวะ

“I LOVE YOU”

ผมชะงัก ชะงักทุกสิ่งอย่างแม้กระทั่งลมหายใจ เสียงที่เปร่งออกมานั้นแผ่วเบาอยู่ใกล้ๆหูแต่กลับก้องกังวานไปทั้งใจ ทั้งเนื้อทั้งตัวพลันหมดเรี่ยวแรงทั้งที่มันก็ไม่ได้ทำอะไร เรายังคงกอดกันนิ่งๆท่ามกลางความมืดและเสียงแอร์ที่ดังแผ่ว ทั้งที่มันก็เคยบอกรักผมมามากมาย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมีปฎิกิริยากับการถูกบอกในครั้งนี้มาก มากจนตัวเองยังตกใจ

“Stay with me, please.”

“.......”

“Crystal, You are important to my heart. I know what happened, it's not about you but I got you involved in it. I’m so sorry” (คุณเป็นสิ่งสำคัญของผม ผมรู้ว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่ผมยังดึงคุณเข้ามาเกี่ยวจนได้ ผมขอโทษ)

“What happened?”

“.......”

“Tad”

 
ก๊อกๆๆ

 
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของเราทั้งคู่ให้หันไปมอง ไอ้ยักษ์ผละออกปล่อยผมให้เป็นอิสระที่เตียงหลังใหญ่ ผมไม่รู้ว่าที่นี้คือที่ไหนแต่ที่แน่ๆคือไม่ใช่คอนโดของมันแน่ๆ

“รออยู่นี่นะ เดี๋ยวมา”

ผมไม่ตอบไม่พยักหน้ารับและไม่แสดงอาการใดๆทั้งสิ้นจนมันลุกขึ้นยืนแล้วเดินหายออกจากห้องไป แสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาตอนมันเปิดประตูทำให้ผมพอได้เห็นบรรยากาศโดยรอบในชั่วแว๊บ ผมลุกจากเตียงเดินไปยังผ้าม่านที่ปิดทึบออกจนเห็นบรรยากาศที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าที่นี้ไม่ใช่กรุงเทพ กรุงเทพที่ไหนจะมีผืนฟ้าที่กว้างขวางผืนน้ำที่กว้างใหญ่ผืนทรายที่ทอดยาวไปไกลแสนไกลและความสูงเหนือผืนน้ำทะเลขนาดนี้...

คงเป็นคอนโดริมหาดที่ไหนสักที่นั้นแหละนะ

ผมมองสิ่งที่พบเจอเบื้องหน้าอยู่สักพักก็เกิดอาการเป็นห่วงพี่ขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นกอดตัวเอง

โทรศัพท์...

จริงสิ โทรศัพท์ละ...

ว่าแล้วผมก็หันกลับเข้าไปในห้องทันที แสงสว่างจากดวงจันทร์ที่เต็มดวงนั้นทำให้ผมมองภายในห้องได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนักแต่ก็พอมองเห็นได้ ผมมองดูเสื้อผ้าชุดนอนที่กำลังสวมอยู่ด้วยความงุนงง มันเป็นชุดนอนผ้านิ่งแขนยาวขายาวที่ไม่ใช่ของผมแน่ๆ แล้วชุดของผมอยู่ที่ไหน?

ผมเดินตรงเข้าไปหาสวิทช์ไฟจนเจอและเมื่อห้องสว่างผมเลยเดินสำรวจและหาเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วย


แกร๊ก!


แต่ยังไม่ทันจะเจอก็มีเสียงเปิดประตูเรียกความสนใจของผมให้หันไปหาซะก่อน แต่คนที่เข้ามาไม่ใช่ไอ้ยักษ์นะครับ แต่เป็นผู้หญิงที่มันเคยพาไปเจอและนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล

พี่อีฟ

แต่เดี๋ยวนะ...ไหนบอกพี่อีฟเดินไม่ถนัดไงวะ แต่นี่เจ้าหล่อนเดินตรงเข้ามาหาผมด้วยท่วงท่าปกติธรรมดามากถึงไม่เร็วแต่ก็ไม่เซ

เราทั้งคู่ไม่มีคำทักทายเอื้อนเอ่ยอะไรทั้งสิ้น ผมจ้องมองเธอด้วยความประหลาดปนสงสัยในขณะที่เธอจ้องผมเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ

อะไรอีกวะ?

“หนังเหนียวใช้ได้นะ”

ห่ะ?

What ??

“จะพูดว่าบุญเยอะหรือนรกไม่ต้อนรับดีละ แต่อย่างแกนี่น่าจะเป็นอันหลังซะมากกว่า”

เจ้าหล่อนพูดพร้อมกับแสยะยิ้มร้ายจนผมชักขุ่นในใจ หัวผมปวดจี๊ดขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่มันเบาบางลงไปแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังคนๆนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมากขนาดนี้ เมื่อคราวก่อนที่โดนแฟนคลับไอ้ยักษ์ด่าผมยังไม่เกลียดขี้หน้าขนาดนี้เลย ทั้งๆที่พึ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง
 

แปร๊บ!

 
“อุ๊ก!”

ความเจ็บนั้นทำให้ผมต้องอุทานพร้อมเอามือกุมหัวทรุดลงนั่งที่พื้นอย่างช่วยไม่ได้ มันเจ็บ มันปวด มันทรมานจนอยากจะควักมันออกมาดูให้รู้แล้วรู้รอด

“หึ สำออยไปก็เท่านั้น”

สำออยก็เหี้ยละ กูปวดจริงเว้ยอีนี่

ผมกัดฟันกรอดในขณะที่เจ้าหล่อนเดินเข้ามาใกล้และนั่งลงตรงหน้าก่อนจะใช้นิ้วเรียวดันปลายคางของผมให้เงยขึ้นไปมองสบตาเธอ

“แกนี่มันเกิดมาเพื่อเป็นขวากหนามของฉันจริงๆ”

พูดจบเจ้าหล่อนก็ปล่อยมือจากคางแล้วฉกเข้ามาบีบคอดันร่างโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ผมหงายหลังศีรษะกระแทกพื้นเสียงดังปึ๊กปวดหนึบไปทั้งหัว

ให้ตายสิ ใครบอกว่านังนี่มันป่วยวะ ป่วยเหี้ยไรจะแรงเยอะได้ขนาดนี้

เมื่อเริ่มตั้งตัวได้ผมเลยจัดการถีบส่งคุณเธอจนลอยละลิ้วไปกระแทกเตียงที่อยู่ด้านหลัง ผมรีบลุกขึ้นมากะจะไปจับตัวไว้แต่ยังไม่ทันจะถึงบุคคลที่สามอย่างไอ้ยักษ์ก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาเจอซะก่อน

อยากจะหัวเราะให้กับโชคชะตา

ยิ่งนานวันไปยิ่งเหมือนละครน้ำเน่าเข้าไปทุกทีเลยสิน่า คงไม่ต้องลุ้นเลยว่าไอ้ยักษ์มันจะมีปฎิกิริยายังไง

“พี่อีฟ! คริสทำอะไรนะ!?!”

ถ้าซื้อหวงคงถูกรางวัลที่หนึ่งไปละ

ผมปล่อยให้พี่น้องเค้าพยุงกันเองส่วนตัวผมก็ลูบๆคลำๆดูที่หัว ไม่มีเลือดออกแสดงว่าไม่ได้หัวแตกแต่ก็โนพอสมควร ผมหันหน้าหนีคู่พี่น้องที่กำลังพากันออกไปข้างนอกห้องโดยการมองหาเสื้อผ้าของตัวเองต่อแต่ก็ไม่เจออะไรอยู่ดี มันเอาไปไว้ไหนวะแม่ง

“คริส”

เสียงแข็งๆของไอ้ยักษ์ดังขึ้นก่อนที่เสียงปิดประตูลงกลอนจะดังไล่หลังมา ผมไม่ได้หันไปมองตามเสียงเรียกและตั้งท่าจะเดินเข้าห้องน้ำแต่ไอ้คนเรียกกลับก้าวยาวๆมาขวางทางไว้ซะก่อน ผมเงยหน้าขึ้นไปจ้องตาขวางด้วยความไม่พอใจในขณะที่มันเองก็จ้องผมด้วยความขุ่นในใจด้วยเช่นกัน

“ถอยไป”

แทนที่จะถอยตามคำบอก ไอ้ยักษ์กลับรวบตัวผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปหย่อนลงที่เตียงซะงั้น ผมถกตัวหนีทันทีที่มันวางผมลงแต่มันก็เข้ามาค่อมทับรวมมือผมทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวด้วยความไวแสง

สัส มือไวไปไหมมึง

“ครั้งที่สองแล้วนะคริสที่ไปมีเรื่องกับผู้หญิงนะ แถมครั้งนี้ยังเป็นพี่อีฟ พี่อีฟที่ร่างกายไม่แข็งแรง”

ไม่แข็งแรงเหี้ยไรละ มันบีบคอกูอยู่หยกๆ

“ไอแค่ป้องกันตัว”

“ป้องกันจากอะไร จากผู้หญิงที่แค่เดินตรงๆยังไม่ได้นะเหรอ?”

แต่ตอนเข้ามาหากูนี่เดินตรงดิ่งฉิบหาย

ผมพ้นลมหายใจนึกปลงกับแม่งเลย ถ้ามันปักใจจะเชื่อแบบนั้นแล้วก็เปลืองน้ำลายที่จะพูดต่อ

“อย่าให้มีอย่างนี้อีกนะคริส”

“ไม่รับปาก”

“คริสตัล”

“.........”

“........”

“........”

“ทำไม โกรธไอเหรอ แล้วทียูยังทำพี่ครอสละวะ! ในคือเหี้ยอะไร!?!”

แววตาคนตรงหน้ากระตุกไปวูบหนึ่งแต่ผมก็ยังจับสังเกตุได้ ความรู้สึกผิดหวังแล่นพล่านไปทั้งใจทันทีที่แน่แก่ใจแล้วว่ามันได้ทำร้ายพี่ครอสไปจริงๆ

“ยูทำอะไรพี่ครอส?”

เสียงผมแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“........”

“ตอบมาสิวะ!”

“หึ”

“ไอ้เหี้ย! มึงทำอะไรพี่กู!!”

“มันสมควรโดนแล้วคริส”

“สมควรเหี้ยอะไรวะ!?!”

“สมควรกับที่มันเกือบฆ่าพี่อีฟไง จะฆ่าทั้งๆที่เป็นเมียตัวเอง!”

เสียงตะคอกดังลั่นนั้นไม่ได้ทำให้ผมชะงักเท่าสิ่งที่ผมได้ยิน

พี่ครอสกับผู้หญิงคนนั้นนะเหรอ

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“ต้องยอมรับความจริงได้แล้วคริสว่าพี่ชายของนายมันร้ายกาจมากกว่าที่คิด มันจะฆ่าอีฟโดยแสร้งทำให้เป็นอุบัติเหตุแต่ดีหน่อยที่รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์”

“ไม่จริง”

“มันคือเรื่องจริง”

“ไม่จริง! พี่ครอสไม่เคยฆ่าใคร ถึงจะมีธุกิจมืดแต่พี่ครอสไม่เคยฆ่าใครแน่นอน!!”

“เปิดหูเปิดตามองความเป็นจริงได้แล้วคริส”


แปร๊บ


“โอ้ย!”

ผมนิ่งหน้าหลุดเสียงร้องอย่างเผลอตัวทันทีที่อาการปวดแปร๊บแล่นเข้ามาในหัวเหมือนสาดฟ้าที่ฟาดใส่อย่างจัง มันปวดจนทุกอย่างเริ่มเลือนลาง แม้แต่เสียงที่เอ่ยถามของคนด้านบน ใบหน้าที่แปรเปลี่ยนหรือแววตาที่ตื่นตกใจ ทุกอย่างเริ่มหายไปเหลือเพียงความมืดที่ปิดฉับลงในชั่วพริบตา

 
 
 
 
 
ปึ๊ก!

แฟ้มที่อยู่ใกล้มือถูกคนเป็นนายจับฟาดลงพื้นเต็มแรงเพื่อระบายอารมณ์เดือดดาลที่มี

“ไปตามหาคริสตัลให้เจอ ถึงต้องพลิกแผ่นดินหาพวกมึงก็ต้องทำ! ไสหัวไปกันได้แล้ว!!”

“ครับ!!!”

เหล่าชายฉกรรจ์นับสิบตอบอย่างพร้อมเพียงก่อนจะพากันออกจากห้องไปในที่สุด ทีครอสทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หนังก่อนจะเอามือทุบโต๊ะไปอีกทีด้วยความคับแค้นในอก อะไรก็ไม่น่าเจ็บปวดเท่าการที่มันเอาตัวน้องชายเค้าไป ไอ้สารเลวนั้น!

“ใช้แรงมากเดี๋ยวแผลจะเปิดเอานะครับ”

บุคคลผู้เป็นมือขวาเอ่ยขึ้นและนั้นก็ทำให้โดนทีครอสตวัดสายตาไปจ้องดุๆ เค้าก็พอรู้ว่าไคเองก็ทำเต็มที่แล้วแต่มันก็อดที่จะเคืองลูกน้องคนสนิทคนนี้ไม่ได้ ไคมีร่องรอยการถูกทำร้ายมากมายแต่ใบหน้าของเจ้าตัวยังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม ทีครอสพ้นลมหายใจอีกรอบแล้วจึงเอนกายพิงเบาะ ความเจ็บแปร๊บที่แผลโดนยิงตรงหน้าท้องทำให้เค้าซี๊ดปากเบาๆ

“คุณคริสไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

“ยังไงกูก็ห่วง”

“ห่วงจากใครเหรอครับ?”

ทีครอสเหลือบตามองผู้ถาม

“ทั้งสองพี่น้องนั่นแหละ”

“แต่เทพทัตดูท่าจะหลงคุณคริสพอสมควรเลยนะครับ”

“แค่นั้นมันใช้เป็นหลักประกันความปลอดภัยของคริสไม่ได้หรอก”

“……”

“ทางบ้านเป็นยังไงบ้าง?”

“ทางหน่วยบีรายงานมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนว่าทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติดีทุกประการ”

“แสดงว่ามันยุ่งแต่กับเราสองพี่น้อง”

ไคพยักหน้า “คาดว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”

“ถ้าคริสเป็นอะไรแม้แต่รอยเล็บข่วน กูจะเอาคืนมันเป็นเท่าตัว”

ไคได้แต่ก้มหน้ารับฟังอย่างเงียบๆ เค้ารู้ว่านายคนนี้รักน้องรักครอบครัวมากแค่ไหน ทีครอสจะเป็นคนเข้มงวดกับงานและลูกน้องแต่ถ้ากลับบ้านไปเจอครอบครัวเมื่อไหร่จะกลายเป็นอีกคนในทันที

ผู้ชายคนนี้มีหัวใจที่รักแรงไม่แพ้ความร้ายกาจที่อยู่ในเบื้องลึก


Tbc…
 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
แหม่  พอเป็นอิพี่สาวตัวเองเทพทัตก็กลายเป็นงัวไปเลยนะคะ คริสยังจะยอมอยู่เหรอ
ถ้าความจริงคือพี่ครอสไม่ผิดมีสนุกแน่

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
 :hao4: เทพทัตโง่วดี  :hao3:

ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยยย ยัยพี่อิฟ ทอแหลสิ้นดี ทัตนี่ก็บื้อจริง

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
โดนพี่สาวตัวเองหลอกจ้า อีฟนี่ตัวร้ายแน่นอนส่วนคริสตัลน่าจะมีอาการความจำเสื่อม ถึงได้ปวดหัวจี๊ดๆตลอด
สนุกมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 20




“อีฟ”

ผมเคยรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นมาก่อน...

