มาต่อแล้วจ้า~ หวังว่าคงจะไม่ทำให้ค้างคานะคะ ^ ^"
ดวงใจจ้าวมังกร
Act.20 ชิงตัว
...คฤหาสน์หลังใหญ่ กับบรรยากาศอันชวนอบอวนไปด้วยความกดดันประหลาด ซึ่งตั้งตระหง่านตรงหน้า ไม่ได้ทำให้ดราโกคิดหยุดฝีเท้าและความตั้งใจแต่แรกที่จะก้าวเข้าไป ทว่าแองแซลที่ตามมาทันนั้นรีบเอ่ยเตือนขึ้นก่อน
“ท่านดราโก ภายในนั้นอาจจะมีกับดักก็ได้ ถึงข้าจะเชื่อเรื่องที่ท่านเรนาร์ดพูดก็ตามเถอะ!”
“แล้วไง...ต่อให้เบื้องหน้าคือนรก ข้าก็จะนำน้ำฟ้ากลับมาให้ได้!”
ดราโกตอบโดยไม่ต้องหยุดคิดให้เสียเวลา แล้วจึงเดินดุ่ม ๆ เข้าไป โดยไม่สนทหารที่เฝ้าทางเข้าคฤหาสน์ และแค่เพียงมังกรหนุ่มสบตากับพวกนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์ทรงอำนาจ ก็ทำให้ทหารเหล่านั้นผงะถอยหนีกันด้วยความหวาดกลัวแล้ว
“เฮ้อ...ช่วยไม่ได้นี่นะ”
แองเซลบ่นพึมพำ เขากลับคืนสู่ร่างวิหค และบินกลับไปยังตำหนักที่มีไทนอสอยู่ เพื่อขออนุมัติกำลังล้อมจับมาร์ลิค ไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันไหวตัวหนีไปได้ และอาจจะช่วยเป็นกำลังเสริมกรณีที่ดราโกพลั้งพลาด แม้ว่าเขาจะค่อนข้างมั่นใจในตัวของมังกรหนุ่มว่าจะไม่เสียท่าต่ออีกฝ่ายแน่นักก็ตาม
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ น่าแปลกที่มันเงียบมาก นอกจากทหารที่เฝ้าข้างนอกเพียงไม่กี่คน ด้านในก็แทบไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตให้เห็น
“น้ำฟ้า....เจ้าอยู่ไหนนะ”
ดราโกพึมพำกับตัวเอง แล้วไล่เดินหาไปเรื่อย ๆ จากชั้นล่าง ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปบนชั้นสอง ซึ่งทันทีที่พ้นบันไดและสัมผัสพื้นไม้ของชั้นบน เขาก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อได้กลิ่นหอมสะอิดสะเอียนบางอย่างเบาบางลอยมา มังกรหนุ่มเม้มปากน้อย ๆ เพิ่มความระมัดระวังตัว แล้วเดินไปยังทิศกำเนิดกลิ่นประหลาดนั่นช้า ๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนห้องหนึ่ง
“กับดักหรือไม่ เดี๋ยวก็รู้...”
มังกรหนุ่มพึมพำขณะที่เปิดประตูเข้าไป เขาไม่ได้กลัวเกรงต่อกับดัก หากแต่เป็นห่วงเด็กหนุ่มคนรักเสียมากกว่า
“...น้ำฟ้า!”
ร่างโปร่งบางที่นอนหลับสนิทบนที่นอนกลางห้องกว้าง ทำให้ดราโกเบิกตากว้างอย่างยินดี แล้วปราดเข้าไปหาทันที
“น้ำฟ้า! น้ำฟ้า! เจ้าเป็นอะไรมากไหม...ฟื้นสิน้ำฟ้า ลืมตามามองข้า!”
ดราโกเขย่าร่างที่หลับสนิทเบา ๆ อย่างเป็นห่วง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นเปลือกตานั้นขยับเบา ๆ แล้วเผยนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนให้เห็น
“น้ำฟ้า...ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว เรากลับกันเถอะ”
มังกรหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะชะงักกึกด้วยความประหลาดใจ เมื่อใบหน้าของคนรักนั้นยิ้มหวานตอบให้เขา แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลที่เคยสุกใสเป็นประกายกลับเย็นชาประหลาด
“น้ำฟ้า? …นี่เจ้า....”
