d o u b l e M
t h i r t y – o n e
“ยิ้มให้ปากฉีกไปเลยนะ!”
คนฟังทำหน้าเหรอหรา มองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันด้วยความงุนงงปานกลางถึงมาก จันทร์เจ้าขมุบขมิบปากบ่นกับตัวเองขณะที่มือก็ง่วนกับการแกะฝาถ้วยพุดดิ้งรสนม แต่ก็ยังจะสละเวลามาแขวะเขาได้
“ช่วงนี้พี่ว่าน้องจิ๋วอารมณ์แปรปรวนนะ” น้องจิ๋วร้องเหอะ ตักพุดดิ้งของโปรดเข้าปากคำโต
“ทุกอย่างรอบตัวมันน่าหงุดหงิดไปหมดเลย”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่รู้สิ” พูดพลางยักไหล่ คนหงุดหงิดเมื่อสักครู่ฉีกยิ้มแฉ่ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มสบมองไปที่พี่มีนด้วยความเจ้าเล่ห์ “แล้วพี่มีนยิ้มอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว โดนรามินทร์จัดหนักมา--- โอ๊ย!!!”
ยังพูดไม่ทันจบก็โดนพี่มีนฟาดไหล่เข้าไปเต็มเปา เจ็บอ่ะ ฮือ ไม่คิดว่าพี่มีนจะเขินรุนแรงแบบนี้
“จัดหนักบ้าอะไร เดี๋ยวเถอะ!”
“งั้นเป็นอะไร?”
“ไม่ได้เป็นอะไรเลยเนี่ย” จันทร์เจ้าหรี่ตามองคนข้าง ๆ แขนเล็กของพี่มีนวางพาดกอดคอของเขาอยู่ ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่ก็ขยับพูดจ้อเจื้อย น้ำเสียงหวานระรื่นหูทำเอาคนฟังเคลิ้มตาม บางคราก็แย้มยิ้มให้คนรู้จักที่เดินสวนกัน
พี่มีนเป็นคนน่ารักอย่างนี้ รามินทร์ไม่หวงสิแปลก
ขนาดจันทร์เจ้าเป็นเป็นเพื่อนยังหวงเพื่อนคนนี้เลย…
“อุ้ย! ขอโทษค่ะพี่มีน”
“ไม่เป็นไรครับ” มีนบอกกับเด็กสาวที่เพิ่งชนเขาเมื่อสักครู่ มีนจำเธอได้ น้องพลอย… คนที่ฝากของขวัญให้เขาไปให้รามินทร์ เด็กผู้หญิงน่ารักคนนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยยุให้เจ้าหมีจีบน้อง คิดแบบนั้นไปก็เผลอหัวเราะออกมา โบกมือให้น้องพลอยกับเพื่อนของเธอที่ค้อมศีรษะขอโทษเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร แล้วดันหลังจันทร์เจ้าให้เดินเข้าไปในมินิมาร์ท
“วันนี้น้องจิ๋วต้องไปที่โรงฝึกใช่ไหมครับ?” จันทร์เจ้าที่กำลังเพลินกับไอศกรีมเบะปากทันทีเมื่อได้ยินคำถาม
จันทร์เจ้าเพิ่งไปสมัครเรียนศิลปะป้องกันตัวมาได้หนึ่งเดือนแล้ว เหตุเกินเพราะแรงยุของพี่ฟ้าคนแมน สุดที่รักของเราเอง ที่ชอบบอกว่านอกจากจะเอาไว้ป้องกันตัวเองได้แล้วยังมีไว้โชว์สาวด้วย พี่ชายคนสวยเล่าดูสีหน้าตื่นเต้นสุด ๆ พร้อมทั้งบรรยายสรรพคุณมากมายจนเราคล้อยตาม แต่ก็ต้องสะดุดเพราะพี่ฟ้าคนดีถูกน้าเจ้าตบศีรษะโผละและบอกว่า ‘เพ้อเจ้อ’
สุดท้ายเราก็ไปสมัครโดยมีน้าเจ้าและพี่ฟ้าพาไป แล้วทุกคนที่บ้านก็เห็นด้วยด้วยนะ แต่งานนี้เราไม่ยอมไปคนเดียวหรอก จึงลากน้องทั้งสองไปด้วย จ๋าจ้าดี๊ด๊าตื่นเต้นใหญ่ พยักหน้าตกลงอย่างไม่รีรอ แต่จริงใจเซย์โนบอกไม่เอา เพราะเรียนชกมวยอยู่แล้ว
ก็แล้วแต่…
“ช่าย~ เราลงเรียนจันทร์พุธศุกร์ ส่วนวันเสาร์ไปเรียนดนตรี”
“หูย น่าสนุกจัง”
“พี่มีนไปเรียนด้วยกันไหม?”
