บทที่ 18
เอลเลียตทาบโทรศัพท์ลงบนใบหู นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองทิวทัศน์จากยอดผาเลนส์สีชาของแว่นตากันแดดที่อยู่บนหน้า เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไปตามแรงที่พัดเข้ามา ชายหนุ่มฟังเสียงกริ่งรอสายที่ดังเป็นจังหวะอย่างใจเย็น
"สวัสดีครับ" ปลายสายรับโทรศัพท์จากเขาในที่สุด ลมแรงๆ ที่พัดโชยเอากลิ่นอ่อนๆ จากทะเลขึ้นมาด้วยกระทบเข้าใบหน้า เอลเลียตเชื่อว่าปลายสายน่าจะได้ยินเสียงหวีดหวิวของแรงลมนี่ด้วย
"ไง ลีโอ"
ใช้เวลาไม่น้อยกว่าที่คู่สนทนาของเขาจะตั้งตัวได้ทัน "ไอเดน!?" และด้วยความตกใจ รอบนี้ชายหนุ่มจึงไม่ได้ดูเรื่องที่เอลเลียตเรียกชื่อเขา "นายยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอเนี่ย? นายอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น"
"โว้ ใจเย็นที่รัก ทีละคำถาม" ระหว่างตอบ เขาหันไปมองร่างสูงชะลูดที่ยืนกอดอก พิงต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ คีลขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจทันทีที่ได้ยินคำว่า 'ที่รัก' จากปากเอลเลียต และนั่นทำให้คนผมน้ำตาลอมยิ้ม ก็นี่แหละประเด็นที่เขาจงใจเรียกแฟนเก่าว่าที่รัก จะมีอะไรสนุกไปกว่าการเห็นภูเขาน้ำแข็งอย่างหมอนี่หัวปั่นเพราะเขาอีกล่ะ "เอาคำถามแรกก่อนแล้วกัน ใช่ ฉันยังมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นคงโทรมาหานายไม่ได้หรอก"
"เกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินมาว่านายถูกแทง"
"อ้อ ใช่ ฉันถูกแทงจริงๆ เป็นรูสวยๆ ตั้งสามรูด้วยนะ ต้องขอบคุณพ่อนายมากเลยที่ช่วยให้ร่างกายฉันมีจุดขายที่ดี"
"ขอทีเถอะน่า ไอเดน ฉันเตือนนายก่อนหน้าที่เขาจะลงมือแล้ว นายพลาดเองที่หนีไม่พ้นตอนนั้น และจะบอกอะไรให้ ฉันเผาพาสปอร์ตปลอมของนายทิ้งไปแล้ว"
"เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ฉันไม่ต้องการมันอีกแล้วล่ะ"
ดูปลายสายจะแปลกใจกับข้อมูลนี่ไม่น้อย "ทำไมล่ะ ไอเดน นายแน่ใจเหรอ"
"แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ลีโอ"
"อย่าเรียกชื่อ"
"พูดแบบนี้ค่อยสมเป็นนายหน่อย"
"ตกลงว่านายจะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยังว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่"
"เรื่องมันยาวน่ะ" เขาว่า เงยหน้าขึ้นไปสบตาคีลนิดหนึ่ง อีกฝ่ายพยักหน้าให้เขาราวกับจะเสริมสร้างความมั่นใจให้ เอลเลียตจึงว่าตามแผนที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกับทุกคนในทีมเมื่อครั้งประชุมล่าสุด "แต่ถ้าให้สรุปง่ายๆ ก็คือมีคนช่วยฉันไว้... มีคนช่วยฉันออกมาจากโรงพยาบาลนั่น อันที่จริงเราเจอกันตั้งแต่ตอนที่ฉันออกมาจากคุกใหม่ๆ แล้ว แบบว่า... เขาค่อนข้างชอบฉันน่ะ"
“อ้อ” ลีโอลากเสียงยาว “แล้วนายแน่ใจว่าเขาจะปกป้องนายได้งั้นเหรอ?”