คนที่เรียกชื่อคนรักอย่างแปลกใจ จู่ ๆ ก็พลันสะดุ้งเฮือก พลางก้มลงมองท้องตัวเอง เมื่อเด็กหนุ่มคนรักคว้ากริชเล่มเล็กที่ซ่อนไว้ใต้หมอน ปักเข้าที่ท้องของเขาจนมิดด้าม
“น้ำฟ้า...ทำไม?”
ลำพังแค่กริชเล่มเล็ก ๆ ไม่ได้ส่งผลให้กับมังกรอย่างเขาเท่าใดนัก ทว่าอำนาจที่แฝงมาในกริชนั่นต่างหาก ที่ทำให้ดราโกต้องนิ่วหน้า เพราะมันเหมือนกับว่าพลังเวทที่อยู่ในร่างของเขา กำลังถูกกริชนั่นดูดออกไปอย่างรวดเร็ว แถมพอมองหน้าคนรัก เด็กหนุ่มกลับยังคงยิ้มแย้มเย็นชาไม่เปลี่ยน จนดราโกเริ่มรู้สึกตัว
“หรือเจ้าก็โดนหมอนั่นสะกดเอาเช่นกัน!”
“หึ ๆ ถูกแล้ว ...ข้าเป็นคนสะกดเจ้าชายเอง แต่ไม่ใช่อาคมแบบเดียวกับที่สะกดท่านเรนาร์ดหรอกนะ มันเกิดจากสมุนไพรพิเศษ ที่ข้าปรุงขึ้นต่างหาก”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากทางเข้าห้อง เมื่อดราโกหันไป เขาก็ได้เห็นจอมเวทชรากำลังยืนมองอยู่อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง มังกรหนุ่มกัดฟันกรอด แล้วใช้พลังรวบรวมที่ฝ่ามือ หันไปทำลายโถกำยานอันเป็นต้นกำเนิดกลิ่นสะอิดสะเอียนนั่นทันที ทว่าพอใช้พลังออกไป เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังเวทของตนลดลงมาก เจ้าตัวมองกริชที่ท้องอย่างโมโห แต่ก็ไม่สามารถดึงมันออกมาได้อย่างน่าประหลาด
“คิดไม่ผิดเลยว่า ท่านเรนาร์ดต้องรีบไปขอความช่วยเหลือจากเจ้า ...แต่ไม่คิดว่าจะไปไวขนาดนี้ นึกว่าจะมีเวลาเตรียมตัวสักวันสองวันเสียอีก ...ดีนะที่ท่านเรโนยอมคลายพลังเวทป้องกัน มิเช่นนั้นก็คงควบคุมไม่ได้รวดเร็วเช่นนี้”
มาร์ลิคบอกเรียบ ๆ ราวกับว่าจะรู้เรื่องดราโกต้องมาช่วยน้ำฟ้าอยู่แล้ว ทำให้คนฟังต้องขมวดคิ้วยุ่งด้วยความโมโห
“เจ้าจะบอกว่าการที่เจ้ายอมให้คลายสะกดเด็กนั่น เพราะตั้งใจจะใช้เด็กนั่นไปล่อให้ข้ามาช่วยน้ำฟ้าสินะ! ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง หากข้าช่วยน้ำฟ้าได้สำเร็จ พวกเจ้าและราชินีก็จะเดือดร้อนไปด้วยไม่ใช่รึ!”
