แล้วก็รักเข้าจนได้ Vol. 22
“ถามไรหน่อยดิ....ความลับที่พวกนั้นมันใช้หยุดไกรตอนที่ทะเลาะกับส้มคืออะไรเหรอ”
เมื่อเดินกลับมาพร้อมกันที่ทางขึ้นคอนโด
สายสัมพันธ์ก็เอ่ยถามร่างสูงที่เดินแกว่งมือเล็ก ๆนั้นไปมา
เพราะว่าค่อนข้างมืด จึงไม่มีใครสังเกตุเห็น
“แล้วเรื่องที่ไอ้หมูเอาไว้หยุดส้มอ่ะ.....เรื่องอะไรกัน” เกรียงไกรถามกลับ
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
“จะรู้ไปทำไม....” ร่างเล็กเอ่ยถาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ค่อยกล้าที่จะคุยกัน
เพราะว่าเอาแต่ทะเลาะกัน ไอ้หมูบอกว่าถ้ายังไม่เลิกทะเลาะกันอีก
จะเอาความลับของสายสัมพันธ์มาแฉ
ความลับบ้า ๆ บอ ๆ สมัยเด็ก
คนอื่นอาจไม่สำคัญ แต่ตอนนั้น ถ้าเป็นขุนไกร
มันจะต้องเอาไปล้อไปว่าให้เจ็บแสบแน่
แต่ถ้าเป็นตอนนี้เหรอ....ลองมาล้อสิ....ไม่ต้องพูดกันเลย จะโกรธจริง ๆ ด้วย
“ก็อยากรู้นี่ แล้วส้มอยากรู้เรื่องของไกรป่ะล่ะ....ถ้าอยากรู้ขอหอมทีนึง”
ไอ้ขุนไกรเดินหัวเราะกับข้อต่อรองของตัวเอง และก็ต้องหน้าซีดลง
เมื่อหันมาเจอกับสายตาขวาง ๆ ของสายสัมพันธ์ที่มองมาอย่างหมั่นไส้
ไอ้ไกร....ไม่รู้จักพอ...ได้คืบมันจะเอาศอก ปากดี นิสัยเสียอีกต่างหาก
“อย่ามองงั้นดิฉ้มมมมมมม เค้าบอกและ นะ..เค้าบอกและตัวเองก็...มองเค้าตาขวางอีกและ” ไอ้ไกรต้องรีบง้อ เดี๋ยวส้มงอนอีก เพิ่งได้คืนดีกันเมื่อกี้ อิ อิ แต่งอนบ่อย ๆ ก็ดีนะ ไอ้ขุนไกรเริ่มคิดแผนชั่ว
“รีบบอกมาเร็ว ๆ เลยก่อนจะไม่อยากรู้” ไอ้ส้มชักเบื่อ ขุนไกรจะพูดอะไรแต่ละที ลีลาเหลือเกิน
“มันก็ไม่มีอะไรหรอก....เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ ไกรไปชอบเด็กอยู่คน...น่ารักมากเลยส้ม
เล่นด้วยกันทุกวันเลย....แต่เค้าเข้ามาเรียนแค่อาทิตย์เดียวเอง...แล้วเค้าก็ลาออกไป
ไอ้อาร์ตมันเรียนกับไกรมาตั้งแต่อนุบาลไง...มันก็เลยรู้...แล้วไอ้อาร์ตกับไอ้หมูมันสนิทกันอีก
ไอ้หมูมันก็เลยรู้ด้วย...” ร่างสูงยิ้มอ่อนโยนเมื่อคิดถึงความทรงจำที่ดีในวันวาน
“แล้วมันเป็นความลับตรงไหนกันวะ....” สายสัมพันธ์เอ่ยถาม
คนเราก็ต้องมีรักแรกหวานแหวว
ปับปี้เลิฟกันมั่งแหละ จะเรียกว่าความลับได้ไง
“ก็จริง ๆ แล้วเด็กคนนั้นอ่ะ....เป็นผู้ชายอะดิ...แต่พ่อแม่เค้าแต่งตัวให้เค้าเป็นเด็กผู้หญิง...ผูกโบว์สีชมพูทุกวันเลย....ไกรไม่รู้หรอก...จนคุณครูพาไปเข้าห้องน้ำพร้อมกันแหละ...ไกรเลยรู้...ตลกเนอะ”
ไอ้ไกรหัวเราะกับเรื่องราวในวัยเด็ก
ยังไงก็ไม่เคยลืมเด็กคนนั้นเลย แต่จะว่าไปเด็กคนนั้นชื่ออะไรนะ.........
