โชคดีบิดขี้เกียจพร้อมส่งเสียงครางเบาๆ ก่อนจะนอนแผ่หราต่อไป หลับตาพริ้ม รู้สึกสบายอย่างไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขานอนมองทะเลมาได้กว่าสองชั่วโมงแล้ว บรรยากาศสงบเงีบบทำให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ บ้านพักของท่านรัฐมนตรีมหาดไทยหลังใหญ่พอประมาณ กวาดถูจนเหนื่อย แต่เขาก็มีเวลาเหลือเฟือ นั่งๆ นอนๆ จนถึงวันนี้ก็ครบวันที่ห้าแล้ว ในใจคิดเอาไว้ว่า เมื่อครบหนึ่งอาทิตย์เต็ม เขาถึงจะกลับไปลุย ‘ขบวนการแกล้งหลอกโชคดี’ ที่กรุงเทพฯ อยู่เฉยๆ ก็โผล่ไปให้ตกใจเหมือนเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ หลังจากนั้นค่อยสวมหน้ากากยมทูต จัดการกับคนต้นคิด
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง โชคดีรู้สึกเริ่มจะหิวข้าวจึงลุกขึ้นเดินเอื่อยๆ กลับไปที่บ้าน ตั้งใจว่าจะทำอาหารจานเดียวแล้วมานั่งทานริมทะเล ดูพระอาทิตย์ตกดินให้สบายใจ
แต่ทันทีที่เดินขึ้นไปบนบ้านก็รู้สึกแปลกๆ สัญชาตญาณระวังภัยบอกเขาว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้าน ทำเสียงกุกกักอยู่ในห้องนอน โชคดีจึงคว้ามีดจากห้องครัวแล้วค่อยเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้โอ๊คสีดำแดงบานใหญ่
...เสียงเงียบไปแล้ว คิดจะแอบหรือ เจอโชคดีหน่อยเป็นไร...
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู แล้วค่อยๆ ดันประตูเปิดช้าๆ โผล่หน้าเข้าไปทีละน้อย สอดส่ายสายตาหาผู้บุกรุก มือกระชับมีดในมือเตรียมพร้อม แต่ครั้นมองเห็นว่าใครอยู่บนเตียง ชายหนุ่มก็ผลักประตูเข้าไปแรงๆ พร้อมตวาดเสียงดัง
“คุณมาทำไม มาได้ยังไงเนี่ย”
ชยุตม์หันขวับ แสดงท่าทางตกใจชั่วไม่กี่วินาที แล้วปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบ ทำใจดีสู้เสือแล้วตอบคำถามที่ทำให้โชคดีฉุนกึกขึ้นมาทันที
“พ่อมาส่ง”
...ท่านรัฐมนตรีนะท่านรัฐมนตรี กล้าหักหลังเขา นี่เขาโดนหลอกอีกแล้วหรือ เจ็บใจนัก ทั้งพ่อทั้งลูก เจ็บใจนัก...
“ออกไป” โชคดีไล่
“ผมหรือ” ชยุตม์ตีหน้าซื่อ “นี่บ้านพ่อผมนะ”
“ผมมาก่อน ผมอยู่ก่อน คุณมาทีหลัง”
“อยู่ด้วยกันก็ได้นะโชคดี” ชยุตม์เสียงอ่อน มองโชคดีด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาระวังภัยเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของชายหนุ่ม
“ผมมาขอโทษ ขอโทษทุกอย่าง คุณจะด่าว่าผมยังไงก็ได้ แต่อย่าให้ถึงฆ่าแกงกันเลยนะครับ” ชยุตม์เล่นบทอ้อน เพราะรู้ว่ายังไงก็สู้โชคดีไม่ได้
“อยากต่อยให้ฟันหักนัก”
“ถ้าอยากทำแบบนั้น ผมก็ยอม” ชยุตม์ตีหน้าเศร้า จับทางโชคดีได้ว่า หากจะทำให้โชคดีอ่อนลง ต้องยอมผิดเอาไว้ก่อน ทำเป็นรู้สึกผิด ทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “ผมผิดที่โกหกคุณ ทำให้คุณเป็นห่วงจนต้องฝืนสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง”
“สัญญาอะไร” โชคดีตวัดเสียง
“ก็ที่เคยบอกว่าไม่เคยคิดจะเข้ามาเหยียบกรุงเทพฯ แม้แต่นิดเดียว แต่ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณต้องเข้ามา...”