มาร์ลิคหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของมังกรหนุ่ม แล้วจึงเดินเข้ามานั่งยังเก้าอี้ไม้ที่อยู่มุมห้อง ก่อนจะตอบคำถามนั้นเรียบ ๆ ด้วยสีหน้าและแววตาเย็นชา
“แค่ล่อให้เจ้ามาได้ ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับฮาร์โมเนีย ข้าก็ไม่คิดสน ...ข้าชักเบื่อราชินีผู้โง่เขลานั่นเสียแล้ว ร่างกายอันแข็งแกร่ง และความหนุ่มแน่นของเจ้าต่างหาก คือสิ่งที่ข้าปรารถนายิ่งนักในตอนนี้”
ดราโกนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แล้วมองคนตรงหน้านิ่งอย่างตั้งสติยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์สินะ...พฤติกรรมและพลังเวทของเจ้า มันเหนือชั้นกว่ามนุษย์ทั่วไปจะทำได้”
มาร์ลิคหัวเราะเบา ๆ นัยน์ตาสีเทาเปล่งประกายวาววับอย่างถูกใจ เมื่ออีกฝ่ายนั้นรู้ทันในสิ่งที่เขาเป็น
“ถูกต้อง ...ข้าชอบทั้งความคิดและตัวตนของเจ้าเหลือเกิน... น่าเสียดายนะ หากร่างนี้ของข้ามันหนุ่มยิ่งกว่านี้ ข้าคงจะเก็บทั้งเจ้าและท่านเรโนไว้เป็นตุ๊กตารูปงามแนบข้างกายข้า...แต่เพราะร่างนี้มันแก่ชรามากแล้ว ข้าจึงจำต้องหาร่างใหม่เปลี่ยนสักที”
ดราโกได้ฟังแล้วก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปอีก เขาไม่คิดเลยว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังราชินีโอลิเวีย จะเป็นบุคคลอันตรายเช่นนี้ มิน่าพวกไทนอสจึงไม่สามารถทำอะไรกับเจ้าตัวได้เด็ดขาดสักที เพราะแค่เพียงหนึ่งชีวิตสำหรับเผ่าปีศาจ ก็เหมือนกับต้องสู้กับมนุษย์นับร้อย นับพันคนแล้ว
“...เผ่าปีศาจที่มาปะปนกับพวกมนุษย์อย่างนั้นรึ...เจ้าไม่กลัวโดนเจ้าพวกทหารเทพไล่ล่าอย่างนั้นหรือไง!”
ดราโกเอ่ยอย่างหงุดหงิด แม้จะรู้ว่าคำพูดของตน มันไม่มีผลให้คนตรงหน้าหวาดกลัวเลยก็ตาม
“ข้าไม่โง่ทำตัวโฉ่งฉ่าง ให้พวกมันจับได้หรอกน่า ...ว่าแต่ห่วงตัวเองก่อนเถอะ พลังเวทในร่างของเจ้าเริ่มน้อยลงเต็มที จนแม้แต่ปีศาจที่กำลังพักฟื้นอย่างข้า ก็ยังสามารถจัดการเจ้าได้ง่าย ๆ แล้ว...ว่าแต่พลังเวทขนาดนี้ ชักน่าสนใจแล้วสิ ว่าเจ้าเป็นเผ่าใดกัน?”
มาร์ลิคบอกแล้วยิ้มเยาะ ส่วนดราโกนั้นแม้จะเจ็บใจปานใด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาอยู่ในสถานการณ์คับขันจริง ๆ เจ้าตัวเหลือบมองน้ำฟ้าที่ยังคงนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตารอรับคำสั่ง มังกรหนุ่มเม้มปากแน่น แล้วจึงหันไปทางจอมเวทชรา
“เจ้าคิดจะใช้ร่างของข้า แล้วทำให้น้ำฟ้าเป็นของเจ้าสินะ...”
จอมเวทเฒ่าเลิกคิ้วน้อย ๆ กับคำถามนั้น แต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบออกไปตามตรง
“ใช่...เจ้าเองก็น่าจะพอใจนะ ที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้”
ดราโกคิ้วกระตุก แต่ก็ยังฝืนยิ้มแสยะส่งให้
“หึ! ใครหน้าไหนมันจะพอใจ ที่ของรักต้องให้คนอื่นแตะต้อง ถึงมันจะเป็นร่างของตัวเองก็ตามเถอะ!”