“ไม่ล่ะ”
“ฮื่อ! อ่อน”
“เดี๋ยวเถอะ!!”
“อ๊า!!!! ถ้าตีเราเราจะฟ้องรามินทร์ว่าพี่มีนยิ้มให้ผู้ชายทั้งโรงเรียนเลย!!!!”
“อะไรนะ!!”
มีนหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนมา ร่างเล็กตบหน้าผากตัวเองพลางหลับตาและสูดหายใจลึก ขณะที่จันทร์เจ้าหัวเราะร่าแล้ววิ่งไปในที่โต๊ะม้าหินในศาลาแดงที่มีรามินทร์ เวฟ ไต้ฝุ่น นั่งอยู่ก่อนแล้ว ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าไปร่างสูงใหญ่ของรามินทร์ก็เดินมาประชิดตัว จันทร์เจ้านะจันทร์เจ้า จะพูดก็ดันพูดให้รามินทร์ได้ยิน แกล้งพี่นี่สนุกมากใช่ไหม!!
- - - - d o u b l e M - - - -
“เฮ้ย!” คนตัวเล็กร้องตกใจพร้อมกับยกมือขึ้นกัน เมื่อรุ่นพี่ตัวสูงง้างหมัดขึ้นเหมือนจะต่อย
“นึกว่าใคร เกือบแล้วไหมล่ะ?”
“โหดสัดอ่ะ”
“มาทำไรวะ?”
“เดินเล่น เจอพวกพี่พอดีเลยแวะมาทัก”
“อย่าให้ความหวังทั้ง ๆ ที่ยังก็ยังต้องมี~~~ เขา”
“หูย เพิ่งรู้ว่าพี่เนย์ร้องเพลงเพี้ยนขนาดนี้”
“อะ อ้าว…” พวกเขาหัวเราะ อาคเนย์ยักคิ้วให้เพื่อนอย่างกวนประสาท น่าสงสารมัน ชอบเขาแต่เขาก็ไม่รู้ แถมยังหนีไปมีแฟนอีก โคตรนก
“อีกไม่กี่เดือนพวกพี่ก็จะจบแล้วเนอะ” ระหว่างนั้นก็ส่งข้อความหารามินทร์ไปด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหน
“เตรียมของปัจฉิมให้ด้วยนะมีนานุช”
“ด้ายยยยยยย!”
“จริง!!?”
“ก็ไหน ๆ พวกพี่ก็จะจบแล้ว ให้ของที่ระลึกสักหน่อย เผื่อเราไม่เจอกันอีก เวลาเห็นของที่ให้จะได้นึกถึงกัน ถ้าไม่เอาทิ้งไปก่อนอะนะ”
“หวัดดี”
“อ้าว ทำไมมินทร์มาเร็ว” คนถูกถามไม่ตอบ เขาทิ้งนั่งนั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกับคนตัวเล็ก สาเหตุที่เขาต้องมาเร็วเพราะว่าข้อความที่ได้รับจากมีนนั่นไง
นี่อยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์สองกับพี่เจ็นเนอร์กับพี่เนย์ “พวกพี่จะต่อที่ไหนกันอ่ะ?”
“ติดที่ไหนก็ที่นั่น” พี่เนย์บอก พี่เจ็นเนอร์ไม่พูดอะไร เพียงยักไหล่เท่านั้น จนพี่เนย์ต้องตอบแทน “ไอ้ห่านี่จะกลับบ้านเกิด”
“เฮ้ย!! จริง!? ที่ไหนอ่ะ?”
“อาจจะ… ไอร์แลนด์”
“หูยยยยย”
“ไปด้วยกันป่ะ?”