“วางแผนกันดีนัก”
“ผมเปล่า...” ชยุตม์ปฏิเสธ
“งั้นใคร”
“เอ่อ...” ชยุตม์อ้ำอึ้ง
“ผมถามว่าใคร” โชคดีเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเอาเรื่อง
“วางมีดลงก่อนนะโชคดีนะ” ชยุตม์ขอร้อง มือขวาจับหมอนเอาไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ยกขึ้นป้องกันตัวได้ทัน
“กลัวผมจะตัดขาคุณหรือ” โชคดีตะคอก “อาการทรุดหนัก อาจเป็นอัมพาตหรือต้องตัดขา เรารึอุตส่าห์เป็นห่วง ตกใจที่จู่ๆ ก็มีข่าวออกไปอย่างนั้น เสียเงินให้หนังสือพิมพ์กันไปเท่าไหร่ละนี่ จ้างให้หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ลงข่างหน้าหนึ่งแบบนั้น คิดว่าจะทำให้ผมช็อคหรือยังไง รู้ไหมที่ขับรถเข้ากรุงเทพฯนี่ไม่ใช่เพราะข่าวนั้นนะ เพราะจะเข้ามาเอาเรื่อง ผมอ่านเกมออกตั้งแต่อยู่ที่น่านแล้ว”
“คุณไม่ได้เป็นห่วงใจผมจริงๆ ด้วย” ชยุตม์เสียงแผ่ว เริ่มแสดงบทน้อยเนื้อต่ำใจ “ไม่แม้แต่นิด”
...ใครบอก ชอบพูดเองเออเอง...
โชคดีพูดในใจ หันหน้าหนีไปถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นใบหน้าและแววตาเจ็บปวดของชยุตม์
“ถ้ายังงั้นผมกลับก่อนนะครับ” ชยุตม์ขยับตัวพยายามลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล
"ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากให้คุณมาเยี่ยมบ้าง ถึงไม่เจ็บปางตายพอจะทำให้คุณมาเยี่ยมได้ แต่ผมก็ยังหวังลึกๆ ตั้งแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลน่าน แต่รอแล้วรอเล่าคุณก็ไม่ไป เกลียดผมขนาดนั้นหรือยังไงนะ" ชยุตม์ทำเสียงขื่น พูดไปเดินโขยกเขยกไปช้าๆ "ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรก ตอนนี้ผมถอนตัวจากรีสอร์ทคุณอาแล้ว คุณจะได้ไปต่อต้านได้สะดวกกว่าเดิม แต่พอผมไม่ได้เป็นพวกของรีสอร์ททำลายธรรมชาติแล้ว ผมก็แอบหวังวาคุณจะดีกับผมบ้าง แต่ผมว่า ถึงยังไง คุณก็คงไม่อยากจะมองหน้าผมอีกแล้ว"
ชยุตม์หันมามองโชคดีแวบหนึ่ง แล้วพลันนึกอะไรได้บางอย่าง
...ขออีกสักครั้งเถอะ ไหนๆ ก็เล่นละครบทพระเอกแสนงอนแล้ว ขอเล่นบทเจ้าเล่ห์ต่ออีกหน่อย...
"โอ๊ย" ชยุตม์ร้องอย่างเจ็บปวดแล้วล้มตัวลงเมื่อพ้นประตู
...ลงทุนมากจริงๆ เรา โชคดีจะวิ่งมาประครองเขาหรือเปล่านี่...
ชยุตม์เหลือบตาไปมองโชคดีทีหันขวับมาเมื่อได้ยินเสียงเขาล้ม
...เปล่าเลย คนอะไรใจเข็งจริงๆ...
"ทำเป็นอวดเก่ง" โชคดีเดินกระแทกเท้าเข้ามาใกล้ ยืนเท้าเอวมองคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น แล้วคุกเข่าลงข้างๆ
...โธ่ อย่าให้ถึงกับต้องบีบน้ำตานะคุณหมูปิ้ง...
ชยุตม์รู้สึกเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหวเพราะเมื่อครู่ที่แกล้งล้มเกิดผิดคิว ขากระแทกกับพื้นแรงไปหน่อย
วิศวกรหนุ่มพยายามจะพลิกตัวนอนหงาย แต่ขาที่เข้าเฝือกหนักเอาการทั้งยังไม่ชิน จึงออกแรงมากเกินไป ลืมไปว่ามีโต๊ะเล็กๆ อยู่ข้างประตู เขาจึงพลิกไปโดนขาโต๊ะ ทำให้ต้องร้องโอดโอยออกมาจริงๆ
...คราวนี้ไม่ได้แกล้ง เจ็บมากถึงมากที่สุด...
"เอ๊า เอาเข้าไป" โชคดีถอนหายใจ มองคนที่นอนตัวงอด้วยความเจ็บจนน้ำตาเล็ด
"คุณอยู่เฉยๆ ได้ไหม" โชคดีดุชยุตม์แล้วสอดแขนเข้าไปใต้รักแร้ของคนที่นอนครวญครางบนพื้นเพื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง
"ตัวหนักจริงๆ"
"ค่อยๆ นะครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว" ชยุตม์โอบไหล่โชคดีเพื่อยึดไว้เป็นหลัก
"ทำอวดดี" คนที่ให้การช่วยเหลือบ่น
"โอ๊ยเจ็บ" คนเจ็บบ่น
"ก็ต้องเจ็บสิ เอาละนะ นับหนึ่งสองสาม ผมจะดึงขึ้นมา" โชคดีเตรียมตัวออกแรง
ชยุตม์โอบรัดโชคดีแน่นกว่าเดิม ถือโอกาสนี้ซุกหน้าเข้ากับซอกไหล่ของชายหนุ่ม ในใจนึกอยากจะจูบอีกฝ่ายขึ้นมาทันที แต่ก็ยังใจเอาไว้ได้ เพราะคิดแล้วว่าไม่น่าจะคุ้มที่หากจูบแล้วเสี่ยงต่อการถูกต่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขามีสภาพแบบที่เห็น
"คุณโชคดีครับ ผม..."
"อะไรอีกล่ะ หยุดพูดก่อนได้ไหม เอ๊า พร้อม หนึ่ง สอง..."
"เดี๋ยวๆ ผมยังไม่พร้อม" ชยุตม์บอก แล้วทำตัวอ่อนจะนอนราบบนพื้นอีกครั้ง
"ไม่ต้องเดี๋ยวแล้ว" โชคดีไม่ยอมปล่อย กลับบอกให้ชยุตม์แข็งใจ "กอดไว้แน่นๆ อย่าปล่อยมือนะ ผมนับถึงสาม คุณช่วยดันตัวส่งด้วย"
ชยุตม์กอดโชคดีแน่นอีกครั้ง คราวนี้เขาซุกหน้าเข้ากับซอกคอของชายหนุ่มแล้วแอบสูดดมเอากลิ่นกายของคนที่เขานอนคิดถึงมาอาทิตย์กว่าๆ
...เนื้อตัวของโชคดีอุ่นจริงๆ ขนาดมีเสื้อผ้าขวางกั้นยังอุ่นขนาดนี้ ถ้าได้ถอดเสื้อผ้า เนื้อแนบเนื้อจะอุ่นขนาดไหน...
"โชคดี ผมรักคุณ" ชยุตม์เผลอหลุดปาก ตอนนี้เขาใกล้ชิดโชคดีมาก สัมผัสอบอุ่นทำให้เขาทนไม่ได้
แต่ชยุตม์เลือกเวลาผิด เพราะทันทีที่บอกรักโชคดี ฝ่ายนั้นก็ปล่อยร่างของเขาให้หล่นลงพื้น ชยุตม์ไม่ทันระวัง แขนสองข้างที่โอบโชคดีเอาไว้จึงกระตุกโดยสัญชาตญาณ ดึงเอา 'คนใจร้าย' ล้มลงมาด้วย
"ปล่อยนะ" โชคดีเสียงเข้มทันที
ชยุตม์นัวเนียวชั่วไม่กี่วินาทีแล้วปล่อยแขนโดยง่ายเพราะกลัวจะโดนต่อย
"ทำอะไร"
"ผมเพิ่งบอกรักคุณ" ชยุตม์มองหน้าโชคดีนิ่ง
"มาพูดอะไรตอนนี้" โชคดีไม่ลุกหนี แต่หันหลังนั่งกอดเข่า ทำเสียงงึมงัมในลำคอเหมือนบ่นอะไรซักอย่าง
ชยุตม์นอนหงายอยู่บนพื้น ตามองแผ่นหลังของชายหนุ่มแล้วพูดขึ้นมาเสียงเบา
"จะต่อยผมให้เจ็บๆ ผมก็ยอมนะครับ ถ้าแลกกับการได้บอกรัก ผมยอมเจ็บ ผมยอมคุณทุกอย่าง"
...ยอมไปก่อน รอให้เขาหายก่อนเถอะ...
