บทที่ 4
กฎของการเป็นเพื่อนสนิท
นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดการรวมตัวของกลุ่ม F4 ของคณะแพทยศาสตร์โดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาทั้งสี่คนก็เกาะกลุ่มไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอมา เวลาเรียนก็จะจับกลุ่มนั่งด้วยกัน พอเลิกคลาสก็จะออกไปเที่ยวด้วยกันเป็นประจำจนทุกคนเริ่มจะสนิทใจกันแล้ว
“...สำหรับวันนี้เราจะหยุดไว้ที่สไลด์นี้นะคะนักศึกษา แล้วเจอกันใหม่คาบหน้า อย่าลืมส่งใบงานที่บ็อกซ์ของอาจารย์ด้วยล่ะ”
อาจารย์ปิดไมค์เสร็จ ทุกคนในห้องก็เริ่มเก็บของและรีบออกจากห้องสโลป ส่วนด้านบนสโลปที่ปรากฏกลุ่มที่ใคร ๆ ก็ต้องเหลี่ยวมองก่อนออกจากห้องเรียน...
พีชที่นั่งอยู่มุมด้านในสุดกำลังเริ่มเก็บชีทเรียนใส่กระเป๋า ถัดจากพีชก็เป็นวินทร์ที่ยังขมวดคิ้วกับสไลด์ล่าสุดที่อาจารย์ค้างไว้ ต่อจากวินทร์ก็เป็นควันที่พึ่งเงยหน้าขึ้นมาหลังจากฟุบหน้าหลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ส่วนไอติมก็ดึงเสื้อกันหนาวของตัวเองที่ควันพึ่งเอาไปทำเป็นหมอนมาสวมใส่คลายความหนาว
“ไปไหนกันต่อดี บาบิก้อนดีม่ะ”
พีชเสนอขึ้นเมื่อออกมาจากห้องเรียนแล้ว ควันหาวนอนไปหนึ่งครั้งก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนวินทร์ก็เออออตามด้วย ติดแต่คนตัวเล็กสุดในกลุ่มที่ยังไม่ยอมตอบตกลง
“ไอติมล่ะ ไปกินเนื้อย่างกันรึเปล่า” พีชถามไอติมที่ยังไม่ตอบตกลง คนตัวเล็กที่สุดได้แต่กรอกตาไปมาอย่างไม่แน่ใจก่อนจะตอบ เพราะทุกคนกำลังรอคำตอบจากเขาอยู่
“เออ...วันนี้ไม่ไปด้วยได้ป่ะ ไม่ค่อยอยากกินเนื้อย่างเท่าไรอ่ะ”
“งั้นไปกินอย่างอื่นก็ได้ อยากกินอะไรล่ะ” ควันพูดขึ้นมาทันที
“ไม่อ่ะ กูว่าจะกลับห้องไปนอนสักหน่อย พวกมึงไปกินกันเลยเถอะ” ไอติมปฏิเสธอีกครั้ง
“แต่...”
“เออ ไปกินสามคนก็ได้เหอะ กูหิวจะตายแล้ว”
ควันที่จะกำลังจะแย้งไอติมได้แต่หุบปากฉับ เมื่อวินทร์พูดขึ้นมาแล้วยกมือลากคอควันให้เดินตามพวกเขาไป ไอติมได้แต่โบกมือไล่ควันที่ยังไม่หยุดวอแวจนเมื่อทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว ไอติมจึงหันปลายเท้าไปอีกทางหนึ่ง
เป็นเพราะเมื่อคืนไอติมนอนดึกเกินไป เนื่องจากต้องนั่งทบทวนบทเรียนและอ่านหนังสือล่วงหน้าเพื่อจะได้ตามให้ทันเพื่อน ๆ ไม่เหมือนกับควันที่เข้ามานอนในห้องเรียน ตื่นมาก็เข้าใจทุกอย่าง ไอติมไม่ได้เก่งขนาดนั้น ที่เขามาถึงจุด ๆ นี้ได้ก็เพราะความขยันเสียมากกว่า ตอนนี้เขาเลยยิ่งต้องขยันกว่าตอนมัธยมอีกหลายร้อยเท่า เพื่อที่จะได้ตามคนอื่นให้ทัน
“แกว่าเดือนปีนี้เอาใครดีวะ”
ในขณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถ เสียงด้านในห้องสโมสรนักศึกษาก็ลอยเข้าโสตประสาทเสียก่อน ไอติมจึงเผลอหันไปมองรุ่นพี่ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ด้านในโดยไม่รู้ตัว
“ดาวอ่ะมีตัวเต็งแค่น้องน้ำหนึ่งคนเดียว แต่เดือนนี่เครียดจริง มีแต่คนหล่อ ๆ ฉันเลือกไม่ได้”
“ที่เตะตาสุดก็คงจะกลุ่ม F4 นั้นแหละ หล่อแบบสิ้นเปลืองมาก แถมถ้าใครในนี้ได้เป็นเดือน ยังไงมันก็มีกระแสอ่ะ เพราะทุกคนในมอแทบจะรู้จักกลุ่มนี้หมดแล้ว”
“ถ้าจะเลือกกลุ่ม F4 ก็ต้องตัดน้องควันออกไปเลย ถึงน้องควันจะหล่อลากขนาดไหน แค่ถ้าทางนิติฯ ส่งน้องหมอกมาเราจะทำยังไง”
“ก็จะมีเดือนหน้าเหมือนกันไง”
“แล้วทุกคนก็จะงงว่าต้องเชียร์แพทย์หรือนิติกันแน่ เพราะหน้าเหมือนกัน”
“ถ้าตัดน้องควันออกไป ฉันก็ขอโหวตน้องวินทร์แล้วกัน บอกเลยว่าถ้าได้ลงประกวดนะ แม่ยกเยอะแน่”
“ไม่อ่ะ ฉันว่าน้องวินทร์เงียบไป ไม่ผ่าน ๆ”
“ถ้าไม่เอาน้องวินทร์ งั้นก็เหลือแค่น้องไอติมกับน้องพีช”
ไอติมไม่รู้ว่าตัวเองแอบยืนฟังรุ่นพี่ในสโมสรคุยกันนานแค่ไหน จนกระทั่งสัมผัสเบามือที่วางอยู่บนกระหม่อมของเขาทำให้ไอติมสะดุ้ง แล้วต้องเงยหน้ามองว่าใครมาจับหัวเขาอย่างนี้ พอได้เห็นตัวการนั้นไอติมถึงกับพูดไม่ออกทันที
“ไง มาแอบทำอะไรแถวนี้”
“พะ...พี่กร”
ไอติมแทบจะพูดไม่ออก หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และเพราะบทสนทนาของพวกเขาถึงทำให้ทุกคนในสโมสรนักศึกษาหันมามองเป็นตาเดียว เมื่อเห็นว่าเดือนรุ่นพี่กำลังคุยกับ(ว่าที่)เดือนปีล่าสุดอยู่ ทุกคนในห้องที่กำลังถกเถียงกันว่าจะเลือกไอติมหรือพีชกันแน่ จึงมีคำตอบในใจกันหมดทุกคนแล้ว
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หืม? จะเข้าไปในห้องสโมฯ เหรอ” กรถามไอติมที่กำลังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พอหันเข้าไปมองด้านในก็เห็นว่ารุ่นพี่เหล่านั้นก็มองมาที่ตนอยู่ พอหันมาหาพี่กรก็กำลังรอคำตอบจากเขาเช่นกัน
“เออ...ไม่ได้จะมาครับ แค่เดินผ่านเฉย ๆ...แล้วพี่กรล่ะ จะมาห้องสโมฯ เหรอครับ”
“อืม พวกรุ่นน้องเชิญพี่มาเลือกดาวเดือนปีนี้น่ะ”
“เอ๋? พี่กรก็เลือกด้วยเหรอครับ” ไอติมถามอย่างไม่เชื่อหู
“ก็ใช่น่ะสิ อยากเป็นเดือนรึเปล่าล่ะ พี่เส้นใหญ่นะ” กรพูดขำ ๆ เห็นหน้าน้องที่ยิ้มแหย ๆ แล้วน่ารักชะมัด คนอะไรทำไมถึงได้ดูน่าแกล้งได้ตลอดเวลาอย่างนี้ก็ไม่รู้
“ถ้าเส้นใหญ่จริงก็ลองทำให้ผมเป็นเดือนดูสิครับ เดี๋ยวผมจะรอดูเลย” ไอติมพูดทีเล่นทีจริง พอได้อยู่กับพี่กรอย่างนี้ ถึงไอติมจะรู้สึกเพียงแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ใกล้ชิดเหมือนเดิมก็ดีมากแค่ไหนแล้ว...
.
.
