จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)  (อ่าน 70007 ครั้ง)

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #30 เมื่อ04-10-2018 17:31:05 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #31 เมื่อ05-10-2018 16:29:22 »

สกายเอ้ยยย 555555555

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 7 [05-Oct-18]
«ตอบ #32 เมื่อ05-10-2018 17:04:18 »

บทที่ 7


ผมถ่อสังขารมาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ห่างจากคอนโดผมแทบคนละโยชน์ด้วยความตกใจ เมื่อโฬมพูดแค่สั้นๆ ว่าเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยก่อนจะตัดสายไป ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่โรงพยาบาลนี้ ก็ตอนที่คุยกัน เสียงประชาสัมพันธ์ตามสายดังลอดเข้ามาพอดี ผมเลยรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำและเหยียบคันเร่งตรงดิ่งมาที่นี่ทันที

คุณคิดเอาว่าผมรีบขนาดไหน ปกติการแต่งตัวง่ายๆ ของผมก็ยังเยอะกว่าชาวบ้าน แต่วันนี้ผมแค่ยัดตัวเข้ากางเกงวอร์มกับเสื้อกล้ามสีเทา ผมก็ไม่ได้เซ็ทอะไรนอกจากใช้นิ้วทั้งสิบสางพอให้เป็นทรง สภาพแบบที่ผมไม่มีวันออกมาจากบ้านแน่ๆ ถ้าไม่ใช่ช่วงนรกแตกอย่างมีสอบหรืองานลนก้น

ครับ ผมรีบมากๆ ความตกใจทำให้ผมไม่มีสติ อุบัติเหตุเล็กน้อยอย่างไรก็น่าเป็นห่วง แต่ผมไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าจะมาเจอโฬมนั่งรถเข็นออกมาจากห้องตรวจ

ร่างสูงในชุดลำลองธรรมดากำลังยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้ผม ในขณะที่พยาบาลสาวกำลังเข็นรถให้ โฬมตกใจในตอนแรกที่เขาเห็นว่าผมมายืนหอบแฮกๆ อยู่ตรงที่นั่งรอหน้าเคาท์เตอร์จ่ายเงิน แต่สักพักก็เปลี่ยนมาเป็นรู้สึกผิด โฬมบอกให้พยาบาลพาเข้ามาหาผมและขอเวลาส่วนตัว พยาบาลคนนั้นก็ยิ้มรับและแยกไปทำงานต่อ

“สกายมาได้ยังไงครับ”

ผมเงียบ มองสำรวจผ้าพันแผลที่ล้อมรอบน่องขาด้านขวาด้วยความสงสัย คิ้วของผมเริ่มขมวดเข้าหากัน ในขณะที่โฬมก็ยังพยายามส่งยิ้มขอโทษขอโพยมาเรื่อยๆ

“เป็นอะไรครับ?” ผมไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะถามสิ่งที่อยู่ภายใน

ผมว่าถ้าอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ คงไม่ถึงขั้นพันผ้ายาวขนาดนี้ แถมตามตัวก็ไม่มีรอยถลอก รอยเปื้อนของดิน ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าโฬมไปโดนอะไรมา ตัวของเขาดูสะอาด แต่ก็ดูอาการหนักเพราะต้องนั่งรถเข็นออกมาแบบนี้

“พอดีผมโดนหมากัด”

“ครับ?” ผมเลิกคิ้ว

หมากัด?

ผมไม่ได้เตรียมใจมากับคำตอบนี้ เลยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยกึ่งๆ ตกใจ

“หมาจรจัดแถวบ้านน่ะครับ ปกติก็สนิทกันดี ไม่รู้วันนี้นึกโกรธอะไร” โฬมพูดติดตลก แต่สีหน้าเขายังรู้สึกผิดอยู่ คงเพราะดูจากสภาพของผมแล้วก็น่าจะรู้ว่าผมรีบมามากแค่ไหน ด้วยความที่ไม่ค่อยออกกำลังกายตอนนี้ก็เลยยังหอบไม่เลิก

“กัดลึกเหรอครับ” มองมองสภาพแผลที่ถูกปิดซะมิด รู้สึกเสียววาบๆ ที่น่องขาของตัวเองบ้าง ผมไม่ถูกกับหมาเท่าไหร่ ตอนเด็กๆ อยู่ต่างจังหวัด เคยปั่นจักรยานไปบ้านเพื่อนแล้วโดนหมาสี่ห้าตัวไล่กวด ผมนี่ทิ้งจักรยานแล้ววิ่งลงทุ่งนาเลยครับตอนนั้น คิดแล้วขนทั้งล่างก็พากันลุกชันด้วยความหวาดกลัว

“ไม่ลึกแต่หลายแผลครับ ผมไม่กล้าตีด้วยเลยโดนเยอะ” โฬมบอก

บางทีเขาก็ใจดีไป เขี้ยวหมาฝังอยู่บนขาแท้ๆ ยังไม่ตีมันเลย

“แล้วสกายมาที่นี่ได้ยังไงครับ” โฬมเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วยุ่งเหยิงขึ้นกว่าเก่า คือผมหงุดหงิดนิดหน่อยครับ เพราะเพิ่งเคยเจอคนที่ปล่อยให้ตัวเองเจ็บตัวได้น่าหงุดหงิดแบบนี้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของโฬมเองผมจึงค่อยๆ คลายปมบนหน้าผากแล้วระบายรอยยิ้มเล็กๆ ส่งไปให้

“ผมเป็นห่วง เลยรีบบึ่งมาที่นี่”

“อ๋อ แล้วสกา-”

“คุณลภณค่ะ” ก่อนที่โฬมจะพูดจบเสียงปราศเรียกจากห้องจ่ายเงินก็ดังลอดออกลำโพงมา ผมพอจะจำได้ว่านั่นคือชื่อจริงของผู้ชายตรงหน้า เลยแบมือขอบิลค่ายาจากโฬม สื่อเป็นนัยว่าเดี๋ยวไปจัดการให้

โฬมเหมือนเกรงใจแต่ก็ยอมยื่นกระดาษแผ่นเล็กในมือมาให้พร้อมกับกระเป๋าเงิน ผมมองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยตาลุกวาว กระเป๋าหนังราคาแพงแบรด์ดังระดับโลก รวมถึงลายสลักชื่อ Rome ปักอยู่มุมขวา บ่งบอกว่าของสิ่งนี้เป็นแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น แต่ที่น่าตกใจกว่าคือจำนวนบัตรเครดิตที่แน่นทะลักกระเป๋า

ผมเหลือบสายตาไปมองคนบนรถเข็น ส่วนโฬมก็แค่ยิ้มรับสายตาสงสัยของผม ผมเลยทำได้แค่ปัดความคิดในหัวทิ้งแล้วเดินดุ่ยๆ ไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน ค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนนี่ขูดเลือดขูดเนื้อกันสุดๆ ไอ้ค่ารักษาจริงๆ มันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ค่าเซอร์วิสอื่นๆ นี่เล่นเอาผมหน้าสั่นเหมือนกัน

“นี่บัตรนัดนะคะ ต้องมาฉีดวัคซีนอีกสามครั้ง ส่วนอันนี้คือยาทาฆ่าเชื้อกับผ้าพันแผลค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ผมผงกหัวให้เจ้าหน้าที่ก่อนจะรับถุงยากับใบเสร็จมาถือไว้ พอเดินกลับไปก็พบว่าพยาบาลคนเดินกลับมาแล้วและกำลังเตรียมตัวเข็นรถเข็นไปส่ง

“โฬมมายังไงครับ” ผมถามเขาก่อนเพราะมองดูแผลที่ขาแล้วคงเจ็บหน้าดู ไม่รู้ตอนมาโรงพยาบาลเขามายังไงเหมือนกัน

“ผมเรียกแท็กซี่ครับ”

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง” ผมบอกแล้วออกเดินนำนางพยาบาลไปยังลานจอดรถหน้าตึก อากาศร้อนทำให้ภายในห้องโดยสารอบอ้าว ผมเลยเปิดประตูฝั่งคนขับทั้งไว้ก่อนจะเดินอ้อมไปหาโฬมแล้วช่วยพยาบาลพยุงเขาเข้ารถ ทั้งๆ ที่โฬมก็บอกแล้วว่าเขายืนได้ แต่คุณพยาบาลก็ยังพยายามจะทำหน้าที่จนถึงวินาทีสุดท้าย ผมเลยต้องเข้าไปช่วยอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

เมื่อโฬมเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันไปเอ่ยขอบคุณพยาบาลแล้วเดินอ้อมกลับมายังฟากคนขับเหมือนเดิม ห้องโดยสารเริ่มเย็นขึ้นมาหน่อยเพราะผมสตาร์ทรถเปิดแอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่แรก

“วันนี้ไม่ต้องเข้าสตูฯ ก็ได้นะครับ ปวดน่าดูเลย” ผมทำสีหน้าแหยงๆ ตอนเหลือบไปมองแผลของเขา แค่คิดว่าหมาตัวนั้นขย้ำขาผมแทน ตัวก็กระตุกจากเส้นประสาทช็อตทันที

“แต่ผมเพิ่งคิดทางคอร์ดเพลงได้เมื่อคืน”

“จริงเหรอครับ!” ผมตื่นเต้นขึ้นมาอย่างง่ายดายเมื่อโฬมพูดเรื่องเพลง อาการนั่งไม่ติดที่กลับมาอีกครั้ง ดวงตาของผมที่สะท้อนกับกระจกรถเป็นประกายพราวระยับ ผมเห็นโฬมฉีกยิ้มกว้างตอนเห็นท่าทางตื่นเต้นแบบเด็กๆ ของผม

“ผมไม่ได้อัดเอาไว้ เลยกะว่าจะไปเล่นให้สกายฟังที่สตูดิโอ”

“แต่...” ผมอยากฟังมากๆ แต่พอเหลือบมองแผลเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ สีหน้าค่อยๆ หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด “ไว้ผมค่อยฟังก็ได้ครับ” ประโยคหลังเสียงผมแผ่วมากเหมือนไม่เต็มใจจะพูด

โฬมหัวเราะ “ที่บ้านผมมีกีตาร์นะครับ ถ้าสกายสะดวก”

“เอ่อ” หัวใจผมกระตุก เกิดอาการลังเลขึ้นชั่วขณะ

เมื่อวานเขาจะขึ้นห้องผมผมยังห้ามเอาไว้ แต่มาวันนี้ผมจะเดินเข้าบ้านโฬมแบบง่ายๆ มันก็เลยเกิดอาการเกรงอกเกรงใจขึ้นมา แต่ผมก็อยากฟังทำนองเพลงนี่น่า

ผมควรจะทำยังไงดี

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับสกาย”

“...” ผมเงียบ แต่ก็แอบช้อนตามองเขาอย่างออดอ้อนตอนติดไฟแดง

ก็ผมอยากฟัง!