มาร์ลิคหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจ และยังเฝ้ามองดูว่าอีกฝ่ายคิดจะมาไม้ไหน เพราะถ้าเขาลงมือตอนนี้ ดราโกก็ไม่แคล้วถูกเขาครอบงำได้สบาย ๆ
“...ไหน ๆ ข้าก็ตกอยู่ในกำมือเจ้าแล้ว ถือว่าข้ามันซวยเอง ที่ดันยอมเดินเข้ามาในกับดักเจ้าง่าย ๆ แบบนี้ ...แต่ก่อนจะโดนเจ้ากลืนร่าง ข้าขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหม?”
คำขอร้องของมังกรหนุ่มทำให้คนฟังเลิกคิ้ว แล้วจึงย้อนถาม
“เจ้าจะขออะไร?”
“ข้าอยากกอดน้ำฟ้า ด้วยร่างของข้าเองเป็นครั้งสุดท้าย!”
คำขอของอีกฝ่ายทำให้มาร์ลิคผงะ ก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างชอบใจ
“ฮ่า ๆ คำขอของเจ้านี่ช่างแปลกประหลาดสมกับตัวเจ้ายิ่งนัก...ก็ได้! ข้าอนุญาต แต่ข้าคงต้องเฝ้าดูไม่ให้เจ้าเล่นตุกติกกับตุ๊กตาที่น่ารักของข้าล่ะนะ”
ดราโกกระตุกยิ้มนิด ๆ ที่ริมฝีปาก โดยไม่ได้สนใจว่าจอมเวทชราจะนั่งอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ เขาเริ่มลงมือจูบเล้าโลมร่างตรงหน้า น้ำฟ้าเหลือบตามายังมาร์ลิค แต่พอเห็นจอมเวทเฒ่าพยักหน้าตอบรับ เขาก็ยอมให้ดราโกปรนเปรอมอบความสุขให้ตนอย่างไม่คิดขัดขืน
ร่างเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มนอนหอบกระเส่าเชิญชวน ทำให้ร่างสูง และคนที่นั่งเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ กลืนน้ำลายลงคอแทบจะพร้อมกัน
“ข้าถอดให้เจ้าแล้ว เจ้าก็ถอดให้ข้าบ้างสิ”
ดราโกบอกกับคนรักด้วยแววตาหวานฉ่ำ น้ำฟ้ายิ้มยั่วยวน แล้วจึงค่อย ๆ ปลดเสื้อด้านบนของชายหนุ่มออก เผยให้เห็นแผ่นอกล่ำกำยำ ที่คนเฝ้ามองอยู่ต้องลอบยิ้มอย่างชื่นชมและพึงพอใจ
“ชู่ว...ด้านบนยังไม่หมดเลยนะน้ำฟ้า”
ดราโกกระซิบ คนที่กำลังจะถอดท่อนล่างของตน น้ำฟ้าชะงัก แล้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย เช่นเดียวกับมาร์ลิค
“นี่ไง...”
ดราโกดึงเสื้อแขนยาว ที่น้ำฟ้าถอดค้างไว้ที่แขนทั้งสองข้างออก เผยให้เห็นปลอกแขนสีทอง ซึ่งแกะสลักอักขระประหลาดไว้อยู่บนนั้น
“ถอดด้วยสิ มันเกะกะตอนเวลากอดเจ้าไม่ใช่รึ...”
ดราโกอ้อน แต่คนฟังไม่ได้สนใจอันใด พอถูกสั่งให้ถอด เจ้าตัวก็เริ่มลงมือแกะสลักปลอกแขนนั่นออก โดยมีมาร์ลิคที่เฝ้าจับจ้องอย่างสงสัยและรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างบนอักขระในปลอกแขนนั่น จอมเวทชราประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตาเบิกกว้างตามมา
“หยุดก่อนเจ้าชาย ห้ามถอดปลอกแขนนั่นนะ!”
ทว่าช้าไปเสียแล้ว น้ำฟ้าปลดสลักนั่นออกแล้วหันมาทางมาร์ลิคอย่างงุนงง เป็นจังหวะเดียวกับที่ดราโกสลัดปลอกแขนหลุดไปจากแขนเขา แล้วหัวเราะดังลั่นห้องอย่างสะใจ มาร์ลิคชะงักกึก เพราะทันทีที่ปลอกแขนหลุดจากร่างของอีกฝ่าย พลังมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาจากร่างนั้นให้เขาสัมผัสได้
“ฮ่า ๆ ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระ ...เอ้า! อยากได้พลังนัก ข้าก็จะให้เจ้า เอาไปตามใจชอบ!”
ดราโกปลอดปล่อยพลังที่ถูกกักไว้ทั้งหมดในร่าง ถ่ายเทไปยังกริช จนมันเริ่มปริร้าว แล้วแตกสลายไป ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ ลุกขึ้น และเดินไปหามาร์ลิคที่ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้า...ไม่น่าเชื่อ พลังมหาศาลรุนแรงเช่นนี้ ...เจ้าเป็นมังกรหรอกรึ!”
“หึ! สมแล้วกับที่เป็นเผ่าปีศาจ รับรู้ถึงตัวตนของข้าได้ง่ายดายแบบนี้ ...เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้น ข้าจะลดโทษที่เจ้าทำร้ายข้ากับคนรักของข้าลง เป็นแค่จับเจ้าฉีกแยกร่างให้ตายสบาย ๆ ในคราเดียวแทนแล้วกัน!”
ดราโกเอ่ยคำรามใส่ด้วยสีหน้าและแววตาที่มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คำขู่ มาร์ลิคเหลือบสายตาไปมองอีกคนในห้อง แล้วถลึงตาออกคำสั่ง ทำให้เจ้าตัวลุกขึ้นมากอดหมับรั้งร่างมังกรหนุ่มเอาไว้ จนดราโกต้องเผลอละสายตาจากจอมเวทเฒ่า หันกลับไปมองคนรักอย่างตกใจ
“น้ำฟ้า! ปล่อยข้า! ...อ๊ะ!”
ดราโกที่ไหวตัวทันหัวขวับไปยังมาร์ลิค แต่ก็ช้าไปแล้ว จอมเวทชราใช้พลังที่เหลือสร้างช่องว่างมิติหนีออกไปนอกคฤหาสน์ทันที จนมังกรหนุ่มที่เตรียมคว้าร่างนั้นเอาไว้ ต้องพลาดไปหวุดหวิดอย่างน่าเสียดาย
“น้ำฟ้า...ปล่อยข้าได้แล้ว”
ดราโกหันมาทางคนรัก ซึ่งยังตกอยู่ในมนต์สะกด น้ำฟ้ายังคงนิ่งเฉย ไม่ยอมปล่อย ทำให้มังกรหนุ่มต้องถอนหายใจ แล้วดึงแขนอีกฝ่ายเบา ๆ ร่างของน้ำฟ้าก็ปลิวมาตามแรงดึงของเขา จากนั้นดราโกจึงก้มลงจูบที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ตอนแรกร่างเปลือยเปล่านั้นต่อต้าน ทว่าเพียงแค่สักพัก เจ้าตัวก็นิ่งเงียบเลิกดิ้นรน หลับตาพริ้ม แล้วสลบลงไปในอ้อมแขนของร่างสูงทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ
“ขอโทษนะ น้ำฟ้า ข้าคงต้องให้เจ้าหลับไปเช่นนี้ก่อน แล้วข้าจะรักษาให้เจ้าอีกที”
ดราโกพึมพำกับอีกฝ่าย เขาใช้เวททำให้อีกฝ่ายหลับไปผ่านการจูบอันแสนเร่าร้อนของตน เพื่อไม่ให้มาร์ลิคใช้ประโยชน์จากร่างของคนรักได้อีก มังกรหนุ่มดึงผ้าปูเตียงมาคลุมร่างของเด็กหนุ่มหลวม ๆ แล้วหยิบปลอกแขนสะกดพลังติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินออกไปนอกคฤหาสน์ที่มีแองเซลและองค์รักษ์จำนวนหนึ่งรอคอยอยู่อย่างเป็นห่วง
“ท่านน้ำฟ้า! ท่านดราโก เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
แองเซลถามทันทีที่เห็นร่างซึ่งสลบในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ดราโกก้มมองคนรักแล้วตอบกลับไปเรียบ ๆ
“ไม่มีอะไร แค่สลบไปเท่านั้น แต่เจ้าปีศาจเฒ่านั่นหนีไปได้”
องครักษ์หนุ่มนิ่งอึ้ง แล้วก็ต้องอึ้งขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของมังกรหนุ่ม
“...แองเซล เจ้าต้องไปบอกไทนอสให้ลงมือได้แล้ว เพราะข้าจะไม่รอให้พวกมันทำร้ายคนรักของข้ามากไปกว่านี้... ถ้าพวกเจ้าไม่จัดการ ข้าจะลงมือในแบบของข้าเอง!”
