{{ Prince's Room }} ระวัง...เขตอันตราย!! [3P] - ตอนพิเศษ : ครบรอบ1เดือน - P.29 -
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{ Prince's Room }} ระวัง...เขตอันตราย!! [3P] - ตอนพิเศษ : ครบรอบ1เดือน - P.29 -  (อ่าน 264361 ครั้ง)

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 3 : บังเอิญเกินไป


ก่อนเจอราเชนท์ ผมเคยมีแฟนอีกสองคน ไม่สิ สามคนได้

ผมไม่เคยคบกับใครได้นาน สาเหตุสำคัญน่าจะเป็นเพราะ...ผมเป็นคน ‘ขี้เบื่อ’ และ ‘น่าเบื่อ’

ขี้เบื่อไม่ขอพูดถึง แต่น่าเบื่อนั้นผมรู้ตัวเองดี

ภาพลักษณ์ในฐานะบาร์เทนเดอร์ของผมมักดึงดูดให้คนเข้าหา แต่พอลองคบกันจริงๆ จะรู้ว่าไม่ใช่ ผมไม่ใช่คนขี้ประจบ ไม่ใช่คนช่างพูด หรือเรียกง่ายๆ คือ ผมเป็นประเภทไม่เปิดปากหรือเข้าหาคนก่อนซะด้วยซ้ำ

แมนเป็นเพื่อนกับผมมานาน มันน่ะชินกับนิสัยนี้อยู่แล้ว ถ้านอกเวลางานเมื่อไหร่ ผมจะตีหน้านิ่ง ไม่ยิ้ม ไม่ชวนคุย ไม่ใส่ใจ ผมชอบที่จะใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบๆ อย่างสันโดษ ออกไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟบ้าง หรือไม่ก็นอนกลิ้งเกลือกกับห้อง

ถ้าจะชวนไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ ผมจะออกอาการงอแงทันที เลยไม่ค่อยมีเพื่อนฝูง เพราะขนาดชวนไปร้องคาราโอเกะ หรือไปดูหนัง ผมยังคิดแล้วคิดอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากไปจริงๆ อย่าว่าหวังเลยว่าคนอย่างหรัญญ์จะยอมควักเงินอันมีค่ามาใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง

น่าเบื่อมั้ยล่ะตัวผมน่ะ

เมื่อก่อนผมไม่ได้ตายด้านขนาดนี้หรอก แต่การทำงานในคิงส์คลับที่รวบรวมความบันเทิงทุกรูปแบบทำให้ผมปลง ทุกวันต้องทำงานกับคน แล้วทำไมนอกเวลางานยังต้องเจอคนอีก ทุกวันต้องฟังเพลงฟังเสียงหัวเราะเฮฮามึนเมา แล้วทำไมนอกเวลางานยังต้องสังสรรค์ คำตอบก็ง่ายแค่นี้

นานครั้งจะมีบางสิ่งกระตุ้นให้ผมเกิดความรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาได้ แต่มักจะเป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนกับความรักชั่ววูบที่พอคบไปสักพักก็เริ่มกลายเป็นความเฉยชา ปริ้นส์รูมเองก็เหมือนกัน แม้ตอนนี้ทำให้ผมยอมจ่ายเงินแลกกับเซ็กซ์ แต่ไม่นานที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นเพียงทางผ่านในความทรงจำเท่านั้น

“เอาล่ะ...” ผมยืนตัวเปลือยเปล่าหน้าบานประตู ก่อนจะกดปุ่มเป็นสัญญาณว่าตัวเองพร้อมแล้ว “มาลองกันเถอะว่าโลกนี้มีความบังเอิญรึเปล่า”

เป็นประโยคที่น่าขำ และผมเองก็ไม่ได้หวังมากมาย แม้ในใจลึกๆ จะอยากให้เป็นจริงก็ตาม

ผมลองบิดกลอนทั้งที่ไฟสีเขียวยังไม่ขึ้น อย่างที่คิดเอาไว้ ถ้าอีกฝ่ายไม่พร้อมประตูก็ยังไม่ปลดล็อก

สิ่งที่ทำได้มีเพียง ‘รอ’

อ้อ นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้ผมเป็นคนขี้เบื่อ เพราะผมไม่ชอบการรอคอย

ฉะนั้นถ้าเกิดความรู้สึกลังเล หรือคิดว่าไม่ใช่เมื่อไหร่ ผมจะไปทันที

ทุกครั้งที่เลิกรากับคนรักผมมักเป็นฝ่ายพูดก่อนเสมอ

การยืดเยื้อทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ก็เหมือนการเดินถอยหลัง ในเมื่อสุดท้ายต่างมีจุดจบเหมือนกัน แล้วผมจะมัวรีรอให้เวลานั้นมาถึงทำไม

ตอนบอกเลิกกับราเชนท์ก็เหมือนกัน ผมทนความ ‘มาก’ เกินไปของเขาไม่ได้

ถึงเขาจะขอโอกาสแก้ตัว แต่ผมก็ตัดสินเดินจากมา ถ้าทำได้เมื่อไหร่ผมอาจลองคิดใหม่ แต่ระหว่างนั้นผมไม่รอจนกว่าเขาจะเปลี่ยนหรอก

และผมก็คิดถูก

เพราะจนถึงตอนนี้ราเชนทร์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม

ไม่สิ น่ารำคาญกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เรื่องของผมกับเขาไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

“มาสักที” ผมพึมพำเมื่อในที่สุดไฟสีเขียวก็ติด การรอคอยทำให้เกิดความเบื่อหน่าย แต่น่าแปลกที่ทุกครั้งยามเปิดประตูเข้าไปสู่ความมืดมิดของปริ้นส์รูม กลับปลุกสัญชาตญาณให้ผมไหวตัวด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่นเสมอ

เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลย

ความมืดไม่ทำให้ผมตกใจเท่าครั้งแรก แต่กลับทำให้ฝีเท้าก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขึ้น เสียงลมหายใจ เสียงการเคลื่อนไหวที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าหากัน ทำให้ผมเผลอจับยางตรงข้อมือขวาเพื่อยินยันว่ายังอยู่

แต่เสี้ยวนาทีที่ละสายตาไปจากเงาร่างสีดำนั้น ตัวผมก็ถูกโอบกอดเสียจนจมอยู่ในแผ่นอกอุ่นร้อน

เนื้อแนบเนื้อ เสียงหัวใจที่ได้ยินผ่านความเงียบงัน ทำให้ผมหายใจแรงขึ้นและค่อยๆ ยกมือกอดตอบ

วินาทีนั้นรู้สึกไม่แน่ใจ ใช่? ไม่ใช่?

ถ้าใช่ แล้วทำไมสัมผัสบางอย่างคล้ายไม่คุ้นเคย

ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมถึงได้มอบอ้อมกอดที่อบอุ่นขนาดนี้ทั้งที่ควรเป็นคนแปลกหน้ามุ่งหาแต่เซ็กซ์

คำถามตีกันไปมาจนน่าเวียนหัว แต่นั่นเป็นเพียงความคิดภายในจิตใจ เพราะด้านร่างกาย ผมกับเขากำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม

ปลายลิ้นที่รุกคืบอย่างระวังแต่แฝงความดุดัน ทำให้ผมยิ่งคลางแคลงสงสัยจนจุกอก

ในกฎระเบียบของปริ้นส์รูมระบุชัดว่าห้ามถามถึงข้อมูลส่วนตัวของฝ่ายตรงข้าม

แต่ถ้าหาก...