“...!” โฬมชะงัก และอยู่ๆ เขาก็หันหน้าหนีออกไปมองนอกกระจก ก่อนที่คนตัวสูงกระแอมไอเบาๆ สองสามที ผมละความสนใจจากท่าทางประหลาดพวกนั้นเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนสีสัญญาณ ผมค่อยๆ ปล่อยเบรกที่เท้าแล้วเลื่อนไปวางที่คันเร่งแทน

“เอ่อ ผมไปได้เหรอครับ” ผมถามขึ้นเมื่ออยู่ๆ บทสนทนาก็ถูกเบรกไปเสียเฉยๆ

และเมื่อโฬมตอบมาว่าไม่เป็นไรจริงๆ ทีนี้ผมก็ยิ้มกว้างเลยครับ หัวใจเต้นแรงขึ้นหนึ่งระดับเพราะความตื่นเต้น เหมือนสั่งของผ่านเน็ตแล้วไปรษณีย์เอามาส่งบ้านเลย ผมอยู่นิ่งไม่ได้เลยขยับตัวยุกยิกจนโฬมหัวเราะในลำคอตลอดทาง

กว่าจะถึงบ้านของโฬมก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะรถติด ย่านนี้มีหมู่บ้านติดกันอยู่สี่ห้าหมู่บ้าน จำนวนรถเข้าออกจึงเยอะมากๆ เพราะเป็นหมู่บ้านราคาแพง

ผมชะโงกหัวมองกระจกข้างพร้อมตบไฟเลี้ยวขวา ต้องข้ามเลนถนนเพื่อเข้าซอยอีกฟากฝั่ง ป้ายชื่อหมู่บ้านตั้งเด่นเป็นสง่าพร้อมกับทางเข้าที่ทำออกมาในสไตล์โมเดิร์น ผมจอดรถที่ป้อมยามและแลกบัตรเข้าออก ถึงแม้จะมีโฬมนั่งมาด้วยแต่ผมก็ยังเป็นคนนอกอยู่ดี ผมยิ้มขอบคุณลุงยามแล้วขับรถเข้าไปด้านใน

บ้านแต่ละหลังมีพื้นที่ห่างกันพอสมควร บริเวณตรงกลางสร้างเป็นสวนสาธารณะ สองข้างทางก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมเพิ่งรู้ว่าการจ่ายเงินแพงแล้วได้สภาพแวดล้อมแบบนี้ก็นับว่าคุ้มค่าเหมือนกัน

“เลี้ยวซอยข้างหน้าครับ ซ้ายมือหลังในสุดเลย”

ผมทำตามคำบอกนั้น มองผ่านบ้านแต่ละหลังที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะเพียงแค่สลับซ้ายขวา ภายในซอยมีบ้านแค่ฝั่งละสี่หลัง ผมค่อยๆ ขับช้าลงเมื่อเห็นหลังคาบ้านหลังสุดท้ายอยู่ไม่ไกล

“จอดหน้ารั้วเลยก็ได้ครับ”

ผมพยักหน้ารับคำ ค่อยๆ ชะลอความเร็วและจอดลงที่หน้ารั้วไม้สีน้ำตาลอ่อน โฬมปลดเข็มขัดนิรภัยและทำท่าจะลงรถด้วยตัวเอง ผมเลยรีบกุลีกุจอดับเครื่องหมายจะลงไปชั่วเขา แต่เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ กลายเป็นว่าคนตัวสูงเดินกระเผกๆ ไปเปิดรั้วบ้านรอแล้ว

“เดินไหวเหรอครับ”

“ปวดๆ ตึงๆ นิดเดียวครับ” โฬมบอก เขาดันรั้วบ้านออกเล็กน้อยพอให้คนเดินผ่านเข้าไปได้ ผมรับหน้าที่เป็นฝ่ายผลักมันปิดและคล้องแม่กุญแจเอาไว้โดยไม่ได้กดล็อค บ้านของโฬมมีขนาดกลางๆ พื้นที่บริเวณรอบบ้านก็ไม่นับว่ากว้างมาก แต่เขาก็ยังปลูกต้นไม้และดอกไม้ไว้อย่างร่มรื่น มีม้านั่งเล็กๆ วางอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะม่วง

ผมกวาดตาสำรวจด้วยความสนใจ มีรูปปั้นแมววางเรียงกันอยู่สามตัว และเมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน ผมก็พบว่าภายในมีสมาชิกครอบครองพื้นที่บนโซฟาอยู่สองตัว

“นั่นถุงเงิน อีกตัวถุงทองครับ” โฬมคงเห็นผมจ้องแมวสีน้ำตาลสลับขาวที่ผมไม่รู้จักพันธุ์อยู่นานเลยเอ่ยแนะนำ “ผมเก็บได้จากที่หน้าร้านตอนไปเล่นดนตรีกลางคืน”

“ทั้งสองตัวเลยเหรอครับ”

“ใช่ครับ เก็บมาพร้อมกันตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ” โฬมเดินไปอุ้มเจ้าตัวอ้วนที่มีถุงเท้าขาวทั้งสีขามาให้ผม มันชื่อถุงทอง ส่วนอีกตัวที่ไม่มีถุงเท้าก็ต้องเป็นถุงเงินแน่นอน “อุ้มไหมครับ”

“ไม่เอาดีกว่า ผมชอบแมวนะ แต่กลัวมันข่วน” ผมบอกแล้วขยับออกห่างจากเจ้าแมววัยรุ่นที่เบิกตาโพลงมองหน้าผมด้วยความสนใจ

“มันไม่ข่วนหรอกครับ”

“เพื่อนผมก็บอกงี้ สรุปได้รอยมาเต็มอกเลยครับ” ผมเล่าถึงอดีตตอนไปเที่ยวบ้านเพื่อนในสาขาที่ภาคเหนือ มันก็เลี้ยวแมวเหมือนกัน บอกผมว่าไม่ข่วนผมก็เชื่อ เป็นไงละครับ แสบแผลไปสองสามวัน จากนั้นผมเข็ดแล้วกับสัตว์เลี้ยงของคนอื่น

โฬมเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย เขาเอาแมวไปวางไว้ที่เดิม ลูบเหม่งหอมหัวทั้งสองตัวแล้วเดินนำผมขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ผมที่เกิดอาการเกร็งเครียดดรีบก้าวตามไปทันที วางตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เพราะไม่ใช่บ้านของคนสนิท ผมแอบเช็ดเหงื่อที่อุ้งมืออยู่หลายรอบ ดวงตาก็กวาดเก็บรายละเอียดการตกแต่งภายในบ้านไปด้วย

บ้านของเขาเรียบๆ ของตกแต่งน้อยๆ มาก มีตู้ใส่รางวัลและรูปอยู่มุมใกล้ๆ กับโซฟารับแขก เมื่อเดินขึ้นมาข้างบนก็พบว่ามีอยู่หนึ่งห้องใหญ่ที่เดาว่าคงเป็นห้องนอนของโฬม กับห้องเล็กๆ อีกสองห้อง โฬมพาผมมาที่ห้องซึ่งติดกับห้องนอนของเขา เมื่อเปิดปะตูเข้าไปก็พบกลองไฟฟ้า กีตาร์สองตัว เบสและลำโพงขยายเสียง นี่ถ้ามีเปียโนอีกตัวตาผมต้องขยายกว้างกว่านี้แน่นอน

ผมเบิกตากว้าง มองความร่ำรวยของสิ่งของภายใน ผมว่าเขาไม่น่าเพิ่งมาร่ำรวยตอนทำงานแน่นอนเลยครับ โฬมต้องเป็นลูกคนมีฐานะอยู่แล้วแน่ๆ

“นั่งนี่ก่อนนะครับ สกายอยากดื่มน้ำอะไร” คนตัวสูงชี้นิ้วไปที่โซฟาหนังขนาดเล็ก มีหมอนอิงรูปดาววางอยู่สองใบ ผมขยับตัวไปนั่งพิงในท่าสบายๆ ขณะที่เจ้าบ้านก็ทำหน้าที่ต้อนรับแขกอย่างดี “มีน้ำส้ม โค้ก กับน้ำเปล่าครับ”

“น้ำเปล่าก็ได้ครับ” ผมบอกจะหยิบหมอนรูปดาวมากอด มันใหญ่จนผมเอาคางเกยได้สบายๆ โฬมมองผมแล้วยิ้มแปลกๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้อง

ในตอนที่อยู่คนเดียวผมก็เริ่มไถตัวลงนิดหน่อยพอให้หลังคอสัมผัสกับพนักพิง เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ผมมองเลยออกไปนอกหน้าต่างบานหนึ่ง เห็นถึงความเงียบสงบภายในหมู่บ้าน อาจเพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวันของวันธรรมดา คนส่วนมากมักออกไปทำงานทำการ มีแต่ผมกับโฬมนี่แหละที่เวลาว่างไม่ตรงกับชาวบ้าน

ส่วนมากนักร้องจะชอบมีงานกลางคืนหรือไม่ก็ช่วงวันหยุดมากกว่า นอกจากว่าจะมีรายการทีวีติดต่อมาถึงจะได้ออกไปตอนกลางวันเหมือนคนอื่นเขา

ผมนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานโฬมก็กลับมาพร้อมแก้วน้ำเย็นๆ สองแก้ว เขาส่งมันให้ผมแก้วหนึ่ง ผมก็รับมันมาจิบและวางลงบนโต๊ะตัวเล็กๆ ข้างๆ โซฟา คนตัวสูงก็เอามาวางบ้างก่อนจะเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งเงาวับตัวหนึ่งมาจากที่วาง เขาทั้งตัวลงบนเก้าอี้หัวโล้นตัวหนึ่ง เลื่อนมันมาใกล้ๆ ผมก่อนจะวางพาดกีตาร์ในมือลงบนหน้าขา

“ผมคิดช่วงท่อนฮุคเอาไว้ สกายติชมได้นะครับ” โฬมว่าอย่างนั้นก่อนจะเริ่มกรีดสายกีตาร์เบาๆ

ทำนองเพลงจากการเกาสายของเขาเป็นจังหวะนุ่มนวลแต่ก็ไม่ได้ช้ามาก ผมโยกหัวขณะมองนิ้วเรียวยาวขยับจับคอร์ดทาบอย่างคล่องแคล่ว เสน่ห์ของโฬมมีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ไหนกัน ทั้งๆ ที่สวมกางเกงสามส่วนกับเสื้อยืดคอวีสีเทาล้วน ทรงผมก็แค่หวีให้เรียบร้อยเฉยๆ รวมถึงผิวหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ลงอะไรเลยแม้แต่แป้งฝุ่น

ริมฝีปากได้รูปเผยอออกเปล่งคำร้องออกมาตามจังหวะดีด เสียงที่ไม่ได้วอร์มของเขายังติดแหบอยู่บ้าง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความไพเราะ ความทุ้มต่ำทำให้ทั้งเนื้อเสียงกับเสียงดนตรีผสานกันได้อย่างสวยงาม ผมอ้าปากค้าง มองผลงานยอดเยี่ยมตรงหน้าด้วยความตกตะลึง

“เป็นไงบ้างครับ”

“...”

“สกายครับ?”

“ดี... ดีมากเลยครับ!” ผมตะโกนเสียงดังหลังจากรวบรวมเศษเสี้ยวสติสัมปชัญญะของตัวเองกลับคืนมาได้จนหมด โฬมสะดุ้งเล็กๆ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างดีใจ

“เนื้อเพลงยังไม่ค่อยโดนใจผมเท่าไหร่ เลยว่าจะมาขอคำแนะนำจากสกายด้วย”

“จากผม?!”