“เสร่อ” รามินทร์เอ่ยขัดกลางปล้อง มีนตีมือหนาที่จับกันอยู่ใต้โต๊ะ ไปพูดไม่ดีแบบนั้นได้ไง พี่เจนนี่เป็นรุ่นพี่นะ
“มึงขี้หวงขนาดนี้กล้าทิ้งไอ้มีนไปอังกฤษหรอวะ?”
รามินทร์จิ๊ปากเมื่อได้ยินอาคเนย์พูด พูดขึ้นมาหาพระแสงอะไร เขากระชับมือที่จับมือเล็กอยู่ ไหล่กว้างขยับขึ้นแล้วไม่พูดอะไร
นั่นสิ… รามินทร์เคยพูดว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศนี่นา ถ้าพี่เนย์ไม่พูดขึ้นมา มีนก็ลืมไปแล้ว…
- - - - d o u b l e M - - - -
วันนี้รามินทร์ไม่ต้องซ้อมบาสเกตบอล เจ้าหมีตัวโตจึงชวนเขาไปดูหนังกันเมื่อเลิกเรียน น้องจิ๋วงอแงบอกจะไปด้วย แต่ว่าโดนจริงใจลากไปเพราะต้องไปเรียนศิลปะป้องกันตัว รามินทร์จึงหัวเราะสะใจ และส่งยิ้มหวานยียวนให้จันทร์เจ้าได้ฟึดฟัด เกือบจะกระโดดถีบรามินทร์ หากจริงใจและจ๋าจ้าไม่รีบจับไว้
ห้าวเหลือเกิน
“เราไม่ค่อยได้มาดูหนังด้วยกันเลยเนอะ”
“นั่นสิ”
“แต่ไม่ต้องมาบ่อยหรอก เปลืองตังค์” มีนยิ้มเขินเมื่อรามินทร์หันมองและยิ้มเป็นเชิงล้อ แต่เจ้าตัวก็ไม่พูดอะไรออกมา
ใช้เวลาไปพอสมควรกว่าพวกเราจะได้ตั๋วภาพยนตร์มา อืม... คนเยอะจังเลยอ่ะ ขนาดวันธรรมดานะเนี่ย มีนมองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียน นักศึกษามากกว่า เพราะนี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของพนักงานนี่เนอะ บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มากับกลุ่มเพื่อน หรือบ้างก็มาเป็นคู่ มีนแอบเบ้ปากเมื่อเห็นผู้ชาย ผู้หญิงคู่หนึ่งเดินจับมือกัน แต่ก็น่ารักดี… บางทีเขาก็อยากจะทำแบบนั้นกับรามินทร์ ถึงแม้ทุกวันนี้คู่รักเพศเดียวกันจะมีให้เห็นอยู่มาก แต่มีนคิดว่าประเทศไทยยังไม่เปิดกว้างขนาดนั้น…
“ขอโทษนะคะ”
“ครับ?” คนตัวเล็กเลิกคิ้วมองกลุ่มผู้หญิงสามคนที่เข้ามาขัดความคิดของเขา ตาสวยกลอกมองรามินทร์ที่อยู่ข้าง ๆ เจ้าหมีจ้องเขม็งไปที่พวกเธอ แม้ปลายนิ้วจะเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนไปมา
“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม?”
“กับ…ผม?” นิ้วเล็กชี้เข้าหาตัวเอง มีนย่นคอลงเมื่อโดนรามินทร์บีบเข้าที่ท้ายทอย
“ใช่จ้า!” เด็กสาวทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อมกัน พวกเธอมองสีหน้าลำบากใจของคนตัวเล็กที่เหลือบมองคนข้าง ๆ บ่อย ๆ ก็พอจะเดาได้ “คืองี้… พวกเราชอบนายมาก (รามินทร์ถึงกับคิ้วกระตุก) เป็นดับเบิ้ลเอ็มชิปเปอร์ด้วยไง”
“อ่า…”
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะ คือไม่รู้จะได้เจออีกเมื่อไหร่ไง”
“งะ งั้น… ครับ” รามินทร์แสยะยิ้มกับคำตอบของแฟนตัวเล็ก มีนขยี้ผมของรามินทร์แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหาพวกเธอ
“ถ่ายกับรามินทร์ไหมครับ?” มีนถามหลังจากที่เวียนถ่ายรูปกับสามสาวจนครบทุกคน
“อยากถ่ายนะ… แต่--- เฮ้ย!”
