พอไม่ได้ลงแล้วมันหงุดหงิด 555+
เลยดอดมาลงก่อน ขอบคุณที่รออ่านกันค่ะ
***************************
(ตอนที่ ๑๖)
“รออ้อยด้วย...มาแล้วค่า” อ้อยวิ่งเข้ามาถ่ายรูปหมู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสบตากันแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้กัน“อ้อยมาทางนี้เลยมายืนข้างๆฝัน...”ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครที่พูดไปอย่างนั้น แต่ดูเหมือนเพื่อนๆก็พร้อมที่จะแหวกทางให้อ้อยมายืนข้างๆผม ไอ้น้องเกี๊ยงตากล้องตะโกนเสียงดัง
“พี่ๆสลับที่..... เปลี่ยนข้างบ้าง” การเปลี่ยนที่ยืนสร้างความโกลาหลให้กับทุกคนพอควร แต่ทุกคนก็ดูสนุกกับมัน ในที่สุดไอ้ใหญ่ก็ต้องปล่อยมือจากผมไปยืนอีกมุมหนึ่งห่างจากผมและอ้อย ผมส่งสายตาพยักหน้าให้มันมาอยู่ข้างๆผมเหมือนเคยแต่มันตะโกนบอกว่า “ที่กูอยู่ตรงนี้...ดีแล้ว” ผมก็เลยตามใจมันไป
ช่วงเวลาหลังจากนั้นทั้งเพื่อนที่ทำงานผมกับอ้อย เพื่อนที่เรียนโทด้วยกันก็พร้อมใจกันมาถ่ายรูปแสดงความยินดีให้ผมและอ้อย คนนี้มาคนนั้นไปจนผมสับสนไปหมด รู้แต่ว่ายิ้มจนเมื่อยปากและตะโกนกันจนคอแห้ง เพื่อนๆก็ทั้งผลักทั้งดันให้ผมถ่ายคู่กับอ้อยตลอด ผมเลยต้องห่างจากไอ้ใหญ่ไปโดยปริยาย ถ่ายไปถ่ายมาไอ้ใหญ่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เกี๊ยง..เฮียมึงไปไหนแล้ว”ไอ้เกี๊ยงเกาหัวแกรกๆ “ไม่รู้...มัวแต่ถ่ายพี่กับเจ๊อ้อย กลับมาอีกทีหายไปแระ”
“ทำงานภาษาอะไรวะ นายแบบหายยังไม่รู้อีก”ผมเดินหารอบๆนั้นอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอมัน ผมเริ่มรู้สึกว่าวันนี้ไอ้ใหญ่มันมีผลกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงของผมจริงๆ สุดท้ายเมื่อหามันไม่เจอผมลองโทรศัพท์ไปหามันสักพักมันถึงรับสาย
“ใหญ่มึงอยู่ไหน?”
“นี่พ่อเอง....ฝันรึเปล่า”อ้าวทำไมโทรศัพท์ไปอยู่กับพ่อได้
“ครับใช่ครับ....พ่ออยู่กับใหญ่หรือเปล่าครับ”
“แยกกันไปแล้ว พอดีพ่อลืมเอาโทรศัพท์มา ใหญ่เลยให้พ่อไว้ใช้ นี่พ่อกำลังจะกลับเชียงใหม่แล้วล่ะ คิดว่าเดี๋ยวใหญ่คงเดินกลับที่กลุ่มนะ”
“อ้าว...แล้วพ่อไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหรอครับ”คืนนี้เรามีนัดกันว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองกันแล้วให้พ่อแม่ไปด้วยครับไปทั้งหมดเลยแล้วหารกัน แต่แม่กับพี่สาวผมก็บอกแล้วว่าไม่ไป ผมเองก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไรสำหรับงานเลี้ยง