ใช่ เธอชื่ออีฟ และเป็นคนเดียวกันกับที่ผมเจออยู่ที่บริษัทของพี่ชายในเย็นวันหนึ่ง

ผมซึ่งยืนจับราวประตูค้างถึงกับเหงื่อซึมตะลึงกับสิ่งที่เห็น บานประตูที่แง้มเพียงนิดแต่ผมซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าจึงสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะฉากกอดจูบบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานนั้น พี่ครอสเป็นคนที่ไม่เปิดเผยเรื่องรักๆใคร่ๆ เพราะงั้นผมเลยค่อนข้างตกใจที่เห็นฉากโจ๋งครึ่มในสถานที่ๆเรียกว่าออฟฟิศทำงานแบบนี้ ผมค่อยๆปิดบานประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ผมผิดเองที่ไม่เคาะประตูแล้วทะเล่อทะล่าเปิดประตูไปจนเจอ เลขาหน้าห้องพี่ก็ไม่อยู่ซะด้วย ผมตัดสินใจวางแฟ้มที่พี่ชายลืมไว้ที่บ้านลงบนโต๊ะเลขาแล้วพาตัวเองลงลิฟท์ไปยังชั้นจอดรถใต้ดิน ตอนนี้หัวใจยังเตนแรงอยู่เลย ให้ตายสิ สติกระเจิดกระเจิงหมดแล้ว

“เฮ้ย~”

ผมถอนหายใจเฮือกใจกดปลดล็อครถจากกุญแจในมือแล้วจึงเปิดประตูแทรกตัวเข้าไปนั่งแล้วฟุบหน้าทำสมาธิกับพวงมาลัยรถ ใจเย็นไว้ๆ มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง ทีตัวเองยังมีคู่ขาตั้งเท่าไหร่ มาเจอพี่ชายพลอดรักกลางห้องทำงานแค่นี้อย่าทำเป็นอินโนเซ้นต์สิวะไอ้คริส

Rrrrrrr

เฮือก!

กูนี่สะดุ้งเลย คนที่โทรมาเป็นเพื่อนร่วมชั่นในโรงเรียนคอนแวนท์ที่ค่อนข้างจะสนิทกัน       
                         
“ว่าไง?”

/อยู่ไหนนะคริส?/

“แถวXXX นะ เอาของมาให้พี่ชาย มีอะไร?”

วันนี้ถึงจะเป็นวันพฤหัสแต่เนื่องจากผมเรียนอยู่ปีสุดท้ายทางโรงเรียนจึงให้อิสระในการเข้าโรงเรียนมากเป็นพิเศษ แถมวิชาเรียนก็น้องจนเหลือแค่วิชาสองวิชาที่ต้องทำโปรเจคจบเพียงแค่นั้น

/มารับหน่อยดิ๊ ไปแดรกข้าวกันแล้วตอนบ่ายค่อยเข้าโรงเรียน/

“สั่ง?”

/พลีส/

ได้ยินเสียงมันหง่อแล้วก็นึกขำ ผมหัวเราะหึเบาๆก่อนจะตัดสายให้มันหงุดหงิดเล่นแต่ก็ยอมสตาร์ทแล้วขับรถมุ่งตรงไปหามันที่บ้านไม่นานก็ถึง ตอนนี้อยู่ในช่วงสายไงครับ การจราจรจึงไม่ติดขัดสักเท่าไหร่

“ไวนะไอ้สัส”

ผมไหวไหล่หันหลังกลับไปเปิดประตูรถตัวเองแล้วเข้าไปประจำที่นั่งข้างคนขับ เจ้าของบ้านกรอกตาพ้นลมหายใจแล้วเข้ามาประจำที่ก่อนจะขับเลี้ยวออกจากหมู่บ้านตัวเองไปในที่สุด

“จะไปไหน?”

ผมถามเมื่อทั้งที่ตายังจ้องจอมือถือในมือ ผมพิมพ์ไลน์ส่งข้องความไปบอกพี่ชายว่าเอกสารที่ลืมผมเอาไปให้และมันวางอยู่ที่โต๊ะเลขาหน้าห้องนะ ไอ้พี่ครอสโวยวายมาใหญ่เลยว่าทำไมผมไม่เอาไปให้กับตัวไปวางมั่วเดี๋ยวก็หาย อยากจะตอกกลับไปมากว่าก็มึงทำเหี้ยไรอยู่ละวะ กูนี่ถึงกับเงิบตอนเข้าไปเจอ คิดแล้วก็ขนลุก ผมเป็นเกย์ไงครับพอเห็นการกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบชายหญิงปกติเลยไม่ค่อยจะชินสักเท่าไหร่

“ไปห้างXXX แล้วมึงคุยกับใครตีหน้าเครียดเชียว?”

“พี่ครอส”

“โดนด่าอะไรมาอีกละ?”

“เสือกวะ”

“เอ๊าไอ้ห่า เดี๋ยวกูหักรถเสยเสาเป็นที่ระลึกซะนี่”

“ไอ้เวรท๊อป”

มันหัวเราะร่าเลยครับ ไอ้นี่มันกวนตีน มันเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้าหาผมโดยไม่มีความคิดในแง่ชู้สาวมาเกี่ยวข้อง ซึ่งผมประทับใจนะ สักพักเราก็มาถึงจุดหมาย ไอ้ท๊อปวนรถแค่รอบเดียวก็เจอที่จอดมันเลยค่อนข้างอารมณ์ดีจนผมนึกหมั่นไส้

“อยากกินไร?”

มันหันมาถามผมขณะที่เรากำลังเดินเข้าไปในตัวห้าง ลมแอร์เย็นๆที่หน้าประตูพัดจนผมที่เริ่มยาวหลุดลงมากรอบหน้า ผมเกลี่ยมันไปทัดหูเหมือนเดิมแล้วจึงกวาดตามองรอบๆ โอเค คนยังไม่เยอะ ร้านอาหารก็น่าจะไม่เยอะเท่าไหร่ มองดูนาฬิกาเห็นว่ายังไม่เที่ยงก็พอเข้าใจ

“ชาบูไหม?”

ผมส่ายหัว

“ซูชิ?”

ผมส่ายหัวอีก

“ฟาสต์ฟู๊ด?”

ผมส่ายหัวอีกจนโดนไอ้คนหิวผลักหัวจนหน้าแทบคว่ำ

“เรื่องมาก! มานี่เลยมึง”

พูดจบก็เดินนำผมลิ่วไปที่ร้านสเต็ก โห เล่นของหนักเลยเว้ยเห้ย






“กลับมาแล้วเหรอ?”

ผมหันไปมองคนทักก่อนจะพยักหน้ารับ

“ถ้ายังไม่กลับจะเห็นไหมละ?”

ไอ้พี่ครอสแทบแยกเขี้ยว เราสองพี่น้องรักกันดีครับ รักปานจะกลืนกิน รักมากกกกก(โปรดกัดฟันเวลาพูด)

“ขอบใจที่เอาเอกสารไปให้ แล้วนี่กินไรมายัง?”

ผมส่ายหัว จริงๆก็พึ่งไปเล่นบาสมาด้วยซ้ำ เหนียวตัวอยากอาบน้ำมากอะตอนนี้

“ขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนดิ เดี๋ยวลงมาเล่นด้วย อยู่เฝ้าทางขึ้นไปนะครับ”

“ไอ้น้องเวร”

“ฮ่าๆๆๆ”

เห็นไหมว่าเรารักกันขนาดไหน ผมหัวเราะขำควงกุญแจรถในมือแล้วเดินขึ้นห้องไปอย่างอารมณ์ที่ดี๊ดี ผมอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก็ลงมาชั้นล่างด้วยชุดนอนผ้านิ่มสีฟ้าสดใส พี่ครอสที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่พอเห็นผมแม่งรีบขอวางแล้วก็ตัดสายไปเลยเว้ย โคตรส่อพิรุธ

“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับน้องเหรอวะ?”

พูดไปก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักไปตามความเคยชิน ไอ้พี่ครอสเองก็ดี๊ดี มันตบหัวผมมาเป๊ะสองเป๊ะก่อนจะลูบเบาๆเป็นการส่งท้าย ผมเลยหันไปงับพุงแม่งจนไอ้พี่บ้าสะดุ้ง จริงๆมันก็ไม่มีพุงหรอกครับ มีแต่เนื้อแน่นๆและกลิ่นน้ำหอมที่เจือจาง เดี๋ยวนะ มันกลิ่นอ่อนเกินไปป่าววะ

“มีอะไร?”

คงเห็นผมซุกหน้ากับพุงมันนานไปเลยถามขึ้นมา

“มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงติดตัวพี่”

“เป็นหมาเหรอมึง”

“ปากเสีย พี่มีแฟนแล้วเหรอ?”

มันยิ้มแล้วส่ายหัว

“อ้าว แล้วที่...”

เชี่ย!

อุดปากแทบไม่ทัน

“แล้วที่อะไร?”

“ป่าวๆไม่มีอะไร?”

“อย่ามาเถ รีบบอกมาก่อนที่กูจะเป็นคนคุ้ยเองกับมือ”

พูดไปก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นตั้งท่าจะขย้ำเหยื่อเต็มที่ ผมจะดีดตัวขึ้นก็ไม่ทันละ ไอ้พี่ครอสจัดการล็อคตัวจนผมดิ้นยังไงก็ไม่ยักกะหลุด แรงเยอะฉิบหาย

“ปล่อยดิวะ มันหายใจไม่ออกนะเว้ย แม่! ไอ้พี่ครอสมันแกล้งคริส!!”

“หึหึ มึงร้องไปเลย ร้องให้ตายแม่ก็ไม่ได้ยินหรอกเพราะแม่ไม่อยู่”

“ไอ้พี่เหี้ย”

“ปากดีอย่างนี้มาให้พี่สั่งสอนที่สิ”

“เห้ย! ไม่เอาๆ ฮ่าๆๆๆ ไอ้พี่ครอสปล่อย ฮ่าๆๆๆ ปล่อยๆ มันจักกะจี้”

“หึหึ”

สงครามย่อยๆดำเนินต่อไปโดยไร้ซึ่งความปราณีของไอ้คนขี้แกล้ง ผมได้แต่ดิ้นขลุกขลักหัวเราะจนตัวงอจะหนีจากฝ่ามือพิฆาตแต่ก็ทำได้เพียงขยับเล็กๆน้อยๆ นี่มือรึกาวถามจริงๆ

“คุณๆทั้งสองเลิกเล่นแล้วไปทานข้าวกันเถอะค่ะ”

จนแม่บ้านมาเรียกนั้นแหละครับผมถึงได้เป็นอิสระ แต่ใช่ว่าจะไม่มีสงครามย่อยๆนะ หึหึ






“จะไปไหนนะ?”

พี่ครอสเงยหน้าจากจอไอแพทมามองผมที่พึ่งลงมาจากห้องตัวเองหลังจากที่ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมท่องราตรีตามที่เพื่อนซี้ได้โทรมาชวนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“เที่ยวไง ใส่ชุดแบบนี้คงไม่ไปโบสถ์หรอกครับ”

ตอบจบก็เอี้ยวตัวหลบหมอนอิงที่พี่ชายมันขว้างมาด้วยความรักและเอ็นดู ผมหัวเราะร่วนเอาหมอนปากลับไปคืนแต่ไม่โดนซะงั้น หลบเก่งเหมือนกันนี่หว่า

“อย่าให้มันมากนัก เรื่องมหาลัยที่จะเข้าไปถึงไหนแล้วละ?”

“เรียบร้อยดีน่า นี่ก็รอผลสอบตรงอยู่ ไม่เชื่อใจผมรึไง”

“เออ”

“โหย ผมจะฟ้องป๊าให้ยึดเงินทุนคืนแล้วเอามาให้ผมแทน”

“ปากดี อย่างมึงจะเอาเงินมากขนาดนั้นไปทำอะไรไม่ทราบ”

“เปิดผับไง น่าสนุกออก”

วงเล็บในใจว่าเป็นผับเกย์โดยเฉพาะด้วย ฮ่าๆๆๆ

“เจริญจริงๆ เปิดไปขายหรือเปิดไปกินเองกันแน่วะ”

“ทั้งสองเลย”

“เวร”

“ผมไปละ”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่เป็นไร ไม่ได้กะเมาขนาดนั้น”

“ผับที่ไหนมันให้เด็กอายุไม่ถึง20เข้าวะ บอกชื่อมาดิกูจะโทรไปแจ้งตำรวจ”

“บอกให้โง่”

พูดพลางแลบลิ้นใส่ไปทีแล้วรีบวิ่งหนีออกมาก่อนที่จะโดนหมอนลอยเป็นครั้งที่สอง




 Mazda MX-5 สีแดงเข้มได้ขับวนออกจากบ้านใหญ่ไปในที่สุด ผมมาถึงร้านภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตอนนี้พึ่งจะสองทุ่มกว่าๆแต่คนที่ร้านกลับเยอะเหมือนมีคอนเสิร์ตอะไรสักอย่าง ผมขับรถวนหาที่จอดอยู่สักพักก็เจอ เมื่อเรียบร้อยจึงกดโทรศัพท์หาไอ้ท๊อปที่เป็นคนโทรตามผมนั้นเอง

/เออ อยู่ไหนแล้ววะ?/

“หน้าร้าน มึงออกมารับกูหน่อยดิ๊”

/แป๊บ/

พอมันวางสายผมก็ลงจากรถเดินไปยืนรอมันที่ด้านหน้าของร้าน ร้านนี้เป็นแค่ร้านเหล้าธรรมดาแต่ตกแต่งได้สวยถูกใจเหมาะแก่การนั่งดริ้งส์สังสรรค์เบาๆอะไรประมาณนั้น

“คริส”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อน ระหว่างทางแอบเห็นหนุ่มหล่อส่งสายตามาหากันด้วย ได้ทีก็ยิ้มกลับสิครับ รออะไร

“ตลอดนะมึงน่ะ”

“ห่ะ”

“เจอคนน่าสนหน่อยเป็นไม่ได้ ตอดแม่งตลอด”

“หยาบคายวะ นี่แค่ยิ้มป่ะ”

“ไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวแม่งก็เดินมาหา”

“ระดับกูนี่เนอะ”

“หลงตัวเองไปป่าวมึง กูหมายถึงเดินมาบอกว่าพี่มีเมียแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้เหี้ย”

มันก็ชอบกวนตีนแบบนี้ไงถึงได้คอยเจอตีนผมอยู่ตลอด ผมทักทายเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ค่อยสนิท(เท่าไอ้ท๊อปแต่ก็ยังถือว่ารู้จัก) ก่อนจะนั่งลงข้างๆมันแล้วรับแก้วเครื่องดื่มมาจิบ เพื่อนแต่ละคนก็มีหัวข้อคุยกันไม่ขาดปาก ผมได้แต่นั่งฟังไปเรื่อยมียิ้มมีหัวเราะตามบ้างพอเป็นพิธีแต่สายตานี่เทียวกวาดมองแขนคนอื่นจนโดนไอ้ท๊อปมันตีเอาก็หลายที

“เชี่ยนี่ แขนกูช้ำหมด”

“อยู่กับเพื่อนเก็บเรื่องผู้ชายใส่กระเป๋าไว้เลยถ้ามึงไม่อยากให้คนอื่นเค้ารู้กัน”