“มินทร์ มานี่” คนถูกเรียกเบ้ปากราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยอมเดินไปตามที่เรียก
“ขอบคุณมากเลยยยยยย รักกันนาน ๆ น้าาาา”
มีนกะพริบตาปริบ ๆ กับคำสุดท้ายก่อนสามสาวจะเดินจากไปเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ รามินทร์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ๆ มือใหญ่วางบนศีรษะของคนตัวเล็กแล้วโคลงเบา ๆ ก่อนจะดันให้อีกคนก้าวเดินเมื่อถึงเวลาหนังฉายพอดี
แล้ว… อะไรคือการซื้อที่นั่ง Enigma /กลอกตามองบน
“เบียดอะไรเล่า!” มีนโวยวายเมื่อรามินทร์ขยับเข้ามาเบียดเขาหนักขึ้น พอไม่พูดนี่ได้ใจนะ รามินทร์ไม่ตอบโต้ในทันที เขาเอนศีรษะพิงไหล่แคบและกอดตัวเองไว้
“หนาว”
“โม้ ขยับไปเลย นี่จะดูหนัง”
“ก็ดูไปสิ นี่เอามือปิดตาไว้เหรอ หืม?” จิกตามองคนพูด บ้าบอชะมัด ถ้าจะเข้ามานอนแล้วซื้อตั๋วมาให้เปลืองทำไม กลับไปนอนที่บ้านดีกว่าไหมล่ะ!
25 นาทีต่อมา
“รามินทร์”
“เอามือออกไป”
“…”
“คุณครับ” รามินทร์เดาะลิ้น ดึงมือตัวเองออกจากการล่วงล้ำเข้าไปขยำหน้าท้องนิ่มแต่โดยดี แม้จะไม่อยากอาออกก็เถอะ แต่เมื่อที่มีนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งติดขุ่นล่ะก็… นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าถ้าไม่ยอมล่าถอยชีวิตจะต้องพินาศแน่นอน
พี่มีนเหลือบมองเด็กโดนขัดใจที่ทำหน้างอ มือเล็กจัดชายเสื้อนักเรียนที่โดนรามินทร์ดึงออก(ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบ)ให้เข้าที่ ส่ายหน้าเบา ๆ กับตัวเองแล้วสนใจกับภาพยนตร์ตรงหน้าอีกครั้ง
เด็กตัวสูงถอนหายใจแรง ๆ แม้จะเปิดการ์ดเรียกร้องความสนใจมาหลายใบแล้วแต่มีนาก็ยังเอาแต่จ้องมองไปที่จอภาพยนตร์อยู่ดี ไม่แม้แต่จะปรายตามองด้วยซ้ำ แม่ง! คราวหน้าไม่พามาดูมันละ ไอ้หนังเหี้ยนี่
- - - - d o u b l e M - - - -
“หนังสนุกเนอะ”
“สนุกมากกกกกกก” มีนหัวเราะกับสีหน้าแสนเบื่อขัดกับคำพูด แน่ล่ะ รามินทร์ดูหนังที่ไหนเล่า เอาที่หลับ ไม่ก็ก่อกวนเขา ทั้งแต๊ะอั๋ง จับนู่น จับนี่ไม่หยุด ไหนจะนอนเบียด นอนหนุนตัก พิงไหล่ และยังดึงเขาไปซบอีก
มันน่าโบกจริง ๆ
“หึหึ ไอ้บ้าเอ๊ย”
“มีนนั่นแหละ”
“เอ๋า นี่บ้ายังไงอ่ะ?”
“เอาแต่สนใจหนัง ไม่สนใจนี่เลย งอน”
เจ้าตัวเล็กหัวเราะร่ากับใบหน้าหล่อที่งอง้ำแถมยังเชิดหน้าใส่อีก “ก็มาดูหนังหนิ อีกอย่างนะ ซื้อตั๋วตั้งแพง ต้องดูให้คุ้ม มินทร์นั่นแหละ...”
“มินทร์อะไร?”