“...ขอรับ”
แองเซลตอบรับค่อย ๆ พลางลอบถอนหายใจ ก่อนกล่าวต่อ
“ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยาน และหลักฐาน ว่าราชินีคิดร้ายต่อรัชทายาทของอาณาจักรจริง ที่เหลือก็แค่จับมาร์ลิคให้ได้เท่านั้น...”
ยังไม่ทันพูดจบดี พวกเขาในที่นั้น รวมไปถึงผู้คนทั่วราชอาณาจักร ต่างก็ต้องตกใจ เมื่อได้ยินเสียงระฆังดังก้องกังวานไปทั่วอาณาจักร
“เสียงอะไร!”
ดราโกหันไปถามแองเซล ที่บัดนี้มีหน้าซีดเผือด
“เสียงระฆังหอเตือนภัย ...ระฆังที่ไม่ว่าใครในอาณาจักรก็ห้ามตีเด็ดขาด ยกเว้นยามที่ฮาร์โมเนีย ประสบเหตุเภทภัยสูงสุด ...เพราะมันเป็นเสียงสัญญาณ ที่มีไว้เพื่อขอความช่วยเหลือจากเผ่าเทพ!”
มังกรหนุ่มนิ่งอึ้ง ผงะไปกับคำตอบที่ได้รับ ทว่าพวกเขาก็ต้องชะงักซ้ำสอง เมื่อเสียงระฆังที่ดังกังวานสักพัก เริ่มเงียบหาย และนั่นทำให้ดราโกหันมามองแองเซลอย่างตั้งคำถาม
“คงมีใครไปหยุดยั้งการส่งสัญญาณเอาไว้ ....อาจจะเป็นพวกของฝั่งเรา .... ดีแล้ว ถ้าสัญญาณดังไม่ต่อเนื่องเช่นนี้ ทางนั้นอาจจะคิดว่ามีความผิดพลาด แล้วเราก็พอแก้ไขได้ทัน”
แองเซลคาดเดา ซึ่งคำตอบนั้นขององครักษ์หนุ่มก็ค่อนข้างตรงใจกับของคนฟังด้วยเช่นกัน
“ต้องไปจัดการตัวต้นตอส่งสัญญาณสินะ!”
ดราโกคำราม แล้วจึงตัดสินใจส่งร่างที่สลบของน้ำฟ้าและปลอกแขนสะกดพลัง ให้แองเซลดูแล ก่อนจะสยายปีกสีดำสนิทออกจากแผ่นหลังเปลือยเปล่า พร้อมกับบินตรงไปยังหอเตือนภัยที่ว่านั่นทันที โดยที่แองเซลไม่ทันเอ่ยปากห้ามเรื่องที่อีกฝ่าย
“...ท่านดราโกนะท่านดราโก ...เล่นเผยตัวจริงซะเองเช่นนี้ แล้วถ้าเผ่าเทพลงมาจริง พวกข้าจะแก้ตัวให้ท่านได้อย่างไร...”
แองเซลพึมพำแล้วชะงัก ก่อนที่นัยน์ตาจะเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ด้วยการตัดสินใจ
“...ไม่สิ ถ้ารีบจับกุมราชินี เรื่องที่ท่านดราโกเป็นคนรักของท่านน้ำฟ้า ก็ไม่มีปัญหา!”
จากนั้นชายหนุ่มจึงหันไปทางองค์รักษ์ที่ติดตามเขามา พลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงห้วนห้าว จริงจัง ดังไปทั่วบริเวณนั้น
“พวกเจ้าไปรวบรวมทหาร ปิดตำหนักของราชินี อย่าให้ใครในตำหนักหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!”
--- TBC ---