เรื่องที่ผมเป็นมีเพียงไอ้ท๊อปที่รู้ไงครับ ผมพยักหน้ารับมันเนืองๆแล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นกรอกปาก เกิดเสียงเชียร์ดังขึ้นนิดหน่อยเมื่อทุกคนเห็นผมยกหมดในรวดเดียว

“คริสแม่งเจ๋งวะ หน้าหวานงี้ไม่คิดเลยว่าจะคอแข็ง”

หนึ่งในบรรดานี้เอ่ยปากแซวผมก็ได้แต่ยิ้มรับยื่นแก้วไปให้เพื่อนเติมให้ไม่นานก็ได้มาไว้ในมือ

“เอาอีกดิคริส ยอกเลยๆๆ”

“พวกมึงก็อย่าไปเสี้ยมมัน วันนี้มันขับรถมานะเว้ย”

“กลัวอะไรวะ เมาขับไม่ไหวก็เปิดห้องพักแถวนี้นอนไปเลยดิ”

“มึงก็พูดง่ายเนอะไอ้อาร์ท แล้วมึงก็อย่าไปบ้าตามเค้าดิวะคริส”

ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อโดนไอ้ท๊อปยื้อแขนข้างที่ถือแก้วไว้

“เชี่ยไรวะท๊อป”

“มึงเมาแล้วมาลำบากกู”

“เอาน่าไอ้ท๊อป ปล่อยๆแม่งกินไป นานๆทีจะโผล่มาร่วมวงกับกูสักครั้ง”

“นานๆทีพ่องมึงดิ สัปดาห์ที่แล้วก็มาไม่ใช่ไง”

“มาก็มาแป๊บๆแล้วมันก็หายตัวไปนะเหรอ กูไม่นับเว้ย”

อ้อ วันนั้นที่ไปอีกร้านแล้วผมเจอคนน่าสนเลยได้ไปต่อทั้งที่พึ่งกินกับเพื่อนไปเพียงแก้วเดียว กูนี่ก็ไวไฟใช้ได้แฮะ

“เออ กูเองก็อยากเห็นมันเมา มาแต่ละทีไม่ทันจะเมาแม่งก็หายหัวไปตลอด มึงก็อีกคนไอ้ท๊อป มึงเป็นแม่มันไงถึงได้ไปห้ามมันนัก”

“เพื่อนเว้ยไอ้สัส เพื่อนที่นิสัยดีผิดกับเหี้ยๆอย่างพวกมึงไง”

“กูว่าแม่งต้องเหี้ยเหมือนกันแหละว๊า ไม่งั้นคงอยู่ด้วยกันไม่ได้”

“จริงเว้ย เอาชนนนน”

แล้วก็เฮฮากันไปยาวๆโดยที่มีไอ้ท๊อปคนเดียวที่หัวเสียไม่เลิก ผมหัวเราะขำไม่สนใจมันแล้วดื่มต่อไปเรื่อยๆ เห็นอย่างนี้ผมก็รู้ลิมิตตัวเองนะครับ ถ้าผมเริ่มไม่ไหวผมก็จะหยุดเองโดยที่ไม่สามารถฝืนตัวเองต่อได้ แต่ยังไม่ทันจะเมาหางตาผมก็หันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นๆ ผมวางแก้วแล้วลุกขึ้นเดินไปทางประตูหน้าตามเธอที่เดินออกไปพร้อมกับผู้ชายอีกคน

ใช่แน่ๆ ผมว่าใช่เธอแน่ๆ คนที่ผมไปเจออยู่ที่ออฟฟิศพี่ชายคนนั้นไง

“มีอะไรว่ามา?”

เสียงเธอดูเหวี่ยงๆพลางตีหน้ามุ้ยคิ้วขมวดเมื่อไปหยุดยืนอยู่ข้างรถในมุมมือ ผมที่เดินตามเลยต้องพลอยหาที่หลบไปด้วย ผมว่าเธอไม่รู้จักผมหรอก แต่ก็ไม่แน่ ในห้องพี่ชายอาจจะมีรูปผมโผล่อยู่และบางทีเธออาจจะเห็น

“คุณทีครอสมีน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวครับ”

ผู้ชายที่เดินตามตอบเสียงเบาแต่ยังคงความหนักแน่นในน้ำเสียง ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อพี่ชายตัวเองชัดเต็มสองรูหู

“ดี จะได้เคลียร์ง่ายๆหน่อย มันใจนะว่าไม่ผิดตัว”

“ไม่ผิดแน่ครับ ถึงจะไม่เปิดข่าวแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับ”

“งั้นตามประกบซะ ฉันต้องการให้ชัวร์ว่าแผนจะดำเนินไปได้ดีกว่านี้โดยที่ไม่มีมารมาขัดคอซะก่อน”

“ครับ”

“อ้อ อย่าให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นละ โดยเฉพาะคนที่อังกฤษ”

“ครับ”

“กลับไปที่เดิมได้แล้ว”

“ครับ”

ผมรีบหลบไปด้านหลังของรถใกล้เคียงทันทีที่ผู้ชายคนนั้นเดินกลับเข้าไปในตัวร้าน ส่วนผู้หญิงยังคงยืนสูบบุหรี่อยู่เงียบๆ ใบหน้าที่สวยหวานนั้นดูสวนทางกับคำพูดที่ทำให้ผมต้องคิดหนัก คนๆนี้เป็นอันตรายต่อพี่ชายและตัวผมเอง ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจต่างๆนานาแต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นการขัดผลประโยชน์ทางด้านนั้นแน่ๆ และเธอคนนี้คงจะกำลังวางแผนให้พี่ชายตัวเองตายใจแล้วทำอะไรสักอย่าง

จะอะไรก็ช่าง แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

ผมคงต้องไปบอกพี่ชาย

ไอ้พี่ครอสแม่งโง่วะที่ให้ผู้หญิงมาปั่นกระแสเกมส์แบบนี้

ว่าแล้วผมก็รีบลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะเดินกลับเข่าไปในตัวร้านเพื่อบอกเพื่อนว่าจะขอตัวกลับก่อน แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงไหนไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็โผล่มาตรงหน้าซะงั้น

เหี้ยแล้ว

มาตอนไหนวะ?

“สวัสดีจ้ะพ่อหนุ่ม”

เสียงผู้หญิงทักขึ้นที่ด้านหลังและคงไม่ต้องเดาว่ามันเป็นเสียงของใคร

ของเธอคนนั้น

“มีธุระอะไรถึงได้ไปหลบๆซ่อนๆอยู่ตรงนั้นเหรอจ้ะ?”

“.....”

ผมได้แต่ปิดปากเงียบ

“ชื่ออะไรนะเรา?”

นี่ก็ถามไม่หยุด

“คริสตัล เฟรงเบิร์ค”

ไม่ใช่ผมแน่ที่แนะนำตัวไปซะเต็มยศ แต่เป็นไอ้ผู้ชายตรงหน้าที่พูดด้วยรอยยิ้มเหยียดจนดูน่ารังเกียจในสายตา

“หืม? เฟรงเบิร์ค? นี่เป็นน้องของทีครอสเหรอเนี้ย? ฮ่าๆๆๆ ไหงนกน้อยถึงได้บินมาหากับดักทั้งที่ฉันยังไม่ทันจะวางกับดักเลยละเนี้ย หึหึหึ”

“Damn it!”

“จับมันไว้!”

แล้วคิดว่าผมจะอยู่เฉยๆให้มันจับรึไง ถึงแม้ทักษะการต่อสู้ของผมจะต่ำแต่การหลบหลีกและหนีค่อนข้างจะถนัดเป็นทุนเดิม ผมเบี่ยงตัวหลบผู้ชายตรงหน้าที่กำท่าจะเข้ามาตะครุบ สบโอกาสเหมาะก็สวนเท่ายันโครมเข้าให้แบบจังๆเซถลาไปล้มลงต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นจนคุณเธอกรี๊ดกร๊าดออกมาด้วยความตกใจ ในขณะที่มันยังไม่ทันได้ตั้งตัวผมเลยรีบวื่งหนี แต่ถ้าหนีกลับเข้าร้านยังไงๆมันก็น่าจะจับตัวผมได้และผมก็ไม่อยากให้เพื่อนมารับรู้เรื่องราวพวกนี้ด้วยผมเลยเลือกที่จะวิ่งไปที่รถ ดีที่ของทุกอย่างยังคงอยู่กับตัวผมทั้งกระเป๋าตังค์โทรศัพท์และกุญแจรถ ผมกดปลดล็อคตั้งแต่ยังวิ่งไปไม่ถึง ได้ยินเสียงคนวิ่งตามอยู่ไม่ไกลเมื่อมาถึงก็รีบเปิดและเข้าไปนั่งปิดประตูอย่างไวพอดีกับที่ผู้ชายคนนั้นมาถึงรถ แล้วแม่งก็ทุบกระจกรถปึกๆเลยนะครับ ผมสตาร์ทรถแล้วออกตัวโดยที่ไม่สนใจว่ามันจะทำอะไรต่อ เวลานี้ผมคิดแค่ว่าต้องรีบกลับบ้านให้ไวที่สุด ผมต้องรีบเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพี่ครอส

ผมเลือกที่จะขับอ้อมออกไปอีกทางที่คาดว่ารถจะไม่เยอะและเปอร์เซนต์การติดจะต่ำกว่าแต่ก็มีข้อเสียตรงที่มันค่อนข้างจะเปลี่ยว ผมขับไปเรื่อยๆจนโทรศัพท์ดังเป็นไอ้ท๊อปที่โทรมาผมเลยเปิดสปีคเกอร์โฟนคุยไปเลย

“เออ”

/มึงอยู่ไหนไอ้สัส!?!/

เสียงหงุดหงิดมาเชียว

“กูกำลังกลับ โทษทีที่ไม่ได้บอก”

/ไอ้สันขวาน พรุ่งนี้มึงเจอกูยำแน่ไอ้เหี้ยคริส/

“โวยวายวะ ทำอย่างกับกูไม่เคย...เหี้ย!”

พูดยังไม่ทันจะจบจู่ๆก็มีรถขับโฉบเข้ามาตัดหน้าจนผมต้องหักหลบแทบจะตกลงข้างทางซะด้วยซ้ำ

“ไอ้เวรเอ๊ย!”

/คริส! เกิดอะไรขึ้น!?!/

ฉิบหาย ไอ้ท๊อปเสือกได้ยินไปด้วยอีก

“ไม่มีอะไรๆ”

/อย่ามาตอแหลกับกู/

เออ ไอ้โหด

“แค่คนเมาขับรถตัดหน้า กูประคองรถได้น่า”

/ฝั่งนั้นเมาหรือมึงเมาเอาให้แน่/

“ทางนู้นเว้ย แค่นี้แหละ กูเสียสมาธิหมด”

/ถึงบ้านโทรหากูด้วย ถ้าไม่โทรภายในหนึ่งชั่วโมงกูจะไปบุกถึงที่/

“โหดสัส”

/เรื่องของกู!/

พอวางสายได้ผมก็หันมาตั้งสมาธิแล้วขับต่อ ที่ต้องจริงจังหนักกว่าเดิมเพราะไอ้รถคันเมื่อกี้มันยังตามผมอยู่ไงครับ ตอนคุยโทรศัพท์เสียสมาธิจนไม่กล้าขับเร็วเลยทำให้มันขับตามผมมาจนแทบจะชนตูดกันอยู่แล้ว

ให้ตายสิวะ กูไม่ใช่สายซิ่งนะเว้ย

มือผมกำพวงมาลัยแน่นในขณะที่ตาจ้องมองถนนลับกับมองรถคันนั้นไปๆมาๆ เท้าก็เหยียบคันเร่งต่อไปสลับกับผ่อนบ้างเป็นบางที ผมขับไปจนถึงสะพานข้ามคลองขนาดใหญ่แต่ไม่ใช่แม่น้ำ ด้วยความที่กลัวรถจะกระโดดจังผ่อนคันเร่งและเป็นจังหวะเดียวกับที่รถผมโดนกระแทกจากข้างหลังอย่างแรงจนผมเสียหลักสะบัดพวงมาลัย รถเอี้ยวหักไปชนกับขอบสะพานในทันทีก่อนจะสะบัดด้วยความเร็วและแรงจนเกิดการพลิกคว่ำไปขนเข้ากับเสาไฟฟ้าในที่สุด ภาพการปะทะยังคงเด่นชัดแต่กลับอยากให้มันเป็นเพียงความฝัน

ฝันที่เลวร้าย

เอี๊ยดดดด...

ปึง

“ตายไหมวะ?”

“ไม่รู้ แต่ถึงรอดก็คงไม่เหมือนเดิม”

“งั้นไปกันเถอะวะ เดี๋ยวตำรวจมาแล้วจะซวย แค่นี้ก็เจียนตายแล้วมั้ง”

“เออๆ”

นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ประสาทสัมผัสทุกอย่างจะถูกตัดขาดออกจากกัน ความมืดเข้าครอบงำ ในจังหวะที่ผมหายใจเริ่มแผ่วเบา

ไม่ได้ เราจะหมดลมไม่ได้ ต้องไปบอกพี่ครอสก่อน

ผมพยายามเลื่อนแขนที่หนักอึ้งไปยังโทรศัพท์ที่ตกอยู่ใกล้มือ เมื่อเอานิ้วทาบหน้าจอก็สว่างว๊าบพร้อมใช้งาน ผมกดไปที่เลขหนึ่งแล้วดทรออก มันจะลิ้งค์ต่อสายหาพี่ชายผมโดยตรง กดเปิดสปีคเกอร์โฟนรอสายไม่นานเสียงทุ่มต่ำที่ไม่มีวี่แววความงัวเงียก็ดังขึ้น

/...คริส...โทรมาทำไมไม่พูด.../

“พี่ครอส...”

/ทำไมเสียงแปลกๆ เกิดอะไรขึ้น?/

“ผู้หญิงคนนั้น...”

/ผู้หญิงคนนั้นไหน?/

“เมื่อกลางวันนะ ผู้หญิงคนนั้นมัน....”

/มันอะไรคริส? อีฟทำอะไร?/

อีฟ

ชื่อนี้แหละ

ชื่อของคนน่ารังเกียจคนนั้น

“..........”

/คริส? คริสตัลตอบพี่มา/

“..........”