“มินทร์เอาแต่กวนนี่อ่ะ หนังก็ไม่สนใจจะดู”
“อยู่กับมีนอะไรก็ไม่น่าสนใจทั้งนั้น” ปากสีเชอร์รี่ที่กำลังจะเอ่ยเถียงจำต้องเม้มแน่เมื่อโดนประโยคทำลายล้างเข้าไป ไหนจะใบหน้าที่ติดจะเมื่อจะพูดไม่คิดและไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร จะทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะพลังแห่งความเขินหรือเปล่า ใบหน้าขาวร้อนผ่าวเมื่อคนตัวสูงเริ่มระบายยิ้ม มุมปากที่ยกขึ้นส่งผลให้ดวงตากลมปิดหยี คราวนี้พี่โดนตายิ้มจู่โจมอีกแล้ว...
“นิสัยไม่ดี...”
“หึหึ น่ารักว่ะ เขินหรอครับ?”
“ใครเขิน!!?”
“นี่ไง” รามินทร์บีบแก้มของมีนเบา ๆ ก่อนจะหมุนให้หันเข้ากระจก มีนอ้าปากงับเนื้อระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้งของรามินทร์เพื่อให้คนตัวโตกว่าปล่อยออกและอาการหมั่นไส้ส่วนตัว เจ้าแฟนหัวเราะพอใจ วงแขนแกร่งกอดคอของพี่เอาไว้ มองจากคนภายนอกก็เป็นแค่เพื่อนกอดคอกันธรรมดา และเราก็เดินไปเรื่อย ๆ ด้วยกัน ไม่ได้จับมือ ทำแบบนี้แทนก็ได้...
ออกจากโรงหนังมาก็เกิดอาการหิวใช่มะ? เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะหาอะไรกินกันก่อน แต่ว่า… รามินทร์สั่งอาหารไปรัว ๆ แบบไม่ปรึกษากันก่อนเลย… สงสัยจะหิวมาก ๆ ๆ ๆ ๆ
“ยิ้มอะไรครับ?” รามินทร์ถามขึ้น จ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งตรงข้าม
“อยากยิ้มก็ยิ้ม ทำไมเหรอ?” เลิกคิ้วยียวน
“ยิ้มได้ แต่ตอนนี้ห้ามยิ้ม คนมอง”
“ยิ้มก็ไม่ได้ อะไรอ่ะ”
“หวง”
โอเค ไม่ยิ้มก็ได้…
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟเราก็ลงมือกินราวกับอดอยากมานาน ก็คนมันหิวนี่นา… อีกทั้งกลิ่นหอม ๆ และหน้าตาน่าทานของอาหารพวกนี้นะ แค่เห็นกระเพาะก็ส่งเสียงโครกคราก น้ำลายแทบไหลแนะ! และเมื่อได้ทั้งชิมก็ทำเอาฟินไปอีกนาน รสชาติดีไม่แพ้หน้าตาเลยสักนิด ไม่แปลกใจว่าทำไมคนเยอะ อ๊า!!!!! อร่อยสุด ๆ ไปเลย!!!
“ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กพูดขึ้นหลังจากที่รามินทร์ตักต้มข่าไก่มาให้ แล้วยิ้มกว้าง ๆ กับรสชาติ เมนูนี้เป็นอีกอย่างที่เราชอบเหมือนกัน หากไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยที่ไหนเป็นต้องสั่งตลอด เห็นหน้าแบบนี้ก็ไทยนิยมนะครับ ฮี่ฮี่ รามินทร์เองก็ชอบอาหารไทยมาก ๆ เหมือนกันด้วย…
“อันนี้ก็อร่อย” คราวนี้มีนตักหมูหวานให้รามินทร์บ้าง เด็กตัวสูงอมยิ้มกับคนที่ยิ้มจนตาหยีและโคลงตัวไปมา ปฏิกิริยาน่ารักจนเข้าอยากจะคว้ามาฟัด ขยันทำตัวน่ารักจริง ๆ เลยสิน่า…
“ท้องจะแตก ฮื้อ!”
“ของหวานต่อไหม?” รามินทร์ถามพลางยื่นมือไปรองคางของคนตัวเล็กที่เกยบนโต๊ะ ก็มันสกปรกไม่อยากให้มีนาต้องสัมผัสมัน… มีนกะพริบตาปริบ ๆ กระแทกคางกับฝ่ามือหนาเบา ๆ แล้วยึดตัวกลับไปนั่งปกติ
“เอาไงดีอ่ะ อยากกิน แต่ท้องแน่นมากเยย”
; _ ;
“คนเรามีกระเพาะแยกสำหรับของคาวกับของหวานนะ”
นี่มันข้ออ้างของสายแดกชัด ๆ
“งั้น… โอเช!!”
พี่สั่งบัวลอยสามสีไข่หวานมาหนึ่งถ้วย ส่วนของรามินทร์เป็นอะไรสักอย่างที่พี่หนึ่งชื่อไม่ออก มันเป็นแป้งที่มีลักษณะเหมือนหนอน มีหลากหลายสีมาก ๆ เลย… ดูน่าอร่อย แต่กินไม่ได้เพราะในนั้นโรยถั่วมาด้วย เซ็ง
หูย… กะทิข้น ๆ แถมยังมีกลิ่นหอมของใบเตยด้วย ตัวแป้งบัวลอยก็เหนียวหนึบเคี้ยวหนุบหนับเลย ไข่ที่ใส่มาก็ไม่แข็ง โดยรวมแล้วอร่อยมาก ๆ
วันนี้รามินทร์เป็นเด็กดี เอาไปสิบดาวเลย!!
- - - - d o u b l e M - - - -
“มินทร์…”
“หืม?”
“รามินทร์…”
“ว่าไง?”
“คุณรามินทร์”
“มีอะไรครับ”
มีนอมยิ้ม ไม่พูดอะไรออกมา และเรียกชื่อของรามินทร์ซ้ำ ๆ
“ถ้าเรียกไม่หยุดแบบนี้นี่จะจูบแล้วนะ”
“ฮี่ฮี่ เรียกเฉย ๆ อ่ะ” แลบลิ้นใส่คนตัวสูง ก่อนจะโน้มไปหยิบก้อนหินมาโยนเล่น หลังจากทานอาหารกันเสร็จเราสองคนก็เดินเล่นที่ศูนย์การค้านั้นอยู่สักพัก แล้วจึงตกลงกันว่าจะกลับแต่จู่ ๆ เจ้าหมีก็แวะสวนสาธารณะแถวหมู่บ้านพี่ซะงั้น
แต่ว่า… สายลมเย็น ๆ พัดเอื่อย ๆ แบบนี้ทำให้รู้สึกดีจังเลยเนอะ
“อีกปีกว่า…”
“ทำไมครับ?”
“เรามีเวลาอยู่ด้วยกันแค่ปีกว่า… หรือปีเดียวนะ” คนตัวเล็กพูดแล้วระบายยิ้มบาง ดวงตาสดใสหม่นแสงลงเล็กน้อย มีนขว้างก้อนหินในมือลงในบึงน้ำด้านหน้า
“…ไม่ไปแล้ว”
“เอ๋?”
“ไม่ไปแล้วครับ”
“ทำไม…ล่ะ?” รามินทร์ไม่ได้ตอบในทันที เขายื่นมือไปเสยผมด้านหน้าของมีนขึ้นแล้วคว้ามือเล็กมากุมไว้
“อยากอยู่กับมีน เลยคิดว่าไม่ไปดีกว่า”
“นี่เป็นตัวถ่วงหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ ตอนนั้นก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ …มั้ง” เขาไหวไหล่ ทีแรกก็คิดว่าการที่เขาจะคบกับมีนาเป็นเรื่องยากที่ครอบครัวจะยอมรับ จึงตัดสินใจจะตั้งใจเรียนเพื่อเป็นหลักการันตีในความตั้งใจของตัวเอง ทว่าหากได้เปิดใจคุยกับแม่แล้วผลลัพธ์มันดันออกมาเป็นบวก ทุกคนในครอบครัวเข้าใจ และไม่มีใครคัดค้าน ความคิดที่จะไปเรียนต่างประเทศของเขาจึงค่อย ๆ หายไป…
รามินทร์ก็ไม่อยากเสี่ยงที่ต้องปล่อยแมวน้อยตัวนี้ไว้คนเดียวในขณะที่เขาอยู่แสนไกล หากมีคนมาทำให้มีนเปลี่ยนใจเขาจะทำยังไงเล่า…
“มินทร์”
“มีนไม่ใช่ตัวถ่วง แต่เป็นแรงผลักดัน”
“…”
“อย่าคิดมากน่า ยิ้มให้ผมหน่อยครับพี่มีน”
“ฮื่อ! ไม่ยิ้ม แล้วคือ… มินทร์จะเรียนต่อที่ไทยใช่ไหม?”