“คือ… เขาค่อนข้างมีอิทธิพลน่ะ” นี่ก็เรื่องที่เตี๊ยมไว้แล้ว เสียงอ้อจากปลายสายดังยาวมาอีกรอบ
“สรุปก็คือนายกลายเป็นอีหนูของคนใหญ่คนโตอีกคนเพื่อที่เขาจะได้คุ้มกะลาหัวจากผู้มีอิทธิพลอีกคนได้สินะ”
อีหนูเหรอ
“ก็นะ นายจะว่าแบบนั้นก็ได้ อย่างน้อยเขาก็ช่วยฉันได้จริงๆ แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะรอดมาได้ตั้งหลายเดือนแบบนี้เหรอ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งเอลเลียตไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย
“แล้ว… ถ้านายสุขสบายดีนายจะโทรมาหาฉันทำไม ไอเดน”
“อ้าว” เขาแกล้งทำเสียงแปลกใจอย่างสุดความสามารถ “ก็โทรมาเพื่อบอกนายไงว่าฉันสบายดี ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงไง อีกอย่าง… ฉันเองก็คิดถึงนายด้วย ฉันยังไม่ลืมช่วงเวลาดีๆ ของเราหรอกนะที่รัก”
จากหางตา เอลเห็นคีลกลอกตาขึ้นมองฟ้าแล้วตอนนี้ ใบหน้าคมยับยู่ยี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเอลเลียตลอบยิ้มออกมาอีกรอบ หลังจากจบสายนี้แล้วเขาจะจูบหมอนั่นให้หนำใจไปเลย
“เห…” ปลายสายลากเสียง แต่เอลบอกได้เลยว่าลีโอเองก็พอใจกับคำพูดเขาไม่น้อย “จะดีเหรอที่มาพูดอ่อยฉันแบบนี้ ไม่ใช่ว่ามีเสี่ยเลี้ยงอยู่แล้วรึไง”
“ฉันบอกว่าคิดถึงนาย แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากจะกลับไปนอนกับนายสักหน่อย”
“ก็จริงของนาย” ลีโอหยุดพูดนิดหนึ่ง “ว่าแต่นี่ใช้โทรศัพท์--”
“แบบใช้แล้วทิ้ง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อดัมส์ ถึงฉันจะปลอดภัยแล้วแต่ก็ไม่เคยลืมมาตรการเก่าๆ ของเราหรอก”
“แล้วนายโทรจากที่ไหน”
“นายอยากรู้เหรอว่าฉันอยู่ที่ไหน”
“ถ้านายไม่อยากบอก ฉันก็จะไม่บังคับหรอก”
เอลเลียตเงียบไปครู่หนึ่งให้เหมือนกำลังชั่งใจ “นายจะไม่บอกเรื่องนี้ให้พ่อนายรู้ใช่ไหม”
“ขอที ที่รัก ฉันเป็นคนเตือนนายมาแต่แรก หาทางช่วยนายมาแต่แรก… อีกอย่าง ถึงตอนนี้ฉันจะมีคู่ขาคนใหม่แล้ว แต่นายก็ยังเป็นคนโปรดของฉันเสมอ”
“รู้สึกเป็นเกียรติมาก”
“ตกลงว่านายจะไม่บอกสินะว่าอยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่ฟลอริด้า”
เป็นฝ่ายลีโอที่จะเงียบลงไปบ้าง ก่อนเจ้าตัวจะพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจระคนขบขัน “นายพูดจริงสิ?”
“จะโกหกทำไมล่ะครับ”
“ฉันก็อยู่ฟลอริด้า”
อ่าฮะ แปลว่าที่ทีมของคีลไปสืบมาได้เรื่อง ข้อมูลตรงเผงราวกับจับวาง
“ว้าว”
“ว้าวเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าสำนักงานใหญ่นายอยู่ในนิวยอร์ครึไง”
“ฉันฝากงานให้ลูกน้องทำน่ะ นายก็รู้ว่าฉันทำงานยังไง” ถึงตรงนี้ มีเสียงผู้ชายอีกคนแทรกเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคู่ขาคนใหม่ที่ลีโอพูดถึงแน่นอน “เอาล่ะ นายสบายดีก็ดีแล้ว ไอเดน ยังไงก็ระวังอย่าทำอะไรเตะตานักแล้วกัน พ่อฉันเขาไม่หายแค้นนายง่ายๆ หรอกที่ทำอีหนูเขาตาย”
“ยัยนั่นฆ่าตัวตายเองไม่ใช่เรอะ”
“ก็ความผิดนายอยู่ดี”
โลกช่างไม่ยุติธรรม
“นายว่าเราจะมีโอกาสมาเจอกันได้ไหม”
ลีโอนิ่งไปครู่ใหญ่ ถึงตรงนี้เอลก็ชักใจคอไม่ดีขึ้นมาจริงๆ เหงื่อนี่ชุ่มเต็มมือเขาไปหมด เมื่อกี้เขาพูดโพล่งไปหน่อยรึเปล่านะ หมอนี่จะสงสัยหรือเปล่า…
“ก็อาจจะได้นะ ไอเดน”
นี่แหละ! สิ่งที่รอคอย
“แต่นายจะอยากเจอฉันไปทำไม นายไม่ต้องการพาสปอร์ต เงินก็คงไม่จำเป็นแล้ว หรือว่ายังอยากจะทำงานด้วยกันอีก? ฉันว่าไม่ดีหรอก เสี่ยงเกินไป ถึงฉันจะไม่ได้สนิทกับพ่อแต่ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ถ้านายกลับมา”
“ก็แค่คิดว่าบางทีอาจจะเจอเพื่อนเก่าได้บ้าง” เอลเลียตพูดบทที่ซ้อมมากับคีล “แบบว่า… ฉันต้องหลบๆ ซ่อนๆ ตลอด จะไปเจอใครใหม่ๆ แฟนฉันเขาก็ไม่ยอม อยู่แบบไปไหนไม่ได้ เจอใครไม่ได้แบบนี้ บางทีก็เหงา”
“ไม่ต่างจากติดคุกเลยสิ?”
