ช่วงนี้สิงหากับน่านนทีไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวให้กัน ส่วนใหญ่จะเจอกันที่คอนโดฯ แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาคุย อาศัยวีดีโอคอลหากันเวลาว่างมากกว่า บางวันมีถ่ายซีนไหนยากๆ สิงหาก็จะโทรมาขอกำลังใจ หรือถ้าน่านนทีปะทะกับฝ่ายนิติบุคคลฯ ก็จะโทรไปบ่นให้สิงหาฟัง ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและราบรื่นจนคนรอบข้างเริ่มสงสัยในสถานะของทั้งคู่ว่าทำไมถึงยังไม่คบกันเป็นแฟน ในเมื่อการกระทำมันใช่ แต่ทั้งคู่ก็ให้คำตอบที่คล้ายคลึงกันว่ารอเวลาที่เหมาะสมก่อน มันเหมือนยังขาดอะไรสักอย่างที่ทำให้ก้าวข้ามไปถึงจุดนั้นไม่ได้ แต่ทั้งสองคนก็ไม่รีบร้อน พวกเขาพอใจในจังหวะชีวิตและจังหวะหัวใจตัวเองช่วงนี้ ไม่ได้หวือหวา...แต่มั่นคง
“อ้าว มาได้ไง” น่านนทีกลับมาถึงบ้านเดินผ่านชั้นสองก็เห็นคนที่ไม่อยากเจอนั่งอยู่ข้างพี่ชายตัวเองที่เพิ่งกลับมาวันนี้
“โหปิง ดูทักกัน คิดถึงเลยมาหาไม่ได้เหรอ” เติ้ลเพื่อนสมุทรและเป็นแฟนเก่าน่านทีชิงตอบแทนทั้งที่รู้ว่าที่น่านนทีร้องทักคือสมุทร ไม่ใช่ตัวเอง
“สาบานต่อหน้าหลอดไฟว่าพูดจริง”
“เรื่องดิ แล้วนี่ทำงานอะไร ใส่สูทซะด้วย น่ารักขึ้นนะเรา” เติ้ลมองสำรวจน้องเพื่อนอย่างเอ็นดู ครั้งหนึ่งเขายอมรับว่านึกรักเด็กคนนี้จริงๆ น่านนทีเป็นน้องที่น่ารักของสมุทร เขาอยากมีน้องแบบนี้เลยค่อนข้างใจดีด้วย รู้ตัวอีกทีก็เผลอใจรักมากกว่าน้อง ใจเด็กมันกำลังเขวเพราะมีปัญหากับเพื่อนเลยเป๋มาง่าย แรกคบอะไรก็ดี ที่ไม่ดีคือเขามันเลวเนี่ยแหละ ทุกวันนี้ที่แอบเสียดายคือตอนนั้นไม่น่าจีบเลย ถ้าไม่เคยเป็นแฟน ตอนนี้น้องมันน่าจะเคารพเขาอยู่ ไม่ใช่เอะอะด่า เอะอะไล่ เห็นแล้วยิ่งหมั่นเขี้ยว อยากแกล้งให้โวยวาย แต่เดี๋ยวเพื่อนเตะออกจากบ้านเลยต้องห้ามใจตัวเอง
“พี่หมุดเพิ่งมาเหรอ พ่อแม่ล่ะ” น่านนทีไม่สนใจคนชอบกวนโมโห ถอดเสื้อสูทพาดแขนมองหาพ่อแม่แต่ไม่เห็น
“แม่ไปข้างบ้าน พ่อหลับอยู่ในห้อง พรุ่งนี้พี่จะไปงานแต่งเพื่อนที่เขาใหญ่ ไปด้วยเปล่า กลับตอนเย็นเผื่อได้แวะเที่ยว”
“พรุ่งนี้ทำงาน งานแต่งใครอะ”
“งานแต่งไอ้ดิษฐ์ จำได้เปล่า หัวหน้าห้อง ตัวสูงๆ ขาวๆ” สมุทรตอบผ่านๆ เพราะกำลังสนใจหนังใหม่ที่เปิดดูอยู่ คนทำงานห่างไกลความเจริญก็มักจะตามกระแสไม่ค่อยทัน หนังภาคต่อเรื่องนี้เขาชอบมาก เสียดายที่เข้าฉายเขาอยู่ที่แท่นกลางทะเล กว่าจะกลับขึ้นฝั่งก็ออกจากโรงฯ ไปหมดแล้ว
“คุ้นๆ มั้ง นึกหน้าไม่ออก ซื้อของฝากมาให้ด้วยล่ะ” เขาพยายามนึกถึงหน้าเพื่อนของพี่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าหน้าที่นึกออกใช่คนที่พูดถึงหรือเปล่า
“ยังจะเอาของฝากอีกเหรอ แม่บอกมีคนซื้อของมาให้ไม่เว้นวัน”
“คนมันฮอตอะ จะทำไม” น่านนทีพูดอวดใส่พี่ชาย ส่วนเพื่อนพี่นั้นเขาพยายามมองข้ามๆ ไป
“ค่ำๆ สั่งหมูกระทะให้หน่อยนะปิง เดี๋ยวเพื่อนพี่จะมาค้างกันที่นี่” เพื่อนๆ รวมตัวกันมาค้างที่นี่เพราะเช่ารถตู้ไว้ให้มารับตอนเช้ามืด จะได้ไม่เสียเวลาไปวนรับทีละจุด
“ทำไมไม่ไปนั่งที่ร้านกันเล่า นั่งกินในบ้านก็เสียงดัง”
“ขี้บ่นจังแก้มยุ้ย กินเบาๆ ไม่เสียงดัง รับรอง” คนไม่ได้รับความสนใจเริ่มหาเรื่องใหม่อีกรอบ
“เชื่อก็โง่แล้ว กินแล้วก็ล้างด้วยล่ะ อย่าทิ้งให้แม่มาล้างนะ”
“เออน่า ไปไหนก็ไปไป๊ ขี้บ่นว่ะ” สมุทรโบกมือไล่น้องชายแต่เอาเท้ายันเอวเพื่อนที่ทำเล่นหูเล่นตากับน้องชายตัวเองอยู่ รู้ว่ามันไม่คิดจะกลับมาจีบน้องแต่อดหวงปนรำคาญไม่ได้
มื้อเย็นวันนี้ที่บ้านน่านนทีมีแขกมากกว่าทุกวัน เพื่อนสมุทรมารวมตัวกันห้าคนและค้างคืนที่นี่ทั้งหมด เสียงพูดคุยรื้อฟื้นความหลังของเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ค่อยได้นัดรวมตัวดังลั่นบ้าน ปาร์ตี้หมูกระทะดำเนินไปอย่างคึกครื้น พ่อแม่ขอแยกตัวเข้าไปดูโทรทัศน์ในห้องนอน น่านนทีถูกพี่ชายลากลงมาร่วมวงในฐานะรุ่นน้องของพี่ๆ ปัญหาระหว่างเขากับเติ้ลไม่ได้ใหญ่จนทำให้เข้าหน้ากันไม่ติดหรือทำให้พี่ชายมีปัญหากับเพื่อน ก็แค่เรื่องของคนรักกันคบกันแล้วก็เลิกกัน มานึกย้อนถึงวีรกรรมเมื่อก่อนก็กลายเป็นเรื่องขำขันไป อาจเพราะไม่ได้รักลึกซึ้งมากพอเลยไม่เจ็บปวดกับเรื่องเก่า...แต่กำลังจะปวดหัวกับปัญหาใหม่เพราะแฟนเก่ามากกว่า
ไฟมันแรงงงงง หมูหรือคนจะไหม้ก่อนกัน
รูปปาร์ตี้หมูกระทะที่ล้อมวงด้วยชายล้วน บนกระทะมีเนื้อสัตว์นานาชนิดวางกันแน่น ช่องใส่น้ำซุปก็มีทั้งผักทั้งวุ้นเส้น แต่ละคนแย่งกันปิ้งแย่งกันคีบ บรรยากาศดูสนิทสนมกลมเกลียวแม้แต่น่านนทีและเติ้ลที่นั่งข้างกัน แถมในรูปเติ้ลยังคีบหมูใส่จานให้น่านนทีด้วย ปัญหาคงไม่มีถ้าเพื่อนพี่ชายไม่แอบถ่ายแล้วลงรูปในเฟสบุ้ค พร้อมติดแทคชื่อทุกคนในภาพ คอมเมนต์คนที่พอจะรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลยถามกันมามากมายว่าถ่านไฟเก่าคุแล้วเหรอ กลับมาคบกันเหรอ น่านนทีตอบกลับแค่รูปหมีหน้าบึ้ง สมุทรช่วยอธิบายแทนน้องชายว่าไม่ได้คบ แต่คนไกลอย่างสิงหามองรูปแบบนี้แล้วใจหาย รู้ว่าแค่รูปถ่ายไม่มีความหมายอะไร แต่รู้ก็ส่วนรู้ เชื่อใจไหมก็ตอบได้ว่าเชื่อเต็มร้อย แต่...ก็หึงอยู่ดี
ข้อตกลงในการศึกษากันและกันระหว่างสิงหากับน่านนทีมีไม่กี่ข้อ หลักสำคัญคือห้ามโกหกกัน มีอะไรต้องคุยกันเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจนเกิดเป็นปมปัญหาภายหลัง เพราะงั้นเมื่อเขารู้สึกไม่สบายใจกับรูปภาพที่เห็น จึงตัดสินใจมาคุยกับอีกฝ่ายทันทีในวันถัดมาที่กลับมาถึงคอนโดฯ แม้จะเหนื่อยและเพลียแต่ก็ปล่อยวางความรู้สึกนี้ทิ้งไว้ไม่ได้ น่านนทีเห็นท่าทางจริงจังของสิงหา คำปฏิเสธที่จะไม่ขึ้นไปหาบนห้องหลังเลิกงานก็ต้องกลืนลงคอ เมื่อเลิกงานตอนบ่ายสามครึ่งก็รีบหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าสำรองใต้โต๊ะทำงานไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำชั้นล่าง แล้วโทรเรียกสิงหาให้ลงมารับ
“มีเรื่องอะไรด่วนเหรอครับ คุณสิงดูเหนื่อยมากเลย น่าจะนอนก่อนสักงีบ”
“ผมงีบไปเมื่อกี้แล้วปิงไม่ต้องห่วง ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น หิวไหมครับ”
“ไม่หิวเลย มานั่งคุยกันก่อนดีกว่า คุณจะได้นอนต่อ” น่านนทีเดินนำไปนั่งที่โซฟาแต่สิงหาเดินมาจับแขนไว้แล้วลากไปทางโต๊ะกินข้าวแทน
“คุยตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวผมชงชามาดื่มด้วย” ตั้งแต่โดนลากขาบนโซฟา เขตนั้นก็กลายเป็นพื้นที่หวงห้ามอีกแห่งนอกจากห้องทำงาน
“น้ำทับทิมครับ ลองชิมดู คนในกองเขาทำขายผมเลยสั่งมาเต็มตู้เลย สดชื่นดี” สิงหายื่นขวดน้ำผลไม้พร้อมแก้วให้น่านนที ส่วนของตัวเองมีชาพีชหอมๆ ร้อนๆ
“ว่ามาเลยครับ ปิงพร้อมแล้ว” น่านนทีเปิดขวดยกดื่มไปครึ่งขวดเพื่อย้อมใจ ตอนแรกที่เดินไปหาตรงเคาน์เตอร์แล้วบอกว่าเลิกงานให้ขึ้นมาคุยนั้นดูเคร่งเครียดมาก แต่ตอนนี้ดูสบายๆ จนเดาอาการไม่ถูก
“คือเมื่อวานผมเห็นรูปที่เพื่อนพี่ชายปิงแท็คหาปิงน่ะครับ ที่กินหมูกระทะที่บ้าน”
“อ๋อ ครับ อ๋ออออ......” แค่สิงหาเกริ่นนำเขาก็นึกถึงรูปนั้นออก พอนึกถึงรูปก็นึกถึงแคปชั่นในรูปรวมถึงคอมเมนต์ น่านนทีอยากจะอ๋อให้ถึงหูคนถ่ายและบรรดาขายุทั้งหลายจริงๆ
“นั่นล่ะครับ ผมไม่ได้คิดมากตามคอมเมนต์เพื่อนพี่คุณนะ ผมรู้ว่าไม่มีอะไร แต่มันหึง”
“ก็...ไม่มีอะไรจริงๆ นี่ ไม่ต้องหึงหรอก” น่านนทีอยากอธิบายให้อีกฝ่ายเชื่อใจ แต่ทำไมเสียงตัวเองมันเบาๆ งุ้งงิ้งๆ จัง
“ผมรู้แต่มันห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้นี่นา ตอนเห็นรูปผมไม่พอใจมากๆ คนในรูปคือแฟนเก่าปิงจริงๆ ใช่ไหม” คนขี้หึงยิ้มออกเมื่อเห็นท่าทางคนข้างๆ ที่มือไม้ไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวจับผม จับจมูก แก้มใสแดงระเรื่อ
“ใช่ เพื่อนพี่หมุดชื่อพี่เติ้ล แต่เลิกกันไปนานมากแล้วนะ คบตั้งแต่ตอนเรียกปีสาม คบแค่ปีเดียวเอง”
“ผมหล่อกว่า”
“โอ้ววว ช่ายยยย คุณสิงหล่อกว่าอยู่แล้ว หล่อที่สุดในโลก” เขาเหลียวมองพระเอกสุดหล่อสุดมั่นใจในตัวเองแล้วอยากหัวเราะก๊าก
“ทำไมคบกันนานจังเลย เฮ้อ ผมงี่เง่าใช่ไหม มันหงุดหงิดน่ะ ปิงอย่ารำคาญนะ” สิงหารู้ว่าตัวเองงี่เง่าไร้สาระ เรื่องรูปมันไม่มีอะไร แต่เขาแค่ไม่ชอบ ไม่อยากเห็น ไม่อยากให้คนอื่นแซวน่านนทีกับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เขา
“ฮ่าๆๆ ไม่รำคาญหรอก ตลกมากกว่า ทีคุณกับแฟนเก่าคบตั้งกี่ปีปิงยังไม่อะไรเลย อย่าคิดมาก พวกนั้นมานอนค้างที่บ้านคืนเดียวแล้วก็ไปงานแต่งที่เขาใหญ่ ไม่มีอะไรหรอก กับพี่เติ้ลนี่ปิงก็คิดแค่ว่าเพื่อนพี่แค่นั้น ที่หลงไปคบคือเสียดายเวลามาก คุณสิงคิดดูสิ มันฝ่าตีนพี่หมุดมาแอบจีบปิงนะ พอคบกันมันก็มีกิ๊ก ปิงรำคาญมาก เหมือนมันสนุกเวลาปิงจับผิดได้แต่ปิงไม่สนุกด้วย พอจะเลิกก็มาง้อ ปิงเบื่อๆ เพื่อนตอนนั้นก็เลยทนๆ ไปดีกว่าไม่มีอะไรทำ แต่พอปิงทนมันมาบอกเลิกปิงเฉยเลย ปิงโมโหเลยต่อยให้” เป็นรักแรก แฟนคนแรกที่ไม่หลงเหลือความรักอยู่อีก มีแต่ความแค้นและเสียดายเวลาล้วนๆ มันคือความผิดพลาดในชีวิตที่ไม่อยากพูดถึง
“เขาเป็นไบฯ เหรอ”
“ใช่ ทั้งไบเซ็กส์ชวลทั้งไบโพล่าเลย ผีเข้าผีออก ก่อนคบปิงมีแฟนเป็นผู้หญิง เป็นกะเทยแต่งหญิงก็มี แล้วก็มาคบปิง มันก็รุกตลอดนะ อยู่ดีๆ ก็อยากเป็นรับ ไปได้กับเทรนเนอร์ฟิตเนส โอยยยย อย่าให้พูดเลย ตอนนั้นปิงช็อคมาก กิ๊กมันหัวไหล่เท่าหัวปิงอะ ตีกิ๊กไม่ได้ก็ต้องตีมันแทนเนี่ยแหละ ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงเกิน ปิงยังคุยกับพี่หมุดอยู่เลยว่าถ้ามันไปทำนมปิงจะไม่แปลกใจเลย”
“เขาอาจจะฟรีในเรื่องเพศมากๆ ก็ได้นะ ในต่างประเทศมีเยอะ บางคนเป็นเกย์รับแต่ก็แต่งงานมีลูกกับผู้หญิงที่เป็นเลสเบี้ยน เป็นรสนิยมทางเพศของเขาน่ะ”
“แต่ก็ไม่ควรให้คนอื่นเดือดร้อนนะ บางทีควรหาจุดยืนตัวเองให้เจอ ไม่ใช่พอผัวใหม่จะบอกเลิกก็มาอ้างกับปิงว่าสับสน มันไม่ได้สับสน มันเป็นคนมั่วแล้วก็กลัวโดนผัวซ้อม”
“อันนั้นก็คงจริง ปิงใจเย็นๆ นะ ผมไม่หึงแล้วล่ะ” สิงหาลูบหลังปลอบคนอารมณ์ขึ้นจนแทบเห็นไฟในตาลุกพรึ่บ ท่าทางไฟรักไม่น่าจะคุขึ้นมาได้อีก มีแต่ไฟแค้นล้วนๆ
“ใช่ คุณสิงไม่ต้องหึงเลย ปิงเป็นคนตรงๆ กับเรื่องความรักนะ ถ้าตกลงจะคุยกันปิงก็ไม่ยุ่งกับคนอื่นเลย ไม่สนใครด้วย คุณสิงก็เห็นว่าจริงๆ ปิงเป็นคนขี้เกียจ เลิกงานก็กลับบ้าน นอน วันหยุดก็นอนอยู่บ้าน ไม่ค่อยได้สนใจใครหรอก”
“ช่วงนี้ผมงานเยอะเลยไม่ค่อยได้นั่งคุยกันแบบนี้ มันเลยแอบกังวลนิดๆ ตอนเห็นรูปอยากไปเมนต์ว่าหวงก็ไม่ได้เพราะยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ปิง...พร้อมรึยังครับ”
“พร้อม...อะไร” คำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เขาสับสน น่านนทีจ้องตาคนถามด้วยแววตาว่างเปล่าเพราะตามความคิดไม่ทันจริงๆ
“คบกัน เป็นแฟนกัน”
“...คุณสิงแน่ใจแล้วเหรอ ปิงมีข้อเสียเยอะนะ เวลาหงุดหงิดปิงชอบพาลด้วย บางทีก็พูดไม่คิด” ตั้งแต่เริ่มคุยกันสิงหาไม่เคยเร่งรัดเลยสักครั้ง เคยถามแค่ครั้งเดียวแต่เมื่อยังไม่พร้อมก็ไม่ว่า การกระทำทุกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย น่านนทีเองก็รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับสิงหา เขาไม่หลอกตัวเอง ไม่โกหกว่าไม่รู้สึก แต่ก็ไม่รู้ทำไมตอนนั้นถึงยังไม่พร้อม
“ก่อนนี้ที่ผมไม่เร่งปิงเพราะผมรู้สึกว่ามันยังขาดอะไรสักอย่างไป มันยังไม่ถึงเวลาที่ใช่ แต่พอเห็นปิงอยู่กับคนอื่น พอรู้สึกตัวว่าหึง ผมก็รู้ว่ามันใช่แล้วล่ะ ปล่อยไม่ได้แล้ว ไม่อยากรอแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าปิงจะมีข้อเสียอะไรมากแค่ไหน ปิงก็ยังไม่รู้ข้อเสียของผมเหมือนกัน แต่ถ้าต่อไปเรายังทำเหมือนทุกวันนี้ มีอะไรก็คุยกันตรงๆ เคลียร์กันแบบไม่ใช้อารมณ์ ไม่โกหกกัน ข้อเสียหรือปัญหาอะไรมันก็ไม่ทำให้เราเลิกกันได้หรอก ยกเว้นว่าเราไม่รักกันแล้วก็เท่านั้น ถ้ามีวันนั้น ผมจะบอกปิงตรงๆ เหมือนวันนี้” คำพูดและสายตาที่มุ่งมั่นทำให้หัวใจคนฟังเต้นแรงในจังหวะที่มั่นคง ไม่ใช่ความรู้สึกหวั่นไหวชั่ววูบเพราะคำพูดไม่กี่คำ แต่เพราะทุกคนที่พูดช่างตรงกับใจเขา ไม่มีคำโกหกไพเราะให้ได้ยินว่าจะรักตลอดไป คนเราเมื่อจะเลิกไม่ต้องอ้างเหตุผลสวยหรู มันแค่ไม่รักก็แค่นั้น สิงหาไม่พูดคำหวานเอาใจ แต่เลือกพูดความจริง สัญญาว่าจะพูดความจริงสำคัญกว่าคำหวานใดใด
“จะไม่มีปัญหากับงานใช่ไหมครับ”
“อาจจะมี หรืออาจจะไม่ แต่ผมเลือกได้ว่างานกับชีวิตส่วนตัวอะไรสำคัญกว่า ไม่ต้องกังวลนะ ถ้าวันหนึ่งผมอยู่ในวงการไม่ได้เพราะเป็นเกย์ มันเป็นเพราะจิตใจและความคิดของพวกเขายังไม่พัฒนา ไม่ใช่ความผิดของเรา”
“ก็...ถ้าคุณสิงสัญญาว่าจะไม่โกหกกัน ไม่มีการใช้ความรุนแรงเวลาทะเลาะกัน ห้ามขาดการติดต่อเกินห้าวันด้วย”
“ได้ครับ ผมไม่เคยใช้ความรุนแรงเวลาทะเลาะกันอยู่แล้ว ไม่โกหกปิงด้วย ส่วนถ้าผมต้องขาดการติดต่อจะบอกปิงก่อนล่วงหน้านะครับ”
“แล้วคุณสิงไม่มีข้อเรียกร้องบ้างเหรอ ต้องบอกก่อนนะเผื่อปิงทำไม่ได้”
“ขอแค่ไม่โกหกก็พอ ตกลง...เป็นแฟนกันนะ” มือข้างหนึ่งมาวางบนโต๊ะ กางออกเล็กน้อยรอคำตอบจากอีกคน ไม่ต้องรอนาน มือที่เล็กกว่าค่อยๆ วางบนให้เขาได้เกาะกุมไว้ กุมมือ...กุมหัวใจ
“ก็...อื้ม เป็นแฟนกัน”
ความดีใจนี้ต้องบอกให้โลกรู้ ความคิดสิงหาได้รับการสนับสนุนจากน่านนที เริ่มด้วยการถ่ายรูปแก้วชากับขวดน้ำผลไม้วางคู่กัน ติดแคปชั่นวันเดือนปีตามด้วยแฮชแท็คอักษรย่อที่น่านนทีบอกให้ใส่ไว้ อัพลงอินสตาร์แกรมหลัก ส่วนรูปกุมมือของทั้งคู่อัพลงอินสตาร์แกรมส่วนตัว ไอดีทั้งสองเกิดความเคลื่อนไหวแตกต่างกัน แฟนคลับที่เห็นเพียงแก้วน้ำเริ่มเดาไปในทิศทางต่างๆ แปลความหมายอักษรย่อแบบเดาสุ่ม ส่วนบรรดาคนสนิทเริ่มเข้ามาแสดงความยินดีในอินสตาร์แกรมส่วนตัว และสิงหาก็พร้อมอวดเต็มที จากการยินดีก็เริ่มเอ่ยแซวด้วยความหมั่นไส้
เพื่อนสนิททุกคนพร้อมใจกันอยากฉลองในโอกาสพิเศษนี้ เมื่อเพื่อนอยากสิงหาก็ตามใจ เพราะเป็นโอกาสที่เหมาะจะฉลองที่สุด กว่าจะหาวันว่างได้ตรงกันของทั้งห้าคนก็คือกลางเดือนซึ่งใกล้ถ่ายหนังเสร็จพอดี แถมร้านก็อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเปิดจริง ระบุวันเวลาเรียบร้อยเขาก็บอกให้เพื่อนในกลุ่มเป็นคนจัดการเรื่องอาหารมาเองว่าอยากกินอะไรเพราะเจ้าของห้องไม่มีเวลา และแฟนเจ้าของห้องไม่สะดวกจะซื้อของหิ้วขึ้นห้องมาให้ ปาร์ตี้ครั้งนี้จัดที่ห้องสิงหา เพื่อนทุกคนเตรียมเก็บเสื้อผ้ามาค้างเต็มที่ น่านนทีก็ถูกชวนให้ค้างด้วยซึ่งสิงหาสนับสนุนความคิดนี้ เพื่อนๆ ต่างคุยกันในกลุ่มไลน์กันอย่างคึกคัก ใครจะเตรียมเครื่องดื่มอะไรมา มีใครได้ของใหม่เอามาลอง ของเก่าที่เคยดื่มด้วยกันหมดหรือยัง ส่วนสิงหาก็ปลีกตัวไปคุยกับน่านนทีสองคน ความหวานไม่ได้มากขึ้นแต่ความสุขและรอยยิ้มของทั้งคู่ก็ทำให้คนอื่นรู้ว่ากำลังมีความสุข คุยกันทุกวันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสถานะที่เปลี่ยนไป
“บอกฝันดีครับพี่สิงให้ฟังก่อนแล้วจะปล่อยไปนอน” สิงหาแกล้งรั้งคนง่วงนอนไว้ น่านนทีไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ เอาแต่บอกว่าไม่ชิน ไม่ถนัด แต่เขาคิดว่ามีอะไรมากกว่านั้น ทุกครั้งที่บอกให้เรียกพี่ น่านนทีจะกัดปากตัวเองอย่างประหม่า กวาดสายตามองซ้ายมองขวา กว่าจะยอมพูดออกมาเบาๆ แก้มก็แดงฟ้องอาการตัวเอง
“ไม่เอา ง่วงแล้ว ไม่เล่นนะ นะๆ”
“โอเคๆ ฝันดีนะครับ ฝันถึงกันนะ”
“ครับ ฝันดีครับ...พี่สิง” เสียงอู้อี้ของคนซุกหน้าในผ้าห่มฟังแทบไม่ได้ยิน แต่กลับทำให้คนฟังยิ้มแก้มปริ...น่ารักจริงๆ นะเนี่ย
“สิงโว้ย!! เข้าฉากกกกกก” นักรบหยิบโทรโข่งตะโกนเรียกลั่นกอง พระเอกหนุ่มสะดุ้งรู้ตัวว่าเหม่อจนลืมไปว่าอยู่ในกองถ่าย เสียงทีมงานและนักแสดงที่แอบมองหัวเราะลั่นกับอาการสะดุ้งของพระเอกหนุ่ม หลายคนพอจะเดาได้และบางคนก็เสียดาย ท่าทางพระเอกสุดหล่อของพวกเราคงจะมีแฟนแล้ว
คืนก่อนถึงวันนัดหนึ่งวัน เต้แวะเอาของมาเก็บในห้องสิงหาก่อนจะขับรถเลยไปนอนค้างที่บ้านพ่อแม่
“ขนอะไรมาเยอะจังวะ” สิงหาช่วยเต้ยกกล่องเครื่องดื่มขึ้นมาหนึ่งลัง กระเป๋าเป้อีกหนึ่งใบ ขณะที่เต้ลากขนาดกลางหนึ่งใบและขนาดใหญ่อีกใบ
“ของจำเป็นทั้งนั้น ที่คุยในไลน์กลุ่มไง” เต้ลากกระเป๋าตัวเองไปไว้ในห้องนอนเพื่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาจัดของในกระเป๋าอีกที
“ว่าแต่ปิงโอเคนะ” เขาลากๆ วางๆ แล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องมากดลิฟต์รอสิงหาที่เดินตามมา
“โอเคดิ กับพวกมึงก็เคยเจอบ่อยๆ อยู่แล้ว เดี๋ยวกูโทรขอพ่อแม่เขาอีกที” สิงหาแตะคีย์การ์ดกดลิฟต์ลงไปส่งเพื่อนชั้นล่าง
“มึงคุยเรื่องเดียวกับกูรึเปล่าเนี่ย” เต้จ้องเพื่อนอย่างจับผิด สิงหาไม่น่าใจเย็นขนาดนี้ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับน่านนที แฟนมันกลัวผีมากไม่ใช่หรือไง
“อะไรวะ ไม่ใช่ห่วงที่ปิงจะมาค้างกับกูครั้งแรกเหรอ”