“ครับผม” รามินทร์ตอบแล้วหอมหน้าผากนวล “ยิ้มให้ผมหน่อยสิคร้าบบบบ”
สุดท้ายก็ทนแรงอ้อนจากแฟนตัวโตไม่ไหว มีนยิ้มกว้างให้รามินทร์ได้หมั่นเขี้ยว ฟัดแก้มนุ่มไปหลายฟอด ดีนะที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนพลุ่งพล่าน
“ทำไมอยู่ ๆ ก็ถามล่ะ?”
“ก็… พี่เนย์พูดขึ้นมาอ่ะ จริง ๆ ก็ลืมไปแล้ว…”
“ตัวเล็กก็เลยเครียดเลย” มีนย่นจมูกเมื่อโดนรามินทร์ทำหน้าล้อเลียน
“ก็มัน… อดกังวลไม่ได้นี่นา”
“กังวลอะไรครับ บอกนี่หน่อยสิ”
“ก็… ถ้าต้องไปไกล ๆ แล้วจะเป็นยังไง”
“แค่นั้น?”
“อื้อ!”
“โห ไรวะ นึกว่าจะมี ‘มินทร์ไปอยู่ที่ไกล ๆ แล้วจะลืมนี่หรือเปล่า ถ้าไปแล้วจะคิดถึงนี่ไหม ถ้าเจอคนสวย ๆ จะเผลอใจไปกับเขาหรือเปล่า จะ--’ โอ๊ย!” รามินทร์ร้องเมื่อโดนตบแก้ม
“เพ้อเจ้อ!”
“อ้าว ไม่ได้คิดงั้นหรอ?”
“ต้องคิดหรอ?” มีนเอียงคอถาม “มินทร์รักนี่จะตายอ่ะ คงมีปัญญาไปหวั่นไหวกับใครหรอก”
รามินทร์เหวอไปชั่วคราวกับคำพูดของคนตัวเล็ก เออว่ะ มันก็จริง แต่เขาไม่คิดว่ามีนาจะกล้าพูดออกมา
“มั่นใจจังเนอะ”
“หรือไม่จริง?”
“จริงครับ จริงที่สุด ทั้งรัก ทั้งหลง ไม่มีปัญญาไปหวั่นไหวกับใครหรอกครับ ไหน มาจูบสักทีดิ๊!”
“อ๊า!!!! เอะอะก็จูบอยู่เรื่อย ๆ เลย!!”
“ก็ปากเล็ก ๆ ห้อย ๆ สีสด ๆ นี่มันน่าจูบ”
“ว่าใครปากห้อย!!!!!!!”
“อ่า… นกที่บินผ่านเมื่อกี้ครับ”
“ไปตายซะรามินทร์!!!” รามินทร์กะพริบตา ก่อนจะวิ่งหนีกำปั้นเล็กที่เตรียมทุบเข้าที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย กลายเป็นว่าตอนนี้พวกเขาวิ่งไล่กันเป็นเด็ก ๆ จบท้ายด้วยการหอบแฮกกันทั้งคู่ เรามองหน้ากันก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ
ไม่ใช่ว่ามีนมั่นใจอะไรหรอก… เพียงแค่ไม่อยากคิดไปในแง่ที่ไม่ดีก็เท่านั้น อีกอย่าง รามินทร์รักเขามากจริง ๆ นี่นา ก็ควรจะเชื่อรามินทร์สิ! เนอะ!!!
นี่ก็รักมินทร์เท่าต้มข่าไก่เลยนะ ♡
----------------------------------------
สวัสดีจ้าาาาาาาาาา
ตอนนี้เป็นตอนที่ใช้เวล่แต่งนานมาก เพราะพล็อตตัน และมือไม่ลั่น TwT
หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยงับ
วันนี้ไม่รู้จะเพ้ออะไรอ่ะ 55555555555555
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลย เยิ้ฟฟฟฟฟ
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ /โป้งชี้ก้อย