“ครับ”

“ผมแต่งเพลงไม่เป็นหรอกครับ ผมเขียนไรม์เป็นอย่างเดียว” ผมบอกแบบนั้น ไรม์คือคำคล้องจองที่ใช้ในการแรป ต่างจากเนื้อเพลงมากๆ ทั้งในเชิงเทคนิคและกายภาพ อีกอย่างที่โฬมร้องเมื่อกี้ผมก็พอใจมากๆ แล้ว มันเป็นเพลงรักที่ฟังแล้วอุ่นๆ ในใจ

“ผมว่าเนื้อเพลงมันยังไม่โรแมนติกเท่าไหร่” มือหนายื่นสมุดจดมาให้ ผมรับมาอ่านก็เป็นเนื้อเพลงที่โฬมร้องเมื่อกี้ มีการขีดฆ่าอยู่หลายจุด ระบายหายไปทั้งประโยคก็หลายที่

“ในความคิดผมมันก็ดีแล้วนะครับ”

“จริงเหรอครับ”

“ครับ ผมชอบมากๆ เลย” ผมบอกเขา ส่งสายตาเป็นประกายไปให้เพื่อยืนยันคำพูด โฬมมองจ้องเข้ามาในดวงตาของผมเหมือนต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง เขาอาจจะคิดว่าผมแกล้งชมเขาไปอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วผมชอบมันมากจริงๆ ผมยอมให้อีกคนสืบหาความรู้สึกภายในดวงตาของผม จับจ้องซึ่งกันอยู่กันนานเท่าที่เขาต้องการ

เพราะเขามีฝีมือ ผมจึงชื่นชมและศรัทธาด้วยหัวใจ

โฬมเป็นฝ่ายผละออกไปก่อน เขาเกาแก้มที่เริ่มแดงระเรื่อ ผมอมยิ้มเล็กๆ มองผู้ชายหน้าหล่อที่กำลังเขินเหมือนเด็กๆ พลางคิดในใจว่า คนแบบนี้น่ะเหรอที่เป็นไปตามคำพูดของแฟนเก่าเขาคนนั้น

“จะเที่ยงแล้ว สั่งพิซซ่ามาทานไหมครับ” คนเขินหันหน้าหนีก่อนจะพูดขัดขึ้นมาเมื่อเห็นผมยิ้มล้อเลียน ผมยังเห็นรอยแดงพาดผ่านแก้มและใบหูของเขาอยู่เลย ให้ตายเถอะ

“สีเขียวนะครับ มันมีโปรโมชั่น 1 แถม 1” ผมบอก โฬมก็พยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ร้านพิซซ่า

“สกายทานหน้าอะไรดีครับ”

“ฮาวายเอี้ยนครับ!” ผมบอก พูดแล้วน้ำลายก็ผุดพรายขึ้นมาเต็มปาก ผมกลืนมันลงไปอึกใหญ่ ก่อนจะบอกโฬมเลือกอีกหน้าได้เลย สรุปแล้วจึงได้ฮาวายเอี้ยนกับซีฟู๊ดมาอย่างละถาดใหญ่

พวกเรานั่งคิดเนื้อเพลงต่อจากเดิมเพิ่มมาได้นิดหน่อยพิซซ่าก็มาส่งที่หน้าบ้าน โฬมเป็นคนออกไปเอา ส่วนผมก็ระเห็จตัวเองมานั่งรอที่โต๊ะกินข้าวชั้นล่าง

กลิ่นหอมโชยมาก่อนตัวอีก ผมสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปรับถาดพิซซ่าจากมือโฬมมาวางบนโต๊ะ คนตัวสูงหัวเราะกับความตะกละตะกลามของผมเมื่อผมเริ่มเปิดฝาถาดแล้วหยิบออกมาชิ้นหนึ่งโดยไม่แม้แต่จะยกถาดทั้งสองออกมาจากถุงพลาสติก

“ล้างมือแล้วเหรอครับ”

ผมพยักหน้า ยัดพิซซ่าชิ้นสามเหลี่ยมเข้าปากแล้วกัดคำโต แก้มพองออกตามอาหารที่ยัดเข้าไป ในขณะที่โฬมหยิบโค้กกับน้ำแข็งออกมาจากตู้เย็น แก้วเปล่าสองใบถูกเทเครื่องดื่มและจัดเรียงไว้ให้บนโต๊ะ พร้อมกับถาดพิซซ่าทั้งสองที่ถูกหยิบมากางไว้อย่างเรียบร้อย

เห็นแบบนั้นก็แอบรู้สึกผิดนิดๆ ผมเลยคาบพิซซ่าไว้ในปากแล้วเดินเข้าไปช่วยหยิบขยะเอาไปทิ้ง พวกซองซอสโฬมเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วหยิบซอสแบบขวดออกมาแทน มันเป็นแบบบีบทำให้ง่ายในการกินมากกว่า ผมเลยยกนิ้วโป้งให้เขาไปหนึ่งทีอย่างแฮปปี้สุดๆ

พวกเรานั่งกินพิซซ่าไปพลางคุยเรื่องสัพเพเหระไปพลาง ถุงเงินถุงทองได้กลิ่นอาหารก็เดินเข้ามาดมๆ จนผมต้องยกขาขึ้นบนเก้าอี้เพราะกลัวมันหน้ามืดกัดขาผมเข้า เดี๋ยวได้ไปฉีดยาพร้อมโฬมล่ะยุ่งเลย

“สกายแรปมานานแค่ไหนแล้วครับ” โฬมพูดขึ้นหลังจากที่ผมง่วนอยู่กับการหนีเจ้าแมวสองตัวที่ยังเดินวนรอบเก้าอี้จนบทสนทนาถูกเบรกไปครู่หนึ่ง

“ถ้าเอาตั้งแต่เริ่มก็มอปลายครับ น่าจะช่วงมอสี่เทอมสอง”

“นานเหมือนกันนะครับ”

“ใช่ครับ กว่าจะดังได้ ก็เลิกทำไปสามรอบแล้ว” ผมว่าติดตลก ปากก็ยังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ วันนี้โชคดีไม่มีพร๊อพอะไรบนตัว ผมที่นั่งในท่ายกขาชันเข่าบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ถึงยังอยู่ได้อย่างสบายๆ “แล้วโฬมเริ่มร้องเพลงตอนไหนเหรอครับ”

“ตั้งแต่มอต้นแล้วครับ ตอนนั้นฟอร์มวงกับเพื่อนแล้วผมเป็นนักร้อง”

“อยากเห็นเลยครับ โฬมตอนเด็ก” ผมว่าพลางหยิบน้ำอัดลมมากระดกแก้เลี่ยน

“อย่าเลยผมอาย”

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะ พวกเราเริ่มต่อบทสนทนากันไหลลื่นกว่าเดิม ความอึดอัดก็ลดลงผมเลยเริ่มเป็นตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างคุยเรื่องสะระตะจนพิซซ่าถาดใหญ่หมดเกลี้ยง ผมเอนหลังแผ่พุงกลมๆ ที่ดันเสื้อกล้ามออกมาเป็นลูกชัดเจน ใช้ฝ่ามือตบเบาๆ ในขณะเดียวกันก็พยายามกลั้นเรอเนื่องจากดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป

พวกเรานั่งพักพุงได้สักพักก็ช่วยกันโกยขยะลงถุงและผูกปากให้เรียบร้อย ผมย้ายร่างอ้วนๆ ของตัวเองไปแย่งที่นอนของแมวสองตัวที่เดินนวยนาดเข้าไปนอนตากแอร์ในห้องส่วนตัวไปแล้ว โฬมเป็นคนรักสัตว์มากๆ เขาถึงกับยกห้องให้แมวห้องหนึ่งแม้มันจะเป็นห้องเล็กๆ ที่ทางโครงการสร้างไว้เพื่อให้เก็บของ

ผมเอนตัวจนเกือบจะนอนลงอยู่แล้ว แต่เพราะกลัวกรดไหลย้อยเลยยังพยายามทำตัวตรงๆ ก่อน ส่วนเจ้าของบ้านผู้เจ็ฐขาแต่กลับเดินไปทั่วก็ไม่รู้หายไปไหน ผมคิดว่าเขาคงเข้าไปให้อาหารแมวก็เลยไม่ได้สนใจ เดี๋ยวอีกสักพักพอกระเพาะผมย่อยได้อีกหน่อยก็คงจะขอตัวกลับแล้วครับ รบกวนบ้านคนอื่นนานๆ ก็รู้สึกเกรงใจ

เครื่องปรับอากาศส่งเสียงความถี่ต่ำ ผสมกับอากาศเย็นสบายและหนังท้องตึงเปรี๊ยะ ผมที่ฝืนถ่างตาไม่ไหวต้องยอมปิดเปลือกตาลง แอบตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 15 นาทีสำหรับการงีบพัก ความเงียบวงบปราศจากคนอื่นแม้กระทั่งตัวเจ้าของบ้านเองทำให้ผมเคลิ้มได้โดยง่าย ผมกอดหมอนอิงไว้ในอ้อมแขน เอียงศีรษะมาด้านหน้าเพื่อพิงก่อนจะปล่อยตัวเองให้ล่องลอยเข้าห้วงนิทราอันสั้น
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาในความคิด แต่ผมไม่สนใจ ผมกำลังแยกความจริงกับความฝันไม่ได้ มันก่ำกึ่งอยู่ตรงกลาง เหมือนตัวของผมลอยคว้างกลางอากาศ แต่อีกขาหนึ่งก็ยังรู้สึกถึงผิวของโซฟาที่นอนอยู่

เปลือกตาของผมหนักอึ้ง การสวมเสื้อกล้ามมานอนตากแอร์ทำให้ต้องขยับขดตัวด้วยความหนาว ผมรู้สึกได้ว่าบริเวณใกล้เคียงมีความอบอุ่นของบางอย่าง จึงเขยิบร่างกายเข้าไปใกล้ เอนอิงความอบอุ่นนั้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไปด้วย ผมขยับใบหน้าให้ได้มุมองศาที่สบาย สูดกลิ่นหอมของน้ำหอมแบรนด์ไฮเอนด์อันคุ้นเคยก่อนจะปล่อยตัวเองให้หลบไหลลงไปจริงๆ

.....

...

..

.

ติ๊ดๆๆๆ

เวลาสิบห้านาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก ผมสะดุ้งโหยงเพราะเหมือนเพิ่งลอยอยู่บนอากาศได้แค่วินาทีเดียวแล้วขาก็โดนกระชากกลับลงมาสู่พื้น ในจังหวะที่เสียงนั้นกระแทกเข้าโสตประสาทได้เพียงจังหวะเดียว ผมก็ลืมตาโพลงขึ้นทันด้วยความตกใจ

แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับสร้างความตกใจให้กับผมมากกว่าที่เป็นอยู่เสียอีก!!

ริมฝีปากที่มักมีรอยยิ้มประดับลอยห่างจากหน้าผมเพียงแค่สามนิ้วประกบกัน ลมหายใจร้อนรินรดลงบนผิวแก้ม ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลมีแววตกใจวิ่งพล่านอยู่ภายใน แพขนตายาวใกล้จนเห็นเส้นสีดำทุกเส้นเรียงตัวเป็นระเบียบ

“...”

“...”

เกินความเงียบขึ้น กินระยะเวลานานพอสร้างความอึดอัดและฉุดคร่าลมหายใจของผมให้หายไปอย่างไม่รู้ตัว ผมเผลอกลั้นหายใจและกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ พวกเรายังจ้องตากันในระยะใกล้มาก ไม่มีใครกล้าขยับตัวในสถานการณ์แบบนี้ สติของผมค่อยๆ กลับมาตามระยะเวลาที่เคลื่อนผ่าน สัมผัสได้ถึงฝ่ามือร้อนที่โอบรอบช่วงเอวของผม

“เอ่อ...” ผมส่งเสียงในลำคอ กำลังจะขยับตัวออกจากท่าทางอันตรายพวกนี้

แต่แล้วอยู่ๆ โฬมก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม!!



_________________________________
Talk:
สกายลูก พี่มันไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นลูกกกก
ตอนนี้เขียนเพลิน เขียนยาวกว่าทุกตอนที่ผ่านมาอีกค่ะ  :katai4:
มาลุ้นกันดีกว่าค่ะ ว่านังพี่มันจะจูบหรือไม่จูบ
จะได้จูบหรือจะโดนน้องถีบก่อน!

ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกยอดวิว ทุกยอดกด+ ให้ด้วยนะ
อ่านทุกเม้น จำ user ได้หมดแล้วเลยยยย  :กอด1:
ขอบคุณที่ทำให้นิยายเรื่องแรกหลังจากไม่ได้เขียนนานของเรามีสีสันมากขึ้นนะคะ
รักที่สุด รักทุกคนเลยย //โปรยใจ

ถ้าอยากติชม อยากแนะนำ ทำได้เสมอเน้อ
วันนี้ทิ้งทายด้วยทวิตของตัวเองที่ทวิตถึงเจ้าสกาย
ฝากน้องติสท์ๆ ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2018 23:45:38 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
น้องจะถีบพี่ไม่ได้นะ พี่ขาเจ็บอยู่นะ5555555

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ค่อยเป็นค่อยไป นะค๊ะ คุณพี่

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หูยยยย โฬมเริ่มรุกจีบแล้วหรอ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
โฬมใจเย็นนะเดี๋ยวโดนสกายเตะ55

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เดี๋ยวววววววววววววโรมใจเย็นๆ

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
ในนี้เขาตอบเม้นกันยังไงอ่ะคะ 55555
หนูกด ref มาไม่เป็นนนนนนนนน

//ขอจองที่ตรงนี้ไว้ก่อน
ยังตอบเม้นไม่เป็นน แง้  :sad4: :ling1: :katai1:

______________________________________________________________________________
ทำ เป็น แล้ว เย้!!
Hello test test

ตอนใหม่มายางงง รอๆ น๊าาา เป็นกำลังใจให้นักเขียนจ้า  :L2:
: ขอบคุณค่า  :กอด1:
จะรีบมา วันนี้ยังเขียนไม่ถึงไหนเลยค่ะ แง้ๆ เจอกันพรุ่งนี้นะคะทุกคลลลลล  :katai4: :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2018 19:31:34 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ตอนใหม่มายางงง รอๆ น๊าาา เป็นกำลังใจให้นักเขียนจ้า  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 7 [05-Oct-18] P.2
« ตอบ #39 เมื่อ: 07-10-2018 15:20:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 8


ผมยกนิ้วขึ้นกันริมฝีปากตัวเอง ในขณะที่สันจมูกของพวกเราถูไถกันอย่างใกล้ชิด โฬมชะงักไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็บรรจงกดริมฝีปากลงมาบนหลังนิ้วของผมเบาๆ

เหตุการณ์แบบนี้ผมไม่อาจช่างมันได้เหมือนทุกที

ไหล่ของโฬมถูกดันออกด้วยฝีมือผม เขาตัวใหญ่กว่า สูงกว่า และก็น่าจะมีแรงมากกว่า ถ้าเขาเลือกที่จะขืนตัวผมคงไม่สามารถผลักเขาออกได้ แต่คนตัวสูงก็ยอมขยับออกไปนั่งอีกฟากฝั่งของโซฟา ดวงตาคมเสมองพื้น ในขณะที่แก้มของเขาเต็มไปด้วยริ้วแดงๆ

“ทำอะไรครับ” ผมถามอย่างใจเย็น แม้ว่าหัวใจจะสั่นรัวเร็วจากอารมณ์สับสน ผมไม่ได้หันไปมองหน้าเขา ต่างฝ่ายต่างเกิดอาการอ้ำอึ้งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมชันเข่าขึ้นมากอด ทิ้งใบหน้าหลบหลังต้นขาแล้วปล่อยให้ปอยผมทิ้งลงมาปรก

“ขอโทษครับ” โฬมบอกเสียงเบา เขาแอบเหลือบหางตามามองด้วยความเก้กัง

“ผม...” ด้วยความตอบไม่ถูก เลยได้แค่งึมงำในลำคอ จากนั้นความเงียบก็โรยตัวเข้ามาโอบล้อมภายในห้องซ้อมดนตรีแทน ผมเม้มปาก พยายามแก้สถานการณ์ด้วยรอยยิ้มแหยๆ

“เดี๋ยวผมกลับแล้ว”

“อ่ะ ครับ” โฬมสะดุ้ง รีบลุกขึ้นยืนในทันที

ผมสับเท้าฉับๆ ออกมาจากห้องซ้อม เดินตรงดิ่งไปที่หน้าบ้านโดยไม่เหลียวมองสำรวจเหมือนเคย ร่างสูงของโฬมเดินตามมาแต่ก็เว้นระยะห่างพอสมควร ผมหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดปุ่มปดล็อคด้วยปลายนิ้วสั่นระริก แต่ก็พยายามตีหน้าตายเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“เรื่องเพลง ไว้คุยกันผ่านไลน์ก็ได้นะครับ” ผมบอกโดยไม่หันกลับไปมองคู่สนทนา มือก็คว้าที่จับประตูรถเรียบร้อย เหลือแค่เปิดมันแล้วยัดตัวเข้าไปนั่ง อีกแค่นิดเดียวผมจะหลุดออกจากสถานการณ์แปลกๆ นี้

“ครับ” เสียงของโฬมยังอ้ำอึ้งเหมือนติดอยู่ที่ลำคอ แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว รีบเปิดประตูและแทรกตัวเข้าไปนั่งทันที ผมโบกมือลาเขาตามมารยาท เตรียมจะปิดรถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่โฬมกลับตะโกนสวนขึ้นมาก่อน

“สกายครับ!”

“...ครับ?”

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

“ครับ โฬมก็หายไวๆ นะครับ”

พวกเรายิ้มให้กัน เป็นรอยยิ้มที่ดวงตาหันเหไปคนละทาง ผมปิดประตูดังปังแล้วรีบเหยียบคันเร่งออกจากที่นี่ทันที กระจกมองหลังสะท้อนภาพผู้ชายหน้าตาดีที่ยืนมองส่งจนรถยนต์เคลื่อนออกไปพ้นซอย ผมก็มองเขาจนกระทั่งลับสายตาไปเช่นกัน บัตรผ่านที่มีลายมือโฬมเซ็นต์รับรองถูกยื่นให้กับยามคนเดิม ผมกล่าวขอบคุณแล้วเร่งเครื่องออกสู่ถนนใหญ่ทันที

จะบ้าตาย จะบ้าตายๆๆๆ

ผมสบถงึมงำกับตัวเองเมื่อป้ายหมู่บ้านหายไปจากครรลองสายตาแล้ว อาการสงบเงี่ยมที่เพียรรักษามาหลายนาทีถูกทุบแตกร้าว ผมกัดปาก บีบพวงมาลัยจนปลายนิ้วขึ้นข้อขาว เท้าข้างที่ว่างก็กระดิกดิ๊กๆ อย่างอยู่ไม่สุข

เมื่อกี้โฬมจะจูบผมชัดๆ

ผมไม่ได้คิดไปเอง หลังนิ้วมือข้างขวาที่เขากดปากลงมายังร้อนผะผ่าวอยู่เลย รวมถึงหัวใจผมที่เต้นไม่เป็นจังหวะตั้งแต่ตอนนั้น
ผมหยุดคิดไม่ได้ ให้ตาย ผมว่าสติผมกำลังจะแตก!









ผมกลับมาถึงคอนโดโดยโดนคนบีบแตรอวยพรไปสามที โชคดีที่ไม่ไปเฉี่ยวชนใครเนื่องจากสติยังไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมถอดกางเกงวอร์มขายาวทิ้ง เหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์กับเสื้อกล้ามสีเทาตัวเดิม ก่อนจะปีนขึ้นเตียงนอนแผ่ตากแอร์เย็นๆ ครุ่นคิดวนไปมาจนไม่เป็นอันทำอย่างอื่น

ในหัวมีแต่คำว่าทำไมเต็มไปหมด

ผมถอนหายใจ อายุสั้นลงไปราวๆ สิบปี ขมวดคิ้วบ้างสะบัดหัวบ้าง บางทีก็ชักดิ้นชักงออยู่บนเตียงด้วยความอึดอัดใจ เราเพิ่งรู้จักกันได้กี่วันเอง นับคร่าวๆ ก็แค่อาทิตย์เดียว เจอกันไม่ถึงห้าครั้ง คุยกันได้แค่ไม่กี่สิบประโยค ผมควรจะโกรธเขาใช่ไหม หรือไม่ก็ต้องช่างมันไปเหมือนที่ทำประจำเวลามีเรื่องคิดไม่ตก

แต่ผมทำไม่ได้ครับ

ผมช่างแม่งกับเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

สุดท้ายผมถึงได้มีสภาพเป็นคนบ้านอนก่ายหัวอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายชั่วโมงแบบนี้ สมองของผมไม่ยอมหยุดทำงาน มันวนกลับไปฉายฉากบ้าๆ นั้นซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับขึ้นแคปชั่นใต้ภาพว่าโฬมทำแบบนี้ทำไม

หรือเขาจะชอบผม ผมควรถามไปตรงๆ ไหม

ผมสำรวจความคิดตัวเอง ไม่ได้มีความหวั่นไหวปะปนอยู่ นอกจากอาการตื่นเต้นตกใจที่วิ่งพล่านทั่วกระแสเลือด ผมไม่ได้ชอบโฬมอย่างแน่นอน ถ้าเขาชอบผมจริงๆ ผมควรไปคุยให้รู้เรื่อง เราจะได้ทำงานกันต่อไปอย่างราบรื่น

แต่บางทีโฬมอาจจะไม่ได้ชอบ...

ไม่ ผมไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแล้วครับตอนนี้!

ไม่อยากคิดอะไรแล้ว ไม่คิดมันแล้ว ช่างมันไปให้หมดเลย!!









อากาศหนาวจากเครื่องปรับอากาศกำลังลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือผิวของผม ขนบนแขนลุกขึ้นตั้งชันในขณะที่ผ้านวมอุ่นถูกเตะลงไปกองอยู่ตรงบั้นเอวจนหมด ผมครางฮือ ควานมือสะเปะสะปะหาไออุ่นมาห่มกาย

แกร๊ก

มีเสียงเปิดประตูเข้ามา ผมที่กำลังง่วงเต็มแก่ไม่ได้ลืมตาขึ้นสนใจ แค่พยายามออกแรงดึงผ้าฝืนโตขึ้นมาจากด้านล่าง แทรกกายซุกไซพร้อมดึงหมอนข้างเข้ามากอดแนบอก

พื้นที่บนเตียงข้างๆ ยวบลงเล็กน้อย พร้อมกับอะไรบางอย่างที่วางลงบนศีรษะ มันนวดคลึงจนผมครางรับด้วยความสบายใจ ร่างกายขยับเข้าหาสัมผัสนั้นโดยอัตโนมัติ ฟูกนุ่มยวบยาบอยู่นานจนผมย่นคิ้ว ใครบางคนขยับตัวลงนอนแล้วรั้งร่างของผมเข้าไปกอด

แขนของเขาใหญ่จนรัดตัวผมได้จนหมด กลิ่นน้ำหอมคุ้นจมูกกับไออุ่นจากผิวกายเรียกรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปาก ผมร้องอื้ออึง หมอนข้างถูกดึงออกไปก่อนที่ร่างกายของผมจะถูกกระชับให้แน่นขึ้น ผมป่ายมือไปวางบนเอวแกร่ง มุดศรีษะซุกลงบนแผ่นอกแข็งแรง

“สกายครับ”

“ฮือ” ผมร้องตอบ หลับตาพร้อมเงยหน้ารับจูบอ่อนโยนบนหน้าผาก

“ขี้เซาจังเลย”

“อย่ากวน” ผมบ่นเสียงเบา ย่นจมูกด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเตรียมมุดหน้ากลับไปซุกอกอุ่นอีกครั้ง ทว่าปลายคางกลับถูกนิ้วเรียวยาวเชยขึ้น ลมหายใจร้อนขยับเข้ามาจนรดลงบนแก้ม ผมปรือตามองใครสักคนตรงหน้า แต่ภาพของเขากลับพร่าเบลอและเลือนลาง

“ใครน่ะ” ผมถาม ทั้งๆ ที่สองแขนยังโอบกอดร่างของเขาเอาไว้แน่น

“ทำไมถึงลืมกันล่ะครับ”

“อื้อ ง่วง” ผมไม่สนใจจะเดาแล้ว ตอนนี้ด้วยท่วงท่าที่สบายและอากาศเย็นฉ่ำ ผมเตรียมกลับไปเฝ้าพระอินทร์อีกครั้ง ไม่สนใจสิ่งนุ่มหยุ่นที่เริ่มแตะลงบนแก้ม หน้าผาก ข้างขมับ และปลายจมูก

ผมรำคาญเลยสะบัดหน้าหนี แต่คางก็ถูกจับตรึงให้ไม่อาจเคลื่อนใบหน้าได้ คิ้วของผมจึงย่นขมวดเป็นปมใหญ่ พยายามฝืนลืมตาขึ้นมองแต่ก็ได้เพียงแสงสว่างจ้าที่สาดเข้ามากระทบนัยน์ตาดำ

“สกาย...”

ผมง่วง ผมอยากบอกเขาให้เลิกก่อกวนสักที

“สกายครับ”

เขาไม่หยุดยุ่มย่ามกับแก้มของผม และส่วนอื่นๆ ของใบหน้าผม ผมส่งเสียงฟึดฟัด แต่ทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งสัมผัสนุ่มหยุ่นนั้นขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปาก ผมเผยอรับจูบแผ่วเบาที่กดลงมา

แรงดูดผะแผ่วที่ผิวปากด้านล่าง ความเปียกชื้นของเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา ผมเงอะงะเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้งานอวัยวะนี้ในทางอื่นนอกจากกินข้าว ดวงตาปรือปรอยลืมมองได้เพียงเสี้ยวเล็กๆ เห็นแพขนตาดำขลับลอยอยู่ไม่ไกล แรงเคลื่อนบนริมฝีปากยังขยับซ้ายทีขวาที สันจมูกเสียดสียามเมื่อเจ้าของสัมผัสเปลี่ยนองศา

“ฮืออ” ผมต่อต้าน เมื่ออากาศในปอดกำลังจะหมดลง

โพลงปากไม่ได้ถูกรุกล้ำเข้ามา แต่เพียงแค่ความแนบแน่นที่ผิวนุ่มหยุ่น หัวใจก็ราวมีน้ำเย็นฉ่ำมารินรด ผมขยับตัว เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสร้อนผ่าวนั้นอย่างเต็มใจ แม้จะเริ่มอึดอัดในอกเพราะหายใจไม่ทัน

ใครคนนั้นหยอกล้อริมฝีปากของผมเล่น ขบกัดเบาๆ เรียกความขุ่นมัวจากหัวคิ้วของผม ผ่ามือร้อนทาบลงบนข้างแก้ม ใช้ปลายนิ้วถูวนที่กรอบหน้า นวดเบาๆ และกดริมฝีปากลงมาแนบยิ่งกว่าเก่า ผมกำลังจะขาดหายใจ ถ้าเขายังไม่หยุด ผมคงต้องตายลงท่ามกลางรสชาติหวานล้ำ

ผมทุบอกเขา ขอร้องให้หยุดก่อนที่ผมจะตายไปจริงๆ ใครคนนั้นหัวเราะเบาๆ ยอมถอนใบหน้าออกไปอย่างง่ายๆ ในจังหวะที่ผิวเนื้อนุ่มหยุ่มดึงรั้งกันราวไม่อยากพรากจาก ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุจากลมหายใจที่พ่นออกมาทางปากเขา ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศแทรกซึมเข้ามาทีละนิด จนกระทั่งพวกเราแยกออกจากกันในที่สุด ผมหอบหายใจ ปรือตาฉ่ำชื้นมองเจ้าของจูบหลอมละลาย

ใบหน้าของเขายังพร่าเลือด แต่ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มกว้างส่งมาให้ ผมเห็นฟันเขี้ยวสองซี่โผล่พ้นขอบออกมา รวมถึงลักยิ้มบุ๋มลึกทรงเสน่ห์ที่ข้างขวา

เห็นแค่นี้ก็จำได้แล้วว่าเขาเป็นใคร

โฬม ลภณ

........

.....

...

..

.

เฮือก!

ผมสะดุ้ง ผุดลุกขึ้นจากเตียงด้วยเหงื่อโทรมกาย ผ้าม่านกระพือให้เห็นว่าภายนอกมืดสนิท ผมหันซ้ายหันขวา ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมอกที่อวัยวะภายในสั่นแรงจนได้ยินเสียงมาถึงข้างนอก

ฝัน

เมื่อกี้ผมฝัน

ผมบอกตัวเอง ลูบปลอบโยนหัวใจที่ยังกระแทกอย่างแรงเบาๆ ขณะพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อคลายความตื่นตกใจ เครื่องปรับอากาศส่งเสียงหึ่งๆ ไฟบนเพดานยังเปิดสว่างโร่ รวมถึงนาฬิกาบนโทรศัพท์ที่บอกเวลาตีสี่กว่า

ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ หลังจากกลับมาจากทำงานตอนสี่ทุ่ม ผมก็นอนเอกเขนกเล่นโทรศัพท์ แล้วจู่ๆ ภาพทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

แต่ใจความสำคัญไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าผมหลับไปตอนไหน

สิ่งที่ควรสนใจคือทำไมผมถึงฝันอะไรแบบนี้ได้!!

ผมขยี้ศีรษะจนหัวยุ่ง ทึ้งมันอยู่นานก็ไม่อาจสร้างความสงบแก่จิตใจ วันนี้น่าจะถอนหายใจรวมกันมากกว่าทั้งชีวิตเสียอีก ผมเม้มปาก รสสัมผัสในฝันที่เคยเด่นชัดค่อยๆ เลือนลายลง แต่หัวใจผมไม่อาจหยุดเต้นได้อีกเลย

ผมไม่เคยมีจูบแรก แต่กลับฝันเป็นตุเป็นตะเหมือนจริงออกมาได้แบบนั้น

ผมว่าผมหมกมุ่นเรื่องที่โฬมจะจูบผมมากเกินไป

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจอีกครั้ง เบ้หน้ามองจอโทรศัพท์ที่ไม่มีแจ้งเตือนอะไรเข้า สบถกับตัวเองสองสามคำก่อนจากลากสังขารยุ่งเหยิงไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ

คืนนี้คงนอนไม่หลับแล้วแน่ๆ








หลังจากคืนนั้น ผ่านมาได้สามวันแล้ว ไลน์ของผมเพิ่งมีแจ้งเตือนเข้าเมื่อวาน เพราะโฬมส่งทำนองทั้งเพลงมาให้ รวมถึงเนื้อร้องที่เพิ่มขึ้นจากเดิมท่อนหนึ่ง

ผมฟังแล้วก็ต้องยอมรับว่าเขามีความสามารถ

แต่ช่วงนี้สติผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทางคอร์ดกีตาร์ที่โฬมส่งมา ผมพยายามที่จะเอามามิกซ์เข้ากับบีทดนตรีเพื่อให้เหมาะกับแนว Hip-Hop แต่ไม่ว่าจะแก้ไฟล์กี่ร้อยกี่พันครั้ง ผมก็ไม่พอใจกับมันสักที

วันนี้ผมเลยมาขลุกอยู่กับพี่ยุทธและลูกสมุนทั้งสองในห้องสตูดิโอของบริษัท พวกพี่เขาก็ยังหัวปั่นเหมือนเคย ค่ายเพลงนี้ไม่ได้ยักษ์ใหญ่มากจนมีทีมงานเยอะ แต่ถ้าถามว่ามีชื่อเสียงไหมก็มีส่วนแบ่งในตลาดพอสมควร ในค่ายมีทีมโปรดิวเซอร์อยู่สองทีม แต่ผมสนิทกับทีมพี่ยุทธเพราะทำเพลงกันมาตั้งแต่แรก ส่วนอีกทีมนั้นดูแลเพลงอีกแนวเลยไม่ค่อยได้เจอกัน

ผมนอนเอกเขนกบนโซฟาที่เดิม มองพี่ๆ เขาทำงานหน้าดำคล้ำเครียด เห็นแล้วก็ไม่กล้ารบกวนเลยได้แค่จิ้ม Garageband* บนไอแพดเล่น (*แอพลิเคชั่นสำหรับใช้สร้างดนตรีและเพลงที่เน้นรูปแบบใช้งานง่าย ป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ย่อย ในชุดซอฟต์แวร์ของไอไลฟ์ ที่ผลิตโดยบริษัทแอปเปิล) พี่ยุทธเคาะโต๊ะโยกหัวเบาๆ ขณะสวมหูฟังครอบอันใหญ่ พี่คนอื่นก็กำลังหัวปั่นอยู่หน้าจอไม่ต่างกันนัก

ผมนั่งแต่งทำนองบีทของตัวเองไปเรื่อยๆ รอจนกว่าจะถึงเวลาพักของพวกพี่ๆ แล้วจะได้สาธยายความอึดอัดใจให้ได้ฟังสักที อันที่จริงผมอยากโทรไปปรึกษาเพื่อนสนิทที่เป็นเกย์ของผมมาก แต่มันกลับวุ่นวายอยู่กับการทำงานหาเงินอยู่ เลยได้แค่วางสายไปอย่างหงอยๆ

กว่าครึ่งชั่วโมงนั่นแหละพี่ยุทธถึงได้วางหูฟังแล้วเริ่มบิดขี้เกียจ ร่างอวบอ้วนของพี่แกขยับลงมาจากเก้าอี้เลื่อน เอนตัวลงนอนบนพื้นแล้วหันมาทางผม

“อะไรของเอ็ง ไอ้สกาย หน้าตาเหมือนอดหลับอดนอน”

“ผมแต่งเพลงไม่ได้เลยพี่” ผมบอก ทำปากยื่นปากยาวใส่

“อะไรวะ ปกติไม่เคยมีปัญหานี่” พี่ยุทธขมวดคิ้ว มือซ้ายก็เลิกเสื้อขึ้นแล้วเกาพุงกลมๆ ไปด้วย “หรือเพราะมันเป็นเพลงรัก แต่เอ็งก็แต่งแค่แรปนี่หว่า”

“ผมเครียด”

“เป็นอะไรน้องสกาย” พี่เมฆรามือจากงานแล้วหันมาสนใจผมบ้าง ผมก็เลยได้ทีทำสีหน้าเหมือนโลกจะแตกใส่ทุกคน ผมเด็กสุดในนี้ เด็กกว่าหลายปีด้วยเพราะผมเพิ่งอายุ 24 เลยมักจะได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ อีกทั้งผมเป็นคนอ้อนเก่ง อยู่กับยายมาแค่สองคน ตอนเด็กๆ ก็ไม่กล้าหรอกครับ แต่พอโตมาแล้วต้องย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ พอคิดถึงคุณยายมากๆ ก็เลยลองอ้อนลองออเซาะ ผลลัพธ์ก็เลยทำเป็นมาจนถึงตอนนี้

“พี่ครับ ใครก็ได้ ผมมีเรื่องจะถาม”

“ว่ามาๆ” พี่อ้อยขยับตัวมานั่งบนโซฟาข้างผม ผมเลยต้องลุกขึ้นนั่งอย่างเสียไม่ได้ นอนคุยกับพวกพี่เขาจนชินแล้วครับ ไม่มีใครว่าผมเสียมารยาทเพราะพี่ยุทธก็นอน พี่เมฆตอนนี้ก็กำลังใช้พุงกลมบ๊อกของหัวหน้าต่างหมอนอยู่

“พี่มีจูบแรกกันตอนไหนอ่ะครับ”

“...”

“...” ทุกคนมองผม เหมือนไม่คิดว่าผมจะถามคำถามแบบนี้

และก็เป็นพี่อ้อยที่อ้าปากตอบคำถาผมก่อนใคร “มอสาม กับแฟนคนแรก”

ผมอ้าปากค้าง มอสามนี่เพิ่งอายุสิบห้าไม่ใช่เหรอครับ

“แค่ปากแตะปากเฉยๆ” พี่แกพูดเสริมเมื่อเห็นสีหน้าของผม คราวนี้ผมเลยพยักหน้า ยังไม่หายอึ้งอยู่ดี แต่ก็เลื่อนสายตาไปมองพี่เมฆที่กำลังเม้มปากหน้าแดงอยู่

“มอห้าอ่ะ...”

“หน้าแดงทำไมวะ” พี่ยุทธผงกหัวมองคนบนพุง เห็นคนตัวแห้งตัวแดงเป็นกุ้งก็เลยถามจี้เข้าไปอีก “มีอะไร ไม่ใช่แค่จูบรึไง”

“พี่ยุทธ!”

“นั่นปะไร ไอ้กุ้งแห้งมันร้าย!”