“อะไรนะ!! ไอติมได้เป็นเดือนปีนี้เหรอ”
พีชที่ตากลมโตอยู่แล้ว ยิ่งเบิกกว้างไปอีกด้วยความตกใจปนดีใจเมื่อได้รู้ข่าวจากปากไอติมเอง
“อย่าพึ่งไปบอกเรื่องนี้กับเพื่อนคนอื่นล่ะ นี่ก็พึ่งรู้เมื่อช่วงเย็นเมื่อกี้เอง”
ไอติมนึกไปถึงตอนที่ลงจากแลปไบโอแล้วกำลังจะกลับบ้าน แต่ว่าพี่เมญ่ากลับเดินมาทักเขาเสียก่อน
‘น้องไอติมว่างรึเปล่าจ๊ะ’
‘ครับ มีอะไรเหรอ’
‘พี่จะมาบอกว่าน้องไอติมได้รับโหวตจากทุกคนในสโมสรให้เป็นเดือนคณะเราอ่ะจ๊ะ น้องไอติมโอเครึเปล่าจ๊ะ’
ไอติมนึกถึงพี่กรทันที ที่บอกว่าเส้นใหญ่นักหนา ต้องเป็นพี่กรแน่ๆ เลย ทุกคนถึงได้โหวตให้เขาอย่างนี้
‘พี่ ๆ คิดดีแล้วเหรอครับ ถึงได้เลือกผม’ ไอติมถามอย่างไม่แน่ใจ และเมญ่าก็รีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันไม่ให้ไอติมหนักใจ
‘คิดดีแล้วสิจ๊ะ แถมพี่กรก็มั่นใจสุด ๆ ว่ายังไงไอติมก็ต้องเป็นเดือนคณะเรา แล้วจะปั๊วสุด ๆ อดีตเดือนมหา’ลัย คอนเฟิร์มอย่างนี้ พี่จะปฏิเสธได้ไงล่ะจ๊ะ’
‘อะไรนะครับ อดีตเดือนมหา’ลัยงั้นเหรอ?’
‘ก็ใช่สิจ๊ะ น้องไอติมไม่รู้เหรอว่าพี่กรเป็นเดือนมหา’ลัยเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเห็นยืนคุยกันอยู่หน้าห้องสโมฯ นึกว่าจะสนิทกันเสียอีก’
“เป็นเดือนคณะเรา แล้วต้องไปแข่งเดือนมหา’ลัยต่อน่ะเหรอ” วินทร์พูดขึ้นมา เรียกสติของไอติมให้กลับมา ณ ปัจจุบัน ซึ่งพวกเขากำลังนั่งอ่านหนังสือกันที่ห้องของพีช ไอติมจึงอมยิ้มแล้วตอบรับเสียงเรียบ
“อืม”
“ไม่เป็นไม่ได้เหรอวะ กูว่ามันหนักมากเลยนะ เรียนคณะเราก็หนักแล้ว ยังจะเอาเวลาไปทำกิจกรรมพวกนั้นอีก เสียเวลาชีวิตเปล่า ๆ” ควันบ่มพึมพำ ตั้งแต่ที่รู้ว่าไอติมได้เป็นเดือนคณะ จนตอนนี้ยังไม่หยุดหน้าบูดเลย
“มึงจะกีดกันไอติมทำไม หรือว่ามึงอยากจะเป็นเดือนเองวะ” พีชถามอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาก็เห็นควันตามขัดไอติมมันเสียทุกครั้งไป ไอติมนี่ก็แปลก ยอมควันทุกครั้งจนบางทีพีชอยากจะด่าควันแทนไอติมสักครั้ง
“เป็นทำไมวะเดือน อยู่เฉย ๆ กูก็หล่อและดังกว่าเดือนอีกมั้ง”
“หลงตัวเองเป็นที่หนึ่งจริง ๆ” วินทร์หลุดขำกับคำพูดของควัน ส่วนพีชก็ได้แต่กรอกตามองบนแล้วหันมาสนใจหนังสือเรียนแทนที่จะสนใจควันเสียดีกว่า
“ทำไมพวกมึงทำหน้าอย่างนั้น กูพูดความจริงนะเว้ย”
“เอาที่มึงสบายใจแล้วกันควัน พวกกูขออ่านหนังสือต่อดีกว่า”
ไอติมพูดปิดท้ายแล้วยกหนังสือขึ้นมาอ่านทำเอาควันถึงกับไปต่อไม่ถูก บ่นงึมงำอยู่คนเดียวอีกครั้งและสุดท้ายก็หันมาอ่านหนังสือต่อเพราะเรื่องที่เรียนไปวันนี้ก็นั่งหลับตั้งแต่ต้นคาบยันท้ายคาบ ถ้ายังไม่อ่านอีก สงสัยจะได้โดนรีไทร์ตั้งแต่เทอมแรกแน่นอน
*
หลังจากประกาศตำแหน่งดาวและเดือนของคณะแพทยศาสตร์ ไอติมก็เริ่มทำกิจกรรมกับกองประกวดและต้องแบ่งเวลาสำหรับทำกิจกรรม เรียน และอ่านหนังสือไปพร้อม ๆ กัน ทุกวันไอติมจะได้นอนไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าสภาพของเดือนคณะนั้นแทบจะโทรมไม่ต่างจากผีดิบเลยสักนิด
“ไอติม...ไอติม”
“หืม?”
ใบหน้าขาวยับยู่ งัวเงียขึ้นมาจากฝันหวาน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเพื่อน ๆ ในห้องกำลังเก็บของแล้วเดินออกจากห้องเรียนกันไปหมดแล้ว
“นี่กูเผลอหลับไปเหรอ”
หันมามองหน้าควันที่ปลุกเขาตื่นเสร็จก็เก็บของเข้ากระเป๋า พอมองเลยไปก็ไม่เห็นเพื่อนคนอื่นนั่งอยู่แล้ว ไอติมจึงถามขึ้นมาอีกประโยค
“แล้ววินทร์กับพีชหายไปไหนอ่ะ”
“กลับไปแล้ว พีชรีบกลับบ้าน ส่วนไอ้วินทร์รีบไปขี้”
“อ๋อ วันนี้วันศุกร์นี่นา พีชเลยต้องกลับบ้าน” ไอติมพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ เห้อออ พรุ่งนี้วันเสาร์ เขาจะนอนเอาแรงทั้งวันเลย คอยดูสิ
“แล้วนี่ต้องไปกองประกวดมั้ย กูจะได้ไปส่ง”
“อืม ไปสิ”
หลังจากเก็บของเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินไปที่รถของควันอย่างคุ้นเคย ตั้งแต่เริ่มทำกิจกรรมกับกองประกวด ควันก็มักจะอาสามาส่งอย่างนี้ทุกวันจนไอติมเริ่มชินเสียแล้ว บางทีมีคนขับรถให้ก็ดีเหมือนกันเพราะเขาปวดหัวกับการจราจรในมอเหลือเกิน
“ถึงแล้ว...เลิกเวลาเดิมใช่มั้ย”
“อืม สี่ทุ่มเวลาเดิม กูไปล่ะ”
ไอติมโบกมือลาแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาเลทมาเกือบห้านาทีแล้ว เมื่อมาถึงอาคารที่ใช้ทำกิจกรรมก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที โชคดีที่พี่เจสสิก้า (ชื่อจริงชื่อว่าเจตน์) พึ่งเริ่มจับไมค์พูด ก็ถือว่าเขาทันเวลาหวุดหวิดแหละนะ
“ติม วันนี้ทำไมสายวะ” ไอติมหันไปทาง เคน เดือนคณะทันตแพทย์ ที่ถามเขาเมื่อไอติมนั่งลงข้างกัน
“อาจารย์ปล่อยช้าน่ะ แถมรถก็ติดอีก”
“เออ ๆ อย่างน้อยก็ยังมาทันก่อนจะเริ่มกิจกรรม วันนี้พี่กรกับพี่แจนจะมาด้วยนะ พี่เจตน์บอกก่อนที่มึงจะเข้ามาอ่ะ”
ชื่อของพี่กรทำเอาไอติมหัวใจเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง ดวงตากลม ๆ นั้นหันมองเคนเพื่อจะถามย้ำอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ถาม ประตูห้องก็เปิดออกมา ก่อนที่พี่กรและพี่แจน...อดีตดาวและเดือนมหาวิทยาลัยเมื่อสองปีก่อนจะเดินเข้ามา
ไอติมพึ่งรู้ตอนนี้ว่าติวเตอร์ของเขาเมื่อสองปีก่อนนั้นฮอตมากแค่ไหน ไอติมรู้อยู่แล้วว่าพี่กรหล่อมาก ๆ หล่อจนไอติมยังเคยอิจฉาความหล่อของพี่กรเลย แต่เขาไม่คิดเลยว่าพี่กรจะดังมากขนาดนี้ ยิ่งเดินมาคู่กับพี่แจนแล้วยิ่งดูเหมาะสมกับตำแหน่งที่ทั้งคู่ได้รับจริง ๆ
“กรี๊ดกันเสร็จรึยังคะหนู ๆ ถ้าเสร็จแล้วพี่เจสสิก้าคนสวยจะได้สัมภาษณ์พี่กร อดีตผัวเจ๊เอง”
“เดี๋ยวก่อนไอ้เจตน์ มึงว่าอะไรนะ” พี่กรรีบแย้ง ตาแทบถลนกับประโยคเมื่อครู่ของพี่เจตน์
“ก็บอกว่าอย่าเรียกชื่อนั้น ให้พ่อกูเรียกคนเดียวก็พอ...เห็นว่าเป็นผัวเก่าฉันหรอกนะ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไปก่อน” เจตน์จิกตาใส่อดีตเดือนมหา’ลัยไปที แล้วทำท่าจะโผเข้ากอดเอวกรให้เด็ก ๆ อิจฉาเล่น
“ทำอะไรเกรงใจแฟนเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นหน่อยเหอะนังเจตน์”
เสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้นมา พร้อมเสียงโห่ใส่พี่เจตน์ ปนกันไปกับเสียงแซวสองคนที่ยืนอยู่บนเวที และอาการของพี่กรและพี่แจนก็ทำให้ไอติมได้รู้เสียทีว่าคนที่อยู่ในใจพี่กรมาตลอดสองปีก็คือพี่แจนนั้นเอง
เดือนมหา’ลัยคบกับดาวมหา’ลัย...
จะมีอะไรเหมาะสมไปมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ...
*
หลังจากออกมาจากอาคารที่ใช้ทำกิจกรรม ไอติมก็เดินไปตามทางเดินด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป หัวใจที่มันด้านชาอยู่แล้วเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นค่อย ๆ บีบรัดจนไอติมรู้สึกหายใจไม่ออก...จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องเป็นเขาคนเดียวที่รู้สึกกับพี่กร ในขณะที่พี่กรนั้นก็มีความสุขกับพี่แจน...
“ไอติม! จะไปไหนวะ!”
เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังทำให้ไอติมหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง เห็นควันที่วิ่งเหยาะ ๆ มาทางที่เขายืนอยู่ ก่อนจะหยุดหอบเล็กน้อยตรงหน้า ไอติมถึงนึกขึ้นได้ว่าเขานัดให้ควันมารับนี่นา
“มึงมารอนานแล้วเหรอ” ไอติมถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า รีบปรับสีหน้าในความมืดให้เป็นปกติก่อนที่ควันจะสังเกตเห็นเสียก่อน
“ก็มารอนานแล้วดิ เห็นมึงเดินเหมือนไม่มีสติมาทางนี้ กูเลยต้องรีบวิ่งมาตามมึงกลับไปที่รถไง”
“กูลืมน่ะว่าให้มึงมารับ ขอโทษที”
“เออ ช่างมันเถอะ มึงจะไปเที่ยวกับพวกกูมั้ย” ควันบอกปัดก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ไอติมจึงเงยหน้ามองคนชวนอย่างแปลกใจ
“ไปไหน”
“ผับ XXX มีกู ไอ้วินทร์ แล้วก็ไอ้พีช”
ไอติมนิ่งคิดสักพัก ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยไปเที่ยวในที่อโคจรอย่างนี้เลย ถ้าไปครั้งนี้คงจะเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกของไอติม แต่เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมดาว-เดือน ทำให้ไอติมลังเลใจอยู่ไม่น้อย
“เอาไง ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูแวะไปส่งมึงก่อนก็ได้ แต่ถ้าจะไปก็ไปกันเลย” ควันไม่ได้เร่งอะไร แต่เขาก็อยากให้ไอติมไปด้วยกัน เพราะไหน ๆ เพื่อน ๆ ก็ไปกันครบแกงค์แล้ว ถ้าขาดไอติมไปเหมือนวันที่ไปกินบาบิก้อน คงจะกร่อยน่าดู
“อืม ไปสิ”
สุดท้ายไอติมก็ตกลง เพราะความอยากรู้อยากลองชนะทุกอย่าง ถึงจะเหนื่อยยังไง พรุ่งนี้ค่อยพักผ่อนทั้งวันก็คงไม่สายหรอก อีกอย่างลองกินเหล้าสักครั้งก็คงจะดี เผื่อน้ำเมาจะทำให้เขาลืมความเจ็บปวดลงไปได้บ้างสักนิดก็ยังดี
ผับ XXX