มันติดอยู่ที่ริมฝีปาก
คิดไม่ออกสักที
“เด็กที่ว่าน่ะ....ชอบไปนั่งเล่นชิงช้าใต้ต้นสน หน้าห้อง แล้วก็สะพายกระเป๋าสีชมพูหรือเปล่า”
สายสัมพันธ์หันหน้าถาม แกล้งล้อเล่นไปตามเรื่อง
ร่างบางเองก็เคยมีเพื่อนเล่นสมัยอนุบาลเหมือนกัน
คำตอบคงขุนไกร ก็คงเป็น ...ไม่ใช่หรอกนั่นแหละนะ...ถ้ามันตอบว่าใช่คงตลก
“เออ...ใช่ ๆ ส้มรู้ได้ไงอ่ะ...เค้านั่งร้องไห้ทุกวันเลย...ต้องแอบเอาท็อฟฟี่มาฝากเค้าด้วยนะ...เค้าถึงจะหยุดร้องไห้..แล้วเค้าก็เล่นกับไกรคนเดียวด้วย...ไม่เล่นกับใครเลย”
ขุนไกรพูดอย่างภูมิใจเมื่อนึกถึงเด็กคนนั้น
แต่ว่าเดี๋ยวก่อนนะ....เขารู้จักกับส้มตอนเรียน มัธยม
ไอ้อาร์ตก็ยืนยันว่าไอ้ส้มไม่รู้เรื่องนี้
ไอ้อาร์ตมันรู้แค่ว่าเขาชอบเด็กคนนั้น แต่รายละเอียด เรื่องชิงช้าใต้ต้นสนไอ้อาร์ตมันไม่รู้
แล้วส้ม....ส้มรู้ได้ไง ...
“ส้ม....บอกความลับของส้มมาเลยเค้าบอกส้มแล้ว” เกรียงไกรเริ่มขมวดคิ้ว
คงไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรอกมั้ง ไม่งั้นขำตายเลย
“เอ่อ.....คือ...ตอนเด็ก ๆ ไม่สบายบ่อย ที่บ้านบอกว่าต้องเลี้ยงให้เป็นเด็กผู้หญิงจนกว่าจะครบ
7 ขวบ เขาถือเป็นการแก้เคล็ด เด็กจะได้แข็งแรง....” สายสัมพันธ์เอ่ยเสียงเบา ไอ้ไกรต้องหัวเราะเยาะแน่ ๆ เลย
“อือ....เหรอ...แล้ว..มันเป็นความลับตรงไหนเหรอ....” ขุนไกรเริ่มสับสน น้องโบว์ชมพูก็เป็นเด็กผู้ชายเหมือนกัน แล้วส้ม....ส้มก็เคยถูกจับแต่งตัวเป็นผู้หญิงตอนเด็ก ๆ
“ก็ไกรชอบว่าส้ม...เมื่อก่อนที่เราทะเลาะกัน...ถ้าให้ไกรรู้...ไกรก็เอาไปล้อว่าส้มเป็นกระเทยจริง ๆ น่ะสิ” เ
จ้าส้มก้มหน้าลง
ก็มันจริงนี่นา ไอ้ไกรชอบหาว่าเป็นกระเทย เป็นตุ๊ด เป็นอะไรของมันก็ไม่รู้
ขืนให้รู้ว่าเคยแต่งตัวเป็นผู้หญิง มันต้องหัวเราะเยาะแน่
“ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..เมื่อก่อนไกรอาจล้อว่าส้มเป็นกระเทยแน่...แต่ตอนนี้ไกรอาจจะเปลี่ยนเป็นล้อว่า
ส้มเป็นแฟนไกรมากกว่ามั้ง............โอ้ย” พูดได้แค่นั้นขุนไกรก็ต้องกุมไหล่ตัวเอง
เมื่อโดนมือเล็ก ๆ นั้นชกเข้าให้ อย่างหมั่นไส้
“จริงสิ...แล้วส้มรู้ได้ไงว่ามีชิงช้าใต้ต้นสนอ่ะ...” ร่างสูงหยุดเดินหันมาถาม มันเป็นเรื่องระหว่างเขากับน้องโบว์ชมพู แล้วส้มรู้ได้ไง
ส้มก็อยากถามเหมือนกันแหละว่าไกรรู้จักชิงช้าใต้ต้นสนได้ยังไง” สายสัมพันธ์เองก็แปลกใจ
เมื่อก่อนเคยเล่นกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
เด็กที่ใจดีมาก เอาท็อฟฟี่มาให้ทุกวัน ทำให้หยุดร้องไห้ได้
เพราะต้องย้ายโรงเรียนทำให้เข้ากับใครไม่ได้ มีแต่เด็กคนนั้นที่เล่นด้วย และใจดีกับเขาตลอด
จำได้ว่าเด็กคนนั้นชื่อเอ็ม
ไม่ใช่ไกรแน่ ๆ เพราะฉะนั้น คงไม่ใช่เรื่องโลกมันกลมหรอก
“เอ๊ะ...” ขุนไกรชักงง
“ตอนอนุบาลส้มย้ายโรงเรียนบ่อย..เลยเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้....แต่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเขาชื่อเอ็ม
เขามาเล่นชิงช้ากับส้มทุกวัน...จนส้มเรียนได้จนครบทั้งอาทิตย์แล้วก็ย้ายไปที่อื่นต่อ...เขายังให้ตุ๊กตากระต่ายสีขาวส้มเลย...เด็กอนุบาลอ่ะนะ...ไปแคะกระปุกออมสินแล้วก็เอาตังค์ไปซื้อตุ๊กตากระต่ายตัวเท่าฝ่ามือเอง ตัวนิดเดียว แต่เขาก็ซื้อมาให้ส้ม ทุกวันนี้ส้มยังเก็บไว้เลยนะ”
ร่างบางเองก็นึกถึงคน ๆ หนึ่งขึ้นมา
ป่านนี้คงโตแล้วมั้ง อยากเจออีกสักครั้งจังเลย
“แล้วส้มรู้ป่าวว่า...จริง ๆ แล้ว..ขุนไกรอ่ะ..เป็นฉายาที่เพื่อนมันตั้งให้...แต่จริง ๆ แล้ว ไกรอ่ะ
ชื่อเล่นชื่อเอ็ม......”
ขุนไกรยืนนิ่งมองใบหน้าสวยหวานที่หันกลับมามอง
นัยย์ตากลมโตเบิกโพลงอย่างตกใจ
ร่างสูงเอื้อมหยิบกระเป๋าสตางค์ที่มีโบว์สีชมพูเส้นเล็ก ๆ ห่อใส่พลาสติกใส
แอบอยู่ในช่องกระเป๋าสตางค์ออกมายื่นให้กับร่างบางได้ดู
“อันนี้อ่ะ...ของน้องโบว์ชมพู..เขาเอามาแลกกับตุ๊กตากระต่ายที่ไกรซื้อให้” ฝ่ามือแกร่งยื่นซองพลาสติกใสที่มีเส้นริบบิ้นเส้นเล็ก ๆ พับเป็นทบยื่นให้กับร่างตรงหน้าที่มองมา
“ของส้มหรือเปล่า......” เกรียงไกรเอ่ยถาม.....จ้องมองใบหน้าสวยหวานนั้นตาไม่กระพริบ
มือเล็ก ๆ เอื้อมมารับไปถือไว้
ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ
“น้องโบว์....น้องโบว์..น้องโบว์จริง ๆ เหรอ...น้องโบว์” ไอ้ไกรโผกอดร่างเล็ก ๆ นั้นแน่น
อย่างดีใจ ได้เจอกันแล้ว อยู่ใกล้แค่นี้เอง น้องโบว์ชมพู
คนที่เป็นรักครั้งแรก และเป็นคนเดียวที่อยู่ในใจตลอดมา
คนที่อยากพบมากที่สุด
“ดีใจจังเลย...น้องโบว์” ร่างสูงนั้นหอมแก้มซ้ายขวาของร่างบางอย่างดีใจ
ไม่เคยดีใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย
พอกับสายสัมพันธ์ที่ยิ้มรับ ยิ้มที่กว้างที่สุด ดีใจที่สุด
และกอดรัดร่างสูงที่โผเข้าหาแนบแน่นเช่นกัน
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย มึงสองคนทำอะไรกัน”
เสียงดังสนั่นของอเนกและอาทิตย์ทำให้สองร่างต้องผละจากกัน
ก่อนจะหันไปพบกับเพื่อนสองคนที่ยืนหน้าถมึงทึงอยู่
“ไอ้ไกร...ไอ้ส้ม..มึงสองตัวช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้พวกกูเข้าใจหน่อย”
ทั้งอเนกและอาทิตย์มองร่างสูงและร่างบางที่ผละจากกันแล้ว
อย่างเอาเรื่อง
*****************************