“ฮ่าๆๆ” มีเสียงหัวเราะทั้งจากผมและพี่อ้อยดังสวนกันขึ้นมา พี่เมฆนี่มุดหน้าลงกับพุงหัวหน้าทีมไปแล้ว ในขณะที่คนเป็นหัวหน้าก็หัวเราะจนพุงกระเพื่อมเป็นคลื่นน้ำ

“แล้วพี่ยุทธล่ะครับ”

“กูตั้งแต่มอหนึ่งแล้วครับน้องๆ”

“เฮ้ย จริงป่ะพี่” ผมอ้าปากเหวอ อึ้งพี่อ้อยไม่หาย มีเรื่องให้อึ้งกว่าอีก

“จริงดิวะ กับแมวที่บ้านเนี่ย”

“โห พี่” หลังจากได้รับคำเฉลย ไอ้พี่ยุทธก็ถูกพวกผมรุมโห่ร้องเสียงดัง แต่พี่แกกลับหัวเราะสะใจเอามากๆ พวกเราผลัดกันแกล้งผลัดกันถูกแกล้ง ผมหอบหายใจเพราะหัวเราะจนเจ็บท้อง กลิ้งตัวลงนอนบนตักพี่อ้อยโดยขออนุญาตก่อนแล้ว

ขำจนท้องแข็ง ขำจนนั่งไม่ไหวแล้วครับ

“แล้วคิดไงถามเรื่องนี้อ่ะ” พี่เมฆพูดโพล่งขึ้นมาท่ามกลางเสียหอบหายใจ ผมชะงักทันที พี่คนอื่นสังเกตเห็นเลยยิ่งเค้นคอเข้าไปใหญ่

“ก็... ผมยังไม่เคย”

“เฮ้ย จะเบญจเพศอยู่แล้วนะเอ็ง” พี่ยุทธดูตกใจมากเมื่อได้ยินความจริงจากปากผม

ก็ผมไม่เคยมีแฟน จะไปจูบใคร...

คิดแล้วภาพใครบางคนก็ลอยขึ้นมาในหัว เจ้าของลักยิ้มข้างขวาที่เข้ามาวิ่งเล่นในฝันผมแทบทุกคืน ถ้านับจูบในฝันว่าเป็นหนึ่งจูบ ผมคงเสียไปเกือบสิบแล้วล่ะครับ

โคตรหมกมุ่นเลย ให้ตาย

“งั้นที่มาถามนี่... แสดงว่ามีคนที่อยากจูบป่ะ” อยู่ๆ พี่อ้อยก็โน้มหน้าลงมา ส่งรอยยิ้มแซวมาให้พร้อมดวงตาพราวระยับ ประโยคนั้นประโญคเดียวเรียกเสียงโห่ฮาจนดังลอดออกไปนอกห้องสตูฯ ได้เลย

“เปล๊า!”

“เสียงสูง สารภาพมาเด็กน้อย”

ผมโดนคาดคั้น ถูกพี่สามคนรุมรังแกด้วยการจั๊กกะจี้ที่เอว ผมไม่ใช่คนบ้าจี้ แต่ตอนที่เรากำลังหัวเราะหรืออ่อนไหวกับบางเรื่องอยู่ เส้นประสาทที่เอวก็พร้อมใจทำหน้าที่ของมันอย่างดี

“พี่ พี่ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมดิ้น ยกขายกแขนเตะปัดไปทั่ว มีฟาดโดนพี่เขาบ้างแต่พวกชายฉกรรจ์ทั้งสามก็ยังไม่หยุด “พี่ ผม ผม แฮก ผมบอกแล้ว”

กว่าผมจะเป็นอิสระ ผมก็ได้ค้นพบว่าช่วงชีวิตที่เฉียดใกล้ความตายมันเป็นยังไง

ผมที่ดิ้นจนลงมานอนกองบนพื้นหอบหายใจ หน้าดำหน้าแดง เสื้อผ้าก็ยับย่นและเลิกขึ้นมาถึงหน้าอก ผมไม่มีแรงพอจะขยับตัว ตอนนี้กำลังพยายามสูดอากาศเข้าปอดได้มากที่สุด พวกพี่เขาก็ไม่ต่างกัน เพราะต้องต่อสู้กับแรงดิ้นมหาศาลของผม เสียงหอบหายใจของพวกเราทั้งสี่ดังคลอประสานกันแทนบทสนทนา

“พูดมา ไอ้สกาย” พี่ยุทธเร่งเร้า

“ก็... ผมเกือบถูกจูบ”

“ใครวะ ผู้หญิงที่ไหน”

ผมเม้มปาก ไม่ตอบคำถามนั้นโดยเลี่ยงไปพูดอย่างอื่นแทน “นั่นแหละ มันแค่เกือบ แต่หลังจากนั้นผมดันอยากรู้ว่าถ้าจูบจริงๆ จะเป็นยังไง”

“เด็กเวอร์จิ้น”

“เด็กน้อย”

หัวของผมถูกฝ่ามือทั้งสามรุมขยี้จนยุ่งหนักกว่าเดิม

“เดี๋ยวถึงเวลาก็ได้รู้เองนั่นแหละ” พี่ยุทธว่าทิ้งท้าย ก่อนที่ผมจะถูกรังแกอีกครั้งด้วยเรื่องอื่น เหมือนผมเป็นเรื่องบันเทิงเดียวในห้องสตูฯ ที่มีแต่งานกองสุมหัวเลยครับ

ไม่รู้คิดผิดคิดถูกที่มาหาพวกพี่เขา สภาพของผมตอนกลับไปที่คอนโดนี่เหมือนโดนรุมทำร้ายจากคนนับสิบเลย ให้ตาย






ผมไม่ได้เจอโฬมมาอาทิตย์หนึ่ง จนอยู่ๆ เขาก็ไลน์มาว่าแผลหายดีแล้ว และจะเข้าสตูดิโอของผมตอนบ่าย เพราะอยากลองอัดเสียงลงซาวด์

ตอนนี้ผมถึงได้มายืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ กับผู้ชายหน้าตาดีผู้มีลักยิ้มมหาเสน่ห์ บรรยากาศระหว่างเรายังคงมีความอึดอัดอยู่ แต่รอยยิ้มของโฬมก็ช่วยปลอบประโลมให้อาการย่ำแย่พวกนั้นค่อยๆ ดีขึ้น

คนตัวไม่ได้พูดถึงเรื่องวันนั้นอีก เขาทำเหมือนลืมไปแล้ว ในขณะที่ผมยังหัวหมุนกับภาพความทรงจำกับความฝันที่ผสมปนเปไม่เลิก โฬมคงสัมผัสได้ว่าผมไม่เหมือนเดิม เขาถึงไม่ค่อยได้เข้ามาคุยและนั่งจมจ่อมอยู่หน้าไมค์กับจอคอมพิวเตอร์ ผมยืนมองอยู่ข้างๆ ฟังเสียงนุ่มหูกับเสียงกีตาร์เพราะๆ

ริมฝีปากของเขาขยับขึ้นลงตามจังหวะคำร้อง ในบางท่อนโฬมก็แลบลิ้นออกมาเลียผิวปากด้านล่าน ก่อนจะขบเม้มเบาๆ ในจังหวะที่ร้องผิดคีย์หรือหลุดทำนอง

ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองเอาแต่จ้องปากของโฬม

ไม่รู้ตัวจนกระทั่งอยู่ๆ อีกคนก็หันมาถามความคิดเห็นว่าเป็นยังไงบ้าง

กรอบหน้าได้รูป ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมามา ไม่อาจเรียกสายตาผมได้เท่าผิวปากฉ่ำน้ำสีแดงสด วันนี้เขากัดปากบ่อย มันเลยขึ้นสีแดงที่บริเวณด้านใน

ผมเผลอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ดวงตาแห้งผากเพราะลืมวิธีกระพริบตาไปแล้ว

“กาย”

ปากของเขาขยับ ภาพความฝันซ้อนทับเข้ามา ผมเห็นรอยยิ้มของเขากับแสงสว่างที่สะท้อนมาจากด้านหลัง โฬมค่อยๆ เชยคางก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ลมหายใจร้อนชื้น และอัตรการเต้นของหัวใจที่เร่างระดับขึ้นเรื่อยๆ

“สกายครับ”

ผมค่อยๆ หลับตาลง เตรียมรับสัมผัสอ่อนหวานที่ได้ลิ้มลองในทุกค่ำคืน

“สกาย!”

เฮือก!

“คะ ครับ”

“สกายไม่สบายรึเปล่าครับ จะเป็นลมเหรอ” คนตัวสูงผุดลุกจากเก้าอี้ เดินเข้ามาประชิดตัวแล้ววางฝ่ามือทาบลงบนหน้าผาก ผมต้องเงยหน้ามองเพราะเขาสูงกว่า

เหมือนภาพความฝันซ้อนทับเข้ามาอีกแล้ว

ผมเหม่อ ยืนมือไปคว้าจับชายเสื้อโฬม จับจ้องริมฝีปากของเขาที่กำลังขยับพูดอะไรสักอย่าง แต่หูของผมตัดการรับรู้ไปแล้ว

“โฬมครับ...”




ผมอยากจูบ...

__________________________
Talk:
มาแล้ว มาช้าไปวันนึง มัวแต่ไปเที่ยวเล่นอยู่ค่ะ
พอดีวันเสาร์ไปงาน ไทยเกาหลี 60 ปีมา เลยไม่ได้เขียนนิยายเลย

เอาเจ้าสกายมาเสิร์ฟแล้ว
ฮือออ น้องดูหมกมุ่น
พื้นเพน้องโตมากับยาย เป็นเด็กบ้านนอก และเป็นเด็กที่ตามความฝันมาตลอดตั้งแต่เด็ก
ไม่เคยมีแฟน เรียกว่าไม่เคยสนใจดีกว่า เพราะกำลังบ้าแรป บ้าฮิบฮอบ
แต่น้องไม่ได้ใสนะคะ น้องก็คือเด็กป้อจาย แต่น้องแค่ทุ่มเทกับแรปมากกว่าหาแฟน
มันเป็นความอยากรู้อยากลองของเด็กเพิ่งออกจากโลกใบเดิมน่ะค่ะ 555
ถ้านังพี่มันรู้ความในใจน้องนะ เจ้าสกายไม่น่ารอดเงื้อมมือมาร  :hao7:

มีไรจะทอล์คเยอะเนี่ย ยาวไปแล้ว ฝากเจ้าสกายด้วยนะคะ
รักทุกคน ทุกคอมเม้น เพิ่งเจอวิธีตอบเม้น 555 เดี๋ยวว่างๆ มานั่งไล่ตอบดีกว่า

ฝากนิยายอีกเรื่องด้วยค่า
-- เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย
แนวเมะหน้าสวยๆ เน้อ
เรื่องนี้จะออกกับ สำนักพิมพ์อ่านนานนะคะ
แวะไปอ่านกันเถอะๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2018 23:46:02 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โอ้ยย น้องน่าร๊ากกก ตอนหน้า จูบเลยๆๆๆๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เอ็นดูสกายย

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
สกายยยยยยอ่อยหรอลูกกกกก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องกายใสมากเลยลูกกกกกกก จะโดนโฬมจูบหรือจะไปจูบโฬมแทนเนี่ย

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 ชอบมากกกก ...(ชอบทั้งสองเรื่องเลยค่ะ)  o13 ทำไมน้องสกายน่าจับกินซะขนาดนี้นะ  :hao3:
เห็นบอกว่าจะตีพิมพ์เรื่องนี้.... รบกวนสอบถามว่า ทำe-book ด้วยได้ไหมค่ะ??? Pleaseeee  :mew2:
 อยากได้มากแต่ไม่สามารถและไม่สะดวกซื้อเป็นเล่ม ...นะค่ะ pleaseee  :call: e-book ด้วยนะค่ะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
รุกแล้ว อ้ายยย

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
มาแวะตอบเม้นก่อนครับ
ส่วนตอนใหม่ หนูกำลังปั่น  :katai4: :katai4:
(แต่ขออนุญาตทำงานก่อน แง้)