เสียงเพลงจังหวะหนัก ๆ และเหล่านักเต้นที่ออกลวดลายกันอยู่ตรงหน้านั้นค่อนข้างเป็นภาพที่แปลกใหม่สำหรับไอติม คนตัวเล็กถูกควันโอบไหล่เพราะกลัวจะถูกเบียดจนหลงกันเข้ามาในร้านจนถึงโซนวีไอพีที่มีวินทร์และพีชนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“มา ๆ ไอติมมึงนั่งนี่เลย”
พีชตบเบาะข้างตัวเอง ซึ่งไอติมก็นั่งลงโดยไม่ขัดอะไร ส่วนวินทร์ก็ยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอแก้วใหม่มาให้เขา
“เอาอะไร เหล้าหรือเบียร์” พีชชี้ไปที่ของมึนเมาบนโต๊ะ ซึ่งมีทุกอย่างให้ไอติมเลือกสรร แต่เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ไอติมจึงเลือกไม่ถูก
“อันไหนเมาเร็วกว่ากันอ่ะ กูเลือกไม่ถูก” ไอติมถามอย่างไม่แน่ใจ และคำถามนั้นก็ทำเอาทุกคนในโต๊ะตกใจไม่น้อย
“อย่าบอกนะว่ามึงไม่เคยกินเหล้ามาก่อน” พีช
“หน้าใส ๆ แบ๊ว ๆ อย่างนี้ กูก็ไม่คิดว่าแม่งจะใสจริงจนไม่เคยแดกเหล้ามาก่อนอย่างนี้” วินทร์
“นี่กูพาเด็กที่ไหนมาหัดแดกเหล้าครั้งแรกวะเนี่ย” ควัน
ไอติมมองเพื่อนทั้งสามคนที่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองโดยไม่ได้นัดหมาย ก็กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ และสุดท้ายควันก็พูดขึ้นกลางวง
“งั้นเอาน้ำโค้กให้มันเลยดีกว่า”
“ไม่เอา กูอยากเมา” ไอติมเถียงกลับทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“โหยยยย ไม่เคยกินมาก่อน มึงก็เปรี้ยวอยากเมาคาร้านเลยรึไง เอ้า ๆ งั้นไม่ต้องขัดศรัทธามัน จัดพี่ช้างให้มันไปเลย”
วินทร์พูดขึ้นแล้วรับแก้วจากพนักงานมาคีบน้ำแข็ง แล้วเทเบียร์ช้างจนเต็มแก้ว ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าไอติม คนตัวเล็กสุดในกลุ่มมองแก้วตรงหน้าแล้วรับมาถือไว้ ในขณะที่รอวินทร์เทเบียร์ให้กับทุกคน พอทุกคนได้เบียร์กันครบแล้ว ก็ยกขึ้นชนแก้วกันจนครบ ไอติมทำตามแล้วลอบมองทุกคนที่ยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ก็ยกขึ้นจิบตาม แต่เมื่อสัมผัสแรกที่ได้รับ ก็ทำเอาไอติมแทบจะคายเบียร์ทิ้งทันที แต่พีชที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดก็รีบปิดปากเขาไว้ได้ทัน
“อย่าคายทิ้งนะเว้ย เสียดายของ”
สุดท้ายเขาก็พยายามกลืนของมึนเมาเหล่านั้นลงคออย่างยากลำบาก พอหายขมแล้ววินทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พูดขึ้นบ้าง
“ไหนว่าอยากเมาไงวะ แค่จิบเบียร์ไปแค่นั้นมึงก็จะคายเบียร์ทิ้งอยู่แล้ว”
“ก็มันขมนี่นา” ไอติมพูดเสียงเบา ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เป็นเหตุให้วินทร์ที่พูดแดกดันไปต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“เอามานี่เลย เดี๋ยวกูกินให้เอง” ควันคว้าแก้วเบียร์มาจากไอติมและยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะสั่งโค้กกับพนักงานมาให้ไอติมที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้าง ๆ พีช