/คริส!!!/


 TBC....
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ร่องรอยที่ถูกอีฟบีบคอ ไม่ทำให้ทัตเห็นเลยหรือ
ทัต นี่ซื่อบื้อ คิดแต่ว่าคริสชอบทำร้ายผู้หญิง  :katai1: :katai1: :katai1:
มันแปลกๆ ตอนที่คริสไปรพ. กับทัต เจออีฟ
ทำไมคริสนึกไม่ออก
หรือเพราะอุบัติเหตุ ทำให้ความจำหายบางส่วน
คริส ถึงมีอาการปวดหัว ต้องกินยา
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ที่แท้เป็นแบบนี้ ว่าแต่ทำไมอีฟถึงจ้องทำร้ายสองพี่น้องไปได้ เคยมีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 21



ทีครอสจ้องมองซองยาที่เป็นของน้องชายเขม่ง รายงานล่าสุดเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดละแวกตึกนั้นและคริสถูกพาตัวขึ้นรถตู้ของมันจนออกไปนอกตัวกรุงเทพฯ เส้นทางนั้นเป็นภาคตะวันออกและแหล่งที่คนอย่างเทพทัตน่าจะอยู่ได้หรือมีที่พักคงมีไม่กี่จังหวัด ภาพในความทรงจำวันที่น้องชายเค้าได้รับอุบัติเหตุเมื่อปีก่อนได้ฉายซ้ำเข้ามาในสมอง

มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจำแต่มันกลับฝังรากลึกจนยากที่จะลืมเลือน

วันๆนั้น

วันที่คริสมีเลือดท่วมตัว

วันที่น้องชายเค้าเกือบตายด้วยอัตรารอดเพียง30%

วันที่เค้าสาบานแก่ใจว่าจะเอาคืนผู้หญิงคนนั้นให้เจียนตายยิ่งกว่าน้องเค้าให้ได้

อีฟคือนังสารเลวคนนั้น

ใช่ว่าเค้าจะไม่รู้ถึงกลโกงของอีฟ เค้ารู้ดีและฉลาดพอที่จะเอาตัวเข้าล่อเพื่อให้ฝ่ายนั้นตายใจว่าตนหลงไปตามเกมส์ แต่แทนที่อีฟจะเล่นงานเพียงเค้า เจ้าหล่อนกลับเล่นนอกเกมส์โดยการดึงน้องเค้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่คริสตัลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับธุรกิจที่ล้ำเส้นกันอยู่ตั้งแต่เค้าขึ้นมาบริหารจวบจนปัจจุบัน ในโลกของเค้ามีเพียงประโยคที่ว่า ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะชนะ ไม่มีมิตรแท้ในวงการธุรกิจ เครือSPOของอีฟเองก็เช่นเดียวกัน อีฟเข้าหาเค้าด้วยความเป็นมิตรที่เสแสร้ง เค้าก็ยิ้มรับโดยไม่แสดงถึงความเป็นจริงเพื่อลองเชิง

แต่ให้ตายเถอะ!

ทำแบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!

คริสอยู่ในห้องไอซียูถึงสามวันเต็มๆอาการถึงทรงตัวจนหมอคอนเฟิร์มว่าพ้นขีดอันตราย แต่คริสก็ยีงไม่ฟื้นจนผ่านไปร่วมสัปดาห์เต็มๆ

ทีครอสแทบทำงานไม่รู้เรื่องเพราะใจพะวงอยู่แต่กับคริสตัลและแผนการที่จะจัดการกับอีฟ อีฟยังคงโผล่มาหาเค้าอยู่พลางทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอคงคิดว่าเค้าไม่รู้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุเพราะเค้าไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีผิดแปลกอะไรกันเธอ ใบหน้าที่แสร้งทำทีว่าตกใจของเธอทำให้เค้าอยากจะอาเจียน

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้น่ารังเกียจถึงขนาดนี้นะ ทั้งที่หน้าตาก็ดูดี ชาติตระกูลดี มีงานที่ดีและเงินที่มากมาย ทำไมเธอถึงไม่รู้จักพอ

วันที่คุยกับเธอเป็นครั้งสุดท้ายคือวันที่ชวนเธอไปดินเนอร์ เธอพยายามอ้อนและอ่อยสารพัดเพียงเพื่อให้เปิดห้องในโรงแรมที่มาทานและดริ้งส์ด้วยกันแบบสองต่อสอง ผมกดยิ้มที่มุมปาก แสร้งตอบรับและพาเข้าห้องตามที่เธอปรารถนา แน่นอนว่าผมไม่ทานอะไรสักอย่างที่เธอพยายามจะให้กิน ไม่ว่าจะเหล้าหรือเครื่องเคียง ผมตั้งใจจะข่มขืนเธอด้วยความรุนแรงตามแรงอารมณ์ส่วนลึก ผมฉีกทึ้งเสื้อผ้าแสนแพงของเธอจนขาดวิ้น เธอกรีดร้องด้วยความตกใจแต่นั้นคือปฏิกิริยาตอบรับที่ทำให้ผมหัวเราะได้ เราสู้กันเล็กน้อยตามแรงที่เธอมี ผมหางคิ้วแตกเพราะโดนแจกันที่เธอโยนใส่เข้าไปเต็มๆแต่เธอโดนผมจัดเต็มยิ่งกว่า เสียงกรีดร้องตอนนอนอยู่ใต้ร่างนั้นทำให้ผมยิ้มเย็นด้วยความสะใจ แรงกระแทกกระทั้งใส่ไม่มีคำว่าออมมือใดๆทั้งสิ้น ผมจัดไปเกือบทั้งคืน ทำจนเธอสลบ เมื่อตื่นก็ทำใหม่จนตัวเธอสั่นเหมือนลูกนกที่ตื่นกลัวอยู่ในกำมือ ผมปล่อยให้เธอนอนอยู่อย่างนั้นส่วนตัวเองก็ลุกมาใส่เสื้อผ้า ระหว่างนั้นยอมรับว่าเผลอตัวไปนิดที่หันหลังให้ศัตรู ใครจะไปคิดละว่าคนที่นอนตัวสั่นจะลุกขึ้นมาเอาเศษแก้วที่แตกเข้ามาจวกแทงดีที่ผมไหวตัวทันเลยโดนเฉียดๆบริเวณสีข้าง ผมตวัดมือไปตบโดนหน้าเธอจังๆก่อนจะหาผ้ามาปิดแผลห้ามเลือดและโทรหาลูกน้องที่รออยู่ข้างล่าง

“สักวัน แกต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยินจากปากเธอ ผมออกมาจากโรงแรมแล้วตรงไปโรงพยาบาลที่น้องผมพักรักษาตัวอยู่ เมื่อทำแผลเสร็จก็ไปหาน้องที่ห้องวีไอพี แม่มีอาการอิดโรยจนผมนึกห่วง ผมให้แม่กลับบ้านไปพักส่วนตัวเองจะอยู่เฝ้าต่อแทน แม่พยักหน้ารับแล้วออกจากห้องไปโดยมีคนของผมตามไปส่งเช่นเดิม ผมทรุดตัวลงนั่งแทนที่แม่ที่เก้าอี้ข้างเตียง มือเอื้อมไปคว้ามือน้องมาจับๆบีบๆ ปากเล็กที่คอยเถียงเจี๊ยวจ๊าวนั้นยังคงนิ่งสนิทเช่นเดียวกับดวงตาสีฟ้าสดใส

“ตื่นขึ้นมาได้แล้วคริสตัล อย่าทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงไปมากกว่านี้สิ”

รู้ว่าพูดไปน้องก็คงไม่ได้ยิน แต่ผมก็อยากที่จะพูด

“พี่ขอโทษที่ทำให้เราเป็นแบบนี้…”

“……”

“I’m so sorry my bro, please wake up”

“……”

ผมฟุบหน้าลงกับขอบเตียงจนเผลอหลับไปในที่สุด มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โทรศัพท์สั่นครืนเพราะมีสายโทรเข้ามา เป็นไคที่โทร ผมคุยจนรู้เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของอีฟ ผมไม่นึกสนใจอะไร จะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง ผมสั่งงานอะไรไปอีกนิดหน่อยแล้วจึงวางสาย แต่ทว่า…

นิ้วมือของคริสขยับ

จากนิ้วก็กลายเป็นหน้า

จากหน้าก็เป็นเปลือกตา

ผมคอยจ้องมองปฏิกิริยานั้นด้วยใจที่เต้นระทึก

“…คริสตัล…”

ผมเผลอเอ่ยเรียกเสียงแผ่วและนั้นก็ทำให้ดวงตาสีฟ้าค่อยๆบลือขึ้นก่อนจะกะพริบปริบๆเพื่อปรับระดับสายตา ผมจ้องมองด้วยรอยยิ้มที่ฝุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คริสมองดูรอบข้างจนหันมาเจอผม

“พี่ครอส”

เสียงร้องแหบพล่าจนผมนึกห่วงขึ้นมาอีก

“ว่าไงครับ? อยากได้อะไรรึเปล่า?”

ผมถามพลางเอื้อมมือไปกดเรียกหมอไปด้วย คริสขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว

“ปวดหัวเหรอ?”

“อืม มากๆด้วย”

“เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว อดทนอีกแป๊บ”

คริสพ้นลมหายใจแล้วจึงยอมนอนหลับตานิ่ง

“ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี้ มันเกิดอะไรขึ้น?”

“หืม? แกจำไม่ได้เหรอ?”

“ไม่อะ จำได้แค่ว่ากำลังอยู่ในร้านเหล้ากับไอ้ท๊อป หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว ผมเมาแล้วขับรถลงข้างทางเหรอ?”

ผมนิ่งมองน้องที่ยังคงนอนหลับตาอยู่บนเตียง ไม่นานหมอและทีมพยาบาลก็มาตรวจนู้นนี่มากมายและพาคริสไปยังห้องสแกนสมองด้วยเนื่องจากน้องบอกว่าปวดหัวมาก

“คนไข้มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราวครับ”

“ความจำเสื่อมชั่วคราว?”

“ใช่ครับ มันเป็นอาการต่อเนื่องจากการถูกกระแทกอย่างแรงที่ศรีษะและสภาพจิตใจที่อาจไปกดเรื่องราวบางอย่างไว้จนสมองลบมันออกไปชั่วคราว”

“……”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ อาการนี้สามารถรักษาหายได้เพียงแค่ให้กินยาอย่างสม่ำเสมอและดำเนินชีวิตให้ถูกสุขลักษณะอย่างเช่นพักผ่อนให้เพียงพอทายอาหารให้ครบอย่าให้มีเรื่องเครียดหรืออย่าให้ได้รับการกระทบกระเทือนอีกก็พอ”

“แล้วถ้า…ผมไม่อยากให้ความทรงจำนั้นกลับมาละครับหมอ…”

“คุณหมายความว่า…”

“ครับ ผมอยากให้มันหายไปตลอดกาลเลย มันเป็นเรื่องราวแย่ๆที่น้องผมไม่จำเป็นต้องมีให้รกสมอง หมอพอจะมีวิธีช่วยผมไหมครับ?”

“แต่ว่ามันผิด....”

“นะครับหมด ไม่ว่าจะหมดเท่าไหร่ผมก็พร้อมที่จะจ่ายขอเพียงหมอรับปากว่าจะช่วยผมก็พอ”

“……”

“หมอครับ ถือว่าเป็นการรักษาผู้ป่วยทางจิตก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าความทรงจำนั้นกลับมาน้องผมต้องหวาดกลัวมันมากเผลอๆอาจจะวิตกจริตไปเลยก็ได้”

“งั้นหมอจะสั่งยาให้แล้วกันนะครับ”

รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ผมยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ขอบคุณมากครับหมอ”

“มันเป็นยาเฉพาะที่ค่อนข้างอันตรายนะครับ ผมไม่แนะนำให้กินนาน ช่วงนี้ก็กินควบกับตัวอื่นไปก่อน พอยาชุดปกติหมดก็หยุดรอดูอาการ ถ้าไม่มีอาการแปลกๆก็หยุดกิน แต่ถ้าปวดหัวแบบจู่ๆก็เป็นค่อยให้กินอีกรอบจนหายแล้วค่อยหยุด เข้าใจใช่ไหมครับ?”

“เข้าใจครับ ขอบคุณอีกครั้งครับหมอ”

“ครับ”





“คุณทีครอสครับ”

คนถูกเรียกฟื้นคืนสติแล้วเหลือบตาขึ้นไปมองคนเรียกที่เป็นลูกน้องตนเอง

“รถพร้อมแล้วครับ”

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

มือหนาคลายมือจากซองยาแล้วลุดขึ้นหยิบชุดคลุมขึ้นมาสวมแล้วก้าวเดินนำลูกน้องออกจากห้องไปในที่สุด จุดหมายปลายทางคือที่ๆมันพาคริสตัลไป ในเมื่อเค้าอุสาเอาน้องออกมาจากวงจรแล้วแต่มันก็ยังจะมายุ่งไม่รู้จักจบจักสิ้นเค้าก็ไม่คิดที่จะปล่อยอีกต่อไป

ในเมื่อแส่หาเรื่องเองก็จงเตรียมตัวรับโทษจากพญามัจจุราชคนนี้ไว้ได้เลย

‘เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร’






“ทัต”

เสียงเล็กของพี่สาวเอ่ยเรียกผู้เป็นน้องที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงเพียงคนเดียวมาร่วมชั่วโมง

“ว่าไงครับ?”

“อย่าสูบจัดนักสิ พี่เป็นห่วงนะ”

ทัตยิ้มบาง

“จะพยายามครับ”

เค้าก็ไม่ใช่คนสูบจัด แต่จะสูบในช่วงเวลาที่คิดหนักคิดมากและคิดไม่ตกซึ่งตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาแบบนั้นเสียด้วย

“เข้ามาข้างในเถอะ แล้วนี่ทานมื้อเที่ยงรึยัง?”

ที่อีฟถามเพราะตนเผลอหลับในช่วงกลางวันจึงไม่ได้ออกมาร่วมโต๊ะอาหารกับน้องชาย

“เรียบร้อยแล้ว”

“แล้วคนข้างในละ?”

“ยัง”

“อ้าว”

“ยังไม่ตื่นครับ ถ้าตื่นแล้วผมจะพาออกมาขอโทษพี่นะ”

“หืม?”

“ก็เรื่องเมื่อคืนไง คริสอาจจะใจร้อนไปนิดดื้อไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่คนที่ลวร้ายอะไร”

“มั่นใจได้ยังไงว่าคนๆนั้นไม่เลวร้าย มีอะไรเป็นหลักประกันงั้นเหรอ?”

“ผมลองสังเกตุจากที่อยู่กับคริสมาพักใหญ่ ผมมั่นใจว่าผมดูเค้าออก”

“หึ อย่ามั่นใจให้มากนักทัต ลืมไปแล้วเหรอว่านั้นนะเป็นน้องของใคร เคยได้ยินไหมว่าเลือดมันข้นกว่าน้ำ”

“……”

“พี่เตือนด้วยความหวังดี”

ทัตมองตามพี่สาวที่ค่อยๆย่างก้าวกลับเข้าไปในห้องด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง บุหรี่ในมือมอดไหม้ไปเรื่อยๆโดยที่ผู้ถือไม่ให้ความสนใจมันอีกต่อไป เค้าหลุบตาลงต่ำก่อนจะบี้บุหรี่ด้วยมือของตนเอง มันแสบร้อนในระดับหนึ่งแต่ก๋ไม่สู้ความวุ่นวายที่ตีรวนกันอยู่ในตัวตน สมองสั่งการอีกอย่างในขณะที่หัวใจก็เรียกร้องอีกอย่าง

ช่างน่าขำสิ้นดี

ภาพวันที่เค้าได้รับโทรศัพท์ถึงอุบัติเหตุของพี่สาวยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ ตอนนั้นทัตยังอยู่ที่ลอนดอน เค้าจะมาไทยในทันทีที่รู้ข่าวก็ไม่ได้เนื่องจากไฟล์บินถูกระงับเพราะสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน เค้าต้องรอไปอีกสามวันจึงจะจองไฟล์ด่วนแลนดิ้งลงไทยได้ในที่สุด อาเชนต์ส่งคนมารับและพาเค้ามายังโรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก อาการของพี่สาวที่ว่าน่าตกใจแล้วแต่เมื่อรับรู้สาเหตุที่พี่สาวเค้าต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ยิ่งทำให้เค้าตกใจเข้าไปอีก จากคำบอกเล่าคร่าวๆจากอาเชนต์และคำสารภาพของมือสังหารทำให้ทัตรู้ว่าพี่สาวเค้าต้องเจอทั้งการข่มขู่ ข่มขืน ปองร้ายและพยายามฆ่า ทัตกัดฟันกรอดกำมือแน่นโกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง แต่อำนาจในการจัดการบุคคลที่มีอิทธิพลขนาดนั้นมันต้องมากกว่าหรือเทียบเท่า ทัตจึงต้องสร้างอิทธิพลให้ตัวเองก่อนเพื่อรอเวลาที่จะได้แก้แค้นอย่างสาสมใจ จนกระทั่งมาเจอกับคริสตัล

ทัตรู้จักคริสตัลแน่เพราะเค้าได้สืบประวัติมาเป็นที่เรียบร้อย แต่ทางฝั่งนั้นไม่มีใครรู้จักเค้าสักคน ถือว่าเป็นโชคดีที่ตนใช้นามสกุลฝั่งแม่อยู่นานเลยทำให้สืบค้นหาตัวตนของเค้าไม่ได้ง่ายๆ

คริสตัลดูแข็งกร่าวแต่กลับแฝงไปด้วยความใสซื่อ เค้าดูมีออร่าเปร่งประกายเช่นเดียวกับชื่อของเขา ผิดกับพี่ชายที่ดูสวมหน้ากากใบหน้ายิ้มแต่กลับแผ่รังสีอันตรายออกมาจากตัวอย่างเห็นได้ชัด

รู้ว่าไม่สมควรเอาคริสตัลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่ตัวตนของคริสตัลกลับดึงดูดให้เข้าหาโดยที่เค้าไม่อาจปฎิเสธได้
ทัตถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านในและตรงไปยังบานประตูห้องนอนที่มีคริสตัลนอนอยู่ เค้าไม่รู้ว่าหลังจากนี้คริสตัลจะมีปฏิกิริยายังไง จะยอมอยู่ข้างๆเค้าไหม หรืออาจจะเกลียดเค้าก็เป็นได้

เกลียดงั้นเหรอ?