“โอ๊ย!”

เสียงร้องที่เล่นเอาใจกระตุก เพราะถึงเวลาอุทานจะฟังยาก แต่กลับไม่เหมือนคนเมื่อวานตอนโดนผมกระชากหัวจนล้มหงาย

ผมชักมือที่โอบกอดร่างนั้นกลับมาแตะปลายลิ้น รสชาติขมปร่าของเลือด ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นแรงขนาดนี้เลยจริงๆ แค่คิดว่าหากเป็นคนคนเดิมก็อยากจะสร้างรอยประทับไว้ แต่ถ้าไม่ใช่ งั้นก็ถือว่าซวยไปแล้วกัน

รอยยิ้มบางผุดขึ้นในความมืด

เป็นความยินดีที่มาพร้อมความเสียดายปนโล่งใจ

คราวนี้มือที่เอื้อมออกไปผ่อนคลายกว่าเดิม ผมไล้ปลายนิ้วตามเส้นผมละเอียดของฝ่ายตรงข้ามเป็นเชิงปลอบโยนพร้อมเงยหน้าประกบจูบกึ่งออดอ้อน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังฉุนเฉียวไม่น้อย ถึงได้ดันตัวผมออกแล้วจับหันหลังให้ยกมือค้ำกำแพง

เส้นผมถูกตลบไปด้านหน้า เผยต้นคอให้ร่างนั้นลากเลียปลายลิ้นจนเสียวสะท้าน

ผมลอบกลั้นใจเมื่อถูกรุกรานในทันที หลุดเสียงครางแผ่วเมื่อการสอดใส่ไม่ได้ยัดเยียดรุนแรงอย่างที่หวาดกลัว แต่ถึงอย่างนั้นความเต็มตื้นก็เล่นเอานิ่วหน้า พยายามถ่างขาทรงตัวในท่าที่ค่อนข้างยากลำบากและทุลักทุเล

“อ๊ะ...”

แต่ร่างนั้นยอมรอได้ไม่นานก็เริ่มกระแทกเข้ามาในจังหวะที่ถี่รัวไปสักหน่อย ผมเกร็งตัวหอบหายใจ อยากจะเอื้อมมือไปตีอกชกหัวก็ทำไม่ได้เพราะต้องยันร่างตัวเองไม่ให้ทรุดฮวบ เลยตัดสินใจกระทืบเท้าเหยียบเข้าเต็มๆ

อีกฝ่ายสะดุ้ง เล่นเอาตัวผมพลอยสะท้านเฮือกไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมผ่อนจังหวะลง ให้ผมได้พอเตรียมตัวปรับสภาพร่างกาย ค่อยๆ ไต่ระดับอารมณ์อย่างไม่เร่งร้อน

ครั้งนี้ผมค่อนข้างพอใจจนเผลอครางหวาน รู้ตัวอีกครั้งสะโพกก็ถูกโอบกอดแน่นแฝงซึ่งความต้องการควบคุม ปลายนิ้วบีบเคล้นไปทั่วอย่างหื่นกระหาย ผมจิกปลายเท้าเป็นระยะ ปล่อยใจไปตามจังหวะที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนร่างโยกคลอนเสียวเสียดแทบขาดใจ แม้จะมากไปสักนิด แต่ก็มีเว้นช่วงให้ร่างกายพอรับไหวไม่ทำให้ต้องฝืนทนมากนัก

ช่วงหลังผมปล่อยให้คู่นอนเป็นคนคุมทั้งหมด โดนปรับเปลี่ยนไปหลายท่าจนขาชาหนึบ ในห้องเล็กแคบช่วยอำนวยความสะดวกในการทรงตัวมาก ไม่ว่าจะอุ้มกระเตงหกสูงตีลังก็ทำได้ สงสัยจะโดนสุ่มมาเจอกับพวกรสนิยมพิสดารเข้าให้แล้ว แต่เพราะไม่ได้คาดหวังแต่แรก และค่อนข้างโลงใจที่ตัดความปลื้มปริ่มเมื่อวานทิ้งสำเร็จ เลยไม่ยักหงุดหงิดทั้งที่ไม่เคยชอบเซ็กซ์ดุเดือดขนาดนี้

คงเพราะต่างไม่เห็นหน้า ไม่จำเป็นต้องรักษาเกียรติหรือมารยาทเช่นคนรัก เลยให้อิสระตัวเองอย่างเต็มที่

ถ้าให้เทียบกับเมื่อวาน บอกตรงๆ เลยว่าเทียบไม่ได้

หากให้นิยามสักหนึ่งประโยค...

ก็คงจะเป็นเซ็กซ์ที่แม้ไม่นับว่ายอดเยี่ยมแต่ก็ไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!



...และคงไม่คิดจะลองอีกตลอดชีวิต!

นั่นเป็นความคิดของผมในวันถัดมาหลังลืมตาตื่นในห้องนอนนุ่มนิ่มประหนึ่งโรงแรมห้าดาวของปริ้นส์รูม

เมื่อคืนคล้ายกับสติหลุดชอบกล ปล่อยตัวปล่อยใจจนแทบจะคลานออกมานอนซะด้วยซ้ำ ไม่ใช่เขาที่หมดแรงก่อน แต่เพราะผมใกล้จะขาดใจถึงได้ยอมหยุด ตอนนอนก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่พอตื่นนี่สิผมถึงกับปวดไปทั้งตัวและเจ็บชาแถวง่ามขาจนแทบดิ้น

ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวที่เริ่มตามมาทำให้ผมตัดสินใจโทรไปขอลาหยุดกับทางคลับทันที

ให้ตายเถอะ...เอาทิปห้าพันของคีรีมาใช้กับเรื่องอย่างนี้ แล้วยังมาเสียงานที่ไม่รู้จะได้ทิปอีกตั้งเท่าไหร่

ผมเข็ดแล้วจริงๆ

เลิกรากับปริ้นส์รูมอย่างถาวร


คิดแล้วก็ทิ้งตัวนอนพักอีกสักตื่นเพราะเดินไม่ไหว พลางยกมือเสยผมที่ยุ่งกระเซิงพร้อมถอนหายใจอย่างสุดแสนเสียดายในลาภลอยที่หลุดหายไปต่อหน้า

ก่อนจะชะงักในท่านั้น

ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง จวบจนเรียกสติได้ ถึงค่อยลดระดับแขนขวาในท่าเสยผมลงมาในระดับสายตา

...หนังยางหายไปอีกแล้ว!





ตื่นมาอีกครั้งตอนสี่โมงเย็นเพราะท้องร้องครวญครางเกินจะทนไหว ผมเดินสะโหลสะเหลลงมาจ่ายค่าห้องพักที่เล่นเอาแทบทรุด มือลูบท้องอย่างมุ่งมั่นตั้งใจว่าคงแวะทานก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามอีกตามเคย

แต่ผมกลับเห็นคนที่ไม่ควรเห็นเข้าซะก่อน

คีรี

...ประธานบริษัทอหังสาฯที่ไม่ควรจะปรากฏตัวในปริ้นส์รูมในช่วงสายที่ควรเป็นเวลาทำงานได้เลย!