“ไม่อยู่หรอกฝัน เป็นห่วงคนที่บ้านมีแต่ผู้หญิงอยู่กันตามลำพัง”ตกลงพ่อไอ้ใหญ่ก็ไม่มาอีกคน เอาไงดีละ ไอ้ใหญ่ก็ไม่รู้ไปไหน
“งั้นผมลาพ่อเลยครับ ไว้ผมจะไปเที่ยวเชียงใหม่อีก สวัสดีครับพ่อ”
“อืม..ไหว้พระลูก คืนนี้ ฝากใหญ่ไปค้างด้วยคนแล้วกัน แค่นี้นะลูก”
พ่อไอ้ใหญ่วางสายไปแล้วไอ้ใหญ่ก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้หายตัวไปไหนนี่ก็ใกล้เวลาต้องเข้าหอประชุมแล้วด้วย แม่ผมเตรียมข้าวกล่องมาให้ผมกับใหญ่แล้ว ผมเริ่มอารมณ์กรุ่นๆรู้สึกว่าทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด เริ่มเบื่อการถ่ายรูปอยากจะหยุดพักก่อน
“ฝันกินข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวเข้าหอแล้วนะ เตรียมมารึเปล่า เราซื้อมาเผื่อให้ด้วยนะ” อ้อยมานั่งข้างผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อแต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้ผม ผมส่ายหน้าอยากจะรอไอ้ใหญ่มากินด้วยกันมากกว่า
“ยังดีกว่า..ยังไม่หิว”
“ฝันเหงื่อออกมากเลย เช็ดเหงื่อหน่อยซิ”ผมอ้าปากกำลังจะพูดว่าไม่ต้อง แต่อ้อยก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ผมแล้ว ผมจับมืออ้อยจะเอาออก ก็พอดีไอ้ใหญ่เดินเข้ามากับไอ้หนุ่ยพอดี ผมดูสีหน้าทั้งสองคนแสดงอารมณ์แตกต่างกัน แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันคิดอะไรไปถึงไหน แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
แต่ผมสงสัยว่า“ไอ้หนุ่ยมากับเพื่อนกูได้ไงวะ” ไอ้หนุ่ยหันไปมองหน้าไอ้ใหญ่
“อ้าว...เพื่อนมึงเหรอ...กูไม่รู้..กูเห็นครุยคณะมึงเลยถามว่ามาทางไหนเค้าเลยพากูมา”
ไอ้ใหญ่ก็แค่ยิ้มๆบอกกับผมว่า “กูไม่รู้ว่าเพื่อนมึง กูแค่เป็นคนดี พาพี่เค้ามาที่คณะ”
“เออ..พอกันทั้งคู่ กูขอเฉ่งเป็นรายหัวนะ เริ่มที่มึงก่อนไอ้ใหญ่ นี่มึงหายหัวไปไหนมา จะเรียกมากินข้าวเดี๋ยวเข้าหอแล้ว...ปล่อยให้กูตามหา……” วันนี้ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นพ่อไอ้ใหญ่ ต้องคอยดุมันตลอดเวลา
“ไอ้หนุ่ยมึงรอก่อน ไม่มาซะตอนกูเข้าหอไปเลยล่ะ เดี๋ยวกูค่อยจัดการมึง”
ไอ้หนุ่ยยักไหล่ไม่สนใจผม มันเดินไปหาอ้อยแล้วยื่นดอกไม้ให้ “ยินดีด้วยครับน้องอ้อย” อ้อยรับดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม ผมดูแล้วค่อยสบายใจ มันเป็นรอยยิ้มของเพื่อนที่จริงใจต่อกันจริงๆ หันกลับมาดูไอ้ใหญ่มันก็มองทั้งคู่เหมือนกับผม มันทำหน้าสงสัยคงแปลกใจที่อ้อยรู้จักไอ้หนุ่ยด้วย
หันกลับมาที่ไอ้ใหญ่ “ไปไหนมา...”ไอ้ใหญ่ทำหน้าสำนึกผิด “กูไปส่งพ่อขั้นแท็กซี่ พ่อจะกลับบ้าน” ผมเหลียวไปดูไอ้หนุ่ยมันกำลังถ่ายรูปกับอ้อยอยู่ ผมเลยมีเวลาคุยกับไอ้ใหญ่ต่อ
“กูรู้แล้ว..กูคุยกับพ่อมึงแล้ว แต่พ่อมึงไปนานแล้วนะ ทำไมมาช้า ไม่รู้เหรอว่ากูรออยู่”
มันสบตาผม “กูนึกว่ามึงไม่รอกูแล้ว กูเลยเดินดูนู่นนี่เล่น”
ผมถอนหายใจ “กูบอกว่ากูจะรอ..กูก็ต้องรอซิ กูบอกมึงรึยังว่ากูเลิกรอแล้ว”ไอ้ใหญ่ส่ายหน้า
“มึงไม่เคยบอก แต่เห็นมึงมีอ้อยอยู่ด้วย กูเลยไม่ห่วง” มันเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า เหมือนมันไม่รู้ใจผมเลย
“คนอื่นไม่เกี่ยวกัน..มึงจำไว้นะ” ผมบีบไหล่มันหนักๆ ให้รู้ว่าผมพูดจริงจัง
“เฮ้ย..ฝันมาถ่ายรูปมา เดี๋ยวเข้าหอแล้วไม่ใช่เหรอ”ไอ้หนุ่ยเดินมาเรียกผมไปถ่ายรูป แล้วมันก็หันไปเรียกไอ้ใหญ่ด้วย
“น้องใหญ่ด้วยครับ เชิญๆ ได้ยินฝันมันพูดถึงหลายครั้งแล้ว มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย”กับคนรู้จักใหม่ๆไอ้หนุ่ยมันยังมีมารยาทครับ ผมเดินเข้าไปชกแขนมันเบาๆ แล้วแบบมือขอของขวัญ
“ทำไมมึงมาสาย กูนึกว่ามึงลืม ไหนของขวัญกูล่ะ”มันไม่เห็นมีดอกไม้ให้ผมเหมือนให้อ้อยเลยครับ โลกมันไม่ยุติธรรม
“เอาไปทำไม เดี๋ยวก็เหี่ยว กูมาก็บุญแล้ว ปกติไม่ไปงานใครนะเว้ย” มันพูดดีมากครับเค้าให้กันทั้งเมือง ผมได้แค่ประณามมันแต่คงทำอะไรมันไม่ได้ เดี๋ยวมันจะว่าผมงกของขวัญ
“มึงมันอย่างนี้ชอบแหกคอกคนอื่น”
“ทำไมกูต้องเหมือนใคร...มึงอยากได้จริงๆเหรอ”ไอ้หนุ่ยมันคงคิดว่าผมอยากได้จริงๆ แต่ผมส่ายหน้า
“เปล่า...ไม่อยากได้” คราวนี้ไอ้หนุ่ยยิ้มเผล่เลยครับ “เห็นมะ กูว่าแล้ว กูจะไปเสียเงินซื้อมาให้มึงทำไม เก็บเงินไว้เลี้ยงเหล้ามึงดีกว่า”
ไอ้หนุ่ยโอบไหล่ผมกระซิบ “แต่เพื่อนมึงหน้าตาดีกว่ามึงนะ หน้าตาฉลาดด้วย ไม่น่ามาคบกับมึงเลย”ผมรีบปัดมือมันออกจากไหล่ “นั่นเพื่อนกูไม่ต้องวิจารณ์เลย แล้วมึงพูดแบบนี้มึงมาคบกูทำไม”
“คนอื่นจะได้เห็นไงว่ากูดี ฮ่าๆๆ”
มันพูดเสร็จแล้วก็เดินไปโอบไหล่ไอ้ใหญ่ครับ ปล่อยให้ผมยังงงอยู่ว่ามันหมายความว่ายังไง
“ไปถ่ายรูปกัน..ใหญ่...แล้วกลับวันไหน...” ไอ้หนุ่ยเดินคุยจ้อกับไอ้ใหญ่ไปแล้ว แต่ผมยังตีความที่มันพูดไม่ออก จนเดินไปถึงจุดที่ยืนถ่ายรูป ผมถึงนึกออกเลยตบกบาลไอ้หนุ่ยไปทีแล้วด่ามัน
“ไอ้เลว เอากูไปเป็นพระรองให้มึงดูดีกว่าเป็นพระเอกเหรอ” ไอ้หนุ่ยได้แต่หัวเราะดังๆ ไม่ว่าอะไรผม หลังจากนั้นเราก็ถ่ายรูปกันไปหลายรูปครับ ช่วงหลังๆผมได้ยินไอ้หนุ่ยเรียกใหญ่ว่า ‘น้องใหญ่’ แล้วครับ ใหญ่มันก็ยังมารยาทดีเรียก ‘พี่หนุ่ย’ ผมก็เห็นคุยกันถูกคอดีครับแถมผมยังได้ยินไอ้ใหญ่ชวนไอ้หนุ่ยไปเที่ยวเชียงใหม่อีกด้วย
จนกระทั่งต้องเข้าหอประชุม ไอ้หนุ่ยถึงขอตัวลากลับ มันเดินมาโอบไหล่ผมแล้วแสดงความยินดีเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง “ยินดีด้วยนะไอ้น้อง มึงเป็นคนดี เรียนดี มีอนาคตดี มีคนรักที่ดี รักษาความรักของมึงให้นานๆนะ” ผมฟังแล้วยังแปลกใจที่ไอ้หนุ่ยเกิดจะมาเป็นพี่หนุ่ยพูดอวยพรผมเป็นงานเป็นการ แต่ก็รู้สึกดีใจครับที่ได้มีโอกาสรู้จักกับมัน พี่หนุ่ยก็เหมือนพี่ชายผมคนหนึ่ง ผมซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหล ผมยกมือไหว้แล้วคว้าตัวไอ้หนุ่ยมากอด
“ขอบคุณนะพี่หนุ่ย....แล้วอย่าลืมเลี้ยงเหล้ากูต่อไปด้วยล่ะ” เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรักมันมากที่สุดครับ
ไอ้หนุ่ยเลยตบหลังผมแรงๆกลับบ้าง “เออ...กูคงเป็นหนี้มึงชาติก่อน ชาตินี้เลยต้องมาเลี้ยงเหล้ามึงตลอด”
ไอ้หนุ่ยเดินไปหาอ้อยเพื่อลากลับ ทั้งสองคนต่างมีรอยยิ้มให้แก่กัน “น้องอ้อยยินดีด้วยนะครับ แล้วคราวหน้าพี่ชวนไปดื่มกันอย่าลืมไปนะ ให้พี่หนุ่ยได้เลี้ยงแสดงความยินดีกับน้องอ้อย ให้เรากลับมาเที่ยวกันสนุกๆเหมือนเดิม” ผมว่าผมเห็นอ้อยน้ำตาคลอแต่อ้อยก็ยังยิ้มได้
ไอ้หนุ่ยยิ้มอ่อนโยนเอื้อมมือไปจับที่ไหล่อ้อย “ไม่เอาอย่าร้องไห้เดี๋ยวไม่สวย พี่ไปก่อนนะครับ”
ไอ้หนุ่ยผละจากอ้อยไปจับมือกับไอ้ใหญ่ “ดีใจนะที่ได้มารู้จักกับมึง ยินดีด้วยนะ พี่จะเป็นกำลังใจให้เราทุกเรื่อง ไม่ต้องห่วง พี่คอยดูไอ้ฝันเอง มันชอบโง่ พี่จะคอยชี้ทางสว่างให้มันเอง ฮ่าๆ”
ผมว่าผมได้ยินแต่ไม่แน่ใจ เลยเดินไปฟังใกล้ๆอีกครั้งเข้าไปกอดคอไอ้หนุ่ยแรงๆ “เฮ้ยๆๆ..มึงว่ากูว่าโง่เหรอ...ไอ้เชี่....หนุ่ย”
“เออซิ..ไม่ได้รู้อะไรเล้ย.. กูไปแล้วเดี๋ยวต้องรีบไปหาลูกค้าอีกตอนเที่ยง มึงอย่ามารัดกูแน่นซิเสื้อยับหมด ไว้เจอกันนะใหญ่” ไอ้หนุ่ยโบกมือให้แล้วหายไปกับกลุ่มคนมากมายอย่างรวดเร็ว พวกผมไม่มีเวลาคุยอะไรกันมากรีบทานข้าวเพื่อเตรียมตัวเข้าหอประชุม
“ใหญ่ พ่อมึงกะแม่กูไม่ไปงานเลี้ยงแล้วเราจะไปกันรึเปล่าล่ะ” อ้อยที่นั่งอยู่ทานข้าวอยู่ข้างๆคงได้ยิน “จะไม่ไปกันเหรอ”
ผมยังไม่ค่อยแน่ใจ “กำลังคุยกันอยู่พอดี ว่าจะไปหรือไม่ไป อ้อยไปรึเปล่าครับ” อ้อยพยักหน้า “พ่อแม่เราก็ไปด้วย น้องสาวเราอีก คงไปนะจะได้ไม่ต้องไปเลี้ยงกันอีกรอบ” ผมหันไปถามไอ้ใหญ่ “เอาไงมึง...ไปปะ”
ผมรู้ว่ามันต้องตอบว่าแล้วแต่ผม แต่ผมรู้สึกเหนื่อยๆแล้วผมก็เจอเพื่อนๆบ่อยอยู่แล้ว การเลี้ยงรวมกันกับพ่อแม่คนอื่นก็คงไม่สนุกเท่าไหร่ ผมมองใหญ่อีกครั้ง มันก็พยักพเยิดหน้าให้ ผมเลยเดาใจว่ามันก็คงไม่อยากไป
“ไม่ไปดีกว่า..คนมากๆมีแต่ผู้ใหญ่ ผมไม่ค่อยถนัด”
อ้อยทำหน้าเสียดาย “ว้า..นานๆใหญ่มาที เรานึกว่าจะได้คุยกันเยอะๆ วันนี้เราก็มาสายไม่ค่อยได้มีเวลาคุยเลย”
“อ้อยคุยกับฝันก็เหมือนคุยกับเราแล่ะ บ้าๆพอกัน”ดูไอ้ใหญ่มันมาว่าผมบ้า
“ไม่ๆ ไม่เหมือน กูมันพวกบ้าเป็นพักๆ แต่บ้ารักทุกวันเว้ย” อ้อยหัวเราะหน้าแดงเอามือมาตีแขนผมเบาๆ แล้วมาชวนคุยต่อ
“ฝันน่ะชอบพูดเล่นเรื่อย.....เออแต่วันนี้ที่แผนกที่ออฟฟิศเรามากันหมดเลยนะ ดีใจจังเลย เห็นพี่บีบอกว่าจะเลี้ยงให้เราสองคนอีกรอบนะ” อ้อยยังพูดถึงเพื่อนๆคนนู้นคนนี้ที่เรียนโทด้วยกัน ไอ้ใหญ่ก็เอาแต่ยิ้มมองผมกับอ้อยคุยกัน จนผมเริ่มสังเกตว่ามันเงียบเสียงไป
“ใหญ่มึงไม่เห็นคุยอะไรมั่ง เงียบเชียวมึง ง่วงแล้วเหรอ”
“เปล่า...กูไม่รู้จะคุยอะไร กูไม่รู้จักเพื่อนๆมึงนี่” พอมันพูดออกมาแบบนี้ผมตำหนิตัวเองทันที ผมมันแย่ทั้งที่มันก็มาได้แค่วันเดียวผมน่าจะใส่ใจความรู้สึกมันมากกว่านี้ “โทษทีว่ะมึง...กูก็ลืมไป”
ไอ้ใหญ่ส่ายหัว “เรื่องเล็กๆน่ะ อย่าคิดมาก” เริ่มมีเสียงตามสายเรียกบัณฑิตให้เตรียมตัวเข้าหอประชุม เราคงต้องเตรียมตัวแล้ว “โอเค....งั้นกูว่าเราไปรวมกับเพื่อนๆดีกว่า เดี๋ยวคงทยอยเข้าหอกันแล้ว...ไปอ้อย”
ระหว่างเดินไปเข้าแถวผมกระซิบบอกใหญ่ว่า “ใครถามก็ให้บอกว่าเราไปกินเลี้ยงด้วยนะ แล้วเราค่อยแอบปลีกตัวออกมา ถ้าบอกพวกมันว่าไม่ไปเดี๋ยวเรื่องจะยาว” ไอ้ใหญ่ยิ้มยกนิ้วให้เป็นสัญลักษณ์ว่าโอเค ผมรู้สึกเหมือนสมัยที่เรากำลังวางแผนจะโดดเรียนกัน
อ้อยเดินตามมาทันพวกผมพอดี“คุยอะไรกันเหรอสองคนนี้ทำท่าลึกลับ”
“ไม่มีอะไรอ้อย เรื่องไม่มีสาระอะไร” อ้อยทำหน้างงๆแต่ก็ยิ้มรับฟังด้วยดีหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครได้คุยอะไรกันอีก การเข้ารับพระราชทานปริญญาเราต้องนั่งเรียงตามตัวอักษร ผม ใหญ่และอ้อยจึงแยกกันนั่ง แต่ผมกับไอ้ใหญ่นัดกันไว้แล้วว่าออกมาแล้วจะไปเจอกันที่กลุ่ม เพราะไอ้ใหญ่มันไม่มีโทรศัพท์ติดตัวแล้ว
กว่าจะออกมาจากหอประชุมได้ก็เย็นๆ ผมนั่งหลับน้ำลายไหลยืดไปหลายรอบกว่าจะถึงคิวของตัวเอง แต่ไอ้ใหญ่มันรับก่อนผมเพราะมันได้เกียรตินิยมอันดับสองน่าภูมิใจแทนพ่อแม่ของมัน เสียดายที่แม่มันไม่ได้มาด้วยแต่ถ้ามาก็คงลำบากน่าดูเพราะคนก็มากอากาศก็ร้อน ถ้าป่วยขึ้นมาคงทุลักทุเล
หลังจากรับปริญญาเพื่อนๆลากพวกผมไปถ่ายรูปถือใบปริญญากันอีกรอบ ทั้งๆที่ผมว่าแต่ละคนหน้าตาโทรมกันหมดแล้วครับตากแดดกันมาทั้งวัน พวกสาวๆต้องรีบทาแป้งเติมหน้ากันวุ่นวายผมเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน ถ่ายกันไปเยอะแล้ว ไอ้ใหญ่เริ่มมาสะกิดผม “เราจะออกกันไปได้หรือยัง กูเบื่อคนเยอะๆแล้ว เหนื่อยด้วย”
ดูหน้าตาแล้วผมก็ว่ามันดูเหนื่อยมากจริงๆ ก็มันดั้นด้นมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า เดินทางมาตลอดแล้วยังมาตากแดดร้อนๆอีกทั้งวัน ผมว่าหน้าขาวๆของมันคล้ำลงไปตั้งเยอะ
“อืม..เดี๋ยวเอาอย่างนี้นะพอเค้าถ่ายหมู่กันเพลินๆ เราก็ไปถ่ายซะหน่อย แล้วมึงค่อยๆเดินหลบออกไปรอกูที่ประตูใหญ่ฝั่งคณะสังคมนะ แล้วกูจะหลบตามมึงออกไป” เหมือนลักลอบทำอะไรเลวๆเลยครับ แต่มันก็ตื่นเต้นดี มิน่าคนเลยชอบทำอะไรหลบๆซ่อนๆ
ผมไปกระซิบบอกไอ้เกี๊ยงก่อนว่าผมจะไม่ไปต่อ ถ้าผมหายไปเมื่อไหร่มันก็เสร็จงานได้ทันที แต่มันก็ยังไม่วายสงสัยอีก
“แล้วทำไมพี่ไม่ไป”
“แล้วทำไมเฮียก็ไม่ไปด้วย”
“แล้วพี่กับเฮียจะไปไหนกัน”
“แล้วเจ๊อ้อยล่ะ ไม่ไปกะพี่เหรอ” มันถามผมจนผมอยากเตะมัน “นี่ตกลงนอกจากมึงจะรับจ้างกูถ่ายรูป มึงยังมีของแถมเป็นคำพูดกวนๆ กับคำถามซอกแซกเรื่องชีวิตกูอีกใช่มั้ย แล้วมึงอย่าปากดีไปบอกใครล่ะ”
ได้ยินเสียงมันหัวเราะแหะๆ แล้วมันก็มาผลักไหล่ผม “พี่ฝันก็...อารมณ์เสียอีกแล้ว เฮียใหญ่หายทีไรอารมณ์เปลี่ยนทุกที”
ทนไม่ไหวต้องเตะไปมันไปสักทีจนได้ครับ แต่ก็ไม่โดนเพราะไอ้เกี๊ยงไวยังกับลิงวิ่งหนีไปได้ทัน
ใช้เวลาไม่นานผมก็แอบหนีกลุ่มเพื่อนๆออกมาได้ รีบจ้ำเดินมาที่ประตูอีกไม่พ้นช่วงตึกนี้จะถึงประตูอยู่แล้ว
“ฝันจะไปไหน.??” อ้อยวิ่งตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอามือมาดึงแขนผมไว้
“เราจะกลับแล้ว...ไม่ไปกินหรอก ถ้าใครถามอ้อยก็บอกว่าไม่รู้ว่าไปไหนนะ” อ้อยขมวดคิ้วทำหน้าเบ้ทันที ดูเหมือนจะอารมณ์เสียนิดหน่อยด้วย
“เราอยากให้ฝันไปด้วย...ฝันไม่ไปเราไม่รู้จะตอบคำถามคนอื่นว่าฝันไปไหนได้ยังไง เมื่อกี้คนก็ถามกันมากแล้ว เราตอบไม่ถูก”
“ก็ตอบไปว่าไม่รู้ซิ...ยากตรงไหน ในเมื่อไม่รู้ก็ตอบไปว่าไม่รู้”
“แต่ทุกคนคาดหวังว่าเราจะต้องรู้นี่” ผมชักงงทำไมเพื่อนจะต้องคาดหวังแบบนั้น แล้วถึงจะคาดหวังแบบนั้นแล้วถ้าไม่ใช่ ทำไมอ้อยต้องเดือดร้อนด้วย
“มันเป็นเรื่องเล็กมากเลยนะอ้อย..ถึงอ้อยไม่รู้ก็ไม่มีใครว่าหรอก ผมไม่อยู่คนนึงมันไม่ใช่ปัญหาเลยนะ”พูดๆไปสีหน้าอ้อยก็ไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าเสียงผมมันเริ่มดังขึ้นก็ไม่แน่ใจ
“อ้อยก็รู้ว่าพวกเพื่อนๆเรานัดมีทติ้งกันบ่อยจะตายไป”
“แล้วทำไมฝันต้องรีบไป คนอื่นเค้ายังถ่ายรูปกันไม่เสร็จเลย”ผมยกข้อมือดูเวลานี่ผมปล่อยให้ไอ้ใหญ่รอเกือบสิบห้านาทีแล้ว
แล้วผมก็ยืนคุยกับอ้อยนานเกินไปด้วยเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง ผมไม่เคยหงุดหงิดเพราะอ้อยแต่วันนี้ผมเริ่ม ‘รำคาญ’ทั้งที่ผมไม่อยากใช้คำๆนี้กับอ้อยเลย ผมค่อยๆพูดช้าๆชัดๆกับอ้อย อยากให้อ้อยเข้าใจเสียที
“คนอื่นถ่ายรูปยังไม่เสร็จ แต่สำหรับผม..ผมพอแล้ว ผมเหนื่อย..อยากพักผ่อน อยากกลับ ถ้าเพื่อนๆยังอยากสนุกต่อก็แล้วแต่เค้า ผมไปก่อนนะอ้อย ไว้เจอกันที่ทำงาน” ผมปลดมืออ้อยที่จับแขนผมอยู่แล้วผละจากอ้อยมาทันที ถึงแม้ผมจะเห็นว่าอ้อยเริ่มน้ำตาคลอแล้วก็ตาม ผมไม่ชอบให้เกิดเรื่องแบบนี้เลยเพราะเราไม่ได้กำลังทะเลาะกัน แต่ผมรู้สึกว่าเวลานี้อ้อยกำลังงอแงกับผมมากเกินไป เหมือนเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง
อ้อยตะโกนตามหลังผมมา “เพราะฝันจะไปหาใหญ่ใช่มั้ยล่ะ....ฝันบอกเราตรงๆก็ได้”
ผมหยุดเดินทันทีแล้วหันมาบอกอ้อย “ใช่...พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับแล้ว ผมอยากให้เวลากับเพื่อนผมให้มากที่สุด ผมไปนะอ้อย”
ผมไม่ได้หันไปดูอีกว่าอ้อยจะทำหน้ายังไง ทุกอย่างที่ผมพูดไปมันเป็นความจริงอย่างที่สุด ถ้าอ้อยจะโกรธผมเรื่องนี้ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ ผมคงไม่สามารถรับผิดชอบกับความต้องการของใครได้หมด..... นี่ผมคงเหมือนไอ้หนุ่ยเข้าไปทุกทีแล้ว
****************************
ลงเสร็จสบายใจ แล้วค่อยไปตามเรื่องตอนต่อไป
VV ขอบคุณ คุณnamtaanค่ะ สำหรับข้อผิดพลาดแก้แล้วนะคะ