“ดีกว่าหน่อย ฉันไม่ต้องคอยหลบใครๆ ที่จะมาวิ่งไล่ปล้ำในห้องน้ำ”
“ฟังดูเข้าที นายมีช่องทางติดต่ออะไรให้ฉันได้บ้างล่ะ เผื่อว่ามีเวลาเหมาะๆ แล้วฉันจะติดต่อไป”
เหยื่อติดเบ็ดแล้ว แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลีโอหรือตัวเขาเองที่เป็นเหยื่อ
เอลเลียตให้เบอร์โทรศัพท์ตามที่ได้เตรียมเอาไว้กับทีมของคีลอีกเช่นกัน จากนั้นเจ้าตัวจึงกดวางสาย หันหน้ากลับไปยิ้มหวานให้คีลที่ยืนคุมอยู่ไม่ห่าง ตอนนี้ร่างสูงจุดบุหรี่สูบเรียบร้อยแล้ว เหมือนจะรอเอลเลียตจนเบื่อ สีหน้าซังกะตายนั่นทำให้คนผมน้ำตาลหลุดหัวเราะออกมา เจ้าตัวสาวเท้าเข้าไปประชิดร่างสูงแล้วเขย่งหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดหนึ่ง
“อย่ารุ่มร่ามน่ะคุณ” พูดเสียงดุ “เรายังอยู่ข้างนอกนะ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าจะทำยังไงครับ”
“ไม่มีใครสักหน่อย” เอลเลียตทำหน้ายู่ แถวนี้อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่นกสักตัวยังไม่โผล่มาให้เห็น หน้าผาตรงนี้ที่พวกเขาอยู่เป็นที่ที่คีลเลือกในการโทรหาเทลออฟอดัมส์ เผื่อว่าอีกฝ่ายนึกอยากตามรอยสายโทรศัพท์ขึ้นมาจะได้ไม่เจอแหล่งรวมพลของพวกเขาเข้าแทน รอบคอบจนเอลเลียตอดนึกชื่นชมไม่ได้ “น่า… คีล ให้รางวัลผมด้วยการจูบสักทีจะเป็นไรไป ผมว่าผมทำได้ดีมากเลยนะที่คุยเมื่อกี้”
คีลไม่ตอบ เจ้าตัวสอดส่ายสายไปรอบทิศทาง และเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นนอกจากพวกเขา มือหนาก็ดึงเอลเลียตเข้าไปติดต้นไม้ด้านหลัง คนผมน้ำตาลเกร็งตัวเล็กน้อยเมื่อคีลเคลื่อนหน้าเข้ามา เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจูบเขาแน่ แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องชะงักไปเพราะร่างสูงไม่ได้จูบ หากมือเลื่อนไปหยิบของบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าด้านในของสูทตัวนอก
นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่ามันคือสร้อยที่มีปลอกกระสุนห้อยเป็นจี้อยู่ เขารับมันมาดูเมื่อคีลส่งให้ ปลอกกระสุนนั่นถูกสลักเป็นข้อความสั้นๆ ว่า ‘Kiel’s’ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่แค่นั้นก็ทำเอาคนผมน้ำตาลหน้าร้อนเห่อขึ้นมาได้
คีลคลี่ยิ้มขณะยกสร้อยเส้นนั้นทาบคออีกฝ่าย “ผมไม่รู้นะว่าคุณจะชอบไหม แต่ผมยัดเยียดให้คุณ”
ชอบสิ… ชอบมากๆ ชอบจนหัวใจในอกข้างซ้ายจะระเบิดโผละเป็นแตงโมถูกไม้ฟาดได้อยู่แล้ว