“กินโค้กไปก็พอแล้วมึงอ่ะ เอ้า เอาไปกินซะ” ควันยื่นโค้กให้ไอติมรับไป ไอติมเลยเทโค้กลงในแล้วเบียร์แก้วเดิมที่ควันพึ่งดื่มเบียร์ของเขาจนหมด แล้วจิบโค้กกินอย่างเซ็ง ๆ...ในขณะที่คนอื่นกินเบียร์กันราวกับน้ำเปล่า แต่เขากลับกินได้แค่โค้ก เด็กชะมัดเลย
“อยากลองกินโค้กผสมเหล้าสักช็อตมั้ยไอติม อร่อยอยู่นะ กูเคยกินช่วงหัดกินเหล้าใหม่ ๆ เดี๋ยวทำให้กิน” พีชที่นั่งข้าง ๆ เสนอขึ้นมา ไอติมจึงได้แต่เออออตามแล้วส่งแก้วเหล้าให้พีชชงให้ดื่ม
ไอติมมองพีชที่เปิดเหล้ามาแล้วเทเหล้าใส่ฝาขวด ก่อนจะเทลงแก้วโค้กของเขา แล้วใช้ที่คีบน้ำแข็งคนกันจนเกิดเสียง แล้วส่งให้ไอติมได้ชิม ไอติมจึงรับมาก่อนจะลองจิบดู
“เป็นไง”
“ไม่เหมือนกินเหล้าเลย อร่อยดี” ไอติมพึมพำแล้วยกโค้กกินอึกใหญ่ พีชเห็นแล้วก็อมยิ้มก่อนจะกระซิบบอกมือใหม่หัดดื่มให้ได้รู้
“กินอย่างนี้เมาเร็วกว่าที่พวกกูกินกันอีกนะ อย่ากินเยอะล่ะ เดี๋ยวเมาหัวทิ่มคาร้านแน่มึง”
.
.
คำเตือนของพีชดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อไอติมที่เพลิดเพลินกับโค้กผสมเหล้ายกของมึนเมาขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า จนดวงตากลมนั้นเริ่มพร่าเบลอ สติเริ่มไม่อยู่กับตัว และเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเสียแล้ว
“พีชชชชชชชช...ไอ้สองคนนั้นมันหายไปไหนว๊า” เสียงยานคางของเดือนคณะแพทยศาสตร์ถามขึ้น ดวงตาเยิ้ม ๆ นั้นกวาดตามองไปทั่ว แต่ก็ไม่เห็นทั้งวินทร์และควันเลย
“สงสัยไปสูบบุหรี่มั้ง...มึงนั่งให้มันตรง ๆ หน่อยดิวะไอติม มึงจะอ่อยกูรึไง” พีชมองคนที่เมาไปแล้วเลื่อยเขาอยู่อย่างนี้ หัวทุย ๆ ของไอติมนั้นซบอยู่ที่ไหล่ของเขา แถมลมหายใจมันยังรดอยู่ที่ตรงคอเขาอีก ที่มันต้องยั่วเขาอยู่แน่ ๆ เลย
“หืมมมมม กูอ่อยมึงเหรอ...กูปวดฉี่ว่ะ” ไอติมพึมพำ แล้วโงนเงนขึ้นมา ร่างเล็กทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องฟุบลงกับที่เดิมเพราะไม่มีแรงจะเดิน และได้จังหวะพอดีกับที่ควันเดินเข้ามาถึงโต๊ะ พีชจึงรีบกวักมือเรียก
“มีอะไรวะ”
“เอาเพื่อนมึงไปเข้าห้องน้ำดิ ก่อนมันเยี่ยวรดกูเนี่ย” พีชหิ้วปีกไอติมส่งให้ควันรับไปดูแล ควันที่รับไอติมมาอย่างงง ๆ มองดูคนที่ทำตาปรือปรอยก็รู้แล้วว่าสติไอติมหายไปหมดแล้ว คงจะเมาโดยสมบูรณ์แบบแล้วสินะ
“แล้วทำไมมึงไม่พามันไปเข้าห้องน้ำเองวะ”
“ถ้ากูพามันไปเข้าห้องน้ำเอง กูกลัวจะได้จับมันทำเมียดิวะ ไอ้เชี่ยแม่ง เมาแล้วโคตรอ่อย กูจะบ้าตาย”
พีชพูดอย่างหัวเสีย แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ควันได้ยินอย่างนั้นแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะหิ้วปีกไอติมไปทางห้องน้ำที่เขาพึ่งจากมา
.
.
ร่างสูงใหญ่หอบหิ้วคนตัวเล็กกว่าที่ไม่ได้สติมายังห้องน้ำที่มีนักดื่มหลายคนต่อคิวรอเข้าห้องน้ำอยู่ ควันกอดคนตัวเล็กไว้หลวม ๆ เพราะถ้าให้พูดตามตรงแล้ว ไอติมตอนที่ไม่ได้เมาอย่างนี้มันก็น่ารักจนน่าจับกดเป็นเมียมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เวลานี้ที่คนตัวเล็กไม่ได้สติ และหอบหายใจแรงอยู่ข้าง ๆ เขานั้น ไอ้พวกที่ต่อคิวรอเข้าห้องน้ำนี่มันมองตาเป็นมัน จนควันที่ทำหน้าที่เหมือนพ่อไอติมในตอนนี้ต้องกอดมันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันโดนฉุดแน่นอน
“ฮือออ ปวดฉี่จะตายแล้ววว”
เสียงเล็ก ๆ นั้นพึมพำอยู่ข้างหูไม่ขาดสาย ควันได้แต่มองดูแถวที่ค่อย ๆ สั้นขึ้น จนกระทั่งใกล้มาถึงคิวของไอติม ควันจึงรีบพาไอติมเข้าไปในห้องน้ำ แทนที่จะเป็นโถปัสสาวะเหมือนที่คนอื่น ๆ
“มึงไหวมั้ยวะไอติม” ควันตบหน้าไอติมเรียกสติเบา ๆ ดวงตากลมจึงปรือปรอยมองควัน แล้วพยักหน้ารับ
“ไหว ๆ ปวดฉี่” ไอติมยังคงพูดแต่คำเดิม ควันเลยปล่อยให้ไอติมมันจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ โดยที่เขาก็หันหลังเข้าประตู จนเมื่อได้ยินเสียงกดชักโครกแล้ว และแรงสะกิดที่เอวของเขา ควันจึงหันกลับมามองร่างเล็กตรงหน้า
“เชี่ยแม่ง อย่าอ่อยกู”
ควันสบถเสียงเบา เมื่อไอติมที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้านั้นซบลงที่อกเขา แขนก็กอดเอวของเขาไว้หลวม ๆ แล้วพึมพำเสียงเบาอยู่ข้างหู
“ปลอบกูหน่อย...กูเจ็บ”
“เป็นอะไรวะ”
“ไม่รู้...แต่เจ็บมากเลย”
“เจ็บตรงไหน” ควันถามทั้ง ๆ ที่ยังยืนนิ่งให้ไอติมกอดอยู่อย่างนั้น คนตัวเล็กเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพึมพำตอบ
“ตรงหัวใจ”
“...”
“เจ็บมาก ๆ เลย”
“...”
“มึงรักษาให้กูได้มั้ย” ไอติมช้อนตามองคนกอดเอาไว้แน่น ลมหายใจร้อนที่กระทบอยู่บริเวณต้นคอของควันนั้นอดทำให้ควันขนลุกขึ้นมาอย่างประหลาดไม่ได้
“ไอติม...มึงแม่งอ่อยกู”
“กูเจ็บ...”
“มึงแม่ง...”
ในตอนนี้เหมือนทุกอย่างในหัวของเขามันตีรวนจนเขาสับสนไปหมด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกถูกกดเอาไว้ด้วยของมึนเมา จนเขาไม่อยากจะสนใจมันอีกต่อไปแล้ว
“ควัน...มึงรักษาให้กูได้มั้ย...มึงเป็นหมอนี่นา”
“จะให้กูรักษาหัวใจมึงงั้นเหรอ” เสียงทุ้มถามแผ่วเบา มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ปกปิดใบหน้าขาวเนียนให้ออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะเผลอลากมันลงมาถึงปากอิ่มที่อยู่ตรงหน้า
“อืม”
สิ้นคำนั้น ริมฝีปากร้อนผ่าวก็ค่อย ๆ แตะลงบนกลีบปากอุ่นร้อน จูบอุ่น ๆ ที่ควันก็ไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และแรงกอดรัดจากคนตัวเล็กกว่าก็ทำให้เขามีสติมากขึ้นก่อนจะผละออกมา เมื่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันย้ำเตือนเขาว่าคนตรงหน้านี้คือเพื่อนของเขา
“มึงรู้มั้ยไอติมว่ากูมีกฎของกูว่าอะไร”
ควันถามเสียงแผ่ว ริมฝีปากยังคงชิดกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด ไอติมเงยหน้ามองควันอีกครั้งทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวทุย ๆ นั้นส่ายไปมาอย่างปวดหัว
“...”
“เพื่อนก็คือเพื่อน...กูไม่เคยคิดจะเอาเพื่อนมาเป็นแฟน”“...”
“แต่สำหรับมึง ทุกอย่างมันคือข้อยกเว้นจริง ๆ ว่ะไอติม”