โอ้ยย น้องน่าร๊ากกก ตอนหน้า จูบเลยๆๆๆๆ
จะจูบไม่จูบดีน้าาาา พี่โฬมจะจูบไหมคะ //ยื่นไมค์
โฬม:... //พุุ่งเข้าหาน้องสกายไปแล้วค่ะ...  :katai1:

เอ็นดูสกายย
เอ็นดูน้องด้วยนะคะ น้องไม่เคยยยย  :katai2-1:

สกายยยยยยอ่อยหรอลูกกกกก
สกาย: ผมเปล่า ผมแค่อยากรู้ (' ')

น้องกายใสมากเลยลูกกกกกกก จะโดนโฬมจูบหรือจะไปจูบโฬมแทนเนี่ย
//ยื่นไมค์ให้น้อง
สกาย: ใครจะไปจูบโฬมกันครับ!!! //ภาพตัดมาที่ฉากข้างบน

o13 ชอบมากกกก ...(ชอบทั้งสองเรื่องเลยค่ะ)  o13 ทำไมน้องสกายน่าจับกินซะขนาดนี้นะ  :hao3:
เห็นบอกว่าจะตีพิมพ์เรื่องนี้.... รบกวนสอบถามว่า ทำe-book ด้วยได้ไหมค่ะ??? Pleaseeee  :mew2:
 อยากได้มากแต่ไม่สามารถและไม่สะดวกซื้อเป็นเล่ม ...นะค่ะ pleaseee  :call: e-book ด้วยนะค่ะ
งื้อ ขอบคุณนะคะะะะะะ กอดดดดดด  :hao5:
เจ้าสกาย --> จะรวมเล่มกับสนพ.ฟาไฉค่ะ มี e-book แน่นอน
                  แต่เรายังไม่มีรายละเอียดอะไรเพราะเนื้อเรื่องยังไม่ถึงไหนเลย เขียนสดลงสดอยู่ทุกวันนี้ แง้
เขื่อนคนสวย --> จะรวมเล่มกับสนพ.อ่านนานค่ะ
                  เรื่อง E-book เราจะถามทางสนพ. ให้อีกทีนะคะ พอดีเป็นสนพ.เปิดใหม่

รุกแล้ว อ้ายยย
รุกแล้ว แต่เป็นน้องสกายที่รุกแทน รู้สึกสลับกันแปลกๆ ค่ะ  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2018 08:37:11 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น้องสกายน่ารัก เป็นความสดใส คืนชีวิตชีวาให้กับกับพี่โฬมอีกครั้งนะ

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
สกายน่ารักกก  :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เอ็นดูจังลูกกกก ฮือออ

จะรุกพี่เค้าก่อนซะงั้น  :katai2-1:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 9



“เป็นอะไรครับ” ฝ่ามืออุ่นแตะลงที่ข้างแก้มของผม สีหน้าของโฬมดูเป็นห่วงเอามากๆ เขาลูบผิวหน้าของผมเบาๆ วัดอุณหภูมิร่างกายที่หน้าผากแล้วพยายามจะพาผมไปนั่งพักที่โซฟา

ในขณะที่ผมยังคงวนเวียนอยู่กับการเฝ้ามองริมฝีปากของเขาขยับ

แขนแกร่งโอบไหล่แล้วประคองผมให้เดินไปยังโซฟาอีกฝั่งของห้อง ก่อนจะรีบควานหายาดมในกระเป๋ากางเกงมาให้ ผมรับไว้ หมุนเปิดฝาแล้วยกขึ้นมาแตะที่รูจมูก กลิ่นหอมเย็นๆ ช่วยให้สมองโล่งขึ้นกว่าเดิม ผมตั้งสติ ปลอบประโลมหัวใจที่เต้นระรัวไม่ยอมหยุด

อยากทึ้งหัวตัวเองเอามากๆ

ถ้าไม่ติดว่ายังไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนบ้า ผมคงขยี้หัวไปด้วยแหกปากกรีดร้องไปด้วยแล้ว

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาแตกวัยหนุ่มเอาตอนอายุยี่สิบสี่ ทำตัวไม่ต่างกับเด็กมอต้นที่เพิ่งริเริ่มมีความรักและความต้องการ ผมเม้มปาก หลุบตามองหน้าตักตัวเองแล้วปล่อยให้โฬมใช้สมุดในมือโบกพัดให้

อันที่จริงผมไม่ได้หน้ามืดจะเป็นลม แต่ผมไม่กล้าบอกความจริงกับเขาว่าที่หลับตาพริ้มรอนั้นเพราะต้องการให้เขา...จูบ เลยได้แต่ตีเนียนไม่สบายไป

แต่คิดเองก็กระดากเอง หน้าของผมเห่อร้อนขึ้นมาจนคนที่กำลังเป็นห่วงทวีความตกใจมากขึ้นไปอีก

“สกาย ไปหาหมอไหมครับ หน้าแดงหมดแล้ว”

ผมส่ายหน้าเป็นพัลวัน ทำท่าจะขยับตัวออกห่างจากผู้ชายที่เขยิบเข้ามาชิด แตะหน้าแตะหลังผมราวกับต้องการสำรวจให้แน่ใจ แต่แตะไปก็เท่านั้น ตัวผมเย็นชืดจากอากาศในห้อง มีแค่ใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมาจากความเขินอาย

“ท่าทางไม่ดีเลยนะครับ”

“ผมไม่เป็นไรครับ โฬมไปอัดเสียงต่อก็ได้นะ” ผมบอกทั้งๆ ที่ยังไม่ยอมสบตา ชี้นิ้วไปที่คอมพิวเตอร์ซึ่งยังเปิดโปรแกรมตัดต่อเพลงค้างไว้

“เดี๋ยวค่อยก็ได้ครับ ผมเป็นห่วงสกาย”

ผมไม่รู้ว่าปกติคนเรารับมือกับอารมณ์ตัวเองยังไง

ทำไมวันนี้ผมดูควบคุมอะไรไม่ได้ เหมือนนี่ไม่ใช่ตัวผม เหมือนผมไม่เคยมีประสบการณ์การใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์มาก่อน มือผมสั่น มีเหงื่อเม็ดเล็กซึมผ่านไรผม

ผมคนก่อนหน้าที่จะเป็นแบบนี้นี่เป็นคนยังไงกัน ทำไมตอนนี้ในหัวผมมีแต่ความคิดน่าอายมากมายแบบนี้ ผมอยากกระชากคอเสื้อเขาเข้ามาเลยด้วยซ้ำ อยากกดเขาลงบนโซฟาแล้วบอกว่าช่วยสอนผมหน่อย

ฮือ ผมต้องสติแตกไปแล้วแน่ๆ เลย

“สกายครับ สกาย” โฬมที่เห็นผมเบ้หน้าเบ้ตาก็ร้องเรียกอย่างตกใจ วันนี้ผมทำเขาตกใจไปกี่ครั้งแล้วไม่รู้ มือหนากอบกุมใบหน้าผมไว้ทั้งสองข้าง จับให้หันไปหาก่อนรั้งให้เชิดขึ้นสบตา

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนต้องแสงไฟเห็นเป็นประกายระยับ จมูกโด่งสวยอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แม้โฬมจะไม่ได้โน้มหน้าเข้ามาใกล้เพราะเขาแค่ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงขมับทั้งสองข้างให้ แต่ผมกลับเห็นใบหน้าของโฬมขยายขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่ภาพความฝันซ้อนทับหรือผมละเมอเพ้อพกไปเองหรอกครับ

โฬมไม่ได้ขยับตัวก็จริง แต่เป็นผมเองที่เคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาเขาช้าๆ

“สกาย?”

ริมฝีปากของเขาขยับเรียกชื่อผมอีกแล้ว เนื้อนุ่มตรงนั้นก็ยังมีสีแดงระเรื่อ ผมมองเห็นลิ้นของเขาขยับไปมาตอนเอื้อนเอ่ย เห็นดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้างขึ้น เห็นผิวเนียนเรียบในระยะใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

และเป็นผมเอง ที่ประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนปากของอีกฝ่าย

เป็นผมเอง ที่ยกมือขึ้นโอบรอบลำคอของเขา วางฝ่ามือไว้ที่หลังคอแล้วกดศีรษะคนที่ทำท่าจะผละออกให้ไม่อาจขยับหนีไปไหนได้

และเป็นผมเอง ที่ปล่อยให้ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอยู่อย่างนั้น โดยที่ทำส่วนต่อไปไม่ถูก

ผมเงอะงะเพราะจูบไม่เป็น พยายามเคลื่อนริมฝีปากให้เหมือนในภาพฝัน ขบเม้มริมฝีปากของโฬมที่ทั้งร่างของเขาหยุดนิ่งไม่ไหวติงไปแล้ว ผมเหวี่ยงขาขึ้นมานั่งทับเข่าบนโซฟา เพราะท่าเมื่อกี้มันทำให้ผมปวดคอและเอวเอามากๆ ตอนนี้ร่างกายของพวกเราจึงใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม

ก็เป็นผมเองอีกนั่นแหละที่ขยับเข้าไปใกล้เขาก่อน

โฬมไม่ได้ตอบสนองอะไรทั้งนั้น มือที่เคยนวดขมับก็ปล่อยทิ้งตามแรงโน้มถ่วง ในขณะที่ผมยังพยายามหยอกล้อเล่นกับริมฝีปากของเขาอย่างสนุกสนาน

ผมละเลียตความนุ่มของผิวบริเวณนั้นด้วยการกดปากลงเบาๆ และถอนออก ก่อนจะกดลงไปใหม่ มันไม่เหมือนกันการเอาปากไปชนกับหมอนหรือแก้มคนอื่น มันดีกว่ามากเพราะเมื่อริมฝีปากเราแตะกัน ผมจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่มีกลิ่นของมิ้นต์อ่อนๆ

ผมลองแหย่ลิ้นเข้าไปตามรอยแยกของกลีบปาก แต่เมื่อเจอกับกำแพงฟันแน่นหนาก็ทำอะไรไม่ถูก เลยได้แค่แตะเลียไปรอบๆ ก่อนจะดึงลิ้นกลับมาแบบโง่ๆ

สัมผัสนุ่มนวลพวกนี้เพียงพอแล้วที่จะดับความวุ่นวายในหัว ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมา พลางคิดหาข้อแก้ตัวไปด้วย หวังว่าโฬมจะไม่โกรธและรังเกียจ ผมอาจจะต้องชิงขอโทษก่อนที่เขาจะด่า ใช่ ผมต้องขอโทษก่อนเป็นอย่างแรก!