“ปลอกกระสุนเหรอครับ?” เอลเลียตพยายามกลบเกลื่อนหน้าแดงๆ กับเสียงสั่นๆ ด้วยความปลาบปลื้มด้วยการตั้งคำถามเฉไฉ ใจเต้นรัวขึ้นมาไม่น้อยเมื่อเห็นคนยิ้มยากคลี่ยิ้มกว้างจนสุดขณะตอบ
“ครับ พ่วงมาพร้อมกับปลอกคอของคุณ จะได้หนีผมไปไหนไม่ได้อีก”
“แล้วทำไมต้องปลอกกระสุนด้วยครับ”
“เผื่อคุณคิดจะหนีขึ้นมาไง พอเห็นปลอกกระสุนอันนี้คุณจะได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าอาจโดนผมเป่าดับได้ เพราะงั้นอย่าคิดลองดีกว่า”
ถึงตรงนี้เอลเลียตก็หัวเราะร่วนออกมาจริงๆ แขนเลื่อนโอบรอบคอร่างสูงให้โน้มหน้าต่ำลงมาอย่างยั่วยวน
“คุณคิดว่าผมจะกลัวโดนคุณฆ่างั้นเหรอ? ไม่รู้ตัวเลยสินะว่าจริงๆ คุณน่ะ ฆ่าผมไปตั้งหลายรอบแล้ว”
“เหรอครับ” คีลเคลื่อนหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ ริมฝีปากเริ่มสัมผัสกัน “ผมฆ่าคุณตอนไหนกัน คุณหัวขโมย”
เอลเลียตดึงคีลให้ก้มลงมาจูบเขาแผ่วเบาทีหนึ่งก่อนจะกระซิบตอบ
“ก็ตอนที่คุณจูบผมไง”
คีลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เอลหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบแล้วดึงให้ชายหนุ่มก้มลงมาจูบอีกครั้งอย่างอ่อนหวาน และเมื่อริมฝีปากผละออก คนผมน้ำตาลก็อธิบายต่อ
“คุณไม่รู้ตัวเหรอ คีล คุณฆ่าผมทุกครั้งแหละเวลาที่เราจูบกัน”
“คุณจะตายได้ไง” มือหนาเข่าใต้หว่างขาของคนตรงหน้า เอลเลียตยกขาพาดสะโพกคีลอย่างรู้หน้าที่ขณะที่ร่างสูงเบียดตัวเข้ามาชิด มือยึดต้นขาข้างที่พาดบนเอว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนรักมากขึ้นขณะพูด “ผมจูบคุณเบาจะตาย แค่นั้นไม่ทำให้คุณตายง่ายๆ หรอก”
“ตรงกันข้ามเลย คุณตำรวจ” เอลว่า ยกมือไปลูบแก้มคีลอย่างเผลอไผล “ยิ่งคุณจูบเบา ผมก็ยิ่งตายเร็วขึ้น”
“งั้นแรงๆ ดีกว่าใช่ไหมครับ”
“ครับ” เอลเลียตเหยียดยิ้มกว้าง “แรงที่สุดเท่าที่คุณทำได้เลย”
“เบื่อคนขี้ยั่วอย่างคุณจริงๆ”
“แต่ก็รักผมใช่ไหมล่ะ”
คีลกดจูบลงไปอย่างร้อนแรงตามที่อีกฝ่ายขอ มันลึกซึ้งเนิ่นนานจนเอลเลียตเริ่มหอบหายใจเมื่อคีลไม่ยอมเว้นจังหวะให้เขาเสียที
ในที่สุดเสียงทุ้มก็กระซิบที่ข้างหู
“ถ้าผมไม่รัก… คุณก็ไม่มีทางได้ปลอกกระสุนนั่นจากผมหรอก เอล”
ริมฝีปากคู่สวยยกยิ้มอีกครั้ง
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ คุณสายสืบ”
เอ… ถ้าขอคีลพากลับโรงแรมเลยตอนนี้จะเป็นอะไรไหมนะ?