...รอให้เป็นของเขาก่อน...
ชยุตม์นิ่งเงียบ กลั้นใจรอฟังคำตอบของโชคดี
"แล้วนี่จะนอนยังไง มีห้องนอนอยู่ห้องเดียว บ้านออกหลังใหญ่ พ่อคุณนี่สร้างบ้านยังไงไม่รู้" โชคดีเฉไฉพูดเรื่องอื่น
...ม.ท. 1 ก็ ม.ท. 1 เถอะ เจออีกทีละน่าดู หลอกให้เขามาหลบชยุตม์ที่ระนอง แต่กลับพาลูกชายมาส่ง...
...ทำเหมือนส่งเข้าห้องหอยังไงยังงั้น...
"ผมก็นอนเตียงสิครับ เจ็บขาจะแย่ ผมต้องนอนที่นุ่มๆ" ชยุตม์ให้เหตุผล
"เจ็บขานะ ไม่ใช่เจ็บหลัง" โชคดีเสียงห้วน "หรืออยากจะหลักหัก จะได้นอนนานๆ"
"คุณรักผมไหมโชคดี" ชยุตม์ย้อมกลับมาเรื่องเดิม ตัดสินใจรุกประชิด ไหนๆ ก็บอกรักแล้ว เขาต้องบีบให้โชคดีรับรักเขาให้ได้
"จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา คุณก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมไม่ชอบเป็นตัวกลางเข้าแทรกระหว่างความสัมพันธ์ใคร คุณจักรเป็นคนดี คุณไม่ควรทำร้ายคนรักแบบนั้น"
"อดีต..." ชยุตม์พูดเสียงนุ่ม "แล้วแฟนคุณก็กลายเป็นอดีตไปแล้วเหมือนกัน"
โชคดีหันขวับมามองคนเจ็บที่นอนแผ่อยู่บนพื้น "ใคร ใครเป็นแฟนผม เอาอะไรมาพูด"
"ผู้กองปฐพีเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ตอนนี้คุณโสดแล้ว อย่าปฏิเสธผมเลย มารักกันเถอะนะ ผู้กองบอกว่าผมจะรักคุณก็รักได้เลย"
...หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้นะชยุตม์ ไม่รู้หรือไงว่ายิ้มแบบนี้กำลังจะทำให้เขาใจอ่อน...
โชคดีเม้มปาก นึกฉุนปฐพีขึ้นมาทันใด
...มีสิทธิ์อะไรมายกเขาให้ชยุตม์...
"เรารักกันไม่ได้หรอก" โชคดีพูดเสียงสะบัด "แม่ของเราสองคนมีความหลังกันแปลกๆ เกิดเราเป็น..."
"พี่ชายกับน้องชาย" ชยุตม์แทรกแล้วหัวเราะเสียงดังจนทำให้อีกฝ่ายหันมามองตาขวาง
"คุณนี่ช่างถนัดคิดเองเออเองจริงๆ เลย คิดมากอีกต่างหาก" ชยุตม์ตำหนิ นัยน์ตาพราวระยับ
"ก็ใครจะไม่คิดล่ะ"
"ผมถามคุณแม่แล้ว คุณแม่เล่าเรื่องในอดีตให้ผมฟังหมดแล้ว ถ้าไม่แน่ใจ ไปตรวจดีเอ็นเอกันก็ได้ พอรู้ผลให้คุณได้สบายใจแล้วค่อยตอบตกลงเป็นแฟนกันผม" ชยุตม์เสนอทางเลือก
"บ้า" โชคดีกระแทกเสียง "แล้วนี่ทำไมไม่เล่าให้ผมฟัง รู้แล้วทำไมเก็บงำเอาไว้"
"แล้วคุณให้โอกาสผมหรือ จ้องจะทำร้ายผมอยู่นั่น พูดอะไรคุณก็ทำท่าจะกัดผมเสียให้ได้" ชยุตม์พูดยิ้มๆ แล้วรีบขยับตัวโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นตาของโชคดีลุกวาบ
"หาว่าผมเป็นหมาหรือ"
"โธ่ เปล่านะครับ คุณนี่คิดมาจริงๆ เลยหมูปิ้ง" ชยุตม์หน้ามุ่ย ลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเล่น
"หยุดเรียก ห้ามเรียก อย่ามาเรียกชื่อเล่นผม ชื่อนี้สำหรับคน..."
"คนรักกัน ผมรักคุณ ผมจะเรียก จะต่อยผมก็เอาสิ ผมไม่มีทางสู้แล้วนี่ นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นแบบนี้แล้ว ต่อยได้เลย กระทืบซ้ำก็ยังได้"
"อย่าท้านะ"
"ถ้าผมท้า คุณจะทำจริงหรือเปล่าล่ะ โอ๊ย..." ชยุตม์ร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายชกเข้าที่หัวไหล่
"นี่แค่เบาะๆ โทษฐานที่หลอกลวงผม"
"หลอกเรื่องอะไร" ชยุตม์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"เรื่องเจ็บหนักไงล่ะ ออกข่าวมาได้ แล้วบอกให้ทุกคนปิดโทรศัพท์ ไม่ติดต่อ แล้วสมคบกับพ่อคุณหลอกผมมาที่นี่"
"เรื่องอื่นผมยอมรับผิด" ชยุตม์ทำหน้าจริงจัง มือขวาลูบต้นแขนซ้ายป้อยๆ เพราะความเจ็บ "แต่เรื่องพ่อผมหลอกคุณ ผมไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ พ่อทำไปโดยพลการ"
"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มายุ่งอะไรกับเรื่องภายในของ..."
"คนในครอบครัว" ชยุตม์แทรก "ไม่เห็นหรือครับ ขนาดพ่อผมยังยอมรับและเห็นด้วย เพราะฉะนั้นคุณอย่าใจแข็งต่อไปเลยนะ"
"เราไปกันไม่ได้หรอก เราอยู่กันคนละโลก" โชคดีทำหน้าเคร่งขรึม "คุณเป็นคนเมือง ผมเป็นคนท้องถิ่น จะให้ผมมาอยู่กรุงเทพฯ กับคุณนั้นไม่มีทาง คุณจะไปอยู่เมืองเล็ก รับจ้างสร้างโกดังกับห้องแถวก็คงเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน"
"พูดซะเสียหาย"
"วิถีชีวิตของเราต่างกัน แล้วเรื่องจะอยู่คนละที่แบบ long distance relationship นั้นฝันไปเถอะ คนเรามันต้องช่วยกันทำมาหากิน" โชคดีพูดเสียงเรียบ
"รู้ศัพท์สวยด้วยแฮะ" ชยุตม์ล้อ
"ผมไม่ใช่คนโง่นะ เห็นเป็นคนบ้านนอก ผมก็มีการศึกษา" โชคดีหันขวับมาทำตาดุ
"ผมรู้ ทำไมจะไม่รู้ ผมเข้าใจ คุณก็ต้องเข้าใจด้วยนะหมูปิ้ง"
"บอกแล้วว่าอย่า..."
ชยุตม์เอื้อมมือไปแตะแขนชายหนุ่มผู้ไม่ชอบชื่อเล่นของตัวเองแล้วรีบพูดขึ้นว่า "ผมตระหนักดีว่าความสัมพันธ์ของเรามันก็คงไม่ง่ายนักหรอก ที่จริงความสัมพันธ์แบบเราๆ ก็ไม่ง่าย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ด้วยกันหรืออยู่ห่างกัน อยู่ในเมืองใหญ่หรืออยู่ในเมืองเล็ก แต่ผมพร้อมจะปรับตัว พร้อมจะฝ่าฟัน คุณมั่นใจในตัวผมได้เลย ผมไม่ใช่คนเหลาะแหละ ผมเป็นคนอดทนและไม่ท้อถอยง่ายๆ"
"แต่คุณก็ยอมถอยเรื่องประตูน้ำรีสอร์ท" โชคดีเสียงอ่อนลง ชยุตม์ยิ้มมุมปากที่ชายหนุ่มยอมเข้าใจเขา แต่ประโยคต่อมาทำให้ต้องส่ายหน้า "แสดงว่าที่จริงคุณก็ไม่มุ่งมั่นจนสุดชีวิต"
"ผมยอมเพราะผมรักคุณไงครับ ไม่รักไม่ยอมหรอก" ชยุตม์เสียงนุ่ม ประกายตาที่มองโชคดีฉายแววอบอุ่บพร้อมส่งผ่านความในใจให้ชายหนุ่มได้รับรู้
"แต่เราต้องทำข้อตกลงกันหลายข้อนะ" โชคดีพูดเสียงเรียบ ใบหน้าคาดคั้น
"ได้ครับ แต่ต้องให้ผมเสนอแนะด้วย จะเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่แต่ฝ่ายเดียวไม่ได้" ชยุตม์พยักหน้า ต่อรอง ตอนนี้ในอกพองโตเพราะโชคดียอมรับเขาแล้ว แม้จะเป็นการยอมรับแบบกลายๆ และไม่เป็นทางการเขาก็พอใจ
...ยอมรับในแบบของโชคดี...
...เสียดาย น่าจะมีเทปบันทึกเสียงเอาไว้...
"ประเทศเราเป็นชาติประชาธิปไตย" ชยุตม์ย้ำเพื่อความมั่นใจว่าเขาจะต้องมีสิทธิ์มีเสียงด้วย
"ไม่มีอะไรในโลกนี้เที่ยงธรรมเสมอไปหรอกนายช่าง" โชคดีพึมพำเบาๆ ทำทีเหมือนคนยอมรับสัจธรรมชีวิต
...เอาซะแล้วไหมล่ะ แค่นี้ก็ฉายแววว่าแฟนคนนี้จะควบคุมให้อยู่ในโอวาทได้ยากลำบากซะแล้ว...
...แต่ก็เอาเถอะ ยังไงๆ เขาก็ต้องยอมให้โชคดีก่อนบ้าง พอเป็นของเขาแล้ว ค่อยตะล่อมและดัดนิสัยไปทีละน้อย...
...ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็น่าจะถึงเวลาจู๋จี๋กันได้แล้ว จะให้นอนแผ่อยู่บนพื้นไม้แบบนี้ ชักจะปวดหลัง...
"โอ๊ย เจ็บ โชคดีครับ ผมมีความรู้สึกว่าเหล็กที่ดามอยู่ในขาอาจจะหลุด ผมเจ็บมาก เหมือนมีมีดกำลังแซะเส้นเอ็นในขาผมยังไงยังงั้น" ชยุตม์คราง ทำหน้าบูดเบี้ยว
...ชยุตม์ก็เจ้าเล่ห์เป็นครับคุณโชคดี จะใจร้ายไม่ดูดำดูดีแฟนก็ให้รู้ไป...
"แล้วล้มลงมาทำไม ทำเป็นอวดเก่งจะเดินออกจากห้อง แล้วยังคิดว่าจะลงบันได้บ้านได้อีก คุณนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ ให้ตายสิ" โชคดีบ่นแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
...เฮ้อ ร้ายไม่มีใครเหมือน ขนาดนี้แล้วยังทำท่าเหมือนจะหักคอเขาซ้ำเติม...
"โอย โอ้ย โอ๊ย เจ็บ ช่วยผมด้วย" ชยุตม์ร้องดังกว่าเดิม หลับตาปี๋ แสดงอาการให้รู้ว่าเขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
"อดทนหน่อยสิ ไป๊ ขึ้นไปนอนบนเตียง" โชคดีตั้งท่าจะพยุงชยุตม์ "ตัวหนักจริงๆ เลย คุณลดอาหารบ้างนะ"
"ครับ" ชยุตม์รับคำแล้วแอบยิ้ม
"เอ้า กอดคอผมไว้ พอลุกขึ้นนั่งก็พักนิดนึง แล้วเปลี่ยนมากอดเอว ผมจะดึงตัวขึ้น แล้วอย่าปล่อยมือ" โชคดีสั่งเป็นขั้นตอน
...ได้กอดแล้ว ไม่ปล่อยง่ายๆ หรอก...
"คุณนั่นล่ะอย่าปล่อยผม เหมือนเมื่อกี้ไม่เอานะ" ชยุตม์เตือน
"ก็อย่าพูดอะไรไม่เข้าหูสิ"
"ตอนนั้นผมบอกรักคุณนะครับหมูปิ้ง" ชยุตม์อุทธรณ์เสียงอ่อน
"แล้วเลิกเรียกชื่อนี้ซะที ไม่งั้นจะหาว่าร้ายไม่ได้นะ" คนชื่อแปลกปรามเสียงเข้ม หน้าขึงขัง
"ครับๆ ไม่เรียกแล้วครับที่รัก" ชยุตม์รับคำหน้าขึงขังเช่นกัน
"เดี๋ยวเถอะๆ" โชคดีทำเสียงดุ ก่อนจะออกแรงดึงตัวชยุตม์ขึ้นนั่ง
วิศวกรหนุ่มเลิกพูดอะไรไม่เข้าหูผู้ที่ให้การช่วยเหลือเพราะกลัวว่าจะโดนปล่อยกับพื้นเสียดื้อๆ ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจว่าโชคดีคงจะทำเช่นนั้นจริงๆ โดยไม่รั้งรอแม้แต่นิด ชยุตม์จึงเอาแต่ร้องโอดโอยว่าเจ็บเพื่อทำตัวให้น่าสงสารและเรียกร้องความสนใจ
...รออีกหน่อย เขาจะแกล้งอาการทรุดหนัก คืนนี้ก็จะเพ้อ อ้อนให้โชคดีเข้ามานั่งเฝ้าข้างเตียงให้ได้...
...แต่จะให้ขึ้นมานอนปลอบบนเตียงคงเป็นไปได้ยาก อันนี้เขายังไม่กล้าคิด แม้จะน่าลองดูก็ตามเถอะ ตอนนี้ขอแค่นี้ก็พอใจแล้ว ยังไงๆ เขาก็จะเผด็จศึกโชคดีให้ได้ก่อนถอดเฝือก...
...อืม หรือไม่ก็อาจต้องเตรียมแผนสำรอง นั่นก็คือ ทำให้โชคดีบอกรักเขาให้ได้ก่อนถอดเฝือกอาจจะง่ายกว่า พอหายแล้วค่อยทำอย่างว่ากัน...
...งานนี้ท้าทายยิ่งกว่าสร้างตึกร้อยชั้นกลางเมืองใหญ่เสียอีก...
...ไม่นึกเลยว่าจะมารักคนร้ายๆ แต่ก็เพราะร้ายนี่ล่ะ เขาถึงรัก...
...ร้ายนัก รักซะเลย...
********The End********
ขอบคุณผู้อ่านทุกอ่านที่ติดตามอ่านและให้กำลังใจและกดคะแนนให้นะครับ ผู้เขียนมีความสุขที่ได้เข้ามาโพสและอ่านคอมเมนท์น่ารักๆ ทุกรี นะครับ
ผมตระหนักว่าคงมีบางคน "ค้าง" เติ่งแน่ๆ อันนี้ต้องฝึกทำอารมณ์และปล่อยวางเรื่องกามารมณ์หน่อยก็ดีนะครับ นิยาสเรื่องนี้มันเรท PG เด็กอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี จะให้พระเอกกับนายเอกจู๋จี๋กันก็เอาแต่พองาม อย่าให้ถึงกับเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเลย และอีกอย่าง ตอนจบก็ต้องทำให้เป็นเหตุเป็นผล เพราะที่เซฟเฮาส์ของท่านรัฐมนตรีฯ คงไม่มีถุงยางและ KY ติดบ้านไว้เป็นแน่แท้ และตอนที่พ่อเอาลูกชายมาส่งก็คงไม่ยัด Durex กับ เจลใส่กระเป๋ากางเกงลูกหรอกนะ
เพราะฉะนั้น มันเลยจบแบบไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อด้วยประการฉะนี้
อนึ่ง หากมีอารมณ์ ก็จะพิมพ์บทพิเศษครับ ตอนนี้คอมที่บ้านเดี๊ยง ลงวินโดว์มิได้ และผู้เขียนก็ตกงานเรียบร้อย แอบมาใช้คอมที่ทำงานเก่าก็ยังไงๆ อยู่นะ
เดี๋ยวมาโพสโปรแกรมหน้าครับ ขอไปพยายามปลอกมะม่วงก่อน เีสียเงินซื้อข้าวเหนียวมะม่วงมาหนึ่่งชุด แม่ค้าไม่ยอกมปลอกให้ เมียก็ไม่มี ต้องทำกับข้าวเอง ซักผ้ารีดผ้า กวดบ้านถูบ้าน กินข้าว ทำทุกอย่างเองหมดเลย น่าสงสาร