ผมพยายามก้มหน้าหลบขณะเดินออกจากปริ้นส์รูม จงใจให้เส้นผมดำยาวไร้ยางรวบมัดปกปิด แต่ไม่ทันผ่านประตูดี ท่านประธานที่น่าเคารพรักก็ตามมาจับข้อศอกผมเบาๆ

“คุณหรัญญ์”

น้ำเสียงที่ติดจะดุเหมือนชอบออกคำสั่ง จริงจังไปกับทุกสิ่งทำเอาผมตัวแข็งเกร็ง หรือคนเมื่อคืนจะเป็นคีรี?

ผมตัดสินใจหันกลับไปเผชิญหน้า คลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะถือวิสาสะกระชากคอเสื้อเชิ้ตลงมาจนเนคไทร่นกระดุมเด้งออกจากกัน

...ไม่มีรอยข่วนที่ผมทำจนเลือดซิบ

พลันในใจพองโตอย่างโล่งอกสุดแสน ผมคงไม่อยากเชื่อว่าเจ้าของเซ็กซ์ดิบเถื่อนปานคนคลั่งจะเป็นประธานที่เซ็ทผมเรียบไม่กระดิกคนนี้ไปได้

“คุณหรัญญ์?”

“ขอโทษครับ” ผมตบอกคีรีแก้เก้อ เพื่อแสดงความจริงใจเลยช่วยติดกระดุมและผูกเนคไทให้ใหม่ ไอ้นิสัยคิดอะไรก็ทำโดยไม่ทันชั่งใจนี่ควรจะแก้บ้างได้แล้วนะหรัญญ์เอ๊ย “แค่นี้ก็เรียบร้อย”

ผมมองผลงานอย่างภูมิใจ บาร์เทนเดอร์ต้องผูกเนคไทมาทำงานทุกวันทำไมจะไม่เชี่ยวชาญ ยิ่งต้องรักษาภาพลักษณ์ด้วยแล้ว ต่อให้หลับตาผมก็ผูกปมได้สวยเป๊ะทุกองศาไม่มีเบี้ยวแม้แต่เซนติเมตรเดียว

แต่พอจะผละมือออก คีรีดันคว้ามือผมไปกุมและมองตาซาบซึ้งซะนี่

ไอ้บรรยากาศแสนจะคลุมเครือตรงหน้าประตูปริ้นส์รูมคืออะไรกัน ผมชักกระดาก กลัวจะมีคนรู้จักเห็นเข้า เลยดึงมือกลับและแอบเช็ดกับชายเสื้อน้อยๆ แบบจงใจให้เห็น...ถึงคีรีจะทิปหนัก แต่การรักษาระยะห่างนอกเวลาทำงานก็มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างยิ่งยวด

ได้ผล พอเห็นท่าทางกึ่งรังเกียจของผมแล้วคีรีก็เก็บสายตาและท่าทางประเจิดประเจ้อได้นิ่งขึ้น

“คือ...”

“ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับ” ผมเป็นฝ่ายชวน เพราะเห็นว่ายังไงคีรีก็คงไม่ให้ผมไปง่ายๆ แน่ ถ้าอย่างนั้นสู้หาสถานที่เองดีกว่า เผลอๆ อาจจะได้อานิสงส์มีพ่อบุญทุ่มช่วยเลี้ยงอีกกระทง “ผมหิวมากเลย”

อ้อน? ไม่หรอก ผมไม่ใช่คนขี้อ้อนสักหน่อย ผมก็แค่...บอกเป็นเชิงว่าถ้าไม่ตกลงก็จะข้ามถนนไปนั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวโดยไม่รอรีแล้วก็เท่านั้น และถ้าเขากล้าตามมาจริงๆ...ผมก็กล้าคุยด้วยล่ะนะ

“ดะ ได้สิ” คีรีที่เหมือนเพิ่งสติรีบตอบกลับแบบลนลาน หมดกันมาดท่านประธานบริษัท ทำไมถึงได้ขยันปล่อยไก่ขนาดนี้ “ไปที่รถฉันแล้วกัน”

“ครับ” ผมตอบรับเสียงเรียบและเดินตามต้อยๆ อย่างว่าง่าย ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่กล้า แต่ผมคิดว่าคีรีคงไม่ลักพาตัวไปทำอะไรๆ หรอก เพราะคนที่เสียหายคือเขา ไม่ใช่ผม

รถบีเอ็มสีขาวจอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถด้านหลังของปริ้นส์รูม กลิ่นหอมปรับอากาศให้ความรู้สึกสดชื่น บ่งบอกว่าเจ้าของรถเป็นคนรักสะอาด เพราะแค่ขี้ผงหรือเศษฝุ่นสักนิดก็ไม่มี ข้าวของทุกอย่างจัดเก็บไม่รกหูรกตา คีรีดูจะยืดอกภูมิใจมาก หารู้ไม่ว่าทำให้ผมค่อนข้างประหม่ามากกว่าเพราะกลัวว่าจะไปทำสกปรกเข้า

ผมมองเสี้ยวหน้ายามตั้งอกตั้งใจขับรถโดยไม่ถามว่าจะพาไปทานอาหารที่ไหน ของแบบนี้ย่อมตามใจเจ้ามืออยู่แล้ว แต่ผมเลือกที่จะถามในสิ่งที่คาใจที่สุด

“ทำไมคุณถึงเดินลงมาจากชั้นบนล่ะครับ หรือว่าเมื่อคืนคุณก็ใช้บริการของปริ้นส์รูม”

แถมยังลงบันไดของทางฝั่ง ‘รุก’ ซะด้วย ผมเคยบอกแล้วสินะว่าทางขึ้นของแต่ละสายไม่เหมือนกัน ถึงจะไม่ใช่คนคุยเก่ง แต่ถ้ามีเรื่องคาใจก็อยากคลี่คลายด้วยดีไม่ใช่ประวิงเวลาชักช้าโดยมีคนให้ถามอยู่ข้างๆ

คีรีทำหน้าลำบากใจ ทั้งที่เป็นฝ่ายพยายามรั้งอยากชวนคุยแท้ๆ แต่กลับโดนผมจี้จุดก่อนซะนี่

“ฉันเป็นหุ้นส่วนของที่นี่น่ะ”

ผมลอบอึ้งตะลึงอยู่ลึกๆ

ประธานบริษัทอหังสาฯที่เป็นหุ้นส่วนกับโรงแรมกึ่งม่านรูดแบบนี้เนี่ยนะ!?

คนเราดูกันที่กรอบแว่นไม่ได้จริงๆ

“งั้นคุณคงขอดูข้อมูลของผม และตามมาที่คลับใช่มั้ยครับ”

ฟอร์มที่ต้องกรอกก่อนเข้าใช้บริการนั้นถามถึงการทำงานและให้ระบุที่อยู่ซะด้วย แล้วยังเบอร์โทรศัพท์ ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว

“ฉันขอโทษ” คีรีเป็นคนดีอย่างที่คิด อย่างน้อยน้ำเสียงเขาก็แสดงถึงความรู้สึกผิดจริงๆ “ฉันจะไม่บุกรุกพื้นที่ส่วนตัวหรือทำอะไรเกินขอบเขตแน่นอน ฉันสัญญา”

แต่ไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดนั้นได้มากแค่ไหน

“คุณหรัญญ์ชอบบริการของปริ้นส์รูมมั้ย”

คำถามเหมือนจะอ้อมโลก ผมมองคีรีอย่างเฝ้าสังเกตแม้อีกฝ่ายจะพยายามไม่เผยพิรุธ

คนเมื่อคืนไม่ใช่แน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็...คนเมื่อวาน?

นอนกับผม ดูประวัติผม แล้วตามไปเจอผมที่ทำงานในทันที

นับว่าเข้าข่ายทีเดียว

“ชอบนะครับ แต่ผมคงไม่ไปอีกแล้ว”

“ทำไมล่ะ!” น้ำเสียงสุภาพกลายเป็นคำกระชากห้วน ผมมองแล้วก็ลอบยิ้ม ยิ้มจางประดับที่มุมปาก

“นั่นสินะครับ ทำไมกันนะ”

ไม่มีคำตอบใดๆ จากคีรี เช่นเดียวกับผมที่ไม่คิดจะพูดนอกเหนือไปกว่านี้

ในรถมีเพียงความเงียบสงัด เมื่อถึงร้านอาหารอิตาเลียนคีรีก็ลอบมองผมเป็นระยะด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผิดกับผมที่สั่งพาสต้าอย่างแสนสบายใจราวกับว่าเป็นคนพามาเลี้ยงซะเอง

เขาพยายามชวนผมคุยเรื่องอื่น ผมก็ใจดีตอบทุกคำถามแต่ไม่สานต่อ

จนสุดท้ายเขาก็เรียกเก็บเงิน และยิ่งตีหน้าผิดหวังเมื่อผมยืนยันว่ากลับบ้านเองได้

ตอนยืนมองรถบีเอ็มที่ขับห่างออกไป ผมก็มั่นใจกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าคีรีต้องเป็นหนึ่งในสองคนนั้นแน่นอน

มีใครบ้างที่เข้าหาคนอื่นโดยไม่หวังผล

แต่แล้วยังไงล่ะ จะเป็นคนไหนก็ช่างสิ

ผมตัดใจแล้ว

เหมือนกับการบอกเลิกคนสักคน ถ้าคิดว่าเบื่อ คิดว่าเสียดายเวลาที่จะค้นหากันและกัน

...ผมจะตีจากทันที




คืนนั้นผมไข้ขึ้นดังคาด

ทั้งที่กินยากันไว้แล้วเชียว แต่อาการปวดเนื้อครั่นตัวก็ทำเอานอนไม่หลับ ผมพลิกไปมาบนเตียงอย่างกระสับกระส่าย หลับๆ ตื่นๆ อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู

ตอนแรกผมไม่แน่ใจนักหรอก แต่หลังจากหลับตาฟังกว่าสิบนาทีแล้วคนเคาะยังขยันสร้างความรำคาญ ก็เริ่มเดาได้ว่าผู้มาเยือนคือใคร

คนที่รู้จักห้องของผมมีแค่ไม่กี่คน แต่คนที่บ้าขนาดไม่รู้จักเกรงใจใครก็มีแค่คนเดียว

ราเชนทร์

“มีอะไร” ผมกระชากประตูอย่างหงุดหงิด ถ้าเป็นปกติคงปล่อยให้เขาเคาะจนโดนคนอื่นไล่ แต่เพราะกำลังพยายามข่มตาหลับ เลยทนฟังต่อไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

ไม่ทันเห็นรอยยิ้มยียวนร่างของผมก็ถูกกระชากเข้าไปจมในอ้อมแขน ซ้ำรอยกับเมื่อคืนที่ผมถูกดึงไปโอบกอดในความมืดพอดิบพอดี

อย่าบอกนะว่าอีกคนก็คือ...


“กินยารึยัง” ไม่ว่าเปล่ายังจับหน้าจับแก้มจับหน้าผากผมไปทั่ว สิ่งที่ผมไม่ชอบคือความ ‘มาก’ เกินไปของเขา และนี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าพยายามปรับปรุงตัว แต่ก็ไม่ยักมีอะไรเปลี่ยนไปเลย

“กินแล้ว” ผมบอกปัดเสียงห้วน อาการปวดหัวทำให้ผมทำตัวใจดำกว่าเดิมสองเท่า

“ฉันเห็นนายไม่ได้ไปทำงานก็เลยเป็นห่วง” ราเชนทร์มองสำรวจผมอีกครั้ง “แต่ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากก็เบาใจ”

เขายอมปล่อยผมจนได้ แถมยอมหันหลังกลับแต่โดยดี

ผมได้แต่ยืนมองเป็นบ้าใบ้อย่างปรับตัวไม่ทัน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากผมไม่ออกปากเขาคงยังดื้อเพ่งหน้าด้านยืนจังก้าไม่ไปไหนเด็ดขาด

“เชนทร์...”

ผมเผลอเรียกรั้งเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ราเชนทร์หันกลับมาด้วยรอยยิ้มระริกระรี้ สองแขนอ้ากว้างราวกับรอให้ผมพุ่งเข้าไปหา

ฝันไปเถอะ

“เมื่อคืนคุณไปที่ปริ้นส์รูมรึเปล่า”

ใช่ ฝันไปเถอะว่าผมจะรั้งให้เขาอยู่ต่อ!


ราเชนทร์ลดวงแขนทันที กระทั่งรอยยิ้มก็หายไป

เขามองผมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง เดินย้อนกลับมาจนชักกลัวว่าจะโดนทำอะไรพิเรนทร์ และก็คิดไม่ผิดจริงๆ เขาหยุดยืนหน้าผม ถือวิสาสะเชยคางขึ้นและประกบจูบบดเบียดลงมาเร็วๆ โดยไม่ได้สอดลิ้น

“ฉันรักนาย”

เขาอาจคิดว่าตัวเองช่างเท่นักหนาเมื่อทำแบบนั้นแล้วเดินจากราวกับพระเอกเอ็มวี ผมได้แต่นึกหมั่นไส้ขณะยืนพิงกับกรอบประตู เฝ้าคิดว่าเป็นเวรเป็นกรรมอะไรหนอที่ทำให้ผมเคยตกลงคบกับเขา

คงเป็นเพราะดวงใจเจ้ากรรมที่มันสั่นไหวในตอนนี้

ถ้าไม่รู้สึกอะไรก็คงไม่วิ่งเข้าหากองไฟ

แต่เพราะทนไม่ไหวถึงได้เลือกจากมา

ผมส่ายศีรษะน้อยๆ ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วทิ้งตัวนอนอย่างอ่อนล้า ได้แต่คิดวนเวียนซ้ำไปมาถึงเรื่องสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจ

...ห้ามลืมซื้อยางรัดผมเด็ดขาด...



-------

จบตอนแล้วได้แต่อุทานว่า #หรัญญ์เอ๊ย

หนูรัญเป็นคนตรงค่ะ ทำอะไรตามใจอยาก กล้าเลี้ยงก็ไป มีอะไรก็ว่ามา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รู้ตัวเองเลยว่าไอ้ที่คิดว่าเป็นนั้นไม่ใช่ซะทีเดียว ถ้าหรัญญ์เป็นคนน่าเบื่อ ก็คงไม่มีคนมาติดบ่วงขนาดนี้ ความจริงแล้วหนูรัญเป็นพวกไม่รู้ตัวเองเลยว่าบางครั้งน่ะทั้งอ้อนทั้งอ่อยเลยอีหนูเอ๊ย!


เพจนักเขียนที่อัดคลิปทำป้ายไฟพร้อมแต่ยังเลือกข้างไม่ถูก

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ทำยางรัดผมหายอีกแล้ว นี่ยังลุ้นอยู่เลยว่าใครคือพระเอกทั้งสอง รออ่านต่อน้า สนุกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ 3P อิอิ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ลุ้นน  ยอมใจคนเขียน
เชียร์ไม่ถูกด้วยคน

ออฟไลน์ sincere13

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอให้เป็นเชนท์กับคีรีแหละค่า น้วยด้่วยความรักเลย สองคนมีความรักที่เอ่อล้นเหมือนกันน ฮวื้ิอยังคิดไม่ออกว่าอยู่กันแบบสามคนจะเป็นยังไง :hao5:

ออฟไลน์ GGamy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ทั้งสองคนคือใครรร นี่ก็สงสัยสองคนนั้นจริงๆ ปรากฎว่าไม่ใช่นี่ฉันนกเลยนะยะ  :hao7:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ไม่รู้จะเชียร์ใครดี  :hao7:
แต่ตอนนี้เชียร์น้องรัญให้ซื้อยางรัดผมไว้เยอะๆ เลยลูก
เป็นโหลหรือเป็นกุรุสเลยค่า  :z2: :z2:
 :pig4:

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เหว่ยยย อะไร อะไร อะไร คุณคีรีขาาาา แหม่ๆไม่ค่อยเลยนะคะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ไม่น่าเบื่อนะ..... คนที่ทำงานกับคนทุกวันจะเข้าใจ วันหยุดขอนอนกลิ้งๆๆ อ่านหนังสือหรือ ทำอะไรเงียบๆเถอะ... หนูรัญน่ะก็แค่ใช้วันหยุดพักผ่อนเอง

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ยังไม่มีใครโผล่มาเพิ่มให้ลุ้น :hao3:

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
โอ๊ยย ลุ้นค่ะ 55555555555
ฮือ ลุ้นจริงๆ แล้วจะไม่ไปอีกแล้วด้วย!?

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราคิดว่าเป็นคีรีคนแรก คนสองไม่รู้  :katai1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
เห็น 3P ก็พุ่งเข้ามาก่อนเลยค่ะ ก๊ากกกกก แง้ อ่านแล้วสนุกอยากอ่านต่อต่อไปมากเลยค่ะ
เราไม่เคยอ่านเรื่องอื่นของคุณคนแต่งมาก่อน เดี๊ยวไปตามอ่านนะคะ ภาษาดีงามมากกกกก
คีรีนี้ล๊อคเป้าใช่แน่ๆ แต่ราเชนท์นี้ ถ้าไปที่ปริ๊นรูมจริงแล้วป๊ะที่ห้องนั้น คือบังเอิญมากกกก
แต่ก็ไม่ใช่พี่แกเป็นหุ้นส่วนแล้วจับคู่ตัวเองนา... ลุ้นๆๆ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
อยากจะเป็นโคนัน คอยสืบเรื่องจิงๆ
55555
คีรีน่าจะใช่คนแรกมั้งนะ
แต่คนที่2 ไม่น่าใช่ราเชนทร์

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
                               :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

   ดีนะที่3pเพราะเลือกไม่ได้สองคนนี้คือดีงามคนนึงคเชนให้ความรู้สึกแบบมีชีวิตชีวา ส่วนคีรีให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นผูุ้ใหญ่น่าอยู่ใกล้...รอฟินต่อนะจร้าาา :pig4: :L1: :3123: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
รอลุ้นกันต่อไปว่าทั้งสองคนจะเป็นใคร
ที่จะช่่วนทำให้หนูหรัญห์์ไม่เบื่อ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ใครกันบ้างล่ะเนี่ย รัญยังไงกันเนี่ย แต่คีรีดูแล้วน่าจะใช่ใช่ไหม เหลือวินกับราเชนท์ แต่ถ้าราเชนท์ รัญจะไม่คุ้นบ้าหรือ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
รัญซื้อยางแบบเป็นแพ็คมั้ย  อย่าซื้อทีละเส้นเลยหายบ่อย

ออฟไลน์ ninghyuk

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
รัญญ์น่าตีที่สุดดดด ไอ้การอ้อนแลเอ่อยไม่รู้ตัวเนี่ยน่าหมั่นเขี้ยววว

ออฟไลน์ vipsky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอ้ะ ยังไง ตกลงจะสามพีกับใคร คีรีแน่ๆละ แต่อีกคนนึงนี่จะราเชนทร์หรือวิน???
ขอเดาว่าวินละกันเพราะแนะนำตัวละครตัวนี้มา แสดงว่ามันต้องมีซัมติงในภายหลัง

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ใครกับใครหล่ะนั่น

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
โอ๊ย คือใครอ่ะ อยากรู้ๆ

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อยากอ่านต่ออ  :ling1:

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ลุ้นค่ะ
เป็นใครกันแน่

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
ตกลงใครเป็นคนจิ้มรัญเนี่ย อยากรู้จริง เชียร์คุณคีรีกับวินนะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :hao6:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 4 : ออกตัวแรง

ผมเพิ่งนึกได้ว่าอายุยี่สิบห้าคือวัยเบญจเพส

เพราะไม่ค่อยสนเรื่องนี้เท่าไหร่ผมเลยไม่คิดมาก่อน แต่ตอนนี้...

ผมอาจจะเข้าสู่ช่วงชงของดวงชะตาก็เป็นได้

“คู่ขาเยอะจริงนะ”

“ก็เท่าเดิมนั่นแหละ” ผมตอบตามจริงพลางหันไปมองหน้าบาร์ที่มีลูกค้าเจ้าเก่าหน้าเดิมๆ อย่างคีรีและราเชนทร์นั่งในตำแหน่งเดียวกับเมื่อคืนวานไม่ผิดเพี้ยน ทั้งคู่เหมือนไม่รู้จักกัน และก็ไม่คิดจะทำความรู้จักกันด้วย

“ยางที่ฉันให้ไปล่ะ” ภาวินที่ตั้งท่าจะค่อนแคะผมอีกประโยคหลุดถามเมื่อเห็นว่าวันนี้ผมใช้ยางสีเขียวเข้ม

“ทำหายน่ะ” ผมเอ่ยเสียงเรียบไร้อารมณ์ เล่นเอาเพื่อนร่วมงานทำหน้าดำหน้าแดง

ผมไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ ครับ อย่างที่ทุกคนพอเดาได้นั่นแหละ ภาวิน ‘เคย’ ชอบผม จำได้มั้ยว่าผมเพิ่งถูกย้ายมาประจำที่คลับไม่ถึงหนึ่งปี ก็มีภาวินนี่แหละที่อาสาช่วยดูแล แต่เพราะผมตั้งกฎกับตัวเองว่าจะไม่คบกับเพื่อนร่วมงานเด็ดขาด พอเห็นเขาเริ่มใกล้ชิดสนิทสนมเกินไป เลยพูดตรงๆ ว่าเรื่องระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้

นับจากนั้นเขาก็หัวฟัดหัวเหวี่ยง ชอบด่าลับหลังหาว่าผมเล่นตัว หวังตกแต่ลูกค้ารวยๆ ไม่มองบาร์เทนเดอร์กระจอกๆ

เอิ่ม ดูถูกตัวเองไม่ว่า แต่คำนั้นดันดูถูกผมว่ากระจอกไปด้วยนี่สิ ผมเลยยิ่งไม่อยากยุ่งกับเขาเข้าไปใหญ่

ผมก้มหน้าก้มตาเช็ดเครื่องแก้วไปเรื่อยๆ พลางลอบสังเกตคีรีกับราเชนทร์เป็นระยะ คีรีนั้นตลกหน่อย เพราะวันนี้เขาอยู่ดึก พอได้ยินเสียงครางลอดผ่านม่านที่ปิดรอบในแต่ละโต๊ะก็พลอยเกร็งไปทั้งตัว หน้าแดงหูแดง มองแล้วไม่อยากจะเชื่อนี่น่ะเหรอหุ้นส่วนของปริ้นส์รูม นี่ยังเบาะๆ ด้วยซ้ำ หลังเที่ยงคืนไปคนจะเริ่มไร้สติ ถึงขนาดลากพามากินตับกันหน้าบาร์ก็ยังมี

ส่วนราเชนทร์ รายนี้เป็นลูกค้าประจำก่อนผมจะมาทำงานที่คลับซะอีก ทั้งที่ดูเป็นคนเจ้าชู้มากแท้ๆ แต่กลับตั้งอกตั้งใจจีบผมคนเดียวไม่ลดละ

‘ฉันรักนาย’

แล้วทำไมต้องนึกถึงเรื่องเมื่อวานด้วยวะเนี่ย!

ผมยกมือปัดกับอากาศ ราวกับว่าจะช่วยไล่ความทรงจำที่อยากลืมได้ แม้ผมจะชอบว่าราเชนทร์ลับหลังบ่อยๆ แต่สาเหตุสำคัญก็เพราะเขาไม่เปลี่ยนไปเลยหลังจากเลิกกัน แต่เมื่อวานได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขากำลังพยายาม มันทำให้เผลอหวั่นไหวไม่ได้จริงๆ เสน่ห์อันแสนร้ายกาจที่ทำให้ผมตกบ่วงคือความสม่ำเสมอของเขา เคยจีบอย่างอดทนยังไงก็ทำแบบนั้นไม่เปลี่ยน เป็นผมซะเองที่โดนกัดเซาะหัวใจทีละนิดจนยินยอม ฉะนั้นถ้าเขาคิดจะทำ...คิดจะเปลี่ยนจริงๆ ผมก็เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าเขาจะทำได้

แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้

“คุณหรัญญ์”

“ครับ” ผมหันมายกยิ้มนิดๆ เมื่อถูกคีรีเรียก ส่วนราเชนทร์ไม่ต้องพูดถึง พอเห็นคีรีเปิดฉาก ก็รีบยกมือยกไม้เรียกร้องความสนใจทันที

“รัญจ๋า เดอร์ตี้มาตินี่สักแก้วให้พี่เชนทร์หน่อยสิจ๊ะ”

ผมแทบกุมขมับ ไอ้ความอ่อนไหวก่อนหน้านี้เหือดหายในพริบตา

แต่ละคนอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ ทำตัวอย่างกับเด็กแย่งของเล่นไปได้!

“แมน ฝากที”

“เออๆ”

ผมโยนให้แมนดูแลตัวปัญหาที่คิ้วกระตุกอย่างถูกขัดใจ เดอร์ตี้มาตินี่...มาตินี่รสแรงปราศจากการกรองก่อนเสิร์ฟทำให้ได้รสเข้มจัด เป็นเครื่องดื่มแสนโปรดรานของเจมส์ บอน รวมทั้งคนที่คิดว่าตัวเองเท่เหลือเกินอย่างราเชนทร์

“คุณกลับไปก่อนดีกว่า”

ผมหันไปพูดกับคีรีจนเจ้าตัวอ้าปากเก้อ

“คิงส์คลับเป็นสถานที่อันตรายกว่าที่คุณคิด”

ไม่ทันขาดคำ เสียงแก้วแตกก็เรียกทุกสายตาให้หันมองเป็นจุดเดียว เอาอีกแล้ว...เครื่องแก้วที่ผมแสนจะทะนุถนอม เอะอะอะไรก็คว้าปาไม่ก็ปัดแตกลงจากโต๊ะ ผมลอบถอนหายใจ ชินแสนชินกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทซึ่งมักเกิดขึ้นทุกสิบนาทีในช่วงหลังเที่ยงคืน

“ถ้าเธอเตือนเพราะเป็นห่วงเรื่องนี้ล่ะก็...ไม่เป็นไรหรอก” คีรียังยิ้มออก ไม่แยแสกับการชกต่อยตรงโต๊ะด้านหลังแม้แต่น้อย

ไม่รู้อะไรซะแล้ว


“หึหึหึ” ขนาดราเชนทร์ยังหลุดหัวเราะอย่างเวทนา ตัวปัญหารายนี้เป็นลูกค้าระดับวีไอพีที่รู้ถิ่นฐานตัวเอง มักมีที่นั่งประจำในเขตปลอดภัยคือริมบาร์ติดกับระเบียงซึ่งสามารถชะโงกลงไปเห็นการพนันที่ชั้นหนึ่งได้ หลายคนอาจคิดว่าก็แค่ตำแหน่งกินลมชมวิวอย่างที่ราเชนทร์มักทำให้เห็น แต่ความจริงมันคือเซฟโซนที่ใกล้กับอัศวินซึ่งยืนคุมตรงบันไดขึ้นลงต่างหาก

เห็นรูปปั้นอานูบิสตรงหัวบันได้นั่นมั้ย ใช่แล้ว นั่นล่ะตำแหน่งของอัศวิน

และในรัศมีโดยรอบนั้นจะไม่มีใครกล้าย่างกราย

รวมถึงที่นั่งของราเชนทร์

“อะไรวะ!”

“แม่งเอ๊ย!”

“มึงมานี่!”

เสียงเอะอะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้คีรีที่นั่งเก๊กหน้าจิบไซด์คาร์ก็ชักนิ่งไม่ไหว พอหันไปมองอีกครั้งก็แทบหลุดอุทานออกมาเพราะจู่ๆ การต่อยตีที่เกิดจากคนสองคนก็ลามไปถึงหกเจ็ดคนเข้าไปแล้ว

อย่างที่บอกไปว่ายิ่งดึกสติของคุณลูกค้าทั้งหลายก็ยิ่งหลุดลอย บางครั้งแค่ได้ยินเสียงแก้วแตกก็ไปกระตุกต่อมอยากอาละวาดเข้าแล้ว แม้ไม่รู้จักหน้าค่าตา ถ้าเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมาก็พร้อมกระโจนใส่แม้จะอยู่ห่างกันคนละโยด อีกอย่าง คิงส์คลับไม่ได้จำหน่ายแค่แอลกอฮอล์เท่านั้น...ยังมีสารเสพติดที่ประสาทส่วนเหตุผลปลิดปลิวไปกับอากาศ

เสียงโครมครามเริ่มลามจนเกิดเป็นความอลหม่าน ผมเห็นลูกค้าที่ถูกต่อยจนกลิ้งไปกระแทกโต๊ะข้างๆ จนลูกค้าโต๊ะข้างๆ ขึ้นมาร่วมด้วยช่วยกระทืบ แต่การออกมือออกไม้ที่วาดองศามากเกินไปดันไปโดนลูกหลงกับโต๊ะข้างๆ ของข้างๆ ที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มโดยไม่คิดปิดม่าน ทำเอาคู่กรณีที่ไอ้หนูยังตั้งโด่ลุกขึ้นมาตะโกนด่า แต่สุดท้ายก็โดนซัดกระเด็นเพราะโต๊ะข้างๆ ของข้างๆ ของข้างๆ นึกรำคาญและอยากโชว์เท่ต่อหน้าสาว

“โชคดี”

เดอร์ตี้มาตินี่ของราเชนทร์ถูกเสิร์ฟในช่วงเวลาที่คีรีเริ่มหน้าตื่น เรียกให้ตัวปัญหาคลี่ยิ้มอย่างนึกสนุกจนต้องยกเครื่องดื่มชนกับอากาศราวกำลังเฉลิมฉลองอยู่ยังไงยังงั้น หากราเชนทร์อยู่ในเซฟโซน คีรีก็อยู่ในเดนเจอร์โซนที่อาจจะโดนลูกหลงได้ทุกเมื่อ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ทั้งสองจงใจเว้นระยะห่างเกินไป คนนึงนั่งซะริม ส่วนอีกคนก็นั่งซะกลางบาร์

“หลบหน่อยเถอะครับ”

ผมเห็นคีรีแล้วสงสารเลยบอกให้เขาเปลี่ยนที่ไปนั่งอีกมุมของบาร์ หากริมซ้ายติดกับระเบียงซึ่งเป็นทางลงบันไดไปชั้นหนึ่งคือจุดประจำของอัศวินชั้นสอง ริมขวาของบาร์ติดกับเคาน์เตอร์ก็คืออีกหนึ่งเซฟโซนเพราะเป็นที่ทำงานในฐานะเลขาหน้าห้องบอสอย่างบิชอป

แต่ไม่ทันซะแล้ว

พอคีรีลุกจากที่นั่งได้ไม่เท่าไหร่ เครื่องแก้วปริศนาที่โดนปามาอย่างไร้ทิศทางก็กระแทกหน้าผากที่เปิดเถิกเข้าอย่างจัง!

“คัมไป”

ผมพยายามทำหูทวนลมกับราเชนทร์ให้มากที่สุด

“คุณคีรี มาทางนี้เร็วครับ”  ผมเรียกสติคนที่ยืนเอ๋อไปแล้ว คีรีคล้ายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่ามีน้ำเย็นแสบตาไหลอาบศีรษะก็เท่านั้น ผมเลยโน้มตัวข้ามบาร์ไปดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายเร่งให้เดินต่อ

ยืนแบบนี้มันล่อเป้าชัดๆ!

นั่นไงล่ะ เห็นขวดเหล้าลอยมาอีกแล้ว ผมผงะ รีบปล่อยมือจากคีรีแล้วเดินถอยหลังหลบอยู่ในบาร์

อย่ามองแบบนั้นสิ ผมน่ะห่วงคีรีในฐานะลูกค้าทิปหนักก็จริง แต่ยังไงก็ต้องห่วงสวัสดิภาพของตัวเองมากกว่า

แถมไอ้เราก็เตือนไปแล้ว ทั้งเรียกทั้งเร่ง แต่คนที่ยืนนิ่งเหมือนหูบอดคือคีรีเองต่างหาก

ผมหรี่ตา เชื่อว่าไม่ช้านานจะต้องเห็นท่าประธานโดนฟาดหัวเบะโดนหามส่งโรงพยาบาลอย่างแน่นอน

แต่คาดไม่ถึง...

คาดไม่ถึงเลยว่าคีรีจะจับขวดเหล้านั้นได้แถมยังฟาดกลับไปยังคู่กรณีที่เดินเป๋มาอีกต่างหาก!

เพล้ง!

ขวดเหล้าแตกคามือ แอลกอฮอล์ไหลทะลักพร้อมกับเลือดสดๆ เพราะถูกปากขวดบาดลึก คีรีที่เปียกโชกไปครึ่งหัวแต่มีเพียงรอยช้ำตรงหางคิ้วถอดแว่นสายตาออก ก่อนจะกำชับขวดเหล้าที่กลายเป็นปากฉลามในมือแล้วกวาดสายตามองไปทั่วอย่างเอาเรื่อง

ดวงตาที่มักเคร่งเครียดจริงจังเสมอประกายวาวระยับราวกับคนละคน!

“วิ้ว”

ราเชนทร์ผิวปาก ผมถึงกับหลุดหันไปค้อนสายตาใส่จนตัวปัญหายิ่งได้ใจ

“หรัญญ์”

“มาทางนี้ดีกว่ารัญ”

มองคนที่มือหนึ่งถือเดอร์ตี้มาตินี่ด้วยท่วงท่าประหนึ่งเจมส์ บอน อีกมือยกขึ้นเชื้อเชิญให้ผมเดินเข้าหา ไม่รู้ว่าสติส่วนไหนของผมพิการรึเปล่า ถึงได้เดินเลี่ยงจากภาวินที่เรียกชื่ออย่างเป็นห่วงแล้วย่องไปยังเซฟโซนเงียบๆ โดยไม่ลืมเบียดให้แมนกั้นกลางระหว่างแฟนเก่า

“คุณคีรีของมึงแม่งไม่ธรรมดาว่ะ”

“ไม่ใช่ของกู” ผมกระซิบตอบแมน แม้จะยังรู้สึกตกใจกับท่าทีเปลี่ยนไปของคีรีที่ตอนนี้ยังยืนจังก้าอยู่หน้าบาร์ประหนึ่งผู้พิทักษ์จำเป็นอย่างไรอย่างนั้น ถ้าใครหลุดมาตรงนี้ก็โดนเข้าจัดการอย่างไม่ปรานีกระทั่งไซด์คาร์ของผมยังโดนใช้เป็นอาวุธ สร้างความตื่นตัวให้หลายคนอยากลองพิสูจน์

คิงส์คลับชื่นชอบการพนัน

บางครั้งบางคราหากมีการวิวาทน่าท้าทาย ก็จะเกิดการพนันขันต่อ

กรณีของคีรีคือหนึ่งในนั้น กลุ่มลูกค้าที่ยังมีสติรู้จักหลบหลีกความวุ่นวายเริ่มจับกลุ่มพนันว่าคีรีจะยืนได้นานแค่ไหน ไม่สนใจถึงสาเหตุแรกเริ่มของการต่อยตี แต่เลือกเฝ้ามองเรื่องสนุก!

“อัศวินเคลื่อนไหวแล้ว”

แต่น่าเสียดายเพราะมีลูกค้าคนหนึ่งก้าวข้ามเขตของอัศวินจนได้ ทุกคนต่างรู้ดีว่ารูปปั้นอานูบิสถือเป็นของรักของหวงของอัศวินประจำชั้นสอง ถ้ามีใครกล้าแตะต้องต่อให้จับวงพนันหรือยังไม่ถึงเวลาต้องออกโรงอัศวินผู้นี้ก็จะเข้ามาแยกวงทันที!