หึ แค่คิดก็เจ็บชะมัด

นี่เราหลงคริสตัลมากมายถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย

แต่ถ้าไม่หลงก็คงไม่พามา ถ้าไม่รักก็คงไม่โหยหา คงไม่ต้องการที่จะให้อยู่ด้วยกันถึงแม้ว่าจะเป็นคนสำคัญของศัตรูเค้าก็ตาม...แต่คริสก็ได้กลายมาเป็นคนสำคัญของใจเค้าแล้วเช่นกัน...

“คริส”

ทัตเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นคนที่น่าจะหลับอยู่ตื่นขึ้นมานั่งนิ่งมองจ้องไปที่บานกระจกใหญ่หน้าระเบียง คริสค่อยๆหันมามองคนเรียกช้าๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ตื่นแล้วเหรอ? หิวไหม?”

“........”

คนบนเตียงไม่ตอบทัตเลยเดินเข้าไปใกล้ก้มลงเอามือทาบหน้าผากวัดไข้แต่ตัวก็ไม่ได้ร้อนอะไร

“ยังปวดหัวอยู่ไหม? พี่เจอยาของเราแล้วเดี๋ยวไปกินข้าวแล้วค่อยกินยานะ”

“ไม่ต้องมายุ่ง”

ทัตถอนหายใจเมื่อคนตรงหน้าออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงที่แข็งขื่น

“อย่าดื้อสิ เราไม่สบายอยู่นะ”

“งั้นก็ฆ่าให้ตายๆไปสิ จะได้จบเรื่อง”

“พูดอะไรนะคริส อย่าพึ่งมาประชดกันตอนนี้จะได้ไหม”

“หึ”

“ถ้าไม่อยากออกไปเดี๋ยวจะเอาเข้ามาให้ รอแป๊บแล้วกัน”

“...........”

คริสไม่ตอบโต้อะไรแต่หันหน้าหนีไปมองที่ระเบียงดั่งเดิมและนั้นก็ทำให้ทัตถอนหายใจไปอีกเฮือก ความดื้อรั้งหายไปแต่ความดื้อเงียบมาทดแทนอย่างนั้นเหรอ ทัตเดินออกจากห้องไปอุ่นข้าวผัดแฮมพร้อมน้ำส้มอีกแก้วใหญ่ๆ พอกลับเข้ามาในห้องก็นำไปวางไว้ที่โต๊ะนอกระเบียงก่อนจะวกกลับมาเรียกคนบนเตียงให้ออกไปกิน แต่คริสตัลยังคงนิ่ง

“คริส อย่าดื้อ”

“.........”

“คริสตัล”

“.........”

“โอเค จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม?”

คริสตัลเหล่มามองทัตที่เดินตรงเข้ามาหาด้วยความฉงน แต่ไม่นานเค้าก็ต้องเบิกตากว้างอุทานด้วยความตกใจเมื่อโดนอุ้มพาดบ่าแล้วพาออกไปนั่งที่โต๊ะด้านนอกในที่สุด

“Shit!”

“กิน จะได้กินยาแล้วพักผ่อนต่อ”

“ถามจริง ที่จับไอมานี่เพื่ออะไร? ยูต้องการอะไรกันแน่?”

“พี่บอกไปแล้วนี่”

“Stay with you?”

“you can do it?”

“Of course not!”

“........”

“ไอไม่มีวันญาติดีกับคนที่คิดจะฆ่าพี่ชายของไอ!!”

“แต่ทีครอสเกือบฆ่าอีฟ!”

“นั้นมันหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเกือบฆ่าไอ!!!”



TBC....
 :katai4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดีค่ะคริสตัล หลุดปากบอกทัตไปเลย ถ้าหลังจากนี้ทัตยังฟังความข้างเดียวเราจะโกรธละ
ที่อีฟรถคว่ำนี่ก็เป็นแผนของนางด้วยใช่ไหม ทำไมถึงดูเป็นคนเลวร้ายอย่างนี้ จงเกลียดจงชังมาแต่ไหน

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เบื่อจังผู้ชายโง่ๆแบบทัตนี่....  o18

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เอาใจช่วยพระเอก ถ้ายังโง่ ไม่สืบเรื่องราวนะ ก็ปล่อยเมียที่รักไปเต๊อะ
แต่ถึงจะสืบ แต่ทำให้พี่เมียเกลียด ก็งานเข้าอีก

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
พระเอกนี่มันพระเอกจริงๆ รู้ทุกเรื่องของคนอื่นยกเว้นเรื่องชั่วๆของพี่ตัวเอง เพลีย
ขอให้เมียหนี พี่เมียไม่ยอมรับ  :katai3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทัต สืบรื่องคริสตัล ทีครอส
แต่สืบไง ถึงไม่รู้เรื่องที่คริสประสบอุบัติเหตุ
บาดเจ็บจนความจำเสื่อมชั่วคราว
แล้วจะรู้ความเลวของพี่สาวตัวเองมั้ยเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ทัตแกไปหานักสืบคนใหม่ไป สืบอีท่าไหนถึงไม่รู้เรื่องอุบัติเหตุ

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Ps.ntk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ปักหมุด รอค่ะ หื้อกำลังสนุก ลุ้น มากมาย

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เทพทัตตาสว่างซักทีเถอะ ใช้ใจมองบ้างอย่าใช้แต่ตา  :m16:

ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทัตนี่บื้อหรือโง่กันแน่คะ ตาสว่างได้แล้วนะ อยากรู้จัง ถ้าทัตรู้ว่าอีฟเคยจะฆ่าคริส ทัตจะเลือกใคร ยังจะเลือกปกป้องอีฟอยู่ไหม
คริสอย่าใจอ่อนนะ อย่าไปยอมทัตนะ คนโง่ต้องเจอแบบไม้แข็งค่ะ
ลุ้นๆมากเลย รออ่านนะคะ :katai1:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 22



- คริสตัล -

ผมไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร แต่ชั่วพริบตาที่ผมเอ่ยความจริงที่เคยหลุดหายไปจากความทรงจำนั้น ดวงตาสีน้ำตาลดุดูไหวระริกอยู่ชั่วครู่

ผมกดยิ้มที่มุมปากเหมือนจะยิ้มเยาะให้ตัวเองที่หลงผิดคิดเกินเลยจนมาถึงขั้นนี้

ขั้นที่ผมเผลอมีใจให้มันไปแล้ว

หลังจากที่ตื่นมาพร้อมความทรงจำที่ฟื้นคืนผมก็ได้นั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องพี่ชาย เรื่องผู้หญิงคนนั้น และเรื่องของคนตรงหน้าผมในตอนนี้

แค่ผมคิดว่าผมกับมันเหมือนจะอยู่กันคนละฝั่ง ใจผมก็บีบรัดจนอยากจะร้องไห้ซะให้ได้ ผมแพ้ต่อลูกตื้อของมัน ผมแพ้ต่อความเสแสร้งของมัน ผมแพ้มันเข้าให้แล้วจริงๆ

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”

เสียงยังคงเข้มและหนักแน่นเหมือนเมื่อกี้ไม่มีผิด ผมหันหน้าหนีหลบสายตา

“ไม่ไปถามพี่สาวนายดูเองละ?”

“อย่ามาย้อนคริส ตอบพี่มาว่ามันเรื่องอะไรกัน!?!”

“ไอต่างหากที่ต้องถามคำถามนั้น มันเรื่องอะไรที่ต้องมาจงเกลียดจงชังกันถึงขนาดฆ่าแกงกันด้วย ไอผิดอะไร พี่ครอสผิดอะไร พวกเราไปทำอะไรให้ตอนไหนไม่ทราบ!!!”

ฟิลขาดในที่สุด

ทัตกำมือแน่นแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากแววตาที่แข็งกร้าวจ้องมองเขม่งเหมือนจะมีประกายไฟที่ลุกโชตช่วง ผมกัดฟันกลั้นบางอย่างที่ทำให้กระบอกตาร้อนฝผ่าว ทัตสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปในที่สุด ผมทรุดนั่งลงที่เดิมอย่างหมดแรง ไม่ได้หมดแรงกายแต่หมดแรงใจจนอยากจะนอนหลับอยู่เฉยๆ ถ้าผมยังคงลืมเรื่องราวเหล่านั้นอยู่มันคงจะดีกว่าจริงๆสินะ

“พี่ครอส รีบมารับผมสักทีสิ ผมอยากกลับบ้าน”






- เทพทัต -

“สิน! โทรเรียกนักสืบของอาเชนต์ให้มาพบผมด่วน ผมให้เวลาเดินทางภายในสองชั่วโมง”

ผมสั่งการดั่งลั่นในขณะที่เดินมานั่งลงตรงโซฟากลางห้อง ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ผมหงุดหงิดถึงขีดสุเจนต้องคว้าหมอนอิงข้างตัวมาขว้างออกไปแรงๆ

“แม่งเอ๊ย! นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะ!?!”

“มีเรื่องอะไรนะทัต เสียงดังลั่นเชียว”

ผมหันไปมองพี่สาวที่ค่อยๆเดินออกมาจากห้องด้วยความทุลักทุเล ผมเลยรีบลุกไปประคองจนพามานั่งลงที่โซฟาเดี่ยวส่วนตัวเองก็ไปนั่งลงที่เดิม

“จ้องพี่ทำไม? มีอะไรอยากถามเหรอ?”

ผมพ้นลมหายใจ เรื่องอยากถามนะมีแต่มาคิดดูอีกที ถ้าเป็นเรื่องที่พี่อีฟอยากที่จะบอกง่ายๆคงพูดไปนานแล้ว

“ผม…ผิดใจกับคริสนิดหน่อยนะ”

“นี่รักมันจริงๆเหรอ?”

ผมส่งสายตาไม่ชอบใจไปให้คนพูด เกิดความรู้สึกตะหงิดๆที่พี่อีฟเรียกคริสว่ามัน

“นั้นแฟนผมนะ”

“สถานะมันไม่สำคัญเท่าความรู้สึกทางใจหรอกทัต ถึงเป็นแฟนแต่ถ้าไม่รักมันก็ไม่มีความสำคัญกับชีวิต แต่ถ้ารักไปแล้วมันมีผลมากกว่าที่คิดแน่ๆ”

ผมพยักหน้ารับ

“ใช่ มีผลมากจริงๆนั้นแหละ”

“สรุปคือรัก”

“ใช่”

“ทัต พี่ว่าอย่าไปจริงจังกับคนนั้นจะดีกว่า รีบถอยออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

“พี่หมายความว่ายังไง?”

“คนๆนั้นก็ร้ายไม่แพ้พี่ชายมันเหรอ ตอนแรกพี่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายเหมือนกัน แต่เราก็เห็นนี่ว่าตอนที่พี่เผลอแล้วมันจะมาทำอะไรพี่”

ผมนิ่งเงียบ จริงๆที่ผมเห็นคริสก็ไม่ได้ดูร้ายกาจนะ แต่ที่ผมโกรธคือผมเห็นพี่อีฟล้มแล้วคริสไม่ทีท่าทีจะหยุดหรือช่วย

“อย่าลืมสิว่าพี่ชายมันทำอะไรกับพี่บ้าง แล้วเราคิดเหรอว่าพี่ชายมันจะยอมให้น้องชายเค้ามารักกับเรา แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากจะตายกันไปข้าง…”

ผมขมวดคิ้วกับคำว่าตายที่พี่อีฟพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ เหมือนจะเค้นพูดด้วยอาการอาฆาตมากกว่าพูดเพื่อให้ผมคิด

“คุณทัตครับ”

สินเป็นคนเข้ามาแทรกและกำลังจะรายงานแต่ผมยกมือห้ามไว้ก่อน

“พี่เข้าห้องไปพักเถอะ ผมจะทำงานต่อ”

พี่อีฟยอมพยักหน้ารับ ผมเลยประคองกลับไปยังห้องออกมาจึงได้ฟังรายงานของสินจนโอเค นักสืบของอาเชนต์อยู่ละแวกนี้พอดีเลยทำให้มาหาได้ไวกว่าที่ผมคิดแต่สิ่งที่ได้รู้เพิ่มคือทีครอสกำลังไล่ล่าหาตัวผมและน้องชายแล้ว

“คุมสถานการณ์ไว้ก่อน อย่าให้มันรู้เส้นทางของเราจนกว่าจะพรุ่งนี้เช้า”

ในระหว่างที่ผมยังไม่แน่ชัดแก่ใจผมก็ไม่อยากจะทำอะไรที่วู่วาม

คริสที่ผมรู้จักเป็นคนตรงๆที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมผิดกับทีครอส เพราะฉะนั้นคริสไม่น่าจะโกหกในเรื่องที่พูด ส่วนอีฟ อีฟเป็นพี่สาวต่างแม่แต่มีพ่อคนเดียวกันกับผม ถึงอย่างนั้นอีฟก็ดีกับผมเสมอถึงแม้ผมจะไม่ค่อยอยู่ไทยกับเธอเลยก็ตาม

“นักสืบมาถึงแล้วครับ”

สินรายงานหลังจากที่รับสายที่โทรเข้ามาเมื่อครู่

“ให้คนพาขึ้นมา”

“ครับ”

ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีหน้าประตูห้องก็ถูกเคาะ สินเป็นคนเดินไปเปิดและผู้ที่มาเยือนก็คือบ๊อป นักสืบที่ทำงานให้อาเชนต์มาตั้งแต่ผมช่วงแรกที่เกิดเรื่อง

“สวัสดีครับคุณทัต”

ผมยิ้มรับผูกมิตรทั้งที่ใจกระวนกระวายจนแทบจะอยู่ไม่สุข

“สวัสดีครับ”

“เรียกตัวผมด่วนขนาดนี้ มีงานใหญ่ให้ผมรับใช้เหรอครับ?”

บ๊อปถามน้ำเสียงขี้เล่นตามประสาก่อนจะนั่งลงหยิบแอปเปิลจากในกระเป๋าเสื้อตัสใหญ่ขึ้นมากัด คงฉกมาจากเคาเตอร์ครัวที่เดินผ่านมาเมื่อกี้ละสิ

“ผมอยากได้รายงานทั้งหมดที่เกี่ยวกับตระกูลเฟรงเบิร์ค”

“หืม คุณก็ได้ไปตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ผมหมายถึงทั้งหมด”

ผมเน้นคำว่าทั้งหมดจนริมฝีปากหนาที่กำลังกัดผลแอปเปิลหยุดชะงัก ดวงตาสีดำสนิทภายใต้คิ้วที่ดกหนาเหลียวมามองสบตาผมอย่างจริงจัง

“คุณได้ไปหมดแล้ว”

ผมเหยียดยิ้ม

“ผมให้โอกาสคุณคิดใหม่อีกรอบ”

“ผมให้ไปหมดแล้วจริงๆ ถ้าจะเอาอะไรเพิ่มเติมคุณคงต้องไปหาเอาเอง แล้วถ้าเรียกผมมาด้วยเรื่องแค่นี้ผมก็ขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ”

“อาเชนต์จ้างคุณเท่าไหร่?”

ชายตรงหน้าที่ตั้งท่าจะลุกหนีหยุดชะงักในทันที หึ ความโลภคือปัจจัยหลักที่ทำให้อะไรต่อมิอะไรง่ายขึ้นเยอะ

“นักสืบอย่างคุณคงมีงบในการประกอบอาชีพไม่มากนัก การที่อยู่กับอาผมได้นานขนาดนี้แสดงว่างานต้องดีและค่าตอบแทนนั้นคู่ควร ผมพูดถูกไหม?”

“หึ ฉลาดพูดดีนี่”

“ผมจะให้อีกเท่าตัวถ้าผมได้ข้อมูลที่ผมต้องการ…ทั้งหมด…”

“……”

“ว่ายังไงละคุณนักสืบ?”

“คุณอยากจะรู้ไปทำไมนักหนา เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นปีๆแล้วนะ”

“เพื่อความแน่แก่ใจและหลักฐานสำหรับการเปิดเผยความเป็นจริง”

“ถ้าเป็นพวกเอกสารหลักฐานผมเอามาให้เดี๋ยวนี้ไม่ได้เพราะมันอยู่ในเซฟที่กรุงเทพฯ แต่ถ้าจะให้พูดปากเปล่าก็พอได้บ้าง”

“บอกมาก่อนก็ได้ กลับไปค่อยส่งมาให้ผมที่ออฟฟิศ และเรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับห้ามให้ใครรู้แม้แต่อาเชนต์ก็ห้ามรู้เด็ดขาด”

“นี่คุณจะหักหลังพรรคพวกของตัวเองรึไง?”

บ๊อปพูดขำๆแต่มันไม่ทำให้ผมตลกไปด้วยเลยสักนิด

“โอเคๆ งั้นเริ่มเลยแล้วกัน…”

“เดี๋ยว…สิน บันทึกเสียงให้ผมที”

“ครับ”

บ๊อปไหวไหล่ไม่สนใจรอจนสินส่งสัญญาณว่าพร้อมจึงได้เอ่ยต่อด้วยท่าทีสบายๆ

“เรื่องที่คุณคเชนต์ให้ปิดคุณคือเรื่องอุบัติเหตุของน้องชายทีครอส เฟรงเบิร์คที่ชื่อคริสตัล เฟรงเบิร์ค จะเรียกว่าอุบัติเหตุก็คงไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะนั้นคือแผนการณ์ของพี่สาวคุณ คุณชาลิตาให้ลูกน้องคุณคเชนต์ตามรถคริสตัลและพยายามลอบฆ่าโดยทำให้มันเหมือนอุบัติเหตุให้มากที่สุด จริงๆเรื่องมันค่อยข้างคึกโครมแหละนะแต่ทางฝ่ายคุณคเชนต์ก็เส้นใหญ่พอตัวเลยพอถูไถปิดข่าวได้มากพอสมควร จบที่เป็นอุบัติเหตุธรรมดาเพราะผลตรวจร่างกายคริสตัลก็มีฤทธิ์แอลกอฮอร์อยู่ด้วย โชคชะตาเข้าข้างดีไหมละ?”

ผมนิ่งค้างกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงแม้ผมจะไม่แสดงออกทางสีหน้าหรือท่าทางใดๆแต่ผมรู้สึกถึงอาการเย็นวาบไปทั้งตัวได้เป็นอย่างดี

“ทำไมพี่อีฟถึงต้องทำแบบนั้น?”

“ก็อย่างที่ให้ในรายงาน ผู้หญิงตัวเล็กๆโดนไปขนาดนั้นจะโกรธจะเกลียดมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“ก็แล้วทำไมไม่ไปทำกับเจ้าตัวละวะ! ไปทำกับน้องมันทำไม!?!”

“เฮ้ๆ อย่าใส่อารมณ์สิ คำถามพวกนั้นคุณควรไปถามพี่สาวคุณนะไม่ใช่ผม”

“นั้นมันก่อนหรือหลังที่พี่อีฟประสบอุบัติเหตุ?”

“หึ นั้นก็ไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกคุณ”

“ว่าไงนะ!?!”

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมจะพูดให้หมดเลยแล้วกัน แต่อย่างหลังนี่ผผมรู้เองไม่ได้มีใครให้สืบหรอกนะ คุณก็รู้ว่าผมทำงานให้คุณคเชนต์มาโดยตลอดเพราะงั้นเรื่องเล็กๆน้อยๆผมย่อมรู้ได้ไม่ยาก”

“อย่าพล่ามให้มันมาก มีอะไรก็พูดมา”

“เรื่องอุบัติเหตุนั้นคือข่าวลวง ทุกอย่างมันไม่เป็นจริงแม้กระทั่งอาการป่วย คุณชาลิตาปกติดีทุกอย่าง แต่ที่ทำไปแบบนั้นผมเดาว่าเพื่อสร้างเรื่องให้คุณโกรธแค้นแล้วไปแก้แค้นแทน ส่วนตัวเองก็ชักใยอยู่เบื้องหลังอะไรประมาณนั้น”

ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“เอาละ สองเรื่องลับขั้นสุดยอดนี้มันควรจะตีค่าได้มากขนาดไหนกันนะ คุณเทพทัต”

ไม่มีความลับสำหรับเงินตราจริงๆ ผมเหลือบมองสินไปแป๊บสินก็รู้ว่าผมต้องการอะไร เขาหายเข้าไปในห้องนอนใหญ่ไม่นานก็ออกมาพร้อมสมุดเช็คเงินสด ผมเขียนจำนวนเงินที่คิดว่าคู่ควรลงไปก่อนจะเซ็นและส่งมันให้บ๊อปไป บ๊อปเห็นแล้วหัวเราะร่วนก่อนจะขอตัวกลับ ผมไม่ลืมที่จะกำชับให้เค้าส่งเอกสารไปที่ออฟฟิศผมทันทีที่กลับเข้ากรุงเทพฯก่อนที่จะให้สินไปส่งที่ด้านนอก

เมื่อที่ตรงนี้เหลือเพียงผมคนเดียวผมเลยทิ้งตัวลงพิงเบาะเงยหน้ามองเพดานยกมือขึ้นปิดเปลือกตาแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลซึมออกมาอย่างช้าๆ

ให้ตายสิ

ทั้งหมดที่ผมทำลงไป…มันเพื่ออะไรกัน…

ทุกสิ่งที่ทำและทุกความรู้สึกที่ผมคิดว่ามันคือความจริงแต่วินาทีนี้มันกลับเป็นดั่งสายลมที่พัดผ่านไปอย่างง่ายดาย

เพราะอะไรกัน!?!

แกร๊ก!

เสียงเปิดประตูทำให้ผมรู้สึกตัวและหันไปมอง เป็นพี่สาวผมที่เดินออกมาด้วยใบหน้าที่เฉยชา มันเฉยชาจนผมรู้สึกแปลกใจ

“เมื่อกี้…ใครมาเหรอทัต?”

“แค่คนรู้จักนะ”

ผมเลือกที่จะไม่บอกตามจริง

“พี่รู้จักด้วยรึเปล่า?”

“ไม่น่าจะรู้นะ”

พี่อีฟนิ่งไปนิดก่อนจะเหยียดยิ้ม

“งั้นทำไมมันถึงรู้เรื่องที่ไม่สมควรรู้มากขนาดนั้นละทัต”

พูดจบมือเรียวก็โผล่ออกมาจากทางด้านหลังพร้อมกับกระบอกปืนสีดำขลำ ผมลุกขึ้นยืนในทันที

“ทำอะไรนะพี่?”

ผมถามด้วยความงุนงง ปลายกระบอกปืนนั้นจ่อมาทางผมอย่างแน่วแน่พร้อมสายตาที่พุ่งตรงอย่างโกรธเคือง

“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ในเมื่อแกคิดจะหักหลังกันตั้งแต่ต้น!”

“พูดอะไรนะอีฟ ผมไม่ได้…”

“แกรักมัน”

“……”

“แกฟังมันจนต้องไปถามไอ้ปากสว่างนั้น”

“ใจเย็นๆก่อนอีฟ”

“แกก็เย็นได้นี่ในเมื่อคนที่สูญเสียมันไม่ใช่แก!”

“หมายความว่ายังไง?”

“แกเป็นต้นเหตุให้แม่ฉันต้องตาย!!”

ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม ที่ผมรู้คือแม่ของพี่อีฟป่วยและเสียชีวิตไปในที่สุด แม่ของผมเลยได้แต่งกับพ่อในปีต่อมา จะว่าเร็วก็เร็วสำหรับการที่เมียพึ่งตายไปเพียงปีเดียวแล้วมาแต่งงานใหม่กับอีกคนแต่สำหรับคนรักกันผมว่ามันก็ปกตินะ

“พี่อีฟ เก็บปืนแล้วมาคุยกันดีๆดีกว่า”

“ไม่! แกจะเกิดมาทำไม ถ้าแกไม่มาเกิดพ่อก็ไม่ต้องแต่งงานใหม่และประเคนทุกอย่างให้แกหมดแบบนี้!!”

“วางปืนเถอะครับคุณอีฟ”

สินที่เข้ามาตามหลังพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนเอ่ยพร้อมกับถือปืนจ่อไปทางอีฟ แต่เธอไม่มีท่าทีจะเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น

“พวกแกกล้ายิงฉันเหรอ? ฉันเป็นนายพวกแกนะ!!”

“นายพวกผมชื่อเทพทัตครับ”

“หึ หึหึ น่าขำชะมัด ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด ไม่ว่าไอ้บ้าหน้าไหนก็หักหลังฉันหมด ทำไมห่ะ!?! ทำไม!!?!!”

“เพราะเธอบ้าอยู่แบบนี้ไงอีฟ”

!!!

เสียงใครบางคนตอบกลับมาท่ามกลางความตึงเครียดจนทำให้ทุกคนหันไปมองจนเห็นคริสตัลยืนกอดอกมองจ้องไปที่อีฟโดยไม่คิดจะเหลียวมองผู้คนรอบข้างเลย ไม่แม้แต่จะมองผมด้วยซ้ำ

“คริส ออกมาทำไม!?!”

ผมเอ็ดและเดินเข้าไปหากะดึงคริสให้มาหลบอยู่ด้านหลังแต่คริสกลับสะบัดมือผมทิ้งก่อนจะเดินตรงไปทางพี่สาวผมอย่างไม่หวั่นเกรง

บทจะกล้าก็กล้าเกินไปไหมที่รัก

อีฟเองพอเห็นคริสเดินเข้าไปหาก็ยิ้มต้อนรับในทันที ดวงตาประกายวาวโรจน์แต่สักพักน้ำตาใสๆกลับไหลรินลงอาบแก้ม

“เหมือนมาก”

“……”

“เหมือนทีครอสอย่างกับหน้ากากตัวเดียวกัน”

“ก็พี่น้องกันนี่”

“ใช่ พี่น้อง พี่น้องที่มักขัดขวางความรักของฉัน แกมันคนใจร้ายไม่แพ้กับพี่ชายของแกหรอก รู้ว่าฉันหลอกยังมาทำให้รัก พอฉันรักกลับทำเป็นไม่ใยดี ทั้งๆที่รักแต่ก็เกลียด ยิ่งรักมากก็ยิ่งเกลียดมากจนอยากจะฆ่าให้ตาย”

“แต่ก็ฆ่าไม่ได้”

“หึ ใช่ ใครจะไปฆ่าทีครอส เฟรงเบิร์คได้ละ แต่ก็นะ พอฉันรู้ว่าจุดอ่อนของทีครอสคืออะไรเท่านั้นแหละ…”

“ก็เลยเล็งมาที่ไอ?”

“ฉลาดขึ้นมาอีกนิดแล้วสินะ หึหึ”

“คุณมันบ้าจริงๆให้ตายสิ”

“แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน!?!”

อีฟตะคอกลั่นพร้อมตั้งมือเตรียมเหนี่ยวไกรเต็มที่จนกระทั่ง...



ปัง!!!


!!!!


พลั๊ก




ตุ๊บ



เสียงปืนที่ดังสนั่นด้วยโทษะของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวได้ปะทุขึ้นเพียงชั่วครู่แต่ผลที่ตามมามันกลับทำให้ผู้ที่เหนี่ยวไกลถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้น น้ำตาที่ไหลรินนั้นไม่อาจทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้นเลย ผมกัดฟันกรอดก่อนจะก้มดูบาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาจากช่องท้อง ความเจ็บแปร๊บแผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างกับไฟลามทุ่ง คริสที่โดนผลักจนล้มไปอยู่ด้านข้างถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยเลือดนั้น

“ทัต!”

คริสรีบรุดไปประคองร่างใหญ่ในขณะที่สินและลูกน้องคนอื่นต่างกรูกันเข้าไปจับกุมอีฟที่ดูเหมือนจะขาดสติไปโดยสมบูรณ์ 

“คุณนะ มาช่วยผมพยุงเจ้านายคุณไปโรงพยาบาลเร็ว!”

คริสหันไปเรียกสิน ผมได้แต่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นถึงความห่วงใจจากคนที่รัก ผมอยากจะบอกว่าตัวเองไหวแค่เลือดไหลมากไปแต่ก็ยังไม่ทำให้ผมตายได้ ทว่าเมื่อเห็นอาการห่วงของคริสแล้ว...มันกลับทำได้แค่เพียงยิ้มรับด้วยใจที่พองฟู
คริสมีอิทธิพลกับเค้ามากเกินกว่าที่เค้าจะรู้ตัวเองซะอีก

“ทัต! ห้ามหลับนะ”

“ไม่หลับ”

“แต่ยูหลับตา ลืมตาขึ้นมาสิ ไอบอกให้ลืมตา!”

“แค่พักสายตาเอง เหนื่อยจังวะคริส”

คริสไม่ตอบแต่แขนที่โอบผมอยู่นั้นแน่นขึ้นจนผมรู้สึกได้ ตอนนี้เราอยู่บนรถแล้ว สินเป็นคนขับและมีผมกับคริสนั่งอยู่เบาะหลัง ผมถือวิสาสะเอียงตัวไปซบไหลคนข้างๆฝืนความเจ็บแต่ได้ความฟินในอารมณ์

“อย่าหลับนะ”

“อืม”

“ไม่รับก็พูดอะไรสักอย่างสิ เงียบแบบนี้เดี๋ยวก็เผลอหลับ เดี๋ยวก็....”

ผมรู้ว่าคริสจะพูดอะไร แต่เสียงสะอื้นเบาๆจากในลำคอของคนด้านข้างนั้นมันทำให้ผมต้องลืมตาและหันไปมอง

“ไม่ร้องไห้ดิ”

“ก็มัน...”

“พี่ไม่เป็นไร ใช่ว่าจะไม่เคยถูกยิงสักหน่อย นี่เราก็เอาผ้ามาห้ามเลือดให้พี่แล้วไง”

“แต่มันก็ยัง...”

“ห่วงพี่เหรอ?”

คริสเม้มปากจนเป็นเส้นตรง

“ห่วงพี่ไหมครับ?”

“ห่วง...”

ผมยิ้ม

“ถึงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้แต่ก็ไม่อยากให้ตายไปทั้งอย่างนี้หรอกนะ”

ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“อะไรนะ?”

“เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ทัต เราไม่น่ามาเจอกันซะด้วยซ้ำ”

“ทำไมจะไม่ได้?”

คริสยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรสินก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งซะก่อน บุรุษพยาบาลเข้ามาช่วยพยุงตัวผมไปนอนที่เปและลากเข้าไปที่ด้านในโดยที่ปราศจากคนที่เคยอยู่เคียงข้างอย่างคริส หากกลายเป็นสินที่เดินตามมาห่างๆ

เหมือนวันเวลาค่อยๆเลือนลาง

เหมือนทุกสิ่งอย่างกำลังจะหายไป


TBC....
 :katai5:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
สมน้ำหน้าในความโง่ของพระเอกมากๆ

อยากให้ทัตเจ็บปวดมากกว่านี้ตอนรู้ความจริง

เอาละเรื่องมันผ่านไปแล้ว

ต่อไปก็ปรับความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายนะ

ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามง้อยาวแน่เลยทัต เป็นไงล่ะ โทษฐานของความโง่ ตายๆๆ จะเอายังไงกับอีฟล่ะเนี่ย คริสจะให้อภัยทัตไหม ทีครอสจะรับทัตเป็นน้องเขยป่ะ งานยากมาแล้วนะทัต คราวนี้จะทำอะไรอย่าโง่อีกนะ :angry2:
รออ่านเหมือนเดิมน้าาา  :katai4:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ทัตนี่ไม่น่ามีตำแหน่งใหญ่โตจริงๆอะ โง่เกิ๊น

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เลือด เครื่องเส่นสังเวยให้กับคำว่าพระเอกหนังไทย สมน้ำหน้า!!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อีฟ นี่ดีกับใครจริงๆบ้าง
แม้แต่น้องชายก็เคียดแค้น
ไม่มองตัวเอง อย่างท่เขาว่ากัน
โทษคนอื่นเหมือนภูผา โทษตัวเองเหมือนเส้นผม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ก็ยังดีที่ฉุกใจในวินาทีสุดท้ายละนะ รอดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 23



- ทีครอส -


“เรียบร้อยครับ”

ผมยกยิ้มเมื่อคนมาใหม่เข้ามานั่งในรถและเอ่ยถึงข่าวดีที่ผมให้เค้าขึ้นไปจัดการ จะบอกว่าจัดการก็คงไม่ถูกซะทีเดียวเพราะมันเป็นเพียงการไปบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อป่วนแผนการณ์ของผู้หญิงคนนั้น อีฟร้ายกว่าที่ผมคิดแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะน่ากลัวอะไรมากมาย

ผมยื่นเช็คเงินสดสำหรับการตลบหลังอย่างลับๆนี้ไปให้กับเจ้าตัวด้วยมูลค่าที่สูงเอาการ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ผมปล่อยให้ลูกน้องอีกคนไปส่งนักสืบของอีกฝ่ายเมื่อเสร็จธุระ ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่ในรถคอยมองจ้องไปที่คอนโดริมทะเลอันเป็นที่หลบซ่อนของพวกมัน

คิดเหรอว่าคนอย่างทีครอสจะจนตรอกง่ายๆ

ผมนั่งอยู่สักพักก็เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง พวกลูกน้องที่เฝ้าต้นทางต่างกรูกันเข้าไปยังด้านในจนผมชัดสังหรณ์ใจไม่ดี ที่ผมห่วงคือคริสตัลเพียงคนเดียว แต่ที่ยังไม่บุกเข้าไปคืออยากจะรอสบโอกาสเหมาะหรือไม่ก็ของให้พระอาทิตย์ตกดินซะก่อน

“เกิดอะไรขึ้น?”

ผมเอ่ยเปรยเสียงแผ่วพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน ไคที่นั่งอยู่เบาะหน้าเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายหาใครบางคน ผมได้ยินว่าเค้าถามในคำถามเดียวกับที่ผมถามไม่นานไคก็วางสายแล้วหันมารายงาน

“ผู้หญิงคนนั้นคลุ้มคลั่งเอาปืนมาจ่อยิงผู้คนรอบข้างนะครับ”

“แล้วคริสละ?”

“อยู่ที่นั้นด้วยเช่นกันครับ”

“ในวิถี่กระสุนนะเหรอ?”

“น่าจะครับ”

“ให้ตายสิวะ! บอกคนของเราให้เข้าไปคุ้มกันด้วย”

แน่นอนว่าผมมีคนของผมแทรกซึมอยู่ที่นั้นเป็นที่เรียบร้อย ไคพยักหน้ารับแล้วโทรไปสั่งการอีกที ตอนนี้ผมแทบจะอยู่ไม่สุข ผมคิดว่าพอมันรู้ความจริงมันจะไปจัดการกับพี่สาวของมันไม่ใช่ปล่อยให้พี่มันมาอาละวาดแบบนี้ แต่ความกังวลของผมก็เพิ่มพูนเมื่อมีเสียงปืนก็ดังแทรกขึ้นมา มันไม่ได้ดังมากแต่พอจะฟังออกว่าเป็นเสียงการยิงปืนแน่นอน

“ไค”

“คุณคริสปลอดภัยครับ ผมถือสายค้างไว้อยู่”

ผมถอนหายใจอย่างโคตรจะโล่งอก สักพักผมก็เห็นคนของมันลงมาขับรถไปจอดที่หน้าทางเข้าไม่นานคริสตัลก็พยุงมันลงมาพร้อมรอยเลือด รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ดูจากรูปการณืแล้วคงกำลังพากันไปโรงพยาบาลและการที่ลงมาแค่สองคนแสดงว่าตัวการอย่างอีฟต้องยังอยู่ที่ด้านบนสินะ

“ให้อั๊นไปรับคริสที่โรงพยาบาล”

“ครับ”

ไครับคำแล้วหันยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการซ้ำอีกรอบ ไม่นานรถหรูสีดำอีกคันก็ขับตามรถของฝ่ายนั้นไปในที่สุด

“ส่วนเราก็ไปกันเถอะ”

“ครับ”

ผมไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะไคมักจะเดาทางความคิดของผมได้อยู่แล้ว เราลงจากรถเดินข้างพากไปยังคอนโดนั้นได้โดยง่ายปราศจากคนคุมเชิงอย่างเช่นทุกครั้ง การหละหลวมนี้คือสิ่งที่เป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ผมรู้ที่อยุ่และเลขห้องจากคนที่แทรกซึมอยู่ก่อนหน้าเป็นที่เรียบร้อย และตอนนี้ลิฟท์ก็กำลังเพิ่มเลขชั้นไปยังเป้าหมายด้วยคีย์การ์ดที่ผมมีอยู่ในมือ อำนาจเงินบันดาลได้ทุกสิ่งที่เราต้องการและอำนาจในมือก๋ทำให้เรายืนคระหง่านได้อย่างผู้มีชัย

กริ๊ง

“กรี๊ดดดดดดด”

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปได้เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็แผดเสียงร้องดังลั่นจนผมแทบเอามือปิดหูแทบไม่ทัน บรรดาชายฉกรรจ์ที่เป็นลูกน้องมันหันควับมามองผู้มาเยือนแบบไม่บอกกล่าวอย่างพวกผมในทันที

“มาได้ไงวะ!”

“ขับรถมาดิ ถามควายๆ”

สี่ในหกหันมาทางพวกผมปล่อยให้สองคนที่เหลือจับอีฟที่ยังคงมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่เช่นเดิม ผมยืนนิ่งปล่อยให้ลูกน้องทางด้านหลังเข้ามาประจันหน้าแทน พวกผมเยอะกว่าเห็นๆ แถมพวกมันยังไม่มีลูกพี่คุ้มกะลาหัวอีกด้วย

“เอาไงละทีนี้ จะเปิดศึกสักยกสองยกให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวกันหรอกจะให้ฉันเข้าไปจัดการกับผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว”

ผมเอ่ยเสียงเย็น ฝ่ายตรงข้ามเริ่มหันมองหน้ากันไปมาจนผมกดยิ้ม แต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นมาเมื่อผมสัมผัสได้ถึงปากกระบอกปืนที่จ่ออยู่ที่ด้านหลังของศรีษะ ไคที่อยู่ด้านข้างรีบควาปืนเล็งไปที่บุคคลมาใหม่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อได้รับคำขู่จากบุคคลๆนั้น

“กล้ายิงฉันก็กล้าเหนี่ยวไกรเหมือนกัน”

คนๆนี้คือคเชนต์ ผมจำเสียงของเค้าได้ดี

“ไม่ได้เจอกันนานนะ ทีครอส เฟรงเบิร์ค”

“คงจะตั้งแต่ที่คุณลงจากตำแหน่งผู้บริหารมาให้ทายาทตัวจริงขึ้นแทนละมั่งครับ”

ได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะหึในลำคอแผ่วมาเบาๆก่อนที่ผมจะสะบัดตัวกวาดแขนไปปัดปืนที่จ่อหัวตัวเองด้วยความไวจนไคเข้ามาประชิดร่างของชายวัยกลางคนไว้ได้ ผมเดินไปหยิบปืนที่โดนปัดจนตกพื้นขึ้นมาถือพร้อมเหยียดยิ้มร้ายไปทางเจ้าตัวที่กัดฟันกรอดอยู่ในเงื้อมมือของลูกน้องผม

“ถ้าจะเล่นปืนมันต้องกล้าที่จะเล่นจริงๆไม่ใช่มีไว้ขู่เฉยๆนะคุณคเชนต์”

หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเหลียวมามองทันทีที่ได้ยินชื่อของชายวัยกลางคนและเธอก็เห็นแล้วว่าในห้องนี้มีใครอยู่บ้าง ใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดเมื่อครู่ได้เปลี่ยนเป็นปิติแต่น้ำตายังไหลพลากอยู่เช่นเดิม

“ครอส”

“คุณหมดสิทธิ์เรียกผมด้วยชื่อนั้นตั้งแต่ปีก่อนแล้วนะอีฟ”

เธอเบ้ปากเตรียมร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกรอบ

“ฉันขอโทษ”

“ง่ายไปไหม?”

มันง่ายไปสำหรับความหายนะทุกอย่างที่เธอและคนๆนี้เริ่มทำมัน อีฟรักผมแต่ก็แสวงหาอำนาจมากพอๆกับคเชนต์ที่กระหายมันไม่น้อยไปกว่ากัน ผมซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลอันดับต้นๆจึงเป็นที่เพ้งเล็งได้ไม่ยากแถมยังมีข่าววงในเรื่องการเป็นเสือผู้หญิงอีก(อย่าไปบอกคริสนะครับ) คุณเธอจึงใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล้อโดยที่ยังไม่แน่นด้านการตลบหลังคน โลกของผมมันซับซ้อนใช่ไหมละครับ เพราะงั้นผมเลยไม่อยากให้น้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่ แต่ก็นะ...มันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้

“คุณคิดว่าผมใจดีได้แค่ไหน?”

ไม่มีใครตอบ ผมเลยยกมือข้างที่ว่างทำสัญญาณให้ลูกน้องแต่ละคนจัดการรวบพวกลิ้วล้อฝ่ายนั้นให้สิ้นฤทธิ์ที่จะต่อกรในชั่วพริบตา อีฟที่ได้รับอิสระอีกครั้งเพราะคนที่จับเธอไว้ก็โดนรวบตัวไปรวมกับคนอื่นๆได้แต่นั่งแหมะมองด้วยความหวาดหวั่นอยู่ที่พื้น ผมกดยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ

“แกจะทำอะไร!?!”

เป็นคเชนต์ที่ตะโกนถามอย่างเดือดดาล ผมชะงักเท้าแล้วหันไปมองพลางเหยียดยิ้มที่คิดว่าคงดูร้ายกาจในสายตาพวกเค้าไม่น้อย คเชนต์กัดฟันจนเส้นเลือดปูดนูนอย่างเห็นได้ชัด ผมกลัวจริงๆว่าเค้าจะเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายไปก่อนไหม แต่คงไม่ นรกคงยังไม่ต้องการตัวไวขนาดนั้นมั่ง

“อีฟ”

ผมหันไปเรียกเธออีกรอบ อีฟเองก็เงยหน้าขึ้นมามองแต่ตัวยังคงสั่นระริก ดวงตาไหววูบด้วยความหวาดกลัวเหมือนหนูที่กำลังโดนยาทดลองในห้องแลป

“กลัวเหรอ?”

เธอพยักหน้า

“ทีตอนเธอทำกับคนอื่นไม่คิดว่าเค้าจะกลัวแบบนี้บ้างเหรอ?”

เธอเบ้ปากพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอีกครั้ง

“ไม่เอา ไม่ทำ ไม่ได้ทำอะไรนะ”

ผมเชื่อแล้วว่าเธอสิ้นสติไปโดยสมบูรณ์จริงๆ ใจหนึ่งก็คิดสงสารแต่ความเกลียดชังมันมีมากกว่า

“เธอต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเธอเอง”

ผมพูดพร้อมชูปืนในมือขึ้นมาแสร้งยิ้มเหี้ยมแกล้งขู่ไปอีกชั้นจนอีฟถึงกับถกถอยหนังพลางส่ายหัวเป็นพัลวันทั้งน้ำตา

“ไม่เอา ไม่เอานะ ไม่อยากตาย ไม่เอา”

“ร้องขอไปก็ใช่ว่าจะรอด”

“ไม่นะ ไม่ๆๆ ไม่เอา ไม่! กรี๊ดดดดดดด!!”

แล้วเธอก็แหกปากลั่นจนผมต้องขยับถอยหลังเพราะกลัวแก้วหูทะลุไม่ได้

“อีฟ! สงบสติอารมณ์ไว้ ปล่อยกูสิวะ!!”

เหมือนคเชนต์จะไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายเลยสักนิด เค้ายังคงดิ้นพล่านหวังจะเข้าไปหาหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวจนผมพยักหน้าให้ไคปล่อยตัวเค้าในที่สุด เมื่อได้รับการปล่อยตัวคเชนต์จึงรีบเข้าไปหาอีฟที่ยังคงยกมือขยี้หัวตัวเองพร้อมกับกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ผมถอยหลังไปมองภาพคนทั้งคู่โดยที่มีไคยืนขนาบข้างอยู่เช่นเดิม คเชนต์ส่งสายตาอาฆาตมาทางผมทั้งที่ยังคงกอดปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมแขน

“ผมจะอนุโลมไม่ให้คุณอยู่ในฐานะบุคคลล้มละลายแต่ก็ไม่ได้ใจดีพอที่จะให้กลับมายืนอยู่ในวงการนี้ได้อีก ส่วนผู้หญิงคนนั้น...แค่นี้คงหนักหนาเกินพอแล้วละมั่ง”

พูดจบผมก็เดินออกมาในทันที ไคตามหลังมาพร้อมยกโทรศัพท์จัดการธุระตามที่ผมเอ่ยส่วนลูกน้องคนอื่นๆก็ทยอยกันมาแต่ไม่ได้ปล่อยพวกลิ้วล่อฝ่ายนั้นที่โดนจับมัดอยู่หรอกนะ ผมเดินมาจนถึงรถและพอเปิดประตูเข้าไปก็เจอคริสตัลกำลังนั่งเหม่อมองออกไปยังอีกด้านอยู่ที่เบาะข้างๆ ผมเข้าไปนั่งข้างๆน้องพลางจับมือน้องมากุมไว้เบาๆปล่อยให้ไคขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านของเราอย่างเงียบๆ ผมยังไม่อยากเอ่ยถามอะไรน้องชายตอนนี้ คริสตัลที่รักอิสระมักไม่ชอบให้ใครวุ่นวายเรื่องที่ตนยังตัดสินใจไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าพร้อมเมื่อไหร่คือจะโพล่งออกมาหมดไม่มีหมกเม็ด ฟังดูเหมือนนิสัยเด็กน้องเอาแต่ใจคนหนึ่งใช่ไหมละ นั้นแหละครับน้องชายของผม น้องคนที่ผมรักไม่แพ้พ่อกับแม่เลยทีเดียว

“พี่ครอส”

คริสเอ่ยปากเมื่อเราเข้าสู่เขตกรุงเทพฯมาได้สักพัก

“หืม?”

“ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอะ”

“หมายถึงที่ไหน? บ้าน?”

“ผมไม่อยากอยู่ไทย ผมไปอยู่กับพ่อได้ไหม?”

ผมถอนหายใจแล้วเพิ่มแรงบีบมือน้องไปมาคล้ายการนวด

“แล้วเรื่องเรียนละ ไหนจะเพื่อนๆอีก พี่รู้ว่าเราไม่อยากเจอมันแต่เราหนีไม่ได้ตลอดหรอกนะคริส เราต้องเข้มแข็งแล้วสู้กับมันสิ”

“ผม....”

“เอางี้ พี่จะให้ไปอยู่ก่อนก็ได้ แต่เป็นช่วงปิดเทอมเท่านั้นนะ ขืนปล่อยเราไปอยู่กับพ่อแล้วพี่จะแกล้งใครละ จะมีใครมาคอยกวนคอยป่วนเวลาพี่เครียดๆ ไหนจะแม่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวอีก”

“แม่บ้านก็มีเหอะ”

ผมยิ้ม คริสเองก็รู้ว่าแม่รอคอยการกลับบ้านของเจ้าตัวในทุกๆวัน ถึงปากจะพูดไปงั้นแต่ใจจริงแล้วคริสอ่อนโยนมากนะครับ

“แม่บ้านจะมาเหมือนลูกในใส้ได้ยังไงละ”

“รู้แล้วน่า”

“กลับไปนี่ก็พักผ่อนซะ แล้วเรื่องที่หายตัวมาสองสามวันนี้เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์กับทางมหาลัยให้”

“ขอบคุณ”

“ไม่ต้องคิดมาก นอนซะ”

ผมตอบกลับก่อนจะเอื้อมมือไปดึงน้องชายเข้ามาซบอยู่ที่ลาดไหล่ ขยี้เส้นผมอ่อนนุ่มสีอ่อนนั้นเบาๆก่อนจะทอดมองไปยังด้านนอกที่เริ่มมีแสงไฟในยามราตรีของเมืองหลวงสว่างไสวจนสุดลูกหูลูกตา







- คริสตัล -

วันรุ่งขึ้นผมตื่นเพราะอาการปวดมวนท้องตะหงิดๆ เท่าที่จำความได้เมื่อคืนผมนอนซบไหล่พี่ชายแล้วก็พล็อตหลับไปในที่สุด แต่ทว่าตอนนี้ผมกลับกำลังนอนอยู่บนเตียงของตัวเองด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่และแอร์ที่เย็นฉ่ำ ผมเสมองไปที่นาฬิกาจนรู้ว่าเลยเวลาเที่ยงมาสองชั่วโมงก็เข้าใจอาการประท้วงของกระเพาะตัวเอง จะว่าไปก็ยังไม่ได้กินอะไรลงท้องตั้งแต่เที่ยงของเมื่อวานเลยด้วยซ้ำ

เที่ยงวานงั้นเหรอ...

ผมนิ่งไปทันทีที่ภาพวันวานได้ฉายซ้ำเข้ามาในสมอง ใบหน้าของเทพทัตยังคงแจ่มชัดจนผมอดที่จะเม้มปากแน่นไม่ได้ กระบอกตาร้อนผ่าวจนต้องลื้อผ้าห่มที่ล้นลงไปด้านล่างขึ้นมาคลุมโป่ง ให้ตายสิ จะไปคิดถึงมันทำไมวะ

ก๊อกๆๆ

ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้โผล่หน้าออกไปมองแต่อย่างใด คนในบ้านจะรู้ดีว่าผมไม่เคยล็อคประตูห้องนอนถ้าไม่ใช่เวลาจำเป็นจริงๆ

“คุณหนูคะ ตื่นเถอะค่ะ”

“ตื่นแล้วครับ”

“งั้นก็ลุกไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงไปทานข้าวเถอะค่ะ นี่ป้าขึ้นมาปลุกตั้งสองรอบแล้วก็ไม่ตื่นสักที คุณท่านเป็นห่วงมากนะค่ะ”

ผมเปิดผ้าห่มออกโผล่หน้าไปให้ป้าแกเห็นก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง

“ไหวไหมคะ?”

“ไหวครับไหว ข้างล่างมีอะไรกินอะป้า?”

“แกงเขียวหวานไก่ แตงผัดเปรี้ยวหวานใส่ไข่ หมูทอดกระเทียมแล้วก็ยำวุ้นเส้นค่ะ”

ได้ยินแล้วก็ท้องร้องในทันที

“ตั้งโต๊ะรอเลยป้า อีกสิบนาทีเดียวผมตามลงไปครับ”

“ได้ค่ะ”

ป้าแกรับคำแล้วก็เดินออกจากห้องไปในที่สุด ผมยีหัวตัวเองทีสองทีปลุกให้ตื่นจากอาการงัวเงียแล้วจึงลุกไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำอาบท่าทำกิจวัตรส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะลงไปข้างล่างด้วยชุดไปรเวทสบายๆ เมื่อเข้าไปในห้องอาหารก็เห็นผู้เป็นแม่นั่งยิ้มรออยู่ที่หัวโต๊ะ ที่นั่งข้างๆนั้นมาอาหารต่างๆถูกจัดเตรียมไว้ชุดหนึ่งซึ่งก็คงเป็นของผมนั้นแหละ ผมไม่รู้ว่าแม่รรู้เรื่องที่เกิดขึ้นไหมแต่ผมคิดว่าพี่ครอสคงไม่ได้บอกไม่งั้นเรื่องมันคงใหญ่โตกว่านี้แน่ เผลอๆอาจถึงพ่อแล้วถ้าพ่อกลับมานะ ตายทั้งพี่ทั้งน้อง

“แม่กินแล้วเหรอครับ?”

“นี่มันกี่โมงแล้วละจ้ะ?”

“โหย ก็ผมพึ่งตื่นนี่”

“ก็ใครใช้ให้พี่เที่ยวหนักขนาดนั้นละ กินนะแม่ไม่ว่าแต่อย่าให้มากไปสิลูก เป็นไงละ ห่ามรุ่งห่ามค่ำจนพี่ต้องไปตามมาถึงจะกลับ เจ้าเด็กแสบเอ๊ย”

ชักจะเดาได้แล้วสิว่าพี่ครอสมันตอแหลแม่ไปว่ายังไง แต่ก็ไม่วายโบ้ยความฉิบหายมาให้ผมอยู่ดีสิน่า ผมไหวไหล่แล้วตักข้าวกินไปเรื่อยๆสลับกับน้ำดื่มเย็นๆโดยที่มีแม่คอยมองอยู่ไม่วางตา

“มีอะไรรึเปล่าครับ?”

มองซะกินไม่คล่องคอแบบนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

“คริสอยากไปอยู่กับพ่อเหรอลูก?”

เสียงแม่แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด เล่นเอาผมชะงักมือที่กำลังตักข้าวเข้าปากในทันที

“แม่ก็ไม่ได้ว่าออะไรนะถ้าลูกอยากจะไปเพียงแต่...แม่คงเหงาแย่”

“โถ่แม่ พี่ครอสมันพูดอะไรกับแม่เนี้ย?”

“พี่เค้าแค่บอกว่าลูกอยากไปอยู่กับพ่อแค่นั้นแหละจ้ะ”

“ตอนแรกก็อยากไปอยู่ๆหรอก แต่คิดไปคิดมาแล้ว ไม่เอาดีกว่า ขืนไปผมได้โดนจับคุมความประพฤติแหง่งๆ”

คิดดูสิครับว่าแค่กินเหล้ายังบ่นเข้าด่าเย็นนี่ถ้ารู้ถึงความประพฤติทั้งหมดไม่ฆ่าปาดคอไปเลยเหรอ สาบานได้ว่าพ่อผมเป็นชาวต่างชาติร้อยเปอเซ็นต์นะครับ

“หึ กินข้าวเถอะจ้ะ เดี๋ยวก็หายร้อนกันพอดี”

แม่ยิ้มกริ่มในที่สุด

“แหม พอได้ยินงี้ละยิ้มออก ไม่อยากให้ผมไปก็บอกมาเหอะ”

“เจ้าลูกคนนี้นี่”

ผมหัวเราะขำในขณะที่กินข้าวไปด้วยจนโดนเอ็ดไปอีกรอบ แม่นั่งอยู่ข้างๆผมจนอิ่มแล้วจึงพากันย้ายสาระร่างไปที่ห้องนั่งเล่น

“แล้วพี่ครอสละแม่?”

ผมถามพลางรับลูกองุ่นที่แม่ปอดเปลือกมาให้ส่งเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับเอนตัวพิงเบาะเอาหมอนอิงมาวางตักสายตาจ้องมองไปยังโทรศัพท์เบื้องหน้าที่กำลังฉายหนังบู้แอคชั่นกำลังมันส์เลยด้วย

“ไปทำงานสิครับ ใครจะไปว่างนอนตื่นสายได้อย่างลูกละ”

“ไม่ต้องประชดขนาดนั้นก็ได้มั่ง”

“หึหึ กินดีๆสิคริส หยดหมดแล้วนั้น”

บ่นแต่ก็เอาทิชชู่ที่อยู่กลางโต๊ะมาซับตามรอยหยดและข้างแก้มให้ผมอย่างเบามือ ผมเอ่ยบอกขอบคุณเบาๆก่อนจะนิ่งไปอีกรอบ ภาพการเอาใจใส่ของใครบางคนมันทาบทับมาในสมองโดยฉับพลันจนผมตั้งตัวไม่ได้

“คริส?”

“อ๊ะ ครับแม่?”

“เหม่ออะไรนะลูก รีบเอาเข้าปากสิ”

ผมพยักหน้ารับแล้วเอาชิ้นองุ่นเข้าปากต่อโดยที่ไม่ได้หันไปพูดคุยอะไรกับแม่อีก ผมนั่งดูหนังจนแม่เดินออกจากห้องไปทำนู้นทำนี่ตามประสาคนอยู่ไม่สุขแต่ผมยังคงนอนดูหนังอยู่เช่นเดิม ถึงจะบอกว่านอนดูหนังแต่มันก็แค่นั่งเหม่อตาจ้องมองจอแต่ใจและสมองกับคิดไปถึงเรื่องอื่น มารู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่ได้ยินเสียงเรียกของคนมาใหม่ที่หน้าประตูห้อง

“คริส”

“อ้าวนาย มาได้ไงวะ?”

ไอ้นายเดินมาตบหัวผมไปฉากใหญ่จนผมต้องร้องเสียงดังประท้วงแต่มันก็ไม่ใส่ใจกลับไหวไหล่นั่งลงข้างๆผมไปซะงั้น

“เจ็บสัส”

“สมควร หายหัวไปจนพวกกูห่วงฉิบหาย นี่ถ้าไม่เจอพี่มึงที่มหาลัยกูคงไม่รู้ใช่ไหมว่ามึงกลับมาแล้ว”

“กลับมา?”

ตายละหว่า พี่กูไปโม้อะไรกับเจ้าพวกนี้ไว้เนี้ย

“อ้าว ก็มึงหนีไปเฮิร์ทที่กระบี่มาไม่ใช่ไง? พี่ครอสบอกมึงอกหักดังเปาะเพราะถูกตุ๊ดเมิน ฮ่าๆๆๆ”

ผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“ไอ้ห่านี่ เอาดีๆ พี่กูบอกว่าไง”

“ตกลงมึงกับพี่มึงไม่ได้เตี๋ยมกันแล้วเหรอวะ สะเพร่านะไอ้สัส”

“เออ...ก็...กูไปนะใช่แต่กูอยากรู้ว่าพี่กูมันไปโม้อะไรกับพวกมึงไง”

“หึ ก็บอกว่าหนีไอ้จอมตื้อ แล้วก็บอกให้พวกกูกันมึงกับมันไว้ให้ด้วย เอาแบบที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเจอหน้ากันได้ยิ่งดี”

ผมพยักหน้ารับ

“จริงเหรอวะ?”

“อะไรจริง?”

“ก็มึงเลิกกับไอ้พี่ทัตนั้นจริงๆเหรอ?”

ผมตอบได้ไม่เต็มปากแต่ก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด ไม่ได้เอ่ยเป็นกิจลักษณะแต่มันก็ไม่แตกต่างกันหรอกมั่ง

“เย๊ปเป้!!!! กูดีใจฉิบหายเลยวะ วันนี้ไปฉลองกันป่ะมึง”

ผมหัวเราะขำให้กับท่าทีการดีใจอันเวอร์วังแต่กลับส่ายหัวปฎิเสธคำชวนนั้น

“อ้าว ทำไมว๊า?

“พึ่งกลับมายังจะให้กูออกไปอีกเหรอ เดี๋ยวไอ้พี่ครอสมันก็ยำกูให้หรอก”

“ปกติมึงกลัวพี่มึงตามซะที่ไหน แต่ก็จริงนะ เอางี้ เดี๋ยวกูโทรชวนพี่มึงด้วยเลยเป็นไง?”

“ให้กูพักบ้างเหรอะสัส”

“หายไปสามวันมึงคิดว่ามึงยังพักไม่มากพออีกเหรอวะ”

“...เออ...”

“เออๆ ตามใจมึงละกัน ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ไว้ค่อยออกไปข้างนอกกัน อ้อ นี่แลคเชอร์ทั้งหมด อ่านหนังสือด้วยนะสัส สัปดาห์หน้าเริ่มสอบปลายภาคแล้วนะเว้ย”

ผมถึงกับขมวดคิ้ว

“จริงดิ๊”

“เออดิ โกหกไปได้อะไร”

ผมพยักหน้ารับ ช่วงนี้ทำไมดูเหมือนตัวเองไม่ลืมหูลืมตามองโลกรอบข้างแบบนี้วะ ขนาดวันสอบวันเรียนยังไม่ได้ใส่ใจอย่างที่ควรจะทำ

เพราะทัตเหรอ

หรือเพราะตัวเราเอง


TBC....
 :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด