ตอนที่ 12 อมยิ้มสื่อรัก (2)(ตอนจบ) -ติ- มองคนทำหน้าอ้อน ก็ใจอ่อน ผมยิ้มเออออก่อนจะลงไปเอาเค้กให้และตั้งใจจะไปคุยกับแม่และพี่ชายด้วย
เดินลงมาเห็นวุฒินั่งตัวเกร็งก็นึกขำ ไม่เคยคิดเลยว่า จู่ๆเพื่อนรักของผมจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของบ้านผมซะอย่างนั้น
สาวเท้ายาวๆไปนั่งพิงหลังแม่ที่หันหน้าไปคุยกับพี่ตั้นและวุฒิด้วยท่าทางสบายๆ
"ทำอะไรติ" ผมนั่งเบียดแม่ จนอีกฝ่ายต้องหยุดบทสนทนาแล้วหันมาถามผม
"แม่ไม่ต้องบ่นพี่ตั้นหรอกครับ มากินเค้กกันดีกว่า"
"แม่ไม่ได้บ่นสักหน่อย แม่แค่ถาม เรื่องที่ตั้นคบวุฒิไม่บอกแม่สักคำต่างหาก"
"ฮ่าๆ แล้วแม่ดีใจไหมล่ะครับ ที่ได้เพื่อนผมเป็นพี่สะใภ้" ชะโงกหน้าไปแหย่วุฒิที่ชะงักก่อนจะทำหน้าถมึงทึงเหมือนอยากด่า แต่ด่าไม่ได้
ผมยกมือปิดปากกลั้นขำ ตอนนี้ เป็นการพูดคุยที่ไม่ได้จริงจังอะไร พี่ตั้นจึงตัดบทสนทนาและลุกจากโซฟาไปตรงโต๊ะที่วางเค้ก ทุกคนจึงลุกตามไป
ดูเหมือนแม่ผมจะถูกใจพี่ชินเข้าให้จริงๆ เพราะแม่ผมมิวายถามถึงพี่ชินตลอด ผมโกหกว่า พี่ชินปวดหัวลงมาไม่ไหว ซึ่งแม่ดูจะตกใจไม่น้อย รีบกำชับผมหาน้ำ หายาให้พี่ชินด้วยท่าทีเป็นห่วง ผมกลัวหลุดความจริง จึงรีบพยักหน้าเออออกลับไป
เวลานี้ทุกคนดูผ่อนคลาย ผม วุฒิ พี่ตั้น และแม่นั่งกินเค้กด้วยกันอย่างมีความสุข
นับว่าเป็นช่วงเวลาของการกินเค้กที่แสนเรียบง่ายและธรรมดา แต่ผมมีความสุขมาก เพราะคนที่รายล้อมรอบตัวผมตอนนี้ คือ คนที่ผมรักทั้งสิ้น
จัดการของหวานแสนอร่อยกันเสร็จ แม่ผมนึกอยากกลับบ้าน จึงบอกพี่ตั้นให้ไปส่ง เนื่องจากแกกังวลและห่วงบ้านไม่อยากนอนค้างอ้างแรมที่อื่นเท่าไหร่ แม้ผมจะรบเร้าให้นอนที่นี่แทบตาย แต่แม่ก็ยังดื้อดึงดันจะกลับให้ได้ ผมเลยไม่อยากเถียงให้เกิดปัญหา
เดินออกมานอนตัวบ้าน ขณะที่พี่ตั้นเดินนำหน้าไปกับแม่ ผมรั้งแขนวุฒิให้เดินช้าลงกว่าเดิมและถาม
"สบายใจขึ้นบ้างรึยัง?"
"เรื่องอะไร?"
"พี่ชายกู" มองวุฒิตัวแข็งทื่อและดูจะเขินอายก็ส่งสายตาล้อเลียน ผมไม่รู้หรอกว่าตอนที่แม่ถามเรื่องราวความรักของสองคนนี้ พี่ตั้นพูดความในใจอะไรออกไปบ้าง แต่ดูท่าทางวุฒิแปลกไปไม่น้อย
"สะ...บายใจ"
"มึงควรดีใจ พี่ตั้นไม่เคยพาใครมาหาแม่"
"อะอื้มม..."
"ถ้ามึงคบกับพี่ตั้นแล้วมีปัญหาหรืออึดอัดใจอะไร ปรึกษากูได้นะ"
วุฒิยิ้มมุมปากพลางหน้าแดง
"ขอบใจนะ อ่อสุขสันต์วันเกิดอีกรอบนะมึง คำอวยพรคงไม่ต้องแล้วมั้ง ก็ชีวิตมึงสมหวังแล้วนี่"
"ฮ่าๆ เออ...ขอบใจที่มึงก็เข้าใจเรื่องกูกับพี่ชินนะ"
"อื้ม...ก็มึงเป็นเพื่อนกูนี่" ผมและวุฒิส่งยิ้มให้กันก่อนจะแยกย้ายกันไปใช้เวลาส่วนตัว
แม้ก่อนหน้านี้ จะมีบ้างที่ผมกระดากกระเดื่องในความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่พอเคลียร์เรื่องรักลงตัว ผมสบายใจและรักวุฒิมากกว่าเดิม...
ขณะที่ยืนส่งทุกคนกลับบ้าน จนกระทั่ง รถยนต์พี่ตั้นพ้นลานสายตา ผมรีบวิ่งขึ้นห้องไปหาพี่ชินพร้อมเค้กชิ้นโตอย่างกลัวว่าพี่ชินจะน้อยใจที่ผมหายไปนาน
เปิดประตูห้องนอน เห็นพี่ชินนอนรอผมอยู่บนเตียง
"สรุปไม่มีใครนอนที่นี่นะครับพี่ชิน ผมเลยยืนคุยก่อนพวกเขาจะกลับบ้าน อ้าว!...พี่ชินอาบน้ำแล้ว อย่างงี้พี่ชินก็ไม่กินเค้กแล้วสิ?"
"กินครับ เดี๋ยวพี่ค่อยแปรงฟันอีกรอบ"
ผมพยักหน้า ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคนที่ขยับตัวมานั่งชิดริมเตียง
ผมยื่นจานเค้กให้พี่ชิน นั่งมองพี่ชินตักเค้กเข้าปาก ค่อยๆละเลียดก็แอบอมยิ้ม
ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่สมหวังกับความรัก ในขณะที่ยังมีคนอีกมากมายผิดหวังกับความรักไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม
ผมเห็นคุณค่าของการได้มาซึ่งโอกาสนี้จึงตั้งปนิธานกับตัวเองว่าจะดูแลพี่ชินให้ดีที่สุด ผมจะเอาใจใส่พี่ชินเหมือนที่พี่ชินเอาใจใส่ผม วันไหนที่เราอยู่ด้วยกัน ผมจะกอดเขา โอบเขา กุมมือเขาให้รู้ว่าผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน?
ผมรู้นะว่า มีพบก็ต้องมีจาก แต่ผมจะไม่กังวลกับอนาคตมาก ดังนั้น ผมจะสนใจแต่ปัจจุบัน เก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้ ดูแลและรักพี่ชินให้มากเท่าที่จะทำได้
"ยิ้มอะไร?" มัวแต่คิดเรื่องที่ว่าจะดูแลพี่ชินอย่างไรเลยไม่รู้ว่าตัวเองหลุดยิ้มตั้งแต่ตอนไหน?
"ผมดีใจที่มีพี่" พี่ชินชะงัก แล้วอยู่ดีๆแกหันไปวางจานเค้กลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันมาหาผม ยกมือประคองใบหน้า โน้มตัวมาประกบจูบ ปีนป่ายขึ้นมานั่งคร่อมบนตักผม
ผมช็อค ที่จู่ๆพี่ชินก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง บรรเลงบทรักโดยไม่บอกผมก่อน แม้พี่ชินจะเป็นฝ่ายเริ่ม แต่ใช่ว่าผมจะยอมให้พี่ชินทำอยู่ฝ่ายเดียว ผมจึงโต้กลับด้วยการส่งปลายลิ้นไปเกี่ยวกระหวัดกันอย่างหยอกเย้า เราจูบดูดดื่มลิ้มรสความหวานกันอยู่สักพัก พี่ชินถอนริมฝีปากออก ไล่ลงมาพรมจูบ ขบเม้มตรงลำคอของผม จากนั้น ค่อยใช้ลิ้นเลียวนจนผมตัวสั่น หัวใจวาบหวามกับการกระทำที่พี่ชินบรรจงทำให้
พี่ชินเลิกชายเสื้อผมขึ้น ถอดมันออก จากนั้น ก็เลื่อนริมฝีปากมาขบเม้ม ดึงดูดยอดอกของผมสลับข้างไปมาจนผมเผลอซี้ดปาก
ในขณะเดียวกัน พี่ชินปลดกระดุมเสื้อของตัวเองและถอดชุดนอนที่ใส่ออก ดันตัวผมให้นอนราบไปกับเตียง ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของผมดึงลงออกจากขาโยนทิ้งออกไปให้พ้นตา
ตอนนี้ เราสองคนร่างกายเปลือยเปล่า จากตอนแรกที่ผมเป็นฝ่ายนอนราบโดยที่พี่ชินคร่อมบนตัวผม ผมจับไหล่พี่ชิน พลิกตัวลงไปนอน ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนมาอยู่ข้างบนบ้าง
แม้จะสลับตำแหน่งกัน แต่เรายังคงจูบต่อเนื่อง และเหมือนใจตรงกัน เพราะตอนที่ผมเอื้อมมือไปจับแก่นกายของพี่ชินนั้น เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายก็เอื้อมมือมาจับน้องชายของผมพอดี
เราต่างรูดรั้งแก่นกายให้กันและกันอย่างรู้งาน วินาทีนั้น ผมดึงมือพี่ชินออกและกำทั้งแท่งร้อนของผมและพี่ชินกอบกุมไว้ด้วยมือเดียว
พี่ชินหลุดร้องเสียงครางกระเส่า จนความเสียวซาบซ่านของผมเกิดขึ้น ผมกำแก่นกายของเราสองรูดรั้งอย่างเนิบช้าก่อนจะค่อยๆเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนมันถูไถ เสียดสีกัน
แต่หลังจากนั้น ผมสะดุ้งลืมตามมามอง เมื่อพี่ชินจับข้อมือของผมลงไปถูตรงช่องทางรักข้างหลัง ตกใจยิ่งกว่าที่ผมไม่รู้ว่าทำไมช่องทางของพี่ชินถึงเปียกชุ่ม ฉ่ำแฉะได้ขนาดนี้
มองหลักฐานข้างกายเป็นหลอดเจลหล่อลื่นก็ได้แต่นึกประหลาดใจว่าพี่ชินไปแอบเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมยิ้มพอใจที่อีกฝ่ายรู้งานเป็นอย่างดี ผมจึงค่อยๆสอดนิ้วเข้าช่องทางรักพี่ชินช้าๆ ก่อนจะเพิ่มนิ้วจับขาพี่ชินขึ้นมาพาดบ่า เมื่อได้ที่ ผมกำแท่งร้อน นำส่วนหัวจ่อตรงช่องทางหลัง สอดเข้าไปทีละนิดๆจนตอนนี้เข้ามาค่อนลำ จากนั้น ผมดันแก่นกายให้เข้าไปลึกที่สุด ก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ
ระดับความสุขของผมพุ่งพรวด เมื่อมองใบหน้าคนรักจ้องมองมาด้วยแววตาหวานเชื่อม เผยอปากบน กัดริมฝีปากล่าง ยั่วยวนกันแบบนี้ ผมรีบเร่งจังหวะเร็วขึ้น กระแทกรัวแรงอย่างลืมตัว
"อ้ะ ติ....อ่าห์..."
"อ่าห์....ของพี่....ซี้ด....ฟิตจังครับ"
ร่างกายของพี่ชินตอบสนองผมเป็นอย่างดี ทุกท่วงท่า จังหวะจะโคนที่เราร่วมรักกันจึงมีความหมายมากกว่าเซ็กซ์ทั่วๆไป
...เซ็กซ์ที่มีรัก...
ผมเปลี่ยนท่าพลิกตัวพี่ชินให้นอนคว่ำหน้าราบไปกับเตียง มีเพียงสะโพกเนียนขาวที่ลอยเด่น ผมจับบั้นท้ายกลมกลึงบีบเค้น ขยำอย่างแรงจนขึ้นเป็นรอยแดง ก่อนจะโน้มตัวแนบไปกับแผ่นหลังอีกฝ่าย พรมจูบทั่วแผ่นหลัง ขบกัดบ้างบางคราว ในขณะที่ช่วงล่างของเรายังคงเชื่อมต่อกัน มืออีกข้างที่ว่างของผมเอื้อมไปจับแก่นกายของพี่ชินหวังจะช่วยเหลืออีกฝ่าย ผมรูดรั้งช้าๆสลับกับเร่งจังหวะ ไม่นานนัก ที่พี่ชินก็ถึงฝั่งฝันก่อนผม
"อ่าาาาาห์" หยาดเหงื่อแห่งความสุข เสียงครางกระเส่าจากความเสียวกระสัน รวมถึงเสียงเตียงดังเอี๊ยดอ๊าด ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของผมให้ลุกโชน
ผมซอยสะโพกถี่รัว กระแทกกระทั้นเข้าหาพี่ชินด้วยจังหวะที่รวดเร็วกว่าเดิม หนักหน่วงกว่าเดิมจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตั่บๆๆกึกก้อง
จังหวะที่ผมรู้ตัวว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน ผมรีบถอนแก่นกายออก ใช้มือรูดรั้งรัวเร็วก่อนที่ไม่กี่วินาทีต่อมา ของเหลวแห่งความสุขจะถูกปลดปล่อยพวยพุ่งออกมาเลอะเต็มสะโพกของคนรัก
สวมกอดพี่ชินจากด้านหลัง พร้อมกับกระซิบข้างหู
"ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ"
พี่ชินทิ้งตัวลงนอนอย่างคนหมดแรง ผมจุมพิตหลังใบหูและสวมกอดเขาแน่น
เหมือนแค่พักยก เพราะผมนอนกอดพี่ชินไม่นาน ก็ปลุกอารมณ์พี่ชินด้วยการเล้าโลมอีกครั้ง ผมไซ้หลังหู โลมเลียมายังซอกคอเนียน ก่อนที่เราจะเริ่มมีเซ็กซ์กันเป็นครั้งที่สองและสามที่จะตามมาในไม่ช้า....
....................
เช้าของอีกวัน ผมตื่นขึ้นมาก่อน แอบมองคนรักนอนนิ่งสนิท ภายใต้ห้องนอนที่ยังคงอบอวลด้วยรักไม่จางหาย อมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เราร่วมรักกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมผมถึงไม่รู้จักพอ จนบัดนี้ ผมยังอยากมีเซ็กซ์กับพี่ชินอีกเรื่อยๆ
ปลายนิ้วผมเกลี่ยริมฝีปากล่างอย่างหยอกเย้า จูบเขาเบาๆ ก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำ
หลังจากผมจัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย ผมคว้าโทรศัพท์มือถือมากดสั่งอาหารออนไลน์ที่มีบริการส่งแบบเดลิเวอร์รี ในขณะที่รออาหารมา ผมปีนขึ้นเตียง หวังจะกอดพี่ชิน แต่ผมสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายพุ่งสูงขึ้น
"พี่ชินครับ พี่ชิน" ปลุกคนที่หลับใหลไม่รู้เรื่อง จนพี่ชินปรือตาขึ้นมามอง
"มีอะไร?" เสียงแหบแห้งแผ่วเบาถาม
"ไปหาหมอเถอะ พี่ไม่สบาย"
"แค่กๆ บ้าจริง ป่วยได้ไง"
"นั่นสิครับ หรืออาจจะเป็นเพราะพี่แก่แล้วเลยป่วยง่าย..โอ้ย! พี่ชิน"
ดูสิดู...คนป่วยยังมีแรงมาหยิกท้องผมได้
"พูดมาก พี่แค่ปวดตัว ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่อยากไปหาหมอ ขอเช็ดตัวเฉยๆได้ไหม?"
"ถ้างั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้ แต่ถ้าไม่หายต้องไปหาหมอนะครับ"
"ครับ ขอบคุณนะติ"
"พี่ชินเป็นไงบ้าง มีแฟนเด็กเด็ดไหมครับ?"
"ทะลึ่งนะ ติ แค่กๆ..."
ผมหัวเราะ มองหน้าคนป่วยก็นึกสงสาร แต่เพราะใบหน้าแดงๆมันทำให้ผมอดใจไม่ไหว ก้มลงไปฟัดแก้มทั้งสองข้างแล้วจูบปากอีกรอบ
"อย่าติ เดี๋ยวติดไข้"
"ผมไม่กลัว"
"ติไม่เอาน่า อย่าดื้อ....อื้อ...." คราวนี้ ผมจับปลายคางพี่ชินให้เผยอปาก ก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้าไปข้างใน กวาดต้อนน้ำหวาน รุกไล่เล่นลิ้นของพี่ชินอย่างคนเอาแต่ใจ จนพี่ชินยันสองมือดันแผ่นอกผมไว้คล้ายห้าม
"อย่าเล่นเป็นเด็กสิ ต้องมีใครคนหนึ่งแข็งแรง เผื่อมีเรื่องอะไรจะได้ออกไปไหนได้"
"คร้าบบบพี่ชิน ไม่เล่นก็ได้ ถ้างั้นผมลงไปข้างล่างก่อนนะครับ พอดีผมสั่งอาหารไว้"
พี่ชินพยักหน้า แต่พอผมลุกขึ้นจะไปจริงๆ พี่ชินร้องเรียก
"ขึ้นมาเร็วๆนะ" โอ้ย! พี่ชินจะน่ารักไปไหน? ผมยิ้มกว้าง กุมมือพี่ชินยกขึ้นมาจุมพิตหลังมือก่อนจะพยักหน้าและย้ำคำสัญญาว่าจะเช็ดตัวให้ด้วย
ในระหว่างที่ผมรอให้พนักงานมาส่งอาหาร ก็นึกขึ้นได้ว่า ผมลืมช่อดอกไม้ที่พี่ชินให้ไว้ในรถของเจ้าตัว เดินไปหยิบกุญแจรถที่แขวนไว้ตรงผนัง ตรงดิ่งไปยังรถยนต์ เปิดประตู สอดตัวเข้าไปเอาช่ออมยิ้มออกมา ก็เป็นจังหวะที่พนักงานมาส่งอาหารพอดี ผมจ่ายเงินเดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมอาหารและช่ออมยิ้ม
ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้และวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะ มองช่ออมยิ้มนั้นอยู่นาน จนผมนึกไงไม่รู้ตัดสินใจแกะอมยิ้มออกมาจากช่อทีละอันๆ แต่จังหวะที่ผมดึงอมยิ้มออกมาเป็นอันที่เก้า ผมขมวดคิ้วมุ่น เมื่ออมยิ้มอันนี้ดูยวบยาบแปลกๆ
แกะเปลือกอมยิ้มแท่งนั้นออกมาดู ก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อมันไม่ใช่อมยิ้ม แต่กลับเป็นแหวนเกลี้ยงที่ทำมาจากทองคำขาวสองวงวางอยู่บนกระดาษที่ถูกขยำให้เป็นก้อนกลมๆ
รู้ได้ในทันทีว่ามันสื่อถึงอะไร ผมยิ้มดีใจ ไม่คิดว่าพี่ชินจะเซอร์ไพร์สให้ผมด้วยการใส่แหวนไว้ในช่ออมยิ้ม
ตื้นตันใจ น้ำตาจะไหล ยอมรับว่าอาจอ่อนไหวไปบ้าง แต่ที่เป็นแบบนี้ เพราะไม่เคยมีใครทำให้จึงรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ ผมกำแหวนแน่นแล้วรีบขึ้นไปหาพี่ชิน
ขึ้นมาบนห้อง พี่ชินก็ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง จนผมโพล่งขึ้นขัดความเงียบ
"พี่ชินขอบคุณนะครับ สำหรับแหวน" แม้จะพูดขึ้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ แต่คนที่ทำเซอร์ไพร์สย่อมรู้ดี ใบหน้าคนป่วยจึงแต้มยิ้มออกมา
"เจอไวดีนะ"
"แหมไม่บอกกันเลย ถ้าเกิดผมทิ้งอมยิ้มขึ้นมาล่ะ"
"พี่มั่นใจว่าติไม่ทิ้ง"
ผมยิ้มพยักหน้า มันก็จริงอย่างที่พี่ชินว่า ใครจะกล้าทิ้งของที่แฟนให้กันล่ะ ผมหยิบแหวนวงหนึ่งไปสวมใส่นิ้วนางให้พี่ชิน เสร็จแล้วผมยื่นแหวนอีกวงให้พี่ชินสวมกลับให้ผมบ้าง
แม้แหวนของผมที่ใส่จะหลวมนิดหน่อย แต่ผมสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของพี่ชิน จึงไม่สนเรื่องของขนาด เพราะผมค่อยหาทางทำให้มันใส่ได้พอดีกว่านี้ในภายหลัง
แหละตอนนี้เราสองคนต่างมีแหวนแทนใจกันและกัน ซึ่งมันไม่ใช่แค่การหมายถึงว่าต่างฝ่าย ต่างมีเจ้าของแล้วเท่านั้น แต่มันยังหมายรวมถึงว่าเมื่อไหร่ที่ผมมองแหวนวงนี้ ผมรู้สึกได้ว่ามีอีกคนที่รักผมอยู่เคียงข้างผมเสมอ
โน้มตัวไปกอดพี่ชิน ผมมีความสุขจนอดจะขอบคุณทุกๆสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ได้
ขอบคุณที่ได้ทำงานที่เดียวกับพี่ชินจนเราได้มาเจอกัน ขอบคุณที่ตัวผมเองยังไม่ถอดใจเลิกรักพี่ชินไปเสียก่อน ขอบคุณที่พี่ชินยอมบอกความในใจกับวุฒิว่ารู้สึกยังไงกับผม เพราะถ้าพี่ชินไม่บอกก่อน ผมก็คงไม่กล้าพอที่จะสู้ และเก็บงำความรู้สึกนี้เอาไว้จนต่อมาผมคงผิดหวังก็เป็นได้
และสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากขอบคุณมากที่สุด คือ ขอบคุณที่มีวันนี้ วันที่พี่ชินเลือกผมจนเราได้รักกัน
ผละจากอ้อมกอด มองพี่ชินที่ยังคงยิ้มด้วยใบหน้าแดงๆ ผมลูบริมฝีปากคนรักก่อนเอ่ย
"รอยยิ้มของพี่มีความหมายสำหรับผมจริงๆนะ"
พอผมตอบแบบนั้น อีกฝ่ายพยายามยกยิ้มกว้างกว่าเก่า
ตอนนี้ ผมและเขาสบตากันโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้รอยยิ้มสื่อความหมายในใจของเราสองคน แค่นั้นก็พอ...
..................จบบริบูรณ์...................
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