การทำงานของคิงส์คลับนั้นมักเป็นทีมเวิร์กที่มีความสามัคคีชุมนุมสูงมาก ทันทีที่อัศวินเดินออกจากตำแหน่ง เหล่าพนักงานหรือ ‘เบี้ย’ ที่ยืนเฝ้าโดยรอบก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที อัศวินเปิดฉาก พวกเบี้ยตามเก็บร่างที่โดนซัดจนลุกไม่ขึ้น เพียงพริบตาเสียงเอะอะโวยวายก็มีแต่เสียงครางอย่างเจ็บปวดพร้อมกับร่างที่นอนแหมบเป็นทางยาว

“ค่าเสียหายของคิงส์คลับต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า ไม่ทราบว่าจะรูดบัตรหรือจ่ายเงินสดครับ”

อัศวินหยุดยืนหน้าคีรีพลางเอ่ยถามตามกฎระเบียบที่มักรีดเลือดลูกค้าให้แทบกระอัก แต่คงไม่ใช่กับท่านประธานที่ยื่นบัตรเครดิตให้ทันที

ค่าเสียหายของคีรีไม่หนักเท่าคนอื่น เป็นขวดปากฉลามในมือกับแก้วไซด์คาร์ที่โดนเขวี้ยงไปไกลและไม่หวนกลับ

“เอาใบเสร็จมั้ย” พอได้เงิน น้ำเสียงอัศวินก็แอบกระชากห้วนตามประสาคนชอบใช้กำลัง ความจริงแล้วอัศวินประจำชั้นสองนั้นอายุน้อยกว่าผมซะอีก แต่เพราะรูปร่างบึกบึนสูงใหญ่ อีกทั้งยังตัดผมสั้นเกรียนเปิดหน้าดูดิบเถื่อน เลยมักถูกเข้าใจผิดว่ากร้านโลกมาเยอะ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นแค่เด็กวัยรุ่นเลือดร้อนที่ชื่นชอบในการต่อยคนมากๆ เท่านั้นเอง

“ก็ดีครับ” คีรีเอ่ยพลางวางขวดปากฉลามในมือกับโต๊ะ หยิบแว่นขึ้นเช็ดกระจกที่พร่ามัวเพราะเปื้อนน้ำ ก่อนจะสวมใส่แล้วหันมาชวนผมคุยด้วยท่าทางไม่เหมือนนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่เมื่อครู่สักนิด “ขอไซด์คาร์อีกสักแก้วสิคุณหรัญญ์”

“...ครับ”

บาร์เทนเดอร์ต้องชินชากับความวุ่นวายฉันใด บาร์เทนเดอร์ต้องตอบรับลูกค้าทุกประเภทได้อย่างเท่าเทียมฉันนั้น ผมชงเครื่องดื่มให้คีรีแม้ในอกจะเต็มไปด้วยความสงสัย เรื่องบางเรื่องแม้อยากจะโพล่งถามออกไปแต่ก็ติดที่ยังเป็นเวลาทำงาน

“คิ้วของคุณ...”

“อ้อ” นั่นคือคำตอบของคนเจ็บที่ยกมือแตะคิ้วที่ซึมเลือดจางๆ อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ยังใส่ใจกับการแต่งกายให้สะอาดเรียบร้อย จับเนคไทและปกเสื้อให้เข้าที่ด้วยมาดนักธุรกิจ

เห็นอย่างนั้นผมก็น้ำท่วมปาก

อัศวินกลับไปยืนประจำตรงรูปปั้นอานูบิสอีกครั้ง วันนี้ค่อนข้างจบเหตุการณ์ได้เร็วเพราะมีคนฝ่าฝืนข้อห้ามโดยไม่ตั้งใจ ถ้าเป็นปกติแล้ว...อัศวินจะรอให้ข้าวของเสียหายมากกว่านี้ รอให้แต่ละคนอาละวาดให้น่าสนุกในการตะลุมบอนมากกว่านี้ แล้วค่อยพุ่งถลามาจัดการด้วยรอยยิ้มเริงร่ามีความสุข และจัดการเก็บเงินเรียกค่าเสียหายเป็นสองเท่าซึ่งกอบโกยกำไรเข้าคลับได้เป็นกอบเป็นกำยิ่งกว่าผมชงเครื่องดื่มซะอีก

นี่ล่ะ...คิงส์คลับ

ผมมองลูกค้าที่หมดสติถูกลำเลียงลงชั้นสองไปให้อัศวินชั้นหนึ่งซึ่งมีหน้าที่เฝ้าประตูคัดกรองลูกค้าด้านหน้ารวมทั้งการเรียกรถหามส่งโรงพยาบาลด้วยความปลงตก ราวกับตระหนักได้ถึงการเวียนว่ายตายเกิดในวัฐจักรสงสารอย่างถ่องแท้

“คุณหรัญญ์เลิกงานตีสามใช่มั้ย”

“ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอจนถึงเวลาเลิกงาน แล้วเรากลับด้วยกัน” คีรียิ้มสุภาพ ถ้าไม่ติดว่ายังมีแผลตรงหัวคิ้ว ผมคงเชื่อเต็มเปาว่าเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษไร้พิษสง “...ได้มั้ย”

“...”

ผมจนด้วยคำพูด มองคนที่ไม่คิดจะทำแผลนั่งรอคำตอบอย่างประหม่าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

คีรีในความประทับใจแรกนั้น...คือความเครียดขึงเอาการเอางานในคนละขั้วกับราเชนทร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความขี้อายแฝงอาการไร้ความมั่นใจเวลาจีบผม และความไร้เดียงสาในด้านของการเข้าสถานบันเทิงที่ไม่รู้จักเครื่องดื่มชนิดอื่นนอกจากมาตินี่กับไซด์คาร์

แต่ในตอนนี้...ผมคงต้องมองเขาใหม่

ไม่สิ คีรี ประธานบริษัทอหังสาฯ ร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศ แต่ดันเป็นหุ้นส่วนสำคัญของปริ้นส์รูม

...ความย้อนแย้งนี้มันเห็นชัดแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง!


-----------
เส้นทางของหรัญญ์ยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ทำใจหน่อยนะลูกเอ๊ย #หรัญญ์เอ๊ย

ตอนนี้สั้นหน่อยเพราะแนะนำความวุ่นวายในคลับคร่าวๆ ค่ะ มีรูปปั้นของควีนกับเก่งโผล่มาชะเเว่บๆ ด้วย ^0^!
 

เพจนักเขียนที่ปักธงคีรียึดเป็นฐานก่อนธงแรก ใครเข้าร่วมบ้างยกมือขึ้น!

ปล.ถ้าอิงตามไทม์ไลน์ของคิงส์คลับ อันนี้จะเป็นเหตุการณ์หลังจากควีนเข้ามาแล้วหนึ่งปี หรือก็คือคลับเปิดมาแล้วห้าปีค่ะ หรัญญ์เข้ามาทำงานหลังจากที่คนในคลับทุกคนยอมรับนิลเป็นควีนแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2016 21:07:56 โดย มาจะกล่าวบทไป »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด