อู่ซ่อมรัก. 16
[สวัสดีวันจันทร์ ขอให้สุขสันต์ตลอดไป]
[สวัสดีวันอังคาร น่ารักสดใส]
[สวัสดีวันพุธ ขอให้มีแต่โชคลาภเงินทอง]
มีข้อความส่งเข้ามาในตอนเช้าของทุกวันอย่างสม่ำเสมอ มิ่งอ่านข้อความที่ได้รับด้วยรอยยิ้มและตอบกลับไปในแบบเดียวกัน ข้อความที่ใครหลายคนมองว่าเชย ข้อความที่ส่งหากันแบบที่ผู้ใหญ่หลายคนส่งความปรารถนาดีให้กันทุกเช้า
ตอบข้อความที่คุณทัศนัยส่งให้เรียบร้อยและเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความสุขและทำงานอย่างตั้งใจ ความสัมพันธ์ของคนสองคนชัดเจนขึ้นมากโดยไม่ต้องบอกให้ใครรับรู้ ทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน มีรอยยิ้มให้กันเสมอ แม้ไม่ได้พูดคุยกันมากมายและยังใช้ข้ออ้างเรื่องการจ่ายเงินใช้หนี้สำหรับเจอกันอยู่ก็ตาม
“ใกล้จะวันเด็กแล้วนะ”
“ทำไมคุณทัศถึงรู้ล่ะครับ”
เอ่ยถามด้วยความสงสัยและคุณทัศนัยก็บอกให้มิ่งรู้
“หนูพิมพาบอกผมตอนที่เจอกันคราวก่อน ผมเลยจำได้”
นอกจากให้ความช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ แล้วคุณทัศนัยก็ยังใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยของลูกสาวมิ่งด้วย
“หนูพิมพาได้บอกมิ่งบ้างหรือเปล่าว่าจะเต้นในงานวันเด็ก”
เรื่องนี้มิ่งพอจะจำได้ลาง ๆ และก็เกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำถ้าคุณทัศนัยไม่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“พิมพาเคยบอกไว้อยู่ครับ”
“แล้วมิ่งจะไปงานวันเด็กที่หนูพิมพาเต้นหรือเปล่า”
ไม่รู้ว่าจะได้ไปหรือเปล่า แต่มิ่งคิดว่าจะพยายามไปงานวันเด็กที่ลูกสาวขึ้นแสดงให้ได้ เพราะสัญญาเอาไว้แล้ว
“ไปครับ”
ตอบไปแล้ว และคุณทัศนัยก็พยักหน้ารับ
“อย่าลืมนะมิ่ง ทุกช่วงเวลาในชีวิตของลูกเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด อย่าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกเด็ดขาด เด็ก ๆ เขาจำได้นะว่าเราสัญญาอะไรกับเขาไว้”
“ครับ”
รับคำและคุณทัศนัยก็สบายใจได้เมื่อมิ่งบอกว่าจะไปดูการแสดงของเด็กหญิงพิมพา
+++
[สวัสดีวันเสาร์ เช้าวันเด็กแจ่มใส]
คุณทัศนัยส่งข้อความมาให้แบบนี้เป็นปกติ และมิ่งก็กำลังจะตอบข้อความที่คุณทัศนัยส่งมาให้แต่คุณทัศนัยก็ส่งข้อความตามมาอีก
[มิ่งอยู่ที่บ้านแล้วใช่มั้ย วันนี้หนูพิมพาจะเต้นเพลงอะไรในงานวันเด็กที่โรงเรียนล่ะ]
อ่านข้อความที่คุณทัศนัยส่งมาให้แล้วก็ได้แต่นิ่งงัน มองไปที่ปฏิทินที่แขวนอยู่ที่ฝาผนังแล้วก็รู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าวันนี้เป็นวันเด็ก ทั้งที่สัญญากับลูกเอาไว้แล้วว่าจะไปดูการแสดง แต่เพราะช่วงนี้มีรถเข้ามาที่อู่เยอะมาก เลยทำงานจนลืมวันลืมเวลา ลืมแม้กระทั่งวันสำคัญของลูก และยังไม่ทันจะได้ตอบข้อความคุณทัศนัยก็โทรมาหา
“ครับคุณทัศ”
“เป็นยังไงบ้าง ขอโทษที่ผมโทรมารบกวนแต่เช้าแต่จะบอกว่าอย่าลืมถ่ายรูปหนูพิมพามาด้วยนะ”
“..........”
มิ่งไม่ตอบและคุณทัศนัยที่โทรมาก็ถามด้วยความสงสัย
“มิ่ง ทำไมเงียบไปล่ะ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้วหรอกเหรอ”
ได้ยินสิ่งที่คุณทัศนัยถามและมิ่งก็ได้แต่ตอบออกไปเสียงเบา
“เปล่าครับ ผม...ยังอยู่ที่อู่”
“แต่มิ่งสัญญากับลูกไว้แล้วนะ”
ใช่ที่สัญญา และตอนนี้คงต้องผิดสัญญากับลูกอีกแล้วเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“ผม...”
ไม่รู้จะอธิบายยังไงและคุณทัศนัยก็รีบพูดทันที
“อีกครึ่งชั่วโมงผมจะเข้าไปรับมิ่งที่อู่นะ”
“คุณทัศจะมาเหรอครับ”
“ใช่แล้ว เดี๋ยวผมจะเข้าไปรับ แล้วเราไปงานวันเด็กที่โรงเรียนหนูพิมพาด้วยกัน”
+++
วันเด็กที่โรงเรียนของเด็กหญิงพิมพามีการแสดงของเด็ก ๆ ในโรงเรียนทุกชั้นปี การแสดงต่าง ๆ มีทั้งการเต้น การรำและการร้องเพลง วันเด็กเป็นวันที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมาดูการแสดงของลูกหลานเพื่อเป็นกำลังใจให้ เด็กหญิงพิมพาแต่งตัวเสร็จแล้ว และเมื่อมองออกไปที่หน้าเวทีก็ไม่เห็นว่าพ่อจะมาตามที่เคยสัญญาเอาไว้ หัวใจดวงน้อยของเด็กหญิงพิมพาห่อเหี่ยวลง และเดินออกมาหน้าเวทีเมื่อครูประกาศให้นักเรียนชั้น ป.1 ขึ้นแสดงแล้ว
ตอนอยู่อนุบาลพ่อก็บอกว่าจะมาดูการแสดง แต่ก็ผิดสัญญา พ่อบอกว่าต้องทำงานมาไม่ได้จริง ๆ และเด็กหญิงพิมพาก็ได้แต่ยอมรับและไม่เคยร้องไห้งอแงเรียกร้องให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
วันนี้พ่อมิ่งก็คงมาไม่ได้ทั้งที่รับปากไว้แล้ว มองไปที่หน้าเวทีเห็นปู่กับย่าถือพวงมาลัยเตรียมคล้องคอให้ ครอบครัวของเพื่อนคนอื่น ๆ มีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้ากันและมีทั้งลูกโป่งดอกไม้และของขวัญเตรียมไว้ให้หลังการแสดงจบ เด็กหญิงพิมพาได้แต่แอบนึกอิจฉาเพื่อน ๆ อยู่ในใจ แต่ไม่เคยบอกให้ใครได้รู้
“วันนี้นักเรียนชั้น ป.1/1จะมาในชุดการแสดง ระบำฮาวาย ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านปรบมือเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ”
เสียงปรบมือของผู้ปกครองดังขึ้นพร้อมกัน และเด็กหญิงพิมพาและเพื่อน ๆ ในห้องก็ออกมายืนหน้าเวทีด้วยชุดระบำฮาวายที่ใช้เพียงแค่ผ้าที่มีลวดลายน่ารักพันที่อกและเอว ตรงข้อมือมีดอกไม้เล็ก ๆ ประดับอยู่ รวมทั้งที่คอและบนหัวก็มีดอกไม้ประดับอยู่ด้วย
“ขอเชิญรับชมได้เลยค่ะ”
เสียงเพลงดังขึ้น พร้อมกับที่เด็ก ๆ เต้นด้วยท่าทางต่าง ๆ ที่ฝึกมาสอน มิ่งก้าวขาเร็ว ๆ ขึ้นโดยมีคุณทัศนัยเดินตามมาด้วยและเพียงไม่นานก็มาถึงหน้าเวที และคุณทัศนัยก็เดินไปซื้อดอกไม้และพวงมาลัยทั้งหมดที่โรงเรียนเปิดให้ผู้ปกครองซื้อเพื่อเป็นกำลังใจให้ลูกหลาน
“มิ่ง”
ยื่นพวงมาลัยและดอกไม้ที่หอบหิ้วเต็มมือส่งให้และมิ่งก็หันมามองคุณทัศนัยและเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“คุณทัศทำไมซื้อมาเยอะแยะมากมายขนาดนี้ มันสิ้นเปลืองเงินทองนะครับ”
คุณทัศนัยไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มกว้างและมิ่งก็ยอมรับทั้งดอกไม้และพวงมาลัยมาถือเอาไว้ด้วยความเกรงใจ
“เราต้องช่วยกันเชียร์หนูพิมพานะ วันเด็กเป็นวันสำคัญ พ่อแม่คนอื่น ๆ ก็อยากให้ลูกได้ดอกไม้และพวงมาลัยมากกว่าคนอื่นทั้งนั้น”
“แต่แบบนี้มันสิ้นเปลืองนะครับ”
ทักท้วงไปและคุณทัศนัยก็พยักหน้ารับและบอกให้มิ่งเข้าใจ
“ทำยังไงได้ ก็ผมอยากให้ลูกสาวของเราได้พวงมาลัยมากกว่าคนอื่นนี่นะ”
เป็นการพูดจาเอาแต่ใจตัวเองที่ทำให้คนฟังรีบเบือนหน้าหนีและไม่กล้าจะโต้เถียงอะไรด้วยอีก คุณทัศนัยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่ได้เห็นปฏิกิริยาของมิ่งที่ดูคล้ายอาการของคนที่กำลังเขินแต่ทำตัวไม่ถูก
“ผมเหมาะสมจะเป็นพ่อที่ดีได้หรือยัง”
แกล้งกระซิบถามพอให้ได้ยินกันสองคน และมิ่งก็รีบขยับออกห่างและโบกมือให้เด็กหญิงพิมพาที่เห็นแล้วว่ามิ่งและคุณทัศนัยยืนอยู่ตรงนี้ เสียงเพลงจบแล้วพร้อมกับที่พ่อแม่ผู้ปกครองคนอื่น ๆ เดินเข้ามาหน้าเวทีเพื่อมาคล้องพวงมาลัยให้ลูกหลาน และเด็กหญิงพิมพาก็รีบเดินมาให้มิ่งและคุณทัศนัยคล้องพวงมาลัยและรับดอกไม้ทั้งหมดมาถือเอาไว้
“พ่อมิ่งมาหาพิมพาแล้ว พิมพาเต้นสวยมั้ยจ๊ะ”
“พิมพาเต้นสวยที่สุดเลย พิมพาเก่งมากลูก”
ยกนิ้วโป้งให้และเด็กหญิงพิมพาที่เคยหัวใจห่อเหี่ยวตั้งแต่ยังไม่ได้แสดงก็กลายเป็นเด็กที่มีทั้งดอกไม้และพวงมาลัยมากที่สุดในชั้นปี
“พิมพายิ้มนะ พ่อมิ่งจะถ่ายรูปให้”
เด็กหญิงพิมพายืนยิ้มกว้างอยู่ข้างเวที ที่คอมีพวงมาลัยจนเลยคิดมาแทบจะมองไม่เห็นหน้าและในมือก็หอบดอกไม้เอาไว้ ตอนนี้เด็กหญิงพิมพากลายเป็นเด็กที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่สุดเมื่อพ่อมาดูการแสดงในวันเด็กเป็นครั้งแรก ยกมือขึ้นโบกไปมาตอนที่เดินเข้าไปหลังเวทีและมิ่งก็มองตามและยิ้มอย่างมีความสุข
“โชคดีจังที่เรามาทัน”
หันไปมองคนที่ขับรถพามาร่วมงานวันเด็กของลูกสาวและทันได้ดูการแสดงและคล้องพวงมาลัยเพื่อเป็นกำลังใจให้กับลูกเป็นครั้งแรกแล้วมิ่งก็อยากจะขอบคุณ คุณทัศนัยอีกหลาย ๆ ครั้ง
“เพราะคุณทัศทำให้ผมได้มาดูการแสดงของพิมพา ผมขอบคุณคุณทัศมากจริง ๆ นะครับ”
มิ่งยกมือไหว้และคุณทัศนัยก็พยักหน้ารับ
“ด้วยความเต็มใจครับ”
รอยยิ้มของคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเหมือนแสงสว่างที่ชัดเจนขึ้นในใจของมิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
“คุณทัศดีกับผมขนาดนี้ ผมไม่รู้จะตอบแทนคุณทัศยังไงดี”
“ไม่เห็นจะยากเลย มิ่งก็แค่...”
“เอ็งมาแล้วเหรอมิ่ง แม่นึกว่าเอ็งจะมาไม่ทันดูพิมพามันเต้นซะแล้ว ดูสิหน้ามันบานไปหมดแล้ว คงดีใจที่ปีนี้พ่อมันมาดู”
แม่ของมิ่งเดินเข้ามาหาและคุณทัศนัยก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถอะคุณ แล้วนี่ต้องรีบกลับกันเลยหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่รีบครับ เดี๋ยวอยู่รอจนโรงเรียนเลิกเลยก็ได้”
คุณทัศนัยชวนแม่ของมิ่งคุย และมิ่งก็มองคนที่กำลังคุยกับแม่ด้วยท่าทางที่เป็นกันเองโดยไม่ถือตัวเลยสักนิด
“พิมพามันเลยหน้าบานกว่าเพื่อนคนอื่น เกิดมาคงไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พวงมาลัยกับดอกไม้มากขนาดนี้ คงจะเอามาคุยอวดย่าทั้งวันทั้งคืนแน่ ๆ แบบนี้”
คุณทัศนัยหัวเราะกับสิ่งที่แม่ของมิ่งพูดและมิ่งก็มองหน้าของคุณทัศนัยนิ่ง ๆ นึกอยากจะพูดคำว่าขอบคุณอีกหลาย ๆ ครั้ง
“แค่เห็นหนูพิมพาดีใจผมก็มีความสุขแล้วครับ”
“ดีจริง ๆ เลย ขอบคุณแทนไอ้มิ่ง ขอบคุณแทนพิมพามันด้วย เกิดมาไม่เคยเจอใครที่ดีอย่างคุณเลย ไอ้มิ่งมันโชคดีจริง ๆ ที่มีเจ้านายใจดีมีเมตตาอย่างคุณ”
+++
โรงเรียนเลิกแล้ว และเด็กหญิงพิมพาก็เล่าเรื่องการซ้อมเต้นระบำฮาวายที่เพิ่งแสดงจบไปไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นรถจนกลับถึงบ้าน คุณทัศนัยดูจะสนใจเรื่องที่เด็กหญิงพิมพาเล่าเป็นพิเศษ และพูดคุยกันด้วยความสนิทสนม ชวนคุยเรื่องที่โรงเรียน เรื่องเพื่อนและเรื่องต่าง ๆ และเด็กหญิงพิมพาก็คุยไม่หยุดโดยที่มิ่งนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ
“ลุงทัศใจดี หนูอยากให้ลุงทัศมาเป็นแม่ของหนู”
แค่เพียงได้ยินมิ่งก็หัวเราะออกมาด้วยขำ และคุณทัศนัยก็ทำหน้าไม่ถูกตอนที่ได้ยินเด็กหญิงพิมพาพูดแบบนั้น
“โธ่ ลุงทัศจะเป็นแม่ให้ได้ยังไงล่ะหนูพิมพา”
ปลอบใจเด็กหญิงพิมพาที่ทำหน้าเศร้า และคุณทัศนัยก็หันไปมองหน้าของมิ่งแบบยิ้ม ๆ
“แต่ลุงทัศเป็นอย่างอื่นให้หนูได้นะ”
“จริงเหรอจ๊ะ”
เด็กหญิงพิมพายิ้มอย่างมีความสุข และคุณทัศนัยก็บอกให้หนูพิมพาถามมิ่งที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ลองถามพ่อมิ่งของหนูดูซิ ว่าลุงทัศพอจะเป็นอะไรได้บ้าง”
อยู่ดี ๆ ก็ให้เด็กหญิงพิมพาถาม และเด็กหญิงพิมพาก็ถามมิ่งตามที่คุณทัศนัยบอก
“พ่อมิ่ง ให้ลุงทัศเป็นอะไรได้บ้างจ๊ะ”
มิ่งไม่รู้จะตอบลูกสาวยังไง มองหน้าของคุณทัศนัยที่กำลังยิ้ม แล้วก็ทำหน้าไม่ถูก เลยหาหลีกเลี่ยงด้วยการดึงลูกสาวมากอดเอาไว้และคุณทัศนัยก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นมิ่งใช้วิธีนี้ในการเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
“ลุงทัศอยากให้หนูถามพ่อมิ่งให้ที ว่าตอนนี้จะยอมเป็นแฟนของลุงทัศได้หรือยัง”
“พ่อจ๊ะ ลุงทัศให้ถามว่า...”
เด็กหญิงพิมพายังไม่ทันจะได้ถาม มิ่งก็อุ้มลูกขึ้นทันที
“นี่ก็ดึกแล้ว พ่อจะพาพิมพาไปนอนนะ”
เลี่ยงกันง่าย ๆ ด้วยวิธีนี้และคุณทัศนัยก็มองตามคนที่เดินหนีเข้าห้องไปแล้ว
“เลี่ยงไปได้ตลอดเลยนะ อยากรู้นักว่าจะเลี่ยงไปได้ถึงไหนกัน”
TBC.