“โฬม ผมขอ- อื้อ”

ผมพูดไม่ทันจบประโยค ยังไม่ทันได้ลืมตาขึ้นมามอง ริมฝีปากยังถอยห่างกันได้ไม่ถึงห้าเซนต์ ร่างของผมก็ลอยหวือไปกระแทกเข้ากับแผงอกแข็งแรง ริมฝีปากที่เมื่อกี้ถูกผมรุกรานกำลังกดลงมาบนปากของผม ท่อนแขนแกร่งโอบรอบบั้นเอว โฬมรั้งให้ผมขยับไปนั่งคร่อมบนตัก กดศีรษะผมให้ก้มต่ำก่อนที่เขาจะบดขยี้เรียวปากผมช้าๆ

“อื้อ” ผมร้องด้วยความตกใจเมื่อมีบางอย่างพยายามดุนดันเข้ามาในปากของผม ความเปียกชื้นของมันทำให้พอเดาได้ว่าคืออะไร โฬมกำลังพยายามจะสอดลิ้นเข้ามา ส่วนผมที่ไม่เคยจูบมาก่อนเลยทำได้เพียงหลับตาปี๋แล้วกัดฟันแน่น

แผ่นหลังของผมถูกลูบเบาๆ รวมถึงข้างแก้มด้วยเช่นกัน นิ้วของโฬมที่สากนิดๆ นวดคลึงอยู่ตรงกรอบหน้า ก่อนจะกดลงที่บริเวณกรามเพื่อบังคับให้ผมแยกฟันบนล่างออกจากกัน และเขาก็ทำสำเร็จเมื่อผมสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของอะไรบางอย่างที่กำลังแตะหยอกลิ้นของผมเล่น

หูของผมอื้ออึงรวมถึงสมองที่ขาวโพลนไปหมด รับรู้เพียงแค่สัมผัสบนริมฝีปากที่เคล้าคลึงกันไม่เลิก โฬมค่อยๆ สอนให้ผมรู้ว่าควรทำยังไง เขาดูดดุนริมฝีปากล่างของผม ผมก็ขบเม้มทำตามอย่างว่าง่าย เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามาหยอกเอิน ผมก็ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะใช้อวัยวะเดียวกันให้เป็นประโยชน์บ้าง ความเชื่องช้านี้ทำให้กินเวลาไปหลายนาที ผมหอบหายใจหนักเพราะอากาศเข้าปอดไม่ทันใช้ แต่ก็ไม่ยอมที่จะผละออกมา

หัวใจของผมพองโต ยิ่งยามที่ถูกลูบแก้มเบาๆ พร้อมกับลิ้นชื้นที่กระหวัดเกี่ยวแลกเปลี่ยนน้ำลาย ผมครางฮือ ทิ้งน้ำหนักตัวลงสู่อ้อมกอดของเขาจนหมด ลมหายใจติดขัดทำให้ทรมาน ผมรู้ว่าตัวเองต้องถอนปากออกมาได้แล้ว แต่กลับยังไม่ยอมทำตามที่สมองสั่ง ผมมัวเมากับรสจูบที่ดียิ่งกว่าในความฝัน อุณหภูมิความร้อนจากร่างกายคนช่วยให้หัวใจอุ่นซ่าน กลิ่นมิ้นต์อ่อนๆ สุดชื่นกว่ากลิ่นหอมจากอะไรทั้งสิ้น

ผมลุ่มหลงกับรสจูบนี้ราวกำลังติดยา

พยายามแนบริมฝีปากลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้ว่าโฬมจะตบหลังให้ผมพอได้แล้ว ลำตัวของพวกเรากอดเกี่ยวแนบชิดกันจนเครื่องปรับอากาศไม่สามารถแทรกไอหนาวเข้ามาได้ ผมไม่สนใจว่าผมจะนั่งอยู่บนตักของโฬมแล้วมีอ้อมแขนแกร่งโอบกอด ผมสนแค่การเคลื่อนไหวของอวัยวะบนใบหน้า มอบความหอมหวานให้แก่กันอย่างไม่รู้จักพอ

ถึงว่าใครๆ ก็บอกว่าจูบนั้นมีรสชาติหวานล้ำ

ผมเคยสงสัย ว่าน้ำลายคนมันจะไปหวานได้ยังไง แต่ในวันนี้ผมได้รู้แล้ว ว่าสิ่งที่หวานคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนที่เราจูบกัน ไออุ่นและลมหายใจที่ค่อยๆ แลกเปลี่ยน อัตราการเต้นของหัวใจในจังหวะที่หนักขึ้น ความแนบแน่นของอ้อมกอด และไอเย็นทีแทรกซึมเข้ามาตอนที่ต่างฝ่ายต่างค่อยๆ ถอนใบหน้าออกจากกัน

ผมหอบแฮก ทิ้งหน้าซบไหล่กว้างของโฬม มือทั้งสองกำเสื้อเขาแน่น ริมฝีปากผมบวมเจ่อจนไม่อาจขบกันได้สนิท แต่ที่แย่กว่านั้นคือหัวใจของผมที่กำลังจะกระดอนออกมาจากอกข้างซ้าย

สติของผมค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างกาย หลังจากมันหายไปตั้งแต่หลายวันก่อน ผมกัดปากตัวเองอย่างแรง อยากลุกออกจากตักของโฬมแต่ก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงต่อ เลยได้แต่นั่งซบหน้าอยู่แบบเดิม ท่ามกลางความเงียบที่ต่างรอคอยว่าใครจะเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

ผมไม่รู้ว่าโฬมทำหน้ายังไง เพราะเขาก็นิ่งไม่ต่างกัน

ภายในห้องสตูฯ มีเพียงเสียงหายใจที่ดังคลอเคล้าจนแยกไม่ออก ผมไม่อาจปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานกว่านี้ เลยขยับตัวหมายจะลุกออกจากท่านั่งน่าอับอาย แต่อ้อมแขนที่รัดเอวไว้กลับไม่ยอมผ่อนแรงลง

“เอ่อ...” ผมเหล่ตามองอย่างอื่น หลบสายตาที่เอาแต่จ้องหน้าผมไม่วาง

“สกายจะไปไหนครับ” โฬมถาม เสียงของเขาแผ่วเบาแต่ก็ยังอบอุ่นเหมือนเคย

หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่าแค่ได้ยินเสียงของเขาแค่นี้ทำไมถึงต้องเต้นแรงกว่าเก่า ผมเม้มปาก ชี้นิ้วออกไปมั่วๆ ที่ประตูห้อง

“ห้องน้ำครับ”

“ไม่คุยกันก่อนเหรอครับ”

ไม่คุยไม่ได้เหรอครับ?

ผมถามในใจ ใครจะไปกล้าพูดตรงๆ กัน

“สกาย”

“ผม...” อยู่ๆ ลิ้นก็แข็ง ปากก็หนักจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ผมบดขยี้ริมฝีปากตัวเองเข้าหากัน เสตาไปมองทางโน้นทีทางนี้ที “คือ... ผมเพิ่งจะทำบีทไว้ เดี๋ยวไปเอามาให้ฟังนะครับ”

ผมอ้าง จริงๆ บีทจะเอามามิกซ์กับทำนองของโฬมยังไม่เสร็จ ไอ้ที่พูดถึงคือตัวที่ผมทำแล้วแก้ ทำแล้วลบไว้สิบกว่าเวอร์ชั่นนั้นต่างหาก จริงๆ ผมไม่ชอบให้ใครฟังผลงานที่ยังเป็นชิ้นเป็นอันของผมเลย แต่ตอนนี้ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดก่อนละวะ!
ประเด็นเก่าวันนั้นยังมองหน้ากันไม่ติด

ประเด็นใหม่วันนี้เรื่องใหญ่กว่าเดิมสิบเท่าเลย ให้ตาย

“เดี๋ยวค่อยฟังก็ได้ครับ” แต่โฬมกลับไม่ช่วยผมเลยสักนิด เขายิ้ม กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น พร้อมกับพยายามสบตากับผมให้ได้ “เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะไม่ใช่เหรอครับ”

“เอ่อ...”

“สกายครับ”

“คะ ครับ”

“ทำไมสกายถึงจูบครับ”

ฮืออ ใครก็ได้เอาน้ำมาสาดผมที

ผมว่าผมกำลังจะถูกเผาทั้งเป็น ร่างกายผมร้อนจนเหมือนยืนอยู่กลางกองเพลิงที่กำลังลุกโชน ผมเผลอกลั้นลมหายใจ หลีกเลี่ยงสบดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังพราวระยับ

“ผม...”

“ว่าไงครับ” โฬมโน้มหน้าเข้ามาใกล้ คลอเคลียจมูกเข้ากับข้างแก้ม ผมที่ถ้าเป็นปกติคงผลักเขาออกกลับทำเพียงก้มหน้าหงุดหลบซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อของตัวเอง

นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับตัวผม!

แค่จูบจูบเดียวทำผมเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ ใครก็ได้ตอบผมที ทำไมผมต้องมานั่งอยู่บนตักเพื่อนร่วมงาน โดนเขาเอาจมูกมาไถแก้ม แล้วถามถึงเหตุผลว่าทำไมผมถึงกระโดดไปจูบปากเขา

แล้ว ผม จะ ตอบ ยัง ไง!

“สกาย”

“...” ผมเงียบ คิดจะเล่นสงครามประสาทกับเขา

ผมไม่มีทางตอบคำถามบ้านั่นแน่

เขาจะรู้ไม่ได้ว่าผมประสาทกินมาหลายวันเพราะอยาก... เอ่อ นั่นแหละ อยากลอง จริงๆ ผมควรจะเป็นคนจี้ถามโฬมด้วยซ้ำว่าทำไมวันนั้นถึงได้ทำท่าจะแอบลักหลับผม ผมควรจะเป็นฝ่ายถามและกดดันเขา แต่ตอนนี้ผู้ร้ายขโมยจูบกลับกลายเป็นผมซะเอง

ให้ตายเถอะ!

“สกาย”

“...”

“ฟ้าครับ”

ใครฟ้าครับ

ผมขมวดคิ้ว ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของเสียงเรียก ผมจำได้ว่าตอนแรกที่เขาโทรมาโฬมก็เรียกผมว่าฟ้า ทำไมต้องฟ้า ผมชื่อสกาย สกายที่แปลว่าท้องฟ้าก็จริง

แต่ชื่อสกายมันเท่กว่านี่ครับ

“ฟ้า”

“ชื่อสกายครับ” ผมบอก คิ้วนี่ขมวดจนหน้าผากย่นไปแล้ว

“ฟ้าครับ”

“...”

“จีบนะครับ”

อะ อะไรนะครับ!!

ผมอ้าปากเหวอ มองรอยยิ้มเต็มแก้มที่ส่งมาให้ มองดวงตาสีน้ำตาลที่ต้องไฟจนกลายเป็นสีอ่อน มองใบหน้าดูดีที่ยอมถอยห่างออกไปในระยะปกติ

จีบ... เหรอ

จีบผมเหรอ!

“ผมชอบสกายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย” โฬมบอก เขาไล้นิ้วโป้งไปตามเรียวปากล่างของผมเบาๆ ในขณะที่ผมอึ้งกิมกี่อยู่บนตักของเขา “ทั้งรอยยิ้ม ทั้งความคิดของสกาย”

“เอ่อ ผม...”

“ไม่ต้องตอบหรอกครับ สกายแค่ทำตัวปกติเหมือนเดิม”

แล้วผมจะทำตัวปกติได้ยังไงละครับ...

“สกายเป็นสกายแบบนี้ก็น่ารักมากๆ แล้วครับ”

“...”

“ให้ผมเรียกว่าฟ้านะ” เขาบอก มือก็ยังลูบแก้มผมเบาๆ ไม่ยอมหยุด “ให้ผมเรียกฟ้าว่าฟ้าแค่คนเดียว”



_____________________________
Talk:
มาแบบสั้นๆ 5หน้า A4 กับฉากๆ เดียวแต่จะเปลี่ยนเนื้อเรื่องครั้งใหญ่!
ที่เราตัดจบแค่นี้ เพราะตอนนี้เมนไอเดียเรามีแค่ให้พี่โฬมรุกน้องตรงๆ เลิกเนียนได้แล้วว
ส่วนเจ้าสกายเอ๋อแดกไปแล้วค่า 5555

มาเดากันดีกว่า เจ้าสกายจะขอพี่โฬมจูบอีกหรือเปล่าน้า  :hao3: :hao3:
ฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
รักทุกคนนนน  :-[ จะรีบมาต่อค่า
อาจจะ 2 วันบ้าง 3 วันบ้างเนอะๆ

โปรเจคจบเราใกล้จะต้องส่งแล้ว แง้ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2018 15:53:44 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
จีบเลยค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
 :-[ :-[

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
นั่งกัดปากตัวเองจนปากแตก ; - ; การกลั้นยิ้มที่ได้เลือด :hao5: :hao5: เราได้เขินแทนสกายไปหมดแล้วววว

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แน่ะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่ได้ทำเพลงกันเลยวันนี้  :o8:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :-[ โอ๊ยยยย... น้องฟ้าาาาาาา ....  :-[ ฉากนี้ฉากเดียวทำเราตายยยยด้วยความอิจฉาตาร้อนอย่างมากกก  :heaven  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด