[เมฆ-เก่ง]ตอนที่1
คุณเคยทำตัวไร้เหตุผลไหม?
ผมเป็นพวกยึดมั่นในอุดมการณ์และดำเนินชีวิตอย่างมีแบบแผน ทุกสิ่งที่ทำไปล้วนมีเหตุและผลมารองรับเสมอ ผมใช้ชีวิตแบบนั้นเรื่อยมา...แต่แล้ววันหนึ่งมันก็เกิดเรื่องที่ผมไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้กับตัวเองได้ เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นราวๆสิบกว่าปีก่อน…
“หวัดดี!มึงชื่อไรวะ กูเมฆยินดีที่ได้รู้จัก”ผมเหลือบสายตามองไอ้หน้าตี๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ รอยยิ้มสว่างเจิดจ้าและดวงตาเรียวคมที่หยีขึ้นจากการยิ้มทำให้อีกฝ่ายดูดีจนน่าหมั่นไส้
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีความคิดงี่เง่าแบบนี้
“เอ้า!ถามก็ไม่ตอบอีก”มันขมวกคิ้วใส่เมื่อเห็นว่าผมยังไม่ขยับปากตอบมัน ผมใช้นิ้วดันสันแว่นขึ้นนิดๆอย่างเคยชินก่อนจะตอบ
“มึงตาบอดมองไม่เห็นบนป้ายชื่อรึไง?”นี่เป็นอีกครั้งที่ผมไร้เหตุผลกวนตีนมันไปซะอย่างนั้น บนคอผมแขวนเชือกที่มีป้ายชื่อสำหรับปีหนึ่งแขวนอยู่ และมีคำโตๆว่า ‘เก่ง’
“มึงจะกวนตีนกูให้ได้เลยใช่มะ?ไอ้เก่ง สาสสสคนเค้าอุตส่าห์ชวนคุย เห็นไม่มีเพื่อนหรอก”คำพูดมันเหมือนเอาเรื่อง แต่ท่าทีที่มันแสดงออกคือไหวไหล่สบายๆ
“มึงก็ไม่มีเหมือนกันนั่นแหละ ทำมาเป็นพูด”
“กูเลือกคุยหรอกโว้ยยยย”
“อ่อ กูต้องดีใจใช่ไหม?”
“เออ!ไหนๆก็เป็นเพื่อนกันแล้วมีการบ้านอย่าลืมให้กูลอกด้วยละกัน”มันฉีกยิ้มอีกละ
“พ่อง ใครจะเป็นเพื่อนกับมึง!”ผมไม่ชอบให้เพื่อนลอกการบ้าน ใครถามผมจับมาสอนเดี๋ยวนั้น แต่ส่วนมากก็จะวิ่งหนีผมไปกันหมด
“พ่อกูอยู่บ้าน เลิกกิจกรรมแล้วจะไปหาด้วยกันไหมล่ะ”
“ไอ้เหี้ยเมฆ!กวนตีนกู”ผมเผลอยกมือตบหัวมันไปโดยไม่รู้ตัว ผมชะงักกึกไอ้เมฆก็นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนมันจะคลี่ยิ้มออกมา
“ตบหัวแสดงความสนิทกับกูแล้วอย่าลืมให้กูลอกการบ้านด้วยแล้วกัน” ผมถลึงตาใส่มันอย่างทำอะไรไม่ได้เพราะพี่สตาฟที่สอนร้องเพลงอยู่หน้าห้องหันมามองดุๆทางพวกผมหลายทีแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะการทำตัวไร้เหตุผลครั้งนี้ของผมรึเปล่า ที่ส่งผลต่อหัวใจผมมาจนถึงทุกวันนี้
+++++++++++++
“ใครได้หมายเลข15อ่ะ…ยู้ฮู มีใครได้หมายเลข15ไหมครัช” ผมก้มมองหมายเลขบนกระดาษที่อยู่ในมือตัวเองแล้วถอนหายใจเบาๆ
สาขาวิชาผมในแต่ละรุ่นมีอยู่ราวๆ40กว่าคน รุ่นพี่ที่อย่กให้รุ่นน้องได้มีความสามัคคีกลมเกลียวช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งเรื่องเรียนและกิจกรรมจึงได้มีการให้จับบัดดี้กันขึ้นโดยวิธีการจับฉลาก ทำให้ผมต้องนั่งจุมปุ้กอยู่ในห้องพักสาขานี่แหละครับ
ซึ่งผมจะไม่รู้สึกเหนื่อยใจขนาดนี้เล้ย ถ้าไอ้เลขในมือผมมันไม่ไปตรงกับ…
“เฮ้ย!มึงน่ะ ได้หมายเลขอะไรวะ” แรงสะกิดไหล่ไม่แรงนักทำให้ผมที่นั่งอยู่เหลือบสายตาขึ้นมองมัน
…ไอ้เชี่ยเมฆ
ผมใช้มือดันแว่นนิดๆก่อนจะเอ่ยตอบมันไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เลข15”
“แล้วตอนกูถามหา มึงไม่ตอบอ่ะ”มันกอดอกมองผมเหมือนเอาเรื่อง
“กูกำลังคิดอยู่”
“คิดว่า?”ไอ้เมฆขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“คิดว่าไม่น่าเป็นมึงเลย”
“โอ้ย!ช่างเจ็บปวดอะไรอย่างนี้…แต่กูดันดีใจสุดๆเลยว่ะที่เป็นมึง หึๆๆ”มันทำหน้ากุมหน้าอกเหมือนเจ็บ แต่หน้าตาดูสะใจจนผมอยากจะถีบให้สักที
“จิ๊!”ผมจิ๊ปากอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้นหรอกที่เป็นไอ้เมฆ แต่ผมหมั่นไส้มันไง ชอบทำเป็นเล่นอยู่เรื่อย
“เอาโทรศัพท์มึงมาดิ๊”มันนั่งลงข้างๆพร้อมแบมือมาตรงหน้าผม
“จะเอาไปทำเหี้ยไร?”
“ก็แลกเบอร์ไงไอ้นี่ มึงไม่เห็นคู่อื่นหรา”ผมเหลือบสายตามองรอบข้าง พบว่าคนอื่นที่เจอคู่บัดดี้ของตัวเองแล้วก็ยื่นโทรศัพท์แลกเบอร์กัน ผมถอนหายใจนิดๆอย่างยอมจำนนก่อนจะควักสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าวางบนมือมัน
“ปลดล็อคด้วยสิคร้าบ”เออ ผมก็ลืมไปเลย ผมกดรหัสสี่ตัวปลดล็อคแล้วส่งให้มัน ไอ้เมฆกดเบอร์ตัวเองอย่างคล่องแคล่วแล้วกดโทรออก เสียงสั่นดังขึ้นได้ยินใกล้ มันหยิบมือถือสีดำยี่ห้อเดียวกับที่ผมใช้แต่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่พึ่งเข้าไทยได้ไม่กี่วันออกมากดยุกยิกๆของมันไป
หน้าตาดีแล้วยังมีอันจะกิน…ครบสูตร
“กูเมมชื่อกูไว้ให้แล้วนะ”มันส่งมือถือคืนให้ ผมเลยเช็คดูว่ามันพิมพ์ว่าอะไร
‘พี่เมฆสุดหล่อ’
“พ่องดิ”ผมเผลออุทานเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว เพื่อนและรุ่นพี่บางคนที่อยู่ใกล้ๆก็หันมามอง แต่ไอ้เมฆก็ยังยิ้มนิดๆไม่ได้ถือสาที่ผมหยาบคายใส่มัน
“ไม่ใช่ซะหน่อย พ่อกูชื่ออาทิตย์เหอะ”มึงยังจะกวนตีนกูอีก ผมยกเท้าถีบหน้าแข้งมันไปทีก่อนจะลงมือเปลี่ยนชื่อมันอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็ยื่นให้มันดูอีกด้วย
‘ไอ้หมาเมฆ’
“หมาที่ไหนจะหล่อขนาดนี้”ผมเบ้ปากให้มันนิดๆ แม้จะสงสัยว่ามันเมมชื่อผมว่าอะไรแต่ก็ไม่ถามมันหรอก รู้เลยว่ามันต้องกวนตีนเพราะงั้นมึงจะเมมยังไงก็เรื่องของมึงเถอะ
และก่อนที่มันจะกวนตีนผมไปมากกว่านี้ พี่ปีสองก็เรียกรวมซะก่อน ได้ยินเสียงมันบ่นตามหลังแว่วๆว่าไอ้น้องโดดอีกแล้วอะไรสักอย่างของมัน
++++++++++++
หลังจากมหาลัยเปิดเรียนมาได้เดือนกว่าๆ ก็ทำให้ผมรู้ว่าไอ้เมฆมันมีเพื่อนสนิทจากโรงเรียนมาเรียนสาขาเดียวกันด้วย ซึ่งไอ้คนนั้นมีชื่อว่า ‘เหรันต์’ มันเป็นคนติสท์ๆนะตามความรู้สึกผม หน้าจืดๆสวมแว่น ผอมสูง ชอบใส่เสื้อผ้าหลวมกว่าหุ่นจริงหนึ่งไซส์ ดูเป็นคนเงียบๆและไม่ชอบสุงสิงหรือคุยกับใครมากนอกจากไอ้เมฆ ที่สำคัญมันแทบไม่เข้าดิจกรรมเลย…แต่มันก็มาเรียนตลอดล่ะนะ ยกเว้นเปิดเทอมวันแรกที่ไม่ได้เห็นหน้ามัน
ส่วนผมก็ไม่ได้จับกลุ่มกับใครเป็นพิเศษ ผมคุยได้กับทุกคนนะแต่มันก็ยังไม่ได้สนิทใจกับใครไงเลยไม่ได้ไปนั่งเรียนหรือไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งหลายๆคนก็เป็นเหมือนผม ยิ่งถ้าเราไม่รู้จักเข้าหาคนอื่นเลย ผมว่าตลอดชีวิตมหาลัยเราอาจจะไม่มีเพื่อนสนิทเลยก็ได้ ผมก็คิดเผื่อเอาไว้แล้วล่ะว่าสังคมมหาลัยมันก็น่าจะแนวๆนี้ รุ่นพี่ถึงได้ให้จับบัดดี้กันไง ซึงไอ้บัดดี้ผมก็โคตรจะอยากสนิทด้วยเลย(ประชด) ย้ำอีกครั้ง!ว่าผมไม่ใช่คนอัธยาศัยแย่นะ ผมคุยได้กับทุกคนแค่ไม่สนิทเท่านั้นเอง…
ในช่วงแรกๆที่เปิดเรียนมาปีหนึ่งอย่างผมก็พ้นต้องเข้าห้องซ้อมร้องเพลงประจำคณะและสถาบัน ส่วนเองโซตัสคณะผมไม่โหดมีบ้างนิดๆหน่อยๆให้รู้จักเคารพรุ่นพี่ แต่กิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลยในมหาลัยคือการประกวดดาว-เดือน
โดยเริ่มจากการที่แต่ละสาขาส่งดาว-เดือนออกไปชิงตำแหน่งดาว-เดือนคณะ การคัดเลือกดาว-เดือนสาขาก็ง่ายๆทั่วไป คือให้เพื่อนส่งรายชื่อคนที่เราคิดว่าสวย-หล่อที่สุดในสายตาเราออกไป หรือจะส่งตัวเองก็ได้นะ จากนั้นก็ให้ทุกคนโหวตเลือก ใครได้คะแนนเยอะสุดก็ได้รับตำแหน่งนั้นไป
ซึ่งคะแนนเสียงในการเลือกเดือนก็เป็นไปตามความคาดหมายของผม
ไอ้เมฆ…คะแนนขาดลอยจนน่าเกลียด ผมก็ยกมือเลือกมันนะ มันโดดเด่นที่สุดในพวกเรา สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้แก่สาขาได้…ไอ้เมฆทำหน้าอึดอัดเล็กน้อยเหมือนไม่อยากเป็นเท่าไหร่ แต่จะทำไงได้ ความหวังสาขาอยู่ที่มันนี่หว่า!
และสุดท้ายไอ้เมฆก็ได้เป็นเดือนคณะจนได้ แสดงความสามารถคือเดาะบอลโชว์กรรมการสามสิบครั้ง…แค่เนี้ย!แม่งก็ได้เป็นละ อย่างที่ผมบอกไปแหละมันทั้งสูงทั้งขาว หน้าตี๋กำลังอิเทรนท์ แค่หุ่นมันก็กินขาดทุกคนไปแล้ว
พอมันได้เป็นเดือนคณะ เวลาว่างของมันก็เริ่มไม่ว่างอีกต่อไป ไหนจะต้องไปฝึกประกวดชิงตำแหน่งเดือนมหาลัย ไหนจะต้องเข้าห้องเชียร์ เรียนก็ต้องมาเรียน ถามว่าทำไมผมถึงรู้ตารางชีวิตมันขนาดนี้น่ะหรอ…
กูไม่ได้อยากรู้หรือยุ่งด้วยเลยครับ…แต่มันเป็นบัดดี้ผมไง
แล้วถ้าวันไหนมันยังไม่มาเรียนหรือสายก็ต้องเป็นผมนี่แหละที่โทรตาม อย่างเช่นวันนี้ไง…
(อืมมม ใครวะ)เสียงงัวเงียรับโทรศัะท์หลังจากที่ผมโทรเป็นรอบที่สาม
“ไอ้เมฆ มึงตื่นเดี๋ยวนี้ กี่โมงกี่ยามแล้วรู้ไหม”
(หืม?ไอ้เก่งหรอ กี่โมงแล้วอ่ะ?)ได้ยินเสียงขยับตัวรอดเข้ามา
“จะเก้าโมงแล้ว รีบมาเดี๋ยวนี้!”
(ไม่ทันวิชาแรกแล้วมั้ง ฮ้าวววว)
“วันนี้เรียนทั้งวัน ยังไงมึงก็ต้องมา”ผมใส่อารมณ์หงุดหงิดนิดหน่อย
(เออๆเดี๋ยวไปน่า)
“ตื่นเดี๋ยวนี้ กูรู้มึงจะนอนต่อ”ผมพูดดักอย่างรู้ทัน หลายทีละไอ้นี่
(เออออสั่งจริง แล้วไอ้น้องไปเรียนป่ะ)ผมเหลือบตาไปมองชั้นบนๆ(ที่นั่งแบบสโลป)เห็นไอ้รันต์นั่งก้มหน้าเขียนอะไรก็ไม่รู้
“มันมาทุกวันไม่สายเหมือนมึงหรอก”
(จ้ะๆเดี๋ยวกูไป ฝากเช็คชื่อด้วยนะครับบบ)
“ไม่!มึงรีบมา!”แล้วผมก็กดวางสายมันทิ้งทันที ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ถ้ากระดาษเซ็นชื่อมาอยู่ตรงหน้าแล้วถ้าไอ้รันต์ลืมเซ็นให้มันก็เป็นผมนี่แหละที่เซ็นอยู่ดี(ไม่ดีอย่าเอาเป็นแบบอย่างนะครับ)
เฮ้อออออ ผมได้แต่ถอนหายใจกลับตัวเอง นี่มันไม่ใช่ตัวผมเลย แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกฝืนใจที่ต้องทำแบบนี้ซะงั้น มันแปลกเกินไป
ผมอธิบายเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้จริงๆ
+++++++[TBC]++++++
เอามาให้หายคิดถุง ลงสัปดาห์ละตอนนะจ้ะ จุ๊ฟๆ