“ไอ้ห่า อายุตั้งเท่าไรกันแล้วจะห่วงเพื่อ! อย่าบอกนะว่ามึงไม่อ่านไลน์เลย” พูดจบเขามองสิงหาที่ยกมือเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน มิน่าถึงส่งแต่สติ๊กเกอร์ ที่แท้ไม่ได้สนใจเพื่อนๆ เลย
“กูไม่ค่อยว่าง เห็นพวกมึงพิมพ์กันเยอะก็เปิดผ่านๆ เฉยๆ ก็เห็นคุยกันเรื่องใครเอาเหล้าอะไรมาไม่ใช่เหรอ” ช่วงก่อนนี้เขาถ่ายแต่ฉากหนักๆ เวลาเห็นแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มก็เลื่อนอ่านบรรทัดสุดท้าย วันหนึ่งพวกมันคุยกันเป็นร้อยข้อความเขาไม่ขยันย้อนอ่านทั้งหมดหรอก
“เหี้ยแล้วไอ้สิง มึงลืมใช่ไหมเนี่ย ที่นัดกันมาจับผีห้องนี้ไง พวกกูไม่ใช่จะค้างเพราะมึงมีแฟนใหม่นะ พวกกูค้างเพราะจะดักจับผี ไอ้ห่า แล้วเสือกชวนปิงมาอีก”
“อ้าว ก็มึงบอกปาร์ตี้สละโสด แล้วก็เตรียมงานวันเปิดร้าน” ร้านที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง บาริสต้าประจำร้านก็ผ่านการฝึกอบรบเรียบร้อย รวมถึงพนักงานตำแหน่งอื่นๆ ก็ส่งไปอบรมคอร์สต่างๆ สำหรับทำงานบริการ ภายในร้านเหลือเก็บรายละเอียดนิดหน่อยให้ทุกคนเลยจะใช้โอกาสรวมตัวครั้งนี้จัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ เขาก็คาดหวังว่าจะได้พาน่านนทีไปที่ร้าน หลังจากเคยพาไปตอนที่ยังรีโนเวทไม่เสร็จ
“ถ้าแค่นั้นจะหาวันยากอะไรขนาดนี้เล่า กินเสร็จแยกย้ายกันกลับบ้านนอน ร้านก็นัดเจอกันกลางวันเมื่อไรก็ได้ ต้องมาค้างทำห่าอะไร มึงๆๆ ไอ้ห่าสิง ไม่ยอมอ่านไลน์ ระวังปิงโกรธนะมึง” เต้อยากด่าเพื่อนที่สะเพร่าไม่อ่านไลน์กลุ่ม แต่ก็อยากสมน้ำหน้า ไม่รู้จะโดนแฟนทิ้งเพราะผีหลอกหรือเปล่า
“เหี้ยแล้ว ปิงโคตรกลัวผีเลย...พรุ่งนี้ก็ยังไม่ต้องดักไง วันถัดไปค่อยเริ่ม”
“มึงไปคุยกับไปพวกนั้นเอง พวกกูอุตส่าห์เคลียร์งานมานอนค้างเลยนะ มีเวลาห้าวันถ้าพรุ่งนี้ไม่เริ่มก็ลดลงไปหนึ่ง แต่กูว่าคนมากขึ้นอีกหนึ่งก็ดีนะเว้ย จะได้อุ่นใจ”
“อุ่นเหี้ยไร เดี๋ยวปิงร้องไห้”
“เรื่องของมึงเลย แก้ปัญหาเองนะครับ แต่บอกไว้ก่อน ไอ้ชวินไปเช่าพระพุทธรูปไว้ให้มึงแล้ว พรุ่งนี้เอาเข้าห้องก็ขอให้ปิงไม่ถามแล้วกัน โชคดีเว้ย” เต้โบกมือลาเพื่อนเดินออกไปขึ้นรถตัวเอง ทิ้งปัญหาใหญ่ไว้กับเพื่อน...ขอให้พรุ่งนี้ผีอย่าออกมาหลอกเลยนะ...สาธุ
—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—
ในส่วนของคำเตือนตอนที่แล้วนั้นนนนน...
น่าจะรู้ตั้งตัวตั้งแต่เลขตอนและชื่อตอนแล้ววววว