…
เอลเลียตมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ลีโอให้ไว้ เขาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ ที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนอีกตัว หากทั้งสองชิ้นเป็นของมีราคาที่ทำเอาคีลซึ่งต้องรับหน้าที่ควักเงินจ่ายกุมขมับไปนานสองนาน แต่เขาก็เห็นด้วยกับเอลที่บอกว่าจำเป็นต้องทำตัวให้เนียนกับสิ่งที่พูดให้ลีโอฟังไป ซึ่งการใช้ของเรียบง่าย น้อยชิ้น แต่ราคาแพงหู่ฉี่นี่แหละที่จะทำให้เขาดูเป็นเด็กของเสี่ยใหญ่ขึ้นมาได้
คีลไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องหยุมหยิมพวกนั้น แต่ที่เขาไม่สบายใจสุดๆ เลยคือการที่เอลเลียตยืนยันว่าจะไม่ให้ทางเขาใส่เครื่องดักฟังอะไรไป
'ขืนลีโอจับได้ละก็ หมอนั่นเป่าผมดับตรงนั้นแน่ แล้วไม่ใช่ว่าผมจะดูถูกเรื่องเทคโนโลยีของฝั่งคุณหรืออะไร แต่หมอนี่เชี่ยวชาญมากด้านนี้ ต่อให้เป็นเครื่องดักฟังอัจฉริยะขนาดไหน แต่เขาต้องจับได้แน่ถ้ามันอยู่ในตัวผม เชื่อผมเถอะ คีล ให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง ที่เราต้องทำคือทำให้เขาไว้ใจผมเต็มที่ก่อน หลังจากนั้นงานของเราจะง่ายขึ้นเยอะเลย'
ร่างสูงอยากจะค้าน แต่ทุกคนในทีมเขากลับเห็นด้วยกับสิ่งที่เอลเลียตพูด อันที่จริงเขาก็เห็นด้วยนั่นแหละ แต่ก็ยังอดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
และตอนนี้คนผมน้ำตาลก็ต้องทำเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียว เขาเองก็นึกหวั่นอยู่ภายในไม่น้อยหรอก แต่เขารับปากกับคีลแล้วว่าจะทำให้ได้ คิดแบบนั้นเจ้าตัวก็กดกริ่งที่อยู่หน้าห้องโรงแรมสุดหรูที่เขาเดาว่าค่าเช่าคืนหนึ่งอาจกินเงินเดือนตอนทำงานขายบ้านไปทั้งเดือน หรูขนาดมีกริ่งให้กดหน้าห้องละกัน เอลเลียตเองก็นึกอยากนอนโรงแรมหรูๆ แบบนี้ดูบ้างสักคืน
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่กับคนที่อยู่ในห้องตอนนี้นะ กับคนรักของเขาต่างหาก
คนที่ไม่ใช่คนปัจจุบันของเอลเลียตเปิดประตูออกมาอย่างเชื่องช้า ลีโอ ฮอร์ตัน หรือที่ทุกคนเรียกกันว่าเทลออฟอดัมส์มีลักษณะแบบที่ถ้าใครได้เห็นชายหนุ่มเป็นครั้งแรก จะให้คำจำกัดความแก่เขาได้เลยว่า 'ผู้ดี'
ชายหนุ่มตรงหน้าเขามีรูปร่างโปร่ง สูงพอๆ กับเอลเลียต เส้นผมสีบลอนด์หม่นถูกจัดแต่งเป็นอย่างดี นัยน์ตาสีฟ้าดูสุขุมเยือกเย็นและอ่านยากนั่นครั้งหนึ่งเคยทำเอาเอลเลียตคลั่งไคล้พอๆ กับใบหน้าหล่อเหลาที่ติดไปทางหนุ่มเจ้าสำอาง แตกต่างกับความหล่อแบบคมเข้ม ดิบเถื่อนแบบแฟนเขาคนปัจจุบัน
แน่นอนว่าถ้าถามเอลเลียตตอนนี้ เจ้าตัวจะตอบได้เต็มปากว่าคีลของเขาหล่อกว่า แต่ระดับอย่างลีโอก็เรียกว่าขี้เหร่ไม่ได้เลย
ลีโอคลี่ยิ้มระบายบนใบหน้า เอลเลียตส่งยิ้มคืนให้แต่ก็ยังไม่วางใจอีกฝ่ายร้อยเปอร์เซ็นต์ตามประสาคนมีชนักติดหลัง อีกอย่าง ต่อให้หมอนี่จะยิ้มแค่ไหน แต่ตาของเจ้าตัวก็ยังอ่านยากเหมือนอย่างที่เคยเป็นอยู่ดี
"ไง ไอเดน" ลีโอเขยิบตัวให้เขาก้าวเข้าไปในห้อง และประตูปิดลง เอลเลียตก็เลื่อนหน้าไปแตะริมฝีปากลงกับแก้มอีกฝ่าย แต่หมอนี่ก็ไม่พอใจแค่นั้นอยู่ดี เจ้าตัวก้มลงมาจูบเขาทีหนึ่ง เอลเผลอเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะตั้งรับไม่ทัน ใจนี่นึกกลัวไปแล้วว่าถ้าคีลรู้เรื่องนี้เขาจะโดนทำโทษยังไง
แต่... คิดอีกทีแล้วเขาก็นึกอยากโดนหมอนั่นทำโทษอยู่เหมือนกัน
"นายดูสบายดีนะ" ลีโอพูดพร้อมกับก้าวนำเข้าไปในห้องพักสุดหรูของตัวเองก่อน เจ้าตัวชี้มือไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่คู่กับโต๊ะวางกลมที่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวซึ่งทำจากหินอ่อน เอลเลียตมองตามร่างโปร่งที่เดินเข้าไปหยิบว้อดก้าออกมาพร้อมกับแก้วและน้ำแข็งก้อนโต "ผสมอะไรไหม?"
"มีมะนาวรึเปล่า?"
"ยังกินอะไรเหมือนเดิม"
"คนเราไม่ต้องเปลี่ยนแม้แต่เครื่องดื่มที่ชอบก็ได้นี่"
เสียงกรุ๊งกริ๊งของน้ำแข็งกระทบลงกับก้นแก้วชวนให้เอลนึกถึงวันเก่าๆ ที่เขาเคยคบกับคนตรงหน้าอยู่เหมือนกัน หมอนี่ผสมเหล้าอร่อย ไม่ว่าจะแก้วไหนก็ถูกปากเขาไปหมด
“ว่าแต่เสี่ยของนายนี่เป็นใคร ไอเดน”
“โทษทีนะ บอกเรื่องนั้นกับนายไม่ได้หรอก” เอลเลียตดักคออย่างรู้ทัน “ก็เหมือนกับตอนที่เขาถามฉันว่าเพื่อนฉันเป็นใครนั่นแหละ ฉันก็บอกเขาว่าฉันบอกไม่ได้เหมือนกัน แต่เหมือนเขาจะเข้าใจ และนายก็ควรจะเข้าใจด้วย”
“ก็ยุติธรรมดี”
กลิ่นแอลกอฮอล์เข้มๆ ลอยมาแตะจมูกเมื่อลีโอส่งแก้วมาให้ เขานึกถึงเรื่องที่หมอสั่งห้ามเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่จากแผลที่ยังปวดแปลบเป็นพักๆ เวลาที่เขาออกแรงหนัก แต่ความคิดนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขายกแก้วชนกับของลีโอเบาๆ เอลเลียตยกเหล้าขึ้นจิบ ลำคอของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีตามประสาคนที่ไม่ได้แตะของมึนเมามานาน
ไม่เกินแก้วที่สามคงเมา... แต่อย่างน้อยเขาต้องประคองสติของตัวเองให้รู้ตัวตลอดเวลา
ในที่สุดลีโอก็เปิดปากขึ้นมาก่อนหลังจากจิบเหล้าไปสองอึก "ฉันไม่อยากจะทำตัวเสียมารยาทกับนายนะ ไอเดน แต่ฉันอยากให้นายถอดเสื้อออก"
เอลเลียตชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงวางแก้วลงบนโต๊ะพร้อมกับทำตามที่อีกฝ่ายสั่งอย่างว่าง่าย ลีโอมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของอดีตคู่ขาด้วยสายตาอ่านยาก เอลเลียตยังมีผ้าปิดแผลที่บริเวณที่เคยโดนแทงมาก่อน และเมื่อรู้สึกตัวว่าลีโอจ้องอยู่ตรงนั้นนานเป็นพิเศษ คนผมน้ำตาลก็ว่า
"จริงๆ มันก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ แค่รู้สึกไม่ดีเฉยๆ ถ้าไม่หาอะไรมาปิดไว้หน่อย"
อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะรับเสื้อจากเอลเลียตมาถือไว้ในมือ ตรวจดูว่ามีอะไรน่าสงสัยติดอยู่หรือไม่ และเมื่อลีโอตรวจสอบกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไล้มือลงบนกางเกงยีนรัดรูปที่เอลเลียตใส่อยู่เป็นอันดับต่อไป
คนผมน้ำตาลแกล้งพูดขณะยกสองมือเหนือศีรษะให้ลีโอตรวจสอบร่างกายเขาง่ายๆ
"ไม่ไว้ใจกันเลยแบบนี้มันเจ็บปวดนะ"
"ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน"
"ตามสบายเลย ลีโอ แต่ฉันบอกได้นายคำเดียวว่าไม่ได้ทำงานให้ใครทั้งนั้น แค่คิดถึงนายก็เลยอยากมาเจอ มันก็แค่นั้นจริงๆ"
เอลเลียตปิดเปลือกตาลงเมื่อรู้สึกได้ว่าฝ่ามืออุ่นของอีกฝ่ายทำมากกว่าแค่จะสำรวจตัวเขา สัมผัสบางเบาที่ลากผ่านหว่างขาไปอย่างจงใจทำให้ร่างกายของเขาตื่นตัว คีลต้องฆ่าเขาแน่ถ้ารู้ว่าเขากำลังมีอารมณ์กับแฟนเก่า แต่ไอ้หมอนี่มันจงใจเองนะ เขาห้ามร่างกายตัวเองไม่ได้สักหน่อย!
และเพราะห้ามร่างกายตัวเองไม่ได้ เอลเลียตจึงออกปากห้ามอีกฝ่ายแทน
"ลีโอ ไม่เอาน่า นายมีคู่ขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอตอนนี้"
ลีโอยืดตัวขึ้นมายืนตรง คนผมบลอนด์มีท่าทีแปลกใจไม่น้อยที่ไม่เจอเครื่องดักฟังหรืออะไรเทือกนั้นเลย
"นายไม่ได้ทำงานให้ใคร"
"ฉันบอกนายไปแล้ว"
"ก็เห็นอยู่ว่าฉันไม่เชื่อ"
เอลเลียตยักไหล่ "นั่นเป็นปัญหาของนาย"
ลีโอหรี่ตาลงอย่างจับผิด "ที่นายพูดมันขัดแย้งกัน"
"หมายความว่าไง"
"นายบอกว่านายคิดถึงฉันเลยอยากมาเจอ"
"อ่าฮะ"
"แต่นายไม่ได้อยากนอนกับฉัน ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้ว นายเกร็งตอนที่ฉันจูบ แล้วก็เมื่อกี้นายยังห้ามฉันอีก นายไม่ได้อยากนอนกับฉัน"
"ไม่ ฉันไม่ได้อยากนอนกับนาย" เอลเลียตพูดตรงๆ
"แล้วนายอยากจะเจอฉันทำไม"
คนผมน้ำตาลมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ให้ตายเถอะ ลีโอ ในหัวนายคิดแต่เรื่องอย่างว่ารึไง ที่ฉันว่าคิดถึงนายก็เพราะฉันอยากจะเจอนาย อยากคุยกับนาย เราเป็นเพื่อนกันแบบธรรมดาๆ ไม่ได้รึไง"
"กับคนอื่นคงได้" พูดพร้อมกับโน้มหน้าลงต่ำ เป่าลมหายใจรดที่ข้างแก้ม มือไล้ลงบนแผ่นอกขาวอย่างอ้อยอิ่ง "แต่กับนาย... ถ้าเป็นฉันกับนาย ฉันคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องอย่างว่าไม่ออกเลย"
"ลีโอ... ไม่เอา" เอลพยายามห้าม แต่เขาไม่อยากทำเกินกว่าเหตุเพราะกลัวเรื่องจะเสีย
อันที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจลีโอ ตรงกันข้าม เขากลับเข้าใจดี ถ้าเขาเป็นอีกฝ่าย เขาก็คงคิดแบบเดียวกัน ดีไม่ดีลีโออาจจะกำลังคิดว่าเขาเล่นตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจด้วยซ้ำ ถ้าเป็นตัวเขาก่อนเจอคีลน่ะอาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วไง แถมแฟนเขาก็ขี้หึงขั้นสุด ทีนี้เอลก็ต้องหาทางไม่ให้แตกหักกับลีโอแต่ก็ต้องไม่เสียตัวให้ไอ้หมอนี่ด้วย
เอาไงดีล่ะคราวนี้
“อดัมส์”
ราวกับคนบนฟ้าได้ยินคำขอ เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของใครบางคนที่ก้าวเข้ามา เอลหันกลับไปมองตามเจ้าของเสียง ชายหนุ่มร่างบางที่เตี้ยกว่าเขาไปพอสมควรก้าวเข้ามาในห้อง เนื้อตัวมีเพียงเสื้อเชิ้ตปกปิดท่อนบนและบังเอิญว่ามันใหญ่พอจะคลุมปิดส่วนลับของเจ้าตัวได้
คู่นอนของลีโอน่ะเอง แล้วรสนิยมของหมอนี่ก็เหลือเกินจริงๆ…
“นี่ใครน่ะ” ผู้ที่ก้าวมาใหม่หันมามองเอลเลียตด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ขอบตาลึกโหลกับใบหน้าที่ดูค่อนข้างทรุดโทรมทำให้เอลเดาได้เลยว่าชายคนนี้คงติดสารเสพติดสักตัวหรือมากกว่านั้น
“แฟนเก่าน่ะ ชื่อไอเดน ไอเดน นี่เกล ถ้านายมาหาฉันคงได้เจอเขาบ่อยๆ”
“อ้อ แฟนเก่านี่เอง” เกลว่าขณะกวาดตามองเอลเลียตตั้งแต่หัวยันปลายเท้า “หวัดดี ไอเดน”
“ไง” ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้เหมือนกัน
“สนใจมาร่วมวงกับเราไหม”
“วงอะไร”
“สามพี”
เอลเลียตหันไปมองหน้าลีโอด้วยสีหน้าพิศวง “นี่เขาพูดจริงเหรอ?”
“ทำไมจะไม่ล่ะ?”
“ขอผ่านล่ะ ฉันไม่มั่วขนาดนั้น”
“ตรงนั้นของนายแหละที่น่าเบื่อ”
“มิน่าถึงได้โดนอดัมส์ทิ้ง” เกลว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ถลาเข้ามากอดร่างสูง ทำท่าจะปีนหลังอีกฝ่ายด้วยท่าทีฉอเลาะ หมอนี่คงเด็กกว่าเขากับลีโอไปมากทีเดียว “ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายไม่พอใจนะ ไอเดน แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”
“ไม่ถือสาอยู่แล้ว” อย่างกับเขาจะอยากได้ลีโอเหลือเกินนี่
“อดัมส์ ผมขอขนมหน่อย” เกลว่าหลังจากที่ลีโอช่วยพยุงจนเจ้าตัวขึ้นมาขี่หลังตัวเองได้สำเร็จ “ได้ไหม ได้ไหม”
“เอาสิ”
เอลเลียตมองตามลีโอที่ยื่นสารเสพติดบางอย่างให้อีกฝ่าย เกลส่งยิ้มหวานอย่างยินดีขณะที่ลงจากหลังจากลีโออย่างว่าง่าย และเมื่อได้ของที่ต้องการเจ้าตัวก็วิ่งแจ้นออกจากห้องไป เอลเลียตหันกลับไปมองคนที่เขาเคยคบด้วยสายตารังเกียจ ลีโอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่
“เขาอายุ 18 หรือยัง?”
“หึ” ลีโอแค่นเสียง ตัวตนของหมอนี่ช่างแตกต่างจากเสื้อผ้าราคาแพงและท่าทีผู้ดีนั่นจริงๆ “ห่วงเรื่องนั้นด้วยเหรอ เป็นคนดีกันจังเลยนะ เราเนี่ย”
“นายกำลังพรากผู้เยาว์นะ ลีโอ”
“อย่าเอ็ดไปน่า อีกไม่กี่เดือนหมอนั่นก็ 18 แล้ว แต่พูดจริงๆ นะ ไอ้นิสัยบางอย่างของนายนี่น่าเบื่อไม่เปลี่ยนจริงๆ ฉันนึกออกแล้วสิว่าทำไมเราถึงเลิกกัน”
“นายเลี้ยงเขาด้วยยาเสพติดพวกนั้นเหรอ”
“เขาไม่ค่อยฉลาดเท่าไรน่ะ” ลีโอพูดพร้อมกับเหม่อมองประตูที่เกลวิ่งกลับเข้าไป เอลเลียตนึกสงสัยว่าหมอนี่พูดถึงเขาแบบนี้ตอนคุยกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า “บุหรี่สักมวนไหม?”
“ไม่ล่ะ ฉันว่าฉันเตรียมกลับแล้วดีกว่า ไม่อยากรบกวนเวลาของนายกับเด็กคนนั้น”
“หมอนั่นไม่ถือหรอกถ้าฉันจะนอนกับคนอื่นทั้งที่คบกัน ไม่เหมือนกับนาย”
ชัดเลย รู้ชัดเลยว่าทำไมพวกเขาถึงเลิกกัน
“แล้วมาอีกนะ ไอเดน” ลีโอว่าขณะที่เดินไปส่งคนรักเก่าถึงหน้าประตูห้อง “ฉันจะรอจนกว่านายจะอยากรื้อฟื้นความหลัง”
“งั้นนายคงต้องรออีกนานเลยล่ะ อดัมส์”
แล้วเอลเลียตก็จ้ำเท้าพรวดๆ ตรงไปยังลิฟต์ของโรงแรม
------------------------------------------
Talk: เห็นมีคนร่ำร้องอยากเจออดัมส์เหรอคะ? เอามาให้เจอแล้วนะ